txt
stringlengths
202
53.1k
# อินเดียอาจออกข้อบังคับใหม่ สมาร์ทโฟนต้องลบแอป Pre-installed ได้ทั้งหมด ป้องกันการสอดแนม สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวและเอกสารที่ตรวจสอบพบ เผยว่าทางการอินเดียมีแผนออกข้อบังคับ มีกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ขายในประเทศ โดยต้องอนุญาตให้ผู้ใช้งานลบแอปพื้นฐานที่ติดตั้งมาได้ทุกแอป รวมทั้งระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่ที่ออกอัพเดต ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากทางการก่อน รายงานบอกว่าเหตุผลที่ทางการอินเดียเตรียมออกข้อบังคับใหม่นี้ เพื่อป้องกันการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งมองว่าเป็นความมั่นคงระดับชาติ ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อินเดียได้สั่งแบนแอปจากจีนเป็นจำนวนมาก โดยให้เหตุผลเรื่องความมั่นคง ข้อกำหนดเรื่องการอนุญาตให้ลบแอปพื้นฐานได้ ย่อมกระทบกับผู้ผลิตหลายรายที่นิยมลงแอป pre-installed มาให้ก่อน เช่น Xiaomi, ซัมซุง และแอปเปิล ซึ่งในรายของแอปเปิลนั้น แอปบางตัวสามารถซ่อนแต่ไม่สามารถลบได้ ส่วนข้อกำหนดเรื่องการตรวจสอบระบบปฏิบัติการนั้น รายละเอียดเบื้องต้นจะมีหน่วยงานตัวแทนของรัฐบาลในการตรวจสอบ เมื่อมีการออกอัพเดตใหญ่แต่ละครั้ง ทั้งด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งาน ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย มี Xiaomi, vivo และ OPPO ครองส่วนแบ่งรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซัมซุงมีส่วนแบ่ง 20% และแอปเปิล 3% ที่มา: Reuters
# [ไม่ยืนยัน] ไมโครซอฟท์ปลดทีม Ethical AI ออก, พนง. เผยอาจเพราะอยากให้พัฒนาผลิตภัณฑ์เร็วขึ้น จากการปลดพนักงาน 10,000 คน เมื่อต้นปีของไมโครซอฟท์ The Platformer รายงานว่าหนึ่งในกลุ่มที่โดนออก คือพนักงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านจริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ทั้งทีม อย่างไรก็ตามสำนักงานด้าน Responsible AI ของไมโครซอฟท์ยังคงมีอยู่ หน้าที่ของทีมคือเข้าไปมีส่วนดูแลและช่วยเหลือทีมพัฒนา AI ให้พัฒนาออกมาได้โดยอยู่ในกรอบจริยธรรมและมีความรับผิดชอบตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ โดยพนักงานในทีมนี้เคยมีจำนวนมากสุดราว 30 คนช่วงปี 2021 ซึ่งมีทั้งวิศวกร, ดีไซเนอร์ไปจนถึงนักปรัชญา ก่อนจะเหลือราว 7 คนหลังการปรับโครงสร้างทีมในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งย้ายไปอยู่ทีมอื่น ทีมงานจากทีมดังกล่าวให้ข้อมูลกับ The Platformer ด้วยว่า สาเหตุที่พวกเขาถูกปลด น่าจะมาจากการที่ไมโครซอฟท์ต้องการผลักดันผลิตภัณฑ์ให้ออกสู่ตลาดได้เร็วที่สุดและทันการแข่งขันที่เริ่มสูง เลยสนใจในแง่ความรับผิดชอบต่อสังคมและจริยธรรมของ AI น้อยลง ที่มา - The Platformer
# สตาร์ตอัพใหม่เปิดโครงการ Pynecone เขียนเว็บแบบ ReactJS ด้วย Python Pynecone เป็นสตาร์ตอัพในเครือ YCombinator เปิดโครงการโอเพนซอร์สชื่อเดียวกับชื่อบริษัท โดยชูจุดขายว่านักพัฒนาสามารถเขียนเว็บแบบ ReactJS โดยใช้ภาษาไพธอนเท่านั้น ไม่ต้องเรียนรู้จาวาสคริปต์อีกต่อไป โค้ดที่เขียนด้วย Python จะถูกคอมไพล์กลายเป็น React/NextJS อีกทีหนึ่ง โดยตัว Pynecone นั้นมาพร้อมกับไลบรารี component ในตัว เช่น UI ปุ่มรูปแบบต่างๆ หรือการแสดงข้อมูลกราฟ ส่วนฐานข้อมูลนั้นไลบรารีใส่ SQLAlchemy มาในตัว กลุ่มเป้าหมายของ Pynecone คือนักพัฒนาที่เขียนโปรแกรมประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากเว็บ เช่น กลุ่มนักวิจัยปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ต้องการเรียนรู้เครื่องมือเพิ่ม ตัว Pynecone เติมเต็มช่องว่างจากเครื่องมือประเภท Low Code ที่อาจจะไม่ยืดหยุ่นเพียงพอ แต่นักพัฒนาก็ไม่ต้องการเรียนรู้ ReactJS เต็มตัวอีก ข้อดีสำคัญคือโค้ดต่างๆ สามารถเขียนด้วย Python แล้ว Pynecone จะรันที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์พร้อมกับจัดการเรียกใช้โค้ดและส่งข้อมูลที่จำเป็นกลับไปยัง frontend ให้เอง โดยในอนาคตมีแผนจะพัฒนา WebAssembly เพื่อให้โค้ด frontend รันบนเบราว์เซอร์ในที่สุด ที่มา - YCombinator
# Microsoft Edge ออกเวอร์ชัน 111 เพิ่มฟีเจอร์ Copilot ให้ Bing ช่วยแต่งข้อความไปโพสต์ได้ ไมโครซอฟท์ออก Microsoft Edge เวอร์ชัน 111 ของใหม่ที่สำคัญคือแถบ Sidebar เวอร์ชันใหม่ที่เพิ่ม Edge Copilot ความสามารถในการคุยกับ Bing ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ตอนเปิดตัว New Bing Edge Copilot มีความสามารถ 2 อย่าง ได้แก่ Chat การแชทคุยกับ Bing แบบเดียวกับที่เราได้ใช้กันบนหน้าเว็บโดยตรง และ Compose ที่ให้ Bing ช่วยแต่งข้อความสำหรับอีเมล บล็อก บทความ ตามคำสั่งแบบย่อๆ ของเราได้ ผู้ใช้สามารถเลือกโทนของข้อความที่แต่ง เช่น ดูเป็นมืออาชีพ ตลก สบายๆ และเลือกความยาวของข้อความได้ 3 ระดับ ตัวอย่างของไมโครซอฟท์เป็นการโชว์การแต่งโปรไฟล์ของเราใน LinkedIn โดยเปิดตัวช่วย Compose บน Sidebar ด้านข้าง แล้วคัดลอกมาแปะบนโปรไฟล์ LinkedIn ในหน้าจอหลักของเบราว์เซอร์ ตัวอย่างข้อความเกี่ยวกับข่าวนี้ที่แต่งโดย Bing ที่มา - Microsoft via Neowin
# Naughty Dog ยืนยันเริ่มพัฒนาเกมใหม่แล้ว ไม่ใช่ The Last of Us Part 3 Neil Druckmann ประธานร่วมของสตูดิโอ Naughty Dog ยืนยันว่าตอนนี้กำลังพัฒนาเกมใหม่อยู่ ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเกมอะไร แต่ไม่ใช่ The Last of Us Part 3 แน่นอน เขาบอกว่ารับทราบดีที่แฟนๆ อยากให้ทำ The Last of Us Part 3 แต่สตูดิโอตัดสินใจเดินหน้ากับโครงการเกมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว Druckmann ยังเล่าว่าปกติแล้วเวลาปิดโครงการเดิม สตูดิโอจะศึกษาดูว่าจะทำโครงการไหนต่อบ้าง ซึ่งมีทั้งเกมภาคต่อและเกมใหม่ ทีมงานจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกให้ดี เพราะโครงการเกมสมัยนี้ใช้เวลานานราว 4 ปี หากเลือกไอเดียที่ไม่ได้สนใจ กระหายที่จะทำจริงๆ พอพัฒนาเกมไปครึ่งทางราว 2 ปีก็อาจหมดไฟได้ เขาบอกว่า Naughty Dog ถือเป็นสตูดิโอที่โชคดีมาก เพราะประสบความสำเร็จจนมีสิทธิเลือกทำเกมอะไรก็ได้ที่ต้องการ บริษัทแม่อย่างโซนี่ไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ซึ่งเขาทราบดีว่าไม่ใช่ทุกสตูดิโอนั้นโชคดีแบบนี้ ก่อนหน้านี้ Druckmann เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ทำเกม Uncharted ต่อแล้ว และ The Last of Us Part 2 ก็มีฉากจบที่แข็งแรงมากแล้วเช่นกัน ที่มา - VGC
# Pixel Feature Drop มี.ค. 2023 เพิ่ม Health Connect, ตั้งเวลา Timer ข้ามอุปกรณ์ กูเกิลปล่อยฟีเจอร์ใหม่ของ Android ประจำไตรมาส 1/2023 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pixel Feature Drop (ชื่อทางเทคนิคคือ Android Quarterly Platform Releases หรือ QPR) ให้กับอุปกรณ์ตระกูล Pixel โหมดถ่ายภาพกลางคืน Night Sight ทำงานได้เร็วขึ้นจากอัลกอริทึมใหม่ ของเดิมมีเฉพาะบน Pixel 7 / 7 Pro ตอนนี้ Pixel 6 / 6 Pro ได้ใช้ด้วยแล้ว Magic Eraser ฟีเจอร์ช่วยลบวัตถุออกจากภาพถ่าย ตอนนี้ใช้ได้กับ Pixel ทุกรุ่นแล้ว Direct My Call ฟีเจอร์ช่วยแสดงรายการตัวเลือกเวลาโทรหาคอลล์เซ็นเตอร์ ขึ้นมาเป็นเมนูบนหน้าจอให้กดเลือก อัพเกรดโดยจะแสดงเมนูขึ้นมาแต่แรกเลย ไม่ต้องรอเมนูปรากฏขึ้นมาตามเสียง Health Connect ศูนย์รวมข้อมูลแอพด้านสุขภาพและฟิตเนส เอาไว้ดูได้ว่ามีแอพตัวไหนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของเราได้บ้าง Timer ตั้งเวลานับถอยหลัง ทำงานได้ข้ามอุปกรณ์ระหว่าง Pixel และ Nest หากเราตั้งเวลาบน Nest จะขึ้นมาแสดงบน Pixel ได้ด้วย นาฬิกา Pixel Watch อัพเดตฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม (fall detection) จากซ้าย: Direct My Call, Health Connect, Timer ที่มา - Google
# GitLab รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้รวมเพิ่มขึ้น 58% GitLab รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนมกราคม 2022 มีรายได้รวม 122.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 58% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 38.7 ล้านดอลลาร์ Sid Sijbrandij ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง GitLab กล่าวว่าบริษัทยังมั่นใจว่าแพลตฟอร์มของบริษัท มีความสำคัญและสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในตอนนี้ GitLab ให้ข้อมูลจำนวนลูกค้าแยกตามขนาดการใช้จ่ายย้อนหลัง 12 เดือน (ARR) โดยมีลูกค้าระดับมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็น 63 ราย, มากกว่า 1 แสนดอลลาร์ 697 ราย และมากกว่า 5,000 ดอลลาร์ จำนวน 7,002 ราย ที่มา: GitLab
# Automattic เจ้าของ WordPress.com ซื้อกิจการปลั๊กอิน ActivityPub for WordPress Matt Mullenweg ซีอีโอ Automattic เจ้าของ WordPress.com และ Tumblr เปิดเผยว่าบริษัทได้ซื้อปลั๊กอิน ActivityPub for WordPress เข้ามาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมรับทีมนักพัฒนาปลั๊กอินดังกล่าว มาเป็นส่วนหนึ่งของ Automattic ActivityPub for WordPress เป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้พัฒนาเว็บบน Wordpress สามารถเผยแพร่เนื้อหาใน Fediverse ผ่านโปรโตคอล ActivityPub ได้ ซึ่งปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่รองรับเช่น Mastodon, Pleroma รวมไปถึง Tumblr ซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศจะเพิ่มการรองรับด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ Mullenweg ยังไม่ได้บอกว่าแผนงานถัดไปเขาจะทำอย่างไรกับ ActivityPub for WordPress ต่อไป แต่มีความเป็นไปได้ที่ ActivityPub อาจรวมเป็นส่วนหนึ่งของ Wordpress เวอร์ชันในอนาคตได้ ที่มา: TechCrunch
# Brave เพิ่มฟีเจอร์ Firewall + VPN บนเดสก์ท็อป แต่ไม่ฟรี ค่าใช้งาน 9.99 ดอลลาร์/เดือน เว็บเบราว์เซอร์ Brave ออกเวอร์ชัน 1.49 เพิ่มฟีเจอร์ Firewall + VPN สำหรับผู้ใช้บนเดสก์ท็อป จากที่มีให้บริการ VPN บนเวอร์ชัน iOS/Android มาก่อนหน้านี้ VPN ของ Brave ใช้เครือข่ายของ Guardian ซึ่งไม่ฟรี คิดค่าบริการ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 99.99 ดอลลาร์ถ้าสมัครรายปี โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 5 ชิ้น (นับรวมทั้งเดสก์ท็อปและมือถือ) และใช้กับแอพอื่นๆ นอกเบราว์เซอร์ได้ด้วย เว็บเบราว์เซอร์อื่นที่มีฟีเจอร์ VPN ให้ใช้งานคือ Opera ที่ใช้งานได้ฟรี และ Microsoft Edge ที่ยังทดสอบในกลุ่มจำกัด ที่มา - Brave
# ปัญหาใหม่ Apple: มีผู้บริหารระดับสูงลาออก มากกว่าปกติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแอปเปิลในจดหมายข่าว Power On ตอนล่าสุด โดยพูดถึงปัญหาผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล ลาออกเป็นจำนวนที่มากกว่าปกติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยสถานการณ์นี้เริ่มสังเกตได้ตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2022 ที่มีผู้บริหารระดับรองประธานฝ่าย (VP - Vice President) ลาออกแล้ว 11 คน ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่จะรีพอร์ตใต้รองประธานอาวุโส (SVP - Senior Vice President) ซึ่งกลุ่ม SVP นี้จะขึ้นตรงกับซีอีโอ Tim Cook ฝ่ายที่กลุ่ม VP ลาออก มีกระจายทั้งฝ่ายออกแบบอุตสาหกรรม, ร้านค้าออนไลน์, ไอที, คลาวด์, วิศวกรรมฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์, คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, ฝ่ายขาย, จัดซื้อ ซึ่ง Gurman บอกว่า ไม่เคยเห็นตัวเลขการลาออกจำนวนมากระดับนี้มาก่อน เทียบกับช่วงปี 2021 มีผู้บริหารระดับ VP ลาออกเพียง 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นข่าวจากการย้ายไป Ford อย่างไรก็ตามในตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แอปเปิลเลือกรับคนนอกเข้ามาแทนที่เพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่ใช้วิธีโปรโมตคนในแอปเปิลให้มารับตำแหน่งต่อ หรือปรับเปลี่ยนความรับผิดชอบ จึงไม่มีปัญหามากนักเรื่องความต่อเนื่องของงาน จะมียกเว้นกรณีฝ่ายออกแบบอุตสาหกรรม ซึ่งแอปเปิลไม่ได้หาคนมาแทนที่ Evans Hankey หัวหน้าฝ่ายออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ลาออก แต่ให้ทีมงานทั้งหมดรีพอร์ตตรงกับซีโอโอ Jeff Williams เลย Gurman บอกว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้แต่ละคนตัดสินใจลาออก แต่ในภาพรวมนั้นเขาได้ข้อมูลว่าช่วงสิบปีที่ผ่านมา แอปเปิลขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปมาก แต่ละทีมมีความรับผิดชอบที่กว้างขึ้นและล้วนเป็นงานสำคัญ ตัวอย่างเช่นทีมฮาร์ดแวร์ ก็จะต้องดูตั้งแต่ iPhone, Apple Watch, iPad, Mac จนถึง AirPods คล้ายกับทีมดูแลซอฟต์แวร์ก็ต้องดูทั้งหมด แนวทางนี้อาจได้ผลดีสำหรับแอปเปิลในอดีต ทำให้ทุกผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงกันได้ดี แต่ความซับซ้อนก็ทำให้การออกผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละรอบมีปัญหาช้าขึ้นด้วย ที่มา: Bloomberg
# Meta เตรียมปิดการสนับสนุน NFT บนแพลตฟอร์มทั้ง Instagram และ Facebook Stephane Kasriel หัวหน้าฝ่ายฟินเทคและธุรกิจการค้าของ Meta โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ บอกว่าบริษัทเตรียมปิดการทำงานฟีเจอร์แสดงผลงานสะสมดิจิทัล อย่างเช่น NFT ทั้งใน Instagram และ Facebook "ในตอนนี้" (for now) โดยบอกว่าจะปรับโฟกัสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มาสนับสนุนครีเอเตอร์ ผู้ใช้งาน และภาคธุรกิจในรูปแบบอื่นต่อไป Instagram เริ่มทดสอบการแสดงภาพ NFT มาตั้งแต่พฤษภาคมปีที่แล้ว จากนั้นเพิ่มการทดสอบไปยัง Facebook และ Instagram ก็ขยายการรองรับ NFT ไปยังครีเอเตอร์กว่า 100 ประเทศ ในเดือนสิงหาคม ตัวแทนของ Meta ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ TechCrunch ว่าบริษัทจะปรับมาโฟกัสในผลิตภัณฑ์เช่น Meta Pay บริการจ่ายเงิน รวมทั้งปรับปรุงเครื่องมือให้ครีเอเตอร์สามารถทำเงินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นระบบให้ของขวัญในแอป หรือระบบโฆษณาใน Reels เป็นต้น ที่มา: TechCrunch
# Cloudflare เปิดบริการล็อกไอพีเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง Cloudflare เพิ่มฟีเจอร์ Aegis บริการล็อกไอพีต้นทาง (source IP) จาก Cloudflare ทำให้เซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชั่นสามารถล็อกไอพีที่เชื่อมต่อเข้ามาได้โดยง่าย ในกรณีที่คนร้ายพยายามข้ามไฟร์วอลล์ใน Cloudflare แล้วเชื่อมต่อหาแอปพลิเคชั่นโดยตรง ก่อนหน้านี้ Cloudflare มีตัวเลือก ยืนยันว่าการเชื่อมต่อมาจาก Cloudflare จริง คือการตรวจสอบ mTLS และการเปิดท่อเชื่อมต่อจากภายในองค์กรด้วย Cloudflare Tunnel แต่องค์กรขนาดใหญ่ก็คอนฟิกบริการเหล่านี้ได้ยาก Cloudflare Aegis จะทำให้ล็อกได้ว่าการเชื่อมต่อจาก Cloudflare ไปยังองค์กรนั้นใช้หมายเลขไอพีต้นทางไม่กี่หมายเลข และหลายองค์กรก็อาศัยการล็อกหมายเลขไอพีต้นทางกันอยู่แล้ว บริการนี้มีผลกับบริการอื่นๆ นอกเหนือจาก CDN ด้วย เช่น Workers สามารถเชื่อมต่อกลับเซิร์ฟเวอร์ต้นทางด้วยไอพีของ Aegis เช่นเดียวกัน ท่าทีของ Cloudflare นั้นสนับสนุนให้คอนฟิก mTLS ขึ้นมาใช้งานมากกว่า แต่การล็อกด้วยหมายเลขไอพีก็เป็นทางออกชั่วคราวที่ลดการโจมตีได้จริง ตอนนี้ Aegis เปิดให้กับลูกค้ากลุ่ม Early Access for Enterprise เท่านั้น ที่มา - Cloudflare
# ธนาคารออสเตรเลียเปิดบริการโทรหาคอลเซ็นเตอร์ผ่านแอป รู้ตัวตนลูกค้าทันที NAB หรือ National Australia Bank ประกาศเพิ่มฟีเจอร์โทรหาคอลเซ็นเตอร์ผ่านทางแอปธนาคาร