ID
stringlengths
9
13
Domain
stringclasses
4 values
Instruction
stringlengths
10
894
Input
stringclasses
0 values
Output
stringlengths
110
13.8k
Tags
stringlengths
7
676
Task_type
stringclasses
6 values
License
stringclasses
2 values
Retail_37377
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ของ Google ในการลงทุนกับ JD.com?
null
กลยุทธ์ของ Google ในการลงทุนกับ JD.com มีดังนี้: 1. ขยายธุรกิจในตลาดเอเชีย: - ตลาดเอเชียมีประชากรจำนวนมาก - เศรษฐกิจกำลังเติบโต - ผู้คนเริ่มใช้ e-commerce มากขึ้น - Google ต้องการขยายธุรกิจในตลาดนี้ การลงทุนใน JD.com ช่วยให้ Google เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ ในเอเชีย 2. ต่อสู้กับคู่แข่ง: - Amazon.com เป็นคู่แข่งหลักของ Google - Amazon.com กำลังขยายธุรกิจ e-commerce ในเอเชีย - Google ต้องการต่อสู้กับ Amazon.com การลงทุนใน JD.com ช่วยให้ Google แข่งขันกับ Amazon.com ในเอเชีย 3. พัฒนาธุรกิจ e-commerce: - Google ต้องการพัฒนาธุรกิจ e-commerce - JD.com มีความเชี่ยวชาญด้าน e-commerce - Google สามารถเรียนรู้จาก JD.com การลงทุนใน JD.com ช่วยให้ Google พัฒนาธุรกิจ e-commerce 4. เข้าถึงเทคโนโลยี: - JD.com มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย - Google ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ การลงทุนใน JD.com ช่วยให้ Google เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ 5. สร้างเครือข่ายพันธมิตร: - Google ต้องการสร้างเครือข่ายพันธมิตร - JD.com มีเครือข่ายพันธมิตรในเอเชีย การลงทุนใน JD.com ช่วยให้ Google ขยายเครือข่ายพันธมิตร โดยสรุป Google ลงทุนกับ JD.com เพื่อขยายธุรกิจในตลาดเอเชีย ต่อสู้กับคู่แข่ง พัฒนาธุรกิจ e-commerce เข้าถึงเทคโนโลยี และสร้างเครือข่ายพันธมิตร ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: Google จะมีฐานลูกค้าใหม่ ๆ ในเอเชีย Google จะสามารถแข่งขันกับ Amazon.com ได้ Google จะพัฒนาธุรกิจ e-commerce ได้ Google จะเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ Google จะมีเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขึ้น ความเสี่ยง: เศรษฐกิจเอเชียอาจชะลอตัว Amazon.com อาจพัฒนาธุรกิจ e-commerce ในเอเชียได้เร็วกว่า Google JD.com อาจไม่ประสบความสำเร็จ Google อาจไม่สามารถเรียนรู้จาก JD.com ได้ Google อาจไม่สามารถสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับ JD.com ได้ อย่างไรก็ตาม Google เชื่อว่า ผลประโยชน์จากการลงทุนกับ JD.com จะมากกว่าความเสี่ยง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37396
Retail
บอกเกี่ยวกับ 4 เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนอนาคตโลกการ ซื้อ-ขายออนไลน์
null
เทคโนโลยีในยุค Digital นั้นได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายชองผู้บริโภคในทุกๆ ขั้นตอนไปอย่างมาก ตั้งแต่กระบวนการหาข้อมูล การวิเคราะห์ การเปรียบเทียบ และการสั่งซื้อสินค้า การเติบโตของ E-Commerce ในทุกๆ ปีเป็นการยืนยันได้ว่า พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของ ผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว เราจะมาดูกันว่า 4 เทคโนโลยีหลักที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในยุคนี้มีอะไรบ้าง? 1. AI: ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะกับ Google จากการสำรวจของ Kenshoo จะพบว่า 85 % ของผู้บริโภคที่ซื้อของออนไลน์จะมีการค้นหาข้อมูลและวางแผนการใช้จ่ายผ่านทาง Google 2. แต่อย่างไรก็ดี Amazon ก็กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอยู่ไม่น้อย: - โดยจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคประมาณ 49-55 % ใช้ Amazon ในการค้นหาข้อมูลและการทำงานของระบบประมวลผลของทั้ง Google และ Amazon นั้นจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด - แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือสินค้าหรือบริการที่ปรากฎขึ้นมาจากการจดจำพฤติกรรมข้อมูลของผู้ใช้นั้นมีผลต่อยอดขายไม่น้อยเลยทีเดียว - นอกเหนือจากการค้นหาด้วยการป้อนข้อมูลที่เราคุ้นเคยนั้นในปัจจุบันเราจะเริ่มเห็นเจ้าลำโพงอัจฉริยะจากหลากหลายยี่ห้อได้เริ่มเข้าไปอยู่ในบ้านของหลายๆคนกันบ้างแล้ว 3. รวมไปถึงการที่ Google ได้เปิดตัว Google Lens หรือแม้แต่ Pinterest Lens: ที่จะให้ทำการค้นหาข้อมูลจากภาพและเสียงนั้นมีความสำคัญมากขึ้นไปอีกในอนาคต 4. VR กับ AR: เข้ามาเพื่อยกระดับประสบการณ์เราอาจจะได้เห็นเครื่องใช้เหล่านี้สั่งสินค้าที่เหลือในปริมาณน้อยให้กับเราด้วยตัวมันเอง ซึ่งจะทำให้ E-commerce ที่เรารู้จักไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างแบบจำลองหรือแสดงผลการค้นหาให้คุณได้เลือกอีกต่อไป แต่มันจะเข้าไปอยู่ในทุกมิติของชีวิตในยุค Digital ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น: - การจ่ายเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดคือ Amazon Dash Button ที่เชื่อมต่อกับ Application ของAmazon และการกดเพียงครั้งเดียวก็จะทำการสั่งสินค้าและจัดส่งให้กับเราได้ทันที - หรือผู้ผลิตตู้อบอาหารที่เชื่อมต่อข้อมูลกับ Website สอนทำอาหารชื่อดังเพื่อปรับอุณหภูมิของไฟในตู้ให้เหมาะสมกับเมนูอาหารนั้นๆอย่างไม่มีขาดไม่มีเกิน - และในอนาคตอันใกล้สำหรับธุรกิจการจัดส่งอาหารที่ไม่จำกัดอยู่แค่ที่อยู่ที่มีการลงทะเบียนไว้อีกต่อไปโดยจะถูกจัดส่งถึงมือผู้บริโภคโดยยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง สำหรับการค้าขายในโลกของ IoT นั้นมันไม่ใช่แค่การเพิ่มช่องทางการขายบนช่องทาง Digital เท่านั้น แต่มันคือ การผสมผสานกันของข้อมูลทั้งในส่วนของผู้บริโภคกับระบบการประมวลผลเข้าด้วยกัน นั้นจะเป็นการสร้างมาตราฐานใหม่สำหรับการจับจ่ายใช้สอยของเรา ตั้งแต่ขั้นตอนของการหาข้อมูล การตัดสินใจ รวมไปถึงการขนส่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37421
Retail
เล่าเรื่องราว “ยาคูลท์” นมเปรี้ยวขวดจิ๋วทรงพลัง
null
กำเนิด “ยาคูลท์” “ยาคูลท์” เป็นนมเปรี้ยวแบรนด์แรกของญี่ปุ่น ก่อตั้งโดย “ดร.มิโนรุ ชิโรต้า” (Minoru Shirota, M.D., Ph.D.) ซึ่งเริ่มต้นจากความสนใจในการศึกษาจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์ เช่น โรคบิดและท้องร่วงในเด็ก เพื่อหาทางป้องกันโรคที่ทำให้เด็กเสียชีวิตมากในยุคนั้น ในปี 1930 ดร.มิโนรุได้พัฒนาจุลินทรีย์กรดนมที่สามารถทนต่อสภาวะกรดและด่างในร่างกายได้ดี โดยเรียกจุลินทรีย์ชนิดนี้ว่า “แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ สายพันธุ์ชิโรต้า” (Lactobacillus Casei Shirota Strain) หรือ “จุลินทรีย์ชิโรต้า” ในปี 1935 ดร.มิโนรุได้นำจุลินทรีย์สายพันธุ์ชิโรต้า มาพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว และตั้งชื่อว่า “ยาคูลท์” ซึ่งเป็นภาษา Esperanto แปลว่า “มีอายุยืนยาว” โดยผลิตและจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นในราคาที่เข้าถึงได้ แม้ญี่ปุ่นจะประสบความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ดร.มิโนรุได้ฟื้นฟูแบรนด์ยาคูลท์ และตั้งบริษัทใหม่ที่โตเกียว เพื่อขยายการผลิตไปทั่วประเทศญี่ปุ่น กุญแจสำคัญที่ทำให้ “ยาคูลท์” ประสบความสำเร็จในตลาดโลกคือ: ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและขายได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องโฆษณามากนัก ระบบการขาย “Door to Door” หรือ “Direct Sale” ผ่านหน่วยขายที่มีพลังอย่าง “สาวยาคูลท์” (Yakult Ladies) ที่มีมากกว่า 80,000 คนทั่วโลก ทำหน้าที่ส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี “ยาคูลท์” จึงกลายเป็น Global Brand ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37426
Retail
การเปลี่ยนแปลงยูนิฟอร์มพนักงานโฮมโปร จะช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้าปลีก (Retail) หรือไม่?
null
เป็นไปได้ เหตุผล: 1. การสร้างภาพลักษณ์ใหม่: - ยูนิฟอร์มใหม่มีความทันสมัย สดใส ดึงดูดความสนใจ - สะท้อนถึงความตั้งใจ กระตือรือร้น และความใส่ใจต่อลูกค้า - ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าโดยรวม ให้ดูทันสมัย น่าเชื่อถือ และเข้าถึงง่าย 2. การเสริมสร้างขวัญกำลังใจพนักงาน: - ยูนิฟอร์มใหม่ช่วยให้พนักงานรู้สึกภูมิใจ มั่นใจ และมีแรงจูงใจในการทำงาน - ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น - พนักงานที่มีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส ย่อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า 3. การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง: - ยูนิฟอร์มใหม่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ช่วยให้โฮมโปรโดดเด่นจากคู่แข่ง - ดึงดูดลูกค้าใหม่ และสร้างการจดจำแบรนด์ 4. การส่งเสริมการสื่อสารภายในองค์กร: - ยูนิฟอร์มใหม่ช่วยลดช่องว่างระหว่างพนักงานทุกระดับ - ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และความสามัคคี 5. การสร้างบรรยากาศการทำงาน: - ยูนิฟอร์มใหม่ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่สดใส มีชีวิตชีวา - ส่งผลต่อความรู้สึกของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น: 1. กลยุทธ์ทางการตลาดโดยรวมของโฮมโปร 2. ประเภทของสินค้าและบริการที่เสนอ 3. พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า 4. สภาพเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงยูนิฟอร์มพนักงานโฮมโปร เป็นเพียงกลยุทธ์หนึ่ง ที่อาจช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้าปลีกได้ ข้อควร พิจารณา เพิ่มเติม: 1. การออกแบบยูนิฟอร์มควรมีความเหมาะสมกับประเภทธุรกิจ 2. วัสดุที่ใช้ควรมีความทนทาน สวมใส่สบาย เหมาะกับสภาพอากาศ 3. ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับยูนิฟอร์มใหม่ 4. ควรมีการติดตามผลและประเมินผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง สรุป: การเปลี่ยนแปลงยูนิฟอร์มพนักงานโฮมโปร มี โอกาส ที่จะ ช่วย กระตุ้น ยอดขาย ใน ร้านค้า ปลีก ได้ แต่ ผลลัพธ์ ที่ได้ อาจ แตกต่าง กัน ไป ขึ้นอยู่ กับ ปัจจัย อื่นๆ เพิ่มเติม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37430
Retail
จากบทความ อะไรคือกลยุทธ์ที่ร้านค้าปลีก (Retail) ควรนำไปใช้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
null
1. กลยุทธ์ที่ร้านค้าปลีกควรนำไปใช้: - การผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (Omnichannel): ลูกค้าในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่ผสมผสานระหว่างการช็อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์ ร้านค้าปลีกจึงควรมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งสองช่องทาง เช่น การให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่หน้าร้าน หรือการให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าที่หน้าร้านและสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ - การนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เฉพาะบุคคล (Personalized Shopping Experience): ร้านค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เช่น การแนะนำสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ based on ประวัติการซื้อสินค้า - การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: ร้านค้าปลีกสามารถใช้เทคโนโลยี เช่น AI, Machine Learning - การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: ร้านค้าปลีกควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 2. ตัวอย่างกลยุทธ์เพิ่มเติม - การนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่าง: ร้านค้าปลีกควรนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อดึงดูดลูกค้า - การสร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งที่น่าสนใจ: ร้านค้าปลีกควรสร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งที่น่าสนใจ - การนำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลด: ร้านค้าปลีกควรนำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลด สรุป: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล คำแนะนำเพิ่มเติม: - ร้านค้าปลีกควรติดตามเทรนด์ - ร้านค้าปลีกควรมีบุคลากรที่มีทักษะ - ร้านค้าปลีกควรมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37460
Retail
จากกรณีศึกษาของ Kerry Express อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
null
กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถนำไปประยุกต์ใช้จาก Kerry Express มีดังนี้: 1. การขยายเครือข่าย: การขยายจุดให้บริการ: - เปิดจุดให้บริการใหม่ - จับมือกับพาร์ทเนอร์ การขยายศูนย์กระจายสินค้า: - กระจายสินค้าให้ทั่วถึง - รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น 2. การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง: การลงทุนในเทคโนโลยี: - พัฒนาระบบจัดการข้อมูล - พัฒนาระบบติดตามพัสดุ การเพิ่มจำนวนยานพาหนะ: - จัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว - รองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้น 3. การพัฒนาบริการ: การนำเสนอบริการที่หลากหลาย: - บริการจัดส่งวันถัดไป - บริการจัดส่งภายในวันเดียว การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า: - สินค้าถึงมือผู้รับตรงเวลา - บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ 4. การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง: การสร้างการรับรู้แบรนด์: - โฆษณาประชาสัมพันธ์ - สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ การสร้างความน่าเชื่อถือ: - รักษาคุณภาพการบริการ - รับผิดชอบต่อสังคม ตัวอย่างการนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์: ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่: - ลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง - พัฒนาบริการที่หลากหลาย ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ขนาดเล็ก: - จับมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายเครือข่าย - เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ผลลัพธ์: - ธุรกิจมีโอกาสเติบโต - ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ - ธุรกิจมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่ม - ธุรกิจมีโอกาสสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง สรุป: กลยุทธ์ของ Kerry Express นั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ได้ ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ควรศึกษาและปรับใช้กลยุทธ์เหล่านี้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37463
Retail
การรีโนเวทศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การรีโนเวทศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ดังนี้ 1. การแบ่งโซนตามไลฟ์สไตล์: เพื่อความสะดวกต่อการค้นหาสินค้า ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2. การเพิ่มพื้นที่ร้านอาหาร: เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้เวลามาก ขึ้น และเพิ่มโอกาสในการจับจ่ายใช้สอย 3.การเพิ่มพื้นที่ Common Seats: เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การทำงานแบบใหม่ เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่ทำงานและพบปะสังสรรค์ และดึงดูดลูกค้าให้มาใช้เวลามากขึ้น ผลลัพธ์: 1. ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการมากขึ้น 2. เพิ่มยอดขาย 3. สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับศูนย์การค้า ตัวอย่าง: 1. โซนผู้หญิง: รวบรวมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ครบวงจร 2. โซนผู้ชาย: รวบรวมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์กีฬา ครบวงจร 3. ร้านอาหาร: มีหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ 4. Common Seats: มีทั้งแบบนั่งโต๊ะและแบบโซฟา พร้อมปลั๊กไฟและ Wi-Fi ฟรี ข้อสรุป การรีโนเวทศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย ครบครัน และตรงกับไลฟ์สไตล์
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37474
Retail
ภาคธุรกิจเอามาใช้อะไรในการจัดการทั้งเรื่อง “งาน-เงิน-คน”
null
ความสำคัญของ Big Data โดยเฉพาะการขับเคลื่อนสู่ Thailand 4.0 ที่เป็นการเข้าสู่ยุค Data-driven อย่างสมบูรณ์ ทุกสิ่งอย่างจะถูกขับเคลื่อนอยู่บนฐานข้อมูล ทำให้มีการใช้ประโยชน์จาก Big Data แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลที่รวบรวมจากพฤติกรรมและกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง ที่วันนี้กลายเป็นขุมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อให้ได้ Insight ที่เป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินธุรกิจ สร้างความเข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ๆ นำไปคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคในเชิงลึกได้มากกว่าการวิเคราะห์ข้อมูลแบบดั้งเดิมในอดีต การตื่นตัวในการนำข้อมูลไปใช้ของภาคธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น เป็นหนึ่งสิ่งที่ช่วยสะท้อนความสำคัญและการเติบโตของ Big Data ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดย คุณวิธาน เจริญผล ผู้อำนวยการคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Economic Intelligence Center) หรือ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ข้อมูลว่า จากการสัมภาษณ์บริษัทชั้นนำของไทยจากหลากหลายอุตสาหกรรมรวม 62 แห่ง เมื่อเดือนกันยายน 2017 ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทไทยส่วนใหญ่กว่า 56% เริ่มใช้ Big Data แล้ว โดยส่วนใหญ่ยังมุ่งเน้นการใช้เพื่อ 1. พัฒนาการขายและการตลาดเป็นหลัก เช่น การตั้งราคาและจัดโปรโมชั่นให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2. ใช้ประโยชน์เพื่อการปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาคการผลิตสนใจนำข้อมูล Big Data ไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อเพิ่ม Productivity ในกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน เช่น คาดการณ์จำนวนผลผลิตที่เหมาะสม รวมทั้งลดข้อผิดพลาดในสายพานการผลิต เป็นต้น Big Data ยังโตไม่หยุด ขยายตัวปีละ 20-25% พร้อมทั้งยังได้ประเมินว่าตลาด Big Data ของไทย ซึ่งสะท้อนจากรายได้การให้บริการการขายซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ จะขยายตัวราว 20% ต่อปี โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากการเติบโตของ IoT โซเชียลมีเดีย รวมถึงความต้องการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ของธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยรายได้จากการวิเคราะห์ Big Data โดยผู้ให้บริการมืออาชีพ และรายได้จากการขายข้อมูลจะมีสัดส่วนใหญ่ที่สุด ขณะที่ Big Data ที่เป็นข้อมูลดิบ หรือมีเนื้อหาที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-added Content) เช่น ข้อความในโซเชียลมีเดียที่ถูกคัดกรองแล้ว จะมีการซื้อขายกันผ่านสัญญาระหว่างบริษัท หรือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ “มูลค่าตลาดของ Big Data ในไทยจะเพิ่มสูงขึ้นจาก 6.5 พันล้านบาท ในปี 2017 เป็น 13.2 พันล้านบาท ในปี 2022 หรือเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี ขณะที่ในแง่ปริมาณการเติบโตของจำนวนข้อมูลทั่วโลก มีปริมาณเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% ต่อปี โดยจะมีปริมาณข้อมูลเพิ่มจาก 78 เอกซาไบต์/เดือน ในปี 2016 โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 125 และ 190 เอกซาไบต์/เดือน ในปี 2018 และ ปี 2020 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมองเห็นพัฒนาการในการใช้ Big Data เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจรูปแบบพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จากการสำรวจของ EIC ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 5,701 คน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 พบว่าผู้บริโภคไทยกว่า 80% คาดหวังให้สินค้าและบริการมีลักษณะตามที่ตนเองต้องการมากที่สุด โดยยกให้คุณภาพมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง และยังมีแนวโน้มที่จะมีความภักดีต่อแบรนด์น้อยลง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37476
Retail
บัตรสมาชิก "บุญถาวร แฟมิลี่" นั้น มีกลยุทธ์อย่างไร เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้
null
กลยุทธ์หลักของบัตรสมาชิก "บุญถาวร แฟมิลี่" ในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ มีดังนี้: 1. มอบสิทธิพิเศษเหนือระดับ: - แลกคะแนนสะสม BIG Points เพื่อแลกตั๋วบินฟรีกับแอร์เอเชีย - ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่รักการแต่งบ้านรักการท่องเที่ยว - ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ชื่นชอบการเดินทาง 2. เพิ่มความหลากหลายในการใช้คะแนน: - แลกรับบัตรกำนัล ของกำนัล บริการออกแบบ 3D Design - ใช้ WiFi ฟรี - เข้าร่วมกิจกรรมเอ็กคลูซีฟ รับเงินคืน (Cash Back) 3. ขยายช่องทางการแลกคะแนน: - ร่วมกับร้านค้าที่เข้าร่วมรายการตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ 4. เพิ่มความสะดวกในการสมัครและใช้งาน: - สมัครและใช้งานง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ - สะสมคะแนนได้รวดเร็ว ตรวจสอบคะแนนและสิทธิพิเศษต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น 5. กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า: - จัดกิจกรรม Road Show นำเสนอโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ - มอบของขวัญ ของที่ระลึก จัดกิจกรรมพิเศษ เชิญศิลปินนักแสดงมาสร้างสีสัน 6. พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่: - ร่วมมือกับร้านค้าปลีกวัสดุรายใหญ่ในต่างจังหวัด - ขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ๆ 7. มุ่งเน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: - ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ - เน้นการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน ตรงประเด็น - กระตุ้นให้ลูกค้าใช้บัตรสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: 1. เพิ่มจำนวนสมาชิกบัตรบุญถาวร แฟมิลี่ 2. เพิ่มยอดขาย 3. รักษาฐานลูกค้าเดิม 4. สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า คำแนะนำเพิ่มเติม: 1. พัฒนาแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว 2. นำเสนอโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษที่ตรงใจลูกคา 3. พัฒนาบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพ 4. เก็บข้อมูลลูกค้าและนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยสรุป: บัตรสมาชิก "บุญถาวร แฟมิลี่" เป็นกลยุทธ์สำคัญของบุญถาวร ในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ โดยมุ่งเน้นการมอบสิทธิพิเศษเหนือระดับ เพิ่มความหลากหลายในการใช้คะแนน ขยายช่องทางการแลกคะแนน เพิ่มความสะดวกในการสมัครและใช้งาน กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ และมุ่งเน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ หากบุญถาวรสามารถดำเนินกลยุทธ์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุญถาวร แฟมิลี่ จะเป็นบัตรสมาชิกที่ดึงดูดลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37480
Retail
เทศกาล 11.11 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัลหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: ยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด: มูลค่าการซื้อขายที่ชำระเงินผ่านทางอาลีเพย์ในเทศกาล 11.11 ปี 2559 สูงกว่า 1.207 แสนล้านหยวน (1.78 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดในปี 2558 ถึงร้อยละ 32 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้น และความนิยมในการชอปปิงออนไลน์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การผสมผสานระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์: เทศกาล 11.11 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การชอปปิงออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่มีการผสมผสานช่องทางออฟไลน์เข้าด้วยกัน เช่น การจัดป๊อปอัพสโตร์ การถ่ายทอดสดงานกาล่านับถอยหลัง เป็นการดึงดูดลูกค้าและสร้างประสบการณ์การชอปปิงรูปแบบใหม่ การนำเทคโนโลยีมาใช้: เทศกาล 11.11 นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชอปปิง เช่น การชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ การใช้ AR ในการลองสินค้า การใช้ AI ในการแนะนำสินค้า เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ การเติบโตของธุรกิจค้าปลีก: เทศกาล 11.11 ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: เทศกาล 11.11 ช่วยให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการชอปปิงออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และสามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย ตัวอย่างเพิ่มเติม: การใช้ Big Data: อาลีบาบาใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค นำเสนอสินค้าที่ตรงใจ และสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่ personalized การขยายตลาด: เทศกาล 11.11 ขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น ดึงดูดลูกค้าจากทั่วโลก สรุป: เทศกาล 11.11 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน มีการผสมผสานระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชอปปิง ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโต และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37481
Retail
กลยุทธ์ใดที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้เพื่อดึงดูดพนักงานที่มีคุณภาพสูง
null
1. ความก้าวหน้าในอาชีพ: พนักงานต้องการโอกาสในการพัฒนาฝีมือและความรู้เพื่อก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ธุรกิจค้าปลีกควรมีโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรที่ครอบคลุม ธุรกิจค้าปลีกควรมีโครงสร้างเงินเดือนและสวัสดิการที่จูงใจ 2. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน: พนักงานต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงานและโอกาสในการทำงานระยะยาว ธุรกิจค้าปลีกควรมีนโยบายการจ้างงานที่มั่นคง ธุรกิจค้าปลีกควรมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี 3. วัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น: พนักงานต้องการทำงานในองค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น ธุรกิจค้าปลีกควรมีนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การทำงานจากระยะไกล หรือ การลาคลอด ธุรกิจค้าปลีกควรมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว 4. สภาพแวดล้อมและสังคม: พนักงานต้องการทำงานในองค์กรที่มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและมีสังคมที่ดี ธุรกิจค้าปลีกควรมีโปรแกรมกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ธุรกิจค้าปลีกควรสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตรและอบอุ่น 5. ธรรมาภิบาลของนายจ้าง: พนักงานต้องการทำงานกับนายจ้างที่มีธรรมาภิบาล ธุรกิจค้าปลีกควรดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและโปร่งใส ธุรกิจค้าปลีกควรมีนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอรัปชั่น ตัวอย่างกรณีศึกษา: เซ็นทรัล: เซ็นทรัลมีโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรที่ครอบคลุม พนักงานมีโอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และพัฒนาศักยภาพของตนเอง เทสโก้ โลตัส: เทสโก้ โลตัสมีนโยบายการจ้างงานที่มั่นคง พนักงานมีโอกาสทำงานระยะยาว CP ALL: CP ALL มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่น พนักงานสามารถทำงานจากระยะไกล หรือ ลาคลอด ผลลัพธ์: ธุรกิจค้าปลีกที่สามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ได้ จะสามารถดึงดูดพนักงานที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37494
Retail
เป้าหมายของ “ไทยเบฟ” คืออะไร
null
เป้าหมายของ “ไทยเบฟ” คือ การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจเครื่องดื่ม และอาหารของประเทศไทย และอาเซียน ซึ่งปัจจุบันสามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัทเครื่องดื่มครบวงจรใหญ่ที่สุดในอาเซียนได้สำเร็จแล้ว ทั้งยังติด Top 5 บริษัทเครื่องดื่รายใหญ่ในเอเชีย ด้วยมูลค่าธุรกิจ 16,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ต่ำกว่า 550,000 ล้านบาท แต่ทว่ายังมีอีกหนึ่ง “จิ๊กซอว์” สำคัญที่ “ไทยเบฟ” ต้องสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คือ “กลุ่มธุรกิจอาหาร” ซึ่งปัจจุบันกำลังเร่งขยายอาณาจักรธุรกิจอาหาร ทั้งในรูปแบบ Organic Growth และทำ M&A (Mergers and Acquisition) โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตด้านผลประกอบการ ให้โตขึ้น 2 – 3 เท่าภายในปี 2020 จากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท แน่นอนว่าเรือธงที่สร้างรายได้หลัก ยังคงเป็น “ธุรกิจอาหารของกลุ่มโออิชิ” แต่ขณะเดียวกัน การจะเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจอาหารทั้งในไทย และต่างประเทศ ต้องมีความหลากหลายของเซ็กเมนต์ร้านอาหาร ทั้งประเภทอาหาร, Brand Portfolio และระดับราคา “ร้านอาหารญี่ปุ่น” ก้าวแรกในธุรกิจอาหาร ถึงแม้จุดเริ่มต้นของ “ไทยเบฟ” เริ่มจากธุรกิจเครื่องดื่ม นับตั้งแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ขยายไปสู่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า “ไทยเบฟ” จะเป็น Major Player แค่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเท่านั้น การขยายธุรกิจให้เติบโตกว่าที่เป็นอยู่ จึงต้องมองหาธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกัน เพื่อร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งให้เดินไปด้วยกันได้ และธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับเครื่องดื่มอย่างแยกไม่ออก คือ “ธุรกิจอาหาร” โอกาสทางธุรกิจมหาศาล ทั้งในด้านผลประกอบการ และการเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ผ่านเครือข่ายร้านอาหารที่กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ หากย้อนกลับไปก้าวแรกของการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารอย่างจริงจังของกลุ่มไทยเบฟ เกิดขึ้นเมื่อครั้งซื้อกิจการ “โออิชิ กรุ๊ป” ปี 2551 ทำให้ได้ทั้งธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ และธุรกิจอาหาร ซึ่ง “โออิชิ” เป็นผู้สร้างตลาด “ร้านอาหารญี่ปุ่น” ในรูปแบบบุฟเฟต์ และทำให้การบริโภคอาหารญี่ปุ่นแพร่กระจายเป็นวงกว้างในระดับ Mass Market ก็ว่าได้ เนื่องจากในอดีต ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยเป็น Niche Market ที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นในไทย และคนไทยกลุ่มหนึ่งที่คุ้นเคยกับอาหารญี่ปุ่น อีกทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อ 20 – 30 ปีก่อน ตั้งอยู่เฉพาะย่านที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ เช่น ย่านสุขุมวิท และอยู่ในโรงแรม ในขณะที่การเข้ามาของ “โออิชิ” เปิดเกมขยายสาขาตามศูนย์การค้า และสร้าง Brand Portfolio ร้านอาหารญี่ปุ่น ให้มีความหลากหลายของประเภทอาหาร และระดับราคา ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม ทุกโอกาสการบริโภค ปัจจุบันธุรกิจอาหารของโออิชิ กรุ๊ป ประกอบด้วยร้านอาหาร 7 แบรนด์ ได้แก่ โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, โออิชิ ราเมง, นิกุยะ, ชาบูชิ และคาคาชิ นอกจากนี้ยังได้ขยายไปสู่ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Oishi Packed Food) ทั้งอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งบริการจัดส่งถึงบ้าน ภายใต้ธุรกิจอาหาร ในเครือโออิชิ กรุ๊ป แบรนด์หลักที่ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วคือ “ชาบูชิ” ในขณะที่แบรนด์ดาวรุ่งที่กำลังมาแรง คือ “โออิชิ อีทเทอเรียม” เป็นการสร้าง Brand New Concept ครั้งใหญ่ของโออิชิ กรุ๊ป เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ในช่วง 5 – 10 ปีมานี้ กลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และแทบจะหาความแตกต่างไม่เจอ ประกอบกับเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่มีความเป็นปัจเจกมากขึ้น และธุรกิจร้านอาหารในยุคนี้ ไม่ใช่แค่นำเสนอความอิ่ม-อร่อยเท่านั้น แต่ต้องตอบสนอง 5 Senses ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ เดินหน้าขยาย Brand Portfolio เจาะตลาด “Street Food” ถึง “Fine Dining” หลังจากอยู่ในแวดวงเชนร้านอาหารญี่ปุ่นมาได้สักพัก ในปี 2558 เป็นปีที่ “ไทยเบฟ” เริ่มสยายปีก “ธุรกิจอาหาร” ให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการตั้งบริษัท “Food of Asia” (FOA) เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารหลากหลายประเภท นอกเหนือจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่บริหารโดยโออิชิ กรุ๊ป เพราะต้องการผลักดันธุรกิจร้านอาหารในเครือไทยเบฟ เข้าไปอยู่กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกโอกาสการบริโภคอาหาร และสามารถขยายสาขาตลาดในประเทศ และนำแบรนด์ออกสู่ตลาดต่างประเทศ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37497
Retail
เล่าเรื่องเกี่ยวกับการถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 วันที่ 26 ต.ค.กับภาคธุรกิจ
null
ครบรอบ 1 ปี การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในหลวง รัชกาลที่ 9) ในวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และพสกนิกรทั่วประเทศ ต่างร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นทั่วทั้งประเทศ ขณะเดียวกันก็จะมีพระราชพิธีสำคัญยิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนนี้เช่นเดียวกัน นั่นคือ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ซึ่งได้มีการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการแล้ว ขณะที่มีความเคลื่อนไหวจากภาคเอกชนหลายๆ แห่ง ได้ออกมาประกาศหยุดทำการในวันดังกล่าว เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานในบริษัทได้มีโอกาสเข้าร่วมถวายความอาลัยและส่งเสด็จฯ เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งห้างร้าน โรงภาพยนตร์ ธนาคารต่างๆ ขณะที่ภาคบริการก็ออกมาให้บริการฟรี หรือมอบส่วนลดในอัตราพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ หรือการแสดงออกของแบรนด์ต่างๆ เพื่อต้องการร่วมถวายความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้ ห้าง ร้าน ธนาคาร พร้อมใจกันหยุดบริการ ประกาศจากห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ต่างๆ โรงภาพยนตร์ ธนาคาร สวนสนุก ที่ทยอยหยุดให้บริการในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ทวิตเตอร์ ที่สร้างอีโมจิพิเศษเพื่อแสดงความอาลัย โดยตัวอีโมจิจะปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ผู้ใช้เขียนแฮชแท็กคำว่า #คิดถึงพ่อ #รักในหลวง #ทรงพระเจริญ #KingRama9 และ #KingBhumibol ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์สร้างอีโมจิพิเศษขึ้นมาสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ไปจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 รวมทั้งหยุดการโฆษณาทุกชนิดในประเทศไทยเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่ 25-27 ตุลาคม 2560 เช่นเดียวกับ Google ที่มีการเปลี่ยนหน้าเพจเป็นสัญลักษณ์เพื่อร่วมไว้อาลัยในวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน ด้าน รองเท้านันยาง ได้ทำการปรับลดราคารองเท้าผ้าใบหุ้มส้น ผูกเชือกสีดำ จากราคา 259 บาท เหลือเพียง 190 บาท ในระหว่างวันที่ 12-25 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมในการถวายความอาลัย เช่นเดียวกับภาคธุรกิจพลังงานอย่าง สถานีบริการน้ำมันของ ปตท. และ บางจาก ก็ได้ทำการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลง 40 สตางค์/ลิตร (เว้น E85 ลดลง 20 สตางค์/ลิตร) โดยมีผลเริ่มใช้ราคาใหม่ เมื่อ 12 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา ขณะที่ เชลล์ ได้ปรับให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์ทุกแห่งเป็นจุดแวะพัก พร้อมบริการน้ำดื่ม ขนาด 600 มิลลิลิตร ให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมพิธี ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2560 สำหรับ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมจัดทำสมุดภาพ “เชื่อมจุด ร้อยใจ ใกล้พ่อ” ถ่ายทอดคุณธรรม 9 ประการ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านภาพวาดลายเส้นจำนวน 9 ภาพ สะท้อนคุณธรรมและพระราชจริยวัตรอันงดงาม ที่คนไทยทุกคนควรน้อมนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต อันได้แก่ ความเสียสละ ความอ่อนน้อม ความอดทน ความใฝ่รู้ ความกตัญญู ความมีน้ำใจนักกีฬา ความพอเพียง ความเรียบง่าย และความเมตตา โดยจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกจำนวน 9,999 ชุด นำไปแจกประชาชนบริเวณลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 21 และวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 เวลา 12.00-18.00 น. พร้อมทั้งเปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF ได้ที่ ด้านเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศปิดบริการร้านค้าปลีกในเครือชั่วคราว ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถวายความจงรักภักดีและถวายความอาลัยในช่วงเวลาพระราชพิธี โดยร้านซีพี เฟรชมาร์ททุกสาขาทั่วประเทศ จะปิดในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่ 15.00 น. และจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 27 ตุลาคม 2560 เวลา 6.00 น. ทรู ช้อป จะปิดให้บริการทุกสาขา ยกเว้นสาขาสนามบินในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นไป โดยจะเปิดอีกครั้งในเวลาทำการของวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ส่วนร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จะปิดให้บริการทุกสาขาทั่วประเทศในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่ 14.30 น.จนถึง 24.00 น.
