ID
stringlengths
9
13
Domain
stringclasses
4 values
Instruction
stringlengths
10
894
Input
stringclasses
0 values
Output
stringlengths
110
13.8k
Tags
stringlengths
7
676
Task_type
stringclasses
6 values
License
stringclasses
2 values
Retail_39067
Retail
กลยุทธ์การขยายตลาด Energy Bar ของ Clif Bar & Company หลังจากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Mondelez International จะเป็นอย่างไร
null
กลยุทธ์การขยายตลาด Energy Bar ของ Clif Bar & Company หลังจากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Mondelez International มีดังนี้ 1. การเข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่กว้างขวาง Mondelez มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางทั่วโลก Clif Bar & Company จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคใหม่ ๆ ในตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น Mondelez สามารถใช้ช่องทางจำหน่ายที่มีอยู่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ฯลฯ ในการจำหน่าย Energy Bar ของ Clif Bar & Company 2. การใช้ประโยชน์จากแบรนด์และทรัพยากรของ Mondelez Mondelez มีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Oreo, Toblerone และ Halls , Clif Bar & Company สามารถใช้แบรนด์และทรัพยากรของ Mondelez ในการสร้างการรับรู้แบรนด์และขยายฐานลูกค้า Mondelez สามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนา และการผลิต มาช่วย Clif Bar & Company พัฒนาสินค้าใหม่และขยายธุรกิจ 3. การขยายฐานลูกค้า Mondelez มีฐานลูกค้าที่หลากหลายทั่วโลก Clif Bar & Company สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ของ Mondelez , Mondelez สามารถใช้ฐานลูกค้าที่มีอยู่ ในการแนะนำ Energy Bar ของ Clif Bar & Company 4. การพัฒนาสินค้าใหม่ Mondelez มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ Clif Bar & Company สามารถใช้ความเชี่ยวชาญของ Mondelez ในการพัฒนา Energy Bar รสชาติใหม่ และสินค้าใหม่ ๆ Mondelez สามารถใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีที่มีอยู่ ในการพัฒนา Energy Bar สูตรใหม่ 5. การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ Mondelez มีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ เช่น เอเชีย Clif Bar & Company สามารถใช้แผนขยายธุรกิจของ Mondelez ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ Mondelez สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ ในการช่วย Clif Bar & Company เข้าสู่ตลาดใหม่ ตัวอย่าง - Clif Bar & Company สามารถใช้ช่องทางจำหน่ายของ Mondelez ในการจำหน่าย Energy Bar ของ - - Clif Bar & Company ในประเทศจีน - Clif Bar & Company สามารถใช้แบรนด์ Oreo ในการโปรโมท Energy Bar ของ Clif Bar & Company - Clif Bar & Company สามารถพัฒนา Energy Bar สูตรใหม่ ร่วมกับ Mondelez - Clif Bar & Company สามารถใช้แผนขยายธุรกิจของ Mondelez ในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินเดีย ข้อสรุป การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Mondelez International จะช่วยให้ Clif Bar & Company ขยายตลาด Energy Bar ได้อย่างกว้างขวาง Mondelez มีเครือข่ายการจัดจำหน่าย แบรนด์ ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้ Clif Bar & Company ประสบความสำเร็จ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39073
Retail
จากกลยุทธ์ของโรบินสันไลฟ์สไตล์ ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง
null
บทเรียนที่ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สามารถเรียนรู้จากโรบินสันไลฟ์สไตล์ มีดังนี้ 1. มุ่งเน้นการออกแบบศูนย์การค้าให้สอดรับกับพื้นที่และชุมชน: โรบินสันไลฟ์สไตล์ ออกแบบศูนย์การค้าให้สอดรับกับเอกลักษณ์และความต้องการของชุมชน ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ควรศึกษาข้อมูล พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ เพื่อออกแบบศูนย์การค้าที่ตรงใจ 2. เน้นการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่: โรบินสันไลฟ์สไตล์ ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำ พัฒนาศูนย์การค้าบนทำเลศักยภาพให้เป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ควรพิจารณาขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น มิกซ์ยูส เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้ 3. ส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของชุมชนในท้องถิ่น: โรบินสันไลฟ์สไตล์ สนับสนุนธุรกิจไทยรายย่อย ผลักดัน SMEs และ Start Up ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ควรมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชน 4. มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน: โรบินสันไลฟ์สไตล์ มุ่งเน้นการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ควรมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จ 1. Central Retail: พัฒนาระบบออนไลน์ "Central Online" และ "Robinson Online" 2. Tesco Lotus: พัฒนาระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ "Lotus's SMART Delivery" 3. Shopee: นำเสนอสินค้าหลากหลาย ประเภท โปรโมชั่น ส่วนลด สรุป ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ สามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจากกลยุทธ์ของโรบินสันไลฟ์สไตล์ ธุรกิจค้าปลีกควรเน้นการออกแบบศูนย์การค้าให้สอดรับกับพื้นที่และชุมชน เน้นการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ ส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของชุมชนในท้องถิ่น และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ธุรกิจค้าปลีกที่ปรับตัวได้เร็ว นำเทคโนโลยีมาใช้ และมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนจะสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39081
Retail
กลยุทธ์ "Retail-Led Mixed-use Development" ของเซ็นทรัลพัฒนา มีข้อจำกัดอะไรบ้าง และเซ็นทรัลพัฒนาจะสามารถรับมือกับข้อจำกัดเหล่านั้นได้อย่างไร?
null
กลยุทธ์ "Retail-Led Mixed-use Development" ของเซ็นทรัลพัฒนา มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน โดยมีศูนย์การค้าเป็นแกนหลัก และมีที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมมาเสริม กลยุทธ์นี้มีศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตให้กับเซ็นทรัลพัฒนา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1. ความท้าทายด้านการบริหาร: การบริหารโครงการแบบผสมผสานมีความซับซ้อนมากกว่าการบริหารศูนย์การค้าเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องมีทีมที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ 2. การแข่งขันที่รุนแรง: ตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานมีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นทั้งรายใหญ่และรายย่อย 3. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 4. ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและการเช่าพื้นที่ แนวทางรับมือกับข้อจำกัด: 1. พัฒนาทีมที่มีความเชี่ยวชาญ: เซ็นทรัลพัฒนาควรพัฒนาทีมที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ 2. สร้างจุดแข็งที่แตกต่าง: เซ็นทรัลพัฒนาควรสร้างจุดแข็งที่แตกต่าง 3. ติดตามเทรนด์อย่างใกล้ชิด: เซ็นทรัลพัฒนาควรติดตามเทรนด์ 4. บริหารจัดการความเสี่ยง: เซ็นทรัลพัฒนาควรบริหารจัดการความเสี่ยง สรุป: กลยุทธ์ "Retail-Led Mixed-use Development" ของเซ็นทรัลพัฒนา มีศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัท แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา เซ็นทรัลพัฒนาจำเป็นต้องพัฒนาทีมที่มีความเชี่ยวชาญ สร้างจุดแข็งที่แตกต่าง ติดตามเทรนด์ และบริหารจัดการความเสี่ยง เพิ่มเติม: เซ็นทรัลพัฒนาสามารถพิจารณาแนวทางเพิ่มเติม ดังนี้ -พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้า -ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ -ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ -พัฒนาโครงการที่ยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เซ็นทรัลพัฒนาจะสามารถเอาชนะข้อจำกัดและประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์ "Retail-Led Mixed-use Development"
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39084
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....การวางแผนสืบทอดธุรกิจ: ควรมีแผนที่ชัดเจน กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของสมาชิกครอบครัวแต่ละคน
null
อาณาจักรแฟชั่นสะเทือนเลือน: บทเรียนราคาแพงจาก Gucci ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก บนถนนสายแฟชั่นอันเลื่องชื่อ ร้านบูติก Gucci สุดหรูตั้งตระหง่าน ดึงดูดสายตาเหล่าลูกค้าผู้มีรสนิยม ทว่าเบื้องหลังม่านฉากอันแวววาว กลับซ่อนเร้นเรื่องราวอันขมขื่นของตระกูล Gucci ทายาทรุ่นที่ 3 กำลังขับเคี่ยวแย่งชิงอำนาจ บ่อนทำลายอาณาจักรที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้ มรดกตกทอด Guccio Gucci ช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เริ่มต้นธุรกิจจากร้านหนังเล็ก ๆ ในฟลอเรนซ์ ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัย ธุรกิจของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อ Guccio เสียชีวิต ลูกชายสามคน Aldo, Rodolfo และ Maurizio ต่างหมายปองอำนาจ การแบ่งปันมรดกตกทอดกลายเป็นชนวนเพลิงแห่งความขัดแย้ง Aldo ผู้เฉลียวฉลาดและทะเยอทะยาน มุ่งมั่นขยายธุรกิจ Gucci ไปทั่วโลก เขาผลักดันให้บริษัทกลายเป็นบริษัทมหาชน ควบคุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จ Rodolfo ผู้รักงานศิลปะ กลับไม่สนใจธุรกิจเท่าพี่ชาย ความขัดแย้งของเขากับ Aldo ทวีความรุนแรง สุดท้าย Rodolfo ตัดสินใจลาออกจากบริษัท ไปก่อตั้งแบรนด์ของตัวเอง Maurizio ทายาทคนสุดท้อง เติบโตมาในเงามืดของพี่ชาย เขาได้รับมรดกเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของ Gucci แต่ไร้ประสบการณ์บริหารธุรกิจ ไฟแห่งเพลิง ความอิจฉาริษยาและความโลภกัดกินหัวใจ Maurizio เขาเริ่มวางแผนโค่นล้ม Aldo พี่ชาย Maurizio จ้างฆาตกรลอบสังหาร Aldo ในปี 1995 เหตุการณ์อันโหดร้ายนี้ สั่นสะเทือนวงการแฟชั่นทั่วโลก Maurizio ถูกจับกุมและตัดสินจำคุก หลังการปล่อยตัว Maurizio กลับมาสู่ Gucci อีกครั้ง แต่เขาไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ บริษัท Gucci ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ในที่สุด Maurizio ตัดสินใจขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ บทเรียนราคาแพง เรื่องราวของ Gucci สะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนราคาแพงของธุรกิจครอบครัว ความโลภ ความริษยา และการขาดการสื่อสาร นำไปสู่ความแตกแยกและความพังพินาศ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39093
Retail
โครงการ ช้อปดีมีคืนคืออะไร เริ่มเมื่อใด
null
โครงการ ช้อปดีมีคืน ที่จะเริ่มในต้นปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2565 จะกระตุ้นการจับจ่าย 40,000-50,000 ล้านบาท ผ่านประชาชนเข้าร่วมโครงการ 1.5-2 ล้านราย ถือเป็นการเริ่มต้น และเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดแรกในการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยที่มีประสิทธิภาพ โดยจะมีเงินเข้าไปสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท สำหรับรายละเอียดของโครงการ ช้อปดีมีคืน ประกอบด้วย เริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2565 กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 – 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ 1.5 – 2.0 ล้านราย วงเงินเป็น 30,000 บาท คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 4 – 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตถึง 0.15 % ญนน์ เสริมว่า ในภาวะความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโอมิครอน ที่อาจมีการควบคุมการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามาในประเทศ มาตรการช้อปดีมีคืนนี้ จะเป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้เป็นอย่างดี ทั้งช่วยเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ กระตุ้นให้เกิดการใช้สอยในประเทศด้วยการสนับสนุน SMEs ไทย ช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้กลับมาพลิกฟื้นได้โดยเร็ว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39111
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง
null
อาณาจักร Jaymart: จากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าสู่จักรวาลธุรกิจ ตัวละครหลัก นายสมชาย: จากอดีตนักขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของ Jaymart คุณหญิงนงลักษณ์: ภรรยาของนายสมชาย ผู้คอยสนับสนุนและให้คำปรึกษา คุณพีช: ลูกสาวของนายสมชาย ผู้มีความคิดสร้างสรรค์และทันสมัย คุณจิรพัฒน์: ผู้บริหาร BTS Group ที่เห็นศักยภาพของ Jaymart เรื่องราว ในย่านการค้าที่คึกคัก มีร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็ก ๆ ชื่อว่า "Jaymart" ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้การนำของนายสมชาย อดีตนักขายที่ทุ่มเทแรงกายและความมุ่งมั่น จนสามารถพัฒนาร้านนี้ให้เป็นอาณาจักรธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ และบริการทางการเงิน จุดเปลี่ยนสำคัญ ในปี 2016 Jaymart เผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Disruption) ผู้คนเริ่มหันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ Jaymart ต้องปรับตัวโดยการพัฒนา e-commerce ขยายช่องทางการขายออนไลน์ และเริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น สินเชื่อและเทคโนโลยี การร่วมมือกับ BTS Group ขณะที่ธุรกิจกำลังต้องการการเปลี่ยนแปลง คุณพีช ลูกสาวของนายสมชาย นำเสนอไอเดียใหม่ ๆ เธอเสนอให้ Jaymart ร่วมมือกับ BTS Group ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งมวลชนชั้นนำ คุณหญิงนงลักษณ์เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจและขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ การผนึกกำลัง หลังจากการเจรจา Jaymart ตัดสินใจลงนามความร่วมมือกับ BTS Group โดย BTS ลงทุนใน Jaymart หลายหมื่นล้านบาท การจับมือครั้งนี้เป็นการผสานจุดแข็งระหว่าง Jaymart ที่เชี่ยวชาญด้านค้าปลีกและการเงิน กับ BTS Group ที่มีเครือข่ายและฐานลูกค้าจำนวนมาก ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ความร่วมมือนี้นำไปสู่ผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ Jaymart มียอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ในขณะที่ BTS Group ก็ได้รับประโยชน์จากการนำสินค้าบริการใหม่ ๆ ของ Jaymart มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39115
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัลจำเป็นต้องพัฒนาระบบดิจิทัลที่ครบวงจร เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ของลูกค้า
null
พลังดิจิทัล ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกสู่อนาคต ณ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กำลังจับมือกับ คุณพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ "ORBIT Digital" มุ่งยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจค้าปลีกไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี คุณจิราพร เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Digital Capabilities และ Digital Asset ในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ "OR" มุ่งมั่นนำนวัตกรรมมาสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ต่อยอดเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน การร่วมทุนกับ "Bluebik" บริษัทคอนซัลต์ชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จึงเป็นกุญแจสำคัญ คุณพชร มุ่งมั่นนำความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ดิจิทัล องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและ Data Science มาช่วย "OR" เติมเต็มศักยภาพด้านดิจิทัล มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีก ORBIT Digital เปรียบเสมือนพลังขับเคลื่อนใหม่ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบดิจิทัลที่ครบวงจร เชื่อมต่อประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ของลูกค้า สร้างความสะดวก รวดเร็ว และตรงใจ หนึ่งในโครงการสำคัญ คือ การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสมาชิก Blue Card ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งสินค้า ชำระเงิน แลกคะแนนสะสม และติดตามโปรโมชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว บนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ORBIT Digital ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า นำข้อมูลมาพัฒนาสินค้า บริการ และกลยุทธ์ทางการตลาด ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ คือ "OR" สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า นำไปสู่ความสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืน เรื่องราวของ ORBIT Digital สะท้อนให้เห็นถึงพลังของดิจิทัล ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกให้ก้าวสู่อนาคต ผู้ประกอบการค้าปลีกทุกแห่งควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบดิจิทัล นำนวัตกรรมมาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และต่อยอดเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39118
Retail
คดีความระหว่าง Amazon กับหน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวของ EU เกี่ยวกับ GDPR จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในยุโรปหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล คือ: 1. สร้างความไม่แน่นอนทางกฎหมาย: คดีความนี้สร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกฎระเบียบ GDPR ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของค้าปลีกออนไลน์ ธุรกิจอาจกังวลว่าตนเองจะถูกปรับหรือไม่ และจะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานอย่างไรเพื่อปฏิบัติตาม GDPR 2. เพิ่มต้นทุนการดำเนินงาน: ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อาจต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการปรับระบบและกระบวนการให้สอดคล้องกับ GDPR ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจส่งผลต่อผลกำไรของธุรกิจ 3. ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า: คดีความนี้อาจส่งผลต่อความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ลูกค้าอาจกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล 4. จำกัดการโฆษณาออนไลน์: กรณี GDPR อาจส่งผลต่อการโฆษณาออนไลน์ ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อาจเผชิญกับข้อจำกัดในการเก็บและใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อการโฆษณา 5. กระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน: คดีความนี้อาจกระตุ้นให้ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์พัฒนาระบบและวิธีการใหม่เพื่อปฏิบัติตาม GDPR ธุรกิจที่ปรับตัวได้ดีที่สุดจะได้รับผลประโยชน์จากการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม: ผลกระทบของคดีความนี้อาจขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของคดี ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคดีความอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับ GDPR โดยสรุป: คดีความระหว่าง Amazon กับหน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวของ EU เกี่ยวกับ GDPR อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในยุโรป ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและปฏิบัติตาม GDPR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการเติบโต
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39121
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....การค้าระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
null
การฟื้นตัวของยักษ์ใหญ่: เมื่อจีนและสหรัฐฯ จับมือกันท่ามกลางความตึงเครียด ในช่วงที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ สูงขึ้น การค้ากลับเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนยักษ์ใหญ่สองตัวที่ยังคงจับมือกัน ในปี 2021 ขณะที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 "เจน" เจ้าของร้านขายของชำในกรุงเทพฯ กำลังวิตกกับยอดขายที่ลดลง ลูกค้าที่เคยมาเยี่ยมร้านกลับหายไป โควิด-19 ไม่ได้แค่ทำให้คนเจ็บป่วย แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แต่แล้ว "ลี" เพื่อนของเจน ผู้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า นำข่าวดีมาบอกว่า การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเติบโต แม้จะมีความตึงเครียดอยู่ “นี่มันจริงเหรอ?” เจนถามด้วยความสงสัย “จริงสิ!” ลีตอบ “นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สินค้าจากจีนจึงขายดี” เจนเริ่มมีความหวังอีกครั้ง เธอเดินสำรวจตลาดและพบว่าสินค้าจากจีนมีราคาถูกและหลากหลาย ตรงตามความต้องการของลูกค้าในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ “สินค้าน่าสนใจดีนะ” เจนคิดในใจ เธอตัดสินใจสั่งสินค้าจากจีนมาขาย และได้รับการตอบรับดีมาก ลูกค้าชอบสินค้าที่มีราคาประหยัดและใช้งานได้ดี “ขอบคุณมากนะคะ ที่นำสินค้าดีๆ มาขาย” คุณป้าลูกค้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ ดิฉันยินดีค่ะ” เจนตอบอย่างดีใจ จากวันนั้น ร้านของเจนกลับมามีชีวิตชีวา ยอดขายพุ่งสูงขึ้น ลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ เจนรู้สึกขอบคุณลีที่นำข่าวดีมาบอก “โชคดีที่ฉันมีเพื่อนดีอย่างเธอ” เจนกล่าว “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันก็ดีใจที่ร้านเธอขายดี” ลีตอบด้วยรอยยิ้ม เรื่องราวของเจนแสดงให้เห็นว่าการค้าระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก แม้ในช่วงตึงเครียด การค้าก็ยังสามารถเติบโตได้ด้วยนโยบายที่เหมาะสมและมิตรภาพระหว่างผู้คนจากต่างประเทศ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39126
Retail
จากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในฮ่องกง บริษัทค้าปลีกต่างชาติควรปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรักษาธุรกิจในฮ่องกง
null
จากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในฮ่องกง บริษัทค้าปลีกต่างชาติควรปรับกลยุทธ์ดังต่อไปนี้: 1. กระจายความเสี่ยง: - พิจารณาขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม หรือไทย - ลงทุนในช่องทางออนไลน์มากขึ้น - พัฒนาธุรกิจโมเดลใหม่ เช่น บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน 2. ปฏิบัติตามกฎหมายจีนอย่างเคร่งครัด: - ศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายจีนอย่างละเอียด - ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย - แต่งตั้งตัวแทนในฮ่องกง 3. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน: - เข้าร่วมกิจกรรมของรัฐบาล - สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล - บริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลของจีน 4. ใส่ใจต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน: - ตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของสินค้า - หลีกเลี่ยงการใช้สินค้าที่มาจากแรงงานบังคับ - สนับสนุนองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน 5. พัฒนาภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์: - สื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ - เน้นความโปร่งใส - รับผิดชอบต่อสังคม ตัวอย่างการนำไปประยุกต์ใช้: มีหลากหลายวิธีที่บริษัทค้าปลีกต่างชาติสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนี้ - สามารถขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม หรือไทย เพื่อกระจายความเสี่ยง - สามารถลงทุนในช่องทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น - สามารถพัฒนาธุรกิจโมเดลใหม่ เช่น บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง - ควรศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายจีนอย่างละเอียด เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด - ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายจีน - แต่งตั้งตัวแทนในฮ่องกง เพื่อติดต่อประสานงานกับรัฐบาลจีน - เข้าร่วมกิจกรรมของรัฐบาลจีน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน - สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลจีน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะร่วมพัฒนาประเทศจีน - ควรบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลของจีน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม - ควรตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สินค้าที่มาจากแรงงานบังคับ - ควรสนับสนุนองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อแสดงถึงจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชน - ควรสื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า - ควรเน้นความโปร่งใส เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ - ควรรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อแสดงถึงความเป็นพลเมืองที่ดี การปรับกลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติสามารถรักษาธุรกิจในฮ่องกงได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม บริษัทค้าปลีกต่างชาติควรติดตามสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39128
Retail
จงเสนอไอเดีย การสร้าง Social Distancing ขึ้นระหว่างพนักงานผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการ ในห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้า ทำได้อย่างไรบ้าง
null
AIS ได้ออกแบบและติดตั้งแผงกั้นอะคริลิคใส ลดความเสี่ยง COVID-19 ปกป้องลูกค้าที่มาใช้บริการและพนักงานไปพร้อมกัน การติดตั้งแผงกั้นอะคริลิคใสที่เคาน์เตอร์บริการ เพื่อปกป้องและเพิ่มระยะห่าง (Social Distancing) ระหว่างลูกค้าที่มารับบริการ ณ จุด Touch Point กับ พนักงาน เพื่อลดความเสี่ยง และสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าระหว่างทำธุรกรรมต่างๆ ภายใน AIS Shop, Serenade Club และ ร้าน AIS Telewiz โดยเริ่มทยอยติดตั้งแล้วที่ AIS Shop สาขา AIS Tower 1 และ 2 และจะขยายไปยังสาขาอื่นๆ ที่เปิดให้บริการได้ตามปกติ อีกกว่า 314 สาขา ภายในวันที่ 10 เมษายน 2563 นี่เป็นมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย, จัดเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาด, ขอความร่วมมือลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย, การให้พนักงานสวมหน้ากากอนามัย พร้อม ถุงมือและแว่นตา ทั้งหมดนี้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ลูกค้ามีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย ร่วมฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ ซูเปอร์มาร์เก็ต Pick n Pay ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ในแอฟริกาใต้ ได้ติดตั้งฉากใสกั้นระหว่างพนักงานและผู้ใช้บริการ แม้ว่าการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์จะได้รับความนิยม แต่การไปซื้อสินค้าโดยตรงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังมีความจำเป็น ดังนั้นจึงมีการติดตั้งฉากใสเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยัมีการกำหนดจุดให้ผู้ใช้บริการยืนห่างกัน ถือว่าช่วยป้องกันทั้งผู้ใช้บริการและพนักงานได้อุ่นใจทั้งสองฝ่าย Morrisons เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร ที่ติดตั้งพลาสติกใสเพื่อกั้นระหว่างพนักงานและผู้ใช้บริการในจุดคิดเงินเพื่อป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ขณะที่ร้านค้าหลายแห่งและห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องคิดวิธีป้องกันไปพร้อมกับยังให้บริการตามเดิม สำหรับฉากใสกั้นมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร สูง 1 เมตร มีช่องว่างเล็กๆ สำหรับชำระค่าสินค้า แน่นอนว่าทาง Morrisons ยังรับเงินสดอยู่ แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้บริการชำระด้วยบัตรเครดิต หรือผ่านสมาร์ทโฟน ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีสาขาหลายพันแห่ง เช่น Walmart, Albertsons, Kroger และอื่นๆ ให้พนักงานใส่หน้ากากพลาสติกใสเป็นการป้องกันการติดเชื้อ นอกเหนือจากการติดฉากใสกั้น ซึ่งกำลังดำเนินการติดตั้งในระหว่าง 2-3 สัปดาห์จากนี้ ต่อไปการใช้บริการจะมีช่องทางที่แยกจากกัน มีผนังใสกั้นกลางอย่างชัดเจน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39146
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....วัคซีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัว
null
นิวยอร์กกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง: เรื่องราวการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกในมหานครแห่งแสงสี ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก บนถนนสายคึกคัก ผู้คนหลากหลายวัยต่างเดินสวนกันไปมา เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังก้องไปทั่ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ราวกับว่าภาพที่เคยเงียบเหงาในช่วงโควิด-19 ไม่เคยเกิดขึ้น "ในที่สุดนิวยอร์กก็กลับมาแล้ว!" เสียงของ "คุณสมศักดิ์" เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ บนถนนสายนี้ เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ เขามองดูลูกค้าที่ทยอยเข้ามาในร้านอย่างคึกคัก รู้สึกตื้นตันใจที่ธุรกิจของเขากลับมาคึกคักอีกครั้ง "ช่วงโควิดที่ผ่านมา มันยากลำบากมาก" คุณสมศักดิ์เล่าให้ฟัง เสียงของเขาแฝงไปด้วยความทุกข์ "ลูกค้าหายไปเกือบหมด รายได้ก็ลดลง แถมยังต้องจ่ายค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน "แต่ตอนนี้ ดีขึ้นเยอะแล้ว" เขาพูดต่อ "คนเริ่มกลับมาช้อปปิ้งกันมากขึ้น รายได้ก็ดีขึ้น" เช่นเดียวกับคุณสมศักดิ์ ร้านค้าปลีกอื่นๆ บนถนนสายนี้ ต่างก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนต่างดีใจที่ข้อจำกัดต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ถูกยกเลิก พวกเขาสามารถช้อปปิ้ง เดินเล่น ทานอาหาร และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง "การฉีดวัคซีน มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น" "คุณนภัสสร" พนักงานขายในร้านขายเครื่องประดับ เผย "ลูกค้าส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว พวกเขาจึงรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและกล้าออกมาช้อปปิ้งกันมากขึ้น" ธุรกิจค้าปลีกในนิวยอร์ก กำลังกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ยังมีอุปสรรคบางประการที่ต้องเผชิญ เช่น ราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น เงินเฟ้อ และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน... อย่างไรก็ตาม เหล่าเจ้าของธุรกิจและพนักงานต่างก็มั่นใจว่า ธุรกิจค้าปลีกจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และนิวยอร์กจะกลับมาเป็นมหานครแห่งแสงสีที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39148
Retail
มูลค่ากิจการ Zara แซง Uniqlo เพราะวัคซีนมาช้าเนื่องจากอะไร
null
เนื่องจากการแจกจ่ายวัคซีนในประเทศตะวันตกทำได้รวดเร็วกว่าฝั่งเอเชีย แต่หลังจากมีการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะพลิกกลับ ทำให้ Zara ขึ้นแซงอีกครั้ง ทวงคืนบัลลังก์เจ้าแห่งวงการฟาสต์แฟชั่น เนื่องจากการแจกจ่ายวัคซีนในประเทศตะวันตกทำได้รวดเร็วกว่าฝั่งเอเชีย จากข้อมูลการวิเคราะห์ของ Nikkei และ Financial Times จากข้อมูลการวิเคราะห์ของ Nikkei และ Financial Times สหราชอาณาจักร มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 103 โดส ต่อ ประชากร 100 คน สหรัฐอเมริกา 91 โดส ต่อ 100 คน เยอรมนี 66 โดส ต่อ 100 คน สหราชอาณาจักร มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 103 โดส ต่อ ประชากร 100 คน สหราชอาณาจักร มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 103 โดส ต่อ ประชากร 100 คน สหรัฐอเมริกา 91 โดส ต่อ 100 คน สหรัฐอเมริกา 91 โดส ต่อ 100 คน เยอรมนี 66 โดส ต่อ 100 คน เยอรมนี 66 โดส ต่อ 100 คน ในขณะที่อัตราการได้รับวัคซีนของประเทศในเอเชียยังตามหลัง ในขณะที่อัตราการได้รับวัคซีนของประเทศในเอเชียยังตามหลัง เกาหลีใต้ 20 โดส ต่อ 100 คน ญี่ปุ่น 14 โดส ต่อ 100 คน มาเลเซีย 11 โดส ต่อ 100 คน เกาหลีใต้ 20 โดส ต่อ 100 คน เกาหลีใต้ 20 โดส ต่อ 100 คน ญี่ปุ่น 14 โดส ต่อ 100 คน ญี่ปุ่น 14 โดส ต่อ 100 คน มาเลเซีย 11 โดส ต่อ 100 คน มาเลเซีย 11 โดส ต่อ 100 คน Uniqlo เจอศึกหนัก ปัจจุบันสถานการณ์โควิดในเอเชียยังน่าเป็นห่วง ทำให้กิจการ Uniqlo ในมาเลเซียปิดตัวลงกว่า 49 สาขา ส่วนในเวียดนามต้องพักกิจการไว้ชั่วคราวก่อน 5 สาขา จากทั้งหมด 8 สาขาทั่วประเทศ ปัจจุบันสถานการณ์โควิดในเอเชียยังน่าเป็นห่วง ทำให้กิจการ Uniqlo ในมาเลเซียปิดตัวลงกว่า 49 สาขา ส่วนในเวียดนามต้องพักกิจการไว้ชั่วคราวก่อน 5 สาขา จากทั้งหมด 8 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ Fast Retailing ต้องรับมือกับยอดขายที่ต่ำลงในญี่ปุ่น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39150
Retail
เพราะเหตุใด Mizuno แบรนด์กีฬาสัญชาติญี่ปุ่น จึงยุติการใช้ฝ้ายจากซินเจียง
null
เพราะเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนการไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ก่อนหน้าที่ Mizuno แบรนด์กีฬาสัญชาติญี่ปุ่นจะยุติใช้ฝ้ายจากซินเจียง ก็มีแบรนด์ดังระดับโลกเคยแบนกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น H&M, Nike, Zara, Burberry, Uniqlo, Sony, Hitachi ฯลฯ Mizuno คือแบรนด์ล่าสุดที่ยุติการใช้ฝ้ายจากซินเจียง Mizuno คือบริษัทสินค้าอุปกรณ์กีฬา เช่น กอล์ฟ เทนนิส เบสบอล วอลเลย์บอล ฟุตบอล วิ่ง รักบี้ สกี ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ยูโด ปิงปอง แบดมินตัน ต่อยมวยและเสื้อผ้ากีฬาญี่ปุ่น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1906 แล้ว เรื่องนี้ Nobuteru Suzuki ประธานบริษัท World ระบุว่า คาดว่าจะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง เราไม่ควรโฆษณาหรือขายสินค้า (หรือฝ้ายที่มาจากซินเจียง)
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39153
Retail
การที่ Walmart อนุญาตให้ลูกค้าที่ได้รับวัคซีนครบโดสไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าร้าน จะส่งผลดีต่อยอดขายของ Walmart หรือไม่?