จากเดิมที่สามารถโทรผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น ข้อได้เปรียบสำคัญคือเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์นั้นจะรู้ตัวตนของลูกค้าทันที ไม่ต้องตรวจสอบจากรหัสผ่าน, SMS OTP, หรือคำถามยืนยันตัวตนแบบเดิมๆ ตอนนี้ลูกค้าของ NAB ใช้แอปอยู่ 85-90% แล้วฟีเจอร์นี้จึงเข้าถึงลูกค้าได้เป็นวงกว้างทันที ตัวเจ้าหน้าที่จะเห็นข้อมูลเดิมที่ลูกค้าเคยติดต่อไว้ ไม่ต้องเล่าเรื่องเดิมซ้ำ ขณะที่ธนาคารเองก็ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เสียเวลามายืนยันตัวตนลูกค้า กระบวนการติดต่อคอลเซ็นเตอร์ต้องยืนยันตัวตนเหมือนการทำธุรกรรมปกติ โดยอาจจะใช้ Face ID หรือรหัสผ่านตามปกติ ซึ่งปลอดภัยกว่าการยืนยันตัวตนแบบเดิมๆ ที่มา - IT News
# [ลือ] Tim Cook สั่งเดินหน้าแว่น MR ต้องเปิดตัวภายในปี 2023 แม้คนในบริษัทมองว่ายังไม่พร้อม Financial Times รายงานข่าวว่า Tim Cook สั่งเดินหน้าโครงการแว่น mixed reality เต็มตัว โดยตั้งเป้าเปิดตัวและวางขายภายในปี 2023 แม้มีเสียงคัดค้านจากคนในบริษัทว่ายังไม่พร้อมก็ตาม แอปเปิลในยุคของ Tim Cook ต้องเจอกับแรงกดดันให้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บ้าง เพราะสินค้ายอดนิยมในปัจจุบันอย่าง iPhone, iPad, Apple Watch เกิดขึ้นจากไอเดียของ Steve Jobs โครงการแว่น MR เองก็ใช้เวลาพัฒนามาตั้งแต่ปี 2016 หรือนาน 7 ปีแล้ว (สองเท่าของโครงการ iPhone) และทีมพัฒนาก็ขอเลื่อนมาเรื่อยๆ ทุกปี ตอนแรกฝ่ายหนึ่งในแอปเปิลต้องการออกแว่น "เวอร์ชันหนึ่ง" ที่มีขนาดใหญ่เหมือนหน้ากากสกีออกสู่ตลาดให้ได้ก่อน แต่ทีมออกแบบฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลต้องการรอจนถึงวันที่แว่น AR น้ำหนักเบาเป็นไปได้จริง ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกหลายปี ตามข่าวบอกว่า Tim Cook โน้มเอียงมาทางทีมปฏิบัติการที่นำโดย Jeff Williams COO ของบริษัท สั่งให้ออกสินค้าภายในปีนี้ โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากทีมออกแบบ คาดกันว่าแว่น MR ของแอปเปิลจะตั้งราคา 3,000 ดอลลาร์ และมีเป้ายอดขายปีแรกเพียง 1 ล้านชุดเท่านั้น ที่มา - Financial Times ภาพจาก Apple
# HSBC เข้าซื้อ Silicon Valley Bank สาขาสหราชอาณาจักร ราคา 1 ปอนด์ HSBC ประกาศเข้าซื้อ Silicon Valley Bank สาขาสหราชอาณาจักร (SVB UK) ในราคา 1 ปอนด์ ซึ่งเป็นการอุ้มไม่ให้ธนาคารฝั่งสหราชอาณาจักรล้มตามสาขาแม่ไป และลูกค้า SVB UK สามารถใช้บริการธนาคารได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องเข้ากระบวนการคุ้มครองเงินฝาก SVB UK เป็นธนาคารขนาดเล็ก มีลูกค้าเป็นลูกค้าธุรกิจเพียง 3,000 ราย แต่หากธนาคารล้มไปก็อาจจะกระทบต่อบริษัทลูกค้า และลามไปยังลูกจ้างหรือคู่ค้าของบริษัทเหล่านี้ ฝั่งสหรัฐฯ เองกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ประกาศเข้าคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนทำให้ลูกค้าเงินติดบัญชีโล่งใจไปได้ เพราะสามารถถอนเงินออกมาทั้งหมดได้ในวันนี้ ที่มา - BBC
# เนเธอร์แลนด์เตรียมยกระดับมาตรการห้ามส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปตามแรงกดดันสหรัฐฯ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศว่าจะยกระดับมาตรการห้ามส่งออกเครื่องจักรผลิตชิป ตรงตามที่เคยมีข่าวลือตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเงื่อนไขใหม่จะเพิ่มข้อกำหนดกับเทคโนโลยี DUV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีผลิตชิปกระแสหลักที่ใช้งานเป็นวงกว้าง ใช้ผลิตชิปที่เทคโนโลยี 220nm จนถึง 38nm ก่อนหน้านี้เนเธอร์แลนด์ห้ามส่งออกเครื่องจักรเทคโนโลยี EUV ที่เป็นเทคโนโลยีสูงสุดไปยังประเทศจีนมาก่อนแล้ว ส่งผลให้ ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรกลุ่มนี้รายเดียวไม่สามารถส่งมอบเครื่องกลุ่มนี้ให้กับลูกค้าในจีนได้ แต่ก็ยังส่งมอบเครื่อง DUV อยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนกฎระเบียบใหม่จะมีผลจริงก่อนช่วงหน้าร้อนปีนี้ แสดงว่าน่าจะอีกไม่นานนัก ตอนนี้ระเบียบจริงยังไม่ออกมาทำให้ยังมีข้อสงสัยอีกมาก เช่น ตัวกฎน่าจะไม่ได้ห้ามส่งออกเครื่องจักรไปยังจีนโดยตรง แต่ต้องขออนุญาตเป็นรอบๆ ไป ซึ่งก็อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยว่ากรณีไหนได้หรือไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะบริษัทผลิตชิปเกาหลีใต้อย่างซัมซุง หรือ SK Hynix ก็มีโรงงานในจีนจำนวนมาก ตลอดจนการซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่ขายไปแล้วจะทำได้หรือไม่ ที่มา - IT News
# AMD ตั้งใจไม่ออกจีพียูรุ่นท็อปสู้ 4090 เพราะมองว่าไม่มีตลาด เอาเงินส่วนต่างไปทำอย่างอื่นดีกว่า ผู้บริหารของ AMD สองคนคือ Rick Bergman (EVP) และ David Wang (SVP) ให้สัมภาษณ์กับสื่อไอทีญี่ปุ่น ITMedia เปิดเผยรายละเอียดที่น่าสนใจว่า AMD เลือกไม่ทำจีพียูระดับท็อปแข่งกับ NVIDIA GeForce RTX 4090 แม้ในทางเทคนิคนั้นเป็นไปได้ เพราะมองว่าไม่น่าจะมีตลาดมากพอ จีพียูรุ่นสูงสุดของ AMD ในปัจจุบันคือ Radeon RX 7900 XTX ที่มีประสิทธิภาพระดับใกล้ๆ กับ GeForce RTX 4080 ซึ่งเป็นจีพียูตัวรองของ NVIDIA โดยฝั่ง AMD ตั้งราคาถูกกว่าที่ 999 ดอลลาร์ เทียบกับฝั่ง NVIDIA ที่ตั้ง 1,199 ดอลลาร์ Rick Bergman บอกว่าตลาดจีพียูที่ใช้พลังงาน TDP ระดับสูงสุดที่ 600W และราคา 1,599 ดอลลาร์ของ GeForce RTX 4090 นั้นไม่น่าจะได้การยอมรับจากกลุ่มผู้เล่นเกมพีซีทั่วๆ ไป (general PC gaming fan) เพราะนอกจากแพงแล้ว ยังต้องหาพาวเวอร์ซัพพลายที่ระดับเกินคอมมอนเซนส์ และเคสขนาดใหญ่พิเศษมาระบายความร้อนด้วย ทำให้ AMD เลือกยุทธศาสตร์ออกสินค้าที่สอดคล้องกับฮาร์ดแวร์ของกลุ่มคนเล่นเกมพีซีทั่วไป (PC enthusiast) แทน เขายังบอกว่า AMD ทำการ์ดราคา 999 ดอลลาร์ก็พอแล้ว ส่วนต่าง 600 ดอลลาร์ (ที่ถูกกว่า RTX 4090) ให้เอาไปใช้ซื้อชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อื่นดีกว่า ส่วน David Wang ก็ย้ำว่า AMD มีศักยภาพออกการ์ดประสิทธิภาพสูงระดับนี้ได้อยู่แล้ว ตัวอย่างที่จับต้องได้คือการ์ด Instinct MI250X เพียงแต่มันไม่ใช่สินค้าสำหรับกลุ่มเกมมิ่งเท่านั้น และบริษัทไม่คิดว่าจีพียูระดับนี้เหมาะสำหรับคอนซูเมอร์ ที่มา - ITMedia (ภาษาญี่ปุ่น), Notebookcheck
# Imagine Cup Thailand 2023 ครั้งแรกที่นักเรียนมัธยมชนะเลิศ แอพวัดการเต้นของหัวใจ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศผลทีมผู้ชนะ Imagine Cup Thailand 2023 คือทีม CS-M จากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมนักเรียนระดับมัธยมชนะรายการ Imagine Cup Thailand ที่จัดมานานกว่า 21 ปี โครงการที่ชนะคือ CS-M Tool: Cardiac Self-Monitoring Tool เครื่องมือการตรวจสอบการเต้นของหัวใจด้วยตนเอง โดยนำหูฟังการแพทย์ (Stethoscope) มาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แล้วพัฒนา AI ให้เรียนรู้จังหวะการเต้นของหัวใจจากกลุ่มเป้าหมาย 34,000 คน และ dataset การเต้นหัวใจ 4,000 เสียง เพื่อแสดงผลออกมาเป็นแดชบอร์ด สมาชิกของทีม CS-M มีทั้งหมด 4 คนคือ นายธนภัทร จรัญวรพรรณ นายนพวิชญ์ ฉุนรัมย์ นายแมท แทนไทน คอช และ นายเลนนี โทมัส จากมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่ จะได้เงินรางวัลมูลค่า 1,000 เหรียญสหรัฐ และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่ง Imagine Cup ชิงแชมป์โลกที่เมืองซีแอทเทิล ในเดือนพฤษภาคม 2566 ผู้ชนะรางวัลอื่นๆ คือ รองชนะเลิศอันดับหนึ่งทีม O-RA จากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และรองชนะเลิศอันดับสอง ทีม IMAGINE CARE จากการรวมตัวกัน 4 สถาบัน คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่มา - Microsoft Thailand
# CS:GO ทำลายสถิติอีกครั้ง ผู้เล่นบน Steam พร้อมกัน 1.41 ล้านคน เกมออกมาเกิน 11 ปีแล้วแต่ยังสร้างสถิติ new high ผู้เล่นอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Counter-Strike: Global Offensive ทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง มีผู้เล่นพร้อมกัน 1.41 ล้านคน แซงหน้าสถิติเดิม 1.32 ล้านคนที่ทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงนี้ยังมีข่าวเรื่อง CS:GO 2 ที่น่าจะอัพเกรดเอนจินมาเป็น Source 2 แต่ระหว่างนี้ Valve ยังไม่ออกมาแถลงการณ์ใดๆ ที่มา - Eurogamer
# Signature Bank ธนาคารเน้นลูกค้ากลุ่มเงินคริปโตปิดตัว Signature Bank ธนาคารในนิวยอร์คที่เคยเป็นธนาคารที่มีท่าทีเป็นมิตรกับธุรกิจคริปโต ปิดตัวลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทบต่อธุรกิจคริปโตต่างๆ ที่มีเงินฝากอยู่ในธนาคารเนื่องจากบัญชีมักมียอดสูงกว่าเงินประกัน 250,000 ดอลลาร์ Coinbase ออกมาระบุว่ามีเงินฝากอยู่ใน Signature Bank อยู่ 240 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Paxos บริษัทบล็อคเชนอีกแห่งก็มีเงินฝากอยู่ 250 ล้านดอลลาร์ แต่ระบุว่าทำประกันความเสี่ยงแบบนี้ไว้แล้ว ส่วนทาง Circle ไม่เปิดเผยว่ามีเงินฝากกับ Signature Bank เท่าใด แต่ได้รับผลกระทบเพราะใช้ระบบโอนเงิน SigNet อยู่ ส่วนนี้ก็จะเปลี่ยนไปใช้ BNY Mellon แทน Signature Bank เป็นธนาคารแห่งที่สามของสหรัฐฯ ที่ปิดตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลัง Silvergate, และ Silicon Valley Bank ที่มา - The Verge, Bloomberg
# สต๊อกมีเพียงพอแล้ว ยอดขาย PS5 ในญี่ปุ่นเติบโต 457% แซงหน้า Switch ได้เป็นครั้งแรก Famitsu รายงานยอดขายฮาร์ดแวร์เกมคอนโซลในประเทศญี่ปุ่น ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2023 พบว่า PS5 ขายได้ถึง 366,982 เครื่อง แซงหน้า Nintendo Switch ที่ขายได้ 221,041 เครื่องได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้น หากเทียบกับยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 หรือเมื่อหนึ่งปีก่อน PS5 มียอดขายเพียง 65,772 เครื่อง การที่ PS5 มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 457% ในปีเดียว แปลว่ามีจำนวนสต๊อกสินค้าเพียงพอสำหรับความต้องการแล้วนั่นเอง ฝั่งซอฟต์แวร์เกมขายดีประจำเดือน อันดับหนึ่งคือ Kirby's Return to Dream Land Deluxe ขายได้ 189,031 ชุด, อันดับสอง Hogwarts Legacy (PS5) 126,086 ชุด อันดับสาม Pokémon Scarlet & Violet 107,506 ชุด ที่มา - Famitsu via Eurogamer
# Telegram เพิ่มฟีเจอร์โหมดประหยัดพลังงาน Telegram ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ มีรายละเอียดดังนี้ Power Saving Mode สามารถตั้งค่าเพื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ลดการแสดงอนิเมชัน, เล่นวิดีโออัตโนมัติ และเอฟเฟกต์ต่าง ๆ โดยกำหนดในหน้าการตั้งค่า เมื่อระดับแบตเตอรีลดลงถึงค่าที่กำหนด และกำหนดกิจกรรมที่ให้ปิดการทำงานได้ Granular Playback Speed เพิ่มแถบสไลด์ให้เลือกระดับความเร็วการเล่นวิดีโอ คลิปเสียง ได้สะดวกมากขึ้น Read Time ปกติข้อความในกลุ่มแชต จะแสดงจำนวนคนอ่าน ตอนนี้สามารถแสดงค่าได้ละเอียดกว่าเดิม ระบุรายคนว่าใครอ่านข้อความเวลาใด รองรับเฉพาะกลุ่มแชตที่มีสมาชิกน้อยกว่า 100 คน ฟีเจอร์อื่นได้แก่ ส่งลิงก์คำเชิญไปยังเพื่อนได้อัตโนมัติ, อีโมจิชุดใหม่ และอื่น ๆ ที่มา: Telegram
# ก.คลังสหรัฐ เข้าช่วยเหลือ รับประกันเงินฝาก Silicon Valley Bank ทั้งหมด, ถอนเงินคืนได้ 13 มี.ค. กระทรวงการคลังสหรัฐ ร่วมกับธนาคารกลางสหรัฐ ออกมาประกาศมาตรการดูแลผู้ฝากเงินกับธนาคารสองแห่งคือ Silicon Valley Bank ที่กำลังเป็นข่าวดังในตอนนี้ (โดนแคลิฟอร์เนียสั่งปิดไปเมื่อวันก่อน) กับธนาคารอีกแห่ง Signature Bank จากนิวยอร์กที่ประสบปัญหาลักษณะเดียวกัน และเพิ่งโดนหน่วยงานกำกับดูแลของนิวยอร์กสั่งปิดธนาคารเรียบร้อยแล้ว บัญชีเงินฝากทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครอง จากเดิมที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (Federal Deposit Insurance Corporation หรือ FDIC) คุ้มครองแค่วงเงิน 250,000 ดอลลาร์ โดยเจ้าของบัญชีจะสามารถถอนเงินได้ในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม ตามเวลาสหรัฐ ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้บางประเภทของธนาคารจะไม่ได้รับความคุ้มครอง จะประเมินมูลค่าทรัพย์สินของธนาคาร เพื่อนำมาใช้คืนกองทุนคุ้มครองเงินฝากต่อไป ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารโดนปลดออก ธนาคารกลางสหรัฐจะอัดฉีดวงเงินให้เป็นพิเศษ สำหรับธนาคารที่อาจเจอปัญหาลูกค้าแห่ถอนเงิน เพื่อให้ระบบธนาคารของสหรัฐเดินหน้าต่อไปได้ ที่มา - กระทรวงการคลังสหรัฐ
# Meta เตรียมขายกิจการ Kustomer แพลตฟอร์ม CRM ที่ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2020 The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า Meta มีแผนจะขายกิจการ Kustomer แพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ CRM ที่ไปซื้อกิจการมาเมื่อปี 2020 โดยให้เหตุผลว่า Meta ต้องการโฟกัสที่ธุรกิจหลักของบริษัทเท่านั้น Kustomer เป็นแพลตฟอร์ม CRM สำหรับฝ่ายบริการลูกค้า ซึ่งมีจุดเด่นคือรองรับการติดต่อได้หลายช่องทาง ในเวลานั้น Meta ตอนที่บริษัทยังใช้ชื่อ Facebook ตัดสินใจซื้อกิจการ Kustomer ที่มูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ โดยบอกว่าเพื่อนำมาเสริมระบบบริการลูกค้าให้กับ WhatsApp และ Facebook Messenger อย่างไรก็ตามรายงานบอกว่ารายได้ของ Kustomer เอง ก็ไม่เติบโตมากนัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อไตรมาสซึ่ง Meta ต้องบันทึกเข้ามาก็มีมูลค่าที่สูง ทำให้บริษัทตัดสินใจแยกธุรกิจ Kustomer ออกไปจาก Meta บริษัทแม่ โดยกำลังหาวิธีการที่เหมาะสม รายงานยังบอกว่าผู้ก่อตั้ง Kustomer ได้เริ่มเจรจากับนักลงทุน เพื่อของเงินลงทุนสำหรับซื้อกิจการคืนจาก Meta แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ที่มา: The Wall Street Journal
# ไมโครซอฟท์เสนอแนวคิด Reliable Web App (RWA) แพทเทิร์นสำหรับเว็บแอพ .NET บน Azure หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อ Progressive Web App (PWA) แนวทางการพัฒนาเว็บแอพที่ใช้นอกเบราว์เซอร์ได้ ล่าสุดไมโครซอฟท์เสนอแนวคิดชื่อคล้ายๆ กันคือ Reliable Web App (RWA) จุดแตกต่างคือ RWA ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่เป็น "แพทเทิร์น" การเขียนเว็บแอพที่ไมโครซอฟท์แนะนำว่าดี (best practice ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำตาม) สำหรับการใช้ .NET สร้างเว็บแอพไปรันบนคลาวด์ Azure ให้เสถียร (SLO 99.9%) ดูแลง่าย ปลอดภัย ต้นทุนค่าคลาวด์ต่ำ กลุ่มเป้าหมายของ RWA คือเว็บแอพเดิมที่เขียนด้วย ASP.NET อยู่แล้ว ต้องการแปลงมารันบนคลาวด์ ปรับสถาปัตยกรรมให้ทันสมัย ก็สามารถทำตามวิธีของไมโครซอฟท์ได้เลย ไม่ต้องเปลืองแรงคิดค้นเอง ไมโครซอฟท์ออกแบบสถาปัตยกรรมไว้ให้แล้ว มีเอกสาร, ซอร์สโค้ดตัวอย่าง, วิดีโอสอนใช้งาน ให้พร้อมสรรพ สถาปัตยกรรม Azure ที่ไมโครซอฟท์ออกแบบเอาไว้ให้ จะเรียกใช้บริการต่างๆ ที่มีอยู่แล้วของ Azure เช่น Azure Web App, Blob Storage, SQL Database, Azure Cache for Redis, Azure App Configuration, Azure Key Vault, Azure Web Application Firewall, Azure Front Door, Azure AD เป็นต้น ที่มา - .NET Blog
# Lenovo เปิดตัวเวิร์คสเตชัน ThinkStation PX, P7, P5 ใช้ได้ทั้งเดสก์ท็อปหรือต่อเป็นแร็ค Lenovo เปิดตัวเครื่องเดสก์ท็อปเวิร์คสเตชัน ThinkStation PX, P7, P5 ที่ออกแบบเคสร่วมกับแบรนด์รถยนต์ Aston Martin จุดเด่นที่น่าสนใจของ ThinkStation ชุดนี้ (เฉพาะ PX และ P7) คือตัวเครื่องมาทรงเดสก์ท็อปทาวเวอร์ก็จริง แต่ออกแบบมาให้ใช้ต่อเป็นแร็คขนาด 4U ได้ด้วย เหมาะสำหรับหน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้งานประมวลผลสูงๆ สามารถนำเวิร์คสเตชันมาต่อกันในศูนย์ข้อมูล เวิร์คสเตชัน ThinStation ชุดนี้ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 (Sapphire Rapids) และ จีพียู NVIDIA RTX 6000 Ada Lovelace ซึ่งเป็นสเปกที่แรงที่สุดเท่าที่หาได้ในปัจจุบัน ดีไซน์เครื่องที่ร่วมกับ Aston Martin จะเห็นได้จากการใช้ตะแกรงระบายอากาศด้านหน้าเครื่อง ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่น Aston Martin DBS โดยยังคงสีแดงของแบรนด์ Lenovo และแนวคิดการวางไดรฟ์ด้านหน้าให้ใช้งานสะดวก เปิดเคสได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เพื่อให้อัพเกรดได้ง่าย ThinkStation PX รองรับซีพียู Xeon สูงสุด 120 คอร์, จีพียู RTX 6000 สูงสุด 4 ตัวต่อเครื่อง, ใส่แรมได้สูงสุด 2TB DDR5, PSU ขนาด 1850W ThinkStation P7 เป็นเวิร์คสเตชันแบบซ็อคเก็ตเดี่ยว รองรับซีพียู Xeon W สูงสุด 56 คอร์, จีพียู RTX 6000 สูงสุด 3 ตัว ThinkStation P5 น้องเล็กในซีรีส์ รองรับซีพียู Xeon W สูงสุด 24 คอร์, จีพียู RTX 6000 สูงสุด 2 ตัว สินค้าทั้งหมดจะเริ่มวางขายในเดือนพฤษภาคม 2023 ยังไม่ประกาศราคา ที่มา - Lenovo
# Circle ยืนยัน ผู้ถือ USDC สามารถไถ่ถอนดอลลาร์คืนได้ในอัตรา 1:1 Circle บริษัทผู้ออกเหรียญ stablecoin USDC ออกมาชี้แจงข้อมูลล่าสุดจากผลกระทบกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ล้ม จากก่อนหน้านี้เผยว่าสินทรัพย์ที่หนุนค่า USDC มีเงินฝากของ SVB 3.3 พันล้านดอลลาร์ โดย Circle ยืนยันว่าผู้ถือ USDC สามารถไถ่ถอนคืนเป็นเงินดอลลาร์ได้ในอัตรา 1:1 เหมือนเดิม ซึ่งกระบวนการจะกลับมาเป็นปกติเมื่อธนาคารในสหรัฐกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของ USDC หลุดการผูกค่า ปรับลดลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 0.88 ดอลลาร์ ส่วนราคาล่าสุดตอนนี้อยู่ที่ 0.98 ดอลลาร์แล้ว หลังจาก Circle ออกมาชี้แจงข้อมูลดังกล่าว Circle บอกว่าสินทรัพย์หนุนค่า USDC นั้น ส่วนใหญ่ 77% เป็นตั๋วเงินคลังสหรัฐระยะสั้น อายุไม่เกิน 3 เดือน มูลค่ารวม 32.4 พันล้านดอลลาร์ ดูแลสินทรัพย์โดยธนาคาร BNY Mellon และบริหารจัดการสภาพคล่องโดยบริษัทการลงทุน BlackRock ส่วน 23% ที่เหลือ เป็นเงินฝากในสถาบันการเงินต่าง ๆ มูลค่ารวม 9.