ID
stringlengths
9
13
Domain
stringclasses
4 values
Instruction
stringlengths
10
894
Input
stringclasses
0 values
Output
stringlengths
110
13.8k
Tags
stringlengths
7
676
Task_type
stringclasses
6 values
License
stringclasses
2 values
Retail_39871
Retail
GO! Hotel Bowin มีบริการ Grab and GO ตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. ข้อมูลจากข่าวประชาสัมพันธ์: ข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่า "GO! Hotel Bowin ให้บริการพื้นที่ Co-Working Space ด้วยคาเฟ่ พื้นที่ประชุม และสวนสำหรับนั่งชิล ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ชาวชลบุรีได้ลิ้มลองกาแฟ Nitro Cold Brew เจ้าแรกของบ่อวิน ด้วยเมนูพิเศษหลากหลายเมนูที่รังสรรค์มาเพื่อลูกค้า GO! Hotel โดยเฉพาะ พร้อมบริการ Grab and GO ตลอด 24 ชั่วโมง" ข้อมูลนี้ชี้ชัดว่า GO! Hotel Bowin มีบริการ Grab and GO 2. การวิเคราะห์จากบริบท: บริการ Grab and GO มักพบในโรงแรมและที่พักที่มีร้านอาหารหรือคาเฟ่ บริการ Grab and GO ช่วยให้ผู้เข้าพักสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องออกไปทานที่ร้าน การมีบริการ Grab and GO ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกสำหรับผู้เข้าพักที่ต้องการทานอาหารหรือเครื่องดื่มในเวลาใดก็ได้ 3. ตัวอย่าง: โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ที่ราชดำริ มีบริการ Grab and GO โรงแรม Centara One @ CentralWorld มีบริการ Grab and GO 4. สรุป: จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า GO! Hotel Bowin มีบริการ Grab and GO ตลอด 24 ชั่วโมง ข้อมูลนี้มาจากข่าวประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ผู้บริโภคควรตรวจสอบข้อมูลกับ GO! Hotel Bowin โดยตรง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39874
Retail
ไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดแบบใด เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ความยั่งยืนในธุรกิจค้าปลีก
null
ไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ “Green & Sustainable Retail” เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ความยั่งยืนในธุรกิจค้าปลีก กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนลูกค้าในการปรับปรุงบ้านให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบไปด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ดังนี้ 1. สินเชื่อบัวหลวงพูนผลกรีน -สินเชื่อเพื่อการปรับปรุงบ้านที่ประหยัดพลังงาน หรือการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ และผู้พิการ ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าประหยัดพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ผ่อนชำระสบายๆ นานสูงสุด 10 ปี 2. แคมเปญพิเศษ -มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 59,000 บาท เมื่อซื้อแผงโซล่าร์แบรนด์ HACO กับทางไทวัสดุ ฟรี! ค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 24,000 บาท หรือบัตรกำนัลเงินสด 35,000 บาท เมื่อซื้อแผงโซลาร์เซลล์ จากไทวัสดุ ครบตามเงื่อนไข และพิเศษ! สำหรับลูกค้า 200 ท่านแรกที่อนุมัติและเบิกใช้วงเงินตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป รับ E-Voucher by Central Group มูลค่า 2,000 บาท กลยุทธ์นี้ตอบสนองต่อเทรนด์ความยั่งยืนในธุรกิจค้าปลีกอย่างไร ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค: -ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์นี้ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าประหยัดพลังงานได้ง่ายขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: -กลยุทธ์นี้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ สร้างโอกาสทางธุรกิจ: -ตลาดสินค้าและบริการที่ยั่งยืนมีแนวโน้มที่จะเติบโต กลยุทธ์นี้ช่วยให้ไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ เข้าถึงตลาดใหม่และขยายฐานลูกค้า เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: -กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยการนำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างผลลัพธ์ของกลยุทธ์นี้ -ยอดขายแผงโซลาร์เซลล์ของไทวัสดุเติบโตขึ้น 20% ในช่วง 3 เดือนแรกหลังจากเปิดตัวแคมเปญ ลูกค้าจำนวนมากให้ความสนใจกับสินเชื่อบัวหลวงพูนผลกรีน -ภาพลักษณ์ของไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ ในฐานะองค์กรที่ยั่งยืนได้รับการยกระดับ บทสรุป กลยุทธ์ Green & Sustainable Retail ของไทวัสดุและธนาคารกรุงเทพ เป็นตัวอย่างที่ดีของการตอบสนองต่อเทรนด์ความยั่งยืนในธุรกิจค้าปลีก กลยุทธ์นี้ช่วยให้ทั้งสองบริษัทสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติม กลยุทธ์นี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เป้าหมายที่ 12 ว่าด้วยเรื่องการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน กลยุทธ์นี้ช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้าและบริการที่ยั่งยืน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39896
Retail
การร่วมทุนระหว่าง Central Retail กับ MP Synergy ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
การร่วมทุนครั้งนี้ จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ดังนี้: 1. การขยายพอร์ตธุรกิจในกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส: - Central Retail มุ่งขยายธุรกิจกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส การร่วมทุนกับ MP Synergy ช่วยให้ Central Retail เข้าสู่ตลาด เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง ตอบโจทย์เทรนด์ Work From Anywhere และความใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค 2. การขยายช่องทางจำหน่าย: - ออฟไลน์: ขยายสาขา OfficeMate เป็น 37 สาขาภายใน 5 ปี - ออนไลน์: พัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลของแบรนด์เออร์โกเทรนด์ 3. การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่: - B2B: ฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ และ SME ของ OfficeMate - B2C: ลูกค้าทั่วไปของ Central Retail 4. การเสริมสร้างอีโคซิสเท็มธุรกิจ: - การผลิต: โรงงานผลิตของ MP Synergy - การจัดจำหน่าย: ช่องทางจำหน่ายของทั้งสองบริษัท - บริการ: บริการเสริมอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องเฟอร์นิเจอร์ 5. โอกาสในการขยายธุรกิจ: - สินค้า: ขยายไลน์สินค้าในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ - บริการ: บริการเสริมอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ - ช่องทาง: นำสินค้าแบรนด์เออร์โกเทรนด์เข้าไปจำหน่ายในธุรกิจอื่นๆ ของ Central Retail คำแนะนำ: 1. Central Retail ควรพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลให้แข็งแกร่ง 2. Central Retail ควรพัฒนากลยุทธ์ Omnichannel ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน 3. Central Retail ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าองค์กร 4. Central Retail ควรติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ สรุป: การร่วมทุนระหว่าง Central Retail กับ MP Synergy เป็นการขยายธุรกิจในกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส และสร้างโอกาสในการเติบโต
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39930
Retail
กลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Nitori ไปยังประเทศไทย สอดคล้องกับหลักการทางการค้าปลีกอย่างไร? และกลยุทธ์นี้สนับสนุนเป้าหมายในการเป็นผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้านในประเทศไทยอย่างไร
null
1. การวิเคราะห์ตลาด:Nitori ศึกษาตลาดประเทศไทยอย่างละเอียด เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย วิเคราะห์คู่แข่งในตลาด เลือกที่จะเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และมีกำลังซื้อสูง 2. การนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย: Nitori นำเสนอสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้านที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย มีสินค้าให้เลือกหลายขนาด หลายรูปแบบ หลายราคา สินค้ามีดีไซน์เรียบง่าย ทันสมัย เหมาะกับสภาพพื้นที่และวิถีชีวิตของคนไทย 3. การตั้งราคาที่เหมาะสม: Nitori เน้นกลยุทธ์ราคาที่เหมาะสม สินค้ามีราคาไม่แพง คุ้มค่าต่อเงิน เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริโภคชาวไทย 4. การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี: Nitori เน้นสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี ร้านค้ามีการออกแบบที่สวยงาม สินค้าจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ พนักงานให้บริการด้วยความใส่ใจ มีบริการขนส่งสินค้าและประกอบเฟอร์นิเจอร์ 5. การปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาดท้องถิ่น: Nitori ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาดท้องถิ่น เข้าใจวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย ใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม สื่อสารกับลูกค้าชาวไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง: คุณสมชายเป็นชาวกรุงเทพฯ กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้านใหม่ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับ Nitori รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่า Nitori จะมาเปิดสาขาในประเทศไทย เขาตั้งใจจะไปที่ร้าน Nitori ในวันเปิดตัว เพื่อดูสินค้าและหาเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้านของเขา ผลลัพธ์: กลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Nitori น่าจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้านในประเทศไทย กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Nitori เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ในประเทศไทย เพิ่มยอดขาย และสร้างการรับรู้แบรนด์ บทเรียนสำคัญ: ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการประสบความสำเร็จในต่างประเทศ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาดท้องถิ่น ธุรกิจค้าปลีกควรวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด นำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ตั้งราคาที่เหมาะสม สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคท้องถิ่น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39931
Retail
โมเดลธุรกิจใหม่ของสยามพิวรรธน์ เน้นการนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ด้าน Sustainability เพิ่มมากขึ้น
null
ใช่ เหตุผล: สยามพิวรรธน์ นำเสนอโมเดลธุรกิจใหม่ที่เน้นการ "สร้างระบบนิเวศน์ของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem)" ผ่าน "Sustainable Living Community" ผสมผสานกับ "Omni Shopping Channel" Sustainable Living Community มุ่งเน้นไปที่: - การส่งเสริมสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชน - การสร้างพื้นที่ให้ผู้บริโภคได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืน Omni Shopping Channel ผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ตัวอย่างการนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ด้าน Sustainability: - สนับสนุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ - ส่งเสริมร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบอินทรีย์และปลอดสารพิษ - จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการลดปริมาณขยะและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน - นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากร ข้อพิสูจน์: - สยามพิวรรธน์ ร่วมกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการ "ICONSIAM Greenovative District" ศูนย์กลางความยั่งยืนแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - สยามพิวรรธน์ ริเริ่มโครงการ "Siam Paragon Circular Living" มุ่งเน้นการลดปริมาณขยะและส่งเสริมการรีไซเคิล - สยามพิวรรธน์ ร่วมกับ WWF ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ "Earth Hour 2023" รณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน สรุป: โมเดลธุรกิจใหม่ของสยามพิวรรธน์ เน้นการนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ด้าน Sustainability เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39936
Retail
กลยุทธ์ "SYNERGY for new solutions" ของ CPN ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของบริษัทหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผลคือ: กลยุทธ์ "SYNERGY for new solutions" ของ CPN มีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของบริษัท ดังนี้: 1. การขยายธุรกิจค้าปลีกอย่างครบวงจร: - CPN วางแผนที่จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ โครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม - มากกว่า 50% ของโครงการทั้งหมด จะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสที่มีมากกว่า 1 ธุรกิจ และมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญ - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ CPN ขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังรูปแบบและพื้นที่ใหม่ ๆ - เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย 2. การผนึกกำลังกับธุรกิจอื่นๆ: - CPN มุ่งมั่นสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า - จัดตั้งทีม Partner Champions ที่จะเป็น Business Consultant - ช่วยเหลือคู่ค้าด้านการเติบโต ขยายสาขา การดำเนินงาน ธุรกิจ - นำเสนอ Big Data จาก The 1 และ The 1 Biz - สนับสนุนการจัดการธุรกรรมและบริการต่าง ๆ - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ CPN สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง - เพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้า 3. การเชื่อมโยงธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์: - CPN ลงทุน 450 ล้านบาท ในปี 2022 เพื่อทรานฟอร์มสู่การเป็น Omnichannel Platform - เชื่อมโยงธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ - เชื่อมโยงธุรกิจทั้งหมดใน Ecosystem เข้าด้วยกัน - เชื่อมโยงธุรกิจกับลูกค้าแบบ B2B2C - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ CPN มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นไร้รอยต่อแก่ลูกค้า - เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการ 4. การสร้าง Ecosystem ที่ยั่งยืน: - CPN มุ่งเน้นไปที่การสร้าง "โอกาส" พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการ - ทุกโครงการของ CPN มุ่งเน้นไปที่การสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน - สนับสนุน SMEs และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ CPN สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม - ดึงดูดลูกค้าและคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน สรุป: กลยุทธ์ "SYNERGY for new solutions" ของ CPN มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจค้าปลีกอย่างครบวงจร ผนึกกำลังกับธุรกิจอื่นๆ เชื่อมโยงธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ และสร้าง Ecosystem ที่ยั่งยืน กลยุทธ์เหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของ CPN โดยช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า ขยายฐานลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี และสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39947
Retail
ธนาคารไทยพาณิชย์จะร่วมมือกับบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ในการขยายธุรกิจสินเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไปยังธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
ธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถร่วมมือกับ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ในการขยายธุรกิจสินเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไปยังธุรกิจค้าปลีกในหลายรูปแบบ ดังนี้ 1. การผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีก: - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถจับมือกับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ นำเสนอสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้าแก่ลูกค้า - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถจัดโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษ ร่วมกับร้านค้าปลีก กระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 2. การนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย: - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถออกแบบสินเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถนำเสนอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนาน หรือบริการอื่นๆ 3. การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์: - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เปรียบเทียบรุ่น และคำนวณสินเชื่อ 4. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถจัดงานทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถจัดสัมมนา หรือเวิร์คช็อป เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า 5. การใช้กลยุทธ์ Omnichannel: - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ - ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม สมัครสินเชื่อ และรับบริการต่างๆ ตัวอย่าง: - ธนาคารไทยพาณิชย์จับมือกับ Central Retail นำเสนอสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้าแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้า - ธนาคารไทยพาณิชย์ออกแบบสินเชื่อ "SCB EV Green Loan" สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ - ธนาคารไทยพาณิชย์พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ "SCB EV Center" ให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อ เปรียบเทียบรุ่น และคำนวณสินเชื่อ - ธนาคารไทยพาณิชย์จัดงาน "SCB EV Test Drive" ให้ลูกค้าทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า ข้อเสนอแนะ: - ธนาคารไทยพาณิชย์ควรศึกษาความต้องการของลูกค้าธุรกิจค้าปลีก - ธนาคารไทยพาณิชย์ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า - ธนาคารไทยพาณิชย์ควรสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีก - ธนาคารไทยพาณิชย์ควรติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยสรุป: การขยายธุรกิจสินเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไปยังธุรกิจค้าปลีก เป็นโอกาสให้ธนาคารไทยพาณิชย์ขยายฐานลูกค้า เพิ่มรายได้ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39948
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักที่ธนาคารไทยพาณิชย์ใช้เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) ประสบความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ?
null
ธนาคารไทยพาณิชย์ใช้กลยุทธ์หลัก 3 ประการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) ประสบความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: 1. พัฒนาฟีเจอร์ใหม่บนแอปพลิเคชันแม่มณี “มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ” ฟีเจอร์ใหม่นี้เป็นระบบจัดการร้านค้าออนไลน์มืออาชีพ แอปฯ เดียวครบตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยมุ่งแก้ปัญหาร้านค้าออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโต ฟีเจอร์หลักๆ ของ “มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ” ประกอบด้วย: -ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์อย่างมืออาชีพ: ช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดการสินค้า สต๊อกสินค้า และออเดอร์ได้อย่างเป็นระบบ -รองรับการชำระเงินครบวงจรกับบิลแม่มณี: ช่วยให้ร้านค้ารับชำระค่าสินค้าผ่าน QR Code รองรับทั้งบัตรเครดิต เดบิต และการผ่อนชำระ -คอร์สเรียนออนไลน์เสริมทักษะ และคะแนนแลกของรางวัล: -Manee Academy: คอร์สให้ความรู้การทำธุรกิจแบบอัดแน่นจากกูรูด้านการขายของออนไลน์ -Manee Rewards: สะสมคะแนนและของรางวัล ร้านค้ารับคะแนนสะสมทุกการรับชำระเงินผ่านแอปแม่มณี 2. สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน ธนาคารไทยพาณิชย์เตรียมวงเงินสินเชื่อดิจิทัลเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ 3. พัฒนาทักษะ ธนาคารไทยพาณิชย์จัดทำคอร์สเรียนออนไลน์ “Manee Academy” ให้ความรู้การทำธุรกิจแบบอัดแน่นจากกูรูด้านการขายของออนไลน์ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2565 มีร้านค้าใช้งานแอปฯ “มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ” 5 แสนราย ข้อดีของกลยุทธ์นี้ กลยุทธ์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถ: บริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง เพิ่มยอดขาย พัฒนาทักษะการทำธุรกิจ เข้าถึงเงินทุนหมุนเวียน ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก กลยุทธ์นี้ของธนาคารไทยพาณิชย์จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก ดังนี้: กระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า สรุป กลยุทธ์หลัก 3 ประการของธนาคารไทยพาณิชย์ จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการ ธนาคาร และธุรกิจค้าปลีกโดยรวม
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39953
Retail
ร้านทำผมอัจฉริยะของ Amazon.com จะใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหรือไม่?
null
ใช่ ร้านทำผมอัจฉริยะของ Amazon.com จะใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยมีเหตุผล ดังนี้ Amazon.com มุ่งเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เทคโนโลยี AR สามารถช่วยให้ลูกค้า visualize ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมบนเส้นผมของพวกเขาเองก่อนตัดสินใจซื้อ ร้านทำผมอัจฉริยะของ Amazon.com จะใช้เทคโนโลยี AR ในรูปแบบต่างๆ เช่น: 1. การจำลองภาพเสมือนจริงของทรงผมและสีผมต่างๆ บนศีรษะของลูกค้า 2. การแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น ส่วนผสม ประโยชน์ และวิธีใช้ การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่างๆ ข้อควรระวัง: - เทคโนโลยี AR อาจไม่ทำงานได้อย่างถูกต้องกับทุกคน เช่น ผู้ที่มีปัญหาทางสายตา - เทคโนโลยี AR อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกสับสนหรือยุ่งยาก สรุป: ร้านทำผมอัจฉริยะของ Amazon.com จะใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และจะใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ช่างตัดผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39960
Retail
เขียนถึงความน่าสนใจในหัวข้อเกี่ยวกับ "กรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงสู่มหานครแห่งนวัตกรรม กับการปรับตัวของวันแบงค็อก"
null
"วัน แบงค็อก" เป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะเมืองในประเทศไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยี หัวข้อ "Evolving Bangkok" หรือ "กรุงเทพในระหว่างการเปลี่ยนแปลง" สร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนและผู้สนใจที่ต้องการเห็นกรุงเทพฯเติบโตและเปลี่ยนแปลงให้เป็นเมืองระดับโลกอย่างยั่งยืน ความน่าสนใจในหัวข้อนี้ได้รับการตอบรับอย่างเป็นบวกจากชุมชนและผู้สนใจหลากหลายกลุ่ม เนื่องจากมีการรวมกลุ่มความคิดและแนวคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์และเอื้อต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและทันสมัย การเติบโตและการพัฒนาในกรุงเทพฯไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของพื้นที่หรือสิ่งที่เห็นได้ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางด้านสังคม วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตของคนในเมือง เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อส่งเสริมการเดินทางเป็นธรรมชาติ การสร้างชุมชนที่ยั่งยืนและมีความเชื่อมโยงกันอย่างมั่นคง เป็นต้น การเชื่อมโยงระหว่างความคิดสร้างสรรค์และการกระทำในชุมชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อให้กรุงเทพฯเติบโตและขับเคลื่อนไปพร้อมกับเมืองระดับโลกอย่างยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเมืองอื่นๆ ทั่วโลกในการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39970
Retail
กลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem ของ มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจในรูปแบบ B2B หรือไม่?
null
ไม่ กลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem ของ มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจในรูปแบบ B2C เหตุผล: กลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem มุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร (End-to-End) มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งรถยนต์ เรือ บริการเช่า บริการหลังการขาย และบริการทางการเงิน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของมิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ คือ ลูกค้าระดับพรีเมียม ที่ต้องการความสะดวกสบาย และประสบการณ์ที่เหนือระดับ มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาบุคลากร และนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า งานวิจัยที่สนับสนุน: การศึกษาโดย McKinsey & Company พบว่า ลูกค้าระดับพรีเมียมให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่เหนือระดับมากกว่าราคา การศึกษาโดย Forrester Research พบว่า ลูกค้าต้องการความสะดวกสบาย และต้องการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ข้อควรระวัง:กลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem อาจมีต้นทุนสูง กลยุทธ์นี้ อาจทำให้มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ แข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจที่หลากหลาย สรุป: กลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem ของ มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจในรูปแบบ B2C เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39971
Retail
การปลดพนักงานของ Amazon ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อกลยุทธ์ Omnichannel ของบริษัทหรือไม่?
null
ใช่ การปลดพนักงานของ Amazon ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อกลยุทธ์ Omnichannel ของบริษัท เหตุผล: การปลดพนักงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นช่องทางหลักในกลยุทธ์ Omnichannel ของ Amazon การปลดพนักงานอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น การจัดส่งสินค้า การบริการลูกค้า Amazon อาจต้องปรับกลยุทธ์ Omnichannel ของบริษัท เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ Amazon อาจให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม งานวิจัยที่สนับสนุน: การศึกษาโดย Forrester Research พบว่า 70% ของผู้บริโภคใช้หลายช่องทางในการซื้อสินค้า การศึกษาโดย McKinsey & Company พบว่า Omnichannel สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% ข้อควรระวัง: การปรับกลยุทธ์ Omnichannel อาจทำให้ Amazon สูญเสียลูกค้า คู่แข่งของ Amazon อาจใช้โอกาสนี้ในการขยายธุรกิจ Omnichannel ของตน สรุป: การปลดพนักงานของ Amazon ในครั้งนี้ ย่อมส่งผลต่อกลยุทธ์ Omnichannel ของบริษัท Amazon อาจต้องปรับกลยุทธ์ของตน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ *Amazon อาจสูญเสียลูกค้า หากไม่สามารถปรับกลยุทธ์ Omnichannel ของตนได้ คู่แข่งของ Amazon อาจประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจ Omnichannel ของตน *Amazon อาจให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม Amazon อาจลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน คู่แข่งของ Amazon อาจขยายธุรกิจ Omnichannel ของตน โดยการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย คู่แข่งของ Amazon อาจลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39977
Retail
BUZZEBEES มีกลยุทธ์อย่างไรในการช่วยธุรกิจค้าปลีก (Retail) เติบโตในโลกดิจิทัล?
null
BUZZEBEES นำเสนอโซลูชันครบวงจรสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตในโลกดิจิทัล กลยุทธ์หลักๆ ประกอบด้วย: 1. การสร้างแพลตฟอร์ม CRM & Loyalty: BUZZEBEES ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสร้างแพลตฟอร์ม CRM ที่ช่วยติดตามข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ และความชอบ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อ personalizzate ประสบการณ์ของลูกค้า พัฒนาแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า BUZZEBEES ยังมี Loyalty Program ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ รักษาฐานลูกค้าเดิม และกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อมากขึ้น 2. การจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ: BUZZEBEES มีคลังสินค้ารางวัลและสิทธิพิเศษที่หลากหลาย เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ธุรกิจค้าปลีกสามารถเลือกของรางวัลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณของตน BUZZEBEES ยังช่วยจัดการแคมเปญรางวัลและสิทธิพิเศษ ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถติดตามผลลัพธ์และวัดผล ROI 3. บริการอีคอมเมิร์ซ: BUZZEBEES ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสร้างร้านค้าออนไลน์ของตนเอง บริการของ BUZZEBEES ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ ไปจนถึงการจัดการการชำระเงินและการจัดส่ง BUZZEBEES ยังช่วยธุรกิจค้าปลีกทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้า 4. บริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน: BUZZEBEES ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริการของ BUZZEBEES ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการสินค้าคงคลัง ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการขาย BUZZEBEES ยังมีระบบการรับชำระเงินที่ปลอดภัย สะดวก และรวดเร็ว ตัวอย่างการใช้งานโซลูชันของ BUZZEBEES ในธุรกิจค้าปลีก: - เซ็นทรัล รีเทล: ใช้ BUZZEBEES ในการสร้างแพลตฟอร์ม CRM & Loyalty ช่วยให้สามารถติดตามข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ และความชอบ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อ personalizzate ประสบการณ์ของลูกค้า พัฒนาแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า - CP All: ใช้ BUZZEBEES ในการจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับแคมเปญส่งเสริมการขาย ของรางวัลที่ BUZZEBEES นำเสนอมีความหลากหลาย เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ช่วยให้ CP All ดึงดูดลูกค้าใหม่ รักษาฐานลูกค้าเดิม และกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อมากขึ้น - Shopee: ใช้ BUZZEBEES ในการจัดการระบบการรับชำระเงิน ระบบการรับชำระเงินของ BUZZEBEES นั้นปลอดภัย สะดวก และรวดเร็ว ช่วยให้ Shopee สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ BUZZEBEES มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโตในโลกดิจิทัล ด้วยโซลูชันครบวงจรและประสบการณ์อันยาวนาน BUZZEBEES เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจค้าปลีกทุกรูปแบบ สรุป: BUZZEBEES ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโตในโลกดิจิทัล ผ่านโซลูชันครบวงจร ประกอบด้วย การสร้างแพลตฟอร์ม CRM & Loyalty, การจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ, บริการอีคอมเมิร์ซ, และบริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน BUZZEBEES มุ่งมั่นที่จะเป็น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50303
Retail
เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ ทิศทางของ 11 SKIES หลังจากมีการเปิดอาคารสำนักงานเกรด A ในปี 2022
null
11 SKIES เกิดจากการร่วมกันของนิวเวิลด์ ดีเวลลอปเมนต์ และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์รีสอร์ท และเป็นส่วนสำคัญของ SKYCITY ที่เป็นศูนย์รวมจุดชิวช้อปและธุรกิจครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ด้วยขนาดพื้นที่รวมกว่า 3.8 ล้านตารางฟุต หลังจากมีการเปิดอาคารสำนักงานเกรด A ในปี 2022 แล้ว จะมีการถทอยเปิดร้านอาหารและร้านค้าปลีกภายในพื้นที่ โดยจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2022 และจะเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ในปี 2025 บริษัท นิวเวิลด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์รีสอร์ท ประกาศลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MoU) เพื่อเปิดมิติประสบการณ์ใหม่ให้กับภาคการท่องเที่ยวของฮ่องกง ส่วนสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้จะเกิดขึ้นที่ 11 SKIES ที่ซึ่งมีการวางแผนว่าจะเปิดตัวร้านค้าของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์แห่งใหม่ ด้วยทำเลที่ตั้งละแวกเดียวกับ สนามบินนานาชาติฮ่องกงและสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ทำให้ 11 SKIES และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์รีสอร์ท ได้ใช้ประโยชน์จากทำเลยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกันในการวางแผนโอกาสความร่วมมือด้านต่างๆ อาทิ การเปิดตัวร้านค้าของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์แห่งใหม่ ส่งเสริมการเชื่อมต่อทางคมนาคม พัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ไปพร้อมกับการพัฒนาศักยภาพยกระดับเกาะลันเตา 11 SKIES ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ SKYCITY ทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2022 และจะเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ในปี 2025 โดยจะรับหน้าที่เป็นศูนย์รวมจุด “ชิวช้อป” (Retail-tainment) และธุรกิจครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงด้วยขนาดพื้นที่รวมกว่า 3.8 ล้านตารางฟุต ส่วนอาคารสำนักงานเกรด A ทั้ง 3 อาคารของบริษัท ได้แก่ K11 ATELIER และ 11 SKIES ได้เปิดดำเนินการแล้วเมื่อปี 2021 โดยมีผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการด้านการเงินและการบริหารความมั่งคั่ง ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ตลอดจนธุรกิจระหว่างประเทศ เฟสถัดไปของ 11 SKIES จะเป็นคิวของร้านค้าและความบันเทิงที่จะค่อยๆ เปิดตัวตามกันไป ประกอบด้วยร้านค้าปลีกกว่า 800 ร้านค้า ตัวเลือกร้านอาหารหลากหลายสไตล์กว่า 120 ร้าน และสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกครั้งแรกในฮ่องกงจำนวน 8 แห่ง ด้วยทำเลที่ตั้งที่ใกล้สนามบินและสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ที่นี่จึงกลายเป็นประตูและหัวใจสำคัญสู่ผู้คนกว่า 86 ล้านคนที่พำนักอยู่ในเขต “รัศมีการเดินทาง 1.5 ชั่วโมง” ภายในพื้นที่ GBA ตามที่ระบุไว้ใน MoU โอกาสทางความร่วมมือระหว่างนิวเวิลด์และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ครอบคลุมความร่วมมือด้านการค้าปลีก ผลิตภัณฑ์ การค้า และการเชื่อมต่อ จึงนำไปสู่การเปิดตัวร้านค้าของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ใน 11 SKIES นอกจากนี้ การเดินทางและบริการรถรับส่งระหว่าง 11 SKIES และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ยังนับเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ของความร่วมมือที่มีแผนจะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างสถานที่ทั้งสองแห่ง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะตัดสินใจร่วมกันในเรื่องของการพัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม สำรวจโอกาสสิทธิประโยชน์และประสบการณ์สุดพิเศษต่างๆ ที่สามารถมอบให้สมาชิกในระบบโปรแกรมสะสมคะแนนต่างๆ ของนิวเวิลด์กว่า 20 ล้านคนได้ รวมถึงจัดกิจกรรมและสร้างโอกาสทางการตลาดตามที่ต่างๆ ของ K11 ทั่วฮ่องกงและพื้นที่ GBA
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50317
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้สิงห์ เลมอนโซดา ประสบความสำเร็จและคว้ารางวัล Top Outstanding Brand ประจำปี 2566 จากรายงาน Brand Footprint Thailand 2023 โดยคันทาร์ (Kantar)
null
สิงห์ เลมอนโซดา ประสบความสำเร็จและคว้ารางวัล Top Outstanding Brand ประจำปี 2566 จากรายงาน Brand Footprint Thailand 2023 โดยคันทาร์ (Kantar) ด้วยกลยุทธ์หลักๆ ดังต่อไปนี้: 1. นำเสนอความแตกต่างและทันสมัย: สิงห์ เลมอนโซดา วางตำแหน่งสินค้าเป็นน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น 2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: สิงห์ เลมอนโซดา ออกรสชาติใหม่ๆ อยู่เสมอ ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย 3. สร้างการรับรู้และภาพจำที่ชัดเจน: สิงห์ เลมอนโซดา มีการสื่อสารการตลาดที่ต่อเนื่อง สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัย สนุกสนาน 4. เข้าถึงผู้บริโภค: สิงห์ เลมอนโซดา มีช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหาร 5. เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค: สิงห์ เลมอนโซดา วิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค พัฒนาสินค้าและกิจกรรมทางการตลาดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับ Retail: ช่องทางจำหน่าย: สิงห์ เลมอนโซดา วางสินค้าในจุดที่สะดุดตา เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย โปรโมชั่น: สิงห์ เลมอนโซดา จัดโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าปลีก ดึงดูดผู้บริโภคให้ซื้อสินค้า กิจกรรมส่งเสริมการขาย: สิงห์ เลมอนโซดา จัดกิจกรรม Sampling แจกตัวอย่างสินค้า กระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองชิม ผลลัพธ์: กลยุทธ์เหล่านี้ทำให้สิงห์ เลมอนโซดา ประสบความสำเร็จ มีจำนวนการซื้อมากกว่า 27 ล้านครั้ง กลายเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่คนไทยเลือกซื้อมากที่สุดในหมวดเครื่องดื่มบริโภคนอกบ้าน (OOH Beverage) ประจำปี 2566 บทสรุป: กลยุทธ์ของสิงห์ เลมอนโซดา เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับแบรนด์อื่นๆ ในการนำไปปรับใช้เพื่อประสบความสำเร็จในตลาด โดยเฉพาะการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจ เข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางที่หลากหลาย และสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50321
Retail
ซันเดย์มีกลยุทธ์อย่างไรในการขยายตลาดค้าปลีก (Retail) สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ?
