title
stringlengths 1
182
| text
stringlengths 1
45.8M
| source
stringclasses 5
values | __index_level_0__
int64 0
197k
|
---|---|---|---|
เพราะวาจา | บรรยายสังเขป คำว่า “เพราะวาจา”
เรื่องเพราะวาจานั้น เดิมมีเรื่องอยู่ว่า เพราะถ้อยคำที่ให้กลับยินดี เป็นต้น ซึ่งได้แก่ ปิยะวาจา เรื่องที่ให้ชื่อว่า ได้เพราะวาจา ก็เพราะจะให้ได้อย่างคำที่ว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท อย่างหนึ่งด้วย แต่ที่จะให้เป็นเลิศต้องนับที่จะเป็นวาจาสุภาษิต หรือที่อันจะเป็นได้ไปแก่พยากรณ์ แก่ปวงนิกร ในภพหน้า หรือในภายหน้า ซึ่งในคัมภีร์พระไตรปิฎก ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสพระดำรัสเป็นพยากรณ์ไว้ ได้ค้นหามา มีดังต่อไปนี้ ซึ่งได้มีมากถึงกว่า ห้าสิบตัวอย่างในเรื่อง คือ
แล้วทรงตรัสกล่าวถึงเพราะคนกล่าววาจาดี และเพราะกล่าวในที่เหมาะสมเป็นต้น เรื่องตรัสพยากรณ์นั้นได้ปรากฏนับถือเป็นแน่นอนกันมาอย่างชัดเจน ว่า เว้นแต่ตถาคตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ในที่อื่นและผู้อื่นนั้นก็เป็นแต่พูดเดา และพูดกล่าวถึงแต่ในสิ่งที่ไม่ได้มีไม่ได้เป็นอยู่ตามความเป็นจริง ย่อมไม่ให้นับถือว่าเป็นคำพยากรณ์ ย่อมถือกันแต่ว่าเป็นของเปล่าๆ สักแต่ว่าเป็นคนพูดมีเสียงให้ได้ยินเท่านั้น เพราะอาทิเป็นแต่เสียงแล้ว ๆทั่วไป ย่อมจะต้องมีมากมายเกลื่อนกล่นเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นจึงไม่อาจจะให้ถือว่าเป็นกำหนดพยากรณ์ตามความหมายได้
เรื่องวินิจฉัยศัพท์ด้วยเกณฑ์ตารางแสดงคำศัพท์ต่อไปนี้ แสดงถึง วาจา คำพูด ตลอดถึงสิ่งแสดงไว้ว่าเป็นการได้สดับซึ่งรับตามบทที่ปรากฏ ตามความหมายในพระไตรปิฎก ซึ่งได้แก่ ความว่า, หมายถึง, ได้แก่, ดังกล่าว, คือ (วาจา). ซึ่งได้ค้นไปกว่าตรงศัพท์ตามตัวมานั้นที่มีกำหนดจำกัดไว้แค่ว่า แปลว่า เพื่อให้ค้นไปยิ่งขึ้นให้เสริมกันให้ถึงแก่ความเป็นตำรา ก็จะต้องไม่เป็นกำหนดแค่นั้น เพื่อที่ควรศึกษาได้แล้วจะได้ทำไว้เป็นสิ่งประดับเสริมพูนความรู้ได้มากต่อไป สำหรับเฉพาะในชั้นเรียนที่เรียนกันมาเกี่ยวแก่ภาษาตามคำศัพท์ ซึ่งปรากฏมาแล้วเป็นหนังสือบาลีตามตอนที่มีอรรถกถาประกอบไว้เป็นบรรยาย | thaiwikibooks | 196,780 |
สังเขปตำรา พระธรรมบท | ธรรมบท คือ พุทธพจน์ที่มาในรูปของบทกวี มีหัวข้อธรรมชั้นสำคัญๆรวบรวมเป็นหมวดหมู่ ธรรมบท หรือ ธมฺมปท ดังนี้ จัดเป็นบทร้อยกรองที่แสดงพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้ทรงแสดงแก่บุคคลตั้งแต่บรรพชิต คฤหัสถ์ นักปราชญ์ ตลอดชาวบ้านธรรมดา กระทั่งเด็กเล็กๆ ก็อาจมีเนื้อหาถึงการแสดงพระธรรมไว้ด้วย บทธรรมะกวีมีด้วยพระธรรมบท ทั้งหมด 423 พระคาถา แบ่งเป็น 26 วรรค ที่นับกันว่าเป็นหัวใจหลักแสดงสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างครอบคลุมที่สุด เป็นพระคัมภีร์บาลีในลำดับแรกๆที่ได้รับการแปลถ่ายทอดเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุด ธรรมบท ยังใช้เป็นหลักสูตรของพระสงฆ์ชั้นประโยค 3-6 ประโยคด้วย โดยกำหนดให้เรียนควบคู่กับหนังสือตามบทพระอรรถกถาจารย์ ที่ชื่อว่า “ธัมมปทัฏฐกถา” ซึงแต่งโดยพระพุทธโฆษาจารย์ ที่ปรากฏมีอายุมาแล้วเมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมา แล้วปรากฏตามอรรถาธิบายนั้นเอง ว่า อธิบายตามบทนั้นมีลักษณะพิเศษ คือ สอนให้คิดเปรียบเทียบเป็นอุปมาอุปไมยให้ดัดแปลงให้เป็นประโยชน์ได้เอง และเมื่อฝึกฝนตามข้อคิดทั้งหมดแล้วก็อาจได้บรรลุคุณประโยชน์ทางจิตใจตามแต่จะต้องการ เรื่องด้วยบาทพระคาถาและบทธรรม มีดังนี้.
หลักเกณฑ์ และความต้องการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
หลักเกณฑ์ และความต้องการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์.
ควรแก่การศึกษาให้แพร่หลาย ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย สำหรับเป็นธรรมทาน หรือสำหรับแจกฟรีเท่านั้น.
ศึกษาข้อมูลจากต้นฉบับ ที่มาจาก :
บทที่ศึกษาและพิเคราะห์ในภาคภาษาไทย ว่า มีเนื้อเรื่อง 302 เรื่อง จากทั้งหมด 423 บทพระคาถา. | thaiwikibooks | 196,781 |
ภาษาเกาหลี/การใช้-이에요(-예요) | การใช้ -이에요 (-예요)
이에요 หรือ 예요
ทั้งสองอย่างนี้แปลว่า “เป็น,คือ”
การที่จะใช้ 이에요 หรือ 예요 นั้น
ขึ้นอยู่กับพยางค์ท้ายสุดว่าลงท้ายด้วยตัวสะกดหรือสระ
ลงท้ายด้วยตัวสะกด + 이에요.
ลงท้ายด้วยสระ + 예요.
물 + 이에요. = 물이에요.
가방 + 이에요. = 가방이에요.
학교 + 예요. = 학교예요.
การทำให้เป็นประโยคคำถามนั้นทำได้ด้วยการขึ้นเสียงสูงที่พยางค์ท้ายสุด
물이에요.(มุ-รี-เอ-โย) » 물이에요?(มุ-รี-เอ-โย๊?)
학교예요.(ฮัก-กโย-เย-โย) » 학교예요?(ฮัก-กโย-เย-โย๊?) | thaiwikibooks | 196,782 |
ภาษาเกาหลี/이,그,저(นี้,นั้น,โน้น) | 이 그 저 (นี้,นั้น,โน้น)
이 ใช้อ้างถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวคุณ(แปลว่า นี้)
그 ใช้อ้างถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไกลตัวคุณแต่ใกล้ตัวผู้ที่สนทนาอยู่ด้วย(แปลว่า นั้น)
저 ใช้อ้างถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไกลออกไปทั้งตัวคุณและผู้ที่คุณสนทนาด้วย(แปลว่า โน้น)
것(ก็อซ) แปลว่า สิ่ง
이+것 = 이것(이거) แปลว่า สิ่งนี้
그+것 = 그것(그거) แปลว่า สิ่งนั้น
저+것 = 저것(저거) แปลว่า สิ่งโน้น
เราสามารถใช้(이,그,저)ประกอบกับคำนามอื่นๆอีกได้ เช่น
사람
이 사람 = คนนี้
그 사람 = คนนั้น
저 사람 = คนโน้น | thaiwikibooks | 196,783 |
ภาษาเกาหลี/아니에요. | 아니에요.
อ่านว่า “อา-นี-เอ-โย”
แปลว่า “ไม่เป็น...” หรือ “ไม่ใช่...”
“คำนาม + 아니에요.”
ตัวอย่าง
우유 아니에요. = มันไม่ใช่นม
물 아니에요. = มันไม่ใช่น้ำ
가방 아니에요. = มันไม่ใช่กระเป๋า
책 아니에요. = มันไม่ใช่หนังสือ | thaiwikibooks | 196,784 |
ภาษาเกาหลี/있어요. 없어요. | 있어요. 없어요.
있어요.(อิซ-ซอ-โย) แปลว่า “มี” หรือ “อยู่”
없어요.(อ๊อบ-ซอ-โย) แปลว่า “ไม่มี” หรือ “ไม่อยู่”
ตัวอย่าง
물 있어요. แปลว่า มีน้ำ
친구 있어요. แปลว่า มีเพื่อน
시간 있어요. แปลว่า มีเวลา
물 없어요. แปลว่า ไม่มีน้ำ
친구 없어요. แปลว่า ไม่มีเพื่อน
시간 없어요. แปลว่า ไม่มีเวลา | thaiwikibooks | 196,785 |
ดาราศาสตร์ทั่วไป/นักฟิสิกส์คนแรก | อะแนกซิแมนเดอร์ (Anaximander) มีชีวิตอยู่ในช่วง 611 ถึง 547 ปีก่อนคริสตกาล เขาได้สันนิษฐานว่ามีธาตุอยู่ทั้งหมดห้าธาตุ ได้แก่ ดิน อากาศ ไฟ น้ำ และแก่นสาร ซึ่งตัวของสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมา
โหราศาสตร์ ยึดคัมภีร์เตตราบิโบลส (Tetrabiblos) ของทอเลมีที่เขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 140 เป็นรากฐาน ดวงชะตาถูกแบ่งออกเป็น 12 "เรือน" (House) หรือคือ 12 กลุ่มดาวตามแนวเส้นสุริยวิถี ทอเลมีเชื่อว่า "ทรงกลมที่ 8" (8th Sphere) นั้นได้ยกดวงดาวขึ้นบนท้องฟ้า
พลังงานจลน์ คือพลังงานจากการเคลื่อนไหว มีสูตรคือ formula_1 (formula_2 คือ มวล และ formula_3 คือ ความเร็ว) | thaiwikibooks | 196,786 |
ดาราศาสตร์ทั่วไป/กฎของเคปเลอร์ | โยฮันเนส เคปเลอร์ (Johannes Kepler) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่พยายามอธิบายหลักการพื้นฐานซึ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์ เขาเชื่อมั่นในการมองระบบสุริยะแบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (Heliocentric) ที่ถูกเสนอโดยโคเปอร์นิคัส (Copernicus) และเขายังถูกครอบงำโดยการสังเกตการณ์ดาวเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยไทโค บราห์ (Tycho Brahe)
หลังจากความมานะพยายามมากว่าสิบสองปีและการละทิ้งแนวความคิดขึ้นอยู่กับเรขาคณิตไป ในที่สุดเขาก็ได้ลุกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของการเคลื่อนไหวแบบวงโคจรเป็นวงรี เคปเลอร์ได้สรุปสิ่งที่เขาค้นพบอยู่ในรูปแบบกฎสามข้อของการเคลื่อนที่ดาวเคราะห์ ซึ่งมักเรียกกันว่า กฎข้อที่หนึ่ง สอง และสามของเคปเลอร์ ตามลำดับ
กฎข้อที่หนึ่งของเคปเลอร์ รู้จักกันอีกชื่อว่า กฎของวงรี (The Law of Ellipses) — วงโคจรของดาวเคราะห์เป็นวงรี โดยมีดวงอาทิตย์เป็นจุดรวมเดียว
กฎข้อที่สองของเคปเลอร์ หรือ กฎของพื้นที่เท่ากันในเวลาเท่ากัน (The Law of Equal Areas in Equal Time) — คือเส้นระหว่างดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์จะกวาดออกได้พื้นที่เท่ากันในระนาบของวงโคจรดาวเคราะห์ในเวลาที่เท่ากัน
กฎข้อที่สามของเคปเลอร์ หรือ กฎของความประสาน (The Law of Harmony) — ความต้องการเวลาสำหรับการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ เรียกว่า ช่วง (Period) ซึ่งเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของความยาวแกนวงรี 3/2 ค่าคงที่ของสัดส่วนจะเท่ากันสำหรับดาวเคราะห์ทั้งหมด ซึ่งมักเรียกกันว่า กฎของความประสาน เพราะแสดงถึงความประสานความสัมพันธ์ระหว่างระยะห่างและช่วง
วงโคจรรูปวงรี
ความเยื้องศูนย์กลางและวิถีโคจร
ตัวอย่างการใช้กฎข้อที่สามของเคปเลอร์ | thaiwikibooks | 196,787 |
มหาชาติคำหลวง | codice_1 | thaiwikibooks | 196,788 |
ดาราศาสตร์ทั่วไป/แบบจำลองดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง | แบบจำลองที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพถูกเสนอขึ้นโดย นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus) ในหนังสือ De revolutionibus orbium coelestium ของเขาซึ่งถูกตีพิมพ์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงเพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องคดีอาญากรณีนอกรีต หนังสือดังกล่าว กล่าวถึงปัญหาจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับแบบจำลองของทอเลมี ที่ต้องใช้อีพิไซเคิล (Epicycle) หมายถึง การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ตามทฤษฎีระบบสุริยะที่ว่าวัตถุทรงกลมจะเคลื่อนที่ไปตามเส้นรอบวงของวัตถุทรงกลมที่ใหญ่กว่า เป็นจำนวนมากในการอธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ซึ่งแบบจำลองดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเขานั้นจะวางดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ในขณะที่อารยธรรมโบราณบางแห่งในอินเดียและตะวันออกกลาง ได้นำเสนอรูปแบบแบบจำลองดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางมาก่อนการค้นพบของโคเปอร์นิคัส ซึ่งกลายมาเป็นพื้นฐานสำหรับมุมมองต่อระบบสุริยะในสมัยใหม่
แบบจำลองของโคเปอร์นิคัส
แบบจำลองของโคเปอร์นิคัส.
ในแบบจำลองดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของโคเปอร์นิคัส มีทฤษฎีที่เขานำเสนอทั้งหมดเจ็ดข้อดังนี้
มีศูนย์กลางเอกภพอยู่มากกว่าหนึ่งแห่ง
ศูนย์กลางของเอกภพอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์
ดาวเคราะห์โลกมิใช่ศูนย์กลางของเอกภพนี้
ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์นั้นเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับระยะห่างทางดาราศาสตร์ระหว่างโลกและดาวฤกษ์บนท้องฟ้า
โลกเวียนรอบดวงอาทิตย์ นั้นทำให้เกิดรอบของฤดูกาลที่เราได้รับรู้
การหมุนของโลกทำให้ดวงดาวที่ปรากฏนั้นเคลื่อนที่ไปในทุก ๆ คืน มิใช่การเคลื่อนไหวของตัวดาวฤกษ์เอง
การเคลื่อนถอยหลังใด ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกอธิบายโดยอิพิไซเคิลนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากความเร็วที่แตกต่างกันของดาวเคราะห์ต่อการโคจรรอบดวงอาทิตย์
ในปีถัดมา ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสได้ถูกขัดเกลาและยืนยันความถูกต้องโดยอิสระโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายคน ที่ชัดที่สุดคือ กาลิเลโอ และ เคปเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาลิเลโอ ได้บันทึกไว้ว่าทุกดิถี (Phase, เฟส) ของดาวศุกร์นั้นเกิดขึ้นจริง (คล้ายกับที่เกิดกับดวงจันทร์ของเรา) ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้อย่างพอประมาณได้โดยแบบจำลองโลกเป็นศูนย์กลาง ซึ่งขัดแย้งกับการพยากรณ์ดิถีเสี้ยวและดับของดวงจันทร์แต่ผู้เดียวที่โดยแบบจำลองโลกเป็นศูนย์กลาง | thaiwikibooks | 196,789 |
ดาราศาสตร์ทั่วไป/ก้าวแรกสู่อวกาศ | การส่งมนุษย์ขึ้นไปบนอวกาศครั้งแรกนั้น เกิดขึ้นในดาวเทียมสปุตนิก 1 (Sputnik I) ของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ไม่มีคนควบคุม นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ "การแข่งขันการสำรวจอวกาศ" (Space Race) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซึ่งโซเวียตประสบความสำเร็จในเกือบทุกด้าน (เช่น มีวัตถุชิ้นแรก มีการส่งมนุษย์ขึ้นไปในอวกาศครั้งแรกทั้งชายและหญิง) เว้นแต่การส่งมนุษย์ไปยังดาวดวงอื่น ที่สหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก | thaiwikibooks | 196,790 |
ดาราศาสตร์ทั่วไป/ภารกิจอะพอลโล | ภารกิจแรกในการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ของสหรัฐอเมริกานั้นชื่อว่า อะพอลโล 11 (Apollo 11) โดยมีนักบินอวกาศสองคน คือ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และ บัซซ์ อัลดริน (Buzz Aldrin) ถูกบรรทุกขึ้นไปกับยานอวกาศ พวกเขาได้สำรวจพื้นผิวของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) โดยนีล อาร์มสตรอง ได้ลงจากยานอวกาศส่วนจำเพาะดวงจันทร์ชื่อ "อีเกิล" (Eagle) เป็นคนแรก หลังจากที่เข้าก้าวเท้าลงบนผิวดวงจันทร์แล้วนั้น เขากล่าวประโยคที่มีชื่อเสียงที่ว่า "That's one small step for a man, one giant leap for mankind." หรือ "นี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ของชายคนนึง แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ" | thaiwikibooks | 196,791 |
โครงสร้างข้อมูล/ทบทวนการเขียนโปรแกรมภาษาซี | ในบทนี้เราจะทบทวนการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น โดยจะกล่าวถึงการเขียนคำสั่งเงื่อนไข
คำสั่งวนรอบ อาร์เรย์เบื้องต้น รวมถึงหลักการเขียนโปรแกรมทั่วไป
โดยจะใช้ตัวอย่างเป็นโปรแกรมคำนวณนิพจน์แบบโพสต์ฟิกซ์ การกล่าวถึงการเขียนโปรแกรมภาษาซีในบทนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะอธิบายเนื้อหาให้ครอบคลุมทั้งหมด
ประโยคสัญลักษณ์แบบโพสต์ฟิกซ์
ประโยคสัญลักษณ์แบบโพสต์ฟิกซ์.
เมื่อเราต้องการจะทราบว่า formula_1
มีค่าเท่าใด สิ่งที่เราทำก็คือการตีความประโยคสัญลักษณ์นี้.
เราเริ่มจากการคำนวณจากวงเล็บที่อยู่ด้านในสุด และค่อยๆ ไล่ออกมา.
เราทราบว่าเครื่องหมาย formula_2 และ formula_3 มีความสำคัญมากกว่าเครื่องหมาย
formula_4 และ formula_5 ดังนั้นเราจึงประมวลผลพวกมันก่อน.
สุดท้ายเราก็ได้ผลลัพธ์ออกมา.
ประโยคสัญลักษณ์ข้างต้นนี้เป็นการเขียนระบุลำดับการประมวลผลแบบหนึ่ง
ที่เราเรียกว่า infix notation.
ความหมายที่มันแสดงสามารถเขียนออกมาได้อีกหลายแบบ ตัวอย่างเช่น
เราอาจจะเขียนโดยใช้ต้นไม้:
ในบทนี้เราจะพิจารณาการเขียนประโยคสัญลักษณ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่เขียนในรูปของข้อความได้ง่าย และยังสามารถตีความได้ง่ายอีกด้วย.
จากประโยคสัญลักษณ์ข้างต้นเราเขียนใหม่ได้เป็น
2 3 x 5 6 7 3 4 - x + / +
เราเรียกวิธีการเขียนแบบนี้ว่า ประโยคสัญลักษณ์แบบ postfix.
(เครื่องคิดเลขของบริษัท Texas Instruments
เมื่อก่อนก็ใช้วิธีการเขียนแบบนี้.
มันเป็นการเขียนประโยคที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้วงเล็บ)
ในการตีความประโยคสัญลักษณ์นี้ เราจะแยกกลุ่มของ ``คำ" ออกเป็นสองแบบ
คือ กลุ่มของเครื่องหมาย (บางคนเรียกว่า ตัวดำเนินการ หรือ operator)
และกลุ่มของตัวเลข (บางคนเรียกว่า ผู้ถูกดำเนินการ หรือ operand).
เราจะอ่านประโยคนี้จากซ้ายไปขวา
เมื่อเราเจอเครื่องหมายเราจะดึงเอาตัวเลขสองตัวก่อนหน้าในข้อความออกมา
และประมวลผลตามเครื่องหมายนั้น.
จากนั้นเราจะเขียนผลลัพธ์ลงไปในตำแหน่งเดิมนั้น และอ่านข้อความต่อไป.
ในตัวอย่างข้างต้นเราจะเขียนลำดับการทำงานในตอนต้นได้ดังนี้.
[2] 3 x 5 6 7 3 4 - x + / +
2 [3] x 5 6 7 3 4 - x + / +
[2 3 x] 5 6 7 3 4 - x + / + พบเครื่องหมาย
--> 5 6 7 3 4 - x + / + คำนวณ 2 x 3 แล้วเขียนทับ
6 [5] 6 7 3 4 - x + / +
6 5 [6] 7 3 4 - x + / +
6 5 6 [7] 3 4 - x + / +
6 5 6 7 [3] 4 - x + / +
6 5 6 7 3 [4] - x + / +
6 5 6 7 [3 4 -] x + / + พบเครื่องหมาย
--> 6 5 6 7 x + / + คำนวณ 3 - 4 แล้วเขียนทับ
6 5 6 [7 -1 x] + / + พบเครื่องหมาย
--> 6 5 6 -7 + / + คำนวณ 7 x -1 แล้วเขียนทับ
6 5 [6 -7 +] / +
เราจะเขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณค่าของประโยคสัญลักษณ์แบบ postfix.
ก่อนที่จะเขียนนั้น เราจะทวนสิ่งที่โปรแกรมจะต้องทำเสียก่อน.
สังเกตว่าโปรแกรมจะพิจารณาลำดับของตัวเลข
แต่จะไม่ทำอะไรจนกว่าจะพบเครื่องหมาย. เมื่อพบเครื่องหมายแล้ว
โปรแกรมจะดึงตัวเลข หลังสุด ขึ้นมาสองจำนวน
ประมวลเครื่องหมายและวางผลลัพธ์คืนต่อท้ายลำดับของตัวเลข
(ที่ดึงค่าปลายสุดสองจำนวนออกไปแล้ว).
หลายครั้งที่การออกแบบโครงสร้างข้อมูล คือการออกแบบโปรแกรมทั้งหมด.