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ฝากไว้ที่ธนาคาร BNY Mellon บริษัทบอกว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (ก่อนประกาศปิด SVB วันศุกร์) บริษัทได้ทำคำสั่งโอนเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์ใน SVB ออกไปยังธนาคารอื่น แต่คำสั่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ธนาคาร SVB ก็ถูกสั่งปิดก่อน บริษัทจึงยังเชื่อมั่นว่าเมื่อ FDIC หรือหน่วยงานคุ้มครองเงินฝาก เข้ามาดูแลจัดการสินทรัพย์ของ SVB แล้ว รายการคำสั่งนี้ของ Circle จะได้รับเงินครบจำนวน Circle ยังบอกว่า เนื่องจาก USDC เป็น stablecoin ที่ได้รับการกำกับดูแลเรื่องสินทรัพย์ที่หนุนค่า หากหน่วยงานกำกับดูแลประเมินว่าสินทรัพย์ตอนนี้มีมูลค่าต่ำกว่าจำนวนโทเค็นที่ออกมา บริษัทก็พร้อมชดเชยส่วนต่างนี้โดยใช้สินทรัพย์อื่นของบริษัท ที่มา: Circle
# Roku, Roblox, Vimeo ส่งรายงานว่าบริษัทมีเงินฝากใน SVB แต่ไม่กระทบการดำเนินงาน จากเหตุการณ์ธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ถูกสั่งปิด ลูกค้าไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ชั่วคราว ที่ประเมินว่าอาจกระทบต่อสินทรัพย์และกระแสเงินสดของบริษัท Tech และสตาร์ทอัพหลายแห่งที่เป็นลูกค้า ล่าสุดมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น ที่มีเงินฝากใน SVB เริ่มทยอยรายงานข้อมูลเพิ่มเติมต่อ SEC หรือสำนักงาน กลต. สหรัฐ แล้ว Roku เป็นรายแรกที่รายงาน โดยมีเงินฝากใน SVB 487 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 26% ของรายการเงินสดและเทียบเท่าของบริษัท ส่วนสินทรัพย์ที่แล้ว 1.4 พันล้านดอลลาร์ อยู่ในสถาบันการเงินอื่น และเชื่อมั่นว่าเงินจำนวนยังเพียงต่อการดำเนินงานตามปกติอย่างน้อย 12 เดือนหรือมากกว่า Roblox ก็ส่งรายงานเช่นกัน โดยบอกว่าบริษัทมีรายการเงินสดและเทียบเท่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และ 5% ในนั้น เป็นเงินฝากใน SVB ซึ่งยังไม่เห็นผลกระทบต่อการดำเนินงานบริษัทตอนนี้ Quotient บริษัทการตลาดดิจิทัลและเจ้าของเว็บ Coupons.com รายงานว่าบริษัทมีเงินฝากใน SVB สาขาประเทศอังกฤษ คิดเป็นมูลค่า 4 แสนดอลลาร์ ส่วนสตาร์ทอัพด้านอวกาศ Rocket Lab รายงานว่า บริษัทมีเงินฝากใน SVB 38 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 7.9% ของรายการเงินสดและเทียบเท่าทั้งหมดของบริษัท และแพลตฟอร์มวิดีโอ Vimeo บอกว่าบริษัทมีเงินฝากใน SVB น้อยกว่า 250,000 ดอลลาร์ ฉะนั้นเงินส่วนนี้จึงได้รับการคุ้มครองทั้งหมด ทั้งบอกว่าบริษัทมีการกระจายเงินฝากเป็นอย่างดี ไม่มีการฝากเงินในธนาคารใดมากกว่า 25% ของทั้งหมด ที่มา: TechCrunch
# HP อัพเดตเฟิร์มแวร์พรินเตอร์ บล็อคการใช้ตลับหมึกปลอมที่ไม่มีชิปของ HP ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งชื่อ grhhull โพสต์ข้อมูลว่าพรินเตอร์ HP ปฏิเสธการใช้ตลับหมึกที่ไม่มีชิปของ HP โดยแสดงข้อความเตือนชัดเจนว่าเป็นการบล็อคที่ระดับเฟิร์มแวร์ของพรินเตอร์ และพรินเตอร์เครื่องนี้สามารถใช้ได้เฉพาะตลับหมึกแท้ของ HP เท่านั้น (ทั้งตลับใหม่เลย หรือตลับแท้รียูส) grhhull สอบถามไปยังศูนย์บริการของ HP และได้ข้อมูลว่าบริษัทเพิ่งปล่อยอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้พรินเตอร์เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อบล็อคการใช้งานตลับหมึกปลอม เว็บไซต์ ExtremeTech ชี้ว่าการบล็อคตลับหมึกปลอมเป็นฟีเจอร์ชื่อ Dynamic Security ที่ HP เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2016 และเคยโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายแบบกลุ่มจากฟีเจอร์นี้มาแล้วหลายรอบ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุผลที่ HP กลับมาปล่อยอัพเดตเฟิร์มแวร์อีกรอบเป็นเพราะอะไร และมีพรินเตอร์รุ่นไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบ ที่มา - Reddit, ExtremeTech, Ars Technica
# กูเกิลเปิดตัวโมเดล PaLM-E ปัญญาประดิษฐ์ควบคุมหุ่นยนต์ สั่งงานได้ทั้งภาพและเสียง ทีมวิจัยของกูเกิลเปิดตัวโมเดล PaLM-E ปัญญาประดิษฐ์สำหรับควบคุมหุ่นยนต์ โดยเป็นการปรับปรุงจาก PaLM โมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้านภาษา (LLM) ขนาดใหญ่ 540,000 ล้านพารามิเตอร์ นำมารวมร่างกับปัญญาประดิษฐ์ด้านภาพ (vison) ชื่อ ViT-22B กลายมาเป็น PaLM-E (E ย่อมาจาก Embodied) ขนาด 562,000 ล้านพารามิเตอร์ การรวมโมเดลภาษา LLM กับโมเดลวิเคราะห์ภาพ Vision เข้าด้วยกัน ทำให้ PaLM-E เป็นโมเดลที่สามารถทำงานได้หลากหลาย (generalist) รองรับการสั่งงานหุ่นยนต์ทั้งสองแบบ ทั้งการแยกแยะวัตถุ แยกแยะฉากทัศน์ รับคำสั่งเป็นเสียงแล้วแปลงเป็นข้อความ หรือใช้ทั้งสองอย่างคือให้ดูภาพแล้วทำตามคำบรรยายบอกก็ได้เช่นกัน กูเกิลบอกว่า PaLM-E ถือเป็นตัวอย่างของการสร้างโมเดลที่รองรับวิธีการสั่งงานหลายแบบ (multi-modal) โดยใช้โมเดลทั่วๆ ไปแล้วได้ผลออกมาดี ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนาโมเดลแบบ multi-modal อื่นในอนาคต ที่มา - Google AI Blog
# ภาพรวมอุตสาหกรรมเพลงอเมริกา เติบโตจากสตรีมมิ่ง - แผ่นไวนิลขายได้มากกว่าซีดี RIAA หรือสมาคมอุตสาหกรรมเพลงของสหรัฐอเมริกา รายงานภาพรวมรายได้ของอุตสาหกรรมเพลงในอเมริกาของปี 2022 รายได้รวมเติบโตติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2021 ที่มูลค่า 15,873.9 ล้านดอลลาร์ สตรีมมิ่งเป็นช่องทางหลักของรายได้ที่ 13,265.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% และคิดเป็น 84% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนที่อยู่ที่ 83% โดยเมื่อแยกรายละเอียดของรายได้สตรีมมิ่ง ส่วนใหญ่ 77% มาจากการจ่ายเงินค่าสมาชิก (Subscription) ที่เหลือมาจากโฆษณาและวิทยุดิจิทัล รายได้ส่วนดิจิทัลดาวน์โหลดยังคงมีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ 494.7 ล้านดอลลาร์ ลดลง 20% จากปีก่อน โดยลดลงทั้งการดาวน์โหลดแบบแยกเพลงและทั้งอัลบั้ม ส่วนรายได้จากการขายเพลงแบบ Physical ยังคงเติบโตอีกปี เพิ่มขึ้น 4% ที่ 1,731.0 ล้านดอลลาร์ เมื่อลงรายละเอียดพบว่าซีดีมียอดขายลดลง 18% เป็น 482.6 ล้านดอลลาร์ ส่วนไวนิลมีรายได้ 1,224.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% RIAA ยังให้ข้อมูลน่าสนใจว่าถ้านับจำนวนแผ่นที่ขายได้ แผ่นไวนิลมีจำนวนขายแซงซีดีเป็นครั้งแรก (41 ล้านแผ่น และ 33 ล้านแผ่น ตามลำดับ) ทำให้จำนวนยอดขายไวนิลในปี 2022 แซงซีดีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1987 ที่มา: RIAA (pdf) ผ่าน Ars Technica ภาพ Pixabay
# Square Enix ยอมรับ ยอดขาย-คะแนนรีวิว Forspoken ไม่เข้าเป้า อาจกระทบผลประกอบการ Yosuke Matsuda ประธานของ Square Enix ยอมรับในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4/2022 ว่ายอดขายของเกม Forspoken ที่วางขายเมื่อปลายเดือนมกราคม 2023 ออกมาไม่ดี (its sales have been lackluster) อีกทั้งการรีวิวจากสำนักต่างๆ ก็ออกมาไม่ดีนัก (Reviews of “FORSPOKEN,” which we released on January 24, 2023, have been challenging) แม้มีบางจุดที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อยู่บ้าง เช่น ระบบการต่อสู้ในเกม Square Enix จึงเตือนว่าผลกระทบจาก Forspoken จะมีความเสี่ยงต่อตัวเลขรายได้ของไตรมาส 1/2023 แต่ก็ยืนยันว่าในไตรมาส 2/2023 เป็นต้นไป ยอดขายจะกลับมาดีจากเกมดังๆ หลายเกมที่รอคิวเปิดตัวอยู่ ทั้งเกม FF16 ที่จะวางขายในเดือนมิถุนายน และเกมอื่นๆ ที่ยังไม่เปิดตัว เมื่อต้นเดือนมีนาคม Square Enix เพิ่งประกาศยุบสตูดิโอ Luminous Productions กลับเข้าบริษัทแม่ แม้ทีมยังได้ทำ DLC ของ Forspoken ต่อก็ตาม ที่มา - Square Enix (PDF), GamesIndustry
# USDC หลุดการผูกค่าหลังธนาคาร SVB ล้ม, Coinbase ปิดไม่ให้แลกกลับเป็นดอลลาร์ เหตุการณ์ Silicon Valley Bank (SVB) ล้มกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีเป็นวงกว้าง และอีกทางหนึ่งบริษัทคริปโตจำนวนมากก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตอนนี้ผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงคือโทเค็น USDC ที่ผูกค่าเท่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ เอาไว้ ล่าสุดราคาลดลงเหลือ 0.992 ดอลาร์แล้ว นับว่าต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020 ที่สมัยนั้น USDC ยังมีมูลค่าแกว่งกว่าทุกวันนี้มาก Circle บริษัทผู้ออก USDC ระบุว่ามีเงินดอลลาร์ฝากอยู่ใน SVB เป็นเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์ จากเงินสดในธนาคารประมาณ 11.1 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์อื่นๆ ที่หนุนค่า USDC นั้นเป็นพันธบัตรสหรัฐฯ อีก 32.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทาง Coinbase ตลาดซื้อขายรายใหญ่ประกาศหยุดรับแปลง USDC เป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ชั่วคราวเพราะต้องรอธนาคารเปิด โดยสัญญาว่าจะเปิดรับแลกอีกครั้งในวันจันทร์นี้
# Netflix เพิ่มฟีเจอร์ปรับขนาด-สีสันของซับไตเติล เมื่อชมผ่านจอทีวีแล้ว Netflix เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ชมทางจอทีวี สามารถปรับแต่งขนาดและสีสันของซับไตเติลได้แล้ว (จากเดิมที่ทำได้เฉพาะผ่านเบราว์เซอร์) โดยเลือกตัวหนังสือได้ 3 ขนาด และสีสันได้อีก 4 แบบ (เช่น ตัวหนังสือขาวบนพื้นใส ตัวหนังสือเหลืองบนพื้นดำ) ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้กับทั้งการชมบนสมาร์ททีวี เกมคอนโซล และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อแคสต์ขึ้นจอทีวี ที่มา - TechCrunch
# และแล้วก็มีวันนี้ Microsoft Word รองรับ Paste as Plain Text ด้วยปุ่ม Ctrl + Shift + V Microsoft Word ประกาศเพิ่มฟีเจอร์สำคัญที่ผู้ใช้จำนวนมากรอคอยกันมาเป็นสิบปี นั่นคือ Paste Text Only พร้อมช็อตคัต-ปุ่มลัด Ctrl + Shift + V เหมือนกับโปรแกรมอื่นๆ ทีมไมโครซอฟท์อธิบายว่า Word มีอายุ 40 ปีแล้ว (ออกเวอร์ชันแรก 1983) และมีปุ่มลัดเก่าๆ มากมายที่ต้องคงรักษาไว้ กรณีของ Ctrl + Shift + V เดิมทีเป็นปุ่มลัดของคำสั่ง Paste Format Painter ทำให้ที่ผ่านมาไม่สามารถใช้กับ Paste Text Only ได้ ผลคือผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับปุ่มลัดนี้จากโปรแกรมอื่นๆ มักหงุดหงิดเมื่อพบว่าใช้กับ Word ไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงปุ่มลัดรอบนี้ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องเปลี่ยนปุ่มลัดของคำสั่งอื่นๆ ด้วยทั้งบน Windows และ Mac ตามตาราง (Paste Format Painter เปลี่ยนมาใช้ Ctrl + Alt +V แทน) ส่วนคนที่ยังนิยมปุ่มแบบเก่าก็สามารถเปลี่ยนกลับได้เหมือนเดิม ตอนนี้ฟีเจอร์ทยอยปล่อยให้กลุ่มผู้ใช้ Microsoft 365 Insider แบบ Beta Channel แล้ว เลขเวอร์ชันต้องเป็น 16.0.15831.20174 (Windows) และ 16.67.1113.0 (Mac) ขึ้นไป ผู้ใช้กลุ่มเสถียรคงต้องรอกันอีกสักหน่อย ที่มา - Office Insider
# ผลกระทบจากกรณี Silicon Valley Bank - สตาร์ทอัพหลายแห่งที่มีเงินฝากในนั้น อาจไม่ได้เงินต้นคืนครบ จากกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank ถูกสั่งปิด และให้ FDIC หน่วยงานดูแลคุ้มครองเงินฝากเข้ามาจัดการสินทรัพย์ต่อ ได้สร้างผลกระทบอย่างน้อยสองด้าน ด้านหนึ่งคือผลกระทบในกลุ่มธนาคารที่มาจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่อีกด้านหนึ่งที่อาจกระทบต่ออุตสาหกรรม Tech และสตาร์ทอัพ นั่นคือหลายบริษัทฝากเงินไว้ที่ Silicon Valley Bank แห่งนี้ Silicon Valley Bank หรือ SVB ก่อตั้งในปี 1983 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยวางกลยุทธ์เป็นธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน VC หรือ Venture Capital รวมทั้งเพิ่มบริการทางการเงินเพื่อรองรับกระบวนการเพิ่มทุนของ VC โดยเฉพาะ เน้นการปล่อยสินเชื่อกับบริษัทด้านเทคโนโลยี Roku ผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ที่เปิดเผยผลกระทบจากกรณี SVB แล้ว โดยยื่นเอกสารกับ SEC ระบุว่าในงบดุลบริษัทมีการถือครองเงินสดและรายการเทียบเท่าประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 10 มีนาคม โดยรายการนี้มูลค่าประมาณ 487 ล้านดอลลาร์ ฝากไว้กับ SVB คิดเป็น 26% ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ส่วนที่เหลือฝากไว้กับสถาบันการเงินรายใหญ่อื่น Roku บอกว่าบริษัทยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะสามารถไถ่ถอนเงินนี้ออกมาได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าด้วยเงินสด รวมกับกระแสเงินสดที่มีตอนนี้จะเพียงพอสำหรับการดำเนินงานโดยไม่กระทบปัญหาใด ๆ อย่างน้อย 12 เดือน หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้กระบวนการคุ้มครองเงินฝากของ FDIC ระบุว่าผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองส่วน 250,000 ดอลลาร์แรกต่อบัญชีธนาคาร ซึ่ง FDIC บอกว่าจะไถ่ถอนได้ไม่เกินวันที่ 13 มีนาคม ส่วนกลุ่มเงินฝากไม่ได้รับการคุ้มครอง จะจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าให้ก่อนภายในสัปดาห์หน้า TechCrunch รวบรวมกรณีจากสตาร์ทอัพหลายแห่งต่อเหตุการณ์ SVB เช่น บริษัทหุ่นยนต์ Polymath Robotics ผู้ก่อตั้งตัดสินใจโอนเงินของบริษัท 50% ที่อยู่ใน SVB ไปธนาคารอื่นทันที หลังเห็นข้อความเตือนใน WhatsApp กลุ่มของ Y Combinator และพยายามโอนส่วนที่เหลือในวันต่อมา แต่ก็ไม่ทันเพราะธนาคารถูกสั่งปิดแล้ว