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37504
Retail
เหตุใดแฟมิลี่มาร์ทจึงเข้าร่วมพันธมิตรกับเคอรี่ เอ็กซ์เพรสในปี 2017
null
บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ต้องการระดับจากการเป็น Convenience Store สู่การเป็น Convenience Service โดยมีเป้าหมาย คือการเติมเต็มทุกภารกิจในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุค 4.0 นอกจากการให้บริการสินค้า อาหารสดใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง แฟมิลี่มาร์ทยังให้ความสำคัญเรื่องความสะดวกและคุณภาพการบริการที่สามารถตอบโจทย์กับทุกภารกิจ ทุกช่วงเวลา ของลูกค้าได้แบบครบครัน โดยเฉพาะการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดของกลุ่มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ทางแฟมิลี่มาร์ทจึงนำเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) เข้ามาเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อเติมเต็มและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ด้วยบริการฝากส่งพัสดุตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับบริการเคอรี่ เอ็กซ์เพรสในร้านแฟมิลี่มาร์ท ขณะนี้พร้อมให้บริการแล้วกว่า 100 จุด เช่น สีลม 32, ฮอลิเดย์อินน์, สุขมุวิท50, ทองหล่อ 17, สุรวงษ์ และโรงพยาบาลบางปะกอก เป็นต้น โดยจะทำการรับฝากส่งพัสดุใน 3 ขนาด คือ Mini, S และ S+ ราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท ทำการจัดส่งภายในวันถัดไป ซึ่งนอกจากบริการจัดส่งพัสดุแล้ว ทางร้านแฟมิลี่มาร์ทยังจำหน่ายกล่องพัสดุทั้ง 3 ขนาดข้างต้น ที่บริเวณเคาน์เตอร์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีพนักงานให้บริการตรวจสอบพัสดุก่อนการจัดส่งอีกด้วย ตามแผน ทางแฟมิลี่มาร์ทและเคอรี่ เอ็กซ์เพรส จะขยายการให้บริการให้ครอบคลุมสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 350 สาขาภายในปีนี้ ก่อนจะเพิ่มการให้บริการไปในสาขาที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะในโซนจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ และจังหวัดใหญ่ๆ ภายในปีหน้า จากจำนวนสาขาร้านแฟมิลี่มาร์ทโดยรวมทั่วประเทศ ที่มีกว่า 1 พันแห่ง รวมทั้งยังมีบริการชำระเงินได้ในหลายช่องทาง อาทิ Credit Card, Rabbit card, Alipay หรือใช้คะแนนThe 1 Card แทนเงินสด เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิตอลทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และสนับสนุนนโยบายการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society)
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37513
Retail
อธิบายเกี่ยวกับบนวัตกรรม The Slimmest Bank ของธนาคารธนชาต
null
ธนาคารธนชาตได้เปิดตัวบริการใหม่ที่เรียกว่า "The Slimmest Bank" ซึ่งเป็นช่องทางการชำระเงินที่มีความสะดวกสบายและประหยัดที่สุดผ่านการสแกน QR Code และเป็นบริการครั้งแรกที่จะใช้เพื่อการรับบริจาคเงินสมทบทุนของมูลนิธิรามาธิบดี ธนาคารธนชาตจะร่วมสมทบเพิ่มเงินอีก 1 บาท เมื่อมูลนิธิรับบริจาคทุก ๆ 10 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ National e-Payment ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องเพื่อเป็นการเป็นหัวเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งธนาคารธนชาตไม่เพียงแต่พัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ให้ทันสมัย แต่ยังมองไปถึงการเข้าถึงและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยการให้บริการนี้ทำให้ลูกค้าสามารถชำระเงินหรือโอนเงินได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับร้านค้าด้วยการลดความเสี่ยงจากการถือเงินสด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลที่จัดเก็บใน QR Code ได้อีกด้วย เช่น การเก็บข้อมูลการชำระเงิน เป็นต้น ธนาคารธนชาตได้เปิดให้บริการโอนเงินและชำระเงินผ่าน QR Code เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมการเงิน โดยให้ลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่ร้านค้าเพื่อชำระเงินหรือโอนเงินได้ โดยไม่ต้องใช้เงินสด
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37518
Retail
หากดีลระหว่าง JD.com กับเซ็นทรัล กรุ๊ป ล้มเหลว กลยุทธ์อื่นใดบ้างที่ JD.com สามารถใช้เพื่อบุกตลาดไทยได้?
null
1. ร่วมทุนกับผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายอื่นในไทย: JD.com สามารถจับมือกับผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในไทยที่มีฐานลูกค้าและโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว เช่น Shopee, Lazada หรือ aCommerce กลยุทธ์นี้จะช่วยให้ JD.com เข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ตัวอย่าง: การร่วมทุนระหว่าง JD.com กับ Tokopedia ในอินโดนีเซีย 2. เน้นจุดแข็งของ JD.com เอง: เน้นสินค้าเฉพาะกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าแม่และเด็ก สินค้าแบรนด์เนม พัฒนาบริการเสริมที่มีจุดเด่น เช่น ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ บริการหลังการขายที่รวดเร็ว ตัวอย่าง: การนำเสนอบริการ JD Fresh ที่เน้นสินค้าสดใหม่ ส่งตรงจากฟาร์ม 3. มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ: วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในไทย เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ชื่นชอบสินค้าต่างประเทศ พัฒนาแคมเปญการตลาดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ ตัวอย่าง: การนำเสนอสินค้าแบรนด์หรูจากจีนบนแพลตฟอร์ม 4. ขยายธุรกิจแบบ O2O: ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน จับมือกับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม นำเสนอสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตัวอย่าง: การเปิด JD Shop ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 5. พัฒนากลยุทธ์ราคาที่ดึงดูดใจ: นำเสนอโปรโมชั่นส่วนลด กิจกรรมส่งเสริมการขาย พัฒนาแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ตัวอย่าง: การนำเสนอโปรโมชั่น Flash Sale บนแอปพลิเคชัน 6. เน้นกลยุทธ์ Localization: ปรับแต่งแพลตฟอร์มให้รองรับภาษาไทย นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของคนไทย ตัวอย่าง: การนำเสนอสินค้า OTOP สินค้าท้องถิ่นบนแพลตฟอร์ม 7. พันธมิตรกับ Influencer และ KOL: ร่วมมือกับ Influencer และ KOL ในไทย นำเสนอสินค้าผ่านช่องทาง Social Media ตัวอย่าง: การร่วมมือกับดาราไทย เน็ตไอดอล ในการโปรโมทสินค้า 8. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาคลังสินค้า ระบบโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า ตัวอย่าง: การลงทุนในคลังสินค้าอัจฉริยะ 9. พัฒนาเทคโนโลยี: นำเสนอระบบ AI แชทบอท พัฒนาระบบการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัย ตัวอย่าง: การนำเสนอระบบ JD Pay 10. ศึกษาและวิเคราะห์ตลาดไทยอย่างละเอียด: เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค วิเคราะห์คู่แข่ง พัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดไทย สรุป: การบุกตลาดไทยของ JD.com นั้น ยังมีอุปสรรคและความท้าทายอยู่หลายประการ การพัฒนากลยุทธ์ที่หลากหลายและยืดหยุ่น การศึกษาตลาดไทยอย่างละเอียด การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จะเป็นกุญแจสำคัญสูความสำเร็จของ JD.com ในตลาดไทย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37533
Retail
**กลยุทธ์การจับรางวัล "เป๊ปซี่ชวนซ่า ล่ารถในฝัน" ของเป๊ปซี่ มีประสิทธิภาพต่อยอดขายในร้านค้าปลีกอย่างไร?
null
กลยุทธ์การจับรางวัล "เป๊ปซี่ชวนซ่า ล่ารถในฝัน" น่าจะมีประสิทธิภาพต่อยอดขายในร้านค้าปลีก ดังนี้: 1. กระตุ้นการซื้อ: รางวัลใหญ่ BMW 118i M Sport และรางวัลอื่นๆ ที่น่าสนใจ น่าจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเป๊ปซี่มากขึ้น โดยเฉพาะในร้านค้าปลีกที่ร่วมรายการ 2. ดึงดูดลูกค้าใหม่: แคมเปญนี้สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้าร้านค้าปลีก เพื่อลองซื้อสินค้าเป๊ปซี่และลุ้นรางวัล 3. เพิ่มยอดขายสินค้าอื่นๆ: เมื่อลูกค้าเข้าร้านเพื่อซื้อเป๊ปซี่ อาจจะซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม 4. สร้างบรรยากาศ: แคมเปญนี้สามารถสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นในร้านค้าปลีก 5. เพิ่มการรับรู้แบรนด์: แคมเปญนี้สามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์เป๊ปซี่ และสร้างการจดจำในหมู่ผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ร้านค้าปลีกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้ได้ดังนี้: 1. จัดแสดงสินค้าเป๊ปซี่อย่างเด่นชัด: วางสินค้าเป๊ปซี่ไว้ในจุดที่ลูกค้ามองเห็นได้ง่าย 2. ติดตั้งสื่อประชาสัมพันธ์: ติดโปสเตอร์, ป้าย, หรือแผ่นพับเกี่ยวกับแคมเปญนี้ในร้านค้า 3. เสนอโปรโมชั่นพิเศษ: ร้านค้าปลีกสามารถเสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ซื้อเป๊ปซี่ 2 ขวด แถม 1 ขวด เพื่อกระตุ้นยอดขาย 4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: ร้านค้าปลีกสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น เกมชิงรางวัล หรือแจกคูปองส่วนลด 5. เก็บข้อมูลลูกค้า: ร้านค้าปลีกสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่ร่วมลุ้นรางวัล เพื่อนำมาวิเคราะห์และทำการตลาดในอนาคต **โดยสรุป กลยุทธ์การจับรางวัล "เป๊ปซี่ชวนซ่า ล่ารถในฝัน" น่าจะมีประสิทธิภาพต่อยอดขายในร้านค้าปลีก ทั้งนี้ ร้านค้าปลีกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้ โดยการจัดแสดงสินค้า ติดตั้งสื่อประชาสัมพันธ์ เสนอโปรโมชั่นพิเศษ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และเก็บข้อมูลลูกค้า
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37548
Retail
การลดจำนวนงานเซลล์ลงของเดอะมอลล์ จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยรวมหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: -การรักษาสมดุลของกลไกตลาด: การจัดงานเซลล์บ่อยเกินไป ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้า รอจังหวะช่วงเซลล์แทน ส่งผลกระทบต่อยอดขายในช่วงปกติ การลดจำนวนงานเซลล์ลง จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้น รักษาสมดุลของกลไกตลาด -การสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า: การจัดงานเซลล์บ่อยๆ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้า ทำให้สินค้าดูด้อยค่า ลดความน่าสนใจ การลดจำนวนงานเซลล์ลง จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า -การเพิ่มผลกำไร: การจัดงานเซลล์ หมายถึงการลดราคาสินค้า ส่งผลต่อกำไรของธุรกิจ การลดจำนวนงานเซลล์ลง ช่วยให้ธุรกิจรักษาระดับราคาสินค้า เพิ่มผลกำไร -การส่งเสริมการขายรูปแบบอื่น: การลดจำนวนงานเซลล์ กระตุ้นให้ธุรกิจหาวิธีส่งเสริมการขายรูปแบบอื่น เช่น การให้บริการพิเศษ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และประสบการณ์ของลูกค้า -การปรับตัวของผู้บริโภค: พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ความสะดวกสบาย มากกว่าราคาสินค้า การลดจำนวนงานเซลล์ กระตุ้นให้ธุรกิจปรับตัว มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า อย่างไรก็ตาม การลดจำนวนงานเซลล์ลง ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จ ธุรกิจยังต้องพัฒนาในด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้สะดวกและหลากหลาย การพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ตัวอย่าง: ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ลดจำนวนงานเซลล์ลง เน้นไปที่การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบอื่น เช่น การจัดเวิร์คช็อป การจัดแสดงสินค้า ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และประสบการณ์ของลูกค้า ร้านค้าปลีกออนไลน์หลายแห่ง ลดจำนวนงานเซลล์ลง เน้นไปที่การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ บริการที่ดี และประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว ส่งผลดีต่อยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า สรุป: การลดจำนวนงานเซลล์ลง ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยรวม ช่วยให้ธุรกิจรักษาสมดุลของกลไกตลาด เพิ่มผลกำไร พัฒนาสินค้าและบริการ ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และประสบการณ์ของลูกค้า หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้น ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และวิธีการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ ธุรกิจควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลดจำนวนงานเซลล์
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37550
Retail
บอกเล่าเกี่ยวกับเบื้องหลัง ‘ออริจิ้น’ ฉีกตลาดอสังหาฯ
null
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ทั้งจากผู้เล่นรายใหญ่และรายย่อย ขณะที่กำลังซื้อและเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้การตลาดอสังหาฯ ต้องกระตุ้นยอดขายอย่างหนัก โดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น โปรโมชั่นลดราคาพิเศษ หรือข้อเสนอห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงโปรฯ เข้าอยู่ฟรี 1 ปี ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ซึ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) ได้ประกาศรีเฟรชแบรนด์ ด้วยการดึงซุปเปอร์สตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างการรับรู้แบรนด์ที่ชัดเจน นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบรรลุยอดขาย 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทเตรียมเข้าสู่ปีที่ 9 และได้จัดทำแคมเปญ “My Life. My Origin” เพื่อยกระดับแบรนด์ให้ชัดเจนและโดดเด่น โดยใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท แบรนด์ ออริจิ้นฯ จะเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นตัวเองของลูกค้า ซึ่งตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิต ในอนาคต บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่า 8,400 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าโครงการรวมของปีนี้เป็น 15,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรักษาและขยายตลาดคอนโดมิเนียมในกลุ่มพรีเมียมแมสได้อย่างต่อเนื่อง
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37560
Retail
เบอร์ทอลลี่มีกลยุทธ์อย่างไรในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่?
null
กลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่: 1. เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์: - คนรุ่นใหม่ใช้เวลากับโซเชียลมีเดียเป็นเวลานาน เบอร์ทอลลี่ควรสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และ TikTok - เนื้อหาควรเน้นไปที่การนำเสนอสูตรอาหารง่ายๆ ที่ใช้น้ำมันมะกอก - เบอร์ทอลลี่สามารถร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารเพื่อแนะนำการใช้น้ำมันมะกอกในชีวิตประจำวัน 2. เน้นจุดเด่นของน้ำมันมะกอก: - คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ เบอร์ทอลลี่ควรเน้นย้ำถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำมันมะกอก เช่นมีไขมันอิ่มตัวต่ำ,มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง,มีสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ทำให้การใช้น้ำมันมะกอกเป็นเรื่องง่าย: - เบอร์ทอลลี่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกสูตรพิเศษสำหรับการปรุงอาหารไทย - เบอร์ทอลลี่สามารถจัดเวิร์คช็อปสอนทำอาหาร - เบอร์ทอลลี่สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้น้ำมันมะกอกมีราคาจับต้องได้ 4. จับกระแสเทรนด์: - เบอร์ทอลลี่สามารถจับกระแสเทรนด์ต่างๆ เช่น การกินคลีน การกินวีแกน - เบอร์ทอลลี่สามารถพัฒนาสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกที่สอดคล้องกับเทรนด์เหล่านี้ 5. สร้างประสบการณ์: - เบอร์ทอลลี่สามารถจัดกิจกรรมชิมน้ำมันมะกอก - เบอร์ทอลลี่สามารถเปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ใช้น้ำมันมะกอก ผลลัพธ์ที่คาดหวัง - เบอร์ทอลลี่จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ - ยอดขายของเบอร์ทอลลี่จะเพิ่มขึ้น - เบอร์ทอลลี่จะกลายเป็นแบรนด์น้ำมันมะกอกชั้นนำในประเทศไทย คำอธิบายเพิ่มเติม - ตลาดน้ำมันมะกอกในประเทศไทยมีศักยภาพสูง กลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้เบอร์ทอลลี่สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ เบอร์ทอลลี่ควรติดตามเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาด ตัวอย่าง - เบอร์ทอลลี่สามารถสร้างวิดีโอสั้นๆ บน TikTok - เบอร์ทอลลี่สามารถร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารเพื่อรีวิวน้ำมันมะกอก - เบอร์ทอลลี่สามารถพัฒนาสูตรน้ำมันมะกอกสำหรับทำสลัด - เบอร์ทอลลี่สามารถจัดเวิร์คช็อปสอนทำอาหารคลีน - เบอร์ทอลลี่สามารถจัดกิจกรรมชิมน้ำมันมะกอกในซูเปอร์มาร์เก็ต สรุป เบอร์ทอลลี่มีโอกาสเติบโตในตลาดน้ำมันมะกอกในประเทศไทย กลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้เบอร์ทอลลี่บรรลุเป้าหมาย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37571
Retail
จากข้อมูลในบทความ กลยุทธ์ทางการค้าปลีก (Retail Strategy) ที่ “โชว์ ดีซี” ควรนำมาใช้ เพื่อดึงดูดลูกค้า และสร้างยอดขาย มีอะไรบ้าง
null
กลยุทธ์ทางการค้าปลีก (Retail Strategy) ที่ “โชว์ ดีซี” ควรนำมาใช้ เพื่อดึงดูดลูกค้า และสร้างยอดขาย มีดังนี้: 1. การผสมผสานสินค้าและบริการที่หลากหลาย (Product and Service Mix): “โชว์ ดีซี” ควรนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม สินค้าควรมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ดึงดูดให้ลูกค้าอยากมาซื้อ บริการควรมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประทับใจ ตัวอย่าง: โซน K-District จำหน่ายสินค้าเกาหลี ดึงดูดแฟนคลับเกาหลี ร้านอาหาร ร้านค้า ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า บริการรับฝากกระเป๋า ห้องอาบน้ำ เคาน์เตอร์รับจองบัตร อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว 2. การกำหนดราคาที่เหมาะสม (Pricing): “โชว์ ดีซี” ควรตั้งราคาสินค้าและบริการที่เหมาะสม พิจารณากลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง และต้นทุน นำเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด กิจกรรมส่งเสริมการขาย ดึงดูดลูกค้า ตัวอย่าง: ร้าน Nike Factory Store จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ โปรโมชั่นบัตรเครดิต กิจกรรมแจกของรางวัล 3. การจัดโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขาย (Promotion): “โชว์ ดีซี” ควรจัดโปรโมชั่น กิจกรรมส่งเสริมการขาย ดึงดูดลูกค้า กระตุ้นยอดขาย สร้างการรับรู้ ตัวอย่าง: แคมเปญลดราคา กิจกรรมชิมอาหาร คอนเสิร์ต 4. การจัดพื้นที่ร้านค้าและบรรยากาศ (Store Layout and Atmosphere): “โชว์ ดีซี” ควรออกแบบพื้นที่ร้านค้า และบรรยากาศ ดึงดูดลูกค้า น่าสนใจ น่าจดจำ สะดวกต่อการเดินเลือกซื้อสินค้า ตัวอย่าง: การออกแบบร้านค้า สไตล์เกาหลี การตกแต่งร้านอาหาร บรรยากาศไทย การจัดแสง เสียง 5. การบริการลูกค้า (Customer Service): “โชว์ ดีซี” ควรให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า พนักงานควรมีทักษะ ความรู้ บริการลูกค้าด้วยความประทับใจ ตัวอย่าง: พนักงานพูดได้หลายภาษา บริการรับฝากกระเป๋า บริการห้องอาบน้ำ 6. การใช้ช่องทางออนไลน์ (Online Channel): “โชว์ ดีซี” ควรใช้ช่องทางออนไลน์ โปรโมทร้านค้า สินค้า บริการ สื่อสารกับลูกค้า ตัวอย่าง: เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชั่น 7. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analytics): “โชว์ ดีซี” ควรเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม ความต้องการ นำข้อมูลมาพัฒนาสินค้า บริการ กลยุทธ์ ตัวอย่าง: โปรแกรมสมาชิก การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อ การนำเสนอสินค้า บริการ ตรงใจลูกค้า
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37583
Retail
สรุปเกี่ยวกับยูนิลีเวอร์ เปิดร้านติดดาว เพิ่มศักยภาพโชห่วย
null
ยูนิลีเวอร์ใช้งบลงทุนสำหรับโครงการร้านติดดาวไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ย 20 ล้านบาทต่อปี และจากนี้ไปได้ตั้งเป้าหมายมีร้านติดดาว 20,000 ร้านค้าภายในปี 2563 และมุ่งหวังให้ร้านค้ามีอัตราการเติบโต 10% ต่อปี ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านติดดาว หลักการพิจารณาร้านข้างบ้านที่เข้าร่วมโครงการร้านติดดาว ประกอบด้วย 1) ทำเลของร้านอยู่ใกล้แหล่งชุมชน โดยมีครัวเรือนรอบข้างอย่างน้อย 20 ครัวเรือน เช่น ตลาดสด อพาร์ตเม้นต์ มหาวิทยาลัย หอพัก คอนโด โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น 2) เจ้าของร้านเปิดใจรับฟังข้อแนะนำ และให้ความร่วมมือในการพัฒนาร้าน หากมีการปรับโฉมแบรนด์ 3) ร้านมีสินค้าหลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน สมัยก่อนภายในร้านโชห่วย ไม่มีการจัดเรียงสินค้าเป็นหมวดหมู่ ภายในร้านดูรกๆ แต่ทุกวันนี้การค้าเปลี่ยนไป มีการแข่งขันมากขึ้น ร้านค้าเองก็ต้องพัฒนา จัดเรียงสินค้าเป็นหมวดหมู่ โดยภายในร้านติดดาว ไม่ได้มีเพียงสินค้าของยูนิลีเวอร์เท่านั้น แต่ยังมีแบรนด์อื่นๆ ด้วย และทำโปรโมชั่น มีราคาสินค้าบนแพคเกจจิ้ง การวางสินค้าใช้คู่กัน เพื่อเพิ่มการซื้อของลูกค้า พฤติกรรมคนซื้อสินค้าจากร้านโชห่วย เขาคิดมาก่อนอยู่แล้วว่าจะซื้อสินค้าอะไร (Plan Purchase) แต่เมื่อมาแล้ว ถ้าเรามีสินค้าที่ใช้คู่กันวางใกล้กัน เช่น ตั้งใจมาซื้อผงซักฟอก ถ้าเราวางน้ำยาปรับผ้านุ่มคู่กัน จะเกิด Impulse Purchase ที่ผู้บริโภคจะซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มไปด้วย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37594
Retail
ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคมีทางเลือกในการช้อปปิ้งออนไลน์มากมาย กลยุทธ์ใดที่จะทำให้ศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักในการช้อปปิ้งและใช้ชีวิตของผู้บริโภค?