รูปแบบของข้อมูลที่เราเก็บก็คือลำดับของตัวเลข
ที่เราสามารถอ้างถึงตัวเลขสองตัวสุดท้้ายได้
และสามารถนำผลลัพธ์วางลงไปต่อท้ายลำดับได้.
วิธีหนึ่งที่เราจะเก็บข้อมูลที่เป็นลำดับก็คือการใช้อาร์เรย์ (array).
อาร์เรย์
อาร์เรย์.
อาร์เรย์คือการประกาศชุดของข้อมูลแบบหนึ่งหลายๆ ตัว
โดยที่ข้อมูลย่อยแต่ละตัวจะถูกเรียกได้โดยการระบุหมายเลข.
ในภาษาซีีเราประกาศอาร์เรย์โดยใช้รูปแบบดังนี้.
ชนิดของข้อมูล ชื่อตัวแปร[ขนาดของอาร์เรย์];
ตัวอย่างเช่น
int a[100];
เป็นการประการอาร์เรย์ของเลขจำนวนเต็มจำนวน 100 ช่อง.
ข้อมูลตัวแรกจะอยู่ที่ช่องหมายเลข 0.
และในกรณีนี้ข้อมูลสุดท้ายจะอยู่ที่ช่องที่
99. หลังจากนั้นเราเรียกใช้ข้อมูลย่อยในอาร์เรย์โดยการระบุหมายเลขในลักษณะ
ชื่อตัวแปร[หมายเลข]
ตัวอย่างเช่น a[10] หรือ a[i] เป็นต้น.
เราจะใช้อาร์เรย์ในการเก็บลำดับของตัวเลข.
สังเกตว่าความยาวของลำดับของตัวเลขนั้นเปลี่ยนแปลงไปมา.
สิ่งที่เราต้องการก็คือความยาวของลำดับขณะในขณะนั้น.
เมื่อเราเพิ่มข้อมูลหรืออ่านข้อมูลสองตัวหลังไป
เราก็จะเปลี่ยนแปลงค่าของความยาวนี้เพื่อรักษาความยาวของลำดับตัวเลขให้ถูกต้อง.
ดังนั้น เราสามารถประกาศตัวแปรต่างๆ ที่เราจะใช้ในการเก็บลำดับได้ดังนี้.
int list[100];
int listlength = 0;
ค่าเริ่มต้นของ listlength ถูกกำหนดให้เป็น 0.
การเก็บค่า b เข้าต่อท้ายลำดับเราจะทำโดยคำสั่ง:
list[listlength] = b;
listlength++;
ในภาษาซีการกำหนดค่าให้กับตัวแปรทำโดยใช้เครื่องหมาย =
ซึ่งแตกต่างกับในภาษาปาสกาล.
ส่วนเครื่องหมายสำหรับเปรียบเทียบว่าค่าสองค่าเท่ากันหรือไม่
ในภาษาซีเราจะใช้ ==. คำสั่ง listlength++
มีความหมายเช่นเดียวกับ listlength = listlength + 1
แต่การทำงานในหลายๆ กรณีจะมีประสิทธิภาพกว่า (ยิ่งไปกว่านั้น
มันทำให้โปรแกรมที่เขียนนั้นกระชับยิ่งขึ้น).
เราจะอ้างค่าท้ายลำดับสองอันด้วย list[listlength-1] และ list[listlength-2].
ส่วนอ่านข้อมูล
ส่วนอ่านข้อมูล.
เมื่อเราได้โครงสร้างข้อมูลพื้นฐานของโปรแกรมแล้ว
เราจะมาพิจารณาการอ่านข้อความที่เป็นประโยคสัญลักษณ์แบบ postfix.
ตัวเลขที่เราจะใช้ในโปรแกรมนี้เราจะมองเป็นตัวเลขหลักเดียวทั้งหมด.
ดังนั้น ถ้าโปรแกรมรับข้อมูลเป็น
321+*
โปรแกรมจะให้ผลลัพธ์เป็น 9.
ในภาษาซี เราจะมองข้อความเป็นอาร์เรย์ของตัวอักษร.
เราจะเก็บข้อความในอาร์เรย์โดยเรามีข้อตกลงว่า
เราจะเก็บอักษรลงในอาร์เรย์ไปเรื่อยๆ
โดยที่จะจบข้อความด้วยตัวอักษรหมายเลข 0. (ตัวอักษรหมายเลข 0
ไม่ใช่ตัวอักษรแทนเลขศูนย์ ซึ่งในภาษาซีเราจะเขียนเป็น '0'.)
เราสามารถประกาศตัวแปรที่เก็บข้อความที่มีความยาวไม่เกิน 99
ตัวอักษรได้ดังนี้
char line[100];
ตัวแปรประเภท char คือตัวแปรที่เก็บตัวอักษร.
เราสามารถสั่งอ่านข้อความจากผู้ใช้เข้ามายังตัวแปร line ได้โดยใช้คำสั่ง
scanf("\%s",line);
ในการเรียกใช้คำสั่งนี้ เราต้องมีการประกาศมันเสียก่อน. เราจะเขียน
#include
ที่หัวของโปรแกรม เพื่อให้คอมไพล์เลอร์อ่านการประกาศฟังก์ชั่นต่างๆ
จากแฟ้มนี้. ฟังก์ชั่น scanf ก็ถูกประกาศในไฟล์นี้เช่นเดียวกัน.
การวนรอบ
การวนรอบ.
เมื่อเราได้ข้อมูลแบบข้อความเข้ามาแล้ว
เราต้องการจะไล่พิจารณาตัวอักษรในข้อความนั้นทีละตัวจนจบ.
เราต้องการรูปแบบการสั่งให้โปรแกรมทำงานซ้ำ ซึ่งในภาษาซีมีหลายรูปแบบ.
ในที่นี้เรายกตัวอย่างแค่สองคำสั่งหลักเท่านั้น.
การทำซ้ำแบบ while
การทำซ้ำแบบ while.
การทำซ้ำแบบ while มีรูปแบบดังนี้
while(เงื่อนไข)
คำสั่ง;
ลักษณะทั่วไปของคำสั่งทำซ้ำนี้คือ คำสั่งที่จะถูกทำซ้ำนั้นคือคำสั่งเดียวที่อยู่ถัดจากคำสั่ง while
หรือคำสั่ง for เท่านั้น.
ถ้าเราต้องการให้คำสั่งวนรอบนี้ครอบคลุมหลายๆ คำสั่ง
เราจะทำได้โดยการจับคำสั่งหลายๆ อันให้กลายเป็น ชุดคำสั่ง
ที่มีคุณสมบัติเหมือนเป็นคำสั่งเดียว ตัวอย่างเช่น:
while(เงื่อนไข) {
คำสั่ง1;
คำสั่ง2;
คำสั่ง3;
ในกรณีของเรา เราจะเขียนส่วนวนรอบหลักของโปรแกรมได้เป็น
i=0;
while(line[i]!=0) {
คำสั่ง;
i++;
การทำซ้ำแบบ for
การทำซ้ำแบบ for.
การทำซ้ำแบบ for มีรูปแบบของคำสั่งดังนี้
for( คำสั่งเริ่มต้น ; เงื่อนไข ; คำสั่งที่ทำก่อนจะเริ่มทำงานครั้งต่อไป )
คำสั่ง;
คำสั่ง for นี้
โดยทั่วไปเราจะใช้ในกรณีที่เราทราบจำนวนครั้งของการวนรอบ.
เรารู้ว่าเราจะทำงานจำนวนเท่ากับความยาวของข้อความ. เรามีฟังก์ชั่น strlen จะคือค่าความยาวของข้อความที่เราป้อนไป.
ในการจะใช่้ฟังก์ชั่นนี้ เราต้องประกาศ #include
ไว้ที่หัวของโปรแกรมด้วย. เราจะเขียนส่วนวนรอบหลักโดยใช้คำสั่ง for ได้เป็น
for(i=0; i<strlen(line); i++)
คำสั่ง;
ในการทำงานนั้น ส่วนเงื่อนไขจะถูกตรวจสอบทุกครั้งก่อนจะมีการทำงานตาม
คำสั่ง. เราไม่ควรจะต้องเรียกใช้ฟังก์ชั่น strlen
ทุกครั้งที่มีการตรวจสอบ เนื่องจากฟังก์ชั่น strlen
ทำงานโดยการไล่อ่านข้อความจากต้นจนจบ ซึ่งเป็นการเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ.
เราสามารถแก้โปรแกรมดังกล่าวได้โดยการเพิ่มตัวแปรอีกตัวที่เก็บค่าความยาวของข้อมูล.
โปรแกรมที่ได้มีลักษณะดังนี้.
l = strlen(line);
for(i=0; i<l; i++)
คำสั่ง;
เงื่อนไข
เงื่อนไข.
ในการประมวลผลข้อความแต่ละตัว เราต้องตรวจสอบว่า
อักษรนั้นเป็นตัวเลขหรือเครื่องหมาย. เรามีคำสั่ง if
ที่ตรวจสอบเงื่อนไข. รูปแบบของคำสั่ง if คือ
if( เงื่อนไข )
คำสั่งที่จะทำเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง;
และ
if( เงื่อนไข )
คำสั่งที่ทำเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง;
else
คำสั่งที่ทำเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ;
เราต้องการทดสอบว่าอักษรตัวที่ i นั้นเป็นเครื่องหมายหรือไม่.
เราสามารถเขียนเงื่อนไขได้เป็น
(line[i]=='+') || (line[i]=='-') || (line[i]=='*') || (line[i]=='/')
เครื่องหมาย ||
ที่คั่นระหว่างแต่ละเงื่อนไขย่อยใช้แทนการเชื่อมโยงแบบ หรือ
กล่าวคือเงื่อนไขนี้จะเป็นจริงเมื่อมีเงื่อนไขย่อยอันใดอันหนึ่งที่เป็นจริง.
วิธีการตรวจสอบอีกแบบก็คือการตรวจสอบว่าอักษรนั้นเป็นตัวเลขหรือไม่.
เราเขียนได้โดย
(line[i]>='0') && (line[i]<='9')
ในทำนองเดียวกันกับเครื่องหมาย || เครื่องหมาย &&
ใช้แทนเงื่อนไขว่า และ
โดยเงื่อนไขที่เชื่อมด้วยเครื่องหมายนี้จะเป็นจริงเมื่อเงื่อนไขย่อยทั้งสองเป็นจริง.
ตอนนี้เรารูจักโครงสร้างของคำสั่งมากพอแล้ว.
เราจะเขียนโปรแกรมที่หนึ่งที่ประกอบขึ้นจากคำสั่งเหล่านี้.
โปรแกรมแรก
โปรแกรมแรก.
ด้านล่างแสดงโปรแกรมที่เราเขียน. ในภาษาซี
ทุกสิ่งที่เราเขียนคือการประกาศและนิยาม.
โปรแกรมนี้เราเขียนนิยามฟังก์ชั่น main ซึ่งโดยข้อตกลง
จะเป็นฟังก์ชั่นหลักที่ถูกเรียกเมื่อโปรแกรมทำงาน.
รูปแบบของการเขียนนิยามฟังก์ชั่นเป็นดังนี้
ชนิดของค่าที่คืน ชื่อฟังก์ชั่น( รายการของค่าที่ส่งผ่าน )
คำสั่ง;
ถ้าเราไม่ระบุชนิดของค่าที่ฟังก์ชั่นคืน
คอมไพล์เลอร์จะกำหนดให้โดยอัตโนมัติว่าเราจะคืนค่าเป็นจำนวนเต็ม (int.
ในภาษาซี เราจะมองว่าตัวอักษรมีค่าเป็นตัวเลขได้. ในคำสั่ง
list[listlength] = (line[i]-'0');
เรานำตัวอักษรตัวที่ i มาแล้วลบด้วยค่าของตัวอักษร '0'
เพื่อจะได้ค่าตัวเลขของมัน ก่อนที่จะนำมันไปเก็บไว้ในลำดับ.