ซึ่งปัญหานี้อาจส่งผลระยะสั้นต่อการจ่ายเงินเดือนด้วย สำหรับบริษัทที่ใช้บัญชีเงินเดือนพนักงานกับ SVB ยังมีกรณีของ Camp สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซขายของเล่น ประกาศแบบตรงไปตรงมาว่าธนาคารที่บริษัทใช้บริการได้ปิดกิจการลง จึงตัดสินใจลดราคาของทุกอย่างในเว็บ 40% เมื่อใส่โค้ด BANKRUN เพื่อหาเงินสดเข้าบริษัทเพิ่มเติม หรือกรณีของ Rebundle สตาร์ทอัพพัฒนาผมถักสำหรับต่อผม ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทฝากเงินทั้งหมดไว้ที่ SVB และไม่สามารถถอนออกมาได้ทัน อย่างไรก็ตามบริษัทยังมี 250,000 ดอลลาร์แรกที่ได้รับการคุ้มครอง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะเพียงพอสำหรับการดำเนินงานนานแค่ไหน Zach Tratar ผู้ก่อตั้ง Embra ทวีตว่าต่อให้บริษัทนั้นไม่มีเงินฝากใน SVB แต่ผลกระทบต่อวงการสตาร์ทอัพก็จะขยายวงจากนี้ เช่น หากอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมกิจการ ดีลก็ต้องเลื่อนออกไป, หากอยู่ในขั้นตอนสเตจเพิ่มทุน ก็ต้องเลื่อนไปเช่นกัน หรือบริษัทที่มีเงินฝากในนั้น ไม่น่าจะจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ตามกำหนด ที่มา: TechCrunch, CNBC ภาพ Instagram: @siliconvalleybank ภาพประกาศแจ้งปิดที่หน้าธนาคาร SVB
# [ลือ] Apple เตรียมออก HomePod แบบมีหน้าจอทัชสกรีน ใช้ควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าใหม่แอปเปิลขาประจำคนเดิม ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ HomePod ลำโพงอัจฉริยะของแอปเปิล บอกว่าแอปเปิลเตรียมออก HomePod รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอทัชสกรีนควบคุม โดยจะเปิดตัวช่วงครึ่งแรกของปีหน้า 2024 Kuo บอกว่า HomePod ที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รุ่นใหม่นี้ จะทำให้ HomePod เป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ที่สามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์อื่นของแอปเปิลได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเป็นตัวควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอคล้ายกับ Nest Hub ของกูเกิล จากเดิมที่ HomePod มีความสามารถจำกัด และรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ Bloomberg เคยรายงานเรื่องการพัฒนาฮาร์ดแวร์ควบคุมอุปกรณ์ในบ้านของแอปเปิล แต่บอกว่าเป็น Smart Display ที่พัฒนาจาก iPad อย่างไรก็ตามข่าวนี้ก็ช่วยยืนยันแผนงานเรื่องสมาร์ทโฮมของแอปเปิลมากขึ้นนั่นเอง ที่มา: The Verge
# หน่วยงานกำกับดูแลของแคลิฟอร์เนีย สั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกคำสั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นบริการทางการเงินกับสตาร์ทอัพ หลังจากพบปัญหาสภาพคล่อง และพยายามขายหุ้นเพิ่มทุน จนทำให้ลูกค้าเริ่มแห่กันมาถอนเงิน FDIC ซึ่งเป็นสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินในสหรัฐ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดยทาง FDIC ชี้แจงว่าผู้ฝากเงินไว้ในส่วนที่ได้รับการคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์แรกต่อบัญชีต่อธนาคาร จะสามารถเข้ามาจัดการบัญชีต่อได้ไม่เกินวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2023 และจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากส่วนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองล่วงหน้าภายในสัปดาห์หน้า ข้อมูล ณ สิ้นปี 2022 SVB มีสินทรัพย์รวม 2.09 แสนล้านดอลลาร์ เป็นเงินฝาก 1.754 แสนล้านดอลลาร์ SVB เป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed ซึ่งส่งผลให้เงินฝากในธนาคารถูกถอนออกไปในช่วงที่ผ่านมา ด้วยอัตราที่เร็วกว่าที่ธนาคารประเมินไว้ ที่มา: FDIC และ The Wall Street Journal ภาพ Instagram: @siliconvalleybank
# Microsoft Azure เริ่มให้บริการเรียกใช้ ChatGPT บน Azure OpenAI แล้ว Microsoft เริ่มให้บริการ ChatGPT ผ่าน Azure OpenAI Service ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคม 2023 ก่อนหน้านี้ Azure OpenAI Service ยังรองรับเฉพาะโมเดลบางตัวของค่าย OpenAI เช่น GPT-3.5, Codex, DALL-E 2 แต่ยังขาดโมเดลยอดฮิตอย่าง ChatGPT ซึ่งไมโครซอฟท์สัญญาไว้ว่าจะตามมา และตอนนี้เปิดบริการแล้วแบบพรีวิว ราคาใช้งานอยู่ที่ 0.002 ดอลลาร์ต่อ 1,000 tokens ที่มา - Microsoft
# อัยการนิวยอร์กฟ้อง KuCoin แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ข้อหาทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์ Letitia James อัยการรัฐนิวยอร์ก ยื่นฟ้องบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มคริปโต KuCoin ด้วยข้อหาผิดกฎหมายหลักทรัพย์ เพราะการซื้อขายเหรียญบน KuCoin มีพฤติกรรมเป็นหลักทรัพย์ ที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐนิวยอร์ก คำฟ้องของอัยการนิวยอร์กยังมีประเด็นน่าสนใจตรงที่ชี้ว่าเหรียญ Ethereum (ETH) ซึ่งซื้อขายบน KuCoin มีพฤติกรรมเป็นหลักทรัพย์ (security) เช่นเดียวกับเหรียญ LUNA หรือ UST เพราะมีการเก็งกำไรในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น KuCoin จึงต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐนิวยอร์ก จึงจะสามารถซื้อขาย ETH, LUNA, UST ได้อย่างถูกกฎหมาย KuCoin เป็นบริษัทคริปโตที่ก่อตั้งในสิงคโปร์ และปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่หมู่เกาะเซเชลส์ นอกชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก ในคำฟ้องของอัยการขอให้ศาลบล็อคการใช้งาน KuCoin ภายในรัฐนิวยอร์ก จนกว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ที่มา - NY Attorney General
# Meta ยืนยัน กำลังพัฒนาโซเชียลตัวใหม่ ทำงานแบบกระจายศูนย์ Meta ยืนยันรายงานข่าวที่ระบุว่าบริษัทกำลังพัฒนาบริการโซเชียลตัวใหม่ โดยให้รายละเอียดเบื้องต้นว่า เป็นบริการใหม่ที่แยกจากโซเชียลอื่นของ Meta ทำงานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) เนื่องจากเชื่อว่าตอนนี้มีโอกาส สำหรับการสร้างเครื่องมือให้ครีเอเตอร์และบุคคลมีชื่อเสียง สามารถสื่อสารไปยังผู้สนใจได้แบบทันที ทั้งนี้ Meta ไม่ได้ให้รายละเอียดชื่อบริการโซเชียลตัวนี้ รวมทั้งไม่ได้บอกว่าจะเปิดตัวเมื่อใด ข้อมูลจาก Platformer บอกว่าโซเชียลแบบกระจายศูนย์นี้ มีโค้ดเนมภายใน Meta เรียกชื่อว่า P92 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาช่วงแรก การล็อกอินจะใช้ระบบของ Instagram มี Adam Mosseri หัวหน้าฝ่าย Instagram เป็นผู้ดูแลโครงการนี้ รูปแบบโซเชียลจะเน้นการโพสต์ข้อความตัวหนังสือเป็นหลัก คาดกันว่า Meta ต้องการสร้างโซเชียลตัวใหม่นี้เพื่อดึงผู้ใช้งานจาก Twitter ซึ่งตอนนี้มีกระแสย้ายออกไปหาโซเชียลตัวใหม่ และแพลตฟอร์มหนึ่งที่นิยมกันคือ Mastodon โซเชียลแบบกระจายศูนย์บนโปรโตคอล ActivityPub และคาดว่าโซเชียลใหม่ของ Meta นี้ ก็จะรองรับ ActivityPub เช่นกัน ที่มา: Platformer ภาพ Pixabay
# ผู้บริหาร Activision พูดเอง ซีอีโอ PlayStation ไม่ต้องการสัญญา Call of Duty แต่ต้องการล้มดีล Lulu Cheng Meservey ผู้บริหารตำแหน่ง EVP Corporate Affairs & Chief Communications Officer ของ Activision Blizzard โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ อ้างว่า Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainmet (SIE) ตอบคำถามคณะกรรมการด้านการแข่งขันของสหภาพยุโรปที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ว่าเขาไม่ต้องการข้อเสนอใดๆ เรื่องเกม Call of Duty เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือขวางไม่ให้ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ Activision Blizzard ได้สำเร็จ ("I don’t want a new Call of Duty deal. I just want to block your merger.”) Meservey ยังบอกว่า "พวกเรา" พยายามเสนอดีล Call of Duty ที่มีสัญญาระยะยาวให้กับโซนี่ แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งนี้ Meservey ไม่มีหลักฐานอ้างอิงอื่นว่า Jim Ryan พูดแบบนี้ แต่การที่เธอเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Activision Blizzard ซึ่งถือเป็นแกนกลางสำคัญของดีลนี้ออกมาพูดเอง ย่อมมีน้ำหนักไม่นอย Jim Ryan ภาพจาก PlayStation ที่มา - Windows Central
# Twitter เปิดให้สมัคร Blue ในไทยแล้ว ค่าบริการเดือนละ 275 บาท หลังจาก Elon Musk เข้าซื้อกิจการ Twitter ก็ได้เร่งสร้างรายได้เข้าบริษัท หนึ่งในมาตรการคือเร่งเปิด Twitter Blue บริการสมาชิกแบบเสียเงินที่จะได้ติ๊กถูกสีฟ้า และฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ เช่นเห็นโฆษณาน้อยลง และแก้ไขทวีตได้ ล่าสุดวันนี้ Twitter เปิดให้สมัครบริการดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว โดยค่าบริการอยู่ที่ 275 บาทต่อเดือน เท่าๆ กับราคาในสหรัฐอเมริกาที่ 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือหากสมัครรายปีจะอยู่ที่ 2,900 บาทต่อปี หรือตกเดือนละ 241.67 บาท (ถูกลงราว 12%) สำหรับฟีเจอร์ที่จะได้ มีดังนี้ ติ๊กถูกสีฟ้า เห็นโฆษณาน้อยลง 50% (จะมาเร็วๆ นี้) แก้ทวีตได้ 5 ครั้งภายใน 30 นาทีหลังทวีต ทวีตได้ยาวขึ้นเป็น 4,000 ตัวอักษร อัพโหลดวิดีโอได้ยาวขึ้น ที่ความละเอียด 1080p ใช้ NFT เป็นรูปโปรไฟล์ได้ ฟีเจอร์ย่อยอื่นๆ เช่นโหมด Reader, เก็บ Bookmarks เข้าโฟลเดอร์, แนะนำบทความ ฯลฯ สำหรับการสมัคร ผู้ใช้บนเว็บเดสก์ท็อปจะเห็นปุ่ม Twitter Blue ขึ้นมาในแถบเมนูซ้ายมือ หากใช้เว็บหรือแอพบนมือถือต้องกดรูปโปรไฟล์ก่อน แต่ผมลองกดบนแอพแล้วยังสมัครไม่ได้ ที่มา - พบด้วยตนเอง
# ไมโครซอฟท์มั่นใจ Call of Duty เล่นบน Switch ได้ เพราะเอนจินปรับแต่งมาดีพอ คำถามที่หลายคนสงสัยหลังไมโครซอฟท์เซ็นสัญญากับนินเทนโด นำ Call of Duty ลง Nintendo Switch คือเกมกราฟิกอลังการแบบ Call of Duty จะรันบน Switch ไหวรึเปล่า ไมโครซอฟท์ตอบคำถามนี้ในเอกสารที่ส่งให้ CMA หน่วยงานกำกับดูแลการค้าของสหราชอาณาจักร บอกว่าเอนจินเกม Call of Duty: Warzone นั้นรองรับฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายอยู่แล้ว ทำให้สามารถเล่นบน Xbox One ที่ออกในปี 2015 และพีซีที่ใช้จีพียูของปี 2015 ได้ (Switch ออกปี 2017) นอกจากนี้เกม Call of Duty Mobile ก็ยังทำงานได้บนสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า Switch เช่นกัน ไมโครซอฟท์ยังระบุว่า Activision มีประสบการณ์ปรับแต่งประสิทธิภาพของเกมให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์ และในอุตสาหกรรมเกมเองก็มีเทคนิคมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป และยกตัวอย่างเกมต่างค่าย เช่น Apex Legends, Doom Eternal, Fortnite, Crysis 3 สามารถรันบน Switch ได้มาก่อนแล้ว ที่มา - The Verge
# GitHub บังคับผู้ใช้ทุกคนที่ส่งโค้ดเข้าระบบ ต้องเปิด 2FA GitHub ประกาศมาตรการใหม่ บังคับผู้ใช้ทุกคนที่ส่งโค้ดเข้าในระบบต้องเปิด 2FA ตามที่ประกาศไว้เมื่อปลายปี 2022 โดยจะเริ่มค่อยๆ บังคับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมนี้เป็นต้นไป การบังคับจะเป็นการแจ้งผู้ใช้บางกลุ่ม และเมื่อผู้ใช้ได้รับแจ้งเตือนแล้วจะมีเวลา 45 วันในการเปิด 2FA ขึ้นมาใช้งาน หากไม่เปิดใช้งานตามกำหนดก็จะใช้งานตามปกติไม่ได้จนกว่าจะเปิดใช้งาน สำหรับกระบวนการใช้งาน 2FA นั้นทาง GitHub แก้ไขปัญหาโดยเฉพาะกรณีที่ผู้ใช้เข้าบัญชีตัวเองไม่ได้เพราะคอนฟิก 2FA ผิดพลาด มาตรการได้แก่ การตรวจสอบ 2FA ซ้ำหลังเปิดใช้งาน 28 วัน เผื่อว่าผู้ใช้คอนฟิกผิด สามารถเปิด 2FA ได้หลายรูปแบบ ใช้ TOTP และ SMS พร้อมกันได้ สามารถเลือก 2FA ที่ต้องการใช้ได้ โดยแนะนำให้เลือก security key เป็นหลัก หรือใช้ TOTP ถ้าเข้าบัญชีเดิมไม่ได้ ก็สามารถใช้อีเมลไปเปิดบัญชีใหม่ได้ นอกจากนี้ทาง GitHub กำลังทดสอบฟีเจอร์ Passkey แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะเปิดใช้งานเมื่อใด ที่มา - GitHub
# ธนาคาร Silicon Valley Bank เริ่มเจอปัญหาสภาพคล่อง หุ้นร่วง 60% ลูกค้าสตาร์ตอัพแห่ถอนเงิน Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารที่โฟกัสเรื่องการปล่อยกู้สตาร์ตอัพในสหรัฐ (เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1982) เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ต้องขายพันธบัตรและสินทรัพย์ในราคาที่ขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ (เด้งที่ 1) จนต้องนำเสนอขายหุ้นของธนาคารมูลค่า 2.25 พันล้านเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง (เด้งที่ 2) ข่าวนี้ทำให้หุ้นของ SVB Financial Group บริษัทแม่ของธนาคาร ลดลงทันที 60% ในวันเดียว จากราคาปิดของวันก่อน 267.83 ดอลลาร์ มาปิดที่ 106.04 ดอลลาร์ และยังร่วงต่อในการขายหุ้นนอกเวลาทำการ (ขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคาหุ้นเหลือ 76.80 ดอลลาร์) นอกจากนี้ กองทุน venture capital บางราย (เช่น Founders Fund ของ Peter Thiel) ยังเริ่มแนะนำให้สตาร์ตอัพในเครือข่ายถอนเงินออกจาก SVB ทั้งหมดทันที หรือลดจำนวนเงินฝากลงเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการแห่ถอนเงิน (bank run) และมีลูกค้าหลายรายระบุว่าเริ่มถอนเงินออกไม่ได้แล้ว Greg Becker ซีอีโอของ SVB บอกว่าธนาคารกำลังเพิ่มสภาพคล่องเพื่อรองรับการถอนเงิน แต่ถ้าหากลูกค้าทุกรายแห่กันมาถอนเงิน ธนาคารก็ลำบาก จึงขอให้ทุกคนไม่ต้องตกใจกัน ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุเรื่องปัญหาของ SVB ชัดเจนนัก แต่เมื่อวานนี้เพิ่งมีข่าวธนาคารอีกแห่งคือ Silvergate Bank ซึ่งทำธุรกิจด้านคริปโต ประกาศปิดกิจการ คงไม่ใช่สัปดาห์ที่ดีนักของวงการธนาคารสายเทคโนโลยี ที่มา - Financial Times, TechCrunch, Bloomberg
# Grammarly เปิดตัว GrammarlyGO เครื่องมือช่วยเพิ่มคุณภาพงานเขียนด้วยพลัง AI Grammarly แพลตฟอร์มช่วยปรับปรุงการเขียน ประกาศเพิ่มเครื่องมือใหม่ GrammarlyGO ซึ่งเป็น AI สร้างเนื้อหา หรือ Generative AI โดย Grammarly บอกว่าเครื่องมือนี้ช่วยเพิ่ม productivity ให้ดีมากยิ่งขึ้นสำหรับงานเขียนเพื่อการสื่อสาร ตัวอย่างความสามารถของ GrammarlyGO ที่ใช้ Generative AI มาช่วย เช่น ช่วยแก้ไขเนื้อหาให้กระชับ-ตรงประเด็น, ช่วยร่างเนื้อหาเบื้องต้น, ช่วยออกไอเดียใส่ไปในเนื้อหา, ช่วยสร้างอีเมลโต้ตอบ โดยดูจากเนื้อหาเมลต้นทาง, ปรับโทนข้อความ ให้ตรงกับลักษณะงานหรือสไตล์ของผู้ใช้งาน ทั้งนี้ Generative AI ที่นำมาใช้งานออกแบบมา ตามมาตรฐานการป้องกันข้อมูลลูกค้าองค์กร และความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน GrammarlyGO เปิดให้ทดสอบใช้งานแบบจำกัดแล้วตอนนี้ โดยจะเริ่มเปิดใช้ทั่วไปในสถานะเบต้าสำหรับลูกค้าเสียเงินและแบบฟรีเดือนเมษายน เฉพาะบางประเทศก่อน ที่มา: Grammarly ตัวอย่าง
# Epic Games Store เปิดระบบ Self-Publishing ให้นักพัฒนานำเกมขึ้นขายเองแล้ว Epic Games Store เปิดบริการ Self-Publishing Tools ให้นักพัฒนาหรือบริษัทเกมสามารถนำเกมขึ้นไปขายได้ทันที (แบบเดียวกับที่ Steam Direct ทำมาหลายปีแล้ว) หลังจากเปิดทดสอบมาตั้งแต่ปี 2021 นักพัฒนาเกมสามารถเข้ามาสร้างบัญชีกับ Epic Games แล้วจ่ายค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์ต่อเกม (ราคาเท่า Steam) จากนั้นนำเกมขึ้นขายบนสโตร์ได้ทันที ตราบเท่าที่ไม่ผิดเงื่อนไขด้านเนื้อหา เช่น โป๊เปลือย สร้างความเกลียดชัง เกมปลอม ฯลฯ เงื่อนไขอื่นๆ ของการนำเกมขึ้น Epic Store คือเกมมัลติเพลเยอร์ต้องรองรับ crossplay ข้ามร้านขายเกมบนพีซี (เช่น ต้องเล่นกับเกมเวอร์ชัน Steam หรือ GOG ได้), ต้องรองรับระบบ achievement ของ Epic ด้วย เป็นต้น นักพัฒนาเสียส่วนแบ่ง 12% ตามเรตมาตรฐานของ Epic ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก และหากมีระบบจ่ายเงิน in-app purchase ของตัวเองก็ไม่โดนหักเลย Epic Games ระบุว่าตอนนี้มีผู้ใช้งานแล้ว 230 ล้านคนต่อเดือน ถือเป็นอีกช่องทางในการขายเกมของเหล่านักพัฒนา ที่มา - Epic Games
# Oracle รายงานผลประกอบการ รายได้รวมโต 18% จากธุรกิจด้านคลาวด์ ออราเคิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนมกราคม โดยมีรายได้รวม 12,398 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,896 ล้านดอลลาร์ Safra Catz ซีอีโอออราเคิลกล่าวว่าผลการดำเนินงานที่เติบโตมาจากสองธุรกิจคือบริการคลาวด์ส่วน Infrastucture และแอพพลิเคชัน ทำให้รายได้รวมของธุรกิจคลาวด์แบบคิดรายรับ 12 เดือน เติบโตมากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว จำนวนลูกค้า Fusion ERP มีมากกว่า 1 หมื่นราย และ NetSuite ERP มีมากกว่า 3.4 หมื่นราย รายได้ส่วนธุรกิจบริการคลาวด์และสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 17% เป็น 8,923 ล้านดอลลาร์ และเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท ขณะที่ธุรกิจไลเซนส์คลาด์และไลเซนส์ออนพรีมิส เพิ่มขึ้น 10% เป็น 1,288 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเป็นรายได้ธุรกิจฮาร์ดแวร์และบริการ ซึ่งต่างเติบโตเช่นกัน ที่มา: ออราเคิล
# Discord ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ด้าน AI - ตัวช่วยค้นข้อมูล, ตรวจจับข้อความไม่เหมาะสม, สรุปแชตก่อนหน้า Discord เปิดตัวฟีเจอร์ AI พื้นฐานใหม่ในแอป โดยบอกว่า AI กับชุมชน Discord เป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพราะผู้ใช้งานต่างนำ AI มาเป็นเครื่องมือ ที่เด่นที่สุดก็คือเซิร์ฟเวอร์ของ Midjourney ที่มีสมาชิกมากกว่า 13 ล้านคน หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ AI ช่วยจัดการงานเบื้องหลัง ฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศได้แก่ Clyde บอตแนะนำคำสั่งและแจ้งข้อผิดพลาด เพิ่มคุณสมบัติใหม่ด้าน AI ช่วยค้นหาหรือแนะนำข้อมูลที่ต้องการทั่วไปได้ด้วย สามารถเรียกถามได้โดยพิมพ์ @Clyde ในแชต, AutoMod AI ฟีเจอร์ตรวจจับข้อความไม่เหมาะสมอัตโนมัติ ที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่มความสามารถด้าน LLM ด้วยเทคโนโลยีของ OpenAI สามารถค้นหาข้อความไม่เหมาะสมในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์สามารถตรวจสอบปรับแก้ไขได้ สุดท้ายคือคุณสมบัติ Conversation Summaries ช่วยสรุปเนื้อหาในแชตก่อนหน้านี้ ซึ่งเหมาะในกรณีเข้ามาอ่านตอนที่บทสนทนาก่อนหน้ายาวมาก และไม่ต้องการกดไล่ย้อนไปดู คุณสมบัตินี้จะทยอยเปิดให้กับเซิร์ฟเวอร์ได้ทดสอบแบบจำกัดก่อน ที่มา: Discord Conversation Summaries
# Apple เปิดตัว Apple Music Classical คุณภาพเสียงสูงสุด lossless หลังมีข่าวลือหลุดออกมา ล่าสุด Apple เปิดตัวแอป Apple Music Classical สำหรับสมาชิก Apple Music โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากเพลง ตัวแอปยังมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตัวเพลงหรือประวัติของนักประพันธ์ โดยตัวแอปรองรับการเล่นเพลงคุณภาพสูงสุดที่ lossless (24-bit/192khz) ตอนนี้เปิดให้แค่กดพรีออเดอร์เท่านั้น และจะเปิดให้บริการ 28 มีนาคมนี้ ที่มา - App Store
# The Lamplighters League เกมล่าสมบัติโบราณสถาน ลูกผสมเรียลไทม์-เทิร์นเบส The Lamplighters League เกมใหม่อีกเกมจากค่าย Paradox Interactive เป็นผลงานใหม่ของสตูดิโอในเครือ Harebrained Schemes ที่เคยมีผลงานเกม Shadow Run และ BattleTech (ในจักรวาลเดียวกับ MechWarrior) The Lamplighters League เป็นเกมผจญภัยหาสมบัติในโบราณสถาน บรรยากาศยุค 1930s โดยต้องต่อสู้กับกองทัพที่หน้าตาเหมือนนาซี (อีกนิดก็เป็น Indiana Jones แล้ว) เกมเพลย์เป็นลูกผสมระหว่าง real-time ตอนสำรวจโบราณสถาน และ turn-based ตอนต่อสู้ ใช้กราฟิกแนวการ์ตูนที่ดูไม่เคร่งเครียดจนเกินไป เกมจะลงพีซี (Steam, Epic) และ Xbox Series X|S ภายในปี 2023 ที่มา - Paradox, VentureBeat
# Minecraft เพิ่มตัวแก้ไขฉาก Bedrock Editor จากเอนจินเกมโดยตรง ยังใช้ได้เฉพาะบนพีซี Minecraft ออก Bedrock Editor ตัวแก้ไขฉากแบบ in-engine ที่รอคอยกันมาแสนนาน ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นพัฒนา ยังมีฟีเจอร์จำกัด และทำงานเฉพาะได้บน Minecraft Bedrock บนพีซี ควบคุมได้เฉพาะเมาส์และคีย์บอร์ดเท่านั้น (เวอร์ชันพรีวิว 1.19.80.20 ขึ้นไป) หน้าตาของ Bedrock Editor ย่อมเหมือนกับตัวเกม Minecraft ปกติ (เพราะทำในตัวเอนจินเกมเลย) จุดต่างคือ UI ของเครื่องมือในการแก้ไขโลกของเกม ซึ่งมีทั้งโหมด Tool แสดงเครื่องมือแก้ไขบล็อคจำนวนมากๆ พร้อมกัน และโหมด Crosshair ที่แก้ได้ทีละบล็อค เน้นความแม่นยำ รายละเอียดดูได้จาก เอกสารแนะนำการใช้งาน นอกจากนี้ Minecraft ยังประกาศว่าอัพเดตตัวหน้าเวอร์ชัน 1.20 จะใช้ชื่อว่า Trails & Tales Update มีของใหม่ๆ อย่างอูฐเข้ามาให้ขี่ด้วย ที่มา - Minecraft via Neowin
# ทำเกมเองไม่รอด กูเกิลหันไปทำระบบคลาวด์สำหรับให้บริการเกม Live Service หลังจากล้มเหลวกับบริการคลาวด์เกมมิ่ง Stadia จนต้องปิดตัว กูเกิลปรับทิศทางใหม่ นำเทคโนโลยีจาก Stadia มาให้บริการบริษัทเกมอื่นๆ แทน ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า Google Cloud for Live Service Games บริการภายใต้ร่มของ Google Cloud for Live Service Games เป็นผลิตภัณฑ์ที่กูเกิลมีอยู่ก่อนแล้ว แต่นำมาจัดชุดใหม่ให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มบริษัทเกม ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่รองรับเกมแนว Live Service ที่มีผู้เล่นจำนวนมหาศาล เซิร์ฟเวอร์: ใช้ Google Kubernetes Engine (GKE) ที่มีโหนดได้มากถึง 15,000 คลัสเตอร์ ใหญ่กว่าคลาวด์เจ้าอื่น 10 เท่า และมีซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์เกม Agones รันบน Kubernetes ที่ร่วมพัฒนากับ Ubisoft เก็บข้อมูล: ใช้ Cloud Spanner ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่กระจายตัวไปทั้งโลก ตอบโจทย์ทั้งด้านสเกลและประสิทธิภาพ ไม่ต้องทำ sharding แยกส่วนฐานข้อมูล แยกกลุ่มผู้เล่นอีกต่อไป วิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ BigQuery ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในบริษัทเกมขนาดใหญ่อยู่แล้ว พร้อมชูตัวอย่างลูกค้าคือ Square Enix ที่ใช้ทำเป็นแดชบอร์ดวิเคราะห์ข้อมูลผู้เล่นแบบเรียลไทม์ Jack Buser หัวหน้าฝ่ายลูกค้าอุตสาหกรรมเกมของ Google Cloud เคยอยู่ในทีม Stadia มาก่อน เขายอมรับว่าถึงแม้ Stadia ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ตัวเทคโนโลยีนั้นก้าวหน้ามาก จึงนำแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาให้บริการลูกค้าบริษัทเกมรายอื่นที่มีความต้องการแบบเดียวกัน และประสบปัญหาเรื่องการสเกลเซิร์ฟเวอร์ให้รองรับปริมาณผู้เล่นที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกูเกิลเชี่ยวชาญเรื่องนี้อยู่แล้วจากการให้บริการ Google Search และ YouTube Buser บอกว่าเขาเองก็เป็นเกมเมอร์ และเจอปัญหาเซิร์ฟเวอร์เต็มหรือเซิร์ฟเวอร์ล่มอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นในยุคนี้ มันเป็นปัญหาที่กูเกิลแก้ไขได้นานแล้ว (These problems are solved problems at Google) ตอนนี้กูเกิลเข้ามาให้บริการเกมใหญ่ๆ ของโลกหลายเกมตั้งแต่วันแรก ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก เพราะระบบทำงานได้ดีไม่มีพัง (Just bored. Because it just works.) ที่มา - Google Cloud, VentureBeat
# ฝันที่เป็นจริง Bing มีผู้ใช้ต่อวันเกิน 100 ล้านคนแล้ว พลัง AI ช่วยดันยอดผู้ใช้ใหม่เพิ่มอีก 1/3 ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศความสำเร็จว่า Bing มีผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Users หรือ DAU) เกิน 100 ล้านคนแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้ใช้งานแตะหลัก 100 ล้านคน หลังเปิดบริการมานานเกือบ 14 ปี (รีแบรนด์จาก Live Search เป็น Bing ในเดือนพฤษภาคม 2009) ความสำเร็จของ Bing ย่อมมาจากฟีเจอร์ New Bing แชทได้ตอบคำถามได้ จากพลังเอนจิน OpenAI นั่นเอง โดยไมโครซอฟท์บอกว่ามีผู้ใช้หน้าใหม่เพิ่มเข้ามาถึงราว 1 ใน 3 และผู้ใช้เหล่านี้ยังช่วยเพิ่มปริมาณการค้นหาข้อมูลต่อวันด้วย อีกปัจจัยที่ช่วยดันให้ Bing เติบโตคือปริมาณผู้ใช้ Microsoft Edge ที่เพิ่มติดต่อกันมา 7 ไตรมาสแล้ว และไมโครซอฟท์ประเมินว่าการที่ Edge รวมฟีเจอร์ Bing เข้ามาย่อมจะช่วยเพิ่มผู้ใช้ Bing ให้มากขึ้นอีก ที่มา - Microsoft Bing Blogs
# ธปท. ออกมาตรการให้ธนาคาร ป้องกันประชาชนเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ท่ามกลางกระแสข่าวการหลอกโอนเงินด้วยวิธีต่างๆ ของมิจฉาชีพที่เรียกติดปากว่า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการออกมาตรการ ไปบ้างแล้ว ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศมาตรการชุดใหญ่ให้ธนาคารนำไปบังคับใช้อย่างเป็นทางการดังนี้ มาตรการป้องกัน ห้ามแนบลิงก์ผ่าน SMS และอีเมล เพื่อขอข้อมูลสำคัญ จำกัดจำนวน mobile banking ได้แค่ 1 เครื่อง ยกระดับการยืนยันตัวตนขั้นต่ำเป็น biometrics กรณีที่เปิดบัญชีผ่านแอป หรือทำธุรกรรมมากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด เช่น เกิน 50,000 บาทต่อวัน หรือการปรับวงเงินขั้นต่ำเพิ่มมากกว่า 50,000 บาท มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชีต้องสงสัย รายงาน ปปง. เมื่อพบความผิดปกติหรือพบการกระทำความผิด มีมาตรการตรวจจับ/ติดตามธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดปกติตตลอด 24 ชม. มาตรการตอบสนองและรับมือ มีช่องทางติดต่อ 24 ชม. แยกจากช่องทางปกติ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวน รวมถึงมีผู้รับผิดชอบการประสานงานที่ชัดเจน ดูแลและรับผิดชอบ กรณีที่พบว่าความเสียหายเกิดจากความผิดพลาดของธนาคาร ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย
# PlayStation 5 อัพเดต รองรับ Discord ในตัวแล้ว, VRR รองรับ 1440p โซนี่ปล่อยอัพเดตให้ PlayStation 5 รองรับการคุยด้วยเสียงผ่าน Discord ได้ในตัวแล้ว หลัง Xbox ปล่อยออกมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยผู้เล่นที่เคยเชื่อมแอคเคาท์ PlayStation กับ Discord มาก่อน (เพื่อแสดงผลบน Discord ว่าเล่นเกมอะไรอยู่) จะต้องเชื่อมแอคเคาท์ใหม่อีกรอบ เพื่อให้สิทธิการเข้าถึงใหม่ นอกจากนี้ยังมีอัพเดตย่อยอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี Variable Refresh Rate รองรับการแสดงผลที่ความละเอียด 1440p แล้ว (เดิมแค่ 4K) แจ้งเตือนดาวน์โหลดเซฟเกม PS4 อัตโนมัติจากคลาวด์ (ถ้ามี) หลังโหลดเกม PS4 มาลง PS5 หรือเกม PS5 ที่ซัพพอร์ตเซฟจาก PS4 ถ่ายโอนย้ายไฟล์เกมและเซฟระหว่าง PS5 ผ่านวง Wi-Fi เดียวกัน อัพเดต DualSense ได้แบบไร้สายแล้ว รองรับคำสั่งเสียง เช่น เซฟคลิปเกมเพลย์ และระบุระยะเวลาได้ โดยคำสั่งเรียกใช้งาน คือ "Hey PlayStation" ตอนนี้รองรับเฉพาะในสหรัฐและอังกฤษก่อน ที่มา - PlayStation
# Bethesda จัดงาน Starfield Direct 11 มิ.ย. 2023, เลื่อนวันจำหน่ายเป็นเดือน ก.ย. 8 มิ.ย. 2023 ทางช่อง Bethesda Softworks บนยูทูบได้ปล่อยวิดีโอวันจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการความยาว 2.40 นาที (แปะวิดีโอไว้ด้านล่าง) ช่วงครึ่งแรกของวิดีโอเป็นเทรลเลอร์ของ Starfield และช่วงครึ่งหลังของวิดีโอเป็นส่วนที่คุณ Todd Howard ผู้กำกับของเกม Starfield ได้ออกมาพูดถึงตัวเกมคร่าวๆ ในช่วงครึ่งหลังของวิดีโอยังเผยให้เห็นตัวเกมและการเล่นบางส่วนด้วย คุณ Todd แจ้งว่าตัวเกมจะถูกเลื่อนจำหน่ายไปวันที่ 6 ก.ย. 2023 จากที่ก่อนหน้าเคยพูดกว้างๆ ไว้ว่าตัวเกมจะวางจำหน่ายช่วงครึ่งแรกของปี 2023 และนอกจากนั้นจะมีการจัดอีเวนท์ Starfield direct วันที่ 11 มิ.ย. 2023 ซึ่งจะพาทัวร์สตูดิโอเกมแบบเจาะลึกอีกด้วย Starfield ถูกเรียกว่าเป็น Skyrim ภาคอวกาศ เป็นเกมใหญ่ที่จะวางจำหน่ายเกมแรกของ Bethesda หลังสตูดิโอถูกซื้อไปโดย Microsoft เกมนี้ยังเคยมีประเด็นว่าไม่ลง PS5อีกด้วย
# เอกสารเผย โซนี่กลัวไมโครซอฟท์ออก Call of Duty แบบมีบั๊กให้เวอร์ชัน PlayStation เว็บไซต์ The Verge รายงานว่าในเอกสารที่โซนี่ส่งให้ CMA หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ในประเด็นไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard มี "ข้อกังวล" ของโซนี่หากไมโครซอฟท์ได้เป็นเจ้าของ Call of Duty ดังนี้ ไมโครซอฟท์อาจให้ความสำคัญกับ Call of Duty เวอร์ชัน Xbox มากกว่า PlayStation โดยให้ทรัพยากรกับทีมฝั่ง Xbox มากกว่า ไมโครซอฟท์อาจออก Call of Duty เวอร์ชัน PlayStation ที่มีบั๊กหรือข้อผิดพลาด โดยเฉพาะในฉากท้ายๆ หรือในอัพเดตถัดๆ ไปของเกม ซึ่งการแก้บั๊กอาจทำได้ช้า และทำให้ลูกค้า Call of Duty ตัดสินใจไปซื้อเวอร์ชัน Xbox แทนเพราะมีปัญหาน้อยกว่า แนวทางการแก้ปัญหาผูกขาดของไมโครซอฟท์คือ เสนอสัญญา Call of Duty นาน 10 ปีให้กับแพลตฟอร์มคู่แข่ง ซึ่ง Nintendo และ NVIDIA ตกลงเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่โซนี่ที่ยังไม่ยอมตกลงกัน ที่มา - เอกสารฉบับเต็มบนเว็บ CMA, The Verge
# Silvergate ผู้ซื้อกิจการคริปโตของเฟซบุ๊ก ประกาศปิดกิจการธนาคารและเครือข่ายโอนเงิน Silvergate Capital บริษัทเจ้าของธนาคาร Silvergate และผู้ซื้อทรัพย์สินจาก Diem Association (หรือเงิน Libra ของเฟซบุ๊ก) ประกาศเตรียมปิดกิจการ โดยตัวธนาคารจะคืนเงินฝากตามกระบวนการกำกับดูแลต่อไป Silvergate เพิ่งซื้อกิจการของ Diem ไปเมื่อต้นปี 2022 โดยระบุว่ายังต้องการสร้าง stablecoin และผลักดันการจ่ายเงินผ่านเครือข่าย Silvergate Exchange Network (SEN) ของตัวเอง แต่ผ่านมาหนึ่งปีบริษัทก็ประกาศปิดกิจการทั้งตัวธนาคารและ SEN Silvergate Capital เคยมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์แต่กิจการธนาคารกลับมีปัญหาหลัง FTX ล้มละลายผู้ใช้ไม่เชื่อใจและถอนเงินออกไปจำนวนมาก หุ้นบริษัทที่เคยสูงกว่า 200 ดอลลาร์ตอนนี้เหลืออยู่ 2.7 ดอลลาร์เท่านั้น ที่มา - Silvergate
# Android 14 ออก Developer Preview 2 เข้มงวดกับแอพที่ทำงานเบื้องหลังมากขึ้น กูเกิลออก Android 14 Developer Preview 2 ตามมาหลัง DP1 เมื่อเดือนที่แล้ว โดยกูเกิลบอกว่าตอนนี้ Android แยกการออกฟีเจอร์ใหม่เป็น 2 สาย ได้แก่ Android 13 QPR ที่ทยอยอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ให้ทุกไตรมาส (แถมมีเวอร์ชันทดสอบ Beta ของตัวเอง) และ Android 14 Preview ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ระดับตัวแพลตฟอร์ม ของใหม่ใน DP2 มีดังนี้ เพิ่มสิทธิการเข้าถึงไฟล์มีเดีย READ_MEDIA_IMAGES / READ_MEDIA_VIDEO สำหรับแอพที่ไม่ได้เรียกผ่าน Photo Picker ปรับปรุงหน้าจอของ Credential Manager ตัวจัดการการล็อกอินของแพลตฟอร์ม แอพ foreground สามารถควบคุมการเรียกทำงานแบบ background ได้ดีขึ้น แต่ต้องขอสิทธิจากผู้ใช้ก่อน ปรับปรุงการทำงานของแอพใน background ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจาก Android 13 ผลคือจัดการทรัพยากรเครื่องได้ดีกว่าเดิม จัดการ notification แบบห้ามปัดทิ้ง (non-dismissible) ให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ แอพไม่สามารถใช้ช่องทางนี้มาแสดง notification คาไว้ได้อีก เพิ่ม PackageInstaller API อีกหลายตัวสำหรับการติดตั้งแอพจากสโตร์ให้ดีกว่าเดิม เพิ่มหน้าจอตั้งค่า Regional Preferences กำหนดหน่วยอุณหภูมิ, วิธีการเขียนวันที่, วันแรกของสัปดาห์ ให้ตั้งค่าได้จากที่เดียว ตอนนี้ Android 14 DP2 เปิดให้ทดสอบแล้วบน Pixel 4a (5G) ขึ้นไป ตามแผนของกูเกิลจะออก Preview 