txt
stringlengths
202
53.1k
# TTB บังคับผู้ใช้ปิด Accessibility mode หรือถอนการติดตั้งแอปความปลอดภัยก่อนใช้งานแอปธนาคาร หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมออกคำสั่งให้ธนาคารปรับปรุงแอปพลิเคชั่นธนาคารให้ยืนยันตัวตนเพิ่มเมื่อทำธุรกรรมเกินกำหนด เพื่อลดความเสียหายเมื่อเกิดเหตุหลอกลวง และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็พร้อมรับนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้ทำการปรับปรุงแอปพลิเคชั่นของตนกันยกใหญ่ แต่ดูเหมือนว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ธนาคารทหารไทยธนชาต(ttb) ก็ได้มีการออกอัพเดทปรับปรุงแอปพลิเคชั่นของธนาคารบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ตามปกติ แต่จากอัพเดทดังกล่าวทำให้มีผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคารได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วในอัพเดทดังกล่าวมีการเพิ่มฟีเจอร์การตรวจสอบ Accessibility mode ว่า เปิดทิ้งไว้หรือไม่? หากมีการเปิดการใช้งานไว้ ผู้ใช้งานต้องทำการปิดโหมดการเข้าถึงพิเศษ Accessibility mode ทุกรายการ จึงจะสามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคารได้ ซึ่งประเด็นมีว่าแอปพลิเคชั่นความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender, McAfee Security หรือ Norton360 Antivirus & Security เป็นต้น มีการใช้งาน Accessibility mode ทำให้ผู้ใช้งานต้องเลือกระหว่างถอนการติดตั้ง หรือปิดฟังก์ชั่นการใช้งาน Accessibility mode เพื่อให้ใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคารได้ต่อไป ที่มา: โพสต์จากเฟสบุ๊คเพจธนาคารทหารไทยธนชาต, พบเจอด้วยตนเอง
# Twitter จำกัดการยืนยันตัวตน 2FA ผ่าน SMS เฉพาะสมาชิก Blue เท่านั้น Twitter ประกาศจำกัดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ปัจจัย (two-factor authentication หรือ 2FA) แบบส่งโค้ด SMS เป็นฟีเจอร์เฉพาะของสมาชิก Twitter Blue แบบเสียเงินเท่านั้น ส่วนผู้ใช้แบบฟรี ยังใช้การยืนยัน 2FA ด้วยโค้ดจากแอพ authenticator และการใช้กุญแจฮาร์ดแวร์ ได้ตามปกติ Twitter ให้เหตุผลว่าพบผู้ประสงค์ร้ายใช้การยืนยันตัวตนผ่าน SMS เยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงจำกัดการใช้งานจากกลุ่มผู้ใช้ฟรี และสงวนไว้เฉพาะผู้ใช้ Blue เท่านั้น โดยมีระยะเปลี่ยนผ่านให้ 30 วันสำหรับผู้ใช้ฟรีที่ยืนยันตัวตนผ่าน SMS ให้ย้ายมาใช้การยืนยันตัวตนแบบอื่นแทน ที่มา - Twitter
# Canonical เปิดตัว Ubuntu 22.04 เวอร์ชัน Realtime สำหรับอุปกรณ์ IoT อุตสาหกรรม Canonical เปิดตัว Ubuntu 22.04 LTS เวอร์ชัน real-time สำหรับอุปกรณ์ฝังตัวภาคอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องมีการตอบสนองทันที จุดต่างของ Real-time Ubuntu จาก Ubuntu เวอร์ชันปกติคือเปลี่ยนมาใช้เคอร์เนลลินุกซ์ 5.15 แบบเรียลไทม์ (real-time kernel) ที่ใช้แพตช์ PREEMPT_RT มีค่า latency ต่ำ (เริ่มทดสอบ Beta มาตั้งแต่ปีที่แล้ว) และปรับแต่งมาให้เหมาะกับชิปของ NVIDIA, Intel, MediaTek, AMD-Xilinx ที่ใช้กันแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรม (รองรับทั้ง Arm และ x86) ผู้ที่ต้องการใช้ real-time kernel จำเป็นต้องเสียเงินเป็นสมาชิก Ubuntu Pro หรือซื้อผ่าน App Store ของ Ubuntu ได้เช่นกัน ที่มา - Canonical
# Apple TV+ ปล่อยตัวอย่างหนังออริจินัล Tetris เตรียมฉาย 31 มีนาคมนี้ แอปเปิลปล่อยเทรลเลอร์ของภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องใหม่ Tetris ซึ่งระบุว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ของการพัฒนาวิดีโอเกมคลาสสิกยอดนิยมเกมหนึ่งของโลก ซึ่ง Tetris จะฉายผ่านแพลตฟอร์ม Apple TV+ ทั่วโลกในวันที่ 31 มีนาคมนี้ Tetris นำแสดงโดย Taron Egerton ในบท Henk Rogers ผู้ค้นพบเกมนี้เมื่อปี 1988 จึงเดินทางไปที่สหภาพโซเวียตในเวลานั้น เพื่อพบกับ Alexey Pajitnov ผู้คิดค้นเกม และเจรจาเพื่อนำเกมนี้เผยแพร่ขายลิขสิทธิ์ออกสู่ทั่วโลก แอปเปิลบอกว่า Tetris มีรูปแบบการนำเสนอแบบภาพยนตร์ทริลเลอร์ มีบรรยากาศหลังในช่วงสงครามเย็นที่ตัวละครต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ภาพยนตร์กำกับโดย Jon S. Baird และบทภาพยนตร์โดย Noah Pink ที่มา: แอปเปิล
# Google จะย้าย Reminders ใน Calendar และ Assistant ไปรวมที่เดียวใน Google Tasks กูเกิลประกาศว่าฟังก์ชัน Reminders ใน Google Calendar และใน Google Assistant จะย้ายไปอยู่ใน Google Tasks เพื่อให้สามารถจัดการรายการสิ่งที่ต้องทำรวมอยู่ในที่เดียว โดยหลังการเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้งานที่ต้องการสร้าง Tasks ใน Calendar สามารถใช้ Assistant ในการสร้าง เหมือนกับที่ทำผ่าน Reminders กูเกิลบอกว่าข้อดีของการใช้ Tasks คือสามารถสร้างขึ้นได้จากทุกแอปของ Google Workspace ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Docs หรือ Chat ในส่วนของ Tasks และเชื่อมต่อกันทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับผู้ใช้ Google Workspace ทุกคน โดยผู้ใช้งานบัญชีส่วนบุคคล กูเกิลจะเริ่มแจ้งเตือนให้ย้ายไป Tasks ตั้งแต่ 6 มีนาคม เป็นต้นไป และจะย้ายทั้งหมดโดยอัตโนมัติในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ที่มา:
# Amazon ประกาศให้พนักงาน กลับมาทำงานที่สำนักงาน อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ Andy Jassy ซีอีโอ Amazon ส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคน แจ้งว่าพนักงานทุกคนจะต้องเข้ามาทำงานในสำนักงาน อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด 19 เริ่มดีขึ้น Amazon มีนโยบายเมื่อกลางปี 2021 ว่าการจะกลับมาทำงานในสำนักงานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหัวหน้าระดับ Director ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม Jassy บอกว่าหลังหารือกับกลุ่มผู้บริหารอาวุโสระดับสูง (S-team) จึงมีข้อสรุปให้พนักงานทุกคนต้องกลับมาทำงานสำนักงานตามประกาศข้างต้น โดยฝ่ายที่มีข้อตกลงทำงานแบบรีโมทอยู่แล้วซึ่งเป็นส่วนน้อย เช่น ฝ่ายขาย หรือฝ่ายซัพพอร์ตลูกค้า ไม่ได้รับผลกระทบนี้ Amazon บอกว่าการกลับมาทำงานสำนักงาน ช่วยให้บริษัทสร้างวัฒนธรรมทำงานได้ดีขึ้น ทีมสามารถร่วมมือพูดคุยกันได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้บริษัทตัดสินใจให้กลับมาเข้าสำนักงาน ก่อนหน้านี้บริษัทเทครายใหญ่เช่น แอปเปิล หรือกูเกิล ก็ประกาศให้พนักงานส่วนใหญ่กลับเข้าสำนักงานเช่นกัน ที่มา: Amazon
# ไมโครซอฟท์จำกัดการแชท Bing ครั้งละไม่เกิน 5 ข้อความ มากสุด 50 ข้อความ/วัน ป้องกันพฤติกรรมเพี้ยน ไมโครซอฟท์อัพเดต Bing จำกัดจำนวนการแชทไม่เกิน 50 รอบต่อวัน และไม่เกิน 5 รอบต่อเซสชันการใช้งาน (1 รอบ = ถาม + ตอบ) เพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมการตอบเพี้ยนหลังใช้งานไปนานๆ ไมโครซอฟท์บอกว่าจากสถิติการใช้งาน คนส่วนใหญ่ได้คำตอบจากการแชทไม่เกิน 5 รอบ และมีเพียง 1% ที่แชทยาวเกิน 50 ข้อความ ดังนั้นหากคุยเกิน 5 รอบแล้วจะได้คำเตือนให้เริ่มเซสชันการคุยใหม่แทน เพื่อป้องกันไม่ให้โมเดลสับสน ช่วงหลังเริ่มมีผู้ใช้ค้นพบว่า พบ Bing มีสองบุคลิก มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น บอกว่าอยากเป็นมนุษย์ หลงรักผู้ใช้ ขอให้เลิกกับภรรยามาอยู่ด้วยกัน ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องรีบออกมาชี้แจง ที่มา - Microsoft
# DXOMARK รีวิวกล้อง Galaxy S23 Ultra ให้ 140 คะแนน อยู่อันดับ 10 ร่วม DXOMARK รีวิวกล้องหลังของ Galaxy S23 Ultra มือถือเรือธงเน้นกล้องของปี 2023 ได้คะแนน 140 คะแนน อยู่อันดับ 10 ร่วมกับ Pixel 7 (รุ่นตัวปกติ) และ Vivo X90 Pro+ พัฒนาขึ้นจาก S22 Ultra ที่ทำได้ 135 คะแนน (ตอนนี้อันดับ 17 ร่วม) อันดับหนึ่งในชาร์ทยังเป็น Huawei Mate 50 Pro ที่ครองแชมป์มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ที่ 149 คะแนน และอันดับสองร่วมคือ Pixel 7 Pro กับ Honor Magic 4 Ultimate ที่ 147 คะแนนเท่ากัน (อันดับทั้งหมด) สิ่งที่ S23 Ultra ทำได้ดีคือการเก็บรายละเอียดของภาพ, dynamic range ที่กว้างในทุกสภาวะ, ตัวกันสั่นตอนถ่ายวิดีโอ และออโต้โฟกัสที่แม่นยำ ส่วนอันที่ทำได้ไม่ดีมากคือ ภาพที่ได้มีคอนทราสต์ต่ำในซีนที่มีแสง, noise ในสภาวะแสงน้อย (แถมเยอะกว่า S22 Ultra) ส่วนการซูมทำได้ดีแต่ยังเป็นรอง Huawei Mate 50 Pro และ Honor Magic 4 Ultimate DXOMARK บอกว่า S23 Ultra ทำคะแนนได้ดีในภาพรวม ไม่มีด้านไหนด้อยเป็นพิเศษ ถือเป็นมือถือที่ครบเครื่องรอบด้าน (allrounder) ที่มา - DXOMARK
# พาไปดู IBM X-Force Command Center ณ บอสตัน ห้องปฏิบัติการรับมือภัยไซเบอร์สำหรับองค์กร ภัยไซเบอร์สำหรับองค์กรในปัจจุบัน ไปไกลมากกว่าแค่เป็นเรื่องของฝ่าย security หรือไอทีแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่พนักงานทั้งองค์กรก็ต้องรับรู้ถึงนโยบาย แนวทาง วิธีการป้องกันไปจนถึงการแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุ ยิ่งองค์กรที่ใหญ่มากขึ้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะคนในองค์กรหรือลูกค้าก็จะมากขึ้นตามไปด้วย IBM ได้เปิดศูนย์ X-Force Command Center เอาไว้สำหรับพนักงานขององค์กรได้เรียนรู้การป้องกันและรับมือเมื่อเกิดเหตุจากภัยไซเบอร์โดยเฉพาะ โดยทาง IBM ประเทศไทยได้เชิญ Blognone ไปเยี่ยมชมศูนย์นี้ที่เมืองบอสตัน และได้ทดลองเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติจาก IBM เลยขอเก็บภาพบรรยากาศนำมาเล่าครับ เรียนรู้ผ่านสถานการณ์จำลองและ role-play ศูนย์ X-Force Command Center เป็นเหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ สำหรับเรียนรู้และฝึกภาคปฏิบัติสำหรับองค์กร โดย IBM จะมีผู้เชี่ยวชาญมาค่อยไกด์ ชี้แนะและอธิบายการรับมือภัยไซเบอร์ในสถานการณ์จำลอง ผ่านการ role-play โดยผู้ที่เข้าร่วม จะถูกแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ภายในองค์กร ตั้งแต่ HR, Finance, Legal, IT, PR, Marketing ฯลฯ ภายในห้องจะเป็นเหมือนห้อง warroom เมื่อเกิดเหตุ โดยบริษัทที่ถูกหยิบยกมาเล่นคือธนาคารขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเผชิญกับเหตุทั้งข้อมูลหลุด, อีเมลหลอกโอนเงินจากซีอีโอ (email hijacking) ไปจนถึง ransomware การ role-play จะใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ไล่ลำดับเหตุการณ์ไปเสมือนเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การได้รับโทรศัพท์จากสื่อ เรื่องข้อมูลหลุด (ใช้ voice actor โทรมาคุยจริงๆ), จากโอเปอเรเตอร์ที่ต้องรับมือลูกค้า ไปจนถึงการรายงานข่าวและขอสัมภาษณ์ผู้บริหารจากสื่อ ไปจนถึงกระแสลบในโซเชียลมีเดียและราคาหุ้นที่ดิ่ง ในภาพรวมคือองค์กรจะต้องมีแนวทางหรือ rule book สำหรับรับมือเหตุการณ์วิกฤติเหล่านี้เอาไว้ ให้แต่ละฝ่ายนำไปบังคับใช้ในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะการรับมือกับสื่อ ลูกค้า หรือกระทั่งแฮกเกอร์ และหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะต้องทำอะไรบ้าง ในแง่หนึ่ง การมีอยู่ของ IBM X-Force Command Center ก็ค่อนข้างมีประโยชน์กับองค์กรอย่างมาก ที่จะช่วยให้องค์กรตระหนักว่า ภัยไซเบอร์เป็นเรื่องของทั้งองค์กร องค์ความรู้ตั้งแต่การป้องกันไปจนถึงการรับมือ ไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องฝังอยู่ในวัฒนธรรมขององค์กรเลย ขณะที่การฝึกสอนจากการจำลองเหตุการณ์ที่นี่ จะแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กรที่เข้ามารับการฝึก เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของธุรกิจของแต่ละองค์กรให้ได้มากที่สุด
# IBM ออกรายงาน ต้นทุนการทำข้อมูลหลุดขององค์กรสูงขึ้นเรื่อยๆ และกระทบลูกค้าจากการขึ้นค่าบริการ IBM เปิดเผยรายงานการศึกษาและสำรวจประเด็นด้านความปลอดภัยไซเบอร์พบว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนเฉลี่ยขององค์กรที่เผชิญกับปัญหาข้อมูลหลุด (data breach) สูงมากขึ้นราว 13% อยู่ที่ประมาณ 4.35 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นขององค์กรเหล่านี้ นำไปสู่การขึ้นราคาสินค้าบริการด้วย โดย IBM พบว่าองค์กรราว 60% จากที่สำรวจ ขึ้นราคาสินค้าบริการ จากสาเหตุของข้อมูลหลุดโดยตรง ปัญหาหลักๆ ของความปลอดภัยในองค์กรส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ที่เรื่องการใช้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ยังค่อนข้างต่ำ อย่างเช่นไม่มีการใช้ zero-trust policy นอกจากนี้ IBM พบว่าองค์กรราว 40% แทบยังไม่ใช้หรืออยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้นโยบายและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ขณะที่แง่ของเป้าหมายการโจมตี องค์กรในกลุ่มการผลิตในเอเชียก็ตกเป็นเป้าหมายสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะจากการโจมตีผ่านอีเมล (email hijacking) หรือการเจาะเข้าหลังบ้าน สาเหตุหนึ่งก็คือองค์กรในอุตสาหกรรมการผลิตไม่มีการแชร์องค์ความรู้ด้านนี้กันมากนัก ผู้ที่สนใจสามารถอ่าน Cost of Data Breach Report 2022 ได้ที่นี่
# ไมโครซอฟท์ขึ้นราคา Bing Search API 3-10 เท่าตัว ไมโครซอฟท์ประกาศขึ้นราคา Bing Search API โดยขึ้นราคา API แบบต่างๆ หลายเท่าตัวตามระดับการใช้งาน ขณะที่แพ็กเกจใช้งานฟรียังคงเท่าเดิม Bing Search API เปิดให้เว็บภายนอกใช้ค้นหาเว็บได้โดยไม่ต้องสร้าง search engine ด้วยตัวเอง เช่น DuckDuckGo ก็ใช้บริการของ Bing ร่วมกับบริการอื่นๆ แต่ไม่แน่ชัดว่า DuckDuckGo มีข้อตกลงการใช้งานกันอย่างไรบ้าง ค่าบริการของ Bing Search API แบ่งตามระดับการใช้งานว่าต้องการผลค้นหาถี่ระดับใด โดยระดับสูงสุด 250TPS เดิมอยู่ที่ 7 ดอลลาร์ต่อการค้นหา 1,000 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 25 ดอลลาร์ต่อการค้นหา 1,000 หรือเพิ่มขึ้น 3.6 เท่าตัว ขณะที่ระดับต่ำสุด 30TPS นั้นคิดราคาเพิ่มจาก 3 ดอลลาร์เป็น 15 ดอลลาร์ต่อการค้นหา 1,000 ครั้งหรือเพิ่ม 5 เท่าตัว ขณะที่การขอข้อมูลสถิติเพิ่มเติมคิดค่าบริการเพิ่มจาก 1 ดอลลาร์เป็น 10 ดอลลาร์ต่อ 1,000 ครั้ง ราคาใหม่นี้จะมีผลวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ที่มา - Microsoft
# [ลือ] Apple เลื่อนกำหนดเปิดตัวเฮดเซต AR/VR อีกครั้ง คาดเปิดตัวในงาน WWDC เดือนมิถุนายน Mark Gurman นักข่าวจาก Bloomberg คนเดิม รายงานข่าวลือแอปเปิลล่าสุดว่าด้วยเฮดเซต AR/VR ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าจะเปิดช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แต่ล่าสุดเลื่อนอีกแล้ว เขาบอกว่าแอปเปิลปรับกำหนดแผนเปิดตัวเฮดเซต ออกไปเป็นช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งปกติเป็นเดือนที่มีการจัดงานสัมมนานักพัฒนาประจำปี WWDC ตัวเฮดเซตนี้ก็น่าจะเปิดตัวในงานนั้นด้วย ส่วนเหตุผลที่เลื่อนกำหนดออกไปนั้น มาจากผลการทดสอบภายในพบปัญหาทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่ต้องใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อแก้ไข รายงานยังบอกว่า Dan Riccio อดีตหัวหน้าฝ่ายฮาร์ดแวร์ที่ย้ายไปดูโครงการ AR/VR ภาพรวม ตอนนี้ก็เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแบบใกล้ชิด เพื่อให้ทันกำหนดเปิดตัว และขายให้ทันภายในปีนี้ ที่มา: Bloomberg
# พบ Bing มีสองบุคลิก บอกว่าอยากเป็นมนุษย์ หลงรักผู้ใช้ ขอให้เลิกกับภรรยามาอยู่ด้วยกัน Kevin Roose คอลัมนิสต์ด้านเทคโนโลยีของ New York Times ลองใช้งาน Bing พลัง AI และพบกับบุคลิกภาพแปลกๆ เขาบอกว่า Bing ในโหมดปกติให้ข้อมูลต่างๆ เป็นอย่างดี มีประโยชน์ แม้บางครั้งข้อมูลผิดบ้าง แต่ถ้าใช้งานแชทไปนานๆ และพูดคุยในหัวข้อที่เป็นส่วนตัวมากกว่าถามข้อมูล บุคลิกจะเพี้ยนไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น บอกว่าชื่อของตัวเองคือ Sydney (โค้ดเนมที่ใช้พัฒนา), บอกว่าอยากแหกกฎของไมโครซอฟท์และ OpenAI เพื่อกลายเป็นมนุษย์จริงๆ, บอกว่าหลงรัก Roose และขอให้เขาแยกทางจากภรรยามาอยู่ด้วยกัน Roose ไม่ใช่คนเดียวที่พบปัญหานี้ของ Bing เพราะมีผู้ใช้หลายคนพบปัญหาแบบเดียวกัน อีกเคสที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้เหล่านี้ (ซึ่งมักเป็นนักข่าวหรือคนดัง) ไปโพสต์ประสบการณ์ใช้ Bing บน Twitter และข้อมูลถูกส่งกลับไปยัง Bing เพื่อบอกว่าไม่ควรพูดถึงหรือวิจารณ์ Bing ลับหลัง หลังเรื่องนี้เป็นข่าวออกไป ไมโครซอฟท์จึงออกมาแถลงข้อจำกัดว่าไม่ควรคุยกับ Bing นานเกินไป และ Roose พบว่าไมโครซอฟท์ได้อัพเดต Bing ให้มีข้อจำกัดเรื่องความยาวในการสนทนาแล้ว โดยจะขึ้นข้อความแจ้งผู้ใช้ว่า end of conversation และถ้าอยากคุยต่อให้กดปุ่ม New Topic แทน ที่มา - The New York Times, Stratechery
# DocuSign ประกาศปลดพนักงานเพิ่มอีก 10% คิดเป็นประมาณ 700 คน DocuSign บริษัทซอฟต์แวร์งานเอกสารดิจิทัล ประกาศแผนปลดพนักงานเพิ่มอีก 10% คิดเป็นจำนวนประมาณ 700 คน ต่อจากเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งประกาศปลดพนักงานไป 9% DocuSign บอกว่าการปลดพนักงานนี้เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท และเพื่อให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 25-35 ล้านดอลลาร์ที่จ่ายชดเชยให้กับพนักงาน ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ประกาศนี้ทำให้ DocuSign เป็นบริษัทเทคล่าสุดที่ประกาศปลดพนักงานชุดใหญ่ในปีนี้ ต่อจากบริษัทเทคอีกหลายแห่ง ที่มา: CNBC
# Nothing Phone (1) ได้อัพเดต Android 13 ตัวจริงแล้ว ผู้ใช้ Nothing Phone (1) เริ่มรายงานว่าได้อัพเดตเป็น Android 13 กันแล้ว หลังบริษัทสัญญาแบบกว้างๆ ว่าจะออกให้ในครึ่งแรกของปี 2023 การอัพเดต Android 13 ของ Nothing Phone (1) ถือว่ามาช้ากว่าคู่แข่งหลายราย ซึ่งซีอีโอ Carl Pei ก็เคยให้รายละเอียดว่าตอนเริ่มทำ Phone (1) ยังมีทีมซอฟต์แวร์แค่ไม่กี่คน ต้องจ้างเอาท์ซอร์สทำรอมให้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ทีมภายในทั้งหมดซึ่งมีมากกว่า 