คำสั่ง listlength-=2 มีความหมายเหมือนกับ listlength = listlength - 2 และคำสั่ง
printf("%d\n", list[listlength-1]);
จะพิมพ์ค่าสุดท้ายในลำดับออกมา. คำสั่ง printf
รับค่าตัวแรกเป็นข้อความที่จัดรูปแบบการแสดงผล
และรับรายการของข้อมูลที่ต้องการแสดงผลถัดไป.
รูปแบบการแสดงผลจะถูกระบุโดยเครื่องหมาย % ตามด้วยอักษรแสดงรูปแบบ.
ในกรณีนี้ %d ระบุว่าเราจะพิมพ์ตัวเลขฐานสิบ. เครื่องหมาย
\n ในการจัดรูปแบบ ระบุให้ printf ขึ้นบรรทัดใหม่.
ในการสั่งคำสั่ง printf
โดยปกติแล้วเครื่องจะยังไม่แสดงข้อความที่เราสั่งพิมพ์
ถ้าโปรแกรมยังไม่สั่งขึ้นบรรทัดใหม่. | thaiwikibooks | 196,792 |
ภาษาพีเอชพี/เริ่มต้นกับ PHP/การติดตั้ง/การติดตั้งบนระบบ Unix | ในที่นี้เป็นวิธีการติดตั้ง PHP บนระบบ UNIX ร่วมกับ Apache2
1. download php-version.tar.gz มาไว้ที่ /program/ แล้วทำการ config และติดตั้ง
tar -xzvf php-version.tar.gz
cd php-version/
./configure --with-apxs2=/usr/local/apache2/bin/apxs
make
make install
1) หลังจาก install เสร็จ ให้ลองดูว่ามีบรรทัดต่อไปนี้บนหน้าจอหรือไม่?
libtool: install: warning: remember to run `libtool --finish /usr/local/program/php-5.0.4/libs'
ถ้ามี ให้พิมพ์:
libtool --finish /usr/local/program/php-version/libs
cp ./php.ini-dist /usr/local/lib/php.ini
include_path = /usr/local/lib/php
3. ทำให้ Apache รู้จัก PHP โดย แก้ไขไฟล์ /usr/local/apache2/conf/http.conf
โดย หาบรรทัด: LoadModule php5_module modules/libphp5.so
ถ้าไม่มีให้เติมลงไป (โดยปกติจะมี)
จากนั้นให้หาว่ามีคำสั่ง ตามด้านล่างหรือไม่ ถ้าไม่มีหาพิมพ์ต่อจากบรรทัดของ LoadModule
Tell Apache to parse certain extensions as PHP
AddType application/x-httpd-php-source .phps
เมื่อแก้ไขไฟล์ httpd.conf เสร็จแล้วให้เซฟไฟล์ httpd.conf ด้วย
2) restart the apache2 โดย:
/etc/init.d/apachectl restart
สารบัญ
พิจารณาก่อนติดตั้ง
การติดตั้งบน Unix/HP-UX installs
การติดตั้งบน Unix/Linux installs
การติดตั้งบน Unix/Mac OS X installs
การติดตั้งบน Unix/OpenBSD installs
การติดตั้งบน Unix/Solaris installs
การติดตั้งบนระบบ Unix
การติดตั้งบนระบบ Windows
การติดตั้งบน Servers-CGI/Commandline
การติดตั้งบน Servers-Apache
การติดตั้งบน Servers-Apache 2.0
การติดตั้งบน Servers-Caudium
การติดตั้งบน Servers-fhttpd
การติดตั้งบน Servers-IIS/PWS
การติดตั้งบน Servers-Netscape, iPlanet และ SunONE
การติดตั้งบน Servers-OmniHTTPd Server
การติดตั้งบน Servers-Oreilly Website Pro
การติดตั้งบน Servers-Sambar
การติดตั้งบน Servers-Xitami
การติดตั้งบน Servers-อื่นๆ
พบปัญหา?
ตัวเลือกปรับแต่งอื่นๆ | thaiwikibooks | 196,793 |
คู่มือการใช้ไฟร์ฟอกซ์/วิธีการติดตั้ง | ดาวน์โหลดไฟร์ฟอกซ์
ดาวน์โหลดไฟร์ฟอกซ์.
คุณสามารถหาไฟร์ฟอกซ์เวอร์ชั่น 1.5 ได้จาก getfirefox.com
หลังจากที่เข้าไปแล้วกด "Free Download" ที่ลิงค์ด้านบนของหน้า หลังจากนั้นระบบจะจัดการหาว่าคุณใช้ระบบประฎิบัติการใด
หากคุณต้องการหาไฟร์ฟอกซ์ในภาษาอื่น ลองดูที่หน้านี้
สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือไฟร์ฟอกซ์ โดยการหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม คุณอาจดาวน์โหลดเวอร์ชั่นทดลองได้ที่ หน้าโครงการไฟร์ฟอกซ์
ตัวอักษรหัวเรื่อง
การติดตั้ง
ไมโครซอฟท์วินโดวส์
การติดตั้ง.
ไมโครซอฟท์วินโดวส์.
ไฟร์ฟอกซ์ รองรับในรุ่นต่างๆ ของวินโดวส์ ได้แก่ 98, 98SE, Me, NT 4.0, 2000, XP, และ Server 2003, รวมไปถึงการใช้งานไฟร์ฟอกซ์ใน วินโดวส์ 95
ตัวติดตั้งไฟร์ฟอกซ์บนระบบวินโดวส์ ได้ถูกทำให้เป็นตัวติดตั้งแบบเส็จสับเรียบร้อยแล้ว
ในการติดตั้ง, ดับเบิลคลิกที่ Firefox Setup .exe (เมื่อ เป็นตัวเลขแสดงรุ่นของไฟร์ฟอกซ์) แล้วทำตามคำแนะนำการติดตั้งที่ขึ้นมา.
สำหรับผู้เริ่มใช้ไฟร์ฟอกซ์ ขอแนะนำให้เลือกการติดตั้งแบบมาตราฐาน (Standard installation)
การเลือกเช่นนี้ จะทำให้ไฟร์ฟอกซ์ถูกติดตั้งในแฟ้มโปรแกรม
คุณสามารถใช้งานไฟร์ฟอกซ์จากแฟ้มโปรแกรมบน Taskbar ของคุณ หรือ ดับเบิลคลิกไอคอนไฟร์ฟอกซ์บนเดสท์ท็อปของคุณ.
ในการใช้งานไฟร์ฟอกซ์ในครั้งแรก ไฟร์ฟอกซ์จะให้คุณเลือกตัวเลือกการนำเข้าค่าปรับแต่งจาก อินเตอร์เน็ตเอ็กซ์พอเลอร์ (หรือบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ บนคอมพิวเตอร์ของคุณ). เลือก 'Yes' เพื่อนำเข้า bookmarks ทั้งหมด (หรืออาจเรียกว่า favorites)
สารบัญ
แนะนำไฟร์ฟอกซ์
วิธีการติดตั้ง
เปิดเว็บด้วยการใช้แท็บ
วิธีค้นหาเว็บไซท์ และ ค้นหาในเอกสาร
การตั้งค่าผู้ใช้
ส่วนขยาย
ปลัก-อิน
ปุ่มลัดของเมาส์
แป้นลัด
ความเป็นส่วนตัว
การตั้งค่าขั้นสูง
เครื่องมือสำหรับนักเขียนโปรแกรม
ลิงค์ภายนอก
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ Internet Explorer | thaiwikibooks | 196,794 |
กิมป์/script-fu | Script-fu
วันนี้เรามาสร้างโลโก้ง่ายๆ ด้วยสคริปต์สำเร็จรูปที่ติดมากับ Gimp สคริปต์ที่ว่านี้ มีชื่อว่า Script-fu ซึ่งสามารถสร้างภาพต่างๆได้มากมาย มีทั้งโลโก้ที่เป็นตัวอักษร ปุ่มกดสวยๆ หลากสไตล์ เริ่มต้นด้วยการเปิด Gimp จากนั้นให้กดเข้าไปตามภาพ ทั้งหมดนั้นคือ script ต่างๆ ที่มีให้เราเลือกใช้ ทดลองเล่นได้ตามต้องการครับ
สคริปต์แต่ละสคริปต์ที่มีให้ใช้จะมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไป จึงไม่สามารถเขียนวิธีใช้ได้ว่า จะใช้งานได้อย่างไร แต่หลักการของมันนั้นก็คือ การป้อนค่าต่างๆลงไปเท่านี้ก็จะได้ภาพกราฟฟิกที่เราต้องการออกมา ผ่านสคริปต์ที่คุณเลือก
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,795 |
กิมป์/tools/Select rectangular regions | 0
24318
2016-04-15T00:39:28Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Select rectangular regions short key (R)
Select rectangular regions เป็นเครื่องมือที่ใช้เลือกบริเวณที่เราต้องการจะทำงาน ในลักษณะของ สี่เหลี่ยม ซึ่งเมื่อเราเลือกที่จะทำงานในบริเวณนั้นหมายถึง ส่วนอื่นๆของงานที่อยู่นอกจากกรอบที่เราเลือก จะไม่ถูกกระทำ หมายถึงเราจะทำงานเฉพาะกับบริเวณที่เราเลือกเท่านั้น ซึ่งจะสัมพันธ์กับเลเยอร์ที่เลือกด้วย
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกที่เครื่องมือ แล้วนำเมาส์มาวางในบริเวณเพื้นที่ทำงาน จากนั้นคลิ๊กเมาส์ปุ่มซ้ายค้างไว้ แล้วลากเมาส์ให้ครอบคลุมบริเวณที่คุณต้องการ แล้วปล่อยเมาส์ เพียงเท่านี้บริเวณที่คุณเลือกก็จะเป็นรูปกรอบสี่เหลี่ยมกระพริบ เพื่อให้คุณรู้ว่าบริเวณนี้พร้อมที่จะทำงานตามที่สั่งแล้ว
นอกจากคุณจะเลือกบริเวณพื้นที่ทำงานด้วยวิธีธรรมดาแล้ว คุณยังสามารถเลือกพร้อมกับฟังชั่นพิเศษได้ด้วย โดยการ กดปุ่ม Shift ขณะที่คลิ๊กเมาส์ค้างอยู่ เพื่อให้สี่เหลี่ยมที่เลือก อยู่ในรูปแบบของ สี่เหลี่ยมจัตตุรัส หรือ กด Ctrl ขณะที่คลิ๊กเมาส์ค้างอยู่ เพื่อให้จุดเริ่มต้นของสี่เหลี่ยมที่คุณสร้าง กลายเป็นจุดศูนย์กลาง หรือคุณอาจใช้วิธี กดทั้ง Ctrl และ Shift ควบคู่กันไปก็ได้
พื้นที่ทำงานที่คุณเลือกด้วยคำสั่ง Select rectangular region จะเป็นรู้สี่เหลี่ยมจัตตุรัส แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะมีได้ สี่เหลี่ยมเดียวเท่านั้น คุณสามารถเลือกสี่เหลี่ยมเพิ่มได้มากกว่า 1กล่อง โดยกดปุ่ม Shift ก่อนที่จะทำการคลิ๊ก เพื่อสร้างสี่เหลี่ยมพื้นที่ทำงานอันที่2 หรือคุณอาจลบ บางส่วนของสี่เหลี่ยมที่คุณเลือกออกได้ โดยกด Alt ก่อนคลิ๊กเมาส์ เพื่อสร้างสี่เหลี่ยมอีกก้อน ที่จะนำมาหักลบกับสี่เหลี่ยมที่สร้างไปแล้ว
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,796 |
ไอพอดวิซาร์ด | 0
54628
2020-01-21T12:09:53Z
Geonuch
เพิ่มแล้ว ด้วย
wikitext
text/x-wiki
iPodWizard เป็นโปรแกรมสำหรับแก้ไขตัวอัปเดตของ iPod แก้ไขเฉพาะไฟล์ resource ซึ่งหลักๆประกอบไปด้วย ภาพ(bitmap), ฟอนต์(font) และข้อความ(String) แต่ไม่ได้รวมถึงการแก้ไขการทำงานโปรแกรมใน iPod ดังนั้นอาจจะเรียกได้ว่า iPodWizard เป็น resource editor จำพวกหนึ่ง ก่อนที่จะใช้โปรแกรม iPodWizard จำเป็นต้องมีไฟล์ของตัวอัปเดตเสียก่อน สามารถไปดาว์นโหลด iPodSetup.exe ได้จากเวปของแอปเปิล หลังจากติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยจะได้ไฟล์อัปเดต ตัวอย่างข้างล่างเป็นอัปเดตของ 10 มกราคม 2006 หลังติดตั้งไปแล้วจะอยู่ที่นี้
"C:\Program Files\iPod\iPod Updater 2006-01-10\iPod Updater 2006-01-10.exe"
เอกสารชุดนี้จะเป็นแนะนำการใช้คร่าวๆ เพื่อให้ทราบการใช้งานทั้งโปรแกรม แต่ไม่เจาะลึกเข้าไปว่าทำอย่างไรในแต่ละส่วนโดยละเอียด Tutorial ที่เจาะลึกของแต่ละส่วนจะออกมาในเอกสารชุดอื่น หรือสามารถหาอ่าน Tutorial ของ iPodWizard ได้จาก http://www.ipodwizard.net/wiki/index.php/Tutorials
ต้นฉบับเอกสาร จาก http://www.gn9.biz/iPod/ipodedit_intro/
อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ.49
การใช้งาน
การใช้งาน.