2 รุ่นและ Beta อีกอย่างน้อย 4 รุ่น ก่อนออกตัวจริงช่วงไตรมาส 3/2023 ที่มา - Android Developers Blog
# Apple ปรับโครงสร้างผู้บริหารฝ่ายขาย เพิ่มทีมดูแลตลาดอินเดียโดยเฉพาะ มีรายงานว่าแอปเปิลจะปรับโครงสร้างฝ่ายขายต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสำคัญกับอินเดียมากขึ้น โดยหลังการเกษียณของ Hughes Asseman รองประธานฝ่ายขายที่ดูแลส่วนภูมิภาครวมทั้งอินเดีย ตะวันออกกลาง เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรปตะวันออก และแอฟริกา แอปเปิลจะแต่งตั้ง Ashish Chowdhary ขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายขาย ที่รับผิดชอบเฉพาะประเทศอินเดีย และขึ้นตรงกับหัวหน้าฝ่ายขายรวม การปรับโครงสร้างฝ่ายนี้ แอปเปิลบอกว่าเพื่อโฟกัสการทำตลาดในอินเดียมากขึ้น ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีการใช้สมาร์ทโฟนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และ Android ครองส่วนแบ่งการใช้งานเป็นอัตราที่สูงมาก แนวทางของแอปเปิลคือเน้นทำตลาดด้วย iPhone รุ่นที่ราคาไม่สูง ปัจจุบันแอปเปิลได้ย้ายฐานการผลิต iPhone บางรุ่นมาที่อินเดีย เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตในจีน รวมทั้งประโยชน์ทางภาษีในการขายที่อินเดีย นอกจากนี้ยังมีรายงานถึงแผนเปิด Apple Store ภายในประเทศด้วย ที่มา: MacRumors
# Life by You เกมซิมใช้ชีวิตเกมใหม่ โดยอดีตหัวหน้าสตูดิโอ The Sims และ Second Life บริษัทเกม Paradox Interactive เปิดตัวเกมซิมใหม่ Life by You เกมซิมแนวใช้ชีวิตแบบเดียวกับ The Sims ที่นำทีมพัฒนาโดย Rod Humble อดีตหัวหน้าสตูดิโอ The Sims ของ EA และอดีตซีอีโอของ Linden Lab ผู้สร้าง Second Life ชาว The Sims คงทราบกันดีว่าผู้คิดค้นเกมนี้คือ Will Wright ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Maxis โดยเกมภาคแรกออกเมื่อปี 2000 แต่หลังจากนั้นเขาโยกไปทำเกมใหม่ Spore ส่วนงานพัฒนาเกม The Sims 2 และ 3 เป็นฝีมือของ Rod Humble คนนี้เอง เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าทีม The Sims ระหว่างปี 2008-2011 หลังจากนั้นลาออกไปเป็นซีอีโอของ Linden Lab จนถึงปี 2014 Rod Humble เข้ามาทำงานกับ Paradox Interactive ในปี 2018 โดยเป็นหัวหน้าสตูดิโอลูกชื่อ Paradox Tectonic และมีผลงานเกมแรกคือ Life by You ตอนนี้เรายังเห็นแค่ทีเซอร์ของ Life by You เพียงเล็กน้อยเท่านั้น งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นวันที่ 20 มีนาคม 2023 ที่มา - Gematsu, Rock Paper Shotgun
# IDC ประเมิน การใช้จ่ายด้าน AI ปีนี้แตะ 1.54 แสนล้านดอลลาร์ คาดโตถึง 3 แสนล้าน ในปี 2026 IDC ออกรายงานพยากรณ์การใช้จ่ายด้าน AI ขององค์กรทั่วโลก ซึ่งรวมทุกอย่างตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่าง ๆ ที่จะนำมาสร้างระบบที่มี AI เป็นศูนย์กลาง (AI-centric) คาดว่าปีนี้จะแตะ 1.54 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26.9% จากปี 2022 และที่ค่าเฉลี่ยเติบโตระดับ 27% ต่อปี จะทำให้การใช้จ่ายด้าน AI นี้ สูงกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2026 Mike Glennon นักวิจัยอาวุโสของ IDC ให้ความเห็นว่า AI ถูกนำมาใช้ในองค์กรได้หลายอย่าง ทั้งสร้างบริการผู้ช่วยเสมือน งานอัตโนมัติที่สามารถทำซ้ำได้ ระบบแนะนำสำหรับลูกค้าแต่ละคน ไปจนถึงเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจด้วยข้อมูลภายในองค์กร ข้อมูลของ IDC พบว่ามากกว่า 1 ใน 4 ของการใช้จ่ายด้าน AI จะเน้นไปที่การสร้างระบบผู้ช่วยบริการลูกค้า กับระบบแนะนำสินค้า ส่วนแนวโน้มในอนาคต รูปแบบ AI ที่จะมีการใช้งานมากขึ้น เช่น การปรับปรุงการทำงานของระบบไอที, ระบบตรวจจับและวิเคราะห์ความผิดปกติ กลุ่มธุรกิจที่มีการลงทุนด้าน AI สูงในปีที่ผ่านมาคือ การเงิน และค้าปลีก ส่วนอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ AI มากขึ้น คือ บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ (Professional Services) และกระบวนการการผลิต ที่มา: IDC
# Spotify ปรับปรุงแอปใหม่ เพิ่มพรีวิวเพลง-คอนเทนต์ ศิลปินใส่วิดีโอสั้นแนวตั้งได้ Spotify ประกาศปรับปรุงการออกแบบภายในแอปใหม่ โดยบอกว่าพฤติกรรมผู้ฟังตอนนี้ เน้นการดูพรีวิวมากขึ้นก่อนตัดสินใจฟังหรือดูเนื้อหาทั้งหมด Spotify จึงเพิ่มคุณสมบัติเหล่านี้ ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าหาผู้ฟังได้ดีขึ้นเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงในหน้า Home จะเพิ่มพรีวิวเนื้อหาเบื้องต้น มีผลทั้งส่วนของเพลง พอดคาสต์ และหนังสือเสียง ส่วนในหน้า Search เพิ่มคลิปวิดีโอแนวตั้งขึ้นมาที่หัวข้อบนสุด โดยเป็นเพลงแนะนำ หรือเพลงจากเพลย์ลิสต์ที่มีการอัพเดต โดยใช้ AI คัดเลือกเนื้อหาสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน นอกจากนี้ Spotify ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่สำหรับครีเอเตอร์-ศิลปิน โดยสามารถใส่คลิปสั้นความยาว 30 วินาที ในหน้าโปรไฟล์ และยังสามารถเพิ่มนาฬิกานับถอยหลัง ก่อนกำหนดปล่อยผลงานใหม่ล่าสุดให้ได้ฟังพร้อมกันอีกด้วย ฟีเจอร์อื่นที่ Spotify ประกาศเช่นกันได้แก่ ฟีเจอร์ DJ, Smart Shuffle เล่นเพลงถัดไป โดยคัดสรรเพลงจากนอกเพลย์ลิสต์มาเพิ่มให้ และ Autoplay for Podcasts เลือกพอดคาสต์เนื้อหาที่น่าสนใจมาเล่นต่อให้ทันที ที่มา: Spotify ผ่าน TechCrunch
# DuckDuckGo ประกาศเพิ่มเครื่องมือในเสิร์ช สร้างคำตอบด้วย Generative AI DuckDuckGo ประกาศเพิ่มคุณสมบัติ AI สร้างเนื้อหาหรือ Generative AI มีชื่อบริการว่า DuckAssist โดยเป็นส่วนหนึ่งในบริการ Instant Answer ของเสิร์ช DuckDuckGo DuckAssist จะทำงานเมื่อมีการป้อนคำถามลงไปในเสิร์ช และคำถามนั้นสามารถค้นหาคำตอบจาก Wikipedia ได้ โดย DuckAssist จะใช้ AI ทำหน้าที่เรียบเรียงคำตอบจากข้อมูลในนั้น พร้อมระบุแหล่งข้อมูลต้นทาง ด้วยกระบวนการดังกล่าว DuckDuckGo จึงบอกว่าคำถามที่จะให้คำตอบได้ต้องมีความตรงไปตรงมา ไม่ใช่คำถามเปรียบเทียบ ฉะนั้นการรองรับคำถามจึงยังจำกัดอยู่ตอนนี้ โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาในอนาคต ทั้งนี้บริการ DuckAssist เป็นความร่วมมือกับ OpenAI และ Anthropic ที่มา: Engadget
# Google เตรียมแถมบริการ VPN ให้ลูกค้า Google One ทุกราคา เพิ่มบริการสแกนข้อมูลหลุด Google เปิดบริการ VPN แถมไปกับผู้จ่ายค่าใช้งาน Google One แพ็กเกจ 2TB มาตั้งแต่ปี 2020 แต่ล่าสุดก็เตรียมแถมให้กับทุกคน รวมถึงคนใช้แพ็กเกจ 1.99 ดอลลาร์ต่อเดือน อย่างไรก็ดีบริการ VPN นั้นให้บริการบางประเทศเท่านั้น และที่ผ่านมาก็ไม่เปิดบริการในประเทศไทย นอกจากนี้กูเกิลยังประกาศเพิ่มบริการสแกนข้อมูลที่หลุดออกไปยัง dark web โดยผู้ใช้ต้องใส่ข้อมูลต่างๆ ให้กับกูเกิล เช่น ชื่อ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, เลขประจำตัวประชาชน แล้วกูเกิลจะคอยตรวจสอบว่ามีฐานข้อมูลหลุดใดมีข้อมูลเหล่านี้หรือไม่ หากพบก็จะแจ้งเตือนพร้อมกับแนะนำว่าควรทำอะไรบ้าง ก่อนหน้านี้กูเกิลก็เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ Magic Eraser ให้กับลูกค้า Google One แถวทางเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าพอที่จะจ่ายเงินแทนที่จะเป็นค่าสตอเรจอย่างเดียวคงเป็นแนวทางสำคัญในช่วงหลัง ที่มา - Engadget
# Azure เปิดฟีเจอร์ไฮบริดใช้คอมพิวเตอร์ปกติร่วมกับคอมพิวเตอร์ควอนตัม Azure Quantum เปิดฟีเจอร์ Integrated Hybrid เปิดทางให้ลูกค้ารันอัลกอริธึมผสมระหว่างคอมพิวเตอร์ปกติและคอมพิวเตอร์ควอนตัม ไมโครซอฟท์สาธิตฟีเจอร์นี้ด้วยโค้ดภาษา Q# ทดสอบคุณสมบัติ entanglement จำนวน 10 รอบ หากระบบทำงานได้ถูกต้องก็จะตอบค่า 0 เสมอ แต่ในความเป็นจริงเมื่อรันไปหลายๆ รอบก็จะได้ค่าที่ผิดไปออกมาบ้าง ตอนนี้คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่รองรับฟีเจอร์ Integrated Hybrid ยังใช้ได้กับ Quantinuum H-Series เท่านั้นทางไมโครซอฟท์ระบุว่าจะรองรับคอมพิวเตอร์ของ QCI เพิ่มเติมในอนาคต แนวทางการเขียนโค้ดผสมกันเช่นนี้น่าจะทำให้ลูกค้าเลือกใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ง่ายขึ้น แต่ที่ผ่านมาคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังมีขนาดค่อนข้างเล็กเกินไปที่จะรันอัลกอริธึมที่มีประโยชน์ในโลกความเป็นจริง และคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ขนาดใหญ่ขึ้นก็มักประสบปัญหาสัญญาณรบกวนจนการทำงานผิดพลาดทำให้การใช้งานที่ผ่านมามักจำกัดอยู่ในการวิจัยเป็นหลัก ที่มา - Microsoft
# กูเกิลโชว์ USM โมเดลแยกแยะเสียงพูดที่รองรับมากกว่า 300 ภาษา มีภาษายาวีด้วย ทีมวิจัย Google Research เผยแพร่ข้อมูลของโมเดลแยกแยะเสียงพูดตัวใหม่ชื่อ Universal Speech Model (USM) ที่รองรับภาษามากกว่า 300 ภาษา ซึ่งครอบคลุมถึงภาษาที่อาจไม่ได้มีผู้ใช้งานเยอะนัก (จากภาพของกูเกิลจะเห็นคำว่า "ภาษายาวี" อยู่ด้วย) โมเดล USM เป็นก้าวแรกสู่เป้าหมาย โมเดลเดียวรองรับ 1,000 ภาษา (1,000 Languages Intitiative) ที่กูเกิลเคยประกาศไว้ช่วงปลายปี 2022 โดยตอนนี้ USM ถูกนำไปใช้แล้วกับ YouTube ในการฟังเสียงจากวิดีโอแล้วสร้างเป็นซับไตเติลในภาษาต่างๆ USM เลือกใช้แนวทาง self-supervised learning เรียนรู้จากการฟังเสียงพูดในภาษาต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีป้ายกำกับ (labeled) ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณข้อมูลตัวอย่างเสียงที่มีป้ายกำกับ โดยเฉพาะภาษาที่มีผู้ใช้น้อย ในอีกทาง โมเดลจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรประมวลผลให้มีประสิทธิภาพ เพราะต้องขยายจำนวนภาษาที่รองรับให้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เทคนิคที่ USM ใช้งานคือ self-supervised learning with fine-tuning เพิ่มขั้นตอนการปรับแต่ง เพื่อให้ประสิทธิภาพของโมเดลออกมาดีขึ้น กระบวนการเทรนแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ self-supervised learning จากเสียงพูด ใช้อัลกอริทึม BERT-based Speech pre-Training with Random-projection Quantizer (BEST-RQ) ปี 2022 ที่อิงจากอัลกอริทึม BERT ของกูเกิลเมื่อปี 2018 ขั้นตอนนี้กินพลังประมวลผลราว 80% ของทั้งกระบวนการ multi-objective supervised pre-training เพิ่มข้อมูลประเภทข้อความ (text data) ให้โมเดลมีความรู้เพิ่มขึ้น กูเกิลบอกว่าขั้นที่สองนี่จะทำหรือไม่ก็ได้ (optional) แต่ทำแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น fine-tune ปรับแต่งงานบางส่วนโดยใช้ข้อมูล supervised data อีกเล็กน้อย ผลที่ได้คือโมเดล USM สามารถทำคะแนนผ่านชุดทดสอบ YouTube Captions ได้ดีกว่าโมเดลอื่น เช่น Whisper-v2 ที่เทรนด้วย labeled data โดยใช้ข้อมูลการเทรนน้อยกว่า และมีอัตราการผิดพลาดน้อยกว่า กูเกิลบอกว่าสถาปัตยกรรมของ USM น่าจะถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของโมเดลรุ่นถัดๆ ไปที่จะสามารถพิชิตเป้าหมายแยกแยะ 1,000 ภาษาได้สำเร็จ ที่มา - Google AI Blog
# Peridots เกม AR สัตว์เลี้ยงโลกเสมือนของ Niantic เปิดให้เล่น 9 พฤษภาคมนี้ Niantic ประกาศว่า Peridot เกมมือถือ AR ซึ่งเป็นเกมออริจินัลเกมที่สองของบริษัทถัดจาก Ingress ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว จะเปิดให้เริ่มเล่นได้ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นต้นไป Peridot ให้ผู้เล่นรับบทเป็นผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงในโลกเสมือน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Dot โดยต้องทำให้สัตว์เลี้ยงมีความสุข แข็งแรง โดย Dot แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน เมื่อเติบโตก็สามารถผสมกับ Dot อื่น เกิดเป็น Dot สายพันธุ์ใหม่ได้ ผู้เล่นที่สนใจต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนผ่านแอป ซึ่งตอนนี้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วทั้งใน App Store และ Google Play Store ทั้งนี้ผู้ที่ได้เล่นเกมในช่วงเปิดตัวสองสัปดาห์แรก จะได้หมวกปาร์ตี้ให้กับ Dot ของตนไว้ใส่ด้วย ที่มา: Niantic
# Guilty Gear Strive ออกเวอร์ชัน Xbox แล้ว ตามหลังเวอร์ชัน PlayStation ราวปีครึ่ง Guilty Gear Strive เกมไฟติ้งภาคล่าสุดของซีรีส์ Guilty Gear ที่เคยลง PS4/PS5 และพีซีไปเมื่อกลางปี 2021 ออกเวอร์ชัน Xbox One และ Xbox Series X|S แล้ว โดยเปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass ด้วย Guilty Gear Strive ถือเป็นภาคหลักภาคที่ 7 ของซีรีส์ Guilty Gear โดยเกมภาคนี้ได้รับคะแนนรีวิวสูงมาก (เฉลี่ย 84/100 สำหรับเวอร์ชันพีซี) และได้รางวัลเกมไฟติ้งยอดเยี่ยมจากสองสถาบันคือ The Game Awards กับ D.I.C.E. Awards ด้วย ถึงแม้ชาว Xbox ได้เล่นเกม Guilty Gear Strive ช้ากว่าฝั่ง PlayStation ราวปีครึ่ง แต่ก็เป็นสัญญาณอันดีว่าค่าย Xbox เริ่มได้เกมฝั่งญี่ปุ่นมาลงมากขึ้นแล้ว หลังจากที่เดิมแทบไม่มีเลย โดยเกมญี่ปุ่นดังๆ ที่หันมาลง Xbox แล้วได้แก่ Dragon Quest XI S และ Persona 3-4-5 เป็นต้น ที่มา - Xbox
# TikTok ประกาศ Project Clover เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้งานยุโรปไว้เฉพาะในภูมิภาค TikTok ประกาศโครงการใหม่สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานในยุโรปในชื่อ Project Clover โดยบอกว่ายุโรปมีผู้ใช้งานแอปมากกว่า 150 ล้านคน และบริษัทต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน ว่าข้อมูลจะถูกควบคุมดูแลอย่างปลอดภัย โดยรูปแบบโครงการคล้ายกับที่ TikTok ทำในอเมริกา ซึ่ง TikTok จะเพิ่มระดับการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานของพนักงาน ควบคุมการส่งออกข้อมูลจากพื้นที่ยุโรป รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบในภูมิภาค เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกฎหมาย แผนงานถัดมาคือการนำข้อมูลทั้งหมดของผู้ใช้ในยุโรป เก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคเท่านั้น โดย TikTok จะสร้างศูนย์ข้อมูลเพิ่มอีก 2 แห่งคือศูนย์ข้อมูลในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ แห่งที่สอง และฮามาร์ ประเทศนอร์เวย์ รวมกับศูนย์ข้อมูลดับลินแห่งแรก เป็น 3 แห่ง ความเคลื่อนไหวนี้ของ TikTok เป็นไปตามทิศทางที่คณะกรรมาธิการยุโรปออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ลบแอป TikTok ทำให้บริษัทต้องเพิ่มเงื่อนไขกำกับดูแลและลดแรงต่อต้านนั่นเอง ที่มา: TikTok
# Sonos เปิดตัวลำโพงรุ่นใหม่ Era 100 และ Era 300 เสียงดีกว่าเดิม ยืดหยุ่นกว่าเดิม Sonos ผู้ผลิตเครื่องเสียงพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวลำโพงรุ่นใหม่พร้อมกัน 2 รุ่นคือ Era 100 ซึ่งมาแทน Sonos One ที่ขายมานาน และ Era 300 จะเป็นรุ่นใหม่เลย Era 100 อัพเกรดจาก Sonos One หลายอย่าง สิ่งสำคัญคือมันรองรับเสียงแบบสเตอริโอแท้ๆ แล้ว โดยให้ทวีตเตอร์มา 2 ตัว (เดิมมี 1 ตัว) ยิงเสียงออกตรงมุมซ้ายขวาของลำโพง (แม้ลำโพงตัวแค่นี้อาจแยกเสียงซ้ายขวายากหน่อย) ส่วนวูฟเฟอร์ก็ใหญ่ขึ้นอีก 25% จาก Sonos One ทำให้เสียงเบสอิ่มและลึกมากขึ้น นอกจากนี้ Era 100 ยังรองรับบลูทูธแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่า Sonos เริ่มยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะรุ่นก่อนๆ จะบังคับให้ใช้งานผ่าน Wi-Fi อย่างเดียว (เริ่มใส่บลูทูธมาครั้งแรกใน Sonos Move และ Roam ซึ่งเป็นลำโพงที่ทำมาให้เคลื่อนย้ายได้ แต่ Era ต้องเสียบสายไฟตลอดเวลา) รวมถึงรองรับการต่อ line-in ผ่านพอร์ต USB-C อีกด้วย ทำให้การเล่นเพลงจากเครื่องเล่นต่างๆ สะดวกขึ้นมาก Era 300 เป็นรุ่นใหญ่ขึ้นมาพอสมควร มาพร้อมทวีตเตอร์ถึง 4 ตัว (ยิงเสียงออกด้านหน้า, ซ้าย, ขวา, บน) และวูฟเฟอร์ 2 ตัว การจัดวางแบบนี้ทำให้ Era 300 รองรับ Dolby Atmos และ spatial audio รวมถึง Sonos จะเป็นผู้ผลิตลำโพงเจ้าแรกที่รองรับการเล่นเพลง spatial audio จาก Apple Music ด้วย หรือหากนำ Era 300 สองตัวมาใช้งานร่วมกับซาวน์บาร์ Sonos Arc และซับวูฟเฟอร์ Sonos Sub จะได้ระบบเสียง Dolby Atmos 7.1.4 ทันที (ซื้อยกเซ็ทนี้ราคา 2,471 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 86,000 บาท) ทั้งสองรุ่นรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa และ Sonos Voice Control ที่ Sonos พัฒนาขึ้นเอง โดยเน้นรองรับคำสั่งที่เกี่ยวกับการเล่นเพลง ส่วน Google Assistant นั้นไม่มีให้ใช้แล้ว ซึ่ง Patrick Spence ซีอีโอของ Sonos ระบุว่าไม่เกี่ยวกับคดีความที่ทั้งสองบริษัทฟ้องร้องกันอย่างหนัก แต่เป็นเพราะกูเกิลปรับข้อกำหนดที่บริษัทต่างๆ จะนำ Google Assistant ไปใส่ในผลิตภัณฑ์ของตน และ Sonos ไม่สามารถทำได้ พร้อมบอกว่าเขาหวังว่ากูเกิลจะเลือกเส้นทางอื่นเพื่อให้ Sonos กลับมาใช้ได้หมือนเดิม อีกประเด็นที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Trueplay จะมีให้ใช้ใน Android แล้ว โดยก่อนหน้านี้มีให้ใช้เฉพาะบน iOS หลักการคือลำโพงจะจูนเสียงให้เข้ากับห้องที่ตั้งลำโพงไว้โดยผู้ใช้เปิดแอพ Sonos แล้วเดินไปรอบๆ ห้องเพื่อให้แอพฟังเสียงที่ปล่อยออกมาจากลำโพง แต่วิธีการนี้ใช้กับ Android ไม่ได้ เพราะฮาร์ดแวร์ไมโครโฟนหลากหลายเกินไป แต่วิธีที่ Sonos จะใช้สำหรับ Android คือให้ลำโพงเล่นเสียงแล้วฟังเสียงด้วยไมโครโฟนของตัวลำโพงเองเลย ทั้งนี้ Sonos บอกว่าการให้ผู้ใช้ถือเครื่องเดินไปรอบๆ ห้องยังดีกว่าอยู่ และจะใช้กับ iOS ต่อไป ขณะนี้ Sonos เปิดพรีออเดอร์ลำโพงรุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นแล้ว โดย Era 100 ราคา 249 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,600 บาท) ส่วน Era 300 ราคา 449 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,600 บาท) ที่มา - The Verge, Ars Technica
# TikTok เปิดตัวระบบ paywall จ่ายเงินเพื่อดูคอนเทนต์ รองรับวิดีโอยาวสุด 20 นาที TikTok เปิดตัว TikTok Series ระบบคอนเทนต์แบบพรีเมียม ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อดูคอนเทนต์ โดยที่เรียกเป็น Series เพราะคอนเทนต์เสียเงินจะถูกจัดกลุ่มเป็นคอลเล็คชัน ในหนึ่ง Series จะมีคลิปได้สูงสุด 80 คลิป แต่ละคลิปความยาวสูงสุด 20 นาที ราคาที่สามารถตั้งได้ก็มีตั้งแต่ 1 เหรียญไปจนถึง 190 เหรียญ เบื้องต้นระบบนี้จะเปิดใช้กับครีเอเตอร์บางคนก่อน โดยช่วงแรก TikTok ยังไม่หักค่าธรรมเนียม มีแค่หักค่าธุรกรรมธนาคารและค่าธรรมเนียมของ App Store หรือ Play Store แม้ระบบ paywall ของ TikTok จะมาทรงเดียวกับ Patreon หรือ OnlyFans แต่นโยบายของ TikTok ยังคงห้ามเรื่องคอนเทนต์โป๊เปลือยอยู่เหมือนเดิม ที่มา - TikTok
# Apple Pay เปิดตัวในเกาหลีใต้ เหลือไทยรายเดียวในเอเชียที่มี Apple Store แต่ไม่มี Apple Pay Apple ประกาศเตรียมเปิดให้บริการ Apple Pay ในเกาหลีใต้ พร้อมๆ กับการเปิดตัว iPhone 14 สีเหลือง โดยยังไม่ระบุวันเปิดให้บริการ การเปิดบริการ Apple Pay ในเกาหลีใต้ ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชีย ที่มี Apple Store แต่ยังไม่มีบริการ Apple Pay โดยประเทศอื่นนอกจากเกาหลีใต้ก็มีญี่ปุ่น, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊าและสิิงคโปร์ ที่มา - Apple Korea
# YouTube จะยกเลิกการแสดงโฆษณาแบบ Overlay ที่เป็นแบนเนอร์แทรกขึ้นมา YouTube ประกาศยกเลิกการแสดงโฆษณาในรูปแบบ Overlay ที่เป็นแบนเนอร์ปรากฏขึ้นมาระหว่างการดูวิดีโอ ซึ่ง YouTube บอกว่าวิธีการแสดงโฆษณาแบบนี้เป็นรูปแบบเก่า และรบกวนการรับชม โดยตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2023 เป็นต้นไป YouTube จะหยุดการการแสดงโฆษณาแบบ Overlay รวมทั้งครีเอเตอร์จะไม่มีตัวเลือกโฆษณาแบบนี้ใน YouTube Studio ทั้งนี้ YouTube บอกว่าผลกระทบต่อครีเอเตอร์จะมีอย่างจำกัด เนื่องจากครีเอเตอร์มักเลือกแสดงโฆษณาแบบใหม่กันแล้ว ปัจจุบันการแสดงผลโฆษณาแบบ Overlay มีเฉพาะการดู YouTube บนเดสก์ท็อปเท่านั้น ส่วนบนแอปมือถือมีเฉพาะ pre-, mid- และ post- ที่เป็นการเล่นคลิปวิดีโอเต็มหน้าจอ ที่มา: YouTube ผ่าน 9to5Google ตัวอย่างการแสดงโฆษณาแบบ Overlay เผื่อใครนึกไม่ออก
# Facebook เตรียมนำ Messenger กลับมาใส่ใน Facebook แอปหลักอีกครั้ง Tom Alison หัวหน้าฝ่าย Facebook ของ Meta ประกาศทิศทางใหม่ของ Facebook ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ นำคุณสมบัติการส่งข้อความ Messenger กลับเข้ามาในแอป Facebook หลักอีกครั้ง หลังจาก Facebook แยกคุณสมบัตินี้ออกไป ผู้ใช้งานต้องโหลดแอปแยกมาตั้งแต่ปี 2014 Facebook ให้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า เพื่อรองรับพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนไป คนเลือกแชร์คอนเทนต์น่าสนใจที่พบบน Facebook ให้กับเพื่อนผ่าน Messenger ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และพบพฤติกรรมแบบเดียวกันใน Instagram ที่สามารถแชร์ได้โดยตรงผ่าน DM ในแอป จึงตัดสินใจนำคุณสมบัติ Messenger กลับมาในแอปอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องสลับแอปไปมา โดยจะเริ่มทดสอบกับผู้ใช้งานทุกคนเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ Facebook ยังบอกว่าเพื่อรองรับระบบแชตใน Facebook Groups ซึ่งพบว่าผู้คนในกลุ่มที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน หันมาใช้ Messenger ในการพูดคุยกันมากขึ้นด้วย รวมทั้งจะเพิ่มความสามารถของ AI ในการแนะนำเนื้อหาจากครีเอเตอร์มาแสดง ให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคนมากขึ้น ในประกาศนี้ Tom Alison ยังพูดถึงจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ที่มีการใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) มากกว่า 2 พันล้านบัญชีต่อวัน Facebook จึงยังไม่ได้ตายหรือใกล้ตาย (not dead nor dying) แบบที่รายงานข่าวหลายฉบับพูดกัน ที่มา: Facebook
# Google ประกาศจัดงาน Google I/O 2023 ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2023 กูเกิลประกาศวันจัดงาน Google I/O ประจำปี 2023 โดยจัดขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 2023 ซึ่งคีย์โน้ตจะจัดที่ Shoreline Amphitheater ใน Mountain View สถานที่เดิม แบบจำกัดผู้ชม และมีการถ่ายทอดสดออนไลน์ ไฮไลท์ที่กูเกิลบอกครั้งนี้คือประสบการณ์ดิจิทัลของผู้ชมจากทั่วโลก โดยเนื้อหาของเซสชันทางเทคนิคในงาน จะถูกแปลออกมาเป็นภาษาต่าง ๆ ทันทีหลังจบเซสชันนั้น สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารล่าสุดของงานได้ที่นี่ ก่อนประกาศวันจัดงานอย่างเป็นทางการ กูเกิลยังคงมีลูกเล่นให้ทุกคนช่วยกันถอดรหัสปลดล็อกวัน โดยปีนี้มาในธีมถอดรหัสดิจิทัลป้อน Input ที่ถูกต้อง สามารถลองเล่นได้ที่นี่ ส่วนเฉลยอยู่ในลิงก์นี้ ที่มา: 9to5Google
# ธนาคารกลางออสเตรเลียเลือกรูปแบบการใช้งาน CBDC เตรียมทดลอง 14 รูปแบบ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank of Australia - RBA) และศูนย์วิจัยความร่วมมือทางการเงินดิจิทัล (Digital Finance Cooperative Research Centre - DFCRC) ประกาศเลือกแนวทางการใช้งานเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (central bank digital currency - CBDC) มาเตรียมการทดสอบจริงทั้งหมด 14 รูปแบบการใช้งาน จากที่มีการส่งแนวคิดเข้าไป 140 รูปแบบ รูปแบบการใช้งานหลายแบบไม่ต่างจากรูปแบบการทดลอง CBDC ในประเทศอื่นๆ นัก เช่น การจ่ายเงินโดยไม่ใช้อินเทอร์เน็ต (offline payments) ที่ธนาคาร ANZ เสนอให้ทดสอบการจ่ายเงินแบบออฟไลน์ แต่เป็นการจ่ายเงินเพื่อชำระค่าสินค้า (consumer-to-merchant) เท่านั้น โดยผู้ขายต้องใช้โทรศัพท์รับเงินจากบัตร NFC ของผู้ซื้อ โดยระหว่างรับชำระจะไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเมื่อรับชำระสำเร็จแล้วสามารถโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคารภายหลัง อีกรูปแบบหนึ่งของการทดลองจาก Commonwealth Bank เสนอให้ใช้ CBDC ชำระค่าสินค้าแล้วจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มโดยอัตโนมัติ ทำให้เงินภาษีเข้าและออกสรรพากรทันทีที่มีธุรกรรมเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม หากธุรกิจมีเครดิตภาษีเกินมาก็ได้เงินเข้าบัญชีอัตโนมัติ ข้อเสนอบางส่วนเสนอให้เชื่อมดอลลาร์ออสเตรเลียเข้ากับเงินคริปโตเพื่อเร่งความเร็วในการโอนเงินข้ามประเทศ หรือตลาดตราสารหนี้ออสเตรเลียเสนอให้นำ CBDC มาใช้ชำระค่าตราสารหนี้เพื่อลดวันชำระจาก T+2 เหลือ T+0 แม้จะมีแนวทางเสนอเข้าไปมากมาย แต่ธนาคารที่ส่งข้อเสนอเหล่านี้ก็แสดงความเห็นว่าการใช้งาน CBDC น่าจะต้องรออีกหลายปีกว่าจะมีการใช้งานจริง เพราะต้องดูความเป็นไปได้ของรูปแบบการใช้งานแต่ละแบบว่าทำได้จริงหรือไม่ รวมถึงต้องคิดถึงข้อกำหนดในการกำกับดูแลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่มา - RBA, IT News
# ครม. เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วน EV 9 รายการ รวมแบตเตอรี่และมอเตอร์ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ระบุว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง โดยจะยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าหรือเรือไฟฟ้าจำนวน 9 รายการ ดังนี้ แบตเตอรี่ (battery) มอเตอร์ขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (traction motor) คอมเพรสเซอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ระบบควบคุมการขับขี่ ออนบอร์ดชาร์จเจอร์ (on-board charger) ดีซี/ดีซี คอนเวอร์เตอร์ (DC/DC converter) อินเวอร์เตอร์ (inverter) รวมถึง พีซียู อินเวอร์เตอร์ (PCU inverter) รีดักชัน เกียร์ (reduction gear) เงื่อนไขของการยกเว้นภาษีดังกล่าว คือต้องนำเข้าชิ้นส่วนที่เข้าข่ายไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568 หรือมีเวลาไม่ถึง 3 ปีที่จะได้รับการยกเว้นตามมาตรการนี้ โดยต้องนำเข้ามาเพื่อประกอบหรือผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือเรือไฟฟ้า (BEV) เท่านั้น และต้องนำไปประกอบหรือผลิตให้เสร็จภายใน 1 ปีนับจากวันที่นำเข้ามาในประเทศไทย และหากนำเข้ามาแล้วไม่ได้ใช้ผลิต ต้องส่งชิ้นส่วนนั้นออกนอกประเทศหรือชำระภาษีย้อนหลัง ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่าชิ้นส่วนที่นำเข้ามาเพื่อเป็นอะไหล่สำหรับให้ศูนย์บริการเปลี่ยนในรถที่มีปัญหา จะได้รับการยกเว้นภาษีด้วยหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูง ที่มา - สรุปการประชุม ครม. แบตเตอรี่แบบ 4680 ของ Tesla
# Salesforce เปิดตัว Einstein GPT: AI สร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม และ ChatGPT ใน Slack Salesforce ประกาศเพิ่มเครื่องมือสำหรับช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาแบบ Generative AI ในชื่อ Einstein GPT ซึ่งรองรับการเทรนเพื่อสร้างโมเดลจากข้อมูลสาธารณะและข้อมูลส่วนตัวสำหรับลูกค้าองค์กร Einstein GPT ทำงานโดยมีโมเดลของ OpenAI สนับสนุน มีความสามารถทำงานร่วมกับโมดูลต่าง ๆ ของ Salesforce ในแต่ละงาน เช่น ช่วยฝ่ายขายร่างอีเมล, บอตตอบลูกค้าอัตโนมัติ, สร้างสรรค์เนื้อหา-เว็บไซต์ สำหรับลูกค้า, ทำสรุปเนื้อหาเพื่อการนำเสนอ ไปจนถึงช่วยเขียนโค้ดได้ด้วย ส่วน Slack ก็ประกาศรองรับแอปย่อย ChatGPT สำหรับ Slack โดยเฉพาะ เป็นตัวช่วยสำหรับงานต่าง ๆ เช่น เขียนสรุปเนื้อหาจากในห้องแชต, ช่วยค้นหาคำตอบจากคำถามในการสนทนา และร่างจดหมายหรือข้อความที่จะใช้ตอบ ฟีเจอร์ใหม่ยังมีสถานะทดสอบ โดยจะเปิดให้กับลูกค้าทุกคนเร็ว ๆ นี้ ที่มา: Salesforce 1, 2
# ซีอีโอ Google ยืนยันแนวทางแชร์โต๊ะทำงาน บอกบางสำนักงาน ร้างแทบไม่มีคน CNBC อ้างบันทึกจากการประชุมพนักงานของกูเกิลนำโดยซีอีโอ Sundar Pichai เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญเรื่องนโยบายให้พนักงานสลับและแชร์โต๊ะทำงานกัน ซึ่งเริ่มที่ฝ่าย Google Cloud โดยมีพนักงานจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วย Pichai ยืนยันแนวทางนี้ และบอกว่าพนักงานจำนวนหนึ่งให้ความเห็นว่าเวลามาสำนักงาน พวกเขาเห็นโต๊ะทำงานว่างจำนวนมาก เหมือนเป็นสำนักงานร้าง ซึ่งไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก ตัวเลขที่เขาพบคือพนักงานส่วนใหญ่จะเข้าสำนักงานสัปดาห์ละ 2 วันเท่านั้น ค่าเช่าอาคารสำนักงานนั้นแพงมาก อัตราการใช้โต๊ะจึงต่ำเกินไปหากทุกคนมีโต๊ะทำงานประจำ เลยมาสู่แนวทางแชร์โต๊ะทำงานดังกล่าว Anas Osman รองประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Google Cloud ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีพนักงานประมาณ 35% ที่เข้าสำนักงานอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งกลุ่มนี้อาจต้องการพื้นที่แบบประจำ บริษัทจะพยายามรักษาสมดุลส่วนนี้ ทั้งนี้จำนวนพนักงานส่วนของคลาวด์คิดเป็น 25% ของพนักงานกูเกิลทั้งหมด ที่มา: CNBC
# สีเหลือง Yellow! - Apple เปิดตัว iPhone 14, iPhone 14 Plus สีใหม่ แอปเปิลเปิดตัว iPhone สีใหม่โดยใช้ชื่อเรียกว่า สีเหลืองใหม่หรือ New Yellow มีเฉพาะรุ่น iPhone 14 และ iPhone 14 Plus เท่านั้น ไม่มีในรุ่น Pro ตรงตามข่าวลือ ทำให้สีเหลืองใหม่นี้เป็นตัวเลือกสีที่หกของ iPhone 14 เพิ่มจากสีมิดไนท์, สตาร์ไลท์, แดง Product RED, ฟ้า และม่วง การออก iPhone สีใหม่เพิ่มเติม หลังเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ประจำปีช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ดูจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วของแอปเปิล โดย iPhone 12 ได้เพิ่มสีม่วง ส่วน iPhone 13 ก็เพิ่มสีเขียวอัลไพน์เข้ามา iPhone 14 และ iPhone 14 Plus สีเหลืองใหม่ จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 มีนาคมนี้ และเริ่มวางจำหน่ายทั่วไปตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2023 มี 3 ขนาดความจุ 128GB, 256GB และ 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท สำหรับ iPhone 14 และ 37,900 บาท สำหรับ iPhone 14 Plus ที่มา: แอปเปิล
# กลุ่ม Sea รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2022 พลิกมามีกำไรสุทธิ 422.8 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Sea Limited รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2022 รายได้รวมตามบัญชี GAAP 3,451.