null
กลยุทธ์หลักที่ศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลควรนำมาใช้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล มีดังนี้: 1. มอบประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในออนไลน์: -เน้นการสร้างบรรยากาศและกิจกรรมที่ดึงดูดใจผู้บริโภค เช่น การจัดงานอีเวนต์พิเศษ การแสดงดนตรี นิทรรศการ ฯลฯ -พัฒนาระบบดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น บริการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า การชำระเงินผ่านมือถือ บริการนำสินค้าไปส่งที่รถ ฯลฯ -นำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ สวนสนุก พื้นที่สำหรับเด็กเล่น ฯลฯ 2. ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างลงตัว: -พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้า เช่น เว็บไซต์แอปพลิเคชัน ฯลฯ -นำเสนอสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น ร้านค้าออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ฯลฯ -มอบประสบการณ์ที่ผสานผสานออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่ศูนย์การค้า ฯลฯ 3. มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: -เก็บข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ -พัฒนากลยุทธ์ CRM เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า -มอบสิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นพิเศษแก่ลูกค้า 4. สนับสนุนธุรกิจขนาดย่อม (SMEs): -จัดพื้นที่ให้ SMEs เช่าเพื่อจำหน่ายสินค้า -จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและฝึกอบรมให้กับ SMEs -พัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น 5. ปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ: -ติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในธุรกิจค้าปลีกและนำมาปรับใช้ -พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า -ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตัวอย่างเพิ่มเติมของกลยุทธ์ที่ศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลสามารถนำมาใช้: -พัฒนาศูนย์การค้าให้เป็น "ไลฟ์สไตล์ เดสติเนชั่น" ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร -นำเสนอบริการที่ personalizado แก่ลูกค้า -พัฒนาระบบ loyalty program ที่ดึงดูดใจลูกค้า -เน้นการนำเสนอบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย -มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ "แปลกใหม่" และ "น่าจดจำ" ให้กับลูกค้า สรุป : -กลุ่มเซ็นทรัลจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล เน้นการมอบประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในออนไลน์ ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สนับสนุน SMEs และปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ -การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักในการช้อปปิ้งและใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37596
Retail
กลยุทธ์การรีแบรนด์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ของเกเตอเรด ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในช่องทางค้าปลีกอย่างไร
null
เพิ่มความน่าสนใจ กระตุ้นให้เกิดความอยากซื้อ 1. เปลี่ยนโลโก้ใหม่: - ใช้ตราสัญลักษณ์ตัว “G” ตอกย้ำชื่อแบรนด์ - สื่อถึงความทันสมัย - ดึงดูดความสนใจของลูกค้า 2. ออกแบบแพคเกจจิ้งใหม่: - ฉลากสีสันสดใส - รูปนักกีฬาระดับโลก - สื่อถึงความเป็นมืออาชีพ - กระตุ้นแรงบันดาลใจให้กับลูกค้า 3. นำเสนอรสชาติที่หลากหลาย: - ลิโอเนล เมสซี กับกลิ่นมะนาว (Lemon Lime) - เซเรน่า วิลเลียมส์ กับกลิ่นองุ่น (Grape) - อเล็กซิส ซานเชซ กับกลิ่นบลูบลาส (Blue Blast) - ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย - เพิ่มโอกาสในการขาย 4. วางจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย: - ร้านสะดวกซื้อ - ร้านค้าปลีก - ซุปเปอร์มาร์เก็ต - ไฮเปอร์มาร์เก็ต - สนามกีฬา - ฟิตเนสเซ็นเตอร์ - เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย - สะดวกต่อการซื้อ ผลลัพธ์: - กลยุทธ์การรีแบรนด์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ของเกเตอเรด ประสบความสำเร็จ - ส่งผลดีต่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในช่องทางค้าปลีก ดังนี้: 1. เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์: - โลโก้และแพคเกจจิ้งใหม่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้า - ลูกค้าจดจำแบรนด์เกเตอเรดได้ง่ายขึ้น 2. เพิ่มความน่าสนใจของสินค้า: - รูปนักกีฬาระดับโลก กระตุ้นแรงบันดาลใจให้กับลูกค้า - ลูกค้ารู้สึกอยากลองซื้อสินค้า 3. กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ: - รสชาติที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้า - ราคาที่เหมาะสม - ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า ตัวอย่าง: - นาย A ชอบเล่นฟุตบอล มักจะซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อดื่มหลังออกกำลังกาย เห็นขวดเกเตอเรดโฉมใหม่บนชั้นวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อ - ดึงดูดความสนใจด้วยโลโก้และแพคเกจจิ้งใหม่ อ่านฉลากบนขวด เมื่อเห็นรูปลิโอเนล เมสซี นักฟุตบอลที่ชื่นชอบ ตัดสินใจซื้อเกเตอเรดรสชาติมะนาว บทสรุป: กลยุทธ์การรีแบรนด์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ของเกเตอเรด เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และสร้างการจดจำของแบรนด์
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37597
Retail
เรื่องราวของจีนทำไมถึงกว้านซื้อกิจการทั่วโลก หวังสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่
null
การเข้าซื้อบริษัทต่างประเทศเป็นทางลัดที่จีนใช้ในการขยายอาณาจักรของตนในเวทีการค้าและการลงทุนระดับโลก จีนกลายเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในภาวะการเงินโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่กลุ่มทุนจีนได้ขยายอาณาจักรไปยังต่างแดนมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่เน้นการลงทุนในเทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์ ในอดีตยุค "Old Economy" การลงทุนของจีนมักเน้นทางภาคอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหมืองแร่ โรงงานเหล็ก และพลังงาน โดยมักใช้วิธีการเข้าซื้อกิจการในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ เช่น การซื้อบริษัทพลังงานในแคนาดา หรือบริษัทผลิตเหล็กในออสเตรเลีย แต่ในปัจจุบันจีนได้เริ่มเคลื่อนไหวไปสู่ยุค "New Economy" โดยเน้นการลงทุนในภาคเทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์ ซึ่งบริษัทจีนหลายรายเริ่มเปลี่ยนจากการเป็นบริษัทท้องถิ่นเป็นบริษัทระดับโลก อย่าง Huawei, Tencent, Alibaba เป็นต้น การลงทุนในบริษัทต่างประเทศในยุค "New Economy" ของจีนมักไม่เน้นทางภาคอุตสาหกรรมหนัก เช่นเคย แต่เน้นที่การลงทุนในธุรกิจที่เป็นเทรนด์ในปัจจุบันและอนาคต เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต/ซอฟท์แวร์ พลังงานทางเลือกใหม่ ค้าปลีก การเงิน อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการลงทุนในธุรกิจกีฬา และบันเทิง เช่นการซื้อสโมสรกีฬา หรือการลงทุนในธุรกิจอนุรักษ์และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นต์ โดยบริษัทจีนบางรายได้ลงทุนในบริษัทเอนเตอร์เทนเม้นต์ต่างๆ ซึ่งทำให้มีการขยายแผนธุรกิจและสร้างระบบนิเวศธุรกิจของตนออกไปยังระดับโลก ดังนั้น การเข้าซื้อบริษัทต่างประเทศจากจีนไม่ได้มุ่งไปที่ภาคอุตสาหกรรมหนักและโรงงานเหมืองแร่เหมือนในอดีต แต่เน้นที่การลงทุนในธุรกิจที่เป็นเทรนด์และมีศักยภาพในอนาคต ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนและประสานกันกับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบันและอนาคต
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37611
Retail
งานสัมมนา “Marketing Day 2016 : Excellence Marketing for Thailand 4.0” นำเสนอหัวข้ออะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการตลาดสำหรับธุรกิจค้าปลีก
null
1. เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่: - เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล - ปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ - เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและดึงดูดลูกค้า 2. การสร้างคอนเทนต์: - เรียนรู้วิธีสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดึงดูด และสร้างการมีส่วนร่วม - นำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจ - สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า 3. Big Data: - วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรม - พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า - เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด 4. Good Corporate Governance: - ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นธรรม - สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย - เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ 5. กลยุทธ์การตลาดสำหรับ SME: - เรียนรู้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก - พัฒนาสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์ - ขยายฐานลูกค้า 6. E-Commerce: - เข้าใจโอกาสและความท้าทายของ E-Commerce - พัฒนากลยุทธ์การขายสินค้าออนไลน์ - ขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ตัวอย่าง: - ร้านค้าปลีก A ต้องการเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในยุคดิจิทัล - เข้าร่วมงานสัมมนา “Marketing Day 2016 : Excellence Marketing for Thailand 4.0” - เรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ - นำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการ - สร้างกลยุทธ์การตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37626
Retail
การจัดแคมเปญ "อร่อยซ่า...มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย" ของเป๊ปซี่ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. กระตุ้นยอดขาย: แคมเปญนี้กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อโคล่ามาดื่มคู่กับมื้ออาหารมากขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายโคล่าในร้านค้าปลีก 2. สร้างโอกาสการขาย: แคมเปญนี้สร้างโอกาสให้ร้านค้าปลีกขายสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น อาหารทานเล่น ของหวาน ฯลฯ 3. สร้างการรับรู้แบรนด์: แคมเปญนี้ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์เป๊ปซี่ให้ผู้บริโภคจดจำ 4. สร้างภาพลักษณ์: แคมเปญนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้เป๊ปซี่เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับการดื่มคู่กับมื้ออาหาร 5. ดึงดูดลูกค้า: แคมเปญนี้ดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านค้าปลีกมากขึ้น 6. สร้างความสัมพันธ์: แคมเปญนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเป๊ปซี่กับร้านค้าปลีก ตัวอย่าง: - จากผลสำรวจของ Nielsen พบว่า ยอดขายโคล่าในร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10% ในช่วงที่มีการจัดแคมเปญ "อร่อยซ่า...มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย" - ร้านค้าปลีกหลายแห่งรายงานว่า ลูกค้าซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น อาหารทานเล่น ของหวาน ฯลฯ เมื่อซื้อโคล่า - ผู้บริโภคหลายคนจดจำแคมเปญ "อร่อยซ่า...มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย" และรู้สึกอยากดื่มโคล่าคู่กับมื้ออาหาร - แคมเปญนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้เป๊ปซี่เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับการดื่มคู่กับมื้ออาหาร - ร้านค้าปลีกหลายแห่งรู้สึกพึงพอใจกับแคมเปญนี้ และหวังว่าเป๊ปซี่จะจัดแคมเปญแบบนี้อีก ข้อจำกัด: 1. ผลของแคมเปญนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าปลีก 2. แคมเปญนี้อาจไม่ส่งผลต่อยอดขายสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าปลีก 3. ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่สนใจแคมเปญนี้ สรุป: การจัดแคมเปญ "อร่อยซ่า...มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย" ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยรวม แคมเปญนี้ช่วยกระตุ้นยอดขาย สร้างโอกาสการขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ ดึงดูดลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเป๊ปซี่กับร้านค้าปลีก
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37627
Retail
อะไรคือเทรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่งาน Interpack 2017 นำเสนอ?
null
งาน Interpack 2017 นำเสนอเทรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์หลายประการ ดังนี้: 1. อุตสาหกรรม 4.0: งาน Interpack 2017 นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Industry 4.0 ซึ่งรวมถึง: - การทำงานร่วมกันของเครื่องจักร (Machine-to-Machine) - การใช้ Big Data และ AI - การพิมพ์ 3 มิติ - เทคโนโลยี Cloud Computing เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ความปลอดภัย: ผู้บริโภคมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารและเครื่องดื่ม งาน Interpack 2017 - นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถ: - เพิ่มความปลอดภัยของอาหาร - ติดตามย้อนกลับสินค้า - ป้องกันการเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์ 3. บรรจุภัณฑ์เฉพาะบุคคล: ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ personalize งาน Interpack 2017 นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถ: - ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ personalize - ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละราย 4. การลดการสูญเสียอาหาร: งาน Interpack 2017 นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถ: - ยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร - ลดการสูญเสียอาหาร 5. นวัตกรรมการออกแบบ: งาน Interpack 2017 นำเสนอเทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้: - ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค - เพิ่มมูลค่าสินค้า - เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งาน Interpack 2017 เป็นงานแสดงสินค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ งานนำเสนอเทรนด์ล่าสุด เทคโนโลยีใหม่ ๆ และโซลูชั่นแบบครบวงจร ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37647
Retail
เซเว่น อีเลฟเว่น" ครองแชมป์ร้านสะดวกซื้อที่ผู้บริโภคไทยเลือกซื้อสูงสุดใช่หรือไม่
null
ใช่ เหตุผล: ข้อมูลจาก Kantar Worldpanel: ผลการจัดอันดับสุดยอดแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสูงสุดประจำปี 2558 ในประเทศไทย กลุ่มผู้ค้าปลีก อันดับ 1 คือ "เซเว่น อีเลฟเว่น" - จำนวนสาขาที่ครอบคลุม: เซเว่น อีเลฟเว่นมีสาขามากกว่า 13,000 สาขา ทั่วประเทศไทย เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย - สินค้าหลากหลาย: เซเว่น อีเลฟเว่นมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน - บริการที่สะดวกรวดเร็ว: เซเว่น อีเลฟเว่นมีบริการที่สะดวกรวดเร็ว พนักงานให้บริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส - กลยุทธ์ทางการตลาด: เซเว่น อีเลฟเว่นมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงดูดลูกค้า เช่น โปรโมชั่นต่างๆ การสะสมแต้ม - ช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย: เซเว่น อีเลฟเว่นรองรับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น เงินสด บัตรเครดิต บัตรเดบิต QR Code - การพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง: เซเว่น อีเลฟเว่นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น บริการสั่งสินค้าออนไลน์ บริการรับ-ส่งพัสดุ ข้อสรุป: จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า "เซเว่น อีเลฟเว่น" ครองแชมป์ร้านสะดวกซื้อที่ผู้บริโภคไทยเลือกซื้อสูงสุด สอดคล้องกับผลการจัดอันดับของ Kantar Worldpanel
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37648
Retail
การใช้ iBeacon ในซูเปอร์มาร์เก็ต มีโอกาสสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและช่วยด้านการขายได้อย่างไรบ้าง?
null
แนวทางสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย iBeacon ในซูเปอร์มาร์เก็ต มีดังนี้ 1. Content Marketing: นำเสนอ Content ในรูปแบบภาพ ข้อความ หรือวิดีโอ กระตุ้นแรงบันดาลใจและความสนใจ เช่น สูตรอาหาร วัตถุดิบ เทคนิคการประกอบอาหาร Content นั้นต้องเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้ากำลังเลือก ช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ตัวอย่าง: ลูกค้าเดินไปโซนเครื่องปรุงรส iBeacon แสดงวิดีโอสูตรอาหาร ลูกค้าหยิบเส้นสปาเก็ตตี้ iBeacon แสดงวิดีโอวิธีต้มเส้น ลูกค้าเลือกเนื้อสัตว์ iBeacon แสดงสูตรอาหารแนะนำ 2. Personalization: วิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้า พฤติกรรม และความสนใจของลูกค้า นำเสนอ Content โปรโมชั่น คูปองส่วนลด ตรงใจลูกค้าแต่ละคน ตัวอย่าง: ลูกค้าชอบทานอาหารคลีน iBeacon แสดงโปรโมชั่นสินค้าคลีน ลูกค้าซื้อนมผงเด็ก iBeacon แสดงคูปองส่วนลดผ้าอ้อม ลูกค้าซื้ออาหารสัตว์ iBeacon แสดงโปรโมชั่นของเล่นสัตว์ 3. Gamification: เพิ่มกิจกรรมสนุกๆ เกมส์ ลุ้นรางวัล สะสมแต้ม กระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ใช้เวลานานขึ้นในร้านค้า ตัวอย่าง: เช็คอินสะสมแต้ม แลกรับส่วนลด เล่นเกมส์ตอบคำถาม ชิงรางวัล ลุ้นรับคูปองส่วนลดพิเศษ ผ่านการสุ่ม 4. Interactive Shopping: แสดงข้อมูลสินค้า รีวิว เปรียบเทียบราคา ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างมั่นใจ ตัวอย่าง: สแกนบาร์โค้ด แสดงข้อมูลสินค้า ส่วนผสม วิธีการใช้งาน เปรียบเทียบราคาสินค้าระหว่างแบรนด์ แสดงรีวิวจากผู้ใช้งานจริง 5. Customer Feedback: เก็บข้อมูลความคิดเห็น ความพึงพอใจของลูกค้า พัฒนาสินค้า บริการ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตัวอย่าง: แสดงแบบสอบถามความพึงพอใจหลังการซื้อ เก็บข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้า บริการ พนักงาน ข้อควรระวัง: ควบคุมความถี่ในการส่งข้อความ ไม่ควรส่งรบกวนลูกค้า เสนอ Content โปรโมชั่น ตรงใจลูกค้า ไม่ควร spam รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า สรุป: iBeacon เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า กระตุ้นการขาย เพิ่ม Engagement และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า แต่ต้องนำมาใช้อย่างเหมาะสม เข้าใจความต้องการของลูกค้า และป้องกันการรบกวน เพิ่มเติม: ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน iBeacon พัฒนา Content และโปรโมชั่นให้ตรงใจ ทดสอบและปรับปรุงการใช้งานอย่างต่อเนื่อง การใช้ iBeacon อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพิ่ม Engagement และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในระยะยาว
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37651
Retail
เทคโนโลยี AI จะเข้ามาแทนที่พนักงานขายในร้านค้าปลีกทั้งหมดหรือไม่?
null
ไม่ เหตุผลคือ : -AI ยังมีข้อจำกัด: AI ยังไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ ความต้องการ และความรู้สึกของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งเหมือนกับพนักงานขายที่มีประสบการณ์ ลูกค้าบางกลุ่มยังต้องการปฏิสัมพันธ์กับพนักงานขาย: ลูกค้าบางกลุ่มต้องการพูดคุย สอบถามข้อมูล และขอคำแนะนำจากพนักงานขายโดยตรง -AI สามารถช่วยพนักงานขายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น: AI สามารถทำงานที่เรียบง่ายและซ้ำซากจำเจ เช่น การแนะนำสินค้า การตอบคำถามที่พบบ่อย ช่วยให้พนักงานขายมีเวลาให้กับลูกค้าที่ต้องการการช่วยเหลือพิเศษ -AI สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขาย: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ตัวอย่างการใช้งาน AI ในร้านค้าปลีก: -ระบบแนะนำสินค้า: AI สามารถวิเคราะห์ประวัติการซื้อสินค้าของลูกค้า แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าใหม่ที่ลูกค้าอาจสนใจ -ระบบตอบคำถามอัตโนมัติ: AI สามารถตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินค้า บริการ และโปรโมชั่นต่างๆ -ระบบชำระเงินอัตโนมัติ: AI ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินค่าสินค้าโดยไม่ต้องผ่านพนักงานขาย -ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: AI ช่วยให้ร้านค้าปลีกเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความชอบของลูกค้า สรุป: AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในร้านค้าปลีกมากขึ้น แต่จะไม่เข้ามาแทนที่พนักงานขายทั้งหมด AI จะช่วยพนักงานขายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดึงดูดลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขาย ร้านค้าปลีกควรผสมผสานการใช้ AI เข้ากับการบริการจากพนักงานขาย เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37654
Retail
อธิบายถึงความสำเร็จผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตของท็อปส์
null
หัวใจสำคัญต้องมีระบบ Sourcing สินค้าที่ดีและมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าธุรกิจค้าปลีกต้องมีสินค้าจาก Supplier ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่วางจำหน่าย โดยเฉพาะ Top 3 แบรนด์ของตลาดที่ขาดไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะในสาขาของตนเอง เพื่อสร้างความหลากหลายของประเภทสินค้า และสร้างความแตกต่างให้กับ Store ตรงนี้เองที่ “ท็อปส์” ใช้ประสบการณ์และความได้เปรียบ สามารถ Sourcing สินค้าทั้งจากในประเทศ ต่างประเทศ และสินค้าจากเกษตรกรมาวางจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันท็อปส์ซื้อสินค้าตรงจากเกษตรกรใน 28 จังหวัด Store Format ปัจจุบันมี 205 สาขาทั่วประเทศ ใน 8 รูปแบบที่เจาะเข้าไปในแต่ละโลเกชั่นได้อย่างเหมาะสม ประกอบด้วย 1) เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ จำนวน 7สาขา 2) ท็อปส์ มาร์เก็ต จำนวน 85 สาขา 3) ท็อปส์ ซูเปอร์ สโตร์ จำนวน 2 สาขา 4) ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม จำนวน 37 สาขา 5) ท็อปส์ เดลี่ จำนวน 51 สาขา 6) อีทไทย จำนวน 1 สาขา โดยรูปแบบที่เติบโตดีที่สุด และขยายตัวได้ดี คือ ท็อปส์ มาร์เก็ต และ ท็อปส์ เดลี่ ในปีนี้มีแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 45 สาขา โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2559 จะมีสาขาของท็อปส์ทั้งสิ้น 250 สาขา รวมถึงการปรับโฉมอีก 12 สาขา ขณะที่ในภายใน 5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ามีสาขารวม 600 สาขา โดยในแต่ละปีใช้งบลงทุนด้านสาขาไม่ต่ำกว่า 1,000 – 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Online มีสินค้ากว่า 10,000 รายการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เป็นช่องทางหลักที่ลูกค้าใช้บริการ เพราะด้วยพฤติกรรมของลูกค้านิยมไปที่สาขา เพื่อสัมผัสกับสินค้าจริงมากกว่า แต่การเปิดช่องทาง Online เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สร้างความสะดวกให้กับลูกค้า บวกกับร้าน Specialty Store 2 รูปแบบ คือ Wine Cellar จำนวน 3 สาขา และ Segafredo จำนวน 19 สาขา และเมื่อปีที่แล้วก็มีการ Joint Venture กับญี่ปุ่น เปิดร้านสุขภาพและความงามอันดับ 1 ของญี่ปุ่น คือ มัทซึโมโตะคิโยชิอีก จำนวน 4 สาขา Loyalty Program ท็อปส์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกๆ ที่ใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) เข้ามาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยเปิดตัวบัตร Sport Rewards Card เมื่อปี 2547 จนเมื่อปีที่แล้วได้ร่วมบัตรกับ The 1 Card ของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้ปัจจุบันมีฐานสมาชิกมากถึง 12 ล้านราย ยิ่งเสริมพลังความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการมี Big Data หรือระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ที่นำมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อทำให้เกิด Store Loyalty และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า Innovation ยกระดับการช้อปปิ้งให้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งกว่า เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มีวิถีชีวิตที่ทันสมัย ด้วย QR Code ตรวจสอบย้อนกลับสินค้า, ถุงหายใจได้ Active PAK เพื่อรักษาความสดของผักและผลไม้ให้ยาวนานยิ่งขึ้น
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37680
Retail
เรื่องย่อของแลมป์ตั้น กรุ๊ป ขอลุยอสังหาฯ “เดอะไบรท์”
null
“แลมป์ตั้น กรุ๊ป” ขยายธุรกิจจากผู้นำนวัตกรรมด้านหลอดไฟของไทยสู่ธุรกิจค้าปลีกเต็มรูปแบบ โดยเปิดตัว “เดอะ ไบรท์” ซิตี้ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกบนถนนพระราม 2 มั่นใจว่าจะดึงดูดลูกค้าระดับพรีเมียมไม่ต่ำกว่า 10,000 คนต่อวัน โดยยอดซื้อเฉลี่ยเกือบ 2,000 บาทต่อครั้ง อวัศยา ไชยสงวนมิตต์ ประธานบริษัท แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “เดอะ ไบรท์” คือโครงการแรกของบริษัทหลังจากที่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ และขณะนี้การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว มีร้านค้าจองพื้นที่เกือบเต็มหมด โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มีนาคม ภายใต้แนวคิด “Brighten up Your Life” เพื่อสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยให้แก่คนในย่านพระราม 2 “เดอะ ไบรท์” เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 10 ไร่ บริเวณถนนพระราม 2 ขาออก มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 17,000 ตารางเมตร มีอาคารสูง 4 ชั้น โดยพื้นที่ร้านค้าแบ่งออกเป็น: - ร้านอาหาร 50% เช่น ฟู้ดแลนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ตและเบอร์เกอร์คิงที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงร้านอาหารเกรดพรีเมียม - ส่วนการเงินและบริการ 20% - ร้านที่เกี่ยวกับความงาม เช่น สปา ร้านเสริมความงาม 10% - ส่วนอื่นๆ เช่น สถาบันพัฒนาการเด็ก ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านขายยา ร้านไอที ร้านหนังสือ และร้านขายซีดีเพลงและภาพยนตร์ 20% นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นจุดเด่นแตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไป
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37686
Retail
ขอคำแนะนำหน่อย “มินิ บิ๊กซี” วางเป้าหมาย จะขยายจำนวนมินิบิ๊กซี ในปี 2559 ทั้งหมดกี่สาขา
null
วางเป้าหมาย จะขยายจำนวนมินิบิ๊กซี ในปี 2559 ทั้งหมด 75 สาขา ซึ่งรวมทั้งรูปแบบแฟรนไชส์ และที่ลงทุนเอง บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จํากัด (มหาชน) พร้อมแตกไลน์มินิ บิ๊กซี เปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ และใช้พื้นที่ในการลงทุนไม่มาก เนื่องจากร้านมินิบิ๊กซีเป็นโมเดลที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันให้เป็น one stop service โดยสินค้าเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย แม่บ้าน คนทำงาน และกลุ่มคนที่พักอาศัยในชุมชนที่ต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด และความหลากหลายของสินค้าที่มีให้เลือกอย่างครบครัน โดยอาศัยจุดแข็งด้านราคา ทำให้เเตกต่างจากคู่เเข่งในกลุ่มคอนวีเนียนสโตว์ได้อย่างชัดเจน ภายใต้คอนเซ็ปต์ สะดวก ใกล้บ้านคุณ โดยแฟรนไชส์สาขาแรกเปิดอย่างเป็นทางการไปแล้ว คือ สาขา The Station ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยโมเดลของ แฟรนไชส์มินิบิ๊กซี จะ มี ขนาดพื้นที่ คือ: - ขนาดมาตรฐานใช้พื้นที่เฉลี่ย 80 -120 ตรม. - และขนาดถึง 160 ตรม. - โดยใช้จุดแข็งด้านราคาและจำนวนสินค้าที่มีหลากหลาย มากกว่า 5,000 รายการ โดยถือเป็นข้อได้เปรียบของร้านมินิ บิ๊กซี ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค - และเป็นตัวเลือกให้กับกลุ่มแม่บ้าน คนทำงาน หรือ กลุ่มคนที่พักอาศัยในชุมชน ที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่สะดวกเดินทางไกล แต่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ครบครัน ในจำนวนเงินที่คุ้มค่าคุ้มราคากว่า ซึ่งเเนวทางการขยายธุรกิจ มินิ บิ๊กซี: - ส่วนหนึ่งจะดึงรูปแบบ (โมเดล) ความสำเร็จของธุรกิจ มินิ บิ๊กซี ที่ลงทุนเองมาต่อยอดเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ต่อไป - และหลังจากที่เราเริ่มเปิดตัวแฟรนไชส์ของมินิบิ๊กซีไปเป็นที่แรก ขณะนี้ได้มีนักธุรกิจได้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากและได้ติดต่อเข้ามาเพื่อร่วมทำธุรกิจกับบิ้กซี ในปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาคุณภาพควบคู่ไปกับการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง: - โดยเน้นขยายเเบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อยืนหยัดการเป็น “ห้างค้าปลีกในใจชุมชน” - โดยวางเป้าหมาย จะขยายจำนวนมินิบิ๊กซี ในปี 2559 ทั้งหมด 75 สาขา ซึ่งรวมทั้งรูปแบบแฟรนไชส์และที่ลงทุนเอง สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจเเฟรนไชส์ สามารถเปิดได้ในทำเลของตนเองหรือมีห้องเเถวอยู่เเล้ว หากสนใจทำธุรกิจมินิ บิ๊กซีแฟรนไชส์สามารถติดต่อได้ที่ 02-655 0666 ต่อ 4272 ปัจจุบัน บิ๊กซีมีจำนวนไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา - (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้าและบิ๊กซี จัมโบ้) - บิ๊กซี มาร์เก็ต 55 สาขา - มินิบิ๊กซี 394 สาขา - และร้านขายยาเพรียว 146 สาขา
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37704
Retail
อธิบายแคมเปญแซนดิสก์ ขยายสู่ตลาดค้าปลีก SSD ในประเทศไทย
null
แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น (NASDAQ: SNDK) ผู้นำด้านโซลูชั่นอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบแฟลช ก้าวสู่ตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ SSD สำหรับผู้บริโภคในตลาดค้าปลีกพร้อมเปิดตัว SSD รุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่ม SSD แบบพกพา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น SanDisk Extreme 500 ในขนาดเล็กสะดวกต่อ การพกพา หรือรุ่น SanDisk Extreme 900 ซึ่งเป็น SSD แบบพกพา ในรูปแบบ Type C ที่เร็วที่สุดในโลก รวมถึงรุ่น SSD Plus ไดร์ฟ SSD 2.5 นิ้ว รุ่นใหม่ ซึ่งให้ความคุ้มค่าต่อเงินของผู้บริโภคด้วยความเร็วขึ้นกว่าฮาร์ดดิสก์เดิมสูงสุดถึง 23 เท่า ที่จะมาช่วยให้ชีวิตใหม่แก่คอมพิวเตอร์ตัวเดิมผลิตภัณฑ์กลุ่ม SSD กำลังกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยคุณสมบัติเด่นในการเข้าถึงข้อมูลและการบูทเครื่องที่เร็วกว่า แต่กลับใช้พลังงานที่น้อยกว่า จึงไม่เพียงเหมาะแก่การใช้กับโน้ตบุ๊คเท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านหรือใช้เพื่อการเล่นเกมส์ ที่ต่างเริ่มหันมาใช้ SSD เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สูงขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มช่างถ่ายภาพและช่างถ่ายวิดีโอมืออาชีพ รวมถึงผู้ทำงานด้านกราฟฟิกต่างๆ ที่ต้องการความรวดเร็วในการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งและหลากหลายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ SSD ของแซนดิสก์ ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุดของ SSD สู่กลุ่มต่างๆในท้องตลาดได้อย่างครอบคลุม ผลิตภัณฑ์กลุ่ม SSD สำหรับตลาดค้าปลีก ในปัจจุบัน ประกอบด้วย รุ่น SanDisk® SSD PLUS, SanDisk Ultra® II SSD และ SanDisk Extreme® Pro SSD ซึ่งใช้สำหรับติดตั้งภายในตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังมีรูปแบบพกพาและใช้ภายนอกตัวเครื่องซึ่งอยู่ในกลุ่ม SSD แบบพกพา ในซีรี่ย์ของ SanDisk Extreme® SSD แบบพกพา รุ่น SanDisk Extreme 900 – SSD แบบพกพารุ่นใหม่ พร้อมประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบัน SSD แบบพกพา รุ่น SanDisk Extreme 900 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความจุของข้อมูล โดยสามารถจัดเก็บได้สูงสุด 1.92 TB* และยังทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์1พกพาโดยทั่วไปสูงสุด 9 เท่าตัว ผู้ใช้งานจึงสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายแม้จะมีวิดีโอความละเอียด 4K มีการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงหรือการสร้างผลงานกราฟฟิกที่มีไฟล์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ SSD แบบพกพา รุ่น SanDisk Extreme 900 ยังมีขนาดที่สะดวกในการพกพาและมีความคงทนจากกรอบอะลูมิเนียม ผู้ใช้งานจึงสามารถพกพาไปได้ทุกที่อย่างสะดวกสบาย โดยมีคุณสมบัติด้านการเข้าถึงหรือแชร์ไฟล์ดิจิตอลขนาดใหญ่ได้เพียงไม่กี่วินาทีด้วยความเร็วสูงสุด 850 MB/วินาที** จึงช่วยลดเวลาในการทำงาน ผู้ใช้สามารถเร่งทำงานตามแผนได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลถึงขนาดไฟล์ นอกจากนี้ยังมีสาย USB Type-C และ Type-A เพื่อความยืดหยุ่นด้านการทำงานในแต่ละระบบ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37713
Retail
จงบอกเหตุผลที่ มัทสึโมโตะ คิโยชิ เลือกทำเลเปิดร้านในไทย
null
มัทสึโมโตะ คิโยชิ เลือกทำเลเปิดร้านในไทยถูกต้อง ด้วยเหตุผล ดังนี้ 1. กลุ่มเป้าหมาย: มัทสึโมโตะ คิโยชิ เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงรักสวยรักงาม ใส่ใจตัวเอง และรักสุขภาพ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนมากในเขตเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ 2. ศักยภาพของตลาด: ตลาดค้าปลีกสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในไทยมีศักยภาพสูง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา 3. การเข้าถึง: การเปิดร้านในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สะดวก เพราะเป็นศูนย์การค้าที่มีคนหนาแน่น 4. การขยายสาขา: แผนการขยายสาขาในอนาคต แสดงให้เห็นว่า มัทสึโมโตะ คิโยชิ มั่นใจในศักยภาพของตลาดค้าปลีกสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในไทย ข้อดีของการเลือกทำเล คือ 1. อยู่ในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น 2. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สะดวก 3. อยู่ในศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียง ข้อเสียของการเลือกทำเล คือ 1. ค่าเช่าพื้นที่อาจสูง 2. มีคู่แข่งในตลาดอยู่มาก โดยสรุป มัทสึโมโตะ คิโยชิ เลือกทำเลเปิดร้านในไทยถูกต้อง เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ตลาดมีศักยภาพสูง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สะดวก และมีแผนการขยายสาขาในอนาคต
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37716
Retail
การเข้าร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่นของยาคูลท์ จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของยาคูลท์หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. ขยายช่องทางจำหน่าย: - การเข้าร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น ช่วยให้ยาคูลท์เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น เซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขามากกว่า 8,500 แห่งทั่วประเทศ - ผู้บริโภคสามารถซื้อยาคูลท์ได้สะดวก โดยไม่ต้องรอสาวยาคูลท์มาส่ง 2. เพิ่มยอดขาย - การเข้าถึงผู้บริโภคที่กว้างขึ้น ย่อมนำไปสู่โอกาสการขายที่มากขึ้น - ยาคูลท์มีแบรนด์ลอยัลตี้สูง ผู้บริโภคจำนวนมากนิยมซื้อยาคูลท์อยู่แล้ว - การวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องวางแผนล่วงหน้า 3. เสริมสร้างภาพลักษณ์: - การวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีชื่อเสียง ช่วยให้ยาคูลท์ดูทันสมัย เข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น - เสริมสร้างภาพลักษณ์ของยาคูลท์ ในฐานะแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนี้: 1. ราคาขายที่สูงกว่า: - ยาคูลท์ในเซเว่นอีเลฟเว่น ขายราคา 8 บาท สูงกว่าราคาที่สาวยาคูลท์ขาย 1 บาท - อาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มลังเลที่จะซื้อ 2. ความกังวลของสาวยาคูลท์: - สาวยาคูลท์บางส่วนกังวลว่า ยาคูลท์ในเซเว่นอีเลฟเว่น จะแย่งลูกค้าของตน - ส่งผลต่อรายได้ของสาวยาคูลท์ โดยสรุป: การเข้าร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น น่าจะมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของยาคูลท์ แต่ยาคูลท์ก็ต้องบริหารจัดการข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งบริษัท และสาวยาคูลท์
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37717
Retail
เขียนเกี่ยวกับ ไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2015
null
งานแสดงสินค้า International Wire & Cable Trade Fair for Southeast Asia ครั้งที่ 11 และ International Tube and Pipe Trade Fair for Southeast Asia ครั้งที่ 10 สุดยอดงานแสดงนวัตกรรมและโซลูชั่นสำหรับสินค้าภาคธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรมลวด เคเบิ้ล ท่อ และ ท่อร้อยสายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยมีผู้จัดแสดงจากบริษัทนานาชาติชั้นนำกว่า 400 บริษัท จากกว่า 30 ประเทศ ประกอบไปด้วยพาวิลเลี่ยนแสดงสินค้าระดับนานาชาติถึง 8 แห่ง และกลุ่มอุตสาหกรรมจากประเทศออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ทำให้งานแสดงสินค้า ไวเออร์ แอนด์ ทูปเซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2015 เป็นเวทีอันดับหนึ่งในระดับภูมิภาคด้านการจัดแสดงสินค้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม ไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2015 นั้นจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต, การก่อสร้าง, การบิน, ยานยนต์ และโทรคมนาคม กำลังแข็งแกร่งขึ้น โดยผู้เข้าร่วมงานนั้นจะมาจากหลากหลายภาคส่วน อาทิเช่น การก่อสร้าง, ยานยนต์, เคมีและน้ำมัน, ผู้ค้าปลีกด้านผลิตภัณฑ์ทางเทคนิค, การศึกษาและวิทยาลัยเทคนิคต่างๆ และผู้ประกอบการด้านสายไฟ เป็นต้น บริษัทที่ได้ทำการลงทะเบียนเยี่ยมชมงานแล้ว ได้แก่ บริษัท บางกอกสตีลไวร์ จำกัด, บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด, กุลธรแมททีเรียลส์แอนด์คอนโทรลส์ บจก. และบริษัทอื่นๆอีกมากมาย งานแสดงสินค้า ไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2015 นั้นจะนำเสนอการสัมมนาพิเศษโดยผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอีกด้วย โดยหัวข้อจะมีตั้งแต่ความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน, มาตรฐานการติดตั้ง, การแปลงสายไฟเป็นสายเคเบิลใต้ดิน จนไปถึงการออกแบบวงจรและขนาดที่เหมาะสมของสายไฟบ้าน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37721
Retail
กลยุทธ์การจับมือกับ Mushroom Television ของ Index Creative Village ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร
null
1.ขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า: การร่วมมือกับ Mushroom Television ทำให้ Index Creative Village สามารถขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครือข่ายสาขาของตนเอง Index Creative Village จึงสามารถเข้าถึงผู้ชมของรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับความนิยมและมุ่งเน้นกลุ่มผู้ประกอบการและ SMEs ที่มักสนใจในสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ 2.เพิ่มการรับรู้แบรนด์: การเป็นสปอนเซอร์ของรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" ช่วยให้ Index Creative Village มีโอกาสในการเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยโลโก้และชื่อของ Index Creative Village จะปรากฏในรายการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมรู้จักแบรนด์มากขึ้นและจดจำได้ดีขึ้น 3.สร้างภาพลักษณ์แบรนด์: การสนับสนุนรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" ช่วยให้ Index Creative Village สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะผู้สนับสนุนผู้ประกอบการและ SMEs ภาพลักษณ์นี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าที่สนใจในด้านธุรกิจและการลงทุน 4.เปิดโอกาสทางธุรกิจ: การร่วมมือกับ Mushroom Television เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับ Index Creative Village เช่น การนำเสนอบริการของตนเองต่อผู้ชมของรายการ "อายุน้อยร้อยล้าน" หรือการร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับ Mushroom Television อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์นี้ยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือเรื่องค่าใช้จ่าย การเป็นสปอนเซอร์ของรายการโทรทัศน์มักมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งทำให้ Index Creative Village ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะคุ้มค่ากับเงินที่ใช้ไป อีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญคือการวัดผลการดำเนินงานของกลยุทธ์นี้ การประเมินผลกระทบของการเป็นสปอนเซอร์อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน Index Creative Village จึงต้องพัฒนาวิธีการวัดผลที่มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถติดตามและประเมินผลลัพธ์ของกลยุทธ์นี้ได้อย่างเหมาะสม การจัดการกับความท้าทายเหล่านี้จะช่วยให้ Index Creative Village สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างเต็มที่ และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37726
Retail
Apple Music ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค: - ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อเพลงดิจิทัลมากขึ้น - ผู้บริโภคอาจซื้อเพลงจาก Apple Music แทนการซื้อแผ่นซีดีหรือแผ่นเสียง 2. การลดลงของยอดขาย: - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ขายแผ่นซีดีหรือแผ่นเสียงอาจมี ยอดขายลดลง - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอาจต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ตัวอย่าง: ร้านขายแผ่นเสียง: - ร้านขายแผ่นเสียงอาจต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ - ร้านขายแผ่นเสียงอาจต้องเน้นขายสินค้าอื่นๆ แทนแผ่นเสียง ผลลัพธ์: - ยอดขายแผ่นเสียงลดลง - ร้านขายแผ่นเสียงบางแห่งอาจต้องปิดกิจการ ข้อดี: 1. โอกาสใหม่: - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Apple Music - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถใช้ Apple Music เป็นเครื่องมือในการดึงดูดลูกค้า 2. การลดต้นทุน: - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้า - ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน ข้อเสีย: 1. การสูญเสียลูกค้า: ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอาจสูญเสียลูกค้าที่ซื้อแผ่นซีดีหรือแผ่นเสียง 2. ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันจากร้านค้าออนไลน์ สรุป: Apple Music ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37733
Retail
การเปิดตัวดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นการ "ยกระดับ" ประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้า ใช่หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. การเน้นสินค้าไลฟ์สไตล์: ดิ เอ็มควอเทียร์ มุ่งเน้นไปที่สินค้าไลฟ์สไตล์มากกว่าสินค้าแฟชั่นทั่วไป โดยมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าสำหรับเด็ก หนังสือ ของเล่น ของสะสม ฯลฯ สินค้าเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตน และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ตัวอย่าง: - พื้นที่ Helix Quartier รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สุดพิเศษจากแบรนด์ไทยและต่างประเทศ - The Gourmet Emporium ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียมที่มีสินค้าหลากหลายทั้งอาหารสด อาหารพร้อมทาน วัตถุดิบอาหารนานาชาติ - Kidzania Bangkok เมืองจำลองสำหรับเด็ก 2. การนำเสนอแบรนด์และดีไซเนอร์ไทย: ดิ เอ็มควอเทียร์ ให้ความสำคัญกับแบรนด์และดีไซเนอร์ไทย โดยจัดสรรพื้นที่ให้พวกเขาได้นำเสนอผลงานและสินค้าของตัวเอง ตัวอย่าง: - โซน "Thai Designers Gallery" รวบรวมผลงานของดีไซเนอร์ไทยกว่า 30 แบรนด์ - โซน "Fashion District" แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์ไทย 3. การผสมผสานเทคโนโลยี: ดิ เอ็มควอเทียร์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น - บริการ "Personal Shopper" ที่ช่วยเลือกสินค้าตามความต้องการของลูกค้า - บริการ "Click & Collect" ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่ห้างฯ ได้ - บริการ "Mobile Concierge" ที่ช่วยลูกค้าในเรื่องต่าง ๆ เช่น จองร้านอาหาร สั่งอาหาร หาที่จอดรถ 4. กิจกรรมส่งเสริมการขาย: ดิ เอ็มควอเทียร์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น โปรโมชั่นส่วนลด แลกคะแนนสะสม ชิงโชค รางวัล ฯลฯ ตัวอย่าง: - แคมเปญ "The Grand Opening Celebration" ฉลองการเปิดตัวดิ เอ็มควอเทียร์ - แคมเปญ "Black Friday" มอบส่วนลดสูงสุด 80% 5. การออกแบบและบรรยากาศ: ดิ เอ็มควอเทียร์ ออกแบบอย่างสวยงาม ทันสมัย และสะดวกสบาย ตัวอย่าง: - พื้นที่ "Atrium" โถงกลางขนาดใหญ่ - พื้นที่ "Outdoor Garden" สวนกลางแจ้งบนชั้นดาดฟ้า สรุป: การเปิดตัวดิ เอ็มควอเทียร์ นำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่หลากหลาย สะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และยกระดับการช็อปปิ้งในประเทศไทย
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37734
Retail
"มากกว่าจะคือน้อยกว่า หรือ น้อยกว่าจะคือมากกว่า" มีข้อเสนอแนะอะไรบ้างสำหรับธุรกิจค้าปลีก ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยง "การทำคุณบูชาโทษ" ทางการตลาด
null
1. เสนอทางเลือกให้ลูกค้าอย่างพอเหมาะ: -ไม่ควรนำเสนอสินค้าหรือบริการมากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้าเกิดภาวะ "Information Overload" ตัดสินใจเลือกซื้อได้ยาก -ควรจำกัดจำนวนตัวเลือกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 3-5 ตัวเลือก เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น -นำเสนอข้อมูลสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน ครบถ้วน เปรียบเทียบง่าย เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้อง 2. เน้นคุณสมบัติเด่นของสินค้า: -ไม่ควรเน้นคุณสมบัติของสินค้ามากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกสับสน จดจำข้อมูลได้ยาก -ควรเน้นคุณสมบัติเด่นของสินค้า 2-3 ประการ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า -นำเสนอข้อมูลสินค้าในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ดึงดูดความสนใจ กระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ 3. เสนอของแถมที่มีมูลค่า: -ไม่ควรเสนอของแถมจำนวนมาก แต่มีมูลค่าต่ำ เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าของแถมไม่มีคุณค่า -ควรเสนอของแถมที่มีมูลค่า 1-2 ชิ้น ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า -ของแถมควรมีคุณภาพดี ใช้งานได้จริง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า 4. นำเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ: -โปรโมชั่นควรมีความคุ้มค่า ตรงกับความต้องการของลูกค้า -นำเสนอโปรโมชั่นในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ดึงดูดความสนใจ -กำหนดเงื่อนไขโปรโมชั่นที่ชัดเจน ไม่ยุ่งยาก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า 5. เข้าใจความต้องการของลูกค้า: -ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชั่นที่ตรงใจ -เก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม -พัฒนาระบบ CRM เพื่อติดตามความพึงพอใจของลูกค้า และปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้น 6. พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้ง: -พัฒนาบรรยากาศภายในร้านค้าให้สะดวกสบาย ดึงดูดใจ -พัฒนาระบบการชำระเงินให้รวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย -พัฒนาระบบบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตัวอย่างการประยุกต์ใช้: -ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัดจำนวนแบรนด์สินค้าในแต่ละประเภท ไม่เกิน 3 แบรนด์ -ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เน้นคุณสมบัติเด่นของสินค้า 2-3 ประการ บนฉลากสินค้า -เทสโก้ โลตัส เสนอของแถมที่มีมูลค่า 1 ชิ้น สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบตามจำนวนที่กำหนด -แม็คโคร เสนอโปรโมชั่นลดราคาสินค้า 10% สำหรับสินค้ากลุ่มอาหารสด -ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จัดทำบัตรสมาชิก เพื่อมอบส่วนลดพิเศษ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้า ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: -ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น -ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจกับสินค้า บริการ และโปรโมชั่น -ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น -ภาพลักษณ์ของธุรกิจดีขึ้น ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม: -ธุรกิจค้าปลีกควรติดตามผล ประเมินผล ของกลยุทธ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง -ปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37737
Retail
วีซ่าควรทำอย่างไรเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
null
1. พัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ ๆ: วีซ่าควรพัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การชำระเงินผ่านใบหน้า การชำระเงินผ่านเสียง พัฒนาเทคโนโลยี contactless ให้แพร่หลายมากขึ้น พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการบัตร ชำระเงิน และติดตามธุรกรรมได้สะดวก 2. ขยายฐานผู้ใช้งาน: วีซ่าควรขยายฐานผู้ใช้งานไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น กลุ่มคนรุ่นใหม่ ร่วมมือกับร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ในการนำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลด พัฒนาบริการด้านการเงินที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 3. เสริมสร้างความปลอดภัย: วีซ่าควรพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม ป้องกันการฉ้อโกง และอาชญากรรมทางไซเบอร์ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ว่าข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาจะปลอดภัย 4. ขยายช่องทางการชำระเงิน: วีซ่าควรขยายช่องทางการชำระเงินให้ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ร่วมมือกับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ พัฒนาบริการ Mobile Point of Sale (mPOS) 5. สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก: วีซ่าควรสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กในการเข้าถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ นำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินที่มีค่าธรรมเนียมที่มีเหตุผล 6. มุ่งเน้นการให้บริการ: วีซ่าควรให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า พัฒนาระบบการตอบคำถามและแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37740
Retail
การปิดสาขา Tesco Express 43 สาขาในอังกฤษ จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของ Tesco หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: - การลดต้นทุน: Tesco Express เป็นโมเดลสาขาขนาดเล็กที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง การปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร 43 สาขา จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของ Tesco ลงอย่างมีนัยสำคัญ - การปรับขนาดธุรกิจ: Tesco กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและออนไลน์ การปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ช่วยให้ Tesco สามารถปรับขนาดธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน - การมุ่งเน้นไปที่รูปแบบธุรกิจที่มีศักยภาพ: Tesco กำลังมุ่งเน้นไปที่รูปแบบธุรกิจที่มีศักยภาพมากกว่า เช่น Tesco Extra และ Tesco Superstore ซึ่งเป็นโมเดลสาขาขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายและบริการที่ครบครัน - การปรับกลยุทธ์สู่ธุรกิจออนไลน์: Tesco กำลังลงทุนในธุรกิจออนไลน์อย่างต่อเนื่อง การปิดสาขา Tesco Express ช่วยให้ Tesco สามารถทุ่มเททรัพยากรเพิ่มเติมไปยังธุรกิจออนไลน์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม การปิดสาขา Tesco Express 43 สาขา อาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าในบางพื้นที่: - ความสะดวก: ลูกค้าอาจต้องเดินทางไกลขึ้นเพื่อไปช้อปปิ้งที่ Tesco - ตัวเลือกสินค้า: สาขา Tesco Express มักมีสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย การปิดสาขา Tesco Express อาจทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกสินค้าที่จำกัดลง โดยสรุป การปิดสาขา Tesco Express 43 สาขา น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของ Tesco ในระยะยาว Tesco จะต้องหาสมดุลระหว่างการลดต้นทุน การรักษาฐานลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37744
Retail
การเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ของซีพี จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของซีพีหรือไม่?
null
ใช่ การเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ของซีพี จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของซีพี เหตุผล: 1. ขยายฐานลูกค้า: -เทสโก้ โลตัส มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและชนบท -ช่วยให้ซีพีเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ -เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของซีพี 2. เสริมสร้างช่องทางจำหน่าย: -เทสโก้ โลตัส มีเครือข่ายสาขากว้างขวาง -ช่วยให้ซีพีมีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย -เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า 3. เพิ่มอำนาจต่อรอง: -การควบรวมกิจการครั้งนี้ -ทำให้ซีพีกลายเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย -เพิ่มอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ -ช่วยให้สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง 4. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: -ซีพี สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน -และระบบต่างๆ ของเทสโก้ โลตัส -ช่วยให้ประหยัดต้นทุน -เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนี้: 1. ปัญหาการผูกขาด: -การควบรวมกิจการครั้งนี้ -อาจนำไปสู่ปัญหาการผูกขาดในตลาดค้าปลีก -ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค 2. ปัญหาการปรับโครงสร้าง: -การรวมกิจการ -อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากร -ก่อให้เกิดปัญหาในการปรับโครงสร้าง 3. ปัญหาการต่อต้านจากพนักงาน: -พนักงานของเทสโก้ โลตัส -อาจกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในงาน -ก่อให้เกิดปัญหาการต่อต้าน สรุป การเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ของซีพี น่าจะมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของซีพี แต่ซีพีก็ต้องบริหารจัดการข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งบริษัท และผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37751
Retail
นอกเหนือจากการแจกของพรีเมียมแล้ว ยังมีกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ อะไรอีกบ้าง ที่ร้านสะดวกซื้อสามารถใช้ดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี?
null
1. กลยุทธ์ด้านสินค้า: เสนอสินค้าใหม่ สินค้าตามฤดูกาล สินค้าเทศกาล โปรโมชั่นลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 แพ็กเกจสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเฉพาะกลุ่ม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 2. กลยุทธ์ด้านบริการ: พัฒนาระบบการชำระเงินให้สะดวก รวดเร็ว บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน บริการอื่นๆ เช่น เติมเงิน จ่ายบิล ซื้อตั๋ว 3. กลยุทธ์ด้านการสื่อสาร: โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆ กิจกรรมส่งเสริมการขาย อีเวนต์พิเศษ โซเชียลมีเดีย 4. กลยุทธ์ด้าน Customer Relationship Management: เก็บข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ วิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอสินค้า บริการ ตรงความต้องการ โปรโมชั่นส่วนลด เฉพาะกลุ่ม บริการหลังการขาย 5. กลยุทธ์ด้านบรรยากาศ: ตกแต่งร้านให้สวยงาม ดึงดูดใจ จัดเรียงสินค้าให้สะดวก หาง่าย เพลง แสง เสียง สร้างบรรยากาศที่ดี 6. กลยุทธ์ด้านการแข่งขัน: ศึกษาจุดเด่น จุดด้อย กลยุทธ์ของคู่แข่ง วิเคราะห์ตลาด เทรนด์ พฤติกรรมผู้บริโภค หาจุดยืน (positioning) ของตัวเอง พัฒนาจุดเด่นที่แตกต่าง 7. กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี: พัฒนาแอปพลิเคชั่น บริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ระบบชำระเงินออนไลน์ บริการอื่นๆ เช่น เช็คโปรโมชั่น ค้นหาสินค้า 8. กลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม: กิจกรรม CSR สนับสนุนชุมชน สิ่งแวดล้อม โดยสรุป: ร้านสะดวกซื้อสามารถใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ดึงดูดลูกค้า สร้างยอดขาย คำแนะนำเพิ่มเติม: ศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียด พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เน้นการบริการที่ประทับใจ ติดตามเทรนด์ นวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ร้านสะดวกซื้อมีโอกาสประสบความสำเร็จในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแข่งขันสูง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37753
Retail
การเปิดตัวศูนย์การค้า "สเปล" ของฟิวเจอร์พาร์ค เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล คือ 1. การขยายตัวของชุมชนเมือง: กรุงเทพฯ ตอนเหนือมีชุมชนเมืองที่ขยายตัวออกมารอบนอก ประกอบกับกำลังซื้อที่ขยายตัวตาม ทำให้ศูนย์การค้า "สเปล" มีโอกาสเติบโตสูง 2. กลุ่มลูกค้าระดับบน: ศูนย์การค้า "สเปล" มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งฟิวเจอร์พาร์คยังไม่ครอบคลุมกลุ่มนี้มาก่อน 3. ร้านค้าแม็กเนต: ศูนย์การค้า "สเปล" ดึงดูดร้านค้าแม็กเนตใหม่ ๆ มากกว่า 200 ร้านค้า ซึ่งเทียบเท่ากับศูนย์การค้าใจกลางเมือง 4. การตอบสนองทุกความต้องการ: การผสมผสานระหว่าง "ฟิวเจอร์พาร์ค" และ "สเปล" ทำให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม 5. การลงทุนที่หลากหลาย: ฟิวเจอร์พาร์คมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรม อพาร์ตเมนต์ โรงพยาบาล และสนามฟุตซอล 6. การย้ำความเป็นผู้นำ: ศูนย์การค้า "สเปล" จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำของฟิวเจอร์พาร์คในฐานะค้าปลีกกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ข้อดีเพิ่มเติม: 1. การเข้าถึง: ศูนย์การค้า "สเปล" ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สะดวกต่อการเดินทาง 2. พื้นที่จอดรถ: ศูนย์การค้า "สเปล" มีพื้นที่จอดรถรองรับ 9,000 คัน 3. สะพานยกระดับ: ฟิวเจอร์พาร์คมีแผนลงทุนสร้างสะพานยกระดับรังสิต-นครนายก เชื่อมต่อเข้าสู่ศูนย์การค้า ข้อจำกัด: 1. การแข่งขัน: ศูนย์การค้า "สเปล" เผชิญการแข่งขันจากศูนย์การค้าอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ตอนเหนือ 2. สภาวะเศรษฐกิจ: สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37754
Retail
คุณช่วยเล่าสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลวิจัย "คนไทยใช้มือถือมากกว่าดูทีวี"
null
ทีเอ็นเอส (TNS) บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มดิจิทัลชาวไทย Connected Life ที่ระบุว่าโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางสำคัญที่สุดในการเข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตของประชากรไทย โดยผลสำรวจนี้ยังเผยให้เห็นว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ใช้เวลากว่า 3.1 ชั่วโมงต่อวันกับโทรศัพท์มือถือ และกว่า 2.6 ชั่วโมงเป็นการออนไลน์ผ่านมือถือ ขณะที่อัตราการรับสื่อประเภทอื่นอย่างเช่นการฟังวิทยุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 13 นาทีต่อวัน และ 5 นาทีต่อวัน สำหรับการอ่านหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร โดยมีโทรทัศน์เป็นสื่อเดียวที่ยังได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ด้วยอัตราเฉลี่ยการรับชมโทรทัศน์เฉลี่ยกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งทุกวัน โดย 36% เปิดดูโทรทัศน์เป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ขณะที่ 57% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเปิดสวิตซ์ดูโทรทัศน์ในตอนค่ำ ทีเอ็นเอส (TNS) บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มดิจิทัลชาวไทย ที่ ระบุว่าโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางสำคัญที่สุดในการเข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตของประชากรไทย โดยผลสำรวจนี้ยังเผยให้เห็นว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ใช้เวลากว่า ชั่วโมงต่อวันกับโทรศัพท์มือถือ และกว่า ชั่วโมงเป็นการออนไลน์ผ่านมือถือ ขณะที่อัตราการรับสื่อประเภทอื่นอย่างเช่นการฟังวิทยุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว นาทีต่อวัน และ นาทีต่อวัน สำหรับการอ่านหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร โดยมี โทรทัศน์เป็นสื่อเดียวที่ยังได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ด้วยอัตราเฉลี่ยการรับชมโทรทัศน์เฉลี่ยกว่า ชั่วโมงครึ่งทุกวัน โดย เปิดดูโทรทัศน์เป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ขณะที่ ของ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเปิดสวิตซ์ดูโทรทัศน์ในตอนค่ำ ผลสำรวจ TNS Connected Life พบว่า โซเชียลมีเดียที่เป็นที่นิยมอย่างเฟซบุ๊ก ค่าเฉลี่ยของการใช้งานในประเทศไทยอยู่ในระดับที่มากกว่าประเทศอื่นๆทั่วโลกมาก โดย 87% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เข้าเฟซบุ๊กทุกสัปดาห์ เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในระดับโลกที่ 47% ขณะที่แอพพลิเคชั่นไลน์ได้รับความนิยมกว่า 2 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยขณะที่ค่าเฉลี่ยโลกมีเพียง 1 ใน 10 ที่ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ การรับชมวิดีโอออนไลน์ผ่านยูทูบก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกัน โดยกว่า 3 ใน 4 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย มีการเปิดชมทุกสัปดาห์ เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเพียง 35% ในระดับโลกภาพยนตร์ มร.โจกล่าวสรุปว่า “ผู้บริโภคกลุ่มดิจิทัลในประเทศไทยยังคงต้องการที่จะสัมผัสสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ และยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของการจ่ายเงินออนไลน์ และคุณภาพของสินค้าที่จะได้รับ ถ้าร้านค้าปลีกออนไลน์สามารถให้ความมั่นใจในเรื่องเหล่านี้ได้ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อออนไลน์มากขึ้น”
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37786
Retail
การเปิดตัว Mountain Dew ในประเทศไทย เป๊ปซี่โค เลือกใช้กลยุทธ์ทาง Retail ที่เหมาะสมหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. เป๊ปซี่โค เลือกใช้กลยุทธ์ทาง Retail ที่หลากหลาย เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ "กล้า ท้า ลอง" ของ Mountain Dew 2. กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยสร้างการรับรู้ กระตุ้นการทดลองชิม และขยายฐานลูกค้าให้กับ Mountain Dew ตัวอย่างกลยุทธ์ทาง Retail ที่เป๊ปซี่โคใช้: 1. การวางจำหน่ายในช่องทาง Retail ที่หลากหลาย: - วางจำหน่ายทั้งใน Modern Trade (ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และซูเปอร์-ไฮเปอร์มาร์เก็ต) และ Traditional Trade (ร้านขายของชำ ร้านค้าปลีกและร้านอาหารทั่วไป) - เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวาง 2. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น: - ใช้ขวดนีออนสีเขียวสะดุดตา ดีไซน์ขวดแบบคอยาว เท่ห์โดดเด่น - ดึงดูดความสนใจของกลุ่มวัยรุ่น 3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: - แจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม จำนวนกว่า 2 ล้านขวด - กระตุ้นการทดลองชิม - สร้างการจดจำ 4. การจัดกิจกรรมโรดโชว์: - ไปตามพื้นที่สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ - เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง - สร้างการมีส่วนร่วม 5. การใช้สื่อโฆษณาที่หลากหลาย: - โฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อดิจิตอล สื่อกลางแจ้ง สื่อ ณ จุดขาย - เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวาง - เสริมสร้างภาพลักษณ์ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: 1. กระตุ้นและขยายตลาดน้ำสีของธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทย 2. Mountain Dew ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย 3. ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำเทรนด์ (Trendsetter) ของเป๊ปซี่โค ข้อจำกัด: 1. กลยุทธ์เหล่านี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง 2. ประสิทธิภาพของกลยุทธ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยอืนๆ เช่น - รสชาดของผลิตภัณฑ์ - เศรษฐกิจ - และคู่แข่ง สรุป: เป๊ปซี่โค เลือกใช้กลยุทธ์ทาง Retail ที่หลากหลาย เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ "กล้า ท้า ลอง" ของ Mountain Dew กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยสร้างการรับรู้ กระตุ้นการทดลองชิม และขยายฐานลูกค้าให้กับ Mountain Dew
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37791
Retail
ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ตสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้างเพื่อเพิ่มยอดขายหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
null
1. เพิ่มพื้นที่จัดแสดงสินค้า: จัดพื้นที่เฉพาะสำหรับจำหน่ายหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ออกแบบพื้นที่ให้ดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เช่น แหล่งที่มา วิธีการเพาะเลี้ยง คุณค่าทางโภชนาการ 2. เสนอโปรโมชั่นและส่วนลด: จัดโปรโมชั่นลดราคา แถมสินค้าอื่น ๆ เมื่อซื้อหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสนอชุดอาหารทะเลที่มีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เป็นส่วนประกอบ 3. พัฒนาสินค้าใหม่: พัฒนาสินค้าแปรรูปจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เช่น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์แช่แข็ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์รมควัน นำเสนอเมนูอาหารสำเร็จรูปที่มีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เป็นส่วนประกอบ 4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: จัดสาธิตการปรุงอาหารด้วยหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เชิญเชฟมาแนะนำเมนูอาหารจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ จัดกิจกรรมชิมฟรีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ 5. ให้ความรู้เกี่ยวกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์: จัดทำแผ่นพับหรือเอกสารให้ความรู้เกี่ยวกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ Facebook Instagram จัดอบรมพนักงานขายเกี่ยวกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ 6. ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ: ร่วมมือกับร้านอาหาร นำเสนอเมนูอาหารจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ร่วมมือกับบริษัทจัดส่งอาหาร นำเสนอหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สดและสินค้าแปรรูป ร่วมมือกับ Influencer โปรโมทหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ผ่านสื่อออนไลน์ สรุป: ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ตสามารถเพิ่มยอดขายหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เพิ่มพื้นที่จัดแสดงสินค้า เสนอโปรโมชั่นและส่วนลด พัฒนาสินค้าใหม่ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ให้ความรู้เกี่ยวกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ หมายเหตุ: กลยุทธ์เหล่านี้ควรปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าและสถานการณ์ของแต่ละห้าง การติดตามผลและประเมินผลลัพธ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37831
Retail
นอกเหนือจาก 3 กลยุทธ์หลัก (ตอบโจทย์ทุกความต้องการเชิงลึก ตอบโจทย์ทุกกำลังซื้อ และตอบโจทย์ทุกการเข้าถึง) ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อะไรอีกบ้างที่ไทวัสดุสามารถใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายในสาขาศรีสะเกษ?
null
1. กลยุทธ์ด้านราคา: - เสนอราคาสินค้าที่แข่งขันได้ โปรโมชั่นส่วนลด - แพ็กเกจสินค้าและบริการ - โปรแกรมสะสมแต้ม - บริการผ่อนชำระ 2. กลยุทธ์ด้านการสื่อสาร: - เน้นการสื่อสารแบบ Omnichannel - เว็บไซต์ ร้านค้าออนไลน์ แชทบอท - โซเชียลมีเดีย แบ่งปันเนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ - อินฟลูเอนเซอร์มาร์เก็ตติ้ง - ร่วมงานกับสื่อท้องถิ่น - กิจกรรมส่งเสริมการขาย 3. กลยุทธ์ด้านบริการ: - ให้บริการวิเคราะห์และออกแบบพื้นที่ - บริการติดตั้ง ซ่อมแซม - บริการเช่าเครื่องมือ - บริการรับ-ส่งสินค้า - บริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ 4. กลยุทธ์ด้าน Customer Relationship Management: - เก็บข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ - วิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอสินค้า บริการ ตรงความต้องการ - โปรโมชั่นส่วนลด เฉพาะกลุ่ม - บริการหลังการขาย 5. กลยุทธ์ด้านชุมชน: - สนับสนุนกิจกรรมในชุมชน - ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น - สินค้าและบริการชุมชน 6. กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี: - พัฒนาแอปพลิเคชั่น - บริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ - ระบบชำระเงินออนไลน์ - บริการอื่นๆ เช่น เช็คโปรโมชั่น ค้นหาสินค้า 7. กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม: - สนับสนุนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - รณรงค์ลดใช้พลังงาน - กิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม โดยสรุป: ไทวัสดุสามารถใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลายรูปแบบ ดึงดูดลูกค้า สร้างยอดขาย คำแนะนำเพิ่มเติม: - ศึกษาความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ศรีสะเกษอย่างละเอียด - พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ - เน้นการบริการที่ประทับใจ - ติดตามเทรนด์ นวัตกรรมใหม่ ๆ - พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ไทวัสดุ สาขาศรีสะเกษ มีโอกาสประสบความสำเร็จและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในพื้นที่
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37841
Retail
รายงาน 2024 Industry Insights Report ของ Nielsen บ่งชี้ถึงโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีกหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผลคือ: -ผู้บริโภคไทยยังมีแผนจะซื้อสินค้าในปี 2024: แม้จะกังวลเรื่องรายได้ แต่คนไทยยังมีแผนจะซื้อสินค้าในปี 2024 โดยเฉพาะสินค้าประเภทรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป รถจักรยานยนต์ บ้าน และคอนโด -ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้โอกาสนี้ทำการตลาดมากขึ้น: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้โอกาสนี้ทำการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอสังหาริมทรัพย์ -ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้: -นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค: ธุรกิจค้าปลีกต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภค และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ -มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค: ธุรกิจค้าปลีกต้องมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ -ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น สรุป: รายงาน 2024 Industry Insights Report ของ Nielsen บ่งชี้ถึงโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าปลีกควรใช้โอกาสนี้ทำการตลาดมากขึ้น และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37851
Retail
ธุรกิจที่อยู่อาศัยของเซ็นทรัลพัฒนา มีโอกาสและอุปสรรคอะไรบ้าง ในการขยายธุรกิจไปยังเมืองรอง
null
โอกาส: -กำลังซื้อ: เมืองรองมีกำลังซื้อที่เติบโต ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้น ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ การขยายตัวของเมือง: เมืองรองมีการขยายตัว เกิดโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ -ความต้องการที่อยู่อาศัย: เมืองรองมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย รองรับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนรุ่นใหม่ -จุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนา: เซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งในหลายด้าน เช่น แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำเลที่ตั้งที่ดี การออกแบบที่ตอบโจทย์ การเชื่อมต่อกับธุรกิจอื่นๆ ในเครือ อุปสรรค: -การแข่งขัน: เมืองรองมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รายกลาง รายย่อย เข้ามาลงทุน เกิดการแข่งขันสูง -กำลังซื้อ: กำลังซื้อในเมืองรองยังมีจำกัด ลูกค้าอาจไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงได้ -โครงสร้างพื้นฐาน: โครงสร้างพื้นฐานในบางเมืองรองยังไม่พัฒนา อาจไม่สะดวกต่อการอยู่อาศัย -การเข้าถึงข้อมูล: ลูกค้าในเมืองรองอาจเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ สินค้า บริการ ได้ยาก แนวทางในการขยายธุรกิจ: -ศึกษาตลาด: ศึกษาความต้องการของลูกค้า คู่แข่ง โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ ในเมืองรอง -พัฒนาสินค้า: พัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในเมืองรอง ราคาที่เหมาะสม ออกแบบที่ตอบโจทย์ ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน -กลยุทธ์การตลาด: พัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงลูกค้าในเมืองรอง ใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย -สร้างความแตกต่าง: สร้างจุดเด่นให้กับโครงการ แตกต่างจากคู่แข่ง เน้นจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนา -จับมือพันธมิตร: ร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่น เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาโครงการ เข้าถึงลูกค้า เข้าใจบริบทของเมือง ตัวอย่าง: -เซ็นทรัลพัฒนา พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองรอง ราคาเริ่มต้น 1-2 ล้านบาท รองรับความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ -เซ็นทรัลพัฒนา จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น ผ่อน 0% นาน 10 ปี ฟรีเฟอร์นิเจอร์ ส่วนลดพิเศษ -เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่น จัดโปรโมชั่นสินเชื่อบ้าน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ขยายฐานลูกค้าในเมืองรอง เพิ่มยอดขาย สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม: เซ็นทรัลพัฒนา ควรศึกษาตลาดและคู่แข่งอย่างละเอียด พัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในเมืองรอง พัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงลูกค้า สร้างจุดเด่นให้กับโครงการ จับมือพันธมิตรในท้องถิ่น
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37853
Retail
เขียนอธิบายการเปิดตัวแอป ‘xplORe : Touch for more life
null
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน xplORe (เอ็กซ์พลอร์) มิติใหม่ของการใช้ชีวิตนอกบ้านแบบครบจบในแอปเดียว xplORe ไลฟ์สไตล์แอปพลิเคชันใหม่ ที่โดดเด่นเรื่องใช้งานง่าย จ่ายสะดวก พร้อมดีลส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมายจากธุรกิจในกลุ่ม OR และพันธมิตร ภายใต้แนวคิด “Touch for More Life พบสิ่งที่ใช่มากกว่าที่เคย” เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้ขีดจำกัดทุกที่ทุกเวลา ที่มาแอป xplORe มีเป็นดังนี้ ถือเป็นไลฟ์สไตล์แอปพลิเคชัน ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ทั้งการเดินทาง อาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมและความบันเทิง เชื่อมโยงสินค้าและบริการของ OR ในปัจจุบันและเครือข่ายพันธมิตร โดย xplORe ได้รวบรวมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blue Card, Blue CONNECT e-Wallet และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย มารวมไว้ในแอปพลิเคชันเดียว ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดความยุ่งยากในการใช้งาน โดยไม่ต้องเข้าใช้บริการผ่านหลายแอปอีกต่อไป ด้วยแนวคิดใช้งานง่าย จ่ายสะดวก พร้อมดีลส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมายในแอปเดียว โดยมีฟีเจอร์เด็ดดังนี้ 1. Deal : จ่ายน้อย คุ้มมาก คูปองส่วนลดราคาพิเศษจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ของ OR และแบรนด์พันธมิตร พร้อมโปรโมชัน ราคาโดนใจตลอดปี 2. Pass : จองตั๋วกิจกรรมและความบันเทิงมากมายจบในแอปเดียว ไม่ว่าจะเป็นตั๋วกิจกรรม ตั๋วหนัง ทำให้ไลฟ์สไตล์นอกบ้านง่ายขึ้นตั้งแต่ในบ้าน 3. Reward : สะสมคะแนน Blue Card และใช้คะแนนแลกส่วนลด สิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำ โอนคะแนน ลุ้นรางวัล แลกคะแนนร่วมกิจกรรม และแลกรับของรางวัลมากมาย 4. Wallet : ให้ทุกไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายเป็นเรื่องง่ายๆ แบบไม่ต้องพกกระเป๋าเงิน จ่ายได้หลายที่มากขึ้น สะดวกมากกว่าเดิม ทั้งร้านค้าในเครือ OR และร้านค้า Thai QR โดยโอนเงินจากธนาคารเข้า e-Wallet และเพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์การผูกบัตรเครดิตบน e-Wallet เพื่อให้ลูกค้าสะดวกสบายในการใช้งานเมื่อมาชำระเงินที่ 5. ร้านค้าในเครือ OR Searching: ค้นหา PTT Station และร้านค้าต่างๆ ในสถานีบริการ พร้อมตรวจสอบราคาน้ำมัน และแจ้งเตือนเมื่อมีการปรับราคาน้ำมัน ปัจจุบัน xplORe มีร้านค้าพันธมิตรชั้นนำที่เข้าร่วมให้บริการบนแอปพลิเคชันแล้วกว่า 100 แบรนด์ จำนวนกว่า 14,000 ร้านค้า
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37856
Retail
สรุปการเปิดตัว Drive – Thru ใน PTT Station สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62
null
OR เปิดตัวร้าน “โอ้กะจู๋” ในรูปแบบ Drive – Thru ที่พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา: - มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าสายสุขภาพ ด้วยคอนเซปท์ "ส่งตรงความสดใหม่ถึงมือลูกค้าอย่างสะดวกรวดเร็ว" - ซึ่ง “โอ้กะจู๋” ในรูปแบบ Drive – Thru เป็นสาขาที่ 2 หลังจากได้เปิดทำการสาขาแรกที่พีทีที สเตชั่น เวสต์วิลเลจ บางใหญ่ ร้านโอ้กะจู๋ Drive Thru จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ OR มอบให้กับลูกค้าภายใน พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62 แห่งนี้: - นอกเหนือจากร้านอาหารและเครื่องดื่มกว่า 15 แบรนด์ ร้าน “โอ้กะจู๋” สาขา พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 440 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้กว่า 180 คน - ภายใต้คอนเซ็ปต์ “From Farm to Table” ที่เน้นเสิร์ฟผักออร์แกนิกสดใหม่คุณภาพดีจากสวน พร้อมให้บริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกรูปแบบ ทั้งแบบ - Drive Thru, - Dine-In, - Takeaway - และ Delivery โดยเน้นไปที่เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีให้เลือกหลากหลาย: - ทั้งเมนูสลัด - สปาเก็ตตี้ - อาหารจานเดียว - และของทานเล่น รวมไปถึงเมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะสาขา Drive Thru อาทิ: - ฟิชทาโก้แรพ - สลัดไก่ย่างโซบะ - ข้าวโบล์วแซลมอนกุ้งอะโวคาโด - Sweet Potato Fries - Fish&Chips - ทรัฟเฟิลแฮมชีสโทส - และ ACAI BOWL ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานอย่างสะดวก สำหรับการจับมือระหว่าง OR และ โอ้กะจู๋ : - ปัจจุบันได้มีการบริหารงานร้าน “โอ้กะจู๋” ร่วมกันไปแล้วทั้งสิ้น 4 ร้าน ในรูปแบบสาขาในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น - และมีการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon อีกรวมกว่า 250 สาขา - และมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37863
Retail
เขียนเล่าเรื่องความเป็นมาของ 7-Eleven
null
ต้นกำเนิดของ 7-Eleven อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Southland Ice ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Southland Coporation บริษัทนี้ถูกก่อตั้งในปีพ.ศ. 2470 โดยคุณจอห์น เจฟเฟอร์สันที่วางกลยุทธ์ให้ร้านเปิดขายน้ำแข็งได้นานถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเวลาเปิดร้านที่นานขนาดนี้ทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการบ่อย ๆ พอฐานลูกค้าขยายใหญ่ขึ้นทางร้านจึงนำของกินของใช้ในชีวิตประจำวันมาขายเพิ่มเติมด้วย เลยเริ่มมีลักษณะคล้ายร้านขายของชำ เมื่อกิจการดำเนินไปได้ดี ตัวละครใหม่อย่างคุณโจ ทอมป์สันก็ได้เข้ามาช่วยพัฒนาร้านขายของชำแห่งนี้ให้เป็นร้านสะดวกซื้อที่มีมาตรฐาน หลังจากนั้นไม่นานร้านนี้ได้ขยายสาขาไปทั่วเมืองดัลลัสในรัฐเท็กซัส ภายใต้ชื่อ Tote’m Store และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น 7-Eleven ในปีพ.ศ. 2489 ตามคอนเซปท์ของร้านที่ให้บริการตั้งแต่ 7.00-23.00 น. แต่ด้วยความที่ผู้บริหารเห็นว่าสาขาใกล้มหาวิทยาลัยเท็กซัสมีลูกค้าเข้าออกตลอดทั้งวันจึงเกิดไอเดียเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงในภายหลัง เวลาผ่านไปจนถึงปี พ.ศ. 2523 บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาซื้อกิจการ 7-Eleven และตั้งชื่อบริษัทเป็น Seven & i Holdings ซึ่งบริษัทนี้ได้วางกลยุทธ์ดี ๆ จนทำให้แฟรนไชส์ 7-Eleven เติบโตในประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน เมื่อเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์เห็นแนวโน้มตลาดเป็นเช่นนี้ เขาจึงเกิดความคิดที่อยากนำแฟรนไชส์ 7-Eleven เข้ามาในไทย แต่ความท้าทายคือในตอนแรกบริษัทแม่จะไม่ขายแฟรนไชส์ให้ เพราะมองว่า GDP ต่อหัวของคนไทยน้อยเกินไปและคนไทยคงมีกำลังซื้อไม่เท่าในสหรัฐอเมริกา แต่ทางฝ่ายไทยก็ได้อธิบายว่าต้นทุนค่าสินค้า ค่าจ้างพนักงาน และค่าสถานที่ในไทยนั้นถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาหลายเท่าจึงคุ้มค่ากับการลงทุน บวกกับการที่เจ้าสัวธนินท์ได้เชิญผู้ก่อตั้งจากสหรัฐอเมริกามาเยือนประเทศไทย พวกเขาเลยเกิดความประทับใจและตัดสินใจขายแฟรนไชส์ให้ในที่สุด ความท้าทายคือ 1. การปลูกปั้นแฟรนไชส์ 7-Eleven ในไทยให้เติบโตเหมือนในประเทศอื่น 7-Eleven สาขาแรกในประเทศไทยเริ่มเปิดดำเนินการ 24 ชั่วโมงในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ณ หัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ ช่วงแรกที่นำแฟรนไชส์ 7-Eleven เข้ามาถือว่าเป็นความท้าทายที่ต้องแก้ปัญหาขาดทุนสะสมให้ได้ เพราะคนไทยยังไม่มาใช้บริการมากเท่าไรด้วยความที่เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ คนยังไม่ค่อยคุ้นเคย ทางผู้บริหาร CP จึงกลับไปศึกษาเคล็ดลับจัดการแฟรนไชส์ร้าน 7-Eleven ในสหรัฐอเมริกาและในญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อนำมาวางกลยุทธ์แก้ไขจุดบอดต่าง ๆ ของสาขาในประเทศไทย ตัวอย่างการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ 7-Eleven ในประเทศไทย เช่น ปีพ.ศ. 2531-2532 การจัดตั้งบริษัท ซี.พี. ค้าปลีกและการตลาด จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซีพีแรม จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารแช่แข็งและเบเกอรี่ ซึ่งสินค้าต่าง ๆ กลายเป็นของขายดีประจำร้าน ปีพ.ศ. 2550 จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ - เปลี่ยนชื่อบริษัท เดิมชื่อ ‘บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน)’ เป็น ‘บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)’ - เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ในระบบการซื้อขายจาก ‘CP7-Eleven ’ เป็น ‘CPALL’ ปีพ.ศ. 2552 ฉลองการดำเนินงานครบรอบ 20 ปี นับตั้งแต่การเปิดสาขาแรกที่ซอยพัฒน์พงศ์ มุ่งสู่การเป็น ‘ร้านอิ่มสะดวก’ ฉลองการดำเนินงานครบรอบ 20 ปี
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_37871
Retail
เหตุใด Walmart จึงนำ Seiyu เข้าตลาดหลักทรัพย์
null
ค้าปลีกในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายของทุนต่างชาติ เนื่องจาการค้าปลีกในประเทศญี่ปุ่นนั้นที่มีความเฉพาะตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นซื้อของสด และต้องการงานบริการที่ดีที่สุด ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ตัวส่วนต่างกำไรลดลงทุกวัน เห็นได้จากยักษ์ใหญ่ค้าปลีกระดับโลก Tesco และ Carrefour ต่างก็ก็ถอยทัพมาแล้ว ในปี พ.ศ. 2545 ทุนต่างชาติ Walmart ได้เข้ามาในญี่ปุ่นผ่านการเข้าซื้อหุ้นค้าปลีก Seiyu ในสัดส่วน 6% ก่อนเพิ่มสัดส่วนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2551 ก็ซื้อกิจการ Seiyu ทั้งหมดผลจากปัจจัยในการเติบโตที่ลำบากข้างต้น ส่งผลให้ Seiyu ค่อนข้างวิกฤติ ถึงขนาดที่ปี 2561 มีรายงานว่า Walmart เตรียมขายกิจการนี้ด้วยมูลค่า 3-5 แสนล้านเยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 85,000-140,000 ล้านบาท ถึงอย่างไร ก็มิได้มีการขายกิจการ Walmart ได้เปลี่ยนแผนที่ต้องการออกจากตลาดญี่ปุ่นให้ง่ายขึ้นด้วยการนำ Seiyu เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดย Walmart จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ การทำอย่างนี้จะช่วยให้ Seiyu เติบโตได้ดีขึ้นทั้งในมุมออนไลน์ และหน้าร้านในปัจจุบัน ในทางกลับกัน Seiyu ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ Walmart ในช่วงหลังมีการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร รวมถึงมีการจับมือกับ Rakuten เพื่อเปิดธุรกิจ Online Grocery หรือซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ เพื่อรับการแข่งขันกับ Amazon ที่เพิ่งเปิดบริการ Fresh ที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์เช่นกัน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37906
Retail
T2P ควรใช้กลยุทธ์ใดเพิ่มเติมเพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มองค์กรขนาดกลางถึงเล็ก (SMEs)
null
กลยุทธ์เพิ่มเติมสำหรับ T2P ในการขยายฐานลูกค้า SMEs: 1. การพัฒนาโซลูชั่นที่ตรงใจ SMEs: - ทำการวิจัยเพื่อ understand ความต้องการของ SMEs แต่ละประเภท - พัฒนาโซลูชั่นที่ customize ได้ตามความต้องการของ SMEs แต่ละราย - เสนอโซลูชั่นราคาประหยัด เหมาะกับงบประมาณของ SMEs 2. การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโซลูชัน: - จัดเวิร์คช็อป อบรม และสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโซลูชั่น - สร้างเนื้อหา informative บนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย - จัดทำ case study ของ SMEs ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้โซลูชั่น 3. การสร้างพันธมิตร: - จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น สถาบันการเงิน สมาคมธุรกิจ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี - ร่วมออกบูธในงานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับ SMEs - เสนอโปรโมชั่นร่วมกัน ตัวอย่าง: 1. การเสนอแพ็กเกจโซลูชั่น: จัดแพ็กเกจโซลูชั่นที่รวมบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับ SMEs เช่น E-Wallet, Loyalty program, Marketing Analytics - เสนอแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับ SMEs - เสนอบริการเพิ่มเติม เช่น การให้คำปรึกษา การฝึกอบรม 2. การใช้ Influencer Marketing: - จ้าง Influencer ที่เป็นที่รู้จักในกลุ่ม SMEs - ให้ Influencer รีวิวโซลูชั่นของ T2P - จัดกิจกรรมร่วมกับ Influencer 3. การใช้ Data Analytics: - วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของ SMEs - นำเสนอโซลูชั่นที่ตรงใจ SMEs แต่ละราย - สร้างประสบการณ์ส่วนตัวให้กับ SMEs สรุป: T2P สามารถใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อขยายฐานลูกค้า SMEs กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ T2P เข้าถึง SMEs ได้กว้างขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37907
Retail
จงเสนอไอเดียปมดราม่าประมูลสัมปทาน Duty Free
null
จากข้อมูลรายนามผู้ได้สิทธิดำเนินกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี ปี 2561 มีจำนวนทั้งประเทศเพียง 10 ราย และ ที่ดำเนินกิจกรรมร้านค้าดิวตี้ฟรีในภูเก็ตก็มีเพียง 2 ราย ไม่ได้มีนับ 10 รายตามที่อ้าง โดยข้อเท็จจริง การเปิดเสรีเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต กลับทำให้ร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown Duty Free)ประสบปัญหาการขาดทุนจากการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมที่ ทอท.กำหนดไว้ จากข้อมูลรายนามผู้ได้สิทธิดำเนินกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี ปี 2561 มีจำนวนทั้งประเทศเพียง 10 ราย และ ที่ดำเนินกิจกรรมร้านค้าดิวตี้ฟรีในภูเก็ตก็มีเพียง 2 ราย ไม่ได้มีนับ 10 รายตามที่อ้าง โดยข้อเท็จจริง การเปิดเสรีเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต กลับทำให้ร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown Duty Free) ประสบปัญหาการขาดทุนจากการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมที่ ทอท . กำหนดไว้ โดยสากลทั่วไป เมื่อมีการให้สัมปทานในพื้นที่สนามบินเป็นอย่างเสรี เป็นธรรมและโปร่งใส มีผู้ประกอบการหลายรายได้สิทธิในการดำเนินร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบิน ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการ ร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง จะขยายธุรกิจต่อเป็นเฟสสองเมื่อได้ดำเนินร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินแล้ว การกล่าวอ้างว่า การเปิดเสรีเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) จึงไม่ใช่เป็นการยุติการผูกขาดจึง เป็นการบิดเบือนประเด็นหลักของการผูกขาด ที่ผ่านมาเราพูดถึงการผูกขาด การให้สิทธิประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยาน เชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เป็นหลัก
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_37914
Retail
การปลดล็อกผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรีไทย จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยหรือไม่?
null
ใช่ การปลดล็อกผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรีไทย จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย เหตุผล: การเพิ่มขึ้นของผู้เล่นในธุรกิจ: -การปลดล็อกผูกขาดจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาด การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: -การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้า บริการ และราคาให้น่าสนใจ ทางเลือกที่หลากหลาย: -ผู้บริโภคจะมีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น ราคาสินค้าที่ถูกลง: -การแข่งขันจะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้า การพัฒนาธุรกิจค้าปลีก: -ธุรกิจค้าปลีกจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ตัวอย่าง: สินค้า: -สินค้าจะมีความหลากหลายมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการได้ง่ายขึ้น บริการ: -ผู้ประกอบการจะให้บริการที่ดีขึ้น เช่น บริการหลังการขาย การจัดส่งสินค้า ราคา: -ราคาสินค้าจะถูกลง ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่คุ้มค่า ผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก: -ยอดขาย: ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสเติบโต -กำไร: ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสได้กำไรมากขึ้น -การจ้างงาน: ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสจ้างงานเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง: -ผู้ประกอบการรายเล็ก: ผู้ประกอบการรายเล็กอาจได้รับผลกระทบ -การลดราคา: การลดราคาสินค้าอาจส่งผลต่อกำไรของธุรกิจ สรุป: การปลดล็อกผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรีไทย จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยรวมแล้ว ผลดีมีมากกว่าผลเสีย เพิ่มเติม: -การปลดล็อกผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรีไทย เป็นนโยบายของรัฐบาลไทย -นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ -นโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37924
Retail
การจัดงาน Thailand Mobile Expo 2019 ในรูปแบบ Mobile Related Expo ส่งผลดีต่อ Retail หรือไม่?
null
ใช่ การจัดงาน Thailand Mobile Expo 2019 ในรูปแบบ Mobile Related Expo ส่งผลดีต่อ Retail เหตุผล: การขยายฐานลูกค้า: -การจัดงาน Mobile Related Expo ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ -ลูกค้ากลุ่มใหม่เหล่านี้สนใจสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ ตัวอย่างสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ -อุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือ -แพ็กเกจโทรศัพท์มือถือ -ประกันโทรศัพท์มือถือ -บริการสตรีมมิ่ง -เกมมือถือ การเพิ่มโอกาสในการขาย: -การจัดงาน Mobile Related Expo ช่วยให้แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย -ลูกค้ามีโอกาสเปรียบเทียบสินค้าและบริการจากแบรนด์ต่างๆ -ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ การกระตุ้นยอดขาย: -การจัดงาน Mobile Related Expo มักมีโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ -ลูกค้ามีแรงจูงใจในการซื้อสินค้าและบริการ -ยอดขายสินค้าและบริการภายในงาน Mobile Related Expo มักสูงกว่างานทั่วไป ตัวอย่าง: งาน Thailand Mobile Expo 2019: -มีการจัดพื้นที่สำหรับแสดงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ -มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย -มีการจัดเวิร์คช็อปและสัมมนา ผลลัพธ์: -ยอดเงินสะพัดภายในงานสูงถึง 2,000 ล้านบาท -มีผู้เข้าชมงานกว่า 7 แสนคน ข้อดี: การขยายฐานลูกค้า: -Retail มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ -Retail มีโอกาสสร้างฐานลูกค้าใหม่ การเพิ่มโอกาสในการขาย: -Retail มีโอกาสขายสินค้าและบริการที่หลากหลาย -Retail มีโอกาสเพิ่มยอดขาย การกระตุ้นยอดขาย: -Retail มีโอกาสเพิ่มยอดขายจากโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ ข้อเสีย: การแข่งขันที่สูงขึ้น: -Retail ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากแบรนด์อื่นๆ -Retail จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดลูกค้า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น: -Retail อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเข้าร่วมงาน -Retail จำเป็นต้องมีแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน สรุป: การจัดงาน Thailand Mobile Expo 2019 ในรูปแบบ Mobile Related Expo ส่งผลดีต่อ Retail
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37928
Retail
Dolfin Wallet จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มเซ็นทรัลได้หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: -ฐานลูกค้า: Dolfin Wallet มีฐานลูกค้ากลุ่มเซ็นทรัลที่มีอยู่มากถึง 17 ล้านคน ลูกค้ากลุ่มนี้คุ้นเคยกับแบรนด์เซ็นทรัล และมีความไว้วางใจ เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าให้ใช้ Dolfin Wallet -โปรโมชั่น: Dolfin Wallet สามารถนำเสนอโปรโมชั่น และส่วนลดพิเศษ กระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น เพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มเซ็นทรัล -ความสะดวก: Dolfin Wallet ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนการชำระเงิน กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ข้อมูล: Dolfin Wallet สามารถเก็บข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้า นำมาวิเคราะห์พฤติกรรม และความต้องการ พัฒนาสินค้า บริการ และโปรโมชั่นให้ตรงใจลูกค้า พันธมิตร: Dolfin Wallet มีพันธมิตรกับร้านค้ามากมาย เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ขยายฐานลูกค้า ตัวอย่าง: ลูกค้า: ลูกค้ากลุ่มเซ็นทรัลสามารถใช้ Dolfin Wallet ชำระเงิน ซื้อสินค้าในร้านค้าเครือเซ็นทรัล สะสมคะแนน The 1 รับส่วนลดพิเศษ ร้านค้า: ร้านค้าในเครือเซ็นทรัลสามารถรับชำระเงินผ่าน Dolfin Wallet เพิ่มโอกาสในการขาย ขยายฐานลูกค้า กลุ่มเซ็นทรัล: กลุ่มเซ็นทรัลมีรายได้เพิ่มขึ้น ขยายธุรกิจ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด ข้อดี: เพิ่มยอดขาย: เพิ่มโอกาสในการขาย กระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น ขยายฐานลูกค้า: เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ เพิ่มโอกาสในการขาย ข้อมูล: วิเคราะห์พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้า พัฒนาสินค้า บริการ และโปรโมชั่นให้ตรงใจลูกค้า พันธมิตร: เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ขยายฐานลูกค้า ข้อเสีย: การแข่งขัน: ตลาดอีวอลเล็ตมีการแข่งขันสูง ดึงดูดลูกค้าให้ใช้ Dolfin Wallet ค่าธรรมเนียม: Dolfin Wallet อาจมีค่าธรรมเนียม เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน สรุป:Dolfin Wallet มีศักยภาพ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มเซ็นทรัล
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37936
Retail
กลยุทธ์การเปิดตัว Nutella ขนาด 3 กิโลกรัมสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร? และอะไรคือข้อดีและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น
null
กลยุทธ์การเปิดตัว Nutella ขนาด 3 กิโลกรัมสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนั้นมีความน่าสนใจ ดังนี้: 1. ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค: Nutella เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม ผู้บริโภคจำนวนมากชื่นชอบรสชาติ และต้องการซื้อ Nutella ในปริมาณมากเพื่อความสะดวก และประหยัด 2. เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: การเปิดตัว Nutella ขนาด 3 กิโลกรัม ช่วยขยายฐานลูกค้า และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับ Ferrero 3. สร้างภาพลักษณ์: การเปิดตัว Nutella ขนาดใหญ่ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของ Nutella ว่าเป็นแบรนด์ที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค 4. สร้างกระแส: การเปิดตัว Nutella ขนาดใหญ่ เป็นการสร้างกระแส ดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากลองซื้อ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ยังมีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้: 1. การจัดเก็บ: Nutella ขนาด 3 กิโลกรัม มีขนาดใหญ่ ผู้บริโภคอาจไม่มีพื้นที่จัดเก็บที่เพียงพอ 2. การบริโภค: Nutella มีอายุการใช้งานจำกัด ผู้บริโภคอาจทานไม่หมด และเกิดการสูญเสีย 3. ราคา: Nutella ขนาด 3 กิโลกรัม มีราคาค่อนข้างสูง ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่สามารถซื้อได้ 4. คู่แข่ง: มีคู่แข่งหลายรายที่จำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกัน ผู้บริโภคอาจมีตัวเลือกอื่น โดยสรุป: กลยุทธ์การเปิดตัว Nutella ขนาด 3 กิโลกรัมสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนั้นมีความน่าสนใจ มีทั้งข้อดี และข้อเสีย Ferrero จำเป็นต้องวิเคราะห์ตลาด และกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม และประสบความสำเร็จ ตัวอย่าง: - Ferrero ควรทำการสำรวจตลาด เพื่อศึกษาความต้องการของผู้บริโภค ว่าต้องการซื้อ Nutella ขนาด 3 กิโลกรัมมากน้อยเพียงใด - พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการจัดเก็บ และใช้งาน - ออกโปรโมชั่น และส่วนลด เพื่อดึงดูดลูกค้า - พัฒนากลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากลองซื้อ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37950
Retail
แนวทางการลดการใช้ถุงพลาสติกของห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยอย่างไร
null
1. เพิ่มการรับรู้: การรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในต่างประเทศ ช่วยเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ถุงพลาสติก ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงปัญหามลพิษพลาสติกและต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา 2. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: แนวทางการลดการใช้ถุงพลาสติกในต่างประเทศ เช่น การคิดเงินค่าถุงพลาสติก หรือ การห้ามใช้ถุงพลาสติก ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ผู้บริโภคเริ่มพกถุงผ้าหรือถุงกระดาษไปช้อปปิ้งแทนการใช้ถุงพลาสติก 3. สนับสนุนทางเลือก: ห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ เสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค เช่น ถุงกระดาษรีไซเคิล ถุงผ้า ถุงชีวภาพ ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มคุ้นเคยกับทางเลือกเหล่านี้และเริ่มใช้แทนถุงพลาสติก 4. สร้างแรงจูงใจ: บางประเทศมีกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติก ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ กฎหมายเหล่านี้สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเลิกใช้ถุงพลาสติก อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่ท้าทายการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ดังนี้: ราคา: ถุงผ้า ถุงกระดาษ ถุงชีวภาพ มีราคาแพงกว่าถุงพลาสติก ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่ต้องการจ่ายเงินเพิ่ม ความสะดวก: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจคุ้นเคยกับการใช้ถุงพลาสติกและมองว่าสะดวกกว่าการพกถุงผ้าหรือถุงกระดาษ ทางเลือก: ห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยบางแห่ง ยังไม่มีทางเลือกให้กับผู้บริโภคเพียงพอ เช่น ถุงกระดาษรีไซเคิล ถุงผ้า ถุงชีวภาพ โดยสรุป: แนวทางการลดการใช้ถุงพลาสติกของห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยในเชิงบวก ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงปัญหามลพิษพลาสติกและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ถุงพลาสติก อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่ท้าทายการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ภาครัฐและภาคเอกชนควรมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และสนับสนุนให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ถุงพลาสติก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37956
Retail
กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ผ่านแคมเปญ "ROBINSON GIFTS" และ "ROBINSON LIFESTYLE MAKE A WISH" ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2561-2562 ส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างไร
null
1. เพิ่มจำนวนลูกค้า: แคมเปญที่มีความหลากหลาย: แคมเปญ "ROBINSON GIFTS" มุ่งเน้นไปที่โปรโมชั่นส่วนลด คูปองเงินคืน และของรางวัล แคมเปญ "ROBINSON LIFESTYLE MAKE A WISH" มุ่งเน้นไปที่กิจกรรม อีเวนต์ และของรางวัลใหญ่ กลยุทธ์นี้ดึงดูดลูกค้าที่มีความสนใจหลากหลาย ช่องทางการเข้าถึงที่หลากหลาย: แคมเปญทั้งสองสามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น หน้าร้าน เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย กลยุทธ์นี้ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและเข้าร่วมแคมเปญได้ง่าย ช่วงเวลาที่เหมาะสม: แคมเปญจัดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจับจ่ายใช้สอยมาก กลยุทธ์นี้ดึงดูดลูกค้าที่มองหาของขวัญและสินค้าสำหรับเทศกาล 2. กระตุ้นยอดขาย: (1). โปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ: แคมเปญ "ROBINSON GIFTS": เสนอส่วนลดสูงสุด 50% คูปองเงินคืน และของรางวัล แคมเปญ "ROBINSON LIFESTYLE MAKE A WISH": - เสนอของรางวัลใหญ่ เช่น รถยนต์ และทองคำ - กลยุทธ์นี้กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า (2). กิจกรรมที่สร้างความสนใจ: - แคมเปญทั้งสองมีกิจกรรม เช่น เวิร์คช็อป โชว์ร้องเพลง และขบวนพาเหรด - กลยุทธ์นี้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าและสร้าง ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สนุกสนาน (3). กลยุทธ์ Omni-channel: - ลูกค้าสามารถเข้าร่วมแคมเปญผ่านช่องทางต่างๆ เช่น หน้าร้าน เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย - กลยุทธ์นี้ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว 3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: (1). แคมเปญที่มุ่งเน้นไปที่การกุศล: แคมเปญ "ROBINSON GIFTS": - ลูกค้าสามารถซื้อตุ๊กตาที่ร้าน JUST BUY ในราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาท - เงินที่ได้จากการขายตุ๊กตาจะนำไปบริจาคให้กับ โครงการ "MILLION GIFTS MILLION SMILES": - กลยุทธ์นี้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (2). แคมเปญที่สนับสนุนนักท่องเที่ยว: - แคมเปญทั้งสองมีโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว - กลยุทธ์นี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37957
Retail
การเปิดตัว central Life บน LINE Official Account ของ CPN เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดสำหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในยุคดิจิทัล จริงหรือไม่?
null
จริง เหตุผล คือ: - พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง: ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลใช้เวลากับแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะ LINE อย่างมาก การเปิดตัว central Life บน LINE Official Account ช่วยให้ CPN เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด - LINE เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม: LINE มีผู้ใช้งานมากกว่า 42 ล้านคนในประเทศไทย เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า central Life นำเสนอฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค: - Indoor Map Navigation: ช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านค้าและนำทางภายในศูนย์การค้าได้สะดวก - Latest News: นำเสนอข่าวสาร โปรโมชั่น และงานอีเวนท์ต่างๆ ของศูนย์การค้า - Personalized Promotion: มอบคูปองส่วนลดพิเศษเฉพาะบุคคล - Reserved Parking: จองที่จอดรถล่วงหน้า central Life ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง: - เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์แบบไร้รอยต่อ - สะดวกสบาย - ประหยัดเวลา central Life ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: - ช่วยให้ CPN เข้าใจความต้องการของลูกค้า - สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก ตัวอย่าง - ฟังก์ชั่น Indoor Map Navigation ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการหาร้านค้า ช่วยให้ช้อปปิ้งได้สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา - ฟังก์ชั่น Personalized Promotion ช่วยให้ลูกค้าได้รับคูปองส่วนลดที่ตรงกับความต้องการ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย - ฟังก์ชั่น Reserved Parking ช่วยให้ลูกค้าจอดรถได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถ ข้อสรุป การเปิดตัว central Life บน LINE Official Account เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดสำหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในยุคดิจิทัล ช่วยให้ CPN เชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37973
Retail
วิกฤตที่ดวงฤทธิ์ บุนนาค ถูกมองว่าไปลอกแบบจากวัดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น คือวิกฤตใด
null
วิกฤติที่เข้ามาในชีวิตของดวงฤทธิ์ บุนนาค ผู้ที่โลดแล่นอยู่ในวงการสถาปัตยกรรมมานากว่า 20 ปี คือ “อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิ” ซึ่งถูกมองว่าไปลอกแบบจากวัดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นมา แถมแบบดังกล่าวยังชนะในการประกวดออกแบบสร้างอาคารดังกล่าวด้วย ตัวอาคารผู้โดยสารนี้เริ่มจากความเป็นป่า เพราะมันน่าจะสื่อความเป็นไทยได้ง่ายกว่าวัด หรืออื่นๆ แถมตอนที่เริ่มจะทำโปรเจคนี้ ลูกน้องหลายคนก็ไม่เชื่อว่ามันจะทำได้ เพราะเราเป็นแค่บริษัทรับออกแบบเล็กๆ แต่ก็พิสูจน์ด้วยการจริงจังกับมัน 3 เดือนเต็ม จนลูกน้องยอมรับว่ามันน่าจะเป็นไปได้ หลังจากนั้นผลลัพธ์มันก็ออกมาน่าพอใจ และเรื่องดังกล่าวมันช่วยให้เขาพิสูจน์เรื่องความเป็นผู้นำ หรือ Leadership ที่เป็นมากกว่าแค่ CEO หรือเจ้านาย เพราะถ้าลูกน้องไม่เชื่อ ทุกอย่างก็เดินต่อไม่ได้แน่ๆ ประกอบกับหลังถูกมองว่าลอกเลียนแบบ เขาก็ออกมายืนยันชัดเจนว่ามันไม่จริง และเป็นงานที่บริษัทภูมิใจอีกงานหนึ่ง ซึ่งจุดนี้ก็ทำให้ลูกน้องเชื่อมั่นได้เหมือนกัน ในการทำธุรกิจของดวงฤทธิ์ หลังจากนี้ได้นำหลักการมาใช้ทั้งหมด 3 เรื่องประกอบด้วย คือ - Temporary Monopoly หรือการผูกขาดทางธุรกิจแบบชั่วคราว - Silent Knowledge หรือการเรียนรู้ที่ไม่สามารถสอนด้วยแบบแผนต่างๆ ได้ - Experience Economy หรือการใช้ประสบการณ์ใช้ชีวิตของผู้บริโภคมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37974
Retail
กลยุทธ์การผนึกกำลังระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับ CenPay ผ่านบริการฝากเงินที่ร้านสะดวกซื้อ Family Mart ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร? และอะไรคือกลยุทธ์เพิ่มเติมที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการนี้
null
กลยุทธ์การผนึกกำลังระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับ CenPay ผ่านบริการฝากเงินที่ร้านสะดวกซื้อ Family Mart ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก ดังนี้ เพิ่มช่องทางการให้บริการทางการเงิน: -กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มช่องทางการให้บริการทางการเงินให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีสาขาธนาคาร หรือลูกค้าที่ไม่มีเวลาไปธนาคาร ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เพิ่มโอกาสในการขาย: -กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายของร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากลูกค้าที่มาฝากเงินอาจซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมไปด้วย สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: -กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยร้านสะดวกซื้อสามารถนำเสนอบริการทางการเงินเพิ่มเติม เช่น บริการชำระบิล บริการเติมเงิน บริการขายประกัน ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย: -กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย และตอบสนองต่อเทรนด์ธุรกิจดิจิทัล ให้กับร้านสะดวกซื้อ กลยุทธ์นี้ยังมีข้อจำกัด ดังนี้ พื้นที่ให้บริการจำกัด: -ในเบื้องต้น บริการนี้ยังมีให้บริการเฉพาะในร้าน Family Mart บางสาขาเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ วงเงินฝากจำกัด: -วงเงินฝากสูงสุดต่อวันอยู่ที่ 5,000 บาท ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม ค่าธรรมเนียม: -มีค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อลูกค้าบางกลุ่ม ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกควรพิจารณาใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการนี้ ดังนี้ ขยายพื้นที่ให้บริการ: -ขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีสาขาธนาคาร เพิ่มวงเงินฝาก: -เพิ่มวงเงินฝากสูงสุดต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ลดค่าธรรมเนียม: -ลดค่าธรรมเนียมการฝากเงิน หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษ พัฒนาช่องทางดิจิทัล: -พัฒนาช่องทางดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถฝากเงินผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวกยิ่งขึ้น สร้างโปรโมชั่น: -สร้างโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า เช่น ให้คะแนนสะสม หรือส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการฝากเงิน
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_37987
Retail
การเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้าที่เน้นขายสินค้า มาเป็นสถานที่ที่รวมกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาอยู่รอด จริงหรือไม่?คำถาม: การเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้าที่เน้นขายสินค้า มาเป็นสถานที่ที่รวมกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาอยู่รอด จริงหรือไม่?
null
จริง เหตุผล: ข้อดี: ดึงดูดลูกค้า: กิจกรรมต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ฟิตเนส ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการห้างสรรพสินค้า เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า: ลูกค้าที่มาใช้บริการกิจกรรมต่างๆ มีโอกาสซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม สร้างรายได้จากค่าเช่า: ห้างสรรพสินค้าสามารถเก็บค่าเช่าจากผู้ประกอบการกิจกรรมต่างๆ สร้างความแตกต่าง: ห้างสรรพสินค้าที่มีกิจกรรมต่างๆ มีความแตกต่างจากห้างสรรพสินค้าทั่วไป ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค: ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการความสะดวกสบาย ต้องการสถานที่ที่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ครบครัน ข้อเสีย: การลงทุน: ห้างสรรพสินค้าต้องลงทุนปรับพื้นที่ และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ การแข่งขัน: ห้างสรรพสินค้าต้องแข่งขันกับสถานที่อื่นๆ ที่มีกิจกรรมคล้ายๆ กัน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้า สรุป: การเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้าที่เน้นขายสินค้า มาเป็นสถานที่ที่รวมกิจกรรมต่างๆ เป็นไปได้ ที่จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาอยู่รอด แต่ห้างสรรพสินค้าต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น กลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง งบประมาณ และความเสี่ยง หมายเหตุ: ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ห้างสรรพสินค้าต้องปรับกลยุทธ์ และติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเพิ่มเติม: - ห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย หลายแห่งประสบความสำเร็จ จากการเปลี่ยนมาเน้นกิจกรรมต่างๆ เช่น สวนสนุก ลานสเก็ตน้ำ โรงภาพยนตร์ - ห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ เช่น ห้างสรรพสินค้า Selfridges ในประเทศอังกฤษ ปรับพื้นที่ให้เป็น Co-working Space
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_37994
Retail
การที่ Coca-Cola เข้าเจรจากับ Aurora Cannabis แสดงถึงการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีก จริงหรือไม่?
null
จริง การที่ Coca-Cola เข้าเจรจากับ Aurora Cannabis แสดงถึงการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีก เหตุผล: การหดตัวของตลาดน้ำอัดลม: -ยอดขายน้ำอัดลมทั่วโลกมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากผู้บริโภคหันมารักสุขภาพมากขึ้น เลือกทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ การเติบโตของตลาดกัญชา: -ตลาดกัญชากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากการผ่อนปรนกฎหมายในหลายประเทศ ผู้บริโภคเริ่มเปิดรับกัญชา มีการคาดการณ์ว่า ตลาดกัญชามีมูลค่าสูงถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มีโอกาสแซงหน้าตลาดน้ำอัดลมได้ในปี 2030 การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์: -Coca-Cola เข้าซื้อกิจการ Costa Coffeeแสดงถึงกลยุทธ์การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ มุ่งสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ตลาดกาแฟ ตลาดกัญชา การเข้าเจรจากับ Aurora Cannabis: แสดงถึงความสนใจในตลาดกัญชา เป็นการทดลองตลาด ศึกษาโอกาส พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เครื่องดื่มผสม CBD การ Disruption: -ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัว ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค หากไม่ปรับตัวมีโอกาสถูก Disrupt ธุรกิจกัญชา เป็นตัวอย่างที่ดีเติบโตอย่างรวดเร็ว ดึงดูดผู้บริโภค ดึงดูดนักลงทุน สรุป: การที่ Coca-Cola เข้าเจรจากับ Aurora Cannabis แสดงถึงการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีก เป็นการตอบสนองต่อการหดตัวของตลาดน้ำอัดลม และการเติบโตของตลาดกัญชา
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38001
Retail
กลยุทธ์การปรับโฉมห้างเซ็นทรัลมีอะไรบ้าง?