เปิดโปรแกรม iPodWizard.exe แล้วทำตามขั้นตอนข้างล่างเพื่อโหลดเฟิร์มแวร์รุ่นของ iPod ที่เราต้องการ
กด Open Updater... แล้วเลือกไฟล์ iPod Updater 2006-01-10.exe
ตรงดรอปดาว์นให้เลือกเฟิร์มแวร์ตามรุ่น iPod ที่จะแก้ไข
กดปุ่น Load เพื่อโหลด resource ของเฟิร์มแวร์รุ่นนั้นๆเข้ามาในโปรแกรม
About : ข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมนี้
Tweaks : ใช้สำหรับแก้ไขเล็กๆน้อยๆที่ไม่เกี่ยวกับ resource ของ iPod เช่นให้แสดงค่าแรงดันไฟแทนรูปถ่าน ยกเลิกการใช้แคชแมมโมรี การทำ Tweaks ไม่ค่อยจะมีประโยชน์นักและดูแล้วน่าจะมีผลเสียมากว่าผมไม่แนะนำให้ใช้ตรงจุดนี้
Write : บันทึกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไปยังตัวโปรแกรมอัปเดต ให้กดปุ่มนี้หลังทำการแก้ไขเฟิร์มแวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่มนี้หลังแก้ไข ภาพ ฟอนต์ ฯลฯ
Downgrade Firmware : ทำการลดเลขเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์ในเครื่อง iPod เพื่อหลอกตัวอัปเดตว่า iPod ตัวนี้เป็นเฟิร์มแวร์รุ่นเก่า ดังนั้นจะทำการอัปเกรดได้ ใช้ในกรณีที่ตัวอัปเดตมีเวอร์ชั่นมากกว่า หรือเท่ากับเฟิร์มแวร์ในเครื่อง ซึ่งปรกติจะไม่ยอมอัปเกรด แต่จะให้ทำการ restore ถ้าทำการ restore ข้อมูลจะหายหมดต้องซิงโครไนต์กับ iTune เพื่อเอาข้อมูลกลับมา
Refresh Status : ในกรณีที่เปิดโปรแกรมก่อนต่อเครื่อง iPod กับคอมพิวเตอร์โปรแกรม iPodWizard จะมองไม่เห็น iPod ให้กดปุ่มนี้เพื่อให้โปรแกรมมองเห็น iPod ซึ่งจะมองเห็นเป็นไดร์หนึ่งในคอมพิวเตอร์ ถ้าโปรแกรมยังมองไม่เห็น iPod จะทำการ Downgrade หรือ Tweaks ไม่ได้
Firmware Editor
Firmware Editor.
เป็นส่วนของการแก้ไขเฟิร์มแวร์ ซึ่งสามารถทำการแก้ไข ภาพ ฟอนต์ และ ข้อความ ใน iPod ได้ ให้ดูตามหัวข้อข้างล่าง
Picture
Picture.
iPodWizard ไม่มีโปรแกรมสำหรับแก้ไขภาพในตัวแต่ สามารถนำภาพบิตแมปเข้าหรือออกจากตัวเฟิร์มแวร์ได้ เราสามารถใช้โปรแกรม Paint หรือโปรแกรมอื่นๆสำหรับแก้ไขภาพได้ เลือก index ของภาพที่จะทำการแก้ไข แล้วกดปุ่ม Save bitmap เพื่อนำภาพออกมา แล้วใช้โปรแกรม Paint เพื่อแก้ไขภาพ แล้วกดปุ่ม Load bitmap เพื่อนำภาพที่แก้ไขเข้ามาในโปรแกรม แล้วอย่าลืมกดปุ่ม Write เพื่อบันทึกการแก้ไข
ปุ่ม Save all ใช้เพื่อเก็บภาพทุกภาพในเฟิร์มแวร์เป็นไฟล์ เพื่อทำการแก้ไขหลายๆภาพพร้อมกัน และเหมาะสำหรับการทำ Theme ซึ่งจะกล่าวโดยละเอียดในหัวข้อ Theme ส่วนปุ่ม Load all ก็ทำการโหลดภาพทีละหลายภาพที่เก็บด้วย Save all
Fonts
Fonts.
ฟอนต์ใน iPod จะเป็นแบบบิตแมป ซึ่งจะไม่เหมือนกับวินโดว์ที่เป็นแบบ True Type ฟอนต์บิตแมปจะมีขนาดตายตัว ฟอนต์ที่ขนาดต่างๆกันจะเกิดจากฟอนต์คนละชุดกัน ซึ่งจะแบ่งตาม Index เช่นฟอนต์ในเมนู กับ Contact จะเป็นคนละ Index ค่าของ index จะแตกต่างไปตามรุ่น iPod การที่จะแก้ให้สามารถอ่านชื่อเพลงไทยได้ จะต้องแก้ฟอนต์ของเมนู ในภาพตัวอย่างเป็นรุ่น Nano จะใช้ index ที่ 15 ภาพตัวอย่างได้ทำการแก้ไขเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว
Uncode กับ Ascii
Uncode กับ Ascii.
ก่อนที่จะเริ่มแก้ไขฟอนต์ควรจะมีความรู้เรื่อง Unicode กับ Ascii เบื้องต้น ผมจะไม่พูดโดยรายละเอียด ผมจะอธิบายคร่าวๆ แบบลูกทุ่งให้เข้าใจได้ง่าย ก็คือตัวอักษรจะสามารถแทนได้ด้วยตัวเลข รหัส Ascii จะใช้เลขแบบ 7บิตสำหรับเก็บตัวอักษรภาษาอังกฤษรวมอัขระพิเศษ แต่มีการเพิ่มขยายเป็น 8บิต ซึ่งสามารถเก็บได้ถึง 256ตัว อักษรช่วง 127 ตัวแรกจะเป็นอักษรภาษาอังกฤษ ส่วน ตัวที่ 128 ถึง 256 จะเป็นตัวอักษรสำหรับภาษาอื่นซึ่งส่วนใหญ่ทางยูโรปจะใช้ ภาษาไทยจะใช้ช่วงเดียวกันนั้น ซึ่งทำให้ภาษาไทยแสดงร่วมกับภาษาอังกฤษได้แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกับอักขระบางตัวของประเทศอื่นได้ ยิ่งภาษาจีน แค่อักษร 256ตัวไม่เพียงพอสำหรับตัวอักษรของจีนทั้งหมด ซึ่งจำเป็นต้องใช้การเข้ารหัสอักษรแบบพิเศษ Unicode จึงเป็นพระเอกที่เข้ามาเพื่อทำให้ภาษาต่างๆใช้งานร่วมกันได้ Unicode เองจะมีหลายฟอร์แมต iPod เลือกใช้ UTF-8 ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้กันแพร่หลาย ฟอร์แมตอื่นจะมีปัญหาด้านเทคนิกกับหลายแพล็ตฟอร์มซึ่งผมจะไม่กล่าวในที่นี้ ลักษณะพิเศษของ UTF-8 ก็คือ ถ้าตัวอักษร 0-127 หรือช่วงที่เป็นภาษาอังกฤษจะใช้แบบเดียวกับ Ascii และใช้แค่ 1ไบต์ (8บิต) ถ้าสูงกว่านั้นที่เป็นภาษาอื่น จะใช้มากว่า หนึ่งไบต์ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงจำนวนไบต์ของตัวอักษร แต่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวอักษรไทยตัวแรกเป็นตัวที่เท่าไหร่ใน Unicode ให้ลองเปิดโปรแกรม Character Map ที่อยู่ใน Accessaries/System Tools ขึ้นมา แล้วเลือกตามภาพ ตัว "ก" จะเป็นตัวที่ U+0E01 ค่า 0E01 จะเป็นเลขฐาน 16
เลขฐาน 10 กับ 16
เลขฐาน 10 กับ 16.
สิ่งที่ควรทราบอีกย่างหนึ่งก็คือเลขฐาน 16 ผมจะไม่สอนวิธีแปลงหรือคำนวนเลขฐาน 16 แต่ผมแนะนำให้ใช้เครื่องคิดเลขที่มากับวินโดว์ ให้เลือก View เป็นและ Scientific
การแก้ไขเฟิร์มแวร์ให้แสดงผลภาษาไทย
การแก้ไขเฟิร์มแวร์ให้แสดงผลภาษาไทย.
ถ้าใช้เฟิร์มแวร์ที่ยังไม่ได้แก้ให้อ่านไทยได้ชื่อเพลงที่เป็นตัวอักษรไทยจะไม่แสดงบนหน้าจอ จะแสดงได้แค่ที่เป็นตัวภาษาอังกฤษเท่านั้น การทำภาษาไทยนั้นประกอบไปด้วยส่วนสำคัญดังนี้
สร้าง Unicode groups ของภาษาไทยขึ้นมา โดยเริ่มจาก U+0E01
ตัวภาพอักขระภาษาไทย ใช้ปุ่ม Save bitmap เพื่อนำตัวอักษรออกไปแก้ไข เราจะแทนตัวอักษรที่เราไม่ใช้ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ หรือจะใช้ Make font ก็ได้
กำหนด Character Mapping แต่ละตัวอักษรตรงกับภาพของตัวอักษรที่สร้างขึ้นมา ในกรณีที่ใช้ Make font อาจจะไม่ต้องใช้ตรงนี้ก็ได้ แต่จริงๆแล้ว iPodWizard ยังมีปัญหาเกี่ยวกับตัวสระภาษาไทยบางตัว ดังนั้นจำเป็นต้องทำการแมปตัวอักษรด้วยตัวเอง การแมปตัวอักษรจะใช้ index สองตัวแมปเข้าหากัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของตัวอักษร เพราะว่าตัวอักษรบางตัวใช้ร่ามกันหลายภาษา index ตัวล่างจะแมปเข้ากับภาพบิตแมป ซึ่ง offset เป็นตำแหน่ง Pixel ส่วน Width เป็นความกว้างตัวอักษร ident เป็นตัวบอกว่าตัวอักษรจะเริ่มตรงไหน ปรกติเริ่มที่ 0 แต่พวกสระในภาษาไทยเช่น สระอิ จะต้องมีตำแหน่งเริ่มต้นซ้อนทับกับตัวอักษรตัวหน้า ดังนั้นค่านี้อาจจะติดลบได้
ตรวจสอบความถูกต้องของตัวอักษรโดยดูจากดรอปดาว์น Charactor:
String
String.