null
ซันเดย์มีกลยุทธ์หลัก 4 ประการในการขยายตลาดค้าปลีกสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ดังนี้ 1. เพิ่มขีดความสามารถของแพลตฟอร์ม: ซันเดย์จะพัฒนาแพลตฟอร์มของตนให้สามารถรองรับการขายและบริการผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแบบปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการได้ง่ายขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มให้หลากหลายมากขึ้น เช่น ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย และตัวแทนจำหน่าย พัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองรวดเร็ว และสะดวก 2. ขยายฐานลูกค้า: ซันเดย์จะมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย เช่น ธนาคาร ร้านค้าปลีก บริษัทประกันภัย ฯลฯ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแก่ลูกค้าของพันธมิตร ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผ่านช่องทางต่าง ๆ 3. พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ: ซันเดย์จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันสุขภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ นำเสนอบริการเพิ่มเติม เช่น บริการสุขภาพแบบดิจิทัล บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฯลฯ พัฒนาบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองรวดเร็ว และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 4. พัฒนาระบบการจัดการข้อมูล: ซันเดย์จะพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการ พัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ ปกป้องข้อมูลลูกค้าตามมาตรฐานสากล ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์: - ซันเดย์ได้ร่วมมือกับธนาคารชั้นนำเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพกลุ่มแก่พนักงานของธนาคาร - ซันเดย์ได้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ เคลมสินไหม และติดต่อเจ้าหน้าที่ได้สะดวก - ซันเดย์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแบบรายเดือนที่สามารถปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามต้องการ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: - ซันเดย์สามารถขยายฐานลูกค้าในตลาดค้าปลีกได้ - ซันเดย์สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจประกันสุขภาพ - ซันเดย์สามารถเป็นผู้นำในธุรกิจประกันสุขภาพแบบดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บทสรุป: ซันเดย์มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายตลาดค้าปลีกสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์ม ขยายฐานลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนาระบบการจัดการข้อมูล และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ซันเดย์บรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันสุขภาพแบบดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50354
Retail
หลักการที่ Casino และห้างเลือกใช้ให้คนเสียเงินเพิ่มขึ้นมีอะไรบ้าง
null
Temporal Distortion Temporal Distortion หรือเรียกอีกอย่างว่า time distortion คือการที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการรับรู้เวลาของคนขึ้นมาทำให้เกิดการใช้เวลาที่ผิดปกติไปหรือเพลินไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนใช้เวลามากเกินไปกับเรื่องที่เพลิดเพลินอยู่ตัวอย่างที่เกิดขึ้นทุกๆวันคือการที่ตั้งใจจะใช้เวลากับการดู Netflix หรือเล่นเกมแค่ระยะยเวลาไม่นานแต่กลับกลายเป็นว่ากลับใช้เวลาไปทั้งวันกับการเล่นเกมหรือดูซีรีย์จนจบ Season ใน Netflix ขึ้นมานั้นเอง การที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกถึงเวลาที่ผิดเพี้ยนหรือใช้เวลากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากขึ้นมาได้นั้นคือการสร้างสิ่งแวดล้อมต่างๆให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายให้ยากต่อการรับรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วซึ่งเป็นเรื่องปกติอย่างมากในการออกแบบห้างสรรพสนค้าให้สามารถรับรู้โลกภายนอกได้อย่างจำกัดทำให้ไม่สามารถรับรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วหรือใช้เวลาในการเดินซื้อของในห้างนานมากเท่าไหร่ขึ้นมาซึ่งในความจริงแล้ว Temporal Distortion นั้นเรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่เป็น dark pattern แบบหนึ่งก็ได้เพียงแต่คนที่ใช้จะใช้มากน้อยแค่ไหนเพราะถ้าใช้อย่างมากและผิดศีลธรรมก็สามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นเสพติดอยู่ในสถานที่นั้นๆอย่างรูปแบบคาสิโนได้เลย แล้ว Temporal Distortion เข้ามาช่วยแบรนด์ได้อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้เวลาและการเกิดผลของ Temporal Distortionนั้นคือเมื่อผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายใช้เวลาที่เนิ่นนานในสถานที่นั้นๆขึ้นมาก็จะเกิดอาการที่สามารถซื้อสินค้าหรือใช้จ่ายเงินแบบไม่คิดได้ทันทีเพราะด้วยการการใช้เวลานานๆนี้ทำให้ผู้บริโภคนนั้นเกิดอาการที่เรียกว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือ decision fatigue
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50376
Retail
กลยุทธ์ D2C มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรต่อธุรกิจค้าปลีก?
null
ข้อดี คือ: 1. เข้าถึงลูกค้าโดยตรง: ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น และสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า 2. เพิ่มผลกำไร: ธุรกิจไม่ต้องแบ่งส่วนแบ่งกำไรให้กับตัวกลาง ทำให้สามารถเพิ่มผลกำไรได้ 3. ควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์: ธุรกิจสามารถควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ 4. เก็บข้อมูลลูกค้า: ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้เอง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และพัฒนาธุรกิจได้ 5. เพิ่มความคล่องตัว: ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ข้อเสีย คือ: 1. ต้นทุนการเริ่มต้น: ธุรกิจต้องลงทุนสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และระบบโลจิสติกส์ของตัวเอง 2. การแข่งขัน: ธุรกิจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงจากธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้กลยุทธ์ D2C 3. การจัดการข้อมูล: ธุรกิจต้องมีระบบจัดการข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ 4. การบริการลูกค้า: ธุรกิจต้องดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ตัวอย่าง - Nike: Nike ถอดตัวเองออกจาก Amazon และเลือกวิธีขายตรง สื่อสาร และพูดคุยกับลูกค้าโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง - Clarks: Clarks ศึกษาความชอบ ความสนใจ ของคนในแต่ละประเทศ เพื่อคิดแคมเปญ หรือจัดโปรโมชั่น เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น อนาคตของ D2C: - คาดว่าในอนาคตจะมีธุรกิจค้าปลีกอีกหลายแห่งที่ใช้กลยุทธ์ D2C เพิ่มมากขึ้น เพราะกลยุทธ์นี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าโดยตรง เพิ่มผลกำไร และควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์ของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต้องคำนึงถึงข้อเสียของกลยุทธ์ D2C ด้วย เช่น ต้นทุนการเริ่มต้น การแข่งขัน และการจัดการข้อมูล สรุป: กลยุทธ์ D2C มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ธุรกิจต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใช้กลยุทธ์นี้
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50390
Retail
เทคโนโลยี 5G จะช่วยพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก (Retail) หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. 5G จะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการสื่อสาร: -5G มีความเร็วสูงกว่า 4G ถึง 100 เท่า -5G ช่วยลดความหน่วงเวลา (Latency) ลงเหลือเพียง 1 มิลลิวินาที 2. 5G จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้า: -ลูกค้าสามารถลองสินค้าเสมือนจริง (Virtual Try-On) ผ่านเทคโนโลยี AR -ลูกค้าสามารถช็อปปิ้งสินค้าผ่าน Virtual Mall โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้า -ลูกค้าสามารถรับข้อมูลสินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี 5G 3. 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีก: -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Big Data) -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการบริหารจัดการคลังสินค้า (Inventory Management) -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการระบบชำระเงิน (Payment System) 4. 5G จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจค้าปลีก: -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ (New Business Model) -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ (New Customer Segment) -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ 5G ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitive Advantage) 5. ตัวอย่างการใช้ 5G ในธุรกิจค้าปลีก: -AIS 5G Smart Mirror ที่ Central World : ลูกค้าสามารถลองเสื้อผ้าเสมือนจริงโดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า -AIS 5G Virtual Mall : ลูกค้าสามารถช็อปปิ้งสินค้าจากห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ห้าง -CP Group 5G Smart Warehouse : ใช้ 5G ในการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบอัตโนมัติ จากเหตุผลทั้งหมดข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี 5G จะช่วยพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก (Retail) อย่างมาก 5G จะช่วยเพิ่มความเร็ว ประสิทธิภาพ ประสบการณ์ และโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม เช่น: -ผู้บริโภคพร้อมที่จะใช้เทคโนโลยี 5G ในการช็อปปิ้งหรือไม่? -ธุรกิจค้าปลีกจะมีความพร้อมในการลงทุนในเทคโนโลยี 5G หรือไม่? -โครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G มีความพร้อมเพียงพอหรือไม่? แต่โดยรวมแล้ว เทคโนโลยี 5G มีศักยภาพที่จะช่วยพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก (Retail) อย่างมาก
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50410
Retail
เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ ที่มาของการปรับช่องทางการขายจาก Offline สู่ Online ของ SCG
null
สำหรับที่มาของการปรับช่องทางการขายจาก Offline สู่ Online ของ SCG มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีความรุนแรงมาก แต่ก่อนหน้านั้น SCG มีช่องทางสำหรับขายสินค้าวัสดุก่อสร้างแบบออนไลน์อย่าง SCG HOME.com อยู่แล้ว พอสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนอยู่แต่ในบ้าน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ SCG ได้สร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมารองรับ และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อสินค้ามากมาย ยอดขายสินค้าผ่านออนไลน์ก็เติบโตขึ้น บทเรียนจากย่อหน้านี้ -วิกฤต COVID-19 ตัวเร่ง ปรับพฤติกรรมจาก Offline สู่ Online -วิกฤต COVID-19 มีความรุนแรงมาก หากไม่ปรับตัวคงมีผลกระทบหนักมาก เอสซีจีจึงพยายามปรับตัวทุกรูปแบบเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการปรับช่องทางการขายจาก Offline สู่ Online ซึ่งก่อนหน้านี้มี SCG HOME.com เป็นช่องทางสำหรับขายสินค้าวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว เพราะเห็นเทรนด์ออนไลน์มีแนวโน้มเติบโต จากการที่ลูกค้าเริ่มเข้ามาซื้อสินค้าบนออนไลน์ หาแบบบ้าน หาวัสดุ และ หาช่าง รวมถึงผู้ออกแบบ จึงสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมารองรับ และพยายามกระตุ้นให้มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ยังค่อยไม่คึกคัก จนเมื่อเกิดโควิดแพลตฟอร์มนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อสินค้าคึกคักอย่างมาก สะท้อนจากยอดขายผ่านออนไลน์ที่เติบโตขึ้นถึง 3 เท่าเทียบกับก่อนเกิดโควิด โควิดเข้ามาเป็นตัวเร่ง เพราะเดิมคนมองว่าวัสดุก่อสร้างเป็นของหนักคงไปกับออนไลน์ได้ยาก และคนยังต้องการจับต้องเห็นของจริง ต้องยอมรับว่าเวลาเปลี่ยนด้วยพฤติกรรม มนุษย์จะเปลี่ยนไปไม่มาก แต่พอมีภาคบังคับเข้ามา มันเป็นตัวเร่งจริง ๆ ซึ่งทุกวิกฤตมีโอกาส วันนั้นถ้าไม่ปรับตัวลำบากแน่นอน จึงถือเป็นโอกาสให้ได้ทดสอบความสามารถ เป็นโอกาสที่ทำให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือกัน คิดว่าในช่วงนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือกัน ไม่ใช่แค่เอสซีจีแต่รวมถึงเครือข่าย ทั้งเอเย่นต์ ร้านค้าช่วง ดีเวลลอปเปอร์ มีคนเกี่ยวข้องกับเรามากมายเป็นหมื่นราย ซึ่งเมื่อปรับตัวได้จึงดูเหมือนผลกระทบมีไม่มาก
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50431
Retail
อุตสาหกรรมค้าปลีก เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไปของโรคโควิด-19 ใช่หรือไม่
null
ใช่ ในขณะที่อุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไปของโรคโควิด-19 ได้ทยอยกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งหลังจากเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทย การเปิดประตูต้อนรับนักช็อปอย่างง่ายๆ เหมือนที่เคยเป็นมา คงจะไม่เพียงพอสำหรับโลกหลังสถานการณ์โควิด รายงานของ McKinsey & Company เรื่อง “Reimagining food retail in Asia after Covid-19” ได้ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาด อาจกลับกลายเป็นพฤติกรรมแบบถาวร แม้ว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงผลลัพธ์ที่สถานการณ์โควิด-19 จะมีต่ออุตสาหกรรมค้าปลีก (ยิ่งผลต่อสังคมโดยรวมยิ่งไม่ต้องพูดถึง) แต่สามารถคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ดังนี้ 1. ผู้บริโภคจะกลับมา พฤติกรรมที่เป็นอุปนิสัยโดยส่วนใหญ่จะกลับคืนมา (เว้นแต่เรายังคงอยู่ภายใต้สถานการณ์ “ชัตดาวน์” ไปอีก 12 เดือนขึ้นไป) ผู้คนจะออกไปรับประทานอาหาร เดินทางโดยเครื่องบิน ทำงานในออฟฟิศ ไปดูการแข่งขันกีฬา และแน่นอนว่าไปเลือกซื้อสินค้าที่ร้านและห้างสรรพสินค้า 2. ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะมีการกลับมาตามปกติในโลกทางกายภาพ แต่ก็จะไม่กลับมาทั้งหมดอย่างที่เคยเป็น ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะพบว่าโลกดิจิทัลก็สะดวกดี และบางครั้งอาจดีกว่าด้วยซ้ำ เราจะเห็นจุดเปลี่ยนสำหรับร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคออนไลน์ เมื่อการช็อปปิ้ง การซื้อสินค้า และการเติมเต็มความต้องการกลายเป็นสิ่งที่แยกจากกัน และการมีส่วนร่วมในโลกดิจิทัลจะยิ่งทวีจำนวนขึ้นทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเป็นแรงผลักดันให้ต้องมีการปิดห้างร้านและห้างสรรพสินค้าเพิ่มเติมอีกรอบ 3. การทำความสะอาดกลายเป็นเรื่องสำคัญมาก การที่ผู้บริโภคมองว่าความสะอาดสำคัญพอๆ กับความปลอดภัย ผู้ค้าปลีกจึงต้องเร่งดำเนินการทำความสะอาดและประกาศข้อมูลนี้ให้ผู้บริโภคทราบอย่างกระตือรือร้น เนื่องจากผู้บริโภคจะประเมินและทบทวนความสะอาดของร้านค้าต่างๆ ด้วยตนเอง นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นผู้ให้บริการรับรองมาตรฐานความสะอาดเกิดขึ้น 4. การตรวจสอบย้อนกลับจะกลายเป็นความจำเป็นพื้นฐาน การติดตามข้อมูลพื้นฐานของผลิตภัณฑ์จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปนี้ผู้บริโภคจะต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์ของตนมาจากแหล่งใด ผลิตขึ้นหรือปลูกที่ไหน หรือประวัติเส้นทางผลิตภัณฑ์ (คุณภาพ การเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม ความสะอาด ความปลอดภัย ความยั่งยืน) ของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของผลิตภัณฑ์นั้น ความโปร่งใสอย่างเต็มที่ “จากแหล่งเพาะปลูกสู่โต๊ะอาหาร” บนระบบบล็อกเชน จะเปลี่ยนสถานะจาก “ถ้ามีก็ดี” กลายเป็นข้อกำหนดที่จำเป็น 5. บริษัทที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะสูญหายไป (Corporate Darwinism) ในช่วงสถานการณ์วิกฤตินี้ บริษัทต่างๆ ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ กลุ่มที่เติบโต กลุ่มที่อยู่รอด และกลุ่มที่สูญหายไป ผู้ชนะจะสามารถใช้ข้อได้เปรียบของตนในการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ แบรนด์ใหม่ๆ หรือขีดความสามารถใหม่ๆ เพื่อขยายธุรกิจของตน และ/หรือเพื่อสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน 6. คลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรม ภาวะตกต่ำทุกครั้งจะสร้างคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนให้เกิดวงจรธุรกิจแบบใหม่ นวัตกรรมบางส่วนจะเน้นที่การมีส่วนร่วมของลูกค้า (เช่น การขายผ่านวิดีโอโดยพนักงาน) บางส่วนจะเน้นที่ซัพพลายเชน (การคาดการณ์ความต้องการแบบไฮเปอร์โลคัลจะผนวกกระบวนการต้นน้ำเข้ากับการจัดการด้านสินค้าและการผลิต) และส่วนที่เหลือจะเน้นที่ข้อมูลองค์กรและการปฏิบัติการ (การสั่งงานด้วยระบบเสียง การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์)
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50434
Retail
จากบทความ กลยุทธ์ “O2O” หรือ “Online Merges Offline” น่าจะเป็นแนวทางสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุค New Retail ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมควรปรับตัวอย่างไรเพื่อนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด?
null
1. เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุค New Retail: -ผู้บริโภคยุคนี้ใช้ชีวิตแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ -ต้องการประสบการณ์ที่ราบรื่น ไร้รอยต่อ -ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล 2. พัฒนาช่องทางออนไลน์: -สร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย -นำเสนอสินค้าและบริการครบครัน -มีระบบการสั่งซื้อและชำระเงินที่ปลอดภัย -เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ 3. เชื่อมต่อช่องทางออนไลน์กับออฟไลน์: -ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน -ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสินค้าออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อที่หน้าร้าน -นำเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาที่หน้าร้าน 4. พัฒนาระบบ Logistic: -จัดส่งสินค้ารวดเร็ว ตรงเวลา -ให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า -เสนอตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลาย 5. พัฒนาทักษะพนักงาน: -ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ -ฝึกอบรมทักษะการให้บริการลูกค้า -เข้าใจเทคโนโลยีและสามารถใช้งานเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จในการนำกลยุทธ์ O2O ไปใช้: เซ็นทรัล รีเทล: -พัฒนาแอปพลิเคชัน Central Retail ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือ เลือกซื้อสินค้าออนไลน์และไปลองสินค้าที่หน้าร้านก่อนตัดสินใจซื้อ CP ALL: -พัฒนาแอปพลิเคชัน 7-Eleven Delivery ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และจัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน HomePro: -พัฒนาเว็บไซต์ HomePro ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือ เลือกซื้อสินค้าออนไลน์และไปรับสินค้าที่คลังสินค้า บทสรุป: กลยุทธ์ O2O เป็นแนวทางสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุค New Retail ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมควรปรับตัวเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค พัฒนาช่องทางออนไลน์ เชื่อมต่อช่องทางออนไลน์กับออฟไลน์ พัฒนาระบบ Logistic พัฒนาทักษะพนักงาน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50438
Retail
ผู้บริโภคจะใช้จ่ายน้อยลงสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงหลัง COVID-19 หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: รายงานพฤติกรรมผู้บริโภคโดย EY: 78% ของผู้คน กำลังช้อปปิ้งน้อยลง 64% เน้นการซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น 45% ของผู้บริโภคบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรในวิธีที่พวกเขาซื้อสินค้า COVID-19 Impact Quadrant: กลุ่มธุรกิจ "Slowdown" ประกอบด้วย การท่องเที่ยว การบริการ การเคลื่อนไหว อสังหาริมทรัพย์ และการส่งอาหาร (ในบางประเทศ) แสดงให้เห็นว่า ผู้คนระมัดระวังการใช้จ่ายสำหรับสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น ความกังวลด้านสุขภาพและความปลอดภัย: ผู้คนยังคงกังวลเรื่อง COVID-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่าย เน้นไปที่สินค้าที่จำเป็นและสินค้าที่ช่วยให้ปลอดภัย ภาวะเศรษฐกิจ: หลายคนสูญเสียงานหรือรายได้ ส่งผลต่อกำลังซื้อ เน้นไปที่สินค้าจำเป็น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้คนคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ ช่องทางออนไลน์มีตัวเลือกสินค้าหลากหลาย สะดวก และราคาถูกกว่า ส่งผลต่อยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในร้านค้า อย่างไรก็ตาม ยังมีบางปัจจัยที่อาจส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค เช่น: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ: มาตรการต่างๆ เช่น เงินเยียวยา การลดภาษี อาจช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลต่อการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย วัคซีน COVID-19: เมื่อผู้คนได้รับวัคซีนมากขึ้น ความมั่นใจอาจกลับมา ส่งผลต่อการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย โดยสรุป เป็นไปได้ว่าผู้บริโภคจะใช้จ่ายน้อยลงสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงหลัง COVID-19 ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม: พฤติกรรมผู้บริโภคอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 และเศรษฐกิจ ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์ เช่น เน้นการขายสินค้าออนไลน์ มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ปลอดภัย และนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50443
Retail
หลังคลี่คลายจาก COVID-19 ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะสูญเสียความสำคัญลงหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล คือ 1.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง: 1.1 การช้อปปิ้งออนไลน์: ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้าน มีตัวเลือกสินค้าหลากหลาย เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโปรโมชั่นและส่วนลดที่ดึงดูดใจ 1.2 ความกังวลด้านสุขภาพ: ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อ COVID-19 การช้อปปิ้งออนไลน์ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับผู้คน 2. การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์: 2.1 มีการลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง 2.2 ผู้บริโภคเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ง่ายขึ้นผ่านสมาร์ทโฟน 2.3 เกิดแพลตฟอร์มใหม่ ๆ รองรับความต้องการเฉพาะกลุ่ม เช่น สินค้าสด อาหาร การปรับตัวของธุรกิจค้าปลีก: 1. พัฒนาช่องทางออนไลน์ 2. ลงทุนในระบบ Omnichannel เชื่อมต่อประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ 3. มุ่งเน้นไปที่บริการและประสบการณ์พิเศษดึงดูดลูกค้า ต้นทุนการดำเนินงาน: - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีค่าใช้จ่ายสูง - ค่าเช่าพื้นที่ - ค่าจ้างพนักงาน - ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งธุรกิจออนไลน์มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า - ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน สามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมยังคงมีบทบาทสำคัญในบางแง่มุม 1. การสัมผัสสินค้า: ผู้บริโภคยังต้องการสัมผัสสินค้าบางประเภทก่อนตัดสินใจซื้อ 2. การบริการ: ร้านค้าปลีกสามารถให้บริการลูกค้าแบบตัวต่อตัว 3. ประสบการณ์: ร้านค้าปลีกสามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษและน่าจดจำ สรุป: ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะสูญเสียความสำคัญลงหลังคลี่คลายจาก COVID-19 ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัว มุ่งเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ พัฒนาบริการ และสร้างประสบการณ์พิเศษดึงดูดลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50491
Retail
ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคมีทางเลือกในการช้อปปิ้งมากมาย กลยุทธ์ Omnichannel ที่ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ มีความสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
กลยุทธ์ Omnichannel มีความสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างมากในยุคดิจิทัลนี้ เหตุผลหลัก ๆ มีดังนี้: 1. ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง: ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้ช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ในการช้อปปิ้งสลับกันไป กลยุทธ์ Omnichannel ช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับพฤติกรรมนี้ได้อย่างราบรื่น ลูกค้าสามารถเริ่มช้อปออนไลน์ ค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบสินค้า และทำการสั่งซื้อ ต่อมาสามารถไปลองสินค้าจริงที่หน้าร้าน หรือ เลือกรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้าน 2. เพิ่มโอกาสในการขาย: กลยุทธ์ Omnichannel ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าและทำการสั่งซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องจำกัดอยู่แค่หน้าร้าน ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างรายได้ 3. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น: กลยุทธ์ Omnichannel ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว และไร้รอยต่อ ลูกค้าสามารถสลับไปมาระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างราบรื่น โดยไม่รู้สึกสับสน 4. เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: กลยุทธ์ Omnichannel ช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์พฤติกรรมการช้อปปิ้ง นำไปใช้ในการพัฒนาสินค้า บริการ และโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ Omnichannel: บริการ Click & Collect: ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้เอง บริการ Chat & Shop: ลูกค้าสามารถพูดคุยกับพนักงานขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น LINE หรือ Facebook Messenger เพื่อขอคำแนะนำและสั่งซื้อสินค้า บริการ Personal Shopper: ลูกค้าสามารถจองบริการ Personal Shopper ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรับคำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะกับความต้องการ บริการ Omnichannel Fulfillment: ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และเลือกให้จัดส่งสินค้าไปยังที่อยู่ หรือ เลือกรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้าน จากบทความ เซ็นทรัล รีเทล มองเห็นความสำคัญของกลยุทธ์ Omnichannel และได้นำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ บริการ 1-Hour Pick Up ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และไปรับสินค้าที่สาขาเพาเวอร์บายได้ภายใน 1 ชั่วโมง บริการนี้ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการช้อปปิ้งออนไลน์ แต่ต้องการรับสินค้าได้เร็ว นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังมีบริการ Chat & Shop ที่ลูกค้าสามารถพูดคุยกับพนักงานขายผ่าน LINE และบริการ Express Delivery ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และรอรับสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง บริการเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ Omnichannel โดยสรุป กลยุทธ์ Omnichannel มีความสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างมากในยุคดิจิทัล ธุรกิจที่สามารถนำกลยุทธ์นี้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น เพิ่มโอกาสในการขาย มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50500
Retail
ในปัจจุบัน ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Retail) เผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง และ MADHUB ของธนาคารกสิกรไทยสามารถช่วยธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านั้นได้อย่างไร
null
-การเติบโตของ e-Commerce: ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อยอดขายของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม -การแข่งขันที่รุนแรง: มีร้านค้าปลีกเกิดขึ้นใหม่มากมาย รวมไปถึงร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง -การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย -ต้นทุนที่สูงขึ้น: ต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ค่าเช่า ค่าแรง และค่าสินค้าที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ -การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ: ธุรกิจค้าปลีกต้องการแรงงานที่มีทักษะ แต่การหานั้นยากขึ้น MADHUB ของธนาคารกสิกรไทยสามารถช่วยธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านั้นได้ดังนี้: ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถเข้าสู่โลกออนไลน์: MADHUB มีบริการต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถสร้างและบริหารร้านค้าออนไลน์ เช่น ระบบจัดการสินค้า ระบบจัดการหน้าร้าน และระบบชำระเงิน ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถแข่งขันได้: MADHUB มีบริการต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน: MADHUB มีบริการสินเชื่อและเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ ที่ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีเงินทุนเพื่อดำเนินธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถพัฒนาทักษะของพนักงาน: MADHUB มีบริการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน ที่ช่วยให้พนักงานมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ตัวอย่าง:ร้านขายเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมแห่งหนึ่งประสบปัญหาการขายตก เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อเสื้อผ้าออนไลน์มากขึ้น ร้านค้าจึงตัดสินใจเข้าร่วม MADHUB และใช้บริการต่างๆ ของ MADHUB ดังนี้: -สร้างร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าสร้างร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่ MADHUB แนะนำ -ใช้ระบบจัดการสินค้า: ร้านค้าใช้ระบบจัดการสินค้าของ MADHUB เพื่อติดตามสินค้าคงคลังและจัดการคำสั่งซื้อ -ใช้ระบบชำระเงิน: ร้านค้าใช้ระบบชำระเงินออนไลน์ของ MADHUB เพื่อรับชำระเงินจากลูกค้า -เข้าร่วมอบรมพนักงาน: ร้านค้าส่งพนักงานเข้าร่วมอบรมพนักงานขายออนไลน์ของ MADHUB ผลลัพธ์: -ร้านค้ามีช่องทางการขายใหม่ผ่านร้านค้าออนไลน์ -ร้านค้าสามารถติดตามสินค้าคงคลังและจัดการคำสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ -ร้านค้าสามารถรับชำระเงินจากลูกค้าออนไลน์ได้สะดวก -พนักงานของร้านค้ามีทักษะในการขายออนไลน์มากขึ้น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50503
Retail
กลยุทธ์ "ชิ้นที่สอง 1 บาท" ของวัตสัน ประสบความสำเร็จอย่างไร? กลยุทธ์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ได้อย่างไร
null
กลยุทธ์ "ชิ้นที่สอง 1 บาท" ของวัตสัน ประสบความสำเร็จด้วยปัจจัยหลัก ดังนี้: 1. เข้าใจลูกค้าและตอบสนองความต้องการ: วัตสันวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า ทราบว่าลูกค้ากำลังมองหาสินค้าอะไร สินค้าประเภทใดที่ได้รับความนิยม ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาใช้พัฒนาโปรโมชั่น "ชิ้นที่สอง 1 บาท" โดยนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ครบทุกประเภท ตรงกับความต้องการของลูกค้า กลยุทธ์นี้ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าและกระตุ้นยอดขาย 2. สร้างสรรค์กลยุทธ์การสื่อสารที่โดดเด่นและน่าจดจำ: วัตสันใช้สโลแกน "#ชิ้นที่สอง1บาท" พร้อมกับไอคอน 1 บาท สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ กลยุทธ์นี้สร้างการจดจำ ดึงดูดความสนใจ และสร้างกระแสบนโลกโซเชียลมีเดีย กลยุทธ์นี้ยังไม่เคยมีแบรนด์ในสายร้านค้าปลีก Health & Beauty ทำมาก่อน สร้างความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่ง 3. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนาน: วัตสันสร้างความร่วมมือกับ Twitter สร้าง Emoji icon 1 Baht ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ สร้างความเซอร์ไพรส์ ความสนุกสนาน และดึงดูดความสนใจจากลูกค้า กลยุทธ์นี้สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่า สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์วัตสัน 4. ขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า: วัตสันนำเสนอโปรโมชั่น "ชิ้นที่สอง 1 บาท" ทั้งบนหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ กลยุทธ์นี้ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโปรโมชั่นได้สะดวก รวดเร็ว เพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมช้อปปิ้งทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ "ชิ้นที่สอง 1 บาท" กับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ: ร้านขายเสื้อผ้า: ร้านขายเสื้อผ้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจสไตล์การแต่งตัว ความนิยมของเสื้อผ้า นำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาโปรโมชั่น "ชิ้นที่สอง 1 บาท" นำเสนอเสื้อผ้าที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้า ร้านค้าสามารถใช้สโลแกนและไอคอนที่ดึงดูดความสนใจ สร้างความร่วมมือกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม สร้างกิจกรรมพิเศษ และนำเสนอโปรโมชั่นผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า: ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจความต้องการ นำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาโปรโมชั่น "ชิ้นที่สอง 1 บาท" นำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้า ร้านค้าสามารถใช้สโลแกนและไอคอนที่ดึงดูดความสนใจ สร้างความร่วมมือกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน นำเสนอโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% และนำเสนอโปรโมชั่นผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50506
Retail
พนักงานขายในร้านค้าปลีก (Retail) จำเป็นต้อง Reskill หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล คือ: 1. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีแนวโน้มช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น พนักงานขายจึงต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เกี่ยวกับการขายออนไลน์ เช่น การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การตอบคำถามลูกค้าออนไลน์ การจัดการออเดอร์ และการจัดส่งสินค้า 2. การเติบโตของเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) กำลังถูกนำมาใช้ในร้านค้าปลีกมากขึ้น พนักงานขายจึงต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 3. การแข่งขันที่รุนแรง: ธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันสูง ร้านค้าปลีกจึงต้องพัฒนาทักษะของพนักงานขาย เพื่อให้สามารถดึงดูดลูกค้า และสร้างยอดขายได้ 4. การเปลี่ยนแปลงของสินค้า: สินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอยู่เสมอ พนักงานขายจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อสามารถให้ข้อมูล และแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างถูกต้อง 5. การพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills: พนักงานขายจำเป็นต้องมีทักษะด้าน Soft Skills เช่น การสื่อสาร การเจรจาต่อรอง การบริการลูกค้า และการทำงานเป็นทีม เพื่อสามารถทำงานร่วมกับลูกค้า และเพื่อนร่วมงานได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างการ Reskill ของพนักงานขายในร้านค้าปลีก: - เรียนรู้การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee, JD Central - เรียนรู้การตอบคำถามลูกค้าออนไลน์ - เรียนรู้การจัดการออเดอร์ และการจัดส่งสินค้า - เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) - เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ - พัฒนาทักษะด้าน Soft Skills เช่น การสื่อสาร การ เจรจาต่อรอง การบริการลูกค้า และการทำงานเป็นทีม ผลลัพธ์ของการ Reskill: 1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานขาย มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 2. เพิ่มยอดขาย 3. พัฒนาความสามารถในการแข่งขัน 4. พัฒนาองค์กร สรุป: พนักงานขายในร้านค้าปลีกจำเป็นต้อง Reskill เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และพัฒนาองค์กร
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50516
Retail
อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจ Dean & DeLuca ในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาและต้องปิดสาขาลงหลายสาขา? กลยุทธ์ใดที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ
null
1. ปัญหาสภาพคล่อง: บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ฯ ประสบปัญหาสภาพคล่องตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ Dean & DeLuca ส่งผลต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน 2. การแข่งขันที่รุนแรง: ธุรกิจค้าปลีกประเภทกูร์เมต์ในสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันที่รุนแรง Dean & DeLuca ต้องเผชิญคู่แข่งที่มีจำนวนมาก กลยุทธ์การตลาดและสินค้าที่คล้ายคลึงกัน ส่งผลต่อยอดขายและกำไร 3. ค่าใช้จ่ายที่สูง: Dean & DeLuca มีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยเฉพาะค่าเช่าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานร้าน ส่งผลต่อกำไรและความยั่งยืนของธุรกิจ 4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ส่งผลต่อยอดขายในหน้าร้าน 5. การบริหารจัดการที่ผิดพลาด: การบริหารจัดการที่ผิดพลาด ขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขาดการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาด กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ มีดังนี้: 1. วิเคราะห์สถานการณ์และปรับกลยุทธ์: ธุรกิจค้าปลีกต้องวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอย่างละเอียด ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด เน้นสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค 2. ควบคุมค่าใช้จ่าย: ธุรกิจค้าปลีกต้องควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด มองหาวิธีลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน 3. บริหารจัดการสต็อกสินค้า: ธุรกิจค้าปลีกต้องบริหารจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียสินค้า รักษาสภาพคล่อง 4. พัฒนาช่องทางการขาย: ธุรกิจค้าปลีกต้องพัฒนาช่องทางการขายที่หลากหลาย ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า 5. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เน้นการบริการที่มีคุณภาพ สร้างความประทับใจ รักษาฐานลูกค้าเก่า ดึงดูดลูกค้าใหม่ 6. ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50523
Retail
ปี 2019 แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชากรอินเตอร์เน็ตใช้เวลาเพิ่มขึ้น มีโอกาสสูงที่ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะถูกล้มล้างโดยแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้หรือไม่?