null
ส่งผลดี เพราะ 1. เพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า: ลูกค้าที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รู้สึกปลอดภัยที่จะเข้าร้านโดยไม่ต้องสวมหน้ากาก ประหยัดเวลาในการสวมใส่และถอดหน้ากาก เพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายสินค้า สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีขึ้น 2. ดึงดูดลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่ไม่ต้องการสวมหน้ากาก อาจเลือกมาช้อปปิ้งที่ Walmart แทนร้านค้าอื่น เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ และขยายฐานลูกค้า 3. กระตุ้นการใช้จ่าย: ลูกค้าที่รู้สึกสะดวกสบาย อาจใช้เวลาอยู่ในร้านนานขึ้น ซื้อสินค้ามากขึ้น กระตุ้นยอดขายโดยรวม 4. เสริมสร้างภาพลักษณ์ทันสมัย: แสดงให้เห็นว่า Walmart ปรับตัวตามสถานการณ์ปัจจุบัน สื่อถึงภาพลักษณ์ของธุรกิจที่ทันสมัย ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ 5. ประหยัดต้นทุน: ไม่จำเป็นต้องจัดหาหน้ากากอนามัยให้พนักงาน ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและเพิ่มผลกำไร ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่กังวลเรื่องความปลอดภัย อาจยังคงสวมหน้ากาก Walmart อาจเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มต่อต้านวัคซีน จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปรับนโยบายให้เหมาะสม สรุป: การที่ Walmart อนุญาตให้ลูกค้าที่ได้รับวัคซีนครบโดสไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย มีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อยอดขายของ Walmart
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39177
Retail
การเทรดหุ้นอย่างคึกคักของนักลงทุนรายย่อยในสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในเชิงลบหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล 1. การเบี่ยงเบนความสนใจของลูกค้า: กระแสการเทรดหุ้นที่ร้อนแรงดึงดูดความสนใจของลูกค้า ลูกค้าใช้เวลาน้อยลงในการค้นหาและซื้อสินค้าออนไลน์ ส่งผลต่อยอดขายและรายได้ของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ 2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่าย: นักลงทุนรายย่อยบางส่วนอาจนำเงินที่ได้จากการเทรดหุ้นไปออม หรือลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น แทนที่จะใช้จ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ ส่งผลต่อยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือย 3. ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์: กระแสการเทรดหุ้นที่ผันผวน อาจสร้างความกังวลต่อนักลงทุน ส่งผลต่อความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจ ลูกค้าอาจลังเลที่จะใช้จ่ายออนไลน์ 4. การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตลาด: ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาด เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า อาจต้องเพิ่มโปรโมชั่น เสนอส่วนลด หรือปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ 5. การแข่งขันที่สูงขึ้น: กระแสการเทรดหุ้น ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ เข้าสู่ตลาดทุน ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ เผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น จาก fintech platforms ที่เสนอบริการเทรดหุ้น อย่างไรก็ตาม: ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ยังคงมีโอกาสเติบโต ในระยะยาว จากเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สรุป: การเทรดหุ้นของนักลงทุนรายย่อย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ ปรับกลยุทธ์ และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39183
Retail
กลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ใน 3 ปีข้างหน้า จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก (Retail) อย่างไร?
null
กลยุทธ์ของ SET ใน 3 ปีข้างหน้า มุ่งเน้นไปที่ 4 ด้านหลัก ดังนี้ 1. สร้างการเติบโตในตลาดทุน - เพิ่มจำนวนหลักทรัพย์ใหม่ ๆ ในตลาด - ส่งเสริมการระดมทุน - ขยายฐานผู้ลงทุน 2. ขยายโครงสร้างพื้นฐานของตลาดหลักทรัพย์ - ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบริษัทจดทะเบียน - สนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG - ปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรค - พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงตลาดทุนโลก - ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล 3. ขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อม - เน้นเรื่อง ESG มาบูรณาการในกระบวนการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน - พัฒนาตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นศูนย์กลางด้านความรู้ทางการเงินของประเทศ 4. เพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจและศักยภาพบุคลากร - พัฒนาระบบความปลอดภัยด้านไอที - ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน - พัฒนาศักยภาพของพนักงาน กลยุทธ์เหล่านี้จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก (Retail) ดังต่อไปนี้ 1. เพิ่มโอกาสในการระดมทุน ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขยายธุรกิจ พัฒนาโครงการใหม่ ๆ หรือเข้าซื้อกิจการ 2. ดึงดูดนักลงทุน กลยุทธ์ของ SET มุ่งเน้นไปที่การขยายฐานผู้ลงทุน ซึ่งรวมถึงนักลงทุนรายย่อย ธุรกิจค้าปลีกสามารถดึงดูดนักลงทุนเหล่านี้โดยนำเสนอเรื่องราวการเติบโต กลยุทธ์ธุรกิจ และผลประกอบการที่ดี 3. ส่งเสริมการกำกับดูแลที่ดี กลยุทธ์ของ SET เน้นเรื่อง ESG ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจค้าปลีกดำเนินการอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม 4. พัฒนาศักยภาพบุคลากร กลยุทธ์ของ SET มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ธุรกิจค้าปลีกสามารถพัฒนาทักษะของพนักงานด้าน ESG เทคโนโลยีดิจิทัล และอื่น ๆ ตัวอย่าง 1. บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนขยายสาขา พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และเข้าซื้อกิจการบริษัทค้าปลีกขนาดเล็ก 2. ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอเรื่องราว ESG แก่นักลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนสาย ESG 3. ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พัฒนาระบบการชำระเงิน และอื่น ๆ สรุป กลยุทธ์ของ SET ใน 3 ปีข้างหน้า จะช่วยสร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าปลีกที่สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์เหล่านี้ จะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39210
Retail
อะไรคือกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์แฟชั่นควรนำมาใช้เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าราคาเต็มผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องพึ่งพากลยุทธ์การลดราคาหรือโปรโมชัน?
null
1. กลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้า (Customer Engagement) เข้าใจความต้องการของลูกค้า: วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ ความสนใจ เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี: พัฒนาระบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว นำเสนอรูปภาพและข้อมูลสินค้าที่ชัดเจน สร้างการมีส่วนร่วม: กระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น เกม แคมเปญ รีวิวสินค้า สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: สื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อีเมล ไลน์ โซเชียลมีเดีย 2. กลยุทธ์การนำเสนอสินค้า (Product Presentation) นำเสนอสินค้าอย่างมีเอกลักษณ์: เน้นจุดเด่นของสินค้า ดีไซน์ คุณภาพ วัสดุ การผลิต สร้างเรื่องราวให้กับสินค้า: เล่าเรื่องราวเบื้องหลังสินค้า แรงบันดาลใจ กระบวนการผลิต ใช้ภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพ: นำเสนอภาพและวิดีโอสินค้าที่คมชัด สวยงาม จัดการสินค้าตามหมวดหมู่: จัดเรียงสินค้าให้ค้นหาง่าย 3. กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Brand Building) สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: สื่อสารเอกลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ คุณค่าของแบรนด์ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง: เน้นจุดเด่นของแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง สร้างความภักดีต่อแบรนด์: มอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า รักษาความสัมพันธ์ที่ดี 4. กลยุทธ์การบริการลูกค้า (Customer Service) บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: ตอบคำถาม ให้ข้อมูล แก้ปัญหา รวดเร็ว ทันใจ สร้างความประทับใจให้ลูกค้า: มอบบริการที่เหนือความคาดหวัง สร้างความไว้วางใจให้ลูกค้า: นโยบายการคืนสินค้า การรับประกัน 5. กลยุทธ์การใช้ข้อมูล (Data Analytics) วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: พฤติกรรมการซื้อ ความสนใจ วิเคราะห์ข้อมูลตลาด: เทรนด์สินค้า พฤติกรรมผู้บริโภค นำข้อมูลมาพัฒนาธุรกิจ: กลยุทธ์สินค้า กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การบริการ ตัวอย่างเพิ่มเติม การนำเสนอสินค้าแบบ Limited Edition: กระตุ้นความต้องการของลูกค้า การนำเสนอสินค้า Pre-Order: สร้างความตื่นเต้นและความคาดหวัง การจัดโปรโมชันแบบพิเศษเฉพาะกลุ่ม: มอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้า การนำเสนอสินค้าแบบ Bundling: เสนอสินค้าหลายชิ้นในราคาพิเศษ สรุป กลยุทธ์การขายสินค้าราคาเต็มผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องพึ่งพากลยุทธ์การลดราคาหรือโปรโมชัน จำเป็นต้องอาศัยกลยุทธ์ที่หลากหลาย ผสมผสานระหว่างกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้า กลยุทธ์การนำเสนอสินค้า กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ กลยุทธ์การบริการลูกค้า และกลยุทธ์การใช้ข้อมูล แบรนด์แฟชั่นควรวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า เป้าหมาย และจุดเด่นของแบรนด์ เพื่อเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม นำไปสู่ความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายสินค้าราคาเต็มผ่านช่องทางออนไลน์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39211
Retail
การให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ Muji ควรนำมาใช้อย่างจริงจัง ใช่หรือไม่
null
ใช่ การให้เช่าเฟอร์นิเจอร์เป็นกลยุทธ์ที่ Muji ควรพิจารณาอย่างจริงจัง โดยมีเหตุผลสำคัญดังนี้: ตอบโจทย์ลูกค้า: ตอบสนองเทรนด์ทำงานจากบ้านและความต้องการเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่จำกัด พร้อมความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนสไตล์. ขยายฐานลูกค้า: ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่และเพิ่มโอกาสขายสินค้าอื่นๆ. สร้างรายได้: เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่และโอกาสขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง. สร้างความแตกต่าง: เป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ สร้างภาพลักษณ์ทันสมัย. ตัวอย่างจากแบรนด์อื่น: IKEA และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐฯ ได้ทดลองให้บริการเช่า. กลยุทธ์การให้เช่า: ราคาเริ่มต้นที่ 800 เยนต่อเดือน สัญญา 1-4 ปี พร้อมบริการออกแบบและติดตั้ง. ผลลัพธ์: ได้รับการตอบรับดีและเพิ่มยอดขายเฟอร์นิเจอร์. โอกาส: ขยายบริการไปยังต่างประเทศและพัฒนาบริการเสริม. ความท้าทาย: การจัดการคลังสินค้าและบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์. สรุป: การให้เช่าเฟอร์นิเจอร์เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรพัฒนาอย่างต่อเนื่อง. คำแนะนำ: ศึกษาตลาด พัฒนาระบบจัดการ และรักษาคุณภาพเฟอร์นิเจอร์. ผลลัพธ์ระยะยาว: Muji จะกลายเป็นผู้นำด้านการให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39216
Retail
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีวิสัยทัศน์อย่างไร
null
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม และทำการเปลี่ยนโฉมค้าปลีกให้มีความทันสมัย: - โดยยึดมั่นวิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเวียดนาม จนสามารถครองตำแหน่งบริษัทค้าปลีกข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม บนฐานลูกค้ากว่า 12 ล้านคน - ศักยภาพตลาดดี ดันธุรกิจโต เวียดนาม อีกหนึ่งเสือเศรษฐกิจที่แข็งแรงแห่งภูมิภาคอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP ของประเทศเวียดนามนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 GDP ประเทศเวียดนามเติบโตขึ้นถึง 7% ท่ามกลางภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.82% แม้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ก็ตาม - การเติบโตแบบก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามนั้น มีผลมาจากการที่เวียดนามมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานกว่า 50 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดกว่า 95 ล้านคน - ประกอบกับนโยบายจากภาครัฐที่สนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และล่าสุดกับการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป ทำให้ประเทศเวียดนามมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และพร้อมก้าวสู่การแข่งขันในเวทีโลก 1. จากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2555 ที่เซ็นทรัล รีเทลเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนาม ด้วยเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสในการขยายธุรกิจ: - โดยเริ่มจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่น - จนถึงก้าวสำคัญในปี 2558 ที่เราเข้าร่วมทุนกับเหงียนคิม และลานชี มาร์ท ทำให้เซ็นทรัล รีเทล เวียดนามในขณะนั้นมีร้านค้า 85 แห่ง ใน 15 จังหวัด และมีพื้นที่ขายสุทธิอยู่ที่ 170,000 ตรม. พร้อมขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง - จนกระทั่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน ปี 2563) เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีจำนวนศูนย์การค้าทั้งสิ้น 35 แห่ง ร้านค้ามากกว่า 230 แห่ง ครอบคลุม 39 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ บนพื้นที่กว่า 1,080,000 ตรม.[1] - โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจกลุ่ม Food ใน 3 รูปแบบที่จะสามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ได้แก่ (1) ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hyper GO!) 32แห่ง ครอบคลุมทุกเมืองสำคัญของเวียดนาม (2) ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองหลัก (Super GO!) 7 แห่ง - ใน 2 เมืองหลัก คือ กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ - ซูเปอร์มาร์เก็ตในพื้นที่ต่างจังหวัด (ลานชี มาร์ท) 25 แห่ง ทั้งยังมีธุรกิจ Non-Food มากกว่า 170 แห่ง ที่เป็นร้านค้าเฉพาะทางต่างๆ อาทิ เหงียนคิม ผู้นำร้านจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (3) รวมถึงธุรกิจ Property ที่บริหารศูนย์การค้าโก! (GO!) อีก 35 แห่ง ซึ่งรีแบรนด์มาจากบิ๊กซี 2. ธุรกิจหลากหลาย พันธมิตรแกร่ง เสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยี: ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า - ด้วยยุทธศาสตร์ที่เน้นการขยายธุรกิจหลากหลายรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสูง (Resilient Portfolio) - และการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน (Partnership) 3. พร้อมนำเทคโนโลยีมาเสริมทัพธุรกิจ: - ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถขยายธุรกิจที่เติบโตและแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว จากธุรกิจที่สร้างรายได้ราว 300 ล้านบาทในปี 2557 - ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม สามารถสร้างรายได้ถึง 37,000 ล้านบาท ในปี 2562 และแม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินธุรกิจ และมีรายได้ที่มาจากความพร้อมของช่องทางออมนิแชแนลทั้งร้านค้า และระบบออนไลน์ พร้อมด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแรงกว่า 12 ล้านคน 4. ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ยังสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง และให้บริการลูกค้าได้ในทุกสถานการณ์ “ความสำเร็จของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนามนั้น เกิดขึ้นจากการคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของเราที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และแสวงหาโอกาสในการเติบโตอยู่เสมอ - เรายังคงมุ่งมั่นลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพของประเทศที่ยังเติบโตได้อีกมาก และยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์องค์กรที่มุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเวียดนามทุกคน ทั้งนี้เราขอขอบคุณลูกค้าชาวเวียดนามทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและตอบรับกับเซ็นทรัล รีเทล ด้วยดีเสมอมา” ญนน์ กล่าว 5. เดินหน้าต่อยอดธุรกิจรีเทลเวียดนาม: ฟิลิป ฌ็อง บราเอ็นนิโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เผยว่า - จากการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ที่มุ่งสร้างความเจริญ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเวียดนาม รวมถึงยังได้รับการสนับสนุนอันดีจากภาครัฐ ทำให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรีล รีเทลได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวเวียดนาม ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการถึง 175,000 คนต่อวัน - “ในปี 2563 เซ็นทรัล รีเทลยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านแผนธุรกิจที่เน้นการขยายสาขา โดยตั้งเป้าเปิดศูนย์การค้า GO! เพิ่มทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ 1 สาขาจ่าวิญ (Tra Vinh), 2. กว๋างหงาย (Quang Ngai), 3 บวนมาถวด (Buon Ma Thuot), 4 เบ๊นแจ (Ben Tre), บ่าเหรี่ยะ (Ba Ria) 5 และท้ายเหงียน (Thai Nguyen) รวมถึงรีแบรนด์บิ๊กซีเป็น GO! เพิ่ม 4 สาขา 6. พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี และช่องทางออมนิแชแนล: - โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบ Synergy ผ่านการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ แกร็บ บนฟีเจอร์ GrabMart เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า - เพื่อก้าวสู่การเป็นธุรกิจ Multi-Format เต็มรูปแบบ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ สร้างความสะดวกสบาย และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าในทุกสถานการณ์” บราเอ็นนิโก กล่าว 7. ขับเคลื่อนธุรกิจ บนรากฐานสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: - เซ็นทรัล รีเทลได้ตั้งเป้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 55 จังหวัดทั่วประเทศภายใน 5 ปี เพื่อมอบบริการที่ทั่วถึงในทุกพื้นที่ ตลอดจนสร้างงานและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ชาวเวียดนาม - นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทลยังได้ต่อยอดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเซ็นทรัล รีเทล ประเทศไทยสู่ประเทศเวียดนาม อาทิ (1) การเปิดร้านซูเปอร์สปอร์ตในเวียดนาม, (2) การพัฒนาศูนย์การค้า GO! ซึ่งต่อยอดมาจากโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ (3) และการนำโมเดลธุรกิจร้านค้าเฉพาะทางต่างๆ ไปปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของชาวเวียดนาม จนเกิดเป็นธุรกิจ: - ฟู้ด ซิตี้, - คุโบ, - เฮลโหล บิวตี้ 8. รวมถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศเวียดนามและประเทศไทย เพื่อวางจำหน่ายในเครือข่ายธุรกิจของทั้งสองประเทศอีกด้วย 9. ขณะเดียวกัน เซ็นทรัล รีเทล ยังเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน โดยเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคม อาทิ - โครงการรับซื้อสินค้าท้องถิ่น (Local Sourcing)
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39218
Retail
แพลตฟอร์มมณี Business Booster จากธนาคารไทยพาณิชย์ ช่วยให้ธุรกิจ SME เพิ่มยอดขายได้จริงหรือไม่?
null
ใช่ แพลตฟอร์มมณี Business Booster จากธนาคารไทยพาณิชย์ ช่วยให้ธุรกิจ SME เพิ่มยอดขายได้จริง เหตุผล: แพลตฟอร์มมณี Business Booster มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจ SME เพิ่มยอดขาย ดังนี้ -แอปพลิเคชันแม่มณี: ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับเงินผ่าน QR Code หรือบัตรเครดิต ได้ง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย -บัญชีมณีโบนัส: บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยพิเศษ -สินเชื่อมณีทันใจ: สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ -บริการโอนเงินต่างประเทศ: -บริการรับชำระเงินออนไลน์: แพลตฟอร์มมณี Business Booster ช่วยให้ธุรกิจ SME เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น ผ่านแอปพลิเคชันแม่มณี ผ่านบริการรับชำระเงินออนไลน์ แพลตฟอร์มมณี Business Booster ช่วยให้ธุรกิจ SME บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านระบบบัญชีและการเงิน ผ่านบริการโอนเงินต่างประเทศ ผ่านบริการรับชำระเงินออนไลน์ ธนาคารไทยพาณิชย์มีเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวาง ช่วยให้ธุรกิจ SME เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตัวอย่าง: ร้านขายของชำแห่งหนึ่งใช้แอปพลิเคชันแม่มณี ลูกค้าสามารถชำระเงินค่าสินค้าผ่าน QR Code ช่วยให้ร้านค้าสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มยอดขาย ร้านอาหารแห่งหนึ่งใช้บริการรับชำระเงินออนไลน์ ลูกค้าสามารถชำระเงินค่าอาหารผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มยอดขาย อย่างไรก็ตาม: แพลตฟอร์มมณี Business Booster เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง ความสำเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ กลยุทธ์ทางการตลาด คุณภาพสินค้าและบริการ การบริการลูกค้า ธุรกิจ SME จำเป็นต้องศึกษาและใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของแพลตฟอร์มอย่างเหมาะสม สรุป: แพลตฟอร์มมณี Business Booster จากธนาคารไทยพาณิชย์ ช่วยให้ธุรกิจ SME เพิ่มยอดขายได้จริง ธุรกิจ SME จำเป็นต้องศึกษาและใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของแพลตฟอร์มอย่างเหมาะสม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39224
Retail
อยากรู้ว่า 5 สายอาชีพที่ยังมีความต้องการแรงงานช่วงโควิด-19
null
สายอาชีพที่ยังคงมีความต้องการคนทำงาน ได้แก่ -งานขาย -งานบริการลูกค้า -งานพัฒนาธุรกิจ (Sales, CS & Business Devpt) -งานไอที (Information Technology) -งานวิศวกรรม (Engineering) -งานการตลาด -งานประชาสัมพันธ์ (Marketing / Public Relations) -งานธุรการ งานทรัพยากรบุคคล (Admin & HR) จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มธุรกิจและสายงานไอทีเป็นกลุ่มที่มีความต้องการคนทำงานสูง เนื่องจากหลายองค์กรมีการปรับตัวรับ New Normal รวมถึงการทำงานให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่าย มีการเตรียมความพร้อมรับคนกลับมาทำงานหลังภาพรวมต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุดสิ้นเดือนพฤษภาคมพบว่ามีตัวเลขความต้องการแรงงาน เริ่มฟื้นตัวกลับมา แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ -ธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistic) เพิ่มขึ้น 23% -ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Property Development) เพิ่มขึ้น 13% -ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการตลาด ธุรกิจประชาสัมพันธ์ (Advertising/Public Relations/Marketing Services) เพิ่มขึ้น 6% -ธุรกิจประกันภัย (Insurance/Pension Funding) เพิ่มขึ้น 5% -ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก (Wholesale/Retail) เพิ่มขึ้น 2% จะเห็นได้ว่าการเติบโตของของภาคธุรกิจเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39226
Retail
GET FOODHALL (เก็ท ฟู้ดฮอลล์) เป็นอย่างไร
null
GET (เก็ท) แอปพลิเคชันส่งอาหาร ประกาศร่วมมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป และธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดตัวบริการฟู้ดเดลิเวอรี GET FOODHALL (เก็ท ฟู้ดฮอลล์): 1. โดยการนำ insight ของผู้บริโภคมาผสานกับเทคโนโลยี Machine Learning ส่งมอบประสบการณ์การสั่งอาหารรูปแบบใหม่ ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากหลากหลายร้านดังในห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ผ่านแอปพลิเคชัน GET ได้สะดวกในออเดอร์เดียว ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอปพลิเคชัน GET กล่าว GET ยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากเดอะมอลล์ในโปรเจคนี้ โมเดล GET FOODHALL นี้ ช่วยเพิ่มทางเลือกทางอาหารที่หลากหลายในห้างดอะมอลล์แล้ว ยังมอบความสะดวกกับผู้ใช้บริการ 2. โดยเราพัฒนาบริการนี้จากอินไซต์ฟีเจอร์ Multi-Orders ของเรา ทำให้ทราบว่าลูกค้าจำนวนมากนิยมสั่งอาหารจากหลายร้านในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น สั่งข้าวแล้วสั่งชานมไข่มุกด้วย 3. โดยระบบ Machine Learning จะ Personalized แนะนำเมนูให้กับผู้ใช้บริการแต่ละคนจากข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา โลเคชัน และประวัติการสั่งซื้อที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกค้าค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ง่ายและสะดวกขึ้น ชุติเดช ผู้เจริญทั่ว ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต (FOOD) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า GET แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่คือ: - GET’s Picks ร้านแนะนำ - Snacks & Bites ร้านของกินเล่น - Popular Dish ร้านยอดฮิต - Street Food ร้านสตรีทฟู้ด 4. ตอนนี้เราเปิดตัวบริการ GET FOODHALL ที่ 5 สาขาหลัก: - ตั้งเป้าว่าจะขยายบริการให้ครบ 13 สาขาภายในสิ้นปี 2563 นี้ ด้านอรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า เป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้งานบริการ GET FOODHALL ในช่วงเปิดตัว ธนาคารจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ถือบัตร SCB M VISA เพียงแลกคะแนน M Point จำนวน 50 คะแนน แลกรับโค้ดส่วนลดมูลค่า 120 บาท สำหรับสั่งอาหารจาก GET FOODHALL ขั้นต่ำ 400 บาท/ออเดอร์ ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2563 จำกัด 2,000 สิทธิ์ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขาย หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด 5. GET FOODHALL ให้บริการแล้ววันนี้ในแอปพลิเคชัน GET สามารถเลือกสั่งอาหารจากหลากหลายร้านดังในห้างสรรพสินค้า พารากอน เอ็มควอเทียรื เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ บางแค และเดอะมอลล์ บางกะปิด ได้หลายร้านในออเดอร์เดียว พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม 3 ต่อ: - ต่อที่ 1 ส่งฟรี (ภายในระยะ 3 กิโลเมตร) - ต่อที่ 2 ส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 50% จากร้านที่ร่วมรายการ - ต่อที่ 3 โปรโมชั่นส่วนลดเพิ่มจากทั้ง GET บัตร M CARD และบัตรเครดิต SCB M VISA อาทิ คูปองส่วนลดเพิ่ม 15% ในแอปฯ GET ทุกสัปดาห์
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39238
Retail
กลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุค New Retail คืออะไร?
null
จากบทความ กลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุค New Retail มีหลายประการ ดังนี้ 1. เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง: ธุรกิจค้าปลีกในยุค New Retail จำเป็นต้องเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง โดยใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรม ความต้องการ และความชอบ การเข้าใจลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น 2. พัฒนา Omni-Channel: ธุรกิจค้าปลีกต้องผสานช่องทางการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ลูกค้าสามารถซื้อสินค้า เปรียบเทียบราคา และติดต่อธุรกิจได้ผ่านช่องทางใดก็ได้ ตัวอย่าง Omni-Channel ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ AIS กับ Omni-Network Channel และ TV Direct กับ Omni Channel 3. นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้: ธุรกิจค้าปลีกควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของลูกค้า ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี ได้แก่ AIS พัฒนาคีย์บอร์ดให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว TV Direct พัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ Central Group ใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า 4. ปรับตัวอย่างรวดเร็ว: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ คู่แข่งในยุค New Retail มีจำนวนมาก และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง ธุรกิจที่ไม่ปรับตัวอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ 5. มุ่งเน้นการบริการ: แม้เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญ แต่การบริการที่ดีก็ยังเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ธุรกิจค้าปลีกควรสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตัวอย่างการบริการที่ดี ได้แก่ Central Group มุ่งเน้นการใช้ความเป็นมนุษย์เข้าใจลูกค้า TV Direct พัฒนาบริการในแง่มุมอื่น ๆ เพิ่มเติม ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุค New Retail: AIS: พัฒนา Omni-Network Channel ยกระดับธุรกิจค้าปลีก Central Group: ใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พัฒนาแพลตฟอร์ม The 1 TV Direct: พัฒนาเป็น Omni Channel เต็มรูปแบบ สรุป:ธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จในยุค New Retail จำเป็นต้องเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พัฒนา Omni-Channel นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ปรับตัวอย่างรวดเร็ว และมุ่งเน้นการบริการ ข้อควรระวัง: ธุรกิจค้าปลีกต้องเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง การใช้เทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สะดวก ธุรกิจค้าปลีกต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39244
Retail
เซ็นทรัล รีเทล และมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่อะไรบ้าง
null
Multi-category คือ แบ่งได้ 3 ธุรกิจ ได้แก่ -แฟชั่น หรือธุรกิจห้างสรรพสินค้าต่างๆ จำหน่ายสินค้าแฟชั่นเครื่องสำอางและของใช้ในบ้านทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ และแบรนด์ทั่วไป ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, CMG, Supersport, Robinson และ RINASCENTE -ฮาร์ดไลน์ จำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านแบบดีไอวาย (DIY) ได้แก่ ไทวัสดุ, บ้าน แอนด์ บียอนด์, Power Buy และ NGUYEN KIM ในเวียดนาม -ฟู้ด จำหน่ายอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ของสดของแห้ง สินค้าออร์แกนิคที่มีคุณภาพทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ และจัดซื้อจากในพื้นที่ ได้แก่ Central food Hall, Tops Super Store, Tops Market, Tops Dairy, Tops Plaza, Family Mart, ลานชี มาร์ท และ Big C Go ในเวียดนาม
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39250
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักของ Taobao ในการดึงดูดธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์เข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ?