ส่วนนี้เป็นการเปลี่ยนข้อความที่แสดงในเครื่อง iPod จริงๆแล้วไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าใดนัก เพราะว่ามีความจำเป็นที่จะเปลี่ยนข้อความปัจจุบันให้เป็นคำอื่น นอกจากจะมีจุดมุ่งหมายเฉพาะ อย่างผมเองใช้เพื่อแปลเมนูให้เป็นภาษาไทย หรือบางท่านใช้เทคนิกพิเศษสร้างฟอนต์เป็นรูปภาพแปลกๆ แล้วแก้ข้อความแทรกฟอนต์นั้นให้แสดงรูปภาพนั้นออกมา ข้อความที่ปรากฎใน iPod แต่ละภาษา จะเก็บอยู่คนละบล็อกกัน
Language Block :
Hex Address :
String Filter :
Save List :
Load List :
Save Change :
Load Change :
ผมไม่แนะนำให้ทำการแปลเป็นภาษาไทยด้วย iPodWizard เพราะว่าเวลาแก้ไขทีละมากๆจะลำบาก ผมแนะนำให้ใช้ iPodedit กับสคริปต์ช่วย
Themes
Themes.
ธีมเป็นชุดของ ภาพ ฟอนต์หรืออาจจะรวมถึงข้อความที่เราทำการแก้ไขแล้วเข้าเป็นชุดกัน ซึ่งก็เหมือนกับธีมในวินโดว์ ธีมช่วยตกแต่งหน้าตาของ iPod ให้สวยงามตามผู้ใช้ต้องการ ไฟล์ธีมของ iPodWizard จะเป็นนามสกุล .IPW เราสามารถโหลดธีมในอินเตอร์เน็ตมาใช้ได้ แต่ระวังไว้ว่าธีมอาจะทำให้ภาษาไทยใช้งานไม่ได้ในกรณีที่ธีมนั้นๆ มีการแก้ไขฟอนต์
วิธีการสร้างทีม
แก้ไขภาพ ตัวอักษร และ ข้อความ ให้ได้ตามต้องการ แล้วทำการจัดเก็บ (Save) เพื่อนำมาสร้างธีม
- ภาพ (pictures) กดปุ่ม 'Save All' แล้วเลือกไดเร็กทอรีที่จะเก็บภาพ
- ตัวอักษร (fonts) เก็บฟอนต์ bitmap และ metrics ไว้ที่เดียวกัน.
- ข้อความ (strings) กดปุ่ม 'Save All Changes' เพื่อเก็บเป็นไฟล์นามสกุล .scf มาที่แทป Themes แล้วเลือกโหลด resource แต่ละอันขึ้นมาตามหัวข้อของมันเอง กดปุ่ม 'Make Theme' เพื่อสร้างไฟล์นามสกุล .IPW
ผมคิดว่ากำลังจะทำธีมภาษาไทยสำหรับ iPod รุ่นต่างๆออกมา คงไม่ทำใหม่หรอกครับ แต่เอาจากเฟิร์มแวร์ที่คนอื่นๆทำเป็นไทยมาทำครับ เดี๋ยวลองขออนุญาติผู้ทำก่อน ธีมจะใช้เนื้อที่น้อยกว่าให้โหลดเป็นตัวอัปเดตของ iPod มากครับประหยัดเวลาโหลด อาจจะเขียนวิธีการใช้ธีมสั้นๆ สำหรับยูสเซอร์ที่ใช้ iPodWizard ไม่เป็น อีกไม่นานคงเสร็จครับ จริงๆแล้วถ้าอ่านบทความนี้จบก็คงทำได้ครับ
Updater
Updater.
ในตัวอัปเดตของ iPod จะประกอบไปด้วยตัวอัปเดตของหลายๆรุ่นรวมกัน แทป updater นี้การดึงเฟิร์มแวร์สำหรับการอัปเดตแต่ละรุ่น เข้าหรือออกจากตัวอัปเดตใหญ๋ หัวข้อนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์กับผู้ใช้ทั่วไปเท่าไหร่นัก ส่วนผมเองใช้ฟังก์ชันนี้บ้างในการแบ็กอัปเฟิร์มแวร์สำหรับรุ่นที่ต้องการ เพราะใช้เนื้อที่น้อยดี และและประโยชน์อีกอย่างก็คือ ผมดึงเฟิร์มแวร์แต่ละรุ่นออกมาเพื่อการแก้ไขด้วยโปรแกรมอื่นที่ไม่ใช่ iPodWizard ตั้งแต่ iPodWizard เวอร์ชัน 1.2 ขึ้นมามีปุ่ม "Extract firmware binary from your iPod" ซึ่งใช้ดึงเฟิร์มแวร์ออกจากเครื่อง iPod ได้โดยตรง ซึ่งแต่ก่อนผมต้องใช้คำสั่ง dd ใน Linux เพื่อดึงเฟิร์มแวร์ออกมา ส่วนปุ่ม "Delete firmware binary" จนเวอร์ชัน 1.2 ก็ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งาน คงต้องรอเวอร์ชันต่อไป ทุกครั้งที่โหลดเฟิร์มแวร์เข้ามา ต้องกดปุ่ม "Write updater changes" เขียนเฟิร์มแวร์นั้นเข้าไปในตัวอัปเดตหลัก หน้าที่คล้ายปุ่ม Write แต่ตัวเฟิร์มแวร์ที่โหลดเข้ามาใหม่ต้องใช้คำสั่งนี้เท่านั้น
Install Modify Firmware การติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขแล้วโดย คุณ hOng (Nimit Saengkarsanee)
แนะนำเบื้องต้น
Install Modify Firmware การติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขแล้วโดย คุณ hOng (Nimit Saengkarsanee).
แนะนำเบื้องต้น.
ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนนี้ผมสันนิษฐานว่าพวกคุณได้ทำสิ่งต่างๆต่อไปนี้มาแล้ว
แก้ไขฟอนต์
แก้ไขกราฟิก
แก้ไขสตริง
มีเฟิร์มแวร์ ซึ่งแก้ไขตามข้างต้นซึ่งได้ดาวน์โหลดมา
วิธีการ Install เฟิร์มแวร์ที่แก้ไขแล้ว
เปิดโปรแกรม iPod Updater (กรณีที่ไม่ได้ต่อ iPod ไว้จะขึ้น Dialogue Box ตามรูปครับ)
วิธีการ Install เฟิร์มแวร์ที่แก้ไขแล้ว.
“C:\Program Files\iPod\iPod Updater YYYY-MM-DD
คำแนะนำ ก่อนก๊อปปี้ไฟล์ทับไฟล์เดิม ผมแนะนำให้ Backup ไฟล์เดิมไว้ที่อื่นก่อนนะครับ"
ต่อสายเชื่อม iPod กับเครื่องคอมพิวเตอร์
หลังจากเชื่อมต่อ iPod แล้วขึ้น Dialogue Box ตามรูปเราต้องทำการ Downgrade เฟิร์มแวร์ซะก่อน โดยใช้ iPodWizard ครับ แต่ก่อนอื่นให้ปิด iPod Updater ไปก่อนครับ (ระวัง !! ! หากเรากดปุ่ม Restore โปรแกรมจะทำการ Format เครื่อง iPod ของเราจนเกลี้ยงก่อนจะลงโปรแกรมให้นะครับ หมายความว่าข้อมูลใน iPod ของเราจะหายเกลี้ยง หากเราต้องการล้างเครื่องก็กดได้ | thaiwikibooks | 196,797 |
กิมป์/tools/Select elliptical regions | 0
35661
2016-04-16T23:15:29Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Select elliptical regions Short key (E)
Select elliptical regions เป็นเครื่องมือ ที่ใช้เลือกบริเวณพื้นที่ ที่ต้องการจะทำงาน เช่นเดียวกับเครื่องมือ Select rectangular regions แต่ว่าจะเป็นรูปแบบของ วงกลมและวงรี วิธีในการใช้งานนั้นจะเหมือนกันแทบทั้งหมด คุณสามารถที่จะใช้เครื่องมือ Select rectangular regions ร่วมกับ Select elliptical regions ก็ได้
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,798 |
กิมป์/tools/Select hand-drawn regions | 0
24320
2016-04-15T00:39:51Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Select hand-drawn regions Short key (F)
Select hand-drawn regions เครื่องมือที่ใช้เลือกบริเวณพื้นที่ทำงานที่ต้องการ ในรูปแบบอิสระ
วิธีใช้
เพียงแค่คุณคลิ๊กเมาส์ค้างไว้ แล้วลากเส้นไปตามที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะลากเป็นเส้นโค้ง , เอียง หรือจะเป็นรูปแบบใดก็ได้
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,799 |
กิมป์/tools/Select contiguous regions | 0
24321
2016-04-15T00:41:05Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Select contiguous regions (Z)
Select Contiguous regions เครื่องมือสำหรับเลือกบริเวณที่ต้องการ เลือกอาศัยความใกล้เคียงกันของค่าสี โดยสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้สีที่เลือกมีความใกล้เคียงกันมาก หรือใกล้เคียงกันน้อย
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกเครื่องมือแล้ว คลิ๊กลงไปในบริเวณที่เราต้องการ เพียงคลิ๊กเดียวเท่านั้น
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,800 |
กิมป์/tools/Select regions by color | Select regions by color Short key (Shift + O)
Select regions by color เป็นเครื่องมือใช้เลือกบริเวณที่ต้องการ โดยอ้างอิงจากความใกล้เคียงของค่าสี จะคล้ายๆกับเครื่องมือ Select Contiguous regions เพียงแต่ เครื่องมือ Select Contiguous regions จะเลือกเฉพาะสีที่ใกล้เคียง และเชื่อมต่อกันเท่านั้น แต่เครื่องมือ Select regions by color จะเลือกสีที่ใกล้เคียงกันได้ โดยไม่ต้องอยู่ติดกัน
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,801 |
กิมป์/tools/Select shapes from image | 0
35659
2019-04-05T00:48:07Z
Tris T7
เคาะวรรค
wikitext
text/x-wiki
Select shapes from image Short key (I)
Select shapes from image เป็นเครื่องมือที่ใช้เลือกพื้นที่ที่ต้องการ โดยสามารถเกาะไปตามขอบไม่ว่าจะตรง หรือโค้งก็ได้ โดยจะอ้างอิงตามความต่างของสี
วิธีใช้
เพียงแค่ เลือกจากจุดจุดหนึ่ง จากนั้น ขยับไปที่จุดที่ใกล้ ๆ กัน เป็นระยะ ๆ ไล่ไปเรื่อง ๆ ตามขอบของภาพ
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,802 |
กิมป์/tools/Create and edit paths | 0
24324
2016-04-15T00:40:16Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Create and edit paths Short key (B)
Create and edit paths เป็นเครื่องมือ ที่ใช้ในการเลือกบริเวณที่ต้องการ โดยจะเป็นการเลือก ด้วยการใช้เส้น ที่สามารถดัดโค้งได้ตามต้องการ
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกเครื่องมือ คลิ๊กลงไปบนชิ้นงาน1ครั้ง และคลิ๊กไล่เป็นจุดๆ ไปเรื่อยๆตามแนว ถ้าหากคลิ๊กแล้วปล่อยเมาส์ในทันทีจะเป็นการลากเส้นตรง แต่ถ้าคลิ๊กค้างไว้แล้วลากเมาส์ออกมา จะปรากฏแขนของเส้นโค้งให้เราสามารถดัดได้ตามต้องการ เมื่อคุณสร้างเส้นแนวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถ สร้างเส้นแนวให้กลายเป็นเส้นประของ การเลือกบริเวณที่จะทำงานได้ โดยการกดปุ่ม Enter
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,803 |
กิมป์/tools/Pick colors from the image | 0
24325
2016-04-15T00:40:45Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Pick colors from the image Short key (O)
Pick colors from the image เครื่องมือที่ใช้สำหรับเลือกสีที่ต้องการ โดยอ้างอิงจากพิกเซลสีของภาพที่เปิดอยู่
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกเครื่องมือ แล้วคลิ๊กลงไปที่พิกเซลของสีที่ต้องการ สีที่เลือกก็จะไปอยู่ในกล่องของสีที่เราเลือกไว้เพื่อใช้งาน พร้อมทั้งโปรแกรม ยังจะแสดงข้อมูลต่างๆ ของสีที่ถูกเลือกด้วย
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,804 |
กิมป์/tools/Zoom in and out | 0
24326
2016-04-15T00:40:23Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Zoom in & out