null
กลยุทธ์หลัก ๆ ในการปรับโฉมห้างเซ็นทรัลมีดังนี้: 1. เน้นการออกแบบที่ทันสมัย: - ปรับปรุงทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน - เน้นความโปร่ง โล่ง สบาย - ใช้โทนสีและวัสดุที่ทันสมัย 2. เพิ่มโซนและบริการใหม่: - เพิ่มโซน Beauty Galerie และ Beauty Zone รวบรวมสินค้าด้านความงาม - เพิ่มโซน Woman’s Activewear รวบรวมชุดออกกำลังกาย - เพิ่มโซน Men’s Gadget รวบรวมแกดเจ็ตสำหรับผู้ชาย - เพิ่มโซน Kidspace พื้นที่ให้เด็กๆ เล่น - เพิ่มโซน Elderly สินค้าเพื่อผู้สูงอายุ - เพิ่มบริการ One Stop Service เช่น บริการทำเล็บ สปามือ ต่อขนตา ทำคิ้ว - เพิ่ม Trial Pillow Room ห้องลองหมอน 3. ผนวกดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์: - พัฒนาระบบ Omni Channel เชื่อมต่อประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ - ใช้ดาต้าจากสื่อดิจิทัลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า - นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า 4. เน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง: - ออกแบบโซนและบริการให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม - สื่อสารการตลาดแบบ Personalize เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ 5. ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่: - เน้นสินค้าและบริการที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ - เน้นประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว และตรงใจ 6. รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก: - พัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง - รักษาความทันสมัยของแบรนด์ - มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: - ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น - เพิ่มระยะเวลาในการใช้จ่ายภายในศูนย์ - เพิ่มยอดขาย - รักษาฐานลูกค้าเดิม - ดึงดูดลูกค้าใหม่ - เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ สรุป: การปรับโฉมห้างเซ็นทรัลเป็นการตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดค้าปลีก และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลยุทธ์ที่นำมาใช้นั้นเน้นการออกแบบที่ทันสมัย เพิ่มโซนและบริการใหม่ ผนวกดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ เน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38010
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....การนำแบรนด์ชั้นนำมาเปิดในห้างสรรพสินค้า เป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
null
@cosme store: การบุกไทยของยักษ์ใหญ่บิวตี้รีเทล ตัวละคร คุณกวาง-สาวออฟฟิศวัย 28 ปี รักความสวยความงาม ชื่นชอบการลองเครื่องสำอางใหม่ๆ คุณออม-เจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง ติดตามข่าวสารในวงการบิวตี้ คุณพิม-นักการตลาดของ Siam Paragon รับผิดชอบการดึงดูดแบรนด์ชั้นนำ ฉาก: ห้างสรรพสินค้า Siam Paragon,ร้านขายเครื่องสำอาง,ออฟฟิศ เรื่องราว เช้าวันจันทร์: คุณกวางรีบเร่งแต่งหน้าไปทำงาน เธอมองกระจกอย่างไม่พอใจ รู้สึกว่าแต่งหน้าเดิมๆ ซ้ำๆ เบื่อหน่ายแล้ว เธออยากลองอะไรใหม่ๆ บ่ายวันอังคาร: คุณออม เจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง กำลังอ่านข่าวสารในวงการบิวตี้ สายตาเธอหยุดนิ่งอยู่ที่ข่าว "Siam Paragon จับมือ istyle inc. นำ @cosme store มัลติแบรนด์จากญี่ปุ่นมาเปิดในไทย" "ว้าว! @cosme store มาไทยแล้วเหรอ? น่าไปลองช้อปดูซักหน่อย" คุณออมคิดในใจ เย็นวันพุธ: คุณพิม นักการตลาดของ Siam Paragon กำลังประชุมกับทีม เธอกำลังนำเสนอแผนการดึงดูดแบรนด์ชั้นนำมาเปิดในห้าง "ทางเราได้ตกลงเซ็นสัญญากับ istyle inc. เพื่อนำ @cosme store มัลติแบรนด์จากญี่ปุ่นมาเปิดใน Siam Paragon เป็นสาขาแรกในประเทศไทย" คุณพิมพูด "สุดยอดไปเลย! @cosme store เป็นร้านที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น สาวๆ หลายคนต้องชอบแน่ๆ" ทีมงานพูด วันเสาร์: คุณกวางรีบตรงไปที่ Siam Paragon ทันทีที่รู้ข่าว เธออยากไปลองช้อปที่ @cosme store "ว้าว! ร้านน่ารักมาก ของเยอะมาก มีทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์ไทย พนักงานก็บริการดี" คุณกวางพูด คุณกวางเดินช้อปอย่างเพลิดเพลิน เธอเจอเครื่องสำอางหลายตัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะลองใช้ หลังจากนั้น: @cosme store กลายเป็นร้านโปรดของสาวๆ หลายคน ร้านนี้กลายเป็นจุดนัดพบของเหล่านักช้อปบิวตี้ คุณกวางก็เป็นลูกค้าประจำของร้าน เธอชอบไปลองเครื่องสำอางใหม่ๆ และแบ่งปันรีวิวบนโซเชียลมีเดีย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38013
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับในยามวิกฤต สิ่งสำคัญคือต้องใจเย็นและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ
null
ลอรีอัล: อาณาจักรความงามท่ามกลางวิกฤต ณ ใจกลางกรุงปารีส ฌอง-พอล แอกง ประธานกรรมการบริหารของลอรีอัล กำลังจ้องมองตัวเลขบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความกังวล เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าแบรนด์ เนมทั่วโลก รวมไปถึงลอรีอัล อาณาจักรความงามที่ยิ่งใหญ่ "เราต้องฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปให้ได้" แอกงพูดกับทีมผู้บริหาร "เราต้องหาทางดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้ได้" ทีมงานของลอรีอัลเริ่มระดมความคิด ไอเดียบรรเจิดมากมายถูกนำเสนอออกมา "เราควรจะโฟกัสไปที่ตลาดใหม่ๆ" หนึ่งในผู้บริหารเสนอแนะ "ตลาดเอเชียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้คนในนั้นก็ให้ความสำคัญกับความงามมากขึ้น" "เราต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ" อีกคนหนึ่งเสนอ "เราต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน" "เราต้องปรับกลยุทธ์การขายของเรา" เสียงหนึ่งดังขึ้น "เราต้องเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น" แอกงรับฟังทุกความคิดอย่างตั้งใจ เขารู้ดีว่าลอรีอัลจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ ในที่สุด แผนกลยุทธ์ใหม่ของลอรีอัลก็ถูกตั้งขึ้น โดยบริษัทจะโฟกัสไปที่ตลาดเอเชีย พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และปรับกลยุทธ์การขายให้เข้ากับยุคดิจิทัล กลยุทธ์ใหม่นี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ยอดขายของลอรีอัลในตลาดเอเชียพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของบริษัทได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และช่องทางการขายออนไลน์ก็ช่วยให้ลอรีอัลเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ลอรีอัลฝ่าฟันวิกฤตครั้งนั้นไปได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมความงามอีกครั้ง เรื่องราวของ ลอรีอัล เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเผชิญกับวิกฤต แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ธุรกิจก็สามารถเอาชนะอุปสรรคและประสบความสำเร็จได้
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38023
Retail
True Digital Park มีกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในย่านบางนาอย่างไร
null
True Digital Park มีกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในย่านบางนา ดังนี้ 1. ดึงดูดลูกค้าใหม่: 1.1 กลุ่มคนรุ่นใหม่: True Digital Park มุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ดิจิทัล กลุ่มคนเหล่านี้มีกำลังซื้อสูง นิยมจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่างๆ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในย่านบางนา 1.2 นักท่องเที่ยว: True Digital Park ตั้งเป้าหมายที่จะเป็น Destination ของคนดิจิทัลจากทั่วโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กระตุ้นเศรษฐกิจในย่านบางนา ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก 2. เปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ: 2.1 ผสมผสานธุรกิจ: True Digital Park มีพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีกหลากหลายประเภท ร้านค้าปลีกจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เน้นประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจ 2.2 เน้นสินค้าเฉพาะกลุ่ม: True Digital Park มุ่งเน้นไปที่กลุ่มสตาร์ทอัพและธุรกิจดิจิทัล ร้านค้าปลีกอาจจำเป็นต้องปรับสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เน้นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เพิ่มโอกาสในการขาย 3. เพิ่มการแข่งขัน: 3.1 การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น: True Digital Park ดึงดูดธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาในย่านบางนา ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าปลีกจำเป็นต้องพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ และรักษาฐานลูกค้า 3.2 ราคาที่ถูกลง: การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแง่ของราคาสินค้า ผู้บริโภคมีโอกาสซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง ตัวอย่าง: พนักงานออฟฟิศใน True Digital Park เพราะต้องการซื้ออาหารกลางวัน โดยมีร้านอาหารมากมายให้เลือก มีตัวเลือกเมนูอาหารที่หลากหลาย และสามารถซื้ออาหารในราคาที่เหมาะสม
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38024
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ในธุรกิจค้าปลีก "ลูกค้าคือหัวใจ" สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ
null
ศึกชิงบัลลังก์ร้านสะดวกซื้อ: บททดสอบผู้ชนะในสมรภูมิเวียดนาม ณ ใจกลางกรุงโฮจิมินห์ เมืองที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคึกคัก บนถนนสายหลัก ร้านสะดวกซื้อจากหลากหลายแบรนด์ตั้งเรียงราย ประหนึ่งเหล่าทหารกล้าที่พร้อมรบเพื่อแย่งชิงพื้นที่และหัวใจของลูกค้า "เจ๊หมวย" เจ้าของร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น มองดูคู่แข่งใหม่อย่าง 7-Eleven ที่เพิ่งมาเปิดตัวในย่านนี้ด้วยความกังวล ร้านของเธอเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และบริการที่อบอุ่น เป็นที่รักของลูกค้าในละแวกนี้มานานหลายปี "เฮ้อ...คงต้องสู้แล้วล่ะ" เจ๊หมวยพึมพำกับตัวเอง เธอรู้ดีว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบายและสินค้าหลากหลายที่ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่เสนอ แต่เธอก็มีจุดแข็งของเธอ นั่นคือ "ความคุ้นเคยและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า" "เราต้องทำให้ร้านของเรามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร" เจ๊หมวยตัดสินใจปรับปรุงร้านใหม่ นำสินค้าท้องถิ่นมาวางขาย เพิ่มบริการส่งสินค้าถึงบ้าน และจัดโปรโมชั่นพิเศษบ่อยๆ "เฮียครับ ขอข้าวกล่องกับกาแฟหน่อยครับ" เสียงลูกค้าประจำดังขึ้น เจ๊หมวยยิ้มแย้มต้อนรับ เขาลูกค้าคนนี้มาที่ร้านทุกเช้า เป็นกำลังใจสำคัญให้กับเธอเสมอ "วันนี้พิเศษครับ มีข้าวเหนียวมะม่วงสูตรใหม่ด้วย" เจ๊หมวยแนะนำ "เอาครับ เอาสองอย่างเลย" ลูกค้าตอบด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณครับ สนับสนุนร้านเล็กๆ ของเราต่อนะครับ" เจ๊หมวยกล่าวด้วยความซาบซึ้ง ในขณะเดียวกัน ทางฝั่ง 7-Eleven พนักงานกำลังจัดสินค้าใหม่บนชั้นวางของ "เราต้องทำให้ร้านของเราน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามา" ผู้จัดการร้านพูดกับพนักงาน "ค่ะค่ะ พวกเราจะพยายามเต็มที่ค่ะ" พนักงานตอบเสียงดังฟังชัด การแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อเวียดนามยังคงดุเดือด แต่ละแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์เด็ดมาดึงดูดลูกค้า ร้านเล็กๆ อย่างร้านเจ๊หมวยต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเข้าใจลูกค้า เธอสามารถรักษาฐานลูกค้าประจำไว้ และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาได้ บทสรุปของศึกชิงบัลลังก์ร้านสะดวกซื้อครั้งนี้ ยังไม่มีใครทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือ ผู้ชนะจะต้องเป็นผู้ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นร้านใหญ่หรือร้านเล็ก
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38026
Retail
“เดอะมอลล์ กรุ๊ป” จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาระดับการลดใช้ถุงพลาสติกให้คงอยู่หลังจากวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
null
1. การให้ความรู้และสร้างจิตสำนึก: - จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อม - จัดเวิร์คช็อปสอนวิธีทำถุงผ้า - จัดนิทรรศการเกี่ยวกับผลกระทบของพลาสติก - เชิญชวน Influencer และ KOL ร่วมรณรงค์ - ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น วิดีโอ อินโฟกราฟิก - นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการใช้ถุงพลาสติกที่ลดลง - แชร์เรื่องราวของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 2. พัฒนาระบบและโครงสร้างพื้นฐาน: - เพิ่มจุดบริการถุงผ้าให้เพียงพอ - จัดเตรียมตะกร้าสำหรับช้อปปิ้ง - พัฒนาระบบการชำระเงินแบบ Self-checkout - พัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ - จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาช้อปปิงโดยไม่รับถุง - พัฒนาระบบสมาชิกเพื่อติดตามผลการลดใช้ถุงพลาสติก 3. การสร้างแรงจูงใจ: - มอบคะแนนสะสม หรือแต้ม M Point - มอบส่วนลดพิเศษ - แจกของสมนาคุณ - จัดกิจกรรม lucky draw - มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาช้อปปิ้งโดยไม่รับถุง 4. การสร้างความร่วมมือ: - ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ - ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ - ร่วมมือกับองค์กรพัฒนาเอกชน - ร่วมรณรงค์กับศูนย์การค้าอื่นๆ 5. พัฒนาสินค้าและบริการ: - จำหน่ายถุงผ้าที่หลากหลาย - พัฒนาสินค้าที่ย่อยสลายง่าย - พัฒนาบริการห่อของขวัญแบบไม่ใช้พลาสติก - พัฒนาบริการ Delivery - พัฒนาบริการ Click & Collect สรุป: การรักษาระดับการลดใช้ถุงพลาสติกให้คงอยู่ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ควรพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง สร้างแรงจูงใจ และสร้างความร่วมมือ เพื่อสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับผู้บริโภค
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_38028
Retail
กลยุทธ์การเปิดตัว Toyota Century รุ่นใหม่ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร? และอะไรคือกลยุทธ์เพิ่มเติมที่ Toyota สามารถใช้เพื่อเพิ่มยอดขายของ Century รุ่นใหม่ในประเทศไทย
null
กลยุทธ์การเปิดตัว Toyota Century รุ่นใหม่ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก ดังนี้: -สร้างกระแสความสนใจ: การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความหรูหรา ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค กระตุ้นให้ผู้คนพูดถึงและติดตามข่าวสาร ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ Toyota และธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายรถยนต์ -ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย: Century รุ่นใหม่มุ่งเป้าไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งมักใช้จ่ายเงินจำนวนมากสำหรับสินค้าและบริการอื่นๆ ดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาที่ร้านค้าปลีก กระตุ้นยอดขายสินค้าและบริการอื่นๆ -สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่: การเปิดตัว Century รุ่นใหม่ เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับธุรกิจค้าปลีก เช่น ธุรกิจขายอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ บริการดูแลรักษารถยนต์ บริการประกันภัย ส่งผลดีต่อธุรกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ยังมีข้อจำกัด ดังนี้: -ราคาสูง: Century รุ่นใหม่มีราคาสูงมาก จำกัดกลุ่มลูกค้าที่สามารถซื้อได้ -จำนวนจำกัด: Toyota ตั้งเป้าจำหน่าย Century รุ่นใหม่เพียง 50 คันต่อเดือนในประเทศญี่ปุ่น ทำให้โอกาสที่ลูกค้าจะได้เป็นเจ้าของรถรุ่นนี้มีน้อย -การแข่งขัน: Century รุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากรถยนต์หรูรุ่นอื่นๆ ในตลาด ดังนั้น Toyota ควรพิจารณาใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มยอดขายของ Century รุ่นใหม่ในประเทศไทย ดังนี้ -ขยายกลุ่มเป้าหมาย: Toyota ควรขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อปานกลาง โดยนำเสนอโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ -เพิ่มช่องทางการจำหน่าย: Toyota ควรเพิ่มช่องทางการจำหน่าย Century รุ่นใหม่ เช่น การขายออนไลน์ การจัดแสดงรถในห้างสรรพสินค้า -สร้างประสบการณ์พิเศษ: Toyota ควรสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า เช่น การจัดทดลองขับ การให้บริการหลังการขายที่เหนือระดับ -เน้นกลยุทธ์การตลาดแบบดิจิทัล: Toyota ควรใช้กลยุทธ์การตลาดแบบดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย ดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ -สร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์: Toyota ควรสร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ ดึงดูดบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย มาโปรโมท Century รุ่นใหม่
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38031
Retail
การเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยหรือไม่?
null
ไม่ การเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 ไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยโดยตรง เหตุผล: สาเหตุหลักของการเทขาย: - มาจากความกังวลของนักลงทุนต่างชาติ - เกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน - ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก: - ปรับตัวลดลง 2.39% - ไม่ได้ปรับตัวลดลงมากกว่าดัชนีตลาดรวม - แสดงว่านักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย: - ยังมีสัญญาณที่ดี - เช่น การเติบโตของ GDP - การบริโภคภาคเอกชน - การลงทุนภาคเอกชน - การส่งออก ตัวเลขเศรษฐกิจ: - ในไตรมาส 1/2561 - แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีการขยายตัว - การบริโภคภาคเอกชนเติบโต 3.6% - การลงทุนภาคเอกชนเติบโต 3.4% - การส่งออกเติบโต 9.9% กลุ่มค้าปลีก: - ได้รับผลดีจากการเติบโตของเศรษฐกิจ - การบริโภคภาคเอกชน - การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม: - นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด - สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน - อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก - เศรษฐกิจไทย - รวมไปถึงธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย สรุป: - การเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีกในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 - ไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยโดยตรง - นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38043
Retail
จงบอกวิธีการปรับกลยุทธ์การสรรหาและรักษาพนักงานเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถในยุคดิจิทัล
null
วิธีการปรับกลยุทธ์การสรรหาและรักษาพนักงานเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถในยุคดิจิทัล มีดังนี้ 1. พัฒนาช่องทางการสรรหาพนักงาน: 1.1 เน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์หางาน โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ของบริษัท 1.2 พัฒนา Employer Branding ให้มีความน่าสนใจ 1.3 จัดกิจกรรม Employer Branding Day 1.4 ร่วมงาน Job Fair 2. พัฒนากลยุทธ์การดึงดูดพนักงาน: 2.1 เสนอเงินเดือนและสวัสดิการที่น่าสนใจ 2.2 เสนอโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ 2.3 พัฒนาวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการทำงาน 2.4 เน้นความยืดหยุ่นในการทำงาน 3. พัฒนากลยุทธ์การรักษาพนักงาน: 3.1 พัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน 3.2 มอบหมายงานที่ท้าทายและตรงกับทักษะของพนักงาน 3.3 ให้การ Feedback แก่พนักงานอย่างสม่ำเสมอ 3.4 จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน ตัวอย่าง: ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสาร Employer Branding เสนอโปรแกรม Mentorship พัฒนาระบบ Performance Management จัดกิจกรรม Team Building สรุป: ธุรกิจค้าปลีกควรปรับกลยุทธ์การสรรหาและรักษาพนักงานให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล เน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ พัฒนากลยุทธ์การดึงดูดและรักษาพนักงาน มุ่งเน้นไปที่เงินเดือน สวัสดิการ โอกาสในการพัฒนาศักยภาพ วัฒนธรรมองค์กร และความยืดหยุ่นในการทำงาน กลยุทธ์การสรรหาและรักษาพนักงานควรมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ธุรกิจค้าปลีกควรติดตามผลลัพธ์ของกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_38047
Retail
M-SENKO สามารถเอาชนะคู่แข่งในตลาดโลจิสติกส์ที่มีผู้เล่นมากมายได้อย่างไร?
null
M-SENKO สามารถเอาชนะคู่แข่งในตลาดโลจิสติกส์ได้ดังนี้: 1. เน้นจุดเด่นเรื่องการให้บริการครบวงจร: M-SENKO เสนอบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ลูกค้าสามารถใช้บริการ M-SENKO เพียงเจ้าเดียวสำหรับความต้องการด้านโลจิสติกส์ทั้งหมด ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย 2. พัฒนาระบบ Automatic เพิ่มประสิทธิภาพ: M-SENKO ลงทุนในระบบ Automatic ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น 3. มุ่งเน้นการขนส่งอาหาร: M-SENKO เริ่มต้นด้วยการขนส่งอาหาร ตลาดนี้ยังมีผู้เล่นน้อย M-SENKO มีโอกาสเติบโตสูง 4. ขยายฐานลูกค้า: M-SENKO เริ่มต้นจากลูกค้าบริษัทญี่ปุ่น ขยายไปยังกลุ่มอื่นๆ ในอนาคต เจาะกลุ่มลูกค้า B2B เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 5. พัฒนา Know How ด้านโลจิสติกส์: M-SENKO ร่วมทุนกับ Senko พันธมิตรที่มีประสบการณ์ในธุรกิจโลจิสติกส์ พัฒนา Know How เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 6. นำเทคโนโลยีมาใช้: M-SENKO นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 7. รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า: M-SENKO ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า มอบบริการที่ประทับใจ สร้างฐานลูกค้าที่ยั่งยืน 8. พัฒนาบุคลากร: M-SENKO พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ รองรับการเติบโตของธุรกิจ มอบบริการที่มีคุณภาพ 9. ติดตามเทรนด์: M-SENKO ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ ในธุรกิจโลจิสติกส์ พัฒนาบริการให้ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 10. รักษาความยั่งยืน: M-SENKO มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม โดยสรุป M-SENKO มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในตลาดโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม M-SENKO จำเป็นต้องพัฒนาจุดแข็งของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และติดตามเทรนด์ใหม่ๆ ในธุรกิจโลจิสติกส์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_38048
Retail
De Beers จะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเพชรสังเคราะห์จากคู่แข่งได้หรือไม่?
null
มี โอกาสสูง 1. การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่: เพชรสังเคราะห์มีราคาถูกกว่าเพชรแท้ significantly (ประมาณ 1/3 ของราคาเพชรแท้) ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีงบจำกัด ขยายฐานลูกค้า 2. การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค: ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับจริยธรรมและความยั่งยืน เพชรสังเคราะห์ไม่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง (conflict diamonds) ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 3. การใช้ประโยชน์จากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: De Beers เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอุตสาหกรรมเพชร สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพชรสังเคราะห์ ดึงดูดลูกค้าที่คุ้นเคยกับแบรนด์ 4. กลยุทธ์การเจาะตลาด: ตั้งราคาเพชรสังเคราะห์ที่ "จับต้องได้" (800 ดอลลาร์ต่อกะรัต) เน้นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการช้อปออนไลน์ 5. การผนวกรวมเทคโนโลยี: De Beers ลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตเพชรสังเคราะห์ พัฒนาเพชรสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม De Beers ยังเผชิญกับ ความท้าทาย ดังนี้: -การแข่งขันที่รุนแรง: มีผู้เล่นรายใหม่ในตลาดเพชรสังเคราะห์ -การสร้างการรับรู้: ผู้บริโภคบางกลุ่มยังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเพชรสังเคราะห์ -การรักษาภาพลักษณ์แบรนด์: De Beers ต้องรักษาสมดุลระหว่างเพชรแท้และเพชรสังเคราะห์ โดยสรุป: De Beers มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จในตลาดเพชรสังเคราะห์ กลยุทธ์ใหม่นี้จะช่วยพลิกโฉมหน้าวงการค้าปลีกเครื่องประดับ ดึงดูดลูกค้าใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38066
Retail
การเข้าซื้อโครงการมหานครของกลุ่มคิง เพาเวอร์ จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มคิง เพาเวอร์
null
มีโอกาส เหตุผล: 1. การเข้าถึงลูกค้า: โครงการมหานครตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร บนถนนพระราม 4 - เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง มีการจราจรหนาแน่น และเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ - การเข้าซื้อโครงการมหานครจะช่วยให้กลุ่มคิง เพาเวอร์ เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้น 2. การขยายฐานธุรกิจ: โครงการมหานครประกอบด้วย - อาคารสำนักงาน - โรงแรม - ร้านอาหาร - และจุดชมวิว ซึ่งกลุ่มคิง เพาเวอร์ สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจค้าปลีกได้หลายรูปแบบ เช่น - เปิดร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown duty free) - เปิดร้านค้าปลีกสินค้าแบรนด์เนม - เปิดร้านอาหาร - พัฒนาพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าและบริการอื่น ๆ 3. การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่: - กลุ่มคิง เพาเวอร์ สามารถผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน - เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบ Big Data เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า 4. การสร้างจุดหมายปลายทางใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว: - โครงการมหานครมีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศไทย (Observation Deck) ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก - กลุ่มคิง เพาเวอร์ สามารถพัฒนาพื้นที่อื่น ๆ ภายในโครงการให้เป็นจุดหมายปลายทางใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว เช่น แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารระดับภัตตาคาร และสถานที่จัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ 5. การเสริมสร้างภาพลักษณ์: - การเข้าซื้อโครงการมหานคร ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของกลุ่มคิง เพาเวอร์ ให้ดูน่าเชื่อถือ - น่าไว้วางใจ - และมีความแข็งแกร่งทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบางประการที่อาจส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มคิง เพาเวอร์ เช่น: 1. สภาวะเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค 2. การแข่งขัน: ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง กลุ่มคิง เพาเวอร์ จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์และแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ 3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น กลุ่มคิง เพาเวอร์ จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค สรุป: การเข้าซื้อโครงการมหานคร มีโอกาส ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มคิง เพาเวอร์ กลุ่มคิง เพาเวอร์ จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์และแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกในโครงการมหานคร ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38067
Retail
จากคำแนะนำของแจ๊ค หม่า ธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะเติบโตหรือไม่
null
ใช่ เหตุผล: แจ๊ค หม่า มองว่าธุรกิจที่น่าสนใจในฝั่งเอเชียในปัจจุบันคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ธนาคาร และค้าปลีก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรถึง 650 ล้านคน การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การวิเคราะห์: - ประชากร: ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรถึง 650 ล้านคน หมายความว่ามีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจค้าปลีก - เทคโนโลยี: การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น - พฤติกรรมผู้บริโภค: พฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเปลี่ยนไป นิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: - Lazada: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค - Shopee: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากสิงคโปร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว - JD.com: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนที่ขยายธุรกิจมาสู่ภูมิภาคนี้ - Alibaba: ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีน ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่อาจส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคนี้ เช่น: - โครงสร้างพื้นฐาน: โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ในบางประเทศยังไม่พัฒนา - การชำระเงิน: ผู้บริโภคในบางประเทศยังไม่นิยมชำระเงินออนไลน์ - ภาษาราชการ: ภูมิภาคนี้มีภาษาราชการหลายภาษา สรุป: ธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวโน้มที่จะเติบโต เทคโนโลยี จะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จ จะต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับ พฤติกรรมผู้บริโภค และ อุปสรรค ต่างๆ
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38106
Retail
กลยุทธ์การใช้ QR Code Payment ของเซ็นทรัล จะช่วยผลักดันธุรกิจค้าปลีกในเครืออย่างไร
null
1. เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า: - ลูกค้าไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต/เดบิตจำนวนมาก เพียงแค่มีมือถือเครื่องเดียวก็สามารถชำระเงินได้ - ช่วยลดเวลาในการต่อคิวชำระเงิน เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่เร่งรีบ - รองรับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว 2. เพิ่มโอกาสในการขาย: - ลูกค้าน่าจะใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องเงินสดหรือวงเงินบัตร - กระตุ้นยอดขายสินค้า โดยเฉพาะสินค้าชิ้นเล็กๆ ที่ลูกค้าอาจจะไม่อยากใช้บัตร - ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี 3. ลดต้นทุนการบริหารจัดการ: - ลดต้นทุนในการจัดการเงินสด เช่น ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัย - ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียหรือทุจริต - เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน 4. สร้างข้อมูลลูกค้า: - เซ็นทรัลสามารถเก็บข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ สินค้าที่ชื่นชอบ ฯลฯ - นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด - เสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล 5. เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร: - เซ็นทรัลจะกลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในธุรกิจค้าปลีก - แสดงให้เห็นถึงความทันสมัยและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม - ดึงดูดนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38124
Retail
การขยายสาขาบาร์บีคิวพลาซ่าในรูปแบบสแตนด์อโลนในกัมพูชา เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดค้าปลีกในกัมพูชาหรือไม่?
null
ใช่ การขยายสาขาบาร์บีคิวพลาซ่าในรูปแบบสแตนด์อโลนในกัมพูชา เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดค้าปลีกในกัมพูชา เหตุผล: รูปแบบร้านสแตนด์อโลนเป็นที่นิยมในกัมพูชา: -พื้นที่ค้าปลีกส่วนใหญ่ในกัมพูชาเป็นรูปแบบสแตนด์อโลน -ผู้บริโภคในกัมพูชาคุ้นเคยกับรูปแบบร้านสแตนด์อโลน -การบริหารร้านสแตนด์อโลนเป็นที่คุ้นเคยสำหรับผู้บริหารร้านอาหารในกัมพูชา สาขา TK Area ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย: -ตั้งอยู่ในย่านที่พักอาศัยของชนชั้นกลาง -ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ สำนักงาน และบริษัทต่างๆ -เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการรับประทานอาหารนอกบ้าน การเพิ่มพื้นที่สันทนาการและคาราโอเกะตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค: -ผู้บริโภคในกัมพูชานิยมการสังสรรค์เฮฮาหลังเลิกงาน -การมีห้องส่วนตัวสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า -บริการคาราโอเกะเป็นที่นิยมในกัมพูชา บาร์บีคิวพลาซ่ามีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: -เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในกัมพูชา -มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น -มีภาพลักษณ์ที่ดี ข้อจำกัด: การลงทุนในรูปแบบสแตนด์อโลนมีค่าใช้จ่ายสูง: -สูงกว่าการลงทุนในรูปแบบสาขาในห้างสรรพสินค้า -อาจสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ลงทุน การแข่งขันในตลาดร้านอาหารในกัมพูชา: -มีร้านอาหารหลากหลายประเภท -มีการแข่งขันสูง -บาร์บีคิวพลาซ่าต้องเผชิญกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง สรุป: การขยายสาขาบาร์บีคิวพลาซ่าในรูปแบบสแตนด์อโลนในกัมพูชา เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดค้าปลีกในกัมพูชา อย่างไรก็ตาม บาร์บีคิวพลาซ่าต้องเผชิญกับข้อจำกัด เช่น ค่าใช้จ่ายที่สูงและการแข่งขันในตลาด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38126
Retail
โครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ มีแนวโน้มที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Millennials (คนรุ่น Y) ใช่หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผลคือ: 1. ไลฟ์สไตล์: - คนรุ่น Millennials ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าวัตถุ - ชอบความสะดวกสบาย ต้องการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่หลากหลาย โครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ด้วย: - พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 50 Shades of Nature เหมาะกับการพักผ่อน ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมกลางแจ้ง - พื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย เช่น สวน สนามเด็กเล่น พื้นที่สำหรับปิกนิก พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง - พื้นที่สำหรับกิจกรรมพิเศษ เช่น พื้นที่สำหรับปั่นจักรยาน พื้นที่สำหรับเล่นสเก็ตบอร์ด พื้นที่สำหรับปีนเขา พื้นที่สำหรับช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ คาเฟ่ 2. เทคโนโลยี: - คนรุ่น Millennials คุ้นเคยกับเทคโนโลยี - ชอบความสะดวก รวดเร็ว โครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อ: (1). เพิ่มความสะดวกสบาย เช่น ระบบ Smart Home ระบบจองพื้นที่ส่วนกลางล่วงหน้า (2). เพิ่มความปลอดภัย เช่น ระบบ CCTV ระบบสแกนใบหน้า (3). เพิ่มประสบการณ์ เช่น ระบบ VR ระบบ AR 3. ความยั่งยืน: - คนรุ่น Millennials ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ ให้ความสำคัญกับ: - พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ - การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม - การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ - การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ข้อควรระวัง: 1. ราคา: ราคาสินค้าและบริการในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ อาจจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาด 2. การแข่งขัน: โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed Use Lifestyle มีการแข่งขันสูง 3. การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์: เทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สรุป: โครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ มีแนวโน้มที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Millennials ด้วยการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้เทคโนโลยี และความใส่ใจสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น เช่น ราคา การแข่งขัน และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38133
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับแม้ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ ยังมีโอกาสใหม่ ๆ รอให้เราคว้าฉวย
null
รอยยิ้มท่ามกลางความท้าทาย: การผจญภัยของมินกับห้างสรรพสินค้า Paradigm Mall ท่ามกลางกระแสโลกที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งต้องปิดตัวลง มิน เด็กสาววัย 19 ปี กลับรู้สึกตื่นเต้นกับข่าวคราวการเปิดตัวห้างสรรพสินค้า Paradigm Mall ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย มินใฝ่ฝันอยากทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เธอเห็นภาพตัวเองยืนต้อนรับลูกค้า ช่วยเหลือพวกเขาค้นหาสินค้าที่ต้องการ และมอบรอยยิ้มแห่งความประทับใจให้กับทุกคน ในที่สุดวันที่เธอใฝ่ฝันก็มาถึง มินตัดสินใจสมัครงานที่ Paradigm Mall และโชคดีที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพนักงานขายในแผนกเสื้อผ้า งานแรกของมินไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าหลายร้อยรายการ ฝึกฝนทักษะการขาย และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว วุ่นวาย เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและรอยยิ้มที่สดใส มินก็ค่อยๆ เอาชนะความท้าทาย เธอสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เรียนรู้เทคนิคการขายใหม่ๆ และกลายเป็นพนักงานที่ลูกค้าชื่นชอบ Paradigm Mall ไม่ใช่แค่สถานที่ทำงานสำหรับมิน แต่มันคือโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันและโอกาส เธอได้พบเจอเพื่อนใหม่ เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง และค้นพบศักยภาพของตัวเอง วันหนึ่ง มินได้รับโอกาสพิเศษ เธอได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของห้างสรรพสินค้าในการแข่งขันประกวดพนักงานขายยอดเยี่ยม มินทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก เธอศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า เทคนิคการขาย และฝึกฝนการนำเสนอ ในที่สุดวันแข่งขันก็มาถึง มินขึ้นเวทีด้วยความมั่นใจ เธอตอบคำถามของกรรมการอย่างชาญฉลาด นำเสนอสินค้าด้วยความน่าสนใจ และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน ผลลัพธ์คือ มินคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองและรู้สึกขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเธอ ประสบการณ์ที่ Paradigm Mall สอนให้มินรู้ว่า ความท้าทายและอุปสรรคไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นโอกาสที่ทำให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเอง เธอเรียนรู้ที่จะยิ้มสู้ ไม่ย่อท้อ และมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด Paradigm Mall ไม่ได้เป็นแค่ห้างสรรพสินค้า แต่มันคือสถานที่ที่มินได้เรียนรู้ ค้นพบตัวเอง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ มุ่งมั่น และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอุปสรรคในชีวิต
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38136
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....IKEA บางใหญ่ นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย สินค้ามีให้เลือกหลากหลาย และพนักงานบริการดี
null
IKEA บางใหญ่: ยักษ์ใหญ่แห่งเฟอร์นิเจอร์ เตรียมเปิดประตูสู่กรุงเทพฯ ตัวละคร: นายพงศ์: ชายหนุ่มวัย 30 ปี กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ให้บ้าน นางสาวนวล: พนักงานขาย IKEA บางใหญ่ คุณแม่ของนายพงศ์: หญิงวัย 50 ปี ชื่นชอบการตกแต่งบ้าน ฉาก: ห้างสรรพสินค้า IKEA บางใหญ่ ในวันที่ใกล้จะเปิดให้บริการ เรื่องราว: นายพงศ์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ยืนมองตึก IKEA บางใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล คาดหวังอยากเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ของห้างเฟอร์นิเจอร์จากสวีเดนแห่งนี้ เขาวางแผนไว้ว่า จะพาคุณแม่มาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ให้บ้านในวันเปิดตัว... "คุณแม่ครับ IKEA บางใหญ่ใกล้จะเปิดแล้ว ผมอยากพาคุณแม่ไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่" นายพงศ์พูดกับคุณแม่ด้วยความตื่นเต้น "โอ้ น่าสนใจมากลูก" คุณแม่ของนายพงศ์ตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม "แม่ชอบ IKEA มาก เฟอร์นิเจอร์สวย ราคาไม่แพง และน่าใช้งาน" ในวันเปิดตัว IKEA บางใหญ่ นายพงศ์และคุณแม่ก็รีบไปต่อคิวเข้าห้างตั้งแต่เช้า... บรรยากาศภายในห้างนั้นคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย นายพงศ์รู้สึกประทับใจกับการออกแบบของห้างที่เรียบง่าย สะอาดตา และเดินเล่นได้สะดวกสบาย "คุณแม่ครับ ผมอยากได้โซฟาใหม่" นายพงศ์พูดกับคุณแม่ "โอเคลูก ไปดูโซฟากันเถอะ" คุณแม่ตอบกลับ นายพงศ์และคุณแม่เดินไปที่โซนโซฟา มีโซฟาให้เลือกมากมาย นายพงศ์รู้สึกตัดสินใจไม่ถูก "สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?" เสียงพนักงานขายที่ยิ้มแย้มแจ่มใสดังขึ้น "สวัสดีครับ ผมกำลังมองหาโซฟาใหม่" นายพงศ์ตอบกลับ "ไม่ต้องกังวลค่ะ ดิฉันยินดีช่วยค่ะ" พนักงานขายแนะนำตัวเองว่าชื่อนวล นวลสอบถามนายพงศ์เกี่ยวกับความต้องการของเขา ว่าต้องการโซฟาแบบไหน ใช้งานกี่คน และมีงบประมาณเท่าไหร่ นายพงศ์บอกนวลว่า ต้องการโซฟาที่นั่งสบาย เหมาะกับการนั่งดูทีวี และมีราคาไม่แพง นวลแนะนำโซฟาตัวหนึ่งให้กับนายพงศ์ โซฟาตัวนี้มีดีไซน์ที่เรียบง่าย นั่งสบาย และราคาไม่แพง นายพงศ์ลองนั่งโซฟาตัวนั้น รู้สึกพอใจมาก "ผมขอซื้อโซฟาตัวนี้ครับ" นายพงศ์ตัดสินใจ นวลช่วยนายพงศ์ดำเนินการชำระเงิน และแจ้งให้ทราบว่า โซฟาจะจัดส่งให้ภายใน 3 วัน นายพงศ์และคุณแม่รู้สึกประทับใจกับบริการของนวลมาก "ขอบคุณค่ะ บริการดีมากค่ะ" คุณแม่ของนายพงศ์พูดกับนวล "ยินดีค่ะ" นวลตอบกลับด้วยรอยยิ้ม นายพงศ์และคุณแม่เดินออกจาก IKEA บางใหญ่ด้วยความรู้สึกพึงพอใจ "วันนี้ได้โซฟาใหม่แล้ว ดีใจจัง" นายพงศ์พูดกับคุณแม่ "แม่ก็ดีใจด้วยลูก IKEA บางใหญ่สะดวกสบายมาก สินค้ามีให้เลือกเยอะ พนักงานก็บริการดี" คุณแม่ตอบกลับ
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38142
Retail
อะไรคือปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนที่สูงของตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวในปี 2023?