null
Taobao ใช้กลยุทธ์หลักหลายประการในการดึงดูดธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์เข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดังนี้ 1. ยกเว้นค่าธรรมเนียมและขั้นตอนการสมัคร Taobao ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าแพลตฟอร์มทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนในการสมัคร กลยุทธ์นี้ช่วยลดอุปสรรคสำหรับธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์ ดึงดูดให้พวกเขาเข้าสู่แพลตฟอร์ม Taobao ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่าง Red Dragonfly ร้านขายรองเท้าที่มีหน้าร้านกว่า 4,000 ทั่วจีน สมัครเข้า Taobao โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ 2. เน้นการไลฟ์สดขายของ Taobao มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นยอดขายผ่านการไลฟ์สด Taobao มีฟีเจอร์ที่รองรับการไลฟ์สดขายของ ช่วยให้ผู้ขายสามารถโต้ตอบกับลูกค้าโดยตรง สถิติที่น่าสนใจคือ มีจำนวนการไลฟ์สดขายของบน Taobao เพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้าถึง 719% ตัวอย่าง Red Dragonfly ไลฟ์สดขายรองเท้าผ่าน Taobao มียอดคนดูกว่า 4.3 แสนครั้ง ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 114 3. มุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก Taobao ตั้งเป้าดึงดูดค้าปลีกที่มีหน้าร้านเข้าสู่แพลตฟอร์มอีกกว่า 200,000 ราย Taobao ยังมุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ขายของออนไลน์ทั่วไป ดึงดูดให้พวกเขามารวมกันบนแพลตฟอร์ม กลยุทธ์นี้ช่วยขยายฐานผู้ขายบน Taobao เพิ่มตัวเลือกสินค้าให้กับลูกค้า 4. นำเทคโนโลยีมาใช้ Taobao วางแผนทดลองนำเอาเทคโนโลยี AR มาใช้ร่วมกับ 5G เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ ดึงดูดลูกค้า ตัวอย่าง Taobao อาจใช้ AR ให้ลูกค้าลองรองเท้าเสมือนจริงก่อนซื้อ 5. สร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง Taobao มุ่งสร้าง Ecosystem ของตัวเอง ดึงดูดผู้ขาย ลูกค้า และพันธมิตรต่างๆ Ecosystem ที่แข็งแกร่งช่วยให้ Taobao เติบโตอย่างยั่งยืน ตัวอย่าง Taobao menjalin kerjasama dengan influencer dari TikTok-Instagram untuk menarik lebih banyak pembeli สรุป: กลยุทธ์หลักของ Taobao ในการดึงดูดธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์เข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ประกอบไปด้วย ยกเว้นค่าธรรมเนียม เน้นการไลฟ์สด มุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก นำเทคโนโลยีมาใช้ และสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Taobao ดึงดูดผู้ขาย เพิ่มตัวเลือกสินค้า ขยายฐานลูกค้า และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39254
Retail
การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับหน้าร้านแบบดั้งเดิม (New Retail) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายปลีก (retail) หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: จากข้อมูลข้างต้น มีหลักฐานหลายประการที่บ่งชี้ว่า New Retail สามารถเพิ่มโอกาสในการขายปลีกได้ ดังนี้ 1. เพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดีขึ้น: การลดปัญหาสินค้าหมดสต็อก: -เทคโนโลยีช่วยให้ร้านค้าติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าสินค้าที่ต้องการมีพร้อมจำหน่าย การเปรียบเทียบราคาสะดวก: -ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าผ่านหน้าจอที่ติดตั้งในร้าน ช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น การชำระเงินที่รวดเร็ว: -ช่องจ่ายเงินอัตโนมัติช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการชำระเงิน การค้นหาสินค้าที่ง่ายดาย: -พนักงานสามารถใช้แท็ปเล็ตเพื่อค้นหาสินค้า ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็ว การมีส่วนร่วมของลูกค้า: เ -ทคโนโลยี เช่น AR/VR ช่วยสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดึงดูดใจ 2. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ: -เทคโนโลยีช่วยให้ติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้า การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: -ข้อมูลจากการใช้งานเทคโนโลยีในร้าน ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน: -เทคโนโลยีช่วยลดภาระงานของพนักงาน ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 3. ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่: ความสะดวก: -ลูกค้าต้องการความสะดวก รวดเร็ว New Retail ผสมผสานความสะดวกของออนไลน์เข้ากับประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบดั้งเดิม ความต้องการข้อมูล: -ลูกค้าต้องการข้อมูลเปรียบเทียบราคา รายละเอียดสินค้า New Retail ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ความต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง: -ลูกค้าต้องการประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร New Retail นำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม: New Retail ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น: -เทคโนโลยีที่ใช้ใน New Retail บางอย่างยังอยู่ในช่วงพัฒนา ต้นทุนการลงทุน: -การนำเทคโนโลยีมาใช้มีค่าใช้จ่ายสูง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: -การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอาจใช้เวลา สรุป: New Retail มีศักยภาพที่จะเพิ่มโอกาสในการขายปลีก แต่จำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39257
Retail
ผู้บริหารของ Big C เผย สนใจซื้อ เทสโก้ โลตัส เพื่อต่อยอดอย่างไร
null
ลือ! เซ็นทรัล สนใจซื้อ “เทสโก้ โลตัส” ส่วน CP มอง “แพงไป” ปตท. ยืนยันอีกรอบ ไม่สนใจซื้อ [BI Opinion] วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ใครที่น่าจะซื้อกิจการของ “Tesco Lotus” ในประเทศไทย ผู้บริหารของ Big C เผย สนใจซื้อ เทสโก้ โลตัส มองต่อยอดค้าปลีก ขณะทางด้าน TCC Group นั้นสนใจที่จะซื้อกิจการทั้งหมดของ Tesco ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงกิจการในประเทศมาเลเซียด้วย คาดว่าในการประมูลครั้งนี้ Tesco จะได้เงินไปไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 217,140 ล้านบาท ปัจจุบัน Tesco มีกิจการในประเทศไทยคือ เทสโก้ โลตัส อยู่ที่ 1,967 สาขา ขณะที่ประเทศมาเลเซียมี 74 สาขา มีการจ้างพนักงานกว่า 60,000 ราย โดยรายได้จาก 2 ประเทศนี้อยู่ที่ประมาณ 4,900 ล้านปอนด์ 192,855 ล้านบาท มีกำไรกว่า 11,256 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 1 ใน 5 จากการดำเนินงานของกิจการในต่างประเทศของ Tesco อย่างไรก็ดีไม่ว่าใครจะชนะการประมูลกิจการของ Tesco โดยเฉพาะในประเทศไทยอาจต้องโดนตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของไทย หลังจากที่กรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้ออกมาตั้งคณะทำงานพิเศษสำหรับจับตามองในเรื่องนี้แล้ว Note : 17:59 เพิ่มเติมประเด็นเรื่องหน่วยงานกำกับดูแลที่มีคณะทำงานพิเศษ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39266
Retail
กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มเซ็นทรัลในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักหรือไม่?
null
ตอบ: ไม่ เหตุผลคือ: กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มเซ็นทรัลในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 ไม่ได้ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นหลัก แต่ มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นยอดขายสินค้าหลากหลายประเภท ดังนี้ 1. กลุ่มเซ็นทรัลไม่ได้ระบุสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นสินค้าหลัก: 1.1 ข้อมูลข่าวไม่ได้ระบุสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นสินค้าหลัก 1.2 กล่าวถึงสินค้าที่มีการจับจ่ายสูงที่สุด 5 ประเภท ดังนี้ - เครื่องสำอาง - เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก - เครื่องแต่งกาย - อาหาร - อุปกรณ์กีฬา 2. กลยุทธ์ Omni-Channel รองรับการซื้อสินค้าหลากหลาย: 2.1 กลุ่มเซ็นทรัลใช้กลยุทธ์ Omni-Channel 2.2 ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้หลายช่องทาง เช่น - ห้างสรรพสินค้า - ท็อปส์ - แฟมิลี่มาร์ท - มัทสึโมโตะ คิโยชิ - ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน - เพาเวอร์บาย - ซูเปอร์สปอร์ต - ซีเอ็มจี - บีทูเอส - รองรับการซื้อสินค้าออนไลน์ 3. การใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า: 3.1 กลุ่มเซ็นทรัลใช้ Big Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า The 1 - วิเคราะห์เพื่อสร้างโปรโมชั่นให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน - แสดงถึงการมุ่งเน้นไปที่ ความต้องการของลูกค้า มากกว่า การเน้นสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง 4. ข้อมูลข่าวไม่ได้เน้นสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง: 4.1 ข้อมูลข่าวไม่ได้ให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง 4.2นำเสนอภาพรวมของกลยุทธ์การตลาด สรุป: กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มเซ็นทรัลในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 ไม่ได้ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นหลัก แต่ มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นยอดขายสินค้าหลากหลายประเภท ผ่านกลยุทธ์ Omni-Channel และ Big Data Analytics เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39271
Retail
อีคอมเมิร์ซจะเข้ามาแทนที่ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมทั้งหมดหรือไม่?
null
ไม่ เหตุผล: -ความต้องการของผู้บริโภค: ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการที่หลากหลาย บางคนชอบช้อปปิ้งออนไลน์เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย แต่บางคนก็ยังชอบไปช้อปปิ้งที่หน้าร้านเพื่อสัมผัสสินค้าจริง พูดคุยกับพนักงาน และได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่าง -จุดแข็งของธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีจุดแข็งที่อีคอมเมิร์ซไม่สามารถแทนที่ได้ เช่น การให้บริการลูกค้าแบบตัวต่อตัว การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษ และความเชี่ยวชาญในสินค้าเฉพาะประเภท -การผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์: ธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน มักใช้กลยุทธ์แบบผสมผสาน (Omnichannel) โดยผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และไปรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือลองสินค้าที่หน้าร้านก่อนตัดสินใจซื้อออนไลน์ -ข้อจำกัดของอีคอมเมิร์ซ: อีคอมเมิร์ซยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสสินค้าจริงก่อนซื้อ อาจเกิดปัญหาในการจัดส่งสินค้า และลูกค้าอาจไม่สะดวกในการขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้า -การพัฒนาของเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถปรับตัวและแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซได้ ตัวอย่าง: Aeon: ห้างสรรพสินค้า Aeon จากญี่ปุ่น ผนึกกำลังกับ Ocado ผู้ค้าออนไลน์สัญชาติอังกฤษ เพื่อนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์มาเสริมธุรกิจ ช่วยให้ Aeon สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น และมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น Shinsegae: ห้างสรรพสินค้า Shinsegae จากเกาหลีใต้ พัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ และนำเสนอบริการ Click & Collect ที่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และไปรับสินค้าที่หน้าร้านได้ สรุป: อีคอมเมิร์ซจะเติบโตต่อไปในอนาคต แต่จะไม่เข้ามาแทนที่ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมทั้งหมด ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จ จะต้องปรับตัว นำเทคโนโลยีมาใช้ และผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39284
Retail
จุดเริ่มต้นของธุรกิจอาหารของ ไทยเบฟเวอเรจคืออะไร
null
ไทยเบฟเวอเรจ เริ่มต้นจากการถือหุ้นโออิชิ กรุ๊ป เมื่อปี 2549 ทำให้พอร์ตโฟลิโอของไทยเบฟฯ มีธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิมีสาขาราว 80 แห่ง และชาเขียวโออิชิทันที เส้นทางของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ มองย้อนเมื่อ 2553 ไล่ซื้อกิจการ อาทิ บริษัท เฮสโก โซลูชั่น จำกัด และบริษัท เฮสโก ฟู้ด อินดัสทรี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจซอสปรุงรสและอาหารแปรรูปต่างๆ เป็นต้น ไทยเบฟเวอเรจ การขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารจะมุ่งการเข้าซื้อกิจการหรือเชนร้านอาหารใหญ่ๆ เป็นหลัก ไทยเบฟเวอเรจ การขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารจะมุ่งการเข้าซื้อกิจการหรือเชนร้านอาหารใหญ่ๆ เป็นหลัก การซื้อกิจการ Mergers and acquisitions (M&A) เป็นหนึ่งยุทธศาสตร์เพิ่มความสามารถของธุรกิจได้เร็ว เพราะการสร้างแบรนด์ใหม่ต้องใช้ระยะเวลา นอกจากนี้การซื้อกิจการสามารถสร้างการเติบโตได้ดีกว่า บุญรอดบริวเวอรี่ การขยายพอร์ตโฟลิโออาหารค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจอาหารตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และเป็นลักษณะของการร่วมทุนและการซื้อกิจการ บุญรอดบริวเวอรี่ การขยายพอร์ตโฟลิโออาหารค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจอาหารตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และเป็นลักษณะของการร่วมทุนและการซื้อกิจการ การร่วมทุน (Joint Venture) เป็นการนำจุดแข็งของบริษัทมารวมกัน และสามารถเรียนรู้โนฮาวด์และร่วมต่อยอดธุรกิจได้ เป็นสไตล์การเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกันและเติบโตคู่กัน ผ่าเกมไทยเบฟฯ บุกธุรกิจอาหาร ยุทธศาสตร์ของไทยเบฟเวอเรจในกลุ่มธุรกิจอาหาร ต้องการมีความหลากหลายของเซ็กเมนต์ร้านอาหาร จึงเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโออาหารให้ครอบคลุม ทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารไทยและอาเซียน ธุรกิจบริการอาหารจานด่วน และเบเกอรี่ ปัจจุบันมีเชนร้านอาหาร 23 แบรนด์ สาขา 620 สาขา “เป้าหมายของไทยเบฟฯ คือการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารก้าวสู่เบอร์หนึ่งทั้งในไทย และต่างประเทศ ด้วยการเป็น FOOD OF ASIA” “เป้าหมายของไทยเบฟฯ คือการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารก้าวสู่เบอร์หนึ่งทั้งในไทย และต่างประเทศ ด้วยการเป็น FOOD OF ASIA” ขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ Food of Asia ร้านอาหารญี่ปุ่น มาจากการซื้อกิจการโออิชิกรุ๊ปและพัฒนาธุรกิจเองขึ้นมาใหม่ โดยมีด้วยกัน 9 แบรนด์ อาทิ โออิชิ แกรนด์,โออิชิ อีทเทอเรียม,โออิชิ บุฟเฟต์,ชาบูชิ ,โออิชิ ราเมน ,คาคาชิ ,นิกุยะและโฮว ยู มีสาขาทั้งสิ้น 266 สาขา ร้านอาหารไทยและอาเซียน มาจากการซื้อกิจการบริษัท Spice of Asia โดยมีแบรนด์ 4 แบรนด์ ได้แก่ Cafe Chilli ,EatPot Chilli Thai Restaurant, และร้านอาหารเสือใต้ และแบรนด์ที่ 5 คือ So Asean มีสาขาให้บริการ 36 สาขา
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39308
Retail
การทำธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัล ทำอย่างไร
null
การทำธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัลไม่ง่าย จากแค่เคยค้าขายเป็น ตอนนี้ต้องทำเว็บไซต์ ต้องส่งของ ส่งสินค้า ต้องเก็บเงิน และอีกสารพัด ซึ่งไม่ต้องห่วงเพราะมีเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มพลัง ให้สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ให้ง่ายขึ้นแต่เพิ่มพลังให้ธุรกิจได้มหาศาล Brand Inside Podcast ชวนฟัง Empowering Merchant จากงานเสวนาธุรกิจ Brand Inside Forum 2019: New Retail Presented by KBank โดยมี Lnwshop, LINE Man และ Kerry Express ที่จะมาเล่าว่า ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเพิ่มพลังได้อย่างไรบ้าง ฟังกันเต็มๆ 1 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ตอน สำหรับตอนที่ 2 ฝากติดตาม Brand Inside Podcast ได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย Brand Inside Podcast Brand Inside Podcast Share this: Related เพิ่มพลังให้ธุรกิจค้าปลีก Empowering Merchant ตอนที่ 2 | BI Podcast In "Empowering Merchant" ค้าปลีกยุคใหม่ เกมธุรกิจที่ไม่มีวันจบ Brand Inside Podcast ชวนฟัง Empowering Merchant จากงานเสวนาธุรกิจ Brand Inside Forum 2019: New Retail Presented by KBank โดยมี Lnwshop, LINE Man และ Kerry Express ที่จะมาเล่าว่า ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเพิ่มพลังได้อย่างไรบ้าง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39317
Retail
กลยุทธ์ LazMart ของ Lazada จะช่วยให้ Lazada แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ได้อย่างไร
null
กลยุทธ์ LazMart ของ Lazada จะช่วยให้ Lazada แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ได้ดังนี้: 1. ขยายฐานลูกค้า: LazMart เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการซื้ออาหารสดและอาหารแห้งออนไลน์ LazMart ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องออกไปซื้อของเอง 2. เพิ่มความหลากหลายของสินค้า: LazMart นำเสนอสินค้าอาหารสดและอาหารแห้งที่หลากหลาย ครบครัน LazMart ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าครบจบในที่เดียว 3. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ: LazMart นำเสนอบริการจัดส่งที่รวดเร็วและสะดวก LazMart นำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า LazMart LazMart พัฒนาระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายดาย 4. เสริมสร้างความแข็งแกร่งของ Lazada: LazMart เพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ให้กับ Lazada LazMart ช่วยให้ Lazada แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Shopee และ JD Central ได้อย่างมีประสิทธิภาพ LazMart ช่วยให้ Lazada ขยายธุรกิจในประเทศไทย ตัวอย่าง: LazMart นำเสนอสินค้าออร์แกนิคเพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ LazMart พัฒนาระบบการติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ LazMart จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น แจกคูปองส่วนลด สรุป: กลยุทธ์ LazMart ของ Lazada จะช่วยให้ Lazada แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ได้ โดยการขยายฐานลูกค้า เพิ่มความหลากหลายของสินค้า สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ Lazada
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39328
Retail
เหตุใดการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ 7pay จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้ระบบชำระเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่น
null
การโจมตีทางไซเบอร์ต่อ 7pay ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้ระบบชำระเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลหลักดังนี้ 1. ความกังวลด้านความปลอดภัย: เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นช่องโหว่ของระบบ 7pay ทำให้ผู้บริโภคกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวและเงินของพวกเขาจะถูกขโมย 2. การสูญเสียความไว้วางใจ: 7pay เป็นแอปพลิเคชั่นใหม่ ผู้ใช้ยังไม่มีความไว้วางใจมากนัก เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผู้ใช้จึงยิ่งสูญเสียความไว้วางใจ 3. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์: เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ 7-Eleven แบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่น ทำให้ผู้บริโภคตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบ 4. ทางเลือกอื่น: ผู้บริโภคมีทางเลือกอื่นในการชำระเงิน เช่น เงินสด บัตรเครดิต หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ 5. การขาดความรู้: ผู้บริโภคบางส่วนยังไม่เข้าใจระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก: ผู้บริโภคอาจลังเลที่จะใช้ระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด ธุรกิจค้าปลีกอาจสูญเสียลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกอาจต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบ แนวทางแก้ไข: 7pay ควรปรับปรุงระบบให้มีความปลอดภัยมากขึ้น 7pay ควรสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะปลอดภัย 7pay ควรชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้และเพิ่มมาตรการความปลอดภัยของระบบ ภาครัฐควรออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค สรุป:การโจมตีทางไซเบอร์ต่อ 7pay ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้ระบบชำระเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่น ธุรกิจค้าปลีกและภาครัฐควรมีแนวทางแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค หมายเหตุ: เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2565 7pay ได้ปิดรับผู้สมัครรายใหม่ และการเติมเงินเข้าระบบชั่วคราว 7pay แจ้งว่าจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ตำรวจจับผู้ต้องหาได้ 2 คน เป็นชายชาวจีน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39344
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....การเลิกใช้ถุงพลาสติกเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้
null
รักษ์โลก รักษ์กระเป๋า: ภารกิจพิชิตถุงผ้า ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาชิดลม เด็กหญิงมินตากับครอบครัวกำลังเดินจับจ่ายซื้อของ มินตาสะดุดตากับป้ายสีเขียวสดใสที่เขียนว่า "งดแจกถุงพลาสติก เริ่ม 5 มิถุนายน 2562" "คุณแม่คะ หนูอยากได้ถุงผ้าลายใหม่" มินตาอ้อนคุณแม่ "แต่หนูมีถุงผ้าอยู่หลายใบแล้วนะลูก" คุณแม่ตอบ "แต่หนูอยากได้ลายนี้ค่ะ" มินตาชี้ไปที่ถุงผ้าลายการ์ตูนสัตว์น่ารัก "เอาไว้ก่อนนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกัน แล้วค่อยซื้อถุงผ้าใหม่" คุณแม่สัญญา วันรุ่งขึ้น มินตากับครอบครัวไปเดินเล่นที่สวนลุมพินี อากาศดี ผู้คนมากมายกำลังออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ มินตาเก็บกิ่งไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงบนพื้นใส่ถุงผ้าใบเก่า "หนูช่วยคุณลุงเก็บกิ่งไม้ด้วยค่ะ" มินตาเอ่ยขึ้น คุณลุงยิ้มและขอบคุณมินตา "หนูช่างเป็นเด็กดี ช่วยรักษาความสะอาดของสวนสาธารณะ" มินตารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม หลังจากนั้น ครอบครัวของมินตาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ถุงพลาสติก พวกเขาพกถุงผ้าไปช้อปปิ้ง ซื้อของกินของใช้ เลือกสินค้าที่ไม่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์มากเกินไป "หนูรู้ไหมคะว่าถุงพลาสติกใช้เวลานานหลายร้อยปีถึงจะย่อยสลาย" คุณแม่เล่าให้มินตาฟัง "แล้วถุงผ้าล่ะคะ ใช้เวลานานแค่ไหน?" มินตาถาม "ถุงผ้าใช้เวลาน้อยกว่าถุงพลาสติกมาก และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง" คุณแม่ตอบ มินตาเข้าใจว่าการใช้ถุงผ้าช่วยลดขยะพลาสติกและรักษาสิ่งแวดล้อม "หนูจะใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกค่ะ" มินตาสัญญา มินตากับครอบครัวช่วยกันรณรงค์ให้คนรอบข้างเลิกใช้ถุงพลาสติก พวกเขาบอกต่อเรื่องราวดีๆ ของการรักษาสิ่งแวดล้อม "เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาโลกใบนี้ให้สวยงาม" มินตาพูด เรื่องราวของมินตาสะท้อนให้เห็นถึงพลังของเด็กที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39360
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
null
มังกรข้ามฟ้า: จีนผงาดตลาดค้าปลีกโลก ณ ใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ หลิน หญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยไฟฝัน กำลังเดินทอดน่องผ่านห้างสรรพสินค้าสุดคึกคัก แสงไฟระยิบระยับ เสียงเพลงบรรเลง และผู้คนมากมายที่จับจ่ายซื้อของ ล้วนเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงพลังเศรษฐกิจอันล้ำสมัยของจีน หลิน หยุดยืนหน้าร้านค้าปลีกออนไลน์ชื่อดัง นึกถึงคำพูดของ คุณปู่ ผู้ปลุกปั้นธุรกิจครอบครัวให้เติบโตมานานหลายทศวรรษ "หลิน จำไว้ จีนจะเป็นมหาอำนาจทางการค้าปลีกของโลก สักวันหนึ่งเราต้องก้าวไปให้ไกลกว่านี้" ในอดีต ธุรกิจของครอบครัวหลิน มุ่งเน้นไปที่การขายสินค้าแบบดั้งเดิม แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของหลิน เธอริเริ่มนำสินค้าขึ้นสู่โลกออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ธุรกิจของครอบครัวเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลินกลายเป็นดาวเด่นในวงการค้าปลีกออนไลน์จีน เธอได้รับเชิญไปพูดในงานสัมมนาต่างๆ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ในปี 2019 จีนกลายเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกา หลินรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จของประเทศ แต่เธอก็รู้ดีว่า ยังมีอีกหลายด่านที่ต้องฟันฝ่า คู่แข่งที่สำคัญที่สุดคือ "อาลีบาบา" จักรพรรดิแห่งอีคอมเมิร์ซจีน หลินมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจของเธอ ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน เธอลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาระบบการจัดการสินค้า และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ ในปี 2022 ธุรกิจของครอบครัวหลิน ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดค้าปลีกออนไลน์จีน หลินประสบความสำเร็จในฝันของเธอ เธอพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ผู้หญิงจีนก็มีความสามารถไม่แพ้ใคร เรื่องราวของหลิน สะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของตลาดค้าปลีกจีน ตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลาดที่พร้อมจะพลิกโฉมโลกค้าปลีกไปตลอดกาล
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39370
Retail
บริการเดลิเวอรี่ในจีนจะมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของธุรกิจค้าปลีก (Retail) หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1.ความสะดวก: ผู้บริโภคจีนคุ้นเคยกับการใช้บริการเดลิเวอรี่ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้าน เหมาะกับวิถีชีวิตคนเมืองที่เร่งรีบ 2.การขยายฐานลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน 3.การลดต้นทุน: ธุรกิจค้าปลีกไม่ต้องลงทุนกับหน้าร้าน พนักงาน และค่าเช่า 4.การเข้าถึงข้อมูล: แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่มีข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกวิเคราะห์และนำเสนอสินค้าตรงใจลูกค้า 5.การเติบโตของตลาด: ตลาดเดลิเวอรี่จีนมีขนาดใหญ่ เติบโตอย่างรวดเร็ว 6.การผสมผสานออนไลน์-ออฟไลน์: แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่จีน เชื่อมต่อออนไลน์-ออฟไลน์ ช่วยให้ลูกค้าจองคิว สั่งอาหาร สั่งของ ซื้อสินค้า ได้อย่างสะดวก 7.นโยบายภาครัฐ: รัฐบาลจีนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ 8.การแข่งขัน: แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่จีน แข่งขันกันพัฒนานวัตกรรม บริการ ส่งผลดีต่อผู้บริโภค 9.เทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Big Data ช่วยให้แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ พัฒนาบริการ ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 10.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคจีน นิยมซื้อของออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตัวอย่าง ธุรกิจค้าปลีกจีน เช่น Hema, Freshippo ผสมผสานออนไลน์-ออฟไลน์ ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าออนไลน์ และรับสินค้าที่หน้าร้าน หรือจัดส่งถึงบ้าน แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่จีน เช่น Meituan, Ele.me พัฒนาบริการ ตอบสนองความต้องการลูกค้า เช่น บริการสั่งอาหารล่วงหน้า บริการจัดส่งสินค้าภายใน 30 นาที รัฐบาลจีน สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ ออกนโยบายสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี สรุป: บริการเดลิเวอรี่ในจีน มีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของธุรกิจค้าปลีก ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเข้าถึงลูกค้า สะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39374
Retail
กลยุทธ์การใช้ AI ของ AIS ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
กลยุทธ์การใช้ AI ของ AIS ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ดังนี้: 1. การบริการลูกค้า: -AI ช่วยให้ AIS สามารถให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น -ลูกค้าสามารถได้รับคำตอบและความช่วยเหลือได้ทันทีโดยไม่ต้องรอสาย -AI ยังสามารถช่วยให้ AIS เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า 2. การตลาด: -AI ช่วยให้ AIS สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียด และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และออกแบบแคมเปญการตลาดที่ตรงจุด - AI ยังสามารถช่วยให้ AIS personalize ประสบการณ์ของลูกค้า และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน 3. การขาย: -AI ช่วยให้ AIS สามารถแนะนำสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับลูกค้า โดยพิจารณาจากข้อมูลการใช้งาน ประวัติการซื้อ และความสนใจของลูกค้า - AI ยังสามารถช่วยให้ AIS คาดการณ์ความต้องการของลูกค้า และเตรียมสินค้าไว้ให้พร้อม 4. การชำระเงิน: - AI ช่วยให้ AIS พัฒนาระบบการชำระเงินที่สะดวกและรวดเร็ว เช่น การชำระเงินผ่าน QR Code การชำระเงินผ่านใบหน้า และการชำระเงินผ่านเสียง 5. การวิเคราะห์ข้อมูล: - AI ช่วยให้ AIS วิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้า และเข้าใจพฤติกรรมการบริโภค ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ พัฒนากลยุทธ์การตลาด และพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยสรุป กลยุทธ์การใช้ AI ของ AIS ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยช่วยให้ AISสามารถให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด เพิ่มยอดขาย พัฒนาระบบการชำระเงิน และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี AIS จำเป็นต้องพัฒนาระบบ AI อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพิ่มเติม: -AIS เป็นบริษัทโทรคมนาคมรายแรกในประเทศไทยที่นำ AI มาใช้เพื่อบริการลูกค้า -AI ของ AIS สามารถตอบคำถามลูกค้าได้มากกว่า 100,000 คำถาม -AIS มีแผนที่จะขยายการใช้ AI ไปยังธุรกิจอื่น ๆ ในอนาคต บทสรุป: กลยุทธ์การใช้ AI ของ AIS ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไรก็ดี AIS จำเป็นต้องพัฒนาระบบ AI อย่างต่อเนื่อง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39391
Retail
จากเทรนด์การตลาดในเอเชียปี 2019 ที่กล่าวมา เทรนด์ใดที่มีศักยภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในประเทศไทย และทำไม?