เครื่องมือที่ใช้ช่วยในการ ย่อ/ขยาย ภาพที่เราทำงานอยู่ เพื่อให้ทำงานได้สะดวกขึ้น
วิธีใช้
เพียงแค่คุณเลือกที่เครื่องมือ แล้วคลิ๊กลงไปบนพื้นที่ๆคุณทำงาน จะเป็นการ Zoom in และถ้าคุณกด Ctrl ค้างไว้ ก่อนที่จะคลิ๊ก จะเป็นการ Zoom out สำหรับการ ย่อ/ขยาย ภาพนั้น นอกจากที่คุณจะใช้เครื่องมือ Zoom in & out แล้ว คุณยังสามารถใช้เมาส์ที่มีลูกกลิ้ง แทนการใช้เครื่องมือได้ด้วย โดยการกด Shift ค้างไว้ แล้วกลิ้งลูกกลิ้งเมาส์ ขึ้น/ลง เพื่อเป็นการ ย่อ/ขยาย
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,805 |
กิมป์/tools/Measure distances and angles | 0
24327
2016-04-15T00:40:30Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Measure distances and angles
เครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดองศา และระยะทาง ที่คุณต้องการทราบ
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกที่เครื่องมือ จากนั้น คลิ๊กเมาส์ค้างไว้ที่ จุดเริ่มต้นของระยะและองศาที่คุณต้องการทราบ จากนั้นลากไปที่จุดปลายทาง แล้วปล่อยเมาส์ โปรแกรมจะรายงานระยะและองศาให้คุณทราบ
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,806 |
กิมป์/tools/Move layers and selections | Move layers & selections Short key (M)
เครื่องมือที่ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายภาพ โดยการเคลื่อนย้ายนั้นจะมีความสัมพันธ์กับ layer ที่เรากระทำอยู่และ selection ที่เลือกจากเครื่องมือ select regions เช่น Select rectangular regions , Select hand-drawn regions หรือเครื่องมือ select อื่น ๆ ซึ่งถ้าหากคุณไม่ได้เลือกบริเวณที่ต้องการด้วยเครื่องมือ select นั่นหมายถึง จะเป็นการเคลื่อนย้ายภาพในเลเยอร์ที่คุณเลือกทั้งหมด
วิธีใช้
เพียงแค่เลือกที่เครื่องมือ และคลิ๊กเมาส์ค้างไว้บนภาพที่คุณต้องการ จากนั้นลากไปในที่ ๆ คุณต้องการ จากนั้นก็ปล่อยเมาส์ แต่อย่าลืมว่า ก่อนที่คุณจะย้อยภาพ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจซะก่อน ว่าคุณได้เลือกเลเยอร์ที่ต้องการไว้แล้ว
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,807 |
กิมป์/tools/Crop or resize an image | 0
24329
2016-04-16T23:16:00Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Crop or resize an image Short key Shift+c
เครื่องมือที่ใช้สำหรับตัดภาพให้อยู่ในขนาดที่ต้องการ
วิธีใช้
เลือกเครื่องมือ จากนั้นคลิ๊กลงไปบนภาพที่เราทำงานอยู่ แล้วลาก จะเกิดกรอบขึ้นมา ให้เราปรับขนาดของกรอบนั้นตามต้องการ เมื่อปรับเสร็จแล้ว ให้กด Crop จะเป็นการตัดภาพออกให้เหลือขนาดเท่ากรอบสี่เหลี่ยมที่เราเลือก หรือคุณอาจเลือก Resize เพื่อย่อขนาดของภาพลงแต่ไม่ได้ตัดภาพออกไป
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,808 |
กิมป์/tools/Rotate the layer or selection | Rotate the layer or selection Short key Shift+R
เครื่องมือที่ใช้สำหรับหมุนภาพ จะเป็นการหมุนที่เลเยอร์ที่ต้องการ หรือบริเวณที่เราทำการเลือกไว้ด้วยเครื่องมือ Select
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์ หรือบริเวณที่เราต้องการหมุนไว้ก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือ Rotate the layer or selection คลิ๊กลงไปบน บริเวณที่ต้องการจะหมุน จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้กรอกค่าที่ต้องการ หรือคุณจะใช้วิธีลากเมาส์ เพื่อหมุนภาพไปเรื่อยๆก็ได้
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,809 |
กิมป์/tools/Scale the layer or selection | Scale the layer or selection Short key Shift+T
เครื่องมือที่ใช้ ย่อ/ขยาย เลเยอร์ที่ต้องการ หรือบริเวณที่เราทำการเลือกไว้ด้วยเครื่องมือ Select
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์ หรือบริเวณที่เราต้องการ ย่อ/ขยาย ไว้ก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือ Scale the layer or selection คลิ๊กลงไปบน บริเวณที่ต้องการจะ ย่อ/ขยาย จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้กรอกค่าที่ต้องการ หรือคุณจะใช้วิธีลากเมาส์ เพื่อ ย่อ/ขยาย ภาพไปเรื่อยๆก็ได้
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,810 |
กิมป์/tools/Shear the layer or selection | Shear the layer or selection Short key Shift+S
เครื่องมือที่ใช้สำหรับบิดเลเยอร์ หรือบริเวณที่เราทำการเลือกไว้ด้วยเครื่องมือ Select ซึ่งจะเป็นการทำให้ภาพเฉียง ในแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์ หรือบริเวณที่เราต้องการ ทำให้เฉียงไว้ก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือ Shear the layer or selection ปรับค่าให้เป็นแนวตั้งหรือแนวนอน ที่ Tab tool option ของคำสั่ง เสร็จแล้วคลิ๊กลงไปบน บริเวณที่ต้องการ จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้กรอกค่าที่ต้องการ หรือคุณจะใช้วิธีลากเมาส์ไปเรื่อยๆก็ได้
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,811 |
กิมป์/tools/Change perspective of the layer or selection | Change perspective of the layer or selection Short key Shift+P
เครื่องมือที่ใช้ทำให้ภาพเอียง คล้ายกับเครื่องมือ Shear the layer or selection แต่ว่าจะทำให้ภาพเอียงได้อย่างอิสระมากกว่า
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์ หรือบริเวณที่เราต้องการ ทำให้เฉียงไว้ก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือ Change perspective of the layer or selection คลิ๊กลงไปบน บริเวณที่ต้องการ จากนั้นที่มุมทั้งสี่ของเลเยอร์หรือบริเวณที่เลือก จะปรากฏกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขึ้นมา ให้คลิ๊กค้างที่กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นั้น จากนั้นลากไปไว้ในจุดที่ต้องการ
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,812 |
กิมป์/tools/Flip the layer or selection | 0
24334
2016-04-16T23:19:38Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Flip the layer or selection Short key Shift+F
เครื่องมือที่ใช้กลับด้าน ของเลเยอร์หรือบริเวณที่ทำการเลือกจาก ซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์ หรือบริเวณที่ต้องการไว้ก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือ และคลิ๊กลงไปบนบริเวณที่ต้องการ ภาพจะถูกกลับด้านจากซ้ายไปขวา
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,813 |
กิมป์/tools/Add text to the image | 0
24335
2016-04-16T23:16:43Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Add text to the image Short key (T)
เครื่องมือที่ใช้สำหรับพิมพ์ข้อความลงไปบนภาพที่เราทำงานอยู่
วิธีใช้
ให้เลือกเครื่องมือพิมพ์ข้อความ จากนั้นคลิ๊กลงไปบนภาพที่ทำงานอยู่ จะมีหน้าต่างปรากฏขึ้นมา ให้กรอกคำที่ต้องการลงไป เมื่อเสร็จแล้ว ให้กดปิด ตัวอักษรที่คุณป้อนลงไป จะปรากฏขึ้นในพื้นที่ทำงาน โดยจะแสดงขึ้นมาเป็นเลเยอร์ใหม่ คุณสามารถเปลี่ยนสีตัวอักษร หรือเปลี่ยนฟอนต์เปลี่ยนขนาดของตัวอักษรได้ตามต้องการที่ Tab tool option
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,814 |
กิมป์/tools/Fill with a color or pattern | Fill with a color or pattern Short key (Shift+B)
เครื่องมือที่ใช้สำหรับ เทสีหรือลวดลายลงบนภาพที่เรากำลังทำงานอยู่
วิธีใช้
ให้เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะเทสีก่อน จากนั้นเลือกเครื่องมือเทสี เลือกสีหรือลวดลายที่ต้องการ ปรับค่าที่ Tab tool option ว่าจะใช้สีที่เป็น แบ็คกราวน์ โฟร์กราวน์ หรือ ลวดลาย จากนั้นคลิ๊กลงไปบนพื้นที่ ที่ต้องการจะลงสี
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,815 |
กิมป์/tools/Fill with a color gradient | Fill with a color gradient Short key (L)
เครื่องมือลงสีแบบไล่ระดับ จากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง
วิธีใช้
ให้คุณทำการ Select บริเวณที่คุณต้องการจะลงสีก่อน เลือกสีที่ต้องการ จากนั้นเลือกเครื่องมือ คลิ๊กลงไปบนพื้นที่ที่จะลงสี โดยลากจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง โดยที่ความห่างของเส้นที่คุณลาก จะเป็นช่วงความกว้างของการไล่ระดับสี
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,816 |
กิมป์/tools/Paint hard edged pixels | Paint hard edged pixels Short key (N)
เครื่องมือระบายสีแบบดินสอ ซึ่งจะเป็นการระบายแบบแข็ง หมายถึงในส่วนขอบของเส้นจะไม่มีสีที่อ่อนนุ่ม แต่จะเป็นเส้นที่แข็งกระด้างไปตลอด
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบายสี เลือกสีที่ต้องการ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option จากนั้นลงมือระบายสีลงในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,817 |
กิมป์/tools/Paint fuzzy brush strokes | Paint fuzzy brush strokes Short key (P)
เครื่องมือระบายสีแบบพู่กัน จะเป็นการระบายสีรูปแบบหนึ่ง คล้ายๆกับการใช้ดินสอ แต่เครื่องมือภู่กันจะให้ขอบของเส้นที่นุ่มนวลกว่า