null
ไม่ เหตุผล คือ ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมยังมีจุดแข็งหลายประการ ดังนี้ 1. ลูกค้ายังต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบออฟไลน์: - ลูกค้าบางกลุ่มชอบสัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ - ลูกค้าบางกลุ่มต้องการพูดคุยกับพนักงานขายเพื่อขอคำแนะนำ - ลูกค้าบางกลุ่มต้องการบรรยากาศการช้อปปิ้งในร้าน 2. ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง: - ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวก - ลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ทันที 3. ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: - ลูกค้ามีความคุ้นเคยและไว้วางใจในแบรนด์ - ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์ แพลตฟอร์มออนไลน์ยังมีข้อจำกัดบางประการ: 1. ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ: - ลูกค้าอาจไม่พอใจกับสินค้าที่ได้รับ - ลูกค้าอาจต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการคืนสินค้า 2. แพลตฟอร์มออนไลน์อาจมีปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้า: - สินค้าอาจจัดส่งล่าช้า - สินค้าอาจเสียหายระหว่างการจัดส่ง 3. แพลตฟอร์มออนไลน์อาจมีปัญหาด้านความปลอดภัย: - ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอาจถูกขโมย - ลูกค้าอาจถูกหลอกลวง ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้: - สามารถสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นเพื่อขายสินค้าออนไลน์ - สามารถนำเสนอบริการ Click-and-Collect - สามารถนำเสนอบริการ Omnichannel ตัวอย่าง: 1. Central Retail ได้สร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Lazada เพื่อขายสินค้าออนไลน์ 2. Siam Paragon ได้นำเสนอบริการ Click-and-Collect 3. Robinson Department Store ได้นำเสนอบริการ Omnichannel อย่างไรก็ตาม ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50534
Retail
Minor International ควรทำอย่างไรเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
null
1. เน้นย้ำประสบการณ์ที่มี -เตรียมเอกสารรับรองประสบการณ์และผลงานที่เกี่ยวข้องกับ Retail Business -เน้นย้ำผลงานที่ประสบความสำเร็จในอดีต อธิบายว่าประสบการณ์ของ Minor International จะช่วยต่อยอดธุรกิจในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้อย่างไร เหตุผล: -ทอท. ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์จริงในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ -การนำเสนอผลงานที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับ ทอท. -การอธิบายถึงแผนธุรกิจที่ต่อยอดจากประสบการณ์ จะช่วยแสดงให้ ทอท. เห็นถึงศักยภาพของ Minor International 2. เสนอแผนธุรกิจที่ชัดเจนและน่าสนใจ -ศึกษาความต้องการของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว -เสนอรูปแบบร้านค้าและบริการที่หลากหลาย -เน้นความแปลกใหม่และความแตกต่าง เหตุผล: -ทอท. ต้องการผู้ที่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนและยั่งยืน -การตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ -รูปแบบร้านค้าและบริการที่แปลกใหม่จะดึงดูดลูกค้า 3. หาพันธมิตรที่มีประสบการณ์ -ร่วมมือกับบริษัทที่มีประสบการณ์ในการบริหารพื้นที่ในท่าอากาศยาน -แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน -เพิ่มศักยภาพในการชนะการประมูล เหตุผล: -ทอท. อาจจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีประสบการณ์ในท่าอากาศยาน -การร่วมมือกับพันธมิตรจะช่วยเสริมจุดอ่อนของ Minor International -การแบ่งปันความรู้จะช่วยพัฒนารูปแบบธุรกิจที่แข็งแกร่ง 4. เจรจาต่อรองกับ ทอท. -อธิบายถึงศักยภาพและความพร้อมของ Minor International -เสนอเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย -สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ ทอท. เหตุผล: -การเจรจาต่อรองจะช่วยหาจุดลงตัวที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ -เงื่อนไขที่ยืดหยุ่นจะช่วยสร้างความน่าสนใจ -ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยต่อยอดความร่วมมือในอนาคต 5. เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบ -เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน -ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา -แสดงความโปร่งใสและซื่อสัตย์ เหตุผล: -ทอท. จะมีการตรวจสอบผู้เข้าร่วมประมูลอย่างละเอียด -การตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาจะสร้างความมั่นใจให้กับ ทอท. -ความโปร่งใสจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ตัวอย่างเพิ่มเติม: -Minor International สามารถจัดทำ Portfolio ของผลงานที่ผ่านมาเพื่อนำเสนอ ทอท. -Minor International สามารถจัดทำ Mockup ของร้านค้าและบริการที่จะนำเสนอในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ -Minor International สามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการประมูล สรุป: Minor International มีศักยภาพในการชนะการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ นำเสนอแผนธุรกิจที่ชัดเจน และสร้างความมั่นใจให้กับ ทอท.
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50541
Retail
กลยุทธ์ "Living Room" ของ Facebook ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร
null
ผลดี: -เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย: Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านกลุ่ม Facebook หน้า Facebook ของร้านค้า หรือโฆษณาบน Facebook -สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: กลยุทธ์ "Living Room" เน้นการสร้างพื้นที่ส่วนตัวบน Facebook ธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ผ่านการสื่อสารที่เป็นส่วนตัว ตอบคำถาม ให้คำปรึกษา หรือเสนอโปรโมชั่นพิเศษ -สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า: กลยุทธ์ "Living Room" เน้นการสร้างชุมชนบน Facebook ธุรกิจค้าปลีกสามารถกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็น รีวิวสินค้า หรือแชร์ประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ และดึงดูดลูกค้าใหม่ -เพิ่มยอดขาย: กลยุทธ์ "Living Room" ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ และสร้างการมีส่วนร่วม ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น ผลเสีย: การกำหนดเป้าหมายโฆษณาที่ยากขึ้น: กลยุทธ์ "Living Room" เน้นความเป็นส่วนตัว ธุรกิจค้าปลีกจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการกำหนดเป้าหมายโฆษณา เนื่องจาก Facebook จะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ -การวัดผลประสิทธิภาพที่ยากขึ้น: กลยุทธ์ "Living Room" เน้นการสื่อสารแบบส่วนตัว ธุรกิจค้าปลีกจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด -ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: กลยุทธ์ "Living Room" ธุรกิจค้าปลีกอาจต้องลงทุนเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาช่องทางการสื่อสารแบบอื่นๆ ทดแทนการใช้ Facebook โดยสรุป กลยุทธ์ "Living Room" ของ Facebook ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกทั้งด้านบวกและด้านลบ ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาด มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ Facebook
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50563
Retail
จงบอกวิธีที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดดิวตี้ฟรีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้
null
วิธีที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดดิวตี้ฟรีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้ มีดังนี้ 1. การนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ: - พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความล้ำสมัย ใช้งานง่าย และตอบสนองความต้องการของลูกค้า - นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตรงใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม - มอบบริการที่ personalized ให้กับลูกค้า - เน้นการสร้าง engagement กับลูกค้า ผ่านกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ - พัฒนา Customer Service ให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองรวดเร็ว และเข้าถึงง่าย 2. การนำเทคโนโลยีมาใช้: - พัฒนา AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ - นำเทคโนโลยี AR/VR มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งเสมือนจริง - พัฒนาระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย - นำระบบ Robotic มาใช้ในคลังสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า 3. การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่: - มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ - พัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค - ร่วมลงทุนกับ Startup ที่มีศักยภาพ 4. การสร้างพันธมิตร: - ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย - ร่วมมือกับ Influencer กระตุ้นการรับรู้และสร้างการจดจำแบรนด์ 5. การให้ความสำคัญกับ Sustainability: - ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสังคม - พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สนับสนุนโครงการ CSR ตอบแทนสังคม ตัวอย่างเพิ่มเติม: - พัฒนาบริการ Click & Collect ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และรับสินค้าที่หน้าร้าน - พัฒนาบริการ Personal Shopper ให้คำแนะนำและช่วยลูกค้าเลือกซื้อสินค้า - นำเสนอบริการ Omnichannel ให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านหลากหลายช่องทาง - พัฒนาแอปพลิเคชั่น ให้ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลสินค้า โปรโมชั่น และบริการต่าง ๆ สรุป: คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง นำเสนอประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย นำเทคโนโลยีมาใช้ ขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ สร้างพันธมิตร และให้ความสำคัญกับ Sustainability โดย: 1. นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตรงใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม 2. มอบบริการที่ personalized ให้กับลูกค้า 3. พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความล้ำสมัย ใช้งานง่าย และตอบสนองความต้องการของลูกค้า 4. พัฒนาระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย 5. มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ 6. ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย 7. ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสังคม
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50564
Retail
จงเสนอไอเดีย New Branch Concept ของ KBank มีทั้งสิ้น 4 รูปแบบ ได้แก่อะไรบ้าง
null
1. K Park : ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ของชุมชน ตามที่เกริ่นไปแล้วในช่วงแรกว่า K Park ดำเนินงานในลักษณะกึ่งแบงก์! เหมือนเป็นคอมมูนิตี้แห่งหนึ่งภายในชุมชนมากกว่าเป็นสาขาของธนาคารในรูปลักษณ์เดิม ไม่ทำให้รู้สึกว่าเราจะเข้าธนาคารสาขาได้ต่อเมื่อต้องการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่แนวคิดของ K Park กลายเป็นธนาคารชุมชนที่คนในพื้นที่หรือผู้ที่ผ่านไป สามารถเข้าไปใช้ชีวิตได้สบาย ๆ ทั้งวัน โดยจะเน้นพื้นที่รอบนอกเมือง เนื่องจากเห็นศักยภาพในการเติบโตของรอบนอกเมืองมีการขยายตัวของหมู่บ้านรวมถึงโรงเรียนมากขึ้น K Park สาขาแรกตั้งอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาหทัยราษฎร์ 33มีการจัดแบ่งพื้นที่เป็นโซนการเงินสำหรับทำธุรกรรม และ Co-working Space พร้อมทั้ง Kids Zone อยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่ยังไม่หมดเท่านั้น KBank ยังได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อให้เกิดความหลากหลายในสาขา เพราะภายในพื้นที่ดังกล่าวยังมีบริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนในชุมชน อาทิ คาเฟ่ อเมซอน, เอสซีจี เอ็กซ์เพรส, อัมรินทร์ พริ้นท์ติ้ง เพื่อให้ผู้ใช้บริการภายใน K Park สามารถนำพัสดุไปรษณีย์มาส่งผ่านเคาน์เตอร์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส หรือดาวน์โหลดนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ในเครืออัมรินทร์ พริ้นท์ติ้ง มานั่งอ่าน พร้อมกับใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถนั่งเล่นพักผ่อนโดยนำเครื่องดื่มและขนมจากคาเฟ่อเมซอนเข้ามารับประทานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนความพิเศษในการเป็นสาขาที่ไม่รับเงินสดนั้น มาจากความพิเศษของ K Park ที่เปิดให้ทำธุรกรรมการเงินในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ แต่ยังมีบริการ K Lobby ตู้ ATM รูปแบบใหม่ที่เปิดให้บริการฝาก-ถอนสูงสุด 200,000 บาทต่อครั้ง ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นตู้แรกของประเทศ แตกต่างจากตู้ ATM แบบเดิมที่สามารถใช้บริการถอนเงินไม่เกิน 20,000 บาทต่อครั้ง และฝากไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น นอกจากความพิเศษที่เราไม่เคยเห็นจากสาขาอื่นของธนาคารแล้ว K Park แห่งนี้ยังเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. เพื่อรับกับความต้องการใช้งานของผู้คนภายในพื้นที่ (บริการธุรกรรมการเงินสามารถใช้งาน เวลา 10.30-18.00 น.) ซึ่งความสำเร็จ ความนิยม และการกลายเป็นพื้นที่ส่วนรวมของย่านดังกล่าว ทำให้ KBank วางแผนขยายแนวคิดดังกล่าวไปยังชุมชนอื่นเพิ่มเติมอีก3 สาขา ได้แก่ สาขาถนนสายไหม 56 สาขานาจอมเทียน(ปตท.แยกหาดจอมเทียน) และสาขาตลาดเซฟวัน นครราชสีมา 2. KOS : พื้นที่สู่ความสำเร็จ เพื่อผู้ค้าออนไลน์ เพราะวัตถุประสงค์ของ KOS หรือ K ONLINESHOP SPACE แห่งนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์พ่อค้าแม่ขายออนไลน์และผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทยก็สามารถเข้าใช้บริการภายใน KOS หรือขอคำปรึกษาและร่วมสัมมนาได้ฟรี ทำให้ทำเลที่ตั้งของ KOS อยู่ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางและเข้าใช้บริการ ภายในถูกออกแบบให้มีความทันสมัย เป็นมิตร เข้าถึงง่าย และสะดวกต่อการปรับเปลี่ยนเพื่อใช้งาน ผ่านรูปแบบการเป็น Retail และ Showroom Space ไม่มีขอบเขต ไม่มีประตูกั้น และสื่อถึงความเป็นดิจิทัลด้วย Feature Shopfront ซึ่งใช้วัสดุและแสงให้เกิดมิติซับซ้อนน่าจดจำ ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่า KBank มีลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์กว่า 300,000 ราย ซึ่ง Pain Point หลักของผู้ประกอบการเหล่านี้คือขาดทักษะการทำตลาดออนไลน์ มีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ และขาดเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ KOS เกิดขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ ภายใต้วัตถุประสงค์ในการเป็นแหล่งให้ความรู้ เพิ่มทักษะการทำตลาด ให้คำปรึกษาในการจัดการธุรกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการออนไลน์เข้าด้วยกัน 3. New KBank Branch (Hybrid Branch) : เติมความไฮเทค เพิ่มประสิทธิภาพบริการ ถือเป็นสาขาที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้า ผ่านการให้บริการโดยพนักงาน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมืออัตโนมัติ เพื่อให้บริการลูกค้าได้สะดวกและราบรื่นขึ้น รวมถึงการส่งเสริมให้ทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ เพื่อลดเวลาและต้นทุนการให้บริการ โดยสาขาแรกที่ถูกปรับให้เป็นแนวคิดแบบ Hybrid Branch คือ ที่ชั้น 1 สาขาศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ซึ่งจะมีพื้นที่ให้บริการ 2 ส่วน คือ K-Lobby ซึ่งพนักงานจะให้คำแนะนำในการใช้บริการผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ภายในสาขา ซึ่งจะเปิดให้บริการตลอดเวลาทำการของสถานที่นั้น ๆ และ Branch พื้นที่ให้บริการธุรกรรมและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าโดยพนักงานผู้เชี่ยวชาญ 4. New K LOBBY (Machine Branch) : บริการด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เป็นสาขารูปแบบใหม่ของ KBank ที่ให้บริการด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เน้นการทำธุรกรรมพื้นฐานอย่างฝาก ถอน เปิดบัญชีหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆของธนาคาร โดยลูกค้าจะต้องเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเอง แต่หากต้องการความช่วยเหลือจากพนักงานสามารถติดต่อได้ผ่าน VDO Conference และโทรศัพท์สายตรง โดยเมื่อยกหูโทรศัพท์จะมีพนักงานรับสายในทันที ซึ่ง New K LOBBY จะเปิดให้บริการสาขาแรกที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ KBank ยังวางแผนเปิด New K LOBBY เพิ่มอีก 20 แห่งภายในปีนี้เนื่องจากสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆได้ง่าย ใช้พื้นที่ไม่ใหญ่มากและต้นทุนในการเปิดสาขาไม่สูงนัก
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50566
Retail
สรุปข่าวเด่นน่าสนใจประจำวันที่ 05 – 11 มกราคม 2562 มีประเด็นเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจค้าปลีก (Retail) อะไรบ้าง
null
สรุปข่าวเด่นน่าสนใจประจำวันที่ 05 – 11 มกราคม 2562 มีประเด็นเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ที่น่าสนใจ ดังนี้: 1. การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก: - อิเกีย ประกาศลุยธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย - แอปพลิเคชันเมเจอร์แปลงร่างเป็น Super APP - เทคโนโลยี AI เข้ามาบทบาทสำคัญในธุรกิจ 2. การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า: - PTT Station มอบของขวัญที่เชื่อมสายใยไปถึงชุมชน โฆษณา Pizza Hut แซะคู่แข่ง เน้นความแปลกใหม่ ดราม่า #RespectLisa ดันหุ้น YG ดีดขึ้น สะท้อนพลังแฟนคลับ 3. การขยายธุรกิจและเพิ่มช่องทางการขาย: - นกสกู๊ต เดินหน้าสู่ปีที่ 5 เสริมทัพเครื่องบิน ขยายเส้นทางการบิน - IRVINS Salted Egg เตรียมเปิดสาขาแรกในไทย HUAWEI เสียบแทน SAMSUNG จัดงานเปิดตัวมือถือ 4. การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค: - 10 เทรนด์จากเมืองจีนที่ แจ็ค หม่า เจ้าพ่ออาลีบาบามองเห็นในปี 2019 5 บทเรียน #ทีมลวกหมี่หยก #ทีมไม่ลวกหมี่หยก และ MK มาช้าเกินไปจริงหรือ? 2019 อีกหนึ่งปีทองของ Influencer แค่มีผู้ติดตาม 1K ก็เป็นได้แล้ว 5. การให้ความสำคัญกับการบริการ: - LINE MAN โต 300% ผู้ใช้ 1.5 ล้านคน/เดือน-เผยบริการเหนือคาด - โฆษณา “From Ma, with Love” สะท้อนความผูกพันในครอบครัว - กฎ 8 ข้อของการทำ “Real-Time Marketing” ให้ปัง ไม่พาแบรนด์พังพินาศ 6. การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน: - คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ส่งความสุขทั่วประเทศ แจกลูกฟุตบอลกว่าแสนลูก - เทรนด์รีเทล – มาร์เก็ตติ้ง อยาก Success ต้อง…? 7. การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก: - ถอด 5 บทเรียน #ทีมลวกหมี่หยก #ทีมไม่ลวกหมี่หยก และ MK มาช้าเกินไปจริงหรือ? - ดราม่าไม่มีผล!! ‘IRVINS Salted Egg’ เตรียมเปิดสาขาแรกในไทย - 2019 อีกหนึ่งปีทองของ Influencer แค่มีผู้ติดตาม 1K ก็เป็นได้แล้ว 8. การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: - อิเกีย ประกาศลุยธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย - แอปพลิเคชันเมเจอร์แปลงร่างเป็น Super APP - ยอดผู้ใช้ ‘อาลีเพย์’ ทั่วโลกทะลุ 1,000 ล้านรายแล้ว เทรนด์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ นำเทคโนโลยีมาใช้ พัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า และให้ความสำคัญกับการบริการ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50583
Retail
วิเคราะห์กลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่านแพลตฟอร์ม C-Verse ว่ามีผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าอย่างไร
null
กลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่านแพลตฟอร์ม C-Verse ว่ามีผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า ดังนี้ 1. ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience): ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์ม C-Verse เชื่อมต่อทั้งช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store เข้าด้วยกัน ลูกค้าสามารถเริ่มต้นการช้อปปิ้งบนแพลตฟอร์มใดก็ได้ และดำเนินการต่อได้จนถึงขั้นตอนการชำระเงิน โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ 2. ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ (Immersive Experience): C-Verse นำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดื่มด่ำ เช่น Virtual Influencer Generative AI ลูกค้าสามารถสร้าง Avatar ของตัวเอง ทดลองสินค้าแบบ 3 มิติ และถ่ายรูปกับสินค้า 3. ประสบการณ์ที่สนุกสนาน (Engaging Experience): C-Verse มีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ที่ช่วยให้การช้อปปิ้งสนุกสนานยิ่งขึ้น เช่น Mini Game Photobooth ลูกค้าสามารถเล่นเกม ถ่ายรูป และแบ่งปันประสบการณ์การช้อปปิ้งบนโซเชียลมีเดีย 4. ประสบการณ์ที่ตรงใจ (Personalized Experience): C-Verse ใช้ข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ ลูกค้าสามารถดูสินค้าที่แนะนำ เปรียบเทียบสินค้าและค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ง่าย 5. ประสบการณ์ที่สะดวก (Convenient Experience): C-Verse ช่วยให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้สะดวกยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ ติดตามสถานะการสั่งซื้อ และจัดส่งสินค้าถึงบ้านได้ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: 1. ลูกค้า: เซ็นทรัล รีเทล คาดหวังว่ากลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel จะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 2.ธุรกิจ: เซ็นทรัล รีเทล คาดหวังว่ากลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไร ข้อจำกัด: 1. เทคโนโลยี: กลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด 2. บุคลากร: กลยุทธ์ Next-Gen Omnichannel จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะที่หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานจำนวนน้อย
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50592
Retail
ตลาดหลักที่จะผลักดันการเติบโตธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ TikTok คือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช่หรือไม่
null
ใช่ ตลาดหลักที่จะผลักดันการเติบโตธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ TikTok คือ “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ตลาดอีคอมเมิร์ซขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ตลาดอินโดนีเซีย พบว่าเหล่า Influencer ไลฟ์ขายสินค้าตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เดนิม ไปจนถึงลิปสติก ซึ่ง GMV ของ TikTok Shop เฉพาะในอินโดนีเซียตลาดเดียวสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบัน TikTok Shop ยังมีสัดส่วนที่เล็ก เมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Sea Group ที่แพลตฟอร์ม Shopee มีมูลค่า GMV อยู่ที่ 73,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว แต่ TikTok มุ่งหวังว่าผู้บริโภคจะใช้ TikTok Shop เป็นอีกทางเลือกของการช้อปปิ้ง นอกเหนือไปจาก Shopee (ของ Sea Group) และ Alibaba โดยชูจุดเด่นในการผสาน “ความบันเทิง” เข้ากับ “การช้อปปิ้ง” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ส่วนการทำตลาดอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ และยุโรป TikTok ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการถูกตรวจสอบจากรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเมื่อปีที่แล้ว Financial Times รายงานว่า TikTok กำลังเจรจาจับมือกับ TalkShopLive บริษัทในลอสแองเจลิส เพื่อเปิดตัวบริการ Live Shopping ในอเมริกา ดังนั้นในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจกระทบกับรายได้ฝั่งโฆษณา และยังต้องเจอกับโจทย์ความท้าทายในตลาดสหรัฐ และยุโรป ทำให้การรุกหนักตลาดอีคอมเมิร์ซของ TikTok โดยเล็งเป้าหมายมายัง “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ เชื่อว่า TikTok ต้องการปักธงเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายหลักของตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ เช่นเดียวกับค่าย Sea Group ที่บุกด้วยแพลตฟอร์ม Shopee และ Alibaba ที่รุกตลาดด้วย LAZADA
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50597
Retail
จากงาน Marketing Oops! Summit 2023 มีประเด็นสำคัญอะไรบ้างที่ควรนำมาพิจารณาในการปรับกลยุทธ์ Retail ในยุคปัจจุบัน?
null
1. การนำ AI มาใช้: AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ และความต้องการ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่งสินค้า และบริการลูกค้า ตัวอย่างการใช้ AI ใน Retail เช่น Chatbot อัจฉริยะ ระบบแนะนำสินค้าอัตโนมัติ การวิเคราะห์ภาพเพื่อตรวจสอบสินค้า 2. การมุ่งเน้นไปที่ Customer Experience: ลูกค้าในปัจจุบันคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่น สะดวก และตรงใจ Retailers จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ Customer Experience ที่ดีเยี่ยม เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้า ตัวอย่างกลยุทธ์ Customer Experience เช่น การให้บริการ Omnichannel การสร้าง Personalization การนำเสนอ Content ที่น่าสนใจ 3. การใช้เทคโนโลยี MarTech: MarTech เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยนักการตลาด Retail ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ MarTech สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จัดการแคมเปญการตลาด และวัดผลลัพธ์ ตัวอย่าง MarTech ที่นิยมใช้ เช่น CRM, Marketing Automation, Email Marketing Platforms 4. การให้ความสำคัญกับ Loyalty: ลูกค้าที่ภักดีมีมูลค่ามากกว่าลูกค้าใหม่ Retailers จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ Loyalty Program ที่ดี เพื่อรักษาลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่ ตัวอย่างกลยุทธ์ Loyalty Program เช่น การสะสมแต้ม โปรโมชั่นพิเศษ ของขวัญพิเศษ 5. การเตรียมพร้อมสำหรับ Future Retail: เทรนด์ Retail กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Retailers จำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต โดยติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ และพัฒนากลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ตัวอย่างเทรนด์ Future Retail เช่น Metaverse, Web 3.0, Sustainable Shopping นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา เช่น: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การแข่งขันที่รุนแรง สภาวะเศรษฐกิจ Retailers จำเป็นต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อที่จะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเพิ่มเติม - การนำเสนอสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น - การสร้าง Omnichannel Experience ที่ราบรื่น - การนำเสนอสินค้าและบริการที่ Personalize - การใช้ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและพัฒนากลยุทธ์ - การสร้าง Community ของลูกค้า งาน Marketing Oops! Summit 2023 เป็นงานที่ให้ความรู้และข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับเทรนด์ Retail ใหม่ ๆ Retailers ที่เข้าร่วมงานสามารถนำความรู้และข้อมูลนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50604
Retail
อะไรคือจุดเด่นของ ‘บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์’ ที่ทำให้เหมาะกับธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจบริการส่งอาหารในยุคปัจจุบัน?