null
จากเทรนด์การตลาดในเอเชียปี 2019 ที่กล่าวมา เทรนด์ที่มีศักยภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในประเทศไทยคือ OMNI Channel อนาคตของค้าปลีก เหตุผล: -พฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคไทยมีพฤติกรรมการซื้อของที่ผสมผสานระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ลูกค้าอาจเริ่มค้นหาข้อมูลสินค้าออนไลน์ เปรียบเทียบราคา และรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ -การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ: อีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น -การขยายตัวของแพลตฟอร์มออนไลน์: แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada และ JD Central มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว นำเสนอสินค้าหลากหลายรูปแบบ โปรโมชั่น และบริการจัดส่งที่สะดวก -การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต: ประชาชนไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ผ่านสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ โอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีก: -การผสานช่องทางการขาย: ธุรกิจค้าปลีกควรผสานช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่น เชื่อมต่อ และสะดวกสำหรับลูกค้า -การใช้เทคโนโลยี: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบการชำระเงิน -การพัฒนาบริการ: ธุรกิจค้าปลีกควรพัฒนาบริการเสริม เช่น บริการจัดส่งสินค้า บริการหลังการขาย และบริการ Click & Collect เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทรนด์ OMNI Channel: -ร้านค้าปลีกสามารถพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการขายสินค้าออนไลน์ -ร้านค้าปลีกสามารถนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์ -ร้านค้าปลีกสามารถให้บริการ Click & Collect ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และไปรับสินค้าที่หน้าร้าน -ร้านค้าปลีกสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสื่อสารกับลูกค้า โปรโมทสินค้า และนำเสนอบริการต่างๆ ข้อควรระวัง: -ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาพฤติกรรมลูกค้าเป้าหมาย กลยุทธ์ของคู่แข่ง และเทรนด์ตลาดอย่างละเอียด -ธุรกิจค้าปลีกควรมีงบประมาณและทรัพยากรเพียงพอสำหรับการพัฒนาช่องทางออนไลน์ -ธุรกิจค้าปลีกควรให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า การจัดส่งสินค้า และความปลอดภัยของข้อมูล โดยสรุป เทรนด์ OMNI Channel เป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ธุรกิจค้าปลีกควรปรับตัวและนำเทรนด์นี้มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39396
Retail
กลยุทธ์ใดที่ Kohl’s ใช้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล และผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร
null
Kohl’s ใช้กลยุทธ์หลายอย่างเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล ดังนี้: 1. พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในร้านค้า: Kohl’s ได้ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การติดตั้ง RFID tags บนสินค้า ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถติดตามสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ และช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสินค้าคงคลังออนไลน์ก่อนมาที่ร้าน 2. พัฒนาแอปพลิเคชั่นมือถือ: Kohl’s พัฒนาแอปพลิเคชั่นมือถือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งออนไลน์ ตรวจสอบสินค้าคงคลังในร้าน ค้นหาโปรโมชั่น และชำระเงินผ่านมือถือ 3. นำเสนอตัวเลือกการช้อปปิ้งแบบ Omnichannel: Kohl’s นำเสนอตัวเลือกการช้อปปิ้งแบบ Omnichannel หลายแบบ เช่น ซื้อออนไลน์และรับสินค้าที่ร้าน (Buy Online Pickup In Store) หรือ ซื้อออนไลน์และคืนสินค้าที่ร้าน (Buy Online Return In Store) 4. เป็นพันธมิตรกับ Amazon: Kohl’s เป็นพันธมิตรกับ Amazon ในการจำหน่ายสินค้า และมีบริการคืนสินค้าที่ซื้อจาก Amazon ได้ในบางพื้นที่ 5. ลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์: Kohl’s ลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า ผลลัพธ์ที่ได้: 1. Kohl’s เป็นหนึ่งในไม่กี่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากวิกฤติค้าปลีกเท่าไหร่นัก 2. ยอดขายออนไลน์ของ Kohl’s เติบโตอย่างต่อเนื่อง 3. Kohl’s สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้า Amazon 4. Kohl’s ได้รับการยกย่องจากนักวิเคราะห์ว่าเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้ดีที่สุด ตัวอย่าง: - ในปี 2021 ยอดขายออนไลน์ของ Kohl’s เติบโตขึ้น 21% - Kohl’s มีลูกค้าใหม่มากกว่า 2 ล้านคนในปี 2021 - Kohl’s ได้รับรางวัล “Retailer of the Year” จาก National Retail Federation ในปี 2022 สรุป: Kohl’s ประสบความสำเร็จในการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล โดยใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Kohl’s สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39404
Retail
การค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Retail) กำลังเผชิญกับวิกฤตจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ: -ยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2023 คาดว่าจะแตะ 5.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ -ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น สะดวก รวดเร็ว เปรียบเทียบราคาได้ง่าย -อีคอมเมิร์ซเสนอตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายกว่าร้านค้าแบบดั้งเดิม 2. ผลกระทบต่อค้าปลีกแบบดั้งเดิม: -ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งปิดตัวลง เช่น โตคิว (Tokyo) Sears -ยอดขายของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมลดลง -ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อความอยู่รอด 3. ตัวอย่างกรณีศึกษา: -Toys “R” Us: ค้าปลีกของเล่นรายใหญ่ ล้มละลายในปี 2018 -Sears: ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ฟ้องล้มละลายในปี 2018 4. ความท้าทายของค้าปลีกแบบดั้งเดิม: -ต้องปรับตัวเพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดึงดูดใจลูกค้า -ลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน -เสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างจากอีคอมเมิร์ซ 5. อนาคตของค้าปลีกแบบดั้งเดิม: -ค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะต้องผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน -มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร -เสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สรุป: การค้าปลีกแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญกับวิกฤตจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะปิดตัวลง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39417
Retail
ในอนาคต เทคโนโลยีใดที่จะมีบทบาทสำคัญที่สุดต่อธุรกิจค้าปลีกอาหาร (Retail Food) ?
null
"ไมเนอร์ กรุ๊ป ร่วมกับพันธมิตร จัดงาน Hackathon Food and Dining Tech 2018" พูดถึง 6 หัวข้อหลักที่ไมเนอร์ กรุ๊ป ให้ความสนใจในการลงทุนกับสตาร์ทอัพ ซึ่งล้วนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจค้าปลีกอาหารในอนาคต 1. Future of Food Retail Service: เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในร้านค้าปลีกอาหาร เช่น ระบบ AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า, Touch Board สั่งอาหารแบบไร้คิว, หุ่นยนต์ทำอาหาร, Chatbot รับออเดอร์, ระบบ Facial Recognition ตรวจจับสีหน้าลูกค้า, เมนูอาหารใน VR 2. Future of Franchise: เทคโนโลยีจะช่วยให้การบริหารจัดการแฟรนไชส์ง่ายขึ้น เช่น ระบบจัดการร้านอาหารบนมือถือ, ระบบตรวจสอบร้านออนไลน์ 3. Dining for Aging Society: เทคโนโลยีจะช่วยรองรับสังคมผู้สูงอายุ เช่น อาหารโปรตีนสูงจากผัก, อาหารรูปแบบ Jelly-Type Meal, บริการด้วยตนเอง, การออกแบบพื้นที่สำหรับเก้าอี้/รถเข็น 4. Digitization of Restaurants: เทคโนโลยีจะช่วยบริหารจัดการร้านอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบจองคิว, สั่งเมนู, สั่งวัตถุดิบ, เช็คสต็อค, บริหารคลังสินค้า, ควบคุมต้นทุน, การตลาด, ความสัมพันธ์กับลูกค้า, พนักงาน, ควบคุมคุณภาพสินค้า 5. Future of Dining for the Hyper Millennials: เทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ Millennials เช่น การค้นหาร้านอาหาร, รีวิว, แชร์บน Social Media, บริการที่แตกต่าง, มอบประสบการณ์ที่ดี 6. Delivery 4.0 and Beyond: เทคโนโลยีจะช่วยพัฒนาระบบการสั่งและส่งอาหาร เช่น ตรวจสอบราคาอาหาร, เวลา, ค่าส่ง, หาผู้ส่ง, ควบคุมคุณภาพผู้ให้บริการ, ครัวขนาดเล็ก จาก 6 หัวข้อหลัก เทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญที่สุดต่อธุรกิจค้าปลีกอาหารในอนาคต คือ 1. AI และ Big Data: เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน 2. Automation: เทคโนโลยี Automation จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3. Omnichannel: เทคโนโลยี Omnichannel จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในธุรกิจค้าปลีกอาหาร: AI: ร้านค้าปลีกอาหารสามารถใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้า เพื่อแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน Big Data: ธุรกิจสามารถใช้ Big Data วิเคราะห์เทรนด์ตลาด พฤติกรรมลูกค้า และพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงจุด Automation: ร้านอาหารสามารถใช้หุ่นยนต์ทำอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความสะอาด Omnichannel: ธุรกิจสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหาร จองคิว และชำระเงินออนไลน์ สรุป: เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีกอาหารในอนาคต ธุรกิจที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39420
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ.... ธุรกิจ Retail จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
null
รอยร้าวบนใบหน้าแห่งความสำเร็จ: เรื่องราวการล่มสลายของ Skinfood ในวงการ Retail ท่ามกลางแสงสีอันเจิดจ้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้าน Skinfood เคยเปรียบเสมือนขุมสมบัติเครื่องสำอางราคาประหยัด ดึงดูดลูกค้าด้วยสินค้าหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ แต่แล้วรอยยิ้มของแบรนด์นี้ก็เริ่มเลือนหายไป เสียงกระซิบถึงวิกฤตเริ่มก่อตัว นภา พนักงานขายสาวในร้าน Skinfood สาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลบซ่อนความกังวลไว้เบื้องหลังรอยยิ้มสดใส เธอสังเกตเห็นลูกค้าที่บางตาลง ยอดขายที่ลดลงอย่างน่าตกใจ กระแสการพูดคุยเกี่ยวกับการปิดสาขาที่หนาหู "มันเป็นไปได้จริงเหรอ?" นภาเอ่ยถาม มิน เพื่อนร่วมงานด้วยความกังวล "ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินมาว่ายอดขายของ Skinfood ตกฮวบ พวกเขาแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว" มินตอบ นภาครุ่นคิดถึงอดีตอันรุ่งเรืองของ Skinfood เคยมีช่วงเวลาที่เธอและเพื่อนร่วมงานยุ่งวุ่นวายไปกับการต้อนรับลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ตอนนี้กลายเป็นความเงียบเหงาที่น่าอึดอัด "แล้วเราจะเป็นยังไงต่อ?" นภาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" มินตอบ คุณวุฒิ ผู้จัดการร้าน Skinfood สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ กำลังประชุมกับพนักงานเพื่อแจ้งข่าวร้าย "จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทตัดสินใจปิดสาขานี้ลง" คุณวุฒิพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง พนักงานต่างตกตะลึง บางคนร้องไห้ บางคนโกรธ บางคนรู้สึกสิ้นหวัง นภาเองก็รู้สึกเหมือนถูกโลกทั้งใบพังทลาย เธอทุ่มเทให้กับงานที่นี่มานานหลายปี Skinfood ไม่ได้เป็นแค่ที่ทำงาน แต่เปรียบเสมือนครอบครัวที่สอง หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ร้าน Skinfood สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ นภาและเพื่อนร่วมงานต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง นภาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการหางานใหม่ในร้านเครื่องสำอางแบรนด์อื่น เธอรู้สึกโชคดีที่ได้งานใหม่ แต่ยังคงคิดถึง Skinfood อยู่เสมอ เหตุการณ์นี้สอนให้เธอบทเรียนราคาแพง ว่าโลกของ Retail นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน อะไรก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ บทเรียนจากเรื่องราวของ Skinfood: ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาหันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น แบรนด์เครื่องสำอางใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ Skinfood สูญเสียลูกค้าไป Skinfood ไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ ของตลาดและ บริษัทไม่สามารถจัดการกับปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นได้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39424
Retail
บริษัท Tencent ลงทุนอะไรบ้าง
null
ข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของร้านขายของแนวสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง Miniso ล่าสุดได้ผู้ลงทุนรายใหม่เป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent Tencent และ Hillhouse Capital ได้ประกาศจับมือลงทุนในร้าน Miniso ร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแบบญี่ปุ่นๆ รวมถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในราคาถูก โดยมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 145 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,700 ล้านบาท บทความที่น่าสนใจของ Miniso รวมไปถึงผู้ลงทุนอย่าง Tencent สรุป Miniso เป็นร้านญี่ปุ่นหรือไม่? เมื่อมีกว่า 1,000 สาขาในจีน แต่มีแค่ 4 สาขาในแดนปลาดิบ Tencent ลงทุนอะไรไปแล้วบ้าง หรือว่าการลงทุนเหล่านี้คือไม้ตายสุดท้ายของบริษัท สรุป Miniso เป็นร้านญี่ปุ่นหรือไม่? เมื่อมีกว่า 1,000 สาขาในจีน แต่มีแค่ 4 สาขาในแดนปลาดิบ Tencent ลงทุนอะไรไปแล้วบ้าง หรือว่าการลงทุนเหล่านี้คือไม้ตายสุดท้ายของบริษัท การลงทุนครั้งนี้จาก Tencent จะช่วยให้ Miniso สามารถนำเทคโนโลยีที่ Tencent มีมาต่อยอดในธุรกิจค้าปลีกและยังช่วยให้สามารถขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายร้านให้ได้ 10,000 ร้านภายในปี 2022 ปัจจุบัน Miniso มีจำนวนร้านมากถึง 1,000 สาขากระจายอยู่ 70 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ Miniso กำลังขยายสาขาเพิ่มเติมด้วย โดยปัจจุบันประเทศไทยมีร้าน Miniso อยู่ 42 ร้าน นอกจากนี้รายได้รวมครึ่งปีแรกจากสาขาต่างประเทศของ Miniso อยู่ที่ประมาณ 12,300 ล้านบาท ที่มา – Mingtiandi, Retail News Asia
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39431
Retail
กลยุทธ์ New Retail ของ Alibaba ที่ Daniel Zhang มองไว้ จะช่วยให้ Alibaba แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมได้อย่างไร
null
กลยุทธ์ New Retail ของ Alibaba ที่ Daniel Zhang มองไว้ จะช่วยให้ Alibaba แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมได้ดังนี้: 1. ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ: - ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยไม่ต้องแยกขาดจากกัน - ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา - ลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ที่หน้าร้าน หรือจัดส่งถึงบ้าน 2. ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า: - Alibaba สามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ - Alibaba สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ - Alibaba สามารถสร้างประสบการณ์ส่วนตัวสำหรับลูกค้าแต่ละคน 3. การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ: - Alibaba สามารถใช้ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ - Alibaba สามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน - Alibaba สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า 4. ความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี: - Alibaba มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ big data และ machine learning - Alibaba สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ - Alibaba สามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่าคู่แข่ง ตัวอย่าง: Alibaba เปิดตัว Hema ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน Alibaba พัฒนาระบบการชำระเงินด้วยใบหน้า Alipay Alibaba ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า สรุป: - กลยุทธ์ New Retail ของ Alibaba ที่ Daniel Zhang มองไว้ จะช่วยให้ Alibaba แข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมได้ โดยการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี คำแนะนำเพิ่มเติม: - Alibaba ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งอย่างละเอียด - Alibaba ควรวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง - Alibaba ควรทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ before making a long-term commitment
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39440
Retail
กลยุทธของ Starbucks เป็นอย่างไรเมื่อร่วมมือกับ Alibaba
null
Starbucks และ Alibaba ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด New Retail สร้างประสบการณ์แก่ลูกค้าในวงการกาแฟ ทดลองส่งกาแฟถึงบ้าน ผนึกทุกแพลตฟอร์มในเครือ Alibaba สร้างค้าปลีกแนวใหม่ ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์ที่ชัดเจนของ Starbucks กาแฟเงือกเขียวที่ต้องการบุกตลาดประเทศจีนมากขึ้น นอกจากจะได้เห็นการขยายสาขาอย่างรวดเร็วแล้ว ล่าสุดยังได้จับมือกับพี่ใหญ่อย่าง Alibaba ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเอาใจคอกาแฟชาวจีน การร่วมมือกันครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือแบบครอบคลุมในธุรกิจหลักของ Alibaba ได้แก่ บริการส่งอาหารถึงบ้านจาก Ele.me, ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคต เหอหม่า (Hema), แพลตฟอร์มค้าปลีกอย่าง Tmall และ Taobao รวมถึงแพลตฟอร์มชำระเงิน Alipay ไฮไลท์หลักก็คือ Starbucks จะเริ่มทดลองให้บริการส่งกาแฟถึงบ้านตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 เป็นต้นไปในประเทศจีน ควบคู่ไปกับการเปิดทำการ Starbucks Delivery Kitchen สำหรับทำอาหารและเครื่องดื่มเพื่อจัดส่งถึงบ้านโดยเฉพาะ และสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยร้านสตาร์บัคส์ออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นจากการรวบรวมหลากหลายแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวจีนที่มีความต้องการที่แตกต่างกันไป เควิน จอห์นสัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Starbucks กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ Alibaba จะช่วยพลิกรูปแบบของธุรกิจค้าปลีกสู่อนาคต และเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้ เพราะ Starbucks ประเทศจีนเป็นธุรกิจที่ทุกคนต้องจับตามอง มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทีมงานของเราจะสามารถนำนวัตกรรมที่อยู่เบื้องหลังประสบการณ์ Starbucks รูปแบบใหม่นี้มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่” ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดการผลักดันแนวคิดค้าปลีกยุคใหม่ของ Alibaba เป็นการพลิกรูปแบบการค้าขายด้วยการผสานประสบการณ์บนช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดย Alibaba ได้นำเสนอแนวคิดค้าปลีกยุคใหม่นี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2559 ก่อนจะพัฒนาให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมค้าปลีกจนถึงปัจจุบัน จัดส่งกาแฟถึงบ้านด้วย Ele.me ในเดือนกันยายน Starbucks จะร่วมมือกับ Ele.me แพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารถึงบ้านในประเทศจีน ครอบคลุมเครือข่ายผู้ให้บริการจัดส่งอาหารในระบบกว่า 3 ล้านราย เริ่มต้นบริการจัดส่งกาแฟจากร้าน Starbucks 150 สาขา ภายในย่านการค้าสำคัญของกรุงปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ แล้วค่อยขยายบริการไปให้มากกว่า 2,000 สาขาใน 30 เมืองภายในสิ้นปีนี้ ขยายเครือข่ายสู่สาขาใหม่ๆ ด้วย “เหอหม่า” ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคต Starbucks ร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต “เหอหม่า” เป็นแบรนด์ค้าปลีกแบรนด์แรกที่มี “สตาร์บัคส์ เดลิเวอรี่ คิทเช่น” ภายในพื้นที่สาขาต่างๆ ซึ่งสตาร์บัคส์ เดลิเวอรี่ คิทเช่นจะได้อานิสงส์เรื่องพลังในด้านการจัดส่ง คลังสินค้ามาช่วยจัดส่งเครื่องดื่มชา-กาแฟถึงมือลูกค้า ควบคู่ไปกับการจัดส่งจากสาขาที่มีอยู่เดิม ทำให้ Starbucks ได้ดาต้าเกี่ยวกับผู้บริโภคเพิ่มเติมด้วย Starbucks จะเปิดตัวสตาร์บัคส์ เดลิเวอรี่ คิทเช่นในซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่าในนครเซี่ยงไฮ้ และหางโจว ภายในเดือนกันยายนนี้ ก่อนจะขยายตัวไปยังเมืองต่างๆ ต่อไปในอนาคต เบลินดา หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Starbucks ประเทศจีน กล่าวอีกว่า “ลูกค้าชาวจีนมีความคาดหวังสูงด้านของประสบการณ์ที่จะได้รับจากเรา การผนึกกำลังกับ Alibaba ในครั้งนี้ทำให้เราสามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างบ้าน ที่ทำงาน หน้าร้าน และช่องทางดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว จึงทำให้ประเทศจีนเป็นตลาดแห่งแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์จาก Starbucks อย่างเต็มรูปแบบ ในทุกๆ มิติของชีวิตประจำวัน อันถือเป็นการสะท้อนว่าประเทศจีนมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของแบรนด์” นวัตกรรมดิจิทัล พลิกโฉมค้าปลีก อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้คือการผนึกกำลังกันเพื่อพัฒนาร้าน Starbucks แบบเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศจีน โดยทาง Alibaba จะเป็นผู้พัฒนาระบบบริหารจัดการหน้าร้านออนไลน์แบบรวมศูนย์ ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสบการณ์คุณภาพในแบบของ Starbucks ได้อย่างครบถ้วนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ นวัตกรรมของ Alibaba จะไม่ได้แค่ใช้แอพพลิเคชั่นตัวใดตัวหนึ่ง แต่เป็นการผนึกหลายแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันทั้งทางแอปสตาร์บัคส์ และทางฝั่ง Alibaba ก็มีเถาเป่า อาลีเพย์ ทีมอลล์ และ โกวเป่ย (Koubei) นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกอย่าง Starbucks Rewards จะถูกนำมารวมเข้ากับระบบแบบรวมศูนย์นี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ของลูกค้าแต่ละรายได้แม่นยำยิ่งขึ้น สรุป การผนึกกำลังกันครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศจีนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ Starbucks โดยอาศัยทั้งโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมของทาง Alibaba รวมถึงความเข้าใจพฤติกรรมคนจีนด้วย ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการร้านกาแฟ และเทคโนโลยี ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ช้อปปิ้งวัน 11.11 ให้ตาค้าง! Starbucks ในจีนประกาศขายกาแฟ 24 ชั่วโมง แถมส่งถึงบ้าน In "Article" เดลิเวอรี่คืออนาคต Starbucks ประกาศจับมือกับ UberEats เตรียมส่งกาแฟถึงหน้าบ้านทั่วสหรัฐอเมริกา In "Article" กาแฟจีนเดือด! Alibaba มี Starbucks ส่วน Tencent ก็มี Luckin coffee สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39463
Retail
จงเสนอไอเดีย 3 ธุรกิจตัวอย่าง เช่น Starbucks, Cosabella และLowe’s ที่นำ AI ต่อยอดธุรกิจ
null
1. Starbucks Starbucks เริ่มเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค และเปิดให้ลูกค้าสั่งสินค้าจากภายนอกร้าน ก่อนที่จะเลือกสาขาในการไปรับเครื่องดื่มที่สั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกควบคุมโดย AI หรือระบบปัญหาประดิษฐ์ภายใน Application ที่ชื่อว่า My Starbucks Barista เพียงแค่เปิด Application และกดปุ่มเพื่อพูดเครื่องดื่มที่ต้องการเข้าไป ตัวระบบก็จะประมวลเสียงเป็นคำสั่ง และส่งไปยังสาขาที่ใกล้เคียงเพื่อทำเครื่องดื่มเอาไว้ ซึ่งการเปิดให้สั่งเครื่องดื่มจากนอกร้าน ทำให้ลดปัญหาการเข้าคิวเพื่อไปสั่ง และชำระเงิน ผู้สมัครสมาชิกกับ Starbucks กว่า 8 ล้านราย ต่างใช้ Application ในการชำระเงินอย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน และ 1 ใน 3 ของจำนวนนี้ใช้วิธีการสั่งสินค้าจากนอกร้าน ทำให้ลดปัญหาการเข้าคิวได้มาก 2. Cosabella แบรนด์ชุดชั้นใน Cosabella ใช้ AI ในการทำการตลาดรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ และความเข้าใจของสินค้าแก่ผู้บริโภค ภายใต้แพลตฟอร์ม Emarsys ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 ซึ่งตั้งแต่วันนั้น ตัวแบรนด์ก็มีผู้สมัครรับข่าวสารทางอีเมลเพิ่มขึ้นทันที และสร้างยอดขายจากช่องทางนี้เพิ่มถึง 60% แสดงให้เห็นการตลาดอย่างถูกต้องในการสร้างการขายจาก Online สู่ Offline ได้อย่างดี สำหรับ Emarsys คือระบบ AI ที่จะส่งส่วนลดเฉพาะบุคคลไปยังผู้ที่สมัครสมาชิกรับข่าวสารทางอีเมล และอิงจากพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเมื่อยิงส่วนลดถูกจุด โอกาสที่จะขายสินค้าไปให้ผู้บริโภคที่ตรงกันก็มีสูง และนั่นเท่ากับการยอมลดราคาเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างยอดขายเพิ่ม แถมอาจได้มากกว่าแค่สินค้าลดราคาจากผู้บริโภค ก็ทำให้การลงทุนระบบครั้งนี้คุ้มค่าเลยทีเดียว 3. Lowe’s กลุ่มผู้ขายสินค้าเกี่ยวกับที่พักอาศัยก็สามารถลงทุนในเรื่อง AI ได้เช่นกัน อย่าง Lowe’s ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจนี้ก็ใช้หุ่นยนต์ในการตรวจจับการใช้บริการภายในสาขามากว่า 2 ปี ภายใต้ชื่อ LoweBot เพื่อช่วยให้ผู้เข้ามาใช้บริการสามารถหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่ง LoweBot แต่ละตัวจะมีหน้าที่ตอบคำถามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ต้องการอยู่ที่ไหน รวมถึงการออกแบบในพื้นที่ต่างๆ และตัวหุ่นยนต์ก็จะตอบกลับมาเป็นภาษาเหมือนที่มนุษย์ใช้พูดกันอยู่จริงๆ นอกจากนี้ตัว LoweBot ยังติดตั้งอุปกรณ์สแกนสินค้าแบบสามมิติ ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานภายในสาขาได้อย่างดียิ่งขึ้นด้วย มากกว่านั้นตัวหุ่นยนตืยังช่วยพนักงานภายในสาขาบริหารสต๊อกสินค้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะเวลามีลูกค้ามาสอบถามสินค้า ตัวหุ่นยนต์ก็จะเข้าไปสแกนตามเชลฟ์วางต่างๆ และเมื่อสินค้านั้นหายไป ก็จะแจ้งแผนกสต๊อกให้เติมสินค้าในทันทีอีกด้วย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39481
Retail
Walmart และ Amazon มีการแข่งขันการตลาดด้านใด
null
การจัดส่งที่รวดเร็วจะกลายเป็นหัวใจสำคัญในตลาดนี้ 2 ผู้เล่นยักษ์ใหญ่ Walmart และ Amazon ต่างลงทุนอย่างหนักในธุรกิจร้าน Grocery เน้นหนักที่การจัดส่งให้รวดเร็วถึงใจมากที่สุด การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกรูปแบบ Grocery หรือร้านขายอาหารสดได้ถูกเดิมพันด้วยการจัดส่งสินค้าไปแล้ว เมื่อผู้เล่น 2 รายใหญ่ Walmart ได้ประกาศเปิดตัว Postmates เป็นพันธมิตรในการจัดส่งสินค้า ส่วน Amazon ได้เปิดตัวบริการ Prime delivery สำหรับร้าน Whole Foods เป็นแห่งที่ 7 ในเมืองลอสแองเจลิส ถ้าถามว่าอะไรถึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้การขนส่งถึงเป็นปัจจัยหลักในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งก็คือการช้อปออนไลน์นั่นเอง นักวิเคราะห์ของ eMarketer ได้กล่าวว่า อาหาร และเครื่องดื่มเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 700,000 ล้านเหรียญ แต่สัดส่วนการซื้อจากออนไลน์ยังมีน้อยกว่า 3% เรียกว่าล้าหลังกว่ากลุ่มสินค้าอื่นๆ ดังนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในเรื่องของ Same-day Delivery หรือการจัดส่งสินค้าในวันเดียวจะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ตลาดเติบโต และนำคนเข้ามาช้อปออนไลน์ได้อีกหลายหมื่นล้านเหรียญได้เลย ผู้ประกอบการรีเทลเองก็รู้ดีว่าเรื่อง Same-day Delivery จะเข้ามาปลดล็อกในการขายออนไลน์ เพราะกลายเป็นบรากรที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งผลสำรวจจาก Dropoff ในเดือนมีนาคม 2018 พบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกาได้ใช้บริการ Same-day Delivery ถึง 31% เพิ่มขึ้นจาก 17% ในปีก่อน ซึ่งกลุ่มอาหารสดเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้บริการสูงสุดถึง 64% นอกจากการจัดส่งอาหารที่เป็น Food Delivery แล้ว ในกลุ่มรีเทลก็คงจะเป็นกลุ่มอาหารสดที่มีความต้องการจัดส่งที่รวดเร็วมากที่สุด หลังจากที่เกิดการซื้อสินค้าแล้ว ซึ่งการพัฒนาบริการให้ส่งรวดเร็วเท่าไหร่ ยิ่งอุดช่องว่างของผู้บริโภคได้มากเท่านั้น Amazon ได้เปิดบริการ Prime delivery และมีข้อเสนอสำหรับสมาชิกของ Prime ในการจัดส่งฟรีใน 2 ชั่วโมง มีออเดอร์ขั้นต่ำ 35 เหรียญ ส่วน Walmart มีค่าธรรมเนียม 9.95 เหรียญสำหรับการจัดส่งในวันเดียว และมีออเดอร์ขั้นต่ำ 30 เหรียญ และได้วางจุดยืนว่าไม่จำเป็นจะต้องมีการสมัครสมาชิกเหมือนกับทางคู่แข่ง ซึ่ง Amazon มีส่วนอีคอมเมิร์ซของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็จำเป็นต้องมีร้านออฟไลน์ไว้ด้วย ขณะที่ทาง Walmart รวมถึง Target มีธุรกิจ Grocery เป็นธุรกิจใหญ่ ทำให้ตอนนี้อยุ่ในช่วงทดลองหาอะไรใหม่ๆ และกำลังจับตลาดดิจิทัลมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นการที่ทั้ง 2 รายใหญ่ลงทุนในด้านโลจิสติกส์ การจัดส่งแบบภายในวันเดียวมากขึ้น เป็นการปูทางสู่โลกออนไลน์มากขึ้น เพราะยังมีโอกาสอีกมากที่เม็ดเงินจะย้ายจากออฟไลน์ไปออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสดที่ตอนนี้ยังมีสัดส่วนน้อยมาก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39490
Retail
The Mall จะใช้กลยุทธ์ Personalize อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด?
null
จากบทความ The Mall ปรับตัวรับรีเทลยุค 4.0 กลยุทธ์ Personalize เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่การจะทำ Personalize ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด The Mall ควรพิจารณาประเด็นดังนี้ 1. การเก็บข้อมูลลูกค้า: The Mall ควรเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างครอบคลุม ทั้งข้อมูลประชากร ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้า ข้อมูลความสนใจ ข้อมูลการใช้เว็บไซต์ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง The Mall ควรเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และปลอดภัย The Mall ควรมีระบบการจัดการข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ 2. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: The Mall ควรใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อหาความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน The Mall ควรวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง The Mall ควรวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า 3. การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า: The Mall ควรนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน The Mall ควรนำเสนอสินค้าและบริการที่ personalize ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น อีเมล LINE Facebook เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน The Mall ควรนำเสนอสินค้าและบริการที่ personalize ในรูปแบบที่น่าสนใจ ดึงดูดใจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า 4. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: The Mall ควรใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า The Mall ควรนำเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด และสิทธิพิเศษ ที่ personalize ให้กับลูกค้า The Mall ควรจัดกิจกรรม อีเวนต์ และแคมเปญ ที่ personalize ให้กับลูกค้า The Mall ควรมีช่องทางให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสาร ร้องเรียน และเสนอแนะ ตัวอย่างแนวทางการ Personalize ที่ The Mall สามารถนำไปใช้: การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า: The Mall สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าใหม่ สินค้าแนะนำ และสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อีเมล LINE Facebook เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน การนำเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด และสิทธิพิเศษ ที่ personalize: The Mall สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อนำเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด และสิทธิพิเศษ ที่ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน การจัดกิจกรรม อีเวนต์ และแคมเปญ ที่ personalize: The Mall สามารถจัดกิจกรรม อีเวนต์ และแคมเปญ ที่ตรงกับความสนใจ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่ม สรุป: การ Personalize เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมาก The Mall ควรพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Personalize
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39491
Retail
กลยุทธ์ AI ของ Aeon ในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีน จะส่งผลต่อผู้บริโภคอย่างไร?