null
มีหลายปัจจัยที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนที่สูงของตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวในปี 2023: 1. การฟื้นตัวจากจุดต่ำ: ดัชนี Zimbabwe Industrial Index ลดลง 60% ในช่วงปี 2013-2016 ดังนั้น การฟื้นตัวในปี 2023 จึงเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นตัวจากจุดต่ำ 2. เงินเฟ้อ: เงินเฟ้อระดับมหาศาลในซิมบับเวก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2009 ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นในสกุลเงินท้องถิ่น หุ้นจึงกลายเป็นทางเลือกในการเก็บรักษามูลค่าเงิน 3. ความไม่แน่นอนทางการเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่สูงในซิมบับเว ทำให้ประชาชนบางส่วนมองหาวิธีในการป้องกันความเสี่ยง เงินฝากธนาคารอาจไม่ปลอดภัยเท่าหุ้น 4. นโยบายเศรษฐกิจและการคลังที่ไม่แน่นอน: นโยบายเศรษฐกิจและการคลังที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ธุรกิจในซิมบับเวเผชิญความท้าทาย 5. ตลาดหลักทรัพย์ที่ยังไม่พัฒนา: ตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวยังไม่พัฒนาเท่าตลาดในประเทศอื่น สิ่งนี้อาจสร้างโอกาสสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยง 6. การขาดแคลนทางเลือก: ตัวเลือกการลงทุนในซิมบับเวมีจำกัด หุ้นจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ 7. ผลตอบแทนที่สูง: ผลตอบแทนที่สูงของตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวในอดีต ดึงดูดนักลงทุนใหม่ 8. ปัจจัยอื่นๆ: ปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจในซิมบับเว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรทราบว่า ตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวมีความเสี่ยงสูง ปัจจัยต่างๆ เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง นโยบายเศรษฐกิจและการคลังที่ไม่แน่นอน และเงินเฟ้อ อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของตลาดในอนาคต สรุป: ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนที่สูงของตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวในปี 2023 คือ การฟื้นตัวจากจุดต่ำ เงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนทางการเมือง นโยบายเศรษฐกิจและการคลังที่ไม่แน่นอน ตลาดหลักทรัพย์ที่ยังไม่พัฒนา การขาดแคลนทางเลือก ผลตอบแทนที่สูงในอดีต และปัจจัยอื่นๆ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรทราบว่า ตลาดหลักทรัพย์ซิมบับเวมีความเสี่ยงสูง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38149
Retail
โครงการ I’m Chinatown มีทั้งห้างฯ, คอนโดฯ และโรงแรมขึ้นในย่ายเยาวราชใช่หรือไม่
null
ใช่ “เยาวราช” คือพื้นที่ธุรกิจที่ทุกจุดเป็นเงินเป็นทอง ทำให้คนดั้งเดิมย่านนั้นต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น และร้านค้าใหม่ๆ ก็เกิดยาก “แกรนด์ ยูนิแลนด์” จึงลงทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงการ I’m Chinatown ที่มีทั้งห้างฯ, คอนโดฯ และโรงแรมขึ้นในย่านนี้ สำหรับโครงการ I’m Chinatown ประกอบด้วยโรงแรม 4 ดาว Holliday Inn Express ถือเป็นโรงแรมเชนแห่งแรกภายในเยาวราช ค่าห้องเริ่ม 1,800 บาท, ห้างสรรพสินค้า 3 ชั้น ที่รวมร้านอาหาร Street Food และร้านขายของดังๆ ในเยาวราชเอาไว้ ค่าเช่าเริ่ม 2,500 บาท และคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 46 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท มีที่จอดรถใต้ดินจุ 300 คัน มากที่สุดในย่านนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้ามาใช้บริการส่วนต่างๆ ของศูนย์ฯ นี้ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว, นักธุรกิจ และกลุ่มผู้อยู่อาศัยเดิม เพราะคนที่อาศัยที่นี่ต้องย้ายไปอยู่ย่านชานเมือง เช่นตลิ่งชัน หรือฝั่งธนฯ เพราะต้องยอมให้ที่เยาวราชนั้นเป็นที่สำหรับทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ฝั่งวัดมังกรฯ หรือเส้นเจริญกรุงอาจไม่คึกคักมาก แต่พอรถไฟฟ้าเสร็จในปี 2562 พร้อมกับโครงการเราเปิดให้บริการ ฝั่งนี้ต้องเจริญขึ้นแน่ เพราะฝั่งตรงข้ามก็เป็นย่าน Street Food ดังๆ นอกจากนี้ตัวห้าง The Old Siam เองก็หมดสัญญา ทำให้เราได้ร้านเพชรพลอยจากที่นั่นมาอยู่ด้วย และตัวค้าปลีกเองก็มีคนมาจองที่แล้ว 70%
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38170
Retail
การใช้ตู้แช่อัจฉริยะ IoT ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกหรือไม่
null
ใช่ เหตุผลเพราะ 1.ตู้แช่อัจฉริยะ IoT ช่วยให้ร้านค้าปลีกสามารถตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้นภายในตู้แช่ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจะคงสภาพสดใหม่และป้องกันความเสียหาย 2.ตู้แช่อัจฉริยะ IoT helps to reduce food waste by alerting store staff when products are nearing their expiration date. This allows stores to sell products before they spoil, saving them money on wasted inventory. 3.ตู้แช่อัจฉริยะ IoT ช่วยให้ร้านค้าปลีกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขายและพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง การจัดวางสินค้า และกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย 4.ตู้แช่อัจฉริยะ IoT helps to improve the customer experience by providing customers with information about the products they are interested in. This can help customers make more informed purchase decisions and improve their overall shopping experience. ตัวอย่าง เช่น ร้านค้าปลีก Maxvalu ในประเทศไทย ได้ติดตั้งตู้แช่อัจฉริยะ IoT ในสาขาทั้งหมด 83 แห่ง ผลลัพธ์ที่ได้คือ สินค้าคงคลังสดใหม่มากขึ้น 98% การใช้ตู้แช่อัจฉริยะ IoT ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก ช่วยให้รักษาสินค้าคงคลัง ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38176
Retail
กลยุทธ์ใดที่ Casa Lapin วางไว้เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้าในตลาดร้านกาแฟที่มีการแข่งขันสูง?
null
Casa Lapin วางกลยุทธ์ไว้หลายอย่างเพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้าในตลาดร้านกาแฟที่มีการแข่งขันสูง ดังนี้ 1. กาแฟชนิดพิเศษ คั่วแบบพิเศษ: - Casa Lapin เน้นกาแฟชนิดพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีความพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก คัดสรร เก็บเกี่ยว แปรรูป จนถึงการคั่ว - ใช้เทคโนโลยีการคั่วกาแฟที่ดีที่สุดในโลก “Loring S15 Falcon” ซึ่งมีเพียงเครื่องเดียวในเมืองไทย - กาแฟของ Casa Lapin จึงมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากร้านกาแฟทั่วไป 2. บรรยากาศร้าน: - ตกแต่งร้านในสไตล์ Industrial Loft เน้นสร้างความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง - ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง เหมาะสำหรับการนั่งทำงาน พบปะสังสรรค์ หรืออ่านหนังสือ - สร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากร้านกาแฟแบบดั้งเดิม ดึงดูดลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ 3. ประสบการณ์การดื่มกาแฟ: - พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับกาแฟและเครื่องดม สามารถให้คำแนะนำและตอบคำถามลูกค้าได้ - มีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายและแตกต่าง เน้นกาแฟและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ - ลูกค้าสามารถเลือกเมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว และวิธีการชงได้เอง - สร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟที่พิเศษและน่าจดจำ 4. การขยายสาขา: - เลือกทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจและแหล่งชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง - เน้นการขยายสาขาในรูปแบบ Flagship Store ขนาดใหญ่ เพื่อเป็น Experience Center ของแบรนด์ - ขยายสาขาไปยังต่างประเทศ มุ่งเป้าไปที่เมืองใหญ่ในเอเชีย 5. การใช้เทคโนโลยี: - นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารงาน เช่น การชำระเงิน การรับออเดอร์ - พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับลูกค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว - ใช้เทคโนโลยีในการวิจัยและพัฒนาเมนูอาหารและเครื่องดื่มใหม่ ๆ 6. การสร้างแบรนด์: - สร้างแบรนด์ Casa Lapin ให้มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากร้านกาแฟทั่วไป - เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างการรับรูแบรนด์ - กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ Casa Lapin สามารถสร้างความแตกต่างและดึงดูด ลูกค้าในตลาดร้านกาแฟที่มีการแข่งขันสูง เพิ่มเติม: - Casa Lapin ยังมีจุดแข็งอื่น ๆ เช่น ทีมบาริสต้าที่มีความเชี่ยวชาญ เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง และการบริการที่ดี - การเข้าร่วมทุนกับ JAS Asset จะช่วยให้ Casa Lapin มีการบริหารงานที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น และสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว - Casa Lapin จำเป็นต้องติดตามเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สรุป: - Casa Lapin วางกลยุทธ์ไว้หลายอย่างเพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้าในตลาดร้านกาแฟที่มีการแข่งขันสูง กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึงกาแฟชนิดพิเศษ คั่วแบบพิเศษ บรรยากาศร้าน ประสบการณ์การดื่มกาแฟ การขยายสาขา การใช้เทคโนโลยี และการสร้างแบรนด์ - การผสมผสานกลยุทธ์เหล่านี้เข้าด้วยกัน จะช่วยให้ Casa Lapin ประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_38186
Retail
การใช้ AI ในธุรกิจค้าปลีกจีน จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างไร
null
ธุรกิจค้าปลีกจีนกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ต้นทุน และประสบการณ์ของลูกค้า การใช้ AI กลายเป็นทางออกที่น่าสนใจ ที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ และผลักดันธุรกิจให้เติบโต ดังนี้: 1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: - งานซ้ำๆ: AI สามารถทำงานซ้ำๆ ที่ไม่ต้องการทักษะพิเศษ เช่น การเก็บสินค้า การจัดเรียงสินค้าบนชั้นวาง การสแกนสินค้า การรับชำระเงิน ฯลฯ ช่วยให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า เช่น การให้บริการลูกค้า การตอบคำถาม การให้คำแนะนำ ฯลฯ - การวิเคราะห์ข้อมูล: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขาย ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลสินค้า ฯลฯ ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า บริหารจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ 2. ลดต้นทุน: - ค่าแรง: AI ช่วยลดต้นทุนค่าแรง โดยเฉพาะค่าแรงงานพนักงานที่ทำงานซ้ำๆ หรือทำงานในกะดึก - ความผิดพลาด: AI ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ เช่น การสูญเสียสินค้า การสแกนสินค้าผิด การคิดเงินผิด ฯลฯ ช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาว 3. เพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า: - บริการที่รวดเร็ว: AI ช่วยให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น เช่น การชำระเงินด้วยตนเอง การค้นหาสินค้า การตอบคำถาม ฯลฯ ช่วยลดเวลาการรอคิว เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า - บริการที่ตรงใจ: AI สามารถจดจำความชอบของลูกค้า แนะนำสินค้าที่ตรงใจ เสนอส่วนลดและโปรโมชั่นที่เหมาะสม ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ตัวอย่างผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น: - ยอดขายเพิ่มขึ้น: ธุรกิจค้าปลีกจีนคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 10-15% ภายใน 3 ปีข้างหน้า - ต้นทุนลดลง: ธุรกิจค้าปลีกจีนคาดว่าจะมีต้นทุนลดลง 5-10% ภายใน 3 ปีข้างหน้า - คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น: ธุรกิจค้าปลีกจีนคาดว่าจะมีคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น 10% ภายใน 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการที่ต้องเผชิญ: 1. ต้นทุนการลงทุน: การลงทุนในเทคโนโลยี AI ยังมีต้นทุน ที่สูงอยู่ 2. การยอมรับของพนักงาน: พนักงานบางส่วนอาจกังวล ว่า AI จะมาแทนที่งานของพวกเขา 3. กฎหมายและข้อบังคับ: ยังไม่มีกฎหมาย และข้อบังคับ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ AI ในธุรกิจค้าปลีก
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38203
Retail
การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของ CPN ในการดึงดูดกลุ่ม Rich Millennial จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของ CPN หรือไม่
null
มีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก เนื่องจาก กลุ่ม Rich Millennial มีกำลังซื้อสูง มีการศึกษาสูง มีหน้าที่การงานที่ดี และมีรายได้สูง พวกเขามีความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ และยินดีจ่ายเงินเพื่อสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขา อีกทั้ง CPN มีศูนย์การค้าอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ศูนย์การค้าเหล่านี้มีศักยภาพในการดึงดูดกลุ่ม Rich Millennial CPN อยู่ในธุรกิจค้าปลีกมานาน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเข้าใจความต้องการของลูกค้า และสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า และมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการดึงดูดกลุ่ม Rich Millennial ตัวอย่าง: - Central Phuket: CPN เพิ่งปรับปรุงศูนย์การค้า Central Phuket ใหม่ โดยเน้นสินค้าแบรนด์เนม และจุด Attraction ที่หาที่อื่นไม่ได้ - ทีมพิเศษ: CPN ตั้งทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยว สรุป: การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของ CPN ในการดึงดูดกลุ่ม Rich Millennial มีโอกาสสูงที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของ CPN
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38214
Retail
ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะหายไป completely ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่?
null
ไม่ ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะหายไป completely ในอนาคตอันใกล้นี้ เหตุผล: -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ -ผู้บริโภคยังคงต้องการประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบออฟไลน์ -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้ ข้อควรระวัง: -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจต้องปิดกิจการ สรุป: -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถประสบความสำเร็จได้โดยการนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใครและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค คำอธิบายเพิ่มเติม: -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีข้อได้เปรียบหลายประการเหนือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น ผู้บริโภคสามารถสัมผัสสินค้าก่อนซื้อ -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร เช่น การจัดกิจกรรมพิเศษ -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ตัวอย่างของธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จ: -ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง เช่น ร้านขายรองเท้าวิ่ง ร้านขายอุปกรณ์กีฬา -ร้านขายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ เช่น ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายงานฝีมือ -ร้านขายสินค้าที่ต้องการการบริการ เช่น ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38217
Retail
กลยุทธ์การขยายช่องทางออนไลน์ของ Wal-Mart จะช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างไร
null
Wal-Mart ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2019 ยอดขายออนไลน์พุ่งสูงถึง 63% สวนทางกับผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ ที่ประสบปัญหา กลยุทธ์การขยายช่องทางออนไลน์ของ Wal-Mart นั้น น่าสนใจและมีศักยภาพที่จะผลักดันธุรกิจให้เติบโต ดังนี้ 1. เพิ่มฐานลูกค้า: เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่: ช่องทางออนไลน์ช่วยให้ Wal-Mart เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่สะดวกไปที่หน้าร้าน เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท หรือผู้ที่มีเวลาน้อย ดึงดูดลูกค้าออนไลน์: Wal-Mart พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว เสนอสินค้าหลากหลาย พร้อมโปรโมชั่นและส่วนลด ดึงดูดลูกค้าออนไลน์ให้มาช้อปปิ้ง 2. เพิ่มโอกาสในการขาย: ขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง: ช่องทางออนไลน์เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่: ช่องทางออนไลน์ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ Wal-Mart สามารถนำเสนอสินค้าได้หลากหลายชนิด มากกว่าที่หน้าร้าน ขายสินค้าข้ามพรมแดน: ช่องทางออนไลน์ช่วยให้ Wal-Mart สามารถขายสินค้าข้ามพรมแดน ขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ: สะดวกและรวดเร็ว: ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า ชำระเงิน และติดตามสถานะการจัดส่งได้สะดวก รวดเร็ว ผ่านช่องทางออนไลน์ ตัวเลือกการจัดส่งหลากหลาย: Wal-Mart เสนอตัวเลือกการจัดส่งหลากหลาย เช่น ส่งถึงบ้าน รับสินค้าที่หน้าร้าน หรือบริการ click-and-collect บริการลูกค้าออนไลน์: Wal-Mart มีบริการลูกค้าออนไลน์ พร้อมตอบคำถาม ให้คำปรึกษา และแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ตัวอย่างผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น: ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น: Wal-Mart คาดว่ายอดขายออนไลน์จะเพิ่มขึ้น 20-25% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น: Wal-Mart คาดว่าจะมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10 ล้านคน ภายใน 3 ปีข้างหน้า ภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัย: Wal-Mart จะมีภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัย และเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการที่ Wal-Mart ต้องเผชิญ: การแข่งขัน: Wal-Mart ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Amazon ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในช่องทางออนไลน์ ค่าใช้จ่าย: Wal-Mart ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการขนส่ง เพื่อรองรับการขยายช่องทางออนไลน์ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค: Wal-Mart ต้องติดตามและปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38223
Retail
เมกาบางนา จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกย่านกรุงเทพตะวันออกได้หรือไม่?
null
มีโอกาสเป็นได้ เนื่องจากมีกลยุทธ์ต่าง ๆ ดังนี้ 1. กลยุทธ์การพัฒนาโครงการ Megacity: 1.1 เมกาบางนา มุ่งพัฒนาโครงการ Megacity เมืองมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มูลค่าลงทุนกว่า 67,000 ล้านบาท ประกอบด้วย: ศูนย์การค้าเดิม, โรงแรมขนาดใหญ่ 2 แห่ง, อาคารสำนักงาน, ที่พักอาศัยแบบ High-rise รองรับผู้อาศัยกว่า 50,000 คน และ สวนสนุก 1.2 โครงการ Megacity จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ เพิ่มฐานลูกค้า เพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และยกระดับพื้นที่ย่านกรุงเทพตะวันออก 2. ศักยภาพของพื้นที่: กรุงเทพตะวันออกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง คือ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และมีองค์กร ธุรกิจ และนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก 3. จุดแข็งของเมกาบางนา: เป็นศูนย์การค้า Super Regional Shopping Center ขนาดใหญ่ มี 5 พาร์ทเนอร์หลัก: Ikea, Mega Cineplex, Homepro, Robinson และ Bigc มีผู้เช่ากว่า 800 ราย มีผู้ใช้บริการ 3.5 ล้านคน/เดือน มีการลงทุนส่วนต่อขยายขนาด 20,000 ตร.ม. มูลค่า 2,500 ล้านบาท นับเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง 4. เทรนด์ของธุรกิจค้าปลีก: ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป คือช้อปออนไลน์มากขึ้น มองหาประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่าง เมกาบางนา มีการปรับตัวตามเทรนด์ โดยการ พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ มุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ เพิ่มกิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เมกาบางนา ยังมี 1. อุปสรรค: 1.1 การแข่งขันที่รุนแรงจากห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในย่านกรุงเทพตะวันออก 1.2 ปัญหาการจราจร 1.3 เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว 2. ความท้าทาย: 2.1 การรักษาฐานลูกค้าเก่า 2.2 การดึงดูดลูกค้าใหม่ 2.3 การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ของธุรกิจค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สรุป: เมกาบางนา มีโอกาสรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกย่านกรุงเทพตะวันออกได้ แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ และการเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ อนาคตของเมกาบางนา ขึ้นอยู่กับ กลยุทธ์และการดำเนินงานของบริษัท เศรษฐกิจไทย พฤติกรรมผู้บริโภค และการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก โดยรวมแล้ว เมกาบางนา มีศักยภาพที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกย่านกรุงเทพตะวันออกได้ แต่ต้องอาศัยความพยายามและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_38263
Retail
กลยุทธ์ Premium Friday ของรัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร
null
กลยุทธ์ Premium Friday ของรัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศญี่ปุ่น ดังนี้ 1. เพิ่มโอกาสในการซื้อ: Premium Friday มอบโอกาสให้ผู้บริโภคมีเวลาว่างมากขึ้น 2. กระตุ้นเศรษฐกิจ: ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น 3. เพิ่มการแข่งขัน:ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องแข่งขันกันเพื่อดึงดูดลูกค้า 4. เปลี่ยนแปลงรูปแบบการช้อปปิ้ง: ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการช้อปปิ้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการที่กลยุทธ์ Premium Friday ต้องเผชิญ ดังนี้: 1. การมีส่วนร่วม: ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วม Premium Friday 2. ผลกระทบต่อธุรกิจ: ธุรกิจบางประเภทอาจได้รับผลกระทบเชิงลบ 3. วัฒนธรรมการทำงาน: การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานอาจต้องใช้เวลา
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_38271
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ....เทคโนโลยีล้ำสมัยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการค้าปลีก
null
สายตาส่องอนาคต: Intel Capital ลงทุน 12 สตาร์ตอัพ มุ่งพลิกโฉมวงการค้าปลีก ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หลายธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ Intel Capital บริษัทลงทุนของ Intel มองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีล้ำสมัย จึงตัดสินใจลงทุนใน 12 สตาร์ตอัพที่มีเทคโนโลยีโดดเด่น มูลค่ารวมกว่า 38 ล้านดอลลาร์ หนึ่งในสตาร์ตอัพที่น่าจับตามองคือ Chronocam ผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็นเซอร์ที่เลียนแบบจากตาของมนุษย์ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ร้านค้าปลีกวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดสินค้าและบริการ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด อีกหนึ่งสตาร์ตอัพที่น่าสนใจคือ Eazytec1 บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์จากจีนที่ให้บริการตั้งแต่เฟิร์มแวร์ไปจนถึงระบบเมืองอัจฉริยะ เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับร้านค้าปลีกเพื่อสร้างระบบการจัดการสินค้าคงคลัง ระบบชำระเงิน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ชาญฉลาด ช่วยให้ร้านค้าปลีกบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไร นอกจากนี้ ยังมีสตาร์ตอัพที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น Paxata ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ machine learning ที่ช่วยให้ร้านค้าปลีกวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ StealthMine บริษัทเทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลที่เข้ารหัสอยู่ ป้องกันข้อมูลลูกค้ารั่วไหล CubeWorks ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วสำหรับการเซ็นเซอร์สภาพแวดล้อม ช่วยให้ร้านค้าปลีกเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมภายในร้านได้อย่างละเอียด การลงทุนของ Intel Capital ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของวงการค้าปลีก ที่มุ่งเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนากิจการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ร้านค้าปลีกในประเทศไทยควรติดตามความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีเหล่านี้ ศึกษาหาความรู้ และนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง เพื่อก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในยุคดิจิทัล ตัวละคร: นาย A เจ้าของร้านค้าปลีกขนาดกลาง นางสาว B พนักงานขาย นาย C ลูกค้า ฉาก: ร้านค้าปลีกขนาดกลางในห้างสรรพสินค้า บทสนทนา: นาย A: บี มีอะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เราสามารถนำมาใช้กับร้านเราบ้างไหม? นางสาว B: มีค่ะคุณ A เทคโนโลยีล้ำสมัยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันค่ะ ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่เลียนแบบจากตาของมนุษย์จาก Chronocam ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_38276
Retail
หากซัมซุงแยกบริษัทเป็นสองส่วนจริง อะไรคือโอกาสและอุปสรรคสำหรับธุรกิจค้าปลีกของซัมซุง (Samsung Retail)
null
โอกาส คือ: 1. การเข้าถึงนักลงทุนมากขึ้น: ซัมซุง Retail สามารถเข้าถึงนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น โดยการเข้าตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ 2. การขยายธุรกิจ: ซัมซุง Retail อาจมีอิสระในการขยายธุรกิจมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่ 3. การเพิ่มประสิทธิภาพ: การแยกบริษัทอาจช่วยให้ซัมซุง Retail บริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. การโฟกัส: ซัมซุง Retail สามารถโฟกัสกับธุรกิจค้าปลีกได้เต็มที่ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับธุรกิจอื่นๆ ของซัมซุง อุปสรรค คือ: 1. การสูญเสียการสนับสนุนจากบริษัทแม่: ซัมซุง Retail อาจสูญเสียการสนับสนุนจากบริษัทแม่ เช่น การเงิน เทคโนโลยี และแบรนด์ 2. การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: ซัมซุง Retail อาจเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในตลาด 3. ความซับซ้อน: การแยกบริษัทอาจทำให้โครงสร้างองค์กรซับซ้อนขึ้น 4. ค่าใช้จ่าย: การแยกบริษัทอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ข้อเสนอแนะ: 1. ซัมซุง Retail ควรศึกษาข้อดีข้อเสียของการแยกบริษัทอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ 2. ซัมซุง Retail ควรเตรียมแผนกลยุทธ์สำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ 3. ซัมซุง Retail ควรพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันให้แข็งแกร่ง 4. ซัมซุง Retail ควรบริหารจัดการโครงสร้างองค์กรให้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเพิ่มเติม: - ซัมซุง Retail อาจร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ - ซัมซุง Retail อาจพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ - ซัมซุง Retail อาจลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ผลลัพธ์: - การแยกบริษัทซัมซุงอาจส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกของซัมซุง ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ - โอกาสและอุปสรรคที่กล่าวมาข้างต้นจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการดำเนินการของซัมซุง Retail
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0