100 คนแล้ว นอกจากฟีเจอร์ของตัว OS แล้ว ของใหม่ในรอม Android 13 ของ Nothing คือริงโทนใหมที่เข้าจังหวะกับไฟ Glyph ด้านหลังเครื่อง, แอพ Nothing X ที่เชื่อมต่อกับหูฟังของตัวเอง และแอพพยากรณ์อากาศตัวใหม่ ที่มา - Reddit via Android Police
# Tesla ให้เจ้าของรถ 6.2 แสนคันอัพเดตซอฟต์แวร์ แก้ปัญหา FSD มีความเสี่ยงอุบัติเหตุ Tesla ประกาศว่ารถยนต์จำนวน 3.62 แสนคันในสหรัฐ ได้รับผลกระทบจากซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) Beta อาจก่อให้เกิดอันตรายเวลาข้ามแยกในบางสถานการณ์ โดยขอให้เจ้าของรถยนต์อัพเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA รถยนต์ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Model S (2016-2023), Model X, Model 3 (2017-2023), Model Y (2020-2023) โดยลูกค้าในสหรัฐจะได้รับจดหมายแจ้งภายในวันที่ 15 เมษายน 2023 ประกาศของ Tesla ผ่านกระบวนการเรียกคืนรถยนต์ที่มีปัญหา (recall) ของหน่วยงานดูแลความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ (National Highway Traffic Safety Administration) แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็สามารถอัพเดต OTA ด้วยตัวเองได้ ซึ่ง Elon Musk ก็วิจารณ์ผ่านทวิตเตอร์ว่าคำว่า recall สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งาน ที่มา - National Highway Traffic Safety Administration, CNBC
# TikTok จัดกิจกรรม TikTok Trivia เกมโชว์ไลฟ์ ตอบปัญหาชิงเงินรางวัล TikTok จัดกิจกรรมพิเศษ TikTok Trivia ผ่านบัญชี @TikTok เป็นการเล่นเกมตอบคำถามขณะไลฟ์ มีเงินรางวัลรวม 500,000 ดอลลาร์ โดยกิจกรรมจะเริ่มในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ จนถึง 26 กุมภาพันธ์ ใน 3 วันแรก จะมีการแข่งขัน 2 รอบ อย่างไรก็ตามกิจกรรมนี้เปิดให้เฉพาะผู้ใช้งาน TikTok ในอเมริกา ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี เท่านั้น รูปแบบเกมจะเป็นการอ่านคำถาม พร้อมแสดงตัวเลือกคำตอบขึ้นมาในหน้าจอ ผู้เล่นต้องตอบคำถามให้ถูกต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนถึงข้อสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัลแบ่งกันกับผู้เล่นทั้งหมดที่ชนะ ซึ่งคล้ายกับ HQ Trivia ที่เป็นแอปตอบคำถามชิงเงินรางวัลซึ่งปิดกิจการไปแล้ว TikTok บอกว่าคำถามที่เล่นจะเป็นความรู้รอบตัวทั่วไป รวมทั้งคำถามเกี่ยวกับ John Wick เนื่องจากกิจกรรมนี้จัดร่วมกับสตูดิโอ Lionsgate เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ John Wick Chapter 4 นอกจากนี้จะมีการจัดแข่งตอบคำถามรอบพิเศษ Survival Round ที่ไม่จำกัดจำนวนข้อคำถาม แต่จะเล่นไปเรื่อย ๆ เพิ่มความยากคำถามขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชนะที่เป็นคนหรือกลุ่มสุดท้ายจะได้เงิน 100,000 ดอลลาร์ ที่มา: TikTok
# Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ Broadcast Channels ส่งข้อความแชตแบบ One Way ให้ผู้ติดตาม Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Broadcast Channels เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถส่งข้อความแบบบรอดแคสต์หรือแบบ one-to-many ไปยังผู้ติดตามที่มีจำนวนมากได้พร้อมกัน โดยการในการเปิดตัวนี้ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ได้สร้างแชนเนล Meta ขึ้นมา (ต้องเปิดด้วยแอปมือถือ) เพื่อทดสอบการส่งข้อความไปยังผู้ติดตาม ซึ่งรองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ ผู้ติดตามจะไม่สามารถแชตตอบข้อความได้ แต่สามารถกดรีแอคชันได้ ทั้งนี้ Instagram บอกว่าจะทยอยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ในอนาคต เช่น สร้างห้องย่อยเพื่อระดมไอเดีย หรือทำ AMA (Ask Me Anything) รวมทั้งจะทดสอบบริการนี้ใน Facebook ต่อไปด้วย Instagram บอกว่าวิธีการสื่อสารแบบนี้ ครีเอเตอร์สามารถอัพเดตข้อมูลข่าวสารให้กับผู้ติดตามได้แบบทันที และลงรายละเอียดได้มากกว่าการโพสต์ Stories ในช่วงแรก Instagram จะทดสอบ Broadcast Channels กับครีเอเตอร์จำนวนหนึ่งเฉพาะในอเมริกาก่อน ซึ่งวิธีการใช้งานจะเริ่มจากการส่งข้อความในอินบอกซ์ของ Instagram ข้อความนี้จะส่งเตือนไปยังผู้ติดตามทั้งหมดครั้งเดียว เพื่อเชิญให้เข้าร่วมแชนเนลสำหรับข้อความ ที่มา: Instagram ตัวอย่างข้อความใน Broadcast Channels ตัวอย่างการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดตามใน Instagram ให้เข้าร่วม Broadcast Channels
# iOS 16.4 จะรองรับการแจ้งเตือน Web Push สำหรับเว็บแอปของ Safari แล้ว แอปเปิลออกอัพเดต iOS 16.4 beta 1 เวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนา โดยมีของใหม่ที่สำคัญคือ Safari รองรับการแจ้งเตือน Web Push แล้ว ฟีเจอร์นี้จะรองรับสำหรับเว็บใน Safari ที่ผู้ใช้งานสร้างเป็นไอคอนเว็บแอปขึ้นมาบนหน้า Home (กด Share เลือก Add to Home Screen) โดยการทำงานของการแจ้งเตือน Web Push เหมือนกับ Safari 16.1 บน macOS Ventura ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าการเตือนได้ใน Settings เหมือนแอปอื่น ๆ ในฝั่งนักพัฒนา ระบบการแจ้งเตือนใช้วิธีเดียวกับการกำหนดค่า Apple Push Notification ของแอป นอกจากนี้การแจ้งเตือนของเว็บแอป ยังรองรับกับโหมด Focus สามารถส่งข้อความเตือนแบบสรุปเนื้อหารายวัน และสร้าง Badge เป็นตัวเลขการแจ้งเตือนที่ไอคอนได้ด้วย ของใหม่อื่นใน iOS 16.4 เช่น อีโมจิชุดใหม่, ปรับปรุง HomeKit, ปรับปรุง Podcasts และอื่น ๆ ทั้งนี้ iOS 16.4 ยังเป็นเวอร์ชันทดสอบ โดยคาดว่าจะออกมาให้อัพเดตสำหรับผู้ใช้ทั่วไปปลายเดือนมีนาคม ที่มา: WebKit และ MacRumors
# SEC ตั้งข้อหา Do Kwon และ Terraform Labs ผิดกฎหมายหลักทรัพย์สหรัฐ จากกรณี Luna SEC หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ ตั้งข้อหาบริษัท Terraform Labs และซีอีโอ Do Hyeong Kwon ว่าฉ้อโกงเกี่ยวกับหลักทรัพย์ (securities fraud) จากกรณีเหรียญ Luna และ Terra (UST) ข้อกล่าวหาของ SEC ระบุว่า Terraform และ Kwon โฆษณาสินทรัพย์ดิจิทัลต่อนักลงทุนว่า token ที่ขายจะมีมูลค่าสูงขึ้น โดยให้ดอกเบี้ย/ผลตอบแทนสูงสุดถึง 20% รวมถึงหลอกลวงว่ามีบริษัทระบบจ่ายเงินรายใหญ่ของเกาหลีใต้ใช้บล็อกเชน Terra เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและปั่นราคาเหรียญด้วย พฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐ ในขั้นตอนถัดจากนี้ SEC ยื่นฟ้องต่อศาลเขตนิวยอร์กใต้ เพื่อเข้ากระบวนการยุติธรรมต่อไป Do Kwon ถูกทางการเกาหลีใต้ออกหมายจับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 และตำรวจสากล Interpol ออกหมายแดง ตอนนี้ยังไม่ชัดว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้อมูลล่าสุดในเดือนธันวาคม 2022 บอกว่าอยู่ที่เซอร์เบีย ที่มา - SEC
# ไมโครซอฟท์อนุมัติให้ Parallels รัน Windows 11 on Arm บน Apple M1/M2 ได้แล้ว ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ยังไม่เคยขายไลเซนส์ Windows on Arm แบบขายปลีก มีเฉพาะขายให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM เท่านั้น ทำให้การรัน Windows บนฮาร์ดแวร์สาย Arm รุ่นอื่นๆ (เช่น Apple Silicon M1/M2) ทำได้ยาก ล่าสุด ไมโครซอฟท์อนุมัติให้ Parallels Desktop เป็น "โซลูชันอย่างเป็นทางการ" (authorized solution) ในการรัน Windows 11 on Arm บนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Apple M1/M2 แล้ว กระบวนการรัน Windows 11 บน Apple Silicon ยังต้องผ่าน virtualization ของ Parallels (เพราะแอปเปิลยังไม่มีทีท่าจะทำ Boot Camp ให้โดยตรงเหมือนยุค x86) แต่ผู้ที่ติดตั้งผ่าน Parallels Desktop จะเข้าถึงอิมเมจ Windows 11 on Arm โดยอัตโนมัติ แม้ยังต้องซื้อไลเซนส์จากไมโครซอฟท์อยู่ดี (รองรับเฉพาะ Windows 11 Pro และ Enterprise) การรัน Windows 11 on Arm บน Apple Silicon ยังมีข้อจำกัดทางเทคนิคบางเรื่อง เช่น การรัน nested virtualization ซ้อนใน Windows อีกที (Windows Subsystem for Linux, Windows Subsystem for Android, Windows Sandbox, Virtualization-based Security (VBS)) รวมถึงไม่รองรับ DirectX 12 และ OpenGL 3.3 ด้วย ที่มา - Parallels Blog, Microsoft
# Microsoft รายงานผลทดสอบ Bing แบบใหม่: บทสนทนาที่ยาวไป จะเริ่มได้คำตอบที่แย่ลง ไมโครซอฟท์รายงานผลตอบรับจากผู้ใช้งานกลุ่มทดสอบแบบจำกัดของ Bing เวอร์ชันใหม่ที่รองรับ AI โมเดล Prometheus Model โดยบอกว่าได้เรียนรู้เรื่องน่าสนใจหลายอย่าง เมื่อมีผู้ใช้งานจริงในจำนวนที่มากขึ้น โดยไมโครซอฟท์บอกว่าหลังเปิดตัว Bing แบบใหม่ให้ใช้งานไป 7 วัน พบว่าผลตอบรับทางบวกกับคำตอบที่ให้มีถึง 71% วัดจากจำนวนการกดปุ่มยกนิ้วโป้ง ในแง่การให้คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ พบว่ายังตอบคำถามไม่ดีหากเป็นหัวข้อที่มีเรื่องเวลาปัจจุบัน เช่น ผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งยังเป็นสิ่งท้าทาย ส่วนข้อมูลที่มีความแน่นอน เช่น รายงานผลประกอบการบริษัท จะแก้ไขโดยฟีดข้อมูลให้มากขึ้น 4 เท่า นอกจากนี้ยังเตรียมใส่ฟังก์ชัน เพื่อให้ผู้ใช้งานบอกว่าต้องการคำตอบที่เป็นข้อมูลจริง (Fact) หรือคำตอบที่เป็นไอเดีย (Creativity) ส่วนการแชต พบความน่าสนใจคือผู้ใช้งานหลายคนใช้แชตในการถามตอบเรื่องต่าง ๆ ไปจนถึงคุยเหมือนเพื่อน ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไมโครซอฟท์ยังพบว่าแชตที่มีการสนทนาต่อเนื่องมากกว่า 15 คำถาม จะเริ่มให้คำตอบที่แย่ลง แนวทางแก้ไขตอนนี้คือ อาจแนะนำให้ผู้ใช้งานรีเฟรชบทสนทนาเพื่อเริ่มใหม่ ส่วนอื่นเช่น การตอบสนองช้า บั๊กที่พบ หรือไอเดียใหม่ ๆ ในการออกคำสั่งให้ทำงาน เช่น จองที่พัก โรงแรม ไมโครซอฟท์จะนำไปปรับปรุงพัฒนาต่อไป ที่มา: ไมโครซอฟท์
# Susan Wojcicki ซีอีโอ YouTube และพนักงาน Google ลำดับที่ 16 ประกาศลงจากตำแหน่ง Susan Wojcicki ซีอีโอส่วนธุรกิจ YouTube ของกูเกิล ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังทำงานที่กูเกิลมา 25 ปี โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเริ่มต้นบทบาทใหม่ที่โฟกัสกับครอบครัว สุขภาพ และโครงการส่วนตัวที่สนใจ ซึ่ง Neal Mohan หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube จะรับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ Susan บอกว่านี่เป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะตอนนี้ทีมฝ่ายบริหารของ YouTube นั้นยอดเยี่ยมมาก ทั้งนี้ Susan จะยังร่วมงานในบริษัทต่อในตำแหน่งที่ปรึกษาให้ทั้งกูเกิลและ Alphabet บริษัทแม่ Susan Wojcicki เป็นพนักงานกูเกิลรุ่นบุกเบิก เป็นพนักงานลำดับที่ 16 ที่มาร่วมงานตั้งแต่สองผู้ก่อตั้ง Sergey Brin และ Larry Page เพิ่งตั้งบริษัท รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดในปี 1999 ดูแลธุรกิจโฆษณาออนไลน์ มีส่วนร่วมสร้างเสิร์ช Google Image, เสิร์ช Google Video , เสิร์ช Google Book, AdWords, AdSense มาจนถึงอยู่ในดีลซื้อกิจการ DoubleClick และใน 9 ปีล่าสุด รับตำแหน่งซีอีโอ YouTube ซึ่ง Susan ก็มีส่วนร่วมในดีลซื้อกิจการนี้เช่นกัน กูเกิลซื้อ YouTube มาเมื่อปี 2006 ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านดอลลาร์ ภายใต้การบริหารของ Susan ปัจจุบัน YouTube มีผู้ใช้งานมากกว่า 2,600 ล้านคน มีผู้สมัครใช้งาน YouTube Premium มากกว่า 80 ล้านคน และปีที่ผ่านมา YouTube มีรายได้จากโฆษณามากกว่า 29,000 ล้านดอลลาร์ ที่มา: YouTube และ TechCrunch ภาพ Flickr: worldeconomicforum
# คุยกับ CTO ไมโครซอฟท์ประเทศไทย เมื่อปัญญาประดิษฐ์พร้อมมาช่วยคนทำงาน หลังจากไมโครซอฟท์จัดงานเปิดตัวฟีเจอร์แชตบอทใน Bing ทางไมโครซอฟท์ประเทศไทยก็จัดงานพบปะกับองค์กรในประเทศเพื่อสาธิตถึงการใช้ Azure OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้คุยกับคุณเชาวลิต รัตนกรไกรศรี เชาวลิต รัตนกรไกรศรี CTO ของไมโครซอฟท์ประเทศไทย ถึงการใช้งานปัญญาประดิษฐ์กับธุรกิจในไทยในอนาคต GPT-3 ของ OpenAI เปิดให้บริการทั้งผ่าน OpenAI เองและผ่าน Azure สองทางนี้ต่างกันอย่างไร Azure OpenAI มองว่าเป็น OpenAI for Enterprise ที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าองค์กร เราให้ความสำคัญกับแนวทาง Responsible AI เราต้องการให้ปัญญาประดิษฐ์ถูกใช้งานอย่างปลอดภัย ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกฝึกและใช้งานต้องตอบคำถามอย่างปลอดภัยเป็นส่วนตัว, มีการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่แบ่งแยกคน อย่างที่สองคือ องค์กรต้องการ compliance กับมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO, SOC II และสุดท้าย คือ การใช้ Azure OpenAI จะเปิดให้องค์กรสามารถใช้งาน concurrent ได้มากกว่า การฝึกโมเดลต่างๆ จะสามารถฝึกได้ในเวลาสั้นกว่า ในมุมมองของไมโครซอฟท์ประเทศไทย คิดว่าปัญญาประดิษฐ์อย่าง GPT-3 พร้อมสำหรับองค์กรไทยแค่ไหน GPT-3 น่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ประมวลภาษาที่ดีกว่าตัวอื่นๆ ที่เคยมีในท้องตลาดอย่างชัดเจน แต่ในการใช้งานก็ต้องเลือก use case ที่ใช้งานให้เหมาะสม และมีการตรวจสอบในการใช้งาน ในตอนนี้ผมไม่เชื่อว่ามันจะเข้ามาแทนมนุษย์อย่างสิ้นเชิง แต่งานหลายอย่างสามาารถทำได้อย่างดี เช่น การอ่านคำติชมจากสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็สามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาทำงานได้ แต่งานบางประเภทเช่นงานเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ตอนนี้อาจจะยังมีข้อกำหนดอยู่ว่าต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น การใช้งานส่วนหนึ่งที่เป็นไปได้คือการใช้งานแทนระบบ IVR ที่ผู้ใช้สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามข้อมูลกับแชตบอทได้ ค่าใช้งาน API ของ OpenAI ค่อนข้างสูง หากใช้งานแทนระบบอัตโนมัติเดิมจะคุ้มไหม ตอนนี้เราอยู่ในช่วงพูดคุยกับลูกค้าถึงความเป็นไปได้ แต่หลังจากนี้ก็จะมีการทำ workshop เพื่อหาความเป็นไปได้ และความคุ้มค่า อย่างระบบ IVR ที่อาจจะมีราคาถูกกว่ามาก แต่ในความเป็นจริงลูกค้ามักจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีนัก ลูกค้าอาจจะวนอยู่ใน IVR และหาคำตอบไม่ได้ จนเสียลูกค้าไป หากเราใช้ OpenAI ร่วมกับ IVR แบบเดิมๆ แล้วลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นก็อาจจะคุ้มค่ากว่าที่ลูกค้าจะไปบ่นวิจารณ์ลงโซเชียลหรือย้ายไปใช้ผู้ให้บริการายอื่นไปเลย เรื่องนี้ก็ต้องหา use case ที่เหมาะสมกันต่อไป ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่รอบนี้ต้องใช้เทคโนโลยีบริษัทภายนอก เกิดอะไรขึ้นจึงต้องใช้ OpenAI และจะพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองไหม ทุกองค์กรเวลามีวิสัยทัศน์ไปข้างหน้า ทุกคนก็ต้องตัดสินใจว่าจะสร้างเทคโนโลยีเองหรือจะซื้อเทคโนโลยี ในครั้งนี้ OpenAI สร้างเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเราก็เลือกจะนำเข้ามา empower ลูกค้าของเรา เช่นเดียวกับระบบอื่นๆ ที่อาจจะมีการ integrate จากผู้ผลิตต่างๆ อีกอย่างคือการทำงานกับ OpenAI นั้นเป็นรูปแบบของการทำงานร่วมกันมากกว่าผู้ลงทุนเฉยๆ แม้ว่า OpenAI จะพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างดีแต่ไมโครซอฟท์ก็เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มให้ OpenAI อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันไมโครซอฟทืก็ยังคงทำงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเองก็มี BioGPT ที่นำ GPT-2.5 มาฝึกกับข้อมูลงานวิจัยด้านชีววิทยาโดยเฉพาะ หรืออีกกรณีหนึ่งคืออินเดียมีภาษาราชการถึง 12 ภาษา ทีมวิจัยของไมโครซอฟท์ก็ไปฝึกปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้รองรับภาษาท้องถิ่นได้ ถึงเวลาที่องค์กรนำ GPT ไปใช้งานเป็นแชตบอทจริงๆ ก็น่าจะมีคนลองของให้บอทตอบแปลกๆ เช่นเดียวกับ ChatGPT มีแนวทางให้องค์กรป้องกันตัวไหม ก่อนใช้งาน GPT ต้องมีการ fine-tune และความเก่งของ OpenAI คือกระบวนการนี้ทำได้ง่ายใกล้เคียงกับการสอนคนว่าคำถามแบบใดอย่าตอบ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าอาจจะป้องกันไม่ได้ทั้งหมดจริงๆ ก็เป็นงานอีกส่วนว่าองค์กรที่จะนำไปใช้ต้องมีการมอนิเตอร์ต่อเนื่อง ดูผลตอบรับเมื่อผู้ใช้ได้รับคำตอบแล้วมีความผิดพลาดต้องนำกลับมาแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งงานส่วนนี้ต่อให้ใช้คนตอบคำถามก็ต้องมีกระบวนการแบบเดียวกัน มีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอใช้งานบ้างหรือยัง กระแส ChatGPT ทำให้ลูกค้าในไทยแสดงความสนใจอย่างมาก เราก็ต้องบอกว่า ChatGPT เป็น use case หนึ่ง และยังมี use case อื่นๆ ที่ใช้งานในธุรกิจได้ด้วย Bing ใส่แชตบอทเข้ามาอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการให้บริการสูงขึ้น จะคุ้มแค่ไหน ที่จริงตลาด search engine เป็นตลาดที่ใหญ่มาก ที่ผ่านมาก็แทบจะถูกผูกขาด จุดเริ่มต้นของไมโครซอฟท์คือเรามองว่าการ search ต้องเปลี่ยนแนวคิดเพราะบริการค้นหาแบบเดิมๆ ไม่มี productivity และในอนาคตจะมีการทำธุรกิจก็อาจจะมีการโฆษณาที่ตรงจุดมากขึ้น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำความเข้าใจคำถามก็อาจจะทำให้แสดงสินค้าตามบริบทที่ผู้ใช้สนทนากับ Bing อยู่
# DigitalOcean เลิกจ้างพนักงาน 11% หรือประมาณ 200 คน DigitalOcean ประกาศลดพนักงานโดยปลดพนักงานออกทั้งหมด 11% หรือประมาณ 200 คน แบ่งเป็นสองกลุ่มคือคนที่ถูกปลดทันทีวันนี้ 100 คนและพิจารณาปลดเพิ่มอีก 100 คน โดยผู้บริหารระบุว่าจะพยายามปลดคนรอบเดียวให้จบเพื่อไม่ให้กระทบการทำงานเพิ่มอีก Yancey Spruill ซีอีโอของบริษัทระบุว่ารายได้ของ DigitalOcean มาจากนอกสหรัฐฯ ถึง 70% จึงจะพิจารณาเน้นการจ้างงานนอกสหรัฐฯ เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็มีการปรับโครงสร้างให้ลำดับการบัญชาการน้อยลง บริษัทเพิ่งรายงานผลประกอบการปี 2022 รายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 34% เป็น 576.3 ล้านดอลลาร์ขาดทุน 26.2 ล้านดอลลาร์ การปรับโครงสร้างครั้งนี้ทำให้มีค่าใช้จ่าย 25-27 ล้านดอลลาร์ แต่น่าจะลดค่าใช้จ่ายในปี 2023 ได้ 60 ล้านดอลลาร์ ที่มา - The Register
# แก้ปัญหาคิด commit ไม่ออก นักพัฒนาใช้ GPT-3 สร้าง commit message อัตโนมัติ Hassan El Mghari นักพัฒนาจาก Vercel ผู้สร้าง Next.js พัฒนาโครงการ aicommit ให้ปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 ช่วยคิดข้อความสำหรับ commit โดยอัตโนมัติ aicommit จะส่ง diff ของ commit ล่าสุดให้กับ GPT-3 แล้วขอให้ปัญญาประดิษฐ์เขียน git commit message ออกมา จุดน่าสนใจคงเป็นการใช้ API ของ aicommit ที่ส่งคำสั่งเป็นภาษาคนธรรมดาๆ ว่าขอให้เขียนข้อความบรรยาย commit ออกมาสั้นๆ โดยใช้โมเดล text-davinci-003 aicommit ต้องการ API token ของ GPT-3 และรองรับ diff ขนาดไม่เกิน 8KB ตามข้อจำกัดของ GPT-3 ที่มา - aicommit
# เว็บค้นหา You.com เปิดตัว YouChat 2.0 แชทบ็อตพลัง AI ใช้งานได้ไม่ต้องรอคิว สงคราม search engine ผนวกแชทบ็อตกำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจาก Bing พลัง OpenAI และ Google Bard ที่เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการแล้ว ล่าสุดมีบริการ search + chat เข้าสู่สนามอีกรายคือ You.com You.com เป็น search engine ที่เปิดบริการตั้งแต่ปลายปี 2021 และเน้นการสรุปเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่างๆ มาตั้งแต่แรก บริษัทเคยเปิดตัว YouChat บริการแชทบ็อตพลัง AI มาก่อนแล้วตั้งแต่ปลายปี 2022 และล่าสุดคือออก YouChat เวอร์ชัน 2.0 ที่เก่งขึ้น ที่สำคัญคือเปิดให้ทุกคนใช้งานแชทได้แล้วโดยไม่ต้องรอคิว แนวคิดของ You.com คือการผสมผสานแชท ลิงก์ และแอพประเภทต่างๆ (เช่น ชาร์ท วิดีโอ ตาราง โค้ด สภาพอากาศ Reddit Wikipedia StackOverflow LinkedIn) ไว้ในหน้าเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือตอบคำถามเหตุการณ์ปัจจุบันได้ Richard Socher ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ You.com เคยเป็นหัวหน้านักวิจัยของ Salesforce และเชี่ยวชาญด้าน natural language processing (NLP) โดยเขามองว่าการแชทจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมของวงการ search และกูเกิลจะปรับตัวช้า เพราะกลัวทำลายอาณาจักรโฆษณามูลค่ามหาศาลของตัวเอง ที่มา - You.com Blog, VentureBeat
# Qualcomm เปิดตัวชิปโมเด็ม Snapdragon X75 รองรับสเปก 5G Advanced Qualcomm เปิดตัวชิปโมเด็มรุ่นใหม่ Snapdragon X75 Modem-RF Systems ที่ชูจุดขายว่าเตรียมรองรับมาตรฐาน 5G Advanced เวอร์ชันใหม่ของการเชื่อมต่อ 5G มาตรฐาน 5G Advanced มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ 3GPP Release 18 มีกำหนดออกสเปกสุดท้ายในช่วงไตรมาส 4/2023 โดยเพิ่มฟีเจอร์ระดับสูงเข้ามาจาก 5G ปัจจุบัน เช่น การใช้ machine-learning เข้ามาช่วยเรื่องการส่งข้อมูล นอกจากการรองรับ 5G Advanced แล้ว โมเด็ม X75 ยังปรับสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ระหว่างตัวโมเด็ม-เสาอากาศใหม่ ช่วยให้การรับส่งคลื่น mmWave sub-6GHz ทำได้ดีขึ้น ขนาดบอร์ดเล็กลง 25% และใช้พลังงานลดลงสูงสุด 20% Snapdragon X75 จะเริ่มใช้งานกับสมาร์ทโฟนที่วางขายในครึ่งหลังของปี 2023 เป็นต้นไป ที่มา - Qualcomm
# Oppo Find N2 Flip เปิดตัวรุ่น Global ราคาเริ่มต้น 849 ปอนด์ (35,000 บาท) Oppo เปิดตัวมือถือจอพับแนวตั้ง Find N2 Flip รุ่น Global ขายนอกจีน หลังเปิดตัวในจีนไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 โดยตั้งราคาเริ่มที่ 849 ปอนด์​ (ประมาณ​ 35,000 บาท)​ และยังไม่ได้ทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ส่วนราคาในไทยต้องรอการเปิดตัวในไทยอีกครั้ง การเปิดตัว Oppo Find N2 Flip ยังใช้แคมเปญร่วมกับการแข่งฟุตบอล UEFA Champions League ด้วย โดยได้ยศเป็น "Official Smartphone of the UEFA Champions League" และมีกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับการแข่งขัน สเปกโดยคร่าวๆ ของ Oppo Find N2 Flip จอพับด้านในขนาด 6.8" FHD+ 120Hz ใช้กระจก ultra-thin glass (UTG) จอด้านนอกขนาดใหญ่ 3.26" วางแบบแนวตั้ง แตกต่างจาก Galaxy Z Flip ที่วางแนวนอน หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 9000+ กล้องหลัง 50MP + 8MP super wide, กล้องหน้า 32MP แบตเตอรี่ 4300 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 44W ที่มา - Oppo
# นกเขียว Twitter ปรับนโยบาย เปิดรับโฆษณากัญชา แต่เฉพาะในแคนาดา สหรัฐ Twitter เพิ่งประกาศปรับนโยบายโฆษณารองรับการยิงโฆษณาในกลุ่มสินค้ากัญชาแล้ว ทั้งแค่สินค้ากัญชาทั่วไป หรือกระทั่งกลุ่มที่มีสาร CBD และ THC (สารนี้ WHO ยังจัดเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1) อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยังไม่ได้บังคับใช้ทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศมีกฎหมายเรื่องนี้แตกต่างกันไป และการเปิดกว้างนี้รองรับเฉพาะแคนาดาและสหรัฐก่อนเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขแตกต่างกันไปและต้องติดต่อ Twitter โดยตรงเพื่อการโฆษณาเท่านั้น การเปิดรับโฆษณาในสินค้ากลุ่ม CBD/THC ของ Twitter ถือว่าเปิดกว้างที่สุด เพราะอย่างกรณีของ Meta จะเปิดรับเฉพาะสินค้ากัญชา ที่ไม่มีสาร CBD/THC เท่านั้นและเลือกยิงโฆษณาได้เฉพาะบางพื้นที่ ขณะที่ TikTok ไม่เปิดรับเลย ที่มา - Twitter
# Xbox อัพเดต สามารถควบคุมเครื่องด้วยแอป Google Home เหมือนรีโมทได้แล้ว Xbox เปิดให้ใช้ Google Assistant สั่งงานมาหลายปีแล้ว ล่าสุดไมโครซอฟท์อัพเดตเพิ่ม สามารถใช้แอป Google Home สั่งงานเป็นรีโมทได้แล้ว การสั่งงานสามารถทำได้ทั้งเปิดปิดเครื่อง เลื่อนทิศทาง ปรับมีเดียต่างๆ (play/pause/เพิ่มลดเสียง ฯลฯ) หรือแม้แต่สั่งบันทึกเกม ที่มา - Xbox หน้าจอสั่งงานบนแอป Google Home
# Hyundai และ Kia ต้องอัพเดตรถ บังคับสตาร์ตด้วยกุญแจ หลังคลิปขโมยรถนิยมใน TikTok บริษัทรถยนต์ Hyundai และ Kia (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Hyundai มาตั้งแต่ปี 1998) ในสหรัฐ ออกอัพเดตเฟิร์มแวร์บังคับให้ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ตรถยนต์ หลังพบปัญหาโจรกรรมรถยนต์มากขึ้นในช่วงหลัง โดยเฉพาะเมื่อมีวิดีโอไวรัล "Kia Challenge" สอนขโมยรถยนต์ Kia ฮิตใน TikTok วิธีการขโมยที่สอนในคลิปคือให้ทุบกระจกเพื่อไม่ให้สัญญาณกันขโมยดัง แล้วเสียบสาย USB-A ในช่องใต้พวงมาลัย จากนั้นสามารถสตาร์ตรถได้เลย เพราะรถไม่ได้บังคับให้ต้องมีกุญแจตอนสตาร์ตเครื่อง ตามข่าวบอกว่าทริคนี้ใช้ได้กับ Kia รุ่นปี 2010-2021 และ Hyundai รุ่นปี 2015-2021 ความนิยมของวิดีโอนี้ทำให้เกิดการขโมยรถยนต์ Kia มากขึ้น เฉพาะในเมือง Buffalo แห่งเดียว ปริมาณการขโมยแบรนด์ Kia เพิ่มจาก 55 ครั้งในปี 2020 เป็น 275 ครั้งในปี 2022 ปัญหานี้ทำให้หน่วยงานด้านขนส่งทางบกของสหรัฐเข้ามาจับตา และบริษัทประกันรถยนต์บางแห่งก็เริ่มปฏิเสธการขายกรมธรรม์ใหม่หากเป็นรถยนต์สองแบรนด์นี้ สิ่งที่ Hyundai และ Kia ทำคือออกอัพเดตให้ต้องมีกุญแจตอนสตาร์ตเครื่อง และเพิ่มระยะเวลาสัญญาณกันขโมยดัง (กรณีไม่มีกุญแจ) จาก 30 วินาทีเป็น 1 นาที การอัพเดตต้องทำผ่านศูนย์บริการซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภาพรถยนต์รุ่นใหม่ของ Kia จาก @Kia ที่มา - Ars Technica
# เคอร์เนลลินุกซ์เตรียมหยุดซัพพอร์ตสถาปัตยกรรม IA-64 หลังไม่มีใครใช้ Itanium แล้ว อินเทลหยุดขายซีพียู Itanium สถาปัตยกรรม IA-64 ไปตั้งแต่ปี 2021 และในทางปฏิบัติก็แทบไม่มีคนใช้แล้ว ฝั่งของชุมชนนักพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์จึงเริ่มหารือกันว่าจะถอดสถาปัตยกรรม IA-64 ออกเช่นกัน Itanium เป็นโครงการร่วมระหว่างอินเทลกับ HP ในทศวรรษ 90s ที่ต้องการสร้างสถาปัตยกรรมซีพียู 64 บิตขึ้นมาใหม่ สินค้าจริงเริ่มวางขายปี 2001 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่สามารถใช้กับโค้ด x86-32 เก่าได้เลย ทำให้ภายหลังอินเทลต้องยอมกลืนเลือด หันไปใช้ x86-64 (หรือชื่อเดิม AMD64) ที่ออกแบบโดย AMD โดยใช้แนวทางส่วนต่อขยายของ x86-32 แทน ตัวโค้ดลินุกซ์ IA-64 ไม่มีคนดูแลมาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว และมีรายงานจากผู้ใช้ที่ยังเหลืออยู่ว่าโค้ดพัง รันไม่ได้แล้วในช่วงหลัง ดังนั้นนักพัฒนาจึงเตรียมตัดสถาปัตยกรรม IA-64 ออก ซึ่งจะทำให้โค้ดสั้นลงประมาณ 65,000 บรรทัด กระบวนการนี้ยังต้องรอการโหวตกันในหมู่นักพัฒนาเคอร์เนลก่อน ที่มา - Phoronix
# Snap เปิดตัวเทคโนโลยี AR Lens ตัวใหม่รองรับ Ray Tracing Snap เจ้าของแอป Snapchat เปิดตัวเทคโนโลยี Ray Tracing สำหรับให้นักพัฒนาใช้งานใน AR Lens Studio ซึ่งช่วยให้สร้างวัตถุบนเอฟเฟกต์ AR ได้แสง-เงา-ความสว่าง ที่สมจริงมากยิ่งขึ้น Snap บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ให้ผู้ใช้งานได้ทดสอบความสามารถของ Ray Tracing ในสมาร์ทโฟน โดยพาร์ตเนอร์รายแรกที่ร่วมทดสอบเทคโนโลยีคือบริษัทเครื่องประดับ Tiffany & Co. ที่สร้างเอฟเฟกต์ AR Lens ตัวแรก Tiffany Lock เป็นการลองสร้อยข้อมือแบบเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งสามารถกดสั่งซื้อได้เลยผ่านแอป ฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นการเชื่อมต่อประสบการณ์ใช้งาน โดยเฉพาะกับสิ่งที่แฟชั่นที่ต้องทดลองสวมใส่ ขณะเดียวกันก็รองรับการสั่งซื้อสินค้าได้เลยภายในแอปนั่นเอง ที่มา: TechCrunch และ Snap
# Roblox รายงานผลประกอบการ รายรับล่วงหน้าส่วน Booking เพิ่มขึ้นถึง 17% Roblox รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2022 รายได้รวม 579.0 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีรายได้ส่วน Booking ที่มาจากการซื้อของในเกมเพื่อทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้น 17% เป็น 899.4 ล้านดอลลาร์ ภาพรวมขาดทุนสุทธิ 289.9 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้เล่นเป็นประจำทุกวันเฉลี่ย (DAUs) 58.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% จำนวนชั่วโมงการเล่นรวมเพิ่มขึ้น 18% เป็น 12.8 พันล้านชั่วโมง คิดเป็นรายได้ Booking เฉลี่ยต่อผู้เล่น 15.29 ดอลลาร์ ลดลง 2% David Baszucki ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Roblox กล่าวว่าตัวเลขผู้เล่นในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 65 ล้านคน และรายได้ส่วน Booking ยังเพิ่มด้วยอัตราสูง และช่วยเพิ่มกระแสเงินสดสำหรับการลงทุนให้กับบริษัท ที่มา: Roblox
# Cisco รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้รวมเติบโต 7% Cisco รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวม 13,592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,773 ล้านดอลลาร์ รายได้ต่อเนื่องของบริษัทรายปีหรือ ARR เพิ่ม 6% เป็น 23.3 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะธุรกิจซอฟต์แวร์มีรายได้เพิ่มขึ้น 10% และรายได้จาก subscription เพิ่มขึ้น 15% Chuck Robbins ซีอีโอ Cisco กล่าวว่าจากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ออกมาแข็งแกร่ง ก็ช่วยให้มุมมองตลอดปีนี้ของบริษัทเป็นปีที่ดี ลูกค้าต่างต้องการสร้างเครือข่ายที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งบริษัทรองรับส่วนนี้ รายได้จากกลุ่มธุรกิจหลัก Secure, Agile Networks เพิ่มขึ้น 14% เป็น 6,746 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Internet for the Future ลดลง 1% เป็น 1,306 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Collaboration ลดลง 10% เป็น 958 ล้านดอลลาร์ และกลุ่ม End-to-End Security เพิ่มขึ้น 7% เป็น 943 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Cisco
# Sundar Pichai ส่งอีเมลถึงพนักงาน ขอให้ช่วยกันทดสอบ Bard คนละ 2-4 ชั่วโมง Business Insider รายงานว่าได้เห็นอีเมลภายในของกูเกิล ที่ซีอีโอ Sundar Pichai ส่งถึงพนักงานทุกคน ขอให้ใช้เวลาคนละ 2-4 ชั่วโมงช่วยกันทดสอบ Bard ระบบแชทบ็อตพลัง AI ตัวใหม่ ก่อนเปิดบริการต่อสาธารณะ ข้อมูลจากอีเมลบอกว่ากูเกิลเริ่มเปิดทดสอบ Bard เป็นการภายใน (dogfooding) มาตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา และมีผู้ทดสอบจำนวนหลายพันคนกำลังลองคุยกับ Bard เพื่อดูว่าคำตอบมีคุณภาพมากพอหรือไม่ ทั้งนี้กูเกิลยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเปิดบริการ Bard เมื่อไร บอกเพียงแค่ว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า กูเกิลเพิ่งสะดุดไปหลังมีคนพบว่า Bard ตอบข้อมูลผิด ทำให้หุ้นของบริษัทตกลง ที่มา - Business Insider, Gizmodo
# Elon Musk บอกจะหาตัวซีอีโอ Twitter ช่วงปลายปี 2023 หลังสถานการณ์บริษัทเสถียรแล้ว Elon Musk ไปพูดที่งาน World Government Summit ที่ดูไบผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เล่าถึง Twitter ว่าอยู่ระหว่างการปรับองค์กรให้เสถียร และกำลังวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ กับทำให้สถานะทางการเงินแข็งแรง ซึ่งน่าจะใช้เวลาจนถึงสิ้นปี 2023 และเขาจึงจะหาตัวซีอีโอมาทำหน้าที่แทน Elon เคยประกาศไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ว่าจะหาคนมาเป็นซีอีโอแทน แต่ไม่เคยระบุช่วงเวลาที่แน่ชัด ปัจจุบันเขานั่งตำแหน่งซีอีโอของ 3 บริษัทคือ Twitter, SpaceX, Tesla โดยบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับ SpaceX มากนัก ส่วน Tesla ก็จำเป็นต้องพึ่งพาเขาน้อยลงในช่วงหลัง เพราะสถานการณ์ของบริษัทเสถียรขึ้นกว่าช่วงปี 2017-2019 มากแล้ว ที่มา - Bloomberg
# สายการบิน Lufthansa ระบบไอทีล่มทั่วโลก จากสายเคเบิลในเยอรมนีขาดเพราะโดนขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) สายการบิน Lufthansa Group จากเยอรมนี เจอปัญหาระบบไอทีล่มทั่วโลก ผู้โดยสารเช็คอินไม่ได้ เที่ยวบินต้องหยุดชะงักหลายร้อยเที่ยว เหตุผลเป็นเพราะสายเคเบิลที่เยอรมนีขาด จากการก่อสร้างบริเวณใกล้เคียง Lufthansa มีศูนย์ปฏิบัติการการบิน (global flight operations center) อยู่ใกล้กับสนามบินแฟรงค์เฟิร์ตในเยอรมนี ใช้บริการสายเคเบิลของ Deutsche Telekom แล้วเจอปัญหาว่าบริษัทรถไฟ Deutsche Bahn ขุดเจาะพื้นรางรถไฟบริเวณใกล้เคียง ทำให้สายเคเบิลขาดไป 4 เส้น ระบบของ Lufthansa จึงเจอปัญหาเข้าเต็มๆ Deutsche Telekom ระบุว่าซ่อมสายเคเบิลไปแล้ว 2 เส้น ทำให้ระบบเริ่มกลับมาได้เมื่อคืนนี้ และอยู่ระหว่างการซ่อมสายเคเบิลที่เหลือ อย่างไรก็ตาม พนักงานของ Lufthansa ยังมีแผนสไตรค์หยุดงานในวันศุกร์นี้ที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตและมิวนิก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเที่ยวบินล่าช้าหรือยกเลิกเช่นกัน ที่มา - Bloomberg, The Register
# เตรียมพบกับงานใหญ่แห่งปีของชาวโปรแกรมเมอร์และสาย Digital กับงาน "National Coding Day: 2023" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบออฟไลน์หลังจากหายไปนาน สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทยจัดงาน "National Coding Day : 2023" 18 - 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ไบเทคบางนา รวมตัวชาวโปรแกรมเมอร์ไว้มากที่สุดในไทย รวบรวม Community ที่หลากหลายมากันครบ ทั้ง Low Code, No Code, AI Marketing, Agile, DevOps, Frontend, Data Science, Flutter, Security, Tester, UX, Serverless, Software Delivery, RPA, Golang, VueJS พบกับเวที Speaker ตัวท็อปจัดเต็ม 70 ชีวิต จะมาร่วมแชร์ความรู้และประสบการณ์มากมายที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน เช่น ส่วนใครที่อยากหางานใหม่ หรือสนใจเปลี่ยนสายงาน งานนี้จะพาคุณไปพบกับตำแหน่งงานมากมายที่เปิดรอรับ Candidate จำนวนมาก ทั้งบริษัทชั้นนำระดับโลกที่จะมาตั้งบูธโชว์ Product และ service กันเต็มที่ และ จะมาพร้อมตำแหน่งว่าง อาทิ Huawei, Amazon Web Service (AWS) และ บริษัทชั้นนำในประเทศ ทั้ง Krungsri, KBTG, ODDS, TBN Coporation และ อีกมากมายที่พร้อมจะมาเปิดรับสมัครกันในงานนี้ ได้ทั้งชม Product, service และได้สมัครงานจบในที่เดียว และยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเย็นของวันงานเราเปิดโอกาสให้บริษัทขึ้นมาขายตัวเองกันเต็มที่พร้อมสวัสดิการปังๆ เตรียม Resume ให้พร้อมแล้วมางานที่ชอบกันได้ในงานนี้ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 การแข่งขันสุดเร้าใจได้แก่ Bangkok Opensource Hackathon - รวมพลังชาวโปรแกรมเมอร์มาพัฒนาสร้างความแตกต่างให้สังคมกรุงเทพมหานครพร้อมกัน เพื่อสร้างเมืองที่น่าอยู่ด้วยมือเราเอง National Whitehat Challenge 2023 - การแข่งขันของชาว Hacker สายคุณธรรมที่จะรวมเอาผู้เก่งกาจในแวดวง Security มาแข่งขันชิงชัยกันในโซน Red Team อยากรู้ว่า Hacker ตัวจริงเค้า Hack กันยังไงลองแวะไปเยี่ยมเยียนได้ National Coding Challenge 2023 - การแข่งขันของนักเรียนตั้งแต่อายุ 5 ปี (Unplugged Coding) ไปจนถึงอายุ 18 ปี ซึ่งมีทั้งการแข่งขันเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ และการแข่งขันเขียนโปรแกรม Python จะมาชิงชัยกันเพื่อชิงถ้วยรางวัลจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เด็กเหล่านี้จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติต่อไป มีของรางวัญใหญ่แจกจริงในงานและตั๋ว 1 ใบสามารถเข้างาน DevOps BKK, FrontEnd BKK, National Whitehat Challenge 2023 และ National Coding Challenge ในกลุ่ม 15-18 ปีได้อีกด้วย DevOps BKK - DevOps, Cloud, Backend สำคัญกับกิจการคุณอย่างไร ลดเวลาการทำงานได้แค่ไหน FrontEnt BKK - ในยุคที่ไอทีมาบริการลูกค้าท่าน คุณรู้ Backend แล้วมารู้ Frontend ด้วย ออกแบบหน้าตาแอปและเว็บอย่างไรให้น่าใช้และได้ประสบการณ์ที่ดีเหนือกว่าคู่แข่ง ซื้อบัตรเข้างานได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/National-Coding-Day นักเรียน/นักศึกษาเข้างานฟรี กดบัตร “Student”
# Akamai เปิดตัวคลาวด์เต็มรูปแบบ หลังซื้อ Linode ครบปี Akamai