null
กลยุทธ์ AI ของ Aeon ในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีน ประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก ดังนี้: 1. ร้านค้าอัจฉริยะ: เซ็นเซอร์และกล้องจะติดตั้งเพื่อจับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ระบบชำระเงินอัตโนมัติช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้โดยไม่ต้องผ่านพนักงาน 2. การบริหารจัดการอัจฉริยะ: หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะจะทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น ระบบบริหารที่จอดรถจะนำทางผู้ใช้บริการไปจอดรถยังบริเวณที่ใกล้กับจุดหมายปลายทาง ระบบจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะจะช่วยให้ Aeon บริหารจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสมผสาน: Aeon มุ่งมั่นที่จะผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า ลูกค้าสามารถรับสินค้าที่สั่งซื้อไว้ได้ที่ร้านค้า หรือ เลือกให้จัดส่งถึงบ้าน ผลกระทบต่อผู้บริโภค: -ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกและรวดเร็ว: ลูกค้าสามารถชำระเงินได้โดยไม่ต้องต่อคิว รอพนักงาน และสามารถค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าได้ -สินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการ: ลูกค้าจะได้รับสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของตนเองมากขึ้น -ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสมผสาน: ลูกค้าสามารถเลือกช้อปปิ้งได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ -ความสะอาดและความปลอดภัย: หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะจะช่วยให้ร้านค้าสะอาดอยู่เสมอ และระบบบริหารที่จอดรถจะช่วยให้ลูกค้าจอดรถได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ AI ของ Aeon ยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนี้: -ความเป็นส่วนตัว: ลูกค้าบางรายอาจกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของตนที่ถูกเก็บรวบรวมโดยเซ็นเซอร์และกล้อง -การสูญเสียงาน: การใช้ระบบอัตโนมัติอาจทำให้พนักงานบางส่วนสูญเสียงาน -การพึ่งพาเทคโนโลยี: ระบบ AI อาจเกิดข้อผิดพลาด ส่งผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า โดยสรุป กลยุทธ์ AI ของ Aeon จะส่งผลต่อผู้บริโภคทั้งด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือ ผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว และตรงกับความต้องการมากขึ้น ด้านลบคือ ผู้บริโภคอาจกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และอาจมีพนักงานบางส่วนสูญเสียงาน Aeon จะต้องพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนต่อไป เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ Aeon ยังต้องพัฒนาระบบการรองรับลูกค้า ที่ไม่สะดวกใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกและรวดเร็ว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39496
Retail
เพราะเหตุใดๆAlibaba ถึงต้องการซื้อหุ้นทั้งหมดในกิจการส่งอาหารต่อจาก Baidu
null
Alibaba เตรียมเป็นเจ้าของกิจการส่งอาหารในประเทศจีน Ele.me : - โดยทางบริษัทกำลังตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่อย่าง Baidu และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ Ele.me กิจการส่งอาหารรายใหญ่ของจีนมีมูลค่าเมื่อปีที่แล้วประมาณ 5,500 ถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ - โดยทาง Alibaba ถือหุ้นอยู่ใน Ele.me ประมาณ 40% โดยต้องการซื้อหุ้นต่อจากผู้ถือหุ้นในปัจจุบัน อีก 60% ซึ่งมี Baidu รวมอยู่ด้วย - โดยข่าวลือล่าสุดจากทางเว็บไซต์ 36kr ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีในจีนมองว่า Alibaba อาจต้องใช้เงินถึง 9,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการซื้อหุ้นทั้งหมด โดยก่อนหน้านั้นทาง Ele.me ได้ซื้อกิจการส่งอาหารของทาง Baidu ชื่อว่า Baidu Waimai เมื่อสิงหาคมปีที่แล้วซึ่งแลกกับการถือหุ้นแทน ด้านสัดส่วนของกิจการส่งอาหาร: - อันดับ 1 เป็นของ Ele.me ที่ 49.8% - ส่วนที่ 2 เป็นของ Meituan สัดส่วนอยู่ที่ 43.5% - อีก 6.7% เป็นของรายอื่นๆ ในตลาดส่งอาหารของประเทศจีน ต่อยอด New Retail Strategy และสู้กับ Meituan ของ Tencent แหล่งข่าวกล่าวกับ South China Morning Post ว่าแผนการในการซื้อ Ele.me ของทาง Alibaba คือ: 1. การต่อยอดแผน New Retail Strategy ของ Jack Ma เป็นการเชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้ประสบการณ์ของลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอยดีที่สุด 2. ที่ผ่านมาจะได้เห็นจากการไล่เป็นพันธมิตรหรือไม่ก็ซื้อกิจการค้าปลีกของทางฝั่ง Alibaba ที่ทาง Brand Inside นำเสนออย่างต่อเนื่อง และต้องการต่อสู้กับทาง Meituan ซึ่งเป็นบริการส่งอาหารของทาง Tencent ได้อย่างเต็มที่ Baidu ได้เงินสดกลับไปพัฒนา AI ต่อ 3. การขายกิจการ Ele.me ให้กับทาง Alibaba อาจเป็นข้อดีเพราะว่า Baidu จะได้เงินสดมหาศาลไปใช้ในการพัฒนาระบบ AI ซึ่งทาง Baidu โฟกัสมาพักใหญ่ๆ และรวมไปถึงระบบรถไร้คนขับของทาง Baidu ที่กำลังพัฒนา ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39518
Retail
เขียนความน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง "เส้นทางการพัฒนา Ascend กับการแข่งขันแห่งยุคดิจิทัลในวงการ E-Commerce และ E-Wallet"
null
หัวข้อ Ascend กับการแข่งขัน E-Commerce และ E-Wallet "Ascend" เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและให้บริการโซลูชันด้านการเงินและการชำระเงินออนไลน์ที่ก้าวหน้า แข่งขันในวงการ E-Commerce และ E-Wallet เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำให้ตลาดดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว การแข่งขันในวงการ E-Commerce นั้นก้าวหน้าไปพร้อมกับการเติบโตของการซื้อขายออนไลน์ การเสนอสินค้าและบริการออนไลน์ให้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นเป็นจุดเด่นสำคัญในการแข่งขัน บริษัทที่มีการจัดการพื้นที่ E-Commerce ได้อย่างเชี่ยวชาญ และมีการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคมักจะได้รับการยอมรับและการตอบรับที่ดีจากตลาด ในขณะเดียวกัน E-Wallet ก็เป็นส่วนสำคัญของการเติบโตของการชำระเงินออนไลน์ การใช้บริการ E-Wallet มีประสิทธิภาพและมีความสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้บริการ ซึ่งบริษัทที่มีโซลูชัน E-Wallet ที่สามารถรวบรวมการชำระเงินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมักจะได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน การรวมการให้บริการที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง E-Commerce และ E-Wallet อาจเป็นกลยุทธ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการแข่งขันในวงการดิจิทัล การให้ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินได้โดยตรงผ่าน E-Wallet ในการทำธุรกรรมใน E-Commerce มีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ และยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริการของบริษัทด้วยการมีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ทั้งนี้เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ดีและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39523
Retail
จงบอกกลยุทธ์ของ SCB ในการผลักดันให้ผู้บริโภคใช้ QR Payment แทนเงินสด
null
กลยุทธ์ของ SCB ในการผลักดันให้ผู้บริโภคใช้ QR Payment แทนเงินสด มีดังนี้: 1. สร้างการรับรู้: - ใช้ชื่อ "แม่มณี" เป็นตัวแทน QR Payment สื่อสารง่าย เข้าใจง่าย - ลุยตลาด พบปะพ่อค้าแม่ค้า อธิบายและสาธิตการใช้งาน - จัดโปรโมชั่น ดึงดูดให้ร้านค้าใช้ SCB เป็นบัญชีหลักในการเก็บเงิน 2. ขยายจุดใช้งาน: - เริ่มต้นที่เมืองท่องเที่ยว เชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวเมืองใหญ่ๆ - ขยายไปยังมหาวิทยาลัย แหล่งรวมนักศึกษา - เจาะตลาดขนส่ง เช่น รถแดง สี่ล้อ - ร่วมมือกับ The Mall Group ขยายจุดรับจ่ายเงินแบบ B2C - ร่วมมือกับโอสถสภา ขยายจุดรับจ่ายเงินแบบ B2B - พัฒนา Vending Machine หรือเครื่องซื้อขายอัตโนมัติ รองรับ QR Payment 3. มุ่งเน้น Micro Payment: - เน้นการใช้จ่ายตั้งแต่ 1 บาทเป็นต้นไป - ตอบโจทย์การซื้อของทั่วไป น้ำ ขนม ของกิน - แทนที่การใช้เงินสด 4. เพิ่มความสะดวก: - พัฒนา SCB Connect บน LINE@ แจ้งเตือนเงินเข้าบัญชี - ไม่ต้องสมัคร SMS ไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน - แจ้งชื่อคนโอนเงินได้ ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รู้ที่มาของเงิน 5. สร้างความมั่นใจ: - เน้นย้ำความปลอดภัย สะดวกกว่าเงินสด - ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ กลยุทธ์เหล่านี้ของ SCB มุ่งเน้นไปที่การสร้างความคุ้นเคย ใช้งานง่าย สะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆ ที่ เป็นการสร้าง Ecosystem ของ QR Payment ที่ครบวงจร อุปสรรคบางประการที่ SCB ต้องเผชิญ เช่น: 1. พฤติกรรมของผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับการใช้เงินสด 2. ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล 3. การเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้บริโภคบางกลุ่ม 4. SCB จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์เพิ่มเติม เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ และทำให้ QR Payment เป็นวิธีการชำระเงินหลักของคนไทย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39534
Retail
ในยุคที่การตลาดออนไลน์รุ่งเรืองร้านค้าปลีกควรปรับตัวยังไง
null
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ ‘ออนไลน์ช็อปปิ้ง’ ในไทย ทุกคนมีความอิสระและเข้าสู่ตลาดออนไลน์ช็อปปิ้งได้ง่าย โดยเฉพาะผ่านรูปแบบ Social Commerce (การซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทาง Social Media ต่างๆ) ประกอบกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทยที่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น คนไทยสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ง่ายกว่าอดีต จึงกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการผลักดันกิจกรรมการตลาดและการจับจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น ออนไลน์ช้อปปิ้ง ง่ายสำหรับค้าปลีกรายย่อย? ตัวเลขของตลาดออนไลน์ช็อปปิ้ง ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างโดดเด่น เฉลี่ย 15-20% ต่อปี หรือมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 214,000 ล้านบาท ในทางกลับกันรายได้ของธุรกิจค้าปลีกผ่านช่องทางเดิมอย่าง Offline มีการเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในบางกลุ่มสินค้าของออนไลน์ช็อปปิ้ง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น ทำให้ทั้งผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ หรือแบรนด์สินค้า หันมารุกตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากต่างชาติ (เช่น จีน เกาหลีใต้) ที่มาพร้อมกับรูปแบบของ e-Market Place ซึ่งมีจุดแข็งในเรื่องของเงินทุน พันธมิตร ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร (ตั้งแต่รูปแบบของ Platform ระบบการชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า) รวมถึงผู้ประกอบการค้าปลีกรายเดิม (เช่น กลุ่มค้าปลีก Modern Trade) ซึ่งมีฐานลูกค้าจากช่องทาง Offline อยู่แล้ว ก็ได้มีการขยายช่องทาง Online เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ Brand.com หรือ e-Market Place คาดว่า ภาพตลาดออนไลน์ช็อปปิ้งของไทยน่าจะมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและแข่งขันกันรุนแรงขึ้นในระยะข้างหน้า e-Market Place โอกาสทำตลาดและคู่แข่งในอนาคต ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปี 2561 ตลาด B2C-Online-Shopping (เฉพาะสินค้า) จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 256,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 470,000 ล้านบาทในปี 2565 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 16% ต่อปี ทำให้ช่องทางออนไลน์ช็อปปิ้ง มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2560 เป็น 8.2% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งทั้งระบบ โดยรูปแบบของ e-Market Place จะเป็น Online-Platform ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยสุดท้ายแล้ว ผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้าผ่าน Platform ไหน จะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ หรือจะซื้อผ่านหน้าร้าน ขึ้นอยู่กับว่าช่องทางไหนที่สามารถอำนวยความสะดวก และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้มากที่สุด ณ ตอนนั้น ความเคลื่อนไหวสำคัญ คือ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยอาจจะต้องเผชิญการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่อยู่ใน e-Market Place จำนวนมาก และที่น่าสนใจคือ หากเจ้าของ e-Market Place กลายเป็นผู้นำสินค้าเข้ามาแข่งด้วยตนเอง โดยอาศัยการเข้าถึงฐานข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาใช้จ่ายผ่าน Platform ของตนเอง สามารถรับรู้พฤติกรรมเชิงลึกในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้า ว่าสินค้าอะไรขายดี ก็อาจจะกลายเป็นคู่แข่งที่นำสินค้าเข้ามาแข่งกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยได้ ทั้งนี้ แม้ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะยังเห็นไม่ชัดในปัจจุบัน แต่คาดว่าในระยะข้างหน้า ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ หากผู้ให้บริการ e-Market Place เล็งเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ข้อได้เปรียบที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยเคยมี เช่น ราคา (ต้นทุนสินค้า) ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าที่อยู่หน้าร้าน ตลาดที่ยังไม่ขยายใหญ่มาก รวมถึงคู่แข่งที่ยังมีน้อยรายนั้น อาจจะไม่เพียงพอในการรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เพราะด้วยตลาดออนไลน์ช็อปปิ้ง ที่มีแนวโน้มขยายใหญ่ขึ้น คู่แข่งมีมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมไปจนถึงผู้ผลิตสินค้า หรือแม้แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความภักดีในแบรนด์หรือสินค้าน้อยลง กลายเป็นว่ารูปแบบการขายเดิมๆ อาจจะไม่สามารถดึงกลุ่มลูกค้าไว้ได้อีกต่อไป เพราะลูกค้ามีทางเลือกในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น สร้างความแตกต่างคือ ทางอยู่รอด
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39547
Retail
จงเสนอไอเดีย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับสูงสุด จากบริการ Click & Collect คืออะไร
null
สำหรับบริการ Click & Collect เป็นหนึ่งในการสร้าง Omnichannel ให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์แนบเนียนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มความสะดวกโดยสามารถเข้าเว็บคลิกซื้อและจ่ายเงิน โดยถ้าซื้อก่อนเที่ยงคืนและได้รับ SMS ยืนยัน พรุ่งนี้สามารถเลือกรับสินค้าสาขาใดก็ได้ในช่วงบ่าย ไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ ประโยชน์ที่ได้คือ ถ้ามั่นใจในแบบและไซส์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินหาว่ามีที่ไหนบ้าง ไม่ต้องพลาดว่าสาขาที่ไปจะไม่มีของ ไม่มีไซส์ และถ้าสั่งออนไลน์แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าตอนสินค้ามาส่งจะไม่อยู่บ้าน เพราะเมื่อซื้อแล้ว เลือกสาขา แวะไปรับสินค้าได้เอง ความพิเศษคือ มีสินค้าทุกรูปแบบ ทุกขนาด รวมถึงไซส์ XXL ที่อาจไม่มีจำหน่ายในสาขา หรือสินค้าสำหรับเด็กทารก บริการ Click & Collect คิดค่าธรรมเนียมตามแต่ละประเทศที่เปิดให้บริการ (อังกฤษ 2.95 ปอนด์) และจะไม่คิดเมื่อมีการสั่งถึงราคาที่กำหนด (อังกฤษ 19.90 ปอนด์) และต้องไปรับของภายในเวลา 10 วัน ให้ใครไปรับก็ได้ขอแค่มีใบเสร็จรับเงิน ก่อนหน้านี้เปิดที่จีน, ญี่ปุ่น ก่อนขยายมาสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้ Click & Collect เปิดให้บริการที่อังกฤษและอเมริกา จนต้นปีที่ผ่านมาจึงเปิดบริการที่จีน โดยผู้ซื้อสามารถรับได้จาก UNIQLO กว่า 400 สาขาจากจำนวนสาขาทั้งหมด 500 แห่ง ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งที่อาจล่าช้าในบางพื้นที่ รวมถึงเริ่มให้บริการในญี่ปุ่นไปแล้ว โดนสามารถรับสินค้าที่ 7-ELEVEN ได้ด้วย สำหรับยอดขายของ UNIQLO ในจีน ไต้หวันและฮ่องกง ประมาณ 48,000 ล้านดอลลาร์ตามปีงบประมาณ (ถึง ส.ค. 59) เติบโตขึ้น 9.3% ล่าสุด เปิดให้บริการ Click & Collect ที่สิงคโปร์ และเตรียมเปิดให้บริการที่มาเลเซีย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39551
Retail
กลยุทธ์ของ SCB ในการใช้ QR Code เพื่อยึดหัวหาดในสมรภูมิ Digital Money มีอะไรบ้าง?
null
กลยุทธ์ของ SCB ในการใช้ QR Code เพื่อยึดหัวหาดในสมรภูมิ Digital Money มีดังนี้ 1. มุ่งเน้นไปที่ PromptPay QR: SCB มองเห็นโอกาสใน PromptPay QR ซึ่งเป็นโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสังคมไร้เงินสด SCB จึง積極เข้าร่วมโครงการนี้ และจัดทำ PromptPay QR ให้กับ วินมอไซค์ วินรถตู้ ร้านค้าข้างถนน รวมไปถึงร้านค้าในห้างสรรพสินค้า 2. ขยายจุดรับชำระเงิน: SCB มุ่งขยายจุดรับชำระเงินผ่าน QR Code ให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2561 จะมีจุดรับชำระเงิน 1 ล้านจุด โดย SCB จะเข้าไปเสนอบริการให้กับร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศ 3. พัฒนาบริการ e-Wallet: SCB พัฒนาแอป SCB EASY ให้เป็น e-Wallet ที่สมบูรณ์แบบ ผู้ใช้สามารถนำเงินใส่ e-Wallet ไว้ และใช้จ่ายผ่านบริการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น กิน ดื่ม เที่ยว บันเทิง ช้อปปิ้ง 4. เน้นความสะดวกและปลอดภัย: SCB พัฒนาบริการ QR Code ให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ผู้ใช้สามารถสแกน QR Code ผ่านแอป SCB EASY หรือแอปธนาคารอื่นๆ ก็ได้ 5. ใช้จุดแข็งของธนาคาร: SCB นำจุดแข็งของธนาคารที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก และเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง มาใช้ในการขยายบริการ QR Code 6. ร่วมมือกับพันธมิตร: SCB ร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น บริษัทขนส่งสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก เพื่อขยายจุดรับชำระเงินผ่าน QR Code 7. ทำการตลาดอย่างเข้มข้น: SCB ทำการตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับบริการ QR Code ให้กับประชาชน ผลลัพธ์: จากกลยุทธ์เหล่านี้ SCB ประสบความสำเร็จในการยึดหัวหาดในสมรภูมิ Digital Money จำนวนผู้ใช้งาน SCB EASY เพิ่มขึ้น: จำนวนจุดรับชำระเงินผ่าน QR Code เพิ่มขึ้น: ส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจ Digital Money เพิ่มขึ้น: บทวิเคราะห์: กลยุทธ์ของ SCB ในการใช้ QR Code นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สาเหตุหลักๆ มาจาก การมุ่งเน้นไปที่ PromptPay QR: การขยายจุดรับชำระเงิน: การพัฒนาบริการ e-Wallet: การเน้นความสะดวกและปลอดภัย: การใช้จุดแข็งของธนาคาร: การร่วมมือกับพันธมิตร: การทำการตลาดอย่างเข้มข้น: บทสรุป:กลยุทธ์ของ SCB ในการใช้ QR Code นั้น เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39571
Retail
ห้างกลุ่มคาเดเว ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล คว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดในวงการค้าปลีก จาก IGDS สมาคมห้างสรรพสินค้าระดับโลกอย่างไร
null
ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ในยุโรป เครือกลุ่มเซ็นทรัล โดย กลุ่มคาเดเว ได้แก่ ห้างคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, ห้างอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก และห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ประสบความสำเร็จสูงสุดอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัลเกียรติยศบนเวทีโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการค้าปลีก “รางวัลห้างสรรพสินค้าที่มีความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมระดับโลก” (Most Innovative Department Store in the World) จาก Intercontinental Group of Department Stores (IGDS) สมาคมที่มีความสำคัญสูงสุดของบรรดาธุรกิจห้างสรรพสินค้า มีสมาชิกรวมกว่า 40 องค์กรทั่วโลก สมาคมห้างสรรพสินค้าที่มีบทบาทสำคัญสูงสุดในธุรกิจห้างสรรพสินค้าทั่วโลก ประกอบด้วย “รางวัลห้างสรรพสินค้าที่มีความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมระดับโลก” (Most Innovative Department Store in the World) มอบให้กับห้างในกลุ่มคาเดเวทั้ง 3 แห่ง และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในประเภท “ทีมบริหารห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” (World’s Best Team at a Department Store) มอบให้กับทีมบริหารไวน์และเครื่องดื่ม ของห้างคาเดเว กรุงเบอร์ลิน ตอกย้ำการเป็น ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ในยุโรป เครือกลุ่มเซ็นทรัล ปักหมุดผู้นำรีเทลไอคอนนิกโลก 100 3 “ ” (KaDeWe) , “ ” (Alsterhaus) “ ” (Oberpollinger) 2 Intercontinental Group of Department Stores (IGDS) “ ” (Most Innovative Department Store in the World) 3 2 “ ” (World’s Best Team at a Department Store) สำหรับพิธีประกาศรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในงาน IGDS World Department Store Summit (WDSS 2023) ณ นครดูไบ โดยมี อังเดร เมเดอร์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มคาเดเว (Andre Maeder, CEO the KaDeWe Group) เป็นผู้รับรางวัลในนามกลุ่มคาเดเว จาก Michael Ganci, Senior Vice President at NuORDER, USA ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้จัดรางวัล ภายในงานได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มเซ็นทรัลเข้าร่วมงานและแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น นำโดย คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ คุณฌอห์ณ ฮิล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มเซ็นทรัล ยุโรป (Sean Hill, Managing Director Central Group Europe) ร่วมด้วย คุณณัฐธีรา บุญศรี, คุณธาพิดา นรพัลลภ, คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ และคุณอาคาร จิราธิวัฒน์ IGDS World Department Store Summit (WDSS 2023) (Andre Maeder, CEO the KaDeWe Group) Michael Ganci, Senior Vice President at NuORDER, USA ( ) (Sean Hill, Managing Director Central Group Europe) , , อังเดร เมเดอร์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มคาเดเว กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ห้างกลุ่มคาเดเว ภายใต้การบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ได้รับ 2 รางวัลทรงคุณค่าจาก IGDS ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 37 ประเทศ ใน 5 ทวีป ได้แก่ “ 2 IGDS 37 5 รางวัลสุดยอดห้างสรรพสินค้าที่มีความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมระดับโลก (Most Innovative Department Store in the World) ซึ่งเป็นการยกย่องห้างสรรพสินค้าที่มีการนำนวัตกรรมมาพัฒนาและทรานฟอร์มที่ดีที่สุดในโลก รวมทั้งรังสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยมอบให้กับห้างในกลุ่มคาเดเวทั้ง 3 แห่ง คือ “คาเดเว” (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, “อัลสแตร์เฮาส์” (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก และ “โอเบอร์โพลลิงเกอร์” (Oberpollinger) เมืองมิวนิก (Most Innovative Department Store in the World) 3 “ ” (KaDeWe) , “ ” (Alsterhaus) “ ” (Oberpollinger) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมบริหารห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Team at a Department Store) มอบให้กับทีมบริหารไวน์และเครื่องดื่ม ของห้างคาเดเว กรุงเบอร์ลิน ด้วยความโดดเด่นในการบริการไวน์และเครื่องดื่มระดับพรีเมียมที่มีความหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลกในร้านอาหารและบาร์ ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว 2 (World’s Best Team at a Department Store) โดยทั้ง 2 รางวัลดังกล่าวถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการบริหารห้างสรรพสินค้าของ กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมทั้งขอขอบคุณทางคณะกรรมการ IGDS สำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ และสิ่งสำคัญต้องขอขอบคุณทีมบุคลากรคุณภาพทุกคน ที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างแท้จริง ส่งผลให้ ห้างคาเดเว, อัลสแตร์เฮาส์ และ โอเบอร์โพลลิงเกอร์ ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ และครองสุดยอดผู้นำค้าปลีกที่มีผลงานด้านนวัตกรรมโดดเด่นที่สุดในโลก (the most innovative retail icons in the world)” 2 IGDS , (the most innovative retail icons in the world)” อย่างไรก็ตามห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ชั้นนำในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลได้แก่รีนาเชนเตณเมืองมิลานประเทศอิตาลีและห้างเซลฟริดเจสประเทศอังกฤษยังเคยได้รับการโหวตให้เป็น “ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” (Best Department Store in The World) จาก Global Department Store Summit (GDSS) ซี่งเป็นการประชุมสัมมนาชั้นนำระดับโลกเกี่ยวกับธุรกิจห้างสรรพสินค้า ที่จัดโดย Intercontinental Group of Department Stores (IGDS) เช่นเดียวกันอีกด้วย (Best Department Store in The World) Global Department Store Summit (GDSS) Intercontinental Group of Department Stores (IGDS) ปัจจุบันจำนวนลูกค้าของห้างในกลุ่มคาเดเวที่มาเยือนต่อวันแบ่งเป็นห้างคาเดเวประมาณ 50,000 คนต่อวัน, ห้างอัลสแตร์เฮาส์ ประมาณ 15,000 คนต่อวัน และห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ ประมาณ 30,000 คนต่อวัน โดยจะมีเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ในส่วนสัญชาติลูกค้ามีทั้งที่เป็นชาวเยอรมัน, ชาวอียู และประเทศอื่นๆ นอกอียู 50,000 , 15,000 30,000 , อาณาจักรห้างสรรพสินค้าหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลทุกแห่งมุ่งมั่นในการทรานฟอร์มทุกมิติให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และเทรนด์แห่งดิจิทัลยุคใหม่เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าปักหมุดเป็นเดสทิเนชั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเยือน ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related กลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ใน 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขากับเป้ายอดขาย 2.6 แสนล้านบาท In "News" เซ็นทรัล ร่วมมือ ซิกน่า เข้าซื้อกิจการกลุ่มห้างสรรพสินค้า Selfridges เสริมแกร่งในตลาดโลก In "News" กลุ่มเซ็นทรัลผนึกห้างหรูยุโรปส่ง AVDM เว็บไซต์-แอปฯ พร้อมบริการซื้อของแบบ On Demand In "News"
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39590
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง
null
ห้างร้างวันสิ้นหวัง ณ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงลอนดอน บรรยากาศเคยคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คนมากมายยามนี้กลับเงียบเหงา ราวกับเมืองร้าง พนักงานร้านต่างยืนมองดูผู้คนที่บางตาลงอย่างกังวล "ยอดขายวันนี้น้อยมากเลยค่ะ" พนักงานขายสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน "ใช่ค่ะ เดี๋ยวนี้ลูกค้าไม่ค่อยมาเดินห้างกันแล้ว" เพื่อนร่วมงานพยักหน้าเห็นด้วย "คงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี เงินเฟ้อขึ้น ของทุกอย่างก็แพงขึ้น" "แล้วเราจะเป็นอย่างไรกันนะ?" พนักงานขายสาวเริ่มกังวล "ไม่รู้สิ ภาวนาให้เศรษฐกิจดีขึ้นไวๆ" เพื่อนร่วมงานตอบ ในขณะนั้น นางสาวลินดา ลูกค้าประจำของห้าง กำลังเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชุดเดรสสีแดงสดใสตัวหนึ่ง แต่แล้วเธอก็ลังเล หยิบชุดเดรสวางลง และเดินจากไป "ทำไมไม่ซื้อล่ะคะ?" พนักงานขายรีบรุดเข้าหา "มันแพงไปค่ะ" นางสาวลินดาตอบ "เดี๋ยวนี้เงินเดือนฉันก็ไม่ค่อยขึ้น ของทุกอย่างก็ดันแพงขึ้น ไม่อยากใช้จ่ายอะไรมาก" พนักงานขายได้แต่ยิ้มแหย่งและส่งนางสาวลินดาออกไปด้วยความผิดหวัง เช่นเดียวกับนางสาวลินดา ลูกค้าคนอื่นๆ ก็ต่างประหยัดรัดกุม ต่างก็เล็งๆ ดูของ แต่ไม่ค่อยมีใครตัดสินใจซื้อ บรรยากาศห้างสรรพสินค้าที่เคยคึกคัก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยยามนี้กลับเงียบสงัด พนักงานต่างมองดูด้วยความกังวล "แบบนี้ไปไม่รอดแน่" ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าพึมพำกับตัวเอง เขามองดูยอดขายที่ลดลงอย่างน่าตกใจ รู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เคยรุ่งเรือง เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของผู้คนมากมาย แต่ทว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ผู้คนต่างประหยัดรัดกุม ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างหนัก ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าพยายามหาวิธีแก้ไข เขาปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ลดราคาสินค้า จัดโปรโมชั่นมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอ ยอดขายยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำ ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจปิดแผนกบางแผนก ลดจำนวนพนักงานลง เหลือไว้เพียงพนักงานที่จำเป็นจริงๆ บรรยากาศห้างสรรพสินค้าที่เคยคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ยามนี้กลับเงียบเหงา ราวกับเมืองร้าง ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อธุรกิจค้าปลีก ผู้คนต่างประหยัดรัดกุม ส่งผลให้ยอดขายสินค้าลดลง ธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39606
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....FinTech กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเรา เปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงิน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ
null
บทเพลงแห่งอนาคต: เสียงเพลง FinTech ในห้างสรรพสินค้า เนื้อเรื่อง: ท่ามกลางแสงสีเสียงอันจ้าจรดในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เสียงเพลงบรรเลงอย่างไพเราะ ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายใช้สอย แต่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ใครจะรู้ว่าอนาคตของการชำระเงินกำลังถูกเปลื้องเปลือยผ่านบทเพลงแห่ง FinTech... นัท เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้หลงใหลในเทคโนโลยี กำลังเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่มือถือในมือ มันเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือสื่อสารแต่มันคือกุญแจสู่โลกแห่งการเงินอนาคต นัทหยิบสินค้าชิ้นโปรดขึ้นมาแล้วสแกนบาร์โค้ดบนแพ็กเกจด้วยกล้องมือถือ เงินถูกหักออกจากบัญชีของเขาโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้เงินสด ไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องเสียเวลา... "นี่มันสุดยอดไปเลย!" นัทอุทานด้วยความตื่นเต้น เขาลองใช้แอปพลิเคชัน FinTech อื่นๆ อีกมากมาย ชำระค่าอาหารจ่ายค่าบริการต่างๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส... นัทไม่ใช่คนเดียวที่เพลิดเพลินกับ FinTech ในห้างสรรพสินค้า พนักงานขายก็ตื่นเต้นกับเทคโนโลยีใหม่นี้เช่นกัน พวกเขาไม่ต้องเก็บเงินสดอีกต่อไป ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกขโมย ไม่ต้องเสียเวลาทอนเงิน "FinTech ทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นเยอะ" พนักงานขายคนหนึ่งกล่าว "ลูกค้าก็สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย" ในขณะที่นัทเดินเล่นต่อ เขาก็สังเกตเห็นร้านค้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง ร้านนี้ดูเก่าๆ ไม่เหมือนร้านค้าอื่นๆ ในห้าง นัทตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน เขาสังเกตเห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า "ไม่รับบัตรเครดิต" นัทรู้สึกผิดหวัง เขาไม่มีเงินสดติดตัวมาด้วย... "ขอโทษครับ ผมไม่มีเงินสด" นัทพูดด้วยความเขินอาย "ไม่เป็นไรค่ะ" เจ้าของร้านยิ้ม "เราเริ่มรับชำระผ่าน FinTech แล้ว" นัทรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าร้านค้าเล็กๆ จะใช้ FinTech ด้วย "นี่มันสุดยอดจริงๆ!" นัทอุทาน "FinTech กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเรา" นัทใช้แอปพลิเคชัน FinTech ชำระค่าสินค้า เจ้าของร้านยิ้มด้วยความดีใจ... "ขอบคุณค่ะ" เจ้าของร้านกล่าว "FinTech ช่วยให้ร้านเล็กๆ อย่างเรามีโอกาสแข่งขันกับร้านค้าใหญ่ๆ ได้" นัทรู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือร้านค้าเล็กๆ เขาเดินออกจากร้านด้วยรอยยิ้ม... FinTech กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเรา เปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงิน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ นัท เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้หลงใหลในเทคโนโลยี รู้สึกตื่นเต้นกับอนาคต อนาคตที่ FinTech จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง อนาคตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างง่ายดาย อนาคตที่โลกของการค้าปลีกจะเต็มไปด้วยบทเพลงแห่งความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39608
Retail
จากทิศทางธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยในปี 2560 ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง?
