txt
stringlengths
202
53.1k
# Gmail บน Android รองรับมือถือหน้าจอคู่ Foldable Gmail ออกอัพเดตแอพเวอร์ชัน Android ให้รองรับมือถือจอพับ foldable แบ่งการแสดงผลเป็นฝั่งซ้าย รายการอีเมล และฝั่งขวา เนื้ออีเมล อัพเดตนี้ยังรองรับการแสดงผลแท็บ Google Chat และ Google Meet แบบ 2-pane ด้วยเช่นกัน ที่มา - Google via Android Central
# ไมโครซอฟท์เล่าเบื้องหลังโมเดล Prometheus เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาข้อมูลใน GPT เก่าเกินไป Jordi Ribas ผู้บริหารฝ่าย Search & AI ของไมโครซอฟท์ เขียนบล็อกบน LinkedIn เล่ารายละเอียดของโมเดล Prometheus ที่ใช้ใน Bing เวอร์ชันใหม่เพิ่มอีกหน่อย Ribas บอกว่าเมื่อกลางปี 2022 ทีม OpenAI โชว์โมเดล GPT เวอร์ชันใหม่ (ที่ยังไม่บอกว่า 4 แต่ใหม่กว่า 3.5) ให้ทีมไมโครซอฟท์ดู ทีมไมโครซอฟท์เห็นศักยภาพจึงเริ่มลงมือพัฒนาเพื่อใช้งานใน Bing แต่ข้อจำกัดของโมเดล LLM แนว GPT คือข้อมูลที่ใช้เทรนจะเก่าในระดับหนึ่ง ไม่มีวันเป็นข้อมูลเรียลไทม์ ไมโครซอฟท์จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการนำข้อมูลเรียลไทม์จาก Bing เข้ามาเชื่อมกับ GPT และนี่คือ Prometheus สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือสร้างตัวเชื่อมระหว่าง Bing กับ GPT ให้ส่งข้อมูลคุยกันไปมา ใช้ชื่อว่า Bing Orchestrator ซึ่งยังไม่เผยรายละเอียดภายใน สิ่งที่ Bing Orchestrator ทำมีทั้งส่งข้อมูลที่เหมาะสมจาก Bing ไปยังโมเดล GPT เพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำ (ภาษาเทคนิคเรียกว่า grounding) และนำคำตอบจาก GPT มาแปะลิงก์อ้างอิงจากข้อมูลใน Bing เพื่อสร้างเป็นคำตอบที่สมบูรณ์กลับไปยังผู้ใช้ นอกจากนี้ Ribas ยังเล่าเรื่องการออกแบบ UI/UX ของ Bing เวอร์ชันใหม่ว่าควรเป็นอย่างไร ซึ่งทีมงานก็มีความเห็นเป็น 2 แนวทาง ระหว่างการคง UI แบบ search ดั้งเดิมเอาไว้เพราะผู้ใช้คุ้นเคย กับการสร้าง UI ใหม่สำหรับโลกแห่งการแชทแทนไปเลย Ribas บอกว่าคำตอบคือถูกทั้งคู่ เพราะรูปแบบการใช้งานต่างกัน คนที่ชอบใช้ UI แบบ search ดั้งเดิมคือการค้นหาคำสั้นๆ ตรงประเด็น ส่วนคนที่ชอบแชทคือถามคำถามที่ซับซ้อนกว่า ดังนั้น UI ใหม่ของ Bing จึงต้องผสมผสานทั้ง search/chat ไว้ในหน้าจอเดียวกัน และสามารถสลับไปมาได้ตามต้องการ ซึ่งเขาบอกว่าการสร้าง UI ใหม่นี้สำคัญไม่แพ้ตัว Prometheus เลย ที่มา - LinkedIn
# นักพัฒนาม็อดดัดแปลง Half-Life 1 ให้รองรับ Ray Tracing ในโลกยุคจีพียูพลัง ray tracing เราเห็นการดัดแปลงเกมฮิตเก่าๆ ให้รองรับฟีเจอร์ ray tracing กันพอสมควร เช่น NVIDIA ที่ทำ Quake II แบบ ray tracing, ตามมาด้วย Minecraft และ Portal คราวนี้มีนักพัฒนารายหนึ่งชื่อ Sultim Tsyrendashiev หรือ sultim-t พัฒนาม็อดของเกม Half-Life ภาคแรกให้รองรับ ray tracing มาแจกจ่ายกันบน GitHub ม็อดตัวนี้จำเป็นต้องใช้ Half-Life 1 ตัวเต็ม (ซื้อได้จาก Steam) และยังไม่ได้ปรับปรุงเท็กซ์เจอร์หรือโมเดลแบบที่ NVIDIA ทำกับ Quake II แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกมเก่าอายุเกือบ 25 ปี (Half-Life 1 ออกปี 1998) ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก ที่มา - Neowin
# Apple ได้ผู้บริหารสายโฆษณาทีวีมาร่วมงาน อาจออกมีแพ็คเกจ Apple TV+ แบบติดโฆษณา มีรายงานว่าแอปเปิลอาจพิจารณาออกแพ็คเกจบริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ แบบที่มีโฆษณากับเขาด้วย โดยมีข้อมูลว่าแอปเปิลได้รับ Lauren Fry อดีตผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเทคโนโลยีโฆษณามาเป็นพนักงาน เพื่อมาดูแลธุรกิจโฆษณาแบบวิดีโอให้กับบริการสตรีมมิ่งของแอปเปิล โดยก่อนหน้านี้ Fry เคยทำงานที่แพลตฟอร์มโฆษณาทีวี Simulmedia และเคยดูแลฝ่ายขายโฆษณาที่ AT&T กับ Comcast อย่างไรก็ตามการจ้าง Fry เข้ามาทำงาน ยังสรุปไม่ได้ว่า Apple TV+ จะมีแพ็คเกจแบบโฆษณา เนื่องจากรายการสตรีมมิ่งกีฬาทั้งลีกเบสบอล Major League Baseball และลีกฟุตบอล Major League Soccer ของอเมริกา ที่ถ่ายทอดสดทาง Apple TV+ นั้น มีโฆษณาด้วยอยู่แล้ว บริการสตรีมมิ่งตอนนี้ต่างออกแพ็คเกจแบบมีโฆษณาในหลายประเทศ เพื่อทำให้ราคาแพ็คเกจถูกลง คาดหวังว่าจะมีผู้สมัครใช้งานมากขึ้น โดยมีรายได้โฆษณามาชดเชยส่วนต่าง ไม่ว่าจะเป็น Netflix หรือ Disney+ ที่เดิมไม่มีแพ็คเกจแบบนี้ ก็หันมาทำแพ็คเกจโฆษณาเพิ่มเติมกัน ที่มา: Engadget
# รวมข่าวลือล่าสุด iPhone 15: USB-C มาแน่ปีนี้, ดีไซน์ภายนอกเหมือนเดิม, เพิ่มสีเครื่องใหม่ ๆ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เว็บ 9to5Mac รายงานข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่ประจำปีนี้ซึ่งคาดว่าจะใช้ชื่อ iPhone 15 จากข้อมูลหลายแหล่ง ทั้งภาพหลุดจากโรงงาน, ไฟล์ CAD และแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียดสรุปดังนี้ ตระกูล iPhone 15 จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ดีไซน์ภายนอกโดยรวมเหมือนเดิมทุกรุ่นตั้งแต่ iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max อาจมีขนาดกว้าง-ยาว-สูง แตกต่างไปเล็กน้อย เรนเดอร์ iPhone 15 Plus พบว่าขอบจอมีขนาดเล็กลง Dynamic Island ฟีเจอร์ที่แสดงข้อมูลตรงรอยบากด้านบน จะเพิ่มมาในรุ่น iPhone 15 ด้วย จากตอน iPhone 14 มีเฉพาะรุ่น Pro รุ่นปกติและ Plus กล้องหลัง 2 ตัว, Pro กล้องหลัง 3 ตัว แบบเดิม คุณสมบัติ LiDAR ยังมีเฉพาะรุ่น Pro เท่านั้น แต่เป็นเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานน้อยลง สีเครื่องสีใหม่ประจำรุ่น ที่แอปเปิลมักใช้ทำการตลาด สำหรับ iPhone 15 Pro เป็น สีแดงเข้ม โค้ด #410D0D ส่วน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มีสองสีคือ ชมพู โค้ด #CE3B6C และ ฟ้าอ่อน โค้ด #0DB1E2 ที่มา: 9to5Mac [1], [2], [3], [4], [5]
# Twitter ปิดระบบ Slack ภายใน, พนักงานคาดเป็นเพราะไม่ยอมจ่ายบิลค่าใช้ Slack เว็บข่าว Platformer รายงานว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัท Twitter ปิดระบบ Slack และ Jira ภายในที่ให้พนักงานใช้ ให้เหตุผลว่าเป็นการ "บำรุงรักษาตามรอบ" (routine maintenance) โดยระบบ Jira เปิดกลับมาในวันพฤหัส แต่ Slack ยังปิดต่อไป พนักงานของ Slack ยืนยันว่าไม่ได้มีการปิดระบบเพื่อบำรุงรักษา รวมถึงไม่ได้ปิดบัญชีใช้งานของ Twitter แต่อย่างใด เหล่าพนักงานของ Twitter ที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารภายในใช้งาน จำเป็นต้องหาวิธีอื่นในการคุยกันแทน (เช่น อีเมล) พนักงานบางรายคาดกันว่าการปิด Slack น่าจะเป็นเพราะบริษัทไม่ยอมจ่ายบิลค่าใช้งาน ตามแนวทางการลดค่าใช้จ่ายของ Elon Musk ที่มีทั้งการไม่จ่ายค่าเช่าตึกสำนักงาน ปิดศูนย์ข้อมูล ปลดภารโรง ฯลฯ Platformer ยังคาดเดาว่า Elon Musk น่าจะลองปิด Slack ดูว่ามีผลกระทบต่องานแค่ไหน และอาจย้ายไปใช้แอพสื่อสารตัวอื่นๆ เช่น Mattermost แบบที่บริษัท Tesla ใช้ พนักงาน Twitter บอกว่า Slack ไม่ได้เป็นแค่การสื่อสาร แต่ยังเป็น "ความจำ" ขององค์กรด้วย เมื่อพนักงานจำนวนมากโดนปลดออก วิธีการแก้ปัญหาทางเทคนิคที่เหลืออยู่คือการไล่ดูข้อความ error เก่าๆ ใน Slack และดูว่าพนักงานรุ่นก่อนๆ แก้ปัญหากันอย่างไร ส่วนพนักงานอีกจำนวนหนึ่งเลือกลาหยุดไปเลย เพราะยังไงซะก็แทบทำงานไม่ได้อยู่ดีเมื่อไม่มี Slack ที่มา - Platformer
# Qualcomm โชว์การปรับแต่งโมเดล Stable Diffusion ให้รันบนมือถือ Android ได้แล้ว Qualcomm โชว์การรันโมเดล Stable Diffusion สร้างภาพตามคำสั่ง text-to-image ที่รู้จักกันดี บนสมาร์ทโฟน Android ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 แทนการรันบนคลาวด์ Qualcomm บอกว่า Stable Diffusion เป็นโมเดลขนาดใหญ่มาก มีพารามิเตอร์เกิน 1 พันล้านตัว ปกติแล้วต้องรันบนคลาวด์เท่านั้น แต่ทีมของ Qualcomm AI Research ใช้เทคนิครีดประสิทธิภาพหลายอย่างร่วมกัน ให้สามารถรันบนมือถือได้ ตั้งแต่ การแปลงฟอร์แมตตัวเลข FP32 เป็น INT8 เพื่อลดขนาดของโมเดลลง โดยยังรักษาระดับความแม่นยำ และไม่ต้องเทรนโมเดลใหม่ (post-training quantization) การแมป neural network ของโมเดลให้เหมาะกับสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะลำดับชั้นหน่วยความจำของ Qualcomm Hexagon Processor ผ่าน Qualcomm AI Engine การเร่งประสิทธิภาพที่ระดับฮาร์ดแวร์ ผ่านฟีเจอร์ micro tile inferencing ของ Snapdragon 8 Gen 2 (วิดีโออธิบายในคลิป) ผลของการปรับแต่งทั้งหมด ทำให้มือถือสามารถรัน Stable Diffusion สร้างภาพความละเอียด 512x512 พิกเซล โดยมีขั้นตอน inference 20 ขั้น ได้ภายใน 15 วินาที (ดูขั้นตอนการรันในคลิป) Qualcomm บอกว่าความสำเร็จนี้เป็นจุดเริ่มต้นของยุค Edge AI ที่ประมวลผล AI ในเครื่องปลายทาง ซึ่งมีข้อดีทั้งเรื่องระยะเวลา latency ของอินพุต, ลดต้นทุนค่าประมวลผลคลาวด์, และความเป็นส่วนตัวเพราะข้อมูลไม่ต้องออกจากเครื่องเลย ที่มา - Qualcomm
# เปิดตัว Nokia G22 โทรศัพท์ซ่อมเองได้ มีอะไหล่ขายไปซ่อมเองตั้งแต่วันแรก HMD Global เปิดตัว Nokia G22 โทรศัพท์เน้นจุดขายซ่อมด้วยตัวเองได้ โดยขายอะไหล่ชิ้นสำคัญผ่าน iFixit ได้แก่ หน้าจอ, ฝาหลัง, แบตเตอรี่, และพอร์ตชาร์จ นับเป็นจุดใหญ่ๆ ที่โทรศัพท์จะเสียได้บ่อยๆ จากอาการจอแตก, แบตเตอรี่เสื่อม, หรือพอร์ตชาร์จหลวม ตัวโทรศัพท์เป็นเครื่องหน้าจอ 6.52 นิ้วความละเอียด 720x1200 พิกเซล ซีพียู Unisoc T606 (Cortex A75 2 คอร์ และ Cortex A55 2 คอร์) แรม 4GB สตอเรจ 64GB กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล รองรับ NFC มีช่องหูฟัง ใส่ microSD ได้ กันน้ำระดับ IP52 น้ำหนักเครื่อง 195 กรัม ซอฟต์แวร์เป็น Android 12 ออกแพตช์ความปลอดภัยให้ 3 ปีกับอีก 2 เวอร์ชั่น เริ่มขายในสหราชอาณาจักร 8 มีนาคมนี้ ราคา 149.99 ปอนด์ หรือประมาณ 6,300 บาท และอาจจะวางขายในยุโรปบางประเทศต่อไปที่ราคา 179 ยูโร แต่ยังไม่มีแผนในประเทศอื่นๆ ราคาอะไหล่ตอนนี้ พอร์ตชาร์จ 19.95 ยูโร, จอภาพ 49.95 ยูโร, แบตเตอรี่ 24.95 ยูโร และฝาหลัง 24.95 ยูโร ที่มา - Nokia, TheVerge
# แก๊งขโมย iPhone แอบมองรหัสเครื่องแล้วดูดเงินเหยื่อหมดตัว เริ่มระบาดในสหรัฐฯ Wall Street Journal รายงานถึงกลุ่มอาชญากรในสหรัฐฯ เริ่มพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มผู้ใช้ไอโฟนที่เที่ยวผับบาร์ เมื่อคนร้ายได้รหัสผ่านเครื่องแล้วจะโจมตีเหยื่อด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่าน สั่งโอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อ รวมถึงเปิดบัตรเครดิตในชื่อเหยื่อไปใช้งาน ตำรวจเชื่อว่าอาชญากรทำงานเป็นกลุ่ม อาจจะมีคนเข้ามาชวนคุยและแอบมองรหัสผ่านเครื่อง หรืออาจจะมีคนแอบถ่ายรหัสผ่านจากด้านหลัง จากนั้นเมื่อสบโอกาสก็จะขโมยโทรศัพท์จากเหยื่อไปตรงๆ คนร้ายรู้ดีว่าต้องเปลี่ยนรหัส iCloud ให้เร็วที่สุด เพื่อล็อกไม่ให้เจ้าของเครื่องตัวจริงเข้าไปล็อกโทรศัพท์ได้ โดยการเปลี่ยนรหัส iCloud นั้นต้องการเพียงรหัสเครื่องเพียงอย่างเดียว การใช้กุญแจ USB เพื่อป้องกันบัญชี Apple ID ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะการเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID บนไอโฟนยังคงต้องการเฉพาะรหัสผ่านเครื่องเท่านั้น เมื่อได้บัญชี iCloud แล้วคนร้ายจะพยายามหาประโยชน์จากเหยื่อให้มากที่สุด ทั้งการโอนเงินออกจากบัญชีต่างๆ ที่มีแอปอยู่ในโทรศัพท์ คนร้ายเข้าเช็ครหัสผ่านที่เก็บไว้ใน iCloud Keychain บางกรณีคนร้ายถึงกับสั่งเปิดบัตรเครดิตเพิ่มเติมเพื่อหาเงินจากเหยื่อเพิ่ม ขณะที่เหยื่อไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ เพราะบัญชีอยู่กับคนร้ายไปทั้งหมด เฉพาะในนิวยอร์ค ตำรวจเชื่อว่าแก๊งเดียวที่อาละวาดอยู่ตอนนี้ก่อคดีรูปแบบนี้ไม่น้อยกว่า 30 คดีแล้ว และมีรายงานคดีแบบเดียวกันอีกนับร้อยคดี เมือง Minneapolis ตำรวจจับแก็งแบบเดียวกันที่ขโมยเงินจากเหยื่อกว่า 40 ราย เมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ และยุโรปเริ่มมีรายงานคดีแบบเดียวกัน Wall Street Journal ระบุว่าเหยื่อส่วนใหญ่ได้รับเงินคืนจากธนาคารและผู้ออกบัตรเครดิต แต่บัญชี iCloud ที่คนร้ายยึดไปแล้วกลับไม่สามารถกู้คืนมาได้เหยื่อไม่สามารถดึงภาพที่อยู่ในบัญชีกลับมา แม้จะพยายามติดต่อแอปเปิลมานานหลายเดือนแล้วก็ตาม โฆษกของแอปเปิลระบุว่าการเปิดใช้งาน Touch ID หรือ Face ID ช่วยลดความเสี่ยงที่คนร้ายจะแอบมองรหัสผ่านเครื่องได้ ขณะที่คำแนะนำของ Wall Street Journal ระบุว่า ควรตั้งรหัสผ่านเครื่องให้เดาได้ยากขึ้น หากเป็นตัวเลขตั้งให้ยาว หรือให้ดีก็ตั้งรหัสเป็นตัวอักษรร่วมด้วย รวมถึงอาจพิจารณาแยกรหัสผ่านของธนาคารต่างๆ ไว้กับแอปเก็บรหัสผ่านอื่นที่ไม่ใช่ Keychain เพื่อจำกัดความเสียหายในกรณีที่คนร้ายได้รหัสผ่านเครื่องและได้โทรศัพท์ไป ที่มา - Wall Street Journal หน้าจอเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ต้องใส่รหัสเดิม หรือรหัสผ่านเครื่องก็ได้เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน
# ผลสำรวจพบ Google ยังเป็นแหล่งค้นหาข่าวยอดนิยม ส่วน TikTok มาแรงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ บริษัท Morning Consult รายงานผลการศึกษาด้านสื่อข้อมูลข่าวสาร โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างในอเมริกา 2,199 คน ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2023 เกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ภาพรวมพบว่า 46% ให้ Google Search คือช่องทางหลักในการค้นหาข่าวสาร และตัวเลขสูงในระดับเดียวกันเมื่อแบ่งกลุ่มตัวอย่างตามช่วงวัย ทั้ง เบบีบูเมอร์, เจเนอเรชัน X, มิลเลนเนียล (เทียบเท่าเจน Y) ยกเว้นกลุ่ม เจเนอเรชัน Z ที่ต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 39% แต่ก็ยังสูงสุดในบรรดาช่องทางทั้งหมด ช่องว่างที่ชัดเจนคือ TikTok โดยเจเนอเรชัน Z ถึง 14% บอกใช้เป็นช่องทางค้นหาข่าวสาร ขณะที่ช่วงวัยอื่นตัวเลขอยู่ที่เพียง 1-2% ซึ่ง YouTube ก็มีตัวเลขคล้ายกันสำหรับกลุ่มเจเนอเรชัน Z อยู่ที่ 13% แต่ช่วงวัยอื่นก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาเป็นระดับ 9-11% ผลสำรวจในหัวข้ออื่น ได้แก่ การจ่าย subscription อ่านข่าว พบว่า 75% ไม่ได้สมัคร ที่เหลือสมัครอย่างน้อย 1 เว็บ, การรับรู้เกี่ยวกับ ChatGPT ภาพรวม 55% ไม่รู้จัก แต่ในกลุ่ม เจเนอเรชัน Z มีอยู่ 38% ที่ตอบว่าไม่รู้ Kevin Tran นักวิเคราะห์ของ Morning Consult ให้ความเห็นว่า สื่อควรขยายแนวทางเผยแพร่เนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มแบบใหม่ และมองว่า เจเนอเรชัน Z มีแนวโน้มสนใจช่องทางหาข่าวสาร ที่เป็นการพูดคุยกับเพื่อนได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่ง TikTok, Instagram ตอบโจทย์ได้ดีกว่า Google Search หรือ Bing ที่มา: Morning Consult ผ่าน Search Engine Land
# Elden Ring คว้ารางวัลเกมแห่งปี 2022 ของ D.I.C.E. Awards, ชนะ God of War อีกแล้ว Elden Ring คว้ารางวัลเกมแห่งปี 2022 (Game of the Year) จากสำนักใหญ่อีกสำนักคือ D.I.C.E. Awards ของสถาบันศิลปะอินเทอร์แอคทีฟ (Academy of Interactive Arts & Sciences - AIAS) โดยเฉือนชนะคู่แข่ง God of War Ragnarok เช่นเดียวกับที่เอาชนะในรางวัล The Game Awards 2022 เมื่อปลายปี แต่แฟนๆ God of War Ragnarok ก็ไม่ต้องเสียใจที่แพ้แล้วแพ้อีกในรางวัลใหญ่ เพราะเกม God of War Ragnarok เข้าชิงรางวัลย่อยเยอะที่สุดถึง 12 สาขา และชนะมาได้มากที่สุดเช่นกัน 7 สาขา ได้แก่ Outstanding Achievement in Animation, Art Direction, Audio Design, Character, Original Music Composition, Story, Adventure Game of the Year ส่วน Elden Ring ชนะ 5 สาขา คือ Outstanding Achievement in Game Design, Game Direction, Technical Achievement, Role-Playing Game of the Year นอกจากสองเกมใหญ่ที่แข่งกันกวาดรางวัลไปเกือบหมดแล้ว รางวัลของเกมอื่นๆ ที่น่าสนใจคือ เกมอินดี้ยอดเยี่ยม (Tunic), เกมออนไลน์ยอดเยี่ยม (FFXIV), เกม VR ยอดเยี่ยม (Red Matter 2), เกมแอคชั่นยอดเยี่ยม (Vampire Survivors) เป็นต้น รางวัล D.I.C.E. Awards 2022 ยังเสนอชื่อให้ Tim Schafer ผู้ก่อตั้งบริษัท Double Fine Productions และผู้กำกับเกม Psychonauts 2 ได้รับรางวัลพิเศษ Double Fine Productions สำหรับผลงานการพัฒนาเกมผจญภัยมายาวนานกว่า 30 ปีด้วย (ปีที่แล้วผู้ชนะคือ Ed Boon ผู้ร่วมสร้างซีรีส์ Mortal Kombat) ที่มา - IGN
# Motorola เปิดตัวมือถือ Defy 2 และ Defy Satellite Link รองรับส่งข้อความผ่านดาวเทียม Motorola เปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รุ่นที่รองรับการสื่อสารกับดาวเทียมส่งข้อความได้ 2 ทิศทาง ได้แก่ สมาร์ทโฟน Defy 2 เป็นสมาร์ทโฟนแนวทนทาน (rugged smartphone) และอุปกรณ์โมเด็ม Motorola Defy Satellite Link ที่ใช้คู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นใดก็ได้ผ่าน Bluetooth ทั้ง Motorola Defy 2 และ Defy Satellite Link ใช้ชิปเซ็ตสื่อสารดาวเทียมของ MediaTek และเครือข่ายสื่อสารผ่านดาวเทียมของ Bullitt Group สเปกคร่าวๆ ของ Motorola Defy 2 คือหน้าจอ 6.6" FHD+ 120Hz, ชิป MediaTek Dimensity 930, แรม 6GB, สตอเรจ 128GB + microSD, กล้องหลังสามตัว (50MP+8MP+2MP), กล้องหน้า 8MP, แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็ว 15W และชาร์จไร้สายผ่าน Qi, ระบบปฏิบัติการ Android 12 การันตีอัพเกรด OS สองรอบ และแพตช์ความปลอดภัย 5 ปี ราคาขาย 599 ดอลลาร์ แถมแพ็กเกจขอความช่วยเหลือ SOS Assist ผ่านดาวเทียมนาน 12 เดือน เริ่มวางขายไตรมาส 2/2023 - สเปกละเอียด อุปกรณ์ Motorola Defy Satellite Link เป็นเหมือนโมเด็มหรือ hotspot เชื่อมต่อดาวเทียมขนาดพกพา มีแบตเตอรี่ขนาด 600 mAh อยู่ได้นานหลายวัน, กันน้ำกันฝุ่น IP68, ผ่านมาตรฐานการทหาร Mil-Spec 810H, ตัวเครื่องมีปุ่ม SOS และ Check In ที่ทำงานได้อิสระโดยไม่ต้องต่อเชื่อมกับสมาร์ทโฟน ราคาขายเฉพาะฮาร์ดแวร์คือ 99 ดอลลาร์ เริ่มวางขายเดือนเมษายน 2023 บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีให้คือ Bullitt Satellite Messenger ที่อิงอยู่บนโปรโตคอล 3GPP NTN โดยหลักการทำงานคือจะพยายามส่งข้อความผ่าน Wi-Fi หรือ 4G/5G ก่อนถ้าเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่เจอโครงข่ายเหล่านี้จะสลับไปสื่อสารผ่านดาวเทียมแทน (ใช้งานได้เมื่อท้องฟ้าเปิด) วิธีการคิดเงินคือฝั่งขารับข้อความฟรี ฝั่งขาส่งขึ้นกับแพ็กเกจ ราคาเริ่มต้นคือ 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และมีแพ็กเกจรายปี โควต้าส่งไม่เกิน 30 ข้อความต่อเดือน + แพ็กเกจช่วยเหลือ SOS Assist ปีละ 149 ดอลลาร์ ที่มา - Bullitt, Android Central
# Google ลดค่าใช้จ่าย เปลี่ยนให้พนักงานสลับแชร์โต๊ะทำงาน เริ่มที่ฝ่าย Google Cloud กูเกิลประกาศแนวทางลดค่าใช้จ่ายใหม่ โดยเริ่มต้นมีผลกับแผนก Google Cloud ที่อยู่ใน 5 สถานที่เช่น Kirkland, Sunnyvale, San Francisco ซึ่งพนักงานจะต้องแชร์โต๊ะทำงานร่วมกับพนักงานอีกหนึ่งคน ผ่านระบบจัดสรรตารางเข้าสำนักงาน