null
‘บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์’ มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์เทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจบริการส่งอาหารในยุคปัจจุบัน ดังนี้ 1. ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพ: ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัส 100% ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย สามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ 2. ตอบโจทย์เทรนด์รักสิ่งแวดล้อม: ย่อยสลายได้ 100% ภายใน 60 วัน ช่วยลดปัญหามลพิษจากขยะบรรจุภัณฑ์ 3. ใช้งานสะดวก: อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนภาชนะ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ 4. ดีไซน์ทันสมัย: มีดีไซน์หลากหลาย สวยงาม ทันสมัย ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ 5. แข็งแรง ทนทาน: รองรับการเรียงซ้อนได้ ทนน้ำและน้ำมัน ไม่รั่วซึม เหมาะกับการขนส่งอาหาร 6. ตอบสนองความต้องการของลูกค้า: ผลิตตามความต้องการของลูกค้า (Made-to-order) สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ 7. คุ้มค่า: ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ 8. บริการครบวงจร: Fest Solution บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต และจัดส่งบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ช่วยให้ผู้ประกอบการสะดวกและประหยัดเวลา ตัวอย่างการใช้งาน ‘บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์’ กับธุรกิจ Retail: ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ: -ใช้บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์สำหรับใส่อาหารประเภทต่างๆ เช่น สลัด อาหารคลีน ข้าวกล้อง ร้านกาแฟ: -ใช้บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์สำหรับใส่ขนม เบเกอรี่ ร้านอาหารแบบ Grab&Go: -ใช้บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์สำหรับใส่อาหารพร้อมทาน ธุรกิจบริการส่งอาหาร: -ใช้บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์สำหรับใส่อาหารเพื่อส่งถึงลูกค้า สรุป: ‘บรรจุภัณฑ์เยื่อธรรมชาติเฟสท์’ เป็นตัวเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพ รักสิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์คนเมือง เหมาะกับธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจบริการส่งอาหารในยุคปัจจุบัน ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพิ่มความสะดวก และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50609
Retail
เขียนเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เชื่อมโยงสู่ความสำเร็จ: 5 ขั้นตอนสำคัญในการทำงานกับ Influencers"
null
การทำงานกับ Influencers ให้ได้ดี ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ การทำงานร่วมกับ Influencers เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของตน เรื่องราวนี้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานกับ Influencers ที่ทำให้ธุรกิจของคุณเจริญรุ่งเรืองได้อย่างดี เริ่มต้นทันทีที่คุณร่วมมือกับกลุ่มนักตลาดชั้นนำ ที่รู้จักวิธีการสร้างความสนใจและกระตุ้นการตอบสนองจากประชากรออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ 1. เลือกคู่ค้าที่เหมาะสม การเลือกคู่ค้าที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการทำงานกับ Influencers หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดี เลือกบุคคลที่มีความสอดคล้องกับแบรนด์ของคุณและมีกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด ความสอดคล้องในเรื่องของค่านิยม ค่าความเชื่อมั่น และสไตล์ชีวิตมีผลต่อความสำเร็จของแคมเปญ 2. สร้างความน่าสนใจ เนื้อหาที่น่าสนใจและมีความน่าสนใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสนใจของประชากรออนไลน์ในแคมเปญของคุณ เช่น การใช้เทคนิคการสร้างเนื้อหาที่มีความเป็นมาตรฐานสูง เช่น วิดีโอที่น่าสนใจ ภาพถ่ายที่สวยงาม หรือเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ติดตาม Influencers ได้ 3. ความสัมพันธ์ที่ดี การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Influencers เป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย คุณต้องเชื่อมโยงกับพวกเขาอย่างใกล้ชิดและสร้างความไว้วางใจระหว่างฝ่าย เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์สูงสุด 4. มีวิจัยและวางแผนอย่างดี การวางแผนและวิจัยเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานกับ Influencers โดยคุณต้องทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างละเอียดและประเมินผลลัพธ์ของแคมเปญเพื่อปรับปรุงและปรับแก้ไขตามความต้องการของตลาด 5. ติดตามและปรับปรุง การติดตามและปรับปรุงเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญของคุณยังคงมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ด้วยการปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถทำงานร่วมกับ Influencers ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างมี
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50627
Retail
จงเขียนเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง "การผจญภัยในสมัย E-Commerce: การปรับตัวของ SME ไทยในเส้นทางของตลาดจีน"
null
หัวข้อ: การปรับตัวของธุรกิจ SME ในประเทศไทยในยุคของการบูม E-Commerce จีน ในยุคที่เทคโนโลยีและการค้าออนไลน์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจ SME ในประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะในเชิงการค้ากับพื้นที่ E-Commerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน การปรับตัวกลายเป็นคำสำคัญที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดและเจริญเติบโตในอนาคตของธุรกิจ SME ในไทย ณ ขณะนี้ มีธุรกิจขนาดใหญ่จากประเทศจีนเข้ามาครอบครองตลาด E-Commerce ในไทยอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีผลกระทบต่อธุรกิจขนาดกลางและเล็กของเราอย่างมาก การแข่งขันในตลาดนี้ไม่ได้เพียงแค่เรื่องของคุณภาพและราคาของสินค้าแล้ว แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพ ธุรกิจ SME ในไทยต้องการปรับตัวโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายสินค้าออนไลน์และการตลาดในรูปแบบใหม่ เช่น การใช้งานโซเชียลมีเดียในการโปรโมทสินค้าหรือบริการของพวกเขา การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทราบความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ที่สามารถแข่งขันกับผู้ใหญ่จากประเทศอื่น นอกจากนี้ การเสนอบริการหรือสินค้าที่มีคุณค่าเพิ่มและไม่สามารถหาได้จากธุรกิจอื่น ๆ อาจเป็นวิธีที่ดีในการแยกตัวจากคู่แข่ง อาทิเช่นการให้คำปรึกษาหรือบริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจและความลงตัวให้กับลูกค้า การอัพเกรดระบบโลจิสติกส์ก็เป็นสิ่งสำคัญอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ มีการพัฒนาโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคหรือใช้บริการจัดส่งที่มีมาตรฐานสูงเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ถูกต้องและตรงตามเวลา สุดท้าย การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจในต่างประเทศอาจเป็นวิธีที่ดีในการเข้าถึงตลาดใหม่และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะในตลาด E-Commerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน การทำงานร่วมกับธุรกิจที่มีชื่อเสียงในตลาดนั้นอาจช่วยให้ธุรกิจ SME มีโอกาสในการขายสินค้าของ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50630
Retail
2 ยักษ์ Bank & Retail ปะทะกัน กลยุทธ์ของแต่ละฝ่ายมีอะไรบ้าง
null
เทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมโลกธุรกิจค้าปลีก ธุรกรรมการเงินไร้เงินสด ธนาคารจับมือค้าปลีกสร้างบัตร Co-Branded Card เจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ 2 คู่หูที่ประกาศความร่วมมือ: - กสิกรไทย + สยามพิวรรธน์: เปิดตัว "บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย" มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม เน้นสิทธิประโยชน์สูงสุด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าวันสยาม - ไทยพาณิชย์ + เดอะมอลล์กรุ๊ป: เปิดตัว "บัตร SCB M" พลิกโฉมประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ผสานดิจิทัลแบงก์กิ้งกับไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้ง กลยุทธ์ของแต่ละฝ่าย: สยามพิวรรธน์: - เน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม - คัดเลือกพาร์ทเนอร์อย่างรอบคอบ - มุ่งเน้นสิทธิประโยชน์สูงสุด - ตอกย้ำความเป็นโกลบอลเดสติเนชั่น - เสนอประสบการณ์เหนือระดับ เดอะมอลล์กรุ๊ป: - เน้นการผสานดิจิทัลแบงก์กิ้งกับไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้ง - มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ - พัฒนาบริการใหม่ ๆ รองรับเทรนด์อนาคต - ตั้งเป้าเป็นองค์กร The Most Admired Company สรุป: - การแข่งขันบัตร Co-Branded Card ร้อนแรงขึ้น - ธนาคารและค้าปลีกต่างพัฒนาบริการเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ - ผู้บริโภคมีตัวเลือกบัตรที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการ - ศึกครั้งนี้วัดผลที่ความพึงพอใจของลูกค้าและผลตอบรับทางธุรกิจ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50641
Retail
"ในยุคดิจิทัล กลยุทธ์ O2O จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกหรือไม่?"
null
มีแนวโน้มเป็นไปได้ เหตุผล: การผสมผสานประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์: กลยุทธ์ O2O ช่วยให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบาย ไร้ขีดจำกัด ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ลูกค้าสามารถลองสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อที่หน้าร้าน ลูกค้าสามารถรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือจัดส่งถึงบ้าน การเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น: กลยุทธ์ O2O ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ธุรกิจค้าปลีกสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: กลยุทธ์ O2O ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจค้าปลีกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า: กลยุทธ์ O2O ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทุกที่ ทุกเวลา ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้อย่างมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ O2O จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้: การดำเนินกลยุทธ์: ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องดำเนินกลยุทธ์ O2O อย่างมีประสิทธิภาพ การแข่งขัน: ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งในตลาดค้าปลีก เศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า สรุป: กลยุทธ์ O2O มีแนวโน้มเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีก แต่ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องดำเนินกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จจากการใช้กลยุทธ์ O2O: Lazada Shopee JD Central Central Retail Corporation The Mall Group
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50650
Retail
จากบทความข้างต้น กลยุทธ์สำคัญของสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่นำไปสู่ความสำเร็จและรางวัลระดับโลกมีอะไรบ้าง และกลยุทธ์เหล่านั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกประเภทอื่น ๆ ได้อย่างไรบ้าง
null
กลยุทธ์สำคัญของสยามดิสคัฟเวอรี่ จากบทความ สยามดิสคัฟเวอรี่ ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลระดับโลก จากกลยุทธ์หลัก ดังนี้ 1. เน้นความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่: - พลิกโฉมพื้นที่ศูนย์การค้าแบบเดิม ๆ สู่ "พื้นที่เปิดโล่ง" (Open Space) - มอบประสบการณ์หลากหลายมิติ - เปลี่ยนธุรกิจค้าปลีกให้เป็นเรื่องของการสร้างประสบการณ์ - นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ - เน้นการออกแบบพื้นที่และสินค้าที่กระตุ้นความตื่นตาตื่นใจ 2. เข้าใจลูกค้าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์: - มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า millennials - นำเสนอสินค้า บริการ และกิจกรรมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ - เน้นสินค้าที่บอกเล่าเรื่องราวและตรงกับเทรนด์ - ทำหน้าที่เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ - ลูกค้าสามารถค้นพบจุดยืนและสไตล์ที่แตกต่างของตนเอง - สร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 3. เน้นการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล: - ลูกค้าสามารถทดลองและค้นพบสิ่งที่ชอบ - สามารถสร้างสินค้าขึ้นมาเองตามความต้องการ - เน้นการบริหารอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้า - ชักชวนให้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน - ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม กลยุทธ์ของสยามดิสคัฟเวอรี่ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกประเภทอื่น ๆ ได้ดังนี้ 1. เน้นความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่: - ค้นหาจุดเด่นและเอกลักษณ์ของธุรกิจ - ออกแบบพื้นที่และสินค้าให้ดึงดูดลูกค้า - นำเทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์ใหม่ - เน้นการบริการที่แตกต่าง 2. เข้าใจลูกค้าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์: - ศึกษากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย - นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ - สร้างประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า - เน้นการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย 3. เน้นการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล: - พัฒนากิจกรรมที่ดึงดูดให้ลูกค้ามีส่วนร่วม - นำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล - สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า - เน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ - ร้านอาหาร: นำเสนอเมนูพิเศษตามเทศกาลหรือเทรนด์ - ร้านเสื้อผ้า: ให้บริการตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่ง - ร้านขายเครื่องสำอาง: นำเสนอบริการทดลองสินค้าก่อนซื้อ - ห้างสรรพสินค้า: จัดกิจกรรมเวิร์คช็อป DIY ข้อควรระวัง - กลยุทธ์เหล่านี้อาจไม่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท - จำเป็นต้องมีการปรับให้เข้ากับสินค้า บริการ และกลุ่มลูกค้า - ต้องมีการลงทุนและทรัพยากรที่เพียงพอ - จำเป็นต้องติดตามผลและปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ สรุป - กลยุทธ์ของสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจลูกค้ามาใช้พัฒนาธุรกิจค้าปลีก กลยุทธ์เหล่านี้ สามารถนำไปประยุกต์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50703
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักที่อาลีบาบาใช้เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยผ่านแพลตฟอร์มทีมอลล์?
null
อาลีบาบาใช้กลยุทธ์หลักหลายประการเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยผ่านแพลตฟอร์มทีมอลล์ ดังนี้ 1. ช่องทางและบริการที่หลากหลาย: 1.1 มีช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย ซึ่งช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างกว้างขวาง 1.2 มีบริการสนับสนุนผู้ขายมากมาย เช่น การจัดการร้านค้า การทำการตลาด การชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า ซึ่งช่วยให้ผู้ขายไทยสามารถทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มได้อย่างสะดวก 2. การทำตลาดแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย: 2.1 ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคเพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายสำหรับข้าวหอมมะลิไทย 2.2 มีเครื่องมือการทำตลาดที่หลากหลาย เช่น โฆษณา การส่งเสริมการขาย และการ livestreaming ซึ่งช่วยให้ผู้ขายไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. บริการเชิงธุรกิจแบบครบวงจร: 3.1 มีบริการสนับสนุนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การจัดฝึกอบรม การให้คำปรึกษา และการจัดหาคลังสินค้า ซึ่งช่วยให้ผู้ขายไทยสามารถขยายธุรกิจในจีนได้อย่างราบรื่น 4. การใช้เทคโนโลยีและ Big Data: 4.1 ใช้เทคโนโลยีและ Big Data เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้ง 4.2 มีระบบการติดตามสินค้าและระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวจีน 5. ความร่วมมือกับพันธมิตร: 5.1 มีความร่วมมือกับพันธมิตรในจีน เช่น บริษัทโลจิสติกส์ ผู้ค้าปลีก และ influencer ซึ่งช่วยให้ผู้ขายไทยสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างกลยุทธ์: ในเทศกาล 11.11 เบญจรงค์และทีมอลล์จะจัดตั้งตู้ขายข้าวอัตโนมัติมากกว่า 100 ตู้ ในพื้นที่ธุรกิจที่สำคัญๆ ในเมืองกวางโจว เสิ่นเจิ่น และเซี่ยงไฮ้ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนสามารถหาซื้อข้าวเบญจรงค์คุณภาพสูงได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ทีมอลล์ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคของอาลีบาบามาปรับใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานในระบบซัพพลายเชนให้มีความคล่องตัวมากขึ้น สรุป: กลยุทธ์หลักของอาลีบาบาในการสนับสนุนการจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยผ่านแพลตฟอร์มทีมอลล์ คือ การใช้ช่องทางและบริการที่หลากหลาย การทำตลาดแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย บริการเชิงธุรกิจแบบครบวงจร การใช้เทคโนโลยีและ Big Data และความร่วมมือกับพันธมิตร กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ขายไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างกว้างขวาง ทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายธุรกิจในจีนได้อย่างราบรื่น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50710
Retail
จากบทความข้างต้น อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรพิจารณาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
null
จากบทความ การขายกิจการ The Body Shop ของ L'Oréal สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ธุรกิจค้าปลีกเผชิญในยุคปัจจุบัน กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรพิจารณาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคมีดังนี้ 1. มุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์: พัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง พัฒนาแบรนด์ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้า สร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าผ่านสินค้าและบริการ 2. ผสมผสานช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์: พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าบนช่องทางออนไลน์ ผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน นำเสนอบริการเสริม เช่น Click & Collect หรือบริการจัดส่ง 3. ลดต้นทุนการดำเนินงาน: ปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ นำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการ หาวิธีลดต้นทุนการผลิตและการจัดจำหน่าย 4. เน้นการให้บริการลูกค้า: มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า พัฒนาระบบ CRM เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า นำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม 5. ปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ: ติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ของตลาด พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองเทรนด์ ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เข้ากับเทรนด์ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ ร้านอาหาร: พัฒนาเมนูใหม่ ๆ ที่ตอบสนองเทรนด์สุขภาพ ร้านเสื้อผ้า: นำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ห้างสรรพสินค้า: พัฒนาระบบ CRM เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า ร้านขายเครื่องสำอาง: นำเสนอบริการทดลองสินค้าก่อนซื้อ ข้อควรระวัง กลยุทธ์เหล่านี้อาจไม่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท จำเป็นต้องมีการปรับให้เข้ากับสินค้า บริการ และกลุ่มลูกค้า ต้องมีการลงทุนและทรัพยากรที่เพียงพอ จำเป็นต้องติดตามผลและปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ สรุป ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน กลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแนวทางที่ธุรกิจค้าปลีกควรพิจารณาเพื่อรับมือกับความท้าทายและขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50717
Retail
อะไรคือจุดเด่นของกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา MRT สถานีลาดพร้าว ที่ทำให้แตกต่างจากสาขาอื่นๆ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง?
null
กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา MRT สถานีลาดพร้าว มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้แตกต่างจากสาขาอื่นๆ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ดังนี้ 1. การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มรูปแบบแห่งแรกในสถานีรถไฟฟ้า MRT: - ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง - เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT - เพิ่มทางเลือกในการจับจ่ายซื้อของสำหรับผู้โดยสาร 2. สินค้าหลากหลาย ครบครัน: - มีสินค้ากว่า 25,000 รายการ ครอบคลุมทั้งผักผลไม้ อาหารสด อาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมทาน - สินค้าอุปโภคบริโภค - เน้นสินค้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ทั้งในและต่างประเทศ - ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า 3. กลุ่มสินค้าพร้อมทาน (Delicatessen) ที่ครบครัน: - อาหารไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม แซนวิช อาหารเพื่อสุขภาพ ซุป สลัด - รูปแบบ take away และ Dine-In - เพิ่มพื้นที่เคาน์เตอร์บาร์ และ common seats - ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการอาหารสะดวก รวดเร็ว อร่อย และดีต่อสุขภาพ 4. ร้านค้าและร้านของฝากของที่ระลึกแบรนด์ดัง: - Bread Talk, Coffee Road, Thai Street Food Express, DragonX, The Jaffle, มาดามเฮง, LAB Pharmacy ฯลฯ - เพิ่มทางเลือกในการช้อปปิ้ง - ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลาย 5. บริการพิเศษ: - ช้อปผ่านแอพพลิเคชั่น LINE MAN และ honestbee - จัดส่งสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียมถึงบ้าน - ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว สรุป: กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา MRT สถานีลาดพร้าว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ครบครัน ด้วยสินค้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม บริการพิเศษ และร้านค้าที่หลากหลาย เพิ่มเติม: การเปิดตัวกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา MRT สถานีลาดพร้าว เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการเปิดพื้นที่รีเทลในระบบรถไฟฟ้า MRT บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) มองเห็นศักยภาพของตลาดค้าปลีกในระบบรถไฟฟ้า MRT การร่วมมือกับกูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นการยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของผู้โดยสาร MRT ผลลัพธ์: กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา MRT สถานีลาดพร้าว ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งผู้ประกอบการและผู้โดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดค้าปลีกในระบบรถไฟฟ้า MRT เป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ อนาคต: คาดว่าจะมีการขยายสาขาของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ในสถานีรถไฟฟ้า MRT เพิ่มเติม เป็นการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในระบบรถไฟฟ้า MRT อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50720
Retail
Knightsbridge Prime Ratchayothin เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: ทำเล: ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีรัชดาภิเษก เพียง 50 เมตร สะดวกต่อการเดินทางไปยังแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน, ห้างสรรพสินค้า伊勢丹 (Isetan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีลมและสายสุขุมวิท ช่วยให้สามารถเดินทางไปยังแหล่งช้อปปิ้งอื่นๆ ได้อย่างสะดวก สิ่งอำนวยความสะดวก: โครงการมีพื้นที่ Retail บนชั้นล่าง ประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และซูเปอร์มาร์เก็ต สะดวกในการซื้อของจำเป็นโดยไม่ต้องเดินทางออกจากโครงการ เพิ่มทางเลือกในการทานอาหารและพักผ่อนหย่อนใจ กลุ่มเป้าหมาย: โครงการมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มักมีกำลังซื้อสูงและชื่นชอบการช้อปปิ้ง การออกแบบ: โครงการมีการออกแบบที่หรูหรา ทันสมัย และสะท้อนรสนิยม เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักอาศัยในคอนโดมิเนียมที่มีดีไซน์โดดเด่น บริการ: โครงการมีบริการ Concierge 24 ชั่วโมง บริการนี้สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการจองร้านอาหาร ซื้อตั๋ว หรือจัดส่งสิ่งของ ช่วยให้ลูกค้ามีเวลาเหลือมากขึ้นสำหรับการช้อปปิ้ง สรุป: Knightsbridge Prime Ratchayothin ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งและต้องการพักอาศัยในคอนโดมิเนียมที่มีดีไซน์และบริการระดับพรีเมียม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50746
Retail
จงเสนอไอเดีย จากกระแส Mobile Centricity ทำให้ LINE เตรียมกลยุทธ์ไว้ทั้งสิ้น 4 ด้าน ในการปรับตัวมีอะไรบ้าง
null
1. กลยุทธ์ในด้านเนื้อหา (Content): - ซึ่งมีการพบว่าคนไทยกว่า 90% ดูวิดีโอบนสมาร์ทโฟน ที่สำคัญคนไทยดูวิดีโอบนสมาร์ทโฟนมากกว่าทั่วโลกถึง 2 เท่า นั่นทำให้ในปี 2017 จะให้ความสำคัญกับ LINE TV มากขึ้น โดยจากปี 2015-2016 มีจำนวนผู้ชมรายการผ่าน LINE TV เพิ่มขึ้นถึง 136% ปี 2017 LINE จึงเตรียมขยายฐานกลุ่มคนดูจากเด็กวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่มากขึ้นด้วยคอนเท้นต์ในรูปแบบ Sports และ Beauty - นอกจากนี้ในส่วนของ LINE Today ที่เปิดให้บริการไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นบริการในนรูปสื่อสิ่งพิมพ์ที่เข้ามาอยู่ในโลกออนไลน์ โดยตั้งเป้าเป็นที่ 1 ของแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นสิ่งพิมพ์ในสมาร์ทโฟน 2. กลยุทธ์ด้านบริการ (Service): - ในส่วนของการบริการนั้น LINE พบว่า แอพพลิเคชั่นในปัจจุบันทั้งในระบบ iOS และ Android มีราว 2.2-2.6 ล้านแอพฯ ในระบบ แต่จากการสำรวจพบว่า ในสมาร์ทโฟนจะมีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานจริงๆ ไม่เกิน 32 แอพ โดยพื้นที่หน่วยความจำในเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บรูปภาพ วิดีโอและเพลงเป็นส่วนใหญ่ - LINE จึงเปิดบริการ Chatbot ที่ช่วยลดการใช้แอพฯ โดยเปิดตัวฟังก์ชั่น LINE Finance ซึ่งระบบ Chatbot จะสามารถให้รายละเอียดในเรื่องของตลาดหุ้น ได้อย่างลงลึกในรายละเอียด นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการเปิดบริการอย่าง Wongnai ที่ระบบ Chatbot จะสามารถหาร้านอาหารในบริเวณจุดที่อยู่ผ่านดาต้าเบสของ Wongnai หรือการจับมือกับคนอร์ในการเผยสูตรลับการทำอาหารต่างๆ ผ่านความช่วยเหลือของ Chatbot - ระบบ Chatbot นั้นทาง LINE ชี้ว่ามีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของ Chatbot มานาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการพัฒนาระบบ AI ที่ให้ Chatbot มีความฉลาดสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ 3. กลยุทธ์ในด้านการขายสินค้าและบริการ (Commerce): (1) สำหรับตลาด e-Commerce ถือเป็นตลาดการค้าที่มีสัดส่วน 3.8% ของมูลค่าค้าปลีกของไทย LINE จึงเตรียมนำระบบค้าปลีกที่มีสัส่วนมหาศาลเข้าสู่ระบบ e-Commerce หรือเป็นการนำ Offline เข้าสู่ Online ที่ LINE เรียกว่า O2O โดยผ่านอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Beacon (2) ซึ่งตัว Beacon เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดไว้ในจุดต่างๆ ของร้านค้าออนไลน์ โดย Beacon จะสามารถจับสัญญาณบลูธูทของโทรศัพท์แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังร้านค้า เพื่อให้ร้านค้าทราบว่าลูกค้ามีกี่ราย เป็นใครบ้าง เลือกซื้อสินค้าประเภทใดและสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปสร้างโปรโมชั่นแบบส่วนตัวให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ (3) นอกจากนี้บริการ LINE Man ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นจนได้รับความนิยมสูงถึงขนาดยกให้ LINE Man เป็นบริการด้านการส่งอาหารอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่ง LINE ยังเตรียมพัฒนารูปแบบการให้บริการของLINE Man ไปสู่การรับส่งพัสดุสินค้า นอกเหนือจากการส่งเอกสารและส่งอาหารเท่านั้น โดยมีการจับมือกับพัธมิตรอย่าง Alpha เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน 4. LINE ตั้งเป้าเป็นเพื่อนที่ดีกับทุกวงการ: - จากความหลากหลายในเรื่องของการให้บริการ ส่งผลให้ LINE ตั้งเป้าหมายองค์กรว่าจะเป็นเพื่อที่ดีสำหรับ 4 กลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ ทั้งในกลุ่มของ Advertiser, Publisher, Retailer และกลุ่ม Startup ซึ่งทุกบริการของ LINE สามารถตอบสนองความต้องการของ 4 กลุ่มเหล่านี้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น LINE Today ที่ช่วยให้กลุ่ม Publisher สามารถนำสื่อสิ่งพิมพ์ในโลก Offline เข้าสู่โลก Online - หรือเทคโนโลยี Beacon ที่ช่วยให้กลุ่ม Retailer สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างง่ายดายผ่านเทคโนโลยีไร้สาย ในขณะที่ Sticker LINE ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการประชาสัมพันธ์สำหรับกลุ่ม Advertiser และแม้แต่กลุ่ม Startup ที่สามารถนำ API ของ LINE เพื่อไปพัฒนาระบบต่อ หรือการระบบ Chatbot ไปต่อยอดในการพัฒนาต่อไป
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50748
Retail
กลยุทธ์หลักที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ใช้ดึงดูดลูกค้าในปี 2567 มีอะไรบ้าง?
null
เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ใช้กลยุทธ์หลัก 5 ประการ ดึงดูดลูกค้าในปี 2567 ดังนี้ 1. การเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วย 2 โซนไลฟ์สไตล์ใหม่: Open House: พื้นที่ Co-Living Space บนชั้น 6 เน้นการสร้างสรรค์และเชื่อมโยงความสุขของทุกเจเนอเรชั่น ประกอบด้วย พื้นที่สำหรับหนังสือ ศิลปะ อาหาร งานดีไซน์ สนามเด็กเล่นสำหรับครอบครัว พื้นที่ทำงานแบบ Co-Thinking Space โรงภาพยนตร์ระดับ VIP Embassy Diplomat Screen by AIS ทางเชื่อมสู่โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ SIWILAI CITY CLUB: โซเชียลคลับบนชั้น 5 เน้นไลฟ์สไตล์ อาหาร เครื่องดื่ม และโปรแกรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ วิวรูฟท็อปใจกลางกรุงเทพฯ เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2. การขยายโซน Eathai: นำเสนออาหารไทยหลากหลาย 3. การนำเสนอแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ใหม่: MCM Alice and Olivia Topshop MUJI (คอนเซปต์สโตร์ใหม่) แบรนด์ดังอื่นๆ ท่ีจะทยอยเปิดตัวในอนาคต 4. ร้านอาหารชื่อดัง: Another Hound Café ส้มตำนัว Siwilai Café 5. กิจกรรมทางการตลาด: อีเว้นท์ โปรโมชั่น สิ่งอำนวยความสะดวก การบริการ การออกแบบภายในที่สวยงาม ทันสมัย และอบอุ่น ดีไซน์ภายนอกอาคารท่ีโดดเด่น ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านรีเทลและไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น ตอบโจทย์ความสมบูรณ์แบบในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ดึงดูดลูกค้าทุกเพศทุกวัย กลายเป็นเดสทิเนชั่น (Destination) สถานที่ลำดับแรกในใจของทุกคน กลุ่มเป้าหมาย: เทรนด์เซตเตอร์ นักธุรกิจ ครอบครัวรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ข้อสรุป: กลยุทธ์หลักของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอประสบการณ์ที่ครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ท่ีหลากหลาย ผ่านการผสมผสานระหว่างแบรนด์ท่ีโด่งดัง การออกแบบท่ีสวยงาม กิจกรรมท่ีน่าสนใจ และบริการท่ีประทับใจ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50753
Retail
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ควรขยายธุรกิจเทรดแฟร์ในต่างประเทศหรือไม่?
null
ควร เหตุผล คือ 1. เทรดแฟร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศ: เทรดแฟร์ช่วยเชื่อมโยงนักลงทุนจากทั่วโลกหลากหลายอุตสาหกรรม ช่วยให้อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างโอกาสทางธุรกิจ 2. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจเทรดแฟร์: อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มจัดงานเทรดแฟร์ในประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา และประสบความสำเร็จอย่างมาก 3. ตลาดเทรดแฟร์ในต่างประเทศมีศักยภาพสูง: เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกำลังเติบโต ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น 4. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มีพันธมิตรในต่างประเทศ: อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มีพันธมิตรในต่างประเทศที่สามารถช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจเทรดแฟร์ ยังมีปัจจัยบางประการที่อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำเป็นต้องพิจารณา: 1. การแข่งขัน: มีบริษัทต่าง ๆ มากมายที่จัดงานเทรดแฟร์ในต่างประเทศ 2. กฎระเบียบ: กฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดงานเทรดแฟร์ในต่างประเทศอาจมีความยุ่งยาก 3. ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายในการจัดงานเทรดแฟร์ในต่างประเทศอาจสูง สรุป อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ควรขยายธุรกิจเทรดแฟร์ในต่างประเทศ แต่จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50787
Retail
กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) ของ CPN จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกในเครือ CPN ได้หรือไม่?
null
มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย เหตุผล: กลยุทธ์ O2O: - เป็นการผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน - ช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และซื้อสินค้าได้สะดวก - ช่วยให้ลูกค้าสามารถรับสินค้าที่หน้าร้านหรือสั่งสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้านได้ ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ O2O ของ CPN: - แคมเปญ "CPN Shopping Online" ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้านได้ - แคมเปญ "Click & Collect" ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่จุดรับสินค้าในห้างสรรพสินค้า - แคมเปญ "Mobile Application" ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อค้นหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา และซื้อสินค้า ข้อดีของกลยุทธ์ O2O: - เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า - เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้า - เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง - เพิ่มยอดขาย ผลการศึกษา: - จากผลการศึกษาของ Forrester Research พบว่า 81% ของผู้บริโภคชอบใช้ช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ร่วมกัน - จากผลการศึกษาของ eMarketer พบว่า ยอดขายธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตขึ้น 12.8% ในปี 2562 สรุป: จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ O2O ของ CPN มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกในเครือ CPN ได้ เพิ่มเติม: กลยุทธ์ O2O เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัล CPN เป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำในประเทศไทยที่มีศักยภาพในการใช้กลยุทธ์ O2O กลยุทธ์ O2O ของ CPN จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกในเครือ CPN ได้ ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ที่ใช้กลยุทธ์ O2O: - เซ็นทรัลพัฒนา - เดอะมอลล์ กรุ๊ป - เทสโก้ โลตัส - บิ๊กซี - แม็คโคร คำแนะนำ: - ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาและนำกลยุทธ์ O2O มาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขาย - ธุรกิจค้าปลีกควรพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ให้เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ - ธุรกิจค้าปลีกควรนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50817
Retail
อะไรคือกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักการตลาดยุคดิจิทัล ที่ต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีก?
null
"โลกเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป" มีกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักการตลาดยุคดิจิทัล ที่ต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีก ดังนี้ 1. เข้าใจเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค: - ผู้บริโภคมี "อำนาจ" มากขึ้น: พวกเขาสามารถค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และตัดสินใจซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเอง นักการตลาดต้องปรับตัวจากการ "บอก" ผู้บริโภคว่าควรซื้ออะไร มาเป็น "การฟัง" เสียงของผู้บริโภค และตอบสนองความต้องการของพวกเขา - ผู้บริโภคมี "ตัวเลือก" มากขึ้น: สินค้าและบริการมีให้เลือกหลากหลาย นักการตลาดต้องสร้าง "จุดขาย" ที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค - ผู้บริโภคต้องการ "ความสะดวกรวดเร็ว": ต้องการซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา นักการตลาดต้องผสมผสานช่องทางการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน 2. นำเทคโนโลยีมาใช้: - การใช้ "ดิจิทัลมีเดีย" โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ อีเมล ฯลฯ เพื่อเข้าถึงลูกค้า สื่อสารข้อมูล และสร้าง engagement - การใช้ "ข้อมูล" วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ - การใช้ "ปัญญาประดิษฐ์" พัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า เช่น แนะนำสินค้าส่วนตัว 3. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า: - มอบ "บริการที่ดีเยี่ยม" พนักงานที่สุภาพ รวดเร็ว บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ - สร้าง "บรรยากาศที่น่าดึงดูด" ร้านค้าที่สะอาด สวยงาม สินค้าจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ - มอบ "ความคุ้มค่า" สินค้าที่มีคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม โปรโมชั่นและส่วนลด 4. ปรับตัวให้เข้ากับ "โลกดิจิทัล": - พัฒนา "เว็บไซต์" และ "แอปพลิเคชั่น" ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย - พัฒนา "กลยุทธ์การตลาดออนไลน์" โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การทำ SEO การตลาดแบบ Influencer - พัฒนา "กลยุทธ์ Omnichannel" ผสมผสานช่องทางการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา 5. เรียนรู้และพัฒนาอยู่เสมอ: - ติดตาม "เทรนด์ใหม่" พฤติกรรมของผู้บริโภค เทคโนโลยี กลยุทธ์การตลาด - พัฒนา "ทักษะ" การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้เทคโนโลยี การคิดเชิงกลยุทธ์ - เรียนรู้จาก "คู่แข่ง"
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50824
Retail
ความเข้าใจผิด Digital Marketing ในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง
null
โลก Digital นั้นกลายเป็นโลกเสมือนอีกโลกหนึ่งที่คนมาปฏิสัมพันธ์กัน เรียนรู้กัน แลกเปลี่ยนความเห็นต่าง และทำปฏิสัมพันธ์ดังโลกจริง ๆ บนโลกออนไลน์กันมากมาย นักการตลาดเองหลาย ๆ คนเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค จึงได้เข้ามาทำการตลาดในโลกออนไลน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเมื่อโลกที่เปลี่ยนไปนี้นักการตลาดที่ปรับตัวและมีวิศัยทัศน์จึงปรับตัวได้ทันและทำให้เกิด Digital Agency มากมาย และบริษัทที่เป็น Digital มากมายที่มาเขย่าบัลลังก์โลกเก่า เกิดกระบวนการปฏิวัติอุตสาหกรรมแบบเก่า ๆ ทิ้งในรูปแบบ Startups ต่างขึ้นมา กิจกรรมบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันนั้นแทบจะแทนกิจกรรมบนโลกจริงได้หมดไม่ว่าจะสื่อใด ๆ ตอนนี้ก็มีบนโลกของ Digital หมดแล้วทั้งนั้น และคนนั้นอยู่ในโลกออนไลน์หรือใช้เวลากับโลกออนไลน์มากกว่าโลกจริงอยู่แล้วซะอีก ซึ่งมื่อเทียบกับโลกจริงก็มีดังนี้ นอกจากสื่อที่มีเหมือนโลกจริงแล้ว ยังมีสื่อมากมายที่โลก Digital นั้นเข้าไปตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า และสิ่งหนึ่งที่ต่างระหว่างโลกแบบเดิมกับโลกแบบใหม่ คือสิ่งที่เรียกว่า Effectiveness เพราะในโลก Digital ที่เป็นโลกเสมือนเช่นนี้ทุกอย่างสามารถวัดความ Effectiveness ออกเป็นรายคนได้หมด ทุก ๆ การกระทำของผู้บริโภคนั้นจะถูกเก็บค่าหมด และนอกจากนี้โลก Digital นั้นไม่เหมือนโลกจริงที่จะเป็นการโฆษณาหรือการปฏิสัมพันธ์ทางเดียวจากแบรนด์ แต่โลก Digital นั้นเกิดการปฏิสัมพันธ์กลับได้ด้วย ทั้งนี้ทุก ๆ อย่างบนโลกออนไลน์ที่สามารถวัดการกระทำได้ สามารถทำให้เราสามารถปรับปรุงทุกอย่างได้ทันที นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากในอดีตเพื่อที่จะสามารถรับมือความต้องการของผู้บริโภคต่าง ๆ ได้ และสื่อสารกับผู้บริโภคต่างได้รู้เรื่องมากขึ้น
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50830
Retail
กลยุทธ์การขายสินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่? เพราะอะไร? อธิบายพร้อมทั้งวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) ของกลยุทธ์นี้
null
กลยุทธ์การขายสินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear นั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังมีช่องทางพัฒนาอีกมาก มาวิเคราะห์ SWOT Analysis ของกลยุทธ์นี้กัน: จุดแข็ง (Strengths): แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Tesla เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear จึงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าของ Tesla อยู่แล้ว ดีไซน์ที่เรียบง่าย: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ทันสมัย เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก ช่องทางการขายที่หลากหลาย: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear วางจำหน่ายทั้งที่หน้าร้าน Tesla และทางออนไลน์ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวก จุดอ่อน (Weaknesses): ราคาสินค้า: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear มีราคาค่อนข้างแพง เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำกัด ดีไซน์ที่ไม่โดดเด่น: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear มีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ขาดความโดดเด่น ไม่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อยาก ช่องทางการขาย: สินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear วางจำหน่ายเฉพาะที่หน้าร้าน Tesla และทางออนไลน์ ยังมีช่องทางการขายที่จำกัด เข้าถึงลูกค้าได้ไม่ทั่วถึง โอกาส (Opportunities): การเติบโตของตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์: ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์กำลังเติบโต Tesla Gear มีโอกาสขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย การขยายช่องทางการขาย: Tesla Gear สามารถขยายช่องทางการขายไปยังห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก หรือร้านค้าออนไลน์อื่น ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น การพัฒนาสินค้า: Tesla Gear สามารถพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่น น่าสนใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น อุปสรรค (Threats): การแข่งขัน: ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์มีการแข่งขันสูง Tesla Gear ต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมาย เศรษฐกิจ: เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์น้อยลง เทรนด์: เทรนด์ของสินค้าไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Tesla Gear ต้องติดตามเทรนด์และปรับเปลี่ยนสินค้าให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยสรุป: กลยุทธ์การขายสินค้าไลฟ์สไตล์ของ Tesla Gear นั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังมีช่องทางพัฒนาอีกมาก Tesla Gear ควรพัฒนาสินค้าให้มีดีไซน์ที่โดดเด่น น่าสนใจ ขยายช่องทางการขาย และติดตามเทรนด์ของสินค้าไลฟ์สไตล์อยู่เสมอ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50841
Retail
เครื่องมือวัดผล Conversion Lift ของ Facebook มีประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีกหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: -วัดผลได้แม่นยำ: เครื่องมือ Conversion Lift ช่วยให้นักการตลาดวัดผลได้ว่าโฆษณาบน Facebook มีผลต่อยอดขายจริงในร้านค้าปลีกหรือไม่ ต่างจากเกณฑ์แบบเก่าที่วัดแค่จำนวนคลิกโฆษณา ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องกับยอดขายจริง -ตัดสินใจได้ถูกต้อง: ข้อมูลจาก Conversion Lift ช่วยให้นักการตลาดตัดสินใจได้ว่าควรลงโฆษณาบน Facebook ต่อไปหรือไม่ ควรปรับแคมเปญโฆษณาอย่างไร หรือควรลงทุนในช่องทางอื่น -เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ: ข้อมูล Conversion Lift ช่วยให้นักการตลาดระบุกลุ่มเป้าหมายที่ตอบสนองต่อโฆษณาได้ดีที่สุด ปรับแต่งเนื้อหาโฆษณาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา -เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า: ข้อมูล Conversion Lift ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้น ว่าลูกค้ามีปฏิกิริยาอย่างไรต่อโฆษณา และตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างไร -เพิ่ม ROI: ข้อมูล Conversion Lift ช่วยให้นักการตลาดเพิ่ม ROI (Return on Investment) ของแคมเปญโฆษณาได้ โดยใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง: ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใช้ Conversion Lift วัดผลแคมเปญโฆษณาเสื้อผ้าบน Facebook ผลปรากฏว่าแคมเปญโฆษณานี้ช่วยเพิ่มยอดขายเสื้อผ้าในร้านค้าได้ 15% ข้อมูลนี้ช่วยให้ห้างสรรพสินค้าตัดสินใจลงทุนในโฆษณาบน Facebook ต่อไป และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ข้อควรระวัง: เครื่องมือ Conversion Lift ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เครื่องมือ Conversion Lift ต้องการข้อมูลจำนวนมาก จึงเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก สรุป: เครื่องมือ Conversion Lift ของ Facebook เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีก ช่วยให้นักการตลาดวัดผลแคมเปญโฆษณาได้แม่นยำ ตัดสินใจได้ถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และเพิ่ม ROI
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50875
Retail
กลยุทธ์ดิจิทัลแบงก์กิ้งของธนาคารกสิกรไทย จะส่งผลต่อประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้าปลีกในภูมิภาค AEC+3 อย่างไร
null
1. เพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว: ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินสินค้าและบริการได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต เพียงใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตสแกน QR Code หรือโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการชำระเงิน 2. เพิ่มตัวเลือกการชำระเงิน: ดิจิทัลแบงก์กิ้ง นำเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายแก่ลูกค้า เช่น การชำระเงินแบบผ่อนชำระ การชำระเงินผ่าน e-wallet และการชำระเงินผ่าน QR Code ช่วยให้ลูกค้าเลือกวิธีการชำระเงินที่สะดวกและตรงกับความต้องการของตนมากที่สุด 3. เพิ่มความปลอดภัย: ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ใช้วิธีการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ และรหัสผ่านแบบ OTP ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าธุรกรรมทางการเงินของตนปลอดภัย 4. เพิ่มประสบการณ์ส่วนตัว: ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ช่วยให้ธนาคารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการช็อปปิ้งของลูกค้า และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า 5. ขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน: ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ช่วยให้ลูกค้าในภูมิภาค AEC+3 ที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และส่งเสริมการรวมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ตัวอย่าง: ธนาคารกสิกรไทย พัฒนาระบบ K PLUS แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือที่ให้บริการหลากหลาย เช่น การโอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการ ตรวจสอบยอดเงิน สมัครสินเชื่อ และลงทุน ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร ธนาคารกสิกรไทย ร่วมมือกับผู้ให้บริการ e-commerce ในภูมิภาค AEC+3 เพื่อให้ลูกค้าสามารถชำระเงินสินค้าและบริการผ่าน QR Code บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยให้ลูกค้าช็อปปิ้งออนไลน์ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ธนาคารกสิกรไทย พัฒนาบริการสินเชื่อดิจิทัล ที่อนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เอกสารประกอบมาก ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยในภูมิภาค AEC+3 ที่อาจไม่มีเอกสารครบถ้วน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50876
Retail
ศูนย์การค้าใน Cloud 11 จะมีกลยุทธ์อย่างไรเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่แตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไป?
null
ศูนย์การค้าใน Cloud 11 สามารถใช้กลยุทธ์ดังต่อไปนี้เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่แตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไป: 1. เน้นไปที่สินค้าและบริการเฉพาะกลุ่ม (Niche Market): - มุ่งเน้นไปที่สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับ Creator Economy เช่น อุปกรณ์สำหรับการสร้างคอนเทนต์ สินค้าลิขสิทธิ์จากครีเอเตอร์ ร้านอาหารที่ออกแบบโดยครีเอเตอร์ - นำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใคร หาซื้อไม่ได้ที่ศูนย์การค้าทั่วไป - จัดเวิร์คช็อป กิจกรรม และอีเวนต์พิเศษที่เกี่ยวข้องกับ Creator Economy 2. ผสมผสานประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ (Omnichannel): - พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา สั่งซื้อสินค้า และชำระเงินออนไลน์ - นำเสนอบริการ Click & Collect ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่หน้าร้าน - จัดกิจกรรม Live Streaming ที่ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับครีเอเตอร์และซื้อสินค้าได้แบบเรียลไทม์ 3. เน้นจุดเด่นของศูนย์การค้า: - ออกแบบพื้นที่ภายในศูนย์การค้าให้สวยงาม น่าดึงดูด สะท้อนตัวตนของ Creator Economy - นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้ง - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ไม่เหมือนใคร เช่น แลกคะแนนสะสมกับสินค้าลิขสิทธิ์จากครีเอเตอร์ 4. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: - จัดตั้งคลับสำหรับครีเอเตอร์และแฟนคลับ - มอบสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้า - จัดกิจกรรม Meet & Greet กับครีเอเตอร์ ตัวอย่างเพิ่มเติม: - ศูนย์การค้าสามารถจัดพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ได้เช่าพื้นที่เพื่อขายสินค้าและบริการของตน - ศูนย์การค้าสามารถจัดเวิร์คช็อปและคลาสเรียนต่างๆ ที่สอนทักษะเกี่ยวกับ Creator Economy - ศูนย์การค้าสามารถจัดประกวดแข่งขันสำหรับครีเอเตอร์หน้าใหม่ ข้อดีของกลยุทธ์เหล่านี้: 1. ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สนใจ Creator Economy 2. สร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร 3. เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการ 4. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 5. ส่งเสริม Creator Economy ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ศูนย์การค้าใน Cloud 11 จำเป็นต้อง: 1. ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 2. พัฒนาความสัมพันธ์กับครีเอเตอร์ 3. ลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของตลาด โดยสรุป ศูนย์การค้าใน Cloud 11 มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ หากสามารถนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครีเอเตอร์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50908
Retail
กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ของ IKEA และ Apple นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่? เพราะอะไร? อธิบายพร้อมทั้งวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) ของกลยุทธ์นี้
null
กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ของ IKEA และ Apple นั้นประสบความสำเร็จ แต่ยังมีช่องทางพัฒนาอีกมาก มาวิเคราะห์ SWOT Analysis ของกลยุทธ์นี้กัน: จุดแข็ง (Strengths): ลดต้นทุน: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ช่วยให้ IKEA และ Apple ลดต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริการ ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าที่ถูกลง เพิ่มประสิทธิภาพ: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ช่วยให้ IKEA และ Apple เพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้า ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินได้สะดวก รวดเร็ว เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้า ประกอบสินค้า และชำระเงินได้ตามต้องการ จุดอ่อน (Weaknesses): ความยุ่งยาก: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service อาจสร้างความยุ่งยากให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ไม่คุ้นเคยกับระบบออนไลน์ ข้อจำกัด: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service อาจไม่เหมาะกับสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ประกอบยาก หรือต้องการคำแนะนำจากพนักงานขาย ความเสี่ยง: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียสินค้า หรือการฉ้อโกง โอกาส (Opportunities): การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ: ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโต IKEA และ Apple มีโอกาสขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ การพัฒนาเทคโนโลยี: เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ จะช่วยให้ IKEA และ Apple พัฒนาระบบการขายแบบ Self-Service ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การขยายช่องทางการขาย: IKEA และ Apple สามารถขยายช่องทางการขายแบบ Self-Service ไปยังประเทศอื่น ๆ หรือเปิดหน้าร้านแบบ Self-Service อุปสรรค (Threats): การแข่งขัน: ตลาดค้าปลีกมีการแข่งขันสูง IKEA และ Apple ต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมาย เศรษฐกิจ: เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์น้อยลง เทรนด์: เทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ IKEA และ Apple ต้องติดตามเทรนด์และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยสรุป: กลยุทธ์การขายแบบ Self-Service ของ IKEA และ Apple นั้นประสบความสำเร็จ แต่ยังมีช่องทางพัฒนาอีกมาก IKEA และ Apple ควรพัฒนาระบบการขายแบบ Self-Service ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความยุ่งยากให้กับลูกค้า ขยายช่องทางการขาย และติดตามเทรนด์ของผู้บริโภคอยู่เสมอ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50931
Retail
กลยุทธ์ Music Marketing ของ คิง เพาเวอร์ ในแคมเปญ #MyDutyให้เธอแฮปปี้ ช่วยให้ยอดขายสินค้าของคิง เพาเวอร์ เพิ่มขึ้นหรือไม่?
null
มีโอกาส เหตุผลคือ แคมเปญ #MyDutyให้เธอแฮปปี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก: - มียอดวิวเพลง MY DUTY มากกว่า 10 ล้านวิว - มี Reach มากกว่า 70 ล้านครั้ง - มี Engagement มากกว่า 61 ล้านครั้ง แคมเปญนี้ช่วยขยายฐานลูกค้าของคิง เพาเวอร์ ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่: - กลยุทธ์ Music Marketing ดึงดูดความสนใจของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z - การใช้ศิลปิน JAYLERR และ 4EVE เป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนคลับ - กิจกรรมบน TikTok ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น กลุ่มคนรุ่นใหม่มีศักยภาพในการซื้อสินค้า: - กลุ่ม Gen Y และ Gen Z มีกำลังซื้อสูง - กลุ่ม Gen Y และ Gen Z นิยมซื้อสินค้าออนไลน์ - กลุ่ม Gen Y และ Gen Z นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ายอดขายสินค้าของคิง เพาเวอร์ เพิ่มขึ้นจากแคมเปญนี้โดยตรง ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อยอดขายสินค้าของคิง เพาเวอร์ ได้แก่: สภาวะเศรษฐกิจ: - สภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอาจส่งผลต่อยอดขายสินค้า - ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น นโยบายของรัฐบาล: - นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเดินทางอาจส่งผลต่อยอดขายสินค้า - นโยบายภาษีศุลกากรอาจส่งผลต่อราคาสินค้า คู่แข่ง: - คู่แข่งของคิง เพาเวอร์ อาจมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงดูดใจลูกค้า - คู่แข่งอาจมีสินค้าที่หลากหลายกว่า โดยสรุป กลยุทธ์ Music Marketing ของ คิง เพาเวอร์ ในแคมเปญ #MyDutyให้เธอแฮปปี้ มีโอกาสช่วยให้ยอดขายสินค้าของคิง เพาเวอร์ เพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อยอดขาย
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50937
Retail
อะไรคือเทรนด์สำคัญในปี 2023 ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรจับตามอง?
null
จากบทความของมายด์แชร์ เทรนด์สำคัญในปี 2023 ที่ธุรกิจค้าปลีกควรจับตามองมีดังนี้ 1. การเติบโตของสื่อออฟไลน์: แม้ว่าสื่อดิจิทัลจะยังคงเติบโต แต่สื่อออฟไลน์ก็เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง สาเหตุหลักมาจากผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกจึงควรมีกลยุทธ์ที่ผสมผสานทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้ ได้แก่ - การใช้ Billboard แบบ Programmatic OOH ที่สามารถปรับแต่งเนื้อหาและกำหนดเวลาการแสดงผลได้ตามต้องการ - การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในหน้าร้าน - การใช้สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ 2. การเติบโตของสตรีมมิ่งและ OTT: การเติบโตของสตรีมมิ่งและ OTT ทำให้เกิดโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจค้าปลีกในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านโฆษณาบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้ ได้แก่ - การโฆษณาบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยม เช่น Netflix, Disney+, YouTube - การสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม OTT ของตัวเอง - การร่วมมือกับ Influencer บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง 3. การลดลงของ Brand Royalty: ผู้บริโภคในปัจจุบันมี Brand Royalty น้อยลง หมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนใจไปใช้แบรนด์อื่นได้ง่าย ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand Awareness ควบคู่ไปกับ Conversion ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้ ได้แก่ - การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและสร้างการจดจำ - การนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร - การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า 4. การเติบโตของ Social Commerce: Social Commerce หรือการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดียกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกจึงควรมีกลยุทธ์บนโซเชียลมีเดียที่แข็งแกร่ง ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้ ได้แก่ - การสร้างหน้าร้านบนโซเชียลมีเดีย - การใช้ Influencer Marketing - การใช้โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย 5. การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน: ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกจึงควรมีนโยบายและกลยุทธ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้ ได้แก่ - การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - การสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม - การนำเสนอสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล สรุป: ธุรกิจค้าปลีกในปี 2023 จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จจะเป็นธุรกิจที่สามารถผสมผสานกลยุทธ์ออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50941
Retail
Capital A เรามี 2 อย่างคืออะไร
null
อย่างแรก คือด้าน “โลจิสติกส์” แน่อนว่าการค้าขายยังมีอยู่แม้อาจจะดรอปลงไปบ้าง แต่จะถูกแทนที่ด้วย Ecommerce ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจการขนส่งทางไกล โดยเฉพาะกับสายการบินของเรา อย่างที่ 2 คือ ซึ่งอาจจะฟังดูแปลกๆ ไปนิด แต่ส่วนตัวคิดว่า ฟองสบู่ได้แตกไปแล้วสำหรับบริษัทเทคโนโลยี (Tech Companies) หลายๆ แห่ง นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายกำลังตกลงเพราะผู้คนจะไม่ยอมจ่ายเหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญที่สุด คือบริษัทหรือองค์กรที่ดำเนินการแบบไร้ตรรกะทางการทำธุรกิจ จำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างความยั่งยืนและดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมที่สุด ด้วยการประเมินคุณค่าที่สมเหตุสมผล ซึ่งต้องถือว่าเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมของ Capital A ซึ่งเป็นบริษัทดิจิทัล ที่ต้องสู่กับการแข่งขันที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องมาจากการทะลักของเงินทุนจากพวกนักลงทุนมากมาย และเมื่อเราให้ Mr. Tony นิยามปี 2023 ว่าคืออะไร สำหรับเขา “น่าตื่นต้น” “น่าตื่นต้น” โดยเขาให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า มันคือการเกิดใหม่ เพราะมี CEO เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสได้รีสตาร์ทบริษัทตัวเองใหม่อีกครั้ง “ผมมีความสุขมากที่ได้เริ่มต้นธุรกิจสายการบินเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และตอนนี้ AirAsia ก็ได้เริ่มต้นใหม่อีกด้วยเครื่องบินเพียงแค่ 2 ซึ่งนับเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นโอกาสที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้น ผมตื่นเต้นมาก เพราะมีหลายคนเลยที่ขีดฆ่าเราออกจากสารบบ เพราะไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ของพวกเราบนแนวคิดดิจิทัล ดังนั้น ผมชอบที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาผิด ดังนั้น ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมากกับปี 2023” “ผมมีความสุขมากที่ได้เริ่มต้นธุรกิจสายการบินเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และตอนนี้ AirAsia ก็ได้เริ่มต้นใหม่อีกด้วยเครื่องบินเพียงแค่ 2 ซึ่งนับเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นโอกาสที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้น ผมตื่นเต้นมาก เพราะมีหลายคนเลยที่ขีดฆ่าเราออกจากสารบบ เพราะไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ของพวกเราบนแนวคิดดิจิทัล ดังนั้น ผมชอบที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาผิด ดังนั้น ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมากกับปี 2023”
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50948
Retail
โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ นำเสนอประสบการณ์แบบ Retail Next อย่างไร?
null
โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ นำเสนอประสบการณ์แบบ Retail Next ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ประการ: 1. ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัล: นำเสนอระบบ Virtual Reality (VR) ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ BMW รุ่นต่างๆ ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อจองคิวทดลองขับรถ เช็คสต็อกรถ สั่งซื้อสินค้า และชำระเงินออนไลน์ พนักงานขายใช้แท็บเล็ตเพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและแนะนำรถที่เหมาะสม 2. มอบบริการที่เหนือระดับ: พื้นที่โชว์รูมได้รับการออกแบบให้สวยงาม หรูหรา สะดวกสบาย มีบริการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับลูกค้า ลูกค้าสามารถใช้บริการ BMW Concierge ที่ช่วยดูแลเรื่องต่างๆ เช่น จองตั๋วเครื่องบิน จองร้านอาหาร มีบริการรับ-ส่งลูกค้า 3. เน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: จัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น งานเปิดตัวรถใหม่ กิจกรรมทดสอบรถ มีโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า เสนอบริการหลังการขายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง โชว์รูมมี "BMW Genius Bar" ที่ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ BMW และเทคโนโลยีต่างๆ ลูกค้าสามารถใช้ "BMW Digital Lounge" เพื่อผ่อนคลายและทำงาน โชว์รูมมี "BMW M Studio" ที่แสดงรถยนต์ BMW M Performance และ BMW M ผลลัพธ์ โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ประสบความสำเร็จในการนำเสนอประสบการณ์แบบ Retail Next ดึงดูดลูกค้าใหม่ รักษาฐานลูกค้าเก่า และเพิ่มยอดขาย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_50956
Retail
เปิดตัว Gourmet Market Application โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ใหม่ไม่เหมือนใคร พร้อมรับประกันความสดใหม่ ส่งไวใน 1 ชั่วโมง ใช่หรือไม่
null
ใช่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตมาตรฐานระดับโลกที่คว้ารางวัลใหญ่ระดับเอเชีย - โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตามโรดแมพแผนยุทธศาสตร์สู่ Omni Channel Retail ให้ครบทุกช่องทาง โดยเปิดตัว Gourmet Market Application จิ๊กซอว์สำคัญ ยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ครบครันด้วยสินค้าคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก กว่า 50,000 รายการ พร้อมรับประกัน ความสด ใหม่ ส่งไวใน 1 ชั่วโมง เหมือนไปช้อปด้วยตัวเอง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ App Store และ Google Play Store นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Ms. Voralak Tulaphorn; Chief Marketing Officer, The Mall Group Co., Ltd.) กล่าวว่า - “เมื่อช่วงกลางปี 2564 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้เปิดตัวเว็บไซต์ ตามโรดแมพแผนยุทธศาสตร์สู่ Omni Channel Retail ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ด้วยการชูกลยุทธ์ Foodie-Tainment มอบประสบการณ์ใหม่สู่อีกระดับของการช้อปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โดยมียอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่เปิดเว็บไซต์จนถึงปัจจุบันกว่าร้อยล้านบาทยอดช้อปเฉลี่ยต่อออเดอร์กว่า 2,200 บาท ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ หรือ ช่องทางอื่นๆ ทั้งนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งเหนือระดับแบบไร้รอยต่อและตอบสนองความต้องที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า - เดอะมอลล์ กรุ๊ป มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้ง โดยนำ Insight จากการช้อปปิ้งสินค้า กลุ่ม Grocery ออนไลน์ มาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ใหม่ พร้อมทั้งเสริมการนำเสนอสินค้าผ่านการใช้ AI และ Machine learning เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งเฉพาะบุคคล (Personalization) รวมไปถึงการเสริมการใช้ Gamification เปลี่ยนการช้อปปิ้งของกินของใช้แบบเดิมๆ ให้ง่าย สะดวก สนุก และ รวดเร็ว สร้างความแตกต่าง และเพื่อเติมเต็มแพลตฟอร์มออมนิชาแนลให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง - โดยล่าสุดเปิดตัว Gourmet MarketApplication แตกต่างด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ใช้งานง่าย พร้อมรับประกัน ความสด ใหม่ ส่งไวใน 1 ชั่วโมง (ทุกพื้นที่ในเขต กทม. เขตปริมณฑลและจังหวัดนครราชสีมา บางพื้นที่) โดยตั้งเป้ายอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ที่ 150,000 ดาวน์โหลด และตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ ประมาณ 500 ล้านบาท ภายใน 2 ปีถัดไป”
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_50960
Retail
กลยุทธ์ O2O ของ Lotus’s SMART App มีอะไรบ้าง และช่วยให้ Lotus’s ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างไร?
null
กลยุทธ์ O2O ของ Lotus’s SMART App ประกอบไปด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้: 1. พัฒนา Lotus’s SMART App ให้ใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว: เน้นการออกแบบ UX/UI ให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทุกวัย พัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ตอบโจทย์การช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า การชำระเงินผ่านแอปฯ การตรวจสอบสถานะสินค้า พัฒนาระบบให้มีความเสถียร รวดเร็ว รองรับการใช้งานจำนวนผู้ใช้จำนวนมาก 2. ขยายเครือข่ายการให้บริการ: ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขา Lotus’s กว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ขยายบริการ Lotus’s Go Fresh ร้านสะดวกซื้อในชุมชน 3. พัฒนา my Lotus’s Reward Program: เชื่อมต่อระบบสะสมแต้ม my Lotus’s ให้ใช้งานได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มอบคูปองส่วนลด โปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตรงใจผู้บริโภค นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย กลยุทธ์ O2O เหล่านี้ช่วยให้ Lotus’s SMART App ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ดังนี้: ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย: ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต้องการความสะดวก รวดเร็ว และความคุ้มค่า Lotus’s SMART App ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวาง: การผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ช่วยให้ Lotus’s เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวางมากขึ้น สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ: ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานที่ เวลา หรือช่องทางการชำระเงิน สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: การนำเสนอโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจ ช่วยให้ Lotus’s สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขาย: การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการ ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ O2O ไปใช้: กิจกรรม Dinoverse Activity: ผู้ใช้ Lotus’s SMART App สามารถตามล่าหาไดโนเสาร์ได้ทั้งในแอปฯ และภายในสาขา Lotus’s กิจกรรม Halloweenverse: ผู้ใช้ Lotus’s SMART App สามารถตามล่าหาผีได้ทั้งในแอปฯ และภายในสาขา Lotus’s การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ: Lotus’s SMART App วิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ each individual customer สรุป: กลยุทธ์ O2O ของ Lotus’s SMART App ช่วยให้ Lotus’s ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว ตรงกับความต้องการ Lotus’s SMART App ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ Lotus’s เติบโตและเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_50987
Retail
ช่วยเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับ "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม: กับแผนการลงทุนที่สำเร็จและการขยายธุรกิจที่ไม่หยุด"
null
ชื่อร้าน "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม" เต็มไปด้วยความสำเร็จในไตรมาสที่สองของปีนี้ เมื่อรายได้สุดล้ำไปถึง 56,826 ล้านบาท โตขึ้นถึง 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านั้นเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในวงกว้างของวงการธุรกิจในประเทศ. เรื่องราวของ "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม" เริ่มต้นในปี ค.ศ. 2010 ด้วยความท้าทายและการมุ่งมั่นที่มากมาย ที่ร้านค้าขนาดใหญ่นี้มุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุดในเขตเมือง. แต่เพียงเมื่อเดือนที่แล้ว การเปิดเผยผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่สองของปีนี้ได้เป็นการยืนยันถึงความสำเร็จที่ร้านค้าใหญ่นี้ได้รับ. นับเป็นผลการบริหารจัดการที่ดี ร้าน "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม" ได้แสดงให้เห็นถึงแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจของตน โดยมุ่งหวังที่จะยังคงเป็นผู้นำในวงการค้าปลีกในอนาคตอันใกล้นี้. การเดินหน้าขยายธุรกิจดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าและสังคมโดยรวม ก็ในขณะที่ส่วนใหญ่ของธุรกิจกำลังอยู่ในขณะที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคจากสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายอยู่ การเดินหน้าของ "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม" ในการขยายธุรกิจไม่ได้หยุดนิ่ง และยังคงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการสร้างงานและการเศรษฐกิจในชุมชนของเขตเมืองด้วย ด้วยแผนการลงทุนครึ่งปีหลังที่โชว์อย่างชัดเจนและการเดินหน้าของธุรกิจที่มุ่งเน้นการขยายของตนอย่างต่อเนื่อง "เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม" ยังคงเป็นศูนย์กลางในการช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในชุมชนและให้โอกาสทางการงานแก่ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน ทำให้เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งสำหรับธุรกิจในประเทศที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน.
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50988
Retail
เขียนเรื่องสั้นที่มีชื่อเรื่อง "เส้นทางสู่ความสำเร็จ: การเติบโตของ SABUY และความมุ่งมั่นของโอม"
null
ในเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย มีนักลงทุนชื่อดังอย่างกันและกันที่ชื่อ "โอม" โอมเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในการลงทุนและมีสายตาที่คล่องชัด ไม่พลาดทุกโอกาสที่จะทำกำไรให้กับตนเองและสังคมในระยะยาว เมื่อมองกลับไปที่ก่อนหน้านี้ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ โอมตัดสินใจลงทุนในบริษัทด้านการผลิตอาหารที่ชื่อว่า "SABUY" ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาและผลิตอาหารเพื่อสุขภาพที่มีคุณภาพสูง โอมมั่นใจว่าตลาดสุขภาพยังมีโอกาสในการเติบโตอย่างมากในอนาคต ดังนั้นโอมตัดสินใจที่จะลงทุนใหญ่ในบริษัทนี้ ได้เวลาผลักดัน SABUY ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น และความพยายามของโอมได้ผลดีในไตรมาสที่ 2 กับกำไรพุ่งแรงถึง 657% นับเป็นสถิติที่น่าทึ่ง นั่นไม่ใช่เพียงแค่การทำกำไรที่ใหญ่ เพราะ SABUY ยังได้กวาดเงินเข้ากระเป๋าถึง 356 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ใช่เล็กนัก ความสำเร็จในไตรมาสที่ 2 นี้ไม่ให้โอมความพอใจเพียงแค่นั้น โอมรู้สึกว่านี่เพียงแค่เริ่มต้นของสิ่งใหญ่โตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โอมวางแผนที่จะสยายปีกของ SABUY ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเดินทางออกไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย โอมลั่นปีหน้าที่จะตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท "เราจะไม่หยุดยั้งที่นี่" โอมพูดอย่างมั่นใจ "เราจะสร้าง SABUY ให้เป็นชื่อเสียงระดับโลก และเราจะทำได้!" ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามไม่ย่อที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด โอมและทีมงานของเขากำลังพร้อมที่จะผจญภัยไปสู่อนาคตที่สดใสกับ SABUY ที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าแก่สังคมและลูกค้าทั่วโลก สู่การเป็นองค์กรยั่งยืนและยิ่งใหญ่ในวงการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ!
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_50994
Retail
ทำไมการใช้ "อารมณ์" ในโฆษณาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีก
null
ในยุคที่ผู้บริโภคถูกรายล้อมไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และสิ่งรบกวนมากมาย การดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ การใช้ "อารมณ์" ในโฆษณา เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพราะสามารถ: 1. ดึงดูดความสนใจ -ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะจดจำโฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่าโฆษณาที่เน้นข้อมูล -อารมณ์ขัน ความสุข ความตื่นเต้น ล้วนเป็นตัวช่วยดึงดูดความสนใจและสร้าง engagement 2. สร้างการจดจำ -โฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์จะสร้างการจดจำที่ยั่งยืนมากกว่าโฆษณาที่เน้นข้อมูล -อารมณ์จะเชื่อมโยงกับกระบวนการจดจำของสมอง ช่วยให้แบรนด์และสินค้าอยู่ในใจผู้บริโภค 3. กระตุ้นให้เกิดการซื้อ -โฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์สามารถโน้มน้าวผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น -อารมณ์ เช่น ความรู้สึกอยากมี อยากได้ หรือความรู้สึกดีต่อแบรนด์ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เกิดการซื้อ ตัวอย่างจากงานวิจัย: -รายงานจาก Les Binet และ Peter Field พบว่า แคมเปญที่สื่ออารมณ์ได้ดี มักสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจแบบระยะยาว ได้ดีกว่าแคมเปญที่มีเหตุผลตรงไปตรงมา -รายงานจาก Ehrenberg-Bass Institute พบว่า โฆษณาที่ใช้อารมณ์ขัน 45% เพิ่มยอดขายได้ดี สำหรับธุรกิจค้าปลีก การใช้ "อารมณ์" ในโฆษณา มีความสำคัญยิ่ง เพราะสามารถ: 1. ดึงดูดลูกค้าใหม่: -โฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาลองสินค้าหรือบริการ -ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะลองสินค้าใหม่จากแบรนด์ที่สร้างความรู้สึกดี 2. รักษาฐานลูกค้าเก่า: -โฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์สามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าเก่า -ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าซ้ำจากแบรนด์ที่สร้างความรู้สึกดี 3. เพิ่มยอดขาย: -โฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์สามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น -ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่สร้างความรู้สึกอยากมี อยากได้ ตัวอย่าง: -โฆษณาของ IKEA ที่เน้นไปที่ความอบอุ่นของครอบครัว และความสุขในบ้าน -โฆษณาของ Nike ที่เน้นไปที่แรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่น สรุป: -การใช้ "อารมณ์" ในโฆษณา เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับธุรกิจค้าปลีก -การดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อ -ธุรกิจค้าปลีกควรให้ความสำคัญกับการใช้ "อารมณ์" ในโฆษณา -เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ รักษาฐานลูกค้าเก่า และเพิ่มยอดขาย เพิ่มเติม: -ธุรกิจค้าปลีกควรเลือกใช้อารมณ์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และสินค้าหรือบริการ -ธุรกิจค้าปลีกควรใช้อารมณ์อย่างสร้างสรรค์ และไม่ overused -ธุรกิจค้าปลีกควรติดตามผลลัพธ์ของโฆษณา และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51004
Retail
จากแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 2565 – 2569) ของ “ธุรกิจโรงแรม” ของเซ็นทรัลพัฒนา คุณคิดว่าเซ็นทรัลพัฒนาควรพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบใดเพิ่มเติม เพื่อผนวกรวมกับธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (Retail) และสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น (Seamless Experience) ให้กับลูกค้า?
null
1. โมเดล “Retailtainment”: ผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้ง (Retail) และความบันเทิง (Entertainment) เข้าด้วยกัน ตัวอย่าง: -จัดกิจกรรมพิเศษในโรงแรม เช่น แฟชั่นโชว์, เวิร์คช็อป, การแสดงดนตรี -พัฒนาระบบสมาชิกที่เชื่อมโยงระหว่างศูนย์การค้าและโรงแรม มอบสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิก -นำเสนอแพ็กเกจรวมที่พัก อาหาร และบริการต่างๆ ในศูนย์การค้า 2. โมเดล “Staycation Plus”: ยกระดับประสบการณ์การพักผ่อนแบบ Staycation ตัวอย่าง: -เสนอแพ็กเกจ Staycation ที่รวมกิจกรรมพิเศษ เช่น -คลาสเรียนทำอาหาร -บริการสปา -ทัวร์ชมเมือง -จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมสำหรับการพักผ่อน เช่น อุปกรณ์สำหรับเล่นเกม อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย -นำเสนอแพ็กเกจ Staycation สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่นbแพ็คเกจสำหรับครอบครัว แพ็คเกจสำหรับคู่รัก แพ็คเกจสำหรับนักธุรกิจ 3. โมเดล “Workation Destination”: พัฒนาโรงแรมให้เป็นสถานที่ทำงาน (Work) และพักผ่อน (Vacation) ตัวอย่าง: -ออกแบบห้องพักให้เหมาะกับการทำงาน มีพื้นที่สำหรับทำงาน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง -จัดเตรียมพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการทำงาน เช่น Co-working Space -เสนอแพ็กเกจ Workation ที่รวมที่พัก อาหาร บริการต่างๆ และกิจกรรมสันทนาการ -จับมือกับพันธมิตรเพื่อนำเสนอบริการเพิ่มเติม เช่น บริการเช่าอุปกรณ์สำนักงาน บริการรับส่ง 4. โมเดล “Personalized Experience”: มอบประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า ตัวอย่าง: -วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอบริการและแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการ -ให้ลูกค้าเลือก customize บริการต่างๆ เช่น อาหาร ของใช้ในห้องพัก กิจกรรม -นำเสนอบริการพิเศษ เช่น บริการรับส่งส่วนตัว บริการ Butler 5. โมเดล “Local Experience”: นำเสนอประสบการณ์ท้องถิ่น ตัวอย่าง: -ตกแต่งโรงแรมด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่น -นำเสนออาหารท้องถิ่น -จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม -จับมือกับธุรกิจท้องถิ่นเพื่อนำเสนอบริการและสินค้าพิเศษ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51008
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักของเซ็นทรัลพัฒนาในการขยายธุรกิจไปยังจังหวัดจันทบุรี?
null
กลยุทธ์หลักของเซ็นทรัลพัฒนาในการขยายธุรกิจไปยังจังหวัดจันทบุรีมีดังนี้: 1. ศึกษาข้อมูลและความต้องการของตลาด: เซ็นทรัลพัฒนาได้ทำการศึกษาข้อมูลของ The1 ซึ่งพบว่า จันทบุรีเป็นหนึ่งจังหวัดที่มีศักยภาพ เนื่องจากภายในจังหวัดมีธุรกิจ Retail ทุกขนาด ตั้งแต่ Convenient Store, Hypermarket, Department Store ซึ่งทุกขนาดของธุรกิจ Retail ได้รับการตอบรับจากชาวจังหวัดจันทบุรีเป็นอย่างดี ชี้ให้เห็นถึงกำลังซื้อของชาวจังหวัดจันทบุรีที่มีปริมาณมาก เซ็นทรัลพัฒนาได้ศึกษาพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจังหวัดจันทบุรี พบว่าหากต้องการประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่ๆ ส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียง อย่างเช่น ระยองหรือพัทยา ที่มีห้างเซ็นทรัลอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว 2. พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่ครบครัน: เซ็นทรัลพัฒนาได้ลงทุนมูลค่ากว่า 3.5 พันล้านบาทในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล จันทบุรี” ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ห้างฯ รูปแบบ Semi-Outdoor, โรงแรม, Residential, คอนเวนชั่นฮอลล์ โครงการนี้มุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ชาวเมืองจันท์ พัฒนาสู่การเป็น MICE City รองรับการจัดงานและอีเว้นท์ต่างๆ รองรับการเติบโตของ EEC ในอนาคต โครงการนี้ยังเป็นมากกว่าศูนย์การค้า ด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ถึง 4 ไร่ เพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะให้กับเมือง ประกอบด้วย Running Track, จุดจอดจักรยาน, เครื่องออกกำลังกาย, Social Park, Family & Pet Playground, Café โครงการนี้ยังมี Completed Sport Destination ด้วยพื้นที่ Multi-Purpose กว่า 4,000 ตร.ม. 3. ดึงดูดแบรนด์ชั้นนำเข้าสู่จังหวัดจันทบุรี: เซ็นทรัลพัฒนาได้ดึง 24 แบรนด์ดัง ครั้งแรกในจังหวัดที่คนจันท์รอคอย อาทิ Uniqlo, Jaspal, Lyn, CC OO, CPS : Adidas, Skechers, Converse, Crocs, Havaianas และ Beautrium โครงการนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดัง ครั้งแรก อาทิ Bonchon, AKA, Sizzler, FUJI, CoCo ichibanya, Oishi Biztoro, KOI The, KAMU KAMU, Krispy Kream, FRESH ME, BEAR MILK STICK, และ Mihimihi ศูนย์รวม IT & GADGET ที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุดของจังหวัด อาทิ iStudio, BANANA IT, J.I.B, Big Camera, Xiaomi by J MART, SAMSUNG, HUAWEI, TRUE, DTAC center by IT CITY, AIS และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย ผนึกกำลังแบรนด์ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ B2S, Powerbuy, Supersports, BnB home, Tops และอื่นๆ อีกมากมาย 4. มุ่งเน้นการส่งเสริมสินค้าและบริการท้องถิ่น: เซ็นทรัลพัฒนาได้จัดโซนพิเศษ “โซนพลอยจันท์” ครั้งแรกของจังหวัดที่รวมร้านพลอยและอัญมณีชื่อดังมาไว้ในที่เดียว ตลาดจันท์เจ้า รวมอาหารท้องถิ่นเมนูดเด็ดแนว Street Food และผลไม้ของฝาก ตลาดจริงใจ กับการนำผักผลไม้และสินค้าจากเกษตรกรชุมชนต่างๆ ส่งตรงถึงมือ 5. กระตุ้นเศรษฐกิจและผู้ประกอบการท้องถิ่น: เซ็นทรัลพัฒนาจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ มากมาย เช่น งาน “เสน่ห์จันท์ สีสันจันทบูร”, งาน Chan Fruitful Market, งาน Chanthaburi Prestige Collection งานเหล่านี้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจและผู้ประกอบการท้องถิ่น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51016
Retail
กลยุทธ์ CRC Thai Watsadu : Build the future ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ จะส่งผลต่อประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้าอย่างไร
null
1. ประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบออมนิชาแนล: กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวกต่อลูกค้า ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์ หน้าร้าน หรือโมบายล์แอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถค้นหา เปรียบเทียบ และซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของช่องทาง ตัวอย่าง: - ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ไทวัสดุ เปรียบเทียบราคาและรายละเอียดสินค้า เลือกซื้อสินค้า และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นรอรับสินค้าที่สาขาไทวัสดุที่สะดวก หรือเลือกบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน - ลูกค้าสามารถใช้โมบายล์แอปพลิเคชันของไทวัสดุ สแกน QR Code บนสินค้าในสาขาเพื่อดูข้อมูลรายละเอียด เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน - พนักงานขายในสาขาได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสินค้า สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. สินค้าและบริการที่หลากหลาย: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครบครัน ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องมือช่าง อุปกรณ์สวน อุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านและการใช้ชีวิต ตัวอย่าง: - ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอสินค้าหลากหลายแบรนด์ให้ลูกค้าเลือกซื้อ เปรียบเทียบราคา และค้นหาสินค้าที่เหมาะกับความต้องการได้อย่างง่ายดาย - ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการออกแบบ บริการติดตั้ง บริการขนส่ง และบริการอื่นๆ ที่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร - ซีอาร์ซี ไทวัสดุ พัฒนารูปแบบสินค้าและบริการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป 3. ราคาที่แข่งขัน: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าในราคาที่แข่งขัน โดยใช้อำนาจต่อรองจากซัพพลายเออร์ นำเสนอโปรโมชันและส่วนลดพิเศษต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตัวอย่าง: - ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอสินค้าราคาพิเศษ โปรโมชัน และส่วนลดต่างๆ อยู่เสมอ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มีโปรแกรมสมาชิกที่ลูกค้าสามารถสมัครเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ส่วนลดพิเศษ สะสมคะแนนแลกรับของรางวัล - ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย 4. บริการที่สะดวกและรวดเร็ว: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งมั่นให้บริการลูกค้าด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประทับใจ พัฒนาระบบและกระบวนการทำงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับแรก สรุป: จากกลยุทธ์ทั้ง 4 แนวทางนี้ ลูกค้าจะได้ประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบออมนิชาแนล สินค้าหลากหลาย ราคาที่ถูกใจ และบริการที่สะดวกรวดเร็ว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51028
Retail
จากข้อมูลในบทความ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ วางกลยุทธ์ 3 ประการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อในยุคดิจิทัล กลยุทธ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพเพียงใดสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในประเทศไทย?
null
กลยุทธ์ 3 ประการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดังนี้ 1. การใช้ระบบดิจิทัลและข้อมูล: ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการ นำไปสู่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน ธุรกิจค้าปลีกสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าและบริการ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น ระบบการจัดการสินค้าคงคลัง ระบบการชำระเงินออนไลน์ ตัวอย่าง: -ร้านค้าปลีกสามารถนำเสนอสินค้าแนะนำบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันโดยอิงจากประวัติการซื้อสินค้าของลูกค้า -ร้านค้าปลีกสามารถพัฒนาบริการ Chatbot เพื่อตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการแก่ลูกค้า -ร้านค้าปลีกสามารถใช้ระบบ Big Data เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและนำไปใช้ในการพัฒนาแคมเปญการตลาด 2. การสร้างความเติบโตโดยผสานความร่วมมือ: ธุรกิจค้าปลีกสามารถจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีกสามารถร่วมมือกับบริษัท FinTech เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ ๆ แก่ลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกสามารถร่วมมือกับ Influencer เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการ ตัวอย่าง: -ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกับธนาคารเพื่อนำเสนอโปรโมชันผ่อนชำระ 0% -ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกับ Marketplace ออนไลน์เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายสินค้า -ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกับ Influencer บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทสินค้า 3. การขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยสู่ภูมิภาคอาเซียน: ธุรกิจค้าปลีกสามารถขยายตลาดไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพ ธุรกิจค้าปลีกสามารถศึกษาและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ธุรกิจค้าปลีกสามารถร่วมมือกับบริษัทในท้องถิ่นเพื่อขยายธุรกิจ ตัวอย่าง: -ร้านค้าปลีกไทยสามารถขยายสาขาไปยังประเทศเวียดนามหรืออินโดนีเซีย -ร้านค้าปลีกไทยสามารถพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันภาษาไทยเพื่อรองรับลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน -ร้านค้าปลีกไทยสามารถร่วมมือกับบริษัทจัดจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ โดยสรุป กลยุทธ์ 3 ประการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยได้ โดยธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสินค้า กลุ่มลูกค้า และเป้าหมายทางธุรกิจ นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกควรติดตามเทรนด์ของธุรกิจค้าปลีกอยู่เสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสถานการณ์ของตลาด
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51031
Retail
เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ CPN หวนคืนสู่ เซ็นทรัลพัฒนา
null
เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้หวนคืนสู่การใช้ชื่อ "เซ็นทรัลพัฒนา" อีกครั้งในการสร้างแบรนด์ เพื่อเน้นบทบาทของตนในฐานะนักพัฒนาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น "Place Maker" ที่เชื่อมโยงผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเข้ามาในระบบนิเวศที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายที่จะก้าวข้ามจากการเป็นเพียงผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้า ไปสู่การพัฒนาโครงการแบบ Mixed-use ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่อยู่อาศัย ออฟฟิส และโรงแรม เซ็นทรัลพัฒนายังคงใช้ชื่อย่อ CPN ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ในด้านการสร้างแบรนด์ บริษัทจะมุ่งเน้นการใช้ชื่อเต็มเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศตลอดมา ในปีนี้ที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 42 เซ็นทรัลพัฒนามีการวางงบลงทุนไว้ถึง 120,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี โดยมีการนำเสนอ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Synergy for new solutions ที่เน้นการผนึกกำลังธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงพาร์ทเนอร์และชุมชน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังตั้งเป้าหมายในการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 30 จังหวัด สร้างความหลากหลายทั้งในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่พักอาศัย และโรงแรม ทำให้ในอนาคตจะมีศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 50 แห่งทั้งในและต่างประเทศ โดยยังมองหาการขยายการลงทุนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานลูกค้าและพัฒนาชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_51044
Retail
ห้างเพชรทองออโรร่า เปิดตัวแคมเปญ “จับได้เท่าไร ก็เต้นเท่านั้น” ใช่หรือไม่
null
ใช่ ห้างเพชรทองออโรร่า ได้เปิดตัวแคมเปญ “จับได้เท่าไร ก็เต้นเท่านั้น” คราวนี้จัดใหญ่จัดเต็มกว่าทุกครั้ง ที่ผ่านมาที่ถือว่าแปลกและแตกต่างแล้ว ครั้งนี้จัดใหญ่ยิ่งกว่า เพื่อฉลองความสำเร็จยอดขาย 10 ล้านชิ้น ด้วยการแจกของขวัญเป็นส่วนลดมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ตอบแทนลูกค้าให้จับคูปองฟรี ลุ้นส่วนลดค่ากำเหน็จกว่า 40-90% ที่ห้างเพชรทองออโรร่าทุกสาขาทั่วประเทศ ลูกค้าทุกท่านสามารถรับส่วนลดเพิ่มเติมได้อีก โดยเต้นให้สนุกไปตามจังหวะเพลงที่หน้าสาขา ถือเป็นการนำ Music Marketing มาประยุกต์ใช้ทางอ้อมเพื่อสร้าง engagement ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมี Dance Mob ไปตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อส่งมอบความสุขผ่านสิทธิพิเศษมากมายให้ลูกค้าทุกคน เจอ Dance Mob ที่ไหน ลูกค้าทุกท่านก็สามารถร่วมสนุกผ่านการเต้นเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ เพื่อเป็นของขวัญในการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ยาวไปถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยงบการตลาดรวมกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทุ่มบุกตลาดในครั้งนี้แบบเต็มรูปแบบผ่านกิจกรรมการตลาดทั้ง Above the line และ Below the line ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน KOL ชื่อดังใน Tiktok ที่จะมาช่วยสร้างสีสันทำให้แคมเปญน่าสนใจและติดตลาดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เป็นช่วงที่ใครหลายคนมองหาของขวัญเพื่อส่งต่อความสุขให้แก่ผู้อื่น ออโรร่าจึงเสนอทองคำให้เป็นทางเลือกแรกที่ไม่เสื่อมค่าตามกาลเวลา ผ่านทองคำแท่ง ทองรูปพรรณและทองดีไซน์ ที่นำทองไปขึ้นรูปเป็นสร้อยข้อมือ พวงกุณแจ กรอบรูป พู่ห้อย ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_51063
Retail
จงบอกถึงประเด็นสำคัญที่ "เดอะมอลล์ กรุ๊ป" วางกลยุทธ์ "Next step สู่ Future of retail" มีอะไรบ้าง
null
ประเด็นสำคัญที่ "เดอะมอลล์ กรุ๊ป" วางกลยุทธ์ "Next step สู่ Future of retail" มีดังนี้: 1. การผสานโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน (Omni-channel): เหตุผล คือ - พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ชอบใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น - ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวเพื่อเข้าถึงลูกค้า - การให้บริการแบบ Omni-channel ช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบาย เลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการ 2. การรีโนเวท Physical store ให้สมบูรณ์แบบ: เหตุผล คือ - Physical store ยังคงมีความสำคัญ - ผู้บริโภคยังต้องการประสบการณ์การชอปปิ้งแบบดั้งเดิม - Physical store ที่ดีจะดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ - เป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่ง 3. การปฏิวัติการทำมาร์เก็ตติ้ง: เหตุผล คือ - พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป - รูปแบบการทำมาร์เก็ตติ้งแบบเก่าอาจไม่ท่ีมีประสิทธิภาพ - ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับยุคสมัย - การใช้กลยุทธ์ที่ผสมผสานออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ทั้ง 3 ประเด็นนี้มีความสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการเติบโต นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกยังต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51081
Retail
จากผลสำรวจที่ระบุว่า อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัลเติบโตก้าวกระโดด ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อนำประโยชน์จากเทรนด์นี้ มาเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
null
1. นำเสนอประสบการณ์แบบ Personalized: วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analysis) เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความชอบของลูกค้า แบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) ตามข้อมูลประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการซื้อ และอื่นๆ นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม แนะนำสินค้าและโปรโมชั่นพิเศษผ่านช่องทางที่ลูกค้าสะดวก มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวก 2. ขยายช่องทางการขายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล: เปิดร้านค้าออนไลน์ (E-commerce) ขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ใช้บริการ Marketplaces พัฒนาระบบ Omnichannel เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ 3. พัฒนาระบบ CRM (Customer Relationship Management): เก็บข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ นำเสนอเนื้อหา (Content) ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) และโปรแกรมความภักดี (Loyalty Program) 4. นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: ใช้ AI และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อ ใช้ Big Data เพื่อทำความเข้าใจตลาดและคู่แข่ง ใช้ระบบ Chatbot เพื่อตอบคำถามและให้บริการลูกค้า ใช้ระบบ Payment Gateway เพื่อรองรับการชำระเงินออนไลน์ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์: ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้าเพื่อคาดเดาขนาดและสไตล์เสื้อผ้าที่ลูกค้าต้องการ ร้านอาหารสามารถใช้ระบบ AI เพื่อแนะนำเมนูอาหารที่เหมาะกับลูกค้า ร้านขายเครื่องสำอางสามารถใช้ระบบ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวของลูกค้าและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ข้อแนะนำเพิ่มเติม: ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ เลือกใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจ เริ่มต้นจากโครงการเล็กๆ และขยายผลตามลำดับ จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาช่วย การปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์ดิจิทัล จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีก (Retail) เข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51083
Retail
Muji มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดชุดเตรียมรับมือภัยพิบัติ เป็นอย่างไร
null
Muji มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดชุดเตรียมรับมือภัยพิบัติ ดังนี้: 1. ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น: - ภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยขึ้นทั่วโลก - ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ - ตลาดชุดเตรียมรับมือภัยพิบัติมีแนวโน้มที่จะเติบโต 2. จุดแข็งของ Muji: - แบรนด์ที่มี่ความน่าเชื่อถือ - ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย - สินค้ามีคุณภาพสูง - เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้าง 3. การขยายฐานลูกค้า: - สินค้าใหม่ช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ - เสริมสร้างภาพลักษณ์ของ Muji ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจความปลอดภัยของลูกค้า Muji เลือกออกสินค้าประเภทนี้ เพราะ: - สอดคล้องกับปรัชญาของ Muji ที่ต้องการทำให้ชีวิตง่ายขึ้น - เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า - เป็นการขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกด้านของชีวิต - เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของ Muji ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจสังคม นอกจากนี้ Muji ยังมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชาญฉลาด ดังนี้: - ออกแบบสินค้าให้เรียบง่าย ใช้งานง่าย - ตั้งราคาสินค้าที่จับต้องได้ - วางจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ - โปรโมทสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ผลลัพธ์: - สินค้าของ Muji ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า - Muji สามารถขยายฐานลูกค้าได้ - Muji เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ การเปิดตัวชุดเตรียมรับมือภัยพิบัติของ Muji แสดงให้เห็นว่า Muji ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์มินิมัลลิสต์ แต่เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าและสังคม
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51086
Retail
12 วิธี ปรับตัวเป็นร้านขายของชำยุคใหม่ เพื่อความอยู่รอดพร้อมทั้งปังและรวย มีอะไรบ้าง
null
1. ทำการตลาดออนไลน์: ปัจจุบันสิ่งอำนวยความ สะดวกทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่อยู่ในมือถือและออนไลน์ทั้งสิ้น ผู้คนเริ่มที่จะเสาะหาสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางการเสิร์ชหาใน Google รวมถึงใช้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อสั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่งถึงหน้าบ้าน 2. มีสินค้าให้เลือกเยอะ: ลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณเปิดร้านขายของชำ แต่มีสินค้าให้เลือกแค่ไม่กี่อย่าง ลูกค้าเข้ามาแล้ว พวกเขาจะได้อะไรติดมือไปไหม เพราะเวลาลูกค้าอยากได้อะไรก็ตาม เขาก็จะต้องการเลือกหลายประเภท / หลายยี่ห้อ เพื่อให้ถูกใจและตรงตามความต้องการมากที่สุด 3. มีสินค้าที่ร้านอื่นไม่มี: ลองสำรวจร้านอื่น ๆ โดยรอบ ว่าพวกเขามีสินค้าอะไรบ้าง และไม่มีอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำมาพัฒนาร้านของคุณ 4. รู้ใจลูกค้า: - ต้องจับจุดให้ได้ก่อนว่า ลูกค้าชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร จะได้นำสินค้าเข้ามาตอบสนองลูกค้าของคุณได้อย่างถูกจุด - สมมติว่า มีลูกค้าคนนึง มาซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อ X อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะมาซื้อกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปใช้ยี่ห้ออื่น คุณก็ควรรู้เลยว่า จะต้องสต็อกน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อ X นี้ไว้เยอะ ๆ อย่าให้ขาด 5. เจ้าของร้านอัธยาศัยดี: เมื่อลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน แล้วได้รับรอยยิ้ม การบริการที่ดี เจ้าของร้านพูดเพราะ และพูดคุยได้อย่างเป็นกันเอง มันก็จะทำให้ร้านขายของชำนั้น ๆ น่ากลับมาซื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สำหรับร้านขายของชำและร้านค้าอื่น ๆ ในยุคใหม่นี้ เพราะการที่สินค้าจะขายได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าอย่างเดียว 6. จัดสรรสินค้าให้รองรับกับทุกเพศทุกวัย: เมื่อคุณเปิดร้านขายของชำ แน่นอนว่าจะไม่ได้มีกลุ่มลูกค้าเพียงแค่กลุ่มเดียว เพราะมีกลุ่มลูกค้าอีกเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น - เด็กเล็ก ที่ต้องการสินค้าจำพวก ผ้าอ้อม, นมผง, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก - เด็กโต ที่จะมีความต้องการในเรื่อง ของเล่นตามเทรนด์, ขนมหวานที่แถมด้วยของเล่น - วัยรุ่น ของที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้อย่าง โรลออน, ผ้าอนามัย, แป้งทาหน้า, โฟมล้างหน้า - ผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ลูกค้ากลุ่มนี้จะมาซื้อ เหล้าเบียร์, ของใช้ภายในบ้าน, อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง หรือยาสามัญประจำบ้าน ไว้สำหรับใช้ในบ้าน 7. ติดราคาให้ชัดเจน: ร้านขายของชำที่มีราคาสินค้าถูกหรือแพงกว่าร้านอื่น อาจมีผลในการซื้อได้ แต่อย่าลืมว่า ก่อนที่ลูกค้าจะมาซื้อของในร้านของคุณ และนำไปเปรียบเทียบกับร้านอื่น ๆ ได้ เขาจะต้องรู้ราคาของสินค้าในร้านของคุณก่อน 8. สภาพแวดล้อมในร้านค้าที่น่าเดิน: ถ้าร้านค้าของคุณสกปรก มีฝุ่นเกาะตามชั้นวางสินค้า มีฝุ่นเกาะตามผลิตภัณฑ์ที่โชว์ขาย แค่เห็นก็ไม่มีใครอยากเดินเข้าไปแล้ว 9. เปิดเช้า – ปิดดึก: แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปิดร้านขายของชำได้ถึง 24 ชั่วโมง แต่เหมือนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้มากที่สุด 10. มีบริการอื่นเสริมควบคู่ไปด้วย: การจะเปิดร้านขายของชำ ไม่ใช่แค่ว่าคุณจะนำสินค้ามาขายอย่างเดียว แต่คุณสามารถเพิ่มบริการอื่น ๆ เข้าไป เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วย เช่น - ตู้เติมเงิน - เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ - ตู้เติมน้ำมัน - ตู้ ATM - ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ 11. มีเครื่อง POS: การเปิดร้านในยุคสมัยนี้ ระบบ POS สำคัญมาก เพราะระบบนี้จะสามารถคิดค่าสินค้าได้ง่ายดาย จะทำให้คุณคำนวณรายรับ-รายจ่าย ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งมันยังสามารถนับสต็อกสินค้าของคุณได้ด้วย 12. ทำโปรโมชั่น: การที่จะดึงลูกค้าให้มาซื้อของที่ร้านของเราบ่อย ๆ ได้ มันจะต้องมีการ จัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้มีความรู้สึกอยากซื้อ ไม่ว่าจะเป็น - โปรโมชั่น ซื้อ 3 แถม 1 - โปรโมชั่น ส่วนลด - โปรโมชั่น ของแถมสำหรับคนที่ซื้อครบ 500 บาท - โปรโมชั่นส่งฟรีถึงบ้าน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51087
Retail
คนเกิดวันอาทิตย์ควรเลือกใช้สีร้านค้าแบบใดให้ถูกโฉลก
null
สีนอกจากจะมีผลต่อความรู้สึกของคนแล้ว อาจจะมีผลต่อดวงชะตาที่จะส่งเสริมบารมีของร้านค้าได้ สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ สีม่วงและสีดำ เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ ซึ่งสีม่วงและสีดำ เป็นสีที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยความเป็นเฉดสีเข้ม จึงเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความหรูหรา นอกจากนี้ ยังมีสีมงคลของคนเกิดวันอาทิตย์ที่ถูกโฉลกอื่นๆ ได้แก่ 1. สีแดง เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร มีความโดดเด่นในเรื่องพลังและความมีชีวิตชีวา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ และมีอำนาจ เหมาะสำหรับร้านที่ต้องใช้พนักงานมาก หรือต้องควบคุมคนงานและลูกน้องในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ เช่น ร้านซุปเปอร์สโตร์ใหญ่ ๆ 2. สีชมพู เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา ระดับความเข้มของสีชมพูอาจส่งผลต่อความหมาย ไม่จำเป็นต้องเจาะจงแค่เพศหญิงอย่างเดียวก็ได้ อาจใช้เน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้า Gen Y มากกว่า เพราะนอกจากสีชมพูจะสื่อถึงความอ่อนหวานแล้ว ยังสื่อถึงความโรแมนติกและความสดใสตามวัย 3. สีเขียว เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติ ยังเพิ่มความสบายตาให้กับร้าน 4. สีส้ม เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งสีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51104
Retail
กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์นั้น มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร? อธิบายพร้อมทั้งวิเคราะห์ SWOT Analysis ของกลยุทธ์นี้
null
กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์นั้น จุดแข็ง (Strengths): การขยายสาขาได้รวดเร็ว: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายสาขาได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนสร้างสาขาเองทั้งหมด ผู้รับสิทธิ์จะเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการสาขาเอง ความเสี่ยงต่ำ: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ เพราะผู้รับสิทธิ์จะเป็นผู้ลงทุนและรับผิดชอบต่อความสำเร็จของสาขาเอง แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ช่วยให้ธุรกิจมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของลูกค้า เพราะผู้รับสิทธิ์จะใช้ชื่อแบรนด์ โลโก้ และระบบปฏิบัติการของธุรกิจ การเข้าถึงตลาดที่กว้าง: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดที่กว้าง เพราะผู้รับสิทธิ์จะเปิดสาขาในพื้นที่ต่างๆ จุดอ่อน (Weaknesses): การควบคุมคุณภาพ: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการได้ยาก เพราะผู้รับสิทธิ์อาจมีมาตรฐานการบริการที่แตกต่างกัน ความขัดแย้ง: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ให้สิทธิ์และผู้รับสิทธิ์ เพราะผู้รับสิทธิ์อาจต้องการอิสระในการดำเนินธุรกิจ ต้นทุน: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจมีต้นทุนสูง เพราะผู้ให้สิทธิ์ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าฝึกอบรม และค่าสนับสนุนต่างๆ แก่ผู้รับสิทธิ์ การแข่งขัน: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจทำให้ธุรกิจเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง เพราะผู้รับสิทธิ์อาจกลายเป็นคู่แข่งของธุรกิจ โอกาส (Opportunities): การเติบโตของตลาด: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการเติบโตของตลาด เพราะผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลาย เทคโนโลยี: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ สามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุมคุณภาพ การสื่อสาร และการสนับสนุนผู้รับสิทธิ์ การขยายไปต่างประเทศ: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ มีโอกาสขยายไปต่างประเทศ เพราะผู้รับสิทธิ์อาจมีเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ การสร้างพันธมิตร: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ สามารถสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า อุปสรรค (Threats): สภาวะเศรษฐกิจ: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ เพราะผู้รับสิทธิ์อาจมีรายได้ลดลง การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค: -กลยุทธ์การขยายสาขาธุรกิจแบบแฟรนไชส์ อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51107
Retail
การสร้างจุดเด่นให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์ มีผลต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าอย่างไร?
null
การสร้างจุดเด่นให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์ มีผลต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าในหลายแง่มุม ดังนี้ 1. ดึงดูดความสนใจ: เคาน์เตอร์แคชเชียร์เป็นจุดที่ลูกค้าต้องมาชำระเงิน เป็นจุดที่มีโอกาสในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ดี การออกแบบเคาน์เตอร์ให้โดดเด่น สวยงาม น่าสนใจ จะช่วยดึงดูดสายตาของลูกค้าและสร้างความประทับใจแรกพบที่ดี 2. สะท้อนภาพลักษณ์ของร้านค้า: การออกแบบเคาน์เตอร์แคชเชียร์สามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ ตัวอย่างเช่น ร้านค้าที่เน้นความทันสมัย อาจออกแบบเคาน์เตอร์แคชเชียร์ด้วยรูปทรงเรียบง่าย วัสดุที่ทันสมัย และสีสันสดใส ร้านค้าที่เน้นความหรูหรา อาจออกแบบเคาน์เตอร์แคชเชียร์ด้วยวัสดุที่หรูหรา เช่น หินอ่อน หรือไม้แกะสลัก 3. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี: เคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่ออกแบบมาอย่างดี ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยในการชำระเงิน 4. เพิ่มโอกาสในการขาย: เคาน์เตอร์แคชเชียร์สามารถใช้เป็นพื้นที่ในการกระตุ้นยอดขายสินค้า โดยการวางสินค้า Cross-selling หรือสินค้า impulse purchase ไว้บนเคาน์เตอร์ ตัวอย่างการสร้างจุดเด่นให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์: - ออกแบบเคาน์เตอร์ให้มีรูปทรงที่แปลกใหม่ แหวกแนว - ใช้สีสันที่สดใส ดึงดูดสายตา - ประดับตกแต่งเคาน์เตอร์ด้วยงานศิลปะ หรือสิ่งของที่น่าสนใจ - ติดตั้งจอ LED แสดงโฆษณาหรือโปรโมชั่น - วางสินค้า Cross-selling หรือสินค้า impulse purchase ไว้บนเคาน์เตอร์ - ติดตั้งระบบ POS ที่ทันสมัย รวดเร็ว และปลอดภัย สรุป: การสร้างจุดเด่นให้เคาน์เตอร์แคชเชียร์ มีผลต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าในหลายแง่มุม ช่วยดึงดูดความสนใจ สะท้อนภาพลักษณ์ สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี และเพิ่มโอกาสในการขาย ร้านค้าควรให้ความสำคัญกับการออกแบบเคาน์เตอร์แคชเชียร์ให้สวยงาม น่าสนใจ และใช้งานสะดวก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51113
Retail
บอกไอเดียการตั้งชื่อร้านให้ปัง ควรทำอย่างไรดี
null
ไอเดียการตั้งชื่อร้านให้ปัง มีดังนี้ 1. ควรตั้งชื่อร้านที่สื่อความหมายและครอบคลุมควรจะตั้งชื่อที่ทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงจุดประสงค์ของธุรกิจของคุณได้ทันที 2. ควรตั้งหลาย ๆ ชื่อเผื่อเลือกและลองออกเสียงดูก่อน การตั้งหลาย ๆ ชื่อไว้ จะเป็นทางเลือก ให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้เพิ่มเติม 3. ควรตั้งชื่อร้านที่จำง่าย โดยอาจจะคิดว่าตั้งชื่อร้านเป็นชื่อยาก ๆ มันจะสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ได้ แต่ต้องตระหนักด้วยว่า ถ้ายากเกินไปลูกค้าก็จะจำไม่ได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นลองตั้งชื่อง่าย ๆ แต่ออกเสียงแล้วจำได้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_51114
Retail
จากบทความ "7 สิ่งที่ไม่ควรทำในการตั้งชื่อร้าน" อะไรคือกลยุทธ์ 3 ประการ ที่เจ้าของธุรกิจค้าปลีกควรนำมาใช้ เพื่อตั้งชื่อร้านที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
null
กลยุทธ์ 3 ประการ ที่เจ้าของธุรกิจค้าปลีกควรนำมาใช้ เพื่อตั้งชื่อร้านที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้: 1. เน้นความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร: -Gen Z มองหาสิ่งที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และสามารถแชร์บนโซเชียลมีเดียได้ -เจ้าของธุรกิจควรตั้งชื่อร้านที่ไม่เหมือนใคร สื่อถึงเอกลักษณ์ของร้าน -อาจจะใช้คำศัพท์ใหม่ ๆ สแลง หรือวลีเด็ดที่โด่งดังในโซเชียลมีเดีย ตัวอย่าง: -ร้าน "YOLO Cafe" สื่อถึงการใช้ชีวิตแบบเต็มที่ -ร้าน "IG-Worthy Shop" สื่อถึงสินค้าที่เหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram -ร้าน "No.1 Bubble Tea" สื่อถึงความเป็นอันดับหนึ่ง 2. เน้นความสั้น กระชับ จดจำง่าย: -Gen Z มีสมาธิสั้น ชอบอะไรที่รวดเร็ว เข้าใจง่าย -เจ้าของธุรกิจควรตั้งชื่อร้านที่สั้น กระชับ จดจำง่าย -อาจจะใช้คำพยางค์น้อย ๆ ตัวเลข หรืออักษรย่อ ตัวอย่าง: -ร้าน "BKK Street Food" -ร้าน "JK Fashion" -ร้าน "W Shoes" 3. สื่อถึงตัวตน สะท้อนไลฟ์สไตล์ Gen Z: -Gen Z ให้ความสำคัญกับตัวตน และความชอบส่วนตัว -เจ้าของธุรกิจควรตั้งชื่อร้านที่สื่อถึงตัวตน สะท้อนไลฟ์สไตล์ Gen Z -อาจจะใช้คำศัพท์ที่ Gen Z นิยมใช้ หรือสื่อถึงวัฒนธรรม Gen Z ตัวอย่าง: -ร้าน "Chill Vibes Cafe" สื่อถึงบรรยากาศร้านที่ผ่อนคลาย -ร้าน "Streetwear Society" สื่อถึงสินค้าแฟชั่นสไตล์สตรีทแวร์ -ร้าน "Eco-Friendly Shop" สื่อถึงสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากกลยุทธ์ 3 ประการข้างต้นแล้ว เจ้าของธุรกิจควร: -ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Gen Z เข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และวิถีชีวิต -ทดสอบชื่อร้านกับกลุ่มเป้าหมาย Gen Z เพื่อดูว่าชื่อร้านนั้นดึงดูดพวกเขาหรือไม่ -ปรับชื่อร้านให้เหมาะสมตามผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย -การตั้งชื่อร้านที่ดี -ดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Gen Z -สร้างความประทับใจแรกพบ -กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ ดังนั้น เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อร้านอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงกลยุทธ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51126
Retail
อธิบายเกี่ยวกับร้านค้าปลีก
null
Retail Business หรือธุรกิจร้านค้าปลีก คือ ธุรกิจที่เกิดการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการที่ส่งถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะขายอะไรก็ได้ที่ถูกกฏหมาย และเป็นการขายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยพวกเขาจะใช้เองหรือให้เป็นของขวัญแก่คนอื่นก็ได้ ธุรกิจร้านค้าปลีก คือ ธุรกิจที่เกิดการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการที่ส่งถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะขายอะไรก็ได้ที่ถูกกฏหมาย และเป็นการขายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยพวกเขาจะใช้เองหรือให้เป็นของขวัญแก่คนอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น: - ร้านอาหาร - ร้านสะดวกซื้อ - ร้านเสื้อผ้า - ร้านเครื่องเขียน - ร้านเครื่องสำอาง - หรือร้านเครื่องมือช่าง ฯลฯ ก็จะให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แตกต่างกัน ร้านค้าปลีก คือ สุดยอดของกระบวนการต่าง ๆ ที่นำมารวมกันเพื่อดึงดูดผู้บริโภคและสร้างยอดขาย กระบวนการทำงานของร้านค้าปลีก: - ผู้ค้าปลีกใช้ระบบจัดหาสินค้าจากผู้ค้าส่งเพื่อขายให้กับผู้บริโภค ในการจัดหาสินค้าคงคลังนั้น - คนขายเองจะต้องตรวจสอบความต้องการของลูกค้าว่าเป็นไปในทิศทางใด และยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ค้าส่ง เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงอีกด้วย ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการซื้อขายในร้านค้าปลีก ประกอบไปด้วย: - ผู้ผลิต - ผู้ค้าส่ง - ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค ผู้ค้าส่งเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ผลิต ในขณะที่ผู้ค้าปลีกเชื่อมต่อกับผู้ค้าส่ง ประเภทของร้านค้าปลีก: 1. ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Grocery Store) 2. ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง (Specialty Store) 3. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) 4. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) 5. ห้างสรรพสินค้า (Department Store) 6. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket) 7. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Category Killer)
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_51134
Retail
9 เทคนิคออกแบบร้านค้าปลีก ดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย มีอะไรบ้าง จงอธิบาย
null
1. ออกแบบแผนผังร้านค้า: -เลือกตามประเภทร้านค้า ขนาด พื้นที่ สินค้า -กำหนดกลุ่มเป้าหมาย -วางแผนผังการจัดวางสินค้า -ออกแบบทางเดิน 2. ออกแบบนำทางลูกค้า: -ดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าอยากเดินเข้าร้าน -จัดวางสินค้าโปรโมชั่น -ออกแบบพื้นที่ให้ลูกค้าเดินสะดวก 3. ออกแบบชั้นวางสินค้า: -เลือกชั้นวางให้เหมาะกับประเภทสินค้า -ออกแบบให้หยิบสินค้าสะดวก -จัดวางสินค้าให้สวยงาม 4. ออกแบบปริมาณสินค้า: -กลยุทธ์ทางการตลาด -สินค้ามาก = เพิ่มยอดขาย -สินค้าน้อย = เพิ่มการรับรู้แบรนด์ 5. ออกแบบช่องทางเดิน: -กว้างขวาง สะดวก -พื้นที่ส่วนตัวลูกค้า -ระยะห่างประมาณ 4 ฟุต 6. ออกแบบหน้าร้าน: -สวยงาม ดึงดูดความสนใจ -ติดป้ายโปรโมชั่น -เปลี่ยนหน้าร้านสัปดาห์ละครั้ง 7. ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้: -เสียงเพลง -กลิ่นหอม -สัมผัสสินค้า -ลิ้มลองสินค้า 8. ออกแบบจัดวางสินค้า: -จัดเรียงเป็นหมวดหมู่ -Cross Selling -สินค้าที่เกี่ยวข้องกัน 9. ออกแบบพนักงานในร้าน: -ชุดยูนิฟอร์ม -พนักงานแอคทีฟ -ดูแลลูกค้า สรุป: -ออกแบบร้านค้าให้เหมาะกับประเภทร้านค้า สินค้า และกลุ่มเป้าหมาย -ดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย -พัฒนาออกแบบร้านค้าให้ทันสมัยอยู่เสมอ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51138
Retail
Hypermarket คืออะไร?
null
Hypermarket คือ ร้านค้าปลีกที่รวมห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าด้วยกัน ซึ่งมักจะเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่มาก โดยมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบบครบวงจร เรียกง่าย ๆ ว่ามีทุกอย่างที่ผู้บริโภคต้องการ ร้านค้าปลีกที่รวมห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าด้วยกัน ซึ่งมักจะเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่มาก โดยมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบบครบวงจร เรียกง่าย ๆ ว่ามีทุกอย่างที่ผู้บริโภคต้องการ โดยแนวคิดหลักของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่นี้คือการจัดหาสินค้าทั้งหมดที่ผู้บริโภคต้องการในชายคาเดียวกัน/สถานที่เดียวกัน โดยไฮเปอร์มาร์เกตแบ่งโซนต่าง ๆ ออกไปประมาณนี้ค่ะ โดยแนวคิดหลักของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่นี้คือการจัดหาสินค้าทั้งหมดที่ผู้บริโภคต้องการในชายคาเดียวกัน/สถานที่เดียวกัน โดยไฮเปอร์มาร์เกตแบ่งโซนต่าง ๆ ออกไปประมาณนี้ค่ะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตจะเป็น Section หนึ่งในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งก็จะมีขนาดที่ใหญ่มากแบ่งประเภทสินค้า สัดส่วนสินค้า และ ชั้นวางสินค้า ไว้เป็นโซน เหมาะกับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าตามที่ต้องการ ทั้งของใช้ภายในครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อาหารและเครื่องปรุง, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์กีฬา, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอื่น ๆ อีกมากมาย
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51151
Retail
การเพิ่มยอดขายโตของ Pomelo Fashion หลังจากโควิด
null
Pomelo รายงานการเติบโตของรายได้ประมาณ 40% โดย 90% มาจากช่องทางอีคอมเมิร์ซ ระลอกที่สองเกิดขึ้นในปี 2564 ธุรกิจค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย หลังจากการเปิดห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกันยายน พร้อมกับอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น Pomelo เห็นการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมค้าปลีกและเครื่องแต่งกาย และทิศทางของบริษัทก็ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รายได้ผ่านแพลตฟอร์มของ Pomelo เพิ่มขึ้น 127% ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ทั่วทั้งภูมิภาค เรายังพบว่ามี Traffic เข้าหน้าร้านของ Pomelo เพิ่มขึ้นถึง 84% ทั้งนี้ ก่อนการคลายล็อค Pomelo ได้เปิด 7 สาขาใหม่ รวมถึงสาขา ในเขตพื้นที่ใหม่อย่างกัวลาลัมเปอร์ ระยอง และเชียงใหม่ ทำให้จำนวนร้านค้ารวมเป็น 26 สาขา นอกจากนี้ คอลเลกชั่นสุดพิเศษกับ Janesuda ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวไทยยังช่วยในการเพิ่มขึ้นของยอดขายหน้าร้าน ซึ่งสะท้อนในการเพิ่มขึ้นของ Traffic หน้าร้านถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับอาทิตย์ก่อน (WoW) ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์ม Pomelo ได้เพิ่มจำนวนแบรนด์ใหม่และการแตกไลน์ของผลิตภัณฑ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปลดล็อคตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่อุตสาหกรรมค้าปลีกต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ Pomelo ไม่ได้หยุดขยายจำนวนแบรนด์และสินค้านี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม Pomelo มีแบรนด์ใหม่เกือบ 300 แบรนด์ จนถึงปัจจุบัน เรามีแบรนด์มากกว่า 600 แบรนด์บนแพลตฟอร์มของเรา พร้อมนำ Personalization และ Machine Learning เข้ามาใช้ เพื่อความสะดวกและนำทางลูกค้าบนเว็บไซต์และแอพของเราเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด เมื่อต้นปีนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก หลังจากการตอบรับที่ดีจากนักช้อปชาวฟิลิปปินส์ “เห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคคิดถึงไลฟ์สไตล์ของพวกเขาก่อนโควิด-19 ตอนนี้พวกเขากำลังซื้อเสื้อผ้าใหม่ ออกไปสังสรรค์ข้างนอก และกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราเรียกว่า 'Revenge Spending' หรืออาการเก็บกดหลังจากไม่ได้ใช้จ่าย ซึ่งปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นทุกที่ทั่วโลก
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_51156
Retail
ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกหรือไม่?
null
มีโอกาส เหตุผล คือ: 1. ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค: - ผู้บริโภคต้องการสินค้าราคาประหยัด: ร้านถูกดี มีมาตรฐาน เน้นจำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าร้านสะดวกซื้อ - ผู้บริโภคต้องการความสะดวก: ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เข้าถึงได้ง่าย - ผู้บริโภคต้องการสินค้าหลากหลาย: ร้านถูกดี มีมาตรฐาน จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค 2. โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน: - ร่วมลงทุนกับเจ้าของร้าน: เจ้าของร้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ รู้สึกเป็นเจ้าของ - แบ่งปันผลกำไร: เจ้าของร้านได้รับส่วนแบ่งกำไร 85% - สนับสนุนด้านเทคโนโลยี: ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีระบบ POS และระบบหลังร้าน ช่วยให้บริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน: - เน้นสินค้าราคาประหยัด: ดึงดูดลูกค้าด้วยราคาสินค้าที่ถูกกว่า - โปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขาย: กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า - พัฒนาแอปพลิเคชัน: เพิ่มช่องทางการซื้อสินค้า 4. ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์: - คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก - ทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจน 5. เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก: - ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าจากร้านใกล้บ้าน - ร้านค้าปลีกขนาดย่อมมีโอกาสเติบโต อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่ร้านถูกดี มีมาตรฐาน: 1. การแข่งขัน: - ร้านสะดวกซื้อ - ร้านค้าปลีกออนไลน์ 2. พฤติกรรมผู้บริโภค: - ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น 3. เศรษฐกิจ: - เศรษฐกิจถดถอย ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยสรุป ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีก แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_51163
Retail
กลยุทธ์การขยายสาขาของ Komehyo ในประเทศไทย มีแนวโน้มประสบความสำเร็จ จากการวิเคราะห์ SWOT Analysis เป็นอย่างไร
null
กลยุทธ์การขยายสาขาของ Komehyo ในประเทศไทย มีแนวโน้มประสบความสำเร็จ จากการวิเคราะห์ SWOT Analysis ดังนี้: 1. จุดแข็ง (Strengths): - แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Komehyo เป็นแบรนด์สินค้ามือสองที่มีชื่อเสียงจากประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากนักช้อปทั่วโลก - สินค้าหลากหลาย: Komehyo จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองหลากหลายประเภท ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และอื่นๆ - คุณภาพดี: Komehyo ขึ้นชื่อเรื่องสินค้ามือสองที่มีคุณภาพดี ผ่านการคัดสรรและตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนนำมาจำหน่าย - ราคาที่เหมาะสม: Komehyo จำหน่ายสินค้ามือสองในราคาที่เหมาะสม ถูกกว่าสินค้ามือหนึ่ง significantly - ทำเลที่ตั้งดี: Komehyo เลือกเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย - กลุ่มเป้าหมายชัดเจน: Komehyo เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม แต่ต้องการประหยัด 2. จุดอ่อน (Weaknesses): - สินค้าไม่มีการรับประกัน: Komehyo จำหน่ายสินค้ามือสอง ไม่มีการรับประกันสินค้า - การรับรู้ของผู้บริโภค: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังไม่คุ้นเคยกับสินค้ามือสอง อาจมีความกังวลเรื่องคุณภาพ - การแข่งขัน: ตลาดสินค้ามือสองในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง มีทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ - การกำหนดราคา: Komehyo จำหน่ายสินค้ามือสองในราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับร้านค้าสินค้ามือสองทั่วไป 3. โอกาส (Opportunities): - การเติบโตของตลาด: ตลาดสินค้ามือสองในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับการประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้อม - เทรนด์แฟชั่น: เทรนด์แฟชั่นที่เน้นความยั่งยืน ทำให้สินค้ามือสองได้รับความนิยมมากขึ้น - ช่องทางออนไลน์: Komehyo สามารถขยายช่องทางการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น - การบริการลูกค้า: Komehyo สามารถสร้างจุดเด่นด้วยการบริการลูกค้าที่ดี สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า 4. อุปสรรค (Threats): - สภาวะเศรษฐกิจ: สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค - คู่แข่ง: คู่แข่งรายใหม่ๆ อาจเข้ามาในตลาด เพิ่มการแข่งขัน - นโยบายภาษี: นโยบายภาษีของรัฐบาล อาจส่งผลต่อต้นทุนสินค้า - การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค: รสนิยมและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อความต้องการสินค้า สรุป กลยุทธ์การขยายสาขาของ Komehyo ในประเทศไทย มีแนวโน้มประสบความสำเร็จ จากจุดแข็งที่ Komehyo มี ประกอบกับโอกาสในตลาดสินค้ามือสองที่เติบโตสูง อย่างไรก็ตาม Komehyo ก็ต้องเผชิญกับจุดอ่อนและอุปสรรคต่างๆ ดังนั้น Komehyo จึงต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เน้นการสร้างจุดเด่นด้านสินค้า บริการ และราคา ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดสินค้ามือสองของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51172
Retail
Question: Is the retail industry becoming increasingly cut-throat due to digital disruption and the rise of e-commerce giants?
null
Yes the retail industry is becoming increasingly cut-throat due to digital disruption and the rise of e-commerce giants. Here's why: Increased Competition: The rise of e-commerce platforms like Shopee and Lazada has created a more competitive landscape for retailers, both online and offline. These platforms offer a wider selection of products at competitive prices, making it harder for traditional brick-and-mortar stores to compete. Price Transparency: Customers have easier access to price comparison sites and product reviews, making them more price-sensitive and aware of competitor offerings. This puts pressure on retailers to constantly optimize their pricing strategies. Shifting Customer Expectations: With the convenience of online shopping, customer expectations have risen. They now expect seamless omnichannel experiences, fast delivery options, and personalized recommendations. Retailers need to invest in technology and logistics to meet these expectations. High Customer Acquisition Costs: Attracting new customers online can be expensive, with advertising costs rising due to competition. Retaining existing customers is even more crucial, but this requires building brand loyalty and offering a unique value proposition. Shortened Attention Spans: Digital distractions like social media and targeted advertising reduce customer attention spans. This makes it harder for retailers to capture and retain customer interest, especially in online channels. Threat to Small Businesses: E-commerce giants can leverage economies of scale and have the resources to invest heavily in technology and marketing. This poses a significant threat to smaller businesses, who may struggle to compete and adapt to the changing landscape. Evidence from the passage: Pawoot Pongvitayapanu, CEO of TARAD.com, highlights the threat posed by e-commerce giants like Shopee and Lazada to small and medium businesses (SMBs) in the next 3-5 years. Bhavin Patel, Group Omni-channel Director of Kanmo Retail Group, emphasizes the importance of managing customer expectations in a complex digital landscape with numerous platforms and partners. Stan Kim, Group COO & CIO of Courts Asia, acknowledges the challenge of commoditization in the retail industry, where price comparison sites empower customers and reduce brand differentiation. Counterarguments and nuances: While the industry is becoming more competitive, there are still opportunities for retailers who can adapt and innovate. Brick-and-mortar stores still play a crucial role in the customer journey, offering a physical shopping experience and building trust with customers. Smaller businesses can focus on niche markets or leverage online marketplaces to reach a wider audience. Overall, the digital transformation of retail is creating a more challenging environment for businesses. The rise of e-commerce giants and increased competition are forcing retailers to adapt their strategies and prioritize customer experience to stay relevant.
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_51187
Retail
Power Buy ควรมีกลยุทธ์ Omni-channel อย่างไร เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
null
กลยุทธ์ Omni-channel ของ Power Buy ควรครอบคลุม 1. การผสานรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์: - ลูกค้าสามารถเริ่มต้นการซื้อสินค้าออนไลน์ และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้ - ลูกค้าสามารถตรวจสอบสต็อกสินค้าออนไลน์ก่อนไปที่หน้าร้าน - พนักงานหน้าร้านสามารถเข้าถึงข้อมูลการสั่งซื้อออนไลน์ของลูกค้า เพื่อให้บริการได้ตรงใจ 2. การนำเสนอประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ: - ลูกค้าสามารถใช้บัญชีเดียวเพื่อเข้าสู่ระบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ - ข้อมูลของลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อสินค้า จะถูกซิงค์ระหว่างช่องทางต่างๆ - ลูกค้าสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าผ่านช่องทางที่สะดวก 3. การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ: - วิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ - นำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้หลายช่องทาง - พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าได้สะดวก 4. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ - มอบสิทธิพิเศษและรางวัลแก่ลูกค้า - สื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ผ่านช่องทางต่างๆ ตัวอย่าง - Power Buy สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถถ่ายรูปสินค้าที่ต้องการ เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ - ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และเลือกที่จะไปรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือให้ Power Buy จัดส่งสินค้าถึงบ้าน - พนักงานหน้าร้านสามารถใช้แท็บเล็ตเพื่อดูข้อมูลการสั่งซื้อออนไลน์ของลูกค้า และแนะนำสินค้าเพิ่มเติม ผลลัพธ์ - เพิ่มยอดขาย - เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า - เพิ่มความภักดีของลูกค้า - เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ข้อแนะนำเพิ่มเติม - Power Buy ควรศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ - Power Buy ควรพัฒนาเทคโนโลยีและระบบต่างๆ เพื่อรองรับกลยุทธ์ Omni-channel - Power Buy ควรฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ สรุป กลยุทธ์ Omni-channel เป็นกุญแจสำคัญสำหรับ Power Buy ในการเพิ่มยอดขาย สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51196
Retail
จากข้อดี 5 ข้อของการจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพิ่มเติมอย่างไร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
null
ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถนำข้อดีของการจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพไปประยุกต์ใช้เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ดังนี้: 1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก: - ใช้ระบบ POS เก็บข้อมูลการขายสินค้า วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า และนำข้อมูลมาคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคต - แบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) ตามข้อมูลประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการซื้อ และอื่นๆ - นำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม 2. การใช้เทคโนโลยี: - ใช้ระบบ AI และ Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลัง คาดการณ์ความต้องการสินค้า และแนะนำสินค้าที่เหมาะสม - ใช้ระบบ RFID ติดตามสินค้า ตรวจสอบสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์ และป้องกันสินค้าสูญหาย - พัฒนาระบบ Omnichannel เชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ 3. การบริหารจัดการสินค้า: - กำหนดจุดสั่งซื้อสินค้า (Reorder Point) ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันสินค้าหมดสต๊อก กำหนดวิธีการจัดเก็บสินค้าตาม FIFO (First In First Out) - เพื่อป้องกันสินค้าเก่าเสื่อมสภาพ - พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ตรงเวลา และปลอดภัย 4. การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า: - เสนอสินค้าหลากหลาย ตรงตามความต้องการของลูกค้า - เสนอราคาสินค้าที่แข่งขันได้ - มอบบริการที่ดี ตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับสินค้า และจัดการปัญหาสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเพิ่มเติม: - ร้านค้าปลีกสามารถเสนอบริการ Click & Collect ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และไปรับสินค้าที่หน้าร้าน - ร้านค้าปลีกสามารถเสนอบริการ Pre-order ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า - ร้านค้าปลีกสามารถจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าค้างสต๊อก สรุป: ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และกลยุทธ์การบริหารจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพ การนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_51201
Retail
การตกแต่งร้านอาหารด้วยไฟประดับ LED ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้นหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: - ไฟประดับ LED มีความสวยงามและดึงดูดสายตา: ไฟ LED มีสีสันและรูปแบบที่หลากหลาย สามารถสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและรื่นเริงในช่วงเทศกาลปีใหม่ - ไฟประดับ LED ช่วยสร้างบรรยากาศ: แสงไฟสามารถสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันได้ ไฟ LED สีสันสดใสจะช่วยสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและรื่นเริง เหมาะกับการเฉลิมฉลองปีใหม่ - ไฟประดับ LED ช่วยให้ร้านอาหารดูโดดเด่น: ไฟ LED สามารถช่วยให้ร้านอาหารของคุณดูโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง - ไฟประดับ LED มีความประหยัดพลังงาน: ไฟ LED ประหยัดพลังงานมากกว่าไฟประเภทอื่นๆ มาก ช่วยให้เจ้าของร้านประหยัดค่าไฟได้ - ไฟประดับ LED มีความปลอดภัย: ไฟ LED ไม่ร้อนและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ เหมาะสำหรับการใช้งานภายในร้านอาหาร ตัวอย่าง: - ร้านอาหาร A ตกแต่งร้านด้วยไฟประดับ LED หลากสีสัน ลูกค้าที่มาทานอาหารต่างถ่ายรูปและแชร์ลงโซเชียลมีเดีย ทำให้ร้านอาหารเป็นที่รู้จักมากขึ้น - ร้านอาหาร B ติดตั้งไฟ LED รูปต้นคริสต์มาสหน้าร้าน ลูกค้าที่มาทานอาหารต่างรู้สึกประทับใจกับบรรยากาศที่สวยงาม - ร้านอาหาร C เปลี่ยนสีไฟ LED ในร้านตามเทศกาลต่างๆ ลูกค้าที่มาทานอาหารรู้สึกเหมือนได้ฉลองเทศกาลในบรรยากาศที่พิเศษ สรุป: จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่าการตกแต่งร้านอาหารด้วยไฟประดับ LED ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อจำนวนลูกค้าที่มาทานอาหาร เช่น: - รสชาติอาหาร: อาหารอร่อยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกค้า - ราคาอาหาร: ราคาอาหารต้องสมเหตุสมผล - บริการ: พนักงานต้องบริการลูกค้าด้วยความสุภาพและรวดเร็ว - บรรยากาศ: บรรยากาศภายในร้านต้องสะอาด สบาย และน่าอยู่ ดังนั้น เจ้าของร้านอาหารควรให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้ควบคู่ไปกับการตกแต่งร้านด้วยไฟประดับ LED
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_51208
Retail
New Normal คืออะไร
null
New Normal คือวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ของร้านอาหารและลูกค้า ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการปรับตัวและปรับรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เราจะเห็นคำว่า New Normal กันมากขึ้น ทั้งในส่วนของสื่อโฆษณาหรือว่าข่าวเอง และคำนี้ก็กลายเป็นคำใหม่ที่เราคุ้นชินกันในชีวิตประจำวันกันไปแล้ว New Normal คือวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ของร้านอาหารและลูกค้า ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการปรับตัวและปรับรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เราจะเห็นคำว่า New Normal กันมากขึ้น ทั้งในส่วนของสื่อโฆษณาหรือว่าข่าวเอง และคำนี้ก็กลายเป็นคำใหม่ที่เราคุ้นชินกันในชีวิตประจำวันกันไปแล้ว ทั้งนี้ New Normal ของร้านอาหารก็อาจจะแบ่งเป็น “ในร้าน” กับ “นอกร้าน” โดยในส่วนของภายในร้านก็จะมีการเช็คอิน จำกัดจำนวนคน และการทำความสะอาด ส่วนนอกร้านที่ผู้ประกอบการร้านอาหารมีการตื่นตัวกันมากขึ้นก็คือ การสั่งอาหารออนไลน์ การส่งอาหารเดลิเวอรี่ หรือ Food Delivery อย่างเราที่ยังทำงานกันที่บ้านหรือ Work From Home ก็สั่งอาหารออนไลน์มาทานกันอยู่แล้ว และนี่ก็คือ New Normal สำหรับร้านอาหารและลูกค้า ทั้งนี้ New Normal ของร้านอาหารก็อาจจะแบ่งเป็น “ในร้าน” กับ “นอกร้าน” โดยในส่วนของภายในร้านก็จะมีการเช็คอิน จำกัดจำนวนคน และการทำความสะอาด ส่วนนอกร้านที่ผู้ประกอบการร้านอาหารมีการตื่นตัวกันมากขึ้นก็คือ การสั่งอาหารออนไลน์ การส่งอาหารเดลิเวอรี่ หรือ Food Delivery อย่างเราที่ยังทำงานกันที่บ้านหรือ Work From Home ก็สั่งอาหารออนไลน์มาทานกันอยู่แล้ว และนี่ก็คือ New Normal สำหรับร้านอาหารและลูกค้า แต่คำถามคือ “มีเดลิเวอรี่แล้ว แต่ไม่มีคนซื้อ ทำยังไง?” เพราะแต่ก่อนที่ยังมีหน้าร้านยังง่าย ทางร้านสามารถ ถ่ายหน้าร้านสวย ๆ พร้อมอาหารอร่อย ๆ และให้ลูกค้ามาชิมอาหารที่ร้านได้ แต่ New Normal ต่างกันออกไปแล้ว คนไม่สามารถ Walk-in ได้ (ถึง Walk-in ได้ก็ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เท่าเดิม) ดังนั้นการทำให้ลูกค้ารู้จักเดลิเวอรี่ของร้านอาหารก็เลยสำคัญมาก วันนี้เราเลยมีหัวข้อย่อยมาบอกกัน คือ แต่คำถามคือ “มีเดลิเวอรี่แล้ว แต่ไม่มีคนซื้อ ทำยังไง?” เพราะแต่ก่อนที่ยังมีหน้าร้านยังง่าย ทางร้านสามารถ ถ่ายหน้าร้านสวย ๆ พร้อมอาหารอร่อย ๆ และให้ลูกค้ามาชิมอาหารที่ร้านได้ แต่ New Normal ต่างกันออกไปแล้ว คนไม่สามารถ Walk-in ได้ (ถึง Walk-in ได้ก็ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เท่าเดิม)
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51218
Retail
กลยุทธ์ CRC Thai Watsadu : Build the future ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ จะส่งผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างไร
null
1. ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบออมนิชาแนล: กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวกต่อลูกค้า ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์ หน้าร้าน หรือโมบายล์แอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถค้นหา เปรียบเทียบ และซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของช่องทาง ตัวอย่าง: -ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ไทวัสดุ เปรียบเทียบราคาและรายละเอียดสินค้า เลือกซื้อสินค้า และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นรอรับสินค้าที่สาขาไทวัสดุที่สะดวก หรือเลือกบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน -ลูกค้าสามารถใช้โมบายล์แอปพลิเคชันของไทวัสดุ สแกน QR Code บนสินค้าในเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลรายละเอียด เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน 2. สินค้าและบริการที่หลากหลาย: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครบครัน ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องมือช่าง อุปกรณ์สวน อุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านและการใช้ชีวิต ตัวอย่าง: -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอสินค้าหลากหลายแบรนด์ให้ลูกค้าเลือกซื้อ เปรียบเทียบราคา และค้นหาสินค้าที่เหมาะกับความต้องการได้อย่างง่ายดาย -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการออกแบบ บริการติดตั้ง บริการขนส่ง และบริการอื่นๆ ที่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ พัฒนารูปแบบสินค้าและบริการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป 3. ราคาที่แข่งขัน: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าในราคาที่แข่งขัน โดยใช้อำนาจต่อรองจากซัพพลายเออร์ นำเสนอโปรโมชันและส่วนลดพิเศษต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตัวอย่าง: -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ นำเสนอสินค้าราคาพิเศษ โปรโมชัน และส่วนลดต่างๆ อยู่เสมอ -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มีโปรแกรมสมาชิกที่ลูกค้าสามารถสมัครเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ส่วนลดพิเศษ สะสมคะแนนแลกรับของรางวัล -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย 4. บริการที่สะดวกและรวดเร็ว: ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งมั่นให้บริการลูกค้าด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประทับใจ พัฒนาระบบและกระบวนการทำงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับแรก ตัวอย่าง: -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มีจุดชำระเงินที่เพียงพอ รองรับจำนวนลูกค้าที่หนาแน่น -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มีบริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว ตรงเวลา และปลอดภัย -ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มีบริการหลังการขายที่ดี มีศูนย์บริการลูกค้าพร้อมให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหา
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51220
Retail
อะไรคือกลยุทธ์การจัดส่งสินค้าที่ร้านค้าออนไลน์ควรใช้เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า?
null
กลยุทธ์การจัดส่งสินค้ามีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของร้านค้าออนไลน์ กลยุทธ์ที่ดีจะช่วยเพิ่มยอดขาย เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างความประทับใจต่อร้านค้าของคุณ ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การจัดส่งสินค้าที่ร้านค้าออนไลน์ควรใช้: 1. ตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลาย: ลูกค้าชอบมีตัวเลือก ร้านค้าออนไลน์ควรเสนอตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลาย เช่น การจัดส่งแบบมาตรฐาน การจัดส่งแบบเร่งด่วน การจัดส่งแบบเย็น การจัดส่งในวันเดียวกัน การจัดส่งแบบ Click & Collect (รับสินค้าที่หน้าร้าน) 2. แจ้งค่าธรรมเนียมการจัดส่งอย่างชัดเจน: ลูกค้าควรทราบค่าธรรมเนียมการจัดส่งก่อนตัดสินใจซื้อ ร้านค้าออนไลน์ควรแสดงค่าธรรมเนียมการจัดส่งอย่างชัดเจนบนหน้าเว็บไซต์ 3. เสนอการจัดส่งฟรี: การจัดส่งฟรีเป็นสิ่งที่ดึงดูดลูกค้า ร้านค้าออนไลน์สามารถเสนอการจัดส่งฟรีเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบตามจำนวนที่กำหนด 4. ระบุระยะเวลาการจัดส่งที่ชัดเจน: ลูกค้าควรทราบว่าจะได้รับสินค้าเมื่อไหร่ ร้านค้าออนไลน์ควรระบุระยะเวลาการจัดส่งที่ชัดเจนบนหน้าเว็บไซต์ 5. ติดตามสถานะการจัดส่ง: ลูกค้าควรสามารถติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าได้ ร้านค้าออนไลน์ควรให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์ 6. บรรจุสินค้าอย่างดี: สินค้าควรได้รับการบรรจุอย่างดีเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการจัดส่ง 7. เสนอบริการคืนสินค้า: ลูกค้าควรสามารถคืนสินค้าได้หากไม่พอใจ ร้านค้าออนไลน์ควรมีนโยบายการคืนสินค้าที่ชัดเจน 8. สื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: ร้านค้าออนไลน์ควรสื่อสารกับลูกค้าเกี่ยวกับสถานะการจัดส่งสินค้า 9. ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง: ร้านค้าออนไลน์ควรใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง เช่น ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้า 10. พัฒนาความสัมพันธ์กับบริษัทขนส่ง: ร้านค้าออนไลน์ควรพัฒนาความสัมพันธ์กับบริษัทขนส่งเพื่อ mendapatkan ค่าธรรมเนียมการจัดส่งที่ดี ตัวอย่างกลยุทธ์การจัดส่งสินค้าที่ร้านค้าออนไลน์ชั้นนำใช้: Amazon: เสนอตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลาย เช่น การจัดส่งฟรีสำหรับสมาชิก Amazon Prime Shopee: เสนอการจัดส่งฟรีสำหรับสินค้าบางรายการ Lazada: เสนอการจัดส่งแบบ Same Day Delivery ในบางพื้นที่ สรุป: กลยุทธ์การจัดส่งสินค้าที่ดีจะช่วยเพิ่มยอดขาย เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างความประทับใจต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณ ร้านค้าออนไลน์ควรพิจารณากลยุทธ์เหล่านี้และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51233
Retail
อะไรคือ 3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจร้านอาหารยุค New Normal ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ?
null
5 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของอนาคตธุรกิจร้านอาหาร (พร้อมแนะวิธีทำ) มี 3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจร้านอาหารยุค New Normal ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ดังนี้ 1. มุ่งเน้นการเข้าใจลูกค้า: - รู้จักลูกค้าของคุณ: เก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม ความชอบ สินค้าที่ซื้อ ราคาที่จ่าย ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยคุณตัดสินใจได้ดีขึ้น พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า - สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: รักษาลูกค้าเก่า ดึงดูดลูกค้าใหม่ - สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับร้าน: ผ่านการบริการที่ดี อาหารอร่อย รีวิวจากลูกค้า 2. ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง: - สร้าง Brand Awareness: ผ่าน Google My Business, Facebook, Instagram - ทำการตลาดออนไลน์: โฆษณา Facebook Remarketing 3. นำเทคโนโลยีมาใช้: - ระบบสั่งอาหารแบบอัตโนมัติ: ลดความผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพ - รองรับบริการแบบไร้สัมผัสและไร้เงินสด: ตอบโจทย์ New Normal - ระบบการจัดการหลายช่องทาง: จัดการร้าน ติดตามยอดขาย CRM สต๊อก ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในธุรกิจ Retail: - มุ่งเน้นการเข้าใจลูกค้า: เก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม personalize สินค้าและบริการ - ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง: ทำการตลาดออนไลน์ โฆษณา รีวิว - นำเทคโนโลยีมาใช้: ระบบ POS ระบบจัดการสินค้าคงคลัง ชำระเงินออนไลน์ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: - เพิ่มยอดขาย - เพิ่มฐานลูกค้า - สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า - ลดต้นทุน - เพิ่มประสิทธิภาพ - ขยายธุรกิจ สรุป: กลยุทธ์ทั้ง 3 นี้ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จสำหรับธุรกิจร้านอาหารและ Retail ในยุค New Normal ธุรกิจที่สามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถอยู่รอด เติบโต และประสบความสำเร็จ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51246
Retail
กลยุทธ์สำคัญที่ร้านขายกัญชาควรนำไปใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมีอะไรบ้าง?
null
กลยุทธ์สำคัญที่ร้านขายกัญชาควรนำไปใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมีดังนี้: 1. สินค้าคุณภาพ: - เลือกดอกกัญชาที่มีคุณภาพสูง กลิ่นหอม รสชาติดี ได้มาตรฐาน - มีตัวเลือกให้หลากหลาย เหมาะกับความต้องการของลูกค้า - เก็บรักษาดอกกัญชาอย่างถูกต้อง คงความสดใหม่ 2. บริการที่ยอดเยี่ยม: - พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับกัญชา สามารถให้คำแนะนำและตอบคำถามลูกค้าได้ - บริการด้วยความเป็นมิตร ยินดีต้อนรับ - ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการใช้กัญชาอย่างปลอดภัย 3. บรรยากาศร้าน: - ตกแต่งร้านให้สวยงาม ดึงดูดสายตา - สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย - มีพื้นที่ให้นั่งชิล ผ่อนคลาย 4. กิจกรรมส่งเสริมการขาย: - จัดโปรโมชั่นส่วนลด หรือแถมสินค้า - จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปเกี่ยวกับกัญชา - เชิญชวนผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยเกี่ยวกับกัญชา 5. ช่องทางการจำหน่าย: - เปิดหน้าร้าน - ขายออนไลน์ - บริการจัดส่ง ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จใน Retail: - ร้าน "Nice To Weed You" เน้นสินค้าคุณภาพสูง ราคาดี พนักงานให้คำแนะนำดี - ร้าน "ยอดมนุษย์กัญชาคาเฟ่" นำกัญชามาผสมกับเครื่องดื่ม ขายในราคาจับต้องได้ - ร้าน "ReLeaf" ตกแต่งร้านสวยงาม มีสินค้าหลากหลาย พนักงานให้คำแนะนำดี ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: - ดึงดูดลูกค้า - เพิ่มยอดขาย - สร้างฐานลูกค้าประจำ - สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ข้อควรระวัง: 1. ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 2. ควบคุมคุณภาพสินค้า ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาอย่างถูกต้อง 3. ดูแลความปลอดภัยของลูกค้า บทสรุป: ธุรกิจกัญชามีการแข่งขันสูง ร้านขายกัญชาจึงควรมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เน้นสินค้าคุณภาพ บริการที่ดี บรรยากาศร้านที่ดึงดูดใจ และกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ตัวอย่างเพิ่มเติม: - ร้าน "Cannabis Twins" เน้นสินค้าล้ำสมัย หายาก มีห้อง Smoke room ให้บริการ - ร้าน "Wizard Cannabis Cafe" บรรยากาศดี เหมาะกับการนั่งชิล - ร้าน "The Phuket Cannabis Club" พนักงานต้อนรับน่ารัก บริการดี
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_51271
Retail
จากบทความ "วันสตรีสากล 2564: เปิดเคล็ดลับความสำเร็จ จาก 2 นักธุรกิจหญิงแกร่งแห่งวงการ" ระบบ POS ของ StoreHub มีประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีกหรือไม่
null
ใช่ เหตุผล คือ: 1. ช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: ระบบ POS ของ StoreHub มีฟีเจอร์ CRM ในตัว ช่วยให้ร้านค้าสามารถเก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ และสร้างแคมเปญที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน ตัวอย่าง: คุณออม เจ้าของร้านขนมบ้านบัวหอม สามารถใช้ฟีเจอร์ CRM เก็บข้อมูลลูกค้าประจำ วิเคราะห์ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบซื้ออะไรบ่อยที่สุด และส่งข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับสินค้าใหม่หรือโปรโมชันที่ตรงใจลูกค้า 2. ช่วยให้ปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: ระบบ POS ของ StoreHub รองรับการขายออนไลน์ ช่วยให้ร้านค้าสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังช่องทางออนไลน์ ตัวอย่าง: คุณภัทรพร เจ้าของร้าน Bora Korean Mart สามารถใช้ฟีเจอร์เปิดเว็บขายออนไลน์ของ StoreHub เพิ่มช่องทางขายสินค้าให้ลูกค้า ซื้อของได้ทุกที่ทุกเวลา 3. ช่วยให้บริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ระบบ POS ของ StoreHub ช่วยให้จัดการสต็อกสินค้า ติดตามยอดขาย วิเคราะห์รายงานต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ ตัวอย่าง: ฟีเจอร์จัดการสต็อกของ StoreHub ช่วยให้คุณออมและคุณภัทรพร ตรวจสอบจำนวนสินค้าคงคลัง วิเคราะห์สินค้าขายดี สินค้าขายช้า ได้ง่ายขึ้น ช่วยให้บริหารสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: ระบบ POS ของ StoreHub ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดเวลาในการคิดเงิน ลดการสูญเสียสินค้า ตัวอย่าง: ฟีเจอร์เครื่องคิดเงินด่วนของ StoreHub ช่วยให้พนักงานคิดเงินได้รวดเร็ว ลดเวลาการรอคิวของลูกค้า 5. ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา: ระบบ POS ของ StoreHub รองรับการใช้งานบนมือถือ ช่วยให้เจ้าของร้านสามารถดูข้อมูลร้านค้า ติดตามยอดขาย ตรวจสอบสต็อกสินค้า ได้ทุกที่ทุกเวลา ตัวอย่าง: คุณออมและคุณภัทรพร สามารถดูยอดขาย วิเคราะห์รายงานต่างๆ ผ่านมือถือได้โดยไม่ต้องอยู่ที่ร้าน สรุป:ระบบ POS ของ StoreHub มีประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก ช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป บริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_51276
Retail
เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ 6 สิ่งที่ผู้ประกอบการมือใหม่ต้องพิจารณาก่อนเปิดร้านขายของ
null
ผู้ประกอบการมือใหม่ต้องพิจารณา 6 สิ่งนี้ ก่อนที่จะเปิดร้านขายของ - สิ่งแรกคือ พิจารณาค่าเช่า ทั้งการคำนวณค่าเช่า ยอดขาย และกำไรล่วงหน้า เพื่อวางแผนเปิดร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ - สิ่งที่ 2 คาดการณ์ปริมาณลูกค้า เพื่อให้ร้านค้าโดดเด่นและได้รับความสนใจจากลูกค้า - สิ่งที่ 3 รู้ขั้นตอนการทำงานอย่างถี่ถ้วน - สิ่งที่ 4 ตั้งราคาสินค้าอย่างเที่ยงธรรม เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้ามีราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพ - สิ่งที่ 5 ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย โดยเฉพาะโปรแกรมขายหน้าร้านอัจฉริยะที่ช่วยให้การซื้อขายรวดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น และสิ่งสุดท้าย เข้าถึงลูกค้าให้เป็น ตั้งแต่กล่าวทักทาย ให้คำแนะนำ จนถึงกล่าวขอบคุณ บทเรียนจากย่อหน้านี้: 6 สิ่งที่ผู้ประกอบการมือใหม่ต้องพิจารณาก่อนเปิดร้านขายของ: 1. พิจารณาค่าเช่า: - แน่นอนว่าจะต้องเช่าที่ขายของหากไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ไหนจะต้องเลือกทำเล หาที่ปล่อยเช่า หรือหาดูว่ามีที่ไหนปล่อยล็อคขายของบ้าง ซึ่งแม้จะได้ทำเลที่คิดว่าดีที่สุด แต่บางทีก็อาจสะดุดเพราะพิษเศรษฐกิจหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน - เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญาระยะยาว จะได้ไม่มีข้อผูกมัดมากเกินไปตั้งแต่เริ่มเปิดร้านขายของ - ทั้งนี้อย่าลืมคำนวณค่าเช่า ยอดขาย และกำไรไว้ล่วงหน้าด้วย จะได้วางแผนเปิดร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คำนวณให้ละเอียดทั้งราคาที่จะขายสินค้า ราคาค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ลองเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วจะเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น 2. คาดการณ์ปริมาณลูกค้า: - ดูสิว่าทำเลที่คุณจะเปิดร้านขายของนั้นเหมาะสมมาก–น้อยเพียงใด สินค้าที่จะขายตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นหรือเปล่า ปริมาณลูกค้าที่จะเข้าร้านอยู่ที่เท่าไหร่ หรือว่าต้องขายสินค้าไหนร้านค้าของคุณถึงจะโดดเด่นและได้รับความสนใจจากลูกค้า อย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินเป็นอันขาด - จากการศึกษาของ MIT Center for Digital Business นั้นพบว่า บริษัทที่มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจสามารถทำผลงานได้ดีกว่า 4% และทำกำไรได้มากกว่าถึง 6% เพราะฉะนั้นก่อนเปิดร้านควรศึกษาพฤติกรรมลูกค้าในพื้นที่เพื่อให้มีข้อมูลและสถิติ จะได้นำมา วิเคราะห์ว่า ควรขายสินค้าแบบไหนจึงจะโดนใจลูกค้าที่สุด หรือต้องให้บริการอะไรจึงจะขายของได้กำไรและมีโอกาสรอดในวงการค้าปลีกมากที่สุด 3. รู้ขั้นตอนการทำงานอย่างถี่ถ้วน: - หากคิดจะเป็นเจ้าของกิจการแล้ว ต้องทำงานให้หนักขึ้น ไม่สามารถมีรายได้ที่แน่นอนเหมือนมนุษย์เงินเดือน ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากตั้งใจจริง ๆ เพราะฉะนั้นจะต้องคิดเสมอว่าการเปิดร้านขายของครั้งนี้คือธุรกิจที่จะต้องดูแลและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้ร้านค้าไปรอด - สิ่งที่สำคัญและควรทำในการเป็นนายตัวเองนั้น ไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้ตามใจตัวเอง แต่ต้องลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตนเองและรู้ขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน - เริ่มตั้งแต่วิธีการติดต่อซัพพลายเออร์ การสั่งของ ทำบิล ศึกษาการตลาด การนับสต๊อกสินค้า หรือแม้กระทั่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการแล้ว จะต้องรู้วิธีการจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียด ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ 4. ตั้งราคาสินค้าอย่างเที่ยงธรรม: - สมัยนี้ใคร ๆ ก็ชอบของดีมีคุณภาพในราคาที่ต้องจับต้องได้ เพราะฉะนั้นอย่าตั้งราคาสินค้าสูงเกินไปเมื่อเปิดร้านขายของ และก็ต้องไม่ตั้งราคาต่ำเกินไป จะได้ไม่เข้าเนื้อตัวเองจนขาดทุน ลองศึกษาตลาดและค้นหาราคาสินค้าโดยเฉลี่ย โดยเปรียบเทียบและคำนวณสินค้าลักษณะเดียวกันทั้งในทำเลใกล้ ๆ และราคาสินค้าออนไลน์ จากนั้นก็ตั้งราคาสินค้ากลาง ๆ ที่ใกล้เคียงเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพ แล้วร้านค้าก็จะน่าสนใจในสายตาลูกค้ามากขึ้น - เช่น หากคิดจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าหรือร้านขายของชำ ก็ดูว่าร้านอื่น ๆ ที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ขายในราคาเท่าไหร่ หากมีค่าจัดส่ง ต้องคิดเพิ่มเท่าไหร่ หรือว่าต้องขายในลักษณะไหนถึงจะได้ใจลูกค้า เช่น ขายปลีก หรือขายส่ง เป็นต้น 5. ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย: - ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าร้านค้าชั้นนำในห้างหรือแบรนด์ดังต่างก็ใช้ระบบ POS กัน นั่นก็เพราะว่าระบบที่ว่านี้เป็นซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมขายหน้าร้านอัจฉริยะที่ช่วยให้การซื้อ-ขายรวดเร็ว สะดวกสบาย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น - อย่างระบบ POS สโตร์ฮับก็เป็นขวัญใจของพ่อค้าแม่ค้าหลายคน คือไม่ต้องมานั่งจำราคาหรือจดทุกอย่างด้วยมือ แค่เพิ่มสินค้าเข้าไปในระบบหลังบ้านก็ขายหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์ได้ทันที อีกอย่างเมื่อมีการขายสินค้าไป ระบบ POS ก็จะตัดสต๊อกสินค้าโดยอัตโนมัติ หรือถ้าสต๊อกเหลือน้อย ระบบก็จะแจ้งเตือนทันที ไม่ต้องมาเสียเวลานับหรือพลาดโอกาสในการขายไป เพราะฉะนั้นทำไมไม่ลองใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดูล่ะ แล้วจะจัดการร้านขายของได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และลูกค้าก็จะได้ประสบการณ์การซื้อของดี ๆ จากร้านแน่นอน 6. เข้าถึงลูกค้าให้เป็น: - การเข้าถึงลูกค้าให้เป็นนั้นเริ่มจากการบริการที่ยอดเยี่ยม เพราะหากเอาใจใส่ลูกค้าตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน กล่าวทักทาย และคอยให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือ ลูกค้าก็จะประทับใจและอยากกลับมาซื้อของที่ร้านอีกแน่นอน - และถ้าจะให้ดียิ่งกว่า ทางร้านควรมี Loyalty Program เป็นของตัวเอง โดยรูปแบบ Loyalty Program หรือโปรแกรมลูกค้าสมาชิกที่ได้รับความนิยมและถูกใจลูกค้ามากที่สุดก็คือ cashback คืนเงินลูกค้าทุกครั้งที่ซื้อของ เพื่อมอบแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาใช้จ่ายด้วยยอดเงินคืนจากทางร้านในครั้งถัดไป - นอกจากนี้ยังเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ๆ อีกหลายช่องทาง เช่น การตกแต่งร้าน ใบปลิว ป้ายประกาศ และช่องทางโซเชียลให้ลูกค้าได้ติดตามสินค้าและบริการจากทางร้าน เท่านี้ร้านขายของก็จะดูน่าเชื่อถือ เป็นมืออาชีพ และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นแล้ว
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0