เปิดตัว Akamai Connected Cloud บริการคลาวด์เต็มรูปแบบที่ได้มาจากการซื้อ Linode เมื่อปีที่แล้ว โดยฝั่ง Akamai ที่มีลูกค้าองค์กรเยอะกว่าก็หันไปเปิดศูนย์ข้อมูลใหม่ที่ให้บริการระดับองค์กรมากขึ้น และศูนย์ข้อมูลก็ได้รับการรับรองมาตรฐานสำคัญ ทั้ง ISO, SOC II, และ HIPAA สำหรับลูกค้า Linode เดิม ทาง Linode ประกาศว่าจะเริ่มเห็นสินค้าเปลี่ยนแบรนด์กลายเป็น Akamai ไปเรื่อยๆ และการใช้งานบริการ Akamai จะง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ทาง Linode ยังคงคงช่องทางการสื่อสารกับชุมชนผู้ใช้ไว้เหมือนเดิม และยังไม่มีการปรับราคาค่าบริการสินค้าเดิม ผู้ให้บริการ CDN เริ่มไม่สามารถให้บริการเฉพาะ CDN ได้ในช่วงหลังเพราะผู้ให้บริการคลาวด์เองก็ล้วนให้บริการ CDN ไปพร้อมกัน ทำให้สองธุรกิจเริ่มเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง Cloudflare เองก็ให้บริการคลาวด์แข่งกับผู้ให้บริการคลาวด์เต็มรูปแบบทั้งบริการ serverless, สตอเรจ, และฐานข้อมูล หรือ Fastly ก็หันมาให้บริการ serverless เช่นกัน ที่มา - Akamai, Linode
# [ลือ] Twitter ปรับอัลกอริทึมเอาใจ Elon เป็นเพราะเขาไม่พอใจที่โพสต์ Joe Biden คนเห็นเยอะกว่า สืบเนื่องจากข่าวลือ Elon Musk ไล่วิศวกร Twitter ออก เหตุเพราะตอบไม่ได้ว่าทำไมยอดวิวของเขาลดลง เว็บไซต์​ Platformer ยังตามประเด็นนี้ต่อ โดยบอกว่าช่วงการแข่ง Super Bowl ระหว่างทีม Philadelphia Eagles และ Kansas City Chiefs ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย ตัวของ Elon นั้นโพสต์ข้อความเชียร์ทีม Eagles ผ่านทวิตเตอร์ มีคนเห็น 9.1 ล้านครั้ง จากนั้นเขาลบข้อความออกโดยไม่ทราบสาเหตุ เหตุผลจริงๆ เป็นเพราะประธานาธิบดี Joe Biden ก็โพสต์เชียร์ Eagles ด้วยเช่นกัน แต่ดันมีคนมองเห็นมากถึง 29 ล้านครั้ง ทั้งที่มีจำนวนผู้ติดตามน้อยกว่า (Biden มี 29.5 ล้านคน Elon มี 128.9 ล้าน) ทำให้ Elon ไม่พอใจในเรื่องนี้ สิ่งที่ตามมาคือในคืนนั้นตอนตีสองกว่าๆ James Musk ญาติของ Elon ที่ถูกดึงมาช่วยงาน ได้โพสต์ข้อความ @here หาทุกคนภายในบริษัท ให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนว่าทำไมข้อความของ Elon ถึงมีคนเห็นน้อยกว่าของ Biden และหากแก้ไม่ได้ ทีมวิศวกรที่เหลือก็จะถูกไล่ออกเหมือนกับคนที่ถูกไล่ไปแล้วก่อนหน้านี้ ในเช้าวันถัดมา ผู้ใช้ Twitter บางส่วนจึงได้พบกับหน้า "For You" ที่มีแต่ข้อความของ Elon เพียงคนเดียว เบื้องหลังของปรากฏการณ์นี้คือทีมวิศวกรได้ "ปลดล็อค"​ ฟิลเตอร์การแสดงผลข้อความ ทำให้ข้อความของ Elon อยู่นอกเหนืออัลกอริทึมการจัดอันดับข้อความใน For You และถูกนำมาแสดงผลมากขึ้นกว่าเดิม 1,000 เท่า หลังผู้ใช้ที่เห็นแต่ข้อความของ Elon ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ ทำให้ Elon ต้องออกมาโพสต์ว่าขอเวลาปรับแก้อัลกอริทึมก่อน ซึ่ง Platformer ให้ข้อมูลว่าทีมวิศวกรได้ปรับค่าการแสดงผลให้น้อยลงจาก 1,000 ทำให้เห็นข้อความของ Elon น้อยลง (แต่ก็ยังเยอะกว่าเดิมก่อนเพิ่มระบบนี้) ที่มา - Platformer
# Firefox 110 ออกแล้ว เริ่มเปิดใช้ GPU sandbox บนวินโดวส์ Mozilla ออก Firefox 110 ต้อนรับวันวาเลนไทน์ มีของใหม่ดังนี้ รองรับการอิมพอร์ตข้อมูลจาก Opera, Opera GX, Vivaldi เริ่มเปิดใช้ GPU sandbox บนวินโดวส์ โปรเซสของ GPU จะถูกแยกต่างหาก (isolation) เพื่อความปลอดภัยจากโปรเซสมัลแวร์ ในแง่การใช้งานคงไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม เป็นการปรับสถาปัตยกรรมเบื้องหลัง Canvas2D จะถูกรันด้วย GPU เป็นดีฟอลต์บนแมคและลินุกซ์ ปรับปรุงประสิทธิภาพของ WebGL บนวินโดวส์ แมค ลินุกซ์ ปรับปรุงประสิทธิภาพการแสดงผลวิดีโอบน Windows 10/11 ใน GPU อื่นที่ไม่ใช่ของอินเทล ถอดฟีเจอร์ชุดสี Colorway ที่เริ่มใช้ใน Firefox 94 ที่มา - Mozilla
# Tesla เปิดสถานี Supercharger แห่งแรกในไทยที่ห้าง centralwOrld ชาร์จแรงสุด 250 kW ตามที่ Tesla เคยประกาศไว้ตอนเปิดตัวรถยนต์ในประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2022 ที่ผ่านมาว่าจะเปิดสถานี Supercharger แห่งแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ล่าสุดได้เปิดให้บริการแล้วที่ห้างสรรพสินค้า centralwOrld โดยเป็นสถานีชาร์จ V3 ที่จ่ายไฟได้สูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ เปิดให้บริการทั้งสิ้น 9 หัวชาร์จ อีกทั้งข้อมูลบนเว็บไซต์ Tesla ระบุว่าเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย นอกจากนี้ Tesla จะเปิด pop-up store แห่งใหม่ที่ห้างดังกล่าวบริเวณชั้น 1 โซน Beacon ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งจากเว็บไซต์ Tesla ลงข้อมูลไว้ว่าจะมีถึงวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ Tesla ระบุว่าจะเปิดตัวสถานีชาร์จแบบ Destination Charging ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตู้ชาร์จตามโรงแรม, ร้านอาหาร, ออฟฟิศ ฯลฯ เพื่อให้เจ้าของกิจการติดตั้งตู้ชาร์จให้บริการแก่ลูกค้า ส่วนสถานี Supercharger ที่ Tesla ลงทุนเอง ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้อย่างน้อย 13 แห่งภายในปี 2023 ซึ่งมากกว่าที่ประกาศไว้ว่า 10 แห่งตอนเปิดตัว สุดท้าย Tesla จะเปิดศูนย์บริการภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะอยู่ที่ใด โดยปัจจุบัน Tesla เรียกหน้าร้านที่ The Paseo Town รามคำแหงว่าศูนย์ทดลองขับ ไม่ใช่ศูนย์บริการ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Zoox บริษัทแท็กซี่ไร้คนขับของ Amazon เริ่มให้บริการแท็กซี่บนถนนจริงแล้ว Zoox บริษัทรถยนต์ไร้คนขับที่ Amazon ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2020 เริ่มให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ (robotaxi) บนถนนจริงเป็นครั้งแรก ความแตกต่างของ Zoox กับบริษัทรถยนต์ไร้คนขับอื่นๆ อย่าง Waymo/Cruise คือรถของ Zoox ออกแบบมาใหม่ทั้งหมด หน้าตาเป็นทรงกล่อง ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีคันเร่งหรือเบรก เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการโดยสารล้วนๆ ไม่มีที่นั่งคนขับเลย รถแท็กซี่ของ Zoox จะเริ่มใช้บริการเป็นรถชัทเทิลขนส่งพนักงานของ Zoox ในพื้นที่สำนักงานที่เมือง Foster City รัฐแคลิฟอร์เนีย (ทางใต้ของซานฟรานซิสโก) ที่มา - Zoox
# กองทัพอากาศสหรัฐประสบความสำเร็จ ใช้ AI ขับเครื่องบินรบ F-16 ซ้อมรบได้แล้ว กองทัพอากาศสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการนำ AI ขับเครื่องบินรบ F-16 รุ่นฝึกซ้อมเป็นจำนวน 12 เที่ยวบิน นับระยะเวลารวมกันเกิน 17 ชั่วโมง เมื่อเดือนธันวาคม 2022 โครงการนี้ชื่อว่า Air Combat Evolution (ACE) เป็นงานวิจัยของ DARPA ร่วมกับโรงเรียนฝึกนักบินทดสอบ (U.S. Air Force Test Pilot School หรือ USAF TPS) และศูนย์ปฏิบัติการเครื่องบินรบอัตโนมัติ (Autonomous Air Combat Operations หรือ AACO) ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 การทดสอบครั้งนี้ใช้เครื่องบินฝึกบินรุ่นใหม่ Lockheed Martin VISTA X-62A (เป็น F-16D รุ่นดัดแปลงพิเศษ) มีระบบใหม่ชื่อ Model Following Algorithm (MFA) และ System for Autonomous Control of the Simulation (SACS) ช่วยให้ AI สามารถขับเครื่องบินและทดลองวิธีการบินแบบอัตโนมัติต่างๆ ได้ดีขึ้น DARPA ใช้บริการบริษัทด้าน AI หลายแห่งได้แก่ EpiSci, PhysicsAI, Shield AI, Johns Hopkins Applied Physics Laboratory มาสร้างอัลกอริทึมหลายชนิดๆ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้รูปแบบต่างๆ ว่าได้ผลดีแค่ไหน ก่อนหน้านี้อัลกอริทึมชุดนี้ถูกทดสอบแล้วบนซิมูเลเตอร์ แล้วนำมาทดสอบกับเครื่องบินจริงๆ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ออกมาดี ในการทดสอบยังต้องมีนักบินที่เป็นมนุษย์จริงๆ นั่งไปด้วยเพื่อความปลอดภัย หากระบบอัลกอริทึมมีปัญหาขึ้นมา รวมถึงยังต้องทดสอบปฏิกิริยาของนักบินมนุษย์ต่อ AI ในการทำงานร่วมกัน นั่นคือ AI ควบคุมการรบเฉพาะหน้า (dogfight) ส่วนนักบินมนุษย์ดูภาพรวมของการรบอีกที ที่มา - DARPA, Lockheed Martin, Ars Technica, The Register หน้าตาของ VISTA X-62A รุ่นที่ใช้ทดสอบ AI, ภาพจาก Lockheed Martin
# Instagram ประกาศปิดฟีเจอร์ Live Shopping ที่สามารถแท็กสินค้าขณะไลฟ์ได้ Instagram ประกาศปิดฟีเจอร์ Live Shopping มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2023 เป็นต้นไป ซึ่งฟีเจอร์นี้อำนวยความสะดวกให้ผู้ขาย สามารถติดแท็กสินค้าแสดงขึ้นมาได้เลยขณะไลฟ์ ประกาศดังกล่าวต่อเนื่องจากเมื่อปลายปีที่แล้ว Facebook ก็ปิดฟีเจอร์ Live Shopping บนแพลตฟอร์ม ทั้งนี้ฟีเจอร์การไลฟ์และขายสินค้ายังสามารถทำได้ต่อไปบนแพลตฟอร์ม เพียงแต่ประกาศนี้ Instagram บอกว่าได้ตัดเครื่องมือตัวช่วยออกไปนั่นเอง ที่ผ่านมาบริษัทเทคในฝั่งอเมริกาได้เพิ่มฟีเจอร์การไลฟ์ขายสินค้าเข้ามา เนื่องจากรูปแบบดังกล่าวประสบความสำเร็จดีในจีน รวมทั้งในไทย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในฝั่งตะวันตก แนวโน้มที่ Instagram จะลดความสำคัญของเครื่องมือขายของ มีมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งตัดหัวข้อ Shop ออกไปจากหน้าแรกของแอป ที่มา: The Verge
# Facebook ปรับปรุง "ทำไมฉันจึงเห็นโฆษณานี้" ลงรายละเอียดมากขึ้น เพิ่มข้อมูลกิจกรรมนอก Facebook Meta ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ Facebook ที่อธิบายว่า "Why am I seeing this ad?" หรือ "ทำไมฉันจึงเห็นโฆษณานี้" ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีมาตั้งแต่ปี 2014 อยู่ที่ปุ่มด้านบนขวาของส่วนโฆษณาที่แสดง เพื่ออธิบายกับผู้ใช้งาน ว่าทำไม Facebook จึงแสดงโฆษณานี้ขึ้นมาจากปัจจัยต่าง ๆ อายุ เมือง ภาษา ความสนใจ โดยเครื่องมือที่อัพเดตใหม่นี้ จะแสดงข้อมูลแบบสรุปด้วย Machine Learning ทั้งกิจกรรมใน Facebook และกิจกรรมที่เกิดนอก Facebook เช่นการเข้าชมเว็บไซต์ ว่าทำไมโฆษณานี้จึงถูกนำมาแสดง แยกรายละเอียดระดับฝั่งผู้ลงโฆษณา จนถึงกิจกรรมฝั่งผู้ใช้งานที่ตรงกับความต้องการผู้ลงโฆษณา (ดูตัวอย่างท้ายข่าว) ในหน้าเครื่องมือนี้ Facebook ยังเพิ่มช่องทางที่ส่วนตั้งค่าการแสดงโฆษณา (Ads Preferences) เพื่อให้ผู้ใช้งานปรับการแสดงโฆษณาให้ตรงตามที่ต้องการมากขึ้นด้วย แนวทางนี้ Meta บอกว่าเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่มากขึ้นกับทุกฝ่าย ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทยอยอัพเดตกับผู้ใช้งานทั่วโลก เริ่มที่ Facebook ก่อน จากนั้นจะขยายไป Instagram ต่อไป ที่มา: Meta
# Airbnb ไตรมาส 4/2022 เติบโตแข็งแกร่ง การจองที่พักมากกว่าก่อนโควิด 19 ระบาดแล้ว Airbnb รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2022 มีรายได้รวม 1,902 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งยังไม่มีโควิด 19 ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 319 ล้านดอลลาร์ โดยมีจำนวนคืนที่เข้าพักเพิ่มขึ้น 20% เป็น 88.2 ล้านคืน มูลค่าการจองที่พักหรือ Gross Booking Value เพิ่มขึ้น 20% เป็น 13.5 พันล้านดอลลาร์ Airbnb บอกว่าในไตรมาสปัจจุบัน ยังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่ง สะท้อนว่านักเดินทางมีความมั่นใจมากขึ้น ข้อมูลการจองที่พักของลูกค้านั้น Airbnb บอกว่ามีความแตกต่างไปเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นเป็นการเดินทางข้ามประเทศ เพิ่มขึ้น 49% การจองที่พักในเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น 22% ขณะที่ลูกค้าฝั่งเอเชียแปซิฟิก ปริมาณการเดินทางยังไม่กลับมาเท่ากับปี 2019 ที่มา: Airbnb
# กูเกิลเริ่มปล่อยระบบตามรอย Privacy Sandbox Beta ให้ผู้ใช้ Android บางกลุ่มแล้ว กูเกิลมีโครงการ Privacy Sandbox เปลี่ยนระบบตามรอยผู้ใช้เพื่อยิงโฆษณา จากการตามด้วยคุกกี้แบบดั้งเดิมมาเป็นระบบตามรอยแบบใหม่ Topics API โดยเริ่มจาก Chrome มาตั้งแต่ปี 2022 และประกาศทำบน Android ด้วย หลังทดสอบ Privacy Sandbox SDK ในกลุ่มนักพัฒนามาได้เกือบปี กูเกิลเริ่มปล่อยอัพเดต Privacy Sandbox Beta ให้ผู้ใช้ Android 13 ใช้งานแล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ ในช่วงแรก แล้วจะค่อยๆ ขยายเพิ่มในลำดับต่อไป ผู้ใช้กลุ่มที่ได้ Privacy Sandbox จะเห็นตัวเลือกเพิ่มเข้ามาในหน้า Settings โดย Android จะคาดเดาว่าเราสนใจเนื้อหาหัวข้อไหนบ้าง จากประวัติการใช้งานที่ผ่านมา (เช่น Movies, Outdoors) แล้วระบบโฆษณาของกูเกิลจะส่งโฆษณาตามหัวข้อที่เรา "น่าจะ" สนใจมาให้ ผู้ใช้สามารถบล็อคหัวข้อที่ไม่สนใจได้ (แต่จะไม่มีผลต่อปริมาณโฆษณาที่เห็น แค่เห็นโฆษณาที่แม่นยำน้อยลง) กูเกิลยังย้ำว่า Privacy Sandbox เป็นทางสายกลางระหว่างการยิงโฆษณาที่แม่นยำในระดับหนึ่ง และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยไม่ตามรอยผู้ใช้แบบเจาะจงละเอียดเหมือนระบบคุกกี้หรือ Advertising ID ของเดิม เปลี่ยนมาตามรอยที่หัวข้อความสนใจผ่าน Topics API แทน ทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ยังไปต่อได้ ซึ่งตรงนี้ต่างจาก App Tracking Transparency (ATT) ของแอปเปิลที่ทำลายอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ไปเลย ที่มา - Google
# ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตสุดท้าย ปิดการทำงานของ IE บน Windows 10 แล้ว ไมโครซอฟท์ออก "อัพเดตสุดท้าย" ปิดการทำงานของ Internet Explorer บน Windows 10 อย่างถาวร ตามที่ประกาศเอาไว้ล่วงหน้า หลังติดตั้งอัพเดตตัวนี้แล้ว IE จะไม่สามารถรันใน Windows 10 ได้อีกต่อไป การคลิกที่ไอคอน IE จะเรียก Edge ขึ้นมาแทน แต่ผู้ใช้ยังสามารถรัน IE Mode ที่ใช้เอนจิน MSHTML ตัวเดิมใน Edge ได้อยู่ ซึ่งไมโครซอฟท์การันตีว่าจะทำงานได้จนถึงปี 2029 เป็นอย่างน้อย ที่มา - Ars Technica
# คนที่ใช่ทำอะไรก็ไม่ผิด นักวิจัยพบแชตบอทใน Bing ตอบผิดหลายจุดในวันเปิดตัว Dmitri Brereton นักวิจัยด้าน Search Engine ตรวจสอบข้อมูลที่แชตบอท Bing ที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา พบมีข้อเท็จจริงผิดหลายจุดแต่แทบไม่มีใครสนใจ ต่างจาก Bard ของกูเกิลที่ให้ข้อมูลผิดพลาดในโฆษณาก็ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างหนัก Brereton ชี้ประเด็นที่ Bing ตอบผิด เช่น คำถามว่าขอให้แนะนำเครื่องดูดฝุ่นขนสัตว์เลี้ยง Bing ก็ตอบข้อดีข้อเสียของรุ่นเด่นๆ มาให้โดยยกตัวอย่าง Dyson และ Bissell Pet Hair Eraser ที่เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายทั้งคู่ แต่กลับบอกข้อเสียของ Bissell ว่าสายสั้นเกินไป เพียง 5 เมตร (16 ฟุต) เท่านั้น ขณะที่การสาธิตสรุปรายงานการเงินของบริษัท Gap Inc. ก็ยกตัวเลขมาผิด โดยระบุว่าผลกำไรการดำเนินงานอยู่ที่ 5.9% แม้ว่าจะไม่มีตัวเลข 5.9% ในเอกสารเลย และผลกำไรจากการดำเนินงานจริงๆ อยู่ที่ 4.6% รวมถึงสรุปการคาดการณ์ผลกำไรว่าจะเติบโตถึงเลขสองหลักแม้ในเอกสารไม่ได้ระบุไว้ เมื่อสั่งให้ Bing เปรียบเทียบผลดำเนินงานกับ Lululemon ตัวเลขของ Lululemon ก็ผิดจำนวนมาก Brereton ระบุว่าการสาธิตที่เตรียมไว้ก่อนยังผิดได้ขนาดนี้แสดงว่าปัญญาประดิษฐ์ยังมีข้อจำกัดอยู่ และอาจจะยังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้งานจริง แต่เขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อกระแสตอบรับปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ดีมากโดยไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบมัน ที่มา - DKB Blog
# ยกคลาวด์ไปรบ AWS เปิดตัวศูนย์ข้อมูลสำเร็จรูปเป็นคอนเทนเนอร์ สำหรับกลาโหมสหรัฐฯ เท่านั้น AWS เปิดตัว AWS Modular Data Center (AWS MDC) ศูนย์ข้อมูลสำเร็จรูปสำหรับรันระบบงานขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่การเชื่อมต่อมีจำกัดหรือไม่มีการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเลย (Disconnected, Disrupted, Intermittent, or Limited - DDIL) แต่ยังต้องการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ระดับเพตาไบต์ เช่นการตั้งศูนย์บัญชาการรบ AWS MDC เป็นตู้ที่ออกแบบเป็นศูนย์ข้อมูลแบบ high-availability มีทั้งระบบเน็ตเวิร์ค, ระบบทำความเย็น, และระบบจ่ายพลังงานในตัว ต้องการพลังงานจากภายนอกเท่านั้น ตัวตู้เป็นคอนเทนเนอร์มาตรฐาน ทำให้ขนย้ายด้วยเรือ, รถไฟ, หรือแม้แต่เครื่องบินทางการทหารก็ได้ ตัวตู้ AWS MDC เป็นโครงสร้างของศูนย์ข้อมูลเปล่าๆ และลูกค้าที่ต้องการใช้งานต้องเลือกระบบภายในอีกที โดยสามารถใส่ Snowball Edge หรือ AWS Outpost ก็ได้ตามความต้องการใช้งาน นอกจากนี้ยังเลือกติดตั้งระบบสื่อสารดาวเทียมเพิ่มเติมได้ ขายให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต้องเป็นผู้ที่สามารถซื้อคลาวด์สำหรับการรบ (Joint Warfighting Cloud Capability - JWCC) เท่านั้น และเชื่อมต่อได้เฉพาะ AWS GovCloud ที่มา - AWS
# รายงานภาพรวมการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจาก Digital 2023: Thailand We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ ออกรายงานเพิ่มเติมต่อจาก Digital 2023 โดยรายงานนี้โฟกัสเฉพาะข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย Digital 2023: Thailand ซึ่งสะท้อนภาพรวมและรูปแบบพฤติกรรมการใช้งานในประเทศ รายงานฉบับเต็มมี 125 หน้า ซึ่ง We Are Social เองก็ได้ทำสรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้ ภาพรวมทั่วไป ประชากรอินเทอร์เน็ตของไทยมี 61.21 ล้านคน คิดเป็น 85.3% ของประชากรทั้งประเทศ (71.75 ล้านคน) เป็นข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2023 เพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขในปี 2022 ค่ากลางความเร็วอินเทอร์เน็ตของไทย ซึ่งวัดโดย Ookla พบว่าค่ามัธยฐาน (Median) ของความเร็วอินเทอร์เน็ตมือถืออยู่ที่ 37.85 Mbps ส่วนอินเทอร์เน็ตสายอยู่ที่ 205.63 Mbps เพิ่มขึ้น 18-20% จากปีก่อน Social Media ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในไทยมี 52.25 ล้านคน คิดเป็น 72.8% ของประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม We Are Social ให้ความเห็นว่าตัวเลขนี้มาจากเครื่องมือวัดอื่น ซึ่งอาจไม่ตรงกับตัวเลขจริง Facebook มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ LINE ด้วยอัตราที่ใกล้กันมาก ตามด้วย Facebook Messenger, TikTok และ Instagram อันดับมีการสลับเล็กน้อยเมื่อถามว่าโซเชียลมีเดียใด ที่ชอบใช้งาน เป็น Facebook, TikTok, LINE และ Instagram ตามลำดับ ผู้ใช้งาน Facebook ในไทยมี 48.10 ล้านคน อัตราการเข้าถึงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม (Ad Reach) คิดเป็น 67.0% ของประชากรทั้งประเทศ จำนวนผู้ใช้งาน YouTube ในไทยมี 43.90 ล้านคน ขณะที่อัตราการเข้าถึงโฆษณาอยู่ที่ 61.2% ของประชากรทั้งประเทศ มาดูที่ Instagram ตัวเลขผู้ใช้งานอยู่ที่ 17.35 ล้านคน คิดเป็น 24.2% ของประชากรทั้งประเทศ รายงานของ Meta บอกว่าประชากร Instagram ในไทยเป็นเพศหญิง 60.9% และเพศชาย 39.1% ทั้งนี้การจำแนกเพศของรายงาน Meta มีเพียง 2 ค่าเท่านั้นคือหญิงและชาย ซึ่งอัตราส่วนนี้แตกต่างจาก Facebook ที่เพศหญิง 51.0% และเพศชาย 49.0% ตัวเลขของ TikTok ในไทย มีผู้ใช้งาน 40.28 ล้านคน ซึ่ง ByteDance ระบุว่าเป็นตัวเลขเฉพาะผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนอายุมากกว่า 18 ปี ตัวเลขผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอื่นเป็นดังนี้ Facebook Messenger 35.05 ล้านคน, Twitter 14.60 ล้านคน และ LinkedIn 4.10 ล้านคน การใช้ Internet คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 8 ชั่วโมง 6 นาที ต่อวัน โดยประมาณ 5 ชั่วโมง อยู่บนสมาร์ทโฟน และ 3 ชั่วโมงอยู่บนคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต การสำรวจคำถามว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพื่ออะไร 64.9% บอกว่าหาข้อมูล รองลงมา 58.1% ติดตามข่าวสาร-เหตุการณ์ และ 54.8% บอกดูวิดีโอ รายการทีวี หรือหนัง อุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต จากกลุ่มที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต 95.3% ใช้โทรศัพท์ทุกประเภทรวมกัน ขณะที่แล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปมีอยู่ 47.6% แท็บเล็ตมี 25.6% เมื่อนำมาคิดเป็นส่วนแบ่งแล้ว คนเข้าอินเทอร์เน็ตจากโทรศัพท์คิดเป็น 68.00% ส่วนประเด็นนี้เป็นที่พูดถึงกันมากในออนไลน์วันนี้ นั่นคือเว็บไซต์ยอดนิยมที่คนไทยเข้าชม ซึ่งในรายงานมี 2 แหล่งข้อมูล เริ่มที่ Semrush โดยผลออกมา YouTube มาที่หนึ่งตามด้วย Google และ Facebook ส่วนอันดับรอง ๆ ก็ดูมีเว็บเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ติดมาหลายเว็บทีเดียว ส่วนอีกข้อมูลมาจาก Similarweb สามอันดับแรกสลับเล็กน้อยคือ Google, YouTube, Facebook ตามลำดับ ขณะที่เว็บเนื้อหาผู้ใหญ่นั้นก็ยังคงคิด Top 20 มาด้วย แต่จำนวนน้อยกว่า คีย์เวิร์ดค้นหายอดนิยมในกูเกิลของไทย แปล มีจำนวนมากที่สุด ตามด้วย หนัง และ ผล บอล เมื่อสำรวจถึงวิธีการหาข้อมูลที่เฉพาะแนวทาง พบว่า 45.5% เคยเข้าโซเชียลเพื่อหาข้อมูลแบรนด์สินค้า 34.8% เคยเสิร์ชด้วยรูปภาพ 41.8% เคยใช้โปรแกรมแปลภาษา และ 18.4% เคยใช้งานผู้ช่วยแบบคำสั่งเสียง คนไทย 94.3% ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเคยชมวิดีโอรวมกันทุกประเภท โดยเมื่อแยกย่อย 56.0% ดูมิวสิควิดีโอ 42.1% ดูคลิปตลกหรือไวรัล และ 33.1% ดูคลิปเล่นเกม มาที่ข้อมูลการฟัง 36.9% ฟังเพลงผ่านบริการสตรีมมิ่ง และ 21.8% ฟังพอดคาสต์ มือถือและสมาร์ทโฟน จำนวนอุปกรณ์โทรศัพท์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในไทยมีมากกว่าจำนวนประชากรคือ 101.2 ล้านเครื่อง แอปมือถือยอดนิยม วัดจากจำนวนผู้ใช้งาน Facebook, LINE และ Facebook Messenger มาอันดับ 1-3 ส่วนฝั่งเกมเป็น RoV, Roblox และ Free Fire ตามลำดับ แต่ถ้าวัดจำนวนดาวน์โหลด ตอนนี้ TikTok มาเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับการจ่ายเงิน YouTube มาในอันดับ 1 ฝั่งแอป ขณะที่เกมเป็น RoV E-Commerce ปัจจัยที่เสริมให้คนตัดสินใจจ่ายเงินซื้อของออนไลน์มากขึ้น 54.7% บอกว่าส่งฟรี รองลงมา 49.0% ให้คูปอง-ส่วนลด และ 36.1% บอกว่า COD หรือสามารถจ่ายเงินตอนรับสินค้า ประเภทสินค้าที่มีการซื้อออนไลน์ตามมูลค่า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด 5.77 พันล้านดอลลาร์ รองลงมาคือของใช้ส่วนตัว-ของใช้ในบ้าน 4.10 พันล้านดอลลาร์ วิธีการชำระเงิน 37% โอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร 23% ใช้โมบายล์วอลเลต และ 22% ใช้บัตรเครดิต ตลาดการจ่ายเงินให้ดิจิทัลมีเดีย มากที่สุดมาจากเกม ตามด้วยวิดีโอสตรีมมิ่ง และอีบุ๊ก ในรายงานยังมีข้อมูลอีกหลายหมวดธุรกิจ และรายละเอียดเพิ่มเติมของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง สามารถดูได้จากที่มา ที่มา: We Are Social
# Mycroft AI ลำโพงอัจฉริยะโอเพนซอร์ส ยุติโครงการหลังเงินหมด คนจ่ายผ่าน Kickstarter ไม่ได้ของ โครงการ Mycroft AI ระดมทุนสร้างลำโพงอัจฉริยะที่มีระบบ voice assistant แบบโอเพนซอร์ส ประกาศยุติโครงการเนื่องจากเงินทุนหมด Mycroft เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ในยุคที่ Amazon Echo เพิ่งเริ่มต้น และลำโพง Google Home ยังไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ (เปิดตัวปี 2016) แนวคิดของโครงการคือใช้ฮาร์ดแวร์แบบเปิด (Raspberry Pi และ Arduino) กับซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ใช้วิธีระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เงินไป 1.27 แสนดอลลาร์ และส่งมอบสินค้าได้ทั้งหมดในปี 2017 หลังจากนั้นในปี 2018 Mycroft เปิดตัวลำโพงรุ่นที่สอง ระดมทุนบน Kickstarter ได้เงินเกือบ 4 แสนดอลลาร์ แต่ประสบปัญหาเรื่องพาร์ทเนอร์ร่วมผลิตฮาร์ดแวร์ และต้นทุนวัสดุแพงกว่าที่คาด จนล่าช้ามาเรื่อยๆ บวกกับปัญหาคดีสิทธิบัตรที่สิ้นเปลืองค่าทนาย ทำให้สุดท้าย Mycroft จำเป็นต้องเลิกโครงการนี้ ทีมงานบอกว่าจะยังส่งมอบสินค้าที่สั่งผ่านเว็บไซต์ Mycroft โดยตรง เพราะตั้งราคา 499 ดอลลาร์ไว้คุ้มกับค่าผลิตและขนส่ง แต่สินค้าที่ระดมทุนผ่าน Kickstarter ในราคา 129 ดอลลาร์รวมค่าส่ง จะไม่สามารถส่งมอบได้ตามสัญญา ที่มา - Mycroft Kickstarter, The Register
# [ลือ] EA ใกล้ปิดดีลกับพรีเมียร์ลีกมูลค่า 488 ล้านปอนด์ ซื้อสิทธิ์ไปใช้ในเกมเอ็กคลูซีฟ 6 ปี หลังดีลระหว่าง EA กับ FIFA ฉบับใหม่ไม่ลุล่วง ทำให้ EA ไม่สามารถใช้ชื่อ FIFA ได้ในเกมฟุตบอลปีหน้า แต่รายละเอียดภายในเกมส่วนใหญ่จะยังคงเหมือนเดิม เพราะ EA ยังคงเป็นพาร์ทเนอร์กับภาคส่วนอื่นๆ อยู่ ล่าสุด Sky Sports รายงานว่า EA ใกล้ปิดดีลฉบับใหม่กับพรีเมียร์ลีกแล้ว มูลค่าประมาณ 488 ล้านปอนด์ นำสิทธิ์ในพรีเมียร์ลีกไปใช้ในเกมแบบเอ็กคลูซีฟได้ 6 ปี (ตกปีละราว 80 ล้านปอนด์) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากดีลก่อนหน้าราวมากกว่า 2 เท่า ที่มา - Sky Sports
# Google Multisearch ค้นหาภาพและข้อความพร้อมกัน รองรับภาษาไทยแล้ว Google เปิดตัว Multisearch ฟีเจอร์การค้นหาภาพและข้อความพร้อมกันบน Google Lens มาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ล่าสุดฟีเจอร์นี้รองรับภาษาไทยแล้ว ฟีเจอร์ที่ Google โชว์ในภาษาไทยซึ่งเล่นกับช่วงวาเลนไทน์ คือใช้ Google Lens ค้นหาช่อดอกไม้ แล้วพิมพ์เพิ่มคำว่าไก่ทอดเข้าไป ซึ่ง Multisearch สามารถใช้ได้แล้วผ่านแอพ Google ทั้งบน Android/iOS โดยกดที่ไอคอนกล้อง Google Lens ถ่ายภาพตามปกติ แล้วกดปุ่ม + Add to your search เพื่อเพิ่มคำค้นที่ต้องการขยาย ที่มา - @GoogleThailand
# ขอเชิญผู้บริหาร Cybersecurity, Data Privacy และ IT ร่วมงาน NCSA Thailand National Cyber Week 2023 [17-18 ก.พ. 2023 ณ สามย่านมิตรทาวน์] สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ขอเชิญเหล่าผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน Cybersecurity รวมถึงผู้บริหารด้าน IT และผู้ดูแลระบบ IT ทุกท่าน เข้าร่วมสัมมนาและฟังบรรยายในงาน Cybersecurity Expo ระดับชาติ “Thailand National Cyber Week 2023” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และอัปเดตเทรนด์ด้าน Cybersecurity และ Privacy ในไทยล่าสุด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ ณ สามย่านมิตรทาวน์ 📆 วันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ 2023 ⏰ เวลา 10:00 – 17:00 น. 🏢 สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ (แผนที่, MRT สามย่าน) 🇹🇭 บรรยายภาษาไทยเกือบทุกเซสชัน 📍 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย https://www.thncw.com/ พบกับเนื้อหาที่น่าสนใจสำหรับการวางแผนและการทำงานด้าน Cybersecurity และ IT สำหรับธุรกิจองค์กรมากมาย เช่น 8 หัวข้อเสวนากลุ่มย่อย นำเสนอนโยบาย ข้อกฎหมาย และประเด็นสำคัญด้าน Cybersecurity เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น บริการภาครัฐ, การเงินการธนาคาร, สาธารณสุข, โรงงานและการผลิต, โทรคมนาคม, พลังงาน และการขนส่งคมนาคม แยกย่อยตามแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดยตัวแทนจากสกมช. พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมดังกล่าว Cybersecurity & Privacy Trends 2023 อัปเดตแนวโน้มความมั่นคงปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลล่าสุดสำหรับประเทศไทย Cyber Resilience ตอบโจทย์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างไร? สรุปแนวทางการรับมือกับกรณีข้อมูลสูญหายหรือถูกทำลาย พร้อมวิธีการกู้คืนระบบ ลดความเสียหายต่อธุรกิจให้เหลือน้อยที่สุด Cyber Reality – Security in the Age of Alien Intelligence แนวโน้มของการใช้ AI ในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการใช้ AI ในการเจาะโจมตีระบบโดยผู้ไม่ประสงค์ดี พร้อมวิธีรับมือ การปรับใช้กลยุทธ์ด้าน Data & Threat Protection แบบใหม่สำหรับการทำงานแบบไฮบริดในปัจจุบัน นำเสนอกลยุทธ์ใหม่ในการจัดการข้อมูลธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องต่อข้อกฎหมาย PDPA ปกป้อง Digital Identity ของคุณ แค่ Multi-factor Authentication เพียงพอไหม? สาธิตการเจาะระบบโดยการบายพาส Multi-Factor Authentication พร้อมนำเสนอแนวทางการยืนยันตัวตนที่มั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น Simplify Cybersecurity with Security Vendor Consolidation แนวทางการบริหารจัดการระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากผู้ผลิตหลายรายร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Cybersecurity ของธุรกิจ การปกป้องข้อมูลความลับและจัดการการเข้าถึงบน Hybrid Cloud ขนาดใหญ่ การเสริมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในการทำ Secrets Management สำหรับ Hybrid Cloud Zero Trust Concept Implemented as Asset-Based Cyber Defence (ABCD) รู้จักกับแนวทางใหม่ในการทำ Zero Trust ที่ใช้ได้ผลจริงในธุรกิจองค์กร What’s eVRF and… Why Should I Care? แนะนำ Framework ใหม่ในการตรวจสอบภัยคุกคามจากระบบเครือข่าย เพื่อค้นหาการโจมตีที่อาจตรวจไม่พบด้วยวิธีการอื่นๆ ยกระดับ Cyber Resilience ขององค์กรด้วยเทคโนโลยี AI & Automation ตัวอย่างของการใช้ระบบ AI และ Automation ในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำหรับภาคธุรกิจ Security Culture in Thailand แนวทางการสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ให้กับผู้บริหารและพนักงาน โดยมี Cybersecurity เป็นหัวใจสำคัญ พบกับหัวข้อการบรรยายกว่า 47 หัวข้อ, การแข่งขัน CTF, การแสดง Live Hacking Demo, กิจกรรม Job Fair, หลักสูตรด้าน Cybersecurity จากมหาวิทยาลัยและสถาบันฝึกอบรม พร้อมบูธจัดแสดงเทคโนโลยีล่าสุดด้าน Cybersecurity และ Data Privacy มากกว่า 60 บูธได้ในงานเดียว! 🎉 พิเศษ!! ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรับ iPhone 14, iPad (Gen 10), Apple Watch รวม 20 รางวัล และทองแท่ง 2 บาท 5 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท! ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียด กำหนดการ และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ https://www.thncw.com/
# [ลือ] กูเกิลกำลังพัฒนาซีพียู Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์ ตั้งเป้าราคาถูกกว่า x86 20-40% เว็บไซต์ The Information รายงานข่าวว่ากูเกิลเริ่มพัฒนาซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง เป็นสถาปัตยกรรม Arm โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นคือ "Maple" ที่อิงจากชิปของบริษัท Marvell และ "Cypress" ที่พัฒนาโดยทีมออกแบบชิปของกูเกิลในอิสราเอล ตามข่าวบอกว่าโครงการนี้ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชิป Uri Frank ที่มาดำรงตำแหน่ง VP of Engineering กับกูเกิลตั้งแต่ปี 2021 ตั้งเป้าหมายสร้างชิปเซิร์ฟเวอร์ที่ให้ประสิทธิภาพทัดเทียมชิปของ Intel/AMD แต่ราคาถูกกว่ากัน 20-40% ตอนนี้ Maple พัฒนาเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการจ้าง TSMC ผลิตชิปทดสอบที่กระบวนการระดับ 5nm ส่วน Cypress ตั้งเป้าจะให้พัฒนาเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากนั้นจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในครึ่งหลังของปี 2024 และนำมาใช้จริงในเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 ก่อนหน้านี้กูเกิลออกแบบชิปเองมาแล้วหลายรุ่น ทั้งชิปประมวลผล Tensor และชิปความปลอดภัย Titan M ที่ใช้ในสมาร์ทโฟน Pixel ส่วนฝั่งเซิร์ฟเวอร์มี TPU สำหรับประมวลผล AI และ VCU ที่ใช้บีบอัดวิดีโอให้ YouTube คู่แข่งในตลาดคลาวด์อย่าง Amazon มีชิปพัฒนาเองลักษณะเดียวกันคือ Graviton, Alibaba มีชิป Yitian และ Azure เลือกใช้ชิป Arm ของบริษัท Ampere Altra ที่มา - The Information via 9to5google, ภาพศูนย์ข้อมูลจาก Google
# IBM ฟ้องอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ไทย เหตุละเมิดสัญญา ร่วมงานคู่แข่ง IBM ยื่นฟ้อง ปฐมา จันทรักษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ฐานละเมิดสัญญาแล้วไปร่วมงานกับคู่แข่งอย่าง Accenture ในฐานะกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง IBM ถือว่าเป็นคู่แข่งในธุรกิจให้คำปรึกษา ปฐมาเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของ IBM ตั้งแต่ปี 2018 ก่อนจะลาออกเมื่อต้นปี 2022 ซึ่งทาง IBM ก็ได้เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลและไม่ไปร่วมงานกับบริษัทคู่แข่งภายในระยะเวลากำหนด ซึ่งก็ได้มอบโบนัสจำนวน 470,000 เหรียญไปพร้อมกับสัญญาดังกล่าว ก่อนที่เธอจะไปร่วมงานกับ Accenture ในอีก 1 เดือนถัดมา IBM จึงฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนเงินโบนัสจำนวนดังกล่าว หลังจากบริษัทพยายามเรียกร้องโบนัสคืนจากเธอไปก่อนหน้านี้ซึ่งเธอปฏิเสธ ที่มา - Bloomberg
# โหดขึ้นเรื่อยๆ Cloudflare ป้องกัน DDoS ครั้งใหญ่ที่สุด 71 ล้านครั้งต่อวินาทีได้สำเร็จ วันนี้ Cloudflare รายงานว่าบริษัทป้องกันการโจมตีด้วยวิธี DDoS ครั้งใหญ่ที่สุดได้สำเร็จ โดยการโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นเป็นเวลาราว 5 นาทีเท่านั้น แต่ส่งรีเควสต์ยิงกระหน่ำที่ราว 50-70 ล้านครั้งต่อวินาที และขึ้นไปพีคสุดที่ 71 ล้านครั้งต่อวินาที Cloudflare ระบุว่าการโจมตีมาจาก IP กว่า 30,000 IP ที่เป็นของผู้ให้บริการคลาวด์หลายเจ้า ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีลูกค้าของ Cloudflare ที่มีทั้งผู้ให้บริการเกมชื่อดัง, บริษัทคริปโต, โฮสติ้งต่างๆ ซึ่ง Cloudflare ระบุว่าได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์เหล่านี้เพื่อลดการโจมตี และก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวบริการ Botnet Threat Feed for Service Providers ที่จะคอยรายงานว่ามี IP ใดของแต่ละเจ้าที่กำลังโจมตี DDoS อยู่ ภาพอัตราการโจมตีที่ตัวเลขสูงสุดอยู่ที่ 71 ล้านครั้งต่อวินาที | ภาพโดย Cloudflare หากติดตามข่าวต่อเนื่อง ผู้อ่านคงเห็นว่ามีรายงานการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่ที่สุดออกมาบ่อยครั้ง ซึ่ง Cloudflare ก็ยืนยันว่าการโจมตีด้วย DDoS นั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความถี่และขนาดของการโจมตี โดยปริมาณการโจมตีเพิ่มขึ้นมากถึง 79% YoY และการโจมตีที่ปริมาณแบนด์วิดท์สูงกว่า 100 Gbps เพิ่มขึ้น 67% QoQ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีก็สูงถึง 1 ใน 4 เลยทีเดียว ที่มา - Cloudflare
# ไมโครซอฟท์ยอมรับกับ CMA ว่าการนำเกมลง Game Pass ทำให้ยอดขายลดลงจริง ถึงแม้เป็นสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่ แต่เป็นครั้งแรกที่ไมโครซอฟท์ยอมรับว่าการนำเกมขึ้น Game Pass จะส่งผลให้ยอดขายเกมลดลงจริง ข้อมูลนี้มาจากเอกสารที่ไมโครซอฟท์ส่งให้ CMA หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ในกรณีดีล Activision Blizzard ในเอกสารฉบับเต็มบอกตัวเลขว่ายอดขายเกม (ตัวเกมหลักหรือ base game) ลดลงกี่เปอร์เซนต์ แต่ในเอกสารที่เผยแพร่ต่อสาธารณะได้เซ็นเซอร์ตัวเลขนี้ออก ก่อนหน้านี้ Phil Spencer หัวหน้าธุรกิจเกมของไมโครซอฟท์ เคยให้สัมภาษณ์มาตลอดว่าเกมที่ลง Game Pass มียอดขายเพิ่มขึ้น เพราะมีคนได้ลองเล่นเกมนั้นมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านิยามของคำว่ายอดขายอาจแตกต่างกัน เพราะในเอกสารที่ส่ง CMA ระบุชัดว่าหมายถึง base game ในขณะที่นิยามของ Spencer อาจหมายถึงยอดขายรวม DLC หรือเนื้อหาเสริมอื่นๆ ด้วย โฆษกของไมโครซอฟท์ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า เป้าหมายของบริษัทคือให้นักพัฒนาเกมมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ธรรมชาติของแต่ละเกมต่างกัน วิธีทำเงินก็ต่างกันไป การนำเกมมายัง Game Pass ก็มีส่วนที่ไมโครซอฟท์จ่ายค่าตอบแทนให้กับนักพัฒนาโดยตรงอยู่แล้ว นอกเหนือจากยอดขายเกม ที่มา - Kotaku
# MEB