NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
6
19
Region
stringclasses
7 values
Province
stringclasses
79 values
Department
stringclasses
169 values
Link_News
stringlengths
62
62
__index_level_0__
int64
0
248k
พาณิชย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามกำกับดูแลผู้ประกอบการจุดรับซื้อผลปาล์ม (ลานเท) ในพื้นที่อำเภอสิเกา
นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง มอบหมายเจ้าหน้าที่กลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ร่วมกับผู้แทนปลัดจังหวัด ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และผู้แทนตํารวจภูธรจังหวัดตรัง ดําเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบและแนะนําให้ผู้ประกอบการจุดรับซื้อผลปาล์ม (ลานเท) ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและยกระดับมาตราฐานการผลิตปาล์มน้ํามันจังหวัดตรังให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้คําแนะนําการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อผลปาล์มน้ํามัน ตามประกาศ กกร. ฉบับที่ 62 พ.ศ.2566 เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อสินค้าผลปาล์มน้ํามันตามอัตราน้ํามันฯ และฉบับที่ 22 พ.ศ. 2566 เรื่อง การแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทําบัญชีคุมสินค้าน้ํามันปาล์มและผลปาล์มน้ํามัน รวมทั้งแนะนําให้ลานเททําบัญชีลูกค้าที่นําผลผลิตมาจําหน่ายเพื่อป้องปรามการลักขโมยผลปาล์มน้ํามัน พร้อมทั้งรับซื้อผลปาล์มที่มีคุณภาพไม่รับซื้อปาล์มดิบ และไม่กระทําการใดๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วโดยผิดไปจากธรรมชาติสถานการณ์โดยทั่วไปปริมาณผลปาล์มน้ํามันเข้าสู่ตลาดลดลงจากเดือนก่อน ราคารับซื้อกิโลกรัมละ 5.80-6.20 บาท ผู้ประกอบการลานเทจะรวบรวมผลปาล์มน้ํามันไปจําหน่ายให้กับโรงงานสกัดในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดกระบี่ ในส่วนของการป้องปรามการลักขโมยผลปาล์มน้ํามัน หน่วยงานระดับอําเภอได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่และขอความร่วมมือไม่รับซื้อผลปาล์มน้ํามันจากผู้ที่นํามาขายในลักษณะผิดปกติ เช่น มีปริมาณน้อย
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030095951130
246,975
ประมงอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง นำเกษตรกรศึกษาดูงานการเลี้ยงปูขาวสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ณ ฟาร์มเลี้ยงปูขาว ตำบลวังวน อำเภอกันตัง
นายวิทยา ขุนสัน ประมงอําเภอหาดสําราญ จังหวัดตรัง นําเกษตรกรศึกษาดูงานการเลี้ยงปูขาว ณ ฟาร์มเลี้ยงปูขาว หมู่ที่ 4 ตําบลวังวน อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นเกษตรกร 1 ใน 5 อําเภอนําร่องที่จังหวัดตรังได้สนับสนุนงบพัฒนาจังหวัด สําหรับโครงการที่จะเลี้ยงปูหน้าขาว โดยทางประมงจังหวัดได้เสนอโครงการดังกล่าว ในปี 2566 ซึ่งทางจังหวัดก็ได้คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งอยู่เดิมแล้วก็มีบ่อเลี้ยงกุ้งอยู่ ก็ทดลองเอาปูหน้าขาวไปเลี้ยงเกษตรกรรายดังกล่าว ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการตัดสินใจปรับเปลี่ยนบ่อที่เคยเลี้ยงกุ้ง หันมาเลี้ยงปูหน้าขาวหรือปูทองหลางเป็นปีแรก ตามโครงการพัฒนาต้นแบบการเลี้ยงปูทะเลในบ่อกุ้งของกรมประมง เนื่องจากปูหน้าขาวเป็นปูทะเลที่โตเร็ว ได้น้ําหนักและราคาดีกว่าปูดําและปูม้า เนื้อปูแน่น ก้ามโต ตัวใหญ่ รสชาติหวานมันกว่าเนื้อปูทะเลชนิดอื่น อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดสูง โดยสํานักงานประมงจังหวัดตรังได้จัดทําโครงการนําร่อง ชักชวนเกษตรกรในจังหวัดตรังเข้าร่วมโครงการจํานวน 5 ราย ๆ ละ 1 อําเภอๆ ละ 1 บ่อ บนเนื้อที่บ่อละ 3 ไร่ ซึ่งแต่ละบ่อจะปล่อยลูกปูครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจํานวน 3,000 ตัว ปรากฏว่า 3 เดือนผ่านไป พบว่าปูหน้าขาวตัวผู้มีน้ําหนักตัวละ 5-6 ขีด ส่วนตัวเมียมีน้ําหนักตัวละ 3-4 ขีด มีเนื้อแน่น ก้ามใหญ่ และมีลูกค้าสนใจสั่งซื้อเป็นจํานวนมาก แต่เกษตรกรยังไม่ขายเพราะต้องการทําน้ําหนักให้ได้ตัวละ 8 ขีดถึง 1 กิโล ซึ่งต้องใช้เวลาเลี้ยงอีกประมาณ 45 วัน จึงจับขายได้ในราคากิโลกรัมละ 350-500 บาท หรือตัวละ 500 บาท หากเป็นตัวผู้โดยให้อาหารเป็นเนื้อปลาสดในช่วง 2 เดือนแรก วันละ 2 เวลาคือเช้า-เย็น พอย่างเข้าเดือนที่ 3 ให้อาหารวันละ 1 ครั้งๆ ละ 30 กิโลกรัม ไม่ต้องตีน้ําให้ออกซิเจนไม่ต้องวัดค่าความเค็มของน้ํา น้ํากร่อยก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี ต้นทุนต่ํากว่าการเลี้ยงกุ้งกุลาดํามาก ลดความเสี่ยงและการลงทุนลงไปได้มาก นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ในจังหวัดตรัง ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชายฝั่งตรัง สามารถเพาะขยายพันธุ์ลูกปูหน้าขาว เพื่อจําหน่ายให้กับเกษตรกรได้แล้วในราคาตัวละ 3 บาท โดยหลังประสบความสําเร็จได้มีเกษตรกรจากหลายอําเภอ เดินทางมาศึกษาดูงานกันเป็นจํานวนมาก เกษตรกรรายใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สํานักงานประมงจังหวัดตรัง ได้ทุกวัน ในวันและเวลาราชการ
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030101535135
246,976
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ตรัง ผลิตกล้าพันธุ์พืชอาหารสัตว์โดยเพาะกล้าพันธุ์ถั่วลิสงเถาฟลอริเกรซ เพื่อสนับสนุนแก่เกษตรกร
นายเศกสรรค์ สวนกูล ผู้อํานวยการสํานักพัฒนาอาหารสัตว์ มอบหมาย ให้นางจรุณี ดําช่วย ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ตรังมอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการและงานผลิตดําเนินกิจกรรมผลิตกล้าพันธุ์พืชอาหารสัตว์โดยเพาะกล้าพันธุ์ถั่วลิสงเถาฟลอริเกรซ จํานวน 1,000 ถุง ตามแผนการปฏิบัติงานและกล้าพันธุ์พืชอาหารสัตว์อื่นๆเพื่อสนับสนุนเกษตรกรและใช้ในกิจกรรมในการจัดนิทรรศการของศูนย์สําหรับถั่วลิสงเถาฟลอริเกรซ (Florigraze Rhizoma Peanut) เป็นพืชอาหารสัตว์ที่ได้รับการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์จนมีความเหมาะสมสําหรับนําไปปลูกเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ มีการปลูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา บราซิล เป็นต้น สามารถปลูกและปรับตัวขึ้นได้ดีในประเทศไทย เป็นพืชที่เจริญเติบโตคลุมพื้นที่ ทนแล้ง มีคุณค่าทางอาหารสูง และมีความน่ากิน จึงเหมาะสําหรับใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ได้ดีทั้งปล่อยสัตว์แทะเล็ม หรือตัดทําเป็นพืชแห้งคุณภาพสูง ใช้เลี้ยงสัตว์ได้หลายชนิดทั้งสัตว์เศรษฐกิจ และสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน และเป็นไม้ประดับ ตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030093626116
246,977
เกษตรตรัง ประชาสัมพันธ์การจำหน่ายฟักทองของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร หลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ
วันนี้ (30 ต.ค.66) นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนางสาวกําไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ร่วมประชาสัมพันธ์การจําหน่ายฟักทอง ของกลุ่มส่งเสริมอาชีพกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย ตําบลบางสัก อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งตั้งจุดจําหน่ายฟักทอง ณ บริเวณหน้าสํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ถนนวิเศษกุล อําเภอเมือง จังหวัดตรัง ซึ่งจําหน่ายฟักทองหลากหลายขนาด หลากหลายราคา ตั้งแต่ลูกละ 10 บาท 20 บาท กิโลกรัมละ 15 บาท นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น จิ้งหรีด กิโลกรัมละ 150 บาท ไข่เค็มใบเตย กล่องละ 40 บาท ตะไคร้ ไข่เป็ด ผักหวาน เป็นต้นจากสถานการณ์ราคาฟักทองราคาตกต่ําของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย ตําบลบางสัก อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง สํานักงานเกษตรจังหวัดตรังร่วมกับสํานักงานเกษตรกันตัง ร่วมช่วยเหลือเกษตรกรโดยตั้งจุดจําหน่ายฟักทอง เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร โดยวันนี้กลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย นําฟักทองมาจําหน่ายเกือบ 1 ตัน โดยประชาชนผู้สนใจสามารถมาอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2566 (วันนี้) -31 ตุลาคม 2566 เวลา 8.00 น.เป็นต้นไปสนใจติดต่อ คุณนรินทร์ เอ้งฉ้วน ประธานกลุ่ม โทร. 086-282-0799
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030105402161
246,978
ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลเช้าวันนี้เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 1 พื้นที่ แต่ช่วงวันที่ 3 - 4 พฤศจิกายนนี้มีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นบางพื้นที่
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 1 พื้นที่ แต่ช่วงวันที่ 3 - 4 พฤศจิกายนนี้มีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นบางพื้นที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ (30 ต.ค.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเพียง 1 พื้นที่ บริเวณริมถนนดินแดง เขตดินแดง เนื่องจากมีฝนตกลงมาและลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ แต่ช่วงวันที่ 3 - 4 พฤศจิกายนมวลอากาศเย็นเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้บางพื้นที่ ทั้งนี้ จําเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกําเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบํารุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ํามันเครื่องสม่ําเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล และการเฝ้าระวังและงดการเผาในที่โล่งตั้งแต่วันนี้ เพราะเป็นแหล่งกําเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง สําหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทํากิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK
30/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030144733286
246,979
เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำด้านท้ายน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ปรับลดการระบายน้ำลงอยู่ที่ 1,427 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรอรับปริมาณฝนที่ตกลงมาเติมในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ําด้านท้ายน้ําอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ปรับลดการระบายน้ําลงอยู่ที่ 1,427 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรอรับปริมาณฝนที่ตกลงมาเติมในลุ่มน้ําเจ้าพระยา นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนําความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทําให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น รวมถึง มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ด้านลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทําให้ตอนบนของประเทศมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในระยะแรกจากนั้นฝนจะลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงต้องระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วง 1-3 วัน บริเวณ จ.เชียงใหม่ ตาก อุทัยธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และตรัง ขณะที่วันนี้ (30 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับลดการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงมาอยู่ที่ 1,427 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากวานนี้ (29 ต.ค.66) อยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายน้ําที่ไหลลงมาเพิ่มในลุ่มน้ําเจ้าพระยาและพร้อมรอรับปริมาณน้ําฝนใหม่ช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนการตัดยอดน้ําออกทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของลุ่มน้ําเจ้าพระยาอยู่ที่ 517 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบ่งเป็น รับน้ําฝั่งตะวันตก 321 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ําฝั่งตะวันออก 196 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
30/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030144900287
246,980
องค์การสวนสัตว์ฯ ชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสวนสัตว์ช่วงเทศกาลวันฮัลโลวีน พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆต้อนรับและเรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่า
องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสวนสัตว์ช่วงเทศกาลวันฮัลโลวีน พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆต้อนรับและเรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่า นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อํานวยการองค์การสวนสัตว์ กล่าวว่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดกิจกรรมช่วงเทศกาลวันฮัลโลวีนวันที่ 31 ตุลาคมนี้ โดยแต่ละสวนสัตว์เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวและจัดกิจกรรมแฝงเกร็ดความรู้ด้านสัตว์ป่าเพื่อสร้างสีสันบรรยากาศและกระตุ้นการท่องเที่ยวอีกช่องทางหนึ่ง รวมถึง ให้ประชาชน ได้พักผ่อนหย่อนใจ เรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่า และเพลิดเพลินกับกิจกรรมการเรียนรู้มากมายในสวนสัตว์สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว แต่งผีเที่ยวสวนสัตว์รับส่วนลดร้อยละ 20 ค่าบัตรผ่านประตู (เฉพาะผู้ใหญ่) พร้อมชมสมาชิกใหม่ลูกตัวกินหมดยักษ์ และความน่ารักของเหล่าสัตว์ป่ามากมาย // สวนสัตว์เชียงใหม่ พบกิจกรรมที่เกี่ยวกับความน่ารักของสัตว์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว // สวนสัตว์นครราชสีมา เตรียมเหล่าผีๆออกอาละวาด // สวนสัตว์สงขลา ปล่อยผีชนิดต่างๆออกให้บริการในจุดบริการถ่ายภาพและให้อาหารสัตว์ป่า เช่น ม้าลาย ลีเมอร์หางแหวน กวาง ช้างเอเชีย หากนักท่องเที่ยวสนใจชมพฤติกรรมสัตว์ป่า โดยผู้ใช้บริการเครือข่ายจาก AIS มีส่วนลดให้ถึงร้อยละ 50 และ The1 card ให้ส่วนลดร้อยละ 20 ขณะที่ สวนสัตว์ขอนแก่น จัดกิจกรรมบ้านผีสิง (โต) พร้อมเปิดประสบการณ์การให้อาหารลูกสิงโต “ภูผา” และ “ธารา” ต้อนรับเทศกาลฮัลโลวีน // สวนสัตว์อุบลราชธานี ปล่อยผีสร้างสีสันรับฮัลโลวีน บรรยากาศหลอกหลอนพร้อมความน่ารักของสัตว์ป่า กิจกรรมร่วมอุปถัมภ์สัตว์ป่า กิจกรรมป้อนอาหารสัตว์ พร้อมโปรโมชั่นสําหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้เครือข่าย -AIS ลดร้อยละ 50 ส่วนทรูมูฟและดีแทค ลดร้อยละ 30 // โครงการคชอาณาจักร จ.สุรินทร์ สัมผัสธรรมชาติในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไหว้พระขอพรองค์พระครูประกําที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั่งช้างชมไพร พาช้างอาบน้ําลําน้ําชี ชมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมูลช้าง และเยี่ยมชมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงกับช้างดาราที่เคยแสดงหนังฮอลลีวูด ทั้งนี้ องค์การสวนสัตว์ฯ ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาชมสวนสัตว์ช่วงเทศกาลวันฮัลโลวีน สามารถซื้อบัตรส่วนลดพิเศษในโครงการบัตรเดียวเที่ยวทุกที่ในราคา 199 บาท โดยได้รับสิทธิ์ส่วนลดจากสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ร่วมรายการตั้งแต่ร้อยละ 10 - 50 ด้วย
30/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030145156288
246,981
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามผลจากการปล่อยแตนเบียนและแมลงหางหนีบ ควบคุมการแพร่ระบาดของแมลงดำหนามในแปลงมะพร้าว ตำบลย่านตาขาว
วันนี้ (30 ต.ค.66) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ลงพื้นที่ติดตามผลจากการปล่อยแตนเบียนและแมลงหางหนีบ ควบคุมการแพร่ระบาดของแมลงดําหนามในแปลงมะพร้าว ของนางจิระพันธ์ กุนหลัด เกษตรกรหมู่ที่ 2 ตําบลย่านตาขาว อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ปลูกมะพร้าว พื้นที่ปลูก 5 ไร่ จํานวน 90 ต้น อายุประมาณ 1 ปี 8 เดือน พบว่าเปอร์เซ็นต์การเข้าทําลายของแมลงดําหนามลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ได้ปล่อยแตนเบียนและแมลงหางหนีบเพื่อทําลายหนอนแมลงดําหนามในแปลงมะพร้าวอย่างต่อเนื่อง "แมลงดําหนาม" ปัจจุบันถือว่าเป็นแมลงศัตรูมะพร้าวประจําถิ่น พบการเข้าทําลายมะพร้าวได้ตลอดทั้งปี โดยทั้งตัวหนอนและตัวเต็มวัยของแมลงดําหนามมะพร้าวจะซ่อนตัวในใบอ่อนและกัดกินยอดอ่อน โดยเฉพาะยอดที่ยังไม่คลี่ ทําให้ยอดอ่อนของมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโต หากต้นมะพร้าวถูกทําลายรุนแรงติดต่อกัน ทําให้ทางใบที่ถูกทําลายแห้งกลายเป็นสีน้ําตาล มองเห็นเป็นสีขาวโพลนชัดเจน หรือที่ชาวสวนมะพร้าวมักเรียกว่า "โรคหัวหงอก" หากเกษตรกรพบการระบาดไม่รุนแรง สามารถใช้วิธีตัดยอดที่ถูกแมลงดําหนามทําลายออกแล้วนําไปทําลายนอกแปลงปลูก หรือปล่อยแมลงหางหนีบ หรือแตนเบียนแมลงดําหนามมะพร้าว หรือใช้เชื้อราเขียวเมตตาไรเซียม ช่วยควบคุมการระบาดได้ ส่วนกรณีพบการระบาดของแมลงดําหนามในระดับรุนแรง ให้เกษตรใช้สารเคมีตามคําแนะนําของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ มะพร้าวต้นเตี้ยใช้สารเคมี cartap hydrochloride 4% GR อัตรา 30 กรัม/ต้น ห่อใส่ถุงผ้าเหน็บไว้ที่ยอดมะพร้าว จะมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันกําจัดแมลงดําหนามได้นาน 1 เดือน สําหรับมะพร้าวต้นสูงให้ใช้สารเคมี emamectin benzoate 1.92% EC ฉีดเข้าลําต้น อัตรา 50 ซีซี/ต้น จะมีประสิทธิภาพป้องกันกําจัดแมลงดําหนามได้นานไม่น้อยกว่า 2 เดือน หากเกษตรกรพบการเข้าทําลายให้รีบแจ้งอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว หรืออําเภอใกล้เคียงทันที
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030153829310
246,982
เกษตรกรชาวตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพาะต้นกล้าพันธุ์ผักจำหน่ายสร้างรายได้ตลอดปี
วันนี้ (30 ต.ค.66) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเกษตรกรเพาะต้นกล้าพันธุ์ผักของนายสุทธินนท์ เกลี้ยงเกลา (น้องนนท์) วัย 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ที่ 1 ตําบลทุ่งค่าย อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ซึ่งน้องนนท์ได้เล่าว่าเดิมตนเองได้ช่วยมารดาประกอบอาชีพการเกษตรอยู่แล้ว ซึ่งอาชีพหลักคือกรีดยางพารา และเวลาที่ว่างจากการกรีดยางพารา ตนเองกับมารดาได้ปลูกผักเพื่อเป็นอาชีพเสริม ซึ่งผักที่ตนเองปลูกมีหลายชนิด เช่น พริก มะเขือเปราะ มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว ฯลฯ ผลผลิตจําหน่าย ณ ตลาดในชุมชน ในปี 2562 ตนมีความคิดที่จะผลิตต้นกล้าพันธุ์เพื่อจําหน่ายให้เกษตรกรนําไปปลูกไว้ใช้ในครัวเรือน จึงได้เริ่มเพาะต้นกล้าพันธุ์ผักจําหน่าย โดยจําหน่ายต้นละ 5 บาท สามารถสร้างรายได้เสริมเดือนละไม่ต่ํากว่า 15,000-20,000 บาท ซึ่งพันธุ์ผักที่เพาะจําหน่ายมีหลากหลายชนิด เช่น พริก มะเขือยาว มะเขือเปราะ แตงกวา บวบ กะหล่ําปลีเขียว กระกล่ําปลีม่วง ฯลฯ แต่หากเกษตรกรสนใจพืชผักชนิดใด ตนสามารถเพาะให้เกษตรกรได้ทุกชนิด ตามความต้องการของเกษตรกรจุดเด่นของน้องนนท์ คือ ต้นกล้าพันธุ์ผักมีความสมบูรณ์พร้อมให้เกษตรกร นําไปปลูกได้ทันที เนื่องจากน้องนนท์ มีการคัดเลือกต้นพันธุ์อย่างสม่ําเสมอ ใส่ปุ๋ยบํารุงต้นกล้าจนตนเองมีความมั่นใจว่า ต้นกล้าที่เกษตรกรซื้อไปปลูกให้ผลผลิตที่ดีแก่เกษตรกร ทั้งนี้ตนได้แนะนําการใส่ปุ๋ยและการกําจัดโรคและแมลงศัตรูพืชให้แก่เกษตรกรด้วย สนใจต้นกล้าพันธุ์ผักที่ดี รับประกันคุณภาพติดต่อได้ที่ นายสุทธินนท์ เกลี้ยงเกลา (น้องนนท์) โทร. 093-7341948
30/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030154852312
246,983
รมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางมามอบแนวทางการขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ชัยนาทโมเดล นำร่อง ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล “ไม่ท่วมไม่แล้ง”
วันนี้ 30 ตุลาคม 2566 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สํานักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาติดตามและมอบแนวทางการขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ําใต้ดิน ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รองอธิบดีกรมการข้าว, รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน, รองอธิบดีกรมปศุสัตว์, หัวหน้าผู้ตรวจราชการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม โดยมี นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท และส่วนราชการ ให้การต้อนรับ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล “ไม่ท่วมไม่แล้ง” ที่ได้กล่าวถึงการทําธนาคารน้ําใต้ดินในการที่จะนําน้ําใต้ดินมาใช้ในฤดูแล้ง ให้มีการกักเก็บน้ําใต้ดินให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นน้ําผิวดิน น้ําใต้ดิน การทําธนาคารน้ําใต้ดินมีข้อดี คือ แก้ปัญหาน้ําท่วมขัง แก้ปัญหาพื้นที่ประสบภัยแล้ง การเพิ่มระดับน้ําใต้ดิน การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดิน ทําให้ต้นไม้โดยรอบเติบโตงอกงาม ลดปริมาณน้ําเสีย ทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ธนาคารน้ําใต้ดิน จะทําหน้าที่เป็นเครื่องมือสําคัญ สําหรับการจัดการทรัพยากรน้ํา เพราะเป็นแหล่งกักเก็บน้ําที่ช่วยให้ประชากรในสังคมปรับตัวให้อยู่รอดจากภัยแล้งได้ และยังช่วยลดการพึ่งพาการสูบน้ําบาดาลที่ไม่ยั่งยืน จังหวัดชัยนาท เป็นจังหวัดนําร่องที่ดําเนินการโครงการธนาคารน้ําใต้ดิน เป็นโมเดลนําร่องให้กับจังหวัดอื่นๆ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ําได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล “ไม่ท่วมไม่แล้ง” ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลแท้จริง ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กรมพัฒนาที่ดิน สํานักงานทรัพยากรน้ําบาดาลที่ 2 สุพรรณบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ําใต้ดิน เพื่อให้เกิดการจัดเก็บน้ําได้อย่างยั่งยืน และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ เวลาต่อมา นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ดูการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีการผลิตพืชอาหารสัตว์หมักด้วยเครื่องห่อก้อนพลาสติก และลงพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตําบลเขาแก้ว อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ในการสํารวจพื้นที่การจัดทําโครงการธนาคารน้ําใต้ดินในพื้นที่ ในการจัดเก็บน้ํา และการบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง ในพื้นที่
30/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231030163306333
246,984
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมรับสถานการณ์ มุ่งบริหารจัดการน้ำและการเพาะปลูกพืชในฤดูแล้ง
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการบริหารจัดการน้ําและมาตรการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในปีนี้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้วางแผนจัดการน้ําต้นทุน และดําเนินการเก็บกักน้ําให้ได้มากที่สุด สําหรับฤดูแล้งที่จะถึงนี้ โดยในพื้นที่ที่มีน้ําต้นทุนน้อยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ําน้อยและเร่งหาแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง พร้อมมอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรและเติมน้ําในอ่างเก็บน้ําในช่วงปลายฤดูฝน แม้ว่าประเทศไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม แต่จากข้อมูลพบว่า ปริมาณฝนสะสมยังต่ํากว่าปกติและกระจายตัวไม่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยจะส่งผลให้บางพื้นที่จะประสบกับสภาวะขาดแคลนน้ําและปริมาณน้ําต้นทุนไม่เพียงพอใช้ในระยะยาวต่อไป
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031091132443
246,985
เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 1,490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรอรับปริมาณฝนที่ตกลงมาเติมในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มระบายน้ําด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 1,490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรอรับปริมาณฝนที่ตกลงมาเติมในลุ่มน้ําเจ้าพระยา นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน ขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในระยะแรกจากนั้นฝนจะลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ทําให้ต้องระวังท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วง 1-3 วันนี้ บริเวณ จ.เชียงใหม่ ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และนราธิวาส ขณะที่วันนี้ (31 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากวานนี้ (30 ต.ค.66) อยู่ที่ 1,427 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายน้ําที่ไหลลงมาเพิ่มในลุ่มน้ําเจ้าพระยาและพร้อมรอรับปริมาณน้ําฝนใหม่ ส่วนการตัดยอดน้ําออกทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของลุ่มน้ําเจ้าพระยาอยู่ที่ 515 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบ่งเป็น รับน้ําฝั่งตะวันตก 321 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ําฝั่งตะวันออก 194 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031112227503
246,986
กรมทรัพยากรธรณี ตรวจสอบเหตุแผ่นดินไหวบริเวณ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน เกิดจากการเลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนแม่ลาว โดยยังไม่พบความเสียหาย
กรมทรัพยากรธรณี ตรวจสอบเหตุแผ่นดินไหวบริเวณ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน เกิดจากการเลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนแม่ลาว โดยยังไม่พบความเสียหาย ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 3 ที่ระดับความลึก 4 กิโลเมตร บริเวณ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย วันนี้ (12 ก.ย.66) เมื่อเวลา 07.46 น. เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากการเลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนแม่ลาวที่มีการวางตัวในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีการเลื่อนตัวตามแนวระนาบเหลื่อมซ้าย จนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ภาพรวมยังไม่มีรายงานความเสียหาย โดยศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณีจะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031112320504
246,987
สภาพอากาศประเทศไทยวันนี้เริ่มมีลมหนาวพัดเข้ามาชัดเจนขึ้น ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า วันนี้ (31 ต.ค.66 ) บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทําให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตราย จากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทําให้เกิดน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ําไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สําหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกําลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย สําหรับในวันนี้ลมหนาวจะเริ่มพัดเข้ามา สัญญาณการเริ่มต้นฤดูหนาวเริ่มชัดขึ้น แต่ยังมีฝน/ฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้ช่วงแรกๆ บริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงที่มวลอากาศเย็นแผ่ลงมา หลังจากนั้นฝนจะเริ่มน้อยลง อากาศเริ่มเย็นลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีพายุเคลื่อนที่เข้ามาในบริเวณประเทศไทย แต่ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางกรมอุตุนิยมวิทยา
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031113637510
246,988
คุณภาพอากาศใน กทม.และปริมณฑลเช้าวันนี้มีคุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง แต่ต้องระวังช่วง 3 - 5 พ.ย.นี้มีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นบางพื้นที่
คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้มีคุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง แต่ต้องระวังช่วงวันที่ 3 - 5 พฤศจิกายนนี้มีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นบางพื้นที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเช้าวันนี้ (31 ต.ค.66) ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ได้ แต่ช่วงวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายนต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมวลอากาศเย็นเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้อากาศกดทับและลมนิ่ง ส่งผลให้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้บางพื้นที่ ทั้งนี้ จําเป็นต้องควบคุมและลดการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกําเนิดต่างๆต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณการปล่อยทั้งจากยานพาหนะ ด้วยการบํารุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ํามันเครื่องสม่ําเสมอ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล และงดการเผาในที่โล่งตั้งแต่วันนี้ เพราะเป็นแหล่งกําเนิดฝุ่นที่ส่งผลกระทบรุนแรง สําหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทํากิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Air4thai และ AirBKK
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031112436505
246,989
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดให้ท่องเที่ยว “เขาพะเนินทุ่ง” และ “โป่งลึก - บางกลอย” พรุ่งนี้ (1 พ.ย.66) หลังปิดฟื้นฟูธรรมชาตินาน 3 เดือน
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดให้ท่องเที่ยว “เขาพะเนินทุ่ง” และ “โป่งลึก - บางกลอย” พรุ่งนี้ (1 พ.ย.66) หลังปิดฟื้นฟูธรรมชาตินาน 3 เดือน นายจิรายุ พูลทวี ผู้ช่วยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการท่องเที่ยวและนันทนาการ พร้อมสายตรวจส่วนกลางสํารวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อเตรียมพร้อมเปิดแหล่งท่องเที่ยวเขาพะเนินทุ่งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และหมู่บ้านโป่งลึก - บางกลอยวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.66) หลังปิดป่าเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ 3 เดือน ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวเขาพะเนินทุ่งฟื้นตัวและคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ตามหลักธรรมชาติ เป็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืชและชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงอนุรักษ์ระดับโลก ตามแนวทางขององค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ที่ประกาศให้กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ทั้งนี้ ได้มีมาตรการกําหนดการเวลาขึ้น-ลง เขาพะเนินทุ่ง และอัตราค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คือ ช่วงเช้า เวลาขึ้นจากเขาสามยอด 05:00 - 08:00 น. เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09:00 - 11:30 น. ส่วนช่วงบ่าย เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 13:00 - 15:00 น. เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 16:00 -17:00 น. โดยเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ แบ่งเป็น ชาวไทยผู้ใหญ่ 60 บาทต่อคน และเด็ก 30 บาทต่อคน ส่วนชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทต่อคน และเด็ก 150 บาทต่อคน สําหรับ “เขาพะเนินทุ่ง” เป็นจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าและป่าดิบ มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ประกอบด้วยทิวทัศน์ที่งดงามทั้งยามปกติและยามมีทะเลหมอกช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูหนาวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของภาคกลาง สามารถกางเต็นท์พักแรมได้และอยู่ห่างจากที่ทําการอุทยานแห่งชาติประมาณ 50 กิโลเมตร เดินทางท่องเที่ยวได้ 2 จุด คือ จุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง สูงจากระดับน้ําทะเลปานกลาง 900 เมตร ส่วน “โป่งลึก - บางกลอย” สามารถกางเต็นท์ เล่นน้ํา สัมผัสธรรมชาติ และชมวิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ห่างจากที่ทําการอุทยานประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งสถานที่กางเต็นท์อยู่เลยจากหมู่บ้านมาประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ กจ.10 (ห้วยแม่สะเลียง) โดยนักท่องเที่ยวต้องเข้ามาลงทะเบียนและชําระค่าธรรมเนียมบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ทําการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก่อน
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031112647506
246,990
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดท่องเที่ยวเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกล “เขาช้างเผือก” ประจำปี 67 ตั้งแต่ 1 พ.ย.66 - 31 ม.ค.67
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดท่องเที่ยวเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกล “เขาช้างเผือก” ประจําปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 - 31 มกราคม 2567 นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศและสภาพพื้นที่สําหรับจัดกิจกรรมบริเวณป่าบ้านอีต่อง หมู่ที่ 1 ตําบลปิล๊อก อําเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พบมีความพร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าศึกษาและสัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง รวมถึง กิจกรรมการเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกล “เขาช้างเผือก” ประจําปี 2567 เพื่อพิชิตยอดเขาที่ระดับความสูง 1,249 เมตรจากระดับน้ําทะเลปานกลาง โดยเปิดให้ขึ้นเขาช้างเผือกได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 - 31 มกราคม 2567 มีกําหนดระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ผู้สนใจสามารถจองได้ครั้งละไม่เกิน 6 คน และจองได้ล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน พร้อมจํากัดจํานวนนักท่องเที่ยวที่ขึ้นเขาช้างเผือกไม่เกิน 60 คนต่อวัน นักท่องเที่ยวต้องมีอายุ 13 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 70 ปี โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิคอยดูแลรักษาความปลอดภัย 1 คนต่อคณะนักท่องเที่ยวไม่เกิน 12 คนถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ สําหรับนักท่องเที่ยวที่จองร่วมพิชิตเขาช้างเผือกแล้วต้องมาพร้อมกันที่บ้านอีต่องบริเวณป้ายเขาช้างเผือกไม่เกิน 9.00 น. เพื่อเตรียมพร้อมเดินป่าผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่เพจอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031135252559
246,991
จังหวัดชัยนาท ประชุมคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด ครั้งที่ 4/2566 ณ ห้องประชุมจุฑาภัทร โรงแรม ชัยนาทแกรนด์อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท
วันนี้ 31 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. นางสาวชไมพร อําไพจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานการประชุมประชุมคณะทํางานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดจังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 4/2566 โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยนาท ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทําโครงการการพัฒนาศักยภาพสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อพัฒนาแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับจังหวัด จังหวัดชัยนาท ปี พ.ศ. 2566 – 2567 การปรับปรุงผลการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับปรุงผลการคาดการณ์ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมพิจารณามาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจกและการวิเคราะห์ศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจก แผนการลดก๊าซเรือนกระจก และคัดเลือกมาตรการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อจัดทําแผนปฏิบัติการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยนาท ลงพื้นที่สํารวจกิจกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจําแนกกิจกรรม ออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มการเผาไหม้อยู่กับที่, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มการจัดการของเสีย, กลุ่มกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์, กลุ่มเกษตร ป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยจังหวัดชัยนาทปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 669,441 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็น 2.05 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อหัวประชากร (จํานวนประชากรตามทะเบียนราษฎร์) หรือคิดเป็น 1.93 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อหัวประชากร โดยภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นลําดับที่ 1 ได้แก่ ภาคเกษตร ป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 1,237,488 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 54.24 ลําดับที่ 2 ได้แก่ ภาคขนส่ง ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 502,744 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 22.04 ลําดับที่ 3 ได้แก่ ภาคพลังงาน 468,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 20.55 และลําดับที่ 4 ได้แก่ ภาคการจัดการของเสีย 72,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 3.17
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031121409540
246,992
ทต.โป่งกำจัดผักตบชวาพื้นที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน
วันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายอํานาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการกําจัดผักตบชวาในพื้นที่อ่างเก็บน้ํามาบประชัน ภายใต้โครงการจัดทําภูมิสังคม เพื่อการบริหารจัดการน้ําหมู่บ้าน ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ บริเวณอ่างเก็บน้ํามาบประชัน ตําบลโป่ง อําเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมี นายพิสิษฐ สิริสวัสดินุกูล นายอําเภอบางละมุง โยธาธิการและฝังเมืองจังหวัดชลบุรี ท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารเทศบาลตําบลโป่ง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้สําหรับอ่างเก็บน้ํามาบประชัน เป็นอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง ปริมาณความจุ 16.60 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดพื้นที่ตําบลโป่ง และตําบลหนองปรือ อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานชลบุรี ปัจจุบันบริเวณพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ํามาบประชัน มีประชาชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง ได้เข้ามาทํากิจกรรมออกกําลังกาย ทั้งการวิ่งและปั่นจักรยานในแต่ละวันเป็นจํานวนมาก รวมถึงการใช้พื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องปัจจุบันอ่างเก็บน้ํามาบประชัน มีผักตบชวาและวัชพืชน้ําเกิดขึ้นเป็นจํานวนมาก ทําให้เกิดทัศนียภาพที่ไม่สวยงาม เทศบาลตําบลโป่ง จึงได้จัดกิจกรรมกําจัดผักตบชวาในพื้นที่อ่างเก็บน้ํามาบประชันขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณอ่างเก็บน้ํามาบประชัน ให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงอีกทั้งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก ประชาสัมพันธ์การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย การปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตําบลโป่ง รวมถึงสนองตอบต่อนโยบายพัฒนาเมืองสะอาดของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ส่วนผักตบชวาที่จัดเก็บในวันนี้ ได้ทําการแจกจ่ายให้แก่ผู้มีความประสงค์จะนําไปประยุกต์ใช้ในกิจการต่าง ๆ ส่วนที่เหลือก็นําไปกําจัดทิ้งต่อไป
31/10/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031134207555
246,993
รัฐมนตรีเกษตรฯ สั่งด่วนหน่วยงานในสังกัดเร่งแก้ปัญหากลุ่มเกษตรกรและชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรับฟังสถานการณ์ด้านประมงและหารือแนวทางแก้ไขปัญหา โดยมี นายผล ดําธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ กลุ่มเกษตรกร ชาวประมง ผู้ประกอบการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมตลาดทะเลไทย อําเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ว่า "หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมารับฟังและหารือแนวทางแก้ไขปัญหาจากกลุ่มชาวประมง ผู้ประกอบการประมง และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. เรือประมงในน่านน้ําไทยที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายด้านประมง 2. เรือประมงนอกน่านน้ําไทยที่ประสบปัญหาขาดแหล่งทําการประมงในน่านน้ําของรัฐชายฝั่งอื่นที่มีอยู่จํากัด 3. เรือประมงพื้นบ้านจับสัตว์น้ําได้น้อยลง เนื่องจากเรือมีขนาดเล็กไม่สามารถออกทําการประมงได้ไกล นอกจากนี้ ยังมีปัญหาน้ําเสียจากภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ครัวเรือน ปัญหาน้ําทะเลเน่าเสียจากปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม (Plankton Bloom) และปัญหาราคาสัตว์น้ําที่ได้จากการทําการประมงตกต่ํา โดยระยะสั้น ได้เน้นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับแรงงานซึ่งให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One stop service) การแก้ไขกฎหมายลําดับรองและการควบรวมกฎหมายฉบับต่างๆ เพื่ออํานวยความสะดวกและลดอุปสรรคในการทําประมง การนําเรือประมงออกนอกระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงอํานาจหน้าที่คณะกรรมการประมงจังหวัดให้สามารถแก้ไขปัญหาประมงในพื้นที่ได้อย่างคล่องตัว และทันต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ไทยคู่ฟ้า : ข้อมูลข่าว
31/10/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031141349581
246,994
จังหวัดภูเก็ตประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 1/2567 เตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้เป็นไปตามแผนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้ (31 ต.ค.66) ที่ห้องประชุมมุกอันดา มุขหลัง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ําจังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายอํานวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟังสถานการณ์น้ําในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และติดตามความก้าวหน้าการดําเนินโครงการด้านทรัพยากรน้ําของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านทรัพยากรน้ํา ประกอบกับปัจจุบันได้มีสถานการณ์ “เอลนิโญ” ซึ่งคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากสภาวการณ์ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จําเป็นอย่างยิ่งที่จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความพร้อมและรับมือกับผลกระทบดังกล่าว จังหวัดภูเก็ตจึงเชิญทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันหารือและพิจารณามาตรการในการรับมือจากผลกระทบดังกล่าวโดยที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าของโครงการจัดหาน้ําต้นทุนและแผนปฏิบัติการปี 2563-2566 จังหวัดภูเก็ตที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ ครั้งที่2/2563 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ําบางเหนียวดํา (โครงการชลประทานภูเก็ต)เป็นโครงการเพิ่มปริมาณความจุของอ่างเก็บน้ําบางเหนียวดํา จากความจุ 7.19 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 7.79 ล้านลูกบาศก์เมตรปริมาณน้ําเพิ่มขึ้น 0.60 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลการดําเนินการ : ก่อหนี้ผูกพันเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดําเนินการก่อสร้างสัญญาเริ่มต้นวันที่ 28 มีนาคม 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 อายุสัญญา 240 วัน ผลงานร้อยละ 25, โครงการแก้มสิงบ้านโคกโตนดพร้อมระบบหันน้ําไปยังอ่างเก็บน้ําบางเหนียวดํา (โครงการชลประทานภูเก็ต) เป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง ประเภทโครงการแก้มลิง/ประตูระบายน้ํา/สถานีสูบน้ําพร้อมระบบผันน้ํา เพื่อจัดหาแหล่งน้ําสํารองสําหรับสูบเติมอ่างเก็บน้ําบางเหนียวดําและให้ประชาชนได้ใช้ในพื้นที่ช่วงฤดูแล้ง ผลการดําเนินการ : กรมชลประทานจะให้บริษัทที่ปรึกษาไปดําเนินการเพิ่มเติมรายละเอียดข้อมูลในเล่มศึกษาตามประเด็นที่คณะกรรมการฯ ได้แจ้งให้มีการแก้ไข ซึ่งเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จจะนําเสนอคณะกรรมการฯ ต่อไปโครงการก่อสร้างระบบบําบัดน้ําเสีย ดําเนินการโดยเทศบาลตําบลวิชิตเป็นโครงการที่นําน้ําที่มีการบําบัดแล้วมาผลิตเป็นน้ําประปาเพื่อใช้อุปโภคในเขตพื้นที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการในการอนุญาตใช้พื้นที่ของสํานักงานธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต/ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค (สาขาพังงา-ภูเก็ต) รับผิดชอบโดย การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต วงเงินงบประมาณ 4,673.970 ล้านบาทมีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มกําลังผลิตน้ําประปาเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต แบ่งงานเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 วงเงิน 3,269.870 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณประจําปี 2567 ประเภทเงินอุดหนุนรัฐบาล และระยะที่ 2 วงเงินงบประมาณ 1,404.100 ล้านบาท คาดว่าจะขอรับงบประมาณจัดสรรในปี 2572 ส่วนความก้าวหน้าการจัดหาน้ําต้นทุนจากกลุ่มน้ําและแหล่งน้ําในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จากการสํารวจขุมน้ําแหล่งน้ํา มีแหล่งน้ําจํานวน 107 แห่ง ปริมาณความจุ 20.332 ล้านลูกบาศก์เมตรแต่มีขุมน้ําที่มีความจุมากกว่า 200,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีศักยภาพสามารถนํามาใช้ได้ประมาณ 25 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 24 โดยการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ตมีแผนที่จะจัดหาน้ําดิบจากขุมน้ําของเอกชน และหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ําหรือผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายจํานวน 14 แห่ง และโอกาสนี้ที่ประชุมได้มีการร่วมพิจารณาให้ความเห็นต่อแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ําประจําปี 2568 โดยพิจารณาให้ความเห็นชอบจํานวน 64 โครงการวงเงิน 1 ล้าน 1,104.4138 ล้านบาท และไม่เห็นชอบ 26 โครงการวงเงิน 574.602 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่พร้อมดําเนินงานและไม่สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ํา 20 ปี ในการนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้สํานักงานจังหวัดภูเก็ต ในฐานะฝ่ายเลขานุการจัดลําดับความสําคัญของโครงการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ําจังหวัดภูเก็ตและให้สํานักงานจังหวัดภูเก็ตยืนยันนําส่งข้อมูลแผนปฏิบัติการ (Sing off 2) เพื่อให้ประธานคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ําจังหวัดภูเก็ตลงนาม นอกจากนี้ที่ประชุมได้ให้ความสําคัญกับการจัดการน้ําเพื่อการอุปโภค บริโภค โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วย
31/10/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031144511614
246,995
นายกฯ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ตรวจเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยปากแบ่ง ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการเกษตร เชื่อรายได้เกษตรกรไทยจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ภายในเวลา 4 ปีข้างหน้า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ําห้วยปากแบ่งพร้อมระบบส่งน้ําอันเนื่องมาจากพระราชดําริ พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสุพร ตรีนรินทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (กปร.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ กปร. ร่วมการตรวจเยี่ยม โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อํานวยการสํานักงานชลประทานที่ 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ และประชาชน ให้การต้อนรับฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในช่วงยังไม่ถึง 2 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนคงเห็นว่านายกฯ ได้เดินทางไปต่างประเทศ ไปดูโครงการใหญ่ ๆ รถไฟความเร็วสูง แลนด์บริดจ์ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศ มามากมาย เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลให้ความสําคัญ แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่ารัฐบาลนี้มัวแต่ดูแลเรื่องการลงทุน เรื่องไฮเทค เรื่องอุตสาหกรรมใหญ่ พี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนต้องพึ่งภาคเกษตรกรรม เรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสําคัญสูงสุด การที่รัฐบาลลงพื้นที่มาวันนี้ น่าจะเป็นที่ประจักษ์ดีว่าเราให้ความสําคัญเรื่องนี้ โครงการพระราชดําริ ซึ่งบริหารจัดการเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง ถือว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลนี้ให้ความสําคัญอย่างต่อเนื่อง ปริมาณน้ําฝนที่ตกลงมาในแต่ละปี เราสามารถเก็บกักได้แค่ 1 ใน 3 ที่เหลือถูกปล่อยลงไปหมด ตรงนี้ถือว่าเรายังสามารถปรับปรุงได้ โครงการเก็บกักน้ําที่นี่และอีกหลาย ๆ ที่ ถือว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสําคัญ และอยากให้เกิดขึ้นเร็ว ๆ โดยไม่มีการล่าช้า ถ้าเราทําให้ไม่ท่วมไม่แล้ง ประกอบกับนโยบายรัฐบาลนี้ เปิดตลาดให้กับเกษตรกรไทย ตนเชื่อว่ารายได้ของเกษตรกรไทยจะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวภายในเวลา 4 ปีข้างหน้า นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า โครงการอ่างเก็บน้ําห้วยปากแบ่งฯ ถือเป็นโครงการแม่แบบและเป็นโครงการตัวอย่างที่ในหลายพื้นที่จะนําไปปรับปรุงและนําไปใช้ หากติดขัดเรื่องงบประมาณ หรือความช่วยเหลือต่าง ๆ ขอให้แจ้งมายังรัฐบาล โดยรัฐบาลพร้อมยินดีให้การช่วยเหลือ และให้ความสําคัญกับเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนในขั้นพื้นฐาน ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสําคัญ และต้องการผลักดันส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สําหรับโครงการอ่างเก็บน้ําห้วยปากแบ่ง พร้อมระบบส่งน้ําอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ตามที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานอ่างเก็บน้ําห้วยปากแบ่ง เพื่อช่วยเหลือราษฎรซึ่งขาดแคลนน้ํา เพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และทรงรับโครงการอ่างเก็บน้ําห้วยปากแบ่งพร้อมระบบส่งน้ํา ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ซึ่งพื้นที่รับประโยชน์ 1,600 ไร่ สํารองน้ําอุปโภค-บริโภค 798 ครัวเรือน คิดเป็นประชากร 3,740 คน บรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยตัดยอดน้ําได้ 1,594,000 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 600 ไร่ โครงการดังกล่าวก่อสร้างตั้งแต่ปี 2565 - 2568 จากผลการดําเนินงาน ณ ปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 24 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไทยคู่ฟ้า : ข้อมูลข่าว
31/10/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031170424685
246,996
รองผู้ว่าฯ ตรัง ประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดตรัง ครั้งที่ 7/2566
วันนี้ (31 ต.ค.66) ที่ห้องมรกต ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายทรงกลด สว่างวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดตรัง ครั้งที่ 7/2566 โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในที่ประชุมได้แจ้งเพื่อทราบเรื่องโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยเคมีราคาถูกให้แก่เกษตรกรผ่านสถาบันเกษตรกร โดยกรมการค้าภายในได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และ สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย ดําเนินโครงการดังกล่าวฯ เป็นการจําหน่ายแม่ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยเคมีสูตรสําเร็จในราคาถูกกว่าท้องตลาดให้แก่เกษตรกร โดยมีระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 2 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2566โดยสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรังได้เสนอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา เรื่องการจ่ายเงินสนับสนุนค่าชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกร รอบที่ 3 การจ่ายเงินค่าบริหารจัดการในส่วนของค่าใช้จ่ายดําเนินการด้านการตลาด ให้เกษตรกรและผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง รอบที่ 3 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินการของหน่วยงานดําเนินการ ต้องสอดคล้องกับการกําหนดหลักเกณฑ์เบิกจ่ายตามระเบียบราชการ การปิดบัญชีและส่งคืนเงินคงเหลือพร้อมดอกผลทั้งหมดคืนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดตรังอีกด้วย
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031150735630
246,997
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.)
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ร่วมกันมอบชุด EM มอบพันธุ์ปลา กิ่งไม้ไม้ผล เมล็ดพันธุ์พืช และมอบชุดจดบันทึกบัญชีเกษตร จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เดินทางไปยังบ้านเกษตรกร(นายพรชัย ค้ําชู) พื้นที่โครงการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) ตําบลลุ่มสุ่ม อําเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจชุมชน และได้เยี่ยมชมนิทรรศการด้านการดําเนินโครงการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่เขตปฎิรูปที่ดิน (คทช.) โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการ ของกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ํา และการปรับปรุงบํารุงดิน โดยกรมพัฒนาที่ดิน และผลิตภัณฑ์ของชุมชนในพื้นที่อําเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
31/10/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031160136649
246,998
ปศุสัตว์อำนาจเจริญ ตรวจปล่อยซากสัตว์ที่ชุดเฉพาะกิจฯ อายัดไว้
นายสัตวแพทย์อภิชาติ ภะวัง ปศุสัตว์จังหวัดอํานาจเจริญ มอบหมายให้กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์และสํานักงานปศุสัตว์อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ ร่วมกับสถานีตํารวจภูธรเมืองอํานาจเจริญ ตรวจปล่อยซากสัตว์ที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย ทําการอายัดไว้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาอย่างชัดเจนได้ หลังจากที่ทําการตรวจสอบครั้งนี้พบว่า ผู้ประกอบการได้สําแดงเอกสารหลักฐานแหล่งที่มาของซากสัตว์ เมื่อพิจารณาแล้วเชื่อได้ว่า มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนและถูกต้อง จึงได้ทําการตรวจปล่อยซึ่งผู้ประกอบการสามารถจําหน่ายซากสัตว์ได้ตามปกติ และได้กําชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามตามระเบียบการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง
31/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031161725654
246,999
สำนักงานพัฒนาชุมชนปะเหลียน ร่วมกับอำเภอปะเหลียน ร่วมจัดกิจกรรมเปิดศูนย์เรียนรู้ โคกหนอง นา พัฒนาชุมชน แปลงครัวเรือนต้นแบบ นางสาวสุเมตตรา กระนิล
ที่แปลงครัวเรือนต้นแบบ นางสาวสุเมตตรา กระนิล บ้านลําแคลง ม.4 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นางสาววะดี จักรราช ผู้อํานวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทน พัฒนาการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นักวิชาการฯ ร่วมกิจกรรมเปิดศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน แปลงครัวเรือนต้นแบบ นางสาวสุเมตตรา กระนิล โดยสํานักงานพัฒนาชุมชนปะเหลียน ร่วมกับอําเภอปะเหลียน ร่วมจัดกิจกรรม มีนายณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอําเภอปะเหลียน เป็นประธาน พร้อมด้วย นายณรงค์ชัย บุญจันทร์ พัฒนาการอําเภอปะเหลียน เจ้าหน้าที่สํานักงานพัฒนาชุมชนอําเภอปะเหลียน ผู้นําทัองที่ ผู้นําท้องถิ่น ผู้นํา อช. และ อช. ตําบลปะเหลียน ร่วมกิจกรรมสําหรับแปลงครัวเรือนต้นแบบ นางสาวสุเมตตรา กระนิล เป็นแปลงที่เข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา โมเดล พื้นที่ 1 ไร่ โดยภายในแปลงมีการดําเนินกิจกรรม ดังนี้ การเลี้ยงปลาน้ําจืด การเลี้ยงเป็ดเทศ ไก่งวง ไก่พื้นเมือง การปลูกผักสวนครัว ไม้ผล และไม้ยืนต้น ฯลฯ
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031185935724
247,000
ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ฤกษ์งามยามดีสาวเส้นไหมเส้นแรก หลังจากเริ่มปลูกต้นหม่อนไหนและเลี้ยงตัวหม่อนไหมครบ 5 เดือน เป็นไหมเส้นแรกต้นกำเนิดไหมพัทลุง ทั้งผู้เลี้ยงและผู้สนับสนุนต่างยินดี ที่ประสบความสำเร็จ อนาคตพร้อมทอเป็นผ้าไหมชิ้นแรกของพัทลุง
วันนี้ (31 ต.ค.66) นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมนายเสรี จิตรเวช พัฒนาการจังหวัดพัทลุง ลงพื้นที่กลุ่มผ้ามัดย้อมเม็ดคราม หมู่ที่ 8 ตําบลชุมพล อําเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง หลังจากเริ่มปลูกต้นหม่อนไหน ซึ่งปลูกต้นหม่อน จํานวน 800 ต้น ที่ได้รับการสนับสนุนต้นกล้าจากหน่วยส่งเสริมหม่อนไหมตรัง และเลี้ยงตัวหม่อนไหมในพื้นที่ดังกล่าวครบ 5 เดือน การเลี้ยงตัวหม่อนไหมสมบูรณ์เกือบ 100% จากความพยายามนางสาวปฤษฎี สงนุ้ย เจ้าของกลุ่มผ้ามัดย้อมเม็ดคราม ที่เรียนรู้จากจุดเริ่มต้นและลงมือปฏิบัติจริง พร้อมกับการได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพัทลุง ทําให้เกิด “ต้นกําเนิดไหมพัทลุง”และวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ฤกษ์งามยามดี เจ้าหน้าที่จากสํานักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 5 จังหวัดชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนราธิวาส ให้ความรู้ขั้นตอนการสาวเส้นไหม ออกจากรังตัวหม่อนไหม โดยมีนางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สาวไหมเส้นแรกจากต้นกําเนิดไหมพัทลุง ซึ่งเส้นไหมที่สาวได้ในวันนี้มีคุณภาพเกือบ 100% แม้ว่าเป็นจุดเริ่มแรกครั้งแรกของกลุ่มผ้ามัดย้อมเม็ดคราม แต่เส้นไหมดิบที่ได้สีสดสวยงามมีความเหนียวแน่น ทําให้ทั้งผู้เลี้ยงตัวหม่อนไหมและผู้สนับสนุนต่างยินดีความสําเร็จ อนาตคข้างหน้าเมื่อได้เส้นไหมจาก “ต้นกําเนิดไหมพัทลุง ”จํานวนมากพอก็พร้อม “ทอเป็นผ้าไหมชิ้นแรกของพัทลุง” และจะพัฒนาการเลี้ยงตัวหม่อนไหมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นพร้อมจะมีการหาพันธุ์ตัวหม่อนไหมที่กรมหม่อนไหม ส่งเสริมพันธุ์ตัวหม่อนไหมเข้ามาเลี้ยง ให้ตรงกับความต้องการของตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าของ “เส้นไหม” ขณะเดียวกันเมื่อกลุ่มผ้ามัดย้อมเม็ดคราม หมู่ที่ 8 ตําบลชุมพล อําเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ประสบความสําเร็จและเป็นจุดสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนที่การต้องเรียนรู้ ก็จะทําให้สถานที่ดังกล่าวเป็น “แหล่งบ่มเพาะ”เรียนรู้ปฏิบัติจริง เพื่อผลิตเส้นไหมให้ได้คุณภาพเกรดพรีเมียม ต่อไปทางด้านนางสาวศันสนีย์ เมฆหมอก นักการวิชาการการเกษตรชํานาญการ กล่าวว่า ณ.ที่แห่งนี้การเลี้ยงตัวหม่อนไหม และการปลูกต้นหม่อนไหม นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่พึ่งเริ่มเรียนรู้ตลอดระยะเวลา 5 เดือน พบว่าตัวหม่อนไหมที่เลี้ยงนั้นสมบูรณ์เกือบ 100% เส้นไหมที่ออกมาก็มีคุณภาพสีสันสดใส แต่ต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของการปลูกต้นหม่อนไหมเพิ่มเติม หากต้องผลิตตัวหม่อนไหมให้มากกว่านี้และเพื่อความสมณ์ของตัวหม่อนไหม เมื่อตัวหม่อนไหมรังใหญ่เต็มที่ก็จะได้เส้นใยไหมจํานวนมากตามมาด้วย และสิ่งที่สําคัญต้องสร้างโรงเรือนเฉพาะในการเลี้ยงตัวหม่อนไหม ไม่ให้มีสิ่งรบกวนโดยเฉพาะควันไฟ อย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความยินดีกับความสําเร็จในครั้งนี้ แม้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแต่กลับทําได้ดีมาก
31/10/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031190239725
247,001
บริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการโรงงานหลอมและผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียม ส่วนขยายครั้งที่ 1 ประกอบการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
วันนี้ (31 ต.ค.66)เวลา 13.30 น. นายกิตติคุณ เชื้อแถว ปลัดอําเภอพานทอง เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกโครงการ ในโครงการโรงงานหลอมและผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียม ส่วนขยาย ครั้งที่ 1 ของบริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จํากัด เพื่อเตรียมจัดทํารายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยมีคุณวรดา ชํานาญพืช (กรรมการบริหาร) เจ้าหน้าที่บริษัท หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิชาการ ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสื่อมวลชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม บริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จํากัด นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรีตามที่ บริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จํากัด เปิดดําเนินกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สําหรับรถยนต์ รถบรรทุกหรือรถพ่วงให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนําทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2560 โดยมีกําลังการหลอมอลูมิเนียมประมาณ 65 ตัน/วัน ปัจจุบันมีความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ จึงมีแผนเพิ่มกําลังการหลอมอลูมิเนียมเป็นประมาณเป็น 131 ตัน/วัน เพื่อรองรับความต้องการเดิบโตของตลาดผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย รวมถึงขยายการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งการขยายกําลังการผลิตดังกล่าว เข้าข่ายที่จะต้องดําเนินการจัดทํารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ (EIA) เสนอต่อสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการทั้งนี้ การจัดทํารายงาน จึงต้องมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อนําเสนอข้อมูลรายละเอียดโครงการ ขอบเขตและแนวทางการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาโครงการ และให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาโครงการต่อไป
31/10/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031195327746
247,002
เกษตรอำเภอเมืองตรัง จัดทีมลงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านอารักขาพืชถึงแปลง
นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอําเภอเมืองตรัง นายประทิ่น วรรณงาม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการพิเศษ พร้อมด้วยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง ลงพื้นที่แปลงทุเรียน ของนางสาวศุภัชสา รังชีพลาสวัสดิ์ หมู่ที่ 7 ตําบลโคกหล่อ สมาชิกเครือข่ายผู้ปลูกทุเรียนอําเภอเมืองตรัง เพื่อให้คําแนะนําด้านการดูแลรักษาทุเรียนให้ผลผลิตมีคุณภาพ ทั้งนี้ พบปัญหาการเข้าทําลายของเพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยหอย และเพลี้ยจั๊กจั่นฝอย ซึ่งได้แนะนําการใช้สารเคมี ได้แก่ คาร์โบซัลแฟน ในการกําจัดเพลี้ยหอย และไซเพอร์เมทริน ในการกําจัดเพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยจั๊กจั่นฝอย โดยใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามคําแนะนําบนฉลากสารเคมีนอกจากนี้ ได้เยี่ยมแปลงพริกไทย นายศักดิ์ชัย ช่องชะงัก หมู่ที่ 7 ตําบลโคกหล่อ โดยพบปัญหาพริกไทยเกิดโรครากเน่าโคนเน่า จากเชื้อราไฟทอปธอร่า ให้คําแนะนําด้วยการใช้สารเคมีเมทาแลกซิล ผสมน้ําในปริมาณที่เหมาะสมตามคําแนะนําบนฉลากสารเคมี ราดบริเวณรอบทรงพุ่ม พร้อมทั้งหมั่นดูแลกําจัดวัชพืชภายในแปลง และสํารวจแปลงเพื่อป้องกันการเข้าทําลายแมลงศัตรูอื่น ๆ
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031190738727
247,003
เกษตรวังวิเศษ จังหวัดตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและตรวจสอบพื้นที่ทำนา ที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าว ประจำปี 2566/2567
วันนี้ (31 ต.ค.66) นายนิกร ชิดเชื้อ เกษตรอําเภอวังวิเศษมอบหมายให้ นายกฤษฎา บัวทอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมด้วย นางจิราภรณ์ เดชาฐาน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 11 ตําบลเขาวิเศษ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและตรวจสอบพื้นที่ทํานา ที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าว ประจําปี 2566/2567 ไว้กับสํานักงานเกษตรอําเภอวังวิเศษ ณ หมู่ที่ 11 บ้านคลองโตน ตําบลเขาวิเศษ โดยมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ 13 ราย พื้นที่ประมาณ 83 ไร่ ส่วนใหญ่เป็น "ข้าวนาสวน"ทั้งนี้ แต่เดิมการทํานาสวนของอําเภอวังวิเศษนั้น ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่หลายหมู่บ้านในตําบลเขาวิเศษที่อยู่เลียบติดคลองชีและคลองสาขา แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไปทําให้พื้นที่ทํานาลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันพื้นที่ทํานาสวน เหลืออยู่แต่ในเฉพาะ หมู่ที่ 8 บ้านฉาง และหมู่ที่ 11 บ้านคลองโตน ตําบลเขาวิเศษเท่านั้น ฤานี่จะเป็นนาแปลงสุดท้ายของเขาวิเศษ สําหรับข้าวนาสวน คือ ข้าวที่ปลูกในนาที่มีน้ําขังหรือกักเก็บน้ําได้ ระดับน้ําลึกไม่เกิน 50 เซนติเมตร
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031174547702
247,004
คณะกรรมการและคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียคลองวัดประดู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ประชุมติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงาน
ที่ห้องประชุมแม่กลองชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการและคณะทํางานในการแก้ไขปัญหาน้ําเสียคลองวัดประดู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ติดตามเรื่องสืบเนื่องจากผลการดําเนินงานของคณะกรรมการและคณะทํางานฯ ประจําเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งสํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงคราม รายงานความคืบหน้าการกําหนดค่ามาตรฐานน้ําทิ้งของสถานประกอบการแปรรูปมะพร้าว (ล้งมะพร้าว) จังหวัดสมุทรสงคราม ของเทศบาล/เทศบาลตําบล/องค์การบริหารส่วนตําบล ประจําเดือนตุลาคม 2566 นอกจากนี้คณะทํางานด้านอื่นๆ ได้รายงานผลการดําเนินงานที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบด้วย ทั้งด้านการติดตามและเฝ้าระวังน้ําเสีย, ด้านการกําจัดตะกอนเลนที่ตกค้างสะสมในคลองละบริเวณหน้าประตูน้ํา ด้านการกําจัดผักตบชวา ซึ่งสามารถกําจัดไปได้กว่า 300 ตัน ด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และด้านการติดตามและประเมินผล
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สมุทรสงคราม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031170419684
247,005
จังหวัดตรังจัดประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตรตกต่ำ จังหวัดตรัง
วันนี้ (31 ต.ค.66) นายทรงกลด สว่างวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตรตกต่ํา จังหวัดตรัง ครั้งที่ 7/2566 ณ ห้องมรกต ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง เพื่อพิจารณาการจ่ายเงินสนับสนุนค่าชดเชยส่วนต่างราคา ให้เกษตรกรและการจ่ายเงินค่าบริหารจัดการให้ผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 ตามมาตรการเพิ่มช่องทางและเชื่อมโยงการจําหน่ายสําหรับการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ดังนี้ 1.จ่ายเงินสนับสนุนค่าชดเชยส่วนต่างราคา ให้แก่เกษตรกรผู้จับกุ้ง จํานวน 29 ราย ปริมาณกุ้ง 96,985.11 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 20 บาท เป็นเงิน 1,939,702.20 บาท 2. การจ่ายเงินค่าบริหารจัดการในส่วนของค่าใช้จ่ายดําเนินการด้านการตลาด ให้แก่เกษตรกรที่เป็นผู้รวบรวมและกระจายกุ้งเอง จํานวน 25 ราย ปริมาณกุ้ง 85,661.06 กิโลกรัม และผู้ประกอบการเป็นผู้รวบรวมและกระจายกุ้งตามโครงการฯ จํานวน 2 ราย ปริมาณกุ้ง 11,324.05 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 96,985.11 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท เป็นเงิน 969,851.10 บาท
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031191702732
247,006
เกษตรจังหวัดตรัง ร่วมกับเกษตรอำเภอกันตัง ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกฟักทองที่ประสบปัญหาด้านราคา
วันนี้ (31 ต.ค.66) นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสาวกําไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรจังหวัด ร่วมประชาสัมพันธ์การจําหน่ายฟักทองของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย ตําบลบางสัก อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งตั้งจุดจําหน่ายฟักทอง ณ บริเวณหน้าสํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ถนนวิเศษกุล อําเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยจําหน่ายฟักทองหลากหลายขนาด หลากหลายราคา ตั้งแต่ลูกละ 20 บาท กิโลกรัมละ 15 บาทจากสถานการณ์ราคาฟักทองราคาต่ําของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย ตําบลบางสัก อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง สํานักงานเกษตรจังหวัดตรังร่วมกับสํานักงานเกษตรกันตัง ร่วมช่วยเหลือเกษตรกรโดยตั้งจุดจําหน่ายฟักทอง เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 30-31 ตุลาคม 2566 กลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านทุ่งค่าย นําฟักทองมาจําหน่ายทั้งสองวันประมาณ 2 ตัน ซึ่งยอดการจําหน่ายฟักทอง วันที่ 30 ตุลาคม 2566 จํานวน 15,670 บาท และยอดขายวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จํานวน 18,304 บาท รวมยอดจําหน่าย จํานวน 33,974 บาท
31/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231031191838733
247,007
จังหวัดชัยนาท ประชุมเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแม่น้ำเจ้าพระยา
วันที่ 31 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแม่น้ําเจ้าพระยา ณ ห้องประชุมหลวงปู่ศุข (401) ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดชัยนาทผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้เน้นย้ําทุกหน่วยงานว่า แม่น้ําเจ้าพระยาจะใสสะอาดอย่างยั่งยืนได้นั้น ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันภายใต้หลักแนวคิดสําคัญว่า “แม่น้ําเจ้าพระยาจะสะอาดได้ ทุกแม่น้ําสายหลักในจังหวัดชัยนาท ได้แก่ แม่น้ําท่าจีน และแม่น้ําน้อยจะต้องสะอาดด้วย เนื่องจากทุกแม่น้ําล้วนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน และเมืองชัยนาทจะต้องมีความสะอาดด้วยแม่น้ําถึงจะสะอาดอย่างยั่งยืนได้” การขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลจะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนจังหวัดชัยนาท เมืองสะอาด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทเป็นประธานกรรมการ และมีคณะอนุกรรมการ 4 คณะ เพื่อขับเคลื่อนแม่น้ําและเมืองชัยนาทให้มีความสะอาดอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ได้แก่1) คณะอนุกรรมการด้านการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในที่หรือทางสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยวสําคัญ2) คณะอนุกรรมการด้านการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในบริเวณแม่น้ํา คูคลอง หนอง บึง และการรักษาสภาพภูมิอากาศ3) คณะอนุกรรมการด้านการจัดระเบียบร้านค้าในที่หรือทางสาธารณะ และทางเท้า4) คณะอนุกรรมการด้านการดูแลรักษามาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย และราคาสินค้า ของตลาด อาคาร สถานที่จําหน่ายอาหารและของฝากในพื้นที่จังหวัดชัยนาทในระยะแรกจะมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ให้ความเข้าใจแก่ทุกภาคส่วน และหลังจากนั้นจะเริ่มใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยไล่ระดับจากเบาไปหาหนักทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทได้ขอให้นายอําเภอทุกอําเภอนําแนวทางดังกล่าวไปขับเคลื่อนและขยายผลในพื้นที่รับผิดชอบของตนต่อไป
31/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231101000357002
247,008
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ฝากผู้ประกอบการที่ต้องการเครื่องหมายการค้าจะต้องไม่นำคำ ประเภท คุณภาพและประโยชน์มาจดเครื่องหมายการค้า รวมถึงไม่สามารถดึงเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งในเครื่องหมายการค้ามาเป็นสิทธิเพียงผู้เดียวได้
นางสาวทักษอร สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า เครื่องหมายทางการค้า ถือเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่ใช้ในการแยกแยะสินค้าและบริการ หากผู้ประกอบการต้องการทําเครื่องหมายการค้าจะต้องไม่นําคําหรือรูปภาพที่ทําให้ผู้บริโภคเห็นแล้วเข้าใจประเภทสินค้าที่ขายทันที โดยต้องไม่นําคํา ประเภท คุณภาพและประโยชน์มาจดเครื่องหมายการค้า เพราะหากจดทะเบียนการค้าแบบไหนจะได้รับการคุ้มครองสินค้าตามแบบที่จด ซึ่งจะไม่สามารถดึงเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งในเครื่องหมายการค้ามาเป็นสิทธิเพียงผู้เดียวได้ จึงไม่ควรนําเครื่องหมายการค้าไปผูกกับผลิตภัณฑ์ที่ขาย เช่น การนําชื่อร้านไปเป็นชื่อเมนูอาหารเพราะจะทําให้เกิดความสับสนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวอีกว่า เรื่องของลิขสิทธิ์ถือเป็นเรื่องใกล้ตัว โดยขอให้ผู้ประกอบการคิดค้นสินค้าใหม่ที่แตกต่างจากท้องตลาด เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางสิทธิบัตร เช่น การคิดค้นนวัตกรรมของตัวเองมาสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าและบริการ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้คําปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IPAC) หรือโทรสายด่วนได้ที่ 1368
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901093748039
247,009
สวนนงนุชพัทยา ต่อโปรเที่ยวเลยไม่ต้องรอสำหรับผู้สูงอายุลด 50% ตลอดกันยายน 2566
สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นพิเศษไทยเที่ยวไทยสําหรับผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) ซื้อบัตรผ่านประตูในราคาลด 50 เปอร์เซ็นต์ ตลอดเดือนกันยายน 2566 ทุกวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี และวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันศุกร์ยังคงโปรโมชั่นเดิมผู้สูงอายุเข้าชมสวนฟรีโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวถึงการพัฒนาสวนนงนุชพัทยาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติด 1 ใน 10 สวนที่สวยที่สุดในโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสําหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย โดยกลุ่มผู้สูงอายุจะมีสิ่งอํานวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน อีกหนึ่งสิ่งที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องคือแหล่งเรียนรู้สําหรับเด็กและเยาวชนในส่วนของโปรโมชั่นอื่นๆ เด็กที่มากับครอบครัวสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และผู้พิการพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน สําหรับผู้ที่ต้องการชมการแสดงนงนุชโชว์และช้างแสนรู้ ซื้อเพิ่มเพียงท่านละ 200 บาทเท่านั้น รอบการแสดงมีวันละ 4 รอบ (10.30 น.,11.30 น.,13.30 น.,15.30 น.) สวนนงนุชพัทยาเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น.
1/9/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901093316035
247,010
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดงาน THAI SME-GP Roadshow กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี ผลักดัน SME เข้าสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ที่ห้องรัตนแกรนด์ บอลรูม ชั้น 12 โรงแรมรัตนชล จ.ชลบุรี นายประสิทธิ อินทโชติ นายอําเภอเมืองชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน THAI SME-GP Roadshow กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี ภายใต้ กิจกรรมการพัฒนา MSME ให้ความพร้อมในการเข้าสู่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับส่วนแบ่งทางการตลาด กลุ่มจังหวัดภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารโรงพยาบาล ผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เข้าร่วมงานนายมานิต จตุจริยพงศ์ ผู้อํานวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs สํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างโอกาสสําหรับผู้ประกอบการ ในการเพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาดเข้าสู่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยมีผู้ประกอบการจํานวน 35 ราย ร่วมนําผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายประเภทที่ภาครัฐมีโอกาสจัดซื้อจัดจ้าง มาจัดแสดงและพูดคุยกับผู้แทนหน่วยงานในกิจกรรมครั้งนี้ สสว.คาดหวังว่า งานนี้ จะเป็นโอกาสที่เป็นการเปิดประตูให้สินค้า SME มีมูลค่าจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐในสัดส่วนที่สูงขึ้นจากเดิม เนื่องจากผู้ประกอบการ SME นับว่ามีบทบาทสําคัญต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ และ สสว.มองว่า ตลาดภาครัฐเป็นโอกาสของ SMEs เพราะเป็นแหล่งจัดซื้อจัดจ้างที่มีงบประมาณมาก แต่หน่วยงานยังมีการซื้อจ้างจาก SMEs ในสัดส่วนที่ยังไม่มากนัก สสว ต้องการพัฒนายกระดับผู้ประกอบการ และผลักดันเข้าสู่ตลาดของรัฐมากขึ้น มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการ เกี่ยวกับวิธีการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวมถึงพัฒนาและผลักดัน ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึง รายย่อยทุกกลุ่ม ทั้งในภาคการผลิต การค้า การบริการ ให้สามารถปรับตัวเข้าถึงตลาดภาครัฐ โดยข้อมูลจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในปีงบประมาณ 2565 ของจังหวัดชลบุรี มีมูลค่ารวม 16,183 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง SME รวม 6,733 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.61% แต่ถ้าดู sector ธุรกิจ ที่มีมูลค่าการซื้อจ้างมาก คือการก่อสร้าง 2,409 ล้านบาท คิดเป็น 60.44 % จึงคาดหวังว่า SMEs ที่ผ่านการพัฒนาจากโครงการ สามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้นจากเดิม
1/9/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901104023043
247,011
กรมการท่องเที่ยวเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดที่พักนักเดินทาง ครบทั้ง 77 จังหวัด
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ที่พักนักเดินทาง หรือ Home lodge เป็นสินค้าและบริการที่กรมการท่องเที่ยวพัฒนาขึ้น โดยดําเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เริ่มตั้งแต่การวางแนวคิด การกําหนดหลักเกณฑ์คุณภาพ และการประเมินตามหลักเกณฑ์คุณภาพ โดยในปัจจุบันมีที่พักนักเดินทางแล้วกว่า 2,000 แห่ง มีห้องกว่า 5,000 ห้อง ครอบคลุมทั่วทั้ง 77 จังหวัด ที่มีความหลากหลายในบริบทของแต่ละพื้นที่ทุกภูมิภาค สามารถให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามความต้องการ โดยหวังว่าจะสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้อย่างทั่วถึง ให้กับผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็กและชุมชนทั่วประเทศ และเป็นส่วนสําคัญที่จะสามารถรองรับช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่กําลังจะมาถึงนี้ได้โดยกรมการท่องเที่ยว คาดว่าในปีถัดไปจะมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมเป็น Home lodge เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมการท่องเที่ยวจะดําเนินการตรวจประเมินคุณภาพที่พักนักเดินทาง เพื่อยกระดับการบริการที่พักให้มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะสามารถเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงชุมชนที่จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901114625077
247,012
พังงา ท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์คึกคักช่วงหน้าฝน
ช่วงหน้าฝนหรือที่เรียกกันว่ากรีนซีซั่น บรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวในแบบผจญภัย ที่บ้านสองแพรก ต.สองแพรก อ.เมืองพังงา เป็นไปด้วยความคึกคักในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และกลุ่มที่มาพักในพื้นที่จังหวัดพังงา แห่เข้ามาท่องเที่ยวทํากิจกรรมกันเป็นจํานวนมาก วันละกว่า500 คน กิจกรรมที่เป็นที่นิยมประกอบด้วยการเล่น โหนสลิง ล่องแก่งในคลองแพรก ขี่ช้างหรืออาบน้ําช้าง และการขับขี่รถ เอทีวี ในเส้นทางแบบวิบาก ซึ่งแต่ละกิจกรรมสร้างความสนุกสนานตื้นเต้นแบบเร้าใจ จนกระตุ้นให้สารอะดรีนาลีนหลั่งออกมา ทําให้หัวใจเต้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เลือดสูบฉีดได้ดี และหัวใจก็จะแข็งแรงขึ้นผู้ประกอบการท่องเที่ยว กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการ ล่องแก่ง โหนสลิง พาเที่ยวน้ําตกสองแพรก นั่งช้าง และขับขี่รถเอทีวี ซึ่งในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทํากิจกรรมมากกว่าวันละ 500 คน
1/9/2023
ภาคใต้
พังงา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901104916050
247,013
ภาคเอกชนตอบรับนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ช่วยส่งเสริมนักท่องเทียวเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า จากมาตรการฟรีวีซ่าของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมานั้น ได้ส่งสัญญาณบวกต่อภาคการท่องเที่ยวไทยโดยบริษัทนําเที่ยวในจีนที่เริ่มตื่นตัวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การฟรีวีซ่ายังคงไม่ได้สามารถทําให้จํานวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหากเที่ยวบินยังถูกจํากัด ดังนั้นการเพิ่มเที่ยวบินในช่วงนี้ จึงเป็นสิ่งสําคัญที่ต้องเร่งทําอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันในช่วงไฮซีซั่น ทั้งนี้สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย ได้เตรียมประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน 2566 เพื่อสรุปข้อเสนอด้านการท่องเที่ยวให้ชัดเจนและนําข้อมูลนี้เข้าหารือกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในวันเดียวกัน เพื่อที่จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป สําหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ซึ่งคาดว่าจะประชุมประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายนนี้ (2566) ภาคเอกชนท่องเที่ยวคาดหวังว่าจะมีพิจารณามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า เพิ่มเที่ยวบินโดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีน ซึ่งจะช่วยทําให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยได้มากขึ้น ร้อยละ 10 ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ 2566 ซึ่งจะส่งผลให้จํานวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งปีเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901113907074
247,014
กระทรวงอุตสาหกรรม เตือนโรงงานกว่า 6,000 ราย ทั่วประเทศ เร่งรายงานข้อมูลการประกอบการอุตสาหกรรม ภายใน 31 สิงหาคมนี้ หากเกินกำหนดอาจมีโทษปรับตามกฎหมาย
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมกําหนดให้โรงงานที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจํานวน 65,682 ราย ทั่วประเทศ ต้องมีการรายงานข้อมูลการประกอบการอุตสาหกรรมตามที่กฎหมายกําหนดอย่างเคร่งครัด โดยต้องรายงานผ่านระบบการลงทะเบียนลูกค้าของกระทรวงอุตสาหกรรม และระบบการรายงานข้อมูลกลาง ภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด หากเลยระยะเวลาจะมีความผิดและมีโทษปรับตามกฎหมายโรงงาน โดยล่าสุด พบว่า มีโรงงานกว่า 6,000 ราย ที่ยังไม่รายงานข้อมูลตามระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งอาจมีความผิดปกติของการประกอบการที่ไปในทางผิดกฎหมายนอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานอย่างเข้มข้น ทั้งในเรื่องของ ดิน-กํากับดูแลโรงงานเพื่อควบคุมการดําเนินการเรื่องกากอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวดไม่ให้มีการลักลอบทิ้ง / น้ํา-กํากับการระบายน้ําออกนอกบริเวณโรงงานเพื่อดูแลแม่น้ําลําคลองและพื้นที่โดยรอบ / ลม-กํากับดูแลการปล่อยมลพิษทางอากาศของโรงงาน การลักลอบเผาอ้อย เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และ ไฟ-กํากับดูแลความปลอดภัยต่าง ๆ ในโรงงาน ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในโรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานป้องกันเหตุเพลิงไหม้ ทั้งนี้ หากพบการกระทําความผิด มีการประกอบการที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ก่อเหตุเดือดร้อนรําคาญกับประชาชน หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะดําเนินการตามกฎหมายของการประกอบกิจการและลงโทษทันที
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901140223138
247,015
ครอบครัวเมืองยะลา ร่วมสร้างศูนย์เรียนรู้ "เศรษฐกิจพอเพียง" สานต่อคำสอนพ่อ ลดรายจ่ายยุคของแพง
ภาพการดํานาน้อยๆ ที่เห็นอยู่นี้ เป็นการระดมกําลัง ของทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อําเภอเมืองยะลา ที่มีทั้งนายอําเภอ ปลัดอําเภอ กําลัง อส. ชาย และหญิง ที่ได้ลงดํานาปลูกข้าวในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงกองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ ร่วมใจ สู่แสงแห่งบวร ครอบครัวเมืองยะลา เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจําวัน ในช่วงภาวะ ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวคิดของ พระใบฏีกา อรรณพ อภิปุญโญ เลขานุการ รองเจ้าคณะ จ.ยะลา รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลัก 5 อ.เมืองยะลา ท่านได้บอกว่า การทําศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เกิดจากแนวคิดในมุมมอง เศรษฐกิจพอเพียงของศาสตร์พระราราชา คิดว่าทางวัดน่าจะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจําวันทุกวัน ในทางอาหาร ตนเองได้บิณฑบาตรในทุกๆเช้า ในตลาดดูผักแพง ยิ่งช่วงโควิดที่ผ่านมา บ้านทุกบ้านจะมีที่เล็กที่น้อย เมื่อก่อนเพาะก็เพาะต้นกล้าทําเล็กๆ ในวัด แจกประชาชน เพื่อจะช่วยลดต้นทุน ในชีวิตประจําวัน พอได้มาเจอกับ นายอําเภอเมืองยะลา ได้คุยกัน เราจะทํายังไงดีใน จ.ยะลา ที่จะลดต้นทุนให้กับชาวบ้าน ค่าใช้จ่ายในเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ตรงนี้ โดยนําศาสตร์พระราชามาปรับใช้ นอกจากนี้ ก็จะได้เป็นวัดต้นแบบของยะลา มีชาวบ้าน ส่วนราชการทุกหน่วยมาช่วยกันเป็นแบบอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไปทางด้าน นายวิทศักดิ์ จําเริญนุสิต นายอําเภอเมืองยะลา บอกว่า กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของครอบครัวเมืองยะลา ที่ได้จัดขึ้นมา เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการน้อมนําคําสอนของพ่อ ในหลวง ร.9 มาทําให้เกิดเป็นรูปธรรม พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงประชาชน ได้ให้คําสอนไว้ว่า จําเป็นที่คนไทยต้องมีความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งอนาคตข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอาจจะเกิดสงครามชีวภาพ สงครามสารเคมี โรคระบาดที่รุนแรง ก็ได้ ถึงตอนนั้นสิ่งที่จะทําให้คนไทยอยู่รอด คือคนไทยจะต้องมีคลังอาหารของตนเอง ถึงมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ร่ํารวยทางเศรษฐกิจแค่ไหนก็ไปไม่ได้ สิ่งที่ทําให้คนไทยอยู่รอดได้จริงคือ การสร้างคลังอาหารของตนเองที่ปลอดภัยทานได้ อยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้ อย่างมั่นคงจริงๆ แล้ว ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะเปิดตอนปลายเดือนกันยายน ระหว่างที่ดําเนินการวันนี้ก็จะทํากิจกรรมปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ เป็นก้าวบันไดแต่ละขั้นต่อไป ซึ่งกิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าของครอบครัวเมืองยะลา สิ่งที่เรามุ่งมั่นตั้งใจอยากให้ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เป็นตัวอย่างของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และจะให้ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ของเยาวชน ผู้สูงอายุ กลุ่มต่างๆ ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และยังเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในเชิงนิเวศ ชุมชน เพื่อให้เกิดแลนด์มาร์คใหม่ ของเมืองเริ่มแรก เราได้สตาทจุดแรก ขับเคลื่อนแล้ว ที่บ้านพักนายอําเภอ พอได้มีโอกาสเจอเจ้าอาวาส ท่านมีแนวคิดแบบเดียวกัน อยากให้มาทําที่วัดแห่งนี้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และทางท่านเจ้าอาวาส เองก็อยากให้คณะสงฆ์ได้เห็นในการเรียนรู้อย่างนี้ จะเป็นการต่อยอดหมู่บ้านอยู่เย็น โครงการบวรของทางศาสนาด้วยในการดําเนินการจากเริ่มแรกที่บ้านพัก นอภ.ปัจจุบันกําลังขยายต่อไปก้าวที่ สองที่ 2 ที่ 3 แล้ว ได้ปูทางให้เกิดศูนย์เรียนรู้ในโรงเรียน 8 แห่งใน 8 ตําบล ผลักดันให้เกิดโครงการอาหารกลางวัน 8 โรงเรียนปลายเดือนก็จะเห็นเป็นรูปธรรม รวมทั้ง ได้ดําเนินการศูนย์เรียนรู้ใน ชคต.7 แห่ง ศูนย์การเรียนรู้จะถูกถ่ายทอดไปโดย ชคต.ชคต.จะไปทําศูนย์เรียนรู้แบบเดียวกันนี้ทั้ง 7 ชคต.เพื่อกินอยู่เองใน ชคต.เหลือแบ่งปันให้ชุมชนเป็นการเรียนรู้ขยายคําสอนของพ่อโดยกระทําให้เห็นจริง
1/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901133649114
247,016
อำเภอเมืองยะลา ผนึกกำลังวัด ชุมชน ขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสู่โรงเรียน และชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่
1 ก.ย.66 นายวิทศักดิ์ จําเริญนุสิต นายอําเภอเมืองยะลา พร้อมด้วยนายสุพัฒน์ พลทามูล ปลัดอาวุโส อ.เมืองยะลา ปลัดอําเภอ เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อําเภอเมืองยะลา ร่วมขับเคลื่อนพลังแห่งบวร ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด ร่วมใจ สู่แสงแห่งบวร ครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ภายในวัด วัดหลักห้า ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม การน้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับภายในชุมชน วัด รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยมีพระใบฎีกา อรรณพ อภิปุญโญ เลขานุการ รักษาราชการเจ้าอาวาสวัดหลักห้า และคณะสงฆ์เข้าร่วม นายวิทศักดิ์ จําเริญนุสิต นายอําเภอเมืองยะลา เปิดเผยว่า ครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ได้จัดทําโครงการ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด รวมใจ น้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาขับเคลื่อนภายในวัดหลักห้า สร้างการมีส่วมร่วมระหว่างวัดและชุมชน ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงปลา ปลูกข้าว เพื่อเป็นแหล่งอาหารในชุมชน ตามหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด รวมใจ ต้นแบบนําร่องของครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สําหรับเยาวชน ผู้สูงอายุ ประชาชนในชุมชน ที่สนใจ รวมทั้งใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชน นอกจากนี้ได้วางแนวทางต่อยอด โครงการหมู่บ้านอยู่เย็น เป็นสุข หมู่บ้านรักษาศีลห้า พร้อมทั้งขยายผลต่อไปยังโรงเรียน และชุดคุ้มครองตําบล ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของอําเภอเมืองยะลา
1/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901134620120
247,017
อำเภอเมืองยะลา ผนึกกำลังวัด ชุมชน ขับเคลื่อนพลังแห่งบวร เปิดศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงนำร่อง ขยายผลสู่โรงเรียน และชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่
วันนี้ 1 ก.ย.66 นายวิทศักดิ์ จําเริญนุสิต นายอําเภอเมืองยะลา พร้อมด้วยนายสุพัฒน์ พลทามูล ปลัดอาวุโส อ.เมืองยะลา ปลัดอําเภอ เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อําเภอเมืองยะลา ร่วมขับเคลื่อนพลังแห่งบวร ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด ร่วมใจ สู่แสงแห่งบวร ครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ภายในวัด วัดหลักห้า ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม การน้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับภายในชุมชน วัด รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยมีพระใบฎีกา อรรณพ อภิปุญโญ เลขานุการ รักษาราชการเจ้าอาวาสวัดหลักห้า และคณะสงฆ์เข้าร่วมนายวิทศักดิ์ จําเริญนุสิต นายอําเภอเมืองยะลา เปิดเผยว่า ครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ได้จัดทําโครงการ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด ร่วมใจ สู่แสงแห่งบวร ครอบครัวอําเภอเมืองยะลา น้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาขับเคลื่อนภายในวัดหลักห้า สร้างการมีส่วมร่วมระหว่างวัดและชุมชน ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงปลา ปลูกข้าว เพื่อเป็นแหล่งอาหารในชุมชน ตามหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอาสารักษาดินแดนภักดี ประชา รัฐ วัด รวมใจ ต้นแบบนําร่องของครอบครัวอําเภอเมืองยะลา ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สําหรับเยาวชน ผู้สูงอายุ ประชาชนในชุมชน ที่สนใจ รวมทั้งใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชน นอกจากนี้ได้วางแนวทางต่อยอด โครงการหมู่บ้านอยู่เย็น เป็นสุข หมู่บ้านรักษาศีลห้า พร้อมทั้งขยายผลต่อไปยังโรงเรียน และชุดคุ้มครองตําบล ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของอําเภอเมืองยะลา
1/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901134734121
247,018
พาณิชย์เพชรบุรี ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ “การไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” และ “การปิดป้ายแสดงราคา”กรณีพบผู้ร้องเรียน จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สํานักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับคณะทํางานกํากับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าฯ จังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่ ณ ตลาดนัดเบิร์ดคลองถม อําเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจผู้ประกอบการ ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ ชัดเจน ครบถ้วน โดยการแจกแผ่นพับรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และแจ้งเตือนผู้ประกอบการที่จําหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และผู้ประกอบการที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ ได้รับทราบว่าการกระทําดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย เช่น การขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น มีโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และการไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ สํานักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรีจะติดตามและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยหากมีผู้ร้องเรียน สํานักงานฯ จะดําเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
1/9/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901132526112
247,019
จังหวัดชัยนาท เปิดโครงการส่งเสริมการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย และจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการค้าขาย Farmers Market (Organic & Sustainable)
วันนี้ 1 กันยายน 2566 ที่ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด อําเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดชัยนาท เข้าร่วมพิธีฯ โดยมี นางอารี คําสวัสดิ์ ประธานกรรมการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด กล่าวให้การต้อนรับ นายไชยรัตน์ กลั่นสกุล พัฒนาการจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า โครงการส่งเสริมการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ในการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย จัดทําแผนการพัฒนาและต่อยอดสําหรับเชื่อมโยงช่องทางการตลาดอาหารปลอดภัย และบูรณาการความร่วมมือภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ในกิจกรรมที่ 2 จัดตลาดนัดอาหารปลอดภัยและจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการค้าขาย ดําเนินการระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2566 ณ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด อําเภอเมืองชัยนาท ทั้งนี้ สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดชัยนาท ร่วมกับ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท(วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด ได้ดําเนินงานโครงการส่งเสริมการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย กิจกรรมที่ 2 จัดตลาดนัดอาหารปลอดภัยและจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการค้าขาย Farmers Market (Organic & Sustainable) ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. - 17.00 น. ณ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด โดยมีสินค้าอาหารปลอดภัยมาจําหน่ายในงานจํานวน 20 บูธ อาทิ ข้าวสาร ผักออแกนิคส้มโอขาวแตงกวา สินค้าชุมชน ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าเกษตร เครื่องจักสาน สินค้าจากหมู่บ้านท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีชัยนาท (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด ยังได้ทํา MOU บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการค้าขาย ระหว่างภาคีเครือข่าย คือ สมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดชัยนาท, เครือข่าย OTOP จังหวัดชัยนาท, Biz Club จังหวัดชัยนาท และเครือข่าย Young Smart Farmer จังหวัดชัยนาท เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือของภาคีเครือข่ายประชาชนในจังหวัดชัยนาทมีแหล่งอาหารที่ปลอดภัยไว้บริโภคในครัวเรือน มีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนการดําเนินงานของบริษัท ประชารัฐฯ ในการระบายข้าวทับทิมชัยนาท เช่น โรงแรมเจ้าพระยาธารา ริเวอร์ไซด์ โรงแรมสุวรรณา การ์เด้นท์ 111 รีสอร์ท แอนด์ สปา บริษัทอีซุชัยนาท หจก.เจ้าพระยาบริการ ร้านลาบเป็ด โรงเรียนอนุบาลชัยนาท และโรงเรียนวัฒนะโชติ อีกด้วย
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901133721115
247,020
โคราช จัดงานเทศกาลกินปลาลำตะคอง – คลองไผ่ อ.สีคิ้ว 1-3 กย.นี้ กระตุ้นการท่องเที่ยว ในช่วงฤดูฝน
ที่เทศบาลตําบลคลองไผ่ อําเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา นายยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลกินปลาลําตะคอง – คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนนําปลา กุ้งมาประกอบอาหาร ไว้บริโภคในครอบครัว เพื่อให้คนต่างถิ่นรู้จักเขื่อนลําตะคอง ที่เป็นแหล่งน้ําสายเลือด ของคนจังหวัดนครราชสีมา และเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนอีกทั้งเพื่อให้ชุมชนได้นําสินค้า ผลผลิตในชุมชนมาจําหน่ายที่ตลาดนัดชุมชน โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการจําหน่ายปลาสดมากกว่า 20 แผง ซึ่งเป็นปลาที่ชาวบ้านจับมาจากแหล่งน้ําธรรมชาติ อ่างเก็บน้ําลําตะคอง การประกวดการจับปลาลีลา การแข่งขันจับปลายักษ์ การจําหน่ายสินค้าชุมชน การจําหน่ายอาหารที่ทําขึ้นจากปลาธรรมชาติ อาทิ ปลาย่างเกลือ ปลาทอด ปลานึ่ง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดการแสดงนิทรรศการ การแสดงบนเวที ตลอดจนการนั่งรถรางท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ โคราชจีโอ ชมอ่างเก็บน้ําลําตะคองด้านนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า อ่างเก็บน้ําละคองเป็นแหล่งอาศัยของปลาน้ําจืดมากมาย ได้แก่ ปลาตะโกก ปลาบึก ปลานิล ปลายี่สก ปลาตะเพียนขาว รวมทั้งกุ้งก้ามกราม ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง เดือนตุลาคม จะทําการปิดอ่างเพื่อให้ปลาวางไข่ ในฤดูฝน เพื่ออนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ําในแหล่งน้ํา เพื่อให้กุ้งปลาเจริญเติบโตพร้อมทั้งได้นําพันธุ์ปลาประเภทต่างๆ ปล่อยลงสู่ อ่างเก็บน้ําลําตะคอง โดยห้ามประชาชนนําเครื่องมือต้องห้ามลงจับปลาในอ่าง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ปลาให้วางไข่ และจะทําการเปิดอ่างเก็บน้ําลําตะคองในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาจับปลา ไปจําหน่ายหรือไว้บริโภคในครัวเรือน ซึ่งงานเทศกาลกินปลาลําตะคอง – คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ในปีนี้ ถือเป็นปีที่ 2 ของการจัดงาน ทางจังหวัดตั้งเป้าจะผลักดันให้เป็นงานเทศกาลประจําปีของอําเภอสีคิ้วเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อําเภอสีคิ้ว คาดว่าปีนี้จะทําให้เกิดเงินหมุนเวียนไม่ต่ํากว่า 5 ล้านบาท นายสยาม กล่าว
1/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901131808104
247,021
ศอ.บต. เตรียมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโบราณสถาน ศึกษาอารยธรรม ไทย-มาเลเซีย ห้วงวันที่ 11-13 ก.ย. นี้
สํานักงานเลขาธิการฟื้นฟู กลุ่มประเทศนูซันตารา หารือ เลขาธิการ ศอ.บต. เตรียมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโบราณสถาน ศึกษาอารยธรรม ไทย-มาเลเซีย ห้วงวันที่ 11-13 ก.ย. นี้ สตาร์ทจากรัฐเคดาห์ สิ้นสุด พิพิธภัณฑ์อัลกุรอ่าน นราธิวาส วันนี้ (1 กันยายน 2566) ผู้แทนสํานักงานเลขาธิการการฟื้นฟู กลุ่มประเทศนูซันตารา นําโดยศาสตราจารย์ ดาโต๊ะ ดร. มุคตาร์ ไซดิน ผู้อํานวยการศูนย์โบราณคดี ปีนัง มาเลเซีย อดีตผู้อํานวยการศูนย์วิจัยโบราณคดีสากล มหาวิทยาลัยไซน์ มาเลเซีย และคณะฯ เข้าพบ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อหารือ แสวงหาความร่วมมือกับ ศอ.บต. ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษา อัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรม และโบราณสถานในชุมชน นําไปสู่การฟื้นฟูอารยธรรมนูซันตารา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน พร้อมหารือบูรณาการความร่วมมือกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย กับแหลมมลายูในภูมิภาคนูซันตารา อันประกอบไปด้วย ประเทศไทย (5 จังหวัดชายแดนภาคใต้) มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม และสิงคโปร์ เพื่อยกระดับการพัฒนาความร่วมมือสู่ระดับสากล พร้อมนําไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ณ ห้องประชุมปฏิบัติการด้านการพัฒนา อาคาร ศอ.บต.โดยผู้แทนสํานักงานเลขาธิการการฟื้นฟู กลุ่มประเทศนูซันตารา ( Sekretariat Kebangkitan Nusatara Sejahtera: SKNS) เผยว่า ทางกลุ่มฯ จะมีการจัดกิจกรรมนําเยาวชนเข้าศึกษาเส้นทางอารยธรรมโบราณที่เชื่อมต่อกันระหว่างประเทศมาเลเซีย และประเทศไทย โดยบูรณาการความร่วมมือกับ ศอ.บต. เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยกับรัฐเคด้าห์ ประเทศมาเลเซีย โดยทาง SKNS กําหนดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในกิจกรรมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวตามร่องรอยโบราณคดี (Archeology Trails) เริ่มต้นจากรัฐเคด้าห์ - Jerai Geopark ประเทศมาเลเซีย ผ่านเข้า อุทยานธรณีโลก จ.สตูล เข้าสู่เมืองเก่าสงขลา และตรงไปยังเมืองเก่ายะรัง (ลังกาสุกะ) จ.ปัตตานี สิ้นสุดที่ พิพิธภัณฑ์อัลกุรอ่าน จ.นราธิวาส โดยมีโควต้าพิเศษสําหรับเยาวชน จชต. ที่สนใจศึกษาโบราณคดี จํานวน 5 ที่นั่ง ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว มีกําหนดจัดขึ้นในห้วงวันที่ 11-13 กันยายน นี้ด้านเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เห็นด้วยในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ผ่านการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีอารยธรรมโบราณเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยทั้ง 2 ประเทศมีความคล้ายคลึงกันทั้งภาษา อัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรม มีความเชื่อมโยงกันในหลายเรื่อง โดยมีเพียงด่านตรวจคนเข้าเมือง ชายแดนไทย-มาเลเซีย เท่านั้น ที่กั้นระหว่าง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ศึกษาอารยธรรม ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสําคัญของทั้งประเทศไทยและมาเลเซียสําหรับ สํานักงานเลขาธิการการฟื้นฟูกลุ่มประเทศนูซันตารา (Sekretariat Kebangkitan Nusatara Sejahtera: SKNS) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ส่งเสริมคุณค่าสากลแก่มวลมนุษยชาติ โดยไม่คํานึงถึงภูมิหลังทางศาสนา ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ สีผิว และภาษา มีวัตถุประสงค์หลักในการมุ่งสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายอย่างบริสุทธิ์และสวยงาม ไม่เป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองและไม่มุ่งเน้นผลกําไร
1/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901165337223
247,022
ผอ.ททท.ตรัง เผยการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง เน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบอาหารวิถีตรัง และชื่นชอบศิลปวัฒนธรรม คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเดินทางมาท่องเที่ยวตรังเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี
นางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานตรัง เปิดเผยว่า ในส่วนการท่องเที่ยวของจังหวัดตรังนั้น เน้นกลุ่มเป้าหมาย นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบอาหารวิถีตรัง และชื่นชอบศิลปวัฒนธรรม โดยที่จังหวัดตรังเป็นเมืองเก่าที่เคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกส จึงมีสถาปัตยกรรมแบบชิโน - โปรตุกีส ที่ผสมผสานศิลปะปูนปั้นแบบจีน รวมถึงมีการตกแต่งภายในแบบจีนให้เยี่ยมชมหลายแห่ง อีกทั้ง เป็นเมืองแห่งอาหาร รสชาติอาหารเป็นที่ถูกปากของนักท่องเที่ยว และอาหารมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วย นอกจากนั้น คนตรังยังชอบทําอาหาร จนได้รับการขนานนามว่า "ตรัง เมืองคนช่างกิน" โดยอาหารขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยว ที่มาแล้วไม่พลาดชิมกัน ได้แก่ หมูย่างตรัง เคาหยกหรือ เกาหยก หมี่หน่ําเหลี่ยว บักกุ๊ดเต๋ ขนมเค้ก ขนมเปี๊ยะ โรตี ขนมเต้าซ้อ และติ่มซํา ซึ่งทุกท่านจะพบได้ภายในงานนี้ โดยคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดตรังเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี
1/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901165843228
247,023
ภาครัฐ – เอกชน จ.ลำปาง พัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด
วันที่ 1 กันยายน 2566 นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นําคลื่นลูกใหม่ (YOUNG PUBLICAND PRIVATE COLLABORATION: YPC) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด และบรรยายพิเศษ "ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัด และความร่วมมือภาครัฐและเอกชน" ณ โรงแรมทรีธารา อ.เมืองลําปางซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างจังหวัดลําปาง หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดลําปาง หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นการพัฒนาขีดความสามารถ ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ในการสร้างผู้นํารุ่นใหม่ที่มาจากภาครัฐและภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนและตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนพัฒนาข้อเสนอโครงการที่มีประสิทธิภาพ ตรงความต้องการของภาคธุรกิจและสังคมอย่างแท้จริง อันนําไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อรองรับ การพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงโครงการนี้ มีระยะเวลาฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 ณ โรงแรมทรีธารา อ.เมืองลําปาง โดยมีบุคลากรจากภาครัฐ เอกชนและภาคีเครือข่ายต่างๆ เข้าร่วมการอบรมฯ จํานวน 40 คน และมีวิทยากรพิเศษมาบรรยายให้ความรู้/แนวทางเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดที่สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและสังคม อันนําไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต เพื่อรองรับการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกิจกรรม Workshop กระบวนการออกแบบความคิดสู่การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ "Design Thinking", Workshop เพื่อออกแบบโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดลําปาง Networking สร้างเครือข่ายคลื่นลูกใหม่ภาครัฐและเอกชน
1/9/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901170456233
247,024
นายอำเภอศรีวิไล จ.บึงกาฬ เปิด “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ ศาสตร์พระราชาสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ตำบลนาแสง ตั้งเป้าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเมือง สร้างคน สร้างรายได้ จ.บึงกาฬ
ที่บริเวณสวนของนายบรรลุ อุปเสน ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้งโพรงป่า ต.นาแสง อําเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ นายวรวุฒิ จันทร์สว่าง นายอําเภอศรีวิไล เป็นประธานในพิธีเปิด “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ ศาสตร์พระราชาสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามบริบทชุมชนท้องถิ่น ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ ตามแนวพระราชดําริ (ปิดทองหลังพระ) ได้รับการสนับสนุนจากสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ นําโดยนายปราโมทย์ อรกิจ ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ โดยพิธีเปิดพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากหัวหน้าส่วนราชการทั้งระดับจังหวัดและอําเภอ, นายกองค์การบริหารส่วนตําบลนาแสง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังจากพิธีเปิดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว นายสายชล เหล่าภักดี ผู้อํานวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ พร้อมกลุ่มฅนผึ้งป่าสู่วนเกษตร จึงได้นําทุกคนเดินชม “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ ศาสตร์พระราชาสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แห่งนี้โดยภายใน “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบฯ” แห่งนี้ เดิมเป็นพื้นที่สวนยางพารา ต่อมาภายหลังจากได้รับการสนับสนุนจากสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีกิจกรรมทางการเกษตรอื่น ๆ เพิ่มขึ้นนอกจากปลูกยางพารา ได้แก่ การสร้างและติดตั้งกล่องผึ้งเพื่อให้ผึ้งโพรงป่าเข้ามาอยู่ จากนั้นเมื่อมีน้ําผึ้งพอสมควรแล้วก็จะทําการเก็บค่าเช่าบ้านจากผึ้ง นั่นก็คือการเก็บน้ําผึ้งมาส่วนหนึ่ง ปัจจุบันทางกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้งโพรงป่า ต.นาแสง มีผลิตภัณฑ์ที่นําออกจําหน่ายสู่ตลาด เช่น กล่องผึ้ง น้ําผึ้งโพรงป่าธรรมชาติแท้ 100 % และสบู่น้ําผึ้งสมุนไพร นากจากนี้ภายในสวนยางพารา ยังมีการปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นแซมในสวนยาง เช่น ต้นยางนา โดยเป็นการปลูกต้นยางพาราร่วมกับไม้เศรษฐกิจ ซึ่งมีทั้งประโยชน์ด้านการให้ร่มเงา การใช้สอย และการจําหน่าย รวมถึงสามารถเป็นมรดกส่งมอบให้กับลูกหลานในอนาคต นอกจากนี้ การสร้างป่าในสวนยางพารา ยังช่วยให้ดินมีคุณภาพดีขึ้น และมีความชุ่มชื้นมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อต้นยาง และพืชอื่น ๆ ซึ่งหากพื้นที่ยิ่งมีความอุดมสมบูรณ์ ก็ย่อมส่งผลดีต่อพืชและพันธุ์ไม้ในบริเวณนั้น และย่อมส่งผลดีให้ผึ้งที่เข้ามาอยู่ในกล่อง สามารถหาน้ําหวาน ไปผลิตน้ําผึ้งได้ง่ายขึ้น และเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรที่เป็นเจ้าของสวน ด้วยสําหรับผู้ที่ประสงค์จะขอคําปรึกษา หรือศึกษาเรียนรู้ “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ ศาสตร์พระราชาสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แห่งนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ นายบรรลุ อุปเสน ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้งโพรงป่า ต.นาแสง อําเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ โทร. 064 552 3498
1/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บึงกาฬ
สวท.บึงกาฬ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902034026304
247,025
จังหวัดลำพูน จัดงานนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่าย หัวข้อ “มหัศจรรย์ลำพูน ปี 2 by อบจ.ลำพูน Amazing Seasons Change Photo Contest” ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัดลำพูน ให้เป็นที่รู้จัก อย่างต่อเนื่อง
วันที่ 1 กันยายน 2566 เวลา 16.30 น. ที่ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้าแจ่มฟ้าช้อปปิ้ง มอลล์ จังหวัดลําพูน นายวิทยา สะคําปัน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําพูน เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายจากการประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “มหัศจรรย์ลําพูน ปี 2 by อบจ.ลําพูน Amazing Seasons Change Photo Contest” และมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ชนะการประกวดภาพถ่าย แต่ละประเภทโดยมี นางสาววราศิณี สุนทร รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําพูน กล่าวรายงาน มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพ และประชาชนทั่วไป ร่วมงานเป็นจํานวนมากสําหรับประกวดภาพถ่ายฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้ท่องเที่ยวเกิดความสนใจในการที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดลําพูน สลับหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปีในแต่ละช่วงฤดูกาล อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัด อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่ 8 อําเภอ ของจังหวัดลําพูนเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสามารถนําผลงานภาพถ่ายไปใช้สําหรับการจัดทําสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายผ่านช่องทางสื่อต่างๆ อาทิ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อมัลติมีเดีย รวมถึงการจัดการแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการเสวนาในหัวข้อ “Amazing Seasons Change Photo Contest”@ Lamphun ในการบอกถึงที่มาของการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ และนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายจากการประกวดภาพถ่าย เพื่อให้ผู้ที่สนใจ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้เห็นความหลากหลาย และความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนภายจังหวัดลําพูน จัดแสดงให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ ชมในระหว่างวันที่ 1 - 5 กันยายน 2566 ณ ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้าแจ่มฟ้าช้อปปิ้ง มอลล์ อีกด้วย.
1/9/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902034649306
247,026
รองผู้ว่าฯ นครพนม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมเพื่อรับคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก
วานนี้ 1 กันยายน 2566 ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโคเนื้อ ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมเพื่อรับคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก เพื่อจัดทําข้อเสนอแนะนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยศึกษาและติดตามโครงการที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อนําไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยกําหนดลงพื้นที่ในวันอังคารที่ 5 กันยายน 2566 เพื่อติดตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นต้นแบบการดําเนินงานที่ดีและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการผลิตโคเนื้อปลอดภัยและได้มาตรฐาน GAP กิจกรรมต้นทาง (UPSTREAM) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ โครงการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902064924310
247,027
จ.นครพนม จับมือ ม.นครพนม จัดเวทีการเสวนา "ทิศทางความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงต่างประเทศ 6 จังหวัด 3 ประเทศ ตามเส้นทาง R8 และ R12
วานนี้ 1 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุมโพนสวรรค์ โรงแรมพัก พิง อิง โขง ตําบลอาจสามารถ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการบริการและสินค้าทางการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม กิจกรรมหลักพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม กิจกรรมย่อยการบริหารจัดการและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงต่างประเทศ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดนครพนม กับคณะวิทยาการจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยนครพนม มีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เครือข่าย สมาคมการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นําชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนม มากกว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่จะเชื่อมโยงหนุนเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ที่จะเกิดจากเส้นทาง R8 และ R12 ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งจากไทยสู่เวียดนาม จากไทยสู่และจีนที่สั้นที่สุด และถือเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อภาคอีสานของไทยกับนานาประเทศเพื่อนบ้าน R8 เป็นเส้นทางที่เชื่อม 4 ประเทศไว้ด้วยกันเริ่มต้นจากจังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย ผ่านด่านบึงกาฬ เข้าสู่ สปป. ลาว ตัดผ่านประเทศเวียดนาม ไปจนถึงประเทศจีน ลักษณะเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นการตัดผ่านภูเขา ระยะทางรวมกว่า 879 กิโลเมตร โดยสินค้าที่ขนส่งผ่านเส้นทางนี้ มีความหลากหลายค่อนข้างสูง อาทิ ผลิตภัณฑ์ด้านเคมีภัณฑ์, ด้านเภสัชภัณฑ์, รถยนต์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบ ไปจนถึงสินค้าอุปโภค-บริโภค ผ้าผืนและด้าย, ผลไม้สด และสินค้าการเกษตรต่างๆ ส่วน R12 เริ่มต้นจากด่านนครพนม ประเทศไทย ผ่าน สปป. ลาว ผ่านประเทศเวียดนาม และเข้าสู่ด่านในประเทศจีน ถึง 2 ด่าน 2 เส้นทาง ระยะทางรวมกว่า 1,499 กิโลเมตร สินค้าที่นิยมขนส่งผ่านเส้นทางนี้ ได้แก่ โคเนื้อ โคนม และผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าการเกษตร และปิโตเลียม โดยทั้ง 2 ถนนสายนี้มีความสําคัญในหลากหลายมิติ เนื่องจากมีจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางสําคัญอื่นๆ อีกหลายเส้นทาง เช่น ทางหลวง AH1 ซึ่งเป็นทางหลักมุ่งหน้าไปยังกรุงฮานอย และเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ของเวียดนามตอนกลาง เช่น เขตเศรษฐกิจวุงอ่าง และยังเชื่อมต่อกับ Ho Chi Minh Highway ซึ่งเป็นเส้นทางหลักมุ่งสู่ทั้งเวียดนามเหนือและใต้ ดังนั้นจึงถือเป็นอีกจุดยุทธศาสตร์สําคัญในการกระจายสินค้าที่มีความหลากหลาย และเชื่อมต่อทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับจังหวัดในแถบแนวชายแดนภาคอีสานของไทย เส้นทางสายนี้มีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทําให้นักท่องเที่ยวจากลาว และเวียดนาม สามารถเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น และถือเป็นเส้นทางเชื่อมไปยังเวียดนามใกล้ที่สุดอีกด้วย“พวกเราในฐานะผู้นําชุมชน องค์กรเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวจะต้องเตรียมความพร้อมไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก อาหาร บุคลากรที่เกี่ยวกับงานบริการท่องเที่ยว มาตรฐานต่างๆ การบริการ ความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง และสิ่งอํานวยความสะดวก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยว จับจ่ายใช้สอย เกิดรายได้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่พี่น้องชาวจังหวัดนครพนม” รองผู้ว่าฯ กล่าวตอนท้าย
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902065340311
247,028
พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี เตรียมเก็บข้อมูล "สับปะรดฉีกตาเพชรบุรี" ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี มอบหมายเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้าและการตลาดและกลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สํานักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วยผู้แทนสํานักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ผู้แทนเกษตรอําเภอหนองหญ้าปล้องลงพื้นที่เก็บข้อมูล "สับปะรดฉีกตาเพชรบุรี" ณ ตําบลยางน้ํากลัดเหนือ อําเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อศึกษาข้อมูลลักษณะทางกายภาพ คุณภาพ วิธีการปลูกและการควบคุมคุณภาพ เพื่อประกอบการยื่นแก้ไขคําขอขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้า "สับปะรดฉีกตาเพชรบุรี"
2/9/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902065516312
247,029
จังหวัดลพบุรี จัดงาน "The Best of Lopburi " โชว์สินค้าดี โชว์ของเด่น อาหารปลอดภัย เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่ วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร
วานนี้ 1 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สาขาศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี นางเพชรรัตน์ เลิศรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "The Best of Lopburi " สินค้าดีจังหวัดลพบุรี โดยมี นางไพเราะ สาลีผล หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน พร้อมด้วย นางสาวกาญจนา เวฬุวณารักษ์ หัวหน้ากลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า นางสาวชลิตา ชัยเครือ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้าและการตลาด เจ้าหน้าที่สํานักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี ตลอดจนประชาชนที่นใจเข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ สําหรับ งาน "The Best of Lopburi " สินค้าดีจังหวัดลพบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยของจังหวัดลพบุรี ให้เป็นที่ รู้จักแพร่หลาย และเป็นการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้า วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร โดยการจัดงานครั้งนี้ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 1 - 5 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 -20.00 น. โดยภายในงานมีการจําหน่ายสินค้าอาหารปลอดภัย สินค้าเด่นของจังหวัดลพบุรี สินค้าวิสาหกิจชุมชน สินค้า OTOP จํานวน 30 ราย เช่น สินค้าประเภทผัก ผลไม้ ข้าวสาร อาหาร สมุนไพร ผลิตภัณฑ์แปรรูป สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และของใช้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ตลอดทั้ง 5 วัน อาทิ กิจกรรมนาทีทอง กิจกรรมการแสดงดนตรี กิจกรรมการปรุงอาหารจากเชฟที่มีชื่อเสียง โดยใช้วัตถุดิบของดีของเด่นจากจังหวัดลพบุรี
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902093908323
247,030
การจัดงาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” สร้างโอกาสการจำหน่ายสินค้าผ้าไหมไทย
ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา(2 ก.ย.66) ที่งาน "ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตํานานไหมไทย" ครั้งที่ 18 ประจําปี 2566 จัดขึ้นโดย กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2566 ขณะที่บริเวณโดยรอบมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทยอยเดินทางเข้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี กันอย่างต่อเนื่อง ทําให้การจราจรบริเวณขาเข้าติดขัดเล็กน้อย ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดแสดงเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทาน การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน การจัดแสดงผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานและผลิตภัณฑ์หม่อนไหม และมีการออกร้านจําหน่ายผ้าไหม ผลิตภัณฑ์ไหมไทยและสินค้าหม่อนไหมกว่า 200 ร้านค้านางณัฐจิรา ซินโซ ประธานกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองน้ําใส จังหวัดเลย หนึ่งในผู้ประกอบการร่วมออกบูธจัดแสดง เปิดเผยว่า ถือเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทย คุณภาพผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหม รวมถึงผลงานของกรมหม่อนไหม เพื่อเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าผ้าไหมไทยของเกษตรกร สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน "ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตํานานไหมไทย" ครั้งที่ 18 ประจําปี 2566 จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้(2 ก.ย.66) จนถึงวันพรุ่งนี้(3 ก.ย.66) เวลา 10.00 น. - 20.00 น. ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902111446339
247,031
จ.อุบลฯ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนวัตวิถี ตามโครงการส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า
ที่ แปลงนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านโชคเมือง หมู่ 22 ตําบลขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี มีการจัดกิจกรรม“ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนวัตวิถี” ตามโครงการส่งเสริมการดําเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 “โชคเมืองโมเดล พัฒนา พึ่งพา พอเพียง”นายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการดําเนินชีวิต และพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชน เป็นกระบวนการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ ส่งเสริมให้ประชาชนสร้างกลุ่มอาชีพที่มีความหลากหลาย เพื่อนําสินค้ามาจําหน่ายหรือแลกเปลี่ยนกัน ทําให้เกิดทุนหมุนเวียนในชุมชน มีการพึ่งพาอาศัยกันและกัน มีความสามัคคีในชุมชน การดําเนินงานครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาในระดับเศรษฐกิจรากหญ้า ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ และสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้หรือศูนย์เรียนรู้ได้
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.อุบลราชธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902104854330
247,032
ขอเชิญเที่ยวงานงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งท้องทะเลใต้ “แพรพรรณ & อัญมณี ภาคใต้” PEARL SOUTHERN JEWELRY FAIR 2023ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 5 วัน กว่า 50 คูหา แล้วพบกัน ที่ Floresta Mini Convention Hall ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า
กระทรวงพาณิชย์ จัดงานแสดงและจําหน่ายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งท้องทะเลใต้ “แพรพรรณ & อัญมณี ภาคใต้” PEARL SOUTHERN JEWELRY FAIR 2023 ที่ยกทัพแพรพรรณ และ อัญมณี ภาคใต้” มาไว้ที่ภูเก็ต พบกับการแสดงและจําหน่ายสินค้า สินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น เครื่องประดับ จิวเวลรี่ ผลิตภัณฑ์ผ้า ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 5 วัน กว่า 50 คูหา แล้วพบกัน ที่ Floresta Mini Convention Hall ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า 30 สิงหาคม – 3 กันยายน นี้ ตั้งแต่ เวลา 10.30 - 21.00 น. ภายในงานยังมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะดนตรี หรือแฟชั่นโชว์ และที่ต้องรีบมาคือกิจกรรม “นาทีทอง” มีแค่ 2 วันสุดท้ายเท่านั้น
2/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902111830343
247,033
จังหวัดสุรินทร์ เปิดตัว ตลาด Online : surinbest.com (ตลาดของดีเมืองสุรินทร์) ยิ่งใหญ่ หนึ่งเดียวในประเทศไทย
ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ (สวนใหม่) อําเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เปิดตัวตลาด Online : surinbest.com (ตลาดของดีเมืองสุรินทร์) โดยมี นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน พร้อมแถลงข่าวร่วมกับพาณิชย์จังหวัด พัฒนาการจังหวัด และประธาน OTOP จังหวัดสุรินทร์นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เพราะเห็นว่าผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ของดีจังหวัดสุรินทร์ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องขับเคลื่อน "การตลาดนําการผลิต" ภายใต้ตลาด Online surinbest.com (ตลาดของดีเมืองสุรินทร์) ให้เป็นตลาดกลางสินค้าสุดยอดของดีเมืองสุรินทร์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ยกระดับกลุ่มผู้ผลิตฯ ด้านการผลิต ด้านการตลาดให้ ก้าวสู่ตลาดิจิทัลอย่างยั่งยืนต่อไปด้านนางพิรุณวรรณน์ จงใจภักดิ์ พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดสุรินทร์ ดําเนินการ ตลาด Online surinbest.com เป็นจังหวัดแรกในประเทศไทย โดยสานพลังการมีส่วนร่วมหลายฝ่าย ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตร/สินค้าชุมชน/สินค้า OTOP ในจังหวัด ส่วนราชการ ภาคเอกชน สนับสนุน จํานวน 29 หน่วยงาน ในพื้นที่ ร่วมกันพัฒนา นอกจากนี้ ยังมีระบบ Business Intelligence เพื่อผู้บริหารระดับจังหวัด สามารถนําไปเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ วิเคราะห์ผล เพื่อนําข้อมูลไปพัฒนาตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบัน มีผู้ประกอบการทั้ง 17 อําเภอ จํานวนมากกว่า 543 ร้านค้า สินค้า จํานวนมากกว่า 1,129 รายการ สร้างมูลค่าการจําหน่ายได้มากกว่า 2,135.875.50 บาท โดยคาดหวังว่า ตลาด Online Surinbest.com (ตลาดของดีเมืองสุรินทร์) จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค และสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าขนาดเล็ก สินค้าเด่นประจําจังหวัด อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902130926365
247,034
One Day Trip ย่ำเท้า เล่าเรื่อง ถิ่นเก่า เจริญกรุง ชูอัตลักษณ์ย่านชุมชน
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ย่านสร้างสรรค์ “One Day Trip” (ย่ําเท้า เล่าเรื่อง ถิ่นเก่า เจริญกรุง) ณ โรงเรียนรักษาราชวิตร ซอยเจริญกรุง 103 เขตบางคอแหลม ว่า คลองเจริญกรุง 103 เป็นชุมชนที่มีตลาด มีความเป็นมามาอย่างยาวนาน ทุกต้นเดือนก็จะมีตลาดที่นี่ การสร้างย่านสร้างสรรค์ที่เป็นหนึ่งในนโยบายด้านเศรษฐกิจดีของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงมีแนวทางในการดึงทุนเดิมที่มีอยู่ ของชุมชนมานําเสนอ เพื่อนํามาต่อยอดสร้างสรรค์และสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยทุนจากภายในครอบคลุมทั้งทุนทางกายภาพ ทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและความชํานาญเฉพาะด้าน ถือเป็นอัตลักษณ์สําคัญในการสะท้อนความเป็นตัวตนของชุมชนและท้องถิ่น เป็นตัวเชื่อมให้เกิดการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันของคนในชุมชน และบทบาทของกรุงเทพมหานครคือ การดูแลเสริมในเรื่องของการทําให้ย่านดีขึ้น เชื่อมโยงการเดินทาง การประสานงานกับเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อผลักดันให้เกิดเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของพื้นที่อย่างโดดเด่น โดยย่านนี้ได้รับการสนับสนุน จากสถานทูตเบลเยียมซึ่งมีรถรางที่พร้อมจะนํามาร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายต้นทุนที่กรุงเทพมหานครจะนํามาต่อยอด แต่ทุนที่สําคัญสุดคือ ทุนมนุษย์ โดยเฉพาะเด็กที่จะเติบโตและต่อยอดความเจริญขึ้นมา ซึ่งการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคีต่างๆ เป็นปัจจัยสําคัญต่อความสําเร็จในการพัฒนาสังคมและชุมชนที่ยั่งยืนโดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาชน กําหนดจัดกิจกรรมย่านสร้างสรรค์ “One Day Trip” (ย่ําเท้า เล่าเรื่อง ถิ่นเก่า เจริญกรุง) โดยไฮไลท์ภายในย่านสร้างสรรค์เขตบางคอแหลมคือ การจําหน่ายอาหารฮาราลต้นตํารับในตลาดริมคลองชุมชนสวนหลวง 1 ซึ่งเป็นย่านชุมชนของชาวมุสลิมแต่ครั้งสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปัจจุบันย่านนี้กลายเป็นย่านพหุวัฒนธรรม 3 ความเชื่อ พุทธ คริสต์ อิสลาม เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจทิศทางการส่งเสริมย่านสร้างสรรค์ให้เป็นที่จดจําและสร้างเครือข่ายย่านสร้างสรรค์ให้ยั่งยืน สามารถสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง ในระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน และทุก เสาร์ - อาทิตย์ ต้นเดือน เวลา 08.00 น.-16.00 น. ณ ย่านตลาดริมคลองเจริญกรุง 103
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902201053416
247,035
“ปิ้งย่างกลางกรุง” เชื่อมโยงผลผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลจากเกษตรกรผู้เลี้ยง
ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ร่วมกับกรมปศุสัตว์และกรมประมง จัดงาน “ปิ้งย่างกลางกรุง by DIT” ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 1-7 กันยายน 2566 เพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรกรในด้านการตลาด โดยเชื่อมโยงผลผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเล ได้แก่ เนื้อวัว หมู กุ้ง และปลากระพง ไปยังผู้บริโภค ทําให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจําหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม และนอกจากด้านการตลาดแล้ว กรมฯ ยังได้กํากับดูแลตั้งแต่ปัจจัยการผลิต โดยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดให้มีปริมาณที่เพียงพอ มีราคาที่เป็นธรรม ตลอดจนได้มีการเชื่อมโยงปัจจัยการผลิตสําคัญคือ อาหารสัตว์ จากโรงงานไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงในราคาหน้าโรงงาน ซึ่งถูกกว่าราคาจําหน่ายปลีกทั่วไป เช่น กรณีสถานการณ์กุ้ง กรมฯ เข้าไปแนะนําให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสั่งซื้ออาหารกุ้งจากโรงงานโดยตรงและดึงโรงงานให้มาจําหน่ายอาหารกุ้งแก่เกษตรกรผู้เลี้ยง ผลตอบรับที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจ โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการซื้อขายอาหารกุ้งจากโรงงานตรงไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยง รวมประมาณ 30,000 ตัน หรือประมาณ 35% ของปริมาณการใช้ ช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงรวมไม่น้อยกว่า 24 ล้านบาทนอกจากนี้ กรมฯ ยังได้พูดคุย กับสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ําไทย ขอให้ลดราคาจําหน่ายเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยง ซึ่งสมาคมฯ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการจําหน่ายเคมีภัณฑ์ในการเลี้ยงกุ้งโดยให้ส่วนลดทางการค้าแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงประมาณ 280 ตัน ซึ่งช่วยลดต้นทุนปัจจัยการผลิตลงไปได้อีกส่วนหนึ่ง
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902200720413
247,036
ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ แต่งชุดนักรบโบราณประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ “ค่ายมวยครูเที่ยง” ค่ายฝึกมวยของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกคู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างกระแส Soft Power ของจังหวัดอุตรดิตถ์
ที่วัดบ้านแก่งใต้ ตําบลบ้านแก่ง อําเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย นางวันทนา พ่วงบางโพ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ นายอําเภอตรอน และประชาชนชาวตําบลบ้านแก่ง อําเภอตรอน ร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยแต่งชุดนักรบโบราณในสมัยกรุงศรีอยุทธยา ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ "ค่ายมวยครูเที่ยง" ค่ายฝึกมวยของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกคู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อสร้างกระแส Soft Power ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ในโอกาสที่กลุ่มถ่ายภาพอาสาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว Thailandphotography Club กว่า 30 คน เดินทางสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวพร้อมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพตามแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2566 โดยมุ่งความสนใจไปในแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเชื่อมโยงกับศิลปะการต่อสู้มวยไทยของจังหวัดอุตรดิตถ์ ถือเป็นการสร้างกระแสการท่องเที่ยวผ่านมุมมองภาพถ่ายที่สื่อความหมายออกไปอย่างมีคุณค่า เกิดการรับรู้ในวงกว้าง นับเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของประเทศไทยที่สามารถสร้างกระแส Soft Power เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ได้อีกทาง
2/9/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902174658389
247,037
จัดใหญ่ แข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย เชื่อมสัมพันธ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
วันที่ 2 ก.ย.66 เวลา 15.00 น.บริเวณหน้าตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส ตําบลละหาร อําเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย ประจําปี 2566 ภายใต้โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ โดยมีนายสังคม เกิดก่อ ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาส โดยสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับชมรม Off Road ดําเนินการจัดการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพิ่มจํานวนนักท่องเที่ยว รายได้จากการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ ด้านการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 ณ บริเวณหน้าตลาดกลาง การเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส แห่งนี้ โดยมีทีม Off Road จาก 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจากประเทศมาเลเซีย โดยจัดการแข่งขัน จํานวน 5 รุ่น ประกอบด้วย 1.รุ่นฮาร์ดคอร์ 2.รุ่นคาริเบียน3.รุ่นไลท์คอร์ (ไม่วินซ์) 4.รุ่นสแตนดาร์ด (ปีกนก) และ 5.รุ่นแต่งสวยด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายของรัฐบาลในการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ของท้องถิ่นต่างๆ โดยเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งดูแลระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติให้คงสภาพเดิมมากที่สุด และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม และเป็นการสร้าง ความสามัคคีกลมเกลียวนอกจากนี้ ผมยังเชื่อมั่นว่าการแข่งขัน Off Road ไทย - มาเลเซีย จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด นราธิวาส และจังหวัดชายแดนใต้ให้ปรากฏแก่สายตาของบุคคลภายนอกอีกทางหนึ่งด้วยซึ่งนอกจากการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย ประจําปี 2566 ยังมีกิจกรรมบุฟเฟต์ผลไม้ รอบ VIP มีทุเรียนสายน้ําแร่ทองคํานราธิวาส ทุเรียนหมอนทองคุณภาพของนราธิวาส รวมถึงทุเรียนทุกสายพันธุ์ ลองกอง เงาะ มังคุด และผลไม้ฤดูกาล ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมนายกองค์การส่วนจังหวัดนราธิวาส และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมรับประทานบุฟเฟต์ผลไม้ ในครั้งนี้ด้วยสําหรับบุฟเฟต์ผลไม้ ตั้งแต่วันที่ 1 -3 กันยายน 2566 ณ ตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส ในรอบบุฟเฟ่ต์วันอาทิตย์ที่ 3 มีด้วยกัน 3 รอบ รอบที่ 1 เวลา 11.00 - 12.00 น. รอบที่ 2 เวลา 13.00 - 14.00 น. รอบที่ 3 เวลา 15.00 - 16.00 น. ผู้สนใจสามารถมาร่วมกิจกรรมฯกันได้
2/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902185536399
247,038
จัดใหญ่ แข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย เชื่อมสัมพันธ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
วันที่ 2 ก.ย. 66 เวลา 15.00 น.บริเวณหน้าตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส ตําบลละหาร อําเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย ประจําปี 2566 ภายใต้โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ โดยมีนายสังคม เกิดก่อ ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาสโดยสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับชมรม Off Road ดําเนินการจัดการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพิ่มจํานวนนักท่องเที่ยว รายได้จากการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ ด้านการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 ณ บริเวณหน้าตลาดกลาง การเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส แห่งนี้ โดยมีทีม Off Road จาก 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจากประเทศมาเลเซีย โดยจัดการแข่งขัน จํานวน 5 รุ่น ประกอบด้วย 1.รุ่นฮาร์ดคอร์ 2.รุ่นคาริเบียน 3.รุ่นไลท์คอร์ (ไม่วินซ์) 4.รุ่นสแตนดาร์ด (ปีกนก) และ 5.รุ่นแต่งสวยด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายของรัฐบาลในการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ของท้องถิ่นต่างๆ โดยเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งดูแลระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติให้คงสภาพเดิมมากที่สุด และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม และเป็นการสร้าง ความสามัคคีกลมเกลียวนอกจากนี้ ผมยังเชื่อมั่นว่าการแข่งขัน Off Road ไทย - มาเลเซีย จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด นราธิวาส และจังหวัดชายแดนใต้ให้ปรากฏแก่สายตาของบุคคลภายนอกอีกทางหนึ่งด้วยซึ่งนอกจากการแข่งขัน Off Road ไทย-มาเลเซีย ประจําปี 2566 ยังมีกิจกรรมบุฟเฟต์ผลไม้ รอบ VIP มีทุเรียนสายน้ําแร่ทองคํานราธิวาส ทุเรียนหมอนทองคุณภาพของนราธิวาส รวมถึงทุเรียนทุกสายพันธุ์ ลองกอง เงาะ มังคุด และผลไม้ฤดูกาล ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมนายกองค์การส่วนจังหวัดนราธิวาส และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมรับประทานบุฟเฟต์ผลไม้ ในครั้งนี้ด้วยสําหรับบุฟเฟต์ผลไม้ มีมาตั้งแต่วันที่ 1 -3 กันยายน 2566 ณ ตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดนราธิวาส ในรอบบุฟเฟ่ต์วันอาทิตย์ที่ 3 มีด้วยกัน 3 รอบ รอบที่ 1 เวลา 11.00 - 12.00 น.รอบที่ 2 เวลา 13.00 - 14.00 น.รอบที่ 3 เวลา 15.00 - 16.00 น. ผู้สนใจสามารถมาร่วมกิจกรรมฯกันได้
2/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902190045400
247,039
ศรีสะเกษเปิดตลาดสีเขียวโขงชีมูล @ถนนคนเดินศรีสะเกษ
จังหวัดศรีสะเกษเปิดตลาดสีเขียวโขงชีมูล @ ถนนคนเดินศรีสะเกษ (Organic Green Market @ Sisaket Walking Street) โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าปลอดภัยและสินค้าอินทรีย์วันนี้ (2 ก.ย. 66) ที่บริเวณเวทีกลาง ถนนคนเดินศรีสะเกษ Walking Street – มารีหนองแคน อําเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดตลาดสีเขียวโขงชีมูล @ ถนนคนเดินศรีสะเกษ (Organic Green Market @ Sisaket Walking Street) โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าปลอดภัยและสินค้าอินทรีย์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี นายนคร บุตรดีวงศ์ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานนายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) หลากหลายชนิด และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย และสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สําคัญของภาค และของประเทศ อาทิ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ หอมแดงศรีสะเกษ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีต่อผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ของจังหวัดศรีสะเกษ และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ในการขยายช่องทางการตลาด และประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นําไปสู่การเพิ่ม ศักยภาพทางด้านการแข่งขันพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปนายนคร บุตรดีวงศ์ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 เป็นแหล่งผลิต สินค้าเกษตรปลอดภัยและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สําคัญของภาค และของ ประเทศ เช่น ข้าวหอมมะลิ ผัก ผลไม้ สมุนไพร ฯลฯ เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ใน การบริโภคสินค้าปลอดภัย และสินค้าอินทรีย์ เพิ่มช่องทางการตลาด และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าปลอดภัยและสินค้า อินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ให้เป็นผู้นําด้าน การค้าสินค้าอินทรีย์ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวอีกว่า จากเหตุผลดังกล่าว จึงได้จัดทํา "โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าปลอดภัยและสินค้าอินทรีย์" ขึ้น โดยมอบหมายให้สํานักงานพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ ดําเนินโครงการ ดังกล่าว ภายใต้ชื่องาน“ตลาดสีเขียวโขงชีมูล @ ถนนคนเดินศรีสะเกษ (Organic Green Market @ Sisaket Walking Street)” เพื่อจําหน่ายสินค้าเ กษตรปลอดภัย และสินค้าเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 จํานวน 20 คูหา 4 ครั้งๆ ละ 1 วัน ในวัน เสาร์และวันอาทิตย์ที่ 2, 3, 9 และ 10 กันยายน 2566 ณ บริเวณถนนคน เดินศรีสะเกษ Walking Street – มารีหนองแคน อําเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัด ศรีสะเกษ นายนคร กล่าว.
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902190522403
247,040
จ.นราธิวาส จัดการแข่งขันออฟโรด ไทย-มาเลเซีย ประจำปี 2566 เพื่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
วันนี้ (2 ก.ย.66) นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดการแข่งขันออฟโรด ไทย-มาเลเซีย ประจําปี2566 ภายใต้โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ ที่บริเวณหน้าตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดภาคใต้ชายแดน ตําบลละหาร อําเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีนายสาราหุดิน อาบู ประธานสภา อบจ.นราธิวาส/ประธานชมรมออฟโรดนราธิวาส กล่าวต้อนรับ และนายนิอาแซ ซีอุเซ็ง สมาชิกวุฒิสภา นายอําเภอยี่งอ ปลัดจังหวัดนราธิวาส แรงงานจังหวัดนราธิวาส นายก อบจ.นราธิวาส ประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส ร่วมเป็นเกียรติในกิจกรรมนายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การแข่งขันออฟโรดไทย-มาเลเซีย กําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 โดยสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาสร่วมกับชมรมออฟโรด เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย กระตุ้นเศรษฐกิจจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเพิ่มจํานวนนักท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส/จังหวัดชายแดนภาคใต้ สําหรับการแข่งขันออฟโรดแบ่งเป็น 5 รุ่น รุ่นฮาร์ดคอร์//รุ่นไลท์คอร์ (ไม่วิ้นซ์)//รุ่นสแตนดาร์ด (ปีกนก)//รุ่นคาริเบียน//รุ่นแต่งสวย มีทีมออฟโรดจากจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สุราษฎร์ธานี และจากประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมการแข่งขัน นอกจากนี้บริเวณสถานที่จัดงานยังมีการออกร้านจําหน่ายอาหารเครื่องดื่ม สินค้าต่าง ๆ จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งการจัดกิจกรรมบุฟเฟ่ต์ผลไม้คุณภาพจังหวัดนราธิวาสอีกด้วย
2/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902192523406
247,041
อำเภอดอนตาล มุกดาหาร จัดงานตลาดนัดวัดท่าดอนตาล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าขายชายแดนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่
นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดงานตลาดนัดวัดท่าดอนตาล เพื่อขับเคลื่อนโครงการอําเภอบําบัดทุกข์บํารุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยววิถีใหม่ SEZ สไตล์ดอนตาล (Dontan Style SEZ Tourism Economy) ณ วัดท่าดอนตาล หมู่ที่ 2 ตําบลดอนตาล อําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหารโดยมี นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอําเภอดอนตาล พร้อมด้วย นายเอกอมร ศรีลาศักดิ์ นายกเทศมนตรีตําบลดอนตาล นายนัฐพล สกุลไทย นายกเทศมนตรีตําบลดอนตาลผาสุกหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น กํานัน/ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวอําเภอดอนตาลให้การต้อนรับและร่วมในพิธีเปิดงานฯ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าขายชายแดนและส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าประชาชนในพื้นที่จะมีรายได้จากการจําหน่ายสินค้า รายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ในการแสดงออก และประชาสัมพันธ์ให้อําเภอดอนตาลเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางภายในงานได้จัดกิจกรรมการแสดง ต่างๆ ดังนี้ - การแสดงเต้นบาสโลบจากบ้านหัวหาด และเทศบาลดอนตาลร่วมกับเทศบาลดอนตาลผาสุก - การมอบรางวัลการประกวดพานบายศรีสู่ขวัญและการประกวดวาดภาพ - การจัดร้านนิทรรศการภายในงานจากหน่วยงานราชการต่างๆ ของอําเภอดอนตาล - กิจกรรมการแสดงรําวง จากชมรมกํานัน ผู้ใหญ่บ้านอําเภอดอนตาล - ร้านจําหน่ายสินค้า ร้านอาหาร ร้านผลิตภัณฑ์ชุมชน ร้านสินค้าโอทอป /กลุ่มแม่บ้านสองฝั่งโขง ฯลฯ จําหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902193654407
247,042
จ.อุดรธานี เปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีเกษตรเขตเมืองรูปแบบตลาดวิถีชุมชนท่องเที่ยว
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีเกษตรเขตเมือง โดยมี ดร.ธนดร พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี กล่าวรายงาน มี นางอรัญญา อุดมลาภ รองประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี นายปรียะสิทธิ์ เจียรวาปี ประธานคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าการเกษตร หอการค้าจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนทั่วไปร่วมงาน ที่ซอยหลวงพ่อพระงาม ชุมชนดงวัด จังหวัดอุดรธานีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีเกษตรเขตเมือง ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จัดโดย เทศบาลนครอุดรธานี จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเทศบาลนครอุดรธานี โดยนําเอารูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสมผสานกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ออกมาในรูปแบบตลาดวิถีชุมชนท่องเที่ยวจากความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครอุดรธานี สํานักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานี ที่ได้นําผู้ประกอบการตลาดร่มเขียว ร่วมออกร้านจําหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและชุมชนดงวัดเจ้าของพื้นที่ ในการพัฒนาพื้นที่ซอยหลวงพ่อพระงามและวัดโยธานิมิต ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีความสวยงามสงบร่มรื่นตลอดทั้งวัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดอุดรธานีให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และประชาชนที่มากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เลือกซื้อสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน อันเป็นการสนับสนุนให้ชุมชน ผู้ผลิตสินค้าเกษตร พืชผักปลอดสารพิษ และผู้บริโภค ได้มีพื้นที่ในการพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านสุขภาพ และให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้า กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุดรธานี
สวท.อุดรธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902205934423
247,043
อบจ.นราธิวาส จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “อบจ.ชวนเที่ยว ปั่นด้วยใจ ไปบางนราด้วยกัน” เชิญนักปั่นร่วมเป็นสื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมมอบเงินให้เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ลดความเหลี่ยมล้ำ
วันนี้ ( 2 ก.ย.66) นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “อบจ.ชวนเที่ยว ปั่นด้วยใจ ไปบางนรา " โดยมี นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและนักปั่นจากหลายพื้นที่ร่วมโครงการจํานวนมากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส กําหนดจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “อบจ.ชวนเที่ยว ปั่นด้วยใจ ไปบางนราด้วยกัน” ขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ทั้งทางธรรมชาติ โบราณสถาน ตลอดจนร่วมสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยร่วมส่งเสริมรูปแบบกิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวตามเส้นทางต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสนอกจากนี้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “อบจ.ชวนเที่ยว ปั่นด้วยใจ ไปบางนราด้วยกัน” จัดขึ้นเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพ อีกทั้งสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกําลังกาย ด้วยการใช้จักรยานในชีวิตประจําวันอีกด้วยอย่างไรก็ตามสําหรับการจัดโครงการฯ ครั้งนี้รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสจะดําเนินการมอบเงินเพื่อบริจาคแก่เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยผ่านสถานสงเคราะห์เด็กชายนราธิวาส (บ้านนราธิวาส) อีกทั้งตลอดการปั่นจักรยานมีการแนะนําแหล่งท่องเที่ยวตลอดเส้นทาง ตั้งแต่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส – จุดสิ้นสุด ณ หาดบ้านทอน และกิจกรรมจิตอาสา โดยร่วมกันทําความสะอาด เก็บขยะ ณ หาดบ้านทอน พร้อมชมการแสดง “ดนตรี” จากหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 45และในโอกาสที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสจัดโครงการฯ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการฯ พร้อมนําทีมหัวหน้าส่วนราชการปั่นจักรยานร่วมกับผู้เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ด้วย
2/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902214335424
247,044
คึกคักสวยงาม Fashion on the Road แฟชั่นสู่การออกแบบระดับโลกที่หน้าด่านแม่สาย ดีไซเนอร์อาชีวศึกษาเชียงรายคว้าแชมป์ด้วยลวดลายงดงามอลังการ
ค่ําวันที่ (2 ก.ย. 66) ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเปิดการงาน เชียงรายแฟนชั่นสู่การออกแบบระดับโลกครั้งที่ 1 หรือ "Chiang Rai Fashion to The World 1st Designers Competition" โดยการจัดเดินแฟนชั่นบนถนนหน้าด่านพรมแดนหรือ Fashion on the Road โดยมี นายศรัณยู มีทองคํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดงานหลายภาคส่วน กิจกรรมมีการจัดให้นักออกแบบ หรือดีไซเนอร์ จากทั่วประเทศไทย จํานวน 73 ดีไซเนอร์ นําผลงานและนางแบบร่วมเดินแบบแสดงด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ถูกกําหนดให้ใช้ลวดลายผ้าจากกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และภาคเหนือ ซึ่งพบว่าดีไซเนอร์สามารถออกแบบเพื่อการประกวดและจัดแสดงครั้งนี้กว่า 92 ชุด เริ่มต้นด้วยการเดินแฟนชั่นโชว์จาก 10 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง อิ้วเมี่ยน ไตหย่า ไทใหญ่ ยูนนาน ไทลื้อ ลั้วะ และลาหู่ ด้วยนางแบบจํานวน 20 นางแบบ จาก by YOURS Thailand จากนั้นนางแบบทั้ง 92 คน ได้ออกเดินบนถนนหน้าด่านแม่สาย ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งชาวไทยและเมียนมา ที่ต่างพากันไปชมความงดงามของชุดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ออกแบบและปรับให้มีลวดลายผ้าปักกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ได้อย่างงดงามและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่เสร็จสิ้นการเดินแบบแล้วผู้คนยังขอถ่ายภาพร่วมกับนางแบบกันอย่างเนืองแน่นด้วยสําหรับการประกวดชุดแฟชั่นทั้ง 92 คน พบว่าชุดราตรีชื่อ "โบตั๋น" จากการออกแบบของ น.ส.วิสา แสนสุขยิ่งนัก วิชาคหกรรม สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 โดยเป็นชุดกระโปรงยาวลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีนแต่มีลวดลายผ้าลายปักของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนบนชุดราตรีอย่างลงตัว รางวัลที่ 2 ดีไซเนอร์มาจากกรุงเทพฯ โดยเป็นชุดราตรีธรรมชาติและภูมิปัญญา ฯลฯ ภายในบริเวณงานยังจัดให้มีร้านค้าเกี่ยวกับเสื้อผ้าแฟชั่นผ้าต่างๆ กว่า 100 ร้านค้า ทําให้บรรยากาศการท่องเที่ยวหน้าด่านพรมแดน อําเภอแม่สาย คึกคักเป็นอย่างยิ่งน.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันทุกประเทศต่างพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อช่วงชิงการนําหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 สําหรับประเทศไทยก็พยายามหาจุดแข็งเพื่อเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและทั่วโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งก็พบว่าจุดแข็งหนึ่งคือซอฟเพาเวอร์เรื่องอาหาร แฟชั่น กิจกรรม faith (ศรัทธา) ฯลฯ ซึ่งภาคเหนือถือว่าส่วนหนึ่งคือมีลวดลายผ้าปักจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นทาง ททท.จึงได้สนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้เกิดการต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี หรือ All year รวมทั้งยังส่งเสริมให้เกิดรายได้ไปสู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยทางด้าน นางนงเยาว์ เนตรประสิทธ์ นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรวมกันกว่า 35 ชาติพันธุ์ ได้มีการออกแบบลวดลายผ้าปักด้วยเทคนิค ลวดลายและสีสันแตกต่างกันซึ่งล้วนมีความวิจิตรงดงาม ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการจัด "Fashion on the Road" เป็นครั้งแรก และคาดหวังจะให้การออกแบบชุดแต่งกายพร้อมลวดลายพัฒนาไปสู่ระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งนอกจากด้านการท่องเที่ยวแล้วยังจะสร้างรายได้ให้คนทุกระดับตั้งแต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่ออกแบบลวดลายผ้าปัก ผู้เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และผู้จัดจําหน่ายในแต่ละขั้น หรือตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา และปลายน้ํา อีกด้วย
3/9/2023
ภาคเหนือ
เชียงราย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903103437454
247,045
อำเภอดอนตาล เตรียมเปิดตลาดนัดชายแดน ส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยววิถีใหม่
อําเภอดอนตาล เตรียมเปิดตลาดนัดชายแดนทุกวันศุกร์ ส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยววิถีใหม่ SEZ สไตล์ดอนตาลนายชาคริต ชุมจันทร์ นายอําเภอดอนตาล ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านประเพณีวัดท่าดอนตาล บริเวณริมแม่น้ําโขง อําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร โดยได้มีการหารือร่วมกับเจ้าที่ทหารพราน ผู้นําชุมชน ผู้ประกอบการรถรับจ้าง ฯลฯ ในการวางมาตรการป้องกัน ควบคุมการเดินทางเข้า-ออก รวมทั้งการอํานวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัย ฯลฯ พ่อค้า แม่ค้า ที่นําสินค้ามาขายจาก สปป.ลาว พร้อมทั้งได้มีการวางแผนให้มีการเปิดตลาดนัดชายแดน ในทุกวันศุกร์ เพื่อขับเคลื่อนโครงการอําเภอบําบัดทุกข์บํารุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยววิถีใหม่ SEZ สไตล์ดอนตาล (Dontan Style SEZ Tourism Economy) บริเวณวัดท่าดอนตาล ให้มีความยั่งยืนต่อไป
3/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903112656460
247,046
พาณิชย์จังหวัดพัทลุง จัดกิจกรรมส่งเสริมการซื้อขายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP และ SMEs ณ ตลาดใต้โหนด ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
วันที่ 3 กันยายน 2566 นายกอบ ทวนดํา พาณิชย์จังหวัดพัทลุง นําผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้า ธุรกิจ SMEs สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สินค้า OTOP จัดกิจกรรมส่งเสริมการซื้อขายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP และ SMEs ณ ตลาดใต้โหนด ตําบลดอนทราย อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงโดยมี นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ในพิธีเปิดงาน "ส่งเสริมการซื้อขายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP และ SMEs” ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล (เพิ่มเติม) ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566ตามที่สํานักงานพาณิชย์จังหวัดพัทลุง ได้ดําเนินกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน OTOP SMEs โครงการพัฒนาศักยภาพการตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล ตามแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยการนําผู้ประกอบการจังหวัดพัทลุงไปเชื่อมโยงตลาดนอกพื้นที่แหล่งผลิต ระหว่างวันที่ 15 – 18 สิงหาคม 2566 ณ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจํานวนมาก ส่งผลให้มียอดจําหน่ายและยอดเจรจาธุรกิจ จํานวน 33 คู่เจรจา ยอดคาดการณ์สั่งซื้อ 891,600 บาท ไปแล้วนั้นสํานักงานพาณิชย์จังหวัดพัทลุง จึงกําหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการซื้อขายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP และ SMEs จํานวน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 วัน คือ ในวันนี้ วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 ณ ตลาดใต้โหนด ตําบลดอนทราย อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และวันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566 ณ ตลาดสวนไผ่ขวัญใจ ตําบลควนขนุน อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง สําหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงและจําหน่ายสินค้า จํานวน 20 คูหา การส่งเสริมการจําหน่าย การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน กิจกรรมเจรจาธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้ผลิตสินค้า ได้แก่ ธุรกิจ SMEs สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สินค้า OTOP และผู้บริโภคภายในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียง และการจัดงานครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่ในการจัดกิจกรรมและการอํานวยความสะดวกจากตลาดใต้โหนดในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีผู้ประกอบการต่างๆ ออกบูธ จัดแสดงสินค้า และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวยังตลาดนัดใต้โหนด ได้ลองลิ้มชิมรสชาติของอาหารแต่ละชนิดกันอย่างเต็มที่ และภายในงานยังมีกิจกรรม ลด แลก แจก แถม จากผู้ประกอบการ อีกมากมาย พร้อมกับการเลือกซื้อสินค้า ราคาพิเศษ กลับบ้านกันอย่างจุใจสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง 074-612404
3/9/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903121932479
247,047
กรมการท่องเที่ยว บูรณาการร่วมกับภาครัฐและเอกชน พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยว ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดึกดําบรรพ์ที่ถูกขุดค้นพบในพื้นที่ของประเทศไทย ผ่านโครงการ Dinosaurs Siamensis : ตะลุยเส้นทางผ่ามิติทะลุโลกล้านปี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยว พัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ และเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอื่นภายในเส้นทางท่องเที่ยวให้น่าสนใจมากขึ้น พัฒนาบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งออกแบบสิ่งอํานวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม เช่น การออกแบบทางลาด แบบห้องน้ําในแหล่งท่องเที่ยว ป้ายสื่อความหมาย ป้ายบอกทางที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะเส้นทาง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการสร้างความเชื่อมโยงของร่องรอยไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดึกดําบรรพ์ที่ถูกขุดค้นพบในพื้นที่ประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น กาฬสินธุ์ หนองบัวลําภู นครพนม ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และพื้นที่เชื่อมโยงอื่นๆ ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวได้ดําเนินการศึกษา ออกแบบ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม ออกแบบผังบริเวณการพัฒนาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและแผนที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างแหล่งท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจ และออกแบบให้สามารถรองรับการท่องเที่ยวที่นําไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตต่อไป
3/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903201027523
247,048
หน่วยงานรัฐ จับมือ หอการค้าไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
วันนี้ (3 กันยายน 2566) นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อํานวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. ร่วมประชุมคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ ครั้งที่ 2/2566 เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การทํางานระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น โดยมี นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการหอการค้าภาคใต้ นางนิศากร วิศิษฎ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และผู้แทนหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นสําคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งรายงานความคืบหน้ากิจกรรมของหอการค้าภาคใต้ ประจําปี 2566 ทั้งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และกลุ่มฝั่งภาคใต้ชายแดน โดยในส่วนของกลุ่มภาคใต้ชายแดนได้มีการรายงานความคืบหน้าในเรื่องที่สําคัญ อาทิ ความคืบหน้าการดําเนินการขับเคลื่อนสะพานข้ามแม่น้ําโก-ลก แห่งที่ 2 จ.นราธิวาส โดยทางโยธาธิการที่รับผิดชอบของมาเลเซีย ได้มีการพูดคุยกับทางกรมทางหลวงของไทยเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีการก่อสร้างเร็วๆ นี้นายชนธัญ แสงพุ่ม กล่าวว่า ในส่วนของ ศอ.บต. จะมีการจัดเตรียมงานเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรีและทีมงานคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะลงพื้นที่มาเพื่อรับฟังแผนพัฒนา 5 จังหวัด โดยหลังจากนี้ ศอ.บต. จะหารือร่วมกับหอการค้า 5 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเตรียมข้อมูลในการนําเสนอ อาทิ เรื่องการเชื่อมต่อด้านการคมนาคมกับประเทศมาเลเซีย รวมถึงมิติด้านการบริหารจัดการด่านชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการบริหารจัดการที่มีคุณภาพอย่างไรก็ตามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ และหอการค้าไทย จะเป็นกลไกการขับเคลื่อนสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาอีกหลายๆด้านในพื้นที่ โดยหอการค้าไทยถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสําคัญในการเป็นศูนย์กลางและที่ปรึกษาการทํางานจากเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการค้าและการลงทุน การเกษตรและอาหาร การท่องเที่ยวและบริการ
3/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903164844503
247,049
จังหวัดกาญจนบุรี เปิดโครงการส่งเสริมการพัฒนากลไกและโครงสร้างดูดซับมูลค่าทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้กลับสู่ท้องถิ่น
เมื่อวันที่ (2 กันยายน 2566) ที่ผ่านมา เวลา 17.30 น. ณ บริเวณลานน้ําพุปลายี่สกทอง ท่าน้ําหน้าเมืองกาญจน์ (สกายวอล์ค) ตําบลบ้านใต้ อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายศักรินทร์ ทุมเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการพัฒนากลไกและโครงสร้างดูดซับมูลค่าทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้กลับสู่ท้องถิ่น กิจกรรมเชื่อมโยงช่องทางการตลาดในการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย โดยภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรมเยี่ยมชมบูธสินค้า OTOP กว่า 20 บูธ สาธิตการปรุงอาหาร จํานวน 2 เมนู คือ น้ําพริกมะสังผู้ว่ากาญจน์ และแกงส้มญวน โดยนายบุญสมิทธ์ พุกกะณะสุต หรือเฟซบุ๊ก พิธีกรรายการ Food Work ทางช่อง Thai PBS หลังจากนั้นร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมแขกผู้มีเกียรติในงาน เลขานุการรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี : ข่าว/ภาพ
4/9/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904091249555
247,050
กทพ. สรุปผลการคัดเลือกแนวสายทางที่เหมาะสม โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 คาดได้ผลสรุปเตรียมเสนอโครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม สรุปผลการคัดเลือกแนวสายทางโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 (เส้นทางเกษตร-นวมินทร์) ว่า กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้ทําการศึกษาคัดเลือกแนวสายทางที่เหมาะสมของโครงการ โดยพิจารณาเปรียบเทียบความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมและจราจร เศรษฐกิจและการลงทุน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม สามารถสรุปได้ว่าแนวสายทางที่ 2.2 เป็นแนวสายทางที่เหมาะสมที่สุด โดยมีจุดเริ่มต้นบริเวณทางพิเศษศรีรัชตัดกับถนนงามวงศ์วานมีลักษณะเป็นอุโมงค์ใต้ดินทั้งหมด แนวสายทางจะไปตามแนวถนนงามวงศ์วานผ่านแยกพงษ์เพชร แยกบางเขน แยกเกษตร เข้าถนนประเสริฐมนูกิจจนเชื่อมต่อกับโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และเชื่อมต่อ E-W Corridor จากนี้จะนําไปศึกษาอย่างละเอียดตามขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลสรุปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพื่อดําเนินโครงการต่อไปสําหรับโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณแยกเกษตร ถนนงามวงศ์วาน ถนนประเสริฐมนูกิจ และโครงข่ายโดยรอบด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานครให้สามารถรองรับปริมาณจราจรได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของเมืองในอนาคต
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904095626569
247,051
จ.ชัยภูมิ กิจกรรมการประกวดออกแบบชุดผีสุ่ม ตามโครงการ 1 เมืองท่องเที่ยว 1 ประสบการณ์ท้องถิ่น
วันที่ 2 กันยายน 2566 สํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ กิจกรรมการประกวดออกแบบชุดผีสุ่ม ตามโครงการ 1 เมืองท่องเที่ยว 1 ประสบการณ์ท้องถิ่น (One Destination, One Local Experience) ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ชัยภูมิ อําเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัลพร้อมด้วยเกียรติบัตร โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและพัฒนาอย่างยั่งยืนในการทําชุดผีสุ่ม และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมโดยการนําความคิดสร้างสรรค์และศิลปะร่วมสมัยมาพัฒนา โดยได้มีการคัดเลือกผลงานในรูปแบบ Sketch Design จํานวน 20 ผลงาน ไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 และในวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรมประกวดผลงานรอบตัดสิน โดยตัดเย็บเสร็จสมบูรณ์พร้อมผู้สวมใส่ ผลการแข่งขัน มีดังต่อไปนี้รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายธนธรณ์ เหล็กพรม กับผลงานในชุดแดนพุทธรรมนําความอุดมสมบูรณ์ ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาทรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายปราชญ์ ผดุงพล กับผลงาน กุ๊ก กุ๊ก กู๋ ได้รับเงินรางวัล 8,000 บาทรองชนะเลิศอับดับ 2 ได้แก่ นายเดชาธร เทพจันอัฒน์ กับผลงาน ผีสุ่ม of Siewnoi ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาทรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ สันติพงษ์ งอกนาวัง กับผลงาน Fiesta of Siewnoi ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาทชนะเลิศอับดับ 4 ได้แก่ นางสาวพรรณทิภา สวนไลย์ กับผลงาน ผีสุ่มป้าฝอย ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาทและรางวัลชมเชยอีก 15 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชัยภูมิ
สวท.ชัยภูมิ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904105050585
247,052
จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเมืองพญานาคที่ฟากท่า ขับเคลื่อน Soft Power ชุมชนสู่การพัฒนาจังหวัดคุณธรรมและพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยว
วันนี้ (4 ก.ย.66) ที่วัดกกต้อง อําเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ทําการเปิดเมืองพญานาคที่ฟากท่า เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนชุมชนสู่การพัฒนาจังหวัดคุณธรรม เพื่อพัฒนาต่อยอดและส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นการนําทุนทางวัฒนธรรม หรือ “Soft Power” ที่โดดเด่นและเป็นอัตลักษณ์ของอําเภอฟากท่าและของจังหวัดอุตรดิตถ์ ความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค มาพัฒนาต่อยอด สร้างเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมการท่องเที่ยวนายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า การเปิดเมืองพญานาคที่ฟากท่า เป็นการสร้างรายได้ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดอุตรดิตถ์ สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงวัฒนธรรม และสอดคล้องกับ 12 เป้าหมายร่วมของจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ว่า “อุตรดิตถ์เที่ยวได้ทั้งปี 365 วันที่อุตรดิตถ์ กิจกรรมประกอบด้วย พิธีสักการะบูชาพระธาตุมหาจุฬามณีแก้วศรีโพธิ์วา การรําถวายพ่อปู่แม่ย่าพญานาค พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทําบุญอุทิศส่วนกุศล กิจกรรมเปิดแหล่งท่องเที่ยวพระธาตุมหาจุฬามณีแก้วศรีโพธิ์วา การเสวนาหัวข้อ “ศรัทธาพญานาคสู่วิถีฟากท่าและลายผ้า” และการสาธิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2566 ที่วัดกกต้อง อําเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์
4/9/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สวท.อุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904140530670
247,053
ผอ.ออมสิน ยืนยันเยียวยาผู้เสียหายจากกรณียักยอกเงินกองทุนหมู่บ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ภายใน 7 วัน เบื้องต้นไล่พนักงานแล้ว 1 ราย
นายวิทัย รัตนากร ผู้อํานวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงกรณีที่ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยสมาชิกจาก 38 กองทุน รวมกว่า 100 คน มาร้องเรียนและร่วมให้ข้อมูลกับผู้บริหารออมสินระดับภาคจาก จ.ขอนแก่น หลังถูกเจ้าหน้าที่ยักยอกเงินกองทุน ซึ่งเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย จํานวนสูงเกือบ 30 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการออกหมายจับแม่บ้านธนาคารออมสิน สาขากุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในข้อหายักยอก ลักทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้เอกสารสิทธิปลอม กองทุนเงินล้านสมาชิก กทบ. เกิดความเสียหายเกือบ 30 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้อํานวยการธนาคารออมสิน ชี้แจงว่า ล่าสุดได้ส่งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารลงไปตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุทําหน้าที่แม่บ้านเป็นลูกจ้างชั่วคราวจากบริษัทภายนอก โดยทางธนาคารออมสิน ยืนยันว่าขอให้ผู้เสียหายทุกรายสบายใจได้ว่าทางธนาคารจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยเริ่มจ่ายเงินชดเชยทันทีตามความเสียหายที่เกิดขึ้นนับจากนี้ภายใน 7 วัน ผู้อํานวยการธนาคารออมสิน ยังกล่าวอีกว่า การลงโทษในเบื้องต้นทางธนาคารได้ใช้คําสั่งไล่ออกพนักงานระดับปฏิบัติการไปแล้ว 1 ราย และสั่งย้ายพนักงานระดับผู้จัดการกับผู้ช่วยผู้จัดการอีก 2 ราย ออกจากพื้นที่เอาไว้ก่อนเพื่อทําการตรวจ พร้อมให้ความมั่นใจว่าทางธนาคารจะดูแลลูกค้า และผู้เสียหายทุกรายอย่างเต็มที่
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904162627740
247,054
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ระงับเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลพื้นที่ทุ่นผูกเรือ กลางทะเล อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล่าสุดไม่มีน้ำมันรั่วไหล
บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) ขอแจ้งหลังเกิดเหตุการณ์น้ํามันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ํามันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 3 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ว่า ได้เกิดเหตุน้ํามันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ํามัน ขณะขนถ่ายน้ํามันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ํามันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทําการปิดวาล์วท่อน้ํามันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ํามันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจํากัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทําให้ขณะนี้ไม่มีน้ํามันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไรก็ตามขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆพร้อมทั้งดําเนินการขจัดคราบน้ํามัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904161052731
247,055
จังหวัดเลย พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดเลย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) Tourism And Sports Volunteer เพื่อยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดเลย โดยมีนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วยนางสาวจุฑามาศ กุลรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย นายจริยาทร สูหู่ ผู้อํานวยการสํานักงาน ททท. สํานักงานเลย นายนุรัตน์ พรหมดี ผู้อํานวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเลย และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ ที่บริเวณห้องจามจุรี โรงแรมเลยพาเลย ตําบลกุดป่อง อําเภอเมือง จังหวัดเลยนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า จังหวัดเลยเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ในครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพประชาชนที่มีจิตอาสาในการส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ว่าจะเป็น ให้การช่วยเหลือ ดูแล อํานวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในประเทศไทย ส่งผลต่อการเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้งนางสาวจุฑามาศ กุลรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย เปิดเผยว่า สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย ได้จัดทําโครงการดังกล่าวขึ้น พร้อมกับนํากลุ่มเป้าหมายเครือข่ายภาคการท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการในพื้นที่ 14 อําเภอของจังหวัดเลย ประกอบด้วย บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวการกีฬาและนันทนาการ จํานวน 40 คน เข้ารับการอบรมฯ ระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2566 ที่โรงแรมเลยพาเลย ตําบลกุดป่อง อําเภอเมือง จังหวัดเลย เพื่อถ่ายทอดแนวทางการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง พัฒนาหลักสูตรอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.เลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904170338751
247,056
ททท. คาดการณ์มาตรการ “ฟรีวีซ่า” จะสามารถดีงนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเพิ่มกว่า 7 แสนคน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า จากมาตรการฟรีวีซ่าสําหรับนักท่องเที่ยวจีนของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะนํามาใช้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นั้น คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้มีจํานวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7 แสนคน โดยจํานวนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นนี้จะทําให้มีจํานวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยปี 2566 รวมกว่า 4.2 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน ส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนนี้จะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจของประเทศได้จํานวนมากสําหรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา (1 มกราคม-27 สิงหาคม) แล้วกว่า 17,500,000 คน มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาแล้ว 2,182,038 คน เป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904110343598
247,057
จังหวัดเลย พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดเลย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
วันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 13.30 น. ที่บริเวณห้องจามจุรี โรงแรมเลยพาเลย ตําบลกุดป่อง อําเภอเมือง จังหวัดเลย นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) Tourism And Sports Volunteer เพื่อยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดเลย โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย นางสาวจุฑามาศ กุลรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย นายจริยาทร สูหู่ ผู้อํานวยการสํานักงาน ททท. สํานักงานเลย นางทรงศิริ แก้วคํา ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย นายนุรัตน์ พรหมดี ผู้อํานวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเลย และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า จังหวัดเลยเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ในครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพประชาชนที่มีจิตอาสาในการส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ว่าจะเป็นให้การช่วยเหลือดูแลอํานวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในประเทศไทย ส่งผลต่อการเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้งนางสาวจุฑามาศ กุลรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย เปิดเผยว่า สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย ได้จัดทําโครงการดังกล่าวขึ้น พร้อมกับนํากลุ่มเป้าหมายเครือข่ายภาคการท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการในพื้นที่ 14 อําเภอของจังหวัดเลย ประกอบด้วย บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวการกีฬาและนันทนาการ จํานวน 40 คน เข้ารับการอบรมฯ ระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2566 เพื่อถ่ายทอดแนวทางการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904174028756
247,058
รมว.พลังงาน เตรียมเสนอปรับลดราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงแนวทางการลดราคาพลังงานตามนโยบายของรัฐบาลว่า แม้ที่ผ่านมาจะทํางานด้านกฎหมาย แต่ก็มีความสนใจเรื่องพลังงานของประเทศไทย ดังนั้น ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจึงได้กําหนดนโยบายปรับลดราคาพลังงานให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมเป็นธรรมเกิดประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งนี้มองว่าแนวทางการดําเนินการด้านราคาพลังงาน ต้องพิจารณาโครงสร้างและองค์ประกอบมารวมกันว่าส่วนไหนสามารถตัดทิ้ง หรือปรับลดลงได้ก็จะทําทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีนโยบายหลักสําคัญในการเปิดเสรีนําเข้าพลังงานน้ํามันสําเร็จรูปราคาถูกภายใต้การกํากับดูแลของภาครัฐให้การจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวย้ําว่า ภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงพลังงานในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทําธุรกิจน้ํามันแต่เป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการหาพลังงานให้ประชาชนในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม โดยกระทรวงพลังงานมีหน้าที่กํากับดูแล ให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมถูกต้องแล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าถึงการหาพลังงาน หาน้ํามัน หาเชื้อเพลิงมาใช้ได้อย่างเสรี จะต้องไม่ปิดกั้นต้องให้โอกาสเพื่อให้ราคาถูกลงให้ได้ เป็นการลดต้นทุน จะช่วยให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นนทบุรี
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904203306770
247,059
รมว.เกษตร และคณะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แก้ปัญหาราคามังคุดตกต่ำ ระบุจะแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ให้นครศรีธรรมราชเป็นโมเดลด้านการเกษตร
บ่ายวันนี้ (4 ก.ย.66) ที่อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตําบลพรหมโลก อําเภอพรหมคีรี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรับฟังปัญหาความคิดเห็นและร่วมแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ําในพื้นที่โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและตนเองมีความห่วงใยต่อพี่น้องเกษตรกร อยากจะลงพื้นที่ทันทีที่ทราบว่าพี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนมีการเทมังคุดทิ้งแต่มีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องทํา วันนี้เร่งเคลียร์ทุกเรื่องเพื่อมาพบมารับทราบปัญหา พร้อมกล่าวว่าปัญหาราคาผลผลิตมังคุดตกต่ํา มีสาเหตุจากปัจจัยเกี่ยวข้องหลายประการ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศที่มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น การเข้าสู่ช่วงปลายฤดู ที่ส่งผลต่อคุณภาพของมังคุด และกลไกด้านการตลาด ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ต้องการจะรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อจะได้ร่วมแก้ไขปัญหาภายหลังรับฟังความเห็นจากตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนผู้รับซื้อมังคุด กลุ่มวิสาหกิจ และผู้เกี่ยวข้องแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวกับพี่น้องเกษตรกรและผู้ที่มารอต้อนรับว่า ตนเองมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตทางการเกษตรอย่างจริงจัง โดยจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดต้นแบบของการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรแบบยั่งยืน “ให้นครศรีธรรมราชเป็นโมเดลด้านการเกษตร” แต่การแก้ไขปัญหาในเฉพาะหน้านี้ ในระดับพื้นที่จะมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดดูแลขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป็นการเฉพาะหน้า และในระดับประเทศวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (8 ก.ย.66) ตนเองพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้หารือร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ปัญหาราคามังคุดตกต่ําและผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย พร้อมกันนี้ได้มอบหมายรองอธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งเดินทางร่วมคณะมาในครั้งนี้ด้วย ได้เร่งกระจายผลผลิตมังคุดในทุกเกรดทุกไซต์ มอบหมาย อตก.หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เพื่อเปิดจุดรับซื้อผลผลิต โดยให้ผู้ซื้อกับผู้ขายได้ตกลงราคากันเอง แต่มีเป้าหมายสําคัญคือไม่ให้พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนทั้งนี้จากข้อมูลของสํานักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราชพบว่า ฤดูกาลผลิตนี้จะมีผลผลิตมังคุด ออกสู่ตลาด จํานวน 43,533 ตัน โดยออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 28,110 ตัน คงเหลือผลผลิตในจังหวัดกว่า 10,000 ตัน ขณะที่การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้นนั้น ทางกรมการค้าภายในร่วมกับจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสํานักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รวบรวมมังคุดจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปเปิดจุดจําหน่ายในกรุงเทพมหานคร ผ่านรถโมบายพาณิชย์ จํานวนทั้งหมด 100 จุด และต่างจังหวัดอีก 120 จุด รวม 220 จุด ปริมาณ 1,100 ตัน รวมทั้งได้เพิ่มช่องทางการจําหน่ายผ่านออนไลน์ โดยได้มอบกล่องใส่ผลไม้ให้กับเกษตรกรไปแล้วจํานวน 35,000 กล่อง จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางไปให้กําลังใจพร้อมติดตามบรรยากาศการรับซื้อมังคุด ณ จุดรับซื้อมังคุด ณ สหกรณ์กองทุนสวนยาง บ้านวังลุง จํากัด หมู่ที่ 1 ตําบลทอนหงส์ อําเภอพรหมคีรี ซึ่งเปิดได้รับซื้อและรวบรวมผลผลิตมังคุด ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม - 3 กันยายน 2566 จํานวน 124.18 ตัน เป็นเงิน 4.60 ล้านบาท โดยจัดส่งไปจําหน่ายยังจังหวัดปลายทางโดยผ่านขบวนการสหกรณ์ใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสุโขทัย จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดลําปาง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดลําพูน และจังหวัดขอนแก่น
4/9/2023
ภาคใต้
นครศรีธรรมราช
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904203816772
247,060
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง ส่งเสริมพริกไทยตรัง ตามแนวทาง Local+ ช่วยเพิ่มมูลค่าและขยายตลาด
นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้าและการตลาด ลงพื้นที่บ้านสวนมรดกพริกไทยตรัง อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อบันทึกเทปโทรทัศน์ จัดทําสกู๊ปข่าวภายใต้ภารกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในภูมิภาคให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน ของสํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้แนวทาง Local+ ในชื่อตอน “พาณิชย์ตรัง รุกพัฒนา พริกไทยตรัง ตามแนวทาง Local + ช่วยเพิ่มมูลค่าและขยายตลาด” ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ชุมชน ทําให้มีรายได้ และมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น ด้วยการผลักดันสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์กําหนดเป้าหมายผลักดันสินค้าท้องถิ่น ภายใต้แนวทาง Local + (โลคัล พลัส) จํานวน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่1. กลุ่ม BCG ที่มุ่งเน้นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ สินค้าออร์แกนิก2. กลุ่มสินค้าอัตลักษณ์ ที่ต้องการรักษาภูมิปัญญา ความเฉพาะถิ่น คุณค่าทางวัฒนธรรม3. กลุ่มสินค้านวัตกรรม ที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าชุมชนโดยจะเข้าไปช่วยเหลือในการให้ความรู้ด้านการผลิต การพัฒนาสินค้า และผลักดันออกสู่ตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้า และสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยมี กลยุทธ์ที่จะนํามาใช้ในการพัฒนาสินค้า Local+ ได้แก่1.การสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการตลาดให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ และสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้บริโภค ให้มีความรู้ความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของ Local+2.การพัฒนาฐานข้อมูลที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดเชิงรุกให้กับสินค้า Local+ ในรูปแบบ 2 ภาษา เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพส่งออก3.การขยายตลาดสินค้า Local+ ทั้งในและต่างประเทศ4.การสร้างความหลากหลายของสินค้า Local+ ให้ตรงตามความต้องการของตลาด โดยจะช่วยพัฒนาสินค้าตัวใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาด5.การสนับสนุนเชิงนโยบาย โดยหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกันพิจารณามาตรการสนับสนุน Local+ ในระดับนโยบาย เพื่อลดความซ้ําซ้อนในการช่วยเหลือ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินการ
4/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904205735787
247,061
จังหวัดตรังลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายกุ้งของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 ในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว และอำเภอหาดสำราญ
นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า คณะทํางานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 จังหวัดตรัง ประกอบด้วย ผู้แทนพาณิชย์จังหวัด ผู้แทนประมงจังหวัด และผู้แทนสหกรณ์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายกุ้งของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่อําเภอย่านตาขาว และอําเภอหาดสําราญ จํานวน 2 ราย ปริมาณ 5,216 กิโลกรัม โดยจังหวัดตรังได้รับจัดสรรงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ให้ดําเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 ซึ่งจังหวัดตรังมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเข้าร่วมโครงการจํานวน 115 ราย ผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง จํานวน 3 รายทั้งนี้ ได้จําหน่ายกุ้งตามโครงการฯตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม- 4 กันยายน 2566 รวม 59 ราย ปริมาณน้ําหนัก 153,778.75 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 51.27 ทั้งนี้จังหวัดตรังเบิกจ่ายค่าชดเชยราคากุ้ง และค่าบริหารจัดการรวบรวมและกระจายกุ้งให้เกษตรกรแล้ว 35 ราย โดยมีปริมาณกุ้งที่ได้รับการสนับสนุนค่าชดเชยส่วนต่างราคาจํานวน 91,186.75 กิโลกรัม ในอัตรากิโลกรัมละ 20 บาท คิดเป็นเงิน 1,823,735 บาท สนับสนุนค่าบริหารจัดการในส่วนของใช้จ่ายดําเนินการด้านการตลาดให้เกษตรกรและผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง ในอัตรากิโลกรัมละ 10 บาท เป็นจํานวนเงิน 911,867.50 บาท
4/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904205930788
247,062
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ด้านราคาและปริมาณสินค้า พร้อมกำชับผู้ประกอบการหากจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
สํานักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ โดยกลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ด้านราคาและปริมาณสินค้า ณ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ร้านจําหน่ายปุ๋ย และร้านจําหน่ายก๊าซหุงต้ม ในพื้นที่อําเภอเมืองบึงกาฬจากการตรวจสอบพบว่าสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กําชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการให้ชัดเจน และห้ามจําหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร หรือกักตุนสินค้าหากพบการกระทําความผิดสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสํานักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบการกระทําความผิดจริงจะมีความผิดตามมาตรา 28 และ มาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า มีโทษปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจําหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า มีโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บึงกาฬ
สวท.บึงกาฬ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904202050768
247,063
จังหวัดลำพูน มุ่งขับเคลื่อนเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศพื้นที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง และเตรียมความพร้อมการตรวจประเมินเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในพื้นที่
วันที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมหริภุญชัย ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลําพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน มอบหมายให้ นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จังหวัดลําพูน ประจําปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นางจันทนา ไวยาวัจมัย อุตสาหกรรมจังหวัดลําพูน คณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอุตสาหกรรมจังหวัดลําพูน กล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจังหวัดลําพูนที่ได้รับการแต่งตั้งตามคําสั่งจังหวัดลําพูน และมีหน้าที่ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเป้าหมายของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จังหวัดลําพูนสําหรับการประชุมในวันนี้ สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ได้จัดประชุมคณะกรรมการฯ ดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเตรียมความพร้อมในการรับการตรวจประเมินเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พื้นที่ตําบลบ้านกลาง อําเภอเมือง จังหวัดลําพูน ตามเกณฑ์ข้อกําหนดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยทางเทศบาลตําบลบ้านกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายยังได้รายงานความพร้อมในการขับเคลื่อนเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจังหวัดลําพูน ครอบคลุมความพร้อมหลายด้านที่สอดรับกับยุทธศาสตร์จังหวัดเด่นๆ คือ การพัฒนาคลองแม่ยาก ซึ่งเป็นคลองชัยมงคลของตําบลบ้านกลางหากพัฒนาสําเร็จเสร็จสิ้นจะมีลักษณะเหมือนคลองแม่ข่าที่สะพานระแกง อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดลําพูน
5/9/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905110657863
247,064
ผลิตภัณฑ์ของเล่นแมวจากยะลา คว้ารางวัลชนะเลิศ KOB ระดับประเทศ เอาใจกลุ่มรักสัตว์
ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ "ของเล่นแมวจากใยบวบ” ของกลุ่มสาธิตาโปรดักส์ จังหวัดยะลา ซึ่งได้ส่งผลงานเข้าการประกวดและเผยแพร่ผลการดําเนินงานเครือข่ายองค์ความรู้ (Knowledge - Based OTOP : KBO) จังหวัดดีเด่น ประจําปี 2566 ตามโครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้ (Knowledge-Based OTOP : KBO) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จนได้รับรางวัลการันตี จํานวน 80,000 บาท จากโครงการ เป็นนวัตกรรมใหม่ให้ประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยง เหมาะสําหรับคนรักแมว นางสาวคุณสาธิตา วงศ์ชนะ เจ้าของกลุ่มสาธิตาโปรดักส์ ได้เปิดเผยแนวคิดการนําใยบวบมาสร้างเป็นของเล่นแมวว่า เดิมได้นําใยบวบมาทําเป็นตัวผลิตภัณฑ์ขัดผิวอยู่แล้ว และพบว่าแมวชอบมากัดเล่น ก็เลยเกิดความคิดที่จะนําใยบวบมาพัฒนาต่อเป็นของเล่นสําหรับแมว โดยนําวัชพืชในพื้นถิ่น คือ ต้นตําแยแมวเป็นพืชสมุนไพร ช่วยกระตุ้นสมองของแมวเวลาเขาได้กลิ่น จะทําให้เขาเกิดความเคลิบเคลิ้มและผ่อนคลาย เมื่อใส่รวมไว้ในผลิตภัณฑ์จะเพิ่มความสนใจให้แมว ซึ่งนอกจากทําให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยทําความสะอาดฟันไปด้วย ส่วนผลิตภัณฑ์ ได้ทําออกมา 2 รูปแบบ คือ รูปปลาพลวงชมพู และนก เพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดยะลา โดยได้มีวางจําหน่ายทั้งในพื้นที่และส่งต่างจังหวัด รวมทั้งออกบูธงานแสดงสินค้าต่างๆ และสําหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสอบถามหรือติดต่อ ช่องทางออนไลน์ Facebook TaTa Scrub โทร 083-195-5766 หรือสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา
5/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905115427874
247,065
สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 40 จัดอบรมทำผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติกให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม
นายนราวิชญ์ มณีฤทธิ์ นายอําเภอดงหลวง เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมแรงงานพื้นที่ลุ่มน้ําห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดําริ รุ่นที่ 1/2566 สาขาจักสานผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติกเพื่อการพาณิชย์ จํานวน 30 ชั่วโมง ตามโครงการพัฒนาฝีมือแรงงาน สร้างงาน สร้างรายได้ ชุมชนเข้มแข็ง ระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย.66 ซึ่งจัดโดย สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 40 มุกดาหาร ผู้เข้ารับการฝึกอบรม จํานวน 20 คน ณ สํานักสงฆ์ธรรมิกบรรพต บ้านศรีถาวรพนา หมู่ที่ 12 ตําบลกกตูม อําเภอดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ทําให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นโดยมี นายกําจัด ใจงาม ผู้อํานวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 40 มุกดาหาร และคณะเจ้าหน้าที่ ผู้แทนหัวหน้าศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ําห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ผู้ใหญ่บ้านศรีถาวรพนา หมู่ที่ 12 ตําบลกกตูม และวิทยากร ร่วมพิธีเปิดการฝึกอบรมในครั้งนี้
5/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905134055900
247,066
จังหวัดกาญจนบุรี จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวของประเทศ
ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อยกระดับความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยมี นางสาวกิรดา ลําโครัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) เข้าร่วม การจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ส่งเสริมให้อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ และอํานวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว บุคลากรทางการกีฬา การจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมนันทนาการ รวมถึงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทุกมิติ รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งจากสถิติปี 2565 จังหวัดกาญจนบุรีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ
5/9/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905134228901
247,067
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมเศรษฐกิจ กรอ. ร่วมประชุมคณะอนุกรรมมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา เสนอประเด็นการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ภาคตะวันตก CWEC
วันที่ 5 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมอโยธยา ชั้น 3 อาคาร 4 ชั้น ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฯ นําคณะทํางานบริหารจัดการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.จ.อย) ร่วมประชุมคณะอนุกรรมมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สําหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ภาคตะวันตก หรือ Central - Western EconomicCorridor : CWEC ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี มุ่งเน้นการพัฒนาให้เป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนําในด้านอุตสาหกรรมเกษตร การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไฮเทคมูลค่าสูงระดับมาตรฐานสากล เชื่อมโยงกรุงเทพฯ พื้นที่โดยรอบ และ EEC โดยเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนผู้สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจังหวัด ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้แทนสภาหอการค้าจังหวัด ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่จาก 4 จังหวัดดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ในแต่ละพื้นที่เขตเศษฐกิจพิเศษมีความเข้าใจ สนใจ และมีส่วนร่วมกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมด้าน นายกกชัย ฉายรัศมีกุล เปิดเผยว่า ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษเป็นนโยบายสําคัญของรัฐบาล จึงขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสําคัญและร่วมขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว ในส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เสนอประเด็นที่สําคัญในที่ประชุม ในเรื่องความต้องการของพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง - ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มจากจังหวัดนครราชสีมา โดยขอเพิ่มจังหวัดสระบุรี ด้านการศึกษา ขอให้สนับสนุนทางด้านวิชาการการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนการวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมนวัฒกรรมหรือการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านวิศวะกรรมยานยนตร์ไฟฟ้า และงบประมาณเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น นอกจากนี้ ขอให้เพิ่มด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากอยุธยาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก อีกด้วย
5/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905181250024
247,068
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันคงนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงนโยบายลดราคาน้ํามันดีเซลว่า ขณะนี้กําลังดูว่าจะใช้กลไกใดระหว่างการลดภาษีสรรพสามิตน้ํามันและการใช้กลไกเงินกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุน ส่วนการจัดทํางบประมาณปี 2566 จะต้องรื้อใหม่หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าคงไม่ต้องรื้อใหม่ทั้งหมดอะไรที่เป็นหลักการก็อาจคงไว้ ส่วนอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนก็ปรับไปขณะที่นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังคงไว้เป็นนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ส่วนของงบประมาณ หรือแหล่งเงินที่จะใช้ในนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทได้แจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยจะมีความชัดเจนภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา พร้อมกันนี้ขอไม่ตอบว่าจะมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นหรือไม่
5/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905184944036
247,069
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ภายในปี 2569
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมจะยังคงดําเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเช่นเดิม แม้นโยบายดังกล่าวจะไม่ได้บรรจุลงในคําแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ ทั้งนี้การที่ไม่ได้บรรจุในแถลงนโยบายก็ตาม แต่นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะดําเนินการให้เป็นรูปธรรมและนํามาปฏิบัติได้จริงให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ ภายหลังจากสองปีแรกที่เข้ารับตําแหน่งแน่นอน หรือประมาณปี 2569รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังกล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายมีความกังวลว่าหากไม่ได้บรรจุนโยบายดังกล่าวในคําแถลงนโยบายต่อสภา ยืนยันว่า รัฐบาลจะต้องมุ่งเน้นในภาพรวมของการลดต้นทุนโลจิสติกส์เป็นหลักและการลงทุนที่ส่งเสริมโลจิสติกส์ก่อน ซึ่งในส่วนนี้ต้องใช้งบประมาณจํานวนมหาศาล ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูและศึกษาถึงแนวทางรวมถึงแหล่งงบประมาณที่จะนํามาใช้ควบคู่กัน
5/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905184606032
247,070
จังหวัดตราด จัดงานส่งเสริมถนนคนเดินท่องเที่ยววิถีชุมชนตราด
(5 ก.ย. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมถนนคนเดินท่องเที่ยววิถีชุมชนตราด ซึ่งจังหวัดตราด โดยสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราด ร่วมกับเทศบาลเมืองตราด จัดขึ้นบริเวณวัดโยธานิมิต (วัดโบสถ์) ตําบลวังกระแจะ อําเกอเมืองตราด จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 5 - 7 กันยายน 2566 สําหรับการจัดงานส่งเสริมถนนคนเดินท่องเที่ยววิถีชุมชนตราด จัดขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการค้า การท่องเที่ยว และบริการ กิจกรรมหลักสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของจังหวัดตราด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดตราด ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เพิ่มช่องทางการตลาดการจําหน่ายสินค้า อันจะนําไปสู่การเพิ่มรายได้ของประชาชนในชุมชนและจังหวัด เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว ด้วยการดึงจุดขายให้เห็นถึง “เสน่ห์ อัตลักษณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชุมชนคนตราด” นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดเวทีประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของชุมชนช่วยสร้างโอกาส และเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับประชาชนของจังหวัดตราด โดยภายในงานมีการแสดงและจําหน่ายสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชน แสดงอัตลักษณ์วิถีชุมชนคนตราด ชุมชนท่องเที่ยว สินค้าเกษตรปลอดภัย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผ้า เครื่องประดับอัญมณี ร้านค้าและผู้ผลิตสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตราด จํานวนกว่า 100 คูหา โดยเปิดจําหน่ายระหว่างเวลา 15.00 - 21.00 น. ในทุกวันของการจัดงาน
5/9/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905193322066
247,071
จังหวัดมุกดาหาร ประชุมเตรียมงาน "ปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร - สะหวันนะเขต ปี 2"
วันนี้ (5 สิงหาคม 2566) เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมดอกช้างน้าว ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน ประชุมเตรียมงาน "ปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร - สะหวันนะเขต ปี 2" (CULTURAL TOURISM OF MUKDAHAN-SAVANNAKHET SEASON 2) โดยมี นายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ท่านโพสีส้อย กุทิลาด หัวหน้าแผนกแถลงข่าววัฒนธรรมและท่องเที่ยวแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว และคณะทํางานเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยการจัดงาน "ปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร - สะหวันนะเขต ปี 2" (CULTURAL TOURISM OF MUKDAHAN-SAVANNAKHET SEASON 2) จะกําหนดจากขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2566 โดยจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับ สมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร ที่จะชวนนักท่องเที่ยว นักปั่นมาสัมผัส Unseen new chapters ยลเสน่ห์เมืองไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต ภายใต้ธีมงาน "Crossing (โคตรซิ่ง) Amazing ยิ่งกว่า" ดื่มด่ําบรรยากาศริมสองฝั่งโขงยามค่ําคืน สุดแสนโรแมนติก Crossing Amazing ยิ่งกว่าเดิม กับการแสดงต้อนรับด้วยศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตสองฝั่งโขง สนุก มันส์ โคตรซิ่งและชิลล์ริมโขง ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม สมัครประเภท ปั่นค้างคืน 2 วัน 1 คืน ค่าโปรแกรม 1,990 บาท รับเสื้อ ค่าผ่านแดน ค่าธรรมเนียม ค่ารถขนส่ง ค่าร่วมกิจกรรม ค่าที่พัก(เตียงคู่) อาหารและเครื่องดื่ม 4 มื้อ และ ประกันอุบัติเหตุ ส่วนประเภทปั่นค้างคืน 1 วัน ค่าโปรแกรม 990 บาท รับเสื้อ ค่าผ่านแดน ค่าธรรมเนียม ค่ารถขนส่ง ค่าร่วมกิจกรรม อาหารและเครื่องดื่ม 2 มื้อและ ประกันอุบัติเหตุ เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม - 2 ตุลาคม 2566 ที่ https://events.thaimtb.com หรือ สมาคมการค้าท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร โทร. 088-5522554
5/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุบลราชธานี
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905184944035
247,072
กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่และหารือด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน
วันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 10.30 น. ณ ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส แห่งที่ 2 นายภาษิต จูฑะพุทธิ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมคณะ เพื่อแนะนําตัว ในโอกาสรับตําแหน่งใหม่และหารือด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน โดยมีคณะกงสุล อาทิ นายวิโรจน์ แก้วบุญทอง นางสาวกมลรัตน์ สวนแก้ว และนางสาวรักษ์ธรรม จารุภาชน์ เข้าเยี่ยมคารวะ ในครั้งนี้
5/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905195043072
247,073
พาณิชย์จังหวัดสกลนคร ออกตรวจร้านดอกไม้ ร้านค้า ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พาณิชย์จังหวัดสกลนคร นําทีมออกตรวจควบคุม ป้องปราม แนะนําให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านจําหน่ายดอกไม้ ร้านค้า ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านผู้ประกอบการบอก ปีนี้ซบเซา บัณฑิตตอบรับเข้าร่วมพิธีน้อย วันนี้ (5 ก.ย 66) ที่บริเวณร้านค้า ร้านจําหน่ายอาหาร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ได้เปิดให้มีการเช่า เพื่อจําหน่าย อาหารและสินค้า รวมทั้งการจําหน่ายดอกไม้ ในพิธีมอบปริญญาบัตร แก่ผู้สําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกําหนดในระหว่างวันที่ 6-14 กันยายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทีมกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สํานักงานพาณิชย์ จังหวัดสกลนคร นําโดย นางเกศินี พวงประดิษฐ์ พาณิชย์จังหวัดสกลนคร ร่วมกับฝ่ายจัดหารายได้มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และสํานักงาน ประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร ร่วมกันออกตรวจป้องปราม ควบคุม แนะนําให้ความรู้ด้านการจําหน่ายสินค้าและบริการ โดยมีการแจกแผ่นพับ ให้ความรู้เกี่ยวกับการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า และบริการ เพื่อให้ความ เป็นธรรมแก่ผู้บริโภคนางเกศินี พวงประดิษฐ์ พาณิชย์จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า จากปีที่ผ่านมาในช่วงการรับปริญญา ได้มีประชาชน แจ้งเรื่องการ จําหน่ายสินค้าเกินราคา ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า โดยเฉพาะการ จําหน่ายดอกไม้ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงได้ลงพื้นที่ออกตรวจ เพื่อควบคุมและป้องปราม รวมทั้งให้คําแนะนํา และจากการออกตรวจ ผู้ประกอบการมีความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนการจําหน่ายช่อดอกไม้ที่เป็นธนบัตร ผู้ประกอบการได้มีการแจงรายละเอียด จํานวนราคาธนบัตร ค่าจัดทํา เพื่อให้ประชาชนพิจารณา และเลือกซื้อตาม ความสมัครใจ ทั้งนี้ หากพบเห็นการไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า หรือสิน ค้าราคาแพงเกินจริง สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการร้านจําหน่ายดอกไม้ บอกว่า ปีนี้ซบเซามาก เนื่องจากมีจํานวนของบัณฑิต ที่เข้ารับปริญญาน้อย ลงกว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัว รายได้อาจลดลง แต่ก็ยินดีจําหน่ายให้กับลูกค้า และพร้อมปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่ให้คําแนะนําอย่างเคร่งครัด ไม่เอาเปรียบ ลูกค้าแน่นอน
5/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สกลนคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230905192546063
247,074