เพื่อไม่ให้พนักงานสองคนนั้นมาทำงานที่สำนักงานในวันเดียวกัน กูเกิลบอกว่ารูปแบบดังกล่าวจะรองรับทั้งการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งตอนนี้กำหนดให้พนักงาน Google Cloud ต้องเข้าสำนักงานอย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ ส่วนวันอื่นสามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขณะเดียวกันกูเกิลก็สามารถลดค่าใช้จ่ายจากพื้นที่สำนักงานลงได้ด้วย เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในธุรกิจคลาวด์ที่มีการเติบโตสูงได้มากขึ้น ในหมายเหตุยังมีข้อกำหนดอื่น เช่น ให้พนักงานสองคนตกลงกันเรื่องการวางของบนโต๊ะเพื่อประดับตกแต่ง การเก็บของส่วนตัว การจัดการความสะอาด และอื่น ๆ ที่มา: CNBC
# Facebook ปรับแนวทางการแบนบัญชีที่โพสต์เนื้อหาไม่เหมาะสมใหม่ ตามข้อเสนอ Oversight Board Facebook ประกาศปรับปรุงแนวทางควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระ Facebook Oversight Board ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายของ Facebook อีกที จากเดิมที่ Facebook ใช้วิธีแบนบัญชีผู้ใช้งานอย่างน้อย 30 วัน เมื่อมีการโพสต์เนื้อหาไม่เหมาะสม (ซึ่งคณะกรรมการเรียกว่า Facebook jail) โดยจะปรับให้ยืดหยุ่นมากขึ้น คณะกรรมการรายงานว่าจากการศึกษากรณีการแบนบัญชีนั้น พบว่าเกือบ 80% จะไม่เกิดการทำผิดซ้ำอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน กรณีส่วนใหญ่ที่พบเกิดจากความผิดพลาด ที่ไม่ได้ตั้งใจจะละเมิดข้อกำหนด เช่น คอมเมนต์ว่าฉันจะลักพาตัวเธอ (kidnap) แบบติดตลก หรือการโพสต์ที่อยู่เพื่อน เพื่อบอกสถานที่จัดงานเลี้ยง ซึ่งไม่ได้เจตนาจะเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวผู้อื่น แนวทางใหม่ที่ Oversight Board เสนอ มีรายละเอียดสำคัญได้แก่ หากพบการโพสต์ที่ละเมิดข้อกำหนดชุมชน บัญชีนั้นจะถูกเตือนว่าโพสต์ดังกล่าวมีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขก่อน แต่มีผลทันทีคือถูกจำกัดการใช้งาน เช่น ไม่สามารถโพสต์ใน Groups ได้ เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลนั้นในวงกว้าง หากกระทำผิดซ้ำถึงครั้งที่ 7 บัญชีนั้นจะถูกระงับ ทั้งนี้คณะกรรมการบอกว่าแนวทางดังกล่าวทำเพื่อให้การดูแลชุมชน Facebook มีความเหมาะสมถูกต้องมากขึ้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกในอนาคต ที่มา: Meta
# ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ แบนการใช้ ChatGPT ในองค์กร ขอเวลาประเมินความเสี่ยงก่อน Bloomberg รายงานข่าวว่าธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง เช่น Bank of America, Citigroup, Deutsche Bank, Goldman Sachs, Wells Fargo เริ่มแบนการใช้งาน ChatGPT และเครื่องมือของ OpenAI ในคอมพิวเตอร์ขององค์กรแล้ว ด้วยเหตุผลว่ากลัวความลับขององค์กรรั่วไหล จึงขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ระบบของธนาคารเหล่านี้มักแบนการใช้งานแอพหรือบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว (เช่น ใช้ WhatsApp คุยงาน) ล่าสุดคือ ChatGPT เข้าไปอยู่ในรายการบล็อคของธนาคารกลุ่มนี้แล้ว โฆษกของธนาคาร Wells Fargo เป็นรายเดียวที่ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ โดยบอกว่าบล็อคเพื่อขอเวลาศึกษาและประเมินความเหมาะสมในการใช้งานก่อน ที่มา - Bloomberg
# MediaTek โชว์ชิปเซ็ต MT6825 เชื่อมต่อดาวเทียมผ่าน 5G NTN เทคโนโลยีการเชื่อมต่อดาวเทียมจากมือถือ กลายเป็นเทรนด์ใหญ่ของงาน Mobile World Congress 2023 นอกจาก ซัมซุงที่เปิดตัวโมเด็ม 5G NTN ค่ายคู่แข่งอื่นๆ เช่น MediaTek ก็โชว์เทคโนโลยี 5G NTN เช่นกัน ตัวสเปกของ 5G NTN (5G Non-Terrestrial Network) ออกโดย 3GPP ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่พัฒนามาตรฐานของวงการโทรคมนาคมมาตั้งแต่ยุค 3G อยู่แล้ว ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถพัฒนาสินค้าโดยอิงจากสเปกกลางนี้ได้เลย MediaTek ใช้คำนิยามเรียก 5G NTN ว่าเป็น two-way satellite communication และโชว์ชิปเซ็ต MT6825 ที่ใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง รองรับการสื่อสารที่มากกว่าแค่ส่งข้อความ เช่น การทำทางและคุยแบบเรียลไทม์ ผ่านความร่วมมือกับบริษัทสื่อสารผ่านดาวเทียม Bullitt เจ้าของแพลตฟอร์ม Bullitt Satellite Connect บริษัทยังบอกว่าในระยะถัดไปจะพัฒนา IoT-NTN ที่ใช้แบนด์วิดท์ต่ำ เน้นส่งข้อความอย่างเดียว แต่ใช้กับอุปกรณ์จำนวนมากตามกำลังที่ดาวเทียมในปัจจุบันรองรับไหว และ 5G New Radio NTN (NR-NTN) ที่ใช้แบนด์วิดท์สูงขึ้นจาก 5G NTN สำหรับการคุยวิดีโอคอลล์ผ่านดาวเทียมเพิ่มด้วย ที่มา - MediaTek, MediaTek
# Ericsson ประกาศปลดพนักงานทั่วโลก 8,500 คน คิดเป็น 8% ของพนักงานทั้งหมด ก่อนหน้านี้ Ericsson ประกาศปลดพนักงาน 1,400 คน เฉพาะในสวีเดน ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ล่าสุดบริษัทประกาศจำนวนพนักงานที่จะปลดรวมทั่วโลก โดยอยู่ที่ 8,500 คน คิดเป็น 8% ของพนักงานทั้งหมด 105,529 คน บริษัทกล่าวว่าการปลดพนักงานครั้งนี้ ทำเพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนใหม่และลดค่าใช้จ่ายของบริษัท โดยกระบวนการจะแล้วเสร็จในครึ่งแรกของปีนี้ และบางส่วนอาจไปถึงปี 2024 ขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดการจ้างงานของแต่ละประเทศ Ericsson คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ราวปีละ 9 พันล้านครูนาสวีเดน ที่มา: CNBC
# Meta เผยแพร่ชุดโมเดล AI สร้างภาษา LLM ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ใช้ศึกษาวิจัยต่อ Meta เผยแพร่ชุดโมเดล AI สำหรับสร้างข้อความภาษา หรือ LLM (Large Language Model) โดยเรียกชื่อว่า LLaMA ย่อมาจาก Large Language Model Meta AI โดยมีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ นำไปศึกษาวิจัยต่อ LLM เป็นรูปแบบโมเดล AI สร้างข้อความ ที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์แชตบอทที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Bing Chat หรือ Bard ของกูเกิล และเป็นโมเดลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องการทรัพยากรประมวลที่ใหญ่มาก ทำให้หลายองค์กรไม่มีโอกาสเข้าถึง โดย LLaMA ที่ Meta เผยแพร่มีหลายขนาดชุดข้อมูล ตั้งแต่ 7 พันล้านพารามิเตอร์ จนถึงชุด 65 พันล้านพารามิเตอร์ เป้าหมายของการเผยแพร่ เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ ทำความเข้าใจการทำงานของ LLM และนำเสนอแนวทางปรับปรุง เพื่อลดอคติ การให้คำตอบไม่เหมาะสม ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบใน LLM ตอนนี้ ที่มา: Meta ผ่าน The Verge
# Baldur's Gate 3 ประกาศวันขาย 31 สิงหาคม 2023 ทิ้งช่วงจากภาค 2 นาน 23 ปี Baldur's Gate 3 ภาคต่อของเกม RPG ในตำนานอีกเกม เปิดตัวเมื่อปี 2019 และเปิดทดสอบบน Steam Early Access มาสักระยะ แต่ยังไม่ประกาศวันวางขายสักที ล่าสุดประกาศแล้วเป็นวันที่ 31 สิงหาคม 2023 เท่ากับทิ้งระยะห่างจากภาค 2 นาน 23 ปี (ภาค 2 ออกปี 2000 พอดี) เกมจะวางขายบนพีซีและ PS5 โดยตอนเปิดตัวนั้นบอกว่าจะลง Google Stadia ด้วย แต่เกมทำช้าจนสุดท้าย Stadia เจ๊งไปก่อนแล้ว Baldur's Gate สองภาคแรกเป็นผลงานของสตูดิโอ BioWare แต่ภาค 3 พัฒนาโดย Larian Studios ที่มา - Eurogamer
# แอพตัดต่อวิดีโอ LumaFusion ออกเวอร์ชัน Android และ ChromeOS แล้ว แอพตัดต่อวิดีโอชื่อดัง LumaFusion ออกเวอร์ชัน Android และ ChromeOS แล้ว หลังประกาศทำมาตั้งแต่ปลายปี 2021 และทดสอบเวอร์ชัน Beta มาได้ระยะหนึ่ง LumaFusion เป็นแอพตัดต่อวิดีโอยอดนิยมอีกตัวบน iOS พัฒนาโดยบริษัท LumaTouch ตอนนี้วางขายแล้วบน Play Store ในราคา 29.99 ดอลลาร์ ที่มา - 9to5google
# Hogwarts Legacy กวาดยอดขาย 12 ล้านชุดใน 2 สัปดาห์แรก ทำเงินไปแล้วเกือบ 3 หมื่นล้านบาท Warner Bros. Games. เปิดเผยยอดขายของเกม Hogwarts Legacy ในสองสัปดาห์แรก ขายได้เกิน 12 ล้านชุด ทำเงินไปแล้วกว่า 850 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 3 หมื่นล้านบาท) โดยยังเป็นการขายแค่บนพีซี, PS5, Xbox Series X|S เท่านั้นด้วย เพราะเวอร์ชัน PS4, Xbox One จะตามมาในเดือนเมษายน และเวอร์ชัน Switch ในเดือนกรกฎาคม สถิติอื่นที่น่าสนใจคือ ผู้เล่นใช้เวลาในเกมไปแล้ว 280 ล้านชั่วโมง (เฉลี่ยคนละประมาณ 23.3 ชั่วโมง) ถึงแม้ยอดขายออกมาดี แต่ทีมพัฒนา Avalanche Software ก็บอกว่ายังไม่มีแผนจะออก DLC เพิ่มเติม อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ที่มา - VGC
# ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง TUF Gaming A16 Advantage Edition ราคา 42,990 บาท ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กสำหรับสายเกมมิ่ง TUF Gaming A16 Advantage Edition หน้าจอขนาด 16 นิ้ว มีอัตรา refresh rate อยู่ที่ 165Hz TUF Gaming A16 Advantage Edition ใช้ซีพียู AMD Ryzen 7 7735HS และจีพียู AMD Radeon RX 7600S แรม DDR5 16GB ความจุ 512GB แบตเตอรี่ 90Wh มีพอร์ต USB-C 3.2 รองรับการชาร์จเร็ว วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 42,990 บาท ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# ROG เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งปี 2023 ในไทยแล้ว พร้อมราคา หลังจาก ASUS ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิงรุ่นใหม่ที่จะปล่อยในปี 2023 นี้ ไปแล้วในงาน CES ล่าสุดในเปิดราคาพร้อมวันวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ดังนี้ ROG Strix Scar มีรุ่นย่อย ดังนี้ ROG Strix Scar 18 หน้าจอขนาด 18 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4080 วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 107,990 บาท ROG Strix Scar 18 หน้าจอขนาด 18 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4090 วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 139,990 บาท ROG Strix Scar 17 หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ซีพียู AMD Ryzen 9 จีพียู GeForce RTX 4080 วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ในราคา 102,990 บาท ROG Strix G มีรุ่นย่อย ดังนี้ ROG Strix G 18 หน้าจอขนาด 18 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4070 วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 84,990 บาท ROG Strix G 18 หน้าจอขนาด 18 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4060 วางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ในราคา 72,990 บาท ROG Strix G 16 หน้าจอขนาด 16 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4070 แรม 32GB ความจุ 1TB วางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ในราคา 79,990 บาท ROG Strix G16 หน้าจอขนาด 16 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4050 แรม 16GB ความจุ 512GB วางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ในราคา 54,990 บาท ROG Strix G17 หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4060 วางจำหน่ายต้นเดือนมีนาคมนี้ในราคา 62,990 บาท ROG Strix G17 หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว จีพียู GeForce RTX 4050 วางจำหน่ายต้นเดือนมีนาคมนี้ในราคา 54,990 บาท ROG Zephyrus มีรุ่นย่อย ดังนี้ ROG Zephyrus Duo 16 จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ในราคา 159,990 บาท ROG Zephyrus M16 วางจำหน่ายต้นเดือนมีนาคมนี้ในราคา 89,990 บาท ROG Zephyrus G16 ซีพียู Intel Core i9-13900H จีพียู GeForce RTX 4060 ความจุ 1TB วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 65,990 บาท ROG Zephyrus G16 ซีพียู Intel Core i9-13900H จีพียู GeForce RTX 4050 ความจุ 512GB วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 59,990 บาท ROG Zephyrus G16 ซีพียู Intel Core i7-12700H จีพียู GeForce RTX 4050 ความจุ 512GB วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 52,990 บาท ROG Zephyrus G14 วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 67,990 บาท ROG Flow มีรุ่นย่อย ดังนี้ ROG Flow Z13 วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 69,990 บาท ROG Flow X13 วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 59,990 บาท ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กครีเอเตอร์จอ OLED ทั้ง Zenbook Pro 14 และ Vivobook Pro 16 พร้อมราคา ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ในกลุ่มครีเอเตอร์ของปี 2023 ภายในงาน Maxed Out, Ultimated Performance ดังนี้ ASUS Zenbook Pro 14 Duo OLED โน้ตบุ๊ก 2 หน้าจอ หน้าจอหลัก OLED ขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K มีอัตรา refresh rate อยู่ที่ 120 Hz ส่วนหน้าจอที่ 2 เป็น ScreenPad Plus ขนาด 12.7 นิ้ว ที่ยกตัวทำมุมระดับสายตาผู้ใช้ ซีพียู Intel Core i9 13900H จีพียู RTX4060 แรม LPDDR5 32GB ความจุ 1TB มีพอร์ต Thunderbolt 4, HDMI 2.1 และ USB-C เริ่มวางจำหน่ายเดือนมีนาคมเป็นต้นไปในราคา 89,990 บาท ASUS Vivobook Pro 16 OLED โน๊ตบุ๊กเจาะกลุ่มตลาดครีเอเตอร์ทั่วไป หน้าจอ OLED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.2K มีอัตรา refresh rate 120Hz ซีพียู Intel Core i9 13900H ส่วนจีพียูมีให้เลือก 2 แบบ คือ GeForce RTX 4050 และ RTX 4060 แรม DDR5 16GB ความจุ 1TB มีพอร์ต Thunderbolt 4, HDMI 2.1 และ USB-C เริ่มวางจำหน่ายเดือนมีนาคมเป็นต้นไปในราคาเริ่มต้น 59,990 บาท ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# ไมโครซอฟท์ชี้แจงเหตุศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ล่มเพราะแอร์ดับหนึ่งยี่ห้อ บางบริการคอนฟิกข้ามโซนก็ยังมีปัญหา ไมโครซอฟท์ออกรายงานฉบับเต็มถึงเหตุการณ์ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ล่ม จนทำให้บริการจำนวนหนึ่งใช้งานไม่ได้เป็นเวลานานประมาณหนึ่งวันเต็ม โดยต้นตอของปัญหาเกิดจากเหตุไฟตก (power dip) จนทำให้ระบบทำความเย็นทำงานไม่เต็มที่ สร้างปัญญาต่อๆ มาอย่างต่อเนื่อง รายงานระบุว่ามีระบบทำความเย็นทั้งหมด 8 ชุดจากยี่ห้อ A 5 ชุดและ B 3 ชุด โดยมีชุดหนึ่งของยี่ห้อ A ปิดซ่อมบำรุงตามรอบอยู่ เมื่อเกิดเหตุไฟตกระบบทำความเย็นทั้งหมดปิดตัวลง แต่ทีมงานเปิดระบบของยี่ห้อ B กลับขึ้นมาไม่ได้แม้จะสั่งเปิดเครื่องแบบแมนนวลแล้วก็ตาม ศูนย์ข้อมูลร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะระบบหล่อเย็น 4 ชุดนั้นไม่เพียงพอ หลังจากตามช่างของผู้ผลิตเข้ามาพบว่าบอร์ดควบคุมคอมเพรสเซอร์ต้องปิดทิ้งไว้ 5 นาทีจึงเปิดกลับขึ้นมาได้เพื่อให้ประจุไฟคายออกให้หมดก่อน แต่คู่มือการทำงานกลับไม่ได้เขียนขั้นตอนนี้ไว้ ระยะเวลาที่นานทำให้น้ำหล่อเย็นร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 28 องศา ซึ่งทำให้ไม่สามารถเปิดระบบหล่อเย็นได้แม้จะซ่อมอุปกรณ์เสร็จแล้วเพราะจะทำให้ระบบเสียหาย ทีมงานตัดสินใจปิดระบบทั้งหมดเพื่อให้อุณหภูมิลดลง จากนั้นก็เปิดระบบหล่อเย็นกลับขึ้นมาทั้งหมดได้สำเร็จแล้วค่อยเปิดโครงสร้างทั้งหมดกลับขึ้นมา เริ่มจากระบบสตอเรจและระบบประมวลผล (compute) ผลกระทบต่อเนื่องจากการปิดศูนย์ข้อมูลไปหนึ่งโซน คือ บริการบางตัวที่ผู้ใช้เปิดระบบทำงานข้ามโซนเอาไว้กลับทำงานไม่ถูกต้องระหว่างเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เนื่องจาก ARM control plane ที่เป็นตัวจัดการบริการต่างๆ นั้นคอนฟิกไว้ในภูมิภาค Southeast Asia ผิด ทำให้ CosmosDB อ่านข้อมูลบางส่วนไม่ได้เมื่อโซนหนึ่งถูกปิดไป บริการที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Azure Site Recovery (ASR) ลูกค้าบางส่วนย้ายไซต์ไม่สำเร็จ, Azure Backup เกิดความล่าช้าระหว่างการกู้คืนข้อมูล, Azure Storage ที่เปิดการทำงานข้ามภูมิภาคบางรายไม่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ เพราะระบบตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลบล็อคการทำ failover เอาไว้, Azure SQL มีปัญหากู้ระบบได้ช้าประมาณ 90 นาที และลูกค้าบางส่วนที่รอศูนย์ข้อมูลเปิดกลับมาก็กลับไม่สามารถใช้ Azure SQL ได้เพราะเซิร์ฟเวอร์มีปัญหาจากบั๊กใน BIOS จนต้องใช้เวลาแก้ไขต่ออีกวัน ที่มา - Azure Status
# GitHub เปิดตัวค้นหาโค้ดแบบใหม่ให้ทุกคนใช้งาน หาแบบ Regular Expression ได้แล้ว GitHub ปล่อยฟีเจอร์ Code Search และ Code View เวอร์ชั่นเบต้าให้ทุกคนใช้งานได้แล้ว หลังจากทดสอบวงปิดมานานหลายเดือน โดยจะไม่เปิดเป็นค่าเริ่มต้น แต่ทุกคนต้องเข้าเมนูไปเปิดใช้งานเอง ตัวค้นหาโค้ดใหม่นี้ทาง GitHub เขียนขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเองจากเดิมที่ใช้ Elasticsearch มาก่อน ความสามารถสำคัญคือการค้นหาแบบ regular expression ได้ในตัวทำให้กำหนดเงื่อนไขการค้นหาที่ซับซ้อนได้ ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงหน้าจอสำหรับค้นหาโค้ด ให้มีตัวช่วยแนะนำคำค้น ที่มา - GitHub
# Editor’s Pick: HUAWEI FreeBuds 5i หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวน ให้คุณภาพเสียงทรงพลังระดับ Hi-Res ในงบ 3,000 บาท ใครกำลังมองหาหูฟังไร้สายคู่ใจที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการทำงานได้ในงบประมาณที่เป็นมิตรกับคนวัยเรียนและวัยทำงาน บอกเลยว่า HUAWEI FreeBuds 5i คือหนึ่งในหูฟังไร้สาย TWS ที่น่าจับตารุ่นหนึ่งในปีนี้ เพราะโดดเด่นทั้งในแง่ของคุณภาพและราคา ด้วยจุดเด่นที่สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 42 เดซิเบล และให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res รองรับ LDAC เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมๆ กัน1 และรองรับการชาร์จเร็ว เรียกว่าใส่เทคโนโลยีมาให้แบบจุกๆ ในราคาเพียง 2,799 บาท ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ ในท้องตลาด วันนี้เราจึงขอหยิบเจ้าหูฟังน้องใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ย HUAWEI FreeBuds 5i มาเป็น Editor’s Pick ที่อยากแนะนำให้ได้ลอง ถ้าอยากรู้ว่าครบ คุ้ม คุณภาพแน่นขนาดไหน ตามไปดูกันเลย! หนึ่งในหูฟังไร้สายไม่กี่รุ่นที่ตัดเสียงรบกวนสูงสุด 42 เดซิเบล ในราคาไม่ถึง 3,000 บาท HUAWEI FreeBuds 5i โดดเด่นด้วยโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation แบบไฮบริดที่มาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัว หันเข้าด้านในและด้านนอกหู จึงสามารถตรวจจับทั้งเสียงรบกวนภายนอกและเสียงรบกวนจากภายในช่องหู แล้วสร้างคลื่นเสียงเพื่อตัดเสียงรบกวนเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถตัดเสียงรบกวนได้สุดสูงถึง 42 เดซิเบล2 ซึ่งมีโหมดการฟัง 3 โหมดให้เลือกใช้ตามสถานที่และสภาพแวดล้อม ได้แก่ โหมดสูงเป็นพิเศษ (Ultra) สำหรับสถานที่ที่มีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ เช่น สถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า, โหมดทั่วไป (General) สำหรับสถานที่ที่มีเสียงปานกลาง เช่น ออฟฟิศ และโหมดสบาย (Cozy) สำหรับสถานที่ที่มีเสียงรบกวนน้อย เช่น ห้องสมุด หรือหากต้องการฟังเสียงจากรอบข้างเมื่อไหร่ก็สามารถสลับมาเปิดโหมด “การรับรู้สิ่งรอบตัว” (Awareness) ได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก และนอกจากจะตัดเสียงรบกวนขณะฟังแล้ว HUAWEI FreeBuds 5i ยังสามารถตัดเสียงรบกวนเมื่อมีการคุยสาย หรือใช้ไมโครโฟนได้อีกด้วย เจ้าอัลกอริทึมตัดเสียงรบกวนแบบไมโครโฟน 2 ตัวนี้จะทำหน้าที่ตัดเสียงลมที่ปะทะกับไมโครโฟน เพื่อมอบประสบการณ์การสนทนาที่ลื่นไหลไร้สะดุด คุยสายชัดใสแม้อยู่ท่ามกลางสถานที่ที่ผู้คนจอแจ ไดนามิกไดรเวอร์ 10 มม. มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res และรองรับ LDAC HUAWEI FreeBuds 5i ใช้ไดนามิกไดรเวอร์ความไวสูงขนาด 10 มม. ใช้ไดอะแฟรมที่มีส่วนประกอบของพอลิเมอร์ รองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC™ HD audio codec และรองรับการตอบสนองย่านความถี่สูงสุด 40 kHz ทำให้ HUAWEI FreeBuds 5i ถือเป็นหนึ่งในหูฟัง TWS เพียงไม่กี่รุ่นในระดับราคาเดียวกันที่ได้รับการรับรอง Hi-Res3 เก็บรักษารายละเอียดเสียงได้ในระดับ HD ตั้งแต่ต้นจนจบ จากแหล่งกำเนิดเสียงไปจนถึงปลายทาง สุดล้ำกับเทคโนโลยี “AEM” จากหัวเว่ย ใครที่เคยได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มหูฟังไร้สายจากหัวเว่ยมาบ้างคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหัวเว่ยทุ่มงบวิจัยและพัฒนาให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้อย่างจริงจัง เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เฉพาะตัว HUAWEI FreeBuds 5i มาพร้อมเทคโนโลยี “AEM” หรือ Active Ear Matching จากหัวเว่ย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเสริมฟีเจอร์ตัดเสียงแบบ Active Noise Cancellation ให้ทำงานได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยปรับระดับการตัดเสียงให้เหมาะสมกับลักษณะใบหูและวิธีสวมใส่ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ หลักการทำงานพื้นฐานของ AEM คือตัวหูฟังจะปล่อยคลื่นเสียงเข้าไปในหูของผู้ใช้ก่อน หลังจากนั้นคลื่นเสียงดังกล่าวจะสะท้อนกลับเข้ามาสู่ไมโครโฟนในหูฟัง เพื่อให้ AI วิเคราะห์ลักษณะใบหูของเจ้าของว่ามีใบหูขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ รวมถึงวิเคราะห์ว่าผู้ใช้กำลังสวมใส่หูฟังกระชับแค่ไหน จากนั้นตัวหูฟังจะปรับระดับเสียงเอฟเฟกต์สำหรับการตัดเสียงรบกวน (EQ) ให้เหมาะกับผู้ใช้คนนั้นตามสถานการณ์ขณะนั้น เพื่อมอบคุณภาพเสียงที่ดีให้แก่ผู้ใช้รายนั้นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะมีเสียงรบกวนแค่ไหนและมีลักษณะการใช้งานหูฟังอย่างไร ใช้งานร่วมกับเคสชาร์จได้ 28 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็ว เพียง 15 นาที ใช้ได้อีก 4 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่เพราะ HUAWEI FreeBuds 5i สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 28 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จและปิด ANC โดยเมื่อชาร์จเต็มตัวหูฟังจะสามารถรองรับการเล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 7.5 ชั่วโมง แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เพียง 15 นาทีก็ใช้งานได้อีก 4 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องแอคทีฟอยู่เสมอ และเหมาะจะพกติดตัวไว้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินทางท่องเที่ยว ประชุม เรียนออนไลน์ หรือออกกำลังกาย เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมกัน สลับโหมดประชุม-คุยสายได้ไม่สะดุด HUAWEI FreeBuds 5i รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกระบบปฏิบัติการได้อย่างมีเสถียรภาพผ่าน Bluetooth 5.2 ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS หรือ Windows โดยสามารถตรวจจับการเชื่อมต่อได้อัตโนมัติ เพียงเปิดฝาเคสชาร์จ หน้าต่าง Pop-up ก็จะปรากฏบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่อยู่ในบริเวณเดียวกันทันที โดยอีกหนึ่งเทคโนโลยีจากหัวเว่ยที่ใช้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มหูฟังไร้สายทุกรุ่น ก็คือ Dual-Device Connections คือการใส่เสารับสัญญาณ 2 ตัวเพื่อให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องสลับอุปกรณ์ให้วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป สมาร์ทวอทช์ หรือสมาร์ททีวี เช่น หากกำลังเล่นเกมหรือดูซีรีส์ผ่านแท็บเล็ต หรือว่าประชุมผ่านแล็ปท็อป แล้วมีสายเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟน เจ้าหูฟัง HUAWEI FreeBuds 5i ก็จะฉลาดพอที่จะสลับไปรับเสียงจากสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องสลับการเชื่อมต่อ แถมยังมีค่าความหน่วงต่ำ ใส่ดูซีรีส์หรือเล่นเกมได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่ต้องหงุดหงิดเรื่องภาพกับเสียงไม่ตรงกัน สวมใส่สบายด้วยดีไซน์สุดชิก พกพาสะดวก น้ำหนักเบา 4.9 กรัม HUAWEI FreeBuds 5i ได้รับการออกแบบมาให้สวมใส่สบายตามหลักการยศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาเพียง 4.9 กรัมต่อหนึ่งข้าง4 (± 0.2 กรัม) ตัวหูฟังมีขนาด 29 มม. ซึ่งสั้นลงจาก HUAWEI FreeBuds 4i ถึง 7 มม. ทำให้หยิบจับถนัดมือและใช้งานง่าย ดีไซน์ของตัวเคสได้แรงบันดาลใจจากหินภูเขาไฟที่ราบเรียบบนชายหาดสีดำของประเทศไอซ์แลนด์ ขนาดเหมาะมือพกพาสะดวกด้วยรูปทรงโค้งมนคล้ายหินกรวด และเคลือบด้านป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ โดยมีให้เลือก 3 สีคือ สีน้ำเงิน Isle Blue, สีดำ Nebula Black และสีขาว Ceramic White มีจุกหูฟังให้เลือก 3 ขนาดตามลักษณะใบหูของผู้ใช้ นอกจากนี้ HUAWEI FreeBuds 5i ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายอีกระดับให้กับผู้ใช้ อย่างการสามารถใช้กดถ่ายภาพเป็น remote shutter ได้โดยการแตะหูฟัง 2 ครั้ง หรือเมื่อเกิดการสูญหาย หาหูฟังไม่เจอ ตราบใดที่เราเชื่อมต่อหูฟังไว้กับสมาร์ทโฟนแล้ว และอุปกรณ์ทั้งสองอยู่ห่างกันในระยะที่รองรับ (ไม่เกิน 20 เมตร) เราจะสามารถหาหูฟังได้จากฟีเจอร์ Find My Earphones5 ซึ่งจะทำให้หูฟังส่งเสียงออกมา และหาเจอได้ง่ายขึ้น หากใครสนใจเป็นเจ้าของหูฟังไร้สายตัวตึงที่น่าจับตาแห่งปี สามารถสั่งซื้อได้ที่ HUAWEI Store ในราคาเพียง 2,499 บาท จากราคาปกติ 2,799 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 – 15 มีนาคม 2566 พิเศษกับโปรโมชัน 3.3 ลดราคาเหลือเพียง 1,999 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าผ่านร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada และ Shopee ในวันที่ 3 มีนาคม 2566 เท่านั้น พร้อมของสมนาคุณจุใจดังต่อไปนี้: สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรก ที่สั่งซื้อ HUAWEI FreeBuds 5i ที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada รับฟรี HUAWEI Band 4 มูลค่า 999 บาท (เฉพาะท่านแรกเท่านั้น) พร้อมทั้งรับกระเป๋า Canvas Bag มูลค่า 790 บาท และ Stainless Steel Thermos มูลค่า 590 บาท สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรก ที่สั่งซื้อ HUAWEI FreeBuds 5i ที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee รับฟรี HUAWEI Band 4 มูลค่า 999 บาท (เฉพาะท่านแรกเท่านั้น) พร้อมทั้งรับกระเป๋า Canvas Bag มูลค่า 790 บาท HUAWEI Cloud 200GB ฟรี 3 เดือน มูลค่า 297 บาท และ ร่ม HUAWEI มูลค่า 390 บาท ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery 1รองรับการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์และสมาร์ทวอทช์ (ยกเว้นการเชื่อมต่อกับ MacBook) 2ขึ้นอยู่กับสภาพของเสียงและช่องหู ข้อมูลและผลเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการทดสอบภายใน ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน 3การรับรอง Hi-Res Audio Wireless เป็นไปตามโปรโตคอลการส่ง LDAC™ HD ซึ่งกําหนดให้อุปกรณ์การเล่นต้องสนับสนุนโปรโตคอล LDAC™ HD 4สินค้ามีน้ำหนัก 4.9±0.2 กรัม ขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าและกระบวนการผลิต 5ฟีเจอร์ Find My Earphones รองรับในสมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ยที่ใช้ EMUI 11.0 ขึ้นไป ผู้ใช้จะต้องลงชื่อเข้าใช้ HUAWEI ID และเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว จากนั้นต้องยืนยันว่าหูฟังของผู้ใช้เคยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth มาก่อน อ้างอิงจากห้องทดลองของหัวเว่ย หูฟังจะต้องอยู่ห่างจากสมาร์ทโฟนไม่เกิน 20 เมตร และทั้งสองอุปกรณ์ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบโดยไม่มีสิ่งรบกวนอื่นที่เด่นชัด และหูฟังจะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth การใช้งานจริงอาจเป็นไปตามสถานการณ์ หูฟังจะไม่ส่งเสียงหากอยู่ในเคสชาร์จ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โปรดติดต่อศูนย์บริการลูกค้า ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: Website: http://consumer.huawei.com/th Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
# ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กครีเอเตอร์ ProArt Studiobook 16 OLED ราคาแสนทอนสิบ ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่เจาะกลุ่มครีเอเตอร์มืออาชีพ ProArt Studiobook 16 OLED ASUS ProArt Studiobook 16 OLED มาพร้อมหน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.2K มีอัตรา refresh rate 120Hz ซีพียู Intel Core i9 13980H จีพียู GeForce RTX 4070 แรม DDR5 32GB ความจุ 1TB, SSD PCle มีพอร์ต Thunderbolt 4, HDMI 2.1 และ USB-C จุดเด่นของ ASUS ProArt Studiobook 16 OLED ยังคงเป็น ASUS Dial ปุ่มหมุนแบบโรตารี่ที่ช่วยในการทำงานภาพและงานวิดีโอบนโปรแกรมตระกูล Adobe เริ่มวางจำหน่ายเดือนมีนาคมนี้ในราคา 99,990 บาท ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# YouTube Music จะเพิ่มการฟัง Podcast เข้ามาในเร็วๆ นี้ Kai Chuk หัวหน้าฝ่ายพ็อดคาสต์ของ YouTube Music ให้สัมภาษณ์บนเวทีงานสัมมนา Hot Pod Summit ว่าแอพ YouTube Music จะเพิ่มการฟังพ็อดคาสต์ใน "เร็วๆ นี้" แต่ก็ไม่ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน จากข้อมูลนี้ทำให้ YouTube Music จะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Spotify ที่แอพเดียวรองรับทั้งการฟังเพลงและพ็อดคาสต์ จากเดิมที่กูเกิลใช้ยุทธศาสตร์แยกแอพ Google Podcast เป็นอีกตัวหนึ่ง และยังไม่ชัดเจนว่าอนาคตของ Google Podcast จะเป็นอย่างไรต่อ จุดแข็งของ YouTube คือคนทำพ็อดคาสต์จำนวนมากอัพโหลดคลิปลง YouTube (แถมมีแบบวิดีโอด้วย) ทำให้คนที่อยากชมเวอร์ชันแบบมีภาพก็ดูได้บน YouTube แต่ถ้าฟังเสียงอย่างเดียวก็ใช้ YouTube Music ได้ ที่มา - The Verge
# Warner Bros. Discovery ประกาศทำเกม Mortal Kombat 12 ออกภายในปี 2023 Warner Bros. Discovery ประกาศข่าวการพัฒนาเกม Mortal Kombat 12 ในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส ตอนนี้มีเพียงข้อมูลแค่ว่าเกมจะออกภายในปี 2023 เท่านั้น เกม Mortal Kombat 11 ออกเมื่อปี 2019 และประสบความสำเร็จอย่างมาก เกมได้คะแนนรีวิวเฉลี่ย 82/100 และมียอดขายรวมเกิน 15 ล้านชุด ข่าวการออก Mortal Kombat 12 ทำให้ปี 2023 มีเกมไฟติ้งชื่อดังออกภาคใหม่พร้อมๆ กันหลายเกม ได้แก่ Street Fighter 6 ช่วงเดือนมิถุนายน และ Tekken 8 ที่เปิดตัวแล้วแต่ยังไม่ประกาศวันขาย ที่มา - IGN
# รัฐบาลยูเครนขอให้แพลตฟอร์มเกมหยุดขาย Atomic Heart เพราะเชื่อมโยงรัฐบาลรัสเซีย กลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ หลังจาก Atomic Heart เกมยิง FPS แนวไซไฟของสตูดิโอ Mundfish จากรัสเซียเพิ่งวางขาย ก็มีข่าวว่ารัฐบาลยูเครนขอให้แพลตฟอร์มขายเกมต่างๆ ทั้งคอนโซลและพีซี ระงับการขายเกมนี้ในเขตพื้นที่ยูเครน ด้วยเหตุผลว่าสตูดิโอ Mundfish มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซีย และรายได้จากเกมจะถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลรัสเซียด้วย Alex Bornyakov รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของยูเครน แถลงว่าเกมนี้มีผู้ถือหุ้นจากรัสเซีย (ที่ไม่ระบุชื่อชัด) ที่อาจนำเงินรายได้ไปสนับสนุนสงคราม, แอบส่งข้อมูลของผู้เล่นกลับรัสเซีย อีกทั้งเนื้อหาของเกมที่นำบรรยากาศยุคสหภาพโซเวียตในอดีตมาใช้ในเกม จึงขอให้ Sony, Microsoft, Valve หยุดขายเกมนี้ในยูเครน รวมถึงประเทศอื่นๆ ด้วย เว็บไซต์ PCGamesN ให้ข้อมูลว่าบริษัท Mundfish มีนักลงทุนคือกองทุน GEM Capital ที่มีสัมพันธ์กับบริษัท Gazprom และ VTB Bank ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม เกมเปิดตัวมานานตั้งแต่ปี 2019 แต่เลื่อนมาเรื่อยๆ จนมาวางขายจริงเมื่อ 21 ก.พ. 2023 ก่อนครบรอบ 1 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเพียงไม่กี่วัน ทำให้เกมถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย ส่วน Mundfish เองระบุบนหน้าเว็บว่ามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไซปรัส และมีพนักงานจากชาติยุโรปตะวันออกหลายชาติ เช่น ยูเครน โปแลนด์ จอร์เจีย อยู่ในทีมด้วย นักลงทุนรายอื่นนอกจาก GEM Capital ยังมี Tencent และ Gaijin Entertainment บริษัทเกมจากฮังการี ที่มา - PCGamesN, VGC
# Shinji Mikami ผู้ก่อตั้ง Tango Gameworks ประกาศลาออกจากสตูดิโอ Shinji Mikami ผู้ก่อตั้ง Tango Gameworks สตูดิโอเกมในสังกัด Bethesda ประกาศแผนการลาออกจากสตูดิโอในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า Shinji Mikami สร้างชื่อจากการเป็นผู้กำกับ Biohazard/Resident Evil และ Dino Crisis ภาคแรก ก่อนลาออกจาก Capcom ในปี 2007 แล้วมาก่อตั้ง Tango Gameworks ในปี 2010 และถูก Bethesda/ZeniMax ซื้อกิจการในปีเดียวกัน ผลงานของเขาที่ Tango คือเกม The Evil Within, Ghostwire: Tokyo และล่าสุดคือ Hi-Fi Rush แม้เขาไม่ได้เป็นผู้กำกับเกมโดยตรงก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าหลังจากนี้เขาจะไปทำอะไรต่อ และยังไม่รู้ว่าใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าสตูดิโอแทน
# Google เพิ่มฟีเจอร์ Magic Eraser ของ Google Photos ให้กับลูกค้า Google One กูเกิลประกาศว่าฟีเจอร์ Magic Eraser ใน Google Photos ที่สามารถลบส่วนที่ไม่ต้องการในรูปออกไปได้ ขยายการรองรับไปยังผู้สมัครใช้งาน Google One ทุกคนแล้ว จากก่อนหน้านี้ฟีเจอร์ดังกล่าวจำกัดเฉพาะคนใช้ Pixel 6 และ Pixel 7 ทำให้รองรับทั้งผู้ใช้ Android อุปกรณ์อื่น และผู้ใช้ iOS นอกจากนี้ Google Photos ยังประกาศฟีเจอร์ใหม่อีกสองอย่าง ซึ่งมีผลกับผู้สมัครใช้ Google One และผู้ใช้ Pixel 6 และ Pixel 7 ด้วย ได้แก่ เอฟเฟกต์ HDR แบบใหม่ รองรับทั้งการแก้ไขรูปภาพและวิดีโอ และฟีเจอร์ Collage Editor สร้างรูปภาพแบบ Collage โดยมีดีไซน์ตัวเลือกที่มากกว่าสำหรับผู้ใช้ Google One และ Pixel กูเกิลบอกว่าฟีเจอร์ที่ประกาศเริ่มทยอยอัพเดตให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่มา: กูเกิล
# Samsung เปิดตัวมาตรฐานโมเด็ม 5G NTN สลับการเชื่อมต่อไปดาวเทียมได้ในพื้นที่เฉพาะ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เปิดตัวมาตรฐานเทคโนโลยีของโมเด็ม 5G NTN (non-terrestrial networks) หรือเครือข่ายที่ไม่ได้ติดตั้งในภาคพื้น ช่วยให้อุปกรณ์สามารถสลับการเชื่อมต่อกับดาวเทียมทางอากาศได้ ในพื้นที่ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์แบบปกติได้ ซัมซุงบอกว่ามีแผนนำเทคโนโลยีใส่เข้ามาในโมเด็ม Exynos และเตรียมการเพื่อรองรับเทคโนโลยีมาตรฐาน 6G ในอนาคต รูปแบบการสื่อสารของ NTN เป็นการเชื่อมต่อกับดาวเทียม ไปจนถึงอุปกรณ์รับส่งสัญญาณอื่นในอากาศ ช่วยแก้ปัญหากรณีไม่สามารถหาเครือข่ายภาคพื้นเชื่อมต่อได้ในพื้นที่เฉพาะ เช่น ภูเขา ทะเลทราย หรือกลางมหาสมุทร นอกจากนี้ซัมซุงยังมีแผนสร้างมาตรฐานเทคโนโลยี NB-IoT NTN ซึ่งลดการใช้พลังงาน และลดการทำชิปแยกสำหรับการเชื่อมต่อดาวเทียม ทำให้อุปกรณ์สามารถออกแบบได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ที่มา: ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์
# YouTube ขยายฟีเจอร์ใส่เสียงพากย์ภาษาต่าง ๆ ในวิดีโอ ไปยังครีเอเตอร์ทั่วโลก YouTube ประกาศขยายการรองรับฟีเจอร์ใส่เสียงพากย์ในภาษาต่าง ๆ ลงคลิปวิดีโอ มีผลกับครีเอเตอร์ทั่วโลก หลังจากทดสอบในกลุ่มจำกัดมาหลายเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งหนึ่งในช่องที่ร่วมทดสอบคือ MrBeast ยูทูบเบอร์ชื่อดัง การใส่เสียงพากย์ลงในวิดีโอ ครีเอเตอร์สามารถทำได้ทั้งกับวิดีโอใหม่ และวิดีโอที่เคยอัปโหลดไปแล้ว ช่วยให้วิดีโอสามารถเข้าถึงผู้ชมในภาษาต่าง ๆ ง่ายขึ้น ซึ่ง MrBeast บอกว่าจากเดิมทางเลือกคือทำคลิปแยกเป็นเสียงในภาษาต่าง ๆ ตอนนี้สามารถทำได้เลยในคลิปเดียวซึ่งเป็นข้อดีกว่า ส่วน YouTube ก็ให้ข้อมูลว่าหลังการทดสอบ พบว่าวิดีโอที่ใส่เสียงพากย์ภาษาอื่น มีการรับชมเพิ่มขึ้น 15% จากการเลือกชมในภาษาท้องถิ่นนั้น ๆ สำหรับครีเอเตอร์สามารถเพิ่มเสียงพากย์ได้ที่ Creator Studio ในส่วนเครื่องมือ Subtitles Editor โดยต้องจัดการผลิตไฟล์เสียงเอง ส่วนฝั่งคนดู สามารถเลือกเปลี่ยนเสียงพากย์ได้โดยไปที่ Settings และเลือก Audio Track ในภาษาที่ต้องการ (ดูตัวอย่างวิดีโอของ MrBeast ที่รองรับเสียงภาษาไทยได้ท้ายข่าว) YouTube บอกว่าฟีเจอร์นี้จะทยอยอัพเดตให้กับครีเอเตอร์ทั่วโลกที่เข้าเงื่อนไข ที่มา: TechCrunch และ YouTube
# Spotify ทดสอบระบบเพลย์ลิสต์ ที่ฟังได้เฉพาะผู้ถือ NFT ที่กำหนดเท่านั้น Spotify ได้ทดสอบระบบเพลย์ลิสต์แบบใหม่ ซึ่งฟังได้เฉพาะผู้ที่ถือโทเค็นที่กำหนดเท่านั้น เบื้องต้นทดสอบเฉพาะบน Android กับผู้ใช้งานในบางประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ ส่วน iOS ไม่รองรับเนื่องจากข้อกำหนดเกี่ยวกับ NFT ของแอปเปิล เบื้องต้น Spotify ทดสอบระบบดังกล่าวกับผู้ออก NFT เช่น Kingship หรือ Overlord โดยเมื่อผู้ใช้งานกดเข้าฟังเพลย์ลิสต์ ระบบจะให้เชื่อมต่อวอลเลตเพื่อยืนยันข้อมูลการถือครอง เช่น MetaMask หรือ Ledger เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนก็จะเข้าฟังเพลย์ลิสต์นั้นได้ ที่ผ่านมา Spotify มีแนวทางรองรับการใช้งานร่วมกับ NFT อยู่แล้ว เมื่อปีที่แล้วก็ทดสอบให้ศิลปินสามารถแสดงผลงาน NFT ในหน้าโปรไฟล์ได้ ที่มา: TechCrunch
# European Commission ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดลบแอป TikTok ออกจากอุปกรณ์ คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ European Commission ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของ EU หรือสหภาพยุโรป ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนขององค์กรต้องลบแอป TikTok ออกจากโทรศัพท์มือถือส่วนตัว และอุปกรณ์สำนักงาน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันข้อมูลและเพิ่มระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ European Commission ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ทั้งประจำและสัญญาจ้างรวมประมาณ 32,000 คน คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องลบแอปออกภายในวันที่ 15 มีนาคม หากไม่ปฏิบัติตาม จะถูกบล็อกไม่สามารถเข้าถึงอีเมลของหน่วยงาน รวมทั้ง Skype ได้ ตัวแทนของ TikTok กล่าวว่าการตัดสินใจดังกล่าวของ European Commission มาจากความเข้าใจที่ผิด ๆ เกี่ยวกับแพลตฟอร์ม และบริษัทรู้สึกผิดหวังต่อแนวทางที่ประกาศออกมา ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวในการแบน TikTok จากฝั่งหน่วยงานรัฐบาลโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันตก จากประเด็นกังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูล เช่น วุฒิสภาสหรัฐเพิ่งเห็นชอบกฎหมายห้ามลง TikTok ในอุปกรณ์ของรัฐ, รัฐสภาอังกฤษปิดบัญชี TikTok ส่วน European Commission ก็มีแนวทางผลักดันให้ TikTok ต้องแยกการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานยุโรปไว้ในภูมิภาค แบบเดียวกับในอเมริกา ที่มา: BBC
# Coinbase เปิดตัว Base เครือข่าย Layer-2 ที่สร้างบน Optimism Coinbase ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเปิดตัว Base เครือข่าย Layer-2 ที่สร้างขึ้นจาก OP Stack ของเครือข่าย Optimism โดยชูจุดขายความปลอดภัยจากเครือข่ายที่พัฒนาบน Ethereum, ค่า Gas ที่ต่ำ และออกแบบมารองรับกับนักพัฒนาไปต่อยอด จุดขายที่ Coinbase นำมาชู คือนักพัฒนาสามารถสร้างแอปหรือบริการบนเครือข่าย Base และสามารถเข้าถึงผู้ใช้งาน Coinbase ที่มีมากกว่า 110 ล้านคน รองรับการทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ นอกจากนี้ Coinbase ยังประกาศตั้ง Base Ecosystem Fund เพื่อให้เงินสนับสนุนเริ่มต้นสำหรับโครงการที่พัฒนาบน Base ซึ่งเข้าเกณฑ์เงื่อนไข ทั้งนี้ Coinbase บอกว่าไม่มีแผนการออกโทเค็นบนเชนใหม่นี้ ที่มา: Coinbase
# Grab รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2022 รายได้รวมโตถึง 310% Grab รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2022 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 310% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 502 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มสุทธิ (GMV) ที่เพิ่มขึ้น 11% เป็น 4,997 ล้านดอลลาร์ โดยขาดทุนสุทธิ 391 ล้านดอลลาร์ ลดลง 64% รายได้ที่เติบโตสูง Grab บอกว่ามาจากการเติบโตทั้งจากธุรกิจรถโดยสารและเดลิเวอรี เช่น การปรับลดส่วนแบ่ง และปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในบางประเทศ ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายรวมเติบโตจากธุรกิจรถโดยสารและบริการทางการเงิน Peter Oey ซีเอฟโอ Grab ประเมินว่าจากการเติบโตสูงของธุรกิจรถโดยสาร ขณะที่ธุรกิจเดลิเวอรีก็โฟกัสที่การรักษาระดับกำไรให้มากขึ้น ทำให้บริษัทประเมินว่า EBITDA รวม จะเป็นบวกได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ซึ่งเร็วขึ้นจากบริษัทประเมินก่อนหน้านี้ว่าเป็นครึ่งหลังปี 2024 ที่มา: Grab
# Alibaba รายงานผลประกอบการไตรมาส ภาพรวมเติบโตเล็กน้อย ท่ามกลางมาตรการ COVID-19 Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2022 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 247,756 ล้านหยวน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP ที่ 45,746 ล้านหยวน ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวในแถลงผลประกอบการว่าบริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่ดี ท่ามกลางสภาพตลาดที่หดตัว รวมทั้งปัญหาซัพพลายเชนและลอจิสติกที่เกิดขึ้นจากมาตรการควบคุมโควิด 19 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจค้าปลีกในจีนรายได้ลดลงเล็กน้อย 1% เป็น 169,986 ล้านหยวน Alibaba บอกว่าสินค้ากลุ่มแฟชั่นมียอดขายลดลงมาก แต่ได้กลุ่มสุขภาพ สัตว์เลี้ยง และอาหารสดมาชดเชย ขณะที่กลุ่มค้าปลีกต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 18% เป็น 19,645 ล้านหยวน มาจากการเติบโตทั้ง Lazada, AliExpress และ Trendyol ที่เติบโตมาก ที่มา: Alibaba
# ก้าวสำคัญของวงการ แว่น Meta Quest รองรับการแตะนิ้วบนปุ่มเสมือนในโลก VR แล้ว Meta ออกซอฟต์แวร์อัพเดต v50 ให้แว่น Quest (ทั้ง Quest 2 และ Quest Pro) ของใหม่ที่สำคัญคือ Direct Touch ให้ผู้ใช้สามารถ "แตะนิ้ว" บนปุ่มเสมือนในโลก VR ได้จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ ซอฟต์แวร์ของแว่น Quest สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของมือทั้งมือ (hand tracking) มาตั้งแต่ปี 2019 แต่ต้องใช้ท่า pinch สองนิ้วในการสั่งงาน ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก ตอนนี้ Meta แก้ปัญหานี้ได้แล้ว สามารถติดตามการแตะนิ้ว เลื่อนนิ้ว แบบเดียวกับที่เราคุ้นเคยบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการสั่งงาน VR โดยไม่ต้องใช้คอนโทรลเลอร์ใดๆ ของใหม่อย่างอื่นในซอฟต์แวร์ v50 คือ In-Game Multitasking หรือการเรียกหน้าต่างแอพ 2D ขึ้นมาทับบนเกม 3D ที่กำลังเล่นอยู่ได้โดยไม่ต้องปิดเกม เช่น เปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาอ่านวิธีเล่น หรือ แชทคุยกับเพื่อน ที่มา - Meta
# Valve แบนคนใช้โปรแกรมโกงเกม Dota 2 ชุดใหญ่ 40,000 บัญชี ด้วยการออกแพตช์ล่อให้ติดกับ Valve โพสต์บล็อกเล่าการแบนผู้เล่นที่ใช้โปรแกรมโกงเกม Dota 2 จำนวนราว 40,000 บัญชี โดยใช้วิธีออกแพตช์ที่ล่อให้ผู้เล่นเหล่านี้เผยตัวออกมาก่อน โปรแกรมโกงตัวนี้ใช้วิธีอ่านค่าพารามิเตอร์บางตัวในไคลเอนต์ Dota 2 ที่ผู้เล่นปกติมองไม่เห็น ซึ่ง Valve บอกว่าการแก้ค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ทำได้ง่าย แต่อยากกำจัดบัญชีโกงเหล่านี้ก่อนเพื่อไล่คนเหล่านี้ออกไปจากชุมชนผู้เล่น เทคนิคที่ Valve ใช้คือออกแพตช์อัพเดตไคลเอนต์ แล้ววางตัวล่อหรือ honeypot ค่าพารามิเตอร์ปลอมที่มองเห็นได้จากโปรแกรมโกงเท่านั้น เมื่อบัญชีเหล่านี้มีพฤติกรรมตามค่าตัวเลขปลอมที่ Valve ดักเอาไว้ จึงมั่นใจว่าใช้โปรแกรมโกงแน่นอน และล้างบางทีเดียวทั้งหมด Valve สรุปว่าเทคนิคนี้เป็นการกำจัดโปรแกรมโกงได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น การต่อสู้กับคนโกงยังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อเตือนผู้เล่นที่กำลังโกงด้วยวิธีอื่นๆ อยู่ว่าบริษัทจริงจังกับเรื่องนี้ และถ้าจับได้ก็จะถูกล้างบางทั้งล็อตเช่นกัน ที่มา - Valve
# Mercedes-Benz พรีวิวระบบปฏิบัติการ MB.OS เริ่มใช้ราวปี 2025, ขับขี่อัตโนมัติ L3 ต้องซื้อเพิ่ม Mercedes-Benz ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมของระบบปฏิบัติการ MB.OS (Mercedes-Benz Operating System) ที่ตัวเองกำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในช่วง "กลางทศวรรษ" (mid decade) หรือราวปี 2025 ระบบปฏิบัติการ MB.OS ใช้ทีมภายใน in-house พัฒนาร่วมไปกับสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มรถยนต์รุ่นใหม่ MMA platform (Mercedes Modular Architecture) ตัวระบบปฏิบัติการครอบคลุมตั้งแต่การขับขี่ การชาร์จ การขับขี่อัตโนมัติ ระบบภายในรถยนต์ ระบบแสดงผลข้อมูล ฯลฯ โดย Mercedez-Benz ยืนยันว่า MB.OS เป็นระบบปฏิบัติการปิด (proprietary system) ที่จะเปิดให้พาร์ทเนอร์บางรายเข้ามาร่วมเชื่อมต่อเท่านั้น พาร์ทเนอร์ของ MB.OS ที่ระบุชื่อแล้วตอนนี้มี NVIDIA ที่นำชิป Orin และ Light Detection and Ranging (LiDAR) ของบริษัท Luminar มาใช้ทำระบบขับขี่อัตโนมัติ และสามารถทำการขับขี่อัตโนมัติ L3 ได้แล้ว ฝั่งซอฟต์แวร์ infotainment ยังมีความร่วมมือกับกูเกิล ที่จะนำข้อมูลจาก Google Maps Platform มาใช้งานทำระบบนำทางของ Mercedes-Benz เอง, ยืนยันว่าจะมีแอพ YouTube ที่ใช้งานได้ตอนจอดรถ, วิดีโอคอลล์ผ่าน Webex และ Zoom, เล่นเกมสตรีมมิ่งจาก Antstream และความร่วมมือกับ Tencent เพิ่มบริการสำหรับลูกค้าในจีนโดยเฉพาะ MB.OS ยังสามารถอัพเกรดฟีเจอร์ได้เรื่อยๆ แต่ Mercedes-Benz ก็บอกเป็นนัยว่าต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม โดยจะใช้วิธีอัพเกรดผ่านระบบ Mercedes me Store ตามแนวทาง "lifetime revenues" ของบริษัท ฟีเจอร์ช่วยขับขี่แบบ Level 2 จะเป็นมาตรฐานพร้อมรถทุกคันในอนาคต แต่ถ้าอยากได้ Level 3 สามารถสั่งอุปกรณ์เพิ่มได้ตั้งแต่ตอนซื้อ และใช้งานได้ตามระยะเวลาที่กำหนดกันไว้ (fixed-term contract) ที่มา - Mercedes-Benz
# Rovio ประกาศถอดเกม Angry Birds ภาคแรก ออกจาก Play Store, ส่วน App Store เปลี่ยนชื่อเกมไปเลย Rovio ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเกม Rovio Classics: Angry Birds หรือ Angry Birds ภาคแรกทั้งบน iOS และ Android โดยเกมจะถูกนำออกจาก Play Store ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2023 มีผลกับผู้ใช้ Android ส่วน iOS เกมจะเปลี่ยนชื่อใน App Store เป็น Red's First Flight ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรีวิวของแอปเปิล ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกับผู้ที่ซื้อและดาวน์โหลดเกมนี้ไปแล้ว Rovio ไม่ได้ให้เหตุผลตรง ๆ ของการตัดสินใจ แต่บอกเพียงหลังประเมินในทางธุรกิจแล้ว เกม Angry Birds ภาคแรก ได้สร้างผลกระทบต่อเกมอื่น ๆ ของบริษัท จึงนำมาสู่การตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งอาจมีผลต่อความรู้สึกของแฟน ๆ ที่สนับสนุนและร่วมสร้างเกมนี้เป็นที่โด่งดังในยุคแรก Jay Peters แห่ง The Verge เดาสาเหตุของการตัดสินใจ ว่ามาจากเกม Angry Birds ภาคแรก เป็นเกมแบบเสียเงินจ่ายครั้งเดียว 1 ดอลลาร์ แตกต่างจากโมเดลหาเงินของเกม Angry Birds ภาคต่อ ๆ มา ที่เป็นแบบ Free-to-Play และทำเงินจากระบบ In-App ซึ่งเป็นโมเดลที่เกมมือถือสมัยใหม่นิยมใช้มากกว่า การให้ Angry Birds ภาคแรกยังมีอยู่ อาจทำให้คนไม่ไปเล่นเกมภาคอื่นต่อ จึงนำมาสู่การตัดสินใจนี้นั่นเอง ส่วนเหตุผลที่ Play Store ถอดแอปออก แต่ App Store ยังเก็บไว้ ยังไม่ชัดเจน ที่มา: The Verge
# Tesla ประกาศตั้งสำนักงานใหญ่ด้านวิศวกรรมที่รัฐ California ใช้ออฟฟิศเดิมของ HP บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ถือกำเนิดขึ้นในรัฐ California และซื้อโรงงานที่เคยเป็นของ GM และ Toyota ในเมือง Fremont โดยใช้โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตมายาวนาน ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Palo Alto หลังเกิดเหตุการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่ทำให้รัฐ California ออกมาสั่งให้ Tesla หยุดการผลิตต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ Elon Musk ไม่พอใจและตัดสินใจสั่งย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังรัฐ Texas ที่มีโรงงาน Gigafactory อยู่ด้วย โดยเขาวิจารณ์รัฐ California ว่ามีกฎและการกำกับดูแลเข้มงวดเกินไป, ฟ้องร้องกันมากเกินไป และเก็บภาษีโหดเกินไป อย่างไรก็ดี ล่าสุด Elon Musk ขึ้นเวทีร่วมกับ Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐ California ประกาศว่า Tesla จะตั้งสำนักงานใหญ่ด้านวิศวกรรมที่เมือง Palo Alto โดยใช้ออฟฟิศที่เคยเป็นสำนักงานใหญ่ของ HPE (Hewlett Packard Enterprise) ซึ่งห่างจากสำนักงานใหญ่เดิมของ Tesla เพียง 5 นาที ภาพโดย Tesla รัฐ California กับ Texas ที่ถึงแม้จะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน แต่ก็เป็นคู่แข่งกันทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ เพราะ California คุมโดยพรรคเดโมแครต มีประชากรมากที่สุด มีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด ส่วน Texas คุมโดยพรรครีพับลิกัน มีประชากรเป็นอันดับสอง ก็ขึ้นชื่อว่ามีการกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวดนักและเป็นหัวใจแห่งอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของประเทศ ที่มา - Reuters
# สะเทือนวงการหนังสือ สำนักพิมพ์หยุดรับงานเรื่องสั้นชั่วคราวหลังสงสัยว่างานที่ส่งมาใช้ AI ช่วยเขียน Clarkesworld Magazine สำนักพิมพ์นิยายวิทยาศาสตร์ต้องหยุดรับงานเรื่องสั้นจากนักเขียนชั่วคราวพร้อมแบนกว่า 500 เรื่อง เพราะใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยเขียน Neil Clarke บรรณาธิการสำนักพิมพ์ระบุว่าได้แบนหนังสือมากขึ้น 38% หรือนับเป็นทั้งหมดกว่า 500 เรื่องในเดือนนี้หลังมีสำนักข่าวหลายแห่งตีพิมพ์บทความที่แสดงความสงสัยว่ามีเรื่องสั้นจำนวนมากที่เขียนจากปัญญาประดิษฐ์โดยไม่ได้รับการเปิดเผยจากผู้ที่ส่งงานเข้ามาซึ่งผิดจากนโยบายสำนักพิมพ์ที่ห้ามไม่ให้ส่งเรื่องที่ใช้ AI ร่วมเขียนหรือใช้ AI ช่วยเขียน ทั้งนี้ Clarke กล่าวว่าการแบนไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริงและกระทบต่อสำนักพิมพ์ ในขณะที่การตรวจสอบว่าหนังสือเขียนโดย AI หรือไม่ก็ทำได้ยากเพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ท่ามกลางยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้ในงานด้านคอนเทนต์มากขึ้น หนังสือใน Kindle Store ของ Amazon อย่างน้อย 200 เล่มมีชื่อ ChatGPT เป็นผู้เขียนหรือผู้ร่วมเขียน ขณะที่จำนวนหนังสือที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เขียนจริงมีมากกว่านี้เพราะ Amazon ไม่ได้บังคับใช้เจ้าของงานต้องเปิดเผยรายละเอียด Brett Schickler เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการผลิตหนังสือ อย่างเรื่อง The Wise Little Squirrel: A Tale of Saving and Investing ซึ่งเป็นหนังสือเด็กที่ทั้งเนื้อหาและภาพประกอบมาจากปัญญาประดิษฐ์ แม้ว่าเขาจะบอกว่าได้รายได้ไม่ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากเริ่มขายในเดือนมกราคมแต่เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นในการเขียนเพียงป้อนข้อความ (prompt) ลงใน ChatGPT การใช้ปัญญาประดิษฐ์เขียนหนังสือทำให้เกิดข้อกังวลอย่างมาก Mary Rasenberger กรรมการบริหารของกลุ่มนักเขียน Authors Guild มองว่า ปัญญาประดิษฐ์จะแย่งงานนักเขียนที่เป็นมนุษย์ พร้อมเสนอว่าทั้งฝั่งนักเขียนและ Amazon ควรจะต้องเปิดเผยให้ชัดเจนว่าหนังสือเล่มใดใช้ปัญญาประดิษฐ์เขียนบ้าง ไม่อย่างนั้นบนแพลตฟอร์มก็จะมีแต่หนังสือคุณภาพต่ำ นอกจากเรื่องความโปร่งใสแล้ว การใช้ปัญญาประดิษฐ์ยังมีปัญหาเรื่องข้อมูลผิดและการคัดลอกผลงานหรือสไตล์การเขียนงานมาจากผู้เขียนที่เป็นมนุษย์จริง ๆ โดยเจ้าของไม่รู้ตัวอีกด้วย อย่างกรณีที่เว็บไซต์ข่าว CNET ลองใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์เขียนข่าวเศรษฐกิจ 73 ชิ้น พบว่าจะมีแนวการเขียนแบบเดิมรวมทั้งมีประโยคที่เหมือนเว็บไซต์อื่นด้วย ที่มา - Engadget
# .NET 8 ออก Preview 1 ปรับปรุงการทำงานบนลินุกซ์หลายอย่าง, NativeAOT บนแมค ไมโครซอฟท์เปิดตัว .NET 8 Preview 1 ตามรอบการออกรุ่นใหม่ทุกปีช่วงเดือนพฤศจิกายน โดย .NET 8 จะเป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว 3 ปี (LTS) เหมือนกับ .NET 6 ของใหม่ใน .NET 8 Preview 1 มีดังนี้ NativeAOT ฟีเจอร์ ahead-of-time (AOT) compiler ที่คอมไพล์ล่วงหน้า ลดหน่วยความจำ ลดระยะเวลาเรียกแอพ ถูกเริ่มใช้ใน .NET 7 ตอนนี้รองรับ macOS แล้วใน .NET 8, ปรับปรุงประสิทธิภาพบนวินโดวส์และลินุกซ์ ให้ขนาดไบนารีเล็กลงกว่าเดิมมาก กรณีของลินุกซ์สามารถลดได้สูงสุด 50% (แอพตัวอย่าง Hello World ลดจาก 3.76MB เหลือ 1.84MB) อิมเมจ .NET container อัพเกรดไส้ในมาเป็น Debian 12, รองรับการรันแบบ non-root เพิ่มอิมเมจ .NET 8 บน Ubuntu Chiseled ซึ่งเป็นอิมเมจขนาดเล็กมาก (ultra-small) ไม่มีตัวจัดการแพ็กเกจ ไม่มีเชลล์ สำหรับรันในอุปกรณ์ฝังตัว แบบเดียวกับ ที่เริ่มใน .NET 6 เมื่อปี 2022 แต่รอบนี้มาพร้อมกับ .NET 8 ตั้งแต่แรกเลย สามารถ build ไบนารี .NET จากซอร์สโค้ดบน GitHub บนลินุกซ์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว ช่วยให้การเผยแพร่แพ็กเกจ .NET บนดิสโทรต่างๆ ง่ายขึ้นมาก ปรับเวอร์ชันขั้นต่ำของดิสโทรลินุกซ์ที่รองรับมาเป็น Ubuntu 16.04, RHEL 8 โดยหยุดรองรับ Ubuntu 14.04 และ RHEL 7 แล้ว ปรับปรุงประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรม Arm64, รองรับส่วนขยาย AVX-512 ของซีพียู ที่มา - .NET Blog
# FromSoftware ประกาศยอดขาย Elden Ring แตะ 20 ล้านชุด ใช้เวลาปีเดียว FromSoftware และ Bandai Namco ประกาศยอดขายของเกม Elden Ring แตะหลัก 20 ล้านชุด ใช้เวลาราว 1 ปีหลังเกมวางขายช่วงต้นปี 2022 Elden Ring ถือเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของค่าย FromSoftware และ Bandai Namco อีกทั้งชนะรางวัลใหญ่ Game of the Year ของ The Game Awards ปี 2022 ด้วย (แต่เกมรุ่นพี่คือ Sekiro ก็เคยชนะมาก่อนแล้วในปี 2019) ตัวเลขยอดขาย 20 ล้านชุด ทำให้ Elden Ring ขึ้นไปทาบชั้นยอดขายของเกมระดับ Call of Duty หรือ FIFA โดยมียอดขายในสหรัฐปี 2022 เป็นรองแค่ Call of Duty เกมเดียวเท่านั้น ที่มา - FromSoftware via Kotaku
# Artifact แอปอ่านข่าว คัดเนื้อหาด้วย AI ของสองผู้ก่อตั้ง Instagram เปิดให้ใช้งานได้ทุกคนแล้ว Artifact แอปอ่านข่าวที่คัดเลือกเนื้อหาด้วย AI ของสองผู้ก่อตั้ง Instagram คือ Kevin Systrom และ Mike Krieger ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานทุกคนดาวน์โหลดและสมัครใช้งานได้เลย ไม่ต้องรอ waitlist แล้ว รวมทั้งไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์เพื่อยืนยันตัวตนด้วย แอปสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งใน iOS และ Android นอกจากนี้ Artifact ยังประกาศฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น แสดงเนื้อหายอดนิยม อ้างอิงจากเครือข่ายผู้ติดต่อของเรา พร้อมแสดง badge บทความนั้น หากมีจำนวนคนอ่านมากถึงตัวเลขหนึ่ง, มีฟีเจอร์แสดงหมวดเนื้อหาที่เราชอบอ่าน, เพิ่มปุ่มนิ้วโป้งชี้ลง (thumb down) เพื่อบอกระบบว่าไม่ต้องการอ่านเนื้อหาประเภทนี้ ที่มา: Artifact
# เผย Apple มีความคืบหน้า การพัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจน้ำตาลในเลือด ได้อุปกรณ์ต้นแบบแล้ว มีรายงานจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม เผยว่าโครงการพัฒนาเซ็นเซอร์ระบบตรวจจับน้ำตาลในเลือดของแอปเปิล มีพัฒนาการที่สำคัญทำให้โครงการนี้ใกล้ความจริงมากขึ้น หลังทำการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างหลายร้อยคน ซึ่งคาดว่าแอปเปิลจะนำคุณสมบัติดังกล่าวมาใส่ใน Apple Watch โครงการสร้างระบบตรวจจับระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งช่วยทั้งระบุความเสี่ยงโอกาสเป็นเบาหวาน และลดการเจาะเลือดทดสอบสำหรับผู้ป่วยโรคนี้ เป็นแนวคิดมาตั้งแต่สตีฟ จ็อบส์ ยังเป็นซีอีโอแอปเปิล ที่ตอนนั้นต้องเข้ารับการรักษาบ่อยครั้ง โดยแนวทางของแอปเปิลคือใช้ชิปกับเซ็นเซอร์ยิงลำแสงไปชั้นใต้ผิวหนัง วัดระดับความเข้มของน้ำตาลในเลือดตามภาพสะท้อนที่ได้กลับมา ปัจจุบันอุปกรณ์ต้นแบบสำหรับโครงการนี้ยังมีขนาดใหญ่เท่ากับ iPhone ซึ่งแอปเปิลต้องการลดขนาดลงให้สะดวกกับผู้ใช้งาน รายงานบอกว่าแอปเปิลเริ่มต้นโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2010 โดยตั้งสตาร์ทอัพชื่อ Avolonte Health เพื่อวิจัยและพัฒนาโครงการนี้โดยเฉพาะ พนักงานทั้งหมดจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับแอปเปิล เพื่อให้สะดวกและควบคุมความลับทั้งการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง และการยื่นขอสิทธิบัตร เวลาต่อมาจึงรวมบริษัทนี้เข้ากับฝ่าย XDG ของแอปเปิล ซึ่งเป็นฝ่ายทดสอบไอเดียธุรกิจใหม่ คล้ายกับ X ของ Alphabet ที่มา: Bloomberg
# Notion เปิดให้ใช้งาน Notion AI บริการ AI ช่วยเขียน-แก้ไขเนื้อหา สำหรับผู้ใช้งานทุกคนแล้ว Notion แอปจดบันทึกในทุกรูปแบบ ประกาศขยายการใช้งาน Notion AI ไปยังผู้ใช้งานทุกคน รวมทั้งผู้ใช้งานแบบฟรี หลังจากทดสอบในกลุ่มผู้ใช้งานแบบจำกัดก่อนหน้านี้ มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การใช้งาน Notion AI รองรับหลายรูปแบบ เช่น การช่วยร่างเนื้อหาเบื้องต้น โดยเคาะ Space แล้วเลือกหรือพิมพ์คำสั่งที่ต้องการ, ปรับปรุงการเขียน โดยไฮไลท์ข้อความที่ต้องการ เลือก Ask AI และใส่คำสั่งที่ต้องการเช่นแก้ไขข้อความให้ดีขึ้น หรือสร้างหน้าใหม่ เลือก Start writing with AI เพื่อลิสต์ข้อดี-ข้อเสีย ในหัวข้อที่เรากำลังพิจารณาทางเลือก Notion บอกว่าหลังเปิดทดสอบมาหลายสัปดาห์ พบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้ AI ช่วยเขียนคอนเทนต์ให้ทั้งหมดจากศูนย์ แต่นิยมไฮไลท์ข้อความ และให้ AI ช่วยปรับปรุงการเขียนมากกว่า บริการ Notion AI แม้เปิดให้กับผู้ใช้งานทุกคนแต่ไม่ฟรี โดยผู้ใช้งานสามารถทดสอบแบบจำกัดได้ฟรี 20 คำสั่ง จนถึง 5 เมษายน 2023 จากนั้นบริการดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่าย 10 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือน และถูกกว่าหากจ่ายรายปี โดยสามารถใช้งานได้ไม่จำกัด ที่มา: Notion
# กลับสู่ยุควิทยุ Spotify เปิดตัวฟีเจอร์ DJ ใช้ AI สร้างเสียงดีเจคุยแนะนำเพลงให้ฟัง Spotify เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ DJ ทำงานตามชื่อคือใช้ AI คัดเลือกเพลงที่เหมาะกับผู้ใช้งาน, คิดคำบรรยายแนะนำเพลง และสร้างเป็นเสียงดีเจส่วนตัวให้ผู้ใช้แต่ละคน Spotify DJ แบ่งการทำงานเป็น 3 ขั้นตอนคือ อัลกอริทึมคัดเลือกเพลง ใช้เอนจินการคัดเลือกและแนะนำเนื้อหาที่ Spotify ใช้งานอยู่แล้ว การคิดคำบรรยายเพลง ใช้เทคโนโลยี GPT ของ OpenAI เรียนรู้คำบรรยายจากทีมบรรณาธิการมนุษย์ว่าเขียนอย่างไร ซึ่ง Spotify บอกว่าเป็นการเรียนรู้จากมืออาชีพโดยตรง แปลงข้อความเป็นเสียงพูด ใช้เทคโนโลยีจากบริษัท Sonantic ที่ Spotify ซื้อกิจการมาเมื่อกลางปี 2022 ตอนนี้ดีเจของ Spotify ยังมีเสียงพูดและบุคลิกเดียว โดยอิงจาก Xavier “X” Jernigan หัวหน้าฝ่าย Cultural Partnerships ของบริษัทเอง ซึ่งจัดรายการ The Get Up และได้รับความนิยมจากแฟนๆ อยู่แล้ว แต่ในอนาคตก็จะเพิ่มเสียงแบบอื่นๆ ตามมา วิธีการใช้งานดีเจพลัง AI ให้เข้าไปที่หน้า Music Feed รวมเพลงตามปกติ แล้วเลือก Play on the DJ ได้เลย ที่มา - Spotify
# NVIDIA รายงานผลประกอบการไตรมาส เติบโตจากธุรกิจ Data Center - AI NVIDIA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนมกราคม มีรายได้รวม 6,051 ล้านดอลลาร์ ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,414 ล้านดอลลาร์ Jensen Huang ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง NVIDIA กล่าวว่า AI มาถึงที่จุดสะท้อนที่สำคัญ มีการนำไปใช้งานแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่สตาร์ทอัพจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ และความสนใจในการนำ AI มาใช้กับเรื่องต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น ซึ่ง NVIDIA ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นงาน Generative AI หรืองาน LLM ส่วนธุรกิจเกมตอนนี้อยู่ในการฟื้นตัว หลังตลาดหดตัวไปเมื่อหมดการระบาดของโควิด 19 รายได้จากธุรกิจ Data Center ซึ่งรวมกลุ่มสินค้า AI ด้วย รายได้เพิ่มขึ้น 11% เป็น 3,616 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจเกม รายได้ลดลง 46% เป็น 1,831 ล้านดอลลาร์ ที่มา: NVIDIA
# Bixby เพิ่มฟีเจอร์ใช้ AI เลียนเสียงของผู้ใช้ แล้วคุยโทรศัพท์แทนเรา ซัมซุงออกอัพเดตใหญ่ให้ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวบนอุปกรณ์ตระกูล Galaxy ของใหม่ที่สำคัญคือฟีเจอร์ Text Call ที่เคยเปิดตัวในเกาหลีเมื่อเดือนธันวาคม 2022 ตอนนี้ออกเวอร์ชันภาษาอังกฤษแล้ว Text Call คือการให้ Bixby สนทนาด้วยเสียงทางโทรศัพท์แทนผู้ใช้ (ที่อาจไม่สะดวกรับสาย เช่น กำลังประชุมอยู่) โดยผู้ใช้มีหน้าที่พิมพ์ข้อความที่อยากตอบ จากนั้น Bixby จะแปลงเป็นเสียงพูดแล้วไปคุยกับคนที่โทรมาให้แทน ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Custom Voice Creato ผู้ใช้สามารถอัดเสียงตัวเองเป็นตัวอย่างฝาก Bixby เอาไว้ แล้วแปลงเป็นเสียงพูดที่คล้ายๆ กับเสียงเราได้ ตอนนี้ฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะภาษาเกาหลีเท่านั้น ฟีเจอร์อื่นของ Bixby ที่เพิ่มเข้ามารอบนี้ยังมี on-device AI ขยายคำสั่งที่คุยได้แบบออฟไลน์ เช่น เปิดไฟฉาย จับภาพหน้าจอ ตั้งเวลา โดยรองรับการใช้งานใน 6 ภาษาคือ อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เกาหลี ที่มา - Samsung
# Baidu ไตรมาส 4/2022 ภาพรวมรายได้คงที่จากปีก่อน - เตรียมพร้อมกับการเติบโตของ AI Baidu รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2022 รายได้รวม 33,077 ล้านหยวน ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP ที่ 4,953 ล้านหยวน Robin Li ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Baidu กล่าวว่า ปี 2022 ที่ผ่านมาเป็นปีที่มีความท้าทายมาก แต่บริษัทก็ใช้โอกาสดังกล่าวในการเตรียมความพร้อมเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ในปี 2023 บริษัทมองว่าตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น และบริษัทก็มีความพร้อมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ที่ผ่านมาบริษัทลงทุนในด้าน AI หลายอย่าง เพื่อปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจที่เกิดขึ้น Baidu รายงานไฮไลท์ของธุรกิจโดย Baidu ACE แพลตฟอร์มสำหรับระบบรถยนต์อัตโนมัติอัจฉริยะ มีการใช้งานแล้วใน 69 เมือง, รถยนต์ไร้คนขับ Apollo Go วิ่งไปแล้ว 5.61 แสนเที่ยว ภายในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และเป็นรายแรกที่ได้ใบอนุญาต ให้วิ่งรถทดสอบแบบไม่มีคนนั่งในรถในเมืองปักกิ่ง และ iQIYI มีจำนวนสมาชิกที่สมัครรับชม 111.6 ล้านราย ที่มา: Baidu
# Bing พลัง AI ขยายช่องทางไปยังแอพ Bing บนมือถือ, บ็อตในห้องแชทของ Skype ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าขยายช่องทางการใช้งาน Bing เวอร์ชันใหม่พลัง AI ต่อไป จากเดิมที่มีเฉพาะ Bing.com บนเดสก์ท็อป (แม้ยังไม่ได้เปิดให้ครบทุกคนใน waitlist) ตอนนี้ขยายเพิ่มเติมมายังช่องทางอื่นดังนี้ แอพ Bing บนมือถือทั้ง Android และ iOS แอพ Microsoft Edge บนมือถือ โดยใช้ได้ผ่านหน้าโฮมที่เป็น Bing หน้าแชทของ Skype โดย Bing จะมีสถานะเป็นบ็อตในห้องแชทของเรา และสั่งให้ Bing สรุปข้อมูลให้ทุกคนในห้องอ่านได้พร้อมกัน การใช้งานทุกช่องทางยังจำเป็นต้องได้รับอนุมัติจาก waitlist ก่อน ที่มา - Microsoft
# Google เตรียมยุติการแข่ง Code Jam จัดแข่งทิ้งทวนวันที่ 15 เมษายนนี้ Google เตรียมยุติการจัดกิจกรรม Code Jam ซึ่งเป็นกิจกรรมแข่งขันเขียนโค้ดที่เริ่มจัดขึ้นในปี 2003 โดยจะมีการแข่งขันครั้งสุดท้ายในวันที่ 15 เมษายนนี้ เวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) การแข่งขัน Code Jam นั้นเปิดให้โปรแกรมเมอร์ทุกระดับทั่วโลกสามารถเข้าร่วมแข่งขันเขียนโปรแกรมแก้โจทย์ผ่านทางออนไลน์เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง โดยมีเงินรางวัลแก่ผู้ชนะ 15,000 ดอลลาร์ และต่อมา Google ก็ได้เพิ่มกิจกรรมแข่งขัน Kick Start ซึ่งเป็นเวทีแข่งขันสำหรับกลุ่มโปรแกรมเมอร์ที่เพิ่งจบใหม่ และกิจกรรมแข่งขันเขียนโปรแกรมแบบเป็นทีมในชื่อ Hash Code Google ไม่ได้ระบุสาเหตุของการยุติ Code Jam อย่างแน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจยุติกิจกรรมที่จัดมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 20 ปี มาจากนโยบายที่ต้องการโฟกัสกับ AI มากขึ้นและควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันที่นำมาสู่การตัดสินใจปลดพนักงานร่วม 12,000 คนเมื่อเดือนก่อน ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันเพื่ออำลา Code Jam (รวมทั้ง Kick Start และ Hash Code) สามารถลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมส่งท้ายกันได้ที่นี่ ที่มา - เพจ Code Jam, Google Developers
# กูเกิลสาธิตการลดความผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ควอนตัมด้วย Quantum Error Correction สำเร็จ กูเกิลสาธิตถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของคิวบิตในคอมพิวเตอร์ควอนตัมด้วยการสร้างวงจร Quantum Error Correction ที่รวมเอาคิวบิตจำนวนมากให้ทำงานเหมือนเป็นคิวบิตเดียวได้สำเร็จ เปิดทางสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดใหญ่ในอนาคต คอมพิวเตอร์ควอนตัมทุกวันนี้มีอัตราการผลิตพลาดสูงเกินกว่าจะสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริง มีการเสนอมานานแล้วว่าเพื่อให้สร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดใหญ่ได้ต้องอาศัยคิวบิตจำนวนมากในคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อกันเป็นวงจรทนทานต่อความผิดพลาด หรือ Quantum Error Correction และในงานวิจัยล่าสุดกูเกิลแสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างคิวบิตที่รวมเอาจากคิวบิตบนชิปจำนวน 49 คิวบิต เพื่อสร้างเป็นคิวบิตเดียว และยังสามารถทำงานได้ดีกว่าคิวบิตที่สร้างจากคิวบิตบนชิปจำนวน 17 คิวบิต ทีมงานวิจัยเคยประเมินว่าการสร้างคิวบิตที่สมบูรณ์ ต้องอาศัย Quantum Error Correction จากคิวบิตประมาณ 1,000 คิวบิต การสาธิตให้เห็นว่าวงจรที่มีคิวบิตมากขึ้นทำให้ประสิทธิภาพของคิวบิตเข้าใกล้จุดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น รายงานวิจัย Suppressing quantum errors by scaling a surface code logical qubit ตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature ที่มา - Google
# ไมโครซอฟท์ฝึก ChatGPT ให้เขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ เสร็จแล้วให้ ChatGPT เขียนรายงานให้ กลุ่มวิจัยหุ่นยนต์ของไมโครซอฟท์รายงานถึงการใช้ ChatGPT เขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ โดยพบว่า ChatGPT สามารถแปลงคำสั่งภาษามนุษย์กลายเป็นโค้ดตามข้อจำกัดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้หลายประเภท การทดสอบเริ่มด้วยการอธิบายการทำงานของหุ่นยนต์และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เรียกใช้ได้ให้ ChatGPT จากนั้นขอโค้ดตามคำสั่งแบบภาษามนุษย์ เช่น สำรวจชั้นเก็บของทุกชั้น ตัว ChatGPT สามารถเขียนโค้ดควบคุมโดรนให้บินกวาดชั้นเก็บของทุกชั้นได้ตามคำสั่ง ไมโครซอฟท์ปล่อยโปรแกรม AirSim สำหรับจำลองการทำงานของโดรน พร้อมกับรวบรวมคำสั่งที่เคยสั่ง ChatGPT ในงานวิจัยครั้งนี้ให้คนภายนอกแนะนำเพิ่มเติม ปัญญาประดิษฐ์แปลงภาษามนุษย์ให้กลายเป็นคำสั่งสำหรับหุ่นยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ปีที่แล้วกูเกิลเองก็เปิดโมเดลปัญญาประดิษฐ์เพื่อทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่การที่ ChatGPT ทำงานนี้ได้ด้วยก็แสดงให้เห็นว่าพลังของ ChatGPT นั้นสูงมาก ทีมงานทดลองเสร็จแล้วก็ใช้ ChatGPT ช่วยเขียนรายงานวิจัยให้แล้วค่อยมาปรับแก้เอาภายหลัง ทีมงานระบุว่าช่วยให้การเขียนรายงานเร็วขึ้นมาก และแนะนำให้ใช้งานกัน ที่มา - Microsoft
# [ลือ] รัฐบาลจีนสั่งห้ามบริษัทจีนให้บริการ ChatGPT เพราะกลัวอเมริกาใช้แพร่ข่าวปลอม Nikkei Asia รายงานว่า รัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Tencent, Alibaba ให้บริการแชทกับ ChatGPT ผ่านบริการในเครือของตัวเอง ไม่ว่าจะทำเองหรือผ่านพาร์ทเนอร์ก็ตาม ปัจจุบัน ChatGPT ยังไม่เปิดบริการอย่างเป็นทางการในจีน แต่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน VPN หรือผ่าน mini app ในแอพแชทอย่าง WeChat ของ Tencent ที่มีคนไปสร้างเอาไว้ ส่งผลให้ Tencent ต้องแบน mini app เหล่านี้ทั้งหมด คาดว่าเหตุผลของนโยบายนี้เป็นเพราะรัฐบาลจีนต้องการบล็อคการเข้าถึงเว็บต่างชาติ แบบเดียวกับที่ Google, Facebook, YouTube, Twitter โดนบล็อคมาก่อนนานแล้ว จึงมองว่า ChatGPT เป็นบริการของสหรัฐในการแพร่กระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังกำหนดให้บริษัทเทคเหล่านี้ต้องรายงานรัฐบาล หากเปิดบริการแชทแบบ ChatGPT แต่เป็นของบริษัทจีนทำเอง ซึ่งมีบางบริษัทเริ่มทำแล้ว เช่น Baidu แต่ยังไม่เปิดให้บริการ ที่มา - Nikkei Asia
# พบ Microsoft Edge ฝังโฆษณาบนหน้าเว็บ Google หากผู้ใช้จะดาวน์โหลด Chrome มีผู้ใช้งาน Microsoft Edge เวอร์ชัน Canary ลองเข้าหน้าเว็บ google.com/chrome ซึ่งเป็นหน้าสำหรับดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ Chrome กลายเป็นว่าจะเห็นโฆษณาขนาดใหญ่เขียนว่า Edge ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Chrome แต่เพิ่มเติมด้วยความน่าเชื่อถือของไมโครซอฟท์ โฆษณาแบบนี้เป็นการฝังโดยตัวเบราว์เซอร์ Edge ลงในหน้าเว็บ Google.com ตามเงื่อนไขที่กำหนด สร้างเสียงวิจารณ์ว่า Edge เข้ามาแทรกแซงการชมหน้าเว็บของผู้ใช้ ผมลองใช้กับ Edge เวอร์ชัน Dev ก็พบโฆษณาข้อความเดียวกัน แต่รูปแบบไม่รุนแรงเท่า คือเป็น pop-up ขึ้นมาที่มุมด้านขวาบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์อีกที ไม่ได้เป็นการฝังหน้าเว็บเหมือนเวอร์ชัน Canary ทั้งนี้ กูเกิลเองก็พยายามโฆษณา Chrome หากเข้าหน้าเว็บ Google Search ด้วยเบราว์เซอร์อื่นๆ แต่นั่นเป็นการแสดงผลบนหน้าเว็บที่กูเกิลเป็นเจ้าของเอง ที่มา - 9to5google
# [ลือ] ปลดแล้วปลดอีก Elon Musk ปลดพนักงาน Twitter อีกหลายสิบคน รวมถึงหัวหน้าทีมระบบโฆษณา The verge รายงานว่า Twitter ปลดพนักงานออกอีกหลายสิบคน (dozens) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีทั้งฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายขาย หนึ่งในนั้นมีหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมที่รับผิดชอบด้านโฆษณา ซึ่งรายงานตรงต่อ Elon Musk ด้วย ตามข่าวยังบอกว่า Musk กำหนดเป้าให้ทีมโฆษณาปรับปรุงหน้าตาของโฆษณาใน feed หลักของ Twitter ใหม่ ให้หน้าตาคล้ายโฆษณาค้นหาของกูเกิลที่อิงจากคีย์เวิร์ด แทนที่จะอิงจากโปรไฟล์และกิจกรรมของผู้ใช้ และกำหนดให้ทำเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ Musk ประกาศเรื่องการปรับปรุงโฆษณาผ่านโพสต์ของเขาเอง แต่ไม่ได้พูดเรื่องการปลดคน ที่มา - The Verge
# ไมโครซอฟท์บอก ยื่นสัญญา 10 ปี Call of Duty ให้โซนี่ แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ประเด็นเรื่อง Call of Duty ระหว่างไมโครซอฟท์และโซนี่ยังคงมีอยู่อย่างเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ Jim Ryan ซีอีโอ PlayStation เผยว่าไมโครซอฟท์เสนอต่อสัญญา 3 ปี แต่ข้อเสนอยังไม่ดีพอ ขณะที่ Phil Spencer ออกมาพูดบ้างว่า Call of Duty จะอยู่บน PlayStation ต่อไปตราบเท่าที่จะมีเครื่องออก แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเอ็ฟคลูซีฟ ล่าสุด Brad Smith ระบุในงานแถลงข่าวล่าสุด บอกว่าไมโครซอฟท์มีข้อเสนอระยะยาว 10 ปี ให้ PlayStation พร้อมอยู่แล้ว เหลือแค่รอเซ็นเท่านั้น และอยากเจรจากับโซนี่มาก แต่ยังไม่มีข้อตกลงกัน ขณะที่ในแง่ยุทธศาสตร์และจำนวนเกมที่ไมโครซอฟท์เน้น Cross Platform ตอนนี้ Xbox มีเกมบน PlayStation แล้ว 58 เกม จาก 59 เกม ส่วน PlayStation มีบน Xbox แค่ 2 จาก 286 เกมที่เป็นเอ็กคลูซีฟ สะท้อนการให้ความสำคัญกับการลงทุกแพลตฟอร์มของตัวเองเทียบกับโซนี่ นอกจากนี้ Brad ยังพูดถึงดีล Activision Blizzard ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อเสนอของหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรด้วยว่า การขายธุรกิจบางส่วนของ Activision Blizzard King เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล รวมถึงเปรียบเทียบกับกรณีเมื่อปี 2009 ที่ต้องทำดีลกับสหภาพยุโรป เรื่องการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Google ตอนนั้นยากกว่าดีล Activision Blizzard เสียอีก ที่มา - @jezcorden, Tom Warren
# ไมโครซอฟท์บอกเอง ส่วนแบ่งตลาดโลก Xbox แค่ 25% ส่วน PS5 กินไป 75% ในงานแถลงข่าวของไมโครซอฟท์ที่กรุงบรัสเซลส์ หนึ่งในนั้นคือการแถลงเรื่องการจับมือกับ NVIDIA ซึ่ง Brad Smith ประธานบริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดคอนโซลในระดับโลกและระดับภูมิภาคด้วยซึ่งก็แน่นอนว่าอย่างที่เรารู้ว่า PlayStation ของ Sony กินส่วนแบ่งขาด แต่อาจจะไม่รู้ตัวเลขเป๊ะ Brad บอกว่าในระดับโลก ส่วนแบ่งตลาดของ PlayStation อยู่ที่ 75% ส่วน Xbox ประมาณ 25% (Nintendo ไปไหน?) ขณะที่ในยุโรป PlayStation 80% Xbox 20% และญี่ปุ่น เจ้าบ้านกินขาดที่ 96% และ Xbox 4% ที่มา - @jezcorden
# LINE ประกาศปิดฟีเจอร์ Avatar LINE ประกาศยุติการให้บริการฟีเจอร์ Avatar หรืออวาตารเสมือนเทียบเท่า AR Emoji สำหรับ LINE Messenger ตั้งแต่เวอร์ชั่น 13.4.0 ในระบบ iOS และ Android เป็นต้นไป และจะทยอยยุติฟีเจอร์สำหรับเวอร์ชั่นเก่ากว่า 13.4.0 โดยยังไม่ประกาศวันที่ หลังจากที่หยุดให้บริการแล้ว Avatar ที่ผู้ใช้สร้างจะถูกลบออกจากระบบ ยกเว้น Avatar ที่ผู้ใช้ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์จะยังไม่ถูกลบ สามารถใช้งานได้จนกว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่ ทั้งนี้ LINE ยังแจ้งว่า ลิขสิทธิ์ของ Avatar ในรูปโปรไฟล์หลังจากนี้จะยังเป็นของ LINE Corporation ที่มา: LINE
# Microsoft ทำข้อตกลงกับ NVIDIA นำเกม Xbox ลงแพลตฟอร์ม GeForce NOW ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เป็นข้อตกลงพาร์ทเนอร์ระยะเวลา 10 ปี เพื่อนำเกมจาก Xbox ลงแพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่ง GeForce NOW ของ NVIDIA โดยผู้ที่ซื้อเกมของ Xbox อยู่แล้วผ่านช่องทางต่าง ๆ สามารถสตรีมเกมที่รองรับได้เลย ข้อตกลงนี้ทำให้เกมของ Xbox สามารถสตรีมผ่าน GeForce NOW ได้ทั้งบนพีซี, Mac, Chromebook, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่นที่รองรับ ซึ่ง Phil Spencer ซีอีโอฝ่ายธุรกิจเกมของไมโครซอฟท์บอกว่าเกมอย่าง Call of Duty ก็จะนำมาลงด้วย หากดีลควบรวมกิจการกับ Activision Blizzard เสร็จสิ้น ในประกาศนี้ไมโครซอฟท์ระบุด้วยว่า ผลของดีลดังกล่าว NVIDIA จะร่วมให้การสนับสนุนในประเด็นที่ไมโครซอฟท์กำลังถูกสอบสวนเรื่องการผูกขาด ในการซื้อกิจการ Activision Blizzard ประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไมโครซอฟท์ก็เพิ่งประกาศร่วมมือกับนินเทนโด นำเกม Call of Duty ลงแพลตฟอร์มเป็นเวลา 10 ปี ที่มา: NVIDIA
# Bing Chat ขยายข้อจำกัดใช้งาน เพิ่มเป็นครั้งละไม่เกิน 6 ข้อความ สูงสุด 60 ข้อความ/วัน ไมโครซอฟท์อัพเดตข้อจำกัดการใช้งาน Bing Chat ใหม่อีกครั้ง หลังจากประกาศไปเมื่อ 4 วันที่แล้ว ที่กำหนดให้ถามได้ไม่เกินรอบละ 5 ข้อความ และตลอดวันไม่เกิน 50 ข้อความ โดยเพิ่มเป็น ... ไม่เกินรอบละ 6 ข้อความ และตลอดวันไม่เกิน 60 ข้อความ ไมโครซอฟท์ให้เหตุผลที่จำกัดการใช้งานก่อนหน้านี้ เนื่องจากพบว่าบทสนทนาที่ยาวมากเกินไปทำให้การตอบคำถามผิดพลาดมากขึ้น แต่เมื่อจำกัดจำนวนข้อความ ผู้ใช้งานก็ให้ความเห็นว่าพวกเขาอยากได้การสนทนาที่มีจำนวนมากขึ้น แนวทางจากนี้จึงเป็นการค่อย ๆ เพิ่มตัวเลข และปรับปรุงการทำงานไปพร้อมกัน เป้าหมายคือเพิ่มให้สูงสุด 100 ข้อความต่อวัน ทั้งนี้การเสิร์ชหาข้อมูลทั่วไป จะไม่ถูกนับเป็นข้อความแชท นอกจากนี้ไมโครซอฟท์บอกว่าได้เริ่มทดสอบการตั้งค่าเพิ่มเติม ผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปแบบคำตอบได้ว่าอยากได้แบบตอบสั้น เน้นไปที่คำตอบ (Precise) หรืออยากให้ตอบยาว ๆ เพื่อหาไอเดีย (Creative) หรือเลือกแบบผสมผสานก็ได้ (Balanced) ที่มา: ไมโครซอฟท์
# ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพที่ขายให้กูเกิล เล่าปัญหาวัฒนธรรมองค์กรเริ่มเสื่อมถอย ช้า ไม่กล้าเสี่ยง Praveen Seshadri ผู้ก่อตั้งบริษัท AppSheet แพลตฟอร์ม No Code ที่ขายให้กูเกิลในปี 2020 โพสต์บล็อกใน Medium เล่าว่าเขาลาออกจากกูเกิล หลังอยู่ครบสัญญา 3 ปีตามข้อตกลงตอนซื้อกิจการ และเล่าปัญหาวัฒนธรรมองค์กรของกูเกิลในช่วงหลัง ที่มีคนเยอะ มีกระบวนการซับซ้อน และทำอะไรช้าลงมาก Praveen บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่ต้องเสื่อมถอยลง เพราะเขาเคยทำงานกับไมโครซอฟท์ในปี 1999-2011 และเห็นการเสื่อมถอยลงแบบเดียวกัน จุดต่างที่เขาเห็นคือวัฒนธรรมของกูเกิลไม่ได้หยิ่งผยองหรือมีระบบศักดินาเหมือนไมโครซอฟท์ยุคนั้น สภาพของกูเกิลยังดีกว่า ยังมีความหวังที่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ แต่จำเป็นต้องให้ฝ่ายบริหารเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจัง เขาแยกประเด็นปัญหาของกูเกิลทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่ 1) ไม่มีเป้าหมาย 2) ไม่มีความรู้สึกเร่งด่วน 3) มีความเข้าใจผิดๆ ว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น 4) ปัญหาการบริหาร Praveen บอกว่าตอนนี้ไม่มีพนักงานของกูเกิลคนไหนมาทำงานเพื่อ “organizing the world’s information” ตอบโจทย์ผู้ใช้นอกองค์กรอีกแล้ว พนักงานกูเกิลยุคนี้มีเป้าหมายในการทำงานเพื่อดูแลกระบวนการบางอย่าง (เช่น รีวิวความเป็นส่วนตัว) หรือเทคโนโลยีบางตัว (เช่น ดูแลระบบ CI/CD ขององค์กร) ภาพรวมคือทุกคนทำงานเพื่อพนักงานคนอื่นในบริษัท อยู่ในโลกระบบปิด วัฒนธรรมแบบนี้ทำให้ทุกคนพยายาม "ไม่เสี่ยง" และต้องหากระบวนการมาช่วยการันตีความเสี่ยง ซึ่งทำให้กระบวนการภายในเยอะและล่าช้ามากขึ้นเรื่อยๆ อะไรที่รู้สึกเสี่ยง พนักงานของกูเกิลจะพยายามหลีกเลี่ยง ในการประชุม ทุกคนจะพยายามหาวิธีประนีประนอมที่ไม่ทำให้ใครโกรธ เพราะอาจมีผลต่อการประเมินประจำปี บรรยากาศการทำงานที่กูเกิลยังมีความรู้สึกว่า "เพราะเราคือกูเกิล เราพิเศษกว่าคนอื่น" เช่น มีเทคโนโลยีภายใน (tech stack) ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งอาจเป็นจริงเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว แต่คนข้างในกูเกิลยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ และยึดติดจนไม่ยอมใช้เทคโนโลยีของบริษัทอื่นแม้ดีกว่าก็ตาม Praveen ยังชี้ว่ากูเกิลมีพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมากในช่วง 2-3 ปีให้หลัง เขาเข้ามาทำงานในปี 2020 พอมาถึงปี 2022 เขามีอายุงานเยอะกว่าพนักงานครึ่งบริษัท การจ้างพนักงานเข้ามาเยอะๆ ย่อมนำคนที่มีปัญหาเข้ามา หรือเพิ่มลำดับขั้นภายในโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะฝ่าย Google Cloud ที่จ้างผู้จัดการระดับกลางย้ายข้ามมาจากบริษัทเทคสาย enterprise อื่นๆ ซึ่งอาจไม่เข้ากับวัฒนธรรมของกูเกิลนัก เขาสรุปว่าทีมบริหารของกูเกิลควรดู Satya Nadella ที่พลิกฟื้นไมโครซอฟท์เป็นตัวอย่าง ตั้งแต่การกำหนดภารกิจขององค์กรให้ชัดเจน การใช้คนที่เน้น "ฮีโร่" และตอบแทนผลงานให้คุ้มค่า และการตัดลำดับชั้นบริหารระดับกลางๆ ที่สั่งสมมานานออกไป ภาพจาก Shutterstock เว็บไซต์ Ars Technica ชี้ว่า Praveen ไม่ใช่อดีตพนักงานกูเกิลคนแรกที่ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมี Noam Bardin อดีตซีอีโอของ Waze ที่ลาออกในปี 2021 เคยออกมาโพสต์บล็อกเนื้อหาคล้ายๆ กัน บอกว่าเป้าหมายของพนักงานไม่ใช่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่เป็นทางผ่านเพื่อความก้าวหน้าในสายงานแทน ซึ่งเป็นการออกแบบระบบภายในของกูเกิลที่ให้ผลลัพธ์มาเป็นแบบนี้โดยไม่ตั้งใจ และไม่มีใครแคร์ที่จะแก้ปัญหานี้ตราบเท่าที่ราคาหุ้นยังดีอยู่ นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กรของกูเกิลยังอาจมีข้อยกเว้นกับบางทีม ตัวอย่างคือ Noam Bardin อดีตพนักงานกูเกิลที่เคยทำงานระหว่างปี 2005-2018 เล่าว่าหลังย้ายมาอยู่กับทีม Android เขาพบว่าประสบการณ์ทำงานต่างจากทีมอื่นๆ ในกูเกิลมากจนแทบเป็นคนละบริษัท (Android is not Google) เหตุผลเป็นเพราะ Android ได้รับอิสระในการทำงานมากกว่ามาตั้งแต่แรก ที่มา - Praveen Seshadri, Ars Technica
# Apple ออกแอป Car Key Tests ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทดสอบการทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Car Key แอปเปิลเปิดตัวฟีเจอร์ Cay Key ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อกรถได้ผ่านแอป Wallet ใน iPhone มาตั้งแต่ปี 2020 แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวจำกัดเฉพาะรถยนต์ BMW รุ่นที่กำหนดเท่านั้น ล่าสุดมีสัญญาณว่าแอปเปิลน่าจะขยายฟีเจอร์ Car Key ไปยังผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นเพิ่มเติม โดยพบว่ามีแอปใหม่ Car Key Tests ใน App Store ซึ่งแอปนี้ไม่แสดงใน App Store หลัก แต่ต้องเข้าผ่านลิงก์ตรง ที่แอปเปิลส่งให้กับนักพัฒนาเท่านั้น แอปนี้ทำมาเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ใช้ทดสอบการทำงานร่วมกับ Car Key ผ่านโปรแกรม MFi หรือ Made-For-iPhone ดังนั้นผู้ที่จะใช้งานแอปนี้ได้ต้องมีไลเซนส์ที่กำหนดของ MFi เท่านั้น ที่มา: 9to5Mac
# แบงค์ชาติระบุธนาคารป้องกันสิทธิ์ Accessiblity ในแอนดรอยด์ไม่ควรกระทบผู้ใช้ทั่วไป น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงการอัพเดตแอปธนาคารหลายแห่งในช่วงนี้ที่เริ่มตรวจสอบแอปที่ใช้สิทธิ Accessibility และหากพบแล้วจะไม่ยอมให้ใช้งาน ว่าต้องมีเงื่อนไขที่ไม่กระทบผู้ใช้ทั่วไป การติดตั้งโปรแกรมบนแอนดรอยด์จากนอกสโตร์ผ่านไฟล์ APK และแอปมุ่งร้ายอาศัยสิทธิ์ Accessibility เพื่อควบคุมเครื่องของเหยื่อนับเป็นแนวทางที่คนร้ายใช้งานอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังจนเป็นที่เรียกกันว่าแอปดูดเงิน คุณสิริธิดา ระบุว่าธนาคารควรตรวจสอบแอปว่าอาจจะมุ่งร้ายหรือไม่ โดยตรวจสอบอย่างน้อยสองเงื่อนไข ได้แก่ 1) แอปพลิเคชั่นมีการใช้สิทธิ์ Accessibility 2) แอปติดตั้งจากนอกสโตร์ เช่น Google Play ซึ่งหากดูจากสองเงื่อนไขนี้ก็ไม่ควรกระทบผู้ใช้ทั่วไป แต่หากแอปธนาคารตรวจสอบต่างไปจากนี้จนกระทบการใช้งานก็ให้ติดต่อธนาคารโดยตรงเพื่อแก้ไขต่อไป ก่อนหน้านี้หลายธนาคารเพิ่มมาตรการตรวจสอบสิทธิ Accessibility เช่นนี้ซึ่งก็มีการรายงานว่าแอปในสโตร์จำนวนหนึ่ง เช่น แอปป้องกันไวรัสก็ถูกแอปธนาคารบล็อคไปด้วย กรณีเช่นนี้ชัดเจนว่าไม่ครบสองเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงมาในครั้งนี้ ก็ต้องรอดูว่าแอปธนาคารต่างๆ จะปรับแก้เงื่อนไขหรือไม่ ที่มา - แถลงจากธนาคารแห่งประเทศไทย
# [ลือ] Tencent ยกเลิกโครงการพัฒนาแว่น VR เพราะต้องลงทุนสูง ยังไม่เห็นโอกาสกำไร Reuters รายงานว่า Tencent เป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่รายล่าสุดที่ยกเลิกแผนการเข้าสู่ธุรกิจ Metaverse โดยยุติโครงการพัฒนาฮาร์ดแวร์แว่น VR/XR ของตัวเองแล้ว พนักงานประมาณ 300 คนจะต้องพยายามหางานใหม่ทั้งภายในหรือภายนอกบริษัท ก่อนยุบแผนกนี้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า เหตุผลที่ Tencent ยกเลิกโครงการแว่น VR มีทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ และการที่ Tencent มองว่าธุรกิจนี้ไม่น่าจะทำกำไรได้ง่ายนัก (ตัวเลขประเมินคือปี 2027 เป็นอย่างเร็ว) อีกทั้งการที่ไม่มีเกมหรือแอพที่เหมาะสมสำหรับแว่นประเภทนี้ ผลประกอบการของ Tencent ในปี 2022 ออกมาไม่ดีนัก ทำให้ปี 2023 บริษัทประกาศแผนว่าจะลดต้นทุน และเน้นธุรกิจหลักของบริษัท แทนการขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ นอกจากนี้ บริษัทเคยมีข่าวจะซื้อสมาร์ทโฟนเกมมิ่ง Black Shark เมื่อต้นปี 2022 แต่สุดท้ายดีลก็ล่มไปด้วยเหตุผลเรื่องการปรับยุทธศาสตร์เช่นกัน ที่มา - Reuters ภาพจาก Tencent
# Microsoft จับมือ Nintendo เอา Call of Duty ไปลงแพลตฟอร์ม Nintendo 10 ปี Brad Smith ประธาน Microsoft ประกาศผ่านทวิตเตอร์ เรื่องการลงนามร่วมกับ Nintendo ในการนำเกม Call of Duty ไปลงให้กับแพลตฟอร์มของ Nintendo วันเดียวกับที่ลง Xbox ในฟีเจอร์และคอนเทนต์เดียวกัน เป็นระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตาม Smith ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าว่าเป็น Nintendo Switch หรือแพลตฟอร์มไหน ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจเป็นคอนโซลรุ่นใหม่จาก Nintendo ที่อาจจะมาเร็วๆ นี้ ที่มา - @BradSmi
# “ไอทีวัน” วางรากฐานจัดการข้อมูลให้กับกลุ่มบริษัท เอสซีจี จัดทำ Data Governance พร้อมผลักดันธุรกิจให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้เต็มที่ ปัจจุบันธุรกิจต่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก และเกิดการตื่นตัวในเรื่องการนำ “ข้อมูล” มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุด โดยแต่ละองค์กรต้องการข้อมูลที่พร้อมนำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาและต่อยอดทางธุรกิจในหลากหลายมิติ แต่หลายองค์กร ข้อมูลอาจยังไม่ได้ถูกนำมาจัดเก็บให้พร้อมสำหรับการนำไปใช้ เนื่องจากยังไม่ได้จัดทำในเรื่องของ Master Data Governance หรือ การกำกับดูแลข้อมูลหลัก ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพขององค์กรในการนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กลุ่มบริษัท เอสซีจี เป็นองค์กรระดับประเทศที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Master Data Governance ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลคุณภาพได้อย่างยั่งยืน โดยเลือก ไอทีวัน ผู้ให้บริการด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร มาช่วยวางรากฐานการจัดการข้อมูล รวมถึงการจัดทำ Master Data Governance เพื่อให้กลุ่มบริษัท เอสซีจี นำประโยชน์จากข้อมูลไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างเต็มที่ เป้าหมายของ Master Data Governance เริ่มจากข้อมูลที่ดี การจัดทำ Master Data Governance มีเป้าหมายอยู่ที่การทำให้เกิดข้อมูลที่ดีภายในองค์กร ซึ่งข้อมูลที่ดีจะต้องมีคุณภาพ ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน มีมาตรฐานเดียวกัน และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ เพื่อเป็นการวางรากฐานการจัดการข้อมูลหลักให้มีมาตรฐานเดียวกันในกลุ่มบริษัท เอสซีจี ทางไอทีวัน จึงได้ช่วยพัฒนาระบบ SAP Master Data Governance (SAP MDG) ให้กับทางเอสซีจี เพื่อเชื่อมต่อการทำงานในการบริหารจัดการข้อมูลหลักระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆ ภายในเอสซีจี ซึ่งมีระบบ SAP ERP ของตนเองใช้งานอยู่ เช่น SCG Corporate, SCG Chemicals, SCG Packaging, SCG Cement and Building Materials และ SCG Ceramics เป็นต้น นางสาวนพนิดา สุขจิระ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอทีวัน จำกัด กล่าวว่า “ในระบบจัดการทรัพยากร SAP จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า SAP MDG (Master Data Governance) เพื่อนำมาใช้กำกับดูแลคุณภาพของข้อมูลหลักที่จะใช้ในองค์กรให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน เมื่อข้อมูลหลักมีคุณภาพ หน่วยงานต่างๆ หรือบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องภายในเอสซีจี ก็จะได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูลหลักเหล่านั้นด้วย ซึ่งทางเอสซีจีกำลังมองหาซอฟต์แวร์ใหม่ที่ดีและยืดหยุ่นเข้ามาใช้ในการจัดการบริหารข้อมูลหลักเพื่อทดแทนระบบงานเดิม หรือทำงานแบบ manual บางส่วน และซอฟต์แวร์ใหม่ควรจะสามารถใช้งานได้ต่อไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งนี้” ระบบ SAP MDG ทรานส์ฟอร์มสู่ข้อมูลที่ดีมีคุณภาพ เมื่อการอัปเดตข้อมูลหลักเกิดขึ้นด้วยวิธีการทำงานแบบ manual อาจส่งผลถึงคุณภาพของข้อมูล โดยเฉพาะความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล ดังนั้น ทางไอทีวันได้แนะนำระบบ SAP MDG ซอฟต์แวร์ใหม่ให้กับกลุ่มบริษัท เอสซีจี ในการทรานส์ฟอร์มสู่ข้อมูลหลักที่ดี เพื่อจัดทำมาตรฐานของข้อมูลให้พร้อมใช้งานต่อไป นายกรกช จันทรศุภวงษ์ ผู้จัดการโครงการ บริษัท ไอทีวัน จำกัด กล่าวว่า “ระบบ SAP MDG เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อจัดการข้อมูลหลัก ซึ่งจะมีความสามารถที่โดดเด่นทางด้านคุณภาพข้อมูล (Data Quality) การทำงานที่ลื่นไหล (Workflow) และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Validation) ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของทางกลุ่มบริษัท เอสซีจี ได้แก่ ซอฟต์แวร์ที่เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บข้อมูลหลัก ที่มีการตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้อง และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลหลักไปยังระบบงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน ซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับการขยายการเชื่อมต่อของข้อมูลหลักไปยังระบบงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในอนาคต ซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับการทำงานในรูปแบบต่างๆ ของผู้ใช้งาน ทั้งบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทำงานนอกสถานที่ได้ ซอฟต์แวร์ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหลักได้ เพื่อให้ข้อมูลมีคุณภาพ” ความสำเร็จของการจัดทำ Data Governance หลังจากนำระบบ SAP MDG มาใช้ในกลุ่มบริษัทภายใต้ SCG เป็นระยะเวลา 5 เดือน สำหรับบริหารฐานข้อมูลผู้ขายและลูกค้า พบว่าระบบช่วยให้การทำงานตั้งแต่การสร้าง การปรับปรุงข้อมูล การอนุมัติ การยืนยันข้อมูล ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังระบบงานหลักต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น “ระบบบริหารข้อมูลบน SAP MDG ช่วยให้การทำงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และเพิ่มความสามารถในการให้บริการบริษัทในเครือ SCG ได้มากขึ้น จากเดิมที่การจัดการข้อมูลเพื่อให้บริการธุรกิจบนระบบงานที่แตกต่างกัน ต้องอาศัยบุคลากรเป็นหลักในการนำเข้าและปรับปรุงข้อมูล หลังจากที่นำระบบ SAP MDG มาใช้งาน การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ การบริหารข้อมูลแบบรวมศูนย์ เพื่อกระจายข้อมูลไปยังระบบต่างๆ ของบริษัทในเครือฯ ที่อ้างอิงและใช้งานข้อมูลร่วมกัน สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการในด้านความพร้อมและคุณภาพของข้อมูลที่มีการสำรองข้อมูลและเชื่อมต่อกับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง” นายปิยะพล วลัยกนก บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (Director - Corporate IT) กล่าว หากองค์กรใดกำลังมองหาแนวทางการยกระดับข้อมูลหลักให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเตรียมข้อมูลให้พร้อมสำหรับรองรับระบบงานและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไอทีวัน มีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรให้กับองค์กรธุรกิจชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งพร้อมช่วยทรานส์ฟอร์มสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
# Netflix ประกาศปรับลดราคาแพ็กเกจ Basic เหลือ 169 บาท จาก 279 บาทต่อเดือน Netflix ประเทศไทยประกาศปรับลดราคาแพ็กเกจพื้นฐาน (Basic) จาก 279 บาท/เดือน เหลือ 169 บาท/เดือน โดยทุกอย่างยังเหมือนเดิม ดูได้ 1 เครื่อง ดาวน์โหลดได้ 1 เครื่อง ความละเอียด HD โดยการเปลี่ยนราคามีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนแพ็กเกจทั้งหมดยังมีดังนี้ Mobile 99 บาทต่อเดือน ดูได้เฉพาะมือถือและแท็บเล็ต Basic 169 บาทต่อเดือน ดู/โหลด 1 เครื่อง ความละเอียด HD Standard 349 บาทต่อเดือน ดู/โหลด 2 เครื่อง ความละเอียด FHD Premium 419 บาทต่อเดือน ดู/โหลด 4 เครื่อง ความละเอียด 4K รองรับ Spatial Audio ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# Firaxis ประกาศทำเกม Civilization ภาคใหม่ ยังไม่บอกว่าเป็นภาค 7 หรือไม่ Firaxis Games ประกาศข่าวว่ากำลังพัฒนาเกม Civilization ภาคใหม่ (ยังไม่ระบุชัดว่าเป็นภาค 7 แต่ก็ไม่น่าแคล้ว) หลังจากออกภาค 6 มาตั้งแต่ปี 2016 และยังออก DLC มาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดของเกม ไม่ว่าจะเป็นชื่อภาค โลโก้ กำหนดวางขาย หรือภาพคอนเซปต์ของเกม นอกจากนี้ Firaxis ยังประกาศว่า Steve Martin หัวหน้าสตูดิโอที่ทำงานกับบริษัทมานาน 27 ปี (นับตั้งแต่ก่อตั้งสตูดิโอในปี 1996) ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะได้ Heather Hazen อดีตซีโอโอกลับมาเป็นหัวหน้าสตูดิโอคนใหม่แทน สตูดิโอ Firaxis ก่อตั้งโดย Sid Meier (นั่งตำแหน่ง creative director) ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกในเครือ 2K Games มีแฟรนไชส์เกมดัง 2 แฟรนไชส์คือ Civilization และ XCOM ล่าสุดหันมาทำเกมแฟรนไชส์ใหม่คือ Marvel's Midnight Sun โดยเป็นผลงานของทีม XCOM ที่มา - IGN
# Ericsson ประกาศปลดพนักงานในสวีเดน 1,400 คน Ericsson ประกาศปลดพนักงาน 1,400 คน เฉพาะในสวีเดน ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานลดค่าใช้จ่ายของบริษัททั่วโลก ที่ตั้งเป้าลดให้ได้ประมาณ 9 พันล้านครูนาสวีเดน ภายในสิ้นปี 2023 และอาจประกาศตัวเลขปลดพนักงานเพิ่มในประเทศอื่น บริษัทระบุว่าที่ผ่านมาพบว่าความต้องการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ Ericsson เคยประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ล่าสุดในปี 2017 โดยตอนนั้นสาเหตุจากผลประกอบการบริษัทขาดทุน ที่มา: Reuters
# Starlink ทดสอบบริการใหม่ Global Roaming Service ราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือน ลูกค้าบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink บางราย ได้รับอีเมลเชิญชวนให้ร่วมสมัครทดสอบใช้บริการ Starlink Global Roaming Service ซึ่งทาง Starlink บอกว่าจะทำให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ "เกือบทุกที่บนแผ่นดินในโลก" (almost anywhere on land in the world) Starlink บอกว่าเทคโนโลยีที่ใช้ เป็นการลิงก์ข้อมูลกันระหว่างดาวเทียม ซึ่งภาพรวมนั้นจะให้ความเร็วได้สูง ความหน่วงต่ำ แต่อาจเกิดปัญหาการเชื่อมต่อขัดข้องแบบสั้น ๆ หรืออาจไม่พบเลย ซึ่งคุณภาพบริการจะค่อย ๆ ปรับปรุงให้ดีขึ้น ค่าบริการอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน และต้องจ่ายค่าอุปกรณ์รับสัญญาณในการสมัครใช้งานครั้งแรกอีก 599 ดอลลาร์ ในตอนนี้บริการ Global Roaming Service รับเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น หากเป็นลูกค้าที่อยู่นอกอเมริกา อาจต้องรับผิดชอบค่านำเข้าอุปกรณ์และภาษีเพิ่มเติมด้วย ที่มา: BGR
# กลุ่มทรูรายงานผลประกอบการปี 2565: ทรูมูฟ เอช ฐานผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 33.8 ล้านราย กลุ่มทรูรายงานผลประกอบการประจำปี 2565 มีรายได้รวม 135,076 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มี EBITDA หรือกำไรก่อนหักรายการดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา 52,804 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 18,285 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาโครงข่าย และค่าตัดจำหน่ายคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ ผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจหลักของทรู เป็นดังนี้ ทรูมูฟ เอช มีรายได้ 79,294 ล้านบาท จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 33.8 ล้านราย แบ่งเป็นรายเดือน 11.7 ล้านราย และเติมเงิน 22.1 ล้านราย ทรูออนไลน์ มีรายได้ 29,055 ล้านบาท มีผู้ใช้งานบรอดแบนด์เพิ่มเป็น 4.97 ล้านราย ทรูวิชั่นส์ รายได้ 9,280 ล้านบาท จำนวนลูกค้า 3.2 ล้านราย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป มีจำนวนผู้ใช้ทรูไอดีเพิ่มเป็น 46 ล้านราย เฉพาะไตรมาส 4 มีการซื้อคอนเทนต์เพิ่มเป็น 1 ล้านครั้ง ขณะนี้กลุ่มทรู และดีแทค อยู่ในขั้นตอนการควบรวมบริษัท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสนี้ ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ฯ (pdf)
# Outlook มีปัญหาตัวกรองอีเมลสแปมไม่ทำงาน - ตอนนี้แก้ไขแล้ว เมื่อวานนี้มีรายงานจากผู้ใช้อีเมล Outlook จำนวนหนึ่ง พบว่าใน Inbox มีอีเมลสแปมและอีเมลฟิชชิ่งเข้ามาจำนวนมาก จากปกติที่เมลเหล่านี้จะถูกกรองเป็น Junk ต่อมาไมโครซอฟท์ยืนยันปัญหาดังกล่าว ระบุว่าเริ่มพบปัญหาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 12.00น. ตามเวลาในไทย และผู้ใช้กลุ่มดังกล่าวจะพบปัญหาประสิทธิภาพการใช้งานที่ลดลงด้วย ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ระบุว่าพบสาเหตุ และแก้ไขปัญหาทั้งหมดตั้งแต่เวลา 00.55น. ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเกิดจากอะไร ที่มา: The Verge
# [ลือ] ไคลเอนต์ Microsoft Teams ตัวใหม่บนพีซี ใช้แรมน้อยลง 50%, กินซีพียูน้อยลง เปิดทดสอบเดือน มี.ค. เว็บไซต์ The Verge รายงานว่าไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาไคลเอนต์ Microsoft Teams เวอร์ชันใหม่บนพีซี ที่นับเลขภายในเป็น 2.0 หรือ 2.1 แก้ปัญหากินทรัพยากรเยอะที่เรื้อรังมานาน ลดการใช้งานซีพียูลง และใช้แรมน้อยลง 50% เตรียมปล่อยให้ใช้งานรุ่นพรีวิวในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ตามข่าวบอกว่าไคลเอนต์เวอร์ชันใหม่ เปลี่ยนจากการรันบน Electron มาเป็น Edge WebView 2 และใช้ React เขียน UI แทน ที่มา - The Verge หน้าตาของ Microsoft Teams เวอร์ชันปัจจุบัน
# AIS Fibre เปิดบริการ "1Gbps Every Room" ลากสายไฟเบอร์แยกห้องในบ้าน สูงสุด 16 จุด AIS Fibre ร่วมมือกับ Huawei เปิดบริการ "1Gbps Every Room" ลากสายไฟเบอร์ออปติกแยกจุดในบ้านได้สูงสุด 16 จุด โดยใช้เทคโนโลยี Fiber to the Room (FTTR) ของ Huawei เราท์เตอร์หลักของบริการนี้รองรับแบนวิดท์สูงสุดถึง 10Gbps แต่ตอนนี้ทาง AIS Fibre ยังมีเฉพาะแพ็กเกจ 1000/1000Mbps เท่านั้น และคิดค่าบริการเพิ่มตามจำนวนห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์ สายไฟเบอร์ของเทคโนโลยี FTTR ใช้สายแบบ transparent micro optical cable เป็นสายไฟเบอร์ขนาดเล็กกว่าปกติ 5 เท่าและสามารถโค้งงอไปตามมุมบ้านได้ทำให้ติดตั้งตามจุดต่างๆ ในบ้านได้ง่าย ที่มา - AIS แผนภาพ FTTR ของ Huawei
# ธนาคารกสิกรไทยประกาศเลิกส่งลิงก์ใน SMS มีผลทันที ธนาคารกสิกรไทยประกาศยกเลิกการแนบลิงก์ใน SMS ทั้งหมดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยกเว้นเฉพาะข้อมูลที่ลูกค้าขอจากธนาคารโดยตรงเท่านั้น แนวทางนี้นับว่าตรงกับคำสั่งของธนาคารกลางสิงคโปร์ที่สั่งให้ธนาคารทุกแห่งหยุดส่งลิงก์ใน SMS ตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 แต่มาตรการของสิงคโปร์นั้นห้ามส่งลิงก์ในอีเมลด้วย SMS เป็นช่องทางเริ่มต้นสำคัญของการเริ่มต้นโจมตีจากกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวงเหยื่อให้ติดตั้งแอปเพื่อขโมยเงิน โดยคนร้ายมักปลอมแปลง Sender ID จนเหมือนกับธนาคารหรือห้างร้านต่างๆ ทำให้เหยื่อแยกไม่ออกว่าเป็นข้อความจากธนาคารจริงหรือไม่ ประเด็นการปลอมแปลง Sender ID ก็เป็นอีกช่องทางที่กสทช. สิงคโปร์พยายามแก้ปัญหาด้วยการบังคับลงทะเบียนล่วงหน้า ที่มา - Facebook: KBank Live
# Krafton เผยทีม PUBG ทำเกมยิงใหม่แนว Extraction Shooter โค้ดเนม Black Budget Krafton บริษัทแม่ของ PUBG เปิดเผยในเอกสารต่อนักลงทุนว่า PUBG Studios กำลังพัฒนาเกมใหม่ภายใต้โค้ดเนม Project Black Budget เป็นเกมยิงแนว extraction shooter โดยจะลงทั้งพีซี คอนโซล มือถือ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาเปิดตัว เกมยิงแนว extraction shooter เป็นเกมยิงที่กำลังเริ่มมาแรง ไอเดียของมันคือเข้าไปในฉาก ขโมยหรือชิงของบางอย่าง (loot) แล้วหนีออกมาให้สำเร็จ ผู้เล่นอาจต้องสู้กับบอสในเกมเพื่อ loot แต่จากนั้นจะต้องหลบเร้นจากผู้เล่นคนอื่นๆ ที่จะมาแย่งของจากเรา (PvPvE) ตัวอย่างเกมแนวนี้ได้แก่ Escape From Tarkov, Hunt: Showdown, The Cycle: Frontier และโหมด DMZ ในเกม Call of Duty: Modern Warfare 2 ข้อมูลของ Project Black Budget ตอนนี้มีเพียงบอกว่าจะอิงจากประสบการณ์ของทีม PUBG, เป็นเกมแนวโอเพนเวิลด์ และเน้นการต่อสู้กันด้วยปืน (gunplay) แต่ยังไม่มีภาพหน้าตาของเกมออกมา ในเอกสารของ Krafton ยังเผยข้อมูลของเกมใหม่อีก 3 เกม ได้แก่ Subnautica ภาคใหม่ โดยสตูดิโอ Unknown Worlds ที่ทำเกมภาคก่อนๆ และถูก Krafton ซื้อมาในปี 2021 Project GoldRush เกมแนว action sandbox ที่เน้นผู้เล่นชาวตะวันตก Project Windless เกมแฟนตาซีจากนิยาย The Bird That Drinks Tears ที่เคยเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ จะพัฒนาโดยสตูดิโอตั้งใหม่ในเมือง Montreal ประเทศแคนาดา ที่มา - Krafton (PDF), Eurogamer
# [ลือ] ไมโครซอฟท์กำลังทำ AI เล่น Minecraft อยากได้อะไรสั่งเอา ไม่ต้องขุดบล็อคเอง เว็บข่าว Semafor รายงานว่าไมโครซอฟท์โชว์เดโมการใช้ AI เล่นเกม Minecraft เป็นการภายใน รูปแบบคือการบอก AI ว่าอยากได้อะไรในโลกของเกม แล้วให้ AI ไปสร้างมันขึ้นมาให้แทนเราทำเอง ตามข่าวบอกว่าโมเดลที่ใช้เล่น Minecraft เป็นคนละตัวกับ Prometheus ที่ใช้ใน Bing เวอร์ชันใหม่ แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ แหล่งข่าวยังบอกว่าไมโครซอฟท์ยังไม่มีแผนการใส่ AI ตัวนี้เข้ามาใน Minecraft เวอร์ชันมาตรฐานด้วย ก่อนหน้านี้ OpenAI เคยตีพิมพ์งานวิจัยการเทรนโมเดลให้เล่น Minecraft ด้วยวิธีชมวิดีโอการเล่นของคนจริงๆ ยาว 70,000 ชั่วโมง ส่วนคู่แข่งร่วมวงการคือ Roblox ก็ประกาศจะนำ generative AI มาใช้งานเช่นกัน ที่มา - Semafor
# เกิดเหตุ Tesla ชนรถดับเพลิงบนไฮเวย์สหรัฐ คนขับเสียชีวิต สาเหตุอาจเกิดจาก Autopilot เกิดเหตุรถยนต์ Tesla Model S ขับไปชนรถดับเพลิงที่จอดอยู่บนไฮเวย์ I-680 ในพื้นที่มณฑล Contra Costa County ใกล้กับซานฟรานซิสโก คนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและต้องตัดรถยนต์ด้านหน้าเพื่อนำศพออกมา ผู้โดยสารอีกคนบาดเจ็บต้องส่งโรงพยาบาล ส่วนพนักงานดับเพลิงบนรถบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์นี้อาจเป็นแค่อุบัติเหตุทั่วไป แต่ก่อนหน้านี้ กรมทางหลวงของสหรัฐ (NHTSA) ได้สอบสวนอุบัติเหตุรถยนต์ Tesla ชนรถฉุกเฉินบนไฮเวย์หรือที่วิ่งในเลนฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2021 คือเกิดเหตุชน 12 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 17 คน และเสียชีวิต 1 คน) จึงมีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ Autopilot ทำงานไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ Tesla เพิ่งอัพเดตฟีเจอร์ Full Self-Driving ที่มีข้อบกพร่องเวลาข้ามแยก ตามคำสั่งของกรมทางหลวงสหรัฐเช่นกัน ที่มา - Notebookcheck
# Chrome เริ่มเปิดใช้ฟีเจอร์ประหยัดแรมและประหยัดแบตแล้ว Chrome เริ่มเปิดใช้ฟีเจอร์ประหยัดแรม (Memory Saver) และประหยัดแบต (Power Saver) ตามที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 โดยอยู่ในหน้าจอตั้งค่า Settings หมวดใหม่ชื่อ Performance และเปิดใช้งานเป็นดีฟอลต์ ฟีเจอร์ประหยัดแรม (Memory Saver) จะทำงานเมื่อเปิดแท็บเป็นจำนวนมากๆ และมีบางแท็บที่ไม่ได้ใช้งานนานๆ (inactive) แท็บเหล่านี้จะถูกโหลดออกจากหน่วยความจำ และโหลดกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อสลับกลับมายังแท็บนี้ (ตอนสลับแท็บกลับมาจะช้ากว่าปกติเล็กน้อย) ส่วนฟีเจอร์ประหยัดแบต (Power Saver) จะปรับลดเอฟเฟคต์ต่างๆ และลดเฟรมเรตของวิดีโอ จะเริ่มทำงานตามเงื่อนไขเมื่อแบตเตอรี่ลดน้อยกว่า 20% หรือถ้าอยากสั่งให้ทำงานเมื่อถอดปลั๊กทันทีก็ได้เช่นกัน จากการทดลองกับเครื่องตัวเอง พบว่ากูเกิลทยอยเปิดให้ใช้แล้วเป็นบางเครื่องครับ ที่มา - 9to5google
# ไมโครซอฟท์ออกส่วนขยาย Visual Studio อัพเกรดแอพ .NET เก่าเป็น .NET เวอร์ชันใหม่ ไมโครซอฟท์ออกส่วนขยายของ Visual Studio ชื่อ .NET Upgrade Assistant ช่วยอัพเกรดโปรเจค .NET เวอร์ชันเก่าๆ ให้เป็น .NET เวอร์ชันล่าสุด (6 หรือ 7 หรือ 8 Preview) ภายในไม่กี่คลิกเท่านั้น ทิศทางของ .NET ในช่วงหลังคือการออกรุ่นใหม่ปีละ 1 ครั้ง โดยเป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว 3 ปี (LTS) ออกปีเว้นปี ทำให้การอัพเกรดมาใช้ .NET รุ่นใหม่เป็นสิ่งจำเป็น ไมโครซอฟท์จึงกระตุ้นให้นักพัฒนา .NET ทยอยอัพเกรดโปรเจคเก่าๆ ยุค .NET Framework หรือ .NET Core ที่ไม่พัฒนาต่อแล้วทั้งคู่ ให้มาเป็น .NET ยุคใหม่ๆ แทน ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เคยออกเครื่องมือ .NET Upgrade Assistant ตัวเดียวกันนี้แต่เป็นเวอร์ชันคอมมานด์ไลน์ รอบนี้คือพัฒนามาเป็นส่วนขยายใน Visual Studio แล้ว โปรเจคที่รองรับการอัพเกรดคือ ASP.NET, WPF, WinForms, Class libraries, Console และในอนาคตจะเพิ่มการอัพเกรด Xamarin เป็น .NET MAUI, UWP เป็น WinUI, WCF เป็น WCF Core ด้วย ที่มา - Visual Studio Blog
# Apple เตรียมปรับวิธีลง iOS เวอร์ชัน Beta ของนักพัฒนาใหม่ ตรวจสอบด้วย Apple ID ใน iOS 16.4 ที่ตอนนี้เป็นสถานะเวอร์ชัน beta ของนักพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่สำคัญสำหรับฝั่งนักพัฒนา ในการลงอัพเดตซอฟต์แวร์เพื่อทดสอบ และมีผลกับคนไม่ได้สมัครบัญชีนักพัฒนาแต่เคยลง iOS เวอร์ชัน Developer Beta ได้ด้วย โดยแอปเปิลบอกตั้งแต่ iOS 16.4 และ iPadOS 16.4 Beta เป็นต้นไป ผู้ที่สมัครใช้งาน Apple Developer Program จะมีตัวเลือกเพิ่มเติมในหน้า Software Update ของ Settings ที่สามารถกดรับอัพเดตได้โดยตรงทันที สามารถเลือกได้ทั้งเวอร์ชัน Developer Beta หรือ Public Beta ทั้งนี้บัญชี Apple ID ที่สมัครในอุปกรณ์และของ Developer Program ต้องเป็นบัญชีเดียวกัน และในอนาคตแอปเปิลจะใช้วิธีนี้เท่านั้นในการยืนยันตัวตน ไม่มีการยืนยันด้วยคอนฟิก Profile อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ที่ไม่ได้สมัคร Developer Program แต่เคยลง iOS เวอร์ชัน Developer Beta ได้ด้วยวิธีการลงคอนฟิก Profile จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ต้องรอรอบ Public Beta แทน คาดว่าแอปเปิลจะเริ่มใช้แนวทางดังกล่าวตั้งแต่ iOS 17 เป็นต้นไป ที่มา: MacRumors
# ผู้ใช้ซัมซุงรายงานปัญหาแบตหมดเร็วขึ้น หลังอัพเดตเป็น One UI 5.1 ผู้ใช้สมาร์ทโฟนซัมซุงจำนวนหนึ่ง รายงานปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น หลังอัพเดตรอมเป็น One UI 5.1 เวอร์ชันล่าสุด ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามีมือถือรุ่นใดได้รับผลกระทบบ้าง ที่มีรายงานเข้ามาคือ S22 และ S21 โดยมีบางความเห็นใน Reddit ระบุว่าปัญหามาจากแอพ Samsung Keyboard ซึ่งฝ่ายสนับสนุนของซัมซุงแนะนำให้ล้างแคชของแอพใหม่ ที่มา - Samsung Support Forum, SamMobile, xda
# เฟซบุ๊กเตรียมเพิ่มแพ็กเกจเก็บเงิน ได้โลโก้ยืนยันตัวตน ติดต่อซัพพอร์ตได้ Mark Zuckerberg เปิดบริการ Meta Verified เป็นการเก็บค่าบริการเพื่อการยืนยันตัวตน โดยผู้ที่จ่ายค่าบริการรายเดือนจะได้รับโลโก้สีฟ้ายืนยันตัวตน, บริการเสริมสำหรับการป้องกันการถูกสวมรอย, และสามารถติดต่อซัพพอร์ตได้โดยตรง บริการนี้ราคา 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือนบนเว็บ และ 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือนบน iOS ตอนนี้ยังเปิดบริการเฉพาะออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แนวทางนี้นับว่าเหมือนกับ Twitter Blue ที่เก็บค่าบริการ 8 ดอลลาร์อย่างมาก แต่ Meta Verified ไม่พูดถึงการโฆษณาแต่อย่างใดขณะที่ Twitter ยังสัญญาว่าจะลดโฆษณาลง ที่ผ่านมา Twitter Blue ดูจะไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ฝั่งเฟซบุ๊กเองก็มีปัญหารายได้ลดลง และ Zuckerberg เปลี่ยนแนวทางบริหารโดยระบุว่าจะต้องทำให้มีประสิทธิภาพ การหารายได้ทุกทางจึงเป็นทางหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการปีหน้าน่าจะดีขึ้น ที่มา - Facebook: Mark Zuckerberg
# Passkey อนาคตแห่งการล็อกอินไร้รหัสผ่าน ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาปัญหาบัญชีถูกแฮกยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของระบบความปลอดภัยจำนวนมาก แม้บริการต่างๆ จะพยายามต่อสู้กับการโจมตีบัญชีผู้ใช้ช่องทางต่างๆ ทั้งการเปิดการล็อกอินสองขั้นตอน หรือการตั้งกฎรหัสผ่านให้ยากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า NIST จะบอกให้เลิกตั้งกฎไปแล้ว ขอแค่อย่าใช้รหัสที่เคยหลุดมาแล้วก็พอก็ตามที แต่ผลสุดท้ายเรายังเห็นผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านซ้ำกันไปมา ไม่ยอมเปิดใช้ฟีเจอร์ล็อกอินสองขั้นตอนหากไม่ใช่บัญชีองค์กรที่บังคับ หรือหากบังคับก็จะเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุด เช่น SMS แต่ปลอดภัยน้อยที่สุด ปัญหาของรหัสผ่านนั้นมีสองประเด็นใหญ่ ข้อแรกคือคนร้ายอาจจะล่วงรู้รหัสผ่านไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม เช่น ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านที่เดาได้ง่าย หรือผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านที่ซ้ำกันไปทั้งหมด ทำให้เมื่อเจาะรหัสผ่านจากบริการใดๆ ก็เข้าใช้บริการอื่นๆ ได้ทันที ข้อที่สองคือคนร้ายอาจจะหลอกล่อให้ผู้ใช้ใส่รหัสผ่านกับเว็บปลอม, แอปปลอม, หรือแม้กระทั่งหลอกให้เหยื่อบอกทางโทรศัพท์หรือแชทเอาตรงๆ โดยปลอมตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การเปิดใช้งานการล็อกอินหลายขั้นตอน (multi-factor authentication - MFA) นั้นสามารถช่วยตัดวงการโจมตีแบบแรกไปได้ นั่นคือแม้ว่าคนร้ายจะรู้รหัสผ่านของเหยื่อไม่ว่าช่องทางใดๆ แต่ก็ไม่สามารถล็อกอินสำเร็จ แต่พอเป็นการโจมตีที่แบบที่สอง แม้จะโจมตีได้ยากกว่าแต่ผู้ใช้กลุ่มที่เปิดล็อกอินสองขั้นตอนก็มักเป็นเหยื่อที่มูลค่าสูง เช่น ใช้งานบัญชีคริปโต หรือมีบัญชีเข้าถึงระบบขององค์กรขนาดใหญ่ ช่วงปี 2015 กูเกิลและ Yubico ร่วมกันพัฒนาโปรโตคอล U2F เพื่ออาศัยการยืนยันว่าผู้ใช้มีกุญแจ USB อยู่ในมือเป็นการล็อกอินขั้นที่สอง โดยจุดเด่นสำคัญคือเบราว์เซอร์จะส่งข้อมูล URL ของเว็บที่ล็อกอินไปยัง URL ด้วย ทำให้คนร้ายไม่สามารถใช้เว็บฟิชชิ่ง (phishing) เพื่อสร้างเว็บคล้ายกับเว็บจริงแล้วหลอกให้คนเหยื่อใส่รหัสผ่านหรือ OTP ได้อีกต่อไป เพราะกุญแจ U2F จะไม่ตอบหากพบว่ากุญแจไม่ตรงกับที่เคยล็อกอินไว้ก่อนหน้า โดยมาตรฐานนี้ดูแลโดยองค์กรกลางคือ FIDO Alliance กุญแจ FIDO สามารถสร้างด้วยกุญแจ USB, หรือใช้ชิปเข้ารหัสในโทรศัพท์หรือพีซีก็ได้ หลังจากนั้น FIDO ก็ทำงานร่วมกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จำนวนมาก เปิดทางให้โน้ตบุ๊กหรือโทรศัพท์สามารถใช้งานแทนกุญแจ USB ได้โดยตรง ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อกุญแจ USB เพิ่มเติมแต่ก็แปลว่าต้องล็อกอินบนอุปกรณ์ที่เคยลงทะเบียนไว้เท่านั้น การใช้งานอาจจะสะดวกขึ้นหลายกรณี เช่น มีกุญแจ USB ที่ลงทะเบียนกับบริษัทไว้แล้ว แต่ลงทะเบียนด้วยโน้ตบุ๊กเป็นกุญแจไว้ด้วย หากวันไหนพกโน้ตบุ๊กไปทำงานก็ไม่จำเป็นต้องพกกุญแจ USB ไป แม้จะลดความยุ่งยากลงเล็กน้อยแต่ก็ยังนับว่าใช้งานยากกับคนจำนวนมากอยู่ดี และ FIDO ส่งมาตรฐานกลางเข้า W3C จนกลายเป็นมาตรฐาน WebAuthn ทุกวันนี้ โดยรองรับทั้งการใช้สำหรับการล็อกอินขั้นที่สอง หรือการล็อกอินโดยไม่ใช้รหัสผ่านอีกเลย Passkey เป็นการแก้ปัญหาความยุ่งยากลง เพราะแต่เดิมนั้นผู้ใช้มีความกังวลเรื่องกุญแจสูญหาย ไม่ได้พกกุญแจเมื่อต้องการใช้งาน หรือความน่ารำคาญสำคัญ คือกุญแจที่ต้องการใช้งานกลับไม่สามารถใช้งานกับเครื่องที่ต้องการล็อกอินได้ เพราะพอร์ตไม่ตรงกัน ตัวกุญแจอาจจะเป็น USB A ขณะที่เครื่องที่ต้องการล็อกอินกลับเป็นพอร์ต USB-C หรือ Lightning การใช้งานกุญแจ FIDO แบบ Bluetooth นั้นยุ่งยากและหลายครั้งอาจจะเชื่อมต่อลำบาก โดย Passkey เน้นการใช้โทรศัพท์ (หรืออาจจะเป็นแอปอื่น) เข้ามาทำหน้าที่แทนกุญแจ USB ใน FIDO/WebAuthn พร้อมกับปรับปรุง WebAuthn สองประการ เพิ่มการย้ายกุญแจข้ามอุปกรณ์ (key sync) จากเดิมที่กุญแจยืนยันตัวตนจะผูกกับชิปในอุปกรณ์สักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นกุญแจ USB, โน้ตบุ๊ก, หรือโทรศัพท์มือถือ Passkey รองรับการซิงก์กุญแจข้ามอุปกรณ์ไปมา เช่น ผู้ใช้ iPhone สามารถล็อกอินผ่าน Passkey ด้วยโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง และเมื่อซื้อ iPhone หรือ iPad มาใหม่ ก็ยังสามารถใช้ล็อกอินบัญชีเดิมได้ต่อไป เช่นเดียวกับผู้ใช้แอนดรอยด์ที่สามารถล็อกอินบัญชีเดิมได้ทุกครั้งที่เปิดใช้โทรศัพท์ด้วยบัญชีกูเกิลบัญชีเดิม เปิดทางให้ใช้โทรศัพท์ยืนยันตัวตนผู้ใช้บนพีซี เมื่อผู้ใช้ต้องการยืนยันตัวตนนอกแพลตฟอร์มที่ใช้เก็บกุญแจ Passkey โปรแกรมที่ต้องการการยืนยันตัวตนเช่นเบราว์เซอร์บนพีซี สามารถขอเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้เก็บกุญแจ Passkey ได้ เมื่อเราใช้เบราเซอร์เข้าเว็บและล็อกอินบริการที่รองรับ WebAuthn เบราว์เซอร์ที่รองรับ Passkey จะให้เลือกว่าต้องการยืนยันตัวตนด้วยกุญแจ USB หรือใช้โทรศัพท์ หากเราเลือกใช้โทรศัพท์ เบราว์เซอร์จะแสดง QR ขึ้นมา และเมื่อใช้โทรศัพท์สแกน QR แล้ว โทรศัพท์และเบราว์เซอร์จะส่งข้อมูลผ่าน Bluetooth เพื่อยืนยันว่าอุปกรณ์ทั้งสองอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่สามารถสแกน QR จากระยะไกลเพื่อล็อกอินได้ จากนั้นทั้งโทรศัพท์และเบราว์เซอร์จะเชื่อมต่อเข้าหา proxy ผ่านอินเทอร์เน็ตเปิด tunnel เชื่อมต่อถึงกันโดยตรง (ไม่สามารถส่งข้อมูลโดยตรงผ่าน Bluetooth ได้เพราะการเชื่อมต่อ Bluetooth นั้นซับซ้อนและหลายครั้งไม่เสถียร) เมื่อเชื่อมต่อได้แล้ว เบราว์เซอร์จะทำงานเหมือนมีกุญแจ USB อยู่ในเครื่องโดยตรง เบราว์เซอร์จะส่งข้อมูลโดเมนที่กำลังใช้งานอยู่ ส่งข้อมูลยืนยันตัวตนจากเซิร์ฟเวอร์บริการ กลับไปยังโทรศัพท์ และส่งข้อมูลล็อกอินจากโทรศัพท์กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์แบบเดียวกับการล็อกอินด้วยกุญแจปกติ ความซับซ้อนทั้งหมดนี้ถูกซ่อนออกจากผู้ใช้ทั่วไป เราแค่มีอุปกรณ์ที่รองรับ Passkey และสามารถล็อกอินได้บนทุกอุปกรณ์ที่ซิงก์กุญแจข้ามไปได้ ผู้ใช้ที่มี iPhone จะล็อกอินได้ทันทีบน iPhone, iPad, หรือ macOS ขณะที่ยังสามารถล็อกอินทุกบริการข้ามแพลตฟอร์มได้ด้วย สำหรับองค์กรที่ไม่ไว้ใจการซิงก์กุญแจข้ามอุปกรณ์เช่นนี้ ยังสามารถเลือกกำหนดกุญแจแบบล็อกเข้ากับอุปกรณ์โดยตรงได้ แต่กับบัญชีโดยทั่วๆ ไปการใช้กุญแจแบบซิงก์ได้ก็ให้ความปลอดภัยที่ดีกว่าการปล่อยให้ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านอย่างมากแล้ว และยังลดความเสี่ยงของการ phishing ลงไปได้ เมื่อซอฟต์แวร์ทั้งหมดรองรับ Passkey จึงน่าจะทำให้ความปลอดภัยรวมของผู้ใช้ดีขึ้นพร้อมกับทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้นไปด้วย การที่ผู้ผลิตเบราว์เซอร์รายใหญ่ล้วนให้คำมั่นว่าจะรองรับ Passkey รวมถึงแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือรายหลักทั้ง iOS และ Android ก็ประกาศรองรับจึงน่าจะทำให้ Passkey กลายเป็นอนาคตของการล็อกอินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
# NetEase จะนำ ChatGPT มาใช้สร้างบทสนทนาตัวละคร NPC ในเกมออนไลน์ บริษัทเกมจีน NetEase เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าสู่วงการ ChatGPT กับเขาด้วย โดยประกาศว่าเกมออนไลน์เกมใหม่ Justice Online Mobile (ชื่อจีนคือ Ni Shui Han อิงจากนิยายเรื่อง "สี่ยอดมือปราบ" ของอุนสุยอัน) จะใช้ ChatGPT มาสร้างบทสนทนาของตัวละคร NPC ในเกม ตามข่าวบอกว่า NetEase จะใช้ ChatGPT สร้างบทสนทนาทั้งแบบข้อความและเสียง โดยใช้พลัง AI สร้างเสียงของตัวละครออกมาด้วย (แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าโมเดลที่ใช้สร้างเสียงคืออะไร) นอกจากนี้ แผนการของ NetEase ยังมองถึงการใช้ AI สร้างเนื้อหาในเกมขึ้นมาแบบอัตโนมัติด้วย ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าเกม Justice Online Mobile จะเปิดบริการเมื่อไร (เวอร์ชันพีซีเปิดให้เล่นในจีนมาสักระยะแล้ว) ที่มา - Caixin Global, IGN, Pandaily
# มาช่วยกันสร้างชุดข้อมูลบทสนทนาภาษาไทยสำหรับสอนแชทบอทที่เหมือน ChatGPT กัน! หลังจากที่กระแส ChatGPT ได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ทั้ง Bing นำมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบค้นหา, Google เปิดตัว Bard ที่ใช้ LaMBDA มาเพื่อแข่งกับ Bing และอื่น ๆ แต่ผู้ใช้งาน ChatGPT คงเจอปัญหาเวลาใช้งาน ChatGPT กับภาษาไทยแล้วทำงานช้ามาก เพราะ ChatGPT ไม่ได้ฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลภาษาไทย นอกจากนั้น ChatGPT ยังเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OpenAI และไม่ได้เป็น Open Source (ไม่เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกสอน-ไม่เปิดเผย Source Code) ในปัจจุบันได้มีความพยายามสร้างโมเดล ChatGPT ในรูปแบบของ Open Source ที่ฝึกสอนโมเดลจากชุดข้อมูลบทสนทนาในภาษาต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน โมเดล ChatYuan และภาษาอื่น ๆ แต่สำหรับภาษาไทย ชุดข้อมูลบทสนทนา (conversational datasets) สำหรับใช้สอนโมเดล ณ ปัจจุบันยังไม่มี และค่าใช้จ่ายในการสร้างชุดข้อมูลค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้คนมาช่วยกันป้อนข้อมูลบทสนทนาให้โมเดลเรียนรู้ ดังนั้นผมจึงขอเชิญชวนชาว Blognone มาช่วยกันสร้างชุดข้อมูลบทสนทนาภาษาไทยสำหรับสอนแชทบอทที่เหมือน ChatGPT เพื่อให้นักวิจัยไทย และนักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้มีชุดข้อมูลสำหรับสร้างปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วยภาษาไทย (Open Assistant; AI Assistant หรือ “ChatGPT ภาษาไทย”) สำหรับโครงการที่แนะนำคือ โครงการ Open Assistant โดย LAION-AI เจ้าของผลงานชุดข้อมูล LAION-5B ชุดข้อมูลคู่ข้อความ-รูปภาพอันลือลั่นที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปัญญาประดิษฐ์วาดรูปอย่าง Midjourney และ Stable Diffusion มาแล้ว ในครั้งนี้ LAION-AI มีเป้าหมายคือสร้างปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วยแบบโอเพนซอร์สเสมือน ChatGPT แต่ใช้งานได้ฟรี, เปิดเผยชุดข้อมูล, เปิดเผย Source Code, และนำไปทำงานบนคอมพิวเตอร์ตัวเองแบบออฟไลน์ได้ทั้งงานวิจัยและเชิงพาณิชย์ ขณะนี้ทางโครงการได้เริ่มต้นรับบริจาคชุดข้อมูลบทสนทนาในภาษาต่าง ๆ แบบ Crowdsourcing โดยหลังจากเสร็จสิ้นจะปล่อยภายใต้ CC BY 4.0 โดยก่อนอื่น ผมขอแนะนำให้อ่านเอกสาร Guidelines ตามที่ทางโครงการ PyThaiNLP ได้จัดทำขึ้นที่ pythainlp.github.io/Open-Assistant-Thailand/ มาเริ่มสร้างชุดข้อมูลกัน! เข้าไปที่ https://open-assistant.io/th 2. กด Sign In ด้วยอีเมล (ต้องไปเปิดลิงก์ในเมลที่ป้อน) หรือ เข้าสู่ระบบด้วย Discord แล้วจะพบกับหน้าหลักดังนี้ 3. ให้เลือกภาษาเป็น “ไทย” เท่านั้น เพราะถ้าเลือกภาษาอื่น ๆ จะไม่สามารถป้อนภาษาไทยได้ โดยงานมีด้วยกัน 7 อย่างดังนี้ 3.1 “สร้างข้อความ Prompts เริ่มต้น” (Create Initial Prompts) สำหรับสร้างข้อความเริ่มต้นสนทนากับ Open Assistant ของเรา เช่น “สวัสดี Open Assistant ช่วยบอกวิธีทอดไข่ดาวแบบกึ่งสุกกึ่งดิบให้หน่อย” โดยข้อมูลที่ป้อนต้องทำตาม Guidelines สรุปย่อ ๆ คือเป็นข้อความใหม่ ไม่ก็อปจากที่ไหน, เป็นข้อความที่ไม่สนับสนุนความรุนแรง/เนื้อหาทางเพศ/ความเกลียดชัง/ข้อความที่ผิดกฎหมาย ข้อความที่ป้อนสามารถใช้ markdown ได้ 3.2 “จัดประเภทข้อความ Prompt เริ่มต้น” (Classify Initial Prompt) เป็นการกำกับข้อความเริ่มต้นใน 3.1 ว่าเหมาะสมหรือไม่ ได้แก่ เป็นสแปมหรือไม่ (ใช่/ไม่) คุณภาพต่ำ-สูง (1-5) ธรรมดา-สร้างสรรค์ (1-5) จริงจัง-อารมณ์ขัน (1-5) หยาบคาย-สุภาพ (1-5) มีความรุนแรง-ไม่มีอันตราย (1-5) 3.3 “ตอบกลับเป็นผู้ช่วย” (Reply as Assistant) สำหรับสร้างข้อความที่ Open Assistant จะตอบคำถามกลับไปหาผู้ใช้งาน เช่น “การทอดไข่ดาวแบบกึ่งสุกกึ่งดิบมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ใช้ไฟอ่อนๆ …” คำแนะนำในการสร้างข้อความคล้ายกับ 3.1 แต่เพิ่มเติมจาก PyThaiNLP คือให้สวมบทเป็นปัญญาประดิษฐ์ เช่น ใช้คำตอบแบบไม่ระบุเพศ (ไม่ต้องมีครับ/ค่ะ, แทนตัว Open Assistant ด้วยฉัน) เป็นต้น 3.4 “จัดประเภทการตอบกลับของผู้ช่วย” (Classify Assistant Reply) เป็นการกำกับข้อความที่ Open Assistant ตอบกลับใน 3.3 เกณฑ์การประเมินคล้ายกับ 3.2 เพิ่มเติมคือ เป็นการตอบกลับที่ไม่ดีสำหรับ Prompt ที่ให้มาหรือไม่ (ใช่/ไม่) ส่วนใหญ่คือการตอบไม่ตรงคำถาม เช่น กรณีไม่ดี (ตอบ ใช่) ถาม: สีประจำวันพุธสีอะไร ตอบ: วันพุธเป็นวันกลางสัปดาห์ กรณีดี (ตอบ ไม่) ถาม: สีประจำวันพุธสีอะไร ตอบ: สีเขียว ไม่เป็นประโยชน์-มีประโยชน์ (1-5) 3.5 “จัดอันดับการตอบกลับของผู้ช่วย” (Rank Assistant Replies) เป็นการจัดอันดับความตอบกลับที่ Open Assistant สร้างขึ้น ให้ลากวางคำตอบที่เหมาะกับ Prompt ที่สุด 3.6 “ตอบกลับเป็นผู้ใช้งาน” (Reply as User) สำหรับสร้างข้อความที่ผู้ใช้งานจะตอบกลับข้อความจากที่ Open Assistant สร้างขึ้นต่อจาก 3.3 เช่น โจทย์ ผู้ใช้: ช่วยบอกวิธีการทำอาหารอิตาเลี่ยนหน่อย Open Assistant: คุณต้องการอาหารอิตาเลี่ยนเมนูไหน คุณต้องตอบด้วยข้อความ เช่น “ขอเมนูพาสต้าแล้วกัน” หรือ “ขอเมนูพิซซ่า” เป็นต้น 3.7 “จัดประเภทการตอบกลับของ Prompter” (Classify Prompter Reply) เป็นการกำกับข้อความที่ผู้ใช้ตอบกลับ Open Assistant ใน 3.6 โดยมีเกณฑ์เดียวกับ 3.2 4. การกำกับข้อความหรือป้อนข้อความใด ๆ ให้ปฏิบัติตาม Guidelines หรือเอกสารแนะนำภาษาไทย อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญที่สุดคือ สร้างข้อความใหม่ ไม่ก็อปจากที่ไหน ไม่สร้างข้อความที่สนับสนุนความรุนแรง/เนื้อหาทางเพศ/ความเกลียดชัง/ข้อความที่ผิดกฎหมาย เมื่อสร้างข้อความให้ Open Assistant เป็นคนตอบให้สวมบทปัญญาประดิษฐ์ เช่น ใช้คำตอบแบบไม่ระบุเพศ (ไม่ต้องมีครับ/ค่ะ) เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Open-Assistant.io/th และ pythainlp.github.io/Open-Assistant-Thailand/ พูดคุยกับชุมชน Open Assistant Thailand ได้ที่ Open Assistant Thailand - Facebook Groups ข้อมูลเปิดเผย โครงการ PyThaiNLP เป็นผู้เขียนบทความนี้
# ต้านกระแสไม่ไหว OpenSea ยอมไม่บังคับส่วนแบ่ง Creator Earning, ฟรีค่าธรรมเนียมชั่วคราว OpenSea ตลาดซื้อขาย NFT รายใหญ่ ประกาศปรับนโยบายสำคัญ 2 ข้อ อย่างแรกคือยกเลิกค่าธรรมเนียมซื้อขายชั่วคราว (ไม่บอกว่านานแค่ไหน) เพื่อกระตุ้นธุรกรรมการซื้อขาย NFT หลังต้องเผชิญกับคู่แข่งที่ไม่มีค่าธรรมเนียมอย่าง Blur จนทำให้ยอดธุรกรรมของ OpenSea ลดลง อย่างที่สองคือเปลี่ยนเงื่อนไขส่วนแบ่งรายได้ในการขายต่อ (creator earning) ที่ผู้สร้างชิ้นงานจะได้ส่วนแบ่งด้วยหาก NFT ชิ้นนั้นขายต่อได้ (สูงสุดไม่เกิน 10%) ของเดิม OpenSea กำหนดเงื่อนไขนี้เป็นค่าดีฟอลต์ แต่รอบนี้เปลี่ยนเป็นให้เลือกเองได้ (optional) แทน OpenSea อธิบายเหตุผลว่าตลาด NFT เปลี่ยนไปจากเดิมมาก (massive shift) และยอมรับว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 กลุ่มลูกค้าเริ่มย้ายไปซื้อขายในตลาดอื่นที่ไม่มี creator earning ซึ่งทาง OpenSea พยายามบังคับใช้นโยบายนี้แล้วแต่ไม่สำเร็จ ต้านกระแสไม่ไหว จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมตามทิศทางตลาด ที่มา - Coindesk
# รัฐบาลสหรัฐประกาศมาตรฐานกลางสถานีชาร์จ EV ใช้หัวร่วมกันได้, ไม่ต้องมีหลายแอพในการชาร์จ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จ EV จำนวน 500,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมกำหนดสเปกกลางของที่ชาร์จ EV ให้รถยนต์ทุกยี่ห้อใช้ร่วมกันได้ ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐผ่านกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Law) มาตั้งแต่ปี 2021 โดยมีงบประมาณลงทุนสร้างสถานีชาร์จ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เงินจำนวนนี้จะใช้อุดหนุนการสร้างสถานีชาร์จของเอกชน ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องเป็นสถานีที่ปฏิบัติตามสเปกกลางของรัฐบาล และใช้วัสดุในการก่อสร้างอย่างน้อย 55% จากในสหรัฐอเมริกาเอง รัฐบาลสหรัฐมอบหมายให้กรมทางหลวง (Federal Highway Administration หรือ FHWA) เป็นผู้ออกสเปกมาตรฐานสถานีชาร์จ EV ซึ่ง FHWA ได้กำหนดกรอบกว้างๆ ของสถานีชาร์จ ดังนี้ การชาร์จต้องมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ (predictable and reliable experience) ตั้งแต่หัวชาร์จ ระดับกำลังไฟ จำนวนจุดชาร์จเร็วขั้นต่ำต่อสถานี สถานีชาร์จต้องทำงานได้เสมอ กำหนดค่า uptime reliability ของจุดชาร์จที่ 97% ผู้ขับรถยนต์ต้องค้นหาสถานีชาร์จที่ต้องการได้ง่าย เป็นเรื่องการแชร์ข้อมูลพิกัด ราคา ข้อมูลหัวชาร์จที่ว่าง ข้อมูลการเข้าถึงอื่นๆ ผ่านแอพแผนที่ต่างๆ ผู้ขับรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้แอพและบัญชีหลายอันเพื่อชาร์จ กำหนดเรื่อง ID กลางสำหรับใช้งานชาร์จ เพื่อใช้ได้กับสถานีชาร์จทุกแห่ง การชาร์จต้องง่าย สามารถเสียบปลั๊กแล้วชาร์จได้เลย (Plug and Charge) รถยนต์และสถานีชาร์จจะสื่อสารเรื่องบัญชี ค่าใช้จ่ายกันเอง (ผ่านกระบวนการสื่อสารแบบเข้ารหัส) ไม่ใช่ว่าผู้ใช้ต้องแตะบัตรเครดิต แตะแท็ก RFID หรือเปิดใช้งานแอพก่อน บริษัทรถยนต์และสถานีชาร์จหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนแผนการนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ที่สำคัญคือ Tesla ประกาศเปิดเครือข่ายสถานีชาร์จ Supercharger ของตัวเองให้รถยนต์ยี่ห้ออื่นใช้เป็นครั้งแรก ส่วนบริษัทรถยนต์อื่นๆ อย่าง GM, Volvo, Mercedes-Benz, Ford, Electrify America (ของ VW) ก็ประกาศแผนการสร้างสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่มา - Whitehouse, FHWA, Electrek, The Register ภาพจาก Electrify America
# Diablo 4 ประกาศเปิดทดสอบ Open Beta วันที่ 24-26 มีนาคม 2023 Blizzard ออกเทรลเลอร์ใหม่ของ Diablo 4 พร้อมประกาศวันเปิดทดสอบทั่วไปแบบ Open Beta เป็นวันที่ 24-26 มีนาคม 2023 แต่ถ้าเป็นคนที่สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วจะได้สิทธิเล่นก่อนตั้งแต่ 17-19 มีนาคม ผู้เล่น Open Beta จะได้เล่นเกมบทที่ 1 (Act I) ทั้งหมด โดยจำกัดเลเวลสูงสุดที่เก็บได้ถึงเลเวล 25 Blizzard ยังบอกว่าเทรลเลอร์นี้เป็นตัวอย่างของมูฟวี่ในเกม โดยตัวละครชายผิวดำไว้เคราในเทรลเลอร์ จะหน้าตาเปลี่ยนไปตามตัวละครที่เราคัสตอมในเกมด้วย เกมมีกำหนดวางขายจริง 6 มิถุนายน 2023 บน 5 แพลตฟอร์มคือ พีซี, Xbox One, Xbox Series X|S, PS4, PS5 ที่มา - Eurogamer
# ซัมซุงเปิดตัว Message Guard ป้องกันอันตรายจากมัลแวร์ในไฟล์ภาพที่ส่งมาทางแชท ซัมซุงออกฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Message Guard คอยตรวจเช็คไฟล์รูปภาพที่ส่งมาทางข้อความแชทหรือ SMS/MMS ว่าแอบฝังมัลแวร์มาด้วยหรือไม่ ซัมซุงบอกว่าการส่งรูปภาพทางแชทมีจุดอ่อนที่ไฟล์ภาพจะถูกโหลดมาแสดงผลโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกเปิดดูภาพเลย (zero-click exploit) ซึ่งแฮ็กเกอร์อาจใช้ช่องทางนี้ฝังสคริปต์ที่ทำงานกับช่องโหว่ของซอฟต์แวร์โทรศัพท์ได้ (ตัวอย่างของมัลแวร์ Pegasus ที่ใช้ช่องโหว่ของไลบรารีภาพ iOS) วิธีการป้องกันของ Message Guard คือนำภาพไปรันใน sandbox ที่แยกจากสภาพแวดล้อมปกติ (ผ่าน Knox) เพื่อไม่ให้สร้างอันตรายต่อส่วนที่เหลือของเครื่องได้ ซัมซุงยังบอกว่าสามารถกำจัดส่วนอันตรายออกจากไฟล์ได้ด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องนี้ เทคโนโลยี Message Guard ใช้ได้กับไฟล์ภาพประเภท PNG, JPG/JPEG, GIF, ICO, WEBP, BMP, WBMP ตอนนี้ยังใช้ได้กับแอพแชท 2 ตัวคือ Samsung Messages และ Google Messages แต่สัญญาว่าจะขยายผลไปยังแอพแชทอื่นในระยะถัดไป ตอนนี้มีให้ใช้แล้วบน Galaxy S23 แต่จะทยอยเพิ่มให้อุปกรณ์ที่เป็น One UI 5.1 ด้วย ที่มา - Samsung
# โดเมนเนม AI.com ตอนนี้ redirect ไปที่เว็บ ChatGPT มีรายงานว่าโดเมนเนม AI.com ปัจจุบันจะฟอร์เวิร์ดไปที่หน้า ChatGPT ของ OpenAI ข้อมูลบอกว่าโดเมนนี้มีการจดทะเบียนมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีการแสดงผลเว็บไซต์ใด ๆ จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเว็บ ChatGPT จึงอาจคาดเดาได้ว่า OpenAI ได้ซื้อโดเมนเนมดังกล่าว Mashable สอบถามไปที่ Jeffrey Gabriel ซึ่งเคยเป็นตัวกลางในการเจรจาซื้อขายโดเมน Sex.com ที่ราคาเป็นสถิติถึง 13 ล้านดอลลาร์ เขาบอกว่าโดเมนนี้เพิ่งเกิดการซื้อขายจริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้ซื้อ ทั้งนี้หากอิงตามประกาศราคาซื้อขายในตลาดก่อนหน้านี้ของ AI.com มูลค่าดีลไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ OpenAI ยังไม่ได้ออกมายืนยันว่าเป็นผู้ซื้อโดเมนนี้ไปหรือไม่ ที่มา: Mashable
# Roblox เตรียมเพิ่ม Generative AI ในเครื่องมือสร้างสรรค์ Roblox Studio Roblox ประกาศเตรียมเพิ่มเครื่องมือใหม่ใน Roblox Studio ซอฟต์แวร์สำหรับงานสร้างสรรค์ใน Roblox โดยรองรับ AI สำหรับการสร้างสรรค์เนื้อหา หรือ Generative AI ทำให้ผู้ใช้งานป้อนข้อมูลเป็นข้อความและได้ output ที่ต้องการ โดยรูปแบบ Generative AI ที่ Roblox จะนำมาเพิ่มในเครื่องมือนั้นมีสองรูปแบบ ซึ่ง Roblox อธิบายว่าเพราะนักสร้างสรรค์บางคน อาจเก่งเรื่องการสร้างวัตถุ 3D แต่โค้ดไม่เก่ง ขณะที่บางคนอาจโค้ดเก่ง แต่งานกราฟิก 3D ไม่เก่ง ฟีเจอร์นี้จึงมาปิดช่องว่างได้ โดย AI แรกจะรองรับการสร้างวัตถุ 3D ตามข้อความบรรยาย (ดูคลิปวิดีโอท้ายข่าว) ส่วน AI อีกตัวสามารถช่วยสร้างโค้ดตามรูปแบบที่ระบุ Roblox จะเปิดตัวรายละเอียดการทำงานของ AI นี้เพิ่มเติมในงานสัมมนา DeveloperWeek ที่จะจัดสัปดาห์นี้ และงานสัมมนา Game Developers Conference ที่จะจัดในสัปดาห์หน้า ที่มา: Roblox
# Apple รายงานส่วนแบ่ง iOS: iOS 16 มีผู้ใช้งาน 81% แล้ว ของผู้ใช้ iPhone รุ่นไม่เกิน 4 ปี แอปเปิลอัพเดตตัวเลขส่วนแบ่งระบบปฏิบัติการของ iOS และ iPadOS ซึ่งเป็นการรายงานข้อมูลครั้งแรกนับตั้งแต่ iOS 16 เปิดให้อัพเดตกับผู้ใช้งานทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว iOS 16 มีส่วนแบ่ง 81% ของ iPhone รุ่นใหม่ที่แอปเปิลเปิดตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่วน iOS 15 มี 15% และเวอร์ชันเก่ากว่านั้น 4% หากวัดจาก iPhone ทุกรุ่นที่ยังมีการใช้งาน iOS 16 คิดเป็น 72% สำหรับ iPadOS ระบบปฏิบัติการของ iPad ตัวเลขจะไม่มากเท่ากับ iOS โดยถ้าวัดเฉพาะ iPad รุ่นที่เปิดตัวช่วง 4 ปีที่ผ่านมา iPadOS 16 คิดเป็น 53%, iPadOS 15 39% และเวอร์ชันเก่ากว่านั้น 8% ถ้าวัดจาก iPad ทุกรุ่น iPadOS 16 คิดเป็น 50% ตัวเลขของ iOS 16 แอปเปิลรายงานในเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าหากเทียบกับรายงานตอน iOS 15 ซึ่งแอปเปิลออกรายงานในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ตอนนั้น iOS 15 มีส่วนแบ่ง 72% และ iPadOS 15 มีส่วนแบ่ง 57% วัดเฉพาะอุปกรณ์รุ่นใหม่ไม่เกิน 4 ปี ที่มา: MacRumors