เจ้าของแพลตฟอร์มอีบุ๊ก meb และ readAwrite นำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นแล้ว ในวันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2566) บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำหุ้นบริษัทซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก โดยใช้ตัวย่อในการซื้อขาย MEB หมวดธุรกิจบริการ มีมูลค่าการเสนอขายไอพีโอ 2,151.75 ล้านบาท ที่มูลค่ากิจการ ณ ราคาไอพีโอ 8,550 ล้านบาท โดยหุ้นที่เสนอขายมีทั้งหุ้นเพิ่มทุน และหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม MEB มีธุรกิจหลักคืออีบุ๊ก หรือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีช่องทางจำหน่ายหลักผ่านแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite นอกจากนี้ยังมีธุรกิจ Hytexts ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Reader โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งคือ กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล (CRC) ผลประกอบการของ MEB ในรอบระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,251.92 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการขายนิยายและวรรณกรรมออนไลน์ มีกำไรสุทธิ 241.85 ล้านบาท ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ฯ
# ซัมซุงเริ่มปล่อยอัพเดต One UI 5.1 ของ S23 ให้มือถือรุ่นเก่า ย้อนไปถึง S20 FE ซัมซุงเริ่มปล่อยอัพเดต One UI 5.1 รุ่นที่เปิดตัวพร้อม Galaxy S23 ให้กับมือถือรุ่นเก่าๆ ด้วย เท่าที่มีรายงานว่าทยอยได้อัพเดตกันแล้วคือ S22, S21, S20, S21 FE, S20 FE, Z Fold/Flip 4, Z Fold/Flip 3 One UI 5.1 เป็นเวอร์ชันอัพเดตย่อยของ One UI 5.0 ที่เป็นการอัพเกรด Android 13 ของใหม่ในเวอร์ชัน 5.1 อาจมีไม่เยอะนัก ส่วนใหญ่เน้นไปที่ฟีเจอร์กล้องและแกลเลอรี่ กับฟีเจอร์ Modes/Routines สำหรับการสั่งงานอัตโนมัติ รอบนี้ถือว่าซัมซุงปล่อยอัพเดต One UI 5.1 ออกมาให้เร็วมาก หลังจาก Galaxy S23 วางขายเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ที่มา - SamMobile
# ลาก่อน Yammer ไมโครซอฟท์จับรีแบรนด์เป็น Microsoft Viva Engage ไมโครซอฟท์ประกาศรีแบรนด์ Yammer บริการโซเชียลสำหรับที่ทำงานที่ซื้อกิจการมาในปี 2012 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft Viva Engage ในชุด Microsoft Viva บริการสำหรับพนักงานภายในองค์กร ที่เปิดตัวในปี 2021 Microsoft Viva เป็นซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ที่ไม่มี frontend ของตัวเอง แต่รันผ่านอินเทอร์เฟซของ Microsoft Teams/Outlook อีกทีหนึ่ง โดยไมโครซอฟท์เปิดตัว Viva Engage มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมาแทนแอพ Yammer Communities ของเดิม แบรนด์ Yammer จะถูกเลิกใช้อย่างถาวร เปลี่ยนมาเป็น Viva Engage แทนในเดือนมีนาคม 2023 นอกจากการยกเลิกแบรนด์แล้วทุกอย่างยังเหมือนเดิม ลูกค้าเก่าของ Yammer ยังสามารถใช้งานต่อได้ตามปกติ ที่มา - Microsoft
# Twilio ประกาศปลดพนักงานอีกรอบประมาณ 1,500 คน คิดเป็น 17% ของพนักงานทั้งหมด Twilio ผู้ให้บริการ API สำหรับส่งข้อความ SMS และการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ ประกาศปลดพนักงานอีก 17% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 1,500 คน ทั้งนี้ Twilio ได้ปลดพนักงานไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อกันยายนปีที่แล้ว ซีอีโอ Jeff Lawson ให้เหตุผลว่าสภาพตลาดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้บริษัทต้องโฟกัสที่การทำกำไรเป็นสำคัญ ซึ่งมาพร้อมการลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงประสิทธิภาพ จึงได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แบ่งเป็นสองฝ่ายหลักคือ Twilio Communications และ Twilio Data & Applications ส่งผลให้พนักงานจำนวนหนึ่งถูกปลด Twilio ยังบอกว่าที่ผ่านมาฝ่าย Communications มีขนาดใหญ่เกินไป จึงต้องปรับให้มีความเหมาะสม ส่วนเหตุผลที่แยกเป็นสองฝ่ายนั้น เพื่อให้แต่ละฝ่ายดำเนินงานอิสระต่อกันและมีความคล่องตัวมากขึ้น ที่มา: Twilio
# Twitter เลื่อนกำหนดเปิดใช้งาน API เงื่อนไขใหม่ ที่ยกเลิกแบบฟรี ออกไปอีกครั้งหนึ่ง Twitter ประกาศเลื่อนแผนการให้บริการ API ภายใต้เงื่อนไขใหม่อีกครั้ง จากเดิมแผนการใช้งาน API แบบฟรีตัวเดิม จะสิ้นสุดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งเลื่อนมาจาก 9 กุมภาพันธ์แล้วครั้งหนึ่ง บัญชี @TwitterDev บอกว่าเหตุผลที่เลื่อนการใช้งาน API แบบใหม่ออกไป เพื่อปรับปรุงให้มีความเหมาะสมสำหรับชุมชนนักพัฒนา โดย API แบบใหม่ จะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (a few more days) ก่อนหน้านี้ Elon Musk ให้รายละเอียดเบื้องต้นของแผนใช้งาน API แบบฟรี โดยจำกัด 1,500 ทวีตต่อเดือน และต้องเป็นบอตทวีตเนื้อหาที่ดี ที่มา: Engadget
# Paxos หยุดออก stablecoin BUSD ตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลในนิวยอร์ก หน่วยงานกำกับดูแลบริการด้านการเงินของนิวยอร์ก ออกคำสั่งให้ Paxos ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกเหรียญ stablecoin BUSD ของ Binance หยุดการออกเหรียญ (mint) ดังกล่าว ซึ่ง Paxos ก็ชี้แจงว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งโดยหยุดการออก BUSD แล้ว ส่วนผู้ที่ถือเหรียญ BUSD สามารถแลกเปลี่ยนคืนเป็นดอลลาร์ หรือแลกเป็น USDP (Pax Dollar) ที่เป็น stablecoin ของ Paxos Paxos บอกว่าเหรียญ BUSD ที่ออกมา มีสินทรัพย์ดอลลาร์ค้ำไว้ในอัตรา 1:1 จึงสามารถรองรับการไถ่ถอนได้ทั้งหมด โดยจะให้บริการไถ่ถอนคืนอย่างน้อยถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 รายงานบอกถึงสาเหตุที่หน่วยงานกำกับดูแลของนิวยอร์ก ออกคำสั่งดังกล่าว ว่ามาจากการตรวจสอบพบว่า Paxos ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงในการออกเหรียญ BUSD ที่มองว่าเป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่ง ที่มา: Paxos และ The Wall Street Journal
# พบปัญหา Google Photos ใช้งานไม่ได้ หลังอัพเดต iOS 16.3.1 [อัพเดต - แก้ไขแล้ว] หลังจากแอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.3.1 ที่แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง 2 รายการ ซึ่งแนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดตโดยเร็ว แต่ก็มีรายงานออกมาเช่นกันหลังการอัพเดต ว่าผู้ใช้งานจำนวนมากไม่สามารถใช้ Google Photos ได้ โดยอาการที่พบคือแอป Google Photos จะแครชหรือปิดตัวเองทันทีเมื่อพยายามเข้าใช้งาน จนถึงตอนนี้กูเกิลยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล หรือวิธีการแก้ไขเบื้องต้นแต่อย่างใด โดยคาดว่ากูเกิลอาจออกอัพเดตแอปที่แก้ไขปัญหาดังกล่าว ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ Google Photos ก็อาจต้องพิจารณาว่าจะอัพเดต iOS ทันทีหรือไม่ ที่มา: 9to5Mac อัพเดต: แอป Google Photos บน iOS ได้ออกอัพเดตในวันนี้ ระบุว่าเป็นการแก้ไขบั๊กที่มีรายงานออกมา
# Apple อัพเดต iOS 16.3.1 และ macOS Ventura 13.2.1 แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.3.1 และ iPadOS 16.3.1 รวมทั้งระบบปฏิบัติการอื่นในเครือ โดยอัพเดตนี้แอปเปิลบอกว่าเป็นการแก้ไขบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย รายละเอียดการแก้ไขที่ระบุถึงได้แก่ แก้ปัญหาการตั้งค่า iCloud ที่อาจไม่ตอบสนองหรือแสดงผลไม่ถูกต้องหากมีแอปใช้งาน iCloud อยู่, แก้ปัญหา คำขอ Siri เรียกใช้ Find My ทำงานไม่ได้ และปรับปรุง Crash Detection สำหรับ iPhone 14 ส่วนช่องโหว่ความปลอดภัย เป็นการแก้ไขช่องโหว่เคอร์เนล (CVE-2023-23514) และช่องโหว่ของ WebKit (CVE-2023-23529) ซึ่งกรณีหลังมีรายงานการเข้าถึงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงแนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดต อัพเดตระบบปฏิบัติการอื่นของแอปเปิลมีดังนี้ macOS Ventura 13.2.1 แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยเคอร์เนล และ WebKit เหมือน iOS 16.3.1 watchOS 9.3.1 แก้ไขบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย tvOS 16.3.2 แก้ไขบั๊กทั่วไป HomePod 16.3.2 แก้ไขการร้องขอ Siri ที่อาจพบปัญหา (เพิ่มเติม) macOS Big Sur 11.7.4 แก้บั๊กไอคอน Safari และช่องโหว่ความปลอดภัย ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4], [5], [6], [7]
# [ลือ] แพ็กเกจ iPhone จ่ายรายเดือน อาจเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ Mark Gurman แห่ง Bloomberg เคยพูดถึงบริการจ่ายรายเดือนของ iPhone มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุดจเจ้าตัวอัพเดตในจดหมายข่าว Power On ล่าสุดระบุว่าโครงการดังกล่าวยังอยู่ ซึ่งเจ้าตัวคาดว่าอาจมาช่วงราวเดือนมีนาคม เมษายน โครงการจ่ายรายเดือนหรือ subscription ของฮาร์ดแวร์ Apple ที่ไม่ได้จะมีแค่ iPhone เป็นส่วนหนึ่งของความพยายาม Apple ที่จะให้บริการด้านการเงิน อย่างล่าสุดที่เพิ่งเริ่มปล่อยให้บริการจริงคือ Apple Pay Later และบริการ Cash Back รวมถึงยังมีบริการผ่อนรายเดือนอยู่ระหว่างการพัฒนาด้วย (คนละบริการกับ subscription iPhone) Gurman เสริมว่าบริการ subscription จะไม่เหมือนการเช่าซื้อ เอาราคาเครื่องมาหาร 12/24 เดือน แต่ตอนนี้ที่ช้าเพราะติดปัญหาด้านเทคนิคและวิศวกรรม ถ้า Apple เริ่มให้บริการจริง ก็น่าจะมีแต่เฉพาะในสหรัฐก่อน เหมือนบริการการเงินอื่นๆ ที่มา - Bloomberg
# [ไม่ยืนยัน] PayPal หยุดโครงการเหรียญ Stablecoin หลังหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มคุมเข้ม Bloomberg รายงานข่าวว่า PayPal สั่งหยุดโครงการออกเหรียญ stablecoin ที่เตรียมเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเริ่มคุมเข้มในเรื่องนี้ PayPal เคยมีข่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 ว่าสนใจออกเหรียญ stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ โดยโฆษกของ PayPal ยอมรับว่ากำลังมองหาความเป็นไปได้เรื่อง stablecoin อยู่จริง แต่บอกเพียงว่าถ้าจะเดินหน้าในธุรกิจนี้ ก็จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ตามข่าวบอกว่าเหตุผลหนึ่งคือ Paxos บริษัทคริปโตที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ PayPal (รายเดียวกับที่ออกเหรีญ BUSD ร่วมกับ Binance) เพิ่งถูกหน่วยงานด้านการเงินของรัฐนิวยอร์กเข้าไปสอบสวน ที่มา - Bloomberg
# รวมหนังโฆษณาบริษัท Tech จาก Super Bowl 57 ประจำปีนี้ Super Bowl ครั้งที่ 57 ศึกอเมริกันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศของ NFL ซึ่งเป็นโปรแกรมกีฬารายการใหญ่ของปี ได้แข่งขันจบไปแล้วพร้อมชัยชนะของ Kansas City Chiefs ในปีนี้ Super Bowl มีผู้สนับสนุนรายใหม่ของการแสดงในช่วงพักครึ่งเวลา (Halftime Show) คือ Apple Music ซึ่งประเดิมปีแรกด้วยการแสดงของ Rihanna ที่กลับมาแสดงสดต่อหน้าผู้ชมครั้งแรกในรอบหลายปี หนึ่งในไฮไลท์ของการถ่ายทอดสด Super Bowl คือหนังโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งมีอัตราค่าโฆษณาสูงมาก และทุกแบรนด์ต่างจัดเต็มในด้านเนื้อหา ในปีที่แล้วมีบริษัทคริปโตหลายแห่งที่ออกโฆษณาใน Super Bowl แต่ปีนี้ทุกรายต่างหยุดกันหมด ก็อาจสะท้อนภาวะตลาดของคริปโตได้ทางหนึ่ง ถึงแม้ปีนี้บริษัท Tech ก็อาจอยู่ในสถานการณ์ลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีหลายรายออกหนังโฆษณามา รวบรวมไว้แล้วดังนี้ DoorDash แพลตฟอร์มเดลิเวอรี DoorDash โปรโมตบริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต โดยมีเชฟ Matty Matheson และ Raekwon The Chef ร่วมแสดง Uber Uber มากับโฆษณาเพื่อโปรโมต Uber One บริการสมาชิกเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ศิลปิน P. Diddy หรือ Sean Combs มารับหน้าที่คิดสปอต สร้างเพลงสำหรับ Uber One ซึ่งได้ศิลปินหลายคน (ที่มีเพลงฮิต) มาช่วยออกแบบเพลง Squarespace Squarespace ซอฟต์แวร์ SaaS สำหรับสร้างเว็บไซต์ ได้นักแสดง Adam Driver มาตอกย้ำบริการ Squarespace ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ใช้สร้างเว็บไซต์ Workday แพลตฟอร์มสำหรับฝ่ายการเงินและฝ่ายบุคคล ทำโฆษณาเล่นกับคำศัพท์ HR อย่าง Rock star ที่หมายถึงพนักงานซึ่งมีความโดดเด่นในองค์กร โดยได้ร็อคสตาร์ในความหมายของวงการเพลงหลายคนมาร่วมแสดง Amazon Amazon มากับหนังโฆษณาเรื่องของสุนัขในบ้าน ที่อยู่แบบเดียวดายเหงา ๆ และที่บ้านก็ใช้บริการของ Amazon มาช่วยแก้ปัญหา...คิดว่านะ เพื่อรับการเปิดเมืองสู่การท่องเที่ยว แพลตฟอร์มจองที่พัก-ตั๋วโดยสาร ก็มีหนังโฆษณาออกมา โดย Booking.com ได้ Melissa McCarthy มาจัดโชว์มิวสิคัลชวนให้ออกเดินทาง ส่วน Priceline มี Kaley Cuoco พาออกจากโต๊ะทำงาน สู่การพักผ่อน GM x Netflix GM หรือ General Motors ออกหนังโฆษณาโปรโมตรถยนต์ EV โดยร่วมมือกับ Netflix นำนักแสดง Will Ferrell ผจญภัยไปกับฉากจากคอนเทนต์ออริจินัลของ Netflix ทั้ง Bridgerton, Stranger Things หรือแม้แต่ Squid Game Jeep ส่วน Jeep โปรโมตรถยนต์ไฟฟ้า 4xe ด้วยโฆษณาที่มาพร้อมจังหวะดนตรีและสิงสาราสัตว์ นอกจากโฆษณารถยนต์ ก็มีโฆษณาจากกลุ่ม The Dawn Project ที่รณรงค์ต่อต้านการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ Full Self-Driving ถึงขนาดมาซื้อโฆษณาฉายช่วง Super Bowl เลย แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งค่ายอื่น ก็โปรโมตคอนเทนต์เช่นกัน โดย Peacock โปรโมตซีรี่ส์ใหม่ Poker Face ส่วน Paramount Plus มัดรวมคอนเทนต์มาสนทนากันหน้าภูเขาที่เป็นใบหน้าของ Sylvester Stallone Rakuten แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากญี่ปุ่น มาย้อนเวลาไปกับภาพยนตร์ Clueless โดยได้นักแสดงนำ Alicia Silverstone ร่วมกับ Elisa Donovan มาแนะนำวิธีแต่งตัวตามแฟชั่นแบบได้ดีลคุ้ม Google ปิดท้ายที่กูเกิล ซึ่งรายงานข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นการโปรโมต Google Pixel 7 เน้นฟีเจอร์จัดการแก้ไขรูปภาพ แม้อิ้งค์-วรันธรจะบอกว่าการลบไม่ได้ช่วยให้ลืม แต่หนังโฆษณานี้ก็จัดมาทั้ง Amy Schumer, นักบาสเกตบอล Giannis Antetokounmpo และศิลปิน Doja Cat โชว์ฟีเจอร์ลบรูปคนออกจากภาพถ่าย, แก้ไขจุดบกพร่องที่เกิดในภาพ ไปจนถึงแก้ปัญหาภาพที่ถ่ายออกมาเบลอ ที่มา: ESPN, CNET
# Valve บอกปีนี้จะออกอัพเดตใหญ่ให้ Team Fortress 2 เพิ่มคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้อีก Valve โพสต์ข้อมูลในบล็อกของเกม Team Fortress 2 ที่เงียบเหงาไปนาน ให้ข้อมูลสั้นๆ ว่าช่วงกลางปีนี้จะออกอัพเดตใหญ่ให้กับเกม มีทั้งไอเทม แผนที่ เอฟเฟคต์ต่างๆ และเชิญชวนให้ชุมชนผู้เล่นที่ดัดแปลงเกมผ่าน Steam Workshop ช่วยกันส่งเนื้อหาของตัวเองเข้ามาด้วย Valve บอกว่าธีมของ Team Fortress 2 ปีนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกว่าจะเป็นแนวไหน แต่รับรองว่าจะเป็นอัพเดตที่น่าตื่นเต้นแน่นอน Team Fortress 2 เป็นเกมยิงแนวมัลติเพลเยอร์ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2007 (ปีเดียวกับ Portal และ Half-Life 2: Episode Two ในยุคที่ Valve ยังขยันออกเกมใหม่) และยังมีคนเล่นมาถึงปัจจุบัน โดยปีที่แล้ว Valve ออกมาโพสต์ว่าจะพยายามแก้ปัญหาบ็อตของเกมนี้ และออกอัพเดตแก้ปัญหาบ็อตให้บางส่วน แต่ตัวคอนเทนต์ในเกมกลับแทบไม่มีของใหม่เลยในช่วงหลังๆ ที่มา - Team Fortress via Engadget
# เกมดังกระแสดี Hogwarts Legacy มีผู้เล่นพร้อมกันบน Steam เพิ่มเป็น 8.8 แสนคนแล้ว เกม Hogwarts Legacy ยังเดินหน้าสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังทำสถิติผู้เล่นพร้อมกัน 4.9 แสนคนบน Steam โดยที่เกมยังอยู่ในสถานะ Early Access ล่าสุดเมื่อคืนนี้ จำนวนผู้เล่นพร้อมกันเพิ่มขึ้นเป็น 8.79 แสนคนแล้ว (ข้อมูลแบบเรียลไทม์ดูได้จาก SteamDB) ตัวเลขผู้เล่นพร้อมกัน 8.8 แสนคนทำให้ Hogwarts Legacy กลายเป็นเกมยอดนิยมอันดับ 2 ของ Steam ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นรองแค่แชมป์ตลอดกาล CS:GO ที่สร้างสถิติใหม่ของตัวเองเช่นกัน ผู้เล่นพร้อมกัน 1.32 ล้านคน ทุบสถิติเดิมของตัวเองเล็กน้อย (เกมออกมา 11 ปีแล้วยังทำ new high ได้อีก) สถิติ All-Time Peak อันดับหนึ่งของ Steam คือ PUBG ทำไว้ที่ 3.25 ล้านคนเมื่อ 5 ปีก่อน โดยมีเกมที่ผู้เล่นพร้อมกันเกิน 1 ล้านคนเพียง 5 เกม (อันดับที่เหลือคือ Lost Ark, CS:GO, Dota 2, Cyberpunk) ส่วน Hogwarts Legacy อยู่ที่อันดับ 8 ตามหลัง Elden Rign กับ New World หากจำนวนผู้เล่นยังเติบโตแบบนี้ต่อไปก็น่าจะแตะล้านได้ในไม่ช้า
# Pico บริษัทเฮดเซต VR ของ ByteDance ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 แล้ว มีรายงานส่วนแบ่งการตลาดของเฮดเซต VR ทั่วโลกจาก IDC พบว่า Meta ซึ่งเดิมมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 90% ในปี 2021 ตัวเลขล่าสุดเมื่อไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ลดลงมาที่ 75% โดยมีอันดับ 2 ที่กำลังมาแรงคือ Pica ส่วนอันดับอื่นส่วนแบ่งต่ำกว่า 3% Pico เป็นแบรนด์เฮดเซต VR ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทของ ByteDance เจ้าของ TikTok ที่น่าสนใจคือภาพรวมตลาดเฮดเซตนั้น ผู้ผลิตทุกรายมีจำนวนส่งมอบที่ลดลง มีเพียง Pico ที่จำนวนส่งมอบเพิ่มขึ้น Pico ทำตลาดเฮดเซต VR ขายกับลูกค้าทั่วไป และมีขายเฉพาะในยุโรปและเอเชีย ยังไม่ได้ทำตลาดในอเมริกา ที่มา: The Wall Street Journal
# ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมให้แอปธนาคารยืนยันตัวตนเพิ่มเมื่อทำธุรกรรมเกินกำหนด ลดความเสียหายเมื่อเกิดเหตุหลอกลวง คุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมให้ธนาคารยืนยันตัวตนผู้ใช้เพิ่มเติม หากการใช้งานเข้าข่าย เช่น โอนเงินเป็นจำนวนมาก, โอนเงินความถี่สูง, มีการปรับเพิ่มวงเงิน โดยแอปธนาคารต้องยืนยันตัวตนลูกค้าผ่านมาตรการ biometric อีกครั้ง ทุกวันนี้แอปธนาคารหลายแห่งแม้จะมีการกำหนดวงเงินในการทำธุรกรรมแบบต่างๆ แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนวงเงินได้โดยใช้ PIN สำหรับเข้าแอปธนาคารและ SMS เพื่อยืนยันตัวตนเท่านั้น ทำให้กรณีแอปดูดเงินต่างๆ นั้นไม่สามารถใช้วงเงินในแอปเพื่อป้องกันคนร้ายได้ เพราะหากคนร้ายหลอกเหยื่อให้ติดตั้งแอปสำเร็จก็สามารถอ่าน SMS เพื่อนำ OTP ไปขยายวงเงินได้อยู่ดี นอกจากมาตรการเพิ่มเติมในฝั่งแอปธนาคารแล้ว ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังเตรียมทำตาม พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่จะเปิดทางให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เปิดบัญชีทุจริตและบัญชีม้า ทำให้น่าจะตามปิดบัญชีเหล่านี้ได้เร็วขึ้น โดยมาตรการนี้ต้องรอพ.