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบายสี เลือกสีที่ต้องการ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option จากนั้นลงมือระบายสีลงในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,818 |
กิมป์/tools/Erase to background or transparency | Erase to background or transparency Short key (Shift + E)
เครื่องมือที่ใช้สำหรับลบภาพ
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะลบ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option จากนั้นลงมือในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,819 |
กิมป์/tools/Airbrush with variable pressure | Airbrush with variable pressure Short key (A)
เครื่องมือระบายสี แบบสเปรย์พ่น ลักษณะจะคล้ายกับ เครื่องมือระบายสีแบบพู่กัน แต่สีจะออกมาในลักษณะกระจาย และอ่อนกว่า
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบายสี เลือกสีที่ต้องการ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option จากนั้นลงมือระบายสีลงในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,820 |
กิมป์/tools/Draw in ink | Draw in ink Short key (K)
เครื่องมือระบายสีในรูปแบบของปากกาหมึกซึม ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายการลากเส้นด้วยปากกา เช่นลากเร็วเส้นจะเล็ก เพราะหมึกไหลไม่ทัน ลากช้าเส้นจะใหญ่เพราะหมึกไหลออกมาเยอะ
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบายสี เลือกสีที่ต้องการ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option จากนั้นลงมือระบายสีลงในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,821 |
กิมป์/tools/Paint using Patterns or Image Regions | Paint using Patterns or Image Regions Short key (C)
เครื่องมือระบายสีโดยใช้ลวดลาย หรือใช้วิธีคัดลอกลาย จากภาพเดิมที่กำลังทำงานอยู่
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบายสี เลือกลวดลายที่ต้องการ ปรับค่าต่างๆที่ Tab tool option เพื่อเลือกว่าคุณจะใช้วิธีระบายด้วยลวดลาย หรือใช้ภาพของคุณเป็นต้นแบบ จากนั้นลงมือระบายสีลงในบริเวณที่ต้องการ ด้วยการคลิ๊ก และลาก หรือถ้าคุณต้องการใช้ภาพที่คุณทำงานอยู่เป็นลวดลายในการระบาย ให้คุณเลือกเครื่องมือก่อน จากนั้นนำเคอเซอร์ไปวางในภาพบนจุดเริ่มต้นที่ต้องการให้เป็นลวดลาย กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้แล้วคลิ๊กหนึ่งครั้ง โปรแกรมจะจดจำตำแหน่งที่เลือก จากนั้นนำไประบายลงบนบริเวณที่ต้องการ
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,822 |
ข้อมูลตั๋วเครื่องบิน | รายชื่อ เอเยนซี ขายตั๋ว ไปกลับไทย
Amerithai World Travel: 1-800-778-1112
Angel Travel : 1-800-922-1092
Asia Travel: 1-800-484-1031 ext 8474
Bangkok Starlite Travel: 1-301-589-3802
K. Chris:1-773-769-4857
D.K. Travel: 1-800-538-7827
Diamond Star Tours: 1-213-913-3938
Econo Travel: 1-800-255-1688
Gateway Travel: 1-800-716-1610
K. Kamlah (speaks Thai): 1-888-888-7157
Kinnaree Travel: 1-800-486-2920
Orchid Travel Service: 1-301-593-8400
Pathra International: 1-212-929-1420
P&S Tours Inc. (Boston) Phone 1-617-983-9333 Fax 1-617-390-7803 Cell 1-617-372-0220
P&S Tours Inc (New York) Phone 1-914-237-5036 Fax 1-914-237-3557 Cell 1-914-320-0522
Sky World Express Inter: 1-212-953-7190
Ticket & Tours: 1-888-422-1141
United Royal International: 1-800-353-4345
VSN Tours: 1-703-368-3240
ThaiFly (+66) 713-8992 Online Booking : จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ราคาถูกกับ Thaifly.com | thaiwikibooks | 196,823 |
กิมป์/tools/Blur or Sharpen | Blur or Sharpen Short key (V)
เครื่องมือระบาย เพื่อให้ภาพมีลักษณะเบลอ หรือเน้นความเข้มของเม็ดสีขึ้นมา
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะระบาย เลือกเครื่องมือ ตั้งค่าที่ Tab too option เพื่อเลือกว่าคุณต้องการที่จะทำภาพให้เบลอ หรือเน้นจุดของเม็ดสี
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,824 |
กิมป์/tools/Smudge image | Smudge image Short ket (S)
คล้ายกับการใช้นิ้วปาดลงไปบนภาพให้สีลากเป็นแนวไปตามทางที่กำหนด
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะปาดสี เลือกเครื่องมือ ตั้งค่าต่างๆที่ Tab tool option
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,825 |
กิมป์/tools/Dodge or Burn strokes | Dodge or Burn strokes Short key (Shift + D)
เครื่องมือช่วยทำให้ภาพเกิดความ สว่าง/มืด ในจุดที่ระบาย
วิธีใช้
เลือกเลเยอร์และบริเวณที่ต้องการจะปรับความ สว่าง/มืด เลือกเครื่องมือ ตั้งค่าต่างๆที่ Tab too option ระบายลงไปในจุดที่ต้องการ
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,826 |
กิมป์/interface | 0
24352
2016-04-15T00:36:48Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
อินเทอร์เฟสของ Gimp ในตอนเริ่มแรกที่เปิดขึ้นมานั้น จะประกอบไปด้วยไดอะล๊อก 2กล่อง ซึ่งเป็นของชุดเครื่องมือ และ Tab ของชุดเครื่องมือต่างๆ กับอีก 1 หน้าต่างเมื่อเราสั่ง New หรือเปิดไฟล์ขึ้นมาทำงาน แต่คุณสามารถที่จะปรับแต่งมันให้ตรงกับที่คุณต้องการได้ หรือถ้าคุณเคยชินกับ Photoshop คุณอาจปรับแต่งอินเทอร์เฟสของ Gimp ให้ดูคล้ายกับ Photoshop ก็ได้
จากภาพอินเทอร์เฟสของ Gimp จะสังเกตเห็นได้ว่า ในไดอะล๊อกของกล่องเครื่องมือ (จากภาพด้านบน จะเป็นไดอะล๊อกทางซ้าย) จะประกอบด้วยชุดเครื่องมือมาตรฐาน และกล่องที่ใช้สำหรับตั้งค่าต่างๆเมื่อเรียกใช้เครื่องมือแต่ละตัว ซึ่งกล่องด้านล่างที่อยู่ใต้ชุดเครื่องมือนั้น มีชื่อเรียกว่า Tool options ซึ่งจะเป็น Tab อย่างหนึ่ง จากหลายๆ Tab ที่มีใน Gimp ส่วนไดอะล๊อกที่ชิดขวา เมื่อดูจากภาพ จะเห็นว่าเป็นไดอะล๊อก ที่รวมเอาเครื่องมือที่ใช้ช่วยเหลือในการทำงานต่างๆ ซึ่งถูกรวมกันไว้ โดยแยกย่อยออกเป็น Tab ต่างๆ ที่เห็นอยู่ด้านบนจะเป็น Layer, Channels, Paths และ Undo History ส่วนด้านล่างก็จะเป็น Brushes, Patterns และ Gradients ซึ่ง Tab เครื่องมือเหล่านี้เราสามารถเพิ่มเติมได้โดยกดที่ คำสั่ง Add Tab
ตามที่ได้บอกไปแล้วว่า อินเทอร์เฟสเหล่านี้เราสามารถปรับเปลี่ยนเองได้ คุณอาจรวมไดอะล๊อกทั้ง 2 ให้เลือกเพียงไดอะล๊อกเดียวได้ ด้วยการรวม Tab เหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน หรือคุณอาจลบไดอะล๊อก ที่ไม่ใช่ไดอะล๊อกของชุดเครื่องมือทิ้งไปเลยก็ได้ หากว่าคุณไม่ค่อยได้ใช้ วิธีในการรวมไดอะล๊อกก็เพียงแค่ คุณย้าย Tab ที่อยู่ในไดอะล๊อกที่ 2 มาไว้ในไดอะล๊อกหลักเท่านั้น คุณสามารถใช้วิธี Add Tab ผ่านทางเมนู หรือใช้วิธีดึง Tab จากได้อะล๊อกที่ 2 มาไว้ในไดอะล๊อกหลัก (ไดอะล๊อกของชุดเครื่องมือ) ก็ได้ วิธีดึงนั้นเพียงแค่คุณคลิ๊กค้างไว้ ที่ไอคอนสัญลักษณ์ของ Tab นั้นๆ แล้วดึงลากมาปล่อยไว้ในไดอะล๊อกที่คุณต้องการ หรือหากคุณต้องการแยก Tab ออกมาเป็นไดอะล๊อกต่างหาก ก็สามารถทำได้ด้วยการคลิ๊กค้างไว้ที่ไอคอนสัญลักษณ์ของ Tab แล้วลากออกมาที่บริเวณพื้นที่ว่าง Tab นั้นก็จะปรากฏออกมาเป็นไดอะล๊อกอีกหนึ่งกล่อง
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,827 |
กิมป์/toggle quick mask | 0
24356
2016-04-15T00:36:59Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
ในตอนที่ชื่อว่า "เครื่องมือต่างๆของ Gimp” ผมได้แนะนำเครื่องมือต่างๆ และวิธีการใช้งานคร่าวๆไว้แล้ว ซึ่งในชุดเครื่องมือที่ได้แนะนำไป จะมีเครื่องมือที่ใช้ในการทำ Selection หรือการเลือกบริเวณที่จะกระทำ ด้วยชุดเครื่องมือต่างๆของโปรแกรมที่มีให้เลือกใช้ถึง 7อัน ส่วนในบทนี้ผมจะแนะนำวิธีการทำ Selection อีกวิธี คือการใช้เครื่องมือ Toggle Quick Mask ครับ ก่อนอื่น เปิด Gimp ขึ้นมาก่อนเลย แล้วทดลองเปิดไฟล์ภาพขึ้นมาสักไฟล์ครับ
ทีนี้ ให้หยิบเครื่องมือยางลบขึ้นมาครับ จัดการละเลงลงไปบริเวณที่ต้องการทำ Selection ครับ เมื่อคุณลบสีแดงออกไป ก็คือบริเวณที่ไม่มีสีแดงจะเป็น Selection ครับ เช่นกัน ถ้าหากคุณหยิบเครืองมือระบายสีมาระบายลงไปที่บริเวณที่คุณลบไป มันจะเปิดเป็นสีแดง ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้สีอะไรก็ตาม
ทีนี้เมื่อคุณทำการตกแต่งส่วนที่เป็นสีแดงในบริเวณที่คุณต้องการทำ Selection เสร็จแล้ว ให้คุณกดที่ Toggle Quick Mask เพื่อให้กลับเป็นอย่างเดิมอีกครั้งครับ ภาพจะกลับสู่สภาพปกติ ส่วนบริเวณที่คุณลบสีแดงไว้จะเกิดเป็น Selection ครับ
ทีนี้หลายท่านอาจสงสัยว่าการทำ Selection แบบนี้มันจะดีกว่า ไอ้การทำ Selection แบบเดิมตรงไหน ข้อดีของมันคือ คุณสามารถจัดการกับ Selection ได้เหมือนกับการระบายสี นั่นหมายถึง คุณสามารถ ซูมเข้าซูมออกได้ตามใจ แน่นอนการใช้เครื่องมือ Selection แบบอื่น ก็สามารถซูมเข้าซูมออก ในขณะทำ Selection ได้ แต่วิธีนี้มันจะเด็ดกว่าก็ตรงที่ คุณสามารถเลือกหัวแปรได้นั่นเอง
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,828 |
รายชื่อสมาคมนักเรียนไทย/เยอรมัน | สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันในพระบรมราชูปถัมภ์
สโมสรนายทหารนักเรียน ประเทศเยอรมนี
Aachen
Berlin & Potsdam
Clausthal
Darmstadt
Dresden
Duisburg-Essen
Göttingen
Hannover
Hamburg
Heidelberