NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
6
19
Region
stringclasses
7 values
Province
stringclasses
79 values
Department
stringclasses
169 values
Link_News
stringlengths
62
62
__index_level_0__
int64
0
248k
คพ. เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่น้ำท่วมและเสี่ยงน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังสถานที่กําจัดขยะมูลฝอยและระบบบําบัดน้ําเสียในพื้นที่น้ําท่วมและเสี่ยงน้ําท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กล่าวว่า เนื่องจากหลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ําท่วมขัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กําชับให้กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) สํารวจสถานที่กําจัดขยะมูลฝอยและระบบบําบัดน้ําเสียในพื้นที่น้ําท่วมหรือในพื้นที่เสี่ยงน้ําท่วม เพื่อเตรียมรับมือและเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากน้ําท่วม โดยเฉพาะน้ําเน่าเสียและน้ําเสียจากบ่อขยะ เบื้องต้น คพ.ปรับปรุงรายชื่อสถานที่กําจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบน้ําท่วม เพื่อติดตาม ให้คําแนะนําทางวิชาการ และส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด และผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทําวันเพจแจ้งเตือนภัยสถานที่กําจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบน้ําท่วม ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามและเฝ้าระวังพายุลูกใหม่เพื่อแจ้งเตือนต่อไป ทั้งนี้ คพ. ได้มอบหมายให้สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 - 16 ติดตามและรายงานข้อมูลเชิงพื้นที่ส่งทุกวัน จากการตรวจสอบพบมีสถานที่กําจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง คือ สถานที่กําจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสวรรคโลก ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีข้อแนะนําให้ก่อสร้างคันดินและปรับปรุงการระบายน้ําฝนภายในพื้นที่ รวมถึง ปรับปรุงถนนเพิ่มเติม 2 สถานที่กําจัดขยะมูลฝอยของ อบต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก มีคําแนะนําให้หาพื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว พร้อมประสานขอทิ้งร่วมกับ อปท. ใกล้เคียง และดักกั้นขยะมูลฝอยที่ลอยไม่ให้ออกสู่ภายนอก
3/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003144610498
246,572
กรมอุทยานฯ ร่งขึ้นทะเบียนนกกรงหัวจุกเลี้ยงที่ถูกกฎหมายทั้งหมด เพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากการแจ้งครอบครองเพาะพันธุ์หรือค้านกปรอดหัวโขน
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เร่งขึ้นทะเบียนนกกรงหัวจุกเลี้ยงที่ถูกกฎหมายทั้งหมด เพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากการแจ้งครอบครองเพาะพันธุ์หรือค้านกปรอดหัวโขน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากข้อเสนอของภาคประชาชนในพื้นที่ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พิจารณาการผ่อนคลายการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง “นกกรงหัวจุก” ที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น มีการจัดการแข่งขันเสียงร้องในหลายภูมิภาค และมีการเพาะเลี้ยงในกรงจํานวนมาก จนกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ซึ่งจากการรับฟังความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาได้กําชับให้สํานักอนุรักษ์สัตว์ป่า ยกระดับการให้บริการประชาชนเรื่องการขออนุญาตค้าและครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิดให้มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยเร่งหารือกับสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกพื้นที่เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติที่ยุ่งยากในการแจ้งครอบครองเพาะพันธุ์หรือค้านกปรอดหัวโขน ด้วยการใช้มาตรการเชิงรุกให้บริการทุกประเภทให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น และให้เข้มงวดการลักลอบดักจับนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติ ทั้งนี้ ปี 2566 มีการกระจายตัวของนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติพบได้ทั่วไปในป่าโปร่งที่อยู่ใกล้ชุมชน โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่วนการยื่นขออนุญาตสามารถยื่นได้ด้วยตนเองที่สํานักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ด้านต่างจังหวัดยื่นได้ที่สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 หรือสาขาทุกสาขา กรณีมีเหตุอันควรสงสัย เช่น ชนิด จํานวน และเครื่องหมายสอบถามรายละเอียด ได้ที่ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สํานักอนุรักษ์สัตว์ป่า 0 - 2579 - 4621 หรือสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 สําหรับ “นกปรอดหัวโขน” หรือ “นกกรงหัวจุก” เป็นนกที่มีสีสันสวยงามและมีเสียงไพเราะ จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงและประกวดเสียงร้องเช่นเดียวกับนกเขาชวา ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าคุ้มครองจําพวกนก ลําดับที่ 550 ตามกฎกระทรวงกําหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 ห้ามล่าหรือจับมาจากธรรมชาติ แต่เปิดโอกาสให้เพาะพันธุ์ในกรงเลี้ยงได้ แต่ยังมีผู้เพาะเลี้ยงที่ไม่ได้รับอนุญาตจํานวนมาก เนื่องจากมีขั้นตอนการขออนุญาตหลายขั้นตอน ต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง และต้องลงทุนสูง ซึ่งจากข้อมูลมีผู้ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ค้า ครองครอง นกปรอดหัวโขนช่วงปี 2555 – ปัจจุบัน พบมีนกปรอดหัวโขนขึ้นทะเบียนถูกกฎหมาย 134,325 ตัว จากผู้ขอขึ้นทะเบียน 11,466 ราย แต่พบจํานวนผู้เลี้ยงนกปรอดหัวโขนจริงๆมากกว่าจํานวนผู้ได้รับอนุญาตที่ถูกต้อง โดยได้รับการยืนยันจากประธานชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก
3/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003151722499
246,573
จังหวัดอุตรดิตถ์เร่งช่วยเหลือเกษตรกรทำนาอำเภอพิชัย
จังหวัดอุตรดิตถ์เร่งช่วยเหลือเกษตรกรทํานาอําเภอพิชัย จากการผันน้ําแม่น้ํายมลงสู่แม่น้ําน่าน ช่วงผ่านคลองน้ําไหล จากน้ําเอ่อล้นคลองเข้าท่วมพื้นที่ทํานา จากสถานการณ์น้ําจากแม่น้ํายม อําเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ได้ระบายเข้าสู่คลองยม- น่าน ผ่านเขตอําเภอพิชัย โดยมีการปิด-เปิดประตูระบายน้ําคลองน้ําไหล ตําบลคอรุม เพื่อกระจายน้ําลงสู่แม่น้ํายมสายเก่า เป็นเหตุให้ระดับน้ําในช่วงตําบลคอรุมและตําบลท่ามะเฟือง พื้นที่หมู่ที่ 4 และ 9 น้ําจากคลองน้ําไหล เอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 200 ไร่ เนื่องจากคันคลองบริเวณดังกล่าวต่ํากว่าคันคลองพื้นที่อื่นเป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบบริเวณคลองน้ําไหล ตําบลคอรุม อําเภอพิชัย ชึ่งมีการเปิดประตูระบายน้ําจํานวน 2 บาน เพื่อระบายลงสู่แม่น้ํายมสายเก่า ในขณะนี้ปริมาณการระบายน้ําในคลองสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ตําบลท่ามะเฟืองนั้น มีน้ําล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่การเกษตรบางส่วนแล้ว ในการแก้ปัญหาเร่งด่วนนั้น โดยสั่งการผู้นําท้องถิ่นท้องที่และประชาชนในพื้นที่ ได้ระดมกําลังและเครื่องจักร ทําคันดินเพื่อป้องกันน้ําไหลท่วมพื้นที่การเกษตรพร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนในการแก้ปัญหาระยะยาวทั้งการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมและปัญหาภัยแล้งไปพร้อมกัน จะได้มีการทําประตูปิด-เปิด ตามคลองต่างๆ หากน้ํามากก็ปิดกั้น หากน้ําน้อยก็จําเปิดรับน้ําเพื่อเข้ามากักเก็บไว้ หากไม่มีปริมาณน้ําฝนมาเติมในช่วงนี้ คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับเข้าสภาวะปกติในเร็วนี้
3/10/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003164619528
246,574
ลงแขกหนำข้าวเหนียวดำ รื้อฟื้นภูมิปัญญาถิ่นใต้วิถีปลูกข้าวของคนสมัยก่อน การหนำข้าวหรือการปลูกข้าวไร่นั้นนิยมปลูกกันในพื้นที่ว่างระหว่างร่องยางพารา ในขณะที่ต้นยางยังมีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ ดำเนินชีวิตตามหลักความพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ที่บริเวณแปลงสวนยางพาราในพื้นที่ หมู่ 12 ตําบลเขาชัยสน อําเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง กลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันรื้อฟื้นวิถีปลูกข้าวของคนสมัยก่อนด้วยการลงแขก หนําข้าวไร่เหนียวดําหรือปลูกข้าวไร่กัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูการทําข้าวไร่ หลังจากที่มีการโค่นล้มสวนยางใหม่ๆ เพื่อส่งขายสร้างรายได้ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่กว่า 5 ไร่ ที่กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ได้ร่วมกันนาข้าวเหนียวดํามาปลูก โดยมีนายอดุลย์ ชูทอง ปลัดจังหวัดพัทลุง เป็นประธานพร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมด้วยการหนําข้าวเริ่มจากการขอขมาเจ้าที่เพื่อเป็นศิริมงคล ใช้ไม้ปลายแหลมกระทุ้งดินให้เป็นหลุม ชาวใต้เรียกว่า แทงสัก โดยเรียกอุปกรณ์นี้ว่า ไม้สัก ผู้ชายจะเป็นคนแทงสักคือใช้ไม้กระทุ้งลงไปในดินให้เป็นหลุม ส่วนผู้หญิงและเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม จะใช้กระบอกหนําข้าวเป็นกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้สําหรับใส่เมล็ดพันธุ์ข้าวหยอดลงหลุม แต่ละหลุมหยอดพันธุ์ข้าวประมาณ 4-5 เมล็ด หนํากระทั่งเต็มพื้นที่จัดเตรียมไว้ และหลังจากนี้อีก 4 เดือนก็จะเก็บข้าวไร่ได้ ชาวบ้านจะลงแขกกันเก็บขณที่นายอดุลย์ ชูทอง ปลัดจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงถือเป็นเมืองหลักของการเกษตร แต่ปัจจุบันพบว่าคนรุ่นใหม่น้อยมาที่ทําการเกษตร ส่วนใหญ่จะออกไปหางาทําตามโรงงานหรือนอกเมือง เป็นส่วนใหญ่ ปล่อยให้วิถีการทําเกษตรจะเป็นกลุ่มของผู้สูงวัย เพื่อเป็นการสร้างจิตสํานึกระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ได้หันมาทําเกษตรแบบยั่งยืน และทําการเกษตรอย่างมีความสุข กิจกรรมน่ําข้าวเหนียวดํานี้เป็นวิถีของคนสมัยก่อน ได้ทําไร่ทํานาเพื่อเลี้ยงครอบครัวและดําเนินชีวิตตามหลักความพอเพียงด้านนางสาว รัตน์กา แป้นแก้ว อายุ 44 ปี ประธานเกษตรกรรุ่นใหม่ กล่าวว่า ข้าวเหนียวดําเป็นพันธ์ุข้าวพิเศษที่ใช้น้ําน้อยหรือแทบไม่ต้องใช้น้ําเลย เหมาะสําหรับการปลูกเป็นข้าวไร่ ดังนั้น การหนําข้าวหรือการปลูกข้าวไร่นั้นนิยมปลูกกันในพื้นที่ว่างระหว่างร่องยางพารา ซึ่งต้องเป็นต้นยางที่มีขนาดเล็กถึงจะปลูกได้เป็นการใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ คนสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักการปลูกข้าวแบบนี้ ถือเป็นวิถีของภูมิปัญญาชาวบ้านสมัยก่อน เป็นเรื่องดีที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้ฟื้นฟูการหนําข้าวนี้ให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จัก เพราะการหนําข้าวเริ่มลดน้อยลงจนแทบไม่เหลือให้เห็น ถือเป็นเรื่องดีที่ต่อไปพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้แก่คนรุ่นหลัง
3/10/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003161635505
246,575
จ.ประจวบฯ เร่งควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว พร้อมจัดตั้งทีมเจาะต้นและฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช หลังพบความเสียหายขยายวงกว้างกว่า 7,900 ไร่
(3 ต.ค.66) ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สวนมะพร้าวในพื้นที่ ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว หลังพบว่าปัจจุบันจังหวัดประจวบฯ มีปัญหาการระบาดในพื้นที่ 7,924 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวทั้งจังหวัด โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มีการสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรในการสังเกตต้นมะพร้าวที่ถูกหนอนหัวดําหรือแมลงดําหนามทําลายจะมีใบแห้งและมีสีน้ําตาล ผลผลิตลดลง การจัดการอย่างถูกวิธี ได้แก่ การตัดทางใบเผาทําลาย การฉีดพ่นเชื้อบีที การปล่อยแตนเบียนบราคอนไร่ละ 200 ตัว ห่างกัน 15 วัน อย่างน้อย 3 ครั้ง หากเกิดการระบาดระดับรุนแรง ต้นมะพร้าวที่สูงกว่า 12 เมตร ให้ใช้วิธีการเจาะต้นและฉีดสารอีมาเม็คตินเบนโซเอท 1.92%EC เข้าลําต้น อัตรา 30 ซีซี.ต่อต้น (ห้ามใช้กับมะพร้าวน้ําหอม มะพร้าวกะทิ) โดยศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนจัดตั้งทีมเจาะต้นและฉีดพ่นสารเคมีดังกล่าว ค่าบริการต้นละ 25-35 บาท นอกจากนี้ ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณในการป้องกันกําจัดศัตรูมะพร้าวแบบบูรณาการเชิงรุก พร้อมกันนี้ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ยังได้กําชับให้เกษตรอําเภอ เกษตรตําบลลงพื้นที่แนะนําเกษตรกรให้หมั่นสังเกตสวนมะพร้าวของตนเองอย่างสม่ําเสมอ หากพบหนอนหัวดําและแมลงดําหนามทําลายต้นมะพร้าวให้เร่งดําเนินการควบคุมการระบาด เพื่อป้องกันการระบาดขยายวงกว้างอีกด้วย
3/10/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003165228535
246,576
เกษตรอำเภอเมือง จังหวัดตรัง ให้คำแนะนำการป้องกันกำจัดโรครากขาวยางพารา
วันนี้ (3 ต.ค.66) นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอําเภอเมืองตรัง มอบหมายให้นายประทิ่น วรรณงาม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการพิเศษ และเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง ลงพื้นที่ หมู่ที่ 8 ตําบลน้ําผุด อําเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากได้รับแจ้งว่าประสบปัญหาต้นยางพารายืนต้นตายจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากอาการของโรครากขาวยางพารา ซึ่งเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง ส่งผลให้ต้นยางพารามีอาการผิดปกติ และยืนต้นตายในที่สุด การแก้ปัญหาดังกล่าวได้ให้คําแนะนําเบื้องต้นในการใช้สารชีวภัณฑ์ เชื้อราไตรโคเดอร์มา เพื่อควบคุมเชื้อสาเหตุโรครากขาว โดยใช้ร่วมกับรําละเอียด และปุ๋ยคอก (ในอัตรา เชื้อไตรโคเดอร์มาสด : รําละเอียด : ปุ๋ยคอก เท่ากับ 1 : 4 : 100) คลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างทั่วถึง และนําไปหว่านในแปลงยางพารา
3/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003162906516
246,577
เกษตรวังวิเศษ จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามให้คำปรึกษาแนะนำเกษตรกรและดำเนินการตรวจประเมินแปลงเบื้องต้นตามระบบมาตรฐาน GAP
วันนี้ (3 ต.ค.66) นายนิกร ชิดเชื้อ เกษตรอําเภอวังวิเศษ มอบหมายให้ นางสาวสุมนรัตน์ ตรึกตรอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการพิเศษ, นางสาวศศิธร รักษ์เจริญ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ และนายบดินทร์ ภักดี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สํานักงานเกษตรอําเภอวังวิเศษ เกษตรวังวิเศษ ติดตามให้คําปรึกษาแนะนําเกษตรกรและดําเนินการตรวจประเมินแปลงเบื้องต้นตามระบบมาตรฐาน GAP ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอเรดเลดี้ จํานวน 1 รายทั้งนี้ ได้ติดตามแปลงมะละกอที่เกิดความผิดปกติ มีอาการใบเหลืองจากใบล่าง เบื้องต้นอาจเกิดจาก 1.ขาดไนโตรเจน 2.ขาดน้ําหรือให้น้ําในปริมาณที่มากเกินไป 3.วัสดุรองพื้นหลุมเกิดความร้อนสูงทําลายราก 4.น้ําขังรอบโคนต้น หรือ ปลูกบนพื้นที่ราบไม่มีการยกร่อง 5.การให้น้ําหรือวางระบบน้ําผิดวิธี ณ พื้นที่หมู่ที่ 11 ตําบลท่าสะบ้า อําเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
3/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003163124519
246,578
อำเภอเบตงฝนตกช่วยชะล้างม่านหมอกควันให้เจือจางลง ส่งผลให้ค่า PM 2.5 ลดลง
สถานการณ์หมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้เข้าปกคลุมท้องฟ้าที่ อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ส่งผลทําให้คุณภาพอากาศโดยรวมวานนี้ (2 ต.ค.66) อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังพบฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.สะเตง อ.เมือง และบริเวณ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลาล่าสุดวันนี้ (3 ต.ค.66) สภาพอากาศในตัวเมืองเบตง เริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง ท้องฟ้าเปิดไม่มีหมอกควันสีเทาของฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาปกคลุมเหนือท้องฟ้า ล่าสุดบ่ายวันนี้ เกิดฝนตกใน อ.เบตง จ.ยะลา เกือบ 30 นาที ช่วยชะล้างหมอกควันพิษเจือจาง ส่งผลให้ค่า PM 2.5 ลดลง จึงช่วยชะลางม่านหมอกควันให้เจือจางลงจนสภาพอากาศแจ่มใสขึ้น เล็กน้อย ซึ่งภาพถ่ายในมุมสูงจะเห็นในตัวเมืองเบตง ยังไม่ชัดเจนมากนักเนื่องจากยังมีหมอกควันจางๆปกคลุมอยู่ ส่วนผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ สนามโรงพิธีช้างเผือก ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา พบว่าจากเมื่อวานนี้ฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะนี้ลดลงอยู่ในระดับปานกลางทําให้วันนี้ชาวเบตงได้กลับมาสูดอากาศที่ปลอดมลพิษอีกครั้งทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจําตัวในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรระมัดระวังสุขภาพของตนเอง หากออกนอกบ้าน นอกอาคาร ให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ทุกครั้งหลีกเลี่ยงการทํากิจกรรมหรือการออกกําลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมากให้ปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ส่วนประชาชนทั่วไปให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จํากัดระยะเวลาการทํากิจกรรมหรือการออกกําลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลําบาก ระคายเคืองตาและ ประชาชนสามารถเช็คข้อมูลคุณภาพอากาศได้จากเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai เพื่อเฝ้าระวัง ดูแลสุขภาพของตนเองอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
3/10/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003171338550
246,579
รองผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ตลาดผลไม้นานกกก (นา-นก-กก) อำเภอลับแล ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้รับซื้อและเกษตรกรผู้ปลูกลองกอง
นายสหวิช อภิชัยวิศรุตกุล รองผู้ว่าราชการอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดรับซื้อ-ขายลองกองในพื้นที่ตําบลนานกกก (นา-นก-กก) วันนี้ ในเรื่องของราคาลองกองทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการบริหารจัดการทุกปี มีคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรที่จะช่วยดูแลเรื่องคุณภาพของผลผลิต ซึ่งในปีนี้ได้คาดการณ์ว่าผลผลิตจะออกมามากกว่าปีที่ผ่านมา สนนอยู่ที่ประมาณ 50,000 ตัน ด้านราคาก็จะเป็นไปตามกลไกการตลาด ทางคณะกรรมการฯ ระดับจังหวัดก็มีราคาที่ตั้งไว้พอที่จะให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ (ล้ง) ที่รับซื้อให้พออยู่ได้ อ้างอิงจากเกษตรกรเป็นหลัก อยู่ที่ประมาณ 15 บาท สําหรับเกรดคละ รวมถึงราคาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศเวียดนาม โดยขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้คัดผลิตผลให้มีคุณภาพดี เนื่องจากพื้นที่ตําบลนานกกก (นา-นก-กก) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของลองกอง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกระจายผลผลิต เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย จึงขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าทางจังหวัดได้มีมาตรการในการช่วยเหลือและพยุงราคาผลผลิตลองกองให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรและผู้ประกอบการอยู่ได้
3/10/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สวท.อุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231003184836575
246,580
หมอกควันยะลา กลับเข้าสู่ภาวะปกติ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ดี
สถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่เข้าปกคลุมท้องฟ้า จ.ยะลา ในวันที่ 1 และ 3 ต.ค 66 ทําให้มีฝุ่น PM2.5 อยู่ในช่วงปานกลาง และเกินมาตรฐาน ล่าสุดหลังจากที่ลมได้เปลี่ยนทิศ และได้พัดพากลุ่มควันออกไป เช้าวันนี้ (4 ต.ค 66) ทําให้คุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.ยะลา กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท้องฟ้าโปร่งใสอยู่ในระดับดีอย่างใดก็ตามระยะนี้ยังเป็นช่วงของการทําเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศประจําวันได้จากเว็บไซด์หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai เพื่อเฝ้าระวังดูแลสุขภาพของตนเอง
4/10/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004093035629
246,581
สทนช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลางบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ําภาคกลางบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ําในพื้นที่ภาคกลาง และประชุมจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ครั้งที่ 1/2566 บริเวณโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพื้นที่ตอนบนของประเทศมีฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ําท่วมหลายพื้นที่และเร่งระบายน้ําผ่านเขื่อนเจ้าพระยา โดยหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ํา (องค์การมหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทรัพยากรน้ํา กรมประชาสัมพันธ์ และกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งวันนี้ (4 ต.ค.66) เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มาอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเมื่อวานระบายน้ําอยู่ที่ 1,280 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ ทั้งนี้ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ําช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ํากําลังแรง ร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กําลังแรง ทําให้บริเวณภาคเหนือและภาคกลางมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ประกอบกับ ในลุ่มน้ําเจ้าพระยาเกิดน้ําท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ําบางพื้นที่ซึ่งปริมาณน้ําหลากจากตอนบนจะส่งผลให้น้ําท่าบริเวณด้านท้ายน้ํามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น และจําเป็นต้องระบายน้ําผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 1,000 - 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทําให้พื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ําบริเวณ จ.อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1 - 1.50 เมตร ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไป
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004095021641
246,582
ก.ทรัพย์ เตรียมจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ปีที่ 2 เพื่อแสดงพลังการขับเคลื่อนงานการต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (TCAC 2023) ปีที่ 2 เพื่อแสดงพลังการขับเคลื่อนงานการต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) จะจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (TCAC 2023) ภายใต้แนวคิด “สานพลัง เสริมภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน” เป็นปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 7 ตุลาคม ณ ห้อง SX Grand Plenary Hall ชั้น G และ Plenary Hall 1 - 3 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นเวทีแสดงพลังการขับเคลื่อนการดําเนินงานการต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในประเทศและทุกภาคส่วนให้บรรลุเป้าการมีส่วนร่วมที่กําหนดขึ้น คาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,500 - 2,000 คน โดยผลจากการประชุมครั้งนี้จะนําไปรายงานต่อที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP28) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคมนี้ ณ รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแนวโน้มผลักดันประเด็นการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการยกระดับเศรษฐกิจไปสู่การค้าการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดทั้งระบบเศรษฐกิจ สําหรับกิจกรรมภายในงานมีทั้งการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นําด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกและการมอบโล่เชิดชูเกียรติสําหรับผู้นําในการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ // การแสดงนิทรรศการนําเสนอข้อมูลการดําเนินงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยปีนี้ได้จัดงานร่วมกับงาน SX Sustainability Expo 2023 มหกรรมการแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ระหว่างวันที่ 2 - 8 ตุลาคมด้วย
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004130315727
246,583
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นไปตรวจติดตาฝายชะลอน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ อำเภอแวงใหญ่แวงน้อยจังหวัดขอนแก่น
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้มอบหมายให้นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กําลังใจและติดตามการดําเนินการจัดสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ที่อําเภอแวงใหญ่โดย นายกรุง นามสง่า นายอําเภอแวงใหญ่ นํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาตรวจเยี่ยม ดูความเรียบร้อย ฝายแกนดินซีเมนต์ ลําห้วยแกตอนบน บ้านป่าแดง ตําบลคอนฉิม อําเภอแวงใหญ่ ซึ่งฝายชะลอน้ําและกักเก็บน้ําในหน้าฝนและเก็บน้ําไว้ใช้หน้าแล้งโดยฝายดังกล่าวสามารถเก็บน้ําได้แต่การระบายน้ํายังไม่ได้ต้องรอน้ําล้นอย่างเดียวจึงให้มีการแก้ไขแบบเพื่อให้น้ําไหลบางส่วนผ่านไปได้ป้องกันฝายพัง จากนั้นนายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เดินทางไปที่อําเภอแวงน้อยนายภาณุเดช ลิ้มอารีย์ นายอําเภอแวงน้อย นําคณะเดินลุยป่าลุยน้ําไปดูฝายแกนดินซีเมนต์ที่บ้านหนองหญ้าขาว ตําบลท่านางแนว โดยลงพื้นที่ตรวจติดตาม สถานการณ์น้ําและเยี่ยมเยือนให้กําลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันโดยมีน้ําท่วมขังพื้นที่การเกษตรแต่เป็นการท่วมไม่ถาวรตอนนี้น้ําลดลงแล้วและนาข้าวไม่เสียหายกลับเป็นประโยชน์สําหรับนาข้าวหลังไม่เจอฝนนาน ในส่วนของ ฝายแกนดินซอยซีเมนต์บริเวณลําห้วยยางบง ลําห้วยยางฮาด รวมจํานวน 3 จุด มีระดับน้ําล้นสันฝาย ตัวฝายยังคงมีสภาพมั่นคงแข็งแรง ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสามฝายนี้จะสามารถเก็บกักน้ําไว้ใช้ในหน้าแล้วซึ่งชาวบ้านขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดนายอําเภอที่มาทําฝายให้เพราะทุกปีน้ําในลําห้วยหากหน้าแล้งน้ําก็จะไหลนี้และแห้งหมดเมื่อมีฝายกั้นน้ําก้จะอยู่ได้จนพ้นหน้าแล้งซึ่งสามารถทําเกษตรและไว้ให้สัตว์เลี้ยงได้กินด้วย
4/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอนแก่น
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004140040745
246,584
ผวจ.ลพบุรี สั่งการบูรณาการทุกหน่วยงานเร่งกำจัดผักตบชวา เตรียมพร้อมรอรับน้ำเหนือที่กำลังไหลลงสู่ภาคกลาง
วันที่ 4 ตุลาคม 2566 นายอําพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี สั่งการบูรณาการทุกหน่วยงานเร่งกําจัดผักตบชวา เตรียมพร้อมรอรับน้ําเหนือที่กําลังไหลลงสู่ภาคกลาง ตั้งแต่ท่าน้ําวัดพรหมมาสตร์ ตําบลพรหมมาสตร์ จนไปถึงประตูระบายน้ําโพธิ์เก้าต้น ตําบลโพธิ์เก้าต้น ในเขตอําเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยหน่วยงานต่าง ๆ ได้ระดมเครื่องจักรมาดําเนินการในจุดนี้ ประกอบด้วย สํานักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี และศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี เขต 16 ชัยนาท สนับสนุน รถแบคโฮบูมยาว 1 คัน รถเทเลอร์ 1 คัน สํานักชลประทานที่ 10 สนับสนุน รถแบคโฮ 2 คัน เรือดันผักตบชวา 3 คัน โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลพบุรี สนับสนุน เรือดันผักตบชวา 1 คัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี สนับสนุนรถแม็คโคร 1 คัน รถบรรทุก 3 คัน และองค์การบริหารส่วนตําบลพรหมมาสตร์ สนับสนุน รถบรรทุก 1 คันเข้าดําเนินจัดเก็บผักตบชวาบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดทางน้ําเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ํา และเพื่อรองรับปริมาณน้ําเหนือที่จะไหลลงมายังภาคกลางอีกด้วย ทั้งนี้ การดําเนินการกําจัดผักตบชวาบริเวณตั้งแต่ท่าน้ําวัดพรหมมาสตร์ ตําบลพรหมมาสตร์ จนไปถึงประตูระบายน้ําโพธิ์เก้าต้น ตําบลโพธิ์เก้าต้น ได้มีดําเนินการในวันนี้เป็นวันแรก (4 ตุลาคม 2566) มีการจัดเก็บผักตบชวาไปแล้ว 30% ซึ่งคาดว่าจะดําเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 9 ตุลาคม นี้ สําหรับสถานการณ์น้ําในปัจจุบัน มวลน้ําหลากจากตอนบนแม่น้ําเจ้าพระยา จะส่งผลให้น้ําท่าบริเวณด้านท้ายน้ํามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ําเจ้าพระยาคาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น และมีความจําเป็นต้องระบายน้ําผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 1,000 - 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ทําให้พื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ําบริเวณ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1.00 - 1.50 เมตร ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้เน้นย้ําให้บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการบริเวณริมคลองชัยนาท - ป่าสัก แม่น้ําลพบุรี และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยง ขอให้เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์น้ําจากทางราชการอย่างใกล้ชิดด้วย
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004142449763
246,585
สทนช. เร่งระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อเตรียมรับปริมาณน้ำรอบใหม่ หลังคาดการณ์จะมีฝนตกหนักในภาคกลางช่วง 2 - 3 วันนี้
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เร่งระบายน้ําท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อเตรียมรับปริมาณน้ํารอบใหม่ หลังคาดการณ์จะมีฝนตกหนักในภาคกลางช่วง 2 - 3 วันนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ช่วง 1 - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดฝนตกหนักและต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ปริมาณน้ําในลําน้ําต่างๆมีน้ําสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนในหลายพื้นที่ เช่น สุโขทัย พิจิตร แพร่ โดยปริมาณน้ําหลากจากตอนบนของประเทศได้ไหลมารวมกันที่บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ของพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งปริมาณน้ําส่วนหนึ่งไหลเข้าไปกักเก็บในบึงบอระเพ็ดที่มีศักยภาพรองรับน้ําหลากหรือน้ําส่วนเกินได้จํานวนมาก ขณะที่ปริมาณน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาค่อยข้างมีปริมาณมาก จึงจําเป็นต้องเร่งระบายน้ําท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันระบายอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ําใน จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาจะได้รับผลกระทบ โดยจะพยายามระบายน้ําท้ายเขื่อนไม่ให้เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมคาดการณ์ช่วง 2 - 3 วันนี้มีแนวโน้มที่ปริมาณน้ําจะเพิ่มเติมอีก เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางจนเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทั้งนี้ สทนช. ยังกําชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ําและเก็บกักน้ําปลายฤดูฝน ควบคู่กับเร่งทําความเข้าใจกับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ว่าน้ําที่เก็บกักจะสํารองไว้ใช้อุปโภค - บริโภค ไม่สนับสนุนการทํานาปีต่อเนื่อง แต่กําหนดมาตรการเสริมเมนูอาชีพให้เป็นทางเลือกของเกษตรกรแทน เพื่อให้น้ําต้นทุนมีเพียงพอใช้ถึงปีหน้า ทั้งนี้ กอนช. ยังได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง เพื่อติดสถานการณ์น้ําลุ่มเจ้าพระยา รับมือน้ําหลากตอนบนไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจนกระทบพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคัน บริหารจัดการน้ําช่วงฤดูฝนอย่างเป็นเอกภาพ และช่วยเหลือประชาชนทันท่วงที รวมทั้ง จะหารือกับเกษตรกรในภาคกลางที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จแล้วเพื่อใช้พื้นที่นารองรับน้ําฝนในปริมาณที่เหมาะสมผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมในพื้นที่ แล้วจะนําอาชีพเสริมช่วงน้ําหลากให้กับประชาชนสร้างรายได้เสริมต่อไป
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004142011762
246,586
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมดูแลอาชีพผู้เลี้ยงไก่ไข่อย่างต่อเนื่อง ต้นทุนการผลิต ราคาที่เป็นธรรม
สมาคมกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่ นําผู้แทนเกษตรกรเข้าแสดงความยินดีกับร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสเข้ารับตําแหน่งรัฐมนตรีฯ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมขอบคุณที่ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยได้รับการดูแลจากกรมปศุสัตว์เป็นอย่างดี สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรมีการจัดสรรโควตาอย่างเป็นธรรม ทําให้เกิดความสมดุลทั้งในด้านการผลิตและการตลาด ทําให้ปริมาณไข่ไก่ไม่ขาดและไม่ล้นตลาด และขอบคุณภาครัฐที่เป็นพี่เลี้ยง ทําให้คุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อยดีขึ้น พร้อมกันนี้ อยากให้ภาครัฐ ช่วยดูแลและปกป้องอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ รวมถึงช่วยดูแลในเรื่องต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่อยู่ได้พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมในเรื่องการปลูกพืชอาหารสัตว์ เพื่อช่วยให้ราคาต้นทุนถูกลง รวมถึงประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูแลในเรื่องราคาไข่ไก่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิตและผู้บริโภคต่อไป
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004144844780
246,587
เกษตรสุพรรณบุรีจัดกระบวนการเรียนรู้โรงเรียนเกษตรกร
วันนี้ (4 ต.ค.66) นายวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองสุพรรณบุรี จัดกระบวนการเรียนรู้โรงเรียนเกษตรกร ครั้งที่ 3 ที่สํานักตะค่า ตําบลสระแก้ว อําเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ระบบนิเวศของมะม่วง การจัดการศัตรูมะม่วงโดยวิธีผสมผสาน การทํากับดักแมลงวันทอง ด้วยสารเมทิลยูจีนอล+ สารฆ่าแมลง ในอัตราส่วน 4 : 1 จํานวนเกษตรกรผู้เข้าร่วม 20 รายทั้งนี้ กําหนดจัดกระบวนดารเรียนรู้ครั้งที่ 4 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ในหัวข้อวิชา ระบบนิเวศมะม่วง และมาตรฐาน Gap มะม่วง
4/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004162033813
246,588
สถานการณ์หมอกควันไฟป่าประเทศอินโดนีเซียที่พัดปกคลุมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
สถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าประเทศอินโดนีเซียที่พัดปกคลุมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง สําหรับที่อําเภอเมืองสงขลา ในวันนี้ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้อยู่ที่ 12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (?g/m3) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีมากวันนี้(4 ต.ค.66) เนื่องจากเมื่อคืนนี้ในอําเภอเมืองสงขลามีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืนจนถึงย่ํารุ่งส่งผลทําให้น้ําฝนช่วยชะล้างหมอกควันไฟป่าจากอินโดนีเซียหายไปหมดเพียงชั่วคืน ทําให้ในวันนี้ในตัวเมืองสงขลาสภาพอากาศสดใสตลอดทั้งวัน ไม่มีร่องรอยหมอกควันไฟป่าให้เห็นอีก ท้องฟ้าเป็นสีคราม แสงแดดจ้า คุณภาพอากาศกลับมาอยู่ในระดับคุณภาพดีมาก เนื่องจากความเข้มข้นของ PM2.5 หรือปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้อยู่ที่ 12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (?g/m3) ประชาชนออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ในตัวเมืองสงขลาไร้หมอกควัน ท้องฟ้ามีแสงแดดไม่มีหมอกควันมาบดบัง สภาพอากาศโดยทั่วไปดีมาก และจากการขึ้นไปตรวจสอบบนยอดเขาตังกวนพบว่า มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาท่องเที่ยว และถ่ายภาพมุมสูงเมืองสงขลาได้อย่างชัดเจน สวยงาม ท้องฟ้าสดใส เนื่องจากมีแสงแดดจ้า ไร้หมอกควันมาเบียดบังความสวยงามของเมืองสงขลา สถานการณ์สภาพอากาศกลับเข้าสู่สภาวะปกติศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายงานสภาพอากาศในวันนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ําบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนหนักบางแห่งอนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-5 ต.ค.66 มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทําให้คลื่นลมมีกําลังแรง ทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนประชาชนขอให้ระวังอันตรายที่เกิดจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่งตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นไป : ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงมา : ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
4/10/2023
ภาคใต้
สงขลา
สทท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231004163519821
246,589
จ.ประจวบคีรีขันธ์ เร่งสำรวจควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว หลังพบพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วทุกอำเภอกว่า 7,900 ไร่
นางศันสนีย์ เกษตรสินสมบัติ รักษาราชการแทนหัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบปัญหาการระบาดของแมลงดําหนามและหนอนหัวดําในสวนมะพร้าวขยายวงกว้างมากขึ้น ล่าสุดมีสวนมะพร้าวที่ได้รับผลกระทบแล้วทั้ง 8 อําเภอ รวมกว่า 7,900 ไร่ มากที่สุดคือ อ.ทับสะแก และ อ.บางสะพาน มาตรการเร่งด่วนในขณะนี้คือให้เจ้าหน้าที่เกษตรอําเภอและเกษตรตําบล เร่งลงพื้นที่สํารวจและให้คําแนะนําเกษตรกรในการสังเกตต้นมะพร้าวของตนเองเพื่อจัดการอย่างถูกวิธี ควบคุมพื้นที่การระบาด ส่วนสวนมะพร้าวที่ถูกปล่อยรกร้างได้ขอความร่วมมือประชาชนในหมู่บ้านชุมชนช่วยกันตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืช โดยสํานักงานเกษตรจังหวัดฯ ได้เพาะพันธุ์แตนเบียนและแมลงหางหนีบ เพื่อสนับสนุนการนําไปปล่อยในสวนมะพร้าว ให้แมลงธรรมชาติจัดการกันเอง นอกจากนี้ ยังมีศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเป็นกลไกสําคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยอีกทางหนึ่ง
5/10/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005090051940
246,590
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดกิจกรรมส่งเสริมเกษตรกร ลดค่าครองชีพ เนื่องในวันครบรอบ 49 ปี อตก.
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เปิดกิจกรรมส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกร จําหน่ายสินค้าเกษตรคุณภาพ ลดค่าครองชีพ พร้อมบวงสรวงสักการะท้าวมหาพรหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 49 ปี วันสถาปนาองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการเจรจาทางค้าเพื่อกระจายสินค้าเกษตรไทยไปยังประเทศอื่น ว่าได้มีการเจรจาโดยทูตเกษตร ซึ่งได้เจรจาไปแล้วหลายประเทศ โดยทางประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมในด้านคุณภาพสินค้าการเกษตรและการจัดตั้งบริษัทร่วมค้าโดยมี อตก.เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อกระจายสินค้าจากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรงและไม่กระทบกับงบประมาณแผ่นดินสําหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกชมและเลือกซื้อ ในงานสินค้าเกษตรคุณภาพ ลดค่าครองชีพ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณตลาดน้ํา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.)
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005102759976
246,591
ปศุสัตว์สุรินทร์ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนควบคุม ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครอบคลุมรัศมี 5 กม. หลังชายวัย 76 ปี เสียชีวิต แนะหากพบสัตว์มีอาการผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
นายสัตวแพทย์ อภิชัย นาคีสังข์ ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า หลังจาก นายจันลา โพธิขาว อายุ 76 ปี บ้านเลขที่ 79 บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 2 ตําบลนารุ่ง อําเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า สาเหตุจากถูกสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ข่วน ทั้งคนและสัตว์ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกัน โดยเหตุเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม เริ่มมีอาการวันที่ 25 กันยายน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันพบเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น ขณะนี้ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดําเนินการฉีดวัคซีนครอบคลุมในรัศมี 5 กิโลเมตร พร้อมเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมในสัตว์สงสัย และเฝ้าระวังต่อเนื่องอีก 6 เดือน พบเชื้อพิษสุนัขบ้าในสัตว์อีกตัวหนึ่งด้วย ซึ่งมีนัยสําคัญว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคอยู่ ดังนั้น จากนี้ไปประชาชนยังต้องเฝ้าระวังต่อ อย่าคิดว่าพบสาเหตุและควบคุมโรคแล้วจะจบเลย หากพบว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที เพื่อดําเนินการตามขั้นตอนต่อไป
5/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005095538955
246,592
กรมป่าไม้ และ FAO ใช้แพลตฟอร์ม "eTree" สนับสนุนปลูกป่าเศรษฐกิจและการค้าไม้ที่ถูกกฎหมาย เพื่อช่วยเกษตรกรจัดการป่าปลูกได้ครบวงจร
กรมป่าไม้ และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ใช้แพลตฟอร์ม "eTree" สนับสนุนปลูกป่าเศรษฐกิจและการค้าไม้ที่ถูกกฎหมาย เพื่อช่วยเกษตรกรจัดการป่าปลูกได้ครบวงจร นายบุญสุธีย์ จีระวงค์พานิช ผู้อํานวยการสํานักเศรษฐกิจการป่าไม้ กรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์ม "eTree" หรือ "ระบบการรับรองการขึ้นทะเบียนไม้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย" เพื่อรองรับการลงทะเบียนการปลูกไม้เศรษฐกิจสําหรับประชาชนที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าตามพระราชบัญญัติสวนป่าได้ โดยระบบนี้จะอํานวยความสะดวกเกษตรกรทั้งด้านบริหารจัดการไม้ในที่ดินและจัดทําหนังสือสําแดงความถูกต้องด้วยตนเอง การตัดไม้ที่ขึ้นในที่ดินและนําขนย้ายไปจําหน่าย โดยมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินสําหรับซื้อขายเป็นรายต้นต่อท่อน และแบบน้ําหนักต่อปริมาตร จากข้อมูลต้นไม้ที่ได้ลงทะเบียนไว้ สิ่งสําคัญเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติหากจัดทําข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนแล้วจะสามารลดความเสี่ยงของไม้และสินค้าไม้ผิดกฎหมายที่จะเข้ามาหมุนเวียนในตลาด และตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งกําเนิดได้ เมื่อไม้และสินค้าไม้ในตลาดมาจากกระบวนการปลูกและทําไม้ที่ถูกกฎหมาย ตลาดสินค้าไม้จะขยายตัวและเกิดการค้าไม้ที่ยั่งยืนขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นการช่วยปลดล็อกให้เกิดการปลูกและการตัดจําหน่ายอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตรับรองถูกต้อง ซึ่งเป็นแนวทางเพิ่มพื้นที่ป่าให้ถึงเป้าหมายของประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันพบลงทะเบียนต้นไม้ในระบบ eTree มากกว่า 580,000 ต้น และพื้นที่เพาะปลูกกว่า 30,000 ไร่ โดยมีผู้ลงทะเปียนในระบบแล้วมากกว่า 5,000 คน ซึ่งการนําระบบนี้มาใช้จึงเป็นทางออกของประเทศในการสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานให้กับตลาดการค้าไม้ นําไม้ที่ปลูกบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย ลดการลักลอบตัดไม้ และส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมการค้าไม้อย่างถูกต้องในอนาคต ด้าน นายจงสถิตย์ อังวิทยาธร ผู้ประสานงานโครงการค้าไม้ยั่งยืนของประเทศไทยใน โครงการความร่วมมือแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการตัดไม้ทําลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่าในประเทศกําลังพัฒนา (UN-REDD) กล่าวว่า ระบบ eTree ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในแนวทางส่งเสริมให้เกิดการปลูกป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน , ส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มพื้นที่ป่าและลดการตัดไม้ทําลายป่าอย่างได้ผล , ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมการค้าไม้ที่ถูกกฎหมายอย่างถูกต้องและยั่งยืน จึงเป็นแพลตฟอร์มหลักในการขึ้นทะเบียนไม้ที่ปลูกในชุมชน ป่าชุมซน และป่าเศรษฐกิจ
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005120924029
246,593
กอนช. ขอให้ประชาชนระวังฝนตกหนักต่อเนื่องถึง 7 ต.ค.นี้ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังฝนตกหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ตุลาคมนี้ อาจทําให้เกิดน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากหลายพื้นที่ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ําอยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมทําให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยคาดการณ์ถึงวันที่ 7 ตุลาคมไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทําให้ต้องระวังแหล่งน้ําขนาดใหญ่มีน้ํามาก 8 แห่ง ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ แม่งัดสมบูรณ์ชล แม่มอก กิ่วลม ห้วยหลวง ลําปาว หนองหาร น้ําพุง และอุบลรัตน์ จึงขอให้หน่วยงานพิจารณาบริหารจัดการน้ําให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน รวมทั้ง ระวังพื้นที่เสี่ยงน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วง 1 - 3 วันนี้บริเวณจ.เชียงใหม่ ตาก ศรีสะเกษ กาญจนบุรี ราชบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด พังงา และนราธิวาส ขณะที่สถานการณ์เขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (5 ต.ค.66) ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเมื่อวานระบายน้ําอยู่ที่ 1,449 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ สําหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมในพื้นที่ชุมชนรวม 4 จังหวัด 15 อําเภอ 66 ตําบล 379 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,209 ครัวเรือน คือ จ.ตาก น้ําท่วมใน อ.สามเงา และบ้านตาก // กาฬสินธุ์ น้ําเอ่อล้นจากเขื่อนลําปาวใน อ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่องคํา ฆ้องชัย ยางตลาด กมลาไสย สามชัย ท่าคันโท หนองกุงศรี สหัสขันธ์ และห้วยเม็ก // อุบลราชธานี น้ําท่วมใน อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชําราบ ม่วงสามสิบ ตระการพืชผล ตาลสุม เหล่าเสือโก้ก ดอนมดแดง // ตราด น้ําท่วมในพื้นที่ อ.บ่อไร่ ภาพรวมในทุกพื้นที่ระดับน้ําลดลงแล้ว ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหาย 17 จังหวัด ใน 396,726 ไร่ คือ ลําพูน สุโขทัย ตาก ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร อํานาจเจริญ อุบลราชธานี นครพนม สกลนคร ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005121219033
246,594
จังหวัดพิษณุโลก เร่งควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลัง ใช้กลไกพื้นที่ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกันอย่างสม่ำเสมอ
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโรคใบด่างมันสําปะหลัง ระดับจังหวัดฯ ว่าขณะนี้พบปัญหาการระบาดของโรคใบด่างมันสําปะหลังในหลายพื้นที่ มากที่สุดที่อําเภอเนินมะปราง โดยมีสาเหตุหลักจากการนําท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคไปปลูกและมีแมลงหวี่ขาวยาสูบเป็นพาหะนําโรค จึงได้ กําหนดมาตรการ แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สร้างการรับรู้และเน้นย้ําความจําเป็นที่ให้เกษตรกรปลูกพันธุ์มันสําปะหลังที่ทนทาน มีอาการของโรคน้อย ได้แก่ พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 พันธุ์ระยอง 72 และพันธุ์ห้วยบง 60 รวมทั้งคัดเลือกแหล่งพันธุ์สะอาดสําหรับใช้ฤดูการปลูกถัดไปผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ยังได้เน้นย้ําปัจจัยที่สําคัญ ของการควบคุมกําจัดการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสําปะหลัง โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโรคใบด่างมันสําปะหลังในระดับจังหวัด รวมถึงระดับอําเภอและระดับตําบล ขึ้น เพื่อเป็นกลไกสําคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยอีกทางหนึ่งโดยติดตามสถานการณ์โรคใบด่างมันสําปะหลังและรายงานสถานการณ์การระบาดทุกสัปดาห์ เพื่อควบคุมโรคใบด่างมันสําปะหลังแบบครอบคลุมทุกพื้นที่
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.พิษณุโลก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005140034073
246,595
ปศุสัตว์อำเภอท่ายาง ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายช้างเข้าพื้นที่ปลายทาง มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พร้อมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพช้างและการป้องกันกำจัดโรค
นายประชุม เกตุพยัคฆ์ ปศุสัตว์อําเภอท่ายาง พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายช้างเข้ามาลงในพื้นที่ อําเภอท่ายาง ณ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า หมู่ 8 ตําบลท่าไม้รวก อําเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จํานวน 1 เชือก จากการตรวจสอบ พบช้างเพศเมีย มีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย (ร.4) จากสัตวแพทย์ต้นทาง และบัตรประจําตัวช้างมีหมายเลขตรงตามไมโครชิฟถูกต้อง โดยเจ้าของได้จัดให้ช้างอยู่ในพื้นที่คอกแยกที่เหมาะสม ทั้งนี้ ได้ให้คําแนะนําการดูแลสุขภาพช้างและการป้องกันกําจัดโรคแก่ผู้ดูแลช้าง และระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นที่เข้าใจ
5/10/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005141929084
246,596
งานปศุสัตว์เพชรบุรี สร้างความรู้ด้านพืชอาหารสัตว์สู่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ลดต้นทุนอาหารสัตว์
ที่แปลงเกษตรผสมผสานบ้านนายอุดร หมันมณี หมู่ 8 ตําบลสามพระยา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี โดยมี พ.ต.ท.สถิตย์ ไสวงาม หัวหน้างานขยายผลและถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นประธาน นางสาวอัญชลี สีกุหลาบ หัวหน้างานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดําริ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นางสาวยุกานดา พันธุ์แก้ว นักวิชาการสัตวบาล ประชุมกลุ่มเกษตรกรตัวอย่างของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดําริ โดยนําความรู้เรื่องพืชอาหารสัตว์ ที่ใช้ในการลดต้นทุนอาหารสัตว์ และวิธีการปลูกพันธุ์หญ้าหวานอิสราเอล ถ่ายทอดสู่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยมี บริษัทแปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จํากัด โดยสํานักงาน กปร. เข้าร่วมถ่ายทําวิดีทัศน์ และเก็บภาพกิจกรรมของหน่วยงานร่วมที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดําริ
5/10/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005143303088
246,597
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) ครั้งที่ 5 ประจำปี 2566
วันนี้ (5 ต.ค.66) ที่ห้องประชุมสํานักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล ชั้น 1 อําเภอเมือง จังหวัดสตูล นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) ครั้งที่ 5 ประจําปี 2566 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยในที่ประชุมฯ ได้แจ้งผลการดําเนินการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 ซึ่งได้ดําเนินการระหว่างวันที่ 5 สิงหาคม -30 กันยายน 2566 มีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเข้าร่วมโครงการจริง จํานวน 30 ราย ปริมาณ 106,972.95 กิโลกรัม เงินค่าชดเชยส่วนต่างรวม 2,139,459 บาท มีผู้รวบรวมและกระจายกุ้งเข้าร่วมโครงการจริง จํานวน 1 ราย รวบรวมกุ้ง จํานวน 106,972.95 กิโลกรัม เงินค่าบริหารจัดการรวม 1,069,729.50 บาท และในส่วนการขยายระยะเวลาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากราคากุ้งตกต่ําที่มีราคาต่ํากว่าต้นทุนการผลิตและราคาเป้าหมาย และให้การดําเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามปริมาณเป้าหมายที่กําหนดไว้ ประกอบด้วย 1.ระยะเวลาดําเนินการจากเดิม “สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566” เป็น “สิ้นสุด 30 ธันวาคม 2566”, 2. ระยะเวลาเบิกจ่ายเงิน จากเดิม “สิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566” เป็น “สิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567” และ 3. ระยะเวลาโครงการ จากเดิม “สิ้นสุดวันที่ 30 มกราคม 2567” เป็น “สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2567” ซึ่งกรมการค้าภายในกํากับดูแลการดําเนินโครงการให้เป็นตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย รวมทั้งรายงานผลการดําเนินโครงการดังกล่าวให้คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทราบเป็นประจําทุกเดือน ทั้งนี้ ในที่ประชุมฯ คณะกรรมการฯ ได้ร่วมพิจารณาเห็นชอบการจัดสรรปริมาณกุ้งที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการไม่ใช่สิทธิ์ จํานวน 6 ราย ปริมาณ 21,666 กิโลกรัม และปริมาณคงเหลือจากเกษตรกรที่ใช้สิทธิ์ไม่ครบตามจํานวนที่ได้รับการจัดสรร ปริมาณ 1357.05 กิโลกรัม รวมปริมาณกุ้งคงเหลือ 23,027.05 กิโลกรัม โดยเห็นชอบให้เปิดรับสมัครเกษตรกรฯ รายใหม่เพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้กับเกษตรกรฯ ที่ยังตกค้าง ภายใต้หลักเกณฑ์เดิม โดยกําหนดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 5-11 ตุลาคม 2566 ให้ใช้โควตาจํานวน 6 รายๆละ 3,611 กิโลกรัม มีผลนับถัดจากวันประกาศ นอกจากนี้ได้พิจารณาการเบิกจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรฯ จํานวน 22 ราย ปริมาณ 78,171 กิโลกรัม ค่าชดเชยราคาเป็นเงิน 1,563,420 บาท และพิจารณาค่าบริหารจัดการของผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง จํานวน 22 ราย ปริมาณ 78,171 กิโลกรัม ค่าบริหารจัดการเป็นเงิน 781,710 บาทด้วย
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005152441104
246,598
ภาคเอกชน ผลักดันแนวทางก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย 4 แนวทาง มาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยอุตสาหกรรมสีเขียวและรับมือกับวิกฤติโลกเดือด
ภาคเอกชน ผลักดันแนวทางก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ําของประเทศไทย 4 แนวทาง มาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยอุตสาหกรรมสีเขียวและรับมือกับวิกฤติโลกเดือด นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวถึงเปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ํา ภายในงาน ESG Symposium 2023 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า กลุ่มเศรษฐกิจกําลังก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ํา ซึ่งการเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ําจําเป็นต้องปรับให้เข้ากับสภาพของประเทศไทยตามจุดแข็งและจุดอ่อนที่มี โดยเฉพาะการยึดความสมดุลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโมเดลเศรษฐกิจ BCG จึงได้ข้อสรุปออกมา 4 แนวทาง คือ สร้างโมเดล Low Carbon Society ให้ได้ในประเทศไทย ด้วยการเลือกจังหวัดสระบุรีเป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ําแห่งแรก “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมสีเขียว เกษตรยั่งยืน ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น การใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ําในทุกงานก่อสร้างในจังหวัดสระบุรีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป // เร่งผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติ ช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ํา เบื้องต้นมี 3 อุตสาหกรรมลงมือทําแล้ว คือ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ , ยานยนต์ และก่อสร้าง ที่ทําให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริง // เปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืนปลดล็อกข้อจํากัด โดยเปิดเสรีซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อให้ภาครัฐและเอกชนใช้เครือข่ายไฟฟ้าร่วมกันและให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดสะดวกขึ้น และสุดท้าย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ เช่น SMEs แรงงาน เกษตรกร และชุมชน ทั้งนี้ เอสซีจี พร้อมนําแนวทางของนายกรัฐมนตรีไปผลักดันต่อเนื่อง ทั้งเร่งพัฒนากระบวนการผลิตสีเขียว ควบคู่กับนวัตกรรมกรีน เช่น ปูนคาร์บอนต่ํา พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ พร้อมร่วมกับทุกภาคส่วนแก้วิกฤติโลกเดือด ซึ่งอุตสาหกรรมประมาณ 80 อุตสาหกรรม เช่น ภาคพลังงาน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ สุขภาพ บริการ จะร่วมกันหามาตรการหรือแนวทางขับเคลื่อนในอนาคต มั่นใจว่า จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตพร้อมเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ําได้จริงแน่นอน
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005174752157
246,599
สทนช. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 8 แห่ง หลังคาดการณ์ช่วง 6 – 7 ต.ค.นี้จะมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคอีสาน อาจได้รับผลกระทบน้ำท่วมเพิ่มเติมที่เดิม
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ 8 แห่ง หลังคาดการณ์ช่วงวันที่ 6 – 7 ตุลาคมนี้จะมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจได้รับผลกระทบน้ําท่วมเพิ่มเติมที่เดิม จึงต้องวางแผนบริหารจัดการน้ําให้รัดกุม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 6 - 7 ตุลาคมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกมากขึ้น จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทําให้มีฝนตกชุกหนาแน่นในพื้นที่ลุ่มน้ําชีและลุ่มน้ํามูลและมีปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําเพิ่มขึ้น จึงต้องเฝ้าระวังแหล่งน้ําขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ํามาก คือ เขื่อนน้ําพุง เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนน้ําอูน หนองหาร เขื่อนลําปาว เขื่อนสิรินธร และเขื่อนอุบลรัตน์ โดยเฉพาะหนองหาร เขื่อนลําปาว และเขื่อนอุบลรัตน์ต้องระวังเป็นพิเศษเนื่องจากปริมาณน้ําเกินความจุเก็บกักแล้ว ภาพรวมระดับน้ําในลุ่มน้ําโขงฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ลุ่มน้ําชี และลุ่มน้ํามูลยังอยู่ในเกณฑ์น้ํามากและมีน้ําล้นตลิ่งบริเวณ จ.นครพนม สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี โดยหลังจากวันที่ 8 ตุลาคมปริมาณฝนจะค่อยๆเบาบางลง ทั้งนี้ ศูนย์บริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี ได้กําชับให้ทุกหน่วยงานประเมินสถานการณ์น้ําอย่างรัดกุมรอบคอบและวางแผนบริหารจัดการน้ําตลอดลุ่มน้ํา เพราะมีความคาบเกี่ยวหลายจังหวัดเพื่อไม่ให้ซ้ําเติมพื้นที่น้ําท่วมเดิมและลดผลกระทบให้ประชาชน สําหรับปริมาณน้ําในลําน้ําชีขณะนี้มีค่อนข้างมากทําให้ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่รวมน้ําที่ไหลผ่านจากลําน้ํามูลและลําน้ําชีได้รับผลกระทบจากน้ําท่วม ส่งผลให้ปริมาณน้ําที่สถานีวัดน้ํา M.7 อ.วารินชําราบ มีแนวโน้มสูงขึ้น ภาพรวมลุ่มน้ํามูลยังมีพื้นที่รับน้ําค่อนข้างมากและได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมไม่มากนัก ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ํามีประสิทธิภาพสูงสุดและลดผลกระทบน้ําท่วมของ จ.อุบลราชธานี และพื้นที่ลําน้ําชี จึงให้ลุ่มน้ํามูลพิจารณาใช้เขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนาหน่วงน้ําเพื่อเร่งระบายน้ําจากแม่น้ําชีลงแม่น้ําโขงให้เร็วที่สุด และช่วยลดระดับน้ําท่วมของ อ.วารินชําราบ ให้ต่ําลงและเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วขึ้น
5/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005171856148
246,600
หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 ตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบโรงงานผลิตเชื้อเพลิงทดแทนจากยางรถยนต์เก่า จังหวัดนครราชสีมา
วันนี้ (5 ต.ค.66) นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อํานวยการส่วนตรวจและบังคับใช้กฎหมาย หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 นางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชํานาญการ นายยศฐวพงศ์ วัชรมโนภาส นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชํานาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดนครราชสีมา อําเภอขามสะแกแสง องค์การบริหารส่วนตําบลพะงาด และประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าตรวจสอบติดตามการปรับปรุงแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการโรงงานผลิตน้ํามันเชื้อเพลิงทดแทนจากยางรถยนต์ที่ใช้แล้ว ในพื้นที่ตําบลพะงาด อําเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา มีรายละเอียด ดังนี้1. โรงงานฯ ดําเนินการปรับปรุงแก้ไข โดยปิดกั้นรางระบายน้ําเพื่อรวบรวมน้ําชะบริเวณลานกองยางและบริเวณโรงงานให้ไหลลงสู่บ่อหน่วงน้ํา และสูบเก็บในถังพักน้ําใช้ รวมทั้งได้ลดปริมาณการเก็บสะสมยางรถยนต์เก่าจากเดิม 7,000 ตัน เหลือ 4,500 ตัน2. ประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแจ้งว่ายังได้รับกลิ่นเหม็นจากโรงงานฯ ช่วงเวลากลางคืน โดยทางโรงงานแจ้งว่าจะดําเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ระบายออกจากปล่องเตาหลอม3. สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) แจ้งให้ทางโรงงานพิจารณาดําเนินการตามข้อเสนอแนะของรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและคณะ ซึ่งมีความเห็นให้ลดปริมาณการสะสมกองยางรถยนต์เก่าจาก 7,000 ตัน เหลือ 400 ตัน โดยอาจจัดเก็บในบริเวณที่มีหลังคา เพื่อป้องกันผลกระทบจากน้ําฝนไหลซะของเสียจากกองยางรถยนต์ ซึ่งบ่อหน่วงน้ําภายในโรงงานสามารถรองรับปริมาณน้ําฝนได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น และขณะตรวจสอบบริเวณภายในโรงงานไม่พบการระบายน้ําทิ้งออกสู่ภายนอก4. สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ร่วมกับผู้แทนโรงงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้ตรวจวัดคุณภาพน้ําภาคสนามบริเวณบ่อบําบัดน้ําเสีย และบ่อหน่วงน้ําภายในโรงงาน รวม 3 ตัวอย่าง และคลองสาธารณะที่อยู่ใกล้กับโรงงาน จํานวน 5 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเฝ้าระวังคุณภาพน้ํา ซึ่งแหล่งน้ําดังกล่าวมีการนําไปใช้ประโยชน์เพื่อผลิตประปา
5/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005224127215
246,601
นายอำเภอปากช่องประชุมกำนันทุกตำบล ในการหารือข้อสั่งการและข้อราชการต่าง ๆ ของกรมการปกครอง
วันนี้ (5 ต.ค.66) เวลา 08.30 น. นายคณัส?ชน?ม์? ศรี?เจริญ ?นายอําเภอ?ปากช่อง เป็นประธานในที่ประชุมกํานันทุกตําบล ในการหารือข้อสั่งการและข้อราชการต่างๆ ของกรมการปกครองต่อมาเวลา 09.30 น. เปฺ็นประธานในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารงานอําเภอ (กบอ.) คณะรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และการประชุมกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจําตําบล สารวัตรกํานัน ทุกตําบล ครั้งที่ 10/2566 ณ ศาลาประชาคมเมืองปากช่อง อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยก่อนการประชุม ได้ประดับเครื่องหมายและใบตราตั้งให้กับผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ ต่อมาได้ประชุมตามวาระต่างๆ ร่วมถึงหารือข้อราชการตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้กํานันผู้ใหญ่บ้าน ได้ปฏิบัติตามข้อสั่งการต่อไป โดยมีการเน้นย้ําข้อราชการต่าง ๆ ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทยด้วย ทั้งนี้ในที่ประชุมส่วนราชการระดับอําเภอได้มีข้อหารือและประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ โดยให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบ เพื่อนําไปดําเนินการตามข้อสั่งการ ต่อไปซึ่งในการประชุมฯ ในครั้งนี้ ได้ให้เน้นย้ํา การเฝ้าระวังเหตุน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมีฝนตกหนักและค่อเนื่องในหลายพื้นที่ของอําเภอปากช่อง, การรายงานผู้มีอิทธิพล ในตําบลและหมูบ้าน เพื่อขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลในอําเภอปากช่อง, การลงทะเบียย ThaiD, การแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในตําบลต่าง ๆ โดยให้เร่งสํารวจและรายงานให้กับทาง สาธารณสุขอําเภอให้ทราบโดยด่วน, กฐินอําเภอประจําปี 2566 ซึ่งในที่ประชุมลงมติกํานันตําบลขนงพระ เป็นผู้สรรหาวัดในตําบลขนงพระ เพื่อจัดงานทอดกฐินอําเภอปากช่อง ประจําปี 2566, การเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล จัดโดยชมรมกํานันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้ให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ประชาสัมพันธ์ในข้อราชการต่างๆ ให้กับประชาชนได้รับทราบ เพื่อดําเนินงานตามนโยบายต่าง ๆ ต่อไป
5/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231005225251216
246,602
กอนช. ยังคงให้ประชาชนระวังฝนตกหนักต่อเนื่องในภาคเหนือและภาคกลางจนถึง 8 ต.ค.นี้ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำอยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ยังคงให้ประชาชนระวังฝนตกหนักต่อเนื่องในภาคเหนือและภาคกลางจนถึงวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ําอยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงมีฝนตกหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง จากอิทธิพลของร่องมรสุม โดยเฉพาะถึงวันที่ 8 ตุลาคมจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทําให้ต้องระวังพื้นที่เสี่ยงน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วง 1 - 3 วันนี้ บริเวณ จ.ตาก กําแพงเพชร นครราชสีมา นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง กาญจนบุรี ราชบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา ระนอง และสตูล พร้อมระวังน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเวณแม่น้ําวัง แม่น้ํายม และแม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ําบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ํา คลองโผงเผง จ.อ่างทอง , คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1 -1.50 เมตร ขณะที่สถานการณ์เขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (6 ต.ค.66) ยังคงการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006093126233
246,603
เกษตรอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตำบลเกาะสุกร รับขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2566/2567
นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสาวชุติมา อ่องศรี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ และนางสาววนิดา คงรักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับผู้นําชุมชน และอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2566/2567 ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ตําบลเกาะสุกร อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งมีเกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนจํานวน 50 รายทั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลการเพาะปลูกในพื้นที่มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบันและเพื่อรองรับโครงการหรือมาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐ โดยข้าวนาปี หรือข้าวนาน้ําฝน คือ ข้าวที่ปลูกในฤดูการทํานาปกติ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมและเก็บเกี่ยวสิ้นสุดไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ แต่สําหรับภาคใต้บางจังหวัด/บางอําเภอ ที่มีการเพาะปลูกข้าวนอกเหนือจากช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น จะหมายถึงข้าวที่เพาะปลูกในฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป โดยไม่คํานึงถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
6/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006104300253
246,604
เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามผลการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืชในทุเรียนของสมาชิกแปลงใหญ่ทุเรียน ตำบลนาชุมเห็ด
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นายธีรภัทร์ บุญฤทธิ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นทึ่ติดตามผลการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืชในทุเรียนของสมาชิกแปลงใหญ่ทุเรียน ตําบลนาชุมเห็ด อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง จํานวน 4 ราย ร่วมกับนางสาวนริศรา หมื่นหัสถ์ นักวิชาเกษตรปฏิบัติการ จากองค์การบริหารส่วนตําบลนาชุมเห็ด จากการลงพื้นที่พบว่าเกษตรกรมีการใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืชโดยการผสมเชื้อสด 1 กิโลกรัม : รําละเอียด 4 กิโลกรัม : ปุ๋ยหมัก 100 กิโลกรัม โรยรอบโคนต้น ต้นละ 1 กิโลกรัม หรือใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา 1 กิโลกรัม ต่อน้ําสะอาด 100-200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง เพื่อป้องกันโรคใบติดทุเรียนและโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน ร่วมกับวิธีการบริหารจัดการสวน ดังนี้1. กําจัดวัชพืชในแปลงปลูก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการลดความชื้นสะสม2. ช่วงการตัดแต่งกิ่ง ควรตัดแต่งไม่ให้ต้นมีทรงพุ่มแน่นทึบ เพื่อให้ได้รับแสงแดด และอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการลดความชื้นทําให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการระบาดของโรค3. หมั่นสํารวจแปลงปลูกอย่างสม่ําเสมอ หากพบว่าเริ่มมีการระบาดของโรค ตัดส่วนที่เป็นโรคและเก็บเศษพืชที่เป็นโรคและใบที่ร่วงหล่น ไปทําลายนอกแปลงปลูกทุเรียนสําหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อขอรับคําแนะนําในการผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มาได้ที่ สํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว หรือติดต่อสอบถาม โทรศัพท์ 075-281241
6/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006103723247
246,605
ศูนย์วิจัยพืชสวนตรังทดสอบวิจัยจำปาดะ อีกหนึ่งพืชทางเลือกของจังหวัดตรัง
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอสิเกา เยี่ยมชมแปลงทดสอบจําปาดะในศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง หมู่ที่ 2 ตําบลไม้ฝาด อําเภอสิเกา จังหวัดตรัง โดยมีนายฉัตรชัย กิตติไพศาล ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ให้การต้อนรับและนําเยี่ยมชมแปลงด้านนายฉัตรชัย กิตติไพศาล ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยพืชสวน "การทดสอบวิจัยจําปาดะของศูนย์วิจัยพืชสวนได้เริ่มดําเนินการมา 7-8 ปีแล้ว ตั้งเกณฑ์ในการคัดเลือกว่าจําปาดะต้องมีการให้ผลผลิตก่อนฤดู ซึ่งมีพันธุ์ที่ให้ผลผลิตก่อนฤดูประมาณ 2-3 อาทิตย์ส่งผลให้ราคาสูงกว่าจําปาดะที่มีผลผลิตในฤดู 20 % ซึ่งจะทําให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนการรับรองพันธุ์คาดว่าน่าจะประมาณไม่เกิน 2 ปี ก็สามารถรับรองพันธุ์ได้ เมื่อผ่านการรับรองแล้วต้องร่วมมือการเจ้าหน้าที่การเกษตรระดับจังหวัดและระดับตําบลช่วยประชาสัมพันธ์และกระจายพันธุ์สู่เกษตรกร” คาดว่าชื่อพันธุ์น่าจะขึ้นต้นด้วย กวก.ตรัง และตามด้วยหมายเลขแนะนํา เช่น กวก.ตรัง 1, กวก.ตรัง 2 เป็นต้น ลักษณะเด่นเน้น 2 แบบ คือ แบบผลสดเรื่องรสชาติ และแบบผลเพื่อการแปรรูป อย่างไรก็ตามเน้นการออกนอกฤดูด้วย คือ ดอกบานพร้อมพันธุ์อื่น แต่หลังจากดอกบาน 50% ถึงขั้นเก็บเกี่ยวจะเร็วกว่าพันธุ์อื่น ในอนาคตมองเรื่องการส่งออก เช่น ประเทศจีน เค้ามองว่าจําปาดะมีกลิ่นหอมเหมือนทุเรียนและจําปาดะมีสีทองมองในเรื่องความเป็นมงคล ซึ่งหากมองเรื่องการส่งออกคาดว่าในอนาคตจะศึกษาเรื่องการเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม คาดการระยะเวลาได้ว่าการส่งไปจีนใช้เวลากี่วัน และตัดจําปาดะระยะไหนถึงจะพอดี เพื่อรองรับสถานการณ์ข้างหน้าเทคนิคการจัดการสวนของศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง คือ การควบคุมทรงพุ่ม เมื่อต้นจําปาดะสูง 5 เมตรก็จะตัดยอด และตัดแต่งให้ทรงพุ่มมีการแตกกิ่งทั้ง 4 ด้าน สะดวกในการจัดการสวน สะดวกในการเก็บเกี่ยว การจัดการสวนแบบนี้เหมาะสําหรับทุกวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ การขยายพันธุ์จําปาดะต้องดูเรื่องต้น Stock ต้องพร้อม และยอดไม่แก่ไม่อ่อนจนเกินไป เมื่อเสียบยอดแล้ว เทคนิคการให้น้ําและแสงจะเป็นปัจจัยประกอบ หากเกษตรกรสนใจเรื่องจําปาดะต้องรออีก 2 ปี ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนพันธุ์ก่อน ขณะนี้ยังไม่เปิดให้จองต้นพันธุ์ แต่เกษตรกรสามารถเข้ามาศึกษาเรื่องเทคโนโลยีการปลูก การให้ปุ๋ย การจัดการสวนได้
6/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006102553242
246,606
เกษตรอำเภอนาโยง ร่วมกับอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ลงแปลงนาสาธิต หมู่ที่ 4 ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง
นางสาวรัชนี นิลละออ เกษตรอําเภอนาโยง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง ร่วมกับนายกฤษฎา มั่งสูงเนิน (อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน) หมู่ที่ 4 ตําบลนาข้าวเสีย อําเภอนาโยง จังหวัดตรัง ลงแปลงนาสาธิต ร่วมกันเพาะกล้าพันธุ์ข้าวสังข์หยดเตรียมสําหรับทํานาโยนจํานวน 1 แปลง (กล้างอกใช้เวลาประมาณ 15 วัน) และทําการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวสังข์หยดด้วยเครื่องพ่นจํานวน 3 แปลง ซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้ จํานวน 15 กิโลกรัม นําไปแช่น้ํา 1 คืน ยกบ่ม 2 คืน หลังจากนั้นใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ จํานวน 2 ถุง (ถุงละ 500 กรัม) คลุกเคล้ากับเมล็ดข้าวจนเนื้อปุ๋ยเคลือบติดผิวเมล็ดแล้วจึงนําไปหว่านในข้าวปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ (PGPR) เป็นปุ๋ยชีวภาพที่ประกอบด้วย แบคทีเรีย 2 ชนิด ได้แก่ Azospirillum brasilense (อะโรสไปริลลัม บราซิเลน) และ Burkholderia vietnamiensis (เบอร์โคลเดอเรีย เวียตนามเมนซิส)ที่อาศัยอยู่ในดินบริเวณรอบรากพืชโดยแบคทีเรียกลุ่มนี้มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจน ช่วยในการละลายฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ผลิตสารคล้ายฮอร์โมนพืชเพิ่มปริมาณราก 20% เพิ่มการดูดน้ําและปุ๋ย 15 % ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ดี ลดการใช้ปุ๋ยเคมี 25% และเพิ่มผลผลิตข้าว 10% เป็นการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกรได้อีกด้วย
6/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006102302241
246,607
นายกรัฐมนตรี ชวนคนไทยร่วมกันเปลี่ยนความคิดและปรับพฤติกรรมด้านการผลิตและบริโภคเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศและลดผลกระทบมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ชวนคนไทยร่วมกันเปลี่ยนความคิดและปรับพฤติกรรมด้านการผลิตและบริโภคเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ําของประเทศและลดผลกระทบมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานเปิดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 2 (TCAC 2023) ภายใต้แนวคิด “สานพลัง เสริมภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน” จัดโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้การต้อนรับ โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องสําคัญเร่งด่วนของโลก ซึ่งส่วนของประเทศไทยยังคงดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่องและยกระดับการดําเนินงานเข้มข้นทุกระยะ โดยรัฐบาลจะประสบความสําเร็จไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและทุกภาคส่วนของสังคม ปัจจุบันรัฐบาลเตรียมการให้ผู้ประกอบการภายในประเทศมีมาตรการรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า ทั้งการผลิตภายในประเทศ และการส่งออก สําหรับการบังคับใช้มาตรการ CBAM สําหรับกลุ่มอุตสาหกรรม ไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ ปุ๋ย และอลูมิเนียมก่อนจะบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2026 รวมทั้ง จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน การกําหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว สนับสนุนการใช้หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์และการวัดพลังงานสุทธิ และเพิ่มสัดส่วนการใช้รถไฟฟ้าภายในประเทศ ส่วนภาคเกษตรมีบทบาทสําคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงทางอาหาร ไทยจึงนําร่องโครงการสําหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ําอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสําหรับการทํานา เพราะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่กับขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ด้วยการนําทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ไทยได้จัดตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าวแล้ว ควบคู่กับเร่งผลักดันพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาใช้กํากับดูแลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคบังคับ ซึ่งจะเป็นรากฐานสําคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ําในอนาคต โดยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP 28) เดือนพฤศจิกายนนี้ ตนเองจะยืนยันความมุ่งมั่นของไทย และเรียกร้องให้สนับสนุนในหลายมิติทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยี การสนับสนุนทางการเงิน และการเสริมสร้างศักยภาพ เพื่อส่งเสริมให้ไทยบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะช่วยสร้างพลังขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยทุกระดับและทุกภาคส่วนมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่ได้แสดงเจตจํานงไว้ต่อประชาคมโลก ซึ่งผลจากการประชุมนี้จะนําไปรายงานต่อที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP28) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคมนี้ ณ รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแนวโน้มผลักดันประเด็นการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการยกระดับเศรษฐกิจไปสู่การค้าการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดทั้งระบบเศรษฐกิจ
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006145745342
246,608
เกษตรสุพรรณบุรี ร่วมประชุมเครือข่ายสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดสุพรรณบุรี
นายวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี มอบหมายให้ นางสาวชวนพิศ เผือกนาค นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ พร้อมด้วย นางสาวราตรี คชาพันธุ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร เข้าร่วมประชุมเครือข่ายสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดสุพรรณบุรี ครั้งที่ 9/2566โดยประชาสัมพันธ์เรื่องการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ําในพื้นที่ลุ่มต่ํา และการปรับปรุงทะเบียนและการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งขอความร่วมมือการงดทํานาปีต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ํา จากสถานการณ์เอลนีโญ ณ สหกรณ์การเกษตรสามชุก จํากัด อําเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006113744282
246,609
เกษตรสุพรรณบุรี ร่วมประชุมชี้แจงโครงการนาเปียกสลับแห้งและคาร์บอนเครดิต บริษัทวรุณา (ประเทศไทย) จำกัด
นายวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่ม เกษตรอําเภอ เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอทุกอําเภอ ร่วมประชุมชี้แจงโครงการนาเปียกสลับแห้งและคาร์บอนเครดิต ของบริษัทวรุณา (ประเทศไทย) จํากัด ณ ห้องประชุมสํานักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรีโดยบริษัทวรุณา ได้ชี้แจงโครงการ ฯ เพื่อสร้างการรับรู้แนวทาง รวมทั้งขั้นตอน/ วิธีการการขึ้นทะเบียนโครงการและขอรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ร่วมสํารวจและหารือพิจารณาพื้นที่เป้าหมายโครงการ ฯ ดังกล่าว
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006114829288
246,610
จังหวัดสงขลา เร่งแก้ไขปัญหาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 มุ่งให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนมากที่สุด
ตามที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 จังหวัดสงขลา จํานวนทั้งสิ้น 11,433,000 บาท โดยแบ่งเป็นวงเงิน 11,100,000 บาท สนับสนุนค่าชดเชยราคากุ้งให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ในอัตรากิโลกรัมละไม่เกิน 20 บาท และค่าบริหารจัดการในส่วนของค่าใช้จ่ายดําเนินการด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหรือผู้รวบรมที่เข้าร่วมโครงการในอัตรากิโลกรัมละไม่เกิน 10 บาท โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จํานวน 146 ราย แต่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ จํานวน 3 ราย คงเหลือเกษตรกร จํานวน 143 ราย และมีผู้สมัครเป็นผู้รวบรวมและกระจายกุ้ง จํานวน 3 รายโดยเกษตรกรได้ดําเนินการจับกุ้ง ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม-29 กันยายน 2566 จํานวน 121 ราย มีเกษตรกรสละสิทธิ์ จํานวน 22 ราย ปริมาณน้ําหนักกุ้งที่จับไปแล้วจํานวน 346,334.58 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 93.60 ของปริมาณกุ้งที่ได้รับการจัดสรร (370 ตัน) คงเหลือทั้งสิ้น 23,665.42 กิโลกรัม ร้อยละ 6.40โดยวันนี้ (6 ต.ค.66) ที่ห้องประชุม Conference ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 โดยมี นางสาวฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา นายเจริญ โอมณี ประมงจังหวัดสงขลา นายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอําเภอระโนด พ.อ.เรืองพจน์ พุ่มช่วย หัวหน้าฝ่ายแผน กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จังหวัดสงขลา พร้อมด้วยผู้แทนจากผู้เลี้ยงกุ้งจากอําเภอระโนด และอําเภอจะนะ ร่วมประชุมพิจารณาน้ําหนักกุ้งคงเหลือ จํานวน 23,665.42 กิโลกรัม เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึง และเป็นธรรมตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ซึ่งจะได้นําไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ต่อไป
6/10/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006131403304
246,611
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ติดตามการส่งน้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเพาะปลูก
นายพีรยุทธ์ เหมาะพิชัย ผู้อํานวยการโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา มอบหมายให้นายชานนท์ วงค์อินทร์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ําและบํารุงรักษาที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามการส่งน้ําและวางแผนการบริหารจัดการน้ําเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูฝนข้าวนาปี ประจําปี 2566 ในเขตพื้นที่ฝ่ายส่งน้ําและบํารุงรักษาที่ 2 บริเวณเขตพื้นที่คลองส่งน้ําสายใหญ่กิ่วลมฝั่งขวา และคลองซอย 32.7L – RMC.กิ่วลม บ้านหนองพระเจ้าทันใจ หมู่ที่ 3 ตําบลต้นธงชัย อําเภอเมือง จังหวัดลําปาง ร่วมกับประธานกลุ่มบริหารจัดการน้ํา อาสาสมัครชลประทาน และกลุ่มผู้ใช้น้ําโดยเจ้าหน้าที่ ประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับสถานการณ์น้ําในเขื่อนกิ่วลมและเขื่อนกิ่วคอหมา ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ําประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ พร้อมสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือเกษตรกรใช้น้ําชลประทานตามรอบเวรการส่งน้ําอย่างเคร่งครัดและการใช้น้ําอย่างประหยัด โดยอาศัยน้ําฝนเป็นหลัก เพื่อให้การบริหารจัดการน้ําในเขื่อนเกิดประโยชน์สูงสุด ลดความเสียหายต่อผลผลิตและลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ําในฤดูแล้ง
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006185412436
246,612
Rayong PPP Plastics ร่วมกับจังหวัดระยอง ประกาศความสำเร็จของโครงการระยองเลสเวสท์ร่วมสร้าง ’ระยองโมเดล’ ต้นแบบการจัดการพลาสติกและขยะอย่างครบวงจร
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. จังหวัดระยอง ร่วมกับ Rayong PPP Plastics แถลงผลการดําเนินงานโครงการระยองเลสเวสท์ (Rayong Less-Waste) ที่ได้ร่วมผลักดันให้จังหวัดระยองเป็นจังหวัดต้นแบบในการจัดการพลาสติกและขยะอย่างครบวงจรของประเทศ โดยมี นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายภราดร จุลชาต ประธาน PPP Plastic พ.จ.อ.ธีรพันธ์ ศิริปักมานนท์ ผู้อํานวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น อบจ.ระยอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมงานโครงการระยองเลสเวสท์ มุ่งเน้นให้เกิดการคัดแยกพลาสติกและวัสดุเหลือใช้ตั้งแต่ต้นทาง ส่งเสริมให้ความรู้การคัดแยกพลาสติก เกิดการสร้างมูลค่าและรายได้จากพลาสติกและวัสดุเหลือใช้ที่แยกได้จากครัวเรือน รวมทั้งความรู้ในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เกิดการขับเคลื่อนและการมีส่วนร่วมจากภาคชุมชนทั้งจังหวัดระยองจากทั้ง อปท. 68 แห่ง และสถานศึกษากว่า 200 แห่งของจังหวัดระยอง ซึ่งตั้งแต่ปี 2561 โครงการฯ สามารถคัดแยกพลาสติกและนําเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ถึง 2,900 ตัน สร้างรายได้มากกว่า 15 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 3,000 ตัน Co2eqนายภราดร จุลชาต ประธาน PPP Plastics กล่าวว่า “โครงการระยองเลสเวสท์ (Rayong Less-Waste)" ดําเนินงานโดยกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก AEPW โดยตั้งเป้าหมายให้จังหวัดระยองเป็นจังหวัดต้นแบบการบริหารจัดการพลาสติกและขยะของประเทศ โดยมีคณะทํางานขับเคลื่อนของจังหวัดระยอง ประกอบด้วย ภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกชั้นนําในประเทศไทย ได้แก่ GC Dow SCGC IRPC HMC Indorama และ BASF (ประเทศไทย) ภาครัฐในจังหวัดระยอง ได้แก่ สํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดระยอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงเรียนในจังหวัดระยอง ที่ร่วมกันจัดทําแผนพัฒนาการจัดการพลาสติกและขยะอย่างครบวงจร ส่งเสริมความรู้การคัดแยกที่ถูกวิธี และปลูกฝังพฤติกรรมให้กับบุคลากรครูและนักเรียนในสถาบันการศึกษาภายใต้สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต 1 และเขต 2 ตลอดจนการสร้างเครือข่ายการรับซื้อพลาสติกและวัสดุรีไซเคิลเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน และนํากลับสู่กระบวนการรีไซเคิล สามารถตอบสนองนโยบาย BCG ของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาขยะตกค้างในทะเลที่ต้นทางมาจากบนฝั่งนายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “ในนามของจังหวัดระยอง มีความรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจในพลังของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมกันผนึกกําลังขับเคลื่อนโครงการระยองเลสเวสท์ (Rayong Less-Waste) ให้เป็นที่ประจักษ์และสร้างจังหวัดระยองให้เป็นจังหวัดต้นแบบการจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืนได้ ดังนั้นการร่วมกันดําเนินงานเพื่อนําขยะต่าง ๆ เข้าสู่กระบวนการจัดการให้ถูกวิธีเพื่อลดจํานวนขยะไหลลงสู่ท้องทะเล จึงเป็นภาระกิจสําคัญที่จะสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมของโลกและการจัดการพลาสติกและขยะอย่างครบวงจรที่ดีนั้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรที่ใช้แล้ว ช่วยสร้างรายได้และเกิดอาชีพให้กับชุมชนในจังหวัดระยอง และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทะเลของเรา ตลอดจนช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบาย NET ZERO อีกด้วย”ทั้งนี้ การดําเนินโครงการระยองเลสเวสท์ (Rayong Less-Waste) มีแผนการดําเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมกับทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยพลาสติกหลุดลอดในสิ่งแวดล้อมและทะเล 50% ในปี 2570 และร่วมสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมกับชาวระยอง ตลอดจนการรณรงค์การคัดแยกขยะที่ถูกวิธีให้กับเยาวชนซึ่งเป็นฐานรากที่ยั่งยืนต่อไป
6/10/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006145052336
246,613
คพ. ขอให้ท้องถิ่นเฝ้าระวังน้ำท่วมระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน พบมีพื้นที่เสี่ยงท่วม 24 แห่ง โดยได้จัดทำแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบแล้ว
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ขอให้ท้องถิ่นเฝ้าระวังน้ําท่วมระบบบําบัดน้ําเสียรวมของชุมชน พบมีพื้นที่เสี่ยงท่วม 24 แห่ง โดยได้จัดทําแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบแล้ว นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จนเกิดน้ําป่าไหลหลากและน้ําท่วมฉับพลัน โดย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)ได้สํารวจระบบบําบัดน้ําเสียรวมของชุมชนในประเทศมี 118 แห่ง พบมีระบบบําบัดน้ําเสียที่ตั้งอยู่ในจังหวัดมีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย 24 แห่ง คือ เทศบาลเมืองลําพูน , เทศบาลนครเชียงใหม่ , เทศบาลนครลําปาง , เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี , เทศบาลเมืองน่าน , เทศบาลเมืองตาก เทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก , เทศบาลเมืองกําแพงเพชร , เทศบาลตําบลสลกบาตร จ.กําแพงเพชร , เทศบาลเมืองชัยภูมิ , เทศบาลนครนครราชสีมา , เทศบาลเมืองปากช่อง จ.นครราชสีมา , เทศบาลนครอุดรธานี , เทศบาลเมืองยโสธร , เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ , เทศบาลนครขอนแก่น , เทศบาลนครอุบลราชธานี , เทศบาลเมืองวารินชําราบ จ.อุบลราชธานี , เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา , เทศบาลตําบลบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา , เทศบาลเมืองกาญจนบุรี , เทศบาลเมืองบ้านหมี่ จ.ลพบุรี และเทศบาลนครยะลา (2 ระบบ) ขณะนี้ยังไม่มีระบบบําบัดน้ําเสียได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ เบื้องต้น คพ.ได้จัดทําแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยต่อระบบรวบรวมและบําบัดน้ําเสียรวมของชุมชน ด้วยการจัดส่งให้สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 - 16 เพื่อเป็นแนวทางให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ป้องกันและแก้ปัญหาระบบบําบัดน้ําเสียในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนสถานการณ์และให้ปรึกษาทางวิชาการ
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006144725335
246,614
ผู้ว่าฯ แพร่ หารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งกระจายผลผลิตลองกอง ประมาณ 300-400 ตัน ออกสู่ตลาดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดแพร่ด่วน ก่อนได้รับความเดือดร้อน
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่ห้องทํางานผู้ว่าราชการการจังหวัดแพร่ ศาลากลางจังหวัดแพร่ นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ หารือร่วมกับเกษตรจังหวัดแพร่ พาณิชย์จังหวัดแพร่ ท้องถิ่นจังหวัดแพร่ ผู้บัญชาการเรือนจําจังหวัดแพร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางเร่งกระจายผลผลิตลองกอง ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะที่อําเภอเด่นชัย ซึ่งมีผลผลิตที่กําลังจะออกสู่ตลาดประมาณ 300-400 ตัน และกําลังประสบปัญหาฝนตกทําให้ผิวไม่สวย ผู้ประกอบการมารับซื้อให้ราคาต่ํา จึงขอให้ส่วนราชการทุกภาคส่วนในจังหวัดแพร่ช่วยเกษตรกรเร่งด่วนก่อนจะได้รับความเดือดร้อนทั้งนี้ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดแพร่ โดยประสานผู้ประกอบการทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเข้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อกระจายทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นช่วงพีคสุด คาดว่าผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดประมาณ 60-70% ซึ่งราคารับซื้อเป็นไปตามคุณภาพ กลไกตลาด และความพอใจของเกษตรกรโดยวันนี้ (6 ต.ค.66) นางอารีย์ เหลืองหิรัญ พาณิชย์จังหวัดแพร่ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานกรมการค้าภายใน นําผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อจากเกษตรกร ตําบลไทรย้อย ไม่น้อยกว่า 3 ตัน เพื่อส่งไปจังหวัดปทุมธานี และประเทศเวียดนาม และที่ผ่านมา ได้ช่วยกระจายผลผลิตในพื้นที่ ตําบลห้วยไร่ไปแล้ว 13 ตัน อีกทั้งได้ขอความร่วมมือส่วนราชการต่างๆ ในจังหวัดแพร่และจังหวัดใกล้เคียงช่วยอุดหนุนไปแล้วไม่น้อยกว่า 3 ตันนางสาวอัญชลี ปัญญากวาว เกษตรจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร จึงมีข้อสั่งการส่วนราชการให้ทํางานเชิงรุก โดยให้เกษตรจังหวัดแพร่ กําหนดจุดจําหน่ายลองกองในจังหวัดแพร่ ที่จุดจําหน่ายสินค้า สามแยกปากจั๊วะ อําเภอเด่นชัย และจุดอื่นๆ โดยเริ่มดําเนินการเร่งด่วนภายในสัปดาห์นี้นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือเรือนจําจังหวัดแพร่ช่วยรับซื้อลองกองจากเกษตรกรโดยตรง สัปดาห์ละ 1.5 ตัน ให้ท้องถิ่นจังหวัดแพร่ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กําหนดจุดจําหน่ายและช่วยกันอุดหนุนลองกองจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นการทําตลาดเชิงรุกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวสวนลองกองในจังหวัดแพร่ต่อไป
6/10/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006155654374
246,615
ผู้ว่าฯ อุทัยธานี ลงสำรวจพื้นที่ "คลองอีเติ่ง" แก้ไขปัญหาผักตบชวา ที่มีปริมาณมากส่งผลกระทบต่อทางไหลของน้ำและทัศนียภาพของแม่น้ำสะแกกรัง
เวลา 09.30 น. วันที่ (6 ตุลาคม 2566) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไผ่แบน อําเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานในการประชุมหารือและร่วมลงพื้นที่ "คลองอีเติ่ง" เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ําสะแกกรัง พร้อมด้วย นายอลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมสืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ําจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานสถานการณ์น้ําในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ประกอบกับจังหวัดอุทัยธานีต้องเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้ง อุทกภัย และภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ําซาก สาเหตุสําคัญส่วนหนึ่งเกิดมาจากการขยายตัวของผักตบชวาและวัชพืชต่าง ๆ ทําให้แม่น้ําตื้นเขิน ลําคลองและแหล่งน้ําสาธารณะมีประสิทธิภาพการระบายน้ํา หรือกักเก็บน้ําได้น้อยลงทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้ลงพื้นที่เร่งด่วน เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ําสะแกกรัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ําและแก้ไขปัญหาให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
อุทัยธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุทัยธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006160127375
246,616
รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่ขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด
รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่ขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด เพื่อให้เป็นแหล่งน้ําสําคัญในการเก็บกักน้ําในฤดูน้ําแล้งและเป็นแหล่งหน่วงน้ําใช้ช่วงฤดูน้ําหลากวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 09.30 น. ที่เขตห้ามล่าสุตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ตําบลพระนอน อําเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ติดตามแผนพัฒนาบึงบอระเพ็ดและการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยแล้งเอลนีโญ โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สํานักงานในสังกัดกระทรวงเกษตร และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งพบปะประชาชนและรับฟังปัญหาด้านการเกษตรของเกษตรกรในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้แนวทางการบริหารจัดการน้ําเพิ่มเติมว่าต้องการพัฒนาให้บึงบอระเพ็ดสามารถเก็บกักน้ําให้ได้มากที่สุดโดยการเพิ่มพื้นที่ในการขุดลอกบึงบอระเพ็ดให้มากขึ้นรวมทั้งขุดลอกอ่างเก็บน้ําห้วยใหญ่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ตามข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ําในฤดูน้ําแล้งและเป็นแหล่งหน่วงน้ําใช้ช่วงฤดูน้ําหลากก่อนไหลลงแม่น้ําสายหลัก พร้อมทั้งได้ร่วมกันมอบเอกสารสิทธิเข้าทําประโยชน์ในที่ดิน (ส.ป.ก. 4- 01) ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ล่วงล้ําเข้ามาในเขตการปกครองของจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดลพบุรีทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานมีแผนพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด ออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 บริหารจัดการ/การเข้าใช้ประโยชน์ด้านที่ 2 การแก้แก้ไขปัญหาภัยแล้งและสร้างความมั่นคงด้านน้ําด้านที่ 3 คุณภาพตะกอนและรักษาระบบนิเวศและด้านที่ 4 การจัดการน้ําท่วมบรรเทาอุทกภัย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ํา ได้แก่ ปลาตะเพียนทองขนาด 7 ซม. จํานวน 200,000 ตัว กุ้งก้ามกรามขนาด 2 - 3 ซม. ขนาด 200,000 ตัว ปลาตะเพียนวัยอ่อน 2,000,000 ตัว (ปล่อยแบบ mobile hatcherry) และปลาชะโอนขนาด 5 - 10 ซม. จํานวน 500 ตัว
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นครสวรรค์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006160757376
246,617
สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด แจ้งเกษตรอำเภอ เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายด้านการเกษตร ภายใน 15 วันหลังจากน้ำลด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ
(6 ต.ค. 66) นายสายชล เจริญพร หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามที่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีข้อสั่งการ ในการเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ทั้งการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าและการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วสํานักงานเกษตรจังหวัดตราด จึงขอให้สํานักงานเกษตรอําเภอในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย เตรียมความพร้อมและเร่งดําเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร โดยให้ดําเนินการประเมินความเสียหายและจัดเตรียมข้อมูลให้พร้อม โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ําที่มีน้ําท่วมขังเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งดําเนินการเร่งสํารวจความเสียหายด้านการเกษตรตามสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ภายใน 15 วันหลังจากน้ําลด และเฝ้าติตตามและประเมินระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ที่กําหนดตามประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีไม่สามารถดําเนินการให้ความช่วยเหลือได้ตามระยะเวลาที่กําหนด ให้ยื่นขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก่อนระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน สิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 15 วัน ทั้งนี้ให้เร่งสํารวจและจัดเตรียมข้อมูลเพื่อให้สามารถนําเสนอที่ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอําเภอ “ก.ช.ภ.อ.” และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด “ก.ช.ภ.จ.” ได้ทันที
6/10/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006171756404
246,618
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปราจีนบุรี จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) จังหวัดปราจีนบุรี
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 นายวินิจ เฮ่าบุญ พาณิชย์จังหวัดปราจีนบุรี และ นางสาวสวิตตา สามัคคี หัวหน้ากลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า พร้อมด้วยข้าราชการ และคณะเจ้าหน้าที่จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) จังหวัดปราจีนบุรี ครั้งที่ 4/2566 ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จังหวัดปราจีนบุรี ณ ห้องประชุมสํานักงานพาณิชย์จังหวัดปราจีนบุรี ชั้น 3 โดยมี นางพัชรี ศาลาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานการประชุมฯ สามารถสรุปผลการประชุม ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าผลการดําเนินการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ จํานวน 143 ราย และในระหว่างวันที่ 1 – 30 กันยายน 2566 สํานักงานพาณิชย์จังหวัดปราจีบุรี ได้กําหนดราคาตลาดอ้างอิงเป็นรายวันช่วงราคาในการรับซื้อกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กิโลกรัม อยู่ที่ 110 – 115 บาท การชดเชยส่วนต่างราคากุ้งขาวแวนนาไม ทุกขนาด อยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เกษตรกรจับกุ้งขาวแวนนาไม ไปแล้ว จํานวน 120 ราย ปริมาณกุ้งขาวแวนนาไมที่จับได้และขอรับเงินชดเชยในเบื้องต้น จํานวน 88.557 ตัน คิดเป็นมูลค่าชดเชยประมาณ 1,771,144 บาท 2. ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการจากเดิม สิ้นสุด 30 กันยายน 2566 เป็น 30 ธันวาคม 2566 ตามมติ คบท.โดยเป้าหมายเกษตรกรผู้เข้าร่วมตามโครงการ 180 ราย เป้าหมาย 90 ตัน3. เกษตรกรที่ประสงค์จะสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและสมัครได้ที่สํานักงานประมงจังหวัดปราจีนบุรี หรือสํานักงานประมงอําเภอพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่ 9-18 ตุลาคม 2566ทั้งนี้ ระยะเวลาการจับกุ้งขาวแวนนาไมตามโครงการฯ ของเกษตรกรที่มีรายชื่อในกลุ่ม 143 รายแรก อยู่ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 30 ธันวาคม 2566 และรายที่สมัครใหม่ อยู่ระหว่าง 20 ตุลาคม - 30 ธันวาคม 2566 ภาครัฐชดเชยส่วนต่างราคากุ้งขาวแวนนาไมทุกขนาดในอัตราเดียวกัน ในอัตรากิโลกรัมละไม่เกิน 20 บาท โดยที่เกษตรกรสามารถติดตามการประกาศราคาตลาดอ้างอิง และการชดเชยส่วนต่าง ได้ที่เฟซบุ๊กสํานักงานพาณิชย์จังหวัดปราจีนบุรีได้ตั้งแต่บัดนี้จนสิ้นสุดโครงการ
6/10/2023
ภาคตะวันออก
ปราจีนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006180839415
246,619
สทนช.เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 27 จังหวัดช่วง 9 – 15 ต.ค.นี้ หลังคาดการณ์จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของประเทศ
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่งในพื้นที่ 27 จังหวัดช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคมนี้ หลังคาดการณ์จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของประเทศ สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่ง ฉบับที่ 2 เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมทําให้เกิดฝนตกหนักสะสมทั้งประเทศไทย จนมีปริมาณน้ําในลําน้ําเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันที่ 8 – 11 ตุลาคมจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เบื้องต้นได้คาดการณ์จะมีปริมาณน้ําเพิ่มขึ้นส่งผลให้น้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมลําน้ํา และมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ําหลากดินถล่มช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคมนี้ คือ ภาคเหนือ ใน จ.เชียงใหม่ บริเวณอําเภอฝาง อมก๋อย และจอมทอง , กําแพงเพชร บริเวณอําเภอคลองลาน คลองขลุง และปางศิลาทอง , อุตรดิตถ์ บริเวณอําเภอตรอน , ตาก บริเวณอําเภออุ้มผาง แม่สอด แม่ระมาด พบพระ วังเจ้า และบ้านตาก , พะเยา บริเวณอําเภอเมืองพะเยา , แพร่ บริเวณอําเภอวังชิ้น , พิษณุโลก บริเวณอําเภอนครไทย , นครสวรรค์ บริเวณอําเภอแม่วงก์ , อุทัยธานี บริเวณอําเภอบ้านไร่ และลานสัก , เพชรบูรณ์ บริเวณอําเภอเมืองเพชรบูรณ์ หนองไผ่ และน้ําหนาว // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัดขอนแก่น บริเวณอําเภอโคกโพธิ์ไชย และโนนศิลา , นครราชสีมา บริเวณอําเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย โนนสูง เฉลิมพระเกียรติ จักราช พิมาย ลําทะเมนชัย ชุมพวง และเมืองยาง , ชัยภูมิ บริเวณอําเภอเมืองชัยภูมิ คอนสาร และเกษตรสมบูรณ์ , มุกดาหาร บริเวณอําเภอคําชะอี และเมืองมุกดาหาร , อุดรธานี บริเวณอําเภอเมืองอุดรธานี , อุบลราชธานี บริเวณอําเภอ เมืองอุบลราชธานี และวารินชําราบ ?? ขณะที่ ภาคกลาง ในจังหวัดกาญจนบุรี บริเวณอําเภอทองผาภูมิ และศรีสวัสดิ์ , ชัยนาท บริเวณอําเภอเมืองชัยนาท เนินขาม และหันคา , สุพรรณบุรี บริเวณอําเภอเดิมบางนางบวช หนองหญ้าไซ สามชุก และดอนเจดีย์ // ภาคตะวันออก ในจังหวัดปราจีนบุรี บริเวณอําเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม ศรีมหาโพธิ นาดีและกบินทร์บุรี , สระแก้ว บริเวณอําเภอเมืองสระแก้ว , จันทบุรี บริเวณอําเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว ขลุง มะขาม และท่าใหม่ , ตราด บริเวณอําเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง และแหลมงอบ , ระยอง บริเวณอําเภอปลวกแดง // ภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส บริเวณอําเภอสุไหงปาดี และสุคิริน , พังงา บริเวณอําเภอคุระบุรี , ระนอง บริเวณอําเภอเมืองระนอง และกะเปอร์ พร้อมเฝ้าระวังน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา คือ แม่น้ํามูล ในอําเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชําราบ และพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งการบริหารจัดการในลุ่มน้ําชีและลุ่มน้ํามูลต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการเก็บกักน้ําไว้ใช้หน้าแล้งให้มากที่สุด และการระบายน้ําให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด สําหรับ แม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ํา ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาต้องเพิ่มการระบายน้ําในอัตรามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้ระดับน้ําบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ํา วัดไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง , อําเภอพรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี และอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี , คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตําบลหัวเวียง อําเภอเสนา ตําบลลาดชิด ตําบลท่าดินแดง อําเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20 – 80 เซนติเมตร รวมทั้ง เฝ้าระวังแม่น้ําท่าจีน ในอําเภอเมืองสุพรรณบุรี และสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี , อําเภอบางเลน และนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม // แม่น้ําปราจีนบุรี ในอําเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ทั้งนี้ กอนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการบริหารจัดการน้ําให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ําของอ่างเก็บน้ํา เขื่อนระบายน้ํา และระบบชลประทานเพื่อเป็นการหน่วงน้ําที่ไหลลงมาสมทบแม่น้ําสายหลักให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพในแต่ละช่วงเวลา พร้อมจัดการจราจรทางน้ําลดผลกระทบจากปริมาณน้ําที่จะไหลหลากมายังบริเวณแม่น้ํามูลและแม่น้ําเจ้าพระยา ที่สําคัญประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ําและแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบ และเตรียมพร้อมขนของขึ้นที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006185238434
246,620
กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำมูลและแม่น้ำชีลงสู่แม่น้ำโขง หลังปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักสูงขึ้นจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ขณะที่ จ.อุบลราชธานี มีน้ำท่วมใน 6 อำเภอ
กรมชลประทาน เร่งระบายน้ําจากแม่น้ํามูลและแม่น้ําชีลงสู่แม่น้ําโขง หลังปริมาณน้ําในแม่น้ําสายหลักสูงขึ้นจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ขณะที่ จ.อุบลราชธานี มีน้ําท่วมใน 6 อําเภอ นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ําในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณน้ําในแม่น้ําสายหลักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในลุ่มน้ําชีและลุ่มน้ํามูล ซึ่งสถานีวัดน้ํา (แม่น้ํามูล) M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี มีระดับน้ําเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีปริมาณน้ําไหลผ่าน 2,686 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ภาพรวมมีแนวโน้มทรงตัว โดย กรมชลประทาน ได้ใช้อาคารชลประทานทางตอนบนของลุ่มน้ําชี คือ เขื่อนชนบท เขื่อนมหาสารคาม เขื่อนวังยาง และแม่น้ํามูล คือ เขื่อนราศีไศล เพื่อหน่วงน้ําและผันน้ําเข้าระบบชลประทาน เพื่อนําไปเก็บไว้ใช้ช่วงแล้งหน้า พร้อมเร่งระบายน้ําจากแม่น้ํามูลลงสู่แม่น้ําโขงในอัตราประมาณ 3,406 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปัจจุบันระดับน้ําในแม่น้ําโขงยังต่ํากว่าระดับน้ําในแม่น้ํามูลประมาณ 2 เมตร ทําให้การระบายน้ํายังคงทําได้ดี สําหรับภาพรวมสถานการณ์น้ําท่วมใน จ.อุบลราชธานี พบมีพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํามูล แม่น้ําชี และลําเซบก ได้รับผลกระทบรวม 6 อําเภอ บริเวณ อ.เมือง อ.ดอนมดแดง อ. ตระการพืชผล อ. ม่วงสามสิบ อ.วารินชําราบ และ อ.เขื่องใน โดยสํานักงานชลประทานที่ 7 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ําขนาด 8 นิ้ว บริเวณประตูระบายน้ําวัดเสนาวงศ์ ชุมชนท่าบ่งมั่ง อ.วารินชําราบ 2 เครื่อง และบริเวณประตูระบายน้ําท่ากอไผ่ ชุมชนท่ากอไผ่ อ.วารินชําราบ 2 เครื่อง พร้อมเร่งเสริมแนวกระสอบทรายกว่า 10,000 ใบ และจัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ํา 100 เครื่อง ไว้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ํามูล อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งการระบายน้ําลงสู่แม่น้ําโขงให้เร็วขึ้น
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006190800439
246,621
สคทช. สามารถพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐปีนี้เสร็จแล้วเกือบ 2,000 แปลง เพื่อให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างถูกกฎหมาย
สํานักงานคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) สามารถพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐปีนี้เสร็จแล้วเกือบ 2,000 แปลง เพื่อให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างถูกกฎหมาย ว่าที่ร้อยตรี พีรพล มั่นจิตต์ ผู้ช่วยผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ ปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมาว่า พบมีการยื่นข้อร้องเรียนเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ 6,889 แปลง โดยเป็นข้อร้องเรียนผ่านคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) จังหวัด 4,311 แปลง ดําเนินการแล้ว 529 แปลง ได้ข้อยุติที่พิสูจน์ว่าประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยก่อนเป็นที่ดินของรัฐ 232 แปลง และเข้ามาภายหลัง 297 แปลง // มีการรับเรื่องดําเนินการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ 2,578 แปลง เสร็จแล้ว 1,234 แปลง รวมที่ได้ดําเนินการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐเสร็จแล้ว 1,763 แปลง ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 1,194 แปลง และสูงกว่าตัวชี้วัดที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1,300 แปลง ส่วนปีงบประมาณ 2567 สํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ตั้งเป้าตัวชี้วัดการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดําเนินการแล้วเสร็จไว้ที่ 1,800 แปลง สําหรับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐเป็นมาตรการของคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่เป็นกระบวนการแก้ปัญหาข้อโต้แย้งสิทธิ์การครอบครองที่ดินในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งกรณีที่ประชาชนอยากได้ความเป็นธรรมในการขอออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่ของรัฐ จะตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นธรรมว่าประชาชนได้ครอบครองที่ดินก่อนเป็นที่ดินของรัฐหรือไม่ โดยการพิสูจน์สิทธิ์นั้นจะมีหน่วยงานที่ดูแลที่ดินของรัฐ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ที่สาธารณประโยชน์ จะดูแลโดย นายอําเภอหรือปกครองส่วนท้องถิ่น // ที่ราชพัสดุ จะดูแลโดยกรมธนารักษ์ และสุดท้าย ที่ป่าไม้ จะดูแลโดยกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหน่วยงานที่ คทช. แต่งตั้งในรูปแบบของคณะอนุกรรมการ 2 คณะที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินของรัฐ คือ คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินของรัฐจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานจะมีอยู่ใน 76 จังหวัด และคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ จะมีผู้อํานวยการ สคทช. เป็นประธาน สําหรับขั้นตอนการขอพิสูจน์สิทธิ์ประชาชนสามารถยื่นข้อร้องเรียนกับทาง คพร.จังหวัด หรือ คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิ์ของแต่ละจังหวัดในพื้นที่ที่ประชาชนมีข้อโต้แย้ง ด้วยการนําเอกสารที่เกี่ยวข้อง หลักฐาน และพยานบุคคล ที่ได้ก่อนสร้างหรือจับจองที่ดินมายื่น ส่วน คพร. จังหวัดจะนําไปพิจารณาตามเอกสารหลักฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่ประชาชนได้ครอบครองมาก่อนรัฐหรือไม่ โดยจะใช้การอ่านภาพถ่ายทางอากาศเพื่อดูร่องรอยการทําประโยชน์ในที่ดินประกอบ หากพิสูจน์สิทธิ์แล้วพบประชาชนอาศัยหรือใช้ประโยชน์ที่ดินนี้ก่อนเป็นที่ดินของรัฐ คพร.จังหวัดจะทําการออกโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ให้กับประชาชน แต่หากพิสูจน์สิทธิ์แล้วประชาชนอาศัยหรือใช้ประโยชน์ที่ดินนี้หลังเป็นที่ดินของรัฐจะให้เช่าที่ดินของรัฐ หรือจะให้เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินของ คทช. เพื่อให้ใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006194825447
246,622
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบปะสมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อยในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น. ที่สมาคมชาวไร่อ้อย เขต 6 กําแพงเพชร ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดกําแพงเพชรเพื่อพบปะสมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อย พร้อมด้วย นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.จังหวัดกําแพงเพชร เขต 1 โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกําแพงเพชร กล่าวต้อนรับ และบรรยายข้อมูลทั่วไปของจังหวัด ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยเน้นการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ํา โดยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทําแผนที่น้ําของจังหวัด พร้อมเชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียง เพื่อความสะดวกด้านแก้ไขปัญหาน้ําท่วม น้ําแล้ง และเรื่องที่ดินทํากิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสําคัญของประชาชน โดยจะมีนโยบายเรื่องการเปลี่ยนที่ดิน สปก.4-01 ให้เป็นโฉนด ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อกําหนดเงื่อนไขดังกล่าว จากนั้นได้มีการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากตัวแทนเกษตรกร พร้อมมอบเอกสารสิทธิ์ สปก 4 - 01 เอกสารการทําประโยชน์ และการปรับปรุงบํารุงดิน รวมถึงข้าวสาร ถุงยังชีพ พันธุ์ปลา และพันธุ์พืชผัก แก่สมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อยและประชาชนที่มาร่วมในวันนี้
6/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กำแพงเพชร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006215416456
246,623
พช.นครพนม รุกส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากต่อยอดความมั่นคงด้านอาหาร ยกระดับรายได้ของชุมชน "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ผ่านโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพด้วยนวัตกรรมอย่างครบวงจรภายใต้ BCG โมเดล
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครพนม อําเภอเมืองนครพนม สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ดําเนินการคัดเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพเด่น เพื่อยกระดับเป็นสินค้าขั้นคุณภาพมาตรฐานระดับสูงหรือพรีเมี่ยม เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ชุมชน โดยความร่วมมือจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารเด่น มหาวิทยาลัยนครพนม และผู้เชี่ยวชาญจากสํานักพัฒนาและส่งเสริมการวิจัย สถาบันระหว่างประเทศ เพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) มาสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะพัฒนาขึ้นภายใต้เงื่อนไข BCG โมเดล มีกลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มละ 3 คน รวม 30 และเจ้าหน้าที่/วิทยากร รวมทั้งสิ้น 50 คน เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 10 ผลิตภัณฑ์ใหม่ มีสาระสําคัญโดยสรุป1. การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมกับกลุ่ม/บุคคล (ผู้ประกอบการสินค้าชุมชน/สินค้า OTOP) จํานวน 10 กลุ่มผู้ประกอบการ (ที่มีศักยภาพในการผลิตและแปรรูป) ประกอบด้วย 1.1 กลุ่มชาถั่วดาวอินคา อําเภอบ้านแพง 1.2 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านห้วยไห อําเภอโพนสวรรค์ 1.3 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรไชยบุรี อําเภอท่าอุเทน 1.4 กลุ่มเครือข่ายสับปะรด อําเภอโพนสวรรค์ 1.5 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตเห็ดบ้านธาตุน้อย (อินทรายุธฟาร์ม) อําเภอธาตุพนม 1.6 กลุ่ม ข้าวแต๋น พรเจริญ อําเภอเมืองนครพนม 1.7 กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาบ้านยางงอย อําเภอศรีสงคราม 1.8 กลุ่มแปรรูปผลผลิตโคก หนอง นา อําเภอปลาปาก 1.9 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารสองคอนพัฒนา อําเภอนาแก 1.10 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรดงยอ อําเภอธาตุพนม 2. การพิจารณาใช้งานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้รองรับกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ3. กลุ่มฯ นําเสนอรูปแบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร (Value chain = ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง) ให้คณะอาจารย์/ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเสนอแนะ ถึงความเป็นไปได้ในการยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นคุณภาพมาตรฐานระดับสูงหรือพรีเมี่ยมตามที่ตลาดต้องการ4. สร้างเครือข่ายเพิ่มเติมแบบจตุภาคี (รัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน)5. กําหนดแผน สร้างกลไกการบริหารจัดการ ติดตาม และประเมินผล ณ ที่ตั้งของกลุ่มเป้าหมายทั้ง 10 ดําเนินการตามกระบวนงานและขอบเขตของงานจ้าง (Terms of Reference : TOR) ห้วงระยะเวลา 120 วัน6. ผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นและองค์ความรู้ BCG โมเดล จะถูกนํามาแสดงและจําหน่ายในงานเทศกาล Nakhonphanom Winter Festival ท่องเที่ยวฤดูหนาวส่งท้ายปี 66 นี้ โดยนายชัยณรงค์ กาญจะนะกันโห พัฒนาการจังหวัดนครพนม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับผู้ประกอบการ 10 ผลิตภัณฑ์ มีนางสาวพันสี คุณธรรม ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน นางวรนุช กรุงเกต ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นางสาววิมล มุ่งกลาง ผอ.กลุ่มงานประสานและสนับสนุนการบริหารงานพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชนทั้งจังหวัดและอําเภอ เป็นสักขีพยานการลงนามฯ และเอื้ออํานวย สนับสนุนการดําเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่ต้องการ ทั้งนี้ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพด้วยนวัตกรรมอย่างครบวงจรภายใต้ BCG โมเดล เพื่อยกระดับรายได้ของชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจําปีของจังหวัดนครพนม ที่จังหวัดนครพนมอนุมัติงบประมาณให้สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ทั้งสิ้น 1,969,700 บาท ดําเนินการจ้างผู้เชี่ยวชาญและกําหนดขอบเขตของงานจ้าง (Terms of Reference : TOR) เพื่อค้นหา พัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด "สร้างมูลค่าเพิ่ม ทําน้อยได้มาก เสริมความมั่นคงด้านรายได้ โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาเพิ่มมูลค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ต่อไป
7/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007075859473
246,624
เทศบาลเมืองเพชรบุรี ฉีดล้างทำความสะอาด เชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อน บริเวณทางขึ้นเขาวัง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ให้เป็นเมืองที่สะอาด น่ามองน่าอยู่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ
เทศบาลเมืองเพชรบุรี ฉีดล้างทําความสะอาด เชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อน บริเวณทางขึ้นเขาวัง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ให้เป็นเมืองที่สะอาด น่ามองน่าอยู่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ นายกิตติพงษ์ เทพพานิช นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี มอบหมายให้งานชุดเฉพาะกิจ เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ดําเนินการฉีดล้างทําความสะอาดขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ปนเปื้อน ในพื้นที่บริเวณเชิงทางขึ้นเขาวัง ตามที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลปรับภูมิทัศน์ พัฒนาทําความสะอาด ในพื้นที่บริเวณโดยรอบ ให้สะอาดสวยงามอยู่เสมอ เพื่อความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงป้องกันเชื้อโรค สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ให้เป็นเมืองที่สะอาด น่ามองน่าอยู่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี
7/10/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007080125474
246,625
กรมชลประทาน เตรียมพร้อมแผนรับมือน้ำหลาก หลังคาดการณ์สัปดาห์หน้าจะมีฝนตกหนักมากหลายพื้นที่ของประเทศ ด้วยการปรับการระบายน้ำตามความเหมาะสม
กรมชลประทาน เตรียมพร้อมแผนรับมือน้ําหลาก หลังคาดการณ์สัปดาห์หน้าจะมีฝนตกหนักมากหลายพื้นที่ของประเทศ ด้วยการปรับการระบายน้ําตามความเหมาะสม นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทาน ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ําหลาก หลังคาดการณ์จะเกิดฝนตกหนักมากในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ช่วงสัปดาห์หน้า ทําให้มีปริมาณน้ําในลําน้ําเพิ่มมากขึ้น อาจทําให้น้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมน้ํา คือ แม่น้ํามูล เจ้าพระยา ท่าจีน และปราจีนบุรี จึงต้องบริหารจัดการน้ําให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ปรับการระบายน้ําตามที่คณะทํางานอํานวยการบริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคณะทํางานอํานวยการบริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลางได้กําชับให้บริหารจัดการน้ําเกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะเก็บกักน้ําไว้ใช้หน้าแล้ง และการระบายน้ําให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร - เครื่องมือ และความพร้อมของระบบสื่อสารสํารองเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมขนของขึ้นที่สูงหรืออพยพได้ทันที หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007092037483
246,626
กอนช. คาดการณ์ถึง 9 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง อาจมีพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากดินถล่มและน้ำล้นตลิ่งใน 27 จังหวัด ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) คาดการณ์ถึงวันที่ 9 ตุลาคมประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง อาจมีพื้นที่เสี่ยงน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่งใน 27 จังหวัด ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ําติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของร่องมรสุม ทําให้มีฝนตกหนักบางแห่งและมีฝนตกหนักมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคาดการณ์ถึงวันที่ 9 ตุลาคมประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง จึงต้องระวังน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่งช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคมในพื้นที่ 27 จังหวัด คือ เชียงใหม่ กําแพงเพชร ตาก อุตรดิตถ์ พะเยา แพร่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชัยภูมิ มุกดาหาร อุดรธานี อุบลราชธานี กาญจนบุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง นราธิวาส พังงา และระนอง พร้อมระวังน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเวณแม่น้ํามูล ใน อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชําราบ และพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี // แม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ํา // แม่น้ําท่าจีน ใน อ.เมืองสุพรรณบุรี และสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี , อ.บางเลน และนครชัยศรี จ.นครปฐม และแม่น้ําปราจีนบุรี ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ขณะที่สถานการณ์ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (7 ต.ค.66) ยังคงการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ โดยจะพยายามระบายน้ําท้ายเขื่อนไม่ให้เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ํา
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007091416482
246,627
จังหวัดตรัง สำรวจจุดติดตั้งระบบน้ำอัจฉริยะ โครงการส่งเสริมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาระบบเกษตรอัจฉริยะสำหรับเกษตรกรจังหวัดตรัง ในพื้นที่อำเภอปะเหลียน อำเภอหาดสำราญ และอำเภอกันตัง
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นายญันยงค์ ปล้องอ่อน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ นางสาวปาจรีย์ ปะดุกา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ และว่าที่ร้อยตรีทวิช ศิริมุสิกะ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่สํารวจจุดติดตั้งระบบน้ําอัจฉริยะ โครงการส่งเสริมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาระบบเกษตรอัจฉริยะสําหรับเกษตรกรจังหวัดตรัง ในพื้นที่อําเภอปะเหลียน อําเภอหาดสําราญ และอําเภอกันตังโครงการนี้เป็นโครงการตามแผนปฏิบัติราชการจังหวัดตรัง ประจําปีงบประมาณ 2566 (งบพัฒนาจังหวัดตรัง) เพื่อให้สํานักงานเกษตรจังหวัดตรังดําเนินกิจกรรม โดยโครงการประกอบด้วย 2 กิจกรรมย่อย ได้แก่1. อบรมถ่ายทอดความรู้การติดตั้งระบบน้ําและระบบน้ําอัจฉริยะ กลุ่มเป้าหมายจํานวน 22 ราย ประกอบด้วยเกษตรกร และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่2. สนับสนุนระบบน้ําอัจฉริยะให้แก่เกษตรกรต้นแบบ จํานวน 11 แปลง (ระบบควบคุม IOT และท่อในแปลงครอบคลุมทุกอําเภอ)
7/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007101313491
246,628
สำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว ร่วมกับกลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สำรวจศัตรูขมิ้น ตำบลนาชุมเห็ด หลังเกษตรกรประสบปัญหาต้นขมิ้น เล็ก แคระแกร็น และส่วนของเหง้าเน่า
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ นางสาวเพ็ญภัค เสาวภาคย์ รักษาราชการแทนหัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นสํารวจศัตรูขมิ้นของเกษตรกร ณ หมู่ที่ 2 ตําบลนาชุมเห็ด อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เบื้องต้นเกษตรกรสงสัยว่าเกิดจากเชื้อราเข้าทําลายขมิ้น เนื่องจากฝนตกชุกอย่างต่อเนื่อง โดยเกษตรกรประสบปัญหาต้นขมิ้น เล็ก แคระแกร็น ส่วนของเหง้าเน่าเละจากการลงพื้นที่จริง โดยได้มีการผ่าเหง้าขมิ้นพบว่ามีหนอนตัวเล็กๆ เข้าทําลาย ซึ่งเป็นตัวหนอนของแมลงวันคล้ายมด ที่เข้ามาทําลายต้นขมิ้น และเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืชได้เก็บตัวอย่างหนอนดังกล่าว ไปเลี้ยงเพื่อความแน่ชัดว่าเป็นแมลงวันคล้ายมดจริง เบื้องต้นได้ให้คําแนะนําเกษตรกรใช้สารเคมีในการป้องกันกําจัดเมื่อควบคุมได้แล้วระดับหนึ่ง แล้วค่อยปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นการใช้สารชีวภัณฑ์ควบคุมดูแลต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่จากสํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว และเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง จะลงพื้นที่เพื่อติดตามผลการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลิตขยายเชื้อราเมตาไรเซี่ยมเพื่อใช้ในการกําจัดหนอนของแมลงวันคล้ายมดให้กับเกษตรกรต่อไป
7/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007101509492
246,629
รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" วิ่งรักษ์โลกโอโซนรักเรา ที่จังหวัดตรัง
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ณ ท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" วิ่งรักษ์โลกโอโซนรักเรา โดยมี นายมานะ เทือกสุบรรณ นายอําเภอสิเกา จังหวัดตรัง นางสาววนิดา พันธ์สอาด รองอธิบดีกรมพลศึกษา นางสาววราภรณ์ หิรัญวัฒน์ศิริ หัวหน้าโครงการลดและเลิกใช้ HCFCs. ธนาคารโลก อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง และนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมสําหรับกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" วิ่งรักษ์โลกโอโซนรักเรา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจและสร้างความตระหนักถึงความสําคัญของการปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซนและสภาพภูมิอากาศโลก และส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงด้วยการเดิน-วิ่ง ซึ่งได้จัดขึ้น ณ หาดปากเมงในวันนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมเห็นว่าการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับรู้เข้าใจเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศโอโซน การส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง จะเป็นส่วนสําคัญในการสร้างแนวร่วมในการแก้ไขสิ่งแวดล้อมให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม เราทุกคนจึงต้องร่วมมือกันป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพื่อที่พวกเราจะได้ออกมาใช้ชีวิตเดิน-วิ่งกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเป็นต้อกระจกและอันตรายจากมะเร็งผิวหนังและฮีทสโตรก การเดิน-วิ่ง จึงเป็นการออกกําลังกายง่ายง่ายที่ทุกคนทําได้ส่งผลให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง มีโอกาสได้พบปะสังสรรค์ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" วิ่งรักษ์โลกโอโซนรักเรา ในวันนี้แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร. และมินิมาราธอน. ระยะทาง 10 กิโลเมตร. โดยจะจัดขึ้นใน 4 ภูมิภาค จํานวน 4 ครั้ง ดังนี้ครั้งที่ 1 ณ ท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง ในวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566ครั้งที่ 2 ณ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566ครั้งที่ 3 ณ ปางช้างแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566ครั้งที่ 4 ณ สวนเบญจกิติ(สวนโรงงานยาสูบ) กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 ธันวาคม 2566กรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้ความสําคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการจัดเดิน-วิ่ง ครั้งแรกของโครงการลดและเลิกใช้สารที่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน ชื่อว่า โครงการลดและเลิกการใช้สารใฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ระยะที่ 2 ซึ่งกิจกรรมได้รับความสนใจ คําชื่นชมและเสียงตอบรับจากผู้ลงสมัครเป็นอย่างดี มีรางวัลมากมายสําหรับผู้ชนะการแข่งขัน ตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยและมีทีมงานที่คอยอํานวยความสะดวกให้นักวิ่งทุกคน การเดิน-วิ่ง ในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายหลายฝ่าย ธนาคารโลก หน่วยงานในพื้นที่ของจังหวัดตรังและทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ขอบคุณผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 1,000 คน ที่ร่วมเติมเต็มกิจกรรมในครั้งนี้ให้สําเร็จตามวัตถุประสงค์ รวมถึงขอบคุณทุกภาคส่วนในจังหวัดตรังที่ให้การสนับสนุน พร้อมเชิญชวนทุกคนได้แวะชมบูธความรู้ และร่วมตอบปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย
7/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007102858497
246,630
เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาวใน จ.ตรัง พอใจเงินชดเชยราคากุ้งกิโลละ 20 บาทจากรัฐบาล แต่อยากให้ขยายโครงการเพิ่มหลังขาดทุนต่อเนื่องมานานหลายปี
นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดตรัง นายช่างตวงวัด ผู้แทนสหกรณ์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจ.ตรังและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจํานวน 15 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายกุ้งขาวหรือกุ้งแวนาไมของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในตําบลทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาวและตําบลสุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรังจํานวน 2 ราย หลังรัฐบาลออกโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งปี 66 เพื่อแก้ปัญหาราคากุ้งตกต่ํา โดยจ่ายเงินชดเชยราคา 20 บาทต่อกิโลกรัมรายละ 2.608 ตัน ซึ่ง จ.ตรังมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจํานวน 115 ราย ได้รับการจัดสรรงบประมาณจํานวน 9,270,000 บาท เป้าหมายกุ้งขาวปริมาณ 300 ตัน ขนาดน้ําหนักไม่ต่ํากว่า 100 ตัวต่อกิโลกรัม โดยมีระยะเวลาดําเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม-30 กันยายนนี้ ซึ่งเกษตรกรทั้ง 115 รายที่เข้าร่วมโครงการ ได้ทยอยจับกุ้งขายไปแล้วกว่า 28 ราย ส่วนที่เหลือได้เร่งจับกุ้งขายให้ทันเวลาที่กําหนด ทําให้ขณะนี้มีปริมาณกุ้งออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เกษตรกรหลายรายบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคากุ้งตกต่ําที่สุดในรอบ 10 ปี จาก 100 ตัวต่อกิโลราคา 160 บาทเหลือเพียง 100 บาท หายไปถึง 60 บาทต่อกิโล ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจําเป็นต้องชะลอการเลี้ยงกุ้ง ชั่วคราว และมีหลายรายหยุดกิจการถาวรเพราะทนแบกรับภาระขาดทุนไม่ไหวโดยที่ จ.ตรังมีเกษตรกรหยุดการเลี้ยงกุ้งทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวรไปแล้วนับ 100 ราย แต่ราคากุ้งปากบ่อก็ยังไม่ขยับขึ้น ขณะที่ต้นทุนทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าอาหารและค่าอุปกรณ์มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเกษตรกรเชื่อว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบนําเข้ากุ้งจากต่างประเทศ แม้หันมาเลี้ยงกุ้งชีวภาพเพื่อลดต้นทุนจนได้รับเครื่องหมาย GAP แต่ราคาก็ยังตกต่ําลงอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรจึงวอนรัฐบาลขยายโครงการช่วยเหลือฯ เพื่อให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้อีกระยะ ซึ่งนายกฤษณวิทย์ วินสน เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรังกล่าวว่า การที่รัฐบาลเข้ามาพยุงราคาพอใจในระดับหนึ่ง เพราะอยากให้ช่วยในระยะต่อไป โดยอยากจะมีเฟส 2 ในการประกันราคากุ้ง ซึ่งราคากุ้งตอนนี้ตกต่ําที่สุด สาเหตุคาดว่าโรงงานจะมีการนําเข้าจากต่างประเทศ จากที่เลี้ยงกุ้งมานานปีแรก ๆ ได้ราคา 160 บาทต่อกิโลปีนี้ได้แค่ 100 บาท ซึ่งเกษตรกรช่วยกันเลี้ยงแบบลดต้นทุนมากขึ้น โดยใช้เกษตรอินทรีย์หรือปุ๋ยอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี ลดต้นทุนได้เยอะและยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย ส่วนผู้เลี้ยงกุ้งลดลงครึ่งต่อครึ่งส่วนนายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดตรัง กล่าวว่า กุ้งขาวในจังหวัดตรังตอนนี้มีเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกุ้งอยู่ 503 รายโดยมี 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือผู้ที่สังกัดสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจ.ตรังซึ่งมีสมาชิกอยู่ 210 ราย และอีกกลุ่มเป็นของชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดตรังซึ่งมีสมาชิกประมาณ 260 ราย ซึ่งผลผลิตกุ้งต่อเดือนประมาณ 1,600 ตัน ซึ่งถือว่าล้นหรือมากกว่าราคาที่กําหนดให้ เพราะเราช่วยได้แค่ 300 ตันด้านนายมานิต อินทองปาน ประธานสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจังหวัดตรังกล่าวว่า ณ ตอนนี้ราคากุ้งตกต่ําอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือน ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาหรือในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ จึงอยากจะให้กําลังใจเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ณ ตอนนี้อยากเพิ่งเลิกเลี้ยง ช่วยกันให้กําลังใจซึ่งกันและกัน อย่างพาณิชย์มาช่วย ประมงมาช่วย ภาคราชการก็ได้ยื่นมือมาช่วย อย่างน้อยก็แบ่งเบาภาระไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ตนมั่นใจว่าราคากุ้งน่าจะดีขึ้น ซึ่งตอนนี้มีข้อมูลว่ามีเกษตรกรเลิกเลี้ยงกุ้งไปแล้วนับ 100 ราย จากที่ขึ้นทะเบียนไว้ 503 ราย ส่วนสาเหตุหลักเชื่อว่า ความไม่เสถียรภาพในเรื่องราคา เพราะหลังจากโควิดเป็นต้นมา ไม่ได้มีการส่งออกไปต่างประเทศหรือมีก็น้อยลงไปมาก ทําให้ตลาดแคบลง
7/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007103010498
246,631
เกษตรกรวัย 58 ปีตัดโค่นต้นยางพาราเนื้อที่ 4 ไร่ในช่วงที่มีราคาน้ำยางตกต่ำลงเหลือ 3 กิโล 100 หันมาปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารขาย สร้างรายได้สัปดาห์ละ 10,000 บาท หรือเกือบ 50,000 บาทต่อเดือน
นายสันต์ ชั้นเชี่ย อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 3 ต.คลองลุ อ.กันตัง จ.ตรัง ตัดสินใจตัดโค่นต้นยางพาราเนื้อที่ 4 ไร่ในช่วงที่ราคาน้ํายางตกต่ําเหลือเพียง 3 กิโล 100 บาท แล้วหันมาปลูกพืชผักทุกอย่างที่กินและกินทุกอย่างที่ปลูก เช่น ผักหวาน ผักบุ้ง ถั่วพู ชะอม มะระขี้นก ฟักเขียว เสาวรส แก้วมังกร บวบเหลี่ยม กระเจี๊ยบ พีนัทบัตเตอร์ ส้มโอ สะตอและอื่น ๆ โดยเริ่มปลูกจนเต็มพื้นที่ 4 ไร่เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เน้นผักปลอดสารพิษ และใช้กาวดักจับศัตรูพืชจากสารชีวภาพ โดยมีการใช้ปุ๋ยหมักทําเองและนําเศษใบจากที่เหลือใช้ มาคลุมหน้าดิน เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวดินเมื่อผลผลิตทุกอย่างเริ่มเก็บเกี่ยวได้ ก็นําไปขายในตลาดทั้งใน จ.ตรังและจังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สร้างรายได้วันละไม่ต่ํากว่า 2,000 บาท หรือสัปดาห์ละ 10,000 บาทหรือเดือนละเกือบ 50,000 บาทเลยทีเดียว แถมครอบครัวยังได้อยู่กินกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ไม่ต้องออกไปทํางานนอกบ้าน ได้กินผักปลอดภัย สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะได้ออกกําลังกายจากการทําสวน และมีรายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกํา ทําให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีเกษตรกรจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ เดินทางไปศึกษาดูงานพร้อมอุดหนุนสินค้าและเมล็ดพันธุ์ เพื่อนําไปต่อยอดในพื้นที่ของตนต่อไป โดยผักที่ขายดีที่สุดตอนนี้ คือผักหวาน ชะอม มะระ สรุปคือผักทุกอย่างขายดีหมด ซึ่งก่อนหน้านี้มีลูกค้าสงสัยว่าปลอดสารพิษจริงหรือไม่ ตนจึงให้ลูกค้าเข้ามาขมถึงสวน โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีลูกค้าตามมาดูที่สวน 4-5 ราย ตอนหลังลูกค้าก็เอาไปบอกต่อ ๆ กัน ทําให้ขายดีขึ้น โดยมีลูกค้าต่างจังหวัด เช่น กระบี่ กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช ก็มีเยอะ ที่สั่งผักเข้ามาเพื่อนําไปขายต่อ ส่วนใครสนใจสามารถไปศึกษาดูงานได้ฟรีทุกวัน พร้อมชิมผลผลิตสด ๆ จากสวน หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-0486583 คุณสันต์ ชั้นเชี่ย
7/10/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007103135499
246,632
รัฐพร้อมเดินหน้าชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และไก่ไข่
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะทํางานขับเคลื่อนโครงการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและไก่ไข่ โดยมีผู้แทนจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กรมปศุสัตว์ สมาคมธนาคารไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกําหนดหลักเกณฑ์การขอรับสนับสนุนค่าชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยไม่เกิน 5,000 ตัว และผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ไม่เกิน 100,000 ตัว โดยมีระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 6 เดือน กรอบวงเงินกู้ยืมรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยเกษตรกรที่สนใจ ขอรับการสนับสนุนค่าชดเชยดอกเบี้ย ต้องขึ้นทะเบียนการเลี้ยงสุกร หรือไก่ไข่ ตามที่กรมปศุสัตว์กําหนดและได้รับวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเลี้ยงสุกร หรือไก่ไข่ จากธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ และชําระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เกิดขึ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม – วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ให้กับธนาคารฯ เรียบร้อยแล้ว สําหรับเกษตรกรที่สนใจ สามารถยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ณ สํานักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ สําหรับเกษตรกรที่อยู่ในกรุงเทพฯ ให้ยื่น ณ กองส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร 2 กรมการค้าภายใน ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม – วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ทั้งนี้กรมการค้าภายใน และหน่วยงานเกี่ยวข้องจะประชาสัมพันธ์ขั้นตอนโดยละเอียดในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007164322562
246,633
รมว.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมทบทวนยกเลิกการชะลอนำเข้าโค กระบือ จากประเทศเมียนมา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ
รมว.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมทบทวนยกเลิกการชะลอนําเข้าโค กระบือ จากประเทศเมียนมา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเน้นย้ําการปราบปรามการลักลอบนําเข้าสินค้าเกษตร และซากโค กระบือ ผิดกฎหมายจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย อย่างจริงจังและเข้มงวดวันนี้ (7 ต.ค. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมเพชรน้ําหนึ่ง ชั้น 6 สํานักงานเทศบาลนครแม่สอด อําเภอแม่สอด ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การนําเข้าสินค้าด้านปศุสัตว์ สินค้าพืช และสินค้าประมง โดยมี นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วย นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก เขต 3 รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดี รองอธิบดี ผู้ตรวจราชการฯ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตาก หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมฯโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับฟังสถานการณ์การนําเข้าสินค้าด้านปศุสัตว์ สินค้าพืช และสินค้าประมงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก รวมถึงรับฟังปัญหาความต้องการในพื้นที่ ซึ่งภาคเอกชนได้นําเสนอให้มีการทบทวนการนําเข้าโค กระบือ จากประเทศเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่ , ขอให้มีการผันน้ําเข้าสู่เขื่อนภูมิพลตอนบน , ขอสนับสนุนงบประมาณด้านการเกษตรคุณภาพสูง และผลักดันให้อําเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นตลาดกลางสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และประมง โดยขอให้จัดสรรพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจจังหวัดตาก จํานวนประมาณ 300 ไร่ เพื่อจัดทําตลาดกลางอํานวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมทบทวนยกเลิกประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง ชะลอการนําเข้าหรือนําผ่านราชอาณาจักรซึ่งโค กระบือ หรือซากโค ซากกระบือ จากประเทศเมียนมา พ.ศ. 2566 ในเร็ววันนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก ที่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันราคาโค กระบือ ในประเทศมีราคาตกลง ขณะเดียวกัน ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นําเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบควบคุม ป้องกันโรคระบาดในสัตว์ในพื้นที่ชายแดน เพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรในพื้นที่นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้เน้นย้ําการปราบปรามการลักลอบนําเข้าสินค้าเกษตร และซากโค กระบือ ผิดกฎหมายจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย อย่างจริงจังและเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาผลผลิตในประเทศ ให้มีการเข้มงวดในการตรวจสอบสต็อกในประเทศเพื่อควบคุมการนําเข้า กักตุน และเก็งกําไร โดยเฉพาะช่วงก่อนที่ผลผลิตออกสู่ตลาด ด้วย...//
7/10/2023
ภาคตะวันตก
ตาก
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตาก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007132751529
246,634
โครงการชลประทานเชียงใหม่ แนะเกษตรกรทำนาเปียกสลับแห้ง รณรงค์ช่วยกันประหยัดน้ำในช่วงฤดูแล้ง
นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อํานวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน จัดการประชุมและให้ข้อแนะนํานวัตกรรมการทํานาเปียกสลับแห้งแก่กลุ่มผู้ใช้น้ําและเกษตรกรพื้นที่อ่างเก็บน้ําแม่โก๋น ตําบลป่าไหน่ อําเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังร่วมกันใช้น้ําอย่างประหยัด เตรียมความพร้อมรับมือปรากฎการณ์เอลนีโญ ตามนโยบายของกรมชลประทาน โดยนํานวัตกรรมการปลูกข้าวแบบนาเปียกสลับแห้ง มาแนะนําและให้ความรู้กับเกษตรกรในพื้นที่ นอกจากช่วยประหยัดน้ําได้แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าหญ้าอีกด้วย ขณะเดียวกันได้แนะนําการปลูกพืชใช้น้ําน้อยเพื่อที่ในช่วงฤดูแล้งเกษตรกรสามารถเพาะปลูกสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ด้านนายศรีทอน คําหนัก เกษตรกรตําบลป่าไหน่ เปิดเผยว่า ได้ดําเนินการตามที่ชลประทานแนะนํามาอย่างต่อเนื่องและเห็นผลเป็นอย่างดีในด้านการประหยัดน้ํา ช่วยลดต้นทุนปุ๋ยและยังทําให้ได้ผลผลิตมากขึ้นอีกด้วย
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.เชียงใหม่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007204835621
246,635
พัชรวาท กำชับให้เฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนทางภาคใต้ของประเทศ ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กําชับให้เฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนทางภาคใต้ของประเทศ ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี พลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้กําชับให้เฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เฝ้าระวัง ติดตาม และวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่อง พบค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ภาคใต้คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก แล้วข้อมูลจากศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งอาเซียน (ASMC) ที่ดูแลโดยประเทศสิงคโปร์ ได้รายงานภาพแสดงจุดความร้อนและการปกคลุมของหมอกควันช่วงค่ําเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.66) พบสภาพอากาศแห้งปกคลุมตอนใต้ของภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับ ตรวจพบจุดความร้อนในตอนใต้ของสุมาตราและกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดหมอกควันปกคลุมทั่วพื้นที่ดังกล่าว แล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในตอนใต้ของประเทศอินโดนีเซียด้วย สําหรับทิศทางลมไม่ได้พัดผ่านประเทศไทย และมีฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ ทําให้หมอกควันข้ามแดนไม่ส่งผลกระทบต่อไทย ส่วนการคาดการณ์ฝุ่นละอองพื้นที่ภาคใต้ 7 วันล่วงหน้าภาพรวม พบพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีถึงดีมาก โดย คพ. ยังคงติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองได้ด้วยตนเอง ผ่านช่องทางของกรมควบคุมมลพิษ ทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และแอปพลิเคชัน Air4Thai และ Facebook Fanpage “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)”
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007141349533
246,636
กรมอุทยานฯ ตั้งหน่วยข่าวกรองอาชญากรรมด้านสัตว์ป่า (WCU) เพื่อลดอาชญากรรมด้านสัตว์ป่าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในอนาคต
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งหน่วยข่าวกรองอาชญากรรมด้านสัตว์ป่า (WCU) เพื่อลดอาชญากรรมด้านสัตว์ป่าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในอนาคต นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิดห้องปฏิบัติการ "หน่วยข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า หรือ WCU : Wildlife Crime Inteligence Unit" ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในประเทศไทย (CIWT – GEF6) , โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) , สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย พร้อมสนับสนุนซอฟแวร์ I2 และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดอาชญากรรมด้านสัตว์ป่าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในอนาคต ซึ่งห้องปฏิบัติการนี้ทําหน้าที่เป็นแกนกลางศูนย์ข้อมูลและศูนย์บัญชาการอํานวยความสะดวกการออกคําสั่งเชิงกลยุทธ์ และประสานการสื่อสาร ช่วยอํานวยความสะดวกในการตัดสินใจด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ซอฟแวร์ I2 ช่วยสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล การจัดการฐานข้อมูลอาชญากรรมสัตว์ป่า ทําการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน และสร้างการนําเสนอข้อมูลแบบรายงานการสืบสวนที่เป็นองค์ประกอบสําคัญทั้งหมดในภารกิจการต่อสู้กับอาชญากรรมสัตว์ป่า ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯได้รับการฝึกอบรมการใช้โปรแกรม I2 จํานวน 80 นายกระจายปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่คุ้มครองทั่วประเทศ โดยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้องปฏิบัติการ WCU จะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องบัญชาการ เป็นศูนย์กลางการประสานงาน พื้นที่ทํางานร่วม การวางแผนจัดสรรอุปกรณ์และควบคุมติดตามสถานการณ์เพื่อตอบสนองต่อสู้กับอาชญากรรมต่อสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อจัดการเหตุการณ์และควบคุมการปฏิบัติการและรองรับการสืบสวนขยายผลอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมอื่นในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมอุทยานฯ ได้บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ 2562 ที่พัฒนาปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับปัจจุบัน มีการเพิ่มบทกําหนดโทษในการครอบครอง ค้าขาย นําเข้า ส่งออก ซึ่งสัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น และอนุสัญญาด้านพืชป่าสัตว์ป่าต่างๆที่ไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นการกําหนดมาตรการเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้มีการกระทําผิดเกี่ยวกับการค้าขาย นําเข้า และส่งออกสัตว์ป่าระหว่างประเทศ
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007145840537
246,637
สทนช. เร่งระบายน้ำในเขื่อนลำปาว หลังเกินปริมาณกักเก็บจากฝนตกหนักต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดกาฬสินธุ์
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เร่งระบายน้ําในเขื่อนลําปาว หลังเกินปริมาณกักเก็บจากฝนตกหนักต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมในจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ําท่วมใน จ.กาฬสินธุ์ จากตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ปริมาณน้ําเขื่อนลําปาวเกินความจุเก็บกัก จึงต้องระบายน้ําแบบขั้นบันไดเพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน ส่งผลให้เกิดน้ําท่วมในพื้นที่เหนือเขื่อน 6 อําเภอ 24 ตําบล 134 หมู่บ้าน และพื้นที่ท้ายเขื่อน 5 อําเภอ 31 ตําบล 199 หมู่บ้าน โดยได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ําเร่งช่วยเหลือพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด สนับสนุนเรือท้องแบนช่วยเหลือในการเดินทางสัญจรของประชาชน และการบริหารด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ ได้กําชับให้กรมชลประทานปรับลดอัตราการระบายน้ําเพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบน้ําท่วมบริเวณท้ายเขื่อนลําปาว ควบคู่กับลดปริมาณน้ําที่ไหลลงลําน้ําชีและลําน้ํามูล ปัจจุบันเขื่อนลําปาวมีปริมาณน้ําอยู่ที่ 2,005 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณเกินความจุที่ระดับเก็บกัก 25 ล้านลูกบาศก์เมตร จากการคาดการณ์หลังวันที่ 8 ตุลาคมฝนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มเบาบางลง จึงให้กรมชลประทานวางแผนบริหารจัดการน้ําในระยาว ด้วยการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ลุ่มต่ําบริเวณด้านท้ายเขื่อนลําปาวให้พิจารณาพัฒนาเป็นพื้นที่แก้มลิงมีทางน้ําเข้าออก สําหรับใช้กักเก็บน้ําช่วงน้ําหลาก จะทําให้ในอนาคตสามารถบริหารจัดการน้ําได้ง่ายขึ้น รวมทั้ง ปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวให้เร็วขึ้น และส่งเสริมอาชีพการทําประมงเพื่อสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ําท่วมซ้ําซากต่อไป ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานจะต้องดําเนินการขับเคลื่อนแนวทางการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนให้รับทราบสถานการณ์น้ําต่อเนื่อง พร้อมต้องเตรียมกักเก็บน้ําเพื่อใช้เป็นน้ําต้นทุนรับมือผลกระทบเอลนีโญในอนาคตด้วย
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007153730541
246,638
กฟผ.แม่เมาะ เปิดโรงเรือนเกษตรกรรมแนวตั้งระบบปิดเต็มรูปแบบใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 เปิดเผยว่า กฟผ.แม่เมาะ ขับเคลื่อนโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ ส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่จํากัด โดยเปิดโรงเรือนเกษตรกรรมแนวตั้ง Vertical Farm ในระบบปิดเต็มรูปแบบที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ นําร่องในพื้นที่อพยพต้นแบบบ้านดง ตําบลบ้านดง อําเภอแม่เมาะ จังหวัดลําปาง มีขนาดพื้นที่โรงเรือน 156 ตารางเมตร ซึ่งสามารถสร้างผลผลิตเทียบเท่ากับการทําเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ และปลูกผักได้ประมาณ 1 หมื่นต้นต่อเดือน ควบคุมคุณภาพอากาศ น้ํา และแร่ธาตุที่จําเป็น รวมทั้งสิ่งปนเปื้อนจากภายนอก สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ว่าเป็นผักที่ไม่มีสารเคมีตกค้าง รับประทานได้โดยไม่ต้องล้างและมีผลผลิตได้ตลอดทั้งปีทั้งนี้ ในอนาคตจะมีการผลักดันโรงเรือนแห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการนิคมชุมชนเกษตรแม่เมาะ” เพื่อเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว และ Landmark สําคัญของจังหวัดลําปางอีกด้วย
7/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231007204735620
246,639
ผักยกแคร่ โมเดลวิสาหกิจชุมชนปลอดภัย ต่อยอดอาชีพเสริม สู่ อาชีพหลัก
"ผักยกแคร่" โมเดลวิสาหกิจชุมชนปลอดภัย ต่อยอดอาชีพเสริม สู่ อาชีพหลัก เพิ่มรายได้เกษตรกร ลดรายจ่ายครัวเรือน มุ่งเน้นขจัดความยากจนอย่างยั่งยืน จากปัญหาราคายางตกต่ํา ทําให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับผลกระทบบวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในห้วงที่ผ่านมา ทําให้ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นนอกพื้นที่ได้ ทางด้านสํานักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี จึงได้บูรณาการร่วมกับศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ส่งเสริมชาวบ้านในพื้นที่ให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ผ่านการรับฟังเสียงสะท้อนความต้องการของชาวบ้านเป็นส่วนใหญ่ ขับเคลื่อนภายใต้โครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ เสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก มุ่งเน้นการสร้างอาชีพเสริมรองจากอาชีพหลัก สู่รายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน จนเกิดเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลอดภัยในพื้นที่ตําบลมายอ อําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ที่ได้มีการริเริ่มในการรวมกลุ่มกันปลูกผักปลอดสารพิษแบบยกแคร่ เพื่อให้มีแหล่งอาหารไว้บริโภคในครัวเรือน และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนนางสาววันวิสา วรรณมาโส นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สํานักงานเกษตรอําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ในปี 2566 สํานักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี ได้รับงบประมาณแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ให้ต่อยอดการปลูกผักปลอดสารพิษแบบยกแคร่จากเดิมที่ทําอยู่แล้ว ทั้งการปลูกผักสลัด ผักกาดขาว กวางตุ้ง ผักคะน้า ฯลฯ มาสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ชาวบ้านตั้งแต่ระยะต้นทางสอนขั้นตอนการปลูกผัก การเพาะต้นกล้า การรักษา จนถึงการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและผ่านมาตรฐาน GAP ระยะกลางทาง ซึ่งมีหลักสูตรการแปรรูปผลผลิตเป็นสลัดโรลหรือสลัดผัก พัฒนาแบรนด์และแพคเกจจิ้ง ให้ผักสดมีมูลค่าที่จากเดิมราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 – 120 บาท แต่เมื่อนํามาแปรรูปสามารถเพิ่มราคาได้ในกิโลกรัมละ 400 บาท ซึ่งได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี อีกทั้งระยะปลายทางส่งเสริมให้เกษตรกรมีช่องทางการจําหน่ายทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่รวมถึงช่องทางออนไลน์ด้วย ซึ่งการดําเนินการเหล่านี้ เกษตรกรจะสามารถผลิตผักสด ๆ เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนตลอดจนสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และความยั่งยืนให้กับในชุมชนต่อไป ด้าน นางสาวรอซีด๊ะ เจ๊ะมอ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัย เปิดเผยว่า เดิมมีสมาชิกกลุ่มจํานวน 5 คน ดําเนินการโดยไม่มีองค์ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการปลูกผักจนกังวลว่าจะทําอย่างไรให้ประสบความสําเร็จลองผิดลองถูกกันมาหลายครั้ง จนมีส่วนราชการเข้ามาสนับสนุนทั้งการให้ความรู้ วิธีการปลูกผักรวมถึงสาธิตการผสมปุ๋ยที่ไม่ใช้สารเคมี และขยายผลต่อให้กับสมาชิก ทําให้ตนและสมาชิก มีองค์ความรู้ในการดูแลซึ่งได้ใช้เวลาในช่วงเช้าหลังจากกรีดยางและช่วงเย็น พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เพียง 1 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สด สะอาด ปลอดสารพิษ ไว้กินและขายที่ตลาดชุมชน ตลาดเครือข่าย หรือช่องทางออนไลน์ที่มี สร้างรายได้ให้กับตนได้ถึง 5,000 บาท/เดือน ลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนของลูกได้อีกด้วยขณะที่ นายฮาซัน วานิ เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตําบลมายอ อําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาสนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้คาดหวังว่าจะปลูกผักไว้จําหน่ายแค่จะไว้กินไว้ใช้ในครัวเรือน แต่ผลผลิตที่ได้มีจํานวนมากและกลัวว่าผักจะเน่าเสีย จึงได้ทยอยขายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงในราคาที่ย่อมเยาทําให้เป็นที่ต้องการของตลาดจํานวนมากจนขายไม่ทัน ต้องขยายพื้นที่เพิ่มที่จากเดิมมีอยู่ 1 แคร่ ขยายเพิ่มเป็น 5 แคร่ ใช้เศษไม้ที่ไม่ใช้แล้วที่อยู่ในพื้นที่มาสร้างเป็นแคร่ และใช้มูลสัตว์ ขี้แพะ ขี้ไก่ แกลบ ตลอดจนวัชพืชที่มีอยู่มาผสมกันซึ่งใช้ระยะเวลา 1 เดือนก็สามารถเป็นปุ๋ยหมักแบบปลอดสารเคมีมาใส่ในผักให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพได้ เป็นการลดต้นทุน พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมถึงอนาคตคาดว่าจะต่อยอดเป็นอาชีพหลักรองจากอาชีพกรีดยางได้ทั้งนี้ นางสาวดลลดา ชัยวรากรณ์ เกษตรอําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้ช่วยสนับสนุนงบประมาณจนทําให้ชาวบ้านได้มีงานทําเพิ่มหลังจากกรีดยาง เสริมรายได้ที่สูงขึ้น อนาคตอยากให้มีการขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลไปสู่เกษตรกรในพื้นที่อื่นได้มากยิ่งขึ้นความสําเร็จของโครงการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ เสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากภายใต้การน้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน จนทําให้ชาวบ้านในพื้นที่ตําบลมายอ อําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ลืมตาอ้าปากได้ ลดความยากจน ลดรายจ่าย สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่การพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
8/10/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008074526639
246,640
สทนช. ย้ำ ทำงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนและสร้างความมั่นคงด้านน้ำของประเทศไม่ได้รวบอำนาจ ส่วนระบบ Thai Water Plan (TWP) ช่วยแก้ปัญหาด้านน้ำของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ย้ํา ทํางานเพื่อลดความซ้ําซ้อนและสร้างความมั่นคงด้านน้ําของประเทศไม่ได้รวบอํานาจ ส่วนระบบ Thai Water Plan (TWP) ช่วยแก้ปัญหาด้านน้ําของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวชี้แจ้งโซเชียลมีเดียโพสน์ระบุว่ายุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ําฯ ผิดพลาด พื้นที่เกษตรถูกจํากัดบทบาท และ สทนช. เป็นเพียงสํานักงานเลขานุการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (กนช.) เท่านั้นว่า ทําให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้และในความจริง สทนช. ทําหน้าที่เป็นสํานักงานเลขานุการของ กนช. และทํางานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ํา 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) เสนอ กนช. สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาและทําหน้าที่กลั่นกรองความเหมาะสมของแผนงานโครงการด้านน้ําจากทุกหน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาด้านน้ําของประเทศให้เกิดความยั่งยืน รวมทั้ง วิเคราะห์ ประมวลผล และคาดการณ์สถานการณ์น้ําทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติแจ้งเตือนให้ประชาชนรับมือหากเกิดภัยพิบัติด้านน้ํา การขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายลําดับรองตามพระราชบัญัติทรัพยากรน้ํา พ.ศ. 2561 เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ําในระดับท้องถิ่นและพื้นที่ลุ่มน้ํามีประสิทธิภาพ และสะท้อนกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมประสานความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคแลกเปลี่ยนข้อมูลการบริหารจัดการน้ําและการใช้น้ําจากแม่น้ําระหว่างประเทศร่วมกัน ควบคู่กับพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ําและเสริมความมั่นคงด้านน้ําให้กับประเทศด้วย สําหรับประเด็นข้อสังเกตการนําระบบ Thai Water Plan (TWP) มาใช้ไม่ใช่การรวบอํานาจการตัดสินใจ แต่เป็นการให้หน่วยงานด้านน้ําทุกหน่วย ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถเสนอแผนปฏิบัติการด้านน้ําของตัวเองเข้ามาได้ด้วยระบบที่สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยเริ่มใช้งานในปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งระบบนี้จะทําให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านน้ําสามารถเข้าถึงได้ มีกระบวนการพิจารณาจากคณะกรรมการในพื้นที่ สามารถตรวจสอบได้ว่า แผนงานโครงการที่เสนอมาสอดคล้องกับแผนแม่ฯบทน้ํา 20 ปีหรือไม่ ซ้ําซ้อน ทับซ้อน หรือเชื่อมโยงกันหรือไม่ มีความคืบหน้าอย่างไร ทําให้สามารถจัดทําแผนงานโครงการอย่างเป็นระบบ ที่สําคัญประชาชนทั่วไปติดตามตรวจสอบหน่วยงานผู้รับผิดชอบและความคืบหน้าของโครงการด้านทรัพยากรน้ําในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008103753660
246,641
กอนช. ขอให้ประชาชนระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ของประเทศ ช่วง 9 –13 ต.ค.
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ของประเทศ ช่วงวันที่ 9 –13 ตุลาคม ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ําติดต่อกันเป็นวันที่ 3 อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทําให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 9 –13 ตุลาคมประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทําให้ต้องระวังน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่งช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคม ในพื้นที่ 27 จังหวัด บริเวณ จ.เชียงใหม่ กําแพงเพชร ตาก อุตรดิตถ์ พะเยา แพร่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชัยภูมิ มุกดาหาร อุดรธานี อุบลราชธานี กาญจนบุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง นราธิวาส พังงา และระนอง พร้อมระวังน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเวณแม่น้ํามูล ใน อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชําราบ และพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี // แม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ํา // แม่น้ําท่าจีน ใน อ.เมืองสุพรรณบุรี และสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี , อ.บางเลน และนครชัยศรี จ.นครปฐม และแม่น้ําปราจีนบุรี ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ขณะที่สถานการณ์ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ (8 ต.ค.66) ยังคงการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ โดยจะพยายามระบายน้ําท้ายเขื่อนไม่ให้เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ํา ภาพรวมระดับน้ําเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 16.57 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนระดับน้ําท้ายเขื่อนอยู่ที่ 12.75 เมตร มีแนวโน้มทรงตัว
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008105444666
246,642
หมอกควันไฟป่าจากอินโดฯ หวนกลับมาอำเภอเบตงอีกหลังฝนหยุดตก
วันนี้ (8 ต.ค.66) เนื่องจากเมื่อคืนนี้ในพื้นที่อําเภอเบตง จังหวัดยะลา มีฝนตกลงมาในระยะไม่ถึง 1 ชั่วโมง ส่งผลทําให้น้ําฝนช่วยชะล้างหมอกควันไฟป่าจากอินโดนีเซียหายไปช่วงระยะหนึ่ง ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง ได้รายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่ อ.เบตง, ยะลา พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 14 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (?g/m3) อยู่ในเกณฑ์คุณภาพดีมาก โดยในช่วงสายของวันนี้ประชาชนเริ่มมองเห็นหมอกควันอีกครั้ง หลังฝนหยุดตกท้องฟ้าเริ่มมืดครึมโดยมีหมอกควันมาบดบัง สภาพอากาศร้อนอบอ้าว และจากการขึ้นไปตรวจสอบบนสวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง พบว่า ท้องฟ้าเริ่มมีหมอกควันกลับมาอีกครั้งขณะที่ประชาชนบอกว่าเมื่อคืนก็มีฝนตกลงมาไม่นานและมีอากาศร้อนอบอ้าว และในช่วงเช้ามืดขี่รถจักรยานยนต์ออกไปกรีดยางมีความรู้สึกแสบตาและในช่วงสายของวันนี้เริ่มมีหมอก รู้สึกแสบตาด้วย อย่างใดก็ตามยังคงต้องเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดยะลาเนื่องจากในระยะนี้ยังเป็นช่วงของการทําเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศประจําวันได้จากเว็บไซด์หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai เพื่อเฝ้าระวังดูแลสุขภาพของตนเอง
8/10/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008131352679
246,643
กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบริมน้ำเจ้าพระยา หลังปริมาณน้ำตอนบนของประเทศยังสูง
กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ําเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ําเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบริมน้ําเจ้าพระยา หลังปริมาณน้ําตอนบนของประเทศยังสูง นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทาน ได้เตรียมพร้อมรับน้ําหลาก ดินถล่ม และน้ําล้นตลิ่ง หลังคาดการณ์จะเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก จะส่งผลให้มีน้ําในลําน้ําเพิ่มมากขึ้นและมีน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมลําน้ําช่วงวันที่ 9 - 15 ตุลาคม โดยเฉพาะแม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ํา ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาต้องการระบายน้ําในอัตรามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เบื้องต้นกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คาดการณ์ปริมาณน้ําที่สถานีวัดน้ําท่า C.2 จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ําไหลผ่านประมาณ 1800 - 1900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยปริมาณน้ําจากแม่น้ําสะแกกรังและลําน้ําสาขาที่จะไหลมาสมทบประมาณ 200 - 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทําให้ปริมาณน้ําเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณระหว่าง 2,000 - 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ําเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ําเจ้าพระยาประมาณ 350 - 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจําเป็นที่จะต้องปรับปริมาณน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,500 - 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ํามีระดับเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 20 - 80 เซนติเมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ําบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ําน้อย) อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากมีปริมาณน้ําเหนือเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีปริมาณน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ทําหนังสือแจ้งเตือน 11 จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ําเจ้าพระยา คือ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร พร้อมร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ช่วยกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ําให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008144450686
246,644
อรรถพล มอบเงินช่วยเหลือและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากช้างป่า อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้แจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังช้างป่าที่ออกมาหากินมากขึ้น
รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มอบเงินช่วยเหลือและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากช้างป่า อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี พร้อมกําชับเจ้าหน้าที่ให้แจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังช้างป่าที่ออกมาหากินมากขึ้น นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ลงพื้นที่ให้กําลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุถูกช้างป่าทําร้ายในสวนยางพารา บริเวณบ้านคลองตะเคียน หมู่ที่ 3 ต.คลองพล อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น โดยกรมอุทยานฯจะเร่งประสานเงินช่วยเหลือต่างๆให้ญาติและครอบครัวต่อไป ทั้งนี้ ได้กําชับเจ้าหน้าที่ให้แจ้งเตือนประชาชนและเกษตรกรชาวสวนผลไม้ให้ระมัดระวังช้างป่าที่ออกมาหากินทําลายพืชผลทางการเกษตรในพื้นที่วนอุทยานน้ําตกเขาบ่อทองและพื้นที่ใกล้เคียง เพราะยังคงมีช้างป่าออกมาหากินเป็นประจํา จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากพบช้างป่าให้ออกห่าง อย่าเข้าไปใกล้ และอย่าเข้าไปทําร้ายช้าง เพราะอาจเกิดอันตรายถูกช้างป่าทําร้ายได้ แต่ขอให้รีบแจ้งหน่วยงานของรัฐ หรือส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือดําเนินการผลักดันช้างให้เข้าป่าต่อไป
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008153621700
246,645
ปภ.ประสาน 10 จังหวัด ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เป็นต้นไป
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ประสาน 10 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ํา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ําเจ้าพระยาและแม่น้ําน้อย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ําอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา ให้เฝ้าระวังระดับน้ําที่เพิ่มสูงขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ํา รวมถึงเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ําท่วม ตลอดจนประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ําและแนวป้องกันน้ําท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ําล้นข้ามแนวคันกั้นน้ํา อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ที่ระบุว่า อิทธิพลของร่องมรสุมทําให้เกิดฝนตกหนักสะสมทั้งประเทศไทย ทําให้มีปริมาณน้ําในลําน้ําเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 8 - 11 ตุลาคม ส่งผลให้น้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมลําน้ํา ในช่วงวันที่ 9 – 15 ตุลาคม 2566 โดยเฉพาะแม่น้ําเจ้าพระยา คาดการณ์ปริมาณน้ําที่สถานี C.2 อําเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ําไหลผ่าน ประมาณ 1,800 - 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะมีปริมาณน้ําจากแม่น้ําสะแกกรังและลําน้ําสาขาประมาณ 200 - 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทําให้ปริมาณน้ําที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 2,000 - 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจําเป็นต้องระบายน้ําผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,500 - 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทําให้พื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ําบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตําบลหัวเวียง อําเภอเสนา ตําบลลาดชิด ตําบลท่าดินแดง อําเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ําน้อย) มีระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.20-0.80 เมตร อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไปสําหรับประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคําแนะนําอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ทุกเวลา
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008182450723
246,646
กรมชลประทาน กำชับสำนักงานชลประทานที่ 11 และ 12 เตรียมพร้อมแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกรับน้ำหลาก
กรมชลประทาน กําชับสํานักงานชลประทานที่ 11 และ 12 เตรียมพร้อมแผนบริหารจัดการน้ําในพื้นที่ลุ่มน้ําเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกรับน้ําหลาก นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแนวทางบริหารจัดการน้ําในพื้นที่ลุ่มน้ําเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกรับน้ําหลากว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ ทําให้ระดับน้ําในแม่น้ําสายหลักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะแม่น้ําเจ้าพระยา อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ จึงกําชับให้สํานักงานชลประทานที่ 11 และสํานักงานชลประทานที่ 12 เตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ําที่เน้นเฝ้าระวังจุดเสี่ยงและการระบายน้ําในพื้นที่รอยต่อระหว่างโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาผักไห่ , โครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาเจ้าเจ็ด-บางยี่หน , โครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาพระยาบรรลือ , โครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาพระพิมล และโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาภาษีเจริญ ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ําและควบคุมการระบายน้ําให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนข้อมูลให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า ควบคู่กับให้ความช่วยเหลือพื้นที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกําชับให้ทุกโครงการชลประทานท มั่นตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทานให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ยังให้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร - เครื่องมือ รถแบคโฮและรถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ําเคลื่อนที่ เครื่องผลักดันน้ําในพื้นที่เสี่ยงให้สามารถนําไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด จึงขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน
8/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231008192954734
246,647
จังหวัดแพร่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกระจายผลผลิตลองกองที่กำลังออกสู่ตลาดจำนวนมาก
นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ได้ร่วมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ อาทิ เกษตรจังหวัดแพร่ พาณิชย์จังหวัดแพร่ ท้องถิ่นจังหวัดแพร่ ผู้บัญชาการเรือนจําจังหวัดแพร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันเร่งกระจายผลผลิตลองกองที่กําลังจะออกสู่ตลาดประมาณ 300-400 ตัน ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลองกองในจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะที่อําเภอเด่นชัย และกําลังประสบปัญหาฝนตกทําให้ผิวเปลือกลองกองไม่สวย ผู้ประกอบการรับซื้อในราคาต่ํา จึงขอให้ส่วนราชการทุกภาคส่วนช่วยเกษตรกรอย่างเร่งด่วนก่อนได้รับความเดือดร้อนทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดแพร่ประสานผู้ประกอบการทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเข้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง ให้กระจายสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ ราคารับซื้อเป็นไปตามคุณภาพ กลไกตลาด และความตกลงกับเกษตรกร ด้านเกษตรจังหวัดแพร่ จะกําหนดจุดจําหน่ายลองกอง ที่จุดจําหน่ายสินค้าสามแยกปากจั๊วะ อําเภอเด่นชัยและจุดอื่นๆ ภายในจังหวัด โดยเริ่มดําเนินการเร่งด่วนภายในสัปดาห์นี้นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือเรือนจําจังหวัดแพร่ ช่วยรับชื้อลองกองจากเกษตรกรโดยตรง สัปดาห์ละ 1.5 ตัน และขอให้ท้องถิ่นจังหวัดแพร่ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมการทําตลาดเชิงรุก โดยกําหนดจุดจําหน่ายและช่วยอุดหนุนลองกอง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวสวนลองกองจังหวัดแพร่
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.แพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009153725963
246,648
ดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรอวกาศแล้วอย่างราบรื่นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของประเทศไทย
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.36 น. ของวันนี้ (9 ต.ค.66) ตามเวลาประเทศไทย 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA , Arianespace และ AIRBUS ได้นําส่งดาวเทียม THEOS-2 ด้วยจรวด "Vega" ขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้งที่ท่าอวกาศยานเฟรนช์เกียนา ประเทศฝรั่งเศส ทวีปอเมริกาใต้ นําส่งดาวเทียมสํารวจโลกขึ้นสู่วงโคจรอวกาศ เพื่อปฏิบัติภารกิจในอวกาศเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของประเทศไทย หลังส่ง THEOS-1 หรือไทยโชต ขึ้นสู่อวกาศเมื่อปี 2551 โดยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาพบสาเหตุการยุติการนําส่งเกิดจากช่วงเวลา 14 วินาทีสุดท้าย หรือ "เรด สเตตัส" ระบบได้ตรวจพบความผิดปกติเล็กน้อยของสัญญาณจากอุปกรณ์ในจรวดนําส่งสําหรับการนําส่งที่ตั้งค่าเกณฑ์การยอมรับไว้เข้มงวดมาก ส่งผลให้ระบบตัดการทํางานโดยอัตโนมัติ โดยได้วิเคราะห์ถึงที่มาและแก้ปัญหาแล้ว ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ให้กําลังใจและสนับสนุนทุกอย่าง พร้อมขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่สนใจและให้ความสําคัญการนําส่งดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรครั้งนี้ สําหรับดาวเทียมสํารวจโลก THEOS-2 เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศที่สําคัญของประเทศ โดยใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ส่วนข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 จะถูกใช้ปรับปรุงและทําให้ข้อมูลในทุกพื้นที่ของไทยเป็นปัจจุบัน ทันสมัย และมีความละเอียดที่ถูกต้อง รวมทั้ง ช่วยให้ทุกการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นดาวเทียมสํารวจโลกที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการจัดการภัยธรรมชาติ การบริหารจัดการน้ํา การจัดการเกษตร การจัดการเมือง และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่วนสําคัญต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009091127781
246,649
กอนช. เฝ้าระวังการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาหลังใกล้แตะที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำหลากจากตอนบนของประเทศ
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังการระบายน้ําด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาหลังใกล้แตะที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากตอนบนของประเทศ หลังเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทําให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยคาดการณ์ช่วงวันที่ 10 –14 ตุลาคมประเทศไทยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทําให้ต้องระวังน้ําหลากดินถล่มและน้ําล้นตลิ่งถึงวันที่ 15 ตุลาคมในพื้นที่ 27 จังหวัด พร้อมระวังน้ําล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเวณแม่น้ํามูล // แม่น้ําท่าจีน // แม่น้ําปราจีนบุรี และแม่น้ําเจ้าพระยา โดยเฉพาะแม่น้ําเจ้าพระยาคาดการณ์จะมีน้ําหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ํา หากปริมาณน้ําตอนบนของประเทศเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาจะต้องเพิ่มการระบายน้ําในอัตรามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทําให้ระดับน้ําบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ํา วัดไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง , อ.พรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี และอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี , คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20–80 เซนติเมตร ปัจจุบัน ณ วันนี้ (9 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,498 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ โดยการระบายน้ําของเขื่อนเจ้าพระยาใกล้แตะที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว จึงต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ําเป็นพิเศษ
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009104125840
246,650
สศก.พัฒนาปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตรรายเดือนระดับจังหวัด พร้อมเปิดให้บริการข้อมูลกว่า 290 ชนิดสินค้า
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงแผนการขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านความมั่นคงอาหาร ซึ่ง สศก. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักประสานการจัดทําปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตรรายเดือนระดับจังหวัด เพื่อคาดการณ์ปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรแบบรายชนิดสินค้า ที่จะออกสู่ตลาดเป็นรายเดือนตลอดปีเพาะปลูกล่วงหน้า ในแต่ละจังหวัด อําเภอ และตําบล ทําให้ทราบปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในแต่ละจังหวัด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการได้ทั้งระบบทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยปัจจุบันได้พัฒนาระบบการจัดทําปฏิทินฯ ร่วมกับหน่วยงานส่วนกลางเพื่ออํานวยความสะดวกในการบันทึกและเรียกรายงานข้อมูลเพื่อนําข้อมูลไปใช้ประโยชน์ เช่น การเชื่อมโยงกับข้อมูลรายงานภาวะการณ์ผลผลิตรายเดือนระดับตําบล การเพิ่มกลุ่มสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น การจัดทําแนวทางการคํานวณปริมาณผลผลิตสินค้าปศุสัตว์ การคํานวณผลผลิตต่อไร่สินค้าประมง และการจัดทํารายงานในรูป Dashboard ซึ่งรวบรวมสินค้าประมาณ 290 ชนิด แบ่งเป็น พืช 156 ชนิด ปศุสัตว์ 21 ชนิด และ ประมง 113 ชนิด เป็นต้นทั้งนี้ สามารถเข้าดูข้อมูลปฏิทินสินค้าเกษตรรายเดือน ระดับจังหวัดได้ทางเว็บไซต์ https://pcc.oae.go.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ส่วนนโยบายระหว่างประเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหาร กองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ โทร. 0 2579 5830 ในวันและเวลาราชการ
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009094826808
246,651
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรคุณภาพ สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวสรุปผลการดําเนินงานและการปฏิบัติงานในรอบปีงบประมาณ 2566 ว่า กรมฯ ได้มุ่งเน้นการตรวจสอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ พร้อมนําเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว สร้างระบบการกํากับดูแลและตรวจสอบคุณภาพการสอบบัญชีสหกรณ์อย่างเข้มข้น เตรียมความพร้อมพัฒนาสู่มาตรฐานการบริหารคุณภาพงานสอบบัญชี (TSQM) ด้วยมุ่งหวังให้สหกรณ์มีระบบบริหารจัดการด้านการเงินที่ดี สามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกได้ โดยในปีงบประมาณ 2566 มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการตรวจสอบบัญชีแล้ว 11,444 แห่ง สามารถแสดงความเห็นต่องบการเงินได้ 8,599 แห่ง ด้านการพัฒนาศักยภาพด้านบริหารจัดการทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกร โดยมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้รับการพัฒนาในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง 450 แห่ง มีการพัฒนาศักยภาพในการจัดทําบัญชีและการนําข้อมูลทางบัญชีมาใช้ในการบริหารจัดการแก่วิสาหกิจชุมชน 954 แห่งทั้งนี้ กรมฯ ยังส่งเสริมให้สหกรณ์ใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (Full Pack Account Software) ปัจจุบัน มีสหกรณ์ที่ใช้บริการแล้ว 1,789 แห่ง รวมถึงการส่งเสริมให้สหกรณ์ คณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ และสมาชิกใช้งานแอปพลิเคชัน SmartMember และ SmartManage พร้อมเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือนและการใช้ข้อมูลทางบัญชีในการประกอบอาชีพแก่เกษตรกรและประชาชน ให้สามารถจัดทําบัญชีได้ ใช้ข้อมูลทางบัญชีเป็น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และมีเงินออม ต่อยอดให้เกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนาสู่การเป็น Smart Farmer และการขยายผลเครือข่ายชุมชนคนทําบัญชี สามารถพัฒนาไปเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรได้ มีการจัดทําแผนธุรกิจ รู้จักการคํานวณต้นทุน มองเห็นช่องทางการต่อยอดผลผลิตต่าง ๆ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 มีเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับการส่งเสริมการจัดทําบัญชีรับ – จ่ายในครัวเรือน 34,557 ราย และบัญชีต้นทุนอาชีพ 24,713 ราย
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009105839850
246,652
ปศุสัตว์สุรินทร์ ประชุมระดมความคิดนำร่องการส่งเสริมและพัฒนาด้านปศุสัตว์ “สุรินทร์โมเดล”
ที่บริษัท สืบสุข เทรดดิ้ง จํากัด ตําบลด่าน อําเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ น.สพ.จรูญวิทย์ นะพรรัมย์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ และ นายสุพิน นองมัน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ สพ.ญ.ปิยชนก ธนเกียรติสกุล และสพ.ญ.วริศรา ว่องวัฒนากูล ร่วมประชุมระดมความคิดในหัวข้อ นําร่องการส่งเสริมและพัฒนาด้านปศุสัตว์ “สุรินทร์โมเดล” สําหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมร่วมหารือร่วมกับผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ โคเนื้อ โคนม สุกร ไก่พื้นเมือง นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านปศุสัตว์และผู้ประกอบการ เพื่อหาแนวทางให้จังหวัดหวัดสุรินทร์เป็นผู้นําร่องด้านการเลี้ยงและส่งออกโค ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งหาแนวทางในการส่งเสริมการส่งออกปศุสัตว์เพื่อสร้างอาชีพ ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนชาวสุรินทร์ ต่อไป
9/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009101839830
246,653
รมช.ศธ. ย้ำ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานคนใหม่ สามารถขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดีมีความสุข
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แต่งตั้งโยกย้ายให้ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ไปดํารงตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นั้น ซึ่งการดําเนินการดังกล่าวเป็นการพิจารณาคัดเลือกของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้ให้ผู้บริหารทุกคนได้แสดงวิสัยทัศน์อย่างรอบด้าน และการคัดเลือกผู้บริหารระดับ 11 ของ ศธ.ทุกคนรมว.ศึกษาธิการ ได้คัดเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ว่าที่ร้อยตรีธนุเข้ามาดูแลการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะว่าที่ร้อยตรีธนุ มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่จะบริหารจัดการงานของสพฐ.ได้อย่างแน่นอน ซึ่งไม่จําเป็นต้องมานั่งเรียนรู้งานใหม่สามารถเชื่อมการทํางานของบุคลากรในสพฐ.และเขตพื้นที่ได้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรีธนุ ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายของ ศธ.และนโยบายรัฐบาลให้ประสบความสําเร็จเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะนโยบายเรียนดีมีความสุข การลดภาระครู การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู การปรับหลักสูตรการศึกษาให้มีความทันสมัยสอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเพิ่มอุปกรณ์การเรียนเสริม เพื่อให้นักเรียนได้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009105449847
246,654
สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนอำเภอคลองใหญ่ จัดโครงการเด็กและเยาวชนคลองใหญ่ ร่วมใจอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
นางกิจติยา ใสสะอาด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด เปิดกิจกรรมวันเยาวชนแห่งชาติจังหวัดตราด ภายใต้โครงการเด็กและเยาวชนคลองใหญ่ ร่วมใจอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประจําปี 2566 ซึ่งสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนอําเภอคลองใหญ่ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัดตราดจัดขึ้นโดยมีคณะสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด และสภาเด็กและเยาวชนอําเภอคลองใหญ่ คณะที่ปรึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 80 คนเข้าร่วมที่หอประชุมโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม อําเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยหลังจากเปิดโครงการนี้ยังได้มีการมอบรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ และผู้ทําคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน ประจําปี 2566 ใหกับ นายนัฐวัฒน์ อินทเกษร อีกด้วยนางสาวรัตนาภรณ์ พันธ์พิริยะ ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดโครงการเด็กและเยาวชนคลองใหญ่ ร่วมใจอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเห็นถึงความสําคัญของปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งยังเป็นการปลูกจิตสํานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการฟื้นฟูแหล่งอนุบาลสัตว์น้ําบริเวณชายฝั่งทะเล โดยมีการนําผู้เข้าร่วมโครงการร่วมกันทําซั้งบ้านปลาโดยทีมวิทยากรจากกลุ่มประมงพื้นบ้านสาธิตการทํา พร้อมทั้งนําซั้งบ้านปลาวางลงสู่ชายฝั่งทะเลในพื้นที่อําเภอคลองใหญ่ รวมทั้งร่วมกันเก็บขยะจากทะเล บริเวณแนวกันคลื่นของท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ อีกด้วย
9/10/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009123024879
246,655
จังหวัดแพร่ เร่งกระจายผลผลิตลองกองสู่ผู้บริโภค เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลองกอง ในพื้นที่ 1,365 ไร่ ผลผลิต 565 ตันต่อปี
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 11.00 น. ที่ที่ว่าการอําเภอเด่นชัย อําเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่แถลงข่าวการกระจายผลผลิตลองกองสู่ผู้บริโภค เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลองกองในพื้นที่ของจังหวัดแพร่ให้มีช่องทางการจําหน่ายผลผลิตผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ลองกองเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สําคัญของจังหวัดแพร่อีกชนิดหนึ่ง โดยมีพื้นที่ปลูกลองกอง จํานวน 5 อําเภอ ได้แก่ อําเภอเด่นชัย อําเภอลอง อําเภอเมืองแพร่ อําเภอวังชิ้น และอําเภอร้องกวาง รวมพื้นที่ให้ผลทั้งหมด จํานวน 1,365 ไร่ คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดรวมจํานวน 565 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 11.30 ล้านบาท ซึ่งผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือน กันยายน - ตุลาคม 2566 โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดมาก (Peak) ในช่วงวันที่ 1-15 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับผลผลิตลองกองของจังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลทําให้ประสบปัญหาผลผลิตลองกองล้นตลาด ณ ปัจจุบัน ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว จํานวน 219 ตัน คิดเป็นร้อยละ 38.76 คาดการณ์ผลผลิตคงเหลือ 346 ตัน คิดเป็นร้อยละ 61.24 จังหวัดแพร่ โดยภาคส่วนราชการและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้ติดตามสถานการณ์ลองกองและร่วมบูรณาการหาแนวทางการกระจายผลผลิตลองกองสู่ผู้บริโภค โดยมีแผนกระจายผลผลิตลองกอง (เกรดรวมช่อ) ไปยังหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนและผู้บริโภค จํานวน 100 ตัน และกระจายไปยังเรือนจําจังหวัดแพร่ (เกรดร่วง) จํานวน 6 ตัน/เดือน และวันนี้ (9 ต.ค.66) เริ่มกระจายผลผลิตลองกองครั้งแรก ปริมาณผลผลิตลองกอง จํานวน 5 ตัน คิดเป็นมูลค่า 115,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลองกองในพื้นที่จังหวัดแพร่ สําหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้น จังหวัดแพร่ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนภายในจังหวัด และต่างจังหวัด ในการรับซื้อและกระจายผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกลองกองจังหวัดแพร่ , จัดหาพื้นที่ให้เกษตรกรจําหน่ายผลผลิตลองกอง เช่น สถานีบริการน้ํามัน และบริเวณสามแยกอําเภอเด่นชัย รวมถึงประสานผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อผลผลิตลองกองถึงพื้นที่
9/10/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009133509898
246,656
กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากช่วง 2 - 3 วันนี้ ในพื้นที่ 15 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง
กรมทรัพยากรธรณี ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มและน้ําป่าไหลหลากช่วง 2 - 3 วันนี้ ในพื้นที่ 15 จังหวัด หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ําป่าไหลหลากช่วง 2 - 3 วันนี้ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลําปาง กําแพงเพชร แพร่ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา และปราจีนบุรี โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มและน้ําป่าไหลหลากบริเวณแผ่นดินถล่ม อําเภอแม่จัน แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย // อําเภอแม่แจ่ม แม่แตง จอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ // อําเภอปาย สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน // อําเภอแม่ระมาด พบพระ อุ้มผาง จังหวัดตาก // อําเภอวังทอง นครไทย จังหวัดพิษณุโลก // อําเภอหล่มสัก หล่มเก่า น้ําหนาว เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ // อําเภอนาแห้ว ภูหลวง จังหวัดเลย และอําเภอนาดี ประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง วัดปริมาณน้ําฝนในรอบ 24 ชั่วโมงได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินถล่มและน้ําป่าไหลหลากได้ ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ําฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ําป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังด้วย
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009152109953
246,657
สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย เกษตรกรขอรับบริการวัคซีนนิวคาสเซิลและหลอดลมอักเสบติดต่อในไก่
วันนี้ (9 ตุลาคม 2566) ที่สํานักงานปศุสัตว์อําเภอด่านซ้าย อําเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย นายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อําเภอด่านซ้าย กล่าวว่า สํานักงานปศุสัตว์อําเภอด่านซ้าย มีเกษตรกรขอรับบริการวัคซีนรวมนิวคาสเซิลและหลอดลมอักเสบติดต่อในไก่ จํานวน 300 โด๊ส เกษตรกร 3 ราย ดังนี้ 1. นางอุบล ทองเทศ บ้านชั่งสี่ บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 5 ตําบลโคกงาม เลี้ยงไก่ไข่ 40 ตัว ไก่พื้นเมือง 58 ตัว 2. นางสาววิลาวัลย์ อาจแก้ว บ้านชั่งสี่ บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 5 ตําบลโคกงาม เลี้ยงไก่ไข่ 80 ตัว 3. นายเจนยุทธ์ แก้วเกษศรี บ้านชั่งสี่ บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 5 ตําบลโคกงาม เลี้ยงไก่ไข่ 40 ตัวทั้งนี้ สํานักงานปศุสัตว์อําเภอด่านซ้ายให้คําแนะนําการทําวัคซีนฯสัตว์ปีก การใช้ยาปฏิชีวนะละลายน้ํา การเลี้ยง การดูแลสุขภาพสัตว์ การป้องกันโรคฯ เพื่อให้เกษตรกรสร้างความเข้มแข็งในการเลี้ยงด้วยตนเอง แก่เกษตรกรผู้ขอรับบริการฯ
9/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.ด่านซ้าย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009151500946
246,658
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนด้านอุตสาหกรรมนม พร้อมเยี่ยมชมโรงงานผลิตภัณฑ์นม อ.ส.ค. มวกเหล็ก
วันที่ 9 ตุลาคม 2566 นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปยังองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนด้านอุตสาหกรรมนม และเยี่ยมชมโรงงานผลิตภัณฑ์นม อ.ส.ค. มวกเหล็ก,ฟาร์มประสิทธิภาพสูง,ฟาร์มท่องเที่ยวเชิงเกษตร อ.ส.ค. ในการนี้ นายอําพันธุ์ เวฬุตันติ ประธานบอร์ด อ.ส.ค.กล่าวต้อนรับ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อํานวยการ อ.ส.ค. ได้บรรยายสรุปผลการดําเนินงานของ อ.ส.ค. โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า อาชีพการเลี้ยงโคนม ถือเป็นอาชีพพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และทรงมีความมุ่งมั่นที่จะให้อาชีพการเลี้ยงโคนมเป็ยอาชีพที่สร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกร ซึ่ง อ.ส.ค.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีบทบาทสําคัญ ซึ่งการดําเนินงานของ อ.ส.ค. จากนี้ไป ต้องมีการบริหารแบบมืออาชีพทั้งด้านการดําเนินธุรกิจ และการส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกร อยากให้ผู้บริหารได้คิดนอกกรอบ ในการพัฒนา อ.ส.ค. ซึ่งได้สั่งการให้ อ.ส.ค. ได้มีการจัดทําแผนธุรกิจเชิงรุกที่ช่วยเพิ่มรายได้ สร้างส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูง ยกระดับการทําตลาดไปสู่ตลาดบน อีกทั้งเป้าหมายในระยะยาวที่จะผลักดันให้ดําเนินการคือการนํา อ.ส.ค.เข้าสู่ลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะนําประโยขน์มาสู่ อ.ส.ค.โดยเฉพาะด้านการระดมทุนขณะเดียวกัน ต้องช่วยเหลือเกษตรกร แก้ปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าอาหารสัตว์ โดยนอกจากให้อ.ส.ค.ได้เร่งดําเนินการแล้ว ตนเองจะดําเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่น การสนับสนุนให้มีการทําคอนแทรคฟาร์มมิ่งระหว่างสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมกับสหกรณ์ที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สําคัญ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าวัตถุดิบ และขอแจ้งข่าวไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ส่งเรื่องขึ้นราคาน้ํานมดิบอีกกิโลกรัมละ 3.75 บาท เข้าคณะรัฐมนตรีแล้ว รอเพียงการนําเสนอเข้าวาระการประชุมในเร็ว ๆ นี้จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดําเนินงานของและตรวจเยี่ยมการดําเนินงานของสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค(มิตรภาพ) จํากัด อําเภอมวกเหล็ก อําเภอมวกเหล็ก โดยมี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปผลการดําเนินงานของสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค(มิตรภาพ) จํากัด อําเภอมวกเหล็ก รับฟังปัญหาของเกษตรกร พร้อมกล่าวถึงนโยบายการช่วยเหลือของรัฐบาลที่จะเร่งดําเนินการช่วยเหลือ ต่อไป
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สระบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009152939956
246,659
เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเบตง ผลิตชีวภัณฑ์เชื้อราบิวเวอเรียสนับสนุนแก่เกษตรกรนำไปใช้ ทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร
วันนี้ (9 ต.ค.66) ที่สํานักงานเกษตรอําเภอเบตง จังหวัดยะลา นางสาวอาภรณ์ รัตนพิบูลย์ รักษาราชการแทนเกษตรอําเภอเบตง มอบหมายให้นางสาวพรพรรณ มณีโชติ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ และนางสาววารุณี แซ่ลก นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ผลิตชีวภัณฑ์เชื้อราบิวเวอเรีย เพื่อสนับสนุนแก่เกษตรกรนําไปใช้ ทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร นางสาวอาภรณ์ รัตนพิบูลย์ รักษาราชการแทนเกษตรอําเภอเบตง กล่าวว่า เชื้อราบิวเวอร์เรียเป็นเชื้อราที่มีสปอร์สีขาว มีลักษณะเส้นใยเป็นสีขาว เป็นเชื้อจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งอยู่ในกลุ่มเชื้อรา สามารถควบคุมและทําลายแมลงได้โดยเมื่อเส้นใยของเชื้อราบิวเวอร์เรียเข้าสู่แมลงทางผิวหนัง หรือช่องว่างของลําตัวรวมทั้งจะสร้างเอนไซม์เพื่อช่วยย่อยผนังบางส่วนและแทงเส้นใยผ่านลําตัวเข้าไปเจริญ และเพิ่มปริมาณทําให้แมลงเกิดโรคตายในที่สุด โดยใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน แต่แมลงจะหยุดกิจกรรมภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากสัมผัสเส้นใยของเชื้อรา ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของแมลง แมลงที่ตายด้วยเชื้อราบิวเวอร์เรีย จะมีลักษณะลําตัวแข็งมีสปอร์ของเชื้อราขึ้นปกคลุมลําตัวภายนอกเป็นสีขาว ความรุนแรงของเชื้อจะรุนแรงมากหรือน้อย ยังขึ้นกับลักษณะพันธุกรรมของเชื้อ ความแข็งแรง หรือภูมิต้านทานของแมลงอีกด้วย แต่แมลงจะตายทุกครั้งที่โดนเชื้อรา ซึ่งจะต่างกับสารเคมีที่แมลงสามารถต้านทานได้ในระยะยาว สามารถทําลายแมลงได้ทุกระยะ ตั้งแต่ระยะที่เป็นไข่จนถึงตัวเต็มวัย สามารถทําลายระยะที่เป็นหนอนได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นการควบคุมโดยชีววิธีที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งจึงขอแนะนําให้ใช้เชื้อราเชื้อราบิวเวอเรีย ทําลายแมลงศัตรูพืชที่สําคัญ เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน และหนอน เป็นต้น วิธีการใช้พ่นทางใบใช้เชื้อสดอัตรา 1 กิโลกรัม ผสมน้ํา 20 ลิตร ใส่สารจับใบนําไปฉีดโดยพ่นใต้ใบ พยายามให้ถูกตัวแมลง ควรพ่นเวลาเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด และควรฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน หรือจนกว่าแมลงศัตรูพืชจะหมดไป
9/10/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009160532982
246,660
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ห่วงหน้าแล้งปี 67 หลังน้ำในเขื่อนมีไม่ถึงร้อยละ 50 ของความจุ เตือนเกษตรกร วางแผนการปลูกพืช กำชับทุกอำเภอเร่งสูบน้ำเข้าบ่อ เก็บกักไว้ให้ ปชช.
วันนี้ (9 ต.ค. 66) ที่ห้องประชุมท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดเพื่อติดตามสถานการณ์น้ําในอ่างเก็บน้ําต่างๆของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ ปภ.จังหวัด ชลประทานจังหวัด นายอําเภอทั้ง 32 อําเภอของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อวางแผนในการจัดการบริหารน้ําในช่วงหน้าฝนจนไปถึงช่วงฤดูแล้งปี 2567 หลังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณฝนตกลงมาต่อเนื่องแต่ปริมาณน้ําภายในอ่างเก็บน้ําแต่ละแห่งของจังหวัดมีปริมาณน้ํากักเก็บไม่ถึงร้อยละ50ของความจุนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้มีการรายงานและประเมินสถานการณ์น้ําภายในอ่างเก็บน้ําทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา อย่างใกล้ชิด ทุกวัน ที่ผ่านมาปริมาณน้ําฝนที่ตกในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่ามีไม่มากนักแต่ก็เพียงพอต่อพี่น้องเกษตรในการทําการเกษตร เพียงแต่ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําที่จะใช้ในหน้าแล้งปี 2567 ถือว่ายังมีไม่มากนักและยังไม่น่าไว้วางใจ โดยในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้จําเป็นที่จะต้องมีการจัดการบริหารน้ําอย่างดี โดยได้มีการแจ้งเตือนไปยังพี่น้องเกษตรกรทั้ง 32 อําเภอให้มีความระมัดระวังในการทําการเกษตร หรือปลูกพืชที่ต้องในน้ําในปริมาณมาก น้ําในอ่างแต่ลพแห่งมีปริมาณน้ําใช้การได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุ เทียบกับปีที่แล้วที่ปริมาณน้ําเต็มความจุ ดังนั้นเกษตรกรควรมีการวางแผนการทําการเกษตรเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนทางจังหวัดได้กําชับให้ทุกอําเภอ ทุกหมู่บ้านที่มีพื้นที่รับน้ํา บ่อ สระ ในหมู่บ้าน ให้ทําการเร่งสูบน้ํากักเก็บไว้สํารองเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการขาดแคลนน้ําสําหรับสถานการณ์น้ําภายในอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา 4 แห่ง อ่างเก็บน้ําลําตะคองมีปริมาณนั้ 150.44 ล้าน ลบ.ม.จากความจุ 314 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 51.56 อ่างเก็บน้ําลําพระเพลิง มีปริมาณน้ํา 102.22 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 155 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อย 66.5 อ่างเก็บน้ําลํามูลบน มีปริมาณน้ํา 60.95 ล้าน ลบ.ม.จากความจุ 141 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 52.21 และอ่างเก็บน้ําลําแชะ มีปริมาณน้ํา 132 ล้าน ลบ.ม จากความจุ 275 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 49.26
9/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009161519987
246,661
เตรียมศึกษาและพัฒนา Gene Bank เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ศขช.) หรือ Gene Bank โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วม ณ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว ตําบลรังสิต อําเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีสําหรับศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ธนาคารเชื้อพันธุ์ข้าว) เป็นศูนย์วิจัยข้าวแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2524 มีหน้าที่ในการพัฒนาและปรับปรุงการผลิตข้าว รวบรวม อนุรักษ์ ทรัพยากรพันธุกรรมข้าวไทย รวบรวมข้อมูลประวัติและลักษณะประจําพันธุ์ข้าว ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมข้าว พร้อมให้บริการข้อมูลและเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าว โดยมีห้องเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าว 2 ระยะ ได้แก่ 1) ห้องอนุรักษ์ระยะสั้น (อุณหภูมิ 15 ?C ความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน 60%) เก็บรักมาได้ประมาณ 3 – 5 ปี และห้องอนุรักษ์ระยะปานกลาง (อุณหภูมิ 5 ?C ความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน 60%) เก็บรักษาได้ประมาณ 20 ปี ปัจจุบันมีเชื้อพันธุ์ข้าวเก็บรักษาไว้ประมาณ 24,000 เชื้อพันธุ์ แบ่งเป็น ข้าวพื้นเมือง 18,000 เชื้อพันธุ์ ข้าวสายพันธุ์ดี 2,000 เชื้อพันธุ์ ข้าวพันธุ์รับรอง 100 เชื้อพันธุ์ ข้าวสายพันธุ์ต่างประเทศ 3,000 เชื้อพันธุ์ และข้าวป่า 1,000 เชื้อพันธุ์ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอความต้องการในการพัฒนาปรับปรุง หรือจัดสร้าง Gene Bank ใหม่ เพื่อให้มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมทันสมัย เนื่องจากของเดิมมีอายุการใช้งานมากว่า 40 ปีแล้วทั้งนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวว่า Gene Bank เป็นส่วนสําคัญที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี มีความสําคัญในการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว แต่เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่เก่าแก่ และมีสภาพชํารุดทรุดโทรม ทําให้ไม่สามารถดําเนินการได้เต็มศักยภาพ แต่เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านการส่งออก จึงมีความจําเป็นที่จะต้องพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้มีความทันสมัย สามารถปฏิบัติการได้เต็มศักยภาพ จะส่งผลให้ได้พันธุ์ที่มีผลผลิตสูง เพิ่มรายได้ให้ชาวนาต่อไป
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
กรมประชาสัมพันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009224252091
246,662
รมต.เกษตรฯ เตรียมศึกษาและพัฒนา Gene Bank เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว
วันนี้ (9 ต.ค.66) เวลา 14.00 น. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ศขช.) หรือ Gene Bank โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พลตํารวจโท คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วม ณ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว ตําบลรังสิต อําเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีGene Bank หรือธนาคารเชื้อพันธุ์ เป็นการรักษาและอนุรักษ์ความหลากหลายทางพันธุกรรม (Genetic Diversiy) ของพืชหรือสัตว์ ที่มีลักษณะพันธุกรรมที่น่าสนใจ เช่น มีความต้านทานโรคสูง เป็นชนิดพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งเป็นชนิดพันธุ์ที่กําลังจะสูญหายไป เพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคต สําหรับศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ธนาคารเชื้อพันธุ์ข้าว) เป็นศูนย์วิจัยข้าวแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2524 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น มีหน้าที่ในการพัฒนาและปรับปรุงการผลิตข้าว รวบรวม อนุรักษ์ ทรัพยากรพันธุกรรมข้าวไทย รวบรวมข้อมูลประวัติและลักษณะประจําพันธุ์ข้าว ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมข้าว พร้อมให้บริการข้อมูลและเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าว มีการดําเนินงานในการฟื้นฟูเชื้อพันธุ์ข้าว 2,000 เชื้อพันธุ์ต่อปี บริการเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าว เชื้อพันธุ์ละ 5 กรัม โดยในปี 2561-2566 ให้บริการ 106 ราย รวม 2,388 เชื้อพันธุ์ ส่งเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวไปฝากเก็บที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์พืชโลกสวาลบาร์ด ราชอาณาจักรนอร์เวย์ 7 ครั้ง รวม 1,239 เชื้อพันธุ์ ปัจจุบันมีเชื้อพันธุ์ข้าวเก็บรักษาไว้ประมาณ 24,000 เชื้อพันธุ์ แบ่งเป็น ข้าวพื้นเมือง 18,000 เชื้อพันธุ์ ข้าวสายพันธุ์ดี 2,000 เชื้อพันธุ์ ข้าวพันธุ์รับรอง 100 เชื้อพันธุ์ ข้าวสายพันธุ์ต่างประเทศ 3,000 เชื้อพันธุ์ และข้าวป่า 1,000 เชื้อพันธุ์ ใน Gene Bank แห่งนี้มีห้องเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าว 2 ระยะคือ 1) ห้องอนุรักษ์ระยะสั้น (อุณหภูมิ 15 ?C ความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน 60%) เก็บรักษาได้ประมาณ 3-5 ปี และ 2) ห้องอนุรักษ์ระยะปานกลาง (อุณหภูมิ 5 ?C ความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน 60%) เก็บรักษาได้ประมาณ 20 ปีโอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า “Gene Bank เป็นส่วนสําคัญที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี มีความสําคัญในการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว แต่เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่เก่าแก่ และมีสภาพชํารุดทรุดโทรม ทําให้ไม่สามาถดําเนินการได้เต็มศักยภาพ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการผลิต ทั้งด้านงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านการส่งออก จึงมีความจําเป็นที่จะต้องพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้มีความทันสมัย สามารถปฏิบัติการได้เต็มศักยภาพ จะส่งผลให้ได้พันธุ์ที่มีผลผลิตสูง เพิ่มรายได้ให้ชาวนาต่อไป” ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานีมีพื้นที่เกษตรกรรม 353,308.17 ไร่ (36.66% ของพื้นที่ทั้งหมด) เป็นพื้นที่เพาะปลูกพืช 332,992.02 ไร่ ได้แก่ ข้าว 248,536.81 ไร่ ไม้ผล 35,895.55 ไร่ ไม้ยืนต้น 15,418.63 ไร่ พืชผัก 21,445 ไร่ ไม้ดอกไม้ประดับ 6,093.14 ไร่ พืชไร่ 3,837.77 ไร่ สมุนไพร 1,765.13 ไร่ และพื้นที่ประมง 20,316.15 ไร่ มีพื้นที่ชลประทาน 501,937 ไร่ และไม่มีพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน อย่างไรก็ตาม จังหวัดปทุมธานีได้ยกย่องให้ข้าวหอมปทุมธานี (ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1) เป็นสินค้าเกษตรที่สําคัญ และเป็นสินค้า GI ของจังหวัดปทุมธานี มีลักษณะเด่น คือ เป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี มีลักษณะทางกายภาพ คือ เปลือกข้าวข้าวสีฟาง รูปทรงเมล็ดข้าวเรียว ยาว จมูกข้าวเล็ก เนื้อเมล็ดข้าวมีสีขาว ผิวค่อนข้างมัน เมื่อสุกแล้วข้าวนุ่มค่อนข้างเหนียวและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปลูกและผลิตในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ปทุมธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009204017061
246,663
ปศุสัตว์สุรินทร์เข้มเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ปีก ทุกพื้นที่ ในจังหวัดสุรินทร์
วานนี้ 8 ตุลาคม 2566 จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา แถลงข่าวว่าพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยไข้หวัดนก 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 3 (ผู้ป่วยเสียชีวิตรายที่ 2) ด้วยเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ใน พ.ศ. 2566 และเป็นผู้ป่วยรายที่ 58 ในกัมพูชานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 นั้นน.สพ.อภิชัย นาคีสังข์ ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้ น.สพ.จรูญวิทย์ นะพรรัมย์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ปีก จุดรวบรวมไก่พื้นเมือง อ.ท่าตูม โดยสอบถามและสังเกตุอาการทางคลินิก ไม่พบอาการเจ็บป่วยของไก่พื้นเมือง ณ จุดรวบรวมดังกล่าว แต่อย่างใด
9/10/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009222500084
246,664
สทนช. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยงและน้ำล้นตลิ่ง หลังคาดการณ์จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอีกถึง 12 ต.ค.นี้
สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ําที่มีความเสี่ยงและน้ําล้นตลิ่ง หลังคาดการณ์จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอีกถึงวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ทําให้ต้องระวังน้ํามากเกินระดับกักเก็บของอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ 9 แห่ง สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ําที่มีความเสี่ยงและน้ําล้นตลิ่ง ฉบับที่ 3 เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทําให้มีฝนตกหนักสะสม โดยคาดการณ์จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอีกถึงวันที่ 12 ตุลาคม ส่งผลให้น้ําหลากลงสู่ลุ่มน้ําและอ่างเก็บน้ําเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้เฝ้าระวังน้ําล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ําและพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ําช่วงวันที่ 12 - 18 ตุลาคมในอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ําสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ํากักเก็บสูงสุด (Upper Rule Curve) 9 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ําแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่ , อ่างเก็บน้ํากิ่วลม และแม่มอก จังหวัดลําปาง , อ่างเก็บน้ําห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี , อ่างเก็บน้ําน้ําพุง และหนองหาร จังหวัดสกลนคร , อ่างเก็บน้ําอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น , อ่างเก็บน้ําลําปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ , อ่างเก็บน้ําขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก , อ่างเก็บน้ําขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ํามากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ําล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ํา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ําป่าสักชลสิทธิ์ คาดการณ์จะมีน้ําไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและมีแนวโน้มน้ํามากกว่าร้อยละ 80 รวมทั้ง ระวังพื้นที่เสี่ยงน้ําล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ําในแม่น้ํายม บริเวณอําเภอศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสําโรง เมืองสุโขทัย และกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย , อําเภอพรหมพิราม และบางระกํา จังหวัดพิษณุโลก , อําเภอสามง่าม และโพทะเล จังหวัดพิจิตร // แม่น้ํามูล บริเวณสถานี M.7 อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี คาดการณ์ระดับน้ําจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าตลิ่ง 1 – 1.50 เมตร จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเวณอําเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชําราบ พิบูลมังสาหาร ดอนมดแดง ตระการพืชผล และม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี // แม่น้ํายัง บริเวณสถานี E.92 อําเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด คาดการณ์ระดับน้ําจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าตลิ่ง 1 - 1.50 เมตรถึงวันที่ 11 ตุลาคม จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา บริเว อําเภอเสลภูมิ และโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด จากนั้นช่วงวันที่ 13 - 14 ตุลาคมระดับจะลดลงต่ํากว่าตลิ่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ําและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ํา รวมทั้ง วางแผนการบริหารจัดการน้ําให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ําของอ่างเก็บน้ํา เขื่อนระบายน้ํา และระบบชลประทานเพื่อเป็นการหน่วงน้ําที่ไหลลงมาสมทบแม่น้ําสายหลักให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพในแต่ละช่วงเวลา ควบคู่กับจัดการจราจรทางน้ําลดผลกระทบจากปริมาณน้ําที่จะไหลหลากมายังบริเวณแม่น้ํามูลและแม่น้ําเจ้าพระยา
9/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231009225550099
246,665
ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง เร่งตรวจสอบกรณีฟาร์มไก่เนื้อทิ้งซากไก่ตายนับร้อยตัวทิ้งในลำห้วยแม่ยิ่ง
นายศร ธีปฏิมากร ปศุสัตว์จังหวัดลําปาง เปิดเผยว่า กรณีมีการเผยแพร่ข่าวฟาร์มไก่เนื้อทิ้งซากไก่ตายนับร้อยตัวทิ้งในลําห้วยแม่ยิ่ง ในท้องที่ตําบลหนองหล่ม อําเภอห้างฉัตร จังหวัดลําปาง โดยในวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดลําปาง สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลําปาง สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 2 อําเภอห้างฉัตร และเทศบาลตําบลหนองหล่ม ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งน้ําสาธารณะลําห้วยแม่ยิ่ง ผลการตรวจสอบ พบว่า มีฟาร์มไก่เนื้อซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเชิงธุรกิจ เลี้ยงในโรงเรือน Evaporative cooling system จํานวน 2 โรงเรือน เลี้ยงไก่เนื้อรวม 50,000 ตัว โดยผู้ประกอบการ (เจ้าของฟาร์ม) ให้ข้อมูลว่าได้นําซากไก่ออกนอกพื้นที่ฟาร์มของตนและมีการนําไปทิ้งริมห้วยแม่ยิ่งจริง แต่เจ้าของฟาร์มได้ดําเนินการเก็บซากไก่ดังกล่าวและนํามาฝังทําลายในพื้นที่ (ฝังทําลายในวันที่ 8 ตุลาคม 2566)ทั้งนี้ สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดลําปาง ได้ดําเนินการตรวจสอบอัตราการป่วย/อัตราการตายของไก่เนื้อในฟาร์มดังกล่าว เก็บตัวอย่างไก่ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ) และคณะผู้ตรวจประเมินมาตรฐานฟาร์มด้านสิ่งแวดล้อม และแจ้งข้อบกพร่องให้ผู้ประกอบการรับทราบและดําเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านปศุสัตว์สําหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010094244167
246,666
กอนช. เฝ้าระวังปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของประเทศ หลังเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังปริมาณน้ําหลากจากตอนบนของประเทศ หลังเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําอยู่ที่ 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ําลงสู่ทะเลอ่าวไทย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ประเทศไทย ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทําให้มีฝนตกหนักบางแห่งและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ โดยคาดการณ์ช่วงวันที่ 11 –14 ตุลาคมประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทําให้ต้องระวังพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วง 1-3 วันนี้ ในภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงใหม่ ลําปาง น่าน พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น หนองบัวลําภู และอุดรธานี // ภาคใต้ บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช และยะลา ขณะที่วันนี้ (10 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ําบริเวณสถานีวัดน้ํา C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ําหลากจากทางตอนบนของประเทศ พร้อมตัดยอดน้ําเข้าระบบคลองชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ําเจ้าพระยา เนื่องจากยังมีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของประเทศ ส่งผลให้ระดับน้ําบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ํานอกคันกั้นน้ํา วัดไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง , อ.พรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี และอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี , คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20–80 เซนติเมตร ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ใช้ระบบชลประทานในลุ่มน้ําเจ้าพระยาเร่งระบายน้ําจากตอนบนลงสู่ทะเลอ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบน้ําเอ่อล้นตลิ่งนอกคันกั้นน้ําและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังได้บริหารจัดการน้ําในลุ่มน้ําป่าสัก ด้วยการผันน้ําบางส่วนออกทางคลองระพีพัฒน์ ผ่านประตูระบายน้ําพระนารายณ์ ลงสู่คลองระพีพัฒน์ คลอง 13 และคลองพระองค์ไชยานุชิต เพื่อเร่งสูบระบายลงอ่าวไทย พร้อมตัดยอดน้ําบางส่วนออกทางคลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองหกวาสายล่าง คลองบางขนาก คลองนครเนื่องเขต และคลองสําโรง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ําแบบ Hydro Flow เพิ่มอีก 7 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ําปลายคลอง 20 ประตูระบายน้ําปลายคลอง 19 ประตูระบายน้ําบางขนาก และประตูระบายน้ําท่าถั่ว เพื่อเร่งสูบน้ําลงสู่แม่น้ํานครนายกและแม่น้ําบางปะกง ซึ่งช่วยลดปริมาณน้ําที่จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก และลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ําบริเวณ อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง และ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้ง ลดปริมาณน้ําที่จะไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครด้วย
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010093542161
246,667
กรมพัฒนาที่ดิน ตอบรับนโยบายยกระดับสินค้าเกษตร เสริมศักยภาพเกษตรกร มุ่งเพิ่มขีดความสามารถการผลิตของการเกษตรไทย
นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า กรมพัฒนาที่ดินได้ดําเนินโครงการการประเมินสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตร โดยทําการศึกษาลักษณะและสมบัติเด่นของดิน รวมถึงประเมินสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่ปลูกพืชอัตลักษณ์พื้นถิ่น เพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านทรัพยากรดินและเป็นแนวทางการจัดการดิน สําหรับการปลูกพืชบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (พืช GI) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้ทราบสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่เกษตรกรรมชั้นดีและบ่งชี้สถานะของดินที่มีการปลูกพืชให้มีคุณภาพ และยังนําไปใช้เพื่อเป็นคําแนะนําการจัดการดินในพื้นที่ปลูกพืช เพื่อให้เกษตรกร รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ในกําหนดแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรดินในบริเวณที่มีลักษณะโดดเด่นเพื่อผลักดัน เสริมสร้าง และคุ้มครองปัจจัยบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พืชท้องถิ่น และพืชเศรษฐกิจอื่น อย่างมีคุณภาพดี
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010095344173
246,668
รมช.ศธ. เดินหน้าจัดการอาชีวศึกษาเอกชน ย้ำไม่ใช่ภาระของรัฐ แต่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการอาชีวศึกษาในภาพรวมให้บรรลุเป้าหมาย
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาผู้บริหารและครูสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน และการประชุมใหญ่สามัญประจําปี ครั้งที่ 48 พ.ศ.2566 ภายใต้หัวข้อ “การสร้างความยั่งยืนการอาชีวศึกษาเอกชนสู่ความสําเร็จในอนาคต” โดยกล่าวว่า “การอาชีวศึกษาเอกชน เป็นอีกหนึ่งกําลังสําคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศ ที่ร่วมผลิตและพัฒนากําลังคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน การบริหารจัดการ การเสริมสร้างศักยภาพครู และนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษา เป็นภารกิจที่สําคัญของสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งรัฐบาลได้กําหนดแนวนโยบายในด้านการศึกษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ํา และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนทุกคนนายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอาชีวศึกษาเอกชน ไม่ใช่ภาระของรัฐ แต่มีส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการอาชีวศึกษาในภาพรวมให้บรรลุเป้าหมาย การดําเนินงานของ สอศ. รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ ภาครัฐและภาคเอกชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องพัฒนาร่วมกัน และช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้เกิดความสําเร็จในด้านการศึกษาอย่างยั่งยืน
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010101143175
246,669
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบสมัชชาคนจน พร้อมเตรียมเสนอเข้า ครม. เร่งหาแนวทางแก้ไขโดยด่วน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ารับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องของกลุ่มสมัชชาคนจน ที่ชุมนุมปักหลักเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน ณ บริเวณพื้นที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ภายหลังจากการรับฟังปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มสมัชชาคนจน พบว่า โดยทางกลุ่มสมัชชาคนจนมีข้อเรียกร้องคือ ปัญหาที่ดิน เป็นประเด็นหลัก และมีบางข้อเรียกร้องได้รับการดําเนินแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่าจะเร่งรัดให้เป็นวาระเร่งด่วนในการหาแนวทางเพื่อให้เกิดการเจราจาระหว่างรัฐบาลกับสมัชชาคนจน เนื่องจากความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ทางด้านกลุ่มสมัชชาคนจน กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ที่รับข้อเสนอและที่จะเร่งผลักดันให้มีความคืบหน้า ซึ่งสร้างความพอใจให้กับกลุ่มเป็นอย่างมาก
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010134246266
246,670
เกษตรจังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่การเกษตร
นายมาโนช ระรวยรส นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชํานาญการพิเศษ รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนนทบุรี มอบหมายให้ นางสาวภัทรพร สาเทศ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ร่วมกับ นางสาวณราภรณ์ กล่ําแสง เกษตรอําเภอปากเกร็ด และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ําในพื้นที่การเกษตร ตําบลเกาะเกร็ด อําเภอปากเกร็ด ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกและการระบายน้ํา ผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมกําชับให้สํานักงานเกษตรอําเภอปากเกร็ด ติดตามข้อมูลการบริหารจัดการน้ําของกรมชลประทานในพื้นที่ ซึ่งคาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝนจะตกลงมาเพิ่มเติม เพื่อแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์เฝ้าระวังผลกระทบจากการระบายน้ํา ให้เกษตรกรได้รับทราบต่อไป
10/10/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นนทบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231010110736201
246,671