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2021 และไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรเป็นบวกอยู่ที่ 422.8 ล้านดอลลาร์ จากที่ไตรมาสก่อนหน้าขาดทุน รายได้ของกลุ่มอีคอมเมิร์ซ (Shopee) เพิ่มขึ้น 31.8% เป็น 2,231.1 ล้านดอลลาร์ จำนวนคำสั่งซื้อ 1.7 พันล้านคำสั่ง เทียบกับปีก่อนที่ 2.0 พันล้านคำสั่ง มีมูลค่าการขายสุทธิ 18.0 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่ 18.2 พันล้านดอลลาร์ ภาพรวมของตลาดเอเชียมี EBITDA เป็นบวกที่ 320.0 ล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดอื่นที่เหลือรวมกัน EBITDA เป็นลบ 123.9 ล้านดอลลาร์ กลุ่มสื่อบันเทิง (Garena) รายได้ 948.9 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า มีจำนวนผู้เล่น 485.5 ล้านบัญชี เป็นผู้เล่นที่จ่ายเงิน 43.6 ล้านบัญชี และกลุ่มการเงินดิจิทัล (Sea Money) มีรายได้ 380.2 ล้านดอลลาร์ และมี EBITDA เป็นบวกที่ 75.6 ล้านดอลลาร์ Forrest Li ซีอีโอกลุ่ม Sea กล่าวว่าผลประกอบการที่ออกมามีกำไร เป็นผลจากการตัดสินใจทันที เพื่อมาโฟกัสที่ประสิทธิภาพและการทำกำไร บริษัทยังคงเดินหน้าเปลี่ยนผ่านและรักษาการเติบโตนี้ต่อไป บนแนวทางทำให้น้อยลง แต่ทำให้ดีกว่าเดิม ที่มา: Sea (pdf)
# พบ Meta กำลังทำแพ็กเกจ Quest Pass จ่ายค่าสมาชิกเพื่อรับเกม VR ฟรีทุกเดือน มีผู้ใช้แอพ Meta Quest บางราย พบหน้าเพจของ Project Apollo หรือชื่ออย่างเป็นทางการน่าจะเป็น Quest Pass ซึ่งเป็นโปรแกรมแจกเกมฟรีให้สมาชิกกดรับสิทธิในแต่ละเดือน ลักษณะเดียวกับ PlayStation Plus หรือ Xbox Games with Gold รายละเอียดในเพจของ Quest Pass ระบุว่าสมาชิกจะได้แอพหรือเกมฟรี 1-2 เกมต่อเดือน สามารถกดรับสิทธิแล้วติดตั้งใช้งานได้ทันที และสามารถใช้งานได้ตราบเท่าที่ยังจ่ายค่าสมาชิกอยู่ (ลักษณะเหมือน Game Pass) แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าค่าสมาชิกจะเป็นเท่าไรต่อเดือน เว็บไซต์ Android Central ชี้ว่าไอเดีย Pass ลักษณะนี้ไม่ใช่ของใหม่ในโลก VR เพราะ HTC ทำมาก่อนแล้วโดยใช้ชื่อว่า Viveport โดยคิดราคา 439 บาท/เดือน (ถ้าจ่ายรายปีจะเหลือ 298 บาท/เดือน) ในข้อมูลแผนการของ Meta Quest ที่หลุดออกมา ระบุว่า Meta ขายแว่น Quest ได้มากถึง 20 ล้านชุด (เยอะกว่ายอดขายประเมินของ Xbox Series X|S ซะอีก) แต่อัตราการใช้งานของลูกค้ารุ่นใหม่ๆ กลับไม่เยอะนัก ซึ่งการออก Quest Pass อาจช่วยแก้ปัญหาเรื่องเกมแพง ลูกค้าไม่ค่อยสนใจทดลองซื้อเกมใหม่ๆ ลงได้ ที่มา - Android Central
# Windows Insider เพิ่มกลุ่มทดสอบ Canary Channel ได้ฟีเจอร์ระดับแพลตฟอร์มใหม่ที่สุด ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่ม Canary Channel ให้กลุ่มผู้ทดสอบ Windows Insider เพิ่มมาจากของเดิมที่มี Dev, Beta, Release Preview รวมเป็น 4 ระดับ Canary Channel จะได้ Windows Build ที่ใหม่ที่สุด มีการเปลี่ยนแปลงระดับแพลตฟอร์ม (เช่น เคอร์เนลหรือ API) และจะออกอัพเดต Build บ่อยๆ โดยบางครั้งอาจไม่มีบล็อกหรือเอกสารเขียนถึงว่ามีอะไรใหม่บ้าง (เขียนไม่ทัน) แตกต่างจาก Dev, Beta, Release Preview ที่จะมีบล็อกเขียนกำกับเสมอ ส่วน Dev Channel จะเป็นกลุ่มทดสอบที่ได้ฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่ใช่ระดับแพลตฟอร์ม (เช่น แอพใหม่) หลายฟีเจอร์จะเป็นแค่การทดลองไอเดียใหม่ๆ ที่อาจไม่ได้นำมาใช้จริง หรืออาจนำมาใช้แต่ต้องใช้เวลานาน เพราะจะใช้ต่อเมื่อมั่นใจว่าพร้อมจริงๆ เท่านั้น และบางครั้งฟีเจอร์ใน Dev อาจไม่มีใน Canary ด้วยซ้ำ เพราะไมโครซอฟท์มีวิธีการทดสอบฟีเจอร์เฉพาะกลุ่ม (A/B testing) ที่เรียกว่า Controlled Feature Rollout (CFR) เมื่อมั่นใจว่าฟีเจอร์ใหม่พร้อมใช้งานแล้ว ไมโครซอฟท์จะนำไปใส่ใน Beta Channel ก่อนเลื่อนชั้นไปเป็น Release Preview ก่อนออกรุ่นเสถียร (Beta/Release Preview ใช้นโยบายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง) กลุ่มผู้ใช้ Dev Channel จะถูกย้ายไปทดสอบ Canary แทนโดยอัตโนมัติ หากต้องการถอยกลับมา Dev ใน Build ที่ตัวเลขต่ำกว่า จำเป็นต้องติดตั้งใหม่แบบ clean install เท่านั้น ที่มา - Windows Insider Blog
# เปิดตัวเกมสร้างเมือง Cities: Skylines II กราฟิกอลังการขึ้น ออกภายในปี 2023 เกมสร้างเมือง Cities: Skylines เปิดตัวภาคสอง หลังออกเกมภาคแรกเมื่อปี 2015 และประสบความสำเร็จอย่างสูง ทีมพัฒนายังเป็นทีมเดิมคือ Colossal Order สตูดิโอเกมจากฟินแลนด์ และจัดจำหน่ายโดย Paradox Interactive เช่นเดิม ของใหม่ในเกมภาคนี้มีทั้งกราฟิกที่อลังการขึ้น ระบบคมนาคมและเศรษฐกิจในเกมที่ยกเครื่องใหม่ และความสามารถในการ mod เกมที่เยอะกว่าภาคแรก เกมจะลง PC Steam, Xbox Series X|S, PlayStation 5 รวมถึง Game Pass กำหนดออกคร่าวๆ ภายในปี 2023 ที่มา - Colossal Order, Eurogamer
# แอพจดโน้ต GoodNotes ออกเวอร์ชัน Android แล้ว ยังทดสอบ Beta เฉพาะกลุ่ม GoodNotes แอพจดโน้ตยอดนิยมบน iOS (โดยเฉพาะบน iPad) ออกเวอร์ชัน Android แล้ว โดยตอนนี้ยังเป็นการทดสอบแบบ Beta แบบจำกัดกลุ่มผู้ใช้ และยังใช้ได้เฉพาะแท็บเล็ตซัมซุงขนาดหน้าจอ 8 นิ้วขึ้นไปเท่านั้น กลุ่มผู้ทดสอบระบุว่าแอพเวอร์ชัน Android จริงๆ แล้วเป็นเว็บแอพที่รันแบบ Progressive Web App (PWA) จึงอาจไม่ได้ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นมากเหมือนกับเวอร์ชัน iOS ที่มา - GoodNotes, Android Police
# Atlassian ประกาศปลดพนักงาน 5% ของพนักงานทั้งหมด Atlassian บริษัทแพลตฟอร์มจัดการพัฒนาซอฟต์แวร์ ประกาศปลดพนักงานประมาณ 500 คน คิดเป็น 5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด Mike Cannon-Brookes และ Scott Farquhar สองผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นซีอีโอร่วมของ Atlassian ให้เหตุผลของการตัดสินใจนี้ ว่ามาจากความต้องการปรับโครงสร้างองค์กร ให้โฟกัสภารกิจหลักที่สำคัญ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ใช่ปัญหาทางการเงินของบริษัท การปลดพนักงานจึงเกิดขึ้นเฉพาะบางฝ่ายเท่านั้น Atlassian บอกว่าพนักงานที่ถูกปลดจะได้รับเงินชดเชย และได้แล็ปท็อปที่ทำงานไปด้วยเลย ที่มา: Atlassian ผ่าน CNBC
# Apple อัพเดต tvOS 16.3.3 แก้บั๊ก Siri Remote ใน Apple TV 4K (3rd Gen) แอปเปิลออกอัพเดต tvOS ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ Apple TV เวอร์ชัน 16.3.3 ซึ่งเป็นอัพเดตถัดจากเวอร์ชันก่อนหน้า tvOS 16.3.2 ที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ใช้งานสามารถสั่งอัพเดตได้โดยไปที่ System และเลือก Software Update ของ Apple TV หรืออัพเดตจะทำงานอัตโนมัติหากตั้งค่ากำหนดไว้ แอปเปิลระบุว่าในอัพเดตนี้เป็นการแก้ไขบั๊กที่ Siri Remote อาจไม่ตอบสนอง ซึ่งพบใน Apple TV 4K (3rd Gen)
# Outlook for Mac เปิดให้ใช้งานฟรี ไม่ต้องสมัคร Microsoft 365 หรือใช้ไลเซนส์ Office แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศการเปลี่ยนแปลงของแอป Microsoft Outlook for macOS จากเดิมผู้ใช้งานได้ต้องสมัครใช้ Microsoft 365 หรือมีไลเซนส์ Office แต่จากนี้ไม่ต้องมีเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว จึงรองรับผู้ใช้งานฟรีทั่วไปทุกคนด้วย Outlook for Mac นอกจากรองรับอีเมล Outlook.com แล้ว ยังรองรับการทำงานร่วมกับอีเมลอื่นทั้ง Gmail, iCloud, Yahoo และอีเมลอื่นที่รองรับ IMAP ไมโครซอฟท์ยกเครื่อง Outlook for Mac มาตั้งแต่ปี 2020 รองรับดีไซน์ใหม่ให้เข้ากับ macOS รุ่นใหม่ รวมทั้งรองรับคุณสมบัติพื้นฐานใหม่ ๆ ใน Mac ทั้ง Notification Center, Widget และ Handoff Outlook for Mac เวอร์ชันล่าสุดสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Mac App Store ที่มา: ไมโครซอฟท์
# Microsoft ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI Copilot ให้ชุดแอพพลิเคชัน ERP และ CRM Dynamics 365 ไมโครซอฟท์ประกาศอัพเดตการนำ AI มาใส่ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทรุ่นถัดไป โดยคราวนี้เป็นกลุ่มแอพพลิเคชันธุรกิจ เริ่มต้นที่ Dynamics 365 แอพพลิเคชันสำหรับงาน ERP และ CRM ฟีเจอร์ด้าน AI นี้ ไมโครซอฟท์เรียกว่า Microsoft Dynamics 365 Copilot ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยจัดการบางงานให้อัตโนมัติ เช่น การเขียนอีเมลตอบลูกค้าที่เป็นรูปแบบซ้ำ ๆ, การเขียนอีเมลสรุปการประชุมใน Teams, ช่วยร่างคำตอบในแชตที่ใช้โต้ตอบกับลูกค้า คุณสมบัติ Copilot จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในหลายแอพพลิเคชันของ Dynamics 365 ได้แก่ Dynamics 365 Sales, Viva Sales, Dynamics 365 Customer Service, Dynamics 365 Customer Insights, Dynamics 365 Marketing, Dynamics 365 Business Central และ Microsoft Supply Chain Center ที่มา: ไมโครซอฟท์
# ทวิตเตอร์พังบางส่วน ไม่สามารถแสดงรูปภาพหรือวิดีโอได้ Elon บ่นระบบพังง่าย ช่วงก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมาทวิตเตอร์แก้ไขระบบภายในส่งผลให้ระบบบางส่วนไม่ทำงาน ที่ชัดเจนที่สุดคือภาพและวิดีโอไม่แสดงบนเว็บช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะแก้ไขไปในที่สุด ผู้ใช้จำนวนหนึ่งเห็นข้อความ "Current API plan does not include access to this endpoint" แม้ว่าจะเป็นการใช้งานปกติ เป็นไปได้ว่าวิศวกรกำลังแก้ไขระบบภายในเพื่อจัดการระบบคิดเงินค่าใช้งาน API แต่กระทบผู้ใช้เว็บและแอปปกติไปด้วย Elon Musk ออกมาตอบข้อสงสัยผู้ใช้โดยระบุว่าระบบนั้นเปราะบาง (brittle) และกำลังซ่อม
# Arm เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นภายในปีนี้ โดยขายหุ้นเพิ่มทุนกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Arm บริษัทออกแบบชิป ที่ปัจจุบันมี SoftBank เป็นเจ้าของ มีแผนนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นในอเมริกา โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุนเป็นมูลค่าราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ตามแผนการนั้น Arm จะยื่นไฟลิ่งแบบ Confidential ในช่วงปลายเดือนเมษายน และคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทซื้อขายได้ภายในปีนี้ โดยขึ้นอยู่สภาวะของตลาดหุ้นเวลานั้น ก่อนหน้านี้ Arm มีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นสองแห่งคืออเมริกา และอังกฤษ เนื่องจาก Arm เป็นบริษัทมีสำนักงานใหญ่ที่นั่น แต่ล่าสุดบริษัทเปลี่ยนแผนมาเข้าเฉพาะตลาดหุ้นอเมริกาเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ SoftBank ต้องการขาย Arm ให้กับ NVIDIA แต่ดีลล่ม จึงเปลี่ยนแผนนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นแทน ที่มา: Reuters
# Kirby เตรียมเปิดคาเฟ่สองแห่งในญี่ปุ่น เมษายนนี้ นินเทนโด และ HAL Laboratory ประกาศเปิดคาเฟ่ธีม Kirby พร้อมกันสองแห่งในญี่ปุ่น โดยมีชื่อร้านว่า Kirby Cafe PETIT สองสาขาที่จะเปิด สาขาแรกอยู่ที่โตเกียว ที่สถานีรถไฟ Tokyo Station โซน Tokyo Character Street กำหนดเปิดวันที่ 13 เมษายน 2023 อีกสาขาอยู่ที่โอซากา ในอาคาร Tennoji MIO ชั้น 6 ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Tennoji กำหนดเปิดวันที่ 26 เมษายน 2023 รายละเอียดของคาเฟ่ยังไม่มีออกมามากนัก แต่ร้านจะเป็นแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น ไม่มีโต๊ะนั่งในร้าน เมนูมีทั้งขนมอบ (Pastry) และขนมหวาน ที่เป็นเรื่องราวจาก Kirby ที่มา: Gamerant
# Microsoft Edge เริ่มเปิดใช้ Video Super Resolution ใช้ได้ทั้งจีพียู NVIDIA และ AMD เราเห็นข่าว NVIDIA ประกาศฟีเจอร์ Video Super Resolution สำหรับการชมวิดีโอผ่านเบราว์เซอร์ที่เป็น Chromium ไปแล้ว ฝั่งไมโครซอฟท์ออกมาประกาศฟีเจอร์ชื่อเดียวกันคือ Video Super Resolution ทำงานแบบเดียวกัน ที่เพิ่มเติมคือใช้ได้ทั้งจีพียูค่ายเขียว NVIDIA (GeForce 20/30/40) และค่ายแดง (Radeon RX5700-RX7800) ฟีเจอร์นี้ใช้ได้บน Microsoft Edge Canary กับผู้ใช้บางกลุ่ม (ยังเปิดใช้แค่ 50% ของผู้ใช้ Canary) โดยต้องเปิดใช้ผ่าน flag edge://flags/#edge-video-super-resolution ก่อน เงื่อนไขคือคอมพิวเตอร์ต้องเสียบไฟด้วย วิดีโอต้องมีความละเอียดน้อยกว่า 720p ถึงจะอัพสเกลให้ และยังใช้ไม่ได้กับวิดีโอที่ติด DRM (PlayReady/Widevine) ไมโครซอฟท์ยังบอกว่ากำลังพัฒนาฟีเจอร์นี้ให้รองรับจีพียูแบบไฮบริด (โน้ตบุ๊กที่มีทั้ง iGPU และ dGPU) ตอนนี้ยังใช้ได้เฉพาะ dGPU รุ่นที่ระบุเท่านั้น เว็บไซต์ Videocardz ยังรายงานว่าค่ายอินเทลก็กำลังพัฒนา VSR ของตัวเองอยู่เช่นกัน (แม้อินเทลยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ แต่มีคนลองใช้กับ Chrome ได้แล้ว) ตอนนี้ใช้ได้แล้วกับจีพียู Intel Arc แต่ยังใช้ไม่ได้กับ iGPU ของอินเทล ที่มา - Microsoft Edge, Videocardz, Videocardz (Intel)
# พบบั๊กไดรเวอร์ Radeon Adrenalin ทำวินโดวส์พัง, AMD บอกว่าเจอกับผู้ใช้จำนวนน้อย มีผู้ใช้งานไดรเวอร์ AMD Radeon Adrenalin เวอร์ชัน 23.2.2 ที่ออกช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ พบปัญหาร้ายแรงถึงขั้นทำวินโดวส์พัง บูตเข้าเครื่องไม่ได้ และทางแก้คือการ restore จากแบ็คอัพ หรือติดตั้งวินโดวส์ใหม่เท่านั้น (เข้าโหมด repair ไม่ได้ด้วยซ้ำ) วิศวกรของ AMD ยืนยันปัญหานี้ ชี้แจงว่าพบปัญหากับผู้ใช้จำนวนน้อย (extreme rarity แต่ดันเกิดกับบรรณาธิการของ PCWorld) โดยบอกว่าสาเหตุเกิดจากพีซีเครื่องนั้นมีการอัพเดตในจังหวะติดตั้งไฟล์ไดรเวอร์พอดี วิธีการเลี่ยงปัญหานี้ในเบื้องต้นคืออัพเดตระบบให้เสร็จก่อนติดตั้งไดรเวอร์ และไม่ติ๊กตัวเลือก "Factory Reset" ของตัวติดตั้งไดรเวอร์ที่เป็นการลบไดรเวอร์เวอร์ชันเก่าออก (ในหน้าจอตามภาพด้านล่าง) ส่วนระยะยาว AMD จะพยายามแก้บั๊กนี้ให้เร็วที่สุด ที่มา - Wccftech, PCWorld ภาพจาก AMD
# [ลือ] iMac รุ่นใหม่ อยู่ในขั้นตอนพัฒนา, MacBook Air 13 และ 15 นิ้ว จะมากลางปีนี้ Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวลือแอปเปิลล่าสุดในจดหมายข่าว Power On โดยคราวนี้เน้นที่ไลน์สินค้า Mac เริ่มที่ iMac โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบทางวิศวกรรม ขนาดหน้าจอ 24 นิ้ว เท่ากับรุ่นล่าสุด iMac M1 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ส่วนสีเครื่องเบื้องต้นทดสอบในสีชุดเดียวกัน แม้ภายนอกอาจเหมือนเดิม แต่มีการปรับตำแหน่งชิ้นส่วนภายใน และอัพเกรดชิปจาก M1 คาดว่าวางขายได้เร็วที่สุดครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ Gurman ยังบอกว่ามีการทดสอบ iMac อีกรุ่นหนึ่ง โดยจะเป็น Mac ตัวแรกที่ใช้ชิป M3 ส่วน Mac รุ่นอื่น เขาให้ข้อมูลว่าจะเปิดตัวประมาณ 3 รุ่น ในช่วงกลางปี ได้แก่ MacBook Air จอ 15 นิ้ว โค้ดเนม J515, Mac Pro ชิป M2 Ultra โค้ดเนม J180 และ MacBook Air จอ 13 นิ้วตัวใหม่ โค้ดเนม J513 ที่มา: Bloomberg
# เผย LastPass โดนแฮ็กเพราะวิศวกร DevOps ไม่ยอมอัพเดต Plex ในเครื่องส่วนตัว จากกรณี LastPass โดนแฮ็กครั้งใหญ่ สาเหตุมาจากวิศวกร DevOps ที่เข้าถึงระบบ 1 ใน 4 ราย ถูกแฮ็กเครื่องส่วนตัว ผ่านช่องโหว่ของโปรแกรมตัวหนึ่งที่ไม่ระบุชื่อ ทำให้เกิดความกังวลในแวดวงความปลอดภัยไซเบอร์ว่าเป็นช่องโหว่ที่รู้กันเฉพาะแฮ็กเกอร์หรือไม่ เพราะมันอาจถูกใช้ไปเจาะระบบอื่นๆ ต่อได้อีก ตอนนี้มีเฉลยออกมาแล้วว่าโปรแกรมที่ทำให้โดนแฮ็กคือ Plex ซอฟต์แวร์ media server ชื่อดัง แต่กลับเป็นช่องโหว่เก่าที่ออกแพตช์ตั้งแต่ปี 2020 แล้ววิศวกรรายนี้ดันไม่ยอมอัพเดตเอง PCMag อ้างว่าได้ข้อมูลวงในยืนยันว่าช่องโหว่ในเคสนี้คือ CVE-2020-5741 ที่บริษัท Plex เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะและออกแพตช์พร้อมกันในเดือนพฤษภาคม 2020 หากนับตั้งแต่เวอร์ชันนั้นมา Plex ออกอัพเดตต่อเนื่องมาแล้วอีกราว 75 เวอร์ชัน ซึ่งแปลว่าวิศวกรรายนี้ไม่เคยอัพเดตเลย ส่วนสาเหตุว่าทำไมไม่อัพเดตนั้นไม่มีปรากฏ ฝั่ง LastPass เองก็ยอมรับกับ PCMag ว่าช่องโหว่ในเคสนี้เป็นช่องโหว่ของ Plex จริง และได้แจ้งไปยัง Plex แล้ว ที่มา - PCMag
# พบข้อความ CSGO2 ในไฟล์ไดรเวอร์ NVIDIA คาดเป็น Counter-Strike เวอร์ชันใหม่ มีคนพบเจอหลักฐานว่า Valve จะเปิดตัวเกม Counter-Strike ภาคใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยอาจใช้ชื่อว่า Counter-Strike 2 หรือ CS:GO 2 หลักฐานนี้มาจากไฟล์ไดรเวอร์เกมของ NVIDIA ที่ระบุถึงชื่อไฟล์ cs2.exe และ csgo2.exe โดยระบุชื่อเกมเป็น Counter-Strike 2 อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีแหล่งข่าวอีกรายบอกว่ามันคือ CS:GO เกมเดิมแต่เปลี่ยนมาใช้เอนจิน Source 2 ตัวเดียวกับที่ใช้ในเกม Dota 2 แทน (CS:GO ในปัจจุบันที่ออกตั้งแต่ปี 2012 ยังเป็น Source เวอร์ชัน 1 ที่ใช้มาตั้งแต่ยุค Half-Life) เอนจิน Source 2 ออกครั้งแรกในปี 2015 ใช้กับเกม Dota 2 เป็นเกมแรก โดยเกมล่าสุดของ Valve คือ Half-Life: Alyx ก็เป็น Source 2 ฝั่งของ Valve ยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลใดๆ ในเรื่องนี้ ที่มา - Eurogamer