NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
6
19
Region
stringclasses
7 values
Province
stringclasses
79 values
Department
stringclasses
169 values
Link_News
stringlengths
62
62
__index_level_0__
int64
0
248k
“พวงเพ็ชร” เผย ครม.ผ่านงบฯ พระปริยัติธรรม 346 ล้าน ปลดล็อกการศึกษาพระ-เณรไทย เจ้าคุณประสาร ม.จุฬาลงกรณ ชื่นชม รมต.ใหม่รับปากไว้ทำได้ทันที
วันนี้ (27 กันยายน 2566) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนรายเดือนแก่เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) จํานวน 3,320 อัตรา จํานวน 346,726,400 บาท ตามที่สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ภายหลังที่ได้รับมอบหมายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้กํากับ ดูแลและสั่งราชการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ลงพื้นที่กราบพระเถระตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสอบถามรับฟังปัญหาจากพระเถระตามวัดต่าง ๆ ได้ให้ข้อเสนอแนะ พร้อมเสนอปัญหาของกิจการคณะสงฆ์ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณของการศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) ที่ยังไม่เคยได้รับเลย ทําให้การบริหารการศึกษาในส่วนนี้ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อรับทราบปัญหา รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเร่งนําเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ทางด้าน พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ (25 กันยายน) ได้พบ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีในงานแถลงข่าว 338 ปีวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร โดยรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เข้าใจและรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไขและช่วยเหลือคณะสงฆ์อย่างเต็มที่ ไม่เฉพาะเรื่องนี้ หมายรวมถึงในทุก ๆ เรื่องที่เป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบ ภายหลังที่ได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนรายเดือนแก่เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) ได้สอบถามไปตาม จศป. ต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศต่างก็อนุโมทนาสาธุการ อนุโมทนาในบุญกุศลที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่ให้ความสําคัญต่อการศึกษาของคณะสงฆ์ ให้การอุปถัมภ์ต่อการศึกษาในส่วนของพระสงฆ์ สามเณรที่เป็นเนื้อนาบุญ ที่สําคัญท่านรับปากกับพระไว้อย่างไร ท่านก็ทําให้ได้ทันท่วงที จึงเป็นการปลดล็อกปัญหาต่าง ๆ ที่ค้างคาและหมักหมมมายาวนาน “ต่อจากนี้ไปงานการพระศาสนาในทุก ๆ ด้านทั้งการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ธรรมศึกษา บาลี บาลีศึกษา ปริยัติสามัญ และมหาวิทยาลัยสงฆ์ในสังกัด อว. คงจะมีความหวังมากขึ้นจากภาครัฐ ทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติของรัฐบาลที่มีต่อคณะสงฆ์ทั้งประเทศ” พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าว
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927095321791
245,872
นายกฯ เตรียมประชุม ก.ตร. ถกวาระแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ พร้อมจับตา ขอขยายเวลาแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการ ออกไปเป็นครั้งที่ 2
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตํารวจ หรือ ก.ตร. เตรียมเข้าร่วมประชุม ก.ตร. ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติช่วงบ่ายวันนี้ โดยมีการพิจารณาหลายวาระ ซึ่งวาระสําคัญ คือ วาระการแต่งตั้งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนใหม่ ที่ต้องจับตาว่า จะมีการพิจารณาแต่งตั้งได้หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. มีอํานาจถอนวาระนี้ออกได้ หากที่ประชุม ก.ตร. มีการถกเถียง หรือหารือกันแล้วไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายตํารวจที่จะมาดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ก็เป็นอํานาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะขอถอนวาระการประชุมเลือกผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ออกไปก่อนได้ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่า วันนี้ อาจมีการเสนอที่ประชุม ก.ตร. เพื่อขอขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายนายตํารวจระดับรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการ ออกไปอีกอย่างน้อย 30 วัน ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการขอขยายเวลาในการแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการ
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927094357790
245,873
นายกฯ เตรียมเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาพรุ่งนี้ เพื่อแนะนำตัวในฐานะผู้นำคนใหม่ของไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมผลักดันความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกําหนดการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.66) ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในอาเซียน เพื่อแนะนําตัวอย่างเป็นทางการ ภายหลังเข้ารับตําแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นโอกาสอันดีที่นายกรัฐมนตรีจะพบกับ พลเอก ฮุน มาเนต ที่เข้ารับตําแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ถือเป็นผู้นําใหม่ของทั้ง 2 ประเทศ ในการกระชับมิตรภาพและความร่วมมือทุกด้าน ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สําคัญการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับกัมพูชาในทุกมิติ เนื่องจากกัมพูชาเป็นคู่ค้าสําคัญของไทย ซึ่งไทยมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการค้าของ 2 ประเทศ จาก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2568โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ไทยจะผลักดันความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน เช่น แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ,ยาเสพติด ,การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด อีกทั้งจะผลักดันการค้าชายแดน และยกระดับจุดผ่านแดน อํานวยความสะดวกในการใช้ใบผ่านแดนชั่วคราว การพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้า ความร่วมมือด้านแรงงาน รวมถึงเร่งผลักดันสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) และจุดผ่านแดนถาวร คลองลึก-ปอยเปต ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศต่อไป.
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927093344785
245,874
รองนายกฯ มอบนายศุภชัย ใจสมุทร ตัวแทนพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมหารือประเด็ดการแก้รัฐธรรมนูญ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยประเด็นการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าเบื้องต้นยังไม่ได้หารือกันภายในว่าจะแก้ทั้งฉบับ หรือแก้แบบรายมาตรา เบื้องต้น ได้มอบหมายให้นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ในนามตัวแทนพรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทําประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อร่วมหารือในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และคุ้นเคยกับการแก้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างดีส่วนเรื่องการเสนอนายคารม พลพรกลาง อดีตผู้สมัคร สส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคภูมิใจไทย เป็นรองโฆษกรัฐบาล เป็นไปเพื่อการช่วยเหลืองานของรัฐบาลเท่านั้น ทุกฝ่ายร่วมกันทํางานอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927111228822
245,875
ไทย และ สปป.ลาว ร่วมหาแนวทางปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน ผลักดันปัญหายาเสพติดเป็นวาระนานาชาติ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พบหารือกับพลตรี คํากิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบและหัวหน้ากรมใหญ่ตํารวจ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พลจัตวา สมหมาย พมมะจัน หัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบแขวงสะหวันนะเขต พันเอก อินปง จันทะวงสา เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด และคณะนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลงานด้านความยุติธรรม การแก้ปัญหายาเสพติด ดังนั้นมั่นใจว่าจะได้ประสานและสนับสนุนการแก้ปัญหายาเสพติดกับ สปป.ลาว ได้ดีมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันต้องปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ด้วย เนื่องจากพบว่าเส้นทางการเงินมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมขอให้ สปป.ลาว ติดตามผู้ต้องหาในคดียาเสพติดตามหมายจับของไทยที่หลบหนีไปยัง สปป.ลาว ซึ่งพบว่ามีถึง 54 หมายจับ หากสามารถส่งตัวกลับมาไทยได้ ก็จะช่วยขยายผลไปสู่การยึดอายัดทรัพย์ได้อีกเป็นจํานวนมากขณะที่ พลตรี คํากิ่ง กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ได้หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดให้สัมฤทธ์ผล นอกจากนี้จากการหารือกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็มีแนวคิดตรงกันว่าจะผลักดันการแก้ปัญหายาเสพติด เป็นวาระนานาชาติ เพราะยาเสพติดถือเป็นปัญหาใหญ่ พร้อมเชื่อมั่นว่าจากนี้ ป.ป.ส.ของทั้ง 2 ประเทศ จะทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927205545015
245,876
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การใช้งานแพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาบ้านเมือง Traffy fondue
ที่ห้องประชุมประดิษฐ์จองคํา ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในการเปิดพิธีโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การใช้งานแพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาบ้านเมือง Traffy fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการสําหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นแพลตฟอร์มสําหรับสื่อสารเรื่องปัญหาของเมือง ระหว่างประชาชนและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งสามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือแจ้งความคืบหน้าให้แก่ผู้ที่แจ้งปัญหาได้ด้วย ช่วยลดภาระการทํางานของเจ้าหน้าที่ส่งผลให้การทํางานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและยกระดับการมีส่วนร่วมของพลเมือง (Citizen Engagement) และผู้เกี่ยวข้องได้ทุกที่และทุกเวลา
27/9/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927160536940
245,877
นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ 28 กันยายนนี้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกําหนดการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา อย่างเป็นทางการ วันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.66) ซึ่งเป็นการเยือนประเทศแรกในอาเซียนเพื่อแนะนําตัวหลังเข้ารับตําแหน่ง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเยือนครั้งนี้ นอกจากเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว ไทยยังจะผลักดันความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน เช่น แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ คอลเซนเตอร์ ยาเสพติดและการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการยกระดับจุดผ่านแดนเพื่ออํานวยความสะดวกในการออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราว การพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้า ความร่วมมือด้านแรงงาน รวมถึงการเร่งผลักดันสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) และจุดผ่านแดนถาวร คลองลึก-ปอยเปต เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตาี กล่าวอีกว่า การเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือทวิภาคีกับ พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่พึ่งเข้ารับตําแหน่งเช่นกัน ซึ่งไทยจะหารือถึงความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และการผลักดันการค้าชายแดน เพราะกัมพูชาเป็นคู่ค้าสําคัญของไทย โดยไทยมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการค้าของ 2 ประเทศ จาก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2568 โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา รวมถึงเข้าเยี่ยมคารวะประธานรัฐสภากัมพูชาและประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ยังจะจัดเลี้ยงอาหารค่ําอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีด้วย
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927205625016
245,878
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ มีมติแต่งตั้งพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14
ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตํารวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 10/2566 ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน มีมติให้พลตํารวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ อาวุโสลําดับที่ 4 เป็นผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนที่ 14 โดยการประชุม ก.ตร.ในวันนี้ เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 15.00 น. และขยับวาระการแต่งตั้งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรก จากเดิมอยู่ในลําดับที่ 66 โดยระหว่างการพิจารณาได้เชิญพลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ และพลตํารวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ 2 คน ที่มาร่วมประชุมออกจากห้องประชุมเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาเรื่องคุณสมบัติก่อนลงมติ และใช้เวลาพิจารณานานกว่า 1 ชั่วโมงสําหรับพลตํารวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เข้ารับราชการตํารวจในปี 2540 ก่อนเติบโตในสายงานมาดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลางในปี 2563 , ดํารงตําแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ในปี 2564 และดํารงตําแหน่งรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปราม
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927185326982
245,879
พ่อเมืองโคราช นำข้าราชการ เคารพธงชาติหน้าศาลากลาง เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของชาติ แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ
ที่บริเวณเสาธงหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการอัญเชิญธงชาติไทย เพื่อประกอบพิธีเนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย ประจําปี 2566 และนําส่วนราชการ ศาล ทหาร ตํารวจ ร่วมกันยืนตรงเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติไทย กันอย่างพร้อมเพียง เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเพื่อเป็นการน้อมรําลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า คุณค่าของเพลงชาติไทย เป็นสิ่งที่สะท้อนความนึกคิดของคนไทยให้เกิดความรักชาติ ความสามัคคีเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน ให้หวงแหนแผ่นดินไทย คุณค่า ที่สําคัญอีกอย่างหนึ่งคือเพลงชาติไทยสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของชาติ แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทยพร้อมกันทั่วประเทศในวันนนี้ อีกทั้งเป็นการน้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์
28/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928085244054
245,880
นายกรัฐมนตรี ย้ำการบริจาคเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ให้มูลนิธิช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเป็นความประสงค์ส่วนตัว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ พร้อมให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางถึงประเด็น การบริจาคเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกว่า 120,000 บาทให้กับมูนิธิต่างๆ ว่าเป็นความประสงค์ส่วนตัวที่ได้ทํามาตั้งแต่ก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ขออย่ามองว่าจะเป็นตัวอย่างให้กับรัฐมนตรีคนอื่น เพราะไม่อยากไปกดดัน ส่วนการบริจาคเงินเกิน 3,000 บาท จะผิดข้อกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ย้ําว่า ทุกอย่างต้องบริจาคผ่านมูลนิธิที่มีการตรวจสอบแล้ว ซึ่งเป็นเจตนารมย์ของตนเองที่ต้องการช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความต้องการนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การแต่งตั้งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนใหม่ ที่เสร็จสิ้นลงไปเมื่อวานนี้ว่าภารกิจทุกอย่าง หากเสร็จแล้วก็มีความสบายใจ ส่วนที่ไม่รอให้การสอบสวน พลตํารวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติและลูกน้องเสร็จสิ้นก่อน ย้ําว่าขอให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาแล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติจะเป็นผู้ชี้แจง ส่วนตัวมองว่าไม่ควรนําเรื่องในที่ประชุมมาพูดต่อและการที่ตนเองงดออกเสียง ไม่มีความกังวลยืนยันว่าทําด้วยเจตนารมย์บริสุทธิ์ ซึ่งในที่ประชุมมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และให้ความเป็นธรรมกับแคนดิเดตผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติทุกคน
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928100418112
245,881
ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย ครม.ผ่านมาตรการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย 2.7 ล้านราย เงินต้นไม่เกิน 3 แสนบาท
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพักชําระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลระยะที่ 1 รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าว ภายใต้หลักการ "ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการพักชําระหนี้เกษตรกร ระยะเวลา 3 ปี ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยพักชําระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะแรก เริ่ม 1 ต.ค.นี้ ได้แก่ 1. มาตรการพักชําระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่ฟื้นตัวและกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. รวมถึงเพื่อเพิ่มโอกาสนําเงินไปใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพและฟื้นฟูศักยภาพของตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยเกษตรกรลูกค้ารายย่อย ธ.ก.ส. จํานวน 2.698 ล้านราย (มูลหนี้ 2.83 แสนล้านบาท) ต้องเป็นลูกค้ารายย่อยที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท และมีสถานะเป็นหนี้ปกติและ/หรือเป็นหนี้ค้างชําระ (หนี้ 0 - 3 เดือน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)) ได้รับสิทธิ์ในการพักชําระหนี้ระยะแรก ดําเนินการ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ต้องการรับสิทธิ สามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าวได้ตามความสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึงวันที่ 31 ม.ค.67 รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมาชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมมาตรการในอัตรา 4.50 % ต่อปี วงเงินงบประมาณ 11,096 ล้านบาท ทั้งนี้ สําหรับลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs จะสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ได้ เมื่อได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ธ.ก.ส. แล้ว 2. การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. งบประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือเกษตรกร ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ฯ และสมัครใจเข้ารับการพัฒนาศักยภาพ โดยการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมฟื้นฟูการประกอบอาชีพแก่ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิตลดความสูญเสีย ลดความเสี่ยง เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมาตรฐานผลผลิตและผลิตภัณฑ์ สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความสามารถในการชําระหนี้ และเพื่อเพิ่มทักษะของเกษตรกรให้สามารถนําเทคโนโลยี นวัตกรรม ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ในการประกอบอาชีพ เพื่อเชื่อมโยงตลาดห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้หลักตลาดนําการผลิต รวมถึงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยทักษะทางการเงินและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าว ภายใต้หลักการ "ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" เพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้สินเกษตรกรอย่างบูรณาการ ธ.ก.ส. ร่วมกับส่วนงานราชการ และหน่วยงานภายนอกดําเนินการอบรมเกษตรกรคู่ขนานไปกับมาตรการพักชําระหนี้ที่ได้เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรในการนําเงินไปลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพ โดยการอบรมอาชีพเกษตรกรจะช่วยฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีศักยภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการดํารงชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการชําระหนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมวินัยการเงินซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการพักชําระหนี้เกษตรกรดังกล่าว จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อยให้สามารถมีรายได้เหลือเพียงพอต่อรายจ่ายที่จําเป็นในครัวเรือน รวมถึงมีโอกาสขยายการลงทุนในการประกอบอาชีพและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ซึ่ง ธ.ก.ส. ดําเนินการร่วมกับหน่วยงานภายนอกอย่างบูรณาการ จะช่วยยกระดับการดํารงชีพของเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อันจะนําไปสู่การเพิ่มกําลังซื้อในระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างความมั่นคงของเกษตรกร และเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป
28/9/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928102512128
245,882
ประธานวิปรัฐบาล จะเสนอญัตติด่วนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของตำรวจไทย
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทํางานของตํารวจที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการพนันออนไลน์ รวมถึงคดีกํานันนก ว่า เป็นเรื่องที่ควรเสนอญัตติเข้าสู่การประชุมรัฐสภาเพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกิดการปฏิรูปและตรวจสอบการทํางานของตํารวจไทยให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยทางทรัพย์สิน เมื่อองค์กรเดินหน้าไปต่อไม่ได้ประชาชนก็เป็นผู้เสียประโยชน์ ทั้งนี้ได้ฝากถึงผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนใหม่ให้ทํางานอย่างจริงจังในการตรวจสอบและปฏิรูปการทํางานของตํารวจไทยให้ดีขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นในผลงานการทํางานของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการบุกจับขบวนการค้ายาเสพติดและอื่นๆ ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคก้าวไกล จะขับไล่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในฐานะสส.พรรค เพื่อให้สามารถรักษาทั้งตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านและตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้ว่า ไม่เห็นด้วยเนื่องจากนายปดิพัทธ์ ไม่ได้กระทําความผิดถึงขั้นต้องขับไล่ออกจากพรรค ดังนั้นหวังว่าพรรคการเมืองทุกพรรคจะไม่ขับไล่สมาชิกโดยไม่มีข้อหา
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928183311367
245,883
จังหวัดสุรินทร์จัดกิจกรรมเคารพธงชาติไทยและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน 2566
วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่บริเวณหน้าเสาธงศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์จัดกิจกรรมเคารพธงชาติไทยและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย โดยนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้นําส่วนราชการระดับจังหวัด และระดับอําเภอ ซึ่งแต่งกายเครื่องแบบข้าราชการกากีคอพับแขนยาว สวมหมวก ร่วมเคารพธงชาติไทยและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย โดยพร้อมเพรียงสําหรับวันพระราชทานธงชาติไทยนั้น เป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศพระราชบัญญัติ แก้ไขพระราชบัญญัติธง พุทธศักราช 2460 โดยมีสาระสําคัญคือ การประกาศให้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีการประกาศไว้ ณ วันที่ 28 กันยายน 2460 สํานักนายกรัฐมนตรีและสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี จึงเสนอให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย และในวันที่ 20 กันยายน 2559 ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจําสัปดาห์ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้วันที่ 28 กันยายน ของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย โดยให้เริ่มในวันที่ 28 กันยายน 2560 เป็นปีแรก เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ธงชาติไทย แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ และได้กําหนดให้มีการชักธงและประดับธงชาติไทยในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และน้อมรําลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และถือเป็นประเทศที่ 54 ของโลกที่มีวันธงชาติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกแบบธงไตรรงค์ ซึ่งมีแถบสีแดง สีขาว และสีน้ําเงินแก่ และได้ให้ความหมายของสีที่อยู่ในธงชาติ คือ สีแดง หมายถึง เลือดอันยอมพลีเพื่อธํารงรักษาชาติและศาสนา สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งศาสนา สีน้ําเงิน หมายถึง สีส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์
28/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุบลราชธานี
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928125646191
245,884
ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ ครม. เห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อย พร้อมพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส.
วันนี้ (28 ก.ย. 66) สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพักชําระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลระยะที่ 1 รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าว ภายใต้หลักการ “ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการพักชําระหนี้เกษตรกร ระยะเวลา 3 ปี ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา พักชําระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะแรก เริ่ม 1 ต.ค.นี้1. มาตรการพักชําระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล วัตถุประสงค์ 1) เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่ฟื้นตัวและกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง 2) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. 3)เพื่อเพิ่มโอกาสนําเงินไปใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพและฟื้นฟูศักยภาพของตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยเกษตรกรลูกค้ารายย่อย ธ.ก.ส. จํานวน 2.698 ล้านราย (มูลหนี้ 2.83 แสนล้านบาท) ต้องเป็นลูกค้ารายย่อยที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท และมีสถานะเป็นหนี้ปกติและ/หรือเป็นหนี้ค้างชําระ (หนี้ 0 - 3 เดือน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)) ได้รับสิทธิ์ในการพักชําระหนี้ระยะแรก ดําเนินการ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ต้องการรับสิทธิสามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าวได้ตามความสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึงวันที่ 31 ม.ค.67 รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมาชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมมาตรการในอัตรา 4.50 % ต่อปี วงเงินงบประมาณ 11,096 ล้านบาท ทั้งนี้ สําหรับลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs จะสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ได้ เมื่อได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ธ.ก.ส. แล้ว 2. การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส.ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. งบประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ฯ และสมัครใจเข้ารับการพัฒนาศักยภาพ โดยการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมฟื้นฟูการประกอบอาชีพแก่ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ 1) เพื่อพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต ลดความสูญเสีย ลดความเสี่ยง เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมาตรฐานผลผลิตและผลิตภัณฑ์ สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความสามารถในการชําระหนี้ 2) เพื่อเพิ่มทักษะของเกษตรกรให้สามารถนําเทคโนโลยี นวัตกรรม ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ในการประกอบอาชีพ 3) เพื่อเชื่อมโยงตลาดห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้หลักตลาดนําการผลิต4) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยทักษะทางการเงินและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ดังกล่าว ภายใต้หลักการ "ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" เพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้สินเกษตรกรอย่างบูรณาการ ธ.ก.ส. ร่วมกับส่วนงานราชการ และหน่วยงานภายนอกดําเนินการอบรมเกษตรกรคู่ขนานไปกับมาตรการพักชําระหนี้ที่ได้เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรในการนําเงินไปลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพ โดยการอบรมอาชีพเกษตรกรจะช่วยฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีศักยภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการดํารงชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการชําระหนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมวินัยการเงินซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว กระทรวงการคลัง คาดว่า มาตรการพักชําระหนี้เกษตรกรดังกล่าว จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อยให้สามารถมีรายได้เหลือเพียงพอต่อรายจ่ายที่จําเป็นในครัวเรือน รวมถึงมีโอกาสขยายการลงทุนในการประกอบอาชีพและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ซึ่ง ธ.ก.ส. ดําเนินการร่วมกับหน่วยงานภายนอกอย่างบูรณาการ จะช่วยยกระดับการดํารงชีพ ของเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อันจะนําไปสู่การเพิ่มกําลังซื้อในระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างความมั่นคงของเกษตรกร และเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป สามารถเช็กคุณสมบัติผ่าน “BAAC Mobile” ธ.ก.ส. ได้จัดวางระบบให้เกษตรกรลูกค้าแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชําระหนี้ฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “BAAC Mobile” โดยใช้หมายเลขบัตรประจําตัวประชาชนของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นระบบจะมีการประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ หากเข้าเกณฑ์ผู้มีคุณสมบัติตามมาตรการ ธ.ก.ส. จะนัดหมายลูกค้าและผู้ค้ําประกันไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทําเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 31 มกราคม 2567 รวม 4 เดือน
28/9/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928132601202
245,885
นายกฯ เสร็จสิ้นภารกิจการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยไทยและกัมพูชาเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือด้านการค้า และเพิ่มเที่ยวบินเมืองรอง รวมเปิดสถานกงสุลกัมพูชาที่จังหวัดสงขลา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศแรกในอาเซียน เพื่อแนะนําตัวหลังเข้ารับตําแหน่งแล้ว โดยการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้พบหารือหารือทวิภาคีกับ พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ที่สํานักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือ วิมานสันติภาพ (Peace Palace) ซึ่งผู้นําทั้ง 2 ฝ่าย ต่างแสดงความยินดีต่อกันในโอกาสเข้ารับตําแหน่งนายกในช่วงเดียวกัน และเห็นพ้องยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านทั้งการค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการพัฒนาชายแดน โดยการร่วมอํานวยความสะดวกเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 ผลักดันการขนส่งชายแดนโดยเร่งเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ขณะที่การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายไทยเสนอเพิ่มความร่วมมือการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และขอให้กัมพูชาอนุญาตให้ใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวชายแดน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาได้ขอไทยสนับสนุนเพิ่มเที่ยวบินโดยเฉพาะจากเมืองรอง ซึ่งตรงกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยที่ต้องการส่งเสริมเมืองรอง นอกจากนี้ ยังขอให้ไทยตั้งสถานกงศุลกัมพูชาที่จังหวัดสงขลา เพื่ออํานวยความสะดวกแก่แรงงานชาวกัมพูชาที่ทํางานในพื้นที่ภาคใต้จํานวนมาก ส่วนประเด็นความมั่นคง ได้เสนอให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee: JBC) เพื่อยกระดับจุดผ่านแดนและเพิ่มปริมาณการค้า รวมถึงเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิด ขณะเดียวกันส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างสม่ําเสมอ เพื่อร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ คอลเซ็นเตอร์..... เสียงนายกฯ ท่องเที่ยว...... นายกรัฐมนตรี ยังได้ใช้โอกาส การเยือนอย่างเป็นทางการ เข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภากัมพูชา และสมเด็จวิบุลเสนาภักดี ซาย ชุม ประธานวุฒิสภากัมพูชา รวมถึงสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา พร้อมร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ําอย่างเป็นทางการ ซึ่งสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ก่อนเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ เมื่อเวลา 19.00 น. และจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ในเวลา 20.20 น.
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928180625356
245,886
จังหวัดภูเก็ต ประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมรับทราบผลการประเมิน ITA ปีงบประมาณ 2566
จังหวัดภูเก็ต ประชุมคณะกรรมการผลักดันการดําเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมรับทราบผลการประเมิน ITA ปีงบประมาณ 2566 วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 09.30 น ณ ห้องประชุมพระแทว ชั้น 5 สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต อําเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อํานวยการสํานักงาน ป.ป.ช. ประจําจังหวัดภูเก็ต เป็นการประชุม คณะกรรมการผลักดันการดําเนินงานตามแผนแม่บทภายใด้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 4 ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมี คณะกรรมการฯ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมโดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สํานักงาน ป.ป.ช.ได้ประกาศผลคะแนน ITA ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ภาพรวมของหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดภูเก็ต (ราชการส่วนภูมิภาค/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) รวม 20 หน่วยงาน ได้คะแนนเฉลี่ย 94.19 ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา 0.95 คะแนน และเมื่อพิจารณาตามค่าเป้าหมายตัวชี้วัดของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งได้กําหนดค่าเป้าหมายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไว้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะต้องมีค่าคะแนน ITA ไม่น้อยกว่า 85 คะแนนขึ้นไป เป็นจํานวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 100 ของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด ผลปรากฏว่า มีหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดภูเก็ต บรรลุค่าเป้าหมาย 20 หน่วยงาน หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ตได้รับรางวัลโล่เกียรติยศในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัญ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในประเภทจังหวัดที่มีการขับเคลื่อนการประเมิน ITA บรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (85 คะแนนขึ้นไป) จํานวนร้อยละ 100ซึ่งในการประเมิน ITAปี 2566 ของจังหวัดภูเก็ต"เทศบาลตําบลป่าคลอก" เป็นหน่วยงานที่มีผลการประเมินสูงสุดมีคะแนนเฉลี่ย 97.95 คะแนน (ระดับ ผ่านดี)โดยที่ประชุม ได้ขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ให้ความร่วมมือขับเคลื่อนการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องทําให้ผลการประเมิน ITA มีค่าคะแนนดีขึ้น และให้วางแนวทางการขับเคลื่อนในปี 2567 ด้วยนอกจากนี้ ในที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าในการดําเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนระดับ จังหวัด ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รอบ 12 เดือน การติดตามโครงการต้านและลดทุจริตด้วยกลไกสหยุทธ์ เฉพาะกรณีพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต (STRONG : Together Against Corruption - TaC) ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และรายงานกลับการดําเนินโครงการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ํา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้สํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ได้รวบรวมข้อมูลจัดทํารายงานข้อมูลพื้นฐานโครงการขุดลอกแหล่งน้ําจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีหน่วยงานที่มีข้อมูลโครงการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ํา จํานวน 5 หน่วยงาน คือ เทศบาลนครภูเก็ต โดยมีจํานวน 3 โครงการ รวมเป็นเงินงบประมาณ 1,461,396.86 บาท,องค์การบริหารส่วนตําบลกมลา โดยมีจํานวน 4 โครงการ รวมเป็นเงิน งบประมาณ 1,245,906 บาท, เทศบาลตําบลป่าคลอก มีจํานวน 1 โครงการ รวมเป็นเงินงบ 27,600 บาท เทศบาลตําบลกะรน โดยมีจํานวน 1 โครงการ รวมเป็นเงินงบประมาณ 2,409,000 บาท,เทศบาลตําบลราไวย์ 1 โครงการ งบประมาณ 498,299 บาท โดยหลังจากนี้จะมีการสุ่มตรวจการดําเนินโครงการให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และสํานักงานป.ป.ช.ประจําจังหวัดภูเก็ตจะสุ่มตรวจโครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียนด้วย
28/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928171516341
245,887
ไทย-กัมพูชา เห็นชอบกระชับความสัมพันธ์ระดับรัฐสภา พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือทุกมิติ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในโอกาสที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยได้พบหารือกับสมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยได้หารือถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในมิติของรัฐสภา รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสมาชิกรัฐสภาของไทยและกัมพูชามากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรียินดีจะนําสิ่งที่ประธานรัฐสภากัมพูชาได้แนะนํามาไปสานต่อความร่วมมือกันต่อไป และพร้อมส่งเสริมความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะด้านแรงงาน ซึ่งมีแรงงานกัมพูชาอยู่ในประเทศไทยเกือบล้านคน และไทยยินดีช่วยดูแลแรงงานโดยคํานึงถึงมนุษยธรรมด้านประธานรัฐสภาฯ ยินดีกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่มีมายาวนาน โดยหวังว่าทั้ง 2 ประเทศ จะเร่งทํางานสอดคล้องกัน พร้อมเสนอให้รัฐสภาทั้ง 2 ร่วมมือกัน โดยรัฐสภากัมพูชาต้องการเป็น e-parliament และ e-government เหมือนกับไทย และขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการฝึกอบรมนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบุลเสนาภักดี ซาย ชุม ประธานวุฒิสภาราชอาณาจักรกัมพูชา ที่วุฒิสภาราชอาณาจักรกัมพูชา โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างชื่นชมความสัมพันธ์ ไทย – กัมพูชา ทั้งในระดับพระราชวงศ์และระดับประชาชน โดยไทยและกัมพูชายินดีส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เพื่อส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจอันดีในทุกมิติและทุกระดับ
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928175907348
245,888
นายกรัฐมนตรี ยอมรับไทยมีความขัดแย้งมานาน ใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ลดความเหลื่อมล้ำ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภายในงาน ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต ที่จัดโดย ประชาชาติธุรกิจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ําก็เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาการต่างประเทศก็เช่นกัน ซึ่งประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก่อนเป็นประเด็นแรกคือ ปัญหาความเหลื่อมล้ําปัญหาสังคม เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่หมักหมมมายาวนาน ไม่อยากจะบอกว่าถูกปล่อยปะละเลยการแก้ปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ยากและใหญ่มีหลายมิติ ทําให้การแก้ปัญหาได้ไม่ตรง จึงต้องเริ่มด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีการวางโรดแมปไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ําตามทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่ง ซึ่งต้องแก้ปัญหาด้วยจิตใต้สํานึกของทุกคนไม่ใช่การออกมาตรการของรัฐบาล ขอให้ทุกคนเข้าใจและเชื่อว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ําความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกมิติ ไม่ว่าจะสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ เลือกการประกอบอาชีพ ถือเป็นเรื่องที่สําคัญ ขอให้ช่วยกันสนับสนุนแสดงความเห็นในเชิงบวก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อมีความเห็นต่างก็เกิดปัญหาความขัดแย้ง ไม่พอใจในการกระทําของอีกฝ่าย ขณะที่ปัจจุบัน การให้ความสําคัญกับ Social Media มากขึ้นก็มีผลกระทบในเชิงลึกมีมากเช่นกัน สังคมแตกแยกมีการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เรามีวิธีการที่สื่อสารกันได้หลายวิธี ดังนั้นเราต้องปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ลดความขัดแย้งในการพูด ไม่สายเกินไป ในการช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้นจากการกระทําของพวกเราทุกคน เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราจะนําประเทศเดินไปข้างหน้าควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนเข้าใจดี GDP ประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตกว่าเราถึงสองเท่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หากไม่มีการเยียวยา หรือบริหารจัดการ รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหา อะไรที่ทําได้เราทําก่อน เช่น การลดค่าไฟฟ้า การพักหนี้เกษตรกร ที่ผ่านมารัฐบาล พยายามแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรมาตลอด พักหนี้มาแล้ว 13 ครั้งใน 9 ปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะอาชีพเกษตรกร ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศ แต่เราจะไม่มรการจํานําข้าว หรือประกันราคาข้าว รัฐบาล จะใช้ตลาดนํานวัตกรรมเสริม ยกเว้นจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เราต้องช่วยเหลือเกษตรกรนายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องน้ําท่วมและภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ําแบ่งเป็นสี่ส่วนคือ การบริโภค ระบบนิเวศ อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด ซึ่งปีนี้ฝนตกช้าและตกน้อย จึงได้กําชับเรื่องการเก็บน้ํา โดยสั่งการกรมชลประทาน ต้องเร่งแก้ปัญหาการกักเก็บน้ํา ควบคู่กับการทําเกษตรกรรมทั้งหมดนายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงการเดินทาง ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสเจอผู้นําหลายประเทศและเป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วในการทําธุรกิจทุกประเทศ เราจะมีผู้นําและรัฐบาลเดินทางไปพบปะกับทุกประเทศ เพื่อทํา เร่งเจรจาเพื่อขยายข้อตกลง FTA เพื่อเป็นการเปิดประเทศ ให้นักลงทุนเข้ามาและจากการที่ได้พบตัวแทนหลายบริษัท เช่นไมโครซอฟ เทสล่า ก็ให้ความสนใจ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ํากว่า 5 พันล้านเหรียญ สําหรับการลงทุนอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ที่ไม่ได้พึ่งจาก GDP ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งไทยไม่ใช่มีเพียงวัฒนธรรม ภูเขา ทะเล หรือสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังมีโรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ไว้รองรับส่วนเรื่องของสนามบินก็เป็นเรื่องสําคัญ ไม่เช่นนั้นความเจริญก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร หรือภูเก็ตเท่านั้น ซึ่งในการท่องเที่ยวไม่ใช่เน้นนักท่องเที่ยวจํานวนนักท่องเที่ยว แต่ทําอย่างไรให้เขาอยู่ประเทศไทยนานขึ้น ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน โปรโมทยกระดับการท่าอากาศยานให้รองรับเที่ยวบินมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงอาจจะมีการเปลี่ยนสนามบินในพื้นที่ภาคใต้ เป็นอันดามันแอร์พอร์ต หรือที่เชียงใหม่ เป็นล้านนาแอร์พอร์ต ต้องพัฒนาขึ้นจากเดิม เทหมดหน้าตักในการพัฒนาประเทศ บําบัดทุกข์บํารุงสุขให้พี่น้องประชาชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมนี้ และยืนยันไม่ลืมต้นน้ําที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็น 10 ปี พร้อมยกตัวอย่าง กรณีของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถอีวี ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งอาจทําให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเดือดร้อน ซึ่งเราจะมีการพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้าย ทําให้ช่วงเวลาที่จะปรับตัวกับช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง พร้อมย้ํา รัฐบาลพร้อมสําหรับการเปิดประเทศ พูดคุยและรับข้อเสนอแนะ เพื่อดึงดูดการลงทุน สนับสนุนหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชน ให้ออกไปพูดคุยกับนานาประเทศ
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929142943537
245,889
นายกฯ เปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 เพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธิเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 (แซ็ดวัน) แบบ Soft Opening ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญกับการพัฒนาท่ากาศยานไทยทั่วประเทศ ให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็น 1 ในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จุดประกายให้เครื่องยนต์ทาง เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทั้งนี้การพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างงาน สร้างอาชีพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน การเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี ควบคู่กับการเปิดรันเวย์ตอนที่ 3 ในกลางปีหน้า เชื่อว่าการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินของภูมิภาค รองรับการค้าการลงทุนในระยะยาว สร้างเศรษฐกิจให้ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ ยังฝากถึงผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลการบริการในสนามบินให้เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารที่จะเข้ามาจํานวนมาก เพื่อสร้างประทับใจ ทําให้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ยืนยัน รัฐบาลให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวในทุกมิติ ทําให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสําหรับอาคาร SAT-1 เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลักด้วยอุโมงค์ใต้ดิน ภายในอาคารมีการตกแต่งเป็นแบบผสมผสาน ระหว่างสถาปัตยกรรม และศิลปะ สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมนําเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการนักท่องเที่ยว อาทิ รถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยที่สุด ปัจจุบันอาคาร SAT-1 ได้ผ่านการทดลองปฏิบัติการ ความพร้อมระบบ มีบุคลากรที่ผ่านการอบรมตามเกณฑ์มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ จะมีสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และสายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน จะเพิ่มจํานวนเที่ยวบิน รวมถึงสายการบินจนเต็มศักยภาพปลายปี 2566
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929114019465
245,890
หัวหน้าชุด pct ยืนยันเจ้าหน้าที่ชุด pct 4 จับ “มินนี่” ผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ตามขั้นตอนของกฎหมาย
พลตํารวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสํานักงานกฎหมายและคดีสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (กมค.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่เข้าตรวจค้นบ้านพักของรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ส่งเรื่องการสอบสวนให้กับพนักงานสอบสวนแล้วตั้งแต่วานนี้ ซึ่งทุกเรื่องควรจะอยู่ในสํานวนได้แล้ว เพราะได้ชี้แจงไปเยอะแล้ว ประกอบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปฏิบัติการในวันตรวจค้นด้วยแล้ว อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบส่วนกรณีที่วานนี้ นางสาวธันยนันท์ หรือสุชานันท์ สุจริตชินศรี หรือมินนี่ หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ชุด pct4 เข้าจับกุมตนเองนั้น พลตํารวจโท ไตรรงค์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเจ้าหน้าที่ชื่อ ”เจ” ที่มินนี่อ้างว่าเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุด pct 4 นั้น พลตํารวจโท ไตรรงค์ ไม่ได้ตอบคําถามและกล่าวเพียงว่าขออนุญาตให้สัมภาษณ์เพียงเท่านี้ก่อน
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929153512572
245,891
จังหวัดภูเก็ต เร่งรัดโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการระบบขนส่งมวลชนให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศ ตามแนวนโยบายของรัฐบาล
ภารกิจนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ในการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต เป็นการรับฟังแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการเดินทาง ทางบกและทางอากาศ รองรับการท่องเที่ยว และเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคและเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่จังหวัดภูเก็ตประสบปัญญาการจราจร โดยมีทางหลวงหมายเลข 402 หมากปรก - เมืองภูเก็ต เพียงเส้นทางเดียวที่ใช้เข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งมีปริมาณจราจรสูงถึง 62,609 คันต่อวัน ภาพการจราจรหนาแน่นและอุบัติเหตุจึงเป็นปัญหาต่อการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนโดยสาร ภายในจังหวัดมีไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่มีอยู่ประมาณ 1,200,000 คนทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะนําเรียนภาพรวมความต้องการโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการระบบขนส่งมวลชน ที่มีการขับเคลื่อนเดินหน้ามาแล้ว และอยู่ในระหว่างการดําเนินโครงการ ให้สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และเป็นการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคง
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929140106504
245,892
จังหวัดปัตตานี ผบ.พล.ร.15 เป็นประธานพิธีอำลาชีวิตราชการทหารประจำการ ประจำปี 2566 เชิดชูเกียรติความเป็นทหารของชาติ จารึกในหัวใจตลอดไป
วันที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. ที่แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตําบลบ่อทอง อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลตรี เฉลิมพร ขําเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเป็นประธาน พิธีอําลาชีวิตราชการทหารประจําการ ประจําปี 2566 ให้กับข้าราชการในสังกัด ที่ครบเกษียณอายุราชการ และขอลาออกจากราชการ ตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกําหนด เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ และตอบแทนคุณความดี ให้กับข้าราชการ ที่ได้รับราชการมาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ อย่างเต็มกําลังความสามารถ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่กองทัพบกและประเทศชาติมาโดยตลอด ซึ่งมีกําลังพลที่เข้าร่วมพิธีอําลาชีวิตราชการทหารประจําการ ประจําปี 2566 จํานวนยอดทั้งสิ้น 20 นาย โดยมี ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 15 พร้อมทั้งครอบครัวกําลังพลเข้าร่วมในพิธีทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขําเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า เพื่อนนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน ที่ครบวาระ เกษียณอายุราชการ และลาออกจากราชการ ตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกําหนด ประจําปี 2566 ทุกท่าน การปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยปณิธานอันมั่นคง ในการปกป้อง ผลประโยชน์ของชาติ และราชบัลลังก์ มาจนมีความสําเร็จสมบูรณ์ ในชีวิตรับราชการนั้น ทุกท่านได้ทําหน้าที่ทหารของชาติ และทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้อย่างครบถ้วน โดยได้มุ่งมั่นตั้งใจ ในการดําเนินภารกิจทั้งปวง อย่างเต็มกําลังความสามารถ ด้วยความทุ่มเทกล้าหาญ พร้อมเสียสละทั้งกําลังกาย กําลังใจ และประโยชน์ส่วนตน เพื่อส่งเสริมให้กองทัพมีความเข้มแข็ง มีศักยภาพ สําหรับการปฏิบัติงานในความรับผิดชอบทุกด้าน ให้สัมฤทธิ์ผลบรรลุความมุ่งหมาย ในการดํารงรักษาไว้ ซึ่งเอกราชอธิปไตย ของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงความมั่นคงปลอดภัย ของพี่น้องประชาชน ผลการปฏิบัติงานนานัปการที่ได้สร้างสรรค์ไว้ คุณูปการที่ทุกท่านมีจึงมีส่วนสําคัญ ที่ทําให้กองพลทหารราบที่ 15 เจริญก้าวหน้า ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภัยคุกคาม และปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ซึ่งนับเป็นสิ่งที่สมควรแก่การยกย่องสรรเสริญ ที่ทหารรุ่นต่อๆ ไปจะได้ยึดถือ เป็นแบบอย่าง ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพ อันจะนําไปสู่ การสร้างกองทัพ ที่มีเอกภาพมั่นคง มีเสถียรภาพ อย่างยั่งยืนต่อไปในนามข้าราชการของกองพลทหารราบที่ 15 ขอถือโอกาสนี้ แสดงความอาลัย และระลึกคุณงามความดี ความเสียสละ และความทุ่มเท ในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นทหารอาชีพ ของทุกท่าน ที่มีมาตลอดเวลารับราชการ ถึงแม้ระยะเวลาในการ รับราชการจะสิ้นสุดลงแต่อุดมการณ์ทหารอันแน่วแน่ที่ได้ยึดถือเสมอมานั้น จะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ทุกท่าน จะยังคงพร้อมที่จะมีส่วนร่วมจรรโลง กองทัพบกให้มีความเข้มแข็ง สง่างาม ตลอดจนสนับสนุน การปฏิบัติภารกิจต่างๆ ให้บรรลุผลสําเร็จ เพื่อสร้างประโยชน์อันถาวร แก่ประเทศชาติ และประชาชนยิ่งขึ้นสืบไปโดย พันโท วิมาน วรรณไชย ผู้แทนนายทหารอาวุโส กล่าวว่า ในนามของข้าราชการซึ่งจะครบเกษียณอายุราชการ นี้ ขอขอบคุณ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ที่ได้จัดพิธี อันมีเกียรติ และน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ให้กับพวกเรา ในวันนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเราทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อกองทัพ ประเทศชาติ และราชบัลลังก์ พวกเราต่างตระหนัก ถึงภาระหน้าที่อันสําคัญนี้ และได้ทุ่มเท อุทิศตน ปฏิบัติภารกิจ อย่างเต็มกําลังความสามารถ ให้สมกับที่ สถาบันทหาร ได้รับความเชื่อมั่น ไว้วางใจให้เป็นเสาหลักด้านความมั่นคง พร้อมพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตย รวมทั้งผลประโยชน์ของ ประเทศชาติ ตลอดจนความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยภายในถึงแม้พวกเรา จะพ้นภาระหน้าที่จากกองทัพแต่ความรัก ความผูกพันที่ดีต่อสถาบันทหาร และเพื่อนทหาร ยังคงอยู่ อย่างไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งสํานึกในบุญคุณที่ได้ให้โอกาส และหล่อหลอมการมีชีวิตตามแบบทหารอาชีพจนประสบความสําเร็จ ทั้งการรับราชการ และการดํารงอยู่ในสังคม อย่างสมศักดิ์ศรีพวกเราจึงขอยืนยัน ที่จะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนภารกิจ ของกองทัพในทุกด้าน เท่าที่ความสามารถจะกระทําได้ ด้วยความเต็มใจ รวมทั้งขอเป็นกําลังใจ ให้เพื่อนทหาร ทุกท่าน ได้มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ ด้วยความเข้มแข็ง อดทน เสียสละ รักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีความเป็นทหาร ตลอดจนการปฏิบัติงานอย่างบูรณาการโดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นสําคัญ
29/9/2023
ภาคใต้
ปัตตานี
สวท.ปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929160918584
245,893
นายกฯ รับฟังข้อสรุปโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ย้ำกำหนดแผนการเวนคืนที่ดิน-การจ่ายเงินชดเชยให้ชัดเจน กำชับเชื่อมต่อระบบคมนาคมอย่างเหมาะสม ระบบสาธารณูปโภคต้องพร้อมรองรับความเจริญในอนาคต
วันนี้ (29 ก.ย.66) เวลา 15.10 น. ณ พื้นที่ตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ซึ่งใช้พื้นที่ในการก่อสร้างประมาณ 7,400 ไร่ จากการสํารวจมีความเหมาะสมต่อการสร้างสนามบินนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ําการก่อสร้างจะต้องไม่สร้างปัญหา กระทบต่อประชาชนทั้งที่อยู่อาศัยและที่ดินทํากิน ส่วนการจ่ายเงินชดเชยค่าเวนคืนที่ดินจะต้องเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องระยะเวลาเวนคืนและการจ่ายเงินจะต้องกําหนดเป็นแผนให้ชัดเจน พร้อมกําชับเรื่องการเชื่อมต่อระบบคมนาคมอย่างเหมาะสม รวมถึงระบบสาธารณูปโภคจะต้องมีความพร้อมรองรับความเจริญเติบโตในอนาคต“นายกรัฐมตรีย้ําว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงาไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง มาในฐานะนายกรัฐมนตรี ในนามของรัฐบาล เพื่อรับฟังปัญหา ติดตามงานตามข้อสั่งการ” นายชัย กล่าว
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929161219587
245,894
นายกรัฐมนตรี รับฟังข้อสรุปโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน จังหวัดพังงา
หลังเสร็จสิ้นการตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปยังตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาต่อเนื่อง พร้อมรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ซึ่งใช้พื้นที่ในการก่อสร้างประมาณ 7,400 ไร่ จากการสํารวจมีความเหมาะสมต่อการสร้างสนามบิน นายกรัฐมนตรี เน้นย้ําการก่อสร้างจะต้องไม่สร้างปัญหา ส่งกระทบต่อประชาชนทั้งที่อยู่อาศัยและที่ดินทํากิน ส่วนการจ่ายเงินชดเชยค่าเวนคืนที่ดินจะต้องเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องระยะเวลาเวนคืนและการจ่ายเงิน ต้องกําหนดเป็นแผนให้ชัดเจน พร้อมกําชับเรื่องการเชื่อมต่อระบบคมนาคมอย่างเหมาะสม รวมถึงระบบสาธารณูปโภคจะต้องมีความพร้อมรองรับความเจริญเติบโตในอนาคตนายกรัฐมตรี ยังย้ําว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงาไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง มาในฐานะนายกรัฐมนตรี ในนามของรัฐบาล เพื่อรับฟังปัญหา ติดตามงานตามข้อสั่งการ
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929193120624
245,895
แพรทองธารเผยนายทักษิณอยู่ระหว่างพักฟื้น ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เรื่องการขอพักโทษ
นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพักฟื้น ซึ่งไม่ขอเปิดเผยถึงข้อมูลรายละเอียดของอาการป่วยและการผ่าตัด หากจะมีการเปิดเผยขอให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ส่วนจะมีการขอพักโทษหรือไม่นั้น ให้เป็นการตัดสินใจของนายทักษิณเอง ตนเองจะไม่ก้าวก่าย แต่หากถามเป็นการส่วนตัวก็ยินดี หากได้ออกมาโดยเร็ว พร้อมยืนยัน เบื้องต้นยังไม่ทราบอะไรมากเพราะติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนายทักษิณผ่านสื่อมวลชนเช่นเดียวกันกับประชาชน เท่าที่ทราบคือ อาจได้ออกเดือนกุมภาพันธ์ 67 ซึ่งต้องติดตามข่าวสารต่อไป
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929192404619
245,896
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้โอวาทวันอำลาตำแหน่ง ขอตำรวจสามัคคีในองค์กร เป้าหมายคือความสุขของประชาชน
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ จัดพิธีอําลาตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสํานักงานตํารวจแห่งชาติและข้าราชการตํารวจ เข้าร่วมพิธีฯอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยพิธีเริ่มขึ้นในเวลา 15.00 น. พลตํารวจเอก ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีตรวจแถวและรับความเคารพจากกองเกียรติยศ โดยมีพลตํารวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พลตํารวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตํารวจแห่งชาติ พลตํารวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้าร่วมในพิธี จากนั้นได้ทําพิธีสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 และพิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ที่บริเวณสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และเดินขึ้นไปห้องประชุมศรียานนท์บริเวณชั้นสองของอาคาร 1 สํานักงานตํารวจแห่งชาติ พลตํารวจเอก ดํารงศักดิ์ ให้โอวาทแก่ข้าราชการตํารวจที่เข้าร่วมในพิธีอําลาตําแหน่งว่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ราชการในฐานะผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ได้ปฏิหน้าที่ ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายของสํานักงานตํารวจแห่งชาติจนประสบความสําเร็จ แม้ปีที่ผ่านมาจะมีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ด้วยความร่วมมือของทุกคน ทําให้สามารถผ่านสถานการณ์ไปได้ด้วยดี สามารถแก้ไขปัญหาทั้งยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ และปัญหาอื่นๆ เป็นการบําบัดทุกข์บํารุงสุขให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ได้อย่างแท้จริง พร้อมเน้นย้ําขอให้ตํารวจมีความรักสามัคคีในองค์กรโดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ ความสุขของประชาชน
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929192810623
245,897
นายกรัฐมนตรี ยืนยันการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตบ่อย ไม่มีนัยยะการเมือง เพราะเป็นรัฐบาลของประชาชน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางมาพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 2 ครั้งหลังรับตําแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีนัยยะทางการเมือง เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนและเป็นหน้าที่ตระหนักดีว่า หากพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นเครื่องจักรสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องลงพื้นที่มา อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกรัฐมนตรี ได้พักค้างคืนต่อที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929191422613
245,898
นายกรัฐมนตรี มั่นใจการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า การกระทําของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้คัดเลือกรายชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตํารวจ (ก.ตร.) รวม 9 คน ที่ลงมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) และชอบด้วยพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 78 หรือไม่ ว่าเรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนเองในฐานะประธาน ก.ตร. ได้เข้าร่วมประชุมและมีการเสนอชื่อมีทั้งหมด 4 คน เชื่อว่าตามกฎหมายทั้ง 4 คนมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ แต่ยังไม่สามารถพูดชื่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนใหม่ได้ เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ แต่ตามขั้นตอนต่างๆ ได้มีการอภิปรายในวงกว้าง ทั้งข้อดีและข้อเสีย และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุในวันเดียวกันนี้ ได้ให้ข้อมูลทั้งข้อดีและข้อเสียของทุกคน ย้ําว่าตนเองไม่ได้ลุแก่อํานาจ ได้รับฟังและวิเคราะห์ดูอย่างถี่ถ้วน จึงได้เสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ มั่นใจว่าตนเองมีความบริสุทธิ์ใจในการแต่งตั้งครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียน ว่าถ้าเกิดอะไรที่เป็นเรื่องลบ ทุกคนต้องมีความกังวลเป็นธรรมดา แต่ยืนยันว่าทําด้วยความบริสุทธิ์ใจ
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929191310611
245,899
นพค.54 จัดพิธี รับ-ส่ง หน้าที่ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 อย่างสมเกียรติ
ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา) พันเอกกิรชิต คุณาวงค์ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 (ท่านเดิม) กระทําพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 ให้กับ พันเอกเกียรติศักดิ์ พรมตวง (ท่านใหม่) อย่างสมเกียรติ โดยมี พันเอกพิชิต ทรงลักษณ์ รองผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นําชุมชน และกําลังพลในหน่วยฯ ร่วมพิธี โดยได้ทําพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจําหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 พิธีลงนามรับ-ส่งหน้าที่ ณ ห้องประชุม บก.นพค.54 และพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ที่หน้า บก.นพค.54สําหรับ ประวัติความเป็นมาของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2509 ตั้งอยู่ที่ บ้านกันตรวจระมวล ตําบลกันตรวจระมวล อําเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาในปี 2524 เคลื่อนย้ายหน่วยเข้าที่ตั้งปัจจุบัน ณ บ้านลําพุก ตําบลตาเบา อําเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ใน ปี 2534 เปลี่ยนนามหน่วย เป็น หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สํานักงานพัฒนาพิเศษ หน่วยปฏิบัติการทหารพัฒนา และต่อมา ในปี 2552 เปลี่ยนนามหน่วย เป็น หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สํานักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา การจัด เป็นอัตราการจัดเฉพาะกิจ ประกอบด้วย กองบังคับการหน่วยช่างพัฒนา หน่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และหน่วยบริการสนับสนุน พื้นที่รับผิดชอบ รับผิดชอบพื้นที่ในการพัฒนา 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์และจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาเพื่อความมั่นคง ตามแนวชายแดน ตามนโยบายของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แก่ พื้นที่เป้าหมายโครงการพระราชดําริ 2 แห่ง คือ โครงการทับทิมสยาม 04 ตําบลเทพรักษา อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ และศูนย์ศิลปาชีพบัวเชด ตําบลอาโพน อําเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ส่วนตําบลเป้าหมายเพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดนใน 4 อําเภอชายแดน คืออําเภอพนมดงรัก อําเภอกาบเชิง อําเภอสังขะ และอําเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ จํานวนทั้งสิ้น 10 ตําบล และพื้นที่ตําบลอื่นๆในอําเภอชายแดน จํานวน 17 ตําบล พื้นที่ตอนใน ที่เหลือของจังหวัดสุรินทร์ จํานวน 13 อําเภอ และจังหวัดร้อยเอ็ด จํานวน 20 อําเภอ
30/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930100446681
245,900
โปรดเกล้าฯ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14
วันที่ 30 กันยายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตํารวจ ใจความว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลตํารวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล พ้นจากตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2566 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
30/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930185223740
245,901
หลายพื้นที่ในจังหวัดลำพูนได้รับความเสียหายจากภาวะอุทกภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือเยียวยา เตือนประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
หลายพื้นที่ในจังหวัดลําพูนได้รับความเสียหายจากภาวะอุทกภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือเยียวยา เตือนประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด วันที่ 30 กันยายน 2566 นายธนา นวลปลอด หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลําพูน เผยว่า สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลําพูน ได้รายงานเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ ตามที่ได้มีฝนตกในพื้นที่จังหวัดลําพูน ตั้งแต่วันที่ 27-29 กันยายน 2566 ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 5 อําเภอ 11 ตําบล 29 หมู่บ้าน ประกอบด้วย 1) ต.เหมืองจี้ อ.เมืองลําพูน ท่วมบ้านเรือนราษฎร 2) หมู่ที่ 2 - 7 ,9 - 10 , 12 - 13 ต. เหล่ายาว อําเภอบ้านโฮ่ง หมู่ที่ 1-6 , 8 , 10 - 14 ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร 3) ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร สะพานข้ามลําน้ําถูกน้ําท่วมสัญจรไม่ได้ 3 จุด ต.ตะเคียนปม อ.ทุ่งหัวช้าง น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร ต.บ้านปวง อ.ทุ่งหัวช้าง น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร 4) หมู่ที่ 14 ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา น้ําท่วมบ้านเรือนราษฎร 1 หลังคาเรือน สะพานข้ามแม่น้ําแม่ขนาด ไม่สามารถสัญจรได้ ต.ทากาศ อ.แม่ทา น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร 5) 4 หมู่บ้าน ในลี้ อ.ลี้ น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร หมู่ 5 ต.แม่ตืน อ.ลี้ น้ําท่วมบ้านเรือนราษฎร 6) หมู่ 1 - 14 ต.ท่าตุ้ม อ.ป่าซาง น้ําท่วมพื้นที่การเกษตร และถนน 16 สาย หมู่ 1 - 17 ต.น้ําดิบ อ.ป่าซางน้ําท่วมพื้นที่การเกษตร และถนน 31 สาย ทั้งนี้ สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลําพูน ได้ประสานโครงการชลประทานลําพูนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เปิดประตูระบายน้ําทุกบานเพื่อผันน้ําออกโดยเร็วและแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเฝ้าระวังรวมทั้งให้ความช่วยเหลือและสํารวจความเสียหายเพื่อดําเนินการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยต่อไป ทั้งนี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใดหากมีสถานการณ์ความเสียหายเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง. ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่... https://lamphun.prd.go.th/th/page/item/index/id/12 #PRLAMPHUN #ลําพูนไม่ลําพังรวมพลังเพื่อคนลําพูน
30/9/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930140449711
245,902
แถลงผลการปฏิบัติ ปิดล้อมตรวจค้น เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ภาค 7-9
“พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง” ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. แถลงผลการปฏิบัติ ปิดล้อมตรวจค้น เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ภาค 7-9 วันนี้ 30 กันยายน 2566 ที่ลานด้านหน้าศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) อําเภอเมือง จังหวัดยะลา พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. /รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., ได้แถลงข่าว ผลการปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ภาค 7 ถึง ภาค 9 ร่วมกับ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9 และส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายรัฐบาล ที่เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ซึ่งทางสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีนโยบายให้ทุกหน่วยในสังกัด ดําเนินการปราบปรามทําลาย เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ เพิ่มความเข้มในการทําลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชนที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนอย่างจริงจัง และให้ดําเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมดําเนินคดีและยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ทั้งระดับรายย่อยในชุมชน ผู้ค้ารายกลางและรายใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงหลายพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพพล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้กําหนดให้มีปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดมาตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2566 อย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ครั้งที่ 10 ในห้วงระหว่างวันที่ 6 ก.ย.66 ถึงวันที่ 30 ก.ย.66 พื้นที่ 22 จังหวัด 375 สถานีตํารวจ โดยมีเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด จํานวน 767 เครือข่าย และเป้าหมายปิด ล้อมตรวจค้นทั้งสิ้น จํานวน 1,535 เป้าหมาย แยกเป็น พื้นที่ ภาค 7 ผลการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จํานวน 293 เครือข่าย 341 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา จํานวน 972 คดี ผู้ต้องหา 975 ราย (หมายจับ 17 ราย) ของกลางเป็น ยาบ้า 1,263,379 เม็ด ไอซ์ 88 กรัม ,เฮโรอีน 352 กรัม ,เคตามีน 22 กรัม ,ยาอี 33 เม็ด ,อาวุธปืน 65 กระบอก ตรวจยึดทรัพย์สินของกลาง จํานวน 906,971 บาท และทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่อง จํานวน 852,000 บาท รวม 1,758,971 บาทผลการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ ภ.8 เป้าหมายการปิดล้อมตรวจค้น จํานวน 193 เครือข่าย 563 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา จํานวน 1,484 คดี ผู้ต้องหา 1,521 ราย (หมายจับ 65 ราย) ของกลางเป็น ยาบ้า 661,969 เม็ด , ไอซ์ 913.04 กรัม เฮโรอีน 22.42 กรัม ,เคตามีน 34.55 กรัม ,อาวุธปืน 79 กระบอก ตรวจยึดทรัพย์สินของกลาง จํานวน 6,410,765 บาท และทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องจํานวน 3,273,554 บาท รวม 9,684,319 บาทส่วนในพื้นที่ ภ.9 เป้าหมายการปิดล้อมตรวจค้น จํานวน 281 เครือข่าย 631 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา จํานวน 687 คดี ผู้ต้องหา 716 ราย (หมายจับ 41 ราย) ของกลางเป็น ยาบ้า 1,464,169 เม็ด ,ไอซ์ 7,463.34 กรัม เฮโรอีน 207,206.80 กรัม ,อาวุธปืน 29 กระบอก ตรวจยึดทรัพย์สินของ กลาง จํานวน 6,574,181 บาท และทรัพย์ ที่เกี่ยวเนื่อง จํานวน 62,031,117 บาท รวม 68,605,598 บาททั้งนี้ ผลการปิดล้อมตรวจค้นทําลายเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ภาค 7-9 (ครั้งที่ 10) มีผลการปฏิบัติทั้งสิ้น 767 เครือข่าย ปิดล้อมตรวจค้น 1,535 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา จํานวน 3,143 คดี ผู้ต้องหา 3,212 ราย (หมายจับ 123 ราย) ของกลางเป็น ยาบ้า 3,389,417 เม็ด ,ไอซ์ 8,464.38 กรัม ,เฮโรอีน 207,581.22 กรัม ,เคตามีน 56.55 กรัม ,อาวุธปืน 173 กระบอก ตรวจยึดทรัพย์สินของกลาง จํานวน 13,891.917 บาท และทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่อง จํานวน 66,156,671 บาท รวม 80,048,588 บาทพล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ยังระบุอีกว่า ในการเข้มงวดกวดขันจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดโดยมุ่งเน้นทําลายเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ภ.7 - 9 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เป็นการดําเนินการปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในเชิงคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ เน้นการสืบสวนขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ค้าจากในชุมชนไปสู่เครือข่ายรายกลางและรายใหญ่ไปพร้อมกัน ทําให้การจําหน่ายยาเสพติดในชุมชุนของผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนกระทําได้ยากมากผู้ค้าในพื้นที่ชุมชมลดลง การเข้าถึงเพื่อซื้อยาเสพติดของผู้เสพลําบากยุ่งยากขึ้น ส่งผลให้ราคายาเสพติดในพื้นที่ของ ภ.7-9 มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยปัจจุบันยาบ้าจําหน่ายในราคาเม็ดละ 50-70 บาท บางพื้นที่ราคาขึ้นไปถึง 80-100 บาท จากเดิมราคาเพียงเม็ดละ 30-50 บาท และยาไอซ์ จําหน่ายกรัมละ 1,000-1,200 บาท จากเดิม ราคา 500-1,000 บาท
30/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930140901713
245,903
พิธีรับ - ส่งหน้าที่ ผอ.ศูนย์สันติวิธี มุ่งมั่นสานต่อสร้างความตระหนักรู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ นำสันติสุขแก่ประชาชน จชต.
พิธีรับ - ส่งหน้าที่ ผอ.ศูนย์สันติวิธี มุ่งมั่นสานต่อสร้างความตระหนักรู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ นําสันติสุขแก่ประชาชน จชต. ตามกรอบยุทธศาสตร์ของรัฐบาลวันนี้ ( 30 กันยายน 2566 ) ศูนย์สันติวิธี ค่ายสิรินธร ตําบลเขาตูม อําเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชา ระหว่าง พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กับ พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ ผู้อํานวยการศูนย์สันติวิธี โดยได้กระทําพิธีลงนามในเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ฯ ณ ห้องประชุมกองสันติวิธี ศูนย์สันติวิธี พร้อมทั้งจัดประชุมรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีผู้บังคับบัญชากําลังพลหน่วยขึ้นตรงศูนย์สันติวิธีเข้าร่วม พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่าการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับทราบแนวความคิดในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมย้ําว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาและมีพัฒนาการในการวางกรอบยุทธศาสตร์ วางแนวทางในการต่อสู้กับภาครัฐมาตามลําดับโดยเฉพาะการต่อสู้ทางด้านการเมือง ซึ่งศูนย์สันติวิธีเป็นกลไกหลักในการระงับยับยั้งและจัดการปัญหาทางด้านการเมืองและภาคประชาสังคม ยืนยันในฐานะผู้อํานวยการศูนย์สันติวิธีมีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนงานของศูนย์สันติวิธี ตามกรอบยุทธศาสตร์แผนงานโครงการที่ได้ดําเนินการและขับเคลื่อนมาโดยตลอด ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 นี้ ต้องมีการระดมแนวความคิดของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่หลากหลาย คือ กลุ่มผู้นําทางความคิด กลุ่มอดีตผู้บังคับบัญชา กลุ่มวิชาการ กลุ่มผู้นําศาสนา กลุ่มเครือข่ายไทยพุทธ และกลุ่มผู้เห็นต่าง นํามาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อกําหนดการปฏิบัติของปีนี้ พร้อมกล่าวชื่นชมกําลังพลศูนย์สันติวิธีทุกนายเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความสําคัญของกองทัพที่จะต้องเติบโตเป็นผู้นํา และพร้อมขับเคลื่อนงานกองทัพบกตามนโนบายรัฐบาลด้าน พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้กล่าวขอบคุณกําลังพลศูนย์สันติวิธีทุกนายที่ให้ความร่วมมือ ตลอดห้วงปีงบประมาณ 2566 เป็นอย่างดี รวมทั้งการบูรณาการทํางานร่วมกับหน่วยงานข้างเคียง รวมถึงพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่อย่างดียิ่ง จนทําให้การแก้ปัญหาและการสร้างความเข้าใจมีความคืบหน้า และส่งผลให้ศูนย์สันติวิธีเป็นที่ยอมรับและมีการพัฒนาขึ้นตามลําดับ พร้อมทั้งกล่าวแสดงความยินดีกับ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ผู้อํานวยการศูนย์สันติวิธี ท่านใหม่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ มีความสามารถ และเป็นผู้นําทางทหารที่ดี และพร้อมนําพากําลังพลศูนย์สันติวิธี ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการสร้างความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วน ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนต่อไปอย่างไรก็ตาม ศูนย์สันติวิธีพร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างความเข้าใจกับมวลชนทุกกลุ่ม ผ่านการจัดกิจกรรม และการพบปะพูดคุยสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ นํารอยยิ้ม นําความสุขสันติสุข กลับคืนแก่พี่น้องประชาชนปลายด้ามขวานอย่างแท้จริง
30/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930160554725
245,904
สำนักงานสถิติจังหวัดกาญจนบุรี ขอความร่วมมือประชาชนในการให้ข้อมูลโครงการต่างๆ ประจำเดือนกันยายน 2566 แก่เจ้าหน้าที่ผู้ออกสำรวจ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนพัฒนาข้อมูลจังหวัดและกำหนดนโยบายภาครัฐต่อไป
นางนภัสนันท์ โพธิ์ศรี สถิติจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า สํานักงานสถิติจังหวัดกาญจนบุรีจะดําเนินการรวบรวมข้อมูลโครงการต่างๆ ประจําเดือนกันยายน พ.ศ.2566 จํานวน 5 โครงการ ได้แก่ 1. สํารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน 2. สํารวจภาวะการทํางานของประชากร สํารวจแรงงานนอกระบบ สํารวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน 3. ประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้าง ขององค์การบริหารส่วนตําบลและเทศบาลทุกแห่ง 4. สํารวจภายหลังการแจงนับ โครงการสํามะโนการเกษตร 5. สํารวจความพึงพอใจต่อสถานการณ์ยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี จึงขอความร่วมมือจากประชาชนที่เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเป็นตัวอย่างในการสํารวจข้อมูลแต่ละโครงการ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ตรงตามความเป็นจริงแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อนําข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวางแผนพัฒนาข้อมูลจังหวัดและการกําหนดนโยบายภาครัฐต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการสํารวจจะถูกเก็บไว้เป็นความลับและจะนําเสนอในภาพรวมเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.2550 ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สํานักงานสถิติจังหวัดกาญจนบุรี ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ชั้น 5 ตําบลปากแพรก อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โทร.034-515109
1/9/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901092937031
245,905
สถิติจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีแผนปฏิบัติงานเพื่อลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ โครงการต่าง ๆ จำนวน 5 โครงการประจำเดือนกันยายน 2566
นางพรทิพย์ โพธิครูประเสริฐ สถิติจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สํานักงานสถิติจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีแผนปฏิบัติงานเพื่อลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ โครงการต่าง ๆ จํานวน 5 โครงการ ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจําเดือนกันยายน 2566 ระหว่างวันที่ 1 - 30 กันยายน 2566 อาทิ โครงการสํารวจภาวะการทํางานของประชากร พ.ศ.2566 โครงการสํารวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ.2566 โครงการสํารวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ.2566 โครงการสํารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัว พ.ศ.2566 โครงการประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้าง พ.ศ.2566ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถาม กลุ่มปฏิบัติการสถิติ โทรศัพท์ 077272580 โทรสาร 077283044 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ : [email protected] ผู้ประสานงาน : นางสาวฐิยาดา ชูรัตน์ 0862743918.
1/9/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901095658041
245,906
จ.นราธิวาส เตรียมจัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงถ้วยพระราชทาน ครั้งที่ 8 ในวันที่ 3 ก.ย.นี้
วันนี้ (1 ก.ย.66) นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรีตําบลรือเสาะ/นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า สมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้ โดยสํานักงานเทศบาลตําบลรือเสาะ เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัติยราชนารี ครั้งที่ 8 ในวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ที่สนามหน้าสํานักงานเทศบาลตําบลรือเสาะ อําเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสทั้งนี้ ถือเป็นสนามเดียวในประเทศไทยที่จัดการแข่งขันถ้วยพระราชทานดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดการแข่งขัน การแข่งขันในครั้งนี้จะสร้างความประทับใจและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ อีกทั้งรายได้ส่วนหนึ่งมอบเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนในพื้นที่อําเภอรือเสาะ ทั้ง 51 โรงเรียน พร้อมนี้ขอเชิญชวนพี่น้องชาวนกเขาชวาวงศ์ได้เข้าร่วมการแข่งขัน
1/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901093611038
245,907
ศรีสะเกษ เตรียมเปิดเวทีเสวนาวิถีวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง ชี มูล
วันนี้ (1 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุมวิเศษสิงหนาท ชั้น 2 อาคารสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ครั้งที่ 3/2566 เพื่อขับเคลื่อนการดําเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ตามโครงการเสริมสร้างสมรรถนะในการบริหารจัดการสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ และสภาวัฒนธรรมอําเภอให้มั่นคงยั่งยืน ประจําปี 2566นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนับสนุนงบประมาณประจําปี 2566 เพิ่มเติม ให้แก่ สภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ดําเนินโครงการประชุมเสวนาลุ่มน้ําโขง ชี มูล เพื่อเป็นเวทีให้คณะกรรมการและเครือข่ายทางวัฒนธรรม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และความคิดเห็นในการอนุรักษ์ฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ในวันที่ 23 กันยายน 2566 ณ โรงแรมศรีลําดวน อําเภอเมืองศรีสะเกษ โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การเสวนา การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การสาธิตสุดยอดอาหาร และอาภรณ์ ของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน สภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ มีการจัดกิจกรรมอีก จํานวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการตลาดวัฒนธรรมถนนสายวัฒนธรรมสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสี่เผ่าไทศรีสะเกษ โครงการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมชนชาติพันธุ์เผ่าเขมร ปังอ๊อกเปรี๊ยะแค (ป้อนข้าวพระจันทร์) และโครงการทําบุญตักบาตรใต้แสงจันทร์ สืบสานประเพณีลอยกระทง
1/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901105246053
245,908
ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมต้อนรับเจ้าคุณธงชัย พร้อมแสดงความยินดี ในงานพิธีฉลองศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน ครบรอบ 7 ปี สร้างช่างสู่แรงงานสากล
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางไปที่ ศูนย์ปฎิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน และหอประชุมอร่ามเรืองรอง วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมพิธีฉลองศูนย์ปฎิบัติการเทคโนโลยีและนวัตรกรรมลูปัน ครบรอบ 7 ปี Luban Workshop 7 และให้การต้อนรับ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ประธานสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มาเป็นประธานกล่าวสัมโมทนียกถา โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายนนทพงศ์ ยอดทอง ผู้อํานวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 นางสาวมยุรี ศรีระบุตร ผ.อ.วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา มาให้การต้อนรับ โอกาสนี้ ผู้แทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ นายเว่ย ปิ่งจู่ เลขาธิการพรรคฯ วิทยาลัยเทคนิคอาชีวศึกษาเที่ยนจินโป๋ห่าย นางหลี่ จื้อฮุ่ย รองผู้อํานวยการ วิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาการรถไฟเทียนจิน มากล่าวแสดงความยินดี ภายในงานได้มีการลงนามความร่วมมือการจัดการศึกษาระบบทวิวุฒิไทย-จีน ภายใต้โครงการศูนย์ปฎิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน ระหว่างวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา และวิทยาลัยเทคนิคอาชีวศึกษาเทียนจินโป๋ห่าย และการศึกษาการเรียนร่วมไทย-จีน ระหว่างวิทยาวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา กับวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาการรถไฟเทียนจิน และการลงนามความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งมอบครุภัณฑ์ ศูนย์ปฎิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน ซึ่งเป็นแขนกลและชุดฝึกสําหรับการเรียนการสอน จํานวน 2 ชุด ไอโอที 2 เครื่อง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนนักศึกษาของวิทยาลัย ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์วิจัยในอนาคตด้วย สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กล่าวว่า ยินดีกับสภาการศึกษานครเทียนจิน วิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาเทียนจินโป๋ไห่และวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยาที่ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน (Luban Workshop) แห่งแรกของโลก เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือและการจัดการศึกษานานาชาติระหว่างประเทศระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ทั้งหมด 6 สาขาวิชา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่และครบรอบ 7 ปีในปีนี้อาตมภาพทราบว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้ความสําคัญกับการพัฒนาอาชีวศึกษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ชี้ให้เห็นว่าอาชีวศึกษาเป็นส่วนสําคัญของระบบการศึกษาของประเทศและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงถือได้ว่าประเทศจีนมีความพร้อมและมีประสบการณ์สูงในการพัฒนาอาชีวศึกษาสมัยใหม่ เพื่อตอบสนองต่อภาคอุตสาหกรรมในการจัดหาบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคนิคและทักษะวิชาชีพแก่สถานประกอบการที่ต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนและทักษะวิชาชีพ ตามยุทธศาสตร์ “ก้าวออกไป” ของสาธารณรัฐประชาชนจีน อาตมภาพจึงได้นําคณะผู้บริหารและผู้อํานวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาจากสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เดินทางไปลงนามความร่วมมือ MOU กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาในนครเทียนจินเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 และวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยาได้ลงนามความร่วมมือ MoU กับวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาเทียนจินโป๋ไห่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2561 โครงการ Luban Workshop ได้เข้าสู่การพัฒนาระยะที่สาม ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้รถไฟความเร็วสูง เพื่อฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถด้านรถไฟความเร็วสูงให้กับประเทศไทย พร้อมก้าวสู่ยุคแห่งรถไฟความเร็วสูงร่วมกัน ในโอกาสนั้นสภาการศึกษานครเทียนจินได้มอบทุนการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระยะเวลา 3 ปี เป็นประจําทุกปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับทุนแล้ว จํานวน 304 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 158,000,000 บาท อาตมภาพได้มาร่วมพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปัน ซึ่งมีท่านรองผู้อํานวยการสํานักงานสภาผู้แทนประชาชนเทียนจิน (คุณโกว ลี้จุน) เป็นผู้แทนในการส่งมอบศูนย์ดังกล่าวให้แก่วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นสื่อในการพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น หุ่นยนต์ ระบบดิจิทัล รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น และได้มอบห้องปฏิบัติการและครุภัณฑ์อุปกรณ์การเรียนการสอน มูลค่า 55 ล้านบาท ตลอดจนมอบทุนการศึกษาจนถึงปัจจุบัน จํานวน 261 ทุน ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการฯ ลูปันได้ผ่านการประเมินผลงานยอดเยี่ยมเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564ต่อมาได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรมลูปันในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน กัมพูชา และอีกมากกว่า 10 แห่งในทวีปแอฟริกา ขณะนี้มีการจัดตั้งศูนย์ Luban Workshop แล้ว 20 แห่งใน 19 ประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจ้างงานและปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันบนเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 หรือ “โครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นกําลังสําคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้การจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือไทย-จีน ในการพัฒนาอาชีวศึกษาและภาษาจีน ศูนย์ฯ ก็ประสบความสําเร็จอย่างมาก ก่อให้เกิดการบูรณาการด้านอาชีวศึกษาและการศึกษาภาษาจีนอย่างลึกซึ้ง ซึ่งส่งผลให้การจัดตั้ง “สถาบันภาษาจีนและการศึกษาอบรมด้านเทคนิคและอาชีวะ” แห่งแรกของโลก ระหว่างศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ (CLEC) กระทรวงศึกษาธิการจีนและสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไทย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566 มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นจากการที่เราดําเนินการมาครบ 7 ปีแล้ว ทางจีนได้มอบครุภัณฑ์ให้กับนักศึกษาเราได้เรียนรู้เท่ากับนักศึกษาจีน ศูนย์ลูปันแห่งนี้สอน 4 สาขาวิชาที่ตอบสนอง ได้แก่เมคคาทอนิค ไอโอที ซีเอ็นซีและยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากเป็นศูนย์ฝึกยังมีทุนไปเรียนที่จีนด้วย
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901104637048
245,909
จังหวัดสตูล ให้การต้อนรับคณะสภาเสี้ยววงเดือนแดงรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายในภารกิจของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล
วันนี้ ( 1 ก.ย. 66 ) ที่ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสตูล อําเภอเมือง จังหวัดสตูล นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นําส่วนราชการพร้อมด้วยสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ร่วมให้การต้อนรับคณะสภาเสี้ยววงเดือนแดงรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายในภารกิจของสํานักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล โดยมี นายมุฮัมมัด ยูซูฟ อะหมัด ผู้อํานวยการสภาเสี้ยววงเดือนแดงมาเลเซียและคณะฯ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันสําหรับเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล มีภารกิจด้านการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัย, งานสังคมสงเคราะห์และพัฒนาคุณภาพชีวิต, งานส่งเสริมสุขภาพอนามัย, งานรับบริจาคโลหิต ดวงจา อวัยวะ, งานสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมยุวกาชาด, ดําเนินการตามโครงการพระราชดําริ, อาสาสมัครสภากาชาดและกิจกรรมพิเศษอื่นๆจากนั้น ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการดําเนินงานระหว่างคณะสภาเสี้ยววงเดือนแดงรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซียและเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ด้านการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ การช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่นักเรียนผู้ขาดแคลนโอกาศทางการศึกษา รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมด้านยุวกาชาดแน่นักเรียนในสถานศึกษา ในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้มอบของที่ระลึกแก่ผู้อํานวยการสภาเสี้ยววงเดือนแดงมาเลเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศอีกด้วย
1/9/2023
ภาคใต้
สตูล
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901112054067
245,910
ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส เตือนประชาชนบริหารจัดการการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รับมือฝนตกน้อยจากปรากฎการณ์เอลนีโญ
วันนี้ (1 ก.ย.66) นายเร๊าะมันคาน โอราสะมันนี ผู้อํานวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งส่งผลกระทบทําให้ประเทศไทยมีฝนตกน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา และปรากฏการนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 1 ปี ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส ปริมาณฝนปีนี้จะต่ํากว่าค่าเฉลี่ยกล่าวคือโดยรวมความรุนแรงของฝนที่จะทําให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ก็จะลดลงกว่าปีที่ผ่านมาอีกทั้งในปีนี้ลมตะวันออกเฉียงเหนือจะมาช้ากว่าเดิม ปกติต้นเดือนตุลาคมก็จะเริ่มมาแล้วแต่ปีนี้จะมาช่วงกลางหรือปลายเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ด้วยปริมาณฝนที่น้อยลง ประกอบกับในปีหน้า (2567) ฝนอาจมาช้ากว่าเดือนปกติ ช่วงเดือนมิถุนายน ขอให้ประชาชนในพื้นที่ต้องบริหารจัดการการใช้น้ําอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีน้ําใช้เพียงพอลดความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
1/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901113430072
245,911
สํานักงาน ก.พ.ร. ประกาศ ผลการพิจารณารางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 มอบ 2 รางวัล แก่ ศอ.บต. ประเภท รางวัลบริการภาครัฐ และ รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เพื่อขวัญกำลังใจในการทำงานเพื่อ ปชช.ชายแดนใต้
สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ประกาศผลการพิจารณารางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยประกาศให้ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับรางวัล 2 ผลงาน ได้แก่ รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี ประเภทพัฒนาบริการ ในผลการดําเนินงาน “คนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ไม่ไร้ความหวังสู่ทะเบียนราษฎร ชนชาติไทย” และได้รับรางวัล การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน ในผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอําเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จน คนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน” ซึ่งผลงานนี้ได้มีการดําเนินงานร่วมกับสํานักงานเกษตร อําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลาสําหรับ รางวัลเลิศรัฐ ก.พ.ร. ได้จัดทําขึ้นเพื่อเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ มอบให้หน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบผลสําเร็จ มีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานรัฐทั้งปวง โดยประเภท รางวัลบริการภาครัฐ เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับหน่วยงานของรัฐที่มีผลการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อประชาชนได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรมและเป็นที่พึงพอใจ โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัลนี้ ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีผลการทํางานในการยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ประสบผลสําเร็จ ในส่วนประเภท รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เป็นรางวัลที่มอบให้หน่วยงานของรัฐที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการปฏิบัติงานและประสบผลสําเร็จในงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินให้มีระบบหรือวิธีการทํางานแบบมีส่วนร่วม ระหว่างประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ ผู้บริหาร ศอ.บต. ขอขอบคุณคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ที่พิจารณาตัดสินให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 จํานวน 2 รางวัล ในประเภท รางวัลบริการภาครัฐ และ รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เพื่อเป็นขวัญ กําลังใจแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ และผู้ปฏิบัติงานในองค์กร ให้ดําเนินงานเพื่อประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้สืบไป
1/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901132205107
245,912
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยก “แกงขมิ้นไตปลาโบราณ” เป็นอาหาร “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชู อาหารถิ่น” ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรม "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชู อาหารถิ่น" ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) "รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste" ประจําปีงบประมาณ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือก และส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น ทั้งเป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมบนพื้นฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น และให้จังหวัดดําเนินการคัดเลือกเมนูอาหารประจําจังหวัดจํานวน 3 เมนู ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาคัดเลือกเมนูอาหารประจําจังหวัดสุราษฎร์ธานีทั้ง 3 เมนู ได้แก่ ผัดไทท่าฉาง ปลาแนม และแกงขมิ้นไตปลาโบราณ และได้ส่งต่อไปยังกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาคัดเลือก 1 เมนู ให้เป็นเมนูอาหารเชิดชูอาหารถิ่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้พิจารณาคัดเลือกแล้ว และประกาศให้ “แกงขมิ้นไตปลาโบราณ” ซึ่งนําเสนอโดยนางยุพิณ ชีวะ ชาวตําบลคลองฉนวน อําเภอเวียงสระ ซึ่งได้สืบทอดสูตรมาจากบรรพบุรุษ เป็นเมนูอาหารเชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
1/9/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901135940135
245,913
ก.พ.ร. มอบ 2 รางวัลเลิศรัฐ แก่ ศอ.บต. เพื่อขวัญกำลังใจในการทำงานเพื่อ ปชช.ชายแดนใต้
สํานักงาน ก.พ.ร. ประกาศ ผลการพิจารณารางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 มอบ 2 รางวัล แก่ ศอ.บต. ประเภท รางวัลบริการภาครัฐ และ รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เพื่อขวัญกําลังใจในการทํางานเพื่อ ปชช.ชายแดนใต้ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ประกาศผลการพิจารณารางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยประกาศให้ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับรางวัล 2 ผลงาน ได้แก่ รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี ประเภทพัฒนาบริการ ในผลการดําเนินงาน “คนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ไม่ไร้ความหวังสู่ทะเบียนราษฎร ชนชาติไทย” และได้รับรางวัล การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน ในผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอําเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จน คนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน” ซึ่งผลงานนี้ได้มีการดําเนินงานร่วมกับสํานักงานเกษตร อําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลาสําหรับ รางวัลเลิศรัฐ ก.พ.ร. ได้จัดทําขึ้นเพื่อเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ มอบให้หน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบผลสําเร็จ มีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานรัฐทั้งปวง โดยประเภท รางวัลบริการภาครัฐ เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับหน่วยงานของรัฐที่มีผลการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อประชาชนได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรมและเป็นที่พึงพอใจ โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัลนี้ ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีผลการทํางานในการยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ประสบผลสําเร็จ ในส่วนประเภท รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เป็นรางวัลที่มอบให้หน่วยงานของรัฐที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการปฏิบัติงานและประสบผลสําเร็จในงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินให้มีระบบหรือวิธีการทํางานแบบมีส่วนร่วม ระหว่างประชาชนและหน่วยงานภาครัฐทั้งนี้ ผู้บริหาร ศอ.บต. ขอขอบคุณคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ที่พิจารณาตัดสินให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจําปี 2566 จํานวน 2 รางวัล ในประเภท รางวัลบริการภาครัฐ และ รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมดีเด่น เพื่อเป็นขวัญ กําลังใจแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ และผู้ปฏิบัติงานในองค์กร ให้ดําเนินงานเพื่อประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้สืบไป
1/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901135136129
245,914
เทศบาลนครตรัง จัดโครงการพหุวัฒนธรรมนำสุข ประจำปี 2566 เสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีและทัศนคติเชิงบวกในสังคมพหุวัฒนธรรม
ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง มอบหมายให้ นางสุดใจ ทองย้อย รองนายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วย นางสาวสุคนธ์ คําจีด เลขานุการนายกเทศมนตรีนครตรัง นางศุภวรรณ บริพันธุ์ และนางพวงพันธุ์ ซุ้นอื้อ สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง ร่วมเป็นเกียรติและร่วมในกิจกรรม ตามโครงการพหุวัฒนธรรมนําสุข ประจําปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 - 31 สิงหาคม 2566 สําหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การออกบูธจําหน่ายสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นบ้าน การบอกกล่าวเล่าเรื่องโรงพระกับคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดตรัง โดยอาจารย์ยงยุทธ แซ่อ๋อง รองประธานฝ่ายพิธีกรรมศาลเจ้าเปากง การแสดงจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครตรังและชุมชนในเขตเทศบาลนครตรัง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีและทัศนคติเชิงบวกในสังคมพหุวัฒนธรรม รวมถึงการรวบรวมองค์ความรู้ ส่งเสริม อนุรักษ์ เผยแพร่ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละเชื้อชาติ ศาสนา จัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ นําไปสู่การสร้างกระแสทางวัฒนธรรมที่จะกระตุ้นการตระหนักรู้ถึงความสําคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความหลากหลาย พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านงานศิลปะให้กับเด็ก เยาวชน ได้แสดงออกปลุกพลังความคิด การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอย่างอิสระ ตลอดจนส่งเสริมทักษะ เสริมสร้างความมั่นใจและภาคภูมิใจในตนเองผ่านงานศิลปะ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันงดงาม
1/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901144919167
245,915
มทร.ศรีวิชัย ร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลครั้งที่ 13 การประชุมวิชาการระดับนานาชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลครั้งที่ 12 และการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมราชมงคลครั้งที่ 5
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั้ง 8 แห่ง โดยมี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลครั้งที่ 13 การประชุมวิชาการระดับนานาชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลครั้งที่ 12 และการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมราชมงคลครั้งที่ 5 ณ ศูนย์ประชุมนงนุชเทรดดิชั่นเซ็นเตอร์ฮอลล์ (Nongnooch Tradition Center Hall) สวนนงนุชพัทยา ตําบลนาจอมเทียน อําเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน 2566การจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย นวัตกรรม และงานสร้างสรรค์ของคณาจารย์ นักวิชาการ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป สู่สาธารณชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสําคัญในการสร้างฐานความรู้ที่เกิดจากผลงานวิจัย นวัตกรรม และงานสร้างสรรค์ การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของสังคม และเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้มีการจัดประชุมฯ ภายใต้แนวคิด “9 RMUT Empowering and Promoting of Sustainable Innovation and BCG Model for The Next Normal (๙ ราชมงคล เสริมพลัง ผลักดัน นวัตกรรมยั่งยืน และ ขับเคลื่อนวิถีชีวิตยุคต่อไปด้วยต้นแบบ BCG)” ประกอบด้วยกิจกรรมที่สําคัญ คือ การบรรยายพิเศษ (Guest Speakers /keynote speakers) การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ การประกวดแข่งขันสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม การประกวดผลงาน RMUT Start up และการจัดแสดงนิทรรศการผลงานทางวิชาการโดยได้รับเกียรติจาก นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นผู้กล่าวต้อนรับ รองศาสตราจารย์ ดร.ฤกษ์ชัย ฟูประทีปศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งมี นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุวัจน์ ธัญรส อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มอบหมายให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิรักษ์ สงรักษ์ รองอธิการบดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประภาศรี ศรีชัย ผู้อํานวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.มาหามะสูไฮมี มะแซ และอาจารย์อัมรินทร์ สันตินิยมภักดี เข้าร่วมจัดนิทรรศการฯ โดยมีการนําผลงานวิจัยการพัฒนาคุณภาพและการตลาดสีธรรมชาติย้อมผ้า ตําบลหินตก อําเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เข้าร่วมการจัดนิทรรศการ เพื่อเป็นการเผยแพร่และถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมและขยายองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่การปฏิบัติให้กว้างขวาง และเป็นการเปิดมุมมองใหม่ ในการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในแต่ละศาสตร์ อันจะนําไปสู่การสร้างงานวิจัยที่มีคุณภาพต่อไป
1/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901151837187
245,916
สำนักงานเคหะจังหวัดสงขลา จัดมหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023 ร่วมกับส่วนกลาง โปรโมชันจัดเต็ม 1-3 กันยายนนี้
ที่สํานักงานเคหะจังหวัดสงขลา ซอย 10 ราษฎร์อุทิศ อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีประชาชนสนใจเดินทางเข้าดูแผนผังโครงการ และสอบถามรายละเอียดของอาคารเคหะ บ้านเอื้ออาธรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมกันกันส่วนกลางในกรุงเพมหานคร โดยการเคหะแห่งชาติ ที่มีการจัดมหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023 ภายใต้แนวคิด “คิดถึงบ้าน คิดถึงการเคหะฯ” เพื่อช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบางได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในราคาที่เหมาะสมและสามารถรับภาระได้ ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 นี้ งานมหกรรมฯ ในรอบนี้ มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด 2 ต่อ ต่อที่หนึ่ง รับส่วนลดทันที 5-10 % และต่อที่สอง รับส่วนลดปิดโครงการ 5,000-10,000 บาท กรณีผ่อนชําระกับการเคหะแห่งชาติจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษด้วย นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดเพิ่มในงาน โครงการเชิงสังคม ลดอีก 15,000 บาท / โครงการเชิงพาณิชย์ ราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ลด 20,000 บาท และโครงการเชิงพาณิชย์ ราคาเกิน 2.5 ล้านบาท ลด 40,000 บาท นายมานะ ไล่กสิกรรม เคหะจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า โครงการอาคาร บ้าน ของสํานักงานเคหะจังหวัดสงขลา มีประชาชนสนใจจํานวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ทั้งนี้ ในช่วงนี้ยังมีห้องพักอาศัยที่ยังคงว่างอยู่ และรวมถึงมีห้องที่ยึดคืนจากลูกค้าที่ไม่ได้ผ่อนต่อกับธนาคาร โดยนํามาปรับปรุงใหม่ พร้อมเปิดขาย ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดสงขลา (หาดใหญ่-ลพบุรีราเมศวร์) ส่วนที่1-3 จํานวน 95 หน่วย , โครงการบ้านเอื้ออาธรหาดใหญ่ (เกาะหมีฮิว) จํานวน 13 หน่วย และมีโครงการบ้านพักข้าราชการ จ.สงขลา ในพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อีกจํานวน 261 หน่วย ซึ่งเป็นโครงการที่ใกล้จะสร้างแล้วเสร็จ เริ่มต้นราคาขายสดอยู่ที่ 840,000 บาท ประชาชนที่สนใจติดต่อได้ ที่สํานักงานเคหะจังหวัดสงขลา
1/9/2023
ภาคใต้
สงขลา
สทท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901152408190
245,917
สพป.กระบี่ รับรายงานตัวครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ประจำปี 2566  จำนวน 7 สาขาวิชาเอก 28 อัตรา
วันที่ 1 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุมอาคาร 4 โรงเรียนอุตรกิจ อําเภอเมืองกระบี่ นายสมชาติ ไกรแก้ว ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ เป็นประธานปฐมนิเทศและให้โอวาทครูบรรจุใหม่ที่มารายงานตัว เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ตําแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจําเป็นหรือเหตุพิเศษ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ประจําปี 2566 จํานวน 7 สาขาวิชาเอก 28 อัตรา ประกอบด้วยวิชาเอกคณิตศาสตร์ 5 อัตรา ภาษาไทย 5 อัตรา ภาษาอังกฤษ 4 อัตรา วิทยาศาสตร์ 3 อัตรา สังคมศึกษา 8 อัตรา คอมพิวเตอร์ 2 อัตรา และปฐมวัย 1 อัตรา มีผู้มารายงานตัวครบ หลังจากนั้น นางสมเจียด คงภักดี ผู้อํานวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล พร้อมคณะบุคลากรกลุ่มบริหารงานบุคคล ได้ชี้แจงการเขียนบันทึกประวัติใน ก.ค.ศ.16 พร้อมทั้งได้ดําเนินการส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนที่ได้รับการแต่งตั้งในวันเดียวกันนายสมชาติ ไกรแก้ว กล่าววว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้สอบแข่งขันได้ทุกคนที่ได้มารายงานตัวในวันนี้ ขอให้ทุกคนเป็นครูตลอด 24 ชั่วโมง ปฏิบัติหน้าที่เต็มตามศักยภาพ และปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพครู เพราะอาชีพครูต้องปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณ จึงจะเป็นที่ยกย่องของสังคม ครองตน ครองคน ครองงาน ให้สมกับการเป็นครู มีจรรยาบรรณต่อตนเอง คือ ต้องเป็นคนที่มีวินัย พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมถึงมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพและเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพ องค์กรวิชาชีพ เช่น สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สํานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชมรม หรือสมาคมต่าง ๆ เป็นต้น มีความรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กําลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ประพฤติตนเป็นแบบอนย่างที่ดีทั้งกาย วาจา และจิตใจ ไม่กระทําตนเป็นปฏิปักษ์ต่อศิษย์และผู้รับบริการ ผู้ปกครอง สังคม และชุมชน รวมถึงการให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค ไม่เรียกรับผลประโยชน์ มีจรรยาบรรณต่อเพื่อนร่วมประกอบวิชาชีพ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดคุณธรรมและความสามัคคี และมีจรรยาบรรณต่อสังคม ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นําในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ยึดมั่นในการปกครองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นพระประมุข
1/9/2023
ภาคใต้
กระบี่
สวท.กระบี่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901155358206
245,918
จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ จัดงานสัมมนาผู้นำทางด้านการศึกษา Education Leaders Forum
วันนี้ (1 ก.ย. 66) ที่โรงละครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลาประชาคม สนามหน้าเมือง นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงานสัมมนาผู้นําทางด้านการศึกษา Education Leaders Forum ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บริหารสสถานศึกษา และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมสําหรับงาน Education Leaders Forum เป็นการดําเนินงานของมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) ที่ได้กําหนดจัดงานขึ้น เพื่อแนะนําหลักสูตร Mind Education หรือหลักสูตรการศึกษาเรื่องโลกของจิตใจจากสาธารณรัฐเกาหลี ให้กับผู้นําทางการศึกษาจากหลายภาคส่วนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ เพื่อนําหลักสูตรไปปรับใช้กับเยาวชนและนักเรียนในสถานศึกษาในสังกัดต่อไป ทั้งนี้ในการแนะนําหลักสูตรดังกล่าว เป็นลักษณะของการแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากวิทยากรที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้เรื่องโลกของจิตใจ จากคนที่ต้องรับผิดชอบมีหน้าที่งานมากมาย จนทําให้เกิดอาการแพนิค และกลายเป็นซึมเศร้า ชีวิตไม่มีความสุข จนได้มาเรียนรู้ว่าสิ่งสําคัญคือการรู้จักโลกของจิตใจ เพราะเมื่อตัวเองมีความสุขก็จะสามารถส่งความสุขและความหวังต่อไปถึงนักเรียนได้ โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สังคมมีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ทั้งในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา ในขณะเดียวกันก็ผลกระทบด้านลบ โดยเด็กและเยาวชน บางกลุ่มอาจเลือกใช้เทคโนโลยีไปใช้ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็นภัยต่อตัวเองและสังคมได้
1/9/2023
ภาคใต้
นครศรีธรรมราช
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901164156218
245,919
จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีแก่คณะกรรมการที่ปฏิบัติที่หน้าที่คัดเลือกครูฯ ครบ 2 ครั้ง
วันนี้ (1 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 สํานักงานศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ตําบลนาพรุ อําเภอพระพรหม นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ให้แก่คณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระดับจังหวัด ที่ได้ดําเนินการมาแล้วครบ 2 ครั้ง จํานวนทั้งสิ้น 3 ราย ประกอบด้วย นายสมพร ญาณสูตร นายยินดี วรรณมณี และนางสาวณฐมน ทรงสง่าทั้งนี้ มูลนิธิรางวัสสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี มีแนวทางการดําเนินการที่จะมอบเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่คณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระดับจังหวัด ที่ได้ดําเนินการมาแล้วครบ 2 ครั้ง กล่าวคือ การคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 3 ปี 2562 และครั้งที่ 4 ปี 2564โดยในการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 3 ปี 2562 และครั้งที่ 4 ปี 2564 ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคณะกรรมการที่ดําเนินการมาแล้วครบ 2 ครั้ง จํานวน 5 ราย และในการประกอบพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ในครั้งนี้ มีคณะกรรมการฯ ที่เข้าร่วมพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จํานวน 3 ราย และมีคณะกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีและร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับมอบเข็มเชิดชูเกียรติพร้อมเพรียง
1/9/2023
ภาคใต้
นครศรีธรรมราช
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901164400219
245,920
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เผยการจัดงาน “ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อย ประจำปี 2566” จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางการค้าในตลาดภูมิภาค เกิดเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
นางสาวเพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล เปิดเผยว่า ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง โดยสํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดตรัง กําหนดจัดงาน “ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อย ประจําปี 2566”ขึ้น ในระหว่างวันที่ 6 - 10 กันยายน 2566 ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าโรบินสันตรัง อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรังสืบเนื่องจากจังหวัดตรังมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องอาหารและขนม ซึ่งสามารถนํามาใช้เป็นช่องทางสําคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมทั้ง จะช่วยส่งเสริมศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ด้วยการสร้างเครือข่าย เพิ่มช่องทางและความเข้มแข็งของธุรกิจการค้าให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน อันเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยว โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงาน“ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อย ประจําปี 2566” ประการแรก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารให้แก่จังหวัดตรัง ประการที่สอง เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ประการที่สาม เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และประชาชนชาวตรัง เตรียมความพร้อมในการเข้ารับการคัดเลือกให้ตรังเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร จาก UNESCO” ประการที่สี่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัดตรัง ประการสุดท้าย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีให้จังหวัดตรังเป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนโดยผลจากการจัดงานในครั้งนี้ คาดว่า จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นในจังหวัดตรัง รวมถึง สร้างระบบการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางการค้า ในตลาดภูมิภาค โดยผู้ประกอบการจะมีเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น และคาดว่าผู้ประกอบการและประชาชนจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
1/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901165551225
245,921
ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เผยงาน“ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อย” (Trang Local Food Festival) จะช่วยสนับสนุนการขยายช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการสินค้าจังหวัดตรัง
นายสุธรรม เศรษฐพิศาล ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า การจัดงาน“ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อย” (Trang Local Food Festival) ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารจังหวัดตรัง จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการสินค้าจังหวัดตรัง กําหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 6 - 10 กันยายน 2566 ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าโรบินสันตรัง อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย(1) การแสดงและจําหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการจังหวัดตรัง กว่า 100 คูหา(2) การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดง แสง สี เสียง ตรัง ยุทธจักรอาหารอร่อยทุกวัน(3) การสาธิตการทําอาหาร จากเชฟชื่อดังของประเทศ เชฟชุมพล แจ้งไพร และเชฟดังในจังหวัดตรังมาสาธิตการทําอาหารทุกวัน วันละ 2 เมนู(4) การจัดการประกวดอาการพื้นถิ่น ในวันที่ 10 กันยายน 2566(5) การแสดงวงดนตรีสดความบันเทิง โดยศิลปินชื่อดัง เอ๊ะ จิรากร เก่ง ธชย เจเน็ตเขียว เจนนี่ ลิลลี่เต็มวง และ สงกรานต์ ชมการแสดงศิลปิน 20.00 น. เป็นต้นไป ที่สําคัญ “ชมฟรีตลอดการจัดงาน”สําหรับผลิตภัณฑ์ที่นํามาจัดแสดงและจําหน่ายภายในงานครั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจการค้า กลุ่มภาคอุตส าหกรรม กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจบริการ และกลุ่มการท่องเที่ยวในจังหวัดตรัง ประกอบด้วย หมูย่าง เค้ก ขนม ของฝาก เครื่องประดับอัญมณี ผ้า เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แปรรูป และอื่นๆ อีกมากมาย
1/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901165724226
245,922
1 กันยายน 66 วันแรกที่ท่าอากาศยานภูเก็ต อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร โดยเปิดให้เรียกใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะ ผ่านแอปพลิเคชัน ที่สามารถเข้ามารับส่งผู้โดยสารภายในสนามบินได้แล้ว
วันนี้ (1 กันยายน 2566) เมื่อเวลา 08.30 น. ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อํานวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อํานวยการท่าอากาศยานภูเก็ต และ น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) ลงพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ตรวจความพร้อมการให้บริการรถแกร็บแท็กซี่ ผ่านแอปพลิเคชัน ภายในท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมี นายอํานวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.สลาน ตันติศาสนกุล ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรสาคู นายกรณ์พิทักษ์ อาสน์สุวรรณ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สํานักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนตํารวจท่องเที่ยว และผู้บริหารแกร็บ ประเทศไทย เข้าร่วม บริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ยังมีเพียงแอปพลิเคชันแกร็บเท่านั้นที่ได้รับการอนุมัติจากท่าอากาศยานภูเก็ต ส่วนรายอีก 3 ราย คือ Asia Cab , Hello Phuket Service , และ Air Asia SuperApp ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อํานวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดให้รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันเข้ามาให้บริการรับส่งผู้โดยสารภายในสนามบินภูเก็ต เป็นไปตามนโยบายของบริษัทท่าอากาศยานไทย ที่ต้องการให้บริการที่ดี และสร้างทางเลือกในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะกับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ และเป็นที่นิยมในต่างประเทศ จึงเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากก่อนหน้านี้การใช้บริการรถผ่านแอปไม่สามารถเข้ามารับผู้โดยสารในสนามบินได้ ต้องรับส่งด้านนอกนักท่องเที่ยวจึงต้องเดินลากกระเป๋าออกไปขึ้นรถและเข้ามาในสนามบินที่มีระยะmางประมาณ 400-500 เมตร ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ทั้งนี้ การเปิดให้รถรับจ้างที่เรียกแอปเข้ามารับส่งผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานภูเก็ตได้ ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถรับจ้างที่ให้บริการอยู่ก่อนหน้า อย่างรถลิมูซีน ที่ได้รับสัมปทานจากท่าอากาศยานภูเก็ต โดยในส่วนนี้สัญญาสัมปทานได้หมดลงแล้ว ทางท่าอากาศยานจึงจะต้องหารือร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งในการทําสัญญาฉบับต่อไปอาจจะต้องลดค่าตอบแทน เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้สําหรับการให้บริการที่ดีกับผู้โดยสาร และเพื่อให้ผู้ประกอบการลิมูซีนอยู่ได้ด้วย ทางด้าน นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อํานวยการท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานภูเก็ต มีรถรับจ้างสาธารณะที่ให้บริการผู้โดยสารหลายประเภท เช่น รถลิมูซีนที่ได้รับสัมปทานจากท่าอากาศยาน รถแท็กซี่มิเตอร์ รถบัสปรับอากาศที่เข้าตัวเมืองภูเก็ต และรถรับจ้างประจําทางของบริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง เส้นทางท่าอากาศยานภูเก็ต-หาดราไวย์ และการเปิดให้รถรับจ้างเรียกผ่านแอปเข้ามารับผู้โดยสารได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นการอํานวยความสะดวกและสร้างทางเลือกให้ผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางด้าน นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บมีความพร้อมอย่างมากในการเข้ามาให้บริการภายในท่าอากาศยาภูเก็ต เป็นสิ่งที่แกร็บอยากให้บริการผู้โดยสารเพราะที่ผ่านมาการเรียกใช้รถแกร็บผู้โดยสารจะต้องขึ้นและลงรถที่ด้านนอกท่าอากาศยานทําให้ไม่สะดวกในการใช้บริการ และหลังจากวันนี้คาดว่าจะทําให้มียอดเพิ่มขึ้นไม่ต่ํากว่าวันละ 1,000 เที่ยว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสารวันละประมาณ 40,000 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 20,000 คนและระหว่างประเทศ 20,000 คน เป็นผู้โดยสารที่ต้องใช้รถรับจ้างสาธารณะประมาณ 8,000 คน ซึ่งจะต้องใช้รถโดยสารถึง 8,000 คัน โดนก่อนหน้านี้ผู้โดยสารมีทางเลือกในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะไม่มากนัก จึงไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร และไม่มีทางเลือก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) จึงต้องสร้างทางเลือกให้ผู้โดยสารให้มากขึ้น และคํานึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสิ่งสําคัญ ดังนั้น รถที่เข้ามาให้บริการจะต้องมีการลงทะเบียน โดยสถานที่จอดจะอยู่ด้านนอกสนามบิน ไม่จอดค้างคอยในท่าอากาศยาน และจะต้องไม่นําผู้โดยสารไปแวะซื้อสินค้าตามจุดต่างๆ และท่าอากาศยานเปิดกว้างให้ทุกแอปที่ยื่นความประสงค์ในการเข้ามาให้บริการ โดยจะมีการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกราย
1/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สวท.ภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901165030221
245,923
เหล่ากาชาดจังหวัดตราด กำหนดจัดกิจกรรมออกรับบริจาคโลหิตในพื้นที่ต่าง ๆ รวม 4 ครั้ง ในเดือนกันยายน 2566
(1 ก.ย. 66) นางชุลีพร เตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตราด เปิดเผยว่า สํานักงานเหล่ากาชาดจังหวัดตราด ร่วมกับธนาคารเลือด โรงพยาบาลตราด และหน่วยงานต่าง ๆ กําหนดจัดกิจกรรมออกรับบริจาคโลหิตตามโครงการ “รับบริจาคโลหิต ประจําปี 2566” โดยออกรับบริจาคโลหิตในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2566 มีแผนกําหนดออกรับบริจาคโลหิต ในพื้นที่ต่าง ๆ 4 ครั้ง ประกอบด้วย- วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 ออกรับบริจาคโลหิตที่ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนตราษตระการคุณ ตําบลวังกระแจะ อําเภอเมืองตราด- วันพุธที่ 13 กันยายน 2566 ออกรับบริจาคโลหิตที่ สํานักงานเทศบาลตําบลตะกาง ตําบลตะกาง อําเภอเมืองตราด- วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 ออกรับบริจาคโลหิตที่ ห้องโสตทัศนศึกษา โรงเรียนเขาสมิงวิทยา “จงจินต์รุจิรวงศ์อุปถัมภ์” ตําบลเขาสมิง อําเภอขาสมิง- วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 ออกรับบริจาคโลหิตที่ โรงแรมเซ็นทารา เกาะช้าง ทรอปิคานา รีสอร์ท ตําบลเกาะช้าง อําเภอเกาะช้างจึงขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิตระหว่างเวลา 09.00 – 12.00 น. โดยผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าร่วมบริจาคโลหิตตามกิจกรรมนี้ กรุณางดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนบริจาคโลหิต และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
1/9/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901170558234
245,924
จังหวัดนราธิวาสเชิญชวนผู้สนใจ สมัครเข้าประกวดการแข่งขันผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ทั้ง 8 ประเภท ภายในกองงานศิลปาชีพและงานกระจูด ในงานของดีเมืองนรา ครั้งที่ 46 ประจำปี 2566
จังหวัดนราธิวาสกําหนดจัดงานของดีเมืองนรา ครั้งที่ 46 ประจําปี 2566 กําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 25 กันยายน 2566 ณ บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา บริเวณศูนย์ราชการ อําเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยกิจกรรมการประกวดและแข่งขันผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ภายในกองงานศิลปาชีพและงานกระจูด โดยรางวัลชนะเลิศทุกประเภทจะได้รับรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีซึ่งจังหวัดนราธิวาสได้กําหนดจัดประกวดแข่งขันผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ รวม 8 ประเภท ประกอบด้วย การประกวดผลิตภัณฑ์ซองประจูด การประกวดผลิตภัณฑ์กล่องใบลาน การประกวดผลิตภัณฑ์ตูมูปาหนัน การประกวดผลิตภัณฑ์เสื่อปาหนัน การประกวดผ้าทอนราธิวาส การประกวดผลิตภัณฑ์กระเป๋าย่านลิเภา การประกวดแข่งขันผลิตภัณฑ์เรือกอและจําลอง และ การแข่งขันสานเสื่อกระจูด และมีการตัดสินผลประกวดในวันที่ 14 กันยายน 2566 ส่วนการแข่งขันเสื่อกระจูด ในวันที่ 14-15 กันยายน 2566 โดยมีรางวัลสําหรับผู้ชนะการประกวดแข่งขันในแต่ละประเภท ดังนี้รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรรางวัลชมเชย 2 รางวัล เงินรางวัลๆ ละ 500 บาท พร้อมเกียรติบัตรกําหนดส่งใบสมัครระหว่างวันที่ 4-8 กันยายน 2566 ที่สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส ในวันและเวลาราชการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส ในวันและเวลาราชการ หมายเลขโทรศัพท์ 0 7353 2026
1/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901184054245
245,925
จังหวัดเลยประชุมเข้มวางมาตรการแก้ปัญหาช้างป่าภูหลวงออกนอกป่าอนุรักษ์
ที่ห้องประชุมศรีสองรัก ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดเลย นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดการประชุมแก้ปัญหาช้างป่าภูหลวงออกนอกพื้นที่ป่า โดยมี นายกิตติคุณ บุตรคุณ ปลัดจังหวัดเลย นางทรงศิริ แก้วคํา ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 8 (ขอนแก่น) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต สถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง โครงการฟื้นฟูอาหารช้างป่าในพระราชดําริ เข้าร่วมประชุม สืบเนื่องมาจากกรณีประชาชนในพื้นที่อําเภอภูกระดึง ภูเรือ ด่านซ้าย ภูหลวง ท่าลี่ หนองหิน และอําเภอผาขาว ได้รับผลกระทบจากช้างป่าที่ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ได้แยกฝูงออกมาสร้างพื้นที่หาแหล่งที่อยู่ใหม่ และหาแหล่งอาหาร ได้แยกกระจายไปหลายโขลงในหลายพื้นที่ในจังหวัดเลย ได้สร้างผลกระทบและสร้างความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่ นับวันปัญหาที่มียิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่อําเภอภูกระดึงที่มีช้างได้ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงกว่า 40-50 ตัว แยกออกเป็นหลายฝูง มาอาศัยอยู่ในป่าภูค้อ-ภูกระแต และได้แยกโขลงออกมาหากินใกล้กับชุมชน สร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัว รวมทั้งกัดกินพืชไร่ของชาวบ้านสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ที่ประชุมได้นําเสนอข้อมูลเพื่อวางมาตรการแก้ไขให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งมีผลกระทบในหลายอําเภอที่จํานวนช้างได้เพิ่มปริมาณ และมีแนวโน้มจะออกจากป่ามาหากินใกล้กับชุมชนมากขึ้น โดยผลสรุปการประชุมในเบื้องต้น การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนโดยให้แต่ละหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่าเข้าทําลายพืชผลทางการเกษตร จัดให้มีการจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่า เพื่อสร้างการรับรู้กับประชาชนในพื้นที่ และแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ได้รับอันตรายจากช้างป่า และพร้อมให้มีการจัดตั้งศูนย์อํานวยการแก้ไขปัญหาช้างป่าระดับตําบล โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้รับผิดชอบและอํานวยการแก้ไขปัญหาช้างป่าระดับตําบลที่ประชุมรับเรื่องปัญหาจากภาคส่วนต่างๆ ว่าขณะนี้ช้างยังอาศัยอยู่บริเวณอําเภอผาขาว ภูกระดึง ภูเรือ และอําเภอด่านซ้าย แยกออกเป็นหลายฝูงๆ ละประมาณ 3-6 ตัว ส่วนใหญ่เป็นช้างหนุ่มที่ถูกขับออกจากฝูงทั้งช้างจรและช้างที่อาศัยอยู่กินประจํา การแก้ไขได้ขอรับงบประมาณมาในปีงบประมาณเพื่อซื้อโดรนถ่ายและติดตามช้างป่า ส่วนเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าขณะนี้มี 22 เครือข่าย จะเพิ่มเป็น 35 เครือข่ายในปี 2567 ตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 35 เครือข่ายๆ 50,000 บาท ตั้งชุดควบคุมช้างป่าขึ้น 2 ชุด เพื่อเป็นป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชีวิตของช้างป่า
1/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901204045272
245,926
น่าน ประกอบพิธีมหามงคล ยกฉัตรเกิ้งมหาบารมีพระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง ขึ้นบนเหนือกาบปลีองค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง พระมหาธาตุเจ้าคู่บ้านคู่เมืองนครน่าน พระมหาธาตุเจ้าประจำปีเถาะ (กระต่าย)
ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ประกอบพิธีมหามงคล พิธียกฉัตรเกิ้งมหาบารมีพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง ขึ้นบนเหนือกาบปลีองค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง พระมหาธาตุเจ้าคู่บ้านคู่เมืองนครน่าน พระมหาธาตุเจ้าประจําปีเถาะ (กระต่าย) โดยพิธีเริ่มจากคุณฐาปนา รักติประกร รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย นํากล่าวนมัสการบูชาพระรัตนตรัย องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง และนําประกอบพิธีบวงสรวงถวายสักการะอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในอนันตจักรวาล ตามอริยประเพณี จากนั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ประธานพิธีประกอบพิธีปิดทอง ผูกผ้า 7 สี ถวายพวงมาลัยดอกไม้ บูชา ฉัตรเกิ้งมหาบารมีพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง จากนั้นประธานฝ่ายสงฆ์ พระราชพัฒนากร (สมชาย ฉนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน พระชยานันทมุรี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน ประกอบพิธีเจิมพร้อมปิดทองฉัตรเกิ้งมหาบารมีพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง จากนั้นประกอบพิธียกฉัตรเกิ้งมหาบารมีพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง อัญเชิญขึ้นสู่บนยอดพระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี สําหรับพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี ซึ่งจัดขึ้น ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 โดยพิธีจะเริ่มเวลา 09.29 น. ของทุกวัน ทั้งนี้ในวันที่ 2 กันยายน 2566 จะประกอบพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์สมโภช ช่อฉัตรดอกไม้ทองคําประดับอัญมนี มหาบารมี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง และวันที่ 3 กันยายน 2566 ประกอบพิธีมหามงคล ยกช่อฉัตรดอกไม้ทองคําประดับอัญมณี ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทําบุญในพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี และเป็นเจ้าภาพโรงทานในพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 สามารถร่วมทําบุญได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี โครงการบูรณะพระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง เลขบัญชี 695-039-049-1 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พระครูฉันทเจติยานุกิจ โทร.086-8347178
1/9/2023
ภาคเหนือ
น่าน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901200052264
245,927
จังหวัดลำพูน จัดนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายจากการประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “มหัศจรรย์ลำพูน ปี 2 เที่ยวได้ทุกฤดู
ที่ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้าแจ่มฟ้าช้อปปิ้ง มอลล์ จังหวัดลําพูน นายวิทยา สะคําปัน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําพูน เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายจากการประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “มหัศจรรย์ลําพูน ปี 2 by อบจ.ลําพูน Amazing Seasons Change Photo Contest” และมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ชนะการประกวดภาพถ่าย แต่ละประเภท โดยมี นางสาววราศิณี สุนทร รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําพูน กล่าวรายงาน มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพ และประชาชนทั่วไป ร่วมงานเป็นจํานวนมาก ซึ่งในการจัดการประกวดภาพถ่ายฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้ท่องเที่ยวเกิดความสนใจในการที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดลําพูน สลับหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปีในแต่ละช่วงฤดูกาล อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัด อีกทั้ง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่ 8 อําเภอ ของจังหวัดลําพูนเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสามารถนําผลงานภาพถ่ายไปใช้สําหรับการจัดทําสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายผ่านช่องทางสื่อต่างๆ อาทิ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อมัลติมีเดีย รวมถึงการจัดการแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ นอกจากนี้ ภายในงาน มีกิจกรรมการเสวนาในหัวข้อ “Amazing Seasons Change Photo Contest”@Lamphun ในการบอกถึงที่มาของการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ และนิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายจากการประกวดภาพถ่าย เพื่อให้ผู้ที่สนใจ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้เห็นความหลากหลาย และความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนภายจังหวัดลําพูน จัดแสดงให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ ชมในระหว่างวันที่ 1 - 5 กันยายน 2566 ณ ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้าแจ่มฟ้าช้อปปิ้ง มอลล์ อีกด้วย
1/9/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901202354266
245,928
จังหวัดน่าน เปิดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายสะสมแคลอรี่ผ่าน แอพพลิเคชั่น CCC ระดับจังหวัด
ที่หอประชุมโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร ตําบลดู่ใต้ อําเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมการออกกําลังกายสะสมแคลอรี่ผ่าน แอพพลิเคชั่น CCC ระดับจังหวัด ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกําลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชน (CALORIES CREDIT CHALLENGE) โดยมี นางศิริวรรณ วงค์หนัก ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และนักเรียนโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารเข้าร่วมกิจกรรมด้วยสํานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อนุมัติโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกําลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชน (CALORIES CREDIT CHALLENGE) หรือ CCC เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลการออกกําลังกายและเล่นกีฬาจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อรวบรวมเป็น Big Data พฤติกรรมการออกกําลังกายและเล่นกีฬาของคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งข้อมูลพฤติกรรมทางกาย และข้อมูลการออกกําลังกายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว พร้อมทั้งสามารถประมวลผลข้อมูลในรูปแบบ Dash Board สถิติการออกกําลังกายและเล่นกีฬาจําแนกตามพื้นที่ จําแนกตามกลุ่มวัย จําแนกตามรูปแบบการออกกําลังกาย ในชื่อ Application CCC ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายโดยดาวน์โหลดได้ทั้งใน แอพสโตร และเพลย์สโตรโดยกิจกรรมในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ แพลตฟอร์ม CCC ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยสํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน ได้สร้างกิจกรรม เปิดชาเลนจ์การออกกําลังกายและเล่นกีฬา ผ่านระบบแอปพลิเคชั่น Calories Credit Challenge เพื่อส่งเสริมการออกกําลังกายในพื้นที่จังหวัดน่าน ในกิจกรรมการออกกําลังกายและเล่นกีฬาสะสมแคลอรี่ระดับจังหวัด ผ่าน Application Calories credit challenge (CCC) และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดน่านทุกช่วงวัยได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอเป็นวิถีชีวิต กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการออกกําลังกายของประชาชนในรูปแบบที่ท้าทายผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ได้ข้อมูลสถิติการออกกําลังกายเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนเป้าประสงค์ของแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565-2570) ที่กําหนดให้มีการส่งเสริมและพัฒนาการออกกําลังกายและกีฬามวลชนให้เป็นวิถีชีวิตอีกด้วย
1/9/2023
ภาคเหนือ
น่าน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901202557267
245,929
เทศบาลตำบลวิชิต จังหวัดภูเก็ต จัดโครงการซ้อมแผนอพยพผู้ประสบสาธารณภัย ภายใต้สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม
วันที่ 1 กันยายน 2566 ณ อาคารตะเภาใหญ่ สํานักงานเทศบาลตําบลวิชิต จังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครอง สํานักปลัดเทศบาล เทศบาลตําบลวิชิต จัดโครงการซ้อมแผนอพยพผู้ประสบสาธารณภัย ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายใต้สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม โดยได้รับเกียรติจากนายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดฯ กล่าวรายงานโดยนายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และกล่าวต้อนรับโดยนายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตําบลวิชิต พร้อมด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 ภูเก็ต สถานประกอบกิจการ สถานศึกษาในพื้นที่ตําบลวิชิต ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเข้าร่วมซึ่งการดําเนินโครงการซ้อมแผนอพยพผู้ประสบสาธารณภัย ภายใต้สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอบรมให้ความรู้ และฝึกซ้อมการดําเนินแผนอพยพผู้ประสบสาธารณภัยภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและลดอันตรายต่อการเกิดเหตุแผ่นดินไหวและอาคารถล่มอย่างมีขั้นตอน เป็นระบบ มีความพร้อมในด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งถือเป็นการรองรับสถานการณ์ทั้งในช่วงก่อนเกิดสาธารณภัย ขณะเกิดสาธารณภัย และหลังเกิดสาธารณภัยนั้นเองทั้งนี้ ได้จัดการบรรยายให้ความรู้ โดยวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถด้านการจัดการสาธารณภัย ในหัวข้อ “ภัยพิบัติ...ภูเก็ตพร้อมหรือยัง?” โดย อาจารย์ณัฐธัญ ละอองทอง ผู้จัดการส่วนปฏิบัติการและบริหารภาวะฉุกเฉิน บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จํากัด (ผู้ทรงคุณวุฒิ ปภ.) รวมถึงการจัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และความพร้อมในการเตรียมรับมือการเกิดแผ่นดินไหว” โดยมีนายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตําบลวิชิต นายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต และอาจารย์ณัฐธัญ ละอองทอง ผู้จัดการส่วนปฏิบัติการและบริหารภาวะฉุกเฉิน บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จํากัด (ผู้ทรงคุณวุฒิ ปภ.) ร่วมเวทีเสวนา ต่อด้วยการบรรยายในหัวข้อ “ทักษะการเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม” โดย ผอ.เลอพงศ์ สวนสังข์ ผู้อํานวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (หัวหน้าทีมค้นหาและกู้ภัย ในเขตเมืองแห่งชาติ National USAR Team) พร้อมการซ้อมแผนเชิงปฏิบัติการ “การอพยพภายใต้สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม” โดยมีการจําลองสถานการณ์ การเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในรถและติดอยู่ภายในตัวอาคาร ซึ่งมีทีมครูฝึกกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตําบลวิชิต ร่วมสาธิตการดําเนินการให้ความช่วยเหลือ พร้อมการจัดนิทรรศการให้ความรู้ในประเด็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) การเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดแผ่นดินไหว การรณรงค์คัดแยกขยะ และผลงานด้านการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตําบลวิชิต ในโครงการประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการจัดการสาธารณภัยดีเด่น ระดับประเทศ ประเภทเทศบาลตําบล ในปี 2564-2566 ที่ผ่านมา
1/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สวท.ภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901192250261
245,930
กองทัพภาคที่ 2 จัดอบรมโครงการถักทอเครือขายมวลชน กอ.รมน.ภาค 2 เป็นวันที่ 2
กองทัพภาคที่ 2 จัดอบรมโครงการถักทอเครือข่ายมวลชนในพื้นที่ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ประจําปี 2566 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 ณ โรงแรมรายาแกรนด์ อ.เมือง จ.นครราชสีมาโดยมีการบรรยายและแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย จากชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชุดขุนศึก 62 หน่วย ศปภอ.ทบ.) เพื่อปลุกจิตสํานึกเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย สร้างความรักความสามัคคีให้ประชาชน รวมทั้งเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการสร้าง เครือข่ายให้กลุ่มมวลชนต่างๆอีกทั้ง ได้ทําความรู้จักแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกิดเป็นเครือข่ายด้านความมั่นคงที่มีความสําคัญต่อสังคม ต่อภูมิภาค และประเทศชาติ พร้อมที่จะปฏิบัติ หน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ มีความรัก สมัครสมาน ความสามัคคี และร่วมมือกันเป็นเครือข่าย สามารถช่วยเหลืองานด้านจิตอาสา เพื่อพัฒนาประเทศชาติ ต่อไป
1/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901205114278
245,931
สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กำชับ และเฝ้าระวังฟาร์มเลี้ยงสัตว์ดุร้าย ประเภท (จระเข้) เนื่องจากฝนตกหนัก
วันที่ 1 กันยายน 2566 นายสิทธิพล เมืองสง ประมงจังหวัดภูเก็ต มอบหมายให้ นายศักดิ์ดา ทวีเมือง หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง นางสิริเพ็ญ รัตนเอี่ยมพงศา ประมงอําเภอถลาง นางสาวพิมพิสุทธิ์ สาระณะ นิติกรปฏิบัติการนางสาวณิชกานต์ หยงสตาร์ เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน และนายสุนันท์ สีหมัด ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้วยสถานการณ์ฝนตกหนักหลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต จากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทําให้เกิดน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากได้ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ดําเนินการตรวจสอบ กําชับ เฝ้าระวังฟาร์มเลี้ยงสัตว์ดุร้าย ประเภท(จระเข้) ในเขตพื้นที่อําเภอเมืองภูเก็ต 1 แห่งและอําเภอถลาง 1 แห่ง ซึ่งมีใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
1/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230901213718284
245,932
จังหวัดลพบุรี ประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงภัยแล้ง ยืนยันน้ำเพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภคในพื้นที่
วันที่ 1 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ที่ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ําอัจฉริยะ (SWOC 10) ชั้น 2 สํานักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรั นายวชิระ เกตุพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้ง จังหวัดลพบุรี ปี 2566 เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมถึงการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายวิรพัฒน์ อ่อนสุระทุม หัวหน้าสํานักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสํานักงานชลประทานที่ 10 ผู้แทนนายอําเภอทั้ง 11 อําเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์น้ําและการคาดการณ์สถานการณ์น้ําของจังหวัดลพบุรีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย น้ําเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ําเพื่อการเกษตร และน้ําเพื่อการอุตสาหกรรม ซึ่งจังหวัดลพบุรีได้เตรียมการป้องกันและมาตรการต่าง ๆ ในแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งในช่วงฤดูฝนได้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ระหว่าง ปลายเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ด้าน นายธเนศ อักษร ผู้อํานวยการส่วนบริหารจัดการน้ําและบํารุงรักษา กล่าวว่า สํานักงานชลประทานที่ 10 ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว 8 มาตรการรับมือ ซึ่งขอยืนยันว่าน้ําอุปโภคบริโภค จะมีเพียงพออย่างแน่นอน ส่วนภาคเกษตร น้ําที่จะทําการเกษตร ก็ได้ขอความร่วมมือกับเกษตรกรในช่วงเวลาดังกล่าว ขอให้งดการทํานา ให้หันมาปลูกพืชที่ต้องการน้ําน้อยแทน โดยมาตรการทั้ง 8 มาตรการ รับมือประกอบไปด้วย การจัดตั้งศูนย์ประชุมโครงการชลประทานในเขตสํานักงานชลประทานที่ 10 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ทั้ง 14 โครงการอยู่ตลอดเวลา การเตรียมเครื่องจักรอุปกรณ์โดยเฉพาะเครื่องสูบน้ําเคลื่อนที่ และทําการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรใช้น้ําอย่างมีคุณค่า และงดการปลูกพืชหลังเก็บเกี่ยวแล้ว มีการสํารวจแหล่งน้ําสํารอง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 90 แห่ง สามารถจุน้ําสํารองได้ถึง 14.5 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึง การเตรียมเครื่องจักรประเภทรถบรรทุกน้ําที่สามารถลําเลียงน้ําเข้าพื้นที่ รถแม็คโครสําหรับขุดลอกคูคลอง และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปลูกพืชน้ําน้อยเพื่อทดแทนข้าวปลูก โดยเฉพาะข้าวโพด โดยทางสํานักงานชลประทานที่ 10 ซึ่งมีบทบาทมากในเรื่องการจัดสรรน้ํา ทั้งการอุปโภค บริโภค ร่วมทั้งการจัดสรรในการทํานาทําไร่ ในห้วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทางสํานักงานชลประทานได้เตรียมการไว้เป็นอย่างดี น้ําอุปโภคบริโภคไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน ในส่วนของ การประปาจังหวัดลพบุรี ก็ได้มีการเตรียมรับมือไว้เช่นกัน โดยการเตรียมเครื่องสูบน้ําสํารองไว้ ร่วมทั้งหาแหล่งน้ําดิบ ที่เป็นอ่างเก็บน้ําอยู่ในหน่วยทหาร สํารองไว้เช่นกัน
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902092343321
245,933
ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาตรัง ขอให้ประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดตรัง เพิ่มความระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ลาดเชิงเขา ตามแนวเทือกเขาบรรทัด
นายธีระ เซ่งง่าย ผู้อํานวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาตรัง เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้พื้นที่จังหวัดตรังมีฝนตกทั่วไปครอบคลุมทั้งจังหวัด และมีฝนตกหนักในพื้นที่อําเภอเมือง อําเภอนาโยง อําเภอย่านตาขาวและอําเภอปะเหลียน แม้ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มลดลง แต่ขอให้พื้นที่ 4 อําเภอดังกล่าว ได้เพิ่มความระมัดระวังน้ําท่วมฉับพลัน น้ําป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม เอาไว้ด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ํา พื้นที่ลาดเชิงเขา ตามแนวเทือกเขาบรรทัดอนึ่งในระยะต่อไป จะมีกลุ่มฝนกลุ่มใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่จังหวัดตรัง บริเวณทางตอนบนของจังหวัดตรัง พื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดตรังและจังหวัดกระบี่ เช่น อําเภอสิเกา อําเภอวังวิเศษ แล้วจะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่อําเภอห้วยยอดต่อไป จึงขอให้พื้นที่ดังกล่าวได้ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดจากฝนตกหนักเอาไว้ด้วย พร้อมขอให้ประชาชนได้ติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถานีอุตุนิยมวิทยาตรัง รวมถึงติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิ
2/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902100519328
245,934
ขนส่งจังหวัดแพร่แนะผู้ใช้รถ ตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนเดินทางช่วงหน้าฝน ย้ำเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขณะฝนตกและในพื้นที่น้ำท่วม
นางสาวโชติกา หอมยก ขนส่งจังหวัดแพร่ กล่าวว่า สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่มีความห่วงใยผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงฤดูฝน เนื่องจากการขับขี่ยานพาหนะในสภาพถนนที่มีฝนตกทําให้เปียกลื่นหรือมีน้ําท่วมขัง ประสิทธิภาพในการทรงตัวและยึดเกาะถนนของรถจะลดลง รวมถึงทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้ จึงแนะนําการขับรถในช่วงหน้าฝนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยต้องใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับทัศนวิสัยการมองเห็นและตามสภาพถนน หมั่นสังเกตสภาพถนนให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ําขังบนพื้นผิวจราจร หากขับรถด้วยความเร็วสูงอาจทําให้รถเกิดอาการเหินน้ํา จนไม่สามารถควบคุมได้ ทําให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงตามมา ทั้งนี้ ขอแนะนําให้ผู้ขับขี่หมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ําเสมอ โดยเฉพาะที่ปัดน้ําฝน สภาพยางปัดน้ําฝนต้องสามารถรีดน้ําบนกระจกได้ดี เพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ชัดเจนขณะขับรถในช่วงฝนตก สภาพยางรถต้องมีสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาด บวม ดอกยางต้องไม่สึกหรอหรือแข็งกระด้าง มีความลึกพอที่จะยึดเกาะถนนและรีดน้ําได้ดี รวมทั้งตรวจเช็กระบบเบรก ซึ่งต้องสามารถหยุดรถได้ในระยะทางที่ปลอดภัย ส่วนระบบไฟรถยนต์ ต้องมีแสงไฟส่องสว่างทุกดวงและให้แสงสัญญาณได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฝนตกได้
2/9/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สวท.แพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902110246335
245,935
เชิญชวนผู้ใจบุญร่วมทอดผ้าป่ามหากุศลสนับสนุนการศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ด้วยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย) กําหนดเป็นประธานจัดทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. โดย ศาสตราจารย์ นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นประธานฝ่ายฆราวาสวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ จัดตั้งขึ้นด้วยความคิดริเริ่มของพระราชวัชรภาวนาโพธิคุณ (อาจารย์โพธิ์) เจ้าอาวาสวัดสวนโมกข์ จัดการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษาหลักสูตร ปวช. และ ปวส. ตามแนวทางของท่านพุทธทาส สอนธรรมะควบคู่กับการสอนวิชาชีพ ดําเนินการในลักษณะเป็นโรงเรียนประจําที่มีบรรยากาศเอื้อต่อการเรียนและการปฏิบัติธรรม นักศึกษาทุกคนทําวัตรเช้า-เย็น ไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และฟังธรรม โดยมีพระคุณเจ้าจากวัดสวนโมกข์ จํานวน 5 รูป จําพรรษาประจําอยู่ ณ อาศรมในวิทยาลัย สอนธรรมะแก่นักศึกษาทุกวัน โดยนักศึกษาใช้เวลาเรียนในวิทยาลัย และเรียนภาคการปฏิบัติในสถานประกอบการ ซึ่งผู้สอนเป็นผู้บริหารและหัวหน้างาน ที่เป็นมืออาชีพ ตลอดหลักสูตรการศึกษาเป็นเวลา 5 ปี โดยนักศึกษาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ วิทยาลัยฯ ยังได้น้อมนําปรัชญาพระราชทาน "เศรษฐกิจพอเพียง" มาฝึกอบรมให้นักศึกษาได้ยึดถือปฏิบัติอย่างจริงจัง นักศึกษาร่วมกันทํานา ปลูกผัก เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลา เพาะเห็ด ปลูกพืชสมุนไพร บริหารจัดการโรงแรมของวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม จากมหาวิทยาลัย 14 แห่ง และหน่วยงานวิจัย ในกระทรวง อว. ซึ่งร่วมกันใช้วิทยาลัยเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และเป็นฐานปฏิบัติการในการถ่ายทอดความรู้ และงานวิจัยสู่ประชาชน เป็นการรักษา สืบสานและต่อยยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันก่อให้เกิดประโยชน์ในการยกฐานะเศรษฐกิจครอบครัวของประชาชน ตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG อันเป็นยุทธศาสตร์ชาติในโอกาสนี้ขอเชิญชวนผู้ใจบุญร่วมกันเป็นเจ้าภาพทําบุญร่วมกับ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ในการทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อการศึกษาครั้งนี้ ในการนี้สมเด็จฯ ได้เมตตามอบผ้ายันต์และหลวงพ่อทวด รุ่น "ทันใจ" ให้ผู้ร่วมงาน เพื่อเป็นศิริมงคลด้วย ทั้งนี้ ผู้บริจาคสามารถโดยโอนเงินเข้าบัญชี "วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนโพธิคุณ" ได้โดยตรงที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท 6 เลขที่บัญชี 637-101-7222 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-653-2952 หรือ 093-254-9419
2/9/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902113452352
245,936
สวท.อุดรธานี ร่วมสัมมนาสโมสรคนสื่อฯครั้งที่ 2 จัดโดย ส.ปชส.อุดรธานี
สวท.อุดรธานี นําโดยนายกิตติพงษ์ ถวายชัย ผอ.สวท.อุดรธานี ได้นําเจ้าหน้าที่เข้าร่วมงานสัมมนาสโมสรคนสื่อ ขยายความร่วมมือสื่อเพื่อประชาชน บูรณาการความร่วมมือสื่อมวลชนและภาคีเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสาร ภาพลักษณ์จังหวัดอุดรธานี ซึ่งจัดโดยสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสาร ภาพลักษณ์จังหวัดอุดรธานี ที่ร้านบาริสต้า บราซีรี ถนนทองใหญ่ อําเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานกิจกรรมฯ มีนางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ,นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ,นายบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี , หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ ผู้ดูแลเฟชบุ๊กแฟนเพจ ร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นการเปิดเวทีเพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูลข่าวสาร ในการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์จากภาคีเครือข่าย ก่อนนําไปขยายผลให้กับประชาชนในพื้นที่นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนจังหวัดอุดรธานี พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน ขยายผลการที่จังหวัดอุดรธานีได้เกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันปั่นจักรยานทางไกลระดับโลก "L’Etape Udon Thani by Tour de France 2023" (เลอแท็ปอุดรธานีบายตูเดอฟร้องซ์ 2023-2025) ซึ่งปี 2023 หรือปี 2566 กําหนดจัดวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 และการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกในปี 2569 ซึ่งเป็นการจัดงานระดับ B ภายใต้แนวคิด วิถีชีวิต สายน้ํา และพืชพรรณ ซึ่งกรอบการจัดงาน 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 รวม 134 วัน โดยกําหนดจัดที่บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ําหนองแด ตําบลกุดสระ อําเภอเมืองอุดรธานี ฯลฯพร้อมกันนี้ นางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวพบปะและแนะนําตัว พี่น้องสื่อมวลชนในโอกาสที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมร่วมมือพัฒนาอุดรธานี ด้านนายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานี ร่วมสมบททุนก่อสร้าง โรงพยาบาล 300 เตียง และศูนย์การแพทย์สถาบันพระบรมราชชนก โอกาสนี้นายบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมกิจกรรม พร้อมเชิญนายวันชัย คงเกษม ผู้ ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีและรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี มอบบัตรกํานัลร้านบาริสต้า บราซีรี ให้สื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ 10 รางวัล และเรียนเชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะ มอบแจกันดอกไม้ แสดงความยินดี กับนายกิตติพงษ์ ถวายชัยในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้อํานวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดอุดรธานี
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุดรธานี
สวท.อุดรธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902121529360
245,937
น่าน ประกอบพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์สมโภชช่อฉัตรดอกไม้ทองคำประดับอัญมณี มหาบารมีถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง
ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ประกอบพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์สมโภชช่อฉัตรดอกไม้ทองคําประดับอัญมณี มหาบารมีถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง โดยมีพระราชศาสนาภิบาล เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีเจิมเทียนชัยพร้อมทั้งจุดเทียนชัย โดยมีพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน พระชยานันทมุรี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน พระเถรานุเถระและพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธีโดยในวันนี้ได้มีการประกอบพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์สมโภชช่อฉัตรดอกไม้ทองคําประดับอัญมณี มหาบารมีถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง โดยมีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 19 รูป นั้งปรกอฐิษฐานจิตและเจริญพระพุทธมนต์หลวงสวดมนต์ตั๋น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี ซึ่งจัดขึ้น ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ทั้งนี้ในวันที่ 3 กันยายน 2566 จะประกอบพิธีมหามงคล ยกช่อฉัตรดอกไม้ทองคําประดับอัญมณี ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้งเป็นวันสุดท้ายของพิธีขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทําบุญในพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี และเป็นเจ้าภาพโรงทานในพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี ในวันที่ 3 กันยายน 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพิธีอัญเชิญฉัตรเกิ้ง มหาจักรพรรดิ 12 ชั้น และยอดฉัตรทองคําประดับอัญมณี สามารถร่วมทําบุญได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี โครงการบูรณะพระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง เลขบัญชี 695-039-049-1 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พระครูฉันทเจติยานุกิจ โทร.086-8347178
2/9/2023
ภาคเหนือ
น่าน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902135906368
245,938
สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 ตรัง ขอให้ประชาชนผู้ใช้น้ำหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และวงจรไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ป้องกันระบบประปาบาดาลเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายจากเหตุน้ำท่วม
นายมณเฑียร จงจินากูล ผู้อํานวยการสํานักทรัพยากรน้ําบาดาล เขต 6 ตรัง เปิดเผยว่า ระบบประปาบาดาล คือ ระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้น้ําจากแหล่งน้ําใต้ดินหรือน้ําบาดาล โดยการสูบน้ําขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค ผ่านระบบการกรองน้ําบาดาลก่อนส่งจ่ายไปใช้ในชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ในกรณีที่การผลิตระบบน้ําประปาโดยตรงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน แต่ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ บางพื้นที่อาจจะประสบกับปัญหาอุทกภัย ทําให้บ่อน้ําบาดาลหรือระบบประปาบาดาลเสี่ยงต่อการชํารุดเสียหายจากเหตุน้ําท่วมขังได้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และวงจรไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดีเสมอ เก็บกวาดสิ่งสกปรกในตู้ควบคุมเครื่องสูบน้ํา เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นที่เป็นสื่อนําไฟฟ้า หรือ สัตว์เลื้อยคลานไปอาศัยในตู้ควบคุมทําให้ไฟฟ้าลัดวงจร ตัดหญ้า หรือ วัชพืชรอบบริเวณหอถัง และระบบกรองน้ํา ปรับแต่งพื้นที่ และจัดทํารางระบายน้ํา ใช้ไม้ หรือ วัสดุที่แข็งแรงจับยึดท่อเมนจ่ายน้ํา บริเวณที่ท่อเมนเดินผ่านร่องน้ํา คูน้ํา หรือ คลอง เพื่อป้องกันท่อเมนชํารุด และสมาชิกผู้ใช้น้ํา ควรสํารองน้ําใช้ในช่วงน้ําท่วม เนื่องจากระบบประปาบาดาล อาจจะมีเหตุขัดข้องต้องหยุดให้บริการ
2/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902140417369
245,939
ผู้ว่าฯ มุกดาหาร ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปีวันชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
วันนี้ 2 กันยายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ร่วมแสดงความยินดีกับ นายจู ดึ๊ก หยุง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดขอนแก่น เนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปีวันชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ห้องมงกุฎเพชร โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น โดยมี นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามแห่ประเทศไทย พร้อมสมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดมุกดาหารร่วมแสดงความยินดีด้วย ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนาม เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2519 ตลอดระยะเวลา 47 ปี ไทยกับเวียดนามมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และมีความร่วมมือที่หลากหลายระดับ รวมถึงในปี 2566 นี้จะครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ จึงจะมุ่งส่งเสริมความเชื่อมโยงและส่งเสริมด้านสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกัน สําหรับจังหวัดมุกดาหาร ได้สถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝดกับจังหวัดกวางตรี (กว่างจิ) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อปี 2548 โดยมีความร่วมมือ ด้าน เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว แรงงานและการประชาสัมพันธ์ และความร่วมมือที่ผ่านมาส่งผลให้มูลค่าการค้าสองประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นและจะมีการพัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าต่อไป
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902154215377
245,940
ผู้ว่าฯ มุกดาหาร เชิญชวนซื้อสินค้า มุกดาหารแบรนด์ สินค้าดี มุกดาหาร ณ เซ็นทรัลศรีราชา จ.ชลบุรี
(2 กันยายน 2566) นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จังหวัดมุกดาหารได้จัดแสดงและจําหน่ายสินค้า ที่ได้รับตราสัญลักษณ์เครื่องหมายรับรองมุกดาหารแบรนด์ และสินค้าเด่นของจังหวัดมุกดาหาร ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลศรีราชา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายนนี้ การจัดแสดงและจําหน่ายสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์เครื่องหมายรับรอง “มุกดาหารแบรนด์” และสินค้าเด่นของจังหวัดมุกดาหาร ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาเพื่อยกระดับการผลิตสินค้าและพัฒนาความร่วมมือทางการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อส่งเสริมช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการและเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าจังหวัดมุกดาหารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยมี มีสินค้าที่ได้รับมาตรฐานเครื่องหมายรับรองฯ Mukdahan Brand ผลิตภัณฑ์ GI ผ้าหมักโคลนหนองสูง ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ,ผ้าย้อมคราม ของฝากของใช้ ของที่ระลึก อาหาร ข้าวสารและเครื่องประดับจากผู้ประกอบการจังหวัดมุกดาหารกว่า 30 ราย นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ในวันเปิดงาน 30 สิงหาคม 2566 ได้รับการตอบรับจากประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจํานวนมาก และยังได้เชิญชวนนักท่องเที่ยว และชาวจังหวัดชลบุรี ช้อปสินค้ามุกดาหารแบนรด์ และสินค้าเด่นของจังหวัดมุกดาหารได้ที่ ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลศรีราชา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายนนี้ โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและจําหน่ายลดราคาพิเศษ “ช่วงนาทีทอง” ทุกวันด้วย
2/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902155155380
245,941
ชาวสุรินทร์ ร่วมงาน “มหกรรมสินค้าชายแดนไทย-กัมพูชา 2023” คึกคัก 3 วัน สร้างรายได้กว่า 7 ล้านบาท
การจัดงาน “มหกรรมสินค้าชายแดนไทย-กัมพูชา 2023” ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการค้า การลงทุน การบริการ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กิจกรรมหลัก การพัฒนาศักยภาพการค้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ (สวนใหม่) อําเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยสํานักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งกําหนดจัด 5 วัน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 3 กันยายน 2566 บรรยากาศตั้งแต่วันแรกจนถึงขณะนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้ความสนใจเที่ยวชมงาน และจับจ่ายซื้อสินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน 2566 รวม 3 วัน มูลค่าการจําหน่ายสินค้าจาก 200 คูหารวมทั้งสิ้น 3,977,647 บาท มูลค่าการจําหน่ายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม surinbest.com รวมทั้งสิ้น 196,858 บาท ส่วนการเจรจาธุรกิจทํารายได้ 3,000,000 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,174,505 บาททั้งนี้ การจัดงานดังกล่าว มีไปจนถึงวันที่ 3 กันยายน 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายภายในงานไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ชาวสุรินทร์ และผู้สนใจ สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าทั้งไทยและกัมพูชา ในบรรยากาศภายในโดมติดแอร์ได้ ถึงเวลา 20.00 น.
2/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902170752385
245,942
ศอ.บต. เตรียมยกระดับกีฬาคาร์รอม ใน จชต. หนุนวิถี-อัตลักษณ์คนชายแดนใต้
ศอ.บต. เตรียมยกระดับกีฬาคาร์รอม ใน จชต. จัดกิจกรรมพัฒนากรรมการตัดสิน ด้านเลขา ศอ.บต. เผย พร้อมผลักดันกีฬา หนุนวิถี-อัตลักษณ์คนชายแดนใต้วันนี้ 2 กันยายน 2566 ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดกิจกรรมอบรมคณะกรรมการตัดสินกีฬาคาร์รอมขั้นพื้นฐานประจําปี 2566 เพื่อเพิ่มพูนความรู้ เทคนิคการเล่น ตลอดจนกฎกติกาการเล่นกีฬาคาร์รอม ที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนสร้างเครือข่ายกีฬาคาร์รอมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเข้มแข็ง พร้อมชักชวนเยาวชนในพื้นที่ร่วมแข่งขันกีฬาเพื่อให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วย โดยมี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานและพบปะคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ตัดสินกีฬาคาร์รอมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จํานวน 38 คน พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ในโอกาสนี้ ได้ต้อนรับนายราชัน การาลา ผู้ก่อตั้งชมรมคาร์รอม Thai Carrom clup ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า อาคาร ศอ.บต. ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)สําหรับกีฬาคาร์รอม มีต้นกําเนิดมาจากประเทศอินเดีย และได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลก แต่สําหรับประเทศไทยยังไม่มีการเล่นและจัดการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ในพื้นที่และในจังหวัดอื่นๆ สําหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นกีฬาที่มีประชาชนบางกลุ่มนิยมเล่นกันมาเป็นเวลานาน จนกลายเป็นกีฬาพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่ โดยรู้จักกันในชื่อของ แคแร อย่างไรก็ตามด้วยความที่ยังไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ส่งผลให้กีฬาชนิดนี้นิยมเพียงแค่บางกลุ่มพื้นที่เท่านั้นเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ยื่นหนังสือ ประสงค์ให้ ศอ.บต. ผลักดันกีฬาคาร์รอม ให้เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่ จชต. และในประเทศ เนื่องจากเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเล่นของคนกลุ่มหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการจัดแข่งขัน ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้กีฬาคาร์รอมยังไม่ได้รับการรับรองจากภาครัฐของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ศอ.บต. เล็งเห็นว่า กีฬาดังกล่าว เกี่ยวโยงกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ จชต. เนื่องจากประชาชนใช้ละเล่นยามว่างในร้านน้ําชาในชุมชน ซึ่งเป็นสถานที่รวมกลุ่มของคนทุกรุ่นในชุมชน ตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ศอ.บต. มีความยินดีอย่างยิ่งในการผลักดันและสนับสนุนการละเล่นกีฬาดังกล่าว เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ฝึกทักษะและสมาธิจากการเล่นกีฬา ให้ห่างไกลจากยาเสพติด ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ศอ.บต. พร้อมหนุนเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า ภาครัฐพร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามวิถีและอัตลักษณ์ เพื่อสร้างความสงบสุขในพื้นที่
2/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902174913391
245,943
ม.อ. เปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจการทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคม ผ่านมหกรรมจิตอาสาภาคใต้ ครั้งที่ 5
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย ศูนย์อาสาสมัคร จัดงานมหกรรมจิตอาสาภาคใต้ ครั้งที่ 5Youth Volunteer Forum พลังเยาวชนกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ สู่การสร้างแรงบันดาลใจในการดําเนินงานอาสาสมัครเพื่อสังคม แก่นักเรียน นักศึกษา และบุคลากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันการศึกษาอื่นๆ รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่สนใจ ตลอดจนแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทํางานด้านการพัฒนาเยาวชนผ่านการทํางานอาสาสมัคร ทั้งในเรื่องการจัดการงานอาสาสมัคร และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมี ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สถาบันการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้อง Conference Hall ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66ผศ. ดร.นฤทธิ์ ดวงสุวรรณ์ ผู้อํานวยการศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมอาสาสมัครที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเยาวชนเข้ามามีบทบาทสําคัญในการเข้าร่วมเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ผ่านมา เยาวชนจากหลายโรงเรียนได้เข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัครกับทางศูนย์อาสาสมัครเพื่อเข้าไปหนุนเสริมการทํางานแก่หลายองค์กรทั้งภาครัฐและภาคประชาชนศูนย์อาสาสมัคร ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย เห็นความสําคัญในการสร้างแรงบันดาลใจในการทํางานอาสาสมัครแก่เยาวชนผ่านการจัดกิจกรรมมหกรรมจิตอาสาภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง 4 ครั้ง และในปีนี้เนื่องในวาระครบรอบ 55 ปีของมหาวิทยาลัย จึงขยายแนวคิด ประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ไปยังกลุ่มเยาวชน ให้เห็นความสําคัญของการทํางานจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างมืออาชีพภายในงานประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “พลังอาสาสมัครเยาวชนกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน”โดย นางสาวธิดาพร เสาวนะ ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์Special talk “เยาวชนกับการเปลี่ยนแปลงตนเองและสังคมอย่างยั่งยืนผ่านประสบการณ์งานอาสาสมัคร” โดยตัวแทนเยาวชน และตัวแทนองค์กรการเสวนาห้องย่อย ในประเด็นที่เกี่ยวกับประสบการณ์การทํางานจิตอาสาของเยาวชนเพื่อพัฒนาสังคมในมิติต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ การนําเสนอผลงานด้านการส่งเสริมจิตอาสาทั้งในระดับโครงการของนักเรียน นักศึกษา และระดับโรงเรียน กิจกรรม workshop จากเครือข่ายเพื่อการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครอย่างมืออาชีพ กิจกรรมแสดงสร้างแรงบันดาลใจ จากคณะละครปู๊นปู๊น และนิทรรศการเผยแพร่ผลงานของเครือข่ายนอกจากนี้ ภายในงานยังมีบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อร่วมกันสร้างการเรียนรู้ระบบงานอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาให้แก่บุคลากรและเครือข่ายของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บูรณาการความร่วมมือในการจัดการศึกษา การฝึกอบรม การจัดการองค์ความรู้ การบริการวิชาการ การบริการสังคม การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการพัฒนาระบบงานอาสาสมัครเพื่อการพัฒนา ตลอดจนเผยแพร่และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ผลการวิจัย ผลงานทางวิชาการ เทคโนโลยี นวัตกรรม วิธีการและแนวทางการปฏิบัติงาน ผลการดําเนินงาน รวมถึงการให้คําปรึกษาทางวิชาการ และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับระบบงานงานอาสาสมัครเพื่อการพัฒนา หวังว่ามหกรรมจิตอาสาภาคใต้ ครั้งที่ 5 จะทําให้ผู้เข้าร่วมงานเกิดแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัคร เห็นความสําคัญของการดําเนินงานอาสาสมัคร เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือของเครือข่ายการทํางานอาสาสมัครในระดับชาติอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 17 Partnership for the goals การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
2/9/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902185050397
245,944
นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งขันทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 16 และมอบรางวัลผู้ได้รับตั๋วเครื่องบินไปอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำนวน 2 รางวัล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 กันยายน 2566 และเมื่อคืนวันที่ 1 กันยายน 2566 นายนิอันนุวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานีพร้อมคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลและนายกสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ร่วมมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งขันทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 16 เทศบาลเมืองปัตตานี ร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดปัตตานี มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี และสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ในอุปถัมภ์ของจุฬาราชมนตรีจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม -1กันยายน 2566 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นการปลูกจิตสํานึกให้เยาวชน ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ศรัทธาและมีใจรักในการศึกษาอัลกุรอาน พร้อมนําหลักธรรมคําสอนในอัลกุรอาน มาประพฤติปฏิบัติใช้ในชีวิตประจําวัน รวมทั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องมุสลิมและพี่น้องต่างศาสนา ซึ่งมีประชาชนชาวปัตตานีและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาร่วมชมงานกันเป็นจํานวนมาก โดยผู้ชนะระดับประเทศจะเข้ารับถ้วยพระราชทานฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังรายชื่อต่อไปนี้ผลการทดสอบกอรี (ชาย) ชนะเลิศ ได้แก่นายฮับกี กาดามุง จังหวัดนราธิวาสรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่นายธีรวัฒน์ มะห์มูดี้ จังหวัดชลบุรีรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่นายชาญวิทย์ คล้อยวิถี จังหวัดฉะเชิงเทราผลการทดสอบกอรีอะห์ (หญิง)ชนะเลิศ ได้แก่นางสาววรลดา ถาวร กรุงเทพมหานครรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่นางสาวฮามีดะห์ เจะเต๊ะ จังหวัดปัตตานีรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่นางสาวรอซีดะห์ ดอมอลอ จังหวัดยะลา นอกจากนี้ ผู้โชคดีได้รับรางวัลรถจักรยานยนต์จํานวน 1 คัน ได้แก่นางสาวนาตีกะห์ รอยิง และผู้ได้รับตั๋วเครื่องบินเดินทางไปอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบียจํานวน 2 รางวัล ได้แก่นางสาวซูรัยยา แวเยะ และนายอับดุลฮากีม หะยีอาแว อีกด้วยภาพ/ข่าว/บดินทร์ ส,ปชส,ปน,
2/9/2023
ภาคใต้
ปัตตานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902191945404
245,945
หลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ เปิดเส้นทางสัญจร จากเหตุดินสไลด์ในบางพื้นที่ของอำเภอปาย และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากฝนตกสะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน ล่าสุดสามารถสัญจรได้แล้ว
วันนี้ (2 กันยายน 2566) หลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือเปิดเส้นทางสัญจรจากเหตุดินสไลด์ปิดทับเส้นทางในบางพื้นที่ของอําเภอปาย และอําเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีฝนตกสะสมติดต่อกันเป็นเวลานานเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยพื้นที่อําเภอปาย เกิดดินสไลด์ปิดทับถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 ระหว่าง กม.25+475 - กม.25+575 เมื่อเวลา 07.00 สามารถจราจรได้ 1 ช่องทาง ซึ่งเป็นเขตพื้นที่อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยหมวดทางหลวงปาย นําเครื่องจักรกลของเอกชน เข้าดําเนินการเปิดเส้นทาง เพื่อให้สามารถสัญจรได้ทั้ง 2 ช่องจราจร และที่บ้านแม่ฮี้ หมู่ 5 ตําบลแม่ฮี้ น้ําในลําน้ําห้วยแม่ฮี้ กัดเซาะตลิ่ง บริเวณรอยต่อบ้านแม่ฮี้ หมู่ที่5 กับ บ้านทรายขาว หมู่ที่ 2 ประมาณ 70 เมตร อบต.แม่ฮี้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ และที่บ้านแกงหอม หมู่ที่ 7 ตําบลเมืองแปง น้ําในลําห้วย กัดเซาะตลิ่งถนนในหมู่บ้าน ประมาณ 10 เมตร และมีเสาไฟฟ้าล้ม 1 ต้น อบต.เมืองแปง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือขณะที่อําเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ที่บ้านห้วยเสือเฒ่า หมู่ที่ 8 ตําบลผาบ่อง มีน้ําป่าไหลหลาก เอ่อล้น เข้าท่วมถนนทางหลวงชนบท หมายเลข มส 4012 โดยมีเศษกิ่งไม้ ก้อนกรวด ดิน ทราย กีดขวาง บริเวณถนน โดยขณะนี้ น้ําลดระดับลงแล้ว แขวงทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน นําเครื่องจักรกล เข้าทําการ นําเศษกิ่งไม้ก้อนกรวดดินทราย ออกจากพื้นที่แล้ว สามารถสัญจรได้ตามปกติ ที่ลําน้ําแม่สะงี และลําน้ําแม่สะงา ตําบลหมอกจําแป่ มีปริมาณน้ําเพิ่มขึ้น เมื่อเวลา 08.10 น.ที่ผ่านมา ทําให้ปริมาณน้ําเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ขณะนี้ปริมาณน้ําได้ลดระดับลงแล้ว สําหรับที่ตําบลห้วยโป่ง เกิดเหตุคอสะพานทรุด บริเวณถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 108 ระหว่าง กม ที่ 313.925 ห้วยโป่ง-ขุนยวม บ้านแม่จ๋า หมู่ที่ 12 แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน และกู้ชีพ กู้ภัย ลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ และนําป้ายเตือน และกรวยจราจร วางที่จุดเกิดเหตุ และที่บ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 5 ตําบลห้วยโป่ง เกิดเหตุดินสไลด์ ปิดทับเส้นทางในหมู่บ้าน โดยบริเวณดังกล่าวมีบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่ อบต.ห้วยโป่ง ลงพื้นที่สํารวจ และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว โดยเหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
2/9/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902202852420
245,946
ชฎา แบนด์ (Chada Band) โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย คว้าแชมป์ Sprite Music Contest 2023 รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมทริปพัฒนาทักษะทางดนตรี คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
บริษัท หาดทิพย์ จํากัด (มหาชน) จัดประกวดวงดนตรีเยาวชนระดับมัธยมศึกษา อายุ 13-19 ปี “Sprite Music Contest” 2023 (รอบชิงชนะเลิศ) มีวงส่งคลิปเข้าประกวดในรอบออดิชั่นจํานวน 82 วงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทางดนตรี คัดเลือก 15 วงเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดย วงชฎา แบนด์ (Chada Band) จากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จ.ภูเก็ต ครองแชมป์ “Sprite Music Contest” 2023 ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท ถ้วยเกียรติยศจาก นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทริปแลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี ณ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเข้าสังกัด เยาวชนหาดทิพย์จูเนียร์คลับ โดยได้รับเกียรติจาก นายกองเอกพุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้มอบรางวัลและให้กําลังใจน้องๆ พร้อมด้วยคุณธงชัย อันชูฤทธิ์รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท หาดทิพย์ จํากัด (มหาชน) นายมงคล สินยัง ปลัดอาวุโสอําเภอหาดใหญ่ นายปรีดี ปรัชญ์ดํารงค์กิจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จํากัด (มหาชน) นักเรียน ผู้ปกครอง และแขกผู้มีเกียรติร่วมชมและมอบกําลังใจให้น้องๆ อย่างคึกคัก ณ หาดใหญ่ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่อาจารย์ชัยบรรฑิต พืชผลทรัพย์ ประธานสาขาดนตรีเชิงพาณิชย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตัวแทนคณะกรรมการ เปิดเผยว่า “ภาพรวมของการประกวดมีการพัฒนาขึ้นน้องๆมีการเตรียมตัวล่วงหน้า หลายๆ วง ที่เข้ามามีความสามารถสูงมากและน้องๆมีอายุน้อยๆเพิ่มมากขึ้น อย่างในปีนี้เราจะเห็น เด็กแค่ ม.1, ม.2 ก็สามารถแสดงได้ใกล้เคียงกับมืออาชีพเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ชนะเลิศอันดับ 1 ถึงรองชนะเลิศอันดับ 3 ถือว่าฝีมือสูสีกัน เวลาตัดสินใช้เวลาพอสมควร เพื่อจะหาวงที่ดีที่สุด และสําหรับวงที่ชนะเลิศอันดับ 1 วงชฎา จากภูเก็ต น้องๆทําได้ดีที่สุด ทั้งการแสดงการเล่นการเซ็ทอัพต่างๆ วงอื่นไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่วงชฎาถือว่าเหมาะสมตามเกณฑ์ครับ”นางสาวพนัชกร ภิรมย์ (น้องข้าวหอม) ตัวแทน วงชฎา แบนด์ (Chada Band) จากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จ.ภูเก็ต กล่าวว่า “วันนี้รู้สึกดีใจมากๆที่ได้ที่ 1 มา จริงๆแล้วรายการนี้เป็นอีกรายการนึงที่พวกเราคาดหวังมากๆว่าจะได้รับรางวัล และวันนี้ทําได้แล้วค่ะ คุ้มค่ากับที่ทุ่มเทซ้อมกันมาเพราะพวกเราตั้งใจทําทุกอย่างออกมาดีที่สุด รู้สึกภูมิใจในตัวเองและภูมิใจในตัวเพื่อนๆทุกคนมากๆเลยค่ะ ขอขอบคุณรายการสไปรท์มิวสิคคอนเทสมากๆค่ะ เพราะเส้นทางนี้คือเส้นทางสู่มืออาชีพจริงๆ ทําให้พวกเราได้มาอยู่ในจุดๆนี้และประสบความสําเร็จ และอยากฝากถึงน้องๆในรุ่นต่อไปหรือปีหน้า ได้ออกมาโชว์พลังของตัวเองกันนะคะ”สําหรับผลการแข่งขัน รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ วง THE MIST โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา รับทุนการศึกษา มูลค่า 25,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศจาก พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จํากัด (มหาชน) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ วง Synthesize Zonic โรงเรียนสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี รับทุนการศึกษา มูลค่า 15,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศจาก พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ SP69 วง ละแมว โรงเรียนละแมวิทยา จ.ชุมพรรับทุนการศึกษา มูลค่า 6,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศจาก คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และรางวัล Popular Vote ได้แก่ วงนมเปรี้ยว โรงเรียนแสงทองวิทยา จ.สงขลา รับทุนการศึกษา มูลค่า 4,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศจาก นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอําเภอหาดใหญ่คุณสุรีพันธ์ ปัทมาคม ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ (Event) กล่าวปิดท้ายว่า “หาดทิพย์ ยังคงมุ่งมั่นและพัฒนา เวทีSprite Music Contest ให้เยาวชนชาวใต้ได้โชว์พลังทางดนตรี และร่วมพัฒนาขีดความสามารถให้ Sprite Music Contest เป็นเวทีที่เปิดทางสู่มืออาชีพทางดนตรีอย่างเต็มที่ ไปพร้อมๆ กับการเป็นเวทีประกววงดนตรีมัธยมศึกษาที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดในภาคใต้ต่อไป และในปี 2024 จะเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ และเป็นในรูปแบบใด สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/SpriteMusicContest
2/9/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230902204934421
245,947
ตม.จว.ภูเก็ต ผลการดำเนินการ ในห้วงวันที่ 1 - 31 ส.ค.66 ชาวต่างชาติเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เปรียบเทียบกับสถิติการแจ้งที่พัก ตาม ม.38 - สถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้า 309,253 คน
ตม.จว.ภูเก็ต ผลการดําเนินการ ในห้วงวันที่ 1 - 31 ส.ค.66 ชาวต่างชาติเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เปรียบเทียบกับสถิติการแจ้งที่พัก ตาม ม.38-สถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้า 309,253 คน-สถิตินักท่องเที่ยวแจ้งที่พัก 412,515 คนสถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก 1.จีน 64,674 คน2.รัสเซีย 39,209 คน3.ออสเตรเลีย 20,437 คน4.อินเดีย 18,175 คน5.มาเลเซีย 16,241 คน-สถิติคนต่างด้าวเดินทางเข้าสะสมตั้งแต่วันที่ 1- 31 ส.ค. 66 11,678 คน1.รายงานการเดินทางเข้าของชาวต่างชาติทางทะเล2.รายงานชาวต่างชาติกระทําความผิดและ การตักเตือนใบเหลืองและใบแดง3.รายงานผลการ X-RAY ที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ
3/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903080137436
245,948
จังหวัดตรัง เฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตรัง แม่น้ำปะเหลียนและคลองนางน้อย
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง ได้เฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทําให้เกิดน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ําไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ําตรัง แม่น้ําปะเหลียนและคลองนางน้อย พร้อมขอให้ประชาชนชาวตรัง ได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากฝนตก มีความเสี่ยงทําให้เกิดอุบัติเหตุได้ขณะที่ สถานีอุตุนิยมวิทยาตรัง ได้คาดหมายลักษณะอากาศจังหวัดตรังจากผลการตรวจอากาศด้วยเรดาร์ตรัง มีกลุ่มฝนขนาดกําลังอ่อนถึงหนักและมีลมแรงบางพื้นที่ กําลังเคลื่อนตัวจากอําเภอสิเกา อ. วังวิเศษ เคลื่อนตัวเข้า อ. ห้วยยอด อ.เมือง อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว และ อ..ปะเหลียนในระยะต่อไป โดยเป็นกล่มฝนขนาดไม่่ใหญ่มาก แต่ยังมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ ดังนั้น จึงขอให้พื้นที่ที่มีฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมาได้ติดตามและเฝ้าระมัดระวังสถานการณ์ภัยอบ่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสมมาก อาจส่งผลให้เกิดน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากได้
3/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903081744437
245,949
คลังจังหวัดสตูล เตือนสมาชิก กบข. ในพื้นที่อย่าหลงเชื่อหากมีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กบข. โทรหาเพื่อแจ้งปรับปรุงเงินเดือน เนื่องจาก กบข.ไม่มีนโยบายดังกล่าว
นางสาวกีรติญา ทิมเมือง คลังจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้มีมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กบข. พยายามหลอกลวงสมาชิก โดยมีพฤติการณ์ใช้เบอร์ส่วนตัวโทรหาสมาชิก เพื่อแจ้งเรื่องการปรับปรุงข้อมูลเงินเดือน ทั้งนี้ กบข. ไม่มีนโยบายในการติดต่อสมาชิกให้ปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลบัญชีเงินเดือน รวมทั้งได้มีการยกเลิกการส่งลิงก์ผ่านช่องทาง SMS ทุกกรณีแล้ว จึงขอให้สมาชิก กบข. ระมัดระวังไม่หลงเชื่อคําเชิญชวนต่าง ๆ หรือการติดต่อแอบอ้างจากช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารหลักของ กบข. และหลีกเลี่ยงการกดลิงค์หรือเข้าเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ สํานักงานคลังจังหวัดสตูล จึงขอแจ้งเตือนภัยมายังสมาชิก กบข.ในพื้นที่ทุกท่านอย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด หากมีข้อสงสัยหรือพบเห็นพฤติกรรมที่ผิดสังเกต สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Contact Center โทร. 1179 หรือสํานักงานคลังจังหวัดสตูล โทรศัพท์ 0 7471 1064
3/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.สตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903093340442
245,950
ชาวบ้านรับสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเหมืองกั่วและป่าบางเตง” จำนวน 293 ราย 334 แปลง เข้าทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
วานนี้ 2 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมโรงเรียนปากพะยูนพิทยาคาร จังหวัดพัทลุง นายนริศ ขํานุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานพิธีเปิดมอบสมุดประจําตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทํากินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเหมืองกั่วและป่าบางเตง” พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน ให้กับประชาชนที่เข้าทํากินในพื้นที่ดังกล่าว ไปก่อนนี้ได้เข้าทํากินอย่างถูกกฎหมาย โดยถือสมุดประจําตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทํากินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว คณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติโดยคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน กรมป่าไม้ ได้กําหนดพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จํานวน 8 พื้นที่ แบ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จํานวน 7 พื้นที่ และพื้นที่นิคมสร้างตนเอง จํานวน 1 พื้นที่ ซึ่งคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน กรมที่ดิน ได้สนับสนุน คทช.จังหวัดพัทลุง ดําเนินการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้กับราษฎรในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จํานวน 666 ราย 771 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,734 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวาและในวันนี้จะมอบสมุดประจําตัวให้กับราษฎรผู้ได้รับการคัดเลือกในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเหมืองกั่วและป่าบางเตง” อําเภอปากพะยูน จํานวน 293 ราย 334 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,730 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ซึ่งการจัดที่ดินดังกล่าวทําให้ราษฎรที่ยากไร้และเกษตรกรมีที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลดความขัดแย้ง โต้แย้งสิทธิระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ทําให้ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินทํากินมีความมั่นคงในการทํามาหาเลี้ยงชีพ สร้างงานสร้างรายได้ ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน อีกทั้งเป็นการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ําในการ และถือครองที่ดินนั้นผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่ คทช. กําหนด เช่น ต้องทําประโยชน์หรืออยู่อาศัยด้วยตนเองหรือให้บุคคลในครอบครัว ห้ามซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่า หรือทําการโอนสิทธิการครอบครองใด ๆ ให้บุคคลอื่น ไม่ขยายพื้นที่เพิ่ม รวมทั้งต้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายต่างๆ ของหน่วยงานที่อนุญาตให้ใช้ที่ดินด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป
3/9/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903121449475
245,951
โรงเรียนไทรแก้ววิทยา ชนะเลิศการประกวดส้มตำลีลา งานมหกรรมสินค้าชายแดนไทย - กัมพูชา 2023 ที่ จ.สุรินทร์
จังหวัดสุรินทร์จัดงานมหกรรมสินค้าชายแดนไทย - กัมพูชา 2023 ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการค้า การลงทุน การบริการ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดน โดยมีการจัดแสดง สินค้า 200 คูหาระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 3 กันยายน 2566 ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ (สวนใหม่) ตําบลนอกเมือง อําเภอเมืองสุรินทร์ โดยมีผู้เข้าร่วมประกวด รวม 7 ทีม ได้แก่ ทีมตําแสบแดด เบบี้มายด์ ส้มตําโป๊ะละฮอง ตําไทยไหมสะเร็น ตํา ต่ํา ต้ํา ต๊ํา ต๋ํา กุดไผททีม และทีมส้มตําหรรษา ห้วยจริงวิทยา โดยมีนางสมทรง เผือกผล ผู้อํานวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสุรินทร์ นางพิรุณวรรณน์ จงใจภักดิ์ พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ และนางจิรภา เชื้อดวงผุย พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ เป็นกรรมการตัดสินการประกวด โดยมีผลการประกวดเป็นดังนี้ ชนะเลิศ ได้แก่ ทีมส้มตําโป๊ะละฮอง โรงเรียนไทรแก้ววิทยา ได้รับใบประกาศ พร้อมเงินรางวัล 4,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ กุดไผททีม โรงเรียนกุดไผทประชาสรรค์ ได้รับใบประกาศ พร้อมเงินรางวัล 3,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมเบบี้มายด์ โรงเรียนบึงนครประชาสรรค์ ได้รับใบประกาศพร้อมเงินรางวัล 2000 บาทส่วนรางวัลชมเชย 4 รางวัล ได้รับใบประกาศ พร้อมเงินรางวัล 1,000 บาท ได้แก่ ทีมตําแสบแดด ทีมตําไทยใหมสะเร็น โรงเรียนสุรวิทยาคาร ทีม ตํา ต่ํา ต้ํา ต๊ํา ต๋ํา โรงเรียนบวรธรรมประยุตวิทยา และทีมส้มตําหรรษาห้วยจริงวิทยา โรงเรียนห้วยจริงวิทยา //
3/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903132753489
245,952
ศ.นพ.เกษมฯ องคมนตรี เปิดงานสมัชชา “บวรร่วมใจ สร้างสุขภาวะพระสงฆ์ สังคม 3 วัย ไม่ทอดทิ้งกัน” จังหวัดพิจิตร ปีที่ 5 ขับเคลื่อนการดูแลสังคมอย่างยั่งยืน
วันที่ 3 กันยายน 2566 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานสมัชชา “บวรร่วมใจ สร้างสุขภาวะพระสงฆ์และสังคม 3 วัยไม่ทอดทิ้งกัน” พร้อมปาฐกถาพิเศษ โดยมีนายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายสุเมธ เมธีรัตนาพิพัฒน์ นายอําเภอโพทะเล และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน แกนนําพลังบวร ทั้ง 12 อําเภอ และเครือข่ายผู้สูงอายุร่วมให้การต้อนรับ ณ วัดทุ่งน้อย ต.ทุ่งน้อย อ.โพทะเล จ.พิจิตร สําหรับกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 5 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมของเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ทุกกลุ่มวัยและหน่วยงานรัฐ ร่วมบูรณาการงานสุขภาวะอย่างองค์รวม ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของชมรม คือ "ผู้สูงอายุสุขภาพดี เป็นหลักชัย ภาคีร่วมใจ สร้างสังคมไม่ทอดทิ้งกัน" และการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ คือ “พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข” นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเเผนการดําเนินงานปี 2567 ประกอบด้วย เเผนขับเคลื่อนงานคณะสงฆ์ 6 ด้าน เเผนขับเคลื่อนผู้สูงอายุ เเผนวัยแรงงาน (เกษตรกร) และเเผนขับเคลื่อนเเก้ปัญหาเด็กและเยาวชนพิจิตร .ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การแสดงชมรมผู้สูงอายุ การมอบเกียรติบัตรผลงานดีเด่นด้านการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว 7 สาขา และรางวัลเชิดชูเกียรติ 14 สาขาระดับอําเภอ การจัดแสดงนิทรรศการ และการจัดจําหน่ายสินค้าชุมชนและผลิตภัณฑ์ OTOP จากหลายอําเภอด้วย
3/9/2023
ภาคเหนือ
พิจิตร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903145748496
245,953
วธจ.ยะลา แจงที่มาเมนูดราม่า "ข้าวยำโจร" ไม่ใช่โจรผู้ร้าย แต่เป็นข้าวที่กินง่ายและเร็ว
จากกรณี กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ประกาศรายชื่อผลคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ภายใต้โครงการการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Tasts”ประจําปี 2566 โดยจังหวัดยะลาชื่ออาหารได้รับการคัดเลือกคือ “ข้าวยําโจร” จึงเกิดมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์นั้นล่าสุด วันนี้ 3 ก.ย.66 นางอภิญญา สุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดยะลา ได้นําผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 23/1 หมู่ที่ 4 บ้านสาเมาะ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของนางหนู คงศรีพุฒิ คุณยายอายุ 74 ปี เจ้าของสูตรอาหารข้าวยําโจรพร้อมได้สาธิตการทําเมนูอาหาร “ข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร” ให้ได้ชมสําหรับข้าวยําโจร หรือข้าวยําสมุนไพร บางพื้นที่เรียกว่าข้าวยํายา เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่นําเครื่องเคียง สมุนไพรหลากหลายชนิด มาประกอบเป็นอาหาร ไม่ปรากฎว่าจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนเมื่อไหร่ ชาวบ้านนิยมประกอบอาหารเมนูดังกล่าวในช่วงฤดูฝน เพราะรสชาติของอาหารเผ็ดร้อนด้วยเครื่องสมุนไพร มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทําให้เกิดความอบอุ่นส่วนวิธีการประกอบอาหาร “ข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร” จะทําทําการเตรียมพืชผักสมุนไพร เพื่อใช้เป็นส่วนผสม ประกอบด้วย 1.ขมิ้นโขกละเอียด 2.สมุนไพรเจ็ตมูลเพลิง3.พริกไทยสด4.พริกไทยแห้งโขลกละเอียด5.ใบพาโหม6.ใบมะกรูด7.ใบมะนาว 8.ใบขมิ้น9.ดอกดาหลา10.น้ําบูดู 11.ปลาต้มสุกแกะเนื้อ12.ข้าวสวย 13.หัวกระชาย วิธีการทําการ นําพืชผักสมุนไพรมาล้างน้ําให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ ส่วนสมุนไพรประเภทหัว ขมิ้น กระชาย สมุนไพรเจ็ดมูลเพลิง และพริกไทยแห้ง ล้างน้ําสะอาดโขลกให้ละอียด จากนั้นเตรียมภาชนะขนาดใหญ่ นําข้าวสวยมาคลุกรวมกับสมุนไพรและผัก ทําการการคลุกผสมเข้าด้วยกัน เติมน้ําบูดู ปรุงรสชาติตามความต้องการ ผก็จะได้ข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร ที่มีสีสันโทนสีเหลืองของขมิ้น ที่สวยงาม น่ารับประทานนางอภิญญา สุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร เป็นการตามหาอาหารที่กําลังจะเลือนหายในท้องถิ่น รสชาติ...ที่หายไป The Lost Tasts ภายใต้คัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดยทางจังหวัดยะลาได้ส่ง 3 เมนูอาหารเข้าประกวด ประกอบด้วย ขนมใบเหลียง ข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร และแกงแพะ ผลการคัดเลือก หยิบข้าวยําโจร เป็น 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดยะลา ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ด้วยส่วนผสมจากพมุนไพรหลากหลายชนิด เพื่อยกระดับรสชาติที่หายไป ให้กับคืนมาส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และข้อสงสัยในชื่ออาหารที่มีในโซเชียล นั้น ข้าวยําโจร ไม่ใช่โจรผู้ร้ายแต่อย่างใด โจรจะเป็นในลักษณะ ที่กินง่าย ร็วดเร็ว คลุกส่วนผสมเข้าด้วยกัน เปรียบเทียบคนสมัยก่อน เวลาจะไปทํานา ทําสวน ทําไร่ ถางป่า ก็จะเร่งรีบทานอาหาร เพื่อทํางานต่อ ข้าวยําโจรก็จะตอบโจทย์คนสมัยก่อน ด้วยเครื่องสมุนไพรหลากหลายชนิด ส่งผลต่อพละกําลัง ความสะดวกร็วดเร็วในการทํางานนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้าวยําโจร ก็จะเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหาร ที่ทางสํานักงานวัฒนธรรมได้นํากลับมาเป็นเมนูที่สร้างสรรค์ในยุคปัจจุบัน ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภค สามารถรับประทานควบคู่กับเครื่องเคียงต่างๆได้ตามความชอบ สําหรับความแตกต่างของข้าวยําโจร หรือ ข้าวยําคลุกสมุนไพร กับ นาซิกาบูนาระ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม คือ ข้าวยําโจร จะใส่ขมิ้น ทําให้ได้ความเป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างออกไป
3/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903152321497
245,954
ปิดฉากศึกชิงจ้าวสายน้ำ การแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประจำปี 2566 เรือพันแสง คว้ารางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 400,000 บาท
วันที่ 3 กันยายน 2566 นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประจําปี 2566 ที่ลําน้ําน่าน หน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อําเภอเมืองพิจิตร โดยบรรยากาศการแข่งขันเรือยาวรอบชิงชนะเลิศ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมการแข่งขันอย่างเนืองแน่นเต็มทั้งสองฝั่งของแม่น้ําน่าน ซึ่งผลการแข่งขัน ดังนี้ ประเภทเรือยาวใหญ่ 55 ฝีพาย ชนะเลิศ ได้แก่ เรือพันแสง วัดยางคอยเกลือ จ.พิจิตร รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมเงินรางวัล 400,000 บาท และโล่รางวัล ประเภทเรือยาวกลางขนาดไม่เกิน 40 ฝีพาย ชนะเลิศ ได้แก่ เรือเทพวชิรวิทย์ อภิชาติฟาร์ม จ.ปทุมธานี รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท ประเภทเรือยาวเล็ก ขนาดไม่เกิน 30 ฝีพาย ชนะเลิศ ได้แก่ เรือพันแสง จ.พิจิตร รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมเงินรางวัล 150,000 บาท ประเภทเรือยาวเล็ก ขนาดไม่เกิน 30 ฝีพาย (ภายใน จ.พิจิตร) ชนะเลิศ ได้แก่ เรือสิงห์ลํานัง เก้าล้านโฆษณา วัดลํานัง จ.พิจิตร รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัล 80,000 บาท ประเภทเรือยาวใหญ่ 55 ฝีพาย (โบราณ) ชนะเลิศ ได้แก่ เรือพญาชาลวัน วัดดาน จ.พิจิตร รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัล 25,000 บาท
3/9/2023
ภาคเหนือ
พิจิตร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903184348509
245,955
อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เดินหน้านำทีมปกครองท้องที่ประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนดาวน์โหลดแอพ ThaID สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 13.00 น. นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอําเภอบ้านสร้าง ได้ทํางานเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสําคัญของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมศักยภาพให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐผ่านแอพลิเคชัน ThaID วันนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. นายอําเภอบ้านสร้าง จึงได้มอบหมายปลัดอําเภอ จับมือผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําท้องที่ ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ม.6 ต.บางปลาร้า โหลดแอพ ไทยดี (ThaID) พร้อมให้คําแนะนําในการใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันดังกล่าว เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ #อําเภอบ้านสร้าง #จังหวัดปราจีนบุรี
3/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230903223556544
245,956
ประชาชนยะลา คาดหวังเต็มร้อย รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง
จากสภาพปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งข้าวของมีราคาแพงไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค น้ํามัน ก๊าซหุงต้ม และอื่นๆ ทําให้ค่าครองชีพสูง ชาวตลาดเกษตรยะลา พ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชน ต่างก็ตั้งความหวังกับรัฐบาลใหม่ที่จะมาเร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนนายอับดุลเลาะ สะดะ ประชาชน บอกว่า บ้านเรามีปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่รอรัฐบาลใหม่มาดูแลเพราะปัญหาเดิมๆของบ้านเรา ปัญหาเศรษฐกิจที่หนึ่ง ความเป็นอยู่ของชาวบ้านในเรื่องสินค้าทางการเกษตรเช่น ยาง เป็นหัวใจหลักของพื้นที่ จ.ยะลา คิดว่ารูปแบบของรัฐบาลปัจจุบันถึงแม้จะเป็นโครงสร้างใหม่ของรัฐบาลเพิ่งจะเริ่ม แต่ดูความมั่นใจคิดว่าน่าจะเดินไปตามความต้องการของภาคประชาชนได้อย่างเต็มร้อย ส่วน เงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะได้ส่วนหนึ่งก็ดีใจแต่คิดว่าการทําเป็นโครงการระยะสั้นไม่ค่อยเวิร์คในระยะยาวอยากเห็นระยะยาวมากกว่า อย่าง ราคายาง พืชผัก ผลไม้จะทํายังไง ในส่วนราชการจะเติมเต็ม กระตุ้นอย่างใดให้ราชการทํางานกันเต็มร้อยอย่างเป็นระบบ ถ้าแก้ได้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้น่าจะอยู่ยาวคุณนูรียะห์ เจ๊ะเล๊าะ แม่ค้าผลไม้ บอกว่า แล้วแต่นายกคนไหนมาขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทุกวันนี้ข้าวของแพงมากเพราะไม่มีคนดูแล อยากให้นายกฯปรับของลงให้เศรษฐกิจยางดีขึ้น ส่วนเงินดิจิทัลที่จะได้ก็ดีใจอยากได้เร็วๆซารียะห์ ยูโซะ แม่ค้าน้ําเต้าหู้ บอกว่า ก็คิดว่ามั่นใจ ท่านนายกฯเศรษฐา เอง ก็เชี่ยวชาญเป็นนักธุรกิจ เข้าใจในเศรษฐกิจได้ดี คิดว่าประชาชนที่เป็นแม่ค้าทั่วไปก็เราก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น ประชาชนออกมาจับจ่ายมากขึ้น ก็จะสร้างรายได้ให้แม่ค้ามากขึ้น ส่วนเงินดิจิทัลก็ดี สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เป็นเงินดิจิตอลผ่านระบบแอปการซื้อขายในการรับเงิน ก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สร้างรายได้ให้กับประเทศได้
4/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904095331568
245,957
สกต.บุรีรัมย์ ร่วมรับมอบมังคุดคุณภาพจาก สกต.นครศรีธรรมราช พร้อมวางจำหน่ายที่บริเวณ สกต.บุรีรัมย์จำกัด และทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์
วันนี้ (4 ก.ย. 66) ที่สกต.บุรีรัมย์ จํากัด อําเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นายสมยศ โยสาจันทร์ ผู้อํานวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ (ธ.ก.ส.บุรีรัมย์) พร้อมด้วยนางสาวนิตยา จันทร์ภัคดี ผู้จัดการ สกต. บุรีรัมย์ จํากัด ผู้แทนจากพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยานการรับมอบมังคุดจาก สกต. นครศรีธรรมราช จํากัด โดยวันนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างมังคุดจากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครศรีธรรมราช จํากัด จํานวน 320 ตะกร้า น้ําหนักรวมกว่า 3,200 กิโลกรัม คิดเป็นเงินมูลค่า 144,000 บาท แลกเปลี่ยนกับข้าวหอมมะลิ จาก สกต.บุรีรัมย์ จํากัด จํานวน 10 ตัน มูลค่า 340,000 บาท ซึ่งการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ นอกจาก สกต.บุรีรัมย์ จํากัด จะได้ส่งมอบมังคุดให้แก่ผู้ที่สั่งจองแล้ว ยังได้จัดมังคุดเกรดคุณภาพให้กับผู้ที่สนใจมาเลือกซื้อในราคาตะกร้าละ 10 กิโลกรัม ราคา 450 บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อได้ที่ สกต.บุรีรัมย์ จํากัด และทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ อําเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์สําหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าทางการเกษตรในครั้งนี้ เป็นการดําเนินการตามกิจกรรมสินค้าเชื่อมโยงขบวนการสหกรณ์ ที่ทางสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.บุรีรัมย์ จํากัด (สกต. บุรีรัมย์ จํากัด) จะมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากับทาง สกต.ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าประเภทผลไม้จะมีการเชื่อมโยงกับจังหวัดอื่นๆ ในทุกฤดูกาลผลไม้ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนผลผลิตของเกษตรกรในแต่ละจังหวัด เพื่อป้องกันสินค้าล้นตลาดและทําให้ประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถรับประทานผลไม้ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับประทานที่จังหวัดนั้นๆ สําหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สกต.บุรีรัมย์ จํากัด โทร 044-690-255 หรือ 081-966-1006
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บุรีรัมย์
สวท.บุรีรัมย์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904104611584
245,958
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล เตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำใกล้แนวปะการังและจับสิ่งมีชีวิต ขณะน้ำลงบริเวณชายหาดซันไรซ์ เกาะหลีเป๊ะ เพราะขณะนี้ระดับน้ำทะเลลดต่ำมากกว่าปกติในช่วงน้ำลง
นายมงคล แดงกัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ําทะเลบริเวณชายหาดซันไรซ์ เกาะหลีเป๊ะ มีระดับน้ําลดต่ํามากกว่าปกติในช่วงน้ําลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปะการังและสิ่งมีชีวิตในบริเวณดังกล่าวได้ ทางอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ดําเนินการขึ้นธงแดงและติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ําใกล้แนวปะการังและจับสิ่งมีชีวิตขณะช่วงเวลาน้ําลง เพื่อป้องกันการทําลายปะการังน้ําตื้นและสิ่งมีชีวิตในบริเวณโดยรอบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร่วมเฝ้าระวังและประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ําใกล้แนวปะการังอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้จากการเฝ้าระวังและสํารวจเบื้องต้นไม่พบปะการังได้รับความเสียหายแต่อย่างใดสําหรับระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นระบบนิเวศทางทะเลที่มีความสําคัญต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จํานวนมาก เนื่องจากแนวปะการังเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อน แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งหลบภัย แหล่งอาหารของสัตว์น้ํา แหล่งวางไข่ แหล่งผสมพันธุ์ของสัตว์น้ํา และที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ทะเลนานาชนิด เช่น เต่าทะเล หมึก กุ้ง หอย ปลา เป็นต้น
4/9/2023
ภาคใต้
สตูล
สวท.สตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904105306589
245,959
ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย และนิทรรศการภาพถ่ายมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ประจำปี 2566
วันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณโถง ชั้น 1 ด้านหลัง ศูนย์ราชการจังหวัดสุรินทร์ สํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ โดยนายชอบ สร้อยจิตต์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ จัดพิธีเปิดและมอบรางวัลกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย และนิทรรศการภาพถ่ายมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ประจําปี 2566 โดยมีนายสันทัด แสนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงาน และมอบรางวัลให้แก่ผู้ได้รับรางดังกล่าวฯ สํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ ได้ดําเนินการจัดทําโครงการกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายและนิทรรศการภาพถ่ายมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ ประจําปี 2566 เพื่อเพิ่มจํานวนและรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้สูงขึ้น สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนะธรรมประเพณีและการอนุรักษ์สืบสานให้คงอยู่สืบไป สําหรับการประกวดภาพถ่ายมหกรรมแห่เทียนพรรษา และตักบาตรบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ ประจําปี 2566 โดยมีผู้สนใจส่งภาพเข้าร่วมการประกวดทั้งสิ้น 41 คนจํานวนภาพ 198 ภาพ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายพรชัย อึงพินิจศ์พงศ์ ได้รับเงินรางวัล จํานวน 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ นายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ ได้รับเงินรางวัล จํานวน 8,000 บาทพร้อมโล่รางวัล รางวัลชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ นายชาญยุทธ ศรีบัวรอด ได้รับเงินรางวัล จํานวน 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัล สําหรับรางวัลชมเชย จํานวน 7 รางวัล ได้รับเงินรางวัล จํานวน 1,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
4/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904112345611
245,960
จังหวัดยะลา จับมือ กอช. ขับเคลื่อนส่งเสริมวินัยการออมในกลุ่มนักเรียน เพื่อความมั่นคงทางการเงิน และคุณภาพชีวิตที่ดี
วันนี้ (4 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุมพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิวยะลา พันจ่าโท อนันต์ บุญสําราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนส่งเสริมวินัยการออม กับ กอช. ในกลุ่มนักเรียน จ.ยะลา พร้อมด้วย ผศ.ดร. รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี คุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ โดยมีนายจเรพงศ์ ทองชุม คลังจ.ยะลา นายสุรเชษฐ์ สุทธิกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา นายชัยณรงค์ ช่างเรือ ผู้อํานวยการ สพม.ยะลา ส่วนราชการ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และนักเรียน เข้าร่วม ณ ห้องประชุมพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิวยะลาพันจ่าโท อนันต์ บุญสําราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยแรงงานนอกระบบ นักเรียน นักศึกษาในจังหวัดยะลา ได้ตระหนักถึงการวางแผนทางการเงินบริหารเงินให้งอกเงย เพิ่มขึ้น ซึ่งกอช.เป็นอีกหนึ่งกลไกช่วยสร้างวินัยการเงินกับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ผลตอบแทนที่ดีมาก และเป็นหน่วยงานที่มีความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณให้กับนักเรียนนักศึกษา เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เริ่มต้นออมได้ตั้งแต่วัยเรียนอายุ 15 ปี จนเข้าสู่วัยทํางานถึงอายุ 60 ปี ออมขั้นต่ําเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี พร้อมรับเงินสมทบจากรัฐสูงสุด 1,800 บาทต่อปี ในอนาคตข้างหน้าประชาชนคนไทย แรงงานนอกระบบจะมีเงินบํานาญรายเดือนกับ กอช.เพื่อความมั่นคงทางการเงิน และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดยะลา มีการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการออมกับ กอช. ผ่านเสมียนตราอําเภอ และตัวแทน กอช.ประจําหมู่บ้าน หน่วยรับสมัครสมาชิกและเครือข่าย กอช.ในพื้นที่ ซึ่งมีจํานวนสมาชิก กอช. สะสมตั้งแต่ พ.ศ. 2558-2565 ทั้งสิ้น 14,070 คน มีเป้าหมายการสร้างตัวแทน กอช. ประจําหมู่บ้าน ทั้งสิ้น 381 คน ทําหน้าที่ให้คําปรึกษาการออมเงินกับ กอช. แก่ประชาชนในหมู่บ้านปัจจุบัน กอช. ได้มีเครือข่ายอํานวยความสะดวกในการให้บริการสมาชิกทั้งการสมัคร ส่งเงินออมต่อเนื่อง และการให้คําปรึกษาเกี่ยวกับ กอช.ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนส่งเสริมการออมในกลุ่มเยาวชน ร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ,) มุ่งส่งเสริมสนับสนุนปลูกฝังให้เยาวชนนักเรียนภายใต้สังกัด สพฐ. มีวินัยทางการเงิน ตระหนักถึงการออมเงินตั้งแต่วัยเรียน ในการออมเงินกับ กอช. จํานวน 4 ครั้งต่อปี จะได้รับวุฒิบัตรจาก สพฐ, กับ กอช.มอบให้นักเรียนเยาวชน ที่มีการฝึกฝนสร้างวินัยและเห็นความสําคัญของการออมเงิน และอีกหนึ่งหน่วยงานที่ร่วมมือส่งเสริมการออมกับ กอช.มุ่งเน้นวินัยทางการเงินให้กับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คือ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เมื่อเรียนจบเข้าสู่ระบบการทํางานรับราชการหรือบริษัทเอกชนก็สามารถออมกับ กอช. ต่อเนื่องได้เป็นการบริหารจัดการเงินออมให้งอกเงยเพิ่มขึ้นและสามารถนําเงินออมมาลดหย่อนภาษีเงินได้ประจําปีอีกด้วย
4/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904114104620
245,961
ลาบหัวปลีสระบุรี ขายดีหลังเกิดดราม่าที่ได้รับคัดเลือกเป็น 1 เมนูของจังหวัดสระบุรีหลายคนถามหาแหล่งจำหน่าย
หลังจากกลายเป็นประเด็นดราม่า เมนู 77 “อาหารพื้นถิ่น” 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ที่กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศ เแต่บางจังหวัด คนท้องถิ่นเองออกมาบอกว่า ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยได้ยินนั้น ล่าสุด กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ออกมา ยืนยัน เป็น เมนู ตอบโจทย์ ตรงตาม คอนเซ็ปต์หลักโครงการ ตามหา “รสชาติที่หายไป” ระบุ อยากฟื้นเมนูอาหารไทยแท้ให้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งสําหรับจังหวัดสระบุรี "ลาบหัวปลี" ได้รับคัดเลือกเป็น 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดสระบุรี ซึ่งก็เกิดดราม่าในโลกโซเชียลเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ บางคนบอกไม่เคยรู้จัก บางคนถามหาแหล่งจําหน่าย จนกระทั่งได้รับการชี้แจงจากกระทรวงวัฒนธรรม จึงเริ่มเข้าใจลาบหัวปลี เริ่มมีจําหน่ายที่ตลาดหัวปลี ศูนย์ OTOP พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี คุณกุหลาบ เผ่าเพ็ง แม่ค้าที่ปรุงลาบหัวปลีจําหน่าย เล่าว่า ลาบหัวปลีเป็นอาหารที่คนพุแคทํากินในครอบครัวอยู่แล้ว พอมีการตั้งศูนย์ OTOP จึงคิดกันว่าจะทําอย่างไรให้คนมีภาพจําว่าเรามีของอร่อยประจําถิ่น ก็คุยกันว่าเรามีลาบหัวปลี ลองทําขายดีหรือไม่ ปรากฎว่าติดตลาด ลาบหัวปลี เป็นอาหารที่รู้จักกันมาตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีหัวปลีสองสามหัวก็นํามาทําให้ลูกหลายกิน พอมีศูนย์ OTOP พนักงานซึ่งเป็นลูกหลานคนที่นี่ นํามากินที่ทํางาน ผู้บริหาร ชิมก็บอกอร่อย จึงทําขายจนติดตลาด ที่สําคัญคือไม่มีเนื้อสัตว์ รสชาติดี ดีต่อสุขภาพ กลายเป็นว่าเรามีคนรู้จัก คนกรุงเทพก็มาซื้อ ช่วงแรกจะขายดีทุกวันพระ ต่อมาลูกค้าชิมแล้วติดใจทําให้ขายดี ยอดขายเพิ่มขึ้น และจากที่สื่อต่าง ๆ เชิญไปร่วมรายการทําให้คนรู้จักมากขึ้นลาบหัวปลี สระบุรี หลังเกิดกระแสโซเชียล ทําให้ยอดการจําหน่ายพุ่งขึ้นจนปรุงไม่ทัน ทุกคนที่ไปตลาดหัวปลีต้องไม่พลาดชิมลาบหัวปลี ท่านใดที่ถามหาแหล่งจําหน่าย ไปซื้อได้ที่ตลาดหัวปลี สระบุรี เมนูนี้ร้านอาหารทั่วไปไม่นิยมปรุงจําหน่าย หากใครจะลองทําขาย ไปขอความรู้ได้ที่ตลาดหัวปลี
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สระบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904131621643
245,962
ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นและการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ จังหวัดนครนายก
วันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรมรอยัล ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ต แอนด์ สปา ตําบลสาริกา อําเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดทําแผนพัฒนาท้องถิ่นและการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมี นางพุทธิพร พลอยผักแว่น ท้องถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าวรายงาน โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ให้เกียรติบรรยายพิเศษ ซึ่งมีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ารับการฝึกอบรม จํานวน 232 คนนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การจัดอบรมในครั้งนี้ ได้อนุมัติงบประมาณโครงการภายใต้ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดทําแผนพัฒนาท้องถิ่นให้สามารถสนองตอบความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการนําแผนพัฒนาท้องถิ่นไปเป็นกรอบในการจัดทํางบประมาณและเบิกจ่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904131726644
245,963
ชาวสวนเบตง แปรรูปทุเรียนกวน เสริมอาชีพสร้างรายได้ช่วงทุเรียนออกผลผลิตอีกหนึ่งทางเลือกของคนอยากกินแต่งบน้อย
วันนี้ 4 ก.ย.66 ที่ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตําบลธารน้ําทิพย์ หมู่ที่ 1 ต.ธารน้ําทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา กลุ่มชาวบ้าน ได้หันมาแปรรูปทุเรียนกวน ในช่วงฤดูทุเรียนออกผลผลิต เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว ในช่วงที่ผลผลิตทุเรียนบ้าน ทุเรียนพันธุ์ กําลังทยอยออกสู่ตลาดนางกาวินตรา ผลมา ผู้ที่มาร่วมกวนทุเรียน บอกว่า ปีนี้ ทุเรียนบ้านออกผลผลิตมาก หลังจากขายลูก ก็เลยได้เอามากวน เนื่องจากผู้บริโภคในปีที่แล้ว เรียกร้องและมีความต้องการรับทานทุเรียนกวนจนมีออเดอร์เข้ามาเยอะมาก ตั้งแต่ จังหวัดสุพรรณบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น สรุปว่าแทบทั่วทุกภาคที่ออเดอร์เข้ามา ซึ่งการขายทุเรียนกวน ทางออนไลน์ จะได้ราคาดีกว่าขายลูก โดยกลุ่มเราจะไปเหมาสวนมาทําประมาณ 100 กิโลกรัมต่อวัน มีทั้งทุเรียนที่เป็นรู และไม่เป็นรู เช่นหมอนทอง ชะนี กานยาว และทุเรียนพื้นถิ่นเบตง และเมื่อได้ทุเรียนมาก็จะนํามาปอก แกะออกจากลูกเป็นเม็ด แล้วก็แกะออกมาเป็นเนื้อ ก่อนที่จะนําไปกวน ครั้งละ 50 กก.โดยใช้เวลากวนกว่า 7 ชั่วโมงจนเนื้อทุเรียนจับตัวเป็นก้อนและไม่ติดกระทะเป็นอันว่าใช้ได้ แต่หลังจากกวน น้ําหนักทุเรียนจาก 50 กก.จะลดเหลือเนื้อทุเรียนเพียง 30 กิโลกรัมเท่านั่นจึงเป็นเนื้อทุเรียนกวนล้วนๆและมีกลิ่นหอมชวนรับประทานด้านนายประภาส ม่วงแสง บอกว่า ทุเรียนกวนกลุ่มเราเริ่มทํามาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม แล้ว ทําเป็นทุเรียนกวน ส่งขายไปแล้ว 200 กว่ากิโลกรัม ราคาขายก็อยู่ที่ กก.ละ 250 บาท ส่วนเป็นกล่อง กล่องละครึ่งกิโลกรัม 130 บาท ปีนี้ขายราคาเท่าเดิมแต่ต้นทุนเพิ่ม แต่ขายถูก เหมือนเดิม เศรษฐกิจยังไม่ดี น้ํามันแพง ของก็แพง คนกินไม่ค่อยมีเงิน บางคนต้องเซฟเงินไว้กินไว้ใช้จ่าย แต่ด้วยความอยากรับประทาน เลยหันมา ซื้อทุเรียนกวนสัก 1 กิโลกรัมหรือ ครึ่งกิโลกรัม ก็เพียงพอ ปีที่แล้วทุเรียนกวนแบบครึ่งกิโลกรัมไม่ได้ทํา มีคนสอบถามเข้ามามากมี ปีนี้เลยทําเป็นกล่อง กล่องละครึ่งกิโลกรัมราคากล่องละ 130 บาท หลังจากทําเสร็จมีออเดอร์ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เพราะลูกค้าติดใจในรสชาติ เพราะทุเรียนของกลุ่มชุมชนตําบลธารน้ําทิพย์ เราใช้เนื้อทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว และทุเรียนถิ่น อีกทั้งไม่ใส่แป้ง และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทําให้รสชาดอร่อยถูกปากสําหรับทุเรียน ก็จะมีไปประมาณ 2 เดือน แต่ปีนี้คงจะคาดไม่ออกเพราะว่ามีทุเรียนมากคงจะประมาณปลายเดือนกันยายน ก็คงหมดในปลายเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากทุเรียนบ้านตกเยอะแต่ก็ยังไม่เพียงพ่อต่อผู้บริโภคที่หันมากินทุเรียนแบบประหยัด กับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ทุเรียนกวน หากซื้ออย่างทุเรียนหมอนทองลูกหนึ่งเกือบ 500-600 บาท แต่เมื่อมีทางเลือกอย่างทุเรียนกวนก็ไม่พลาดที่จะสั่งมาทานให้หายอยากในฤดูทุเรียนออกผลผลิตแถมมีส่งออนไลน์ถึงบ้านขั้นตอนการทําทุเรียนกวน โดยใช้เนื้อทุเรียนล้วนๆ เวลากวนมีกลิ่นหอมอร่อย เก็บไว้ได้นานเป็นปี ส่วนผสม ทุเรียนกวน เนื้อทุเรียน น้ําตาลทราย (ป้องกันขึ้นรา ไม่ใช่เพิ่มความหวาน) เกลือ (ป้องกันขึ้นรา) วิธีทํา ทุเรียนกวน นําเม็ดทุเรียนออก (แนะนําให้ใช้ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง เพราะสีสวยและอร่อยกว่า) ตั้งกะทะใช้ไฟกลาง กวนเนื้อทุเรียน เมื่อใกล้ๆ สุก ให้เทน้ําตาลทรายตามความต้องการ กวนต่อไปเรื่อยๆ และต้องกวนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ทุเรียนไหม้ เมื่อเนื้อทุเรียนจับตัวเป็นก้อนและไม่ติดกระทะ แสดงว่าใช้ได้แล้ว เมื่อใช้ได้แล้วให้นําไปใส่จานและปล่อยพักไว้ให้เย็นและนําไปบรรจุกล่องหรือภาชนะต่างๆ เพื่อนําไปจําหน่ายและรับทานได้ทันที สนใจสั่งสามารถอินบล็อกมาที่: Nuch Kawintra Ponma หรือที่ คุณกาวินตรา ผลมา โทร.062-190-5299และคุณประภาส โทร. 096-904-6526
4/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904132309651
245,964
สีสันกีฬาสีโรงเรียน “ฟ้า-ขาว สัมพันธ์ ที่ ยะลา
ในช่วงนี้โรงเรียนเด็กเล็ก ที่ จ.ยะลา ต่างก็จัดแข่งกีฬาสีภายใน เพื่อให้เด็กได้ออกกําลังกาย สร้างสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ตลอดจน มีความรัก ความสามัคคี ในโรงเรียน อย่างโรงเรียนรังสีอนุสรณ์ ใน อ.เมืองยะลา วันนี้ 4 ก.ย 66 ได้มีการจัดแข่งกีฬา "ฟ้า-ขาวสัมพันธ์ 66" มีทั้งการเดินขบวนพาเหรดของน้อง ๆ หนู ๆ ที่สวยงามทั้งชาย หญิง ซึ่งพ่อ แม่ ผู้ปกครองต่างพากันแต่งเนื้อแต่งตัว ให้กับลูกๆ ตั้งแต่ช่วงเช้า ตามเฉดสี ทั้ง สีฟ้า สีขาว และสีชมพู เพื่อมาร่วมงานกีฬา การแสดงสะบัดธงสีพร้อมเต้นเชียร์ ที่ใช้ชื่อชุดว่า “ดรีม”ส่วนที่เห็นอยู่นี้ ก็จะเป็นการแข่งขันเตะฟุตซอล ของน้องๆ อนุบาล เด็กผู้ชายจะชอบมากเล่นกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางกองเชียร์ เพื่อนๆ คุณครู ผู้ปกครอง ที่มาคอยให้กําลังใจ นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันพิเศษ ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้าน อย่าง วิ่งกระสอบ ชักเยอร์ ระหว่าง บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียน ที่สร้างทั้งความรัก ความสามัคคี และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน รวมไปถึงกีฬาอื่นๆ แชร์บอล บาสเกตบอลซึ่งกีฬาเหล่านี้เด็ก ๆ จะได้ทั้งความสุข ความสนุกสนาน ผ่อนคลายจากการเรียน ได้รับการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจสังคมและ สติปัญญา เกิดความรัก ความสามัคคี มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ และก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา รวมไปถึง การคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในระดับจังหวัดต่อไปตามสโลแกนของทางโรงเรียน ที่มุ่ง "ร่วมสร้างสังคม ใส่ใจกีฬา เพื่อพัฒนาเยาวชน"
4/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904142639673
245,965
จังหวัดสงขลา เมนู ข้าวสตู เป็น 1 ใน 77 เมนูทั่วประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กิจกรรม "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น" ประจำปีงบประมาณ 2566
ร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง ร้านดังกลางเมืองสงขลา ถนนนางงาม เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา เปิดบริการมาตั้งแต่ พ.ศ.2480 แม้ว่าจะสืบทอดมาจนถึงรุ่นที่ 3 แล้ว รสชาติความอร่อยของข้าวสตูร้านนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง "ข้าวสตูเกียดฟั่ง" โดย "โกลัก" ชาวจีนไหหลําที่เดินทางมาหากินในเมืองสงขลา ได้ถ่ายทอดสูตรทําสตูหมูไก่ เมื่อครั้งที่ตนไปเป็นกุ๊กอยู่บนเรือฝรั่ง ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้แก่ "โกยาว" เจ้าของร้านเกียดฟั่งรุ่นที่ 1 ซึ่งโกยาวได้นําเมนู "ข้าวสตู" มาปรับปรุงดัดแปลงสูตรดั้งเดิม เพื่อให้ถูกปากคนท้องถิ่น จนได้รสชาติสมบูรณ์แบบเข้ากับยุคสมัย กลายเป็นที่นิยมชื่นชอบของผู้มาเยือนน้ําซุปสตูร้านดังย่านถนนนางงาม จะมีความแตกต่างจากสูตรทั่วๆ ไป (สตูอังกฤษดั้งเดิมใช้เนย) โดยน้ําซุปของร้านเกียดฟั่ง จะเป็นเป็นน้ําซุปกระดูกหมูต้มกับเครื่องเทศ และผสมกับหางกะทิ จนได้มาซึ่งน้ําซุปเข้มข้นและหอมมัน ภายในซุปยังมีเนื้อหมู เนื้อแดง และเครื่องใน แต่เราสามารถสั่งหมูกรอบใส่ลงไปในซุปได้อีกด้วย ทุกวันลูกค้ายังคงเหนียวแน่น โต๊ะในร้านไม่ว่าง ลูกค้าเต็มหมดต้องจองคิวกันบรรยากาศ หน้าร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง มีลูกค้าทยอยเข้ามาซื้อข้าวสตู อย่างต่อเนื่อง คุณธนธร และคุณปทุมรัตน์ ศิริคติธรรม สองพี่น้องเจ้าของร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ดําเนินการอยู่ในปัจจุบันนี้ ยังคงขายดิบขายดีอยู่เช่นเดิม ลูกค้ายังคงเหนียวแน่น โดยทางร้านเปิดให้ลูกค้าสั่งจองทางโทรศัพท์ ทาง Facebook และทางไลน์ รวมทั้งสั่งทาง Delivery เพื่อเป็นการบริการลูกค้า ได้อย่างทั่วถึง ในราคาปกติ ของทางร้านสําหรับราคาข้าวสตู ราคาเริ่มต้นที่ 60 80 100 และ 150 บาท ส่วนหมูกรอบ ราคาเริ่มต้นที่ 60 80 100 และ 150 บาท เช่นเดียวกัน ลูกค้าจะสั่งได้ตามราคาที่ตั้งเอาไว้ รวมทั้งหมูกรอบด้วย และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะมีลูกค้ามากกว่าปกติ จนแทบสับหมูไม่ทัน แม้ว่าจะใช้ความรวดเร็วแล้วก็ตาม ต้องใช้คนถึง 4 คน แบ่งหน้าที่กันทํา รวมทั้งเจ้าของร้านด้วย ที่จะต้องคอยรับออเดอร์จากลูกค้า ทั้งทางโทรศัพท์ ทางเพจทางไลน์ในปี 2566 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดําเนินการจัดกิจกรรม "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น"ประจําปีงบประมาณ 2566 ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย(Thailand Best Local Food) "รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste" ประจําปีงบประมาณ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือกและส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น เป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครื่อข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมบนพื้นฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้พิจารณาคัดเลือกกิจกรรม "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น" ประจําปีงบประมาณ 2566 จํานวน 77 เมนูทั่วประเทศ สําหรับจังหวัดสงขลา เมนู ข้าวสตู เป็น 1 ใน 77 เมนูทั่วประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกในกิจกรรม"1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น" ประจําปีงบประมาณ 2566
4/9/2023
ภาคใต้
สงขลา
สทท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904142915675
245,966
น้องเป๊ปซี่ ว่าที่เจ้าสาวเจ้าจ้อนลิงชิมแปนซีหนุ่มแสนรู้สวนสัตว์สงขลาไม่มีอาการตื่นตกใจ เจ้าหน้าที่ยังคงสำรวจสภาพแวดล้อมใหม่โดยรอบ จะเรียกชื่อบ่อยๆ พูดคุย ให้อาหารและน้ำเพื่อสร้างความคุ้นเคย
น้องเป๊ปซี่ ลิงชิมแปนซีสาวจากแดนอีสานเมืองโคราชวัย 17 ปี ว่าที่เจ้าสาวเจ้าจ้อนลิงชิมแปนซีหนุ่มแสนรู้ ของสวนสัตว์สงขลา หลังสวนสัตว์นครราชสีมา นําน้องเป๊ปซี่ ขี้นรถตู้เดินทางจากโคราช มาส่งมอบให้เจ้าจ้อนที่สวนสัตว์สงขลา เพื่อเป็นของขวัญพิเศษสุดแก่สวนสัตว์สงขลาในวาระครบรอบ 25 ปี สวนสัตว์สงขลาในวันที่ 3 ตุลาคม ที่กําลังจะถึงนี้ ท่ามกลางการต้อนรับที่อบอุ่นทั้งผู้ให้และผู้รับ โดยเฉพาะเจ้าจ้อนทันทีที่ได้ยินเสียงน้องเป๊ปซี่ ลิงชิมแปนซีสาวจากแดนอีสาน เมื่อเจ้าหน้าที่จอดรถหลังคอกเลี้ยงและเปิดประตูท้ายรถเจ้าจ้อนได้ยินสาวเจ้าร้องทักทายขึ้นมา มันมีความคึกคะนองเป็นอย่างมากส่งเสียงร้องและเขย่ากรงอย่างรุนแรงด้วยความดีใจที่กําลังจะได้มีคู่แล้วบรรยากาศโดยรวมที่คอกกักลิงชิมแปนซี หลังจากน้องเป๊ปซี่มาอยู่ที่สวนสัตว์สงขลา ในวันที่สองที่ลิงทั้งสองตัวมีกรงอยู่ติดกัน นายถิรวัช สุกแดง (keeper)ผู้เลี้ยงเจ้าจ้อน เล่าว่า น้องเป๊ปซี่ไม่มีอาการตื่นตกใจ จะมีในเรื่องสํารวจสภาพแวดล้อมใหม่โดยรอบกรง แสดงพฤติกรรมนั่งนอน และเล่นเป็นบางครั้ง รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับผู้เลี้ยง โดยผู้เลี้ยงพยายามเรียกชื่อน้องเป๊ปซี่เขาบ่อยๆ พูดคุย ให้อาหารและน้ําเพื่อสร้างความคุ้นเคย กับน้องเป๊ปซี่ทางด้านเจ้าจ้อน มีอาการตื่นเต้นนิดหน่อย เนื่องจากพบเจอเพื่อนตัวใหม่ว่าที่เจ้าสาวจากแดนอีสานเมืองโคราช เข้ามาอยู่ในบริเวณอาณาเขตของจ้อน มีการข่มขู่บ้างเล็กน้อย และหลังจากทีมสัตวแพทย์สวนสัตว์สงขลา ได้ตรวจสุขภาพน้องเป๊ปซี่ แล้วพบว่า มีความสมบูรณ์และแข็งแรงดี จากนี้จะเริ่มดําเนินการปรับพฤติกรรมของลิงทั้งสองตัวให้สามารถอยู่ในกรงเลี้ยงด้วยกันได้ ตามกระบวนการของการดูแลสัตว์ป่าสําหรับลิงชิมแปนซีที่แยกจากฝูง เพื่อมาเข้ารวมฝูงใหม่ หรือ มาอยู่ร่วมกับลิงตัวใหม่ในสถานที่ใหม่ๆ นั้น มีความจําเป็นต้องจัดพื้นที่ในการดูแลจากผู้เลี้ยง (keeper) อย่างใกล้ชิด ซึ่งน้องเป๊ปซี่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับพฤติกรรมต่างๆ ตามขั้นตอนมาตรฐานของสวนสัตว์สงขลา และต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ ผู้เลี้ยง และเจ้าจ้อนด้วยเพื่อให้มีเวลาคุ้นชินและสนิทสนมกันมากขึ้นก่อนที่จะส่งตัวเข้าหอ
4/9/2023
ภาคใต้
สงขลา
สทท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904143140676
245,967
จังหวัดสุพรรณบุรี เชิญชวนประชาชนร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
วันนี้ (4 ก.ย.66) ที่ห้องประชุมพลายแก้ว ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมกล่าวว่า ด้วยสํานักพระราชวังได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2565 สํานักเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้มีประกาศลงวันที่ 25 ธันวาคม 2565 ให้คณะสงฆ์ทุกจังหวัดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคล รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือลงวันที่ 26 ธันวาคม 2565 แจ้งให้ทุกจังหวัดร่วมกับคณะสงฆ์และผู้นําศาสนาในจังหวัด จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีขอพรตามหลักของแต่ละศาสนาเพื่อถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ซึ่งคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับจังหวัดสุพรรณบุรีกําหนัดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในระหว่างวันที่ 14-27 ตุลาคม 2566 ณ ศาลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น. จะมีพิธีบวงสรวง ณ พระพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อําเภอดอนเจดีย์ และพิธีบวงสรวง ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี อําเภอเมืองสุพรรณบุรี ส่วนในวันที่ 17 ตุุลาคม 2566 เวลา 09.00 น. ประกอบพิธีบวงสรวงที่บริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จากนั้นเวลา 10.00 น. ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ ศาลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร โดยหม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นประธานในพิธี โดยเป็นการเจริญพระพุทธมนต์ตลอด 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 17-24 ตุลาคม 2566 จังหวัดสุพรรณบุรี จึงขอเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยหรือชุดสุภาพ โทนสีขาว ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว
4/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904142754674
245,968
รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง จัดประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาปีนหน้าผา รายการ Thailand Championship 2023
วันนี้ (4 ก.ย.2566) ที่ห้องประชุมโรงเรียนกีฬาจังหวัดตรัง ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรังนายภูวนัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาปีนหน้าผา รายการ Thailand Championship 2023 ซึ่งจังหวัดตรัง ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาปีนหน้าผาแห่งประเทศไทย กําหนดจัดการแข่งขันกีฬาปีนหน้าผา รายการ Thailand Championship 2023ระหว่างวันที่ 15–17 กันยายน 2566 ณ สนามกีฬาปีนหน้าผาโรงเรียนกีฬาจังหวัดตรัง ตําบลทุ่งกระบือ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ดังนั้น เพื่อให้การจัดการแข่งขันกีฬาปีนหน้าผา รายการ Thailand Championship 2023เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จังหวัดตรังจึงแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฝ่ายต่างๆ ขึ้น สําหรับกีฬาปีนหน้าผา เป็นกีฬาที่มีมานานแล้ว เกิดขึ้นในยุโรปมากว่า 100 ปี ชาวยุโรปเดินทางมาหาภูเขาที่เหมาะสมต่อการปีนในประเทศต่างๆ ในประเทศไทยมีสถานที่เหมาะแก่การปีนผาที่นักปีนหน้าผาชื่นชอบและรู้จักกันดี คือ หาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ ซึ่งรูปแบบกีฬาปีนหน้าผา มีทั้ง 1) top rope 2) bouldering 3)leader 4)lead & deep water soloing โดยการปีนแบบ top rope ต้องมีเชือกนํา และมีสองคน คือ climber ผู้ปีน และ belayer คนควบคุมเชือกดูแลความปลอดภัยเป็นเนวิเกเตอร์ให้กับผู้ปีน ส่วนการปีนแบบ bouldering ปีนแบบไร้เชือก สูงประมาณ 3-5 เมตร ใช้แรงตัวเองพาร่างกายขึ้นไปให้จบเส้นทาง ต้องใช้สมองและประสบการณ์ของตัวเองในการปีน ทั้งนี้ ภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดตรัง ได้พยายามส่งเสริมกีฬาปีนหน้าผามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจังหวัดตรัง มีศักยภาพความพร้อมและสถานที่ที่สวยงามเหมาะสมสําหรับกีฬาปีนหน้าผาดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่หาดยาวอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
4/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904144057682
245,969
เลขาธิการ กอช. ลงพื้นที่จังหวัดยะลาจัดประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนส่งเสริมวินัยการออมกับ เครือข่าย เยาวชน สถานศึกษาในพื้นที่
วันนี้ 4 ก.ย.66 ที่ห้องประชุมพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ยะลา นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดยะลา จัดกิจกรรม "กอช.ร่วมกับ จังหวัดยะลา ประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนส่งเสริมวินัยการออมกับกอช.โดยมี พันจ่าโท อนันต์ บุญสําราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย ผศ.ดร. รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังจังหวัดยะลา ผู้แทนจากโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัด นายกสมาคมผู้ปกครองและครู ผู้แทนจากสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดยะลา ผู้นําชุมชนในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้นําศาสนาเข้าร่วมพันจ่าโท อนันต์ บุญสําราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยแรงงานนอกระบบรวมทั้งนักเรียน นักศึกษาในจังหวัดยะลาได้ตระหนักถึงการวางแผนทางการเงินบริหารเงินของตนเองให้งอกเงยเพิ่มขึ้น ซึ่งกอช. เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยสร้างวินัยการเงินกับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ผลตอบแทนที่ดีมากและเป็นหน่วยงานที่มีความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณให้กับนักเรียนนักศึกษา เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระเริ่มต้นออมได้ตั้งแต่วัยเกษียณอายุ 15 ปี จนเข้าสู่วัยทํางานถึงอายุ 60 ปี ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดยะลา ได้มีการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการออมกับ กอช. ผ่านเสมียนตราอําเภอ และตัวแทน กอช.ประจําหมู่บ้าน หน่วยรับสมัครสมาชิกและเครือข่าย กอช.ในพื้นที่ ซึ่งมีจํานวนสมาชิก กอช. สะสมตั้งแต่ พ.ศ. 2558-2565 ทั้งสิ้น 14,070 คน และมีเป้าหมายการสร้างตัวแทน กอช. ประจําหมู่บ้าน ทั้งสิ้น 381 คน เพื่อทําหน้าที่ในการให้คําปรึกษาการออมเงินกับ กอช. แก่ประชาชนในหมู่บ้าน ทั้งการรับสมัครสมาชิกส่งเงินออมสะสม และออมต่อเนื่อง นอกจากนี้ กอช.ได้การขับเคลื่อนส่งเสริมการออมในกลุ่มเยาวชนโดยร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อมุ่งส่งเสริมสนับสนุนปลูกฝังให้เยาวชนนักเรียนภายใต้สังกัด สพฐ. ได้มีวินัยทางการเงินตระหนักถึงการออมเงินตั้งแต่วัยเรียน ในการออมเงินกับ กอช. จํานวน 4 ครั้งต่อปี จะได้รับวุฒิบัตรจาก สพฐ, กับ กอช. เพื่อมอบให้นักเรียนเยาวชน ที่มีการฝึกฝนสร้างวินัยและเห็นความสําคัญของการออมเงินอีกด้วย
4/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904144923688
245,970
จ.นราธิวาส ประชาสัมพันธ์การประกวดแข่งขันผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ในงานของดีเมืองนรา ครั้งที่ 46 ประจำปี 2566
วันนี้ (4 ก.ย.66) นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดนราธิวาส กําหนดจัดงานของดีเมืองนรา ครั้งที่ 46 ประจําปี 2566 วันที่ 16-25 กันยายน 2566 และกําหนดให้กองงานศิลปาชีพและงานกระจูด ดําเนินกิจกรรมการประกวดแข่งขันผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ รวม 8 ประเภท ประกอบด้วย การประกวดผลิตภัณฑ์ซองกระจูด การประกวดผลิตภัณฑ์กล่องใบลาน การประกวดผลิตภัณฑ์ตูมูปาหนัน การประกวดผลิตภัณฑ์เสื่อปาหนัน การประกวดผ้าทอนราธิวาส การประกวดผลิตภัณฑ์ย่านลิเภา การประกวดผลิตภัณฑ์เรือกอและจําลองและการแข่งขันสานเสื่อกระจูด สําหรับรางวัลชนะเลิศทุกประเภทจะได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้งนี้ เปิดรับสมัครวันที่ 4-8 กันยายน 2566 ที่สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส ในวันและเวลาราชการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส โทร.073-532026
4/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230904151954702
245,971