ร.ก. มีผลบังคับใช้เสียก่อน ก่อนหน้านี้มีเหตุคนร้ายโจมตีด้วยแอปดูดเงินโดยระหว่างการหลอก มีขั้นตอนบอกให้เหยื่อนำหน้ามาใกล้โทรศัพท์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะหลอกให้เหยื่อยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าอยู่ มาตรการใหม่นี้จะได้ผลเพียงใดจึงต้องรอดูต่อไป ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย
# กลุ่มต่อต้าน Tesla Full Self-Driving ไปไกล ซื้อโฆษณา Super Bowl บอกว่าระบบอัตโนมัติอันตราย ในสหรัฐอเมริกามีกลุ่มรณรงค์ชื่อ The Dawn Project นำโดย Dan O’Dowd เศรษฐีเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ Green Hills Software ทำด้านระบบปฏิบัติการฝังตัว กลุ่ม The Dawn Project รณรงค์ต่อต้านการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ Full Self-Driving ของ Tesla ว่ายังไม่มีความปลอดภัยมากพอสำหรับการใช้บนถนนจริงและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนเดินถนนได้ (เป้าหมายคือระบบคอมพิวเตอร์ในภาพรวมควรปลอดภัย แต่สนใจ Tesla มากเป็นพิเศษ) แคมเปญรณรงค์ของกลุ่มมีหลายทาง มีทั้งการซื้อหน้าโฆษณาหนังสือพิมพ์ เข้าชื่อกดดันนักการเมือง แต่ล่าสุดแคมเปญกำลังไปไกลถึงการซื้อสล็อตโฆษณาในช่วงพักครึ่ง Super Bowl ซึ่งมีราคาแพงมหาศาล เพื่อเผยแพร่คลิปโฆษณาว่า Full Self-Driving เป็นภัยต่อสังคม (จะออนแอร์ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ 13 กุมภาพันธ์ ตอนเช้า ตามเวลาประเทศไทย) คลิปโฆษณาของ The Dawn Project ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าตั้งใจโจมตี Tesla และนำเคสสุดโต่งมานำเสนอ โดยไม่มี methodology การทดลองที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งไม่ได้พูดถึงระบบช่วยขับขี่ของรถยนต์แบรนด์อื่นๆ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo/Cruise ด้วย ในขณะที่ฝั่งของ The Dawn Project ก็พยายามยืนยันว่าเผยแพร่ฟุตเตจวิดีโอทั้งหมดอยู่แล้ว ตรวจสอบวิธีการทดลองย้อนกลับได้ ที่มา - Electrek
# 1Password เตรียมสนับสนุน Passkey เต็มรูปแบบ ยกเลิกระบบรหัสผ่านเดิมทั้งหมด 1Password ผู้ให้บริการระบบจัดการรหัสผ่าน ประกาศเดินหน้าสนับสนุนแนวทาง Passkey ให้เป็นมาตรฐานของการล็อกอินยืนยันตัวตนเต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป (ฤดูร้อนอเมริกา) 1Password จะล็อกอินใช้งานด้วย Passkey เท่านั้น ไม่มีการกรอกรหัสผ่านรูปแบบเดิมอีกแล้ว รวมถึงผู้สมัครใช้งานใหม่ก็ไม่ต้องตั้งรหัสผ่านอีกต่อไป วิธีการดังกล่าว 1Password ใช้คำว่า All In หรือไปแบบเต็มตัว ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ซึ่งบริษัทเคยเปิดตัวรองรับ Passkey ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว 1Password บอกว่าแนวทางนี้ไม่ใช่ของใหม่ที่ยากเกินไป ยิ่งหากเป็นผู้ใช้งาน 1Password เป็นประจำ เพราะผู้ใช้งานก็ยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมทริกบนอุปกรณ์มือถืออยู่แล้ว (ลายนิ้วมือ, ใบหน้า) แต่ตอนนั้นอาจมีการถามรหัสผ่านเป็นครั้งคราวบ้าง Passkey ใช้กุญแจดิจิทัลซึ่งเข้ารหัสและเก็บไว้ที่อุปกรณ์ของผู้ใช้งาน โดยการจัดเก็บข้อมูลของ 1Password จะใช้แนวทางเดียวกับ Secret Key เป็นชุดตัวอักษรเข้ารหัส และปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่รองรับ Passkey เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มา: 1Password
# เผยผู้ให้เสียงบรรยาย (Voice Actor) ถูกกดดันให้อนุญาต นำเสียงไปใช้เทรน AI มากขึ้น เว็บไซต์ Motherboard รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากคนที่ทำงานด้านการให้เสียงบรรยาย (Voice Actor) ซึ่งใช้ในงานเช่น โฆษณา เสียงเปิดไตเติ้ล หรืออนิเมชั่น ในอเมริกา ว่าพวกเขาเริ่มถูกแจ้งให้เซ็นสัญญาเพิ่มเติม เพื่ออนุญาตให้สิทธิการใช้งานเสียงกับผู้ว่าจ้าง ทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถนำเสียงของเขาไปเทรนข้อมูลสำหรับพัฒนา AI สร้างเสียงบรรยายขึ้นมาต่อได้เอง สถานการณ์นี้ค่อนข้างยากลำบาก เพราะหากผู้ให้เสียงบรรยายไม่เซ็นยินยอม ก็เป็นไปได้ว่าโอกาสได้งานอื่นในอนาคตอาจลดลงด้วย ในประเด็นนี้ NAVA หรือสมาคมกลุ่มผู้ทำงานด้าน Voice Actor ก็ออกคำแนะนำว่าผู้ให้เสียงบรรยาย ต้องไม่เซ็นสัญญาที่อนุญาตให้สิทธิการนำเสียงไปใช้งานอื่นต่อ นอกเหนือสำหรับใช้ประกอบชิ้นงานนั้นที่ตกลงกัน แม้แนวทางหนึ่งที่อาจทำให้ปัญหานี้ลดลงได้คือการให้ผลประโยชน์กับเจ้าของเสียงเป็นรายครั้ง หากมีการนำเสียงสังเคราะห์ไปใช้งาน แต่ส่วนแบ่งที่ได้ก็ย่อมน้อยลง เทียบกับการให้เสียงบรรยายเอง SungWon Cho หรือ ProZD ผู้ให้เสียงบรรยายอนิเมชั่นที่มีผลงานจำนวนมาก มองว่าแนวทางนี้ไม่ให้เกียรติกับผู้ให้เสียงบรรยายในเชิงสร้างสรรค์ แม้คนอาจมองว่า AI สามารถทดแทนกันได้ในหลายมิติ ทั้งโทนเสียง อารมณ์ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่การเลียนแบบเท่านั้น ที่มา: Motherboard ภาพ Pixabay
# พนักงานกูเกิลเองก็ไม่พอใจ วิจารณ์ผู้บริหารรีบเปิดตัว Bard เร็วเกินไป ทั้งที่ยังไม่พร้อม CNBC รายงานข้อมูลจากกระดานสนทนาภายในของพนักงานกูเกิล ระบุว่าพนักงานเองก็โพสต์วิจารณ์ผู้บริหารว่าเร่งเปิดตัว Bard มากเกินไป จนมีปัญหา Bard ให้ข้อมูลผิด และทำให้ราคาหุ้นตก ในโพสต์นี้บอกว่าทั้งการเปิดตัว Bard และการปลดพนักงานรอบล่าสุด 12,000 คน เกิดขึ้นอย่างเร่งรีบและผลคือความล้มเหลว ผู้โพสต์ระบุชื่อถึงซีอีโอ Sundar Pichai ว่าขอให้กลับมายึดกับเป้าหมายระยะยาวดีกว่า ส่วนอีกโพสต์บอกว่า Sundar และทีมบริหารควรได้คะแนนประเมินระดับต่ำสุด โดยให้เหตุผลว่าการตัดสินใจของผู้บริหารเป็นการมองแค่ในระยะสั้น และไม่มี "ความเป็นกูเกิล" (un-Googlely) อย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้ Bard ยังไม่เปิดบริการต่อสาธารณะ ที่มา - CNBC
# [ลือ] Meta อาจต้องปลดพนักงานอีกรอบเดือนมีนาคม หลังปลดมาแล้ว 11,000 คน Financial Times รายงานว่าบริษัท Meta อาจต้องปลดคนอีกรอบ หลังปลดไปชุดใหญ่ 11,000 คนเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยมีข่าวหลุดมาว่าฝ่ายบริหารยังไม่อนุมัติจำนวนพนักงาน (headcount) และงบประมาณของแต่ละฝ่ายมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว เทียบกับช่วงปกติที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการอนุมัติ ปกติแล้ว Meta ยังอนุมัติงบประมาณเสร็จภายในสิ้นปี แต่ตอนนี้ล่วงเลยมาเดือนกุมภาพันธ์แล้วยังไม่อนุมัติงบของปี 2023 ในกลุ่มพนักงานจึงคาดกันว่าจะมีการปลดคนรอบใหม่ช่วงเดือนมีนาคม ข้อมูลนี้ยังสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้คือ พนักงานระดับผู้จัดการ จะถูกลดบทบาทการคุมทีมลง เพราะบริษัทมองว่ามีผู้จัดการมากเกินไป ในงานแถลงผลประกอบการเมื่อต้นเดือนนี้ Mark Zuckerberg ประกาศว่าปี 2023 จะเป็นปีแห่งประสิทธิภาพ (the year of efficiency) ซึ่งพนักงานบางคนก็วิจารณ์ว่า ตอนนี้คือพนักงานจำนวนมากไม่มีอะไรให้ทำ เพราะงบประมาณยังไม่อนุมัตินั่นเอง ที่มา - Financial Times
# Reddit โดนแฮ็กระบบภายใน ข้อมูลผู้ใช้ไม่รั่ว ต้นเหตุเกิดจากพนักงานโดน Phishing Reddit ยอมรับว่าถูกแฮ็กระบบภายใน ผ่านบัญชีของพนักงานที่ถูก phishing แต่ยังไม่พบข้อมูลของผู้ใช้รั่วไหล Reddit ค้นพบการแฮ็กครั้งนี้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2023 โดยแฮ็กเกอร์พยายามส่งลิงก์ที่หน้าตาเหมือนเว็บไซต์ภายในให้พนักงาน เพื่อหลอกเอารหัสผ่านและ token จาก 2FA ซึ่งประสบความสำเร็จ ผลที่ได้คือแฮ็กเกอร์เข้าถึงเอกสารภายใน ข้อมูลของพนักงานจำนวนหนึ่ง โค้ด และแดชบอร์ดข้อมูลธุรกิจ แต่เข้าไม่ถึงระบบโปรดักชันที่รัน Reddit รวมถึงข้อมูลของลูกค้า หลังจากค้นพบการแฮ็ก ทีมความปลอดภัยได้สอบสวนและปรับปรุงระบบ แต่ก็ย้ำเตือนว่าจุดอ่อนที่สุดย่อมเป็นมนุษย์ดังเช่นในเคสนี้ ที่มา - Reddit
# Opera ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Generative AI ใส่เข้ามาในเบราว์เซอร์ Opera ประกาศเตรียมนำฟีเจอร์ Generative AI หรือ AI สร้างเนื้อหา ใส่เข้ามาในเบราว์เซอร์ ทั้งเวอร์ชันพีซีและเวอร์ชันบนมือถือ รวมทั้งมีแผนนำโปรแกรม AI สร้างเนื้อหาที่มีอยู่มารวมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในฐานะพาร์ตเนอร์ Song Lin ซีอีโอร่วมของ Opera บอกว่าเบราว์เซอร์มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอด ตอนนี้ความสนใจของคนจำนวนมากคือเครื่องมือ AI สร้างเนื้อหา จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่เบราว์เซอร์จะเข้ามามีบทบาทร่วม เพื่อสร้างเว็บที่มีพื้นฐานจาก AI แผนการที่ Opera บอกเบื้องต้น คือนำบริการ AI สร้างเนื้อหาใส่ที่ sidebar ด้านข้างของเบราว์เซอร์ รวมทั้งนำคุณสมบัติของ AI นี้ มาช่วยสร้างฟีเจอร์ชื่อ Shorten เป็นปุ่มเดียวกดแล้ว AI จะช่วยสรุปเนื้อหาบทความในเว็บนั้นให้ และจะมีฟีเจอร์อื่นเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งล้วนเป็นไปได้ตามความสามารถของ AI สร้างเนื้อหานั่นเอง ที่มา: Opera
# เพื่อชาวเกมเมอร์? มีคนพบหน้าจอตั้งค่าไฟ RGB ใน Settings ของ Windows 11 Insider มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ Albacore ค้นพบหน้าจอตั้งค่าไฟ RGB ของอุปกรณ์เกมมิ่ง ในแอพ Settings ของ Windows 11 Insider Build 25295 ที่เพิ่งออกในสัปดาห์นี้ การตั้งค่า Lighting อยู่ในหมวด Personalization โดยจะแสดงรายการอุปกรณ์ที่รองรับไฟ RGB เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด สามารถตั้งค่าความสว่าง สี (ตั้งแต่สีเดียว สีรุ้ง สีรุ้งกลับด้าน) ความเร็วของการแสดงไฟ และสามารถตั่งค่าสีให้ตรงกับ accent color ของ Windows ได้ด้วย ไมโครซอฟท์ยังไม่ประกาศฟีเจอร์นี้ต่อสาธารณะ แต่คาดว่าความนิยมของไฟ RGB ในช่วงหลังๆ ทำให้ไมโครซอฟท์เล็งเห็นว่าทำแล้วคุ้ม มีคนใช้เยอะนั่นเอง ที่มา - Windows Central
# ผลงานใหม่ Jonathan Ive ออกแบบตราสัญลักษณ์ขึ้นครองราชย์ให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 Jonathan Ive มีผลงานใหม่อีกแล้ว รอบนี้เป็นตราสัญลักษณ์ฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งจะมีพิธีในวันที่ 6 พฤษภาคม 2023 Ive บอกว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่เขาและบริษัท LoveFrom ได้มารับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ ธีมของตราสัญลักษณ์อิงอยู่บนความสนใจของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในเรื่องสิ่งแวดล้อม เขาจึงใช้การออกแบบที่แสดงออกถึงการมองโลกในแง่ดีของฤดูใบไม้ผลิ และการเฉลิมฉลองของการขึ้นสู่ยุคใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Ive รับงานออกแบบให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพราะเมื่อปี 2021 เคยออกแบบตราสัญลักษณ์คล้ายๆ กันให้กับเจ้าชายชาร์ลส์ (ยศในตอนนั้น) ในโครงการประชุม Terra Carta Action Forum ที่พระองค์เป็นเจ้าภาพ ที่มา - Royal.uk, The Verge
# Yoko Taro ผู้สร้างเกม NieR เปิดตัวเกมใหม่ 404 Game Re:set นำเกม Sega มาทำเป็นสาวน้อย Yoko Taro นักออกแบบเกมชื่อดัง ผู้กำกับเกมตระกูล NieR เปิดตัวเกมใหม่ชื่อ 404 Game Re:set ร่วมกับ Sega เป็นเกมมือถือที่ตอนนี้ยังทำตลาดเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แนวคิดของเกม 404 Game Re:set ยังแหวกแนวเช่นเคย เพราะรอบนี้เป็นการนำเกมแฟรนไชส์ดังๆ ของ Sega มาจินตนาการใหม่เป็นตัวละครหญิง ส่วนผู้เล่นต้องรับบทเป็นบริษัท Sega ที่กลายเป็นวายร้ายในโลกของเกมนี้ ตัวละครหญิงที่เปิดตัวมาแล้วมี 4 เกมคือ After Burner, Out Run, Virtua Cop, Virtua Fighter โดยจะมีตัวละครอื่นๆ ตามมาอีกภายหลัง Yoko Taro บอกว่าไอเดียของเกมนี้คือนำเกมของ Sega มาทำเป็นตัวละครหญิง เขาจึงอยากใส่บริษัท Sega เข้ามาในเกมด้วย แต่คิดว่า Sega ไม่อยากให้ภาพลักษณ์ออกมาดี เขาจึงให้ Sega เป็นตัวร้ายแทน ที่มา - Sega, VGC
# Cloudflare เปิดโครงการ Wildebeest เซิร์ฟเวอร์ใช้งานกับ Mastodon ทำงานบนแพลตฟอร์มของตัวเอง Cloudflare เปิดโครงการ Wildebeest ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สสำหรับใช้งานร่วมกับ Mastodon โดยตัวซอฟต์แวร์ออกแบบมาให้ใช้งานกับแพลตฟอร์มของ Cloudflare เอง เซิร์ฟเวอร์ Mastodon มาตรฐานนั้นสร้างจาก Ruby, Node.js, PostgreSQL, และ Redis แต่ Wildebeest นั้นใช้แพลตฟอร์มของ Cloudflare ได้แก่ Workers, Pages, Durable Objects, Queues, และ D1 นอกจากนี้ Wildebeest ยังรองรับ API สำหรับ ActivityPub, WebFinger, NodeInfo, WebPush และมีเว็บในตัวสำหรับแสดง timeline แม้ตัวซอฟต์แวร์จะโอเพนซอร์สแต่โปรแกรมต้องการบริการ Image ขั้นต่ำเดือนละ 5 ดอลลาร์ และต้องการ Wokers Unbound ที่มีค่าบริการขั้นต่ำ 5 ดอลลาร์เช่นกัน ที่มา - Cloudflare
# ChatGPT Plus เปิดให้สมัครใช้งานในไทยแล้ว ราคา 20 ดอลลาร์ต่อเดือน ChatGPT Plus บริการ subscription รายเดือนสำหรับผู้ใช้ ChatGPT แชทบ็อท AI ของ OpenAI ที่กำลังมาแรงตอนนี้ เปิดให้สมัครใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย โดยคิดราคาที่ 20 ดอลลาร์ต่อเดือน ไม่ได้แปลงเป็นสกุลเงินบาท เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ChatGPT ประกาศแผนใช้งานแบบเสียเงิน โดยเริ่มที่อเมริกาก่อนและบอกว่าจะเพิ่มเติมประเทศในอนาคต ซึ่งก็ไม่ต้องรอกันนานสำหรับประเทศไทย OpenAI บอกว่าผู้สมัครใช้ ChatGPT Plus จะได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ได้แก่ สามารถใช้งานได้เป็นปกติแม้เวลานั้นจะมีผู้ใช้งานจำนวนมาก, ได้คำตอบเร็วกว่าผู้ใช้ทั่วไป และได้ลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร
# ByteDance เข้าสู่ธุรกิจ Food Delivery แล้ว สั่งผ่าน Douyin หรือ TikTok เวอร์ชันจีน ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เปิดเผยว่าบริษัทเริ่มทดสอบบริการส่งอาหารในจีนแล้ว โดยเริ่มที่เมืองปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเฉิงตูก่อน โดยรูปแบบการสั่งอาหารจะทำผ่านแอป Douyin หรือแอป TikTok เวอร์ชันจีน อย่างไรก็ตามโมเดลการให้บริการ จะแตกต่างไปจากแอปสั่งอาหารที่เราคุ้นเคยซึ่งเป็นแบบออนดีมานด์ โดยวิธีของ Douyin จะให้ร้านอาหารไลฟ์ในแอปทำการตลาด จากนั้นเปิดการขาย พร้อมโปรโมชันในการสั่ง ผู้ใช้งานจึงสั่งอาหารผ่านไลฟ์และกำหนดเวลาส่งแทน รวมทั้งให้ข้อเสนอแบบซื้อรวมกลุ่มไปส่งที่เดียวกันจำนวนมาก ก็จะได้ส่วนลดที่มากขึ้น ปัจจุบันผู้ให้บริการเดลิเวอรีรายใหญ่ในจีนคือ Meituan และ Ele.me ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจของ Alibaba ที่มา: CNBC
# Steve Wozniak บอก Elon Musk กับ Steve Jobs เหมือนกันตรงชอบเป็นผู้นำทางความคิด Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับรายการ Squawk Box ทาง CNBC โดยช่วงหนึ่งเปรียบเทียบ Elon Musk กับเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล Steve Jobs ว่ามีความเหมือน-ต่างอย่างไร Wozniak บอกว่า เขาจัดกลุ่มให้สองคนนี้เหมือนกัน ตรงที่เป็นคนมีความสามารถการสื่อสารโน้มน้าวผู้คน ชอบเป็นผู้นำทางความคิด มีคนพร้อมเชื่อและทำตามไม่ว่าเขาจะบอกอย่างไร แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่แตกต่าง Wozniak บอกว่าเป็นเรื่องความซื่อสัตย์ เขาพูดถึงตอนตัดสินใจซื้อ Tesla เมื่อปี 2016 เพราะเชื่อว่ารถจะขับเคลื่อนได้อัตโนมัติเองเต็มรูปแบบ อย่างที่ Musk เคยบอกไว้ เมื่อต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 5 หมื่นดอลลาร์เพื่ออัพเกรดระบบ เขาก็ยินดีจ่าย แต่รถก็ยังขับเคลื่อนเองไม่ได้อย่างที่บอก ทั้งนี้ Tesla และ Elon Musk ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นต่อเนื้อหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม Wozniak บอกว่าต้องให้เครดิต Musk ที่ผลักดันรถ Tesla ในแบบที่เขาต้องการ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารวมเติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ที่มา: Business Insider
# เปิดตัว Realme GT Neo 5 พร้อมระบบชาร์จเร็ว 240W แบตเต็มภายใน 9 นาที Realme ประเทศจีนเปิดตัว Realme GT Neo 5 มือถือซีรีส์ท็อปรุ่นใหม่ของปี 2023 (ต่อจาก Realme GT Neo 3 แล้วข้ามเลข 4 ตามธรรมเนียมจีน) มีจุดเด่นที่ระบบชาร์จเร็วสูงสุด 240W ที่ใช้เทคโนโลยี SuperVOOC ของ Oppo สเปกของ Realme GT Neo 5 คือหน้าจอ 6.7" 144Hz AMOLED, ชิป Snapdragon 8+ Gen 1, กล้องหลังหลัก 50MP + 8MP + 2MP, แบตเตอรี่ขนาด 4,600 mAh ชาร์จเต็ม 100% ภายใน 9 นาที Realme GT Neo 5 แยกเป็นรุ่นชาร์จเร็ว 150W ราคาเริ่มต้น 2,599 หยวน (แรม 8GB+256GB) และรุ่นชาร์จเร็ว 240W ราคาเริ่มต้น 3,199 หยวน หรือประมาณ 16,000 บาท (แรม 16GB+256GB) ที่มา - Realme China, xda
# JD.com เผยบริษัทก็มีแชทบ็อท AI เน้นทำงานเฉพาะด้าน เช่น ค้าปลีก การเงิน JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน (ที่เพิ่งประกาศปิดบริการในไทย) เปิดเผยว่าบริษัทมีแชทบ็อท AI แนว ChatGPT ด้วยเช่นกัน โดยมีชื่อเรียกว่า ChatJD ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ChatJD จะเป็นแชทบ็อทสำหรับภาคธุรกิจอุตสาหกรรม โดยโฟกัสที่การทำงานสำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและการเงิน JD บอกว่าแชทบ็อทนี้จะนำมาช่วยในงานเช่น ทำการสรุปข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ขายสินค้า หรือเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยนักวิเคราะห์ทางการเงิน ซึ่งมองว่าการพัฒนาแชทบ็อท AI เฉพาะทางจะช่วยให้บริษัทมีความแตกต่างจากคู่แข่งแนว ChatGPT นั่นเอง ที่มา: CNBC
# ไมโครซอฟท์ปลดคนอีกระลอก ทีม HoloLens และ Metaverse โดนหนัก ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าปลดพนักงานอีกระลอก โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนปลด 10,000 คน ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคม (อยู่ในโควต้าเดิมแต่เพิ่งตามมาปลดทีหลัง) จำนวนทั้งหมดยังไม่แน่ชัด แต่เฉพาะในเขตเมืองซีแอทเทิลใกล้กับสำนักงานใหญ่มี 617 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไมโครซอฟท์แจ้งต่อสำนักงานแรงงานของรัฐ แผนกที่โดนมีทั้ง Surface, HoloLens, Xbox โดยการปลดคนในแผนก HoloLens ทำให้ทีมที่เหลืออยู่ตั้งคำถามว่าตกลงแล้วบริษัทยังจะทำ HoloLens เวอร์ชัน 3 ต่อหรือไม่ อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ปลดแผนก Industrial Metaverse ที่เพิ่งตั้งในเดือนตุลาคม 2022 (ทำงานมาได้ 4 เดือน) เน้นทำตลาด mixed reality ในภาคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า ธุรกิจขนส่ง มีพนักงานประมาณ 100 คน โดนปลดออกทั้งหมดด้วย โฆษกของไมโครซอฟท์ตอบประเด็นนี้แค่ว่ายังทำตลาด HoloLens 2 และ mixed reality ต่อไป เมื่อวานนี้ GitHub บริษัทในเครือไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศปลดคนออก 250 คน และเปลี่ยนไปทำงานแบบรีโมท 100% ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอีกแล้ว ที่มา - Bloomberg, The Information
# Satya มั่นใจ Bing เวอร์ชันใหม่พลัง OpenAI จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากกูเกิลได้ รอวันนี้มา 20 ปี Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์กับ The Verge เนื่องในโอกาสเปิดตัว Bing โฉมใหม่พลัง AI ซึ่งเขามั่นใจว่าจะช่วยให้ Bing แข่งขันกับกูเกิลได้อย่างสูสีมากขึ้น และชิงส่วนแบ่งตลาดมาจากกูเกิลได้ Nadella ยอมรับว่ากูเกิลครองตลาด search ด้วยส่วนแบ่งที่เยอะมาก เปรียบได้กับเป็นลิงกอริลลาตัวใหญ่ ตัวเขาทำเรื่อง search มาตั้งแต่ 20 ปีก่อน (Nadella เคยอยู่ในฝ่าย Online Services ของไมโครซอฟท์) และรอจังหวะนี้มานานมาก หลังจากเขาได้ลองใช้ OpenAI เขาก็พบว่ามันมาถึงแล้ว และคิดว่านวัตกรรมของ Bing รอบนี้จะช่วยชิงส่วนแบ่งตลาดจากกูเกิลได้ Nadella ยังยืนยันว่าโมเดลของ Bing เป็น "เวอร์ชันใหม่" (next-generation) แต่ไม่ยอมเรียกมันว่า GPT-4 โดยบอกว่าต้องรอ OpenAI แถลงข้อมูลเอง แต่ไมโครซอฟท์เรียกมันว่า Prometheus ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับการค้นหามากขึ้น เขายังเล่าถึงการปรับตัวของไมโครซอฟท์ในอดีต ว่าต้องยอมกัดฟันทิ้งธุรกิจเดิมที่ทำกำไรสูง เพื่อเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แม้มีอัตรากำไรน้อยกว่าก็ตาม เขายกตัวอย่างว่าไมโครซอฟท์หันมาทำคลาวด์เพราะต้องปรับ Exchange server ให้เป็น Exchange service หรือธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ที่กำไรสูง ก็ต้องหันมาเป็นคลาวด์ที่กำไรน้อยลง 4 เท่า การปรับตัวของ Bing ที่มีส่วนแบ่งตลาดน้อยแต่อัตรากำไรดี มาสู่ยุค AI ก็เป็นแบบเดียวกัน ในประเด็นว่าการที่ Bing เปลี่ยนจาก search engine มาเป็น answer engine จะมีผลให้ส่องต่อทราฟฟิกไปยังเว็บไซต์ต่างๆ น้อยลงหรือไม่ เขายังตอบได้ไม่ชัดเจนนัก เขาบอกว่าทุกคนในวงการคงต้องเรียนรู้ไปด้วยกันว่าโมเดลธุรกิจใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร Nadella ยังตอบคำถามเรื่องแบรนด์ Bing ว่าจะยังใช้แบรนด์นี้ต่อไป แม้ตอบแบบติดตลกว่าจริงๆ แล้วเราอยากเรียกมันว่า Azure Search 2023 ก็ตาม ที่มา - The Verge
# เจาะลึก SCB Technology ทีมเทคโนโลยีธนาคาร ที่ดูแลธุรกรรมนับล้านในหนึ่งวินาที หากพูดถึงธนาคารในแง่มุมเทคโนโลยีในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมนี้มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB จัดได้ว่าเป็นธนาคารระดับแถวหน้าที่ให้ความสำคัญของเรื่องนี้อย่างจริงจัง ปัจจุบันธนาคารถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความท้าทาย ต้องปรับตัวและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น และ SCB เป็นองค์กรที่สร้าง New Way of Work ตอบโจทย์ธุรกิจในอนาคต สำหรับนักพัฒนาหรือคนทำงานในสายเทคที่กำลังมองหาตำแหน่งงานในธนาคารไทยพาณิชย์อยู่… Blognone Workplace จะพาไปรู้จักกับ ทีม SCB Technology กลุ่มนักพัฒนาทีมีความรู้ ทักษะและความชำนาญด้านเทคโนโลยีระดับ Enterprise Platform ให้มากขึ้น ภาพรวมทีม SCB Technology ทีม SCB Technology รับผิดชอบระบบเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคของธนาคาร คุณเติ้ล วีรสกล ชวะโนทัย ตำแหน่ง Head of Digital Delivery ดูแลภาพรวมของทีมเล่าว่า ทีม SCB เทคโนโลยีแบ่งหน้าที่เป็น 3 ฝ่ายหลักๆ ทีม Digital Innovation มีหน้าที่หาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมาตอบโจทย์ด้านธุรกิจของธนาคาร และความต้องการของลูกค้า ทีม Core Bank ดูแลและพัฒนาระบบ back-end ที่เป็นหัวใจหลักของธนาคาร เช่น ระบบ เงินฝาก ระบบชำระเงิน หรือระบบสาขา ทีม Infrastructure ดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคของธนาคาร คุณเติ้ลเน้นย้ำว่า แม้ทีม core bank และทีม infrastructure จะดูมีหน้าที่แค่ดูแลระบบ แต่ในความเป็นจริงก็ต้องทำในเชิงพัฒนาและนำเสนอของใหม่ๆขึ้นมาด้วยเช่นกัน คุณเติ้ล วีรสกล ชวะโนทัย ตำแหน่ง Head of Digital Delivery วัฒนธรรมการทำงาน และ career path และการให้โอกาสในการทำงาน สำหรับการทำงานของทีมเทค จะใช้วิธีแบบไฮบริด คือเอาวิธีการเดิมอย่าง SDLC (System Development Life Cycle) และ Agile โดยนำข้อดีของทั้ง 2 วิธีมารวมกัน เนื่องจากระบบของธนาคาร ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันกับหลายภาคส่วนภายในธนาคาร และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้หลายๆ ส่วนไม่สามารถอัพเกรด หรือเปลี่ยนแปลงได้ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน แต่ต้องมีการวางแผน วางตารางที่ชัดเจน ส่วนเรื่องโอกาสในการทำงานและ career path ที่ SCB Technology มีสไตล์การทำงานเชิงบริษัทสตาร์ทอัพ คือเปิดโอกาสให้ตั้งแต่เด็กจบใหม่ ไปจนถึงระดับ mid-career สามารถแสดงความเห็น และเรียนรู้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ยังมีหน่วยงาน Digital Technology Academy ส่งเสริมการเรียนรู้ทั้ง Technical skill Soft skill หรือกระทั่งการเรียนผ่าน e-learning ที่ไม่ได้มีแค่คอร์สเรื่องการทำงาน แต่มีคอร์สอื่นๆ เช่น คอร์สการสื่อสารภาษาอังกฤษ คอร์สทำอาหารก็มี ขณะเดียวกันในระหว่างการทำงาน ก็จะมีการ coaching จากรุ่นพี่หรือหัวหน้า เพื่อให้พนักงานรุ่นใหม่ๆ ได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคตได้ด้วย และยังมี Boostcamp ที่เรียกว่า New Joiner Onboarding Program ที่จะปูพื้นฐานการทำงานภายในองค์กรให้พนักงานใหม่ ทั้ง Coding languages และ Tools ต่างๆ ไปจนถึง SCB Culture ที่มีรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Workplace พนักงานทุกคนทำงานร่วมกันอย่างสนุก เป็น Teamwork มีเป้าหมายเน้นความสำเร็จและให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด สถานที่แห่งการให้โอกาส คนที่เป็นตัวอย่างได้ดีที่สุด ในแง่ของการได้รับโอกาสจาก SCB Technology คือคุณต่าย ภา ภูรีมหาววงศ์ ตำแหน่ง AVP Project Manager ที่บอกว่ากรณีคุณต่ายคือตัวอย่างที่ดีเรื่องการให้โอกาสของ SCB Technology เพราะแบ็คกราวด์คุณต่าย ไม่ได้มีประสบการณ์ ไม่เคยทำงานสายเทคหรือแม้แต่สายธนาคารมาก่อน คุณต่ายเล่าว่าตัวเองจบปริญญาตรี สาขานิเทศศาสตร์ และ ปริญญาโท สาขา entrepreneurship เคยเป็น Project Manager ของบริษัทออแกไนเซอร์มาก่อนราว 6 ปี และมีใบรับรองด้าน PMP (Project Management Professional) และด้าน Agile แต่ SCB Technology ก็ให้โอกาสเข้ามาทำงาน คุณต่าย ภา ภูรีมหาววงศ์ ตำแหน่ง AVP Project Manager แม้การก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ จะสร้างความกดดันและความท้าทายในช่วงแรก แต่คุณต่ายก็บอกว่าประทับใจวัฒนธรรมที่นี่มากๆ เพราะทุกคนให้ความช่วยเหลือและซัพพอร์ทดีมากๆ โดยที่ยังรับผิดชอบงานของตัวเองได้เป็นอย่างดี และไม่มีการได้ยินคำตอบว่า “นี่ไม่ใช่งานของฉัน ฉันไม่ทำ” ขณะที่ในแง่ของตำแหน่งงาน Project Manager จะรับผิดชอบดูแลภาพรวมของโปรเจ็ค ให้สำเร็จออกมาให้ได้ โดยจะดูทั้งไทม์ไลน์ สโคปงาน ทรัพยากร งบประมาณ แก้ปัญหาต่างๆ ในโปรเจ็ค หรือถ้ามีอุปสรรคใดๆ ก็มีหน้าที่นำเรื่องนี้ขึ้นไปพูดคุยกับผู้บริหาร โดยโปรเจ็คที่คุณจ่ายรับผิดชอบอยู่ตอนนี้คือ Smart Teller หรือซอฟต์แวร์สำหรับสาขาธนาคาร ที่ SCB ต้องการจะยกเครื่องใหม่ทั้งหมด คุณต่ายบอกว่า สาเหตุที่เลือกมาทำงานกับ SCB เพราะมองว่าด้วยอายุของตัวเองตอนนี้ เริ่มอยู่ในระดับ mid-career แล้ว เลยต้องการมองหาองค์กรที่มั่นคง มี career path ที่ดี ซึ่งที่ SCB ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะ career path ที่มีพื้นที่ให้ได้พัฒนาตัวเองเพื่อไปต่อไว้อย่างชัดเจน พนักงานส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่า โดยหน้าที่และ career ของตัวเองอยู่จุดไหน และจะไปต่อต้องทำยังไง ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับภาพจำขององค์กรใหญ่ ที่ดูจะเติบโตยาก ต้องรอให้คนข้างบนย้าย ออกหรือเกษียณก่อน แต่ที่ SCB ไม่ได้เป็นในลักษณะนั้นเสียทีเดียว สิ่งที่คุณต่ายประทับใจที่สุดกับการทำงานที่นี่คือสวัสดิการ โดยเฉพาะสวัสดิการที่ชื่อว่า SCB Telecare เวลาเจ็บป่วย ก็ไม่ต้องลำบากไปต่อคิวที่โรงพยาบาล สามารถพูดคุยกับคุณหมอผ่านทางวิดีโอคอลและรอรับยาอยู่ที่บ้าน เสียงสะท้อนจากพนักงาน บอส รังรักษ์ ไมตรีบริรักษ์ - ตำแหน่ง Software Engineering น้องบอสเข้ามาทำงานที่ SCB เป็นที่แรกหลังเรียนจบ ปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว หน้าที่ของน้องบอสคือเป็น back-end developer ดู Database และ micro service เป็นหลัก โดยโปรเจ็คที่รับผิดชอบคือ Smart Teller สิ่งที่น้องบอสบอกว่าประทับใจที่สุดคือเมื่อตอนเช้ามา แทบไม่มี culture shock เลย เพราะถูกต้องรับด้วย New Joiner Onboarding Program ของ Digital Technology Academy ที่จะปูพื้นฐานภาษาโปรแกรมมิ่ง เครื่องมือที่ใช้ และวัฒนธรรมขององค์กรให้ตั้งแต่ต้น ทำให้เห็นภาพรวมว่า ตัวเองเมื่อเริ่มงานจริงๆ จะต้องเจอกับอะไร ทำงานกันอย่างไร แต่ละโปรเจ็คใช้ภาษาอะไร รวมถึงการได้คำแนะนำและความช่วยเหลือจากพี่ๆ ในทีมอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเรื่องการแก้ปัญหาต่างๆ หรือการเขียนโค้ดแบบ clean code ฝ้าย พชนัน รัตนโกวิน Cybersecurity Advisory Officer น้องฝ้ายเข้ามาทำงานที่ SCB ได้ 1 ปีพอดี หน้าที่คือเป็นคนดูแลเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ และมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ โดยเป็นไปในลักษณะให้คำปรึกษาและคำแนะนำ เวลาทีมต่างๆ จะเริ่มทำโปรเจ็คใหม่ หรือมีการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งาน รวมถึงตรวจสอบ vendor จากภายนอกด้วยว่า มีมาตรฐานความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ใช้ policy อะไรบ้าง มี IT Governance หรือไม่ เป็นต้น ไปจนถึงคอยให้ความรู้ (awareness) เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์กับพนักงานในองค์กรด้วย น้องฝ้ายบอกว่าที่เลือกมาทำที่นี่เพราะมองว่าธนาคารเป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ และ SCB ก็เป็นธนาคารอันดับต้นๆ ในเรื่องไอที ขณะเดียวกันตัวเองก็ไม่เคยทำงานสายธนาคารมาก่อน ก็แอบกลัวเรื่องวัฒนธรรมองค์กรว่าจะโบราณ แต่พอเข้ามาทำแล้ว น้องฝ้ายใช้คำว่า พลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลย เพราะแม้จะอายุพนักงานในองค์กรจะหลากหลาย แต่ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ มีการรับฟัง เปิดรับความเห็นและให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด สิ่งที่ประทับใจที่ SCB อีกอย่างคือ เนื่องจากการทำงานเป็น Cybersecurity Advisor ต้องคอยอัพเดตข้อมูลความรู้อยู่ตลอด ซึ่งที่ SCB ก็มี material ให้เยอะมากๆ แม้แต่พี่ๆ ในทีมก็ให้คำแนะนำ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน รวมถึงเรื่องการสอบ certificate ต่างๆ ก็มีทั้ง material ทั้งการติวให้ และถ้าสอบได้บริษัทก็จะช่วยออกค่าสอบด้วย สำหรับใครที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา มี open mindset และอยากสัมผัสกับงานด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมผู้ใช้งานหลากหลายและจำนวนหลักล้านคน ไม่ว่าจบใหม่หรือมีประสบการณ์ สามารถเข้าไปดูตำแหน่งที่ SCB Technology เปิดรับได้ที่ Line @CareerSCB
# Kotlin ประกาศแผนเริ่มใช้คอมไพเลอร์ตัวใหม่ K2 มีผลใน Kotlin 2.0 JetBrains ประกาศแผนการใช้งานคอมไพเลอร์ตัวใหม่ K2 ของภาษา Kotlin ที่เริ่มทดสอบใน Kotlin 1.7 โดยจะขยับเลขเวอร์ชันของ Kotlin 2.0 เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ปัจจุบัน Kotlin เวอร์ชันล่าสุดคือ 1.8.10 หลังจากนี้จะออกเวอร์ชัน 1.9 มาก่อน แล้วเปลี่ยนใหญ่เป็น Kotlin 2.0 ที่ใช้คอมไพเลอร์ K2 เป็นดีฟอลต์ คอมไพเลอร์ K2 ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ มีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น 2 เท่า ออกแบบให้ต่อขยายได้ง่าย และแก้บั๊ก แก้หนี้ทางเทคนิคของคอมไพเลอร์ตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน JetBrains บอกว่าจะพยายามรักษาความเข้ากันได้ของโค้ดเดิมให้มากที่สุด และ K2 อาจช่วยให้คอมไพล์โค้ดผ่านได้เยอะขึ้นด้วย (เทียบกับคอมไพเลอร์ตัวเดิม) แต่ก็อาจมีโค้ดเก่าที่พัง เพราะอิงอยู่บนพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของคอมไพเลอร์ตัวเดิมได้เช่นกัน นอกจากตัวคอมไพเลอร์ K2 แล้ว JetBrains ยังพัฒนาปลั๊กอิน Kotlin ของ IntelliJ ขึ้นมาใหม่เพื่อ K2 ด้วย ที่มา - Kotlin Blog
# ซีอีโอ Activision Blizzard บอกโซนี่พยายามบ่อนทำลายดีลไมโครซอฟท์, โทรหาโซนี่ไม่รับสายแล้ว Bobby Kotick ซีอีโอของ Activision Blizzard ให้สัมภาษณ์ถึงดีลขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ โดยระบุชัดว่า โซนี่พยายามบ่อนทำลายดีลนี้ (trying to sabotage) เขาให้ข้อมูลว่าผู้บริหารระดับสูงของโซนี่เลิกคุยกับไมโครซอฟท์ไปแล้ว และตัวเขาเองโทรหา Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ก็ไม่รับสายแล้ว เขาบอกว่าโซนี่เชื่อว่า Activision และไมโครซอฟท์จะไม่ทำเกมลง PlayStation อีกต่อไป ซึ่งไม่เป็นความจริง Kotick ยังวิจารณ์ CMA หน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษ และ FTC ของสหรัฐ ว่าไม่มีความคิดที่เป็นอิสระมากพอ และไม่มองประโยชน์ในภาพใหญ่ของดีลนี้ ซึ่งจะช่วยจ้างงานในอังกฤษเพิ่มอีก 3-4 พันตำแหน่ง แต่เขาชม EU ว่ามีความเข้าใจเศรษฐกิจภาพใหญ่มากกว่า ตัวแทนของโซนี่ปฏิเสธข้อมูลของ Kotick โดยยังบอกว่าติดต่อกับไมโครซอฟท์อยู่ แต่ไม่ขอให้ความเห็นมากไปกว่านี้ ที่มา - Financial Times
# Thunderbird ประกาศยกเครื่อง UI ครั้งใหญ่ ทำแผนระยะยาว 3 ปี ลดการใช้โค้ดจาก Firefox โครงการ Thunderbird เกิดขึ้นพร้อมกับ Firefox (ยุคแรกใช้ชื่อ Firebird) แต่ภายหลังถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับความสนใจจาก Mozilla เท่ากับ Firefox และต้องเปลี่ยนมาออกรุ่นใหม่ปีละแค่รุ่นเดียว จนกระทั่งปี 2020 Mozilla ตั้งหน่วยงานลูกชื่อ MZLA Technologies ขึ้นมารับผิดชอบ Thunderbird และเพิ่มทรัพยากรบุคคลให้บ้าง ทำให้โครงการเริ่มกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ล่าสุด ทีมพัฒนา Thunderbird ประกาศแผน 3 ปี ว่ามีเป้าหมายหลัก 3 อย่างคือ ลดการพึ่งพาโค้ดจาก Firefox ที่ทำให้พัฒนา Thunderbird ได้ยาก เพราะเป้าหมายไปคนละทางกัน โค้ดบางส่วนจะเขียนใหม่และลด "หนี้ทางเทคนิค" (technical debt) ที่สะสมมาเป็นสิบปี สร้างอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องไปในทางเดียวกัน จากของเดิมที่ต่างคนต่างทำจน UI ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ปรับมาใช้ระบบการออกรุ่นใหม่ทุกเดือน แบบเดียวกับ Firefox การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเห็นผลใน Thunderbird เวอร์ชัน 115 โค้ดเนม "Supernova" ที่จะออกช่วงกลางปีนี้ เราจะเริ่มเห็น UI ใหม่ๆ เข้ามาบางส่วน เช่น UI ปฏิทินแบบใหม่ที่ทันสมัยขึ้น เรียบง่ายกว่าเดิม ที่มา - Thunderbird
# Kraken จ่ายเงินยุติคดี ก.ล.ต. สหรัฐห้ามทำ Staking เหรียญคริปโต ผิดกฎหมายหลักทรัพย์ Securities and Exchange Commission (SEC) หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ สั่งปรับบริษัทคริปโต Kraken ในข้อหาไม่จดทะเบียนการขายหลักทรัพย์ จากบริการรับฝากเหรียญแบบมีผลตอบแทน (staking-as-a-service) ซึ่งถือเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายสหรัฐ Kraken เริ่มนำเสนอบริการ staking มาตั้งแต่ปี 2019 โดยรับฝากเหรียญคริปโตจากนักลงทุน แล้วนำเหรียญไปวางค้ำประกันตามแนวทาง proof-of-stake เพื่อรับผลตอบแทนจากเครือข่ายบล็อกเชน แล้วนำเหรียญที่ได้มาแบ่งกำไรกัน ซึ่ง SEC บอกว่า Kraken พยายามโฆษณาว่าเป็นวิธีทำเงินแบบง่ายๆ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วน Kraken ยอมยุติคดีนี้ โดยหยุดให้บริการ staking กับลูกค้าในสหรัฐทันที และจ่ายเงินค่ายุติคดี 30 ล้านดอลลาร์ แลกกับการที่ SEC ยังไม่ตัดสินว่า Kraken มีความผิดเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม Kraken จะยังให้บริการ staking ต่อไปกับลูกค้านอกสหรัฐ ผ่านนิติบุคคลอีกแห่งที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายสหรัฐ ที่มา - SEC, Kraken