null
บทเรียนที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถเรียนรู้จากธนาคารกสิกรไทย มีดังนี้ 1. มุ่งเน้นการพัฒนา Digital Banking: ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนา Digital Banking อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจค้าปลีกควรลงทุนในระบบออนไลน์ พัฒนาแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และระบบการชำระเงินออนไลน์ การพัฒนา Digital Banking จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น นำเสนอสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป 2. เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า: ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า พัฒนาระบบการให้บริการลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกควรเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า พัฒนาระบบการให้บริการลูกค้า มอบบริการที่ personalize สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 3. ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่: ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น ธุรกิจ SME ธุรกิจลูกค้าบรรษัท และธุรกิจต่างประเทศ ธุรกิจค้าปลีกควรขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ธุรกิจค้าปลีกควรมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจ 4. มุ่งเน้นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต: ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีกควรวิเคราะห์แนวโน้มของธุรกิจต่างๆ ธุรกิจค้าปลีกควรลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จ Central Retail: พัฒนาระบบออนไลน์ "Central Online" และ "Robinson Online" Tesco Lotus: พัฒนาระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ "Lotus's SMART Delivery" Shopee: นำเสนอสินค้าหลากหลาย ประเภท โปรโมชั่น ส่วนลด สรุป ธุรกิจค้าปลีกสามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจากทิศทางธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย ธุรกิจค้าปลีกควรลงทุนใน Digital Banking เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และมุ่งเน้นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ธุรกิจค้าปลีกที่ปรับตัวได้เร็วและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนจะสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39616
Retail
อะไรคือโอกาสทางธุรกิจสำหรับ Startup ในอุตสาหกรรม Retail ในประเทศไทย?
null
จากบทความ "ยุคของ Startup กำลังเบ่งบาน" มีการกล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจสำหรับ Startup ในอุตสาหกรรม Retail ในประเทศไทย ดังนี้ 1. e-Commerce: - ตลาด e-Commerce ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง - ผู้บริโภคไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมากขึ้น - ยังมีช่องว่างในตลาด e-Commerce ไทย ตัวอย่าง: - บริการ B2B: แพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) - บริการเฉพาะกลุ่ม: สินค้าแฟชั่น สินค้าแม่และเด็ก - บริการ O2O: เชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์ 2. Retail Tech: - เทคโนโลยีใหม่ ๆ - ปัญญาประดิษฐ์ (AI) - แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ตัวอย่าง: - ระบบการชำระเงิน: Mobile payment, QR code payment - ระบบการจัดการสินค้าคงคลัง: ระบบคลาวด์ - ระบบวิเคราะห์ข้อมูล: พฤติกรรมผู้บริโภค 3. Logistics: - e-Commerce - ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ตัวอย่าง: - บริการจัดส่งสินค้า: Same-day delivery, Next-day delivery - บริการคลังสินค้า: Fulfillment service - บริการจัดการข้อมูล: ระบบติดตามสินค้า 4. อื่นๆ: - บริการ O2O - บริการ Personalization - บริการ Sharing Economy ข้อควรพิจารณา: 1. พฤติกรรมผู้บริโภค 2. เทคโนโลยีใหม่ ๆ 3. คู่แข่ง 4. กฎระเบียบ บทสรุป: อุตสาหกรรม Retail ในประเทศไทยมีโอกาสสำหรับ Startup
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39617
Retail
คุณคิดว่าเหตุใดการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับ The Nine Center พระราม 9 ในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในตลาดค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูง? โปรดอธิบายถึงปัจจัยที่ทำให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว
null
การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับ The Nine Center พระราม 9 ในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในตลาดค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูง เนื่องจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ประการแรก การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบช่วยสร้างความตื่นเต้นและความสนใจให้กับลูกค้า การจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การแสดงสด การแจกของรางวัล และโปรโมชั่นพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่พิเศษและมีคุณค่า ประการที่สอง การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมและการสร้างประสบการณ์ที่ดีทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์และมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการอีกในอนาคต ประการที่สาม การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบช่วยเพิ่มยอดขายในระยะสั้น การเสนอโปรโมชั่นพิเศษและการลดราคาทำให้ลูกค้ามีแรงจูงใจในการซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้ของบริษัทในช่วงเวลาที่จัดกิจกรรม อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว หาก The Nine Center พระราม 9 จัดกิจกรรมบ่อยครั้งเกินไป อาจทำให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์นี้ไม่มีความพิเศษ ดังนั้น The Nine Center พระราม 9 ควรใช้กลยุทธ์การจัดกิจกรรมอย่างระมัดระวังและควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ เช่น การเน้นคุณภาพของสินค้าและการบริการที่ดี นอกจากนี้ The Nine Center พระราม 9 ควรใช้กลยุทธ์การตลาดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในร้านค้าและออนไลน์ การใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงการบริการลูกค้า และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านการสื่อสารและการตลาดที่ตรงเป้าหมาย โดยรวมแล้ว การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับ The Nine Center พระราม 9 ในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า แต่ควรใช้กลยุทธ์นี้อย่างระมัดระวังและควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39623
Retail
เทสโก้ โลตัส ควรใช้กลยุทธ์อะไรเพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าออนไลน์ในต่างจังหวัด
null
เทสโก้ โลตัส ควรใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้าออนไลน์ในต่างจังหวัด มีดังนี้ 1. พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้รองรับภาษาไทยท้องถิ่น: - พัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ให้รองรับภาษาไทยท้องถิ่น เช่น ภาษาอีสาน ภาษาเหนือ ภาษาใต้ - จัดทำเนื้อหา ข้อมูลสินค้า โปรโมชั่น บทความต่างๆ เป็นภาษาไทยท้องถิ่น - เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินที่สะดวกสำหรับลูกค้าต่างจังหวัด เช่น การชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส 2. ร่วมมือกับธุรกิจท้องถิ่น: - ร่วมมือกับร้านค้าท้องถิ่น นำสินค้ามาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ - ร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ท้องถิ่น พัฒนาบริการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ - สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น โดยจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการค้าออนไลน์ 3. มุ่งเน้นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างจังหวัด: - นำเสนอสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค - นำเสนอสินค้าท้องถิ่น ของกิน ของใช้ ของฝาก - เสนอราคาสินค้าที่ competitive 4. สร้างการรับรู้และกระตุ้นการใช้งาน: - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าต่างจังหวัด - จัดโรดโชว์ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ - ใช้ influencer ท้องถิ่น รีวิวสินค้า โปรโมทแพลตฟอร์ม 5. พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้า: - พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ - เสนอตัวเลือกการจัดส่งสินค้าที่หลากหลาย เช่น การจัดส่งแบบ Same Day Delivery - จัดตั้งจุดรับสินค้า (Pick-up Point) ในต่างจังหวัด - การใช้กลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้เทสโก้ โลตัส เข้าถึงลูกค้าต่างจังหวัดได้มากขึ้น ขยายฐานลูกค้าออนไลน์ และเพิ่มยอดขาย สรุป: ตลาดค้าปลีกออนไลน์ในต่างจังหวัด มีศักยภาพสูง เทสโก้ โลตัส ควรใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ และขยายธุรกิจออนไลน์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39627
Retail
ยอดขายของ S&P ในปี 2567 จะกลับมาเท่ากับปี 2562 หรือไม่?
null
มีโอกาสเป็นไปได้ เหตุผล: กลยุทธ์ใหม่ของ S&P: การขยายโมเดลร้านอาหารขนาดเล็ก เน้นความสะดวก รวดเร็ว เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ปรับขนาดร้านอาหารในห้างให้เล็กลง เน้นประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่ายร่วมมือกับธุรกิจอื่น ๆ พัฒนาเมนูและสินค้าใหม่ ดึงดูดลูกค้า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ: - คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะเติบโต 3.2% - มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ - ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว การเติบโตของธุรกิจเดลิเวอรี: - ตลาดเดลิเวอรี่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง - S&P มีการลงทุนในธุรกิจเดลิเวอรี่อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของ S&P การแข่งขันที่รุนแรง: - ธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันสูง - ผู้บริโภคมีตัวเลือกหลากหลาย เงินเฟ้อ: - เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย เศรษฐกิจโลกชะลอตัว: - เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย โดยสรุป: S&P มีกลยุทธ์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนยอดขาย เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว ธุรกิจเดลิเวอรี่ยังมีแนวโน้มเติบโต ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ดังนั้น ยอดขายของ S&P ในปี 2567 มีโอกาสกลับมาเท่ากับปี 2562 แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และติดตามปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39636
Retail
การเพิ่มวงเงินการเสนอขายหลักทรัพย์คราวด์ฟันดิงของแต่ละบริษัทต่อผู้ลงทุนรายบุคคล (Retail Investor) จากไม่เกินรายละ 40 ล้านบาทเป็นรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท (นับรวมทุกหลักทรัพย์ของบริษัท) จะส่งผลดีต่อผู้ลงทุนรายย่อยหรือไม่?
null
ใช่ การเพิ่มวงเงินการเสนอขายหลักทรัพย์คราวด์ฟันดิงมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อผู้ลงทุนรายย่อย ดังนี้ เหตุผลสนับสนุน: 1. เพิ่มโอกาสในการลงทุน: - ผู้ลงทุนรายย่อยมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) และ Startup เพิ่มมากขึ้น - ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน - สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจฐานราก 2. เพิ่มศักยภาพในการรับผลตอบแทน: - การลงทุนใน SMEs และ Startup มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง - สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม 3. เพิ่มความรู้และประสบการณ์: - ผู้ลงทุนรายย่อยมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจประเภทต่างๆ - พัฒนาทักษะการวิเคราะห์และตัดสินใจ 4. สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: - SMEs และ Startup มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น - ลดการพึ่งพาเงินกู้จากธนาคาร 5. สนับสนุนนโยบายส่งเสริมการระดมทุนแบบประชาธิปไตย: - ผู้ลงทุนรายย่อยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - กระจายความมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม: - ผู้ลงทุนรายย่อยควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน - ลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลาย - เตรียมพร้อมรับความเสี่ยง โดยสรุป: การเพิ่มวงเงินการเสนอขายหลักทรัพย์คราวด์ฟันดิงมีศักยภาพที่จะส่งผลดีต่อผู้ลงทุนรายย่อย แต่ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและลงทุนอย่างมีสติ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39640
Retail
การขยายสาขาของไทวัสดุ 10 สาขาในปี 2566 จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างของเซ็นทรัล รีเทล หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การขยายสาขาจะเพิ่มฐานลูกค้า: ไทวัสดุมีแผนจะขยายสาขาในจังหวัดที่มีศักยภาพ การขยายสาขาจะช่วยให้ไทวัสดุเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีสาขาของไทวัสดุ การขยายสาขาจะเพิ่มยอดขาย: จากข้อมูลในบทความ ไทวัสดุมีลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นประจำกว่า 1 ล้านรายต่อเดือน การขยายสาขาจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า การขยายสาขาจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด: ไทวัสดุเป็นอันดับ 2 ในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง การขยายสาขาจะช่วยให้ไทวัสดุสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งได้ การขยายสาขาจะสร้าง synergy กับธุรกิจอื่นของเซ็นทรัล รีเทล: ลูกค้าของไทวัสดุ ส่วนหนึ่งอาจเป็นลูกค้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โรบินสัน และท็อปส์ การขยายสาขาไทวัสดุ อาจช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการธุรกิจอื่นของเซ็นทรัล รีเทล การขยายสาขาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า: จากข้อมูลในบทความ ไทวัสดุมีผลประกอบการที่ดี การขยายสาขา จึงเป็นการลงทุนที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ตาม การขยายสาขา ยังมีปัจจัยเสี่ยงบางประการ เช่นคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างมีจำนวนมาก: ไทวัสดุต้องเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งทั้งรายเก่าและรายใหม่ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัว: อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ต้นทุนการดำเนินงาน: การขยายสาขา ย่อมมีต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยสรุป การขยายสาขาของไทวัสดุ 10 สาขาในปี 2566 น่าจะมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างของเซ็นทรัล รีเทล แต่ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และพัฒนากลยุทธ์การแข่งขัน เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39644
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....เมืองหลวงทางการเงินของอินเดีย กลายเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของยักษ์ใหญ่อย่าง Apple บทต่อไปจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป
null
มุมไบ...จุดหมายปลายทางบทใหม่ของยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ณ ใจกลางกรุงมุมไบ ประเทศอินเดีย ท่ามกลางตึกระฟ้าและผู้คนพลุกพล่าน เสียงฮือฮาจากฝูงชนดังก้องไปทั่ว บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า Jio World Drive Mall ผู้คนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ กฤษณ์ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น กฤษณ์เป็นแฟนตัวยงของผลิตภัณฑ์ Apple มานาน เขาใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ณ Apple Store แห่งแรกของอินเดีย ในที่สุด ประตูร้านก็เปิดออก กฤษณ์รีบเดินเข้าไปพร้อมกับผู้คนมากมาย ภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงาม แสงไฟส่องสว่าง สินค้า Apple เรียงรายอยู่บนชั้นวางอย่างมีระเบียบ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส คอยให้บริการลูกค้าอย่างเต็มใจ กฤษณ์เดินสำรวจร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาหยิบ iPhone รุ่นล่าสุดขึ้นมาลองเล่น รู้สึกประทับใจกับดีไซน์ที่เรียบหรู ฟังก์ชันการใช้งานที่ล้ำสมัย และประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น พนักงานที่ชื่อ "มินตา" เดินเข้ามาหา กฤษณ์รู้สึกประทับใจกับการบริการของมินตา เธอให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ ตอบคำถามทุกข้อสงสัยอย่างละเอียด และช่วยให้กฤษณ์ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะกับความต้องการมากที่สุด หลังจากช้อปปิ้งเสร็จ กฤษณ์รู้สึกมีความสุขและประทับใจกับประสบการณ์ที่ Apple Store มอบให้ เขาได้สัมผัสกับสินค้าคุณภาพสูง บริการที่ยอดเยี่ยม และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง กฤษณ์รู้ดีว่า Apple Store แห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านค้าปลีก แต่เป็นสถานที่ที่ Apple ต้องการมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี และดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้เข้ามาใช้สินค้า กฤษณ์มั่นใจว่า Apple Store แห่งนี้ จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่าแฟน Apple ในอินเดีย และเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของ Apple ที่จะขยายตลาดในประเทศที่มีศักยภาพแห่งนี้ จากเหตุการณ์นี้ กฤษณ์ได้ข้อคิด ว่า การบริการที่ดี เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบร้าน บรรยากาศ การจัดวางสินค้า ไปจนถึงการบริการของพนักงาน ทุกสิ่งล้วนส่งผลต่อความประทับใจของลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า กฤษณ์ตั้งใจว่า จะนำประสบการณ์จาก Apple Store ไปปรับใช้กับธุรกิจส่วนตัวของเขา เขาต้องการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษและประทับใจให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้เข้ามาใช้บริการ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39648
Retail
การขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ในเวียดนาม ส่งผลดีต่อผู้บริโภคเวียดนามหรือไม่?
null
ใช่ การขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ในเวียดนาม ส่งผลดีต่อผู้บริโภคเวียดนาม ในหลายๆ ด้าน ดังนี้ 1. ตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย: ค้าปลีกสมัยใหม่ นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทจากแบรนด์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ช่วยให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาและคุณภาพสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ 2. ความสะดวกสบาย: ค้าปลีกสมัยใหม่ มักตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ร้านอาหาร ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจับจ่ายซื้อของพร้อมกับกิจกรรมอื่นๆ ได้ 3. มาตรฐานความปลอดภัย: ค้าปลีกสมัยใหม่ มักมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง สินค้าผ่านการตรวจสอบ ควบคุมอุณหภูมิ เก็บรักษาอย่างถูกต้อง ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า 4. ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดึงดูดใจ: ค้าปลีกสมัยใหม่ มักมีการออกแบบตกแต่งร้านที่สวยงาม บริการที่ดี กิจกรรมส่งเสริมการขาย ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาช้อปปิ้ง 5. การจ้างงาน: การขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ สร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคเวียดนาม ในบางประการ เช่น: การสูญเสียวิถีชีวิตดั้งเดิม: ร้านค้าปลีกดั้งเดิม อาจสูญเสียลูกค้า ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม: ผู้ที่มีรายได้น้อยอาจเข้าถึงสินค้าและบริการในค้าปลีกสมัยใหม่ได้ยาก ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม: บรรจุภัณฑ์สินค้าอาจสร้างปัญหาขยะล้นเมือง ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชน ควรมีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาค้าปลีกสมัยใหม่ อย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม สรุป: การขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ส่งผลดีและส่งผลเสียต่อผู้บริโภคเวียดนามภาครัฐและภาคเอกชน ควรมีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาค้าปลีกสมัยใหม่อย่างยั่งยืน
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39654
Retail
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มร้านค้าปลีก (retail) หรือไม่?
null
ใช่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มร้านค้าปลีก (retail) ดังนี้ เหตุผล: 1. ภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระสินค้า: -อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น ส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระสินค้า ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคมีความลังเลในการตัดสินใจซื้อสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาสูง หรือสินค้าที่ต้องผ่อนชำระระยะยาว สินค้าที่มักได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ยานพาหนะ -ร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเหล่านี้อาจเผชิญกับยอดขายที่ลดลง 2. เงินออม: -อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้น กระตุ้นให้ผู้บริโภคออมเงินมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินเหลือสำหรับการใช้จ่ายน้อยลง -ร้านค้าปลีกอาจสูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้ 3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค: -เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ผู้บริโภคอาจระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ร้านค้าปลีกอาจต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลต่อยอดขาย 4. กลยุทธ์ของร้านค้าปลีก: -ร้านค้าปลีกอาจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น เสนอโปรโมชั่นพิเศษ มอบส่วนลด เพิ่มช่องทางการชำระเงิน -ร้านค้าปลีกที่ปรับตัวได้ดี likely to maintain their customer base and sales ตัวอย่างเพิ่มเติมที่สนับสนุน: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย" -ผลสำรวจของ Nielsen Thailand ระบุว่า "ผู้บริโภคไทยมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ 72%" สรุป: การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มร้านค้าปลีก (retail) ร้านค้าปลีกจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39666
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....วิกฤตโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำ มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าผ่านวิกฤตนี้ ธนาคารมีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย พร้อมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
null
ธนาคารไทยพาณิชย์: เคียงข้างลูกค้า ยามวิกฤตโควิด-19 ตัวละคร: นางสาวมินตรา พนักงานออฟฟิศ นายธนกร เจ้าของร้านขายของชำ คุณป้าสมศรี ลูกค้าประจำร้านขายของชำ สถานที่: ร้านขายของชำ เรื่องราว: นางสาวมินตรา พนักงานออฟฟิศสาววัย 28 ปี กำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทประกาศลดเงินเดือนและหยุดโบนัสชั่วคราว เธอรู้สึกกังวล เงินเดือนที่ลดลงไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ประกอบกับภาระหนี้สินจากการผ่อนรถและคอนโด... เช้าวันหนึ่ง นางสาวมินตราแวะมาซื้อของที่ร้านขายของชำของนายธนกร เธอกำลังมองหาโปรโมชั่นส่วนลดสินค้า ทันใดนั้น นายธนกรก็พูดขึ้นว่า "น้องมินตรา รู้หรือเปล่าว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เค้ามีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นะ พี่เพิ่งสมัครสินเชื่อ SCB Speedy Cash ไป เค้าอนุมัติไวมาก ดอกเบี้ยก็ไม่แพง ช่วยคลายกังวลเรื่องเงินไปได้เยอะเลย"... นางสาวมินตราฟังด้วยความสนใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาข้อมูล เว็บไซต์ของธนาคารไทยพาณิชย์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธออ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสินเชื่อ SCB Speedy Cash สินเชื่อนี้เหมาะกับพนักงานเงินเดือนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อนุมัติไว ดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน นางสาวมินตราตัดสินใจสมัครสินเชื่อ SCB Speedy Cash ผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY เพียงแค่กรอกข้อมูลและถ่ายรูปเอกสาร ไม่กี่วันต่อมา เธอก็ได้รับแจ้งผลอนุมัติ เงินกู้ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของเธอทันที หลังจากได้รับเงินกู้ นางสาวมินตรา รู้สึกโล่งใจ เธอสามารถนำเงินกู้ไปชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และยังมีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทางที่คอยเคียงข้างลูกค้า ธนาคารช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการต่างๆ เช่น สินเชื่อ SCB Speedy Cash ช่วยให้ลูกค้าสามารถฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39671
Retail
กับแคมเปญ JOIN : THE POWER OF CLOTHING ๘ฮ. Uniqlo 3 - 31 ต.ค. 2022 มีเป้าหมายอะไร
null
Uniqlo ประเทศไทย ตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนของแบรนด์เสื้อผ้า มู่งสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยั่งยืนสุดในประเทศไทย จัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญ JOIN : THE POWER OF CLOTHING ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลกที่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเชิญชวนให้พันธมิตรและลูกค้าของ Uniqlo เข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ที่ Uniqlo ได้จัดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น มลพิษในมหาสมุทร และสร้างแรงบันดาลใจให้ช่วยกันทำให้โลกของเรานี้ น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ล่าสุด Uniqlo ได้จับมือกับ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดกิจกรรมลดขยะในทะเล โดยเก็บขยะบริเวณชายหาด พร้อมเรียนรู้แนวทางการจัดการขยะจากชุมชนต้นแบบ ที่หาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง ทั้งนี้ Uniqlo ประเทศไทย จัดกิจกรรมลดขยะในทะเลขึ้น เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศมหาสมุทร และทะเล ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยในประเทศไทย มีพื้นที่ทะเล และชายฝั่ง คิดเป็น 60% ของอาณาเขตทางบก ครอบคลุม 23 จังหวัด นับเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในวงกว้าง กิจกรรมนี้ มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะชายหาด พัฒนาและฟื้นฟูท้องทะเลไทย รวมถึงอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลเชิงบูรณาการ Close Ad Close Ad เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกแก่สังคมไทยอย่างยั่งยืน เขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ Uniqlo ประเทศไทย กล่าวว่า Uniqlo ประเทศไทย มีเป้าหมายในการสร้างโลกที่ดีขึ้น เราให้ความสำคัญในทุกดาน ทั้งสิ่งแวดล้อม ผู้คน และสังคม โดยเฉพาะปัญหาท้องทะเลไทยในปัจจุบัน ที่เกิดจากขยะจากในเมือง ที่ถูกน้ำซัดลงสู่ทะเล และถูกเกยขึ้นสู่ชายหาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติก ความจริงที่น่าเศร้าคือ ทุกปีจะมีพลาสติกลอยอยู่ในทะเลปริมาณกว่า 8 ล้านตัน/ปี หรือเท่ากับเครื่องบินเจ็ตขนาดใหญ่ 5 หมื่นลำ.. สิ่งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม Uniqlo จึงต้องการผลักดันโลกให้น่าอยู่ และต้องการสร้างการตระหนักรู้ เพราะทุกคนเป็นหนึ่งในแรงสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนี่คือหนึ่งในปรัชญาของ Uniqlo ในการส่งต่อพลังแห่งเสื้อผ้า หรือ THE POWER OF CLOTHING สานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน Uniqlo เชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกให้น่าอยู่ กับแคมเปญ JOIN : THE POWER OF CLOTHING ด้วยการลดปัญหาขยะในมหาสมุทร พร้อมสนุกไปกับการช็อปปิง ตั้งแต่วันที่ 3 - 31 ต.ค. 2022 ทุกการซื้อสินค้าที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิล 100% อย่าง เสื้อผ้าฟลีซ บริษัท Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo จะบริจาคเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 38 บาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมลดปริมาณขยะในมหาสมุทร ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39674
Retail
ธนาคารกรุงไทยมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยอย่างไรบ้าง?
null
ธนาคารกรุงไทยมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ 3 มาตรการ ดังนี้ 1. สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อ Home for Cash สินเชื่อกรุงไทยบ้านให้เงิน (Home Easy Cash) -พักชำระเงินต้นและชำระดอกเบี้ยบางส่วน สูงสุด 12 เดือน -ขยายระยะเวลาโดยลดอัตราผ่อนชำระ สูงสุด 12 เดือน -พักชำระเงินต้น โดยชำระเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน 2. สินเชื่อส่วนบุคคล -ลดการผ่อนชำระค่างวดลง 30% นานสูงสุด 6 เดือน 3. สินเชื่อวงเงินกู้แบบหมุนเวียน (Revolving Loan) -ปรับเป็นวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ได้นาน 48 งวด หรือตามความสามารถในการชำระหนี้ รายละเอียดเพิ่มเติม: -ลูกค้าต้องมีสถานการณ์ชำระหนี้เป็นปกติ หรือ ไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 90 วัน -ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 ผ่านเว็บไซต์ -สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา สำนักงานธุรกิจทั่วประเทศ หรือ Krungthai Contact Center 02-111-1111 ตัวอย่าง นายสมชาย มีสินเชื่อบ้านกับธนาคารกรุงไทย วงเงิน 3 ล้านบาท ผ่อนชำระเดือนละ 20,000 บาท นายสมชายทำงานในธุรกิจท่องเที่ยว รายได้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ นายสมชายสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและชำระดอกเบี้ยบางส่วน สูงสุด 12 เดือน ผลลัพธ์: -นายสมชายจะต้องชำระเงินงวดละ 10,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน -ภาระค่าผ่อนชำระของนายสมชายลดลง 50% -นายสมชายมีเงินเหลือใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น การวิเคราะห์: มาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยของธนาคารกรุงไทย จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถประคองตัวผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปได้ มาตรการนี้จะส่งผลดีต่อภาคค้าปลีก (Retail) ดังนี้ -ผู้บริโภคมีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้น -กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย -ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยเป็นเพียงแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ภาครัฐ ธนาคาร และภาคเอกชน ควรมีแนวทางช่วยเหลือที่ยั่งยืน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ตัวอย่างแนวทางช่วยเหลือที่ยั่งยืน: -สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ -พัฒนาทักษะแรงงาน -ส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ -กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ สรุป: มาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยของธนาคารกรุงไทย จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า ส่งผลดีต่อภาคค้าปลีก ภาครัฐ ธนาคาร และภาคเอกชน ควรมีแนวทางช่วยเหลือที่ยั่งยืน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39684
Retail
กลยุทธ์การค้าปลีกใดที่บริษัท ยัสปาล นำมาใช้เพื่อเปิดตัวแบรนด์ DIESEL ในประเทศไทย? และกลยุทธ์เหล่านี้เหมาะสมหรือไม่? เพราะอะไร
null
บริษัท ยัสปาล นำกลยุทธ์การค้าปลีกหลายประการมาใช้เพื่อเปิดตัวแบรนด์ DIESEL ในประเทศไทย กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึง: การเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์: -ยัสปาล เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์ DIESEL แห่งแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร้านค้าขนาดใหญ่แห่งนี้ได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์และนำเสนอสินค้า DIESEL ครบถ้วน การจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้า: -ยัสปาล ยังจำหน่ายสินค้า DIESEL ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งทั่วประเทศไทย เช่น เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล ชิดลม และเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า กลยุทธ์นี้ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น การจัดกิจกรรมทางการตลาด: -ยัสปาล จัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อโปรโมทแบรนด์ DIESEL กิจกรรมเหล่านี้อาจรวมถึงงานเปิดตัวสินค้า แฟชั่นโชว์ และโปรโมชั่นพิเศษ การขายสินค้าออนไลน์: -ยัสปาล ยังจำหน่ายสินค้า DIESEL ผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ กลยุทธ์นี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา การวิเคราะห์ว่ากลยุทธ์เหล่านี้เหมาะสมหรือไม่: กลยุทธ์การค้าปลีกที่บริษัท ยัสปาล นำมาใช้เพื่อเปิดตัวแบรนด์ DIESEL นั้น เหมาะสม กับหลาย เหตุผล ดังนี้: ดึงดูดความสนใจ: -กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยดึงดูดความสนใจไปที่แบรนด์ DIESEL และสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย เข้าถึงลูกค้า: -กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ ยัสปาล เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ทั้งลูกค้าที่ช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า ลูกค้าที่ช้อปปิ้งออนไลน์ และผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่น สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ: -แฟล็กชิปสโตร์ DIESEL นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับแก่ลูกค้า ร้านค้าได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์และพนักงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เพิ่มยอดขาย: กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มยอดขายของ DIESEL ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์เหล่านี้อาจมีข้อจำกัด ดังนี้: ต้นทุนสูง: -การเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์และการจัดกิจกรรมทางการตลาด requires a significant investment การแข่งขัน: -ตลาดเสื้อผ้าในประเทศไทยนั้นมีความแข่งขันสูง DIESEL จำเป็นต้องสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดลูกค้า การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: -พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ DIESEL จำเป็นต้องติดตามเทรนด์เหล่านี้และปรับกลยุทธ์ โดยสรุป: กลยุทธ์การค้าปลีกที่บริษัท ยัสปาล นำมาใช้เพื่อเปิดตัวแบรนด์ DIESEL นั้นเหมาะสม กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยดึงดูดความสนใจ เข้าถึงลูกค้า สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ และเพิ่มยอดขาย อย่างไรก็ตาม DIESEL จำเป็นต้องบริหารจัดการกลยุทธ์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39686
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักของ Konvy ในการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซด้านเครื่องสำอางในยุคดิจิทัล
null
กลยุทธ์หลักมีดังนี้: 1. สร้างความมั่นคงด้วยกลยุทธ์พันธมิตร: - Konvy เน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์สินค้าความงาม - เสนอ Full Retail Service บริการสนับสนุนแบรนด์แบบครบวงจร - ครอบคลุมตั้งแต่การตลาด ให้คำปรึกษาเชิงลึก เหมาะกับแต่ละแบรนด์ - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Konvy ดึงดูดแบรนด์ใหม่เข้าร่วมแพลตฟอร์ม - เพิ่มฐานลูกค้า สร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ 2. มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า: - Konvy มุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย - ครอบคลุมทุกแบรนด์ - ทุกประเภท ในราคาที่คุ้มค่า - พร้อมรับประกันสินค้าแท้ 100% - จัดส่งรวดเร็ว - อัพเดทสินค้าใหม่ทุกสัปดาห์ - เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ - Konvy ยังมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย - ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ง่ายต่อการติดต่อ - ตอบสนองรวดเร็ว - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Konvy สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า - รักษาฐานลูกค้าเก่า - ดึงดูดลูกค้าใหม่ 3. ขยายบริการสู่ธุรกิจอื่นๆ: - Konvy ไม่ได้จำกัดตัวเองแค่การขายสินค้าความงาม แต่ยังขยายบริการไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น สปา นวด คลินิกดูแลผิว - กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Konvy เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ - เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ - เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ตัวอย่าง: กรณีศึกษาของ Amazon: Amazon เริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าปลีกออนไลน์ แต่ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจไปสู่บริการอื่นๆ เช่น บริการคลาวด์ บริการสตรีมมิ่ง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Amazon ประสบความสำเร็จและรักษาความเป็นผู้นำในตลาด อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ Konvy ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น: 1. การแข่งขันที่รุนแรง: ตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง Konvy จำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง 2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค: พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Konvy จำเป็นต้องติดตามเทรนด์และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39687
Retail
กลยุทธ์การค้าปลีกแบบ Omni-channel Retail ของบริษัท สยามแม็คโคร มีอะไรบ้าง? และกลยุทธ์เหล่านี้เหมาะสมหรือไม่? เพราะอะไร
null
บริษัท สยามแม็คโคร นำกลยุทธ์การค้าปลีกแบบ Omni-channel Retail มาใช้หลายประการ กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึง: - การผสานช่องทางขายออนไลน์และออฟไลน์: แม็คโคร เปิดตัวแอปพลิเคชัน Makro PRO ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า จ่ายเงิน และรับสินค้าได้ทั้งที่สาขาและทางออนไลน์การพัฒนาศูนย์ - กระจายสินค้าขนาดย่อย: แม็คโคร กำลังลงทุนปรับพื้นที่ในสาขาที่มีศักยภาพกว่า 100 สาขา เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าขนาดย่อย ศูนย์กระจายสินค้าเหล่านี้จะช่วยให้แม็คโครสามารถจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น - การปรับโฉมและเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าในโลตัส: แม็คโคร กำลังปรับโฉมและเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าในโลตัสสาขาอื่น ๆ ให้เป็น SMART Community Center ศูนย์การค้าเหล่านี้จะมีร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่กิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย - การวิเคราะห์ข้อมูล: แม็คโคร กำลังใช้ข้อมูลจากช่องทางขายออนไลน์และออฟไลน์เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อออกแบบแคมเปญทางการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การวิเคราะห์ว่ากลยุทธ์เหล่านี้เหมาะสมหรือไม่: กลยุทธ์การค้าปลีกแบบ Omni-channel Retail ของบริษัท สยามแม็คโคร นั้น เหมาะสม กับหลายเหตุผล ดังนี้: - ตอบสนองความต้องการของลูกค้า: ลูกค้าต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา - เพิ่มยอดขาย: การผสานช่องทางขายออนไลน์และออฟไลน์ช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า - สร้างความภักดีของลูกค้า: ลูกค้าที่ช้อปปิ้งทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ - ลดต้นทุน: การใช้ศูนย์กระจายสินค้าขนาดย่อยช่วยลดต้นทุนการจัดส่งสินค้า - เพิ่มประสิทธิภาพ: การใช้ข้อมูลช่วยให้แม็คโครสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39693
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้ Ecotopia ประสบความสำเร็จและกลายเป็นหนึ่งใน 20 ร้านค้าปลีกที่เยี่ยมยอดที่สุดในเอเชีย
null
กลยุทธ์ที่ทำให้ Ecotopia ประสบความสำเร็จและกลายเป็นหนึ่งใน 20 ร้านค้าปลีกที่เยี่ยมยอดที่สุดในเอเชีย มีดังนี้ 1. มุ่งเน้นไปที่สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: Ecotopia มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สินค้าของ Ecotopia ครอบคลุมหมวดหมู่ต่างๆเช่น - ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด - บรรจุภัณฑ์ - อาหาร - เครื่องสำอาง - แฟชั่น - งานฝีมือ สินค้าเหล่านี้ผลิตจากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ และผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร: Ecotopia นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้จำกัดแค่การขายสินค้า แต่ยังมีกิจกรรมต่างๆเช่น -เวิร์คช็อป - นิทรรศการ และกิจกรรม DIY กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าเรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต 3. สร้างชุมชนคนรักษ์โลก: Ecotopia สร้างชุมชนคนรักษ์โลก ผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และกิจกรรมต่างๆ ชุมชนนี้ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่อกัน แบ่งปันประสบการณ์ และเรียนรู้จากกันและกัน 4. เน้นการตลาดแบบดิจิทัล: Ecotopia เน้นการตลาดแบบดิจิทัล เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ Ecotopia ใช้ ได้แก่ - เว็บไซต์ - โซเชียลมีเดีย - อีเมล - โฆษณาออนไลน์ 5. ร่วมมือกับแบรนด์และองค์กรต่างๆ: Ecotopia ร่วมมือกับแบรนด์และองค์กรต่างๆ เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พันธมิตรเหล่านี้ช่วยให้ Ecotopia ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มการรับรู้แบรนด์ ตัวอย่าง: Lush เป็นร้านค้าปลีกเครื่องสำอางที่เน้นการนำเสนอสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Lush ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับ Ecotopia เช่น มุ่งเน้นไปที่สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร และสร้างชุมชนคนรักษ์โลก ข้อจำกัด เช่น 1. ราคาสินค้า: สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักมีราคาแพงกว่าสินค้าทั่วไป 2. การเข้าถึง: Ecotopia ยังมีสาขาจำกัด 3. การรับรู้: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังไม่คุ้นเคยกับ Ecotopia
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39697
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....เทคโนโลยีทางการเงินอย่าง QRIS ช่วยให้ร้านค้าปลีกขนาดเล็กสามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
null
รอยยิ้มแห่งอนาคต: เมื่อร้านค้าท้องถิ่นในอินโดนีเซียพบ QRIS ณ ใจกลางกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ร้านขายข้าวต้มเจ้าดัง "ร้านเจ๊แดง" กำลังคึกคักไปด้วยลูกค้าที่มาอุดหนุน เจ๊แดง เจ้าของร้าน ยิ้มแย้มแจ่มใสรับออเดอร์จากลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว ในอดีต ร้านเจ๊แดงรับชำระเงินเพียงเงินสดเท่านั้น แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้จ่ายผ่านมือถือ เจ๊แดงจึงตัดสินใจลองใช้บริการ QRIS ระบบชำระเงินผ่าน QR Code มาตรฐานของประเทศอินโดนีเซีย "ตอนแรกก็กังวลนะ กลัวจะยุ่งยาก แต่พอใช้จริงๆ ง่ายมาก แค่มีมือถือเครื่องเดียว ลูกค้าก็สามารถสแกน QR Code บนเคาน์เตอร์เพื่อชำระเงินได้เลย สะดวกรวดเร็วทั้งสำหรับลูกค้าและสำหรับฉัน" เจ๊แดงเล่าด้วยรอยยิ้ม QRIS ไม่ได้ช่วยทุ่นเวลาให้เจ๊แดงเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ อีกด้วย "ลูกค้าหลายคนบอกว่าสะดวกมาก ไม่ต้องพกเงินสดเยอะๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจจะไม่มีเงินสกุลรูเปียห์ พวกเขาสามารถชำระเงินผ่าน QR Code ได้เลย สะดวกมาก" เจ๊แดงอธิบาย ไม่ใช่แค่ร้านเจ๊แดงเท่านั้น ร้านค้าปลีกขนาดเล็กอีกมากมายในอินโดนีเซียที่เริ่มใช้บริการ QRIS ต่างก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน "QRIS ช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเงินได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอนหรือเงินปลอมอีกต่อไป" เจ้าของร้านขายของชำในย่านชานเมืองกล่าว การเข้ามาของ QRIS เปรียบเสมือนรอยยิ้มแห่งอนาคตที่มอบโอกาสใหม่ๆ ให้กับร้านค้าปลีกขนาดเล็กในอินโดนีเซีย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39701
Retail
เรื่องเกี่ยวกับสินเชื่อแม่มณีศรีออนไลน์
null
เอสซีบี อบาคัส ผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อธุรกิจและผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์รายแรกในประเทศไทย ผนึกกำลังกับธนาคารไทยพาณิชย์และไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแพลตฟอร์ม “สินเชื่อแม่มณีศรีออนไลน์” โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการพิจารณาสินเชื่อออนไลน์สำหรับธุรกิจรายย่อยที่ใช้บริการส่งด่วน EMS แบบเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery: COD) ผ่านแอปพลิเคชัน Wallet@POST ของไปรษณีย์ไทย จุดเด่นของแพลตฟอร์มคือความสะดวกในการยื่นขอสินเชื่อออนไลน์ พร้อมทราบผลการอนุมัติทันที โดยไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งตอบสนองความต้องการที่รวดเร็วของผู้ประกอบการ SME ในยุคดิจิทัล ธนาคารไทยพาณิชย์เห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า (Customer Focus) เพราะการเข้าใจลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนารูปแบบการให้บริการ ด้วยการร่วมมือกับเอสซีบี อบาคัส ธนาคารจึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ผ่านแพลตฟอร์มสินเชื่อออนไลน์ (Digital Lending) เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดย ‘สินเชื่อแม่มณีศรีออนไลน์’ จะช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อ พร้อมลดข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกค้า บริการนี้จะเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างทันท่วงทีผ่านช่องทางออนไลน์ ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ Amazon, Lazada, LnwShop (เทพช็อป), Wongnai และ Fastwork เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการไปยังธุรกิจรายย่อยที่ใช้บริการ COD ผ่านแอป Wallet@POST ของไปรษณีย์ไทย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39711
Retail
อะไรคือกลยุทธ์หลักของ Café Amazon ในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
null
กลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Café Amazon 1.ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น Café Amazon เลือกทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นแทนการตั้งสาขาเอง ทำให้เข้าถึงตลาดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศได้ดีขึ้น 2.พัฒนาเมนูให้เข้ากับท้องถิ่น เมนูของ Café Amazon ถูกปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมและรสนิยมของลูกค้าในแต่ละประเทศ เช่น ชาไข่มุกในเวียดนาม ข้าวต้มในกัมพูชา และชาเย็นในจีน 3.เน้นการตลาดแบบดิจิทัล Café Amazon ใช้การตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล และโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย 4.สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง Café Amazon มุ่งเน้นความสะดวก ราคาประหยัด และคุณภาพ แบรนด์ยังสะท้อนความทันสมัยและวัฒนธรรมไทย 5.พัฒนาเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ระบบสั่งซื้อออนไลน์ ชำระเงินไร้สัมผัส และการจัดการคิว การเปรียบเทียบกับ Starbucks Café Amazon มีแนวทางขยายธุรกิจคล้ายกับ Starbucks โดยร่วมมือกับพันธมิตรและพัฒนาเมนูให้เข้ากับท้องถิ่น แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น: - การแข่งขัน: ตลาดร้านกาแฟมีการแข่งขันสูง จำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง - วัฒนธรรม: การดื่มกาแฟแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม สรุป Café Amazon มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจ แต่ต้องพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง และติดตามเทรนด์เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39716
Retail
อาคารสำนักงานให้เช่า KingBridge Tower ได้รับเลือกให้เป็น โครงการต้นแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ใช่หรือไม่
null
ใช่ อาคารสำนักงานให้เช่า ‘KingBridge Tower’ โดย บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ บริษัทในเครือสหพัฒน์ ที่ตั้งตระหง่านเป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล บนถนนพระราม 3 ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘The Spirit of Synergy’ เชื่อมทุกความสำเร็จอย่างยั่งยืน ได้รับเลือกให้เป็น "โครงการต้นแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม’ ตามหลัก CECI หรือกลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ด้วยการนำโมเดลตามแนวคิดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Models) มาใช้พัฒนาโครงการในทุกมิติ ด้วยงบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ความสำเร็จที่ว่านี้ เกิดขึ้นจากการผนึกพลังระหว่างเครือสหพัฒน์และพาร์ตเนอร์ด้านการก่อสร้าง สถาปัตยกรรม และการออกแบบทั้งในไทยและนานาชาติมาร่วมกันสร้างสรรค์ เพื่อให้ตอบคุณภาพชีวิตของการทำงานที่เข้าอกเข้าใจและสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยแนวคิดในการสร้างสรรค์อาคารนี้ได้ถูกถ่ายทอดลงในวิดีโอนี้ คุณธนินธร โชควัฒนา ผู้อำนวยการโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการปลุกปั้น ‘KingBridge Tower’ ให้กลายเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าที่คำนึงถึงความสุขของผู้คนทั้งภายในอาคารและชุมชนโดยรอบว่า อาคาร คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะพัฒนาชุมชน สร้างอาชีพ สร้างชุมชนที่มีความสุข บนย่านพระราม 3 ซึ่งเป็นย่านที่เครือสหพัฒน์เติบโตมาให้ดีและเติบโตไปพร้อมกัน อีกทั้งย่านพระราม 3 เป็นย่านสำคัญทางเศรษฐกิจ เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญอย่างสาทรและสีลม จึงเชื่อว่า ย่านธุรกิจและที่อยู่อาศัยจะขยายมาทางพระราม 3 มากขึ้น จึงตั้งใจพัฒนา คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ให้เป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่กับสะพานภูมิพล และเป็นความภาคภูมิใจของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ ‘KingBridge Tower’ ยังถือเป็นอาคารสูงแห่งแรกของเครือสหพัฒน์ หลังผ่านการดำเนินงานมากว่า 80 ปี ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างให้เป็นบ้านหลังแรกเพื่อให้บริษัทในเครือได้มาอยู่ร่วมกันและเป็นพื้นที่ให้พันธมิตรได้มาพบปะ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทุก ๆ องค์กรได้เติบโตมากยิ่งขึ้น นำไปสู่แนวคิด ‘The Spirit of Synergy’ เชื่อมทุกความสำเร็จอย่างยั่งยืน เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะให้ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เป็นบ้านที่ทุก ๆ องค์กรจะรวมพลังกันสร้างความสำเร็จ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่สังคมและชุมชน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่าง ๆ พาร์ทเนอร์ และ ทุก ๆ คนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้อาคารและ Facilities และยังเผื่อแผ่ไปถึงชุมชนและสังคมอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นคำว่า Synergy นอกจากหมายถึงการรวมตัวกันของผู้คนและองค์กรแล้ว ในทางการออกแบบ เรามีโจทย์ว่าจะต้อง ‘ไม่เบียดเบียน’ คืออยู่ร่วมกับสะพานและบริบทโดยรอบอย่างกลมกลืน สอดประสานไปกับสะพานภูมิพล ทั้งทัศนวิสัยที่กลมกลืน และสอดคล้องไปกับบริบทโดยรอบของผู้คนในชุมชน ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่อกรุงเทพมหานคร จึงได้เลือกพันธมิตรมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญ อย่าง A49 สถาปนิกผู้ออกแบบหลักของโครงการ มาร่วมออกแบบตึกคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ อีกทั้งยังได้ Mott Macdonald บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาระดับโลก ผู้ออกแบบวิศวกรรมโครงสร้างให้กับสะพานภูมิพลและผลงานระดับโลกหลายโครงการ มาผนึกพลังร่วมกัน รวมถึงพันธมิตรมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท Thai Obayashi ผู้ดำเนินงานก่อสร้างหลัก (Main Contractor) และ บริษัท Stonehenge Inter ในฐานะผู้ควบคุมงาน, เครือ SCG, และ กลุ่มบริษัท YSH ผู้ดูแลงาน Façade และพันธมิตรทางธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เป็น Iconic building สัญลักษณ์แห่งใหม่ที่โดดเด่นสง่างาม ด้วยวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนพระราม 3
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39718
Retail
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการซื้อสินค้าออนไลน์มากมาย ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอย่าง Tesco Lotus, Big C, Tops จะสามารถใช้ประโยชน์จากสินค้า House Brand อย่างไร เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
null
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการซื้อสินค้าออนไลน์มากมาย ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอย่าง Tesco Lotus, Big C, Tops สามารถใช้ประโยชน์จากสินค้า House Brand ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมได้ดังนี้: 1. พัฒนาสินค้า House Brand ให้มีความแตกต่างและน่าสนใจ: พัฒนาสินค้า House Brand ให้มีคุณภาพสูง เทียบเท่าหรือดีกว่าสินค้าแบรนด์ดัง ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ดึงดูดสายตา พัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนใคร หาซื้อไม่ได้ที่ไหน นำเสนอสินค้า House Brand ในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น สินค้าออร์แกนิค สินค้าเพื่อสุขภาพ 2. มุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านราคา: เสนอราคาสินค้า House Brand ที่ถูกกว่าสินค้าแบรนด์ดัง จัดโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับสินค้า House Brand เสนอโปรแกรมสะสมแต้ม แลกรับส่วนลดหรือสินค้า House Brand 3. เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง: จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การสาธิตการใช้สินค้า การแจกตัวอย่างสินค้า พัฒนาบริการในร้านค้าให้สะดวก รวดเร็ว และประทับใจ นำเสนอบริการ Omnichannel เช่น ซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่หน้าร้าน 4. สร้าง Brand Awareness: โฆษณาสินค้า House Brand ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ ใช้ Influencer หรือ KOL รีวิวสินค้า House Brand สนับสนุนกิจกรรม CSR เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ 5. พัฒนาช่องทางการจำหน่าย: วางจำหน่ายสินค้า House Brand ในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม วางจำหน่ายสินค้า House Brand บนแพลตฟอร์มออนไลน์ พัฒนาช่องทางจำหน่ายแบบเฉพาะ เช่น ร้านค้า House Brand การใช้ประโยชน์จากสินค้า House Brand effectively จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เพิ่มยอดขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สรุป:สินค้า House Brand เป็นเครื่องมือสำคัญที่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถใช้ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เพิ่มยอดขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39733
Retail
อะไรคือผลกระทบของการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลของ Citigroup ใน 4 ประเทศอาเซียน ให้กับ UOB ต่อลูกค้ารายย่อย
null
ผลกระทบของการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลของ Citigroup ให้กับ UOB ต่อลูกค้ารายย่อย นั้น มีทั้งแง่ดี และแง่ลบ ดังนี้: ผลกระทบแง่ดี: 1. ลูกค้าอาจได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น: UOB เป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคอาเซียน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจธนาคารรายย่อย เป็นไปได้ว่า UOB จะนำเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ มาใช้ ซึ่งอาจช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น 2. ลูกค้าอาจได้รับบริการที่หลากหลายมากขึ้น: UOB มีเครือข่ายสาขาและช่องทางการให้บริการที่กว้างขวางกว่า Citigroup ในบางประเทศ ลูกค้าอาจได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่ายมากขึ้น 3. ลูกค้าอาจได้รับโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษมากขึ้น: UOB มักเสนอโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษที่หลากหลายให้กับลูกค้า เป็นไปได้ว่าลูกค้า Citigroup เดิมจะได้รับสิทธิประโยชน์เหล่านี้เช่นกัน ผลกระทบแง่ลบ: 1. ลูกค้าอาจต้องปรับตัวกับระบบและกระบวนการใหม่: UOB มีระบบ กระบวนการ และวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างจาก Citigroup ลูกค้าอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว 2. ลูกค้าอาจสูญเสียความสัมพันธ์กับพนักงานเดิม: พนักงาน Citigroup บางส่วนอาจถูกโอนย้ายไปยัง UOB แต่บางส่วนอาจถูกปลดออก ลูกค้าอาจต้องสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานใหม่ 3. ลูกค้าอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล: การโอนย้ายข้อมูลลูกค้าไปยัง UOB อาจสร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัย ลูกค้าอาจกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาจะถูกใช้หรือเปิดเผยในทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม Citigroup ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานร่วมกับ UOB เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ธนาคารจะสื่อสารข้อมูลข่าวสารให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และจะตอบคำถามและข้อกังวลของลูกค้า สำหรับลูกค้า Citigroup เดิม สิ่งสำคัญคือต้องติดตามข่าวสารและข้อมูลอัปเดตจากธนาคาร และเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ลูกค้าควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ UOB ผลิตภัณฑ์ บริการ และนโยบายต่างๆ เพื่อจะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง สรุป ผลกระทบของการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลของ Citigroup ให้กับ UOB ต่อลูกค้ารายย่อยนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ลูกค้าแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือลูกค้าต้องติดตามข่าวสาร เตรียมตัว และศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เพื่อจะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39743
Retail
ช่วยเล่าว่าเซ็นทรัล รีเทล ขึ้นแท่นค้าปลีกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียได้อย่างไร
null
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC โชว์ศักยภาพผู้นำค้าปลีกแห่งเอเชีย ยกระดับธุรกิจรีเทลและต่อยอดความสำเร็จผ่านการบริหารจัดการองค์กรที่แข็งแกร่งสู่ความเป็นเลิศครบถ้วนในทุกด้าน ทั้งการจัดการองค์กร, การบริหารด้านการเงิน การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน การจัดการด้านนักลงทุนสัมพันธ์ และการจัดการด้านสื่อสารองค์กร จนได้รับการยกย่องจาก Asian Excellence Awards 2022 เวทีรางวัลใหญ่ระดับเอเชีย กวาด 5 รางวัลอันทรงเกียรติต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ประกอบไปด้วยรางวัล 1. “ซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CEO) 2. รางวัล “ซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CFO) 3. รางวัล “ซีเอสอาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CSR) 4. รางวัล “บริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม” (Best Investor Relations Company) 5. รางวัล “ทีมสื่อสารองค์กรยอดเยี่ยม” (Best Corporate Communications) รางวัลดังกล่าว สะท้อนความสำเร็จของ เซ็นทรัล รีเทล ในมิติต่างๆ ได้แก่ Leading for a sustainable growth: การเป็นผู้นำที่สามารถบริหารจัดการ รวมทั้งขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งครบทุกด้าน ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการเติบโตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้ายกระดับและพัฒนาองค์กรรอบด้าน ตั้งเป้าบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านกลยุทธ์ CRC Retailligence และไม่หยุดยั้งในการต่อยอดแพลตฟอร์ม Next-Gen Omnichannel ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในประเทศไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์และบริการที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนบนแนวคิด CRC Green & Sustainable Retail ที่ยึดหลักความยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำธุรกิจ พร้อมผลักดันให้เกิดการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและรักษาสิ่งแวดล้อมให้ควบคู่ไปด้วยกัน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_39760
Retail
กลยุทธ์การตลาดของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าหรือไม่?
null
ใช่ 1. กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นลูกค้า: ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก ยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการทำทุกสิ่ง มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า พัฒนาธุรกิจ และกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า นำเสนอสินค้า และบริการที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พัฒนาช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งหน้าร้าน ออนไลน์ และ Mobile application มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และ โปรโมชั่นต่างๆ ดึงดูดลูกค้า มอบสิทธิประโยชน์แก่สมาชิก The 1 card 2. ตัวอย่างที่แสดงถึงกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นลูกค้า: เปิดตัว “เซ็นทรัล ลาดพร้าว” ศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรก เปิดแคมเปญห้ามสูบบุหรี่ในห้างฯ เปิดตัวโฆษณาตรุษจีนชุดแรก เปิดตัวโฆษณาทอล์คออฟเดอะทาวน์ “พี่แม็คกับหนูผี” เปิดตัวบัตร The 1 Loyalty card เปิดตัวแคมเปญ “เพราะมีคุณ ถึงมีเรา” เปิดตัวไวรัลคลิปสุดประทับใจ เรื่อง “พร้อม…” 3. ผลลัพธ์ที่ได้: เซ็นทรัลเป็นห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งในใจลูกค้ามาตลอด 7 ทศวรรษ เซ็นทรัลเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำระดับโลก เซ็นทรัลเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งความภูมิใจของคนไทย ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทุกคน รู้สึกได้ว่าเซ็นทรัล ไม่ได้เป็นเพียงแค่ห้าง แต่เป็นบ้านหลังที่สองของคนไทยทุกเพศทุกวัย 4. สรุป: กลยุทธ์การตลาดของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าโดยให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรกและมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า บริการ และช่องทางการจำหน่ายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่สร้างความพึงพอใจ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ากลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้เซ็นทรัลประสบความสำเร็จและกลายเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตร
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39761
Retail
อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่สองของปี 2020
null
1. การควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ: จีนเป็นประเทศแรกที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ รัฐบาลจีนใช้มาตรการที่เข้มงวด เช่น การปิดเมือง การจำกัดการเดินทาง และการตรวจเชิงรุก มาตรการเหล่านี้ช่วยให้จีนสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ 2. นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล: รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย เช่น การลดภาษี การเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐ และการผ่อนคลายนโยบายการเงิน มาตรการเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการบริโภค การลงทุน และการส่งออก 3. การฟื้นตัวของภาคการผลิต: ภาคการผลิตของจีนฟื้นตัวได้เร็ว โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน สาเหตุหลักมาจากการกลับมาเปิดโรงงานผลิต และการส่งออกที่เริ่มกลับมาขยายตัว 4. การค้าปลีกออนไลน์: การค้าปลีกออนไลน์ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ผู้คนต้องกักตัวอยู่บ้าน ผู้บริโภคชาวจีนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น 5. การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว: ภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น: การระบาดของโควิด-19 รอบสอง: หากเกิดการระบาดของโควิด-19 รอบสอง เศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงอีกครั้ง สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา: สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะภาคการส่งออก โดยสรุป: เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวในไตรมาสที่สองของปี 2020 ปัจจัยหลักมาจากการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การฟื้นตัวของภาคการผลิต การค้าปลีกออนไลน์ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง จากการระบาดของโควิด-19 รอบสอง และสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39777
Retail
การเข้าซื้อกิจการกลุ่ม Selfridges ของกลุ่มเซ็นทรัล จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างไร
null
การเข้าซื้อกิจการกลุ่ม Selfridges ของกลุ่มเซ็นทรัล จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลในหลายด้าน ดังนี้: 1. ขยายพอร์ตธุรกิจ: - เพิ่มจำนวนห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล 18 แห่ง ในยุโรป - ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าระดับบนในยุโรป - เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์หรูระดับโลก 2. เสริมสร้าง Omnichannel: - พัฒนาระบบ Omnichannel ของกลุ่มเซ็นทรัล - เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ - มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น 3. เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน: - ขยายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศ - เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง - เสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงของกลุ่มเซ็นทรัล 4. แลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรม: - เรียนรู้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ Selfridges - พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ - เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน 5. โอกาสในการเติบโต: - เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในยุโรป - เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ - เพิ่มรายได้และผลกำไร อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม: - การได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล - การผนวกรวมธุรกิจ - สภาวะเศรษฐกิจโลก โดยสรุป การเข้าซื้อกิจการกลุ่ม Selfridges ของกลุ่มเซ็นทรัล เป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญที่ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลในหลายด้าน แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามเพื่อดูว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39793
Retail
กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่นของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง มีอะไรบ้าง และทำไมกลยุทธ์เหล่านี้จึงมีประสิทธิภาพ
null
กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่นของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง มีดังนี้ 1. การออกแบบที่ผสมผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น: ศูนย์การค้าฯ นำเอาเอกลักษณ์ของบ้านฉางมาเป็นแกนหลักในการออกแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Sense of Island" ผสมผสานกลิ่นอายวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวระยองกับความเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเล กลยุทธ์นี้ช่วยดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่นที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น 2.การรวบรวมร้านค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ท้องถิ่น: ศูนย์การค้าฯ รวบรวมร้านค้าและสเปเชี่ยลตี้สโตร์กว่า 100 ร้านค้า เน้นร้านอาหารท้องถิ่น ร้านของฝาก และสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น กลยุทธ์นี้ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น 3. การจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษ: ศูนย์การค้าฯ จัดกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษที่ดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่น เช่น การแสดงดนตรีท้องถิ่น การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน เทศกาลอาหาร และโปรโมชั่นลดราคาสินค้าท้องถิ่น กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างบรรยากาศคึกคัก ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน 4. การให้บริการที่สะดวกและรวดเร็ว: ศูนย์การค้าฯ มุ่งมั่นให้บริการที่สะดวกและรวดเร็วแก่ลูกค้าท้องถิ่น เช่น บริการชำระเงินแบบไร้สัมผัส บริการรับฝากเด็ก บริการรถรับส่ง และพื้นที่จอดรถที่เพียงพอ กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า สร้างความประทับใจ และดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง 5. การมีส่วนร่วมกับชุมชน: ศูนย์การค้าฯ มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น บริจาคเงินและสิ่งของจำเป็น และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของศูนย์การค้าฯ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน และดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่น เหตุผลที่กลยุทธ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพ: 1. เข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น: ศูนย์การค้าฯ ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นอย่างละเอียด กลยุทธ์ที่นำเสนอจึงตรงกับความต้องการของลูกค้า ดึงดูดความสนใจ และสร้างความพึงพอใจ 2. สร้างความแตกต่างและโดดเด่น: ศูนย์การค้าฯ นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานกลิ่นอายท้องถิ่นกับความทันสมัย กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ดึงดูดลูกค้า และสร้างการจดจำ 3. สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน: ศูนย์การค้าฯ มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างจริงจัง กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน และดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่น 4. สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า: ศูนย์การค้าฯ มุ่งมั่นให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความพึงพอใจ ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39794
Retail
กลยุทธ์ทางการตลาดของห้างเซ็นทรัลในการนำเสนอ NFT “75th Central Shopping Bag Collection” มีอะไรบ้าง และส่งผลต่อวงการค้าปลีกอย่างไร?
null
กลยุทธ์ทางการตลาดของห้างเซ็นทรัลในการนำเสนอ NFT “75th Central Shopping Bag Collection” มีดังนี้: 1. การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า: -ห้างเซ็นทรัลเป็นห้างแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเสนอ NFT ในรูปแบบของคอลเลกชัน "75th Central Shopping Bag Collection" -NFT นี้เป็นการนำเสนอถุงเซ็นทรัลอันเป็นเอกลักษณ์ของห้างเซ็นทรัล ผ่านการออกแบบโดยศิลปินชื่อดัง "นักรบ มูลมานัส" -NFT นี้ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์และของขวัญพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง 2. การขยายฐานลูกค้า: -NFT ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัล -NFT นี้ยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วม (engagement) กับลูกค้า 3. การสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย: -NFT นี้แสดงให้เห็นว่าห้างเซ็นทรัลเป็นห้างที่ทันสมัย เข้าใจเทรนด์ใหม่ และพร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า -NFT นี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของห้างเซ็นทรัลในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในวงการค้าปลีก ผลของกลยุทธ์ทางการตลาดของห้างเซ็นทรัลต่อวงการค้าปลีก: -NFT ของห้างเซ็นทรัลเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี Web3 มาใช้ในธุรกิจค้าปลีก -NFT นี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ NFT ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ดึงดูดลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย -NFT นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการค้าปลีก รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของกลยุทธ์ทางการตลาดของห้างเซ็นทรัลต่อวงการค้าปลีก: -NFT ของห้างเซ็นทรัลเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี Web3 มาใช้ในธุรกิจค้าปลีก Web3 เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นการกระจายอำนาจ การให้ความสำคัญกับผู้ใช้ และความเป็นเจ้าของข้อมูล NFT ของห้างเซ็นทรัลแสดงให้เห็นว่าห้างเซ็นทรัลกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการใช้เทคโนโลยี Web3 เพื่อปรับปรุงธุรกิจ -NFT นี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ NFT ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ดึงดูดลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย NFT ของห้างเซ็นทรัลไม่ใช่แค่ของสะสม แต่ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์และของขวัญพิเศษ สิ่งนี้ทำให้ NFT นี้น่าสนใจสำหรับลูกค้า และช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัล -NFT นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการค้าปลีก NFT ของห้างเซ็นทรัลแสดงให้เห็นว่าธุรกิจค้าปลีกกำลังมีการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ดึงดูดลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย สรุป: กลยุทธ์ทางการตลาดของห้างเซ็นทรัลในการนำเสนอ NFT “75th Central Shopping Bag Collection” นั้นมีความน่าสนใจและมีศักยภาพที่จะส่งผลต่อวงการค้าปลีก กลยุทธ์นี้แสดงให้เห็นว่าห้างเซ็นทรัลกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39797
Retail
จากข้อมูลการศึกษาพฤติกรรมการช็อปปิงออนไลน์ของคนไทยในปี 2023 โดย Wunderman Thompson ผู้บริโภคชาวไทยที่มีอายุมากขึ้น มีแนวโน้มที่จะรอรับสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์นานกว่ากลุ่มคน Gen Z และ Gen Y หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. ความคาดหวังในการจัดส่งสินค้า: - คนไทยโดยเฉลี่ย คาดหวังที่จะได้รับสินค้าภายใน 2-3 วัน - กลุ่ม Gen Z และ Gen Y คาดหวังการจัดส่งที่รวดเร็วกว่า โดย 30% ต้องการสินค้าภายใน 12 ชั่วโมง และ 30% ต้องการสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง - กลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้น อาจมีความอดทนต่อระยะเวลาการรอคอยสินค้าที่ยาวนานกว่า 2. ปัจจัยที่มีผลต่อความคาดหวัง: ไลฟ์สไตล์: - คนรุ่นใหม่ มักมีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ต้องการสินค้าด่วน - คนที่มีอายุมากขึ้น อาจมีเวลารอคอยสินค้าได้นานกว่า ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี: - คนรุ่นใหม่ คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ช้อปปิ้งออนไลน์บ่อย - คนที่มีอายุมากขึ้น อาจคุ้นเคยกับเทคโนโลยีน้อยกว่า ชินกับการรอสินค้าจากร้านค้าออฟไลน์ ความต้องการ: - คนรุ่นใหม่ ต้องการสินค้าใหม่ ทันสมัย ต้องการความรวดเร็ว - คนที่มีอายุมากขึ้น อาจให้ความสำคัญกับราคา ความคุ้มค่า มากกว่าความรวดเร็ว 3. ข้อมูลสนับสนุน: - Wunderman Thompson ระบุว่า คนไทย 42% คาดหวังสินค้าภายใน 2-3 วัน - ข้อมูลไม่ได้ระบุจำนวนผู้บริโภคที่มีอายุมากขึ้นที่ต้องการรอสินค้า แต่จากไลฟ์สไตล์และความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี เป็นไปได้ว่ากลุ่มนี้มีความอดทนต่อระยะเวลาการรอคอยสินค้าที่ยาวนานกว่า 4. ตัวอย่าง: - คุณป้าสมศรี อายุ 60 ปี สั่งซื้อยาประจำตัวทางออนไลน์ เธอไม่รีบร้อน รอรับสินค้าได้นานถึง 7 วัน - คุณตาทองดี อายุ 70 ปี สั่งซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ เขาไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากนัก จึงไม่คาดหวังว่าจะได้รับสินค้าภายใน 1-2 วัน สรุป: จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยที่มีอายุมากขึ้น มีแนวโน้มที่จะรอรับสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์นานกว่ากลุ่มคน Gen Z และ Gen Y เนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ไลฟ์สไตล์ ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และความต้องการ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_39808
Retail
โซลูชัน 5G อัจฉริยะใดที่กลุ่มทรู นำเสนอสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในงาน Thailand 5G Summit 2022?
null
กลุ่มทรู นำเสนอโซลูชัน 5G อัจฉริยะสำหรับธุรกิจค้าปลีก (Retail) หลายประการในงาน Thailand 5G Summit 2022 ดังนี้: 1. ระบบโฆษณาส่วนบุคคลอัจฉริยะ (Personalized Smart Advertising) ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและแสดงโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขาย 2. ป้ายแสดงราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Price Tag) ป้ายแสดงราคาอิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับเปลี่ยนราคาสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถปรับราคาสินค้าตามสภาวะตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง 3. ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า (Customer Behavior Analytics) ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า 4. ระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าได้โดยไม่ต้องสัมผัสเงินสดหรือบัตรเครดิต ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถลดการสัมผัสระหว่างพนักงานและลูกค้าและเพิ่มความปลอดภัยในร้านค้า 5. ระบบจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะ (Smart Inventory Management) ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี IoT ติดตามสินค้าคงคลังในร้านค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุน 6. ระบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับการบริการลูกค้า (AI-powered Customer Service) ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี AI ตอบคำถามลูกค้าและให้บริการลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า โซลูชัน 5G อัจฉริยะเหล่านี้สามารถช่วยธุรกิจค้าปลีก: เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า กลุ่มทรู มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชัน 5G อัจฉริยะที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกไทยเติบโตและประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39811
Retail
กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าของแคมเปญ "FRIDAY ต้องเปย์ด้วยมาสเตอร์การ์ด" ของเซ็นทรัล รีเทล และมาสเตอร์การ์ด มีอะไรบ้าง และทำไมกลยุทธ์เหล่านี้จึงมีประสิทธิภาพ
null
1. มอบส่วนลดที่คุ้มค่า: แคมเปญนี้มอบส่วนลด 100 บาท ให้กับลูกค้าทุกคนที่ชำระด้วยบัตรมาสเตอร์การ์ดขั้นต่ำ 1,000 บาท ถือเป็นการดึงดูดลูกค้าด้วยราคาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะมองหาสินค้าที่คุ้มค่า 2. เพิ่มความสะดวกสบาย: แคมเปญนี้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทั้งการช้อปหน้าร้านและออนไลน์ ลูกค้าสามารถแลกรับคูปองส่วนลดผ่าน The 1 App หรือใช้โค้ด PMCXCRC บน Central App สะดวกต่อลูกค้าที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์ 3. สร้างความถี่ในการซื้อ: แคมเปญนี้จัดขึ้นทุกวันศุกร์ตลอดทั้งปี กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาช้อปปิ้งบ่อยๆ กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างฐานลูกค้าประจำ 4. เพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้า: แคมเปญนี้แจกคูปองส่วนลด 2,000 สิทธิ์ต่อสัปดาห์ กระตุ้นให้ลูกค้ารีบมาใช้สิทธิ์ กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า กระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์ในโซเชียลมีเดีย 5. สร้างความร่วมมือกับพันธมิตร: แคมเปญนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเซ็นทรัล รีเทล และมาสเตอร์การ์ด ช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแคมเปญ เหตุผลที่กลยุทธ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพ: เข้าใจความต้องการของลูกค้า: กลยุทธ์เหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การมอบส่วนลดที่คุ้มค่า ความสะดวกสบาย และความถี่ในการซื้อ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้า: กลยุทธ์เหล่านี้กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาช้อปปิ้งบ่อยๆ สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขาย สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง: แคมเปญนี้มีจุดเด่นที่มอบส่วนลดทุกวันศุกร์ แจกคูปองจำนวนมาก และเป็นการร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด ซึ่งสร้างความแตกต่างจากแคมเปญอื่นๆ ดึงดูดลูกค้า และสร้างการจดจำ วัดผลได้: กลยุทธ์เหล่านี้สามารถวัดผลได้ เช่น จำนวนลูกค้าที่ใช้สิทธิ์ ยอดขาย และความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งช่วยให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39820
Retail
กลยุทธ์การปรับราคาสินค้าของ Uniqlo ในภาวะเงินเยนอ่อนค่า ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยอย่างไร และทำไมกลยุทธ์นี้จึงมีความเสี่ยง
null
กลยุทธ์การปรับราคาสินค้าของ Uniqlo ในภาวะเงินเยนอ่อนค่า ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดังนี้ 1. ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคอาจลดการซื้อ: การขึ้นราคาสินค้าอาจทำให้ผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลักของ Uniqlo ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อย หันไปซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่นที่มีราคาถูกกว่า หรือลดการซื้อสินค้าลง ผู้บริโภคอาจมองหาโปรโมชั่น: ผู้บริโภคอาจมองหาสินค้าลดราคา โปรโมชั่น หรือสินค้าทดแทนที่มีราคาถูกกว่า ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนช่องทางการซื้อ: ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมักมีราคาถูกกว่า 2. ส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์: ภาพลักษณ์แบรนด์ที่เน้นราคาถูกอาจเปลี่ยนแปลง: Uniqlo ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าราคาประหยัด การขึ้นราคาสินค้าอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ ผู้บริโภคอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในแบรนด์: การขึ้นราคาสินค้าบ่อยครั้ง อาจทำให้ผู้บริโภคสูญเสียความเชื่อมั่นในแบรนด์ 3. ส่งผลต่อคู่แข่ง: คู่แข่งอาจขึ้นราคาสินค้าตาม: คู่แข่งของ Uniqlo เช่น Zara, H&M อาจขึ้นราคาสินค้าตาม คู่แข่งอาจใช้โอกาสนี้แย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด: คู่แข่งอาจใช้โอกาสนี้ นำเสนอสินค้าที่มีราคาถูกกว่า หรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจกว่า เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Uniqlo เหตุผลที่กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยง: 4.ความเสี่ยงด้านยอดขาย: การขึ้นราคาสินค้าอาจส่งผลต่อยอดขายของ Uniqlo โดยตรง ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์แบรนด์: การขึ้นราคาสินค้าบ่อยครั้ง อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในเชิงลบ 5.ความเสี่ยงด้านการสูญเสียลูกค้า: ผู้บริโภคอาจหันไปซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่นที่มีราคาถูกกว่า หรือลดการซื้อสินค้าลง 6.ความเสี่ยงด้านคู่แข่ง: คู่แข่งอาจใช้โอกาสนี้แย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Uniqlo ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ผู้บริโภคอาจยังไม่พร้อมที่จะรับกับการขึ้นราคาสินค้า เงินบาทไทยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ซึ่งอาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยมีนโยบายควบคุมราคาสินค้า ซึ่งอาจกดดันให้ Uniqlo ต้องปรับกลยุทธ์การขึ้นราคาสินค้า โดยสรุป:กลยุทธ์การปรับราคาสินค้าของ Uniqlo ในภาวะเงินเยนอ่อนค่า ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภค ภาพลักษณ์แบรนด์ และคู่แข่ง กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงด้านยอดขาย ภาพลักษณ์แบรนด์ การสูญเสียลูกค้า และคู่แข่ง Uniqlo จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และหาแนวทางเพื่อลดความเสี่ยง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39821
Retail
มร. โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยถึง 6 กลยุทธ์หลัก มีอะไรบ้าง
null
1. สินค้าและบริการที่ดีที่สุด - คัดสรรสินค้าและบริการที่ดีที่สุด รวมถึงสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ - นำเข้าสินค้าและแบรนด์ใหม่ ๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจ - มุ่งเป็น Destination ในการช้อปปิ้งของลูกค้าทุกแผนก 2. ปรับปรุงและขยายสาขา - ลงทุน 5 พันล้านบาท ปรับโฉมห้างให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ - เน้น Centrality เป็นศูนย์กลางให้กับชุมชน - ปรับปรุงห้างเซ็นทรัลชิดลม, ลาดพร้าว, พระราม 2 - ปรับปรุงห้างโรบินสันฉะเชิงเทรา, ศรีสมาน - ขยายสาขาในศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 3. ห้างสรรพสินค้าออมนิชาแนลอันดับหนึ่ง - พัฒนาออมนิชาแนลให้ดียิ่งขึ้น - ทุ่มงบ 3 พันล้านบาท พัฒนา CENTRAL APP - ยกระดับ CENTRAL APP สู่ Super App - พัฒนาบริการ Social Commerce - นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น e-Ordering, Central TV Live 4. การตลาดที่เหนือกว่า - สร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น - นำเสนอการตลาดที่แตกต่าง เหนือกว่า ตอบโจทย์ลูกค้า - จัดอีเวนต์ระดับประเทศและท้องถิ่น - พัฒนาคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย - สื่อสารผ่านสื่อโฆษณาและอินฟลูเอนเซอร์ 5. ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า - มุ่งเน้น "ไม่เคยมีคำว่า 'ไม่' สำหรับลูกค้า" - มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุด - พัฒนาบริการของพนักงาน - ตกแต่งและสร้างบรรยากาศในร้านให้น่าประทับใจ - พัฒนาบริการผ่าน Central App และ Personal Shopper 6. มัดใจลูกค้าด้วยดาต้า - ออกแบบแคมเปญ CRM เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย - วิเคราะห์และนำเสนอโปรโมชั่นตรงใจลูกค้า - สื่อสารสิทธิประโยชน์ให้ชัดเจน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39823
Retail
จะบอกกลยุทธ์ของ Asset World Corp ในการขยายธุรกิจ Retail
null
Asset World Corp มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ Retail ดังนี้: 1. พัฒนาโครงการใหม่: Asset World Corp มีแผนที่จะพัฒนาโครงการ Retail ใหม่ เช่น โครงการ Gateway West และ โครงการ The Riviera 2. ปรับปรุงโครงการที่มีอยู่: Asset World Corp มีแผนที่จะปรับปรุงโครงการ Retail ที่มีอยู่ เช่น โครงการ Emporium และ โครงการ Siam Paragon 3. ขยายไปยังต่างประเทศ: Asset World Corp มีแผนที่จะขยายธุรกิจ Retail ไปยังต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน และ ประเทศเวียดนาม กลยุทธ์เหล่านี้ น่าจะช่วยให้ Asset World Corp ขยายธุรกิจ Retail และ เพิ่มรายได้จากธุรกิจนี้ อย่างไรก็ตาม Asset World Corp จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น: 1. การแข่งขันที่รุนแรง: ธุรกิจ Retail ในประเทศไทย มีการแข่งขันที่รุนแรง Asset World Corp จะต้องหาจุดแข็ง เพื่อดึงดูดลูกค้า 2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: พฤติกรรมผู้บริโภค เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Asset World Corp จะต้องปรับตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 3. สภาวะเศรษฐกิจ: สภาวะเศรษฐกิจ มีผลกระทบต่อธุรกิจ Retail Asset World Corp จะต้องบริหารจัดการความเสี่ยง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39827
Retail
กลยุทธ์การตลาดแบบ Customer Centricity ของ Philips ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างไร? และกลยุทธ์นี้สนับสนุนเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในกลุ่มหลอดไฟของไทยอย่างไร
null
1. ความเข้าใจความต้องการของลูกค้า: Philips มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าผ่านการวิจัยตลาดและการเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลนี้ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Philips พัฒนา Philips Hue โคมไฟอัจฉริยะที่สามารถควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน โคมไฟนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ต้องการควบคุมแสงสว่างในบ้านของพวกเขา 2. นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า: Philips นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น Philips นำเสนอหลอดไฟ LED หลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกัน ลูกค้าสามารถเลือกหลอดไฟที่เหมาะกับความต้องการของพวกเขาได้ 3. มอบประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดี: Philips มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดี บริษัทมีช่องทางการบริการลูกค้าที่หลากหลาย เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์ และอีเมล พนักงานบริการลูกค้าของ Philips ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี สามารถตอบคำถามของลูกค้าและแก้ปัญหาของลูกค้าได้ ตัวอย่าง: คุณสมชายกำลังมองหาหลอดไฟ LED ใหม่สำหรับบ้านของเขา เขาไปที่เว็บไซต์ Philips และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับหลอดไฟ LED ประเภทต่างๆ เขาตัดสินใจซื้อ Philips LED Bulb ที่มีเทคโนโลยี Eye Comfort เทคโนโลยีนี้อ้างว่าช่วยลดแสงสีฟ้าและป้องกันสายตาเมื่อยล้า คุณสมชายพอใจกับการซื้อของเขาและจะแนะนำ Philips ให้กับเพื่อนและครอบครัวของเขา ผลลัพธ์: - กลยุทธ์การตลาดแบบ Customer Centricity ของ Philips ประสบความสำเร็จ - Philips เป็นแบรนด์หลอดไฟที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย - บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ - ลูกค้าของ Philips พึงพอใจกับสินค้า บริการ และประสบการณ์โดยรวมของบริษัท บทเรียนสำคัญ: - ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Customer Centricity เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี - ธุรกิจค้าปลีกควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า - ธุรกิจค้าปลีกควรนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า - ธุรกิจค้าปลีกควรสร้างประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดี
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39830
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ Holiday Pastry ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ "The One & Only" ให้กับลูกค้า และทำไมกลยุทธ์เหล่านี้จึงประสบความสำเร็จ
null
1. มอบประสบการณ์แบบ Full Experience: Holiday Pastry มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ครบวงจรให้กับลูกค้า เริ่มตั้งแต่การออกแบบร้าน เมนูอาหาร ไปจนถึงการบริการ กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Holiday Pastry แตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า 2. เน้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: Holiday Pastry นำเสนอเมนูอาหารและขนมที่ไม่เหมือนใคร ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง และนำเสนอในรูปแบบที่สวยงามน่ารับประทาน กลยุทธ์นี้ช่วยดึงดูดลูกค้าที่มองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ และน่าตื่นเต้น 3. ใส่ใจในคุณภาพ: Holiday Pastry ใส่ใจในคุณภาพของอาหารและขนมทุกจาน ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และปรุงด้วยความพิถีพิถัน กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำให้พวกเขากลับมาอีก 4. ออกแบบร้านที่สวยงามและน่าดึงดูด: Holiday Pastry ออกแบบร้านให้สวยงาม สะดวกสบาย และเหมาะกับการถ่ายรูป กลยุทธ์นี้ช่วยดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 5. บริการที่ดีเยี่ยม: Holiday Pastry ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า พนักงานของร้านได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และพร้อมให้บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้ม กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้พวกเขารู้สึกถึงความคุ้มค่า เหตุผลที่กลยุทธ์เหล่านี้ประสบความสำเร็จ: เข้าใจความต้องการของลูกค้า: Holiday Pastry เข้าใจความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการประสบการณ์ที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และเหนือระดับ กลยุทธ์เหล่านี้จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สร้างจุดเด่น: Holiday Pastry สร้างจุดเด่นให้กับตัวเองด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง และดึงดูดลูกค้าได้ สร้างความประทับใจ: Holiday Pastry มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า กลยุทธ์เหล่านี้จึงช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้พวกเขากลับมาอีก สร้างการบอกต่อ: ลูกค้าที่ประทับใจกับ Holiday Pastry มักจะบอกต่อเพื่อนและครอบครัว กลยุทธ์เหล่านี้จึงช่วยสร้างการบอกต่อ และดึงดูดลูกค้าใหม่ได้
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39833
Retail
ในยุคที่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ CRC Retailligence ของ Central Retail Corporation จะช่วยให้ CRC รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกได้อย่างไร
null
กลยุทธ์ CRC Retailligence ของ Central Retail Corporation ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1. Accelerate Core Leadership: เน้นการขยายธุรกิจหลักในไทย เวียดนาม และอิตาลี มุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพสูง เช่น แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ และพร็อพเพอร์ตี้ 2. Reinvent Next-Gen Omni Retail: ยกระดับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ Omnichannel นำเทคโนโลยี AI และ Big Data มาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ personalized ให้กับลูกค้า 3. Build New Growth Pillars: ขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่มีศักยภาพสูง เช่น สุขภาพและความงาม 4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off: ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ เข้าซื้อกิจการธุรกิจที่มีศักยภาพ นำ MEB แพลตฟอร์มอีบุ๊คเข้าตลาดหลักทรัพย์ กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ CRC รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกได้ดังนี้: 1. การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น กลยุทธ์ CRC Retailligence มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ Omnichannel ช่วยให้ CRC เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง 2. การสร้างประสบการณ์ที่ personalized: ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ personalized กลยุทธ์ CRC Retailligence มุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data ช่วยให้ CRC นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า 3. การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง กลยุทธ์ CRC Retailligence มุ่งเน้นไปที่การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ช่วยให้ CRC หาแหล่งรายได้ใหม่และสร้างการเติบโต 4. การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ: การร่วมมือกับพันธมิตรเป็นวิธีการขยายธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ CRC Retailligence มุ่งเน้นไปที่การ Drive Partnership ช่วยให้ CRC เข้าถึงตลาดใหม่และขยายฐานลูกค้า 5. การสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น: กลยุทธ์ CRC Retailligence มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มรายได้ EBITDA และมูลค่าบริษัท ช่วยให้ CRC สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ตัวอย่าง: CRC ได้ลงทุนใน GrabFood แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อาหารชั้นนำ ช่วยให้ CRC เข้าถึงตลาดเดลิเวอรี่อาหารที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย สรุป: กลยุทธ์ CRC Retailligence เป็นกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ CRC รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและการแข่งขันที่รุนแรง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39846
Retail
การออกแบบ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" ในคอนเซปต์ "URBAN PLAYGROUND" ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างไร
null
การออกแบบ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" ในคอนเซปต์ "URBAN PLAYGROUND" ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ดังนี้: 1. ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย: - พื้นที่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย - มีทั้งพื้นที่สำหรับช้อปปิ้ง ทานอาหาร พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ - เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย 2. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่: - ร้านค้าถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เน้นแบรนด์ดังและสินค้าที่ตอบโจทย์ - มีการจัดวางร้านค้าแบบใหม่ เน้นความสะดวกสบายและประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สนุกสนาน - มีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวกยิ่งขึ้น 3. เน้นความสะดวกสบายและรวดเร็ว: - มีบริการต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสะดวกสบาย เช่น บริการจองคิว บริการชำระเงินผ่านมือถือ - มีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อ ทำให้การเดินทางสะดวก - มีพื้นที่จอดรถเพียงพอ 4. ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม: - มีการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม - มีระบบจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ - มีพื้นที่สีเขียวให้ผู้บริโภคได้พักผ่อน 5. สร้างชุมชน: - มีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้พบปะสังสรรค์ มีพื้นที่สำหรับทำงานและเรียนรู้ - มีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน ตัวอย่าง: - พื้นที่ "The Play Yard" เป็นพื้นที่สำหรับเด็กๆ ที่มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย - พื้นที่ "The Street" เป็นพื้นที่จำลองถนนที่มีร้านค้าต่างๆ มากมาย - พื้นที่ "The Garden" เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สรุป: การออกแบบ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" ในคอนเซปต์ "URBAN PLAYGROUND" ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย สินค้าและบริการที่หลากหลาย ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ และความสะดวกสบาย ทำให้ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" เป็นศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยให้ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้: 1. การทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง 2. การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการออกแบบและให้บรการ 3. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าด้วยปัจจัยเหล่านี้ "เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ" น่าจะประสบความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_39866
Retail
กลยุทธ์ "MEGA PAINT Warehouse" ของ TOA ขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่ "WHO Service" อย่างไร? และกลยุทธ์นี้สนับสนุนเป้าหมายในการเป็นผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ปกป้องพื้นผิวแบบครบวงจรในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างไร
null
1. เพิ่มการเข้าถึงลูกค้า: - MEGA PAINT Warehouse เป็นศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการแบบครบวงจร - ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบรรการของ TOA ได้ง่ายขึ้น - สิ่งนี้ช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะใช้บริการ WHO Service 2. สร้างความน่าเชื่อถือ: - MEGA PAINT Warehouse เป็นสถานที่ที่น่าเชื่อถือสำหรับลูกค้าในการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการของ TOA - พนักงานของ MEGA PAINT Warehouse ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ TOA - พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและคำปรึกษาลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ - สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการ WHO Service 3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: - MEGA PAINT Warehouse มีระบบจัดการสินค้าคงคลังและระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ - สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการของ TOA ตรงเวลาและครบถ้วน - สิ่งนี้ยังช่วยลดต้นทุนของ TOA - ทำให้บริษัทสามารถเสนอบริการ WHO Service ในราคาที่แข่งขันได้ 4. ขยายฐานลูกค้า: - MEGA PAINT Warehouse ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ไปยัง TOA - ลูกค้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะใช้บริการ WHO Service - สิ่งนี้ช่วยให้ TOA ขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย ตัวอย่าง: - คุณสมชายกำลังมองหาช่างทาสีบ้านของเขา เขาไปที่ MEGA PAINT Warehouse - พนักงานของ MEGA PAINT Warehouse แนะนำให้เขาใช้บริการ WHO Service - คุณสมชายประทับใจกับบริการของ WHO Service และจะแนะนำให้เพื่อนและครอบครัวของเขา ผลลัพธ์: 1. กลยุทธ์ "MEGA PAINT Warehouse" ของ TOA ประสบความสำเร็จ 2. โมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่ "WHO Service" ของ TOA กำลังเติบโต 3. บริษัทมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ยอดขายของ TOA กำลังเพิ่มขึ้น บทเรียนสำคัญ: 1. ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้กลยุทธ์แบบ "MEGA PAINT Warehouse" เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขา 2. ธุรกิจค้าปลีกควรสร้างศูนย์รวมที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาได้ง่าย 3. ธุรกิจค้าปลีกควรสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้า 4. ธุรกิจค้าปลีกควรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา 5. ธุรกิจค้าปลีกควรขยายฐานลูกค้าของพวกเขา
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_39870
Retail
ธนาคารไทยพาณิชย์มีแผนจะใช้วิธีใดในการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่เปราะบาง เพื่อบรรเทาภาระจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้? กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยลูกค้ากลุ่มนี้อย่างไร?
null
1. การปรับโครงสร้างหนี้: -ธนาคารจะยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ -ธนาคารจะลดจำนวนเงินผ่อนชำระต่องวด -ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 2. การให้สินเชื่อใหม่: -ธนาคารจะเสนอสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง -ธนาคารจะเสนอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ 3. มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ: -ธนาคารจะให้คำปรึกษาทางการเงิน -ธนาคารจะเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย -กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยลูกค้ารายย่อยที่เปราะบางดังนี้: การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระ -การให้สินเชื่อใหม่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง -มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ -อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์จำเป็นต้อง: ประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด -พัฒนากลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่เปราะบาง -สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์เหล่านี้ให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน ตัวอย่างกลยุทธ์เพิ่มเติมที่ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถพิจารณาได้: -การเสนอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ -การให้ความรู้ทางการเงินแก่ลูกค้า -การจัดทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้า ธนาคารไทยพาณิชย์ควรให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่เปราะบาง เพราะว่า: -ลูกค้ากลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ -การช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธนาคาร -การช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้จะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยเติบโต โดยสรุป ธนาคารไทยพาณิชย์จำเป็นต้องใช้วิธีการต่างๆ ในการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่เปราะบาง เพื่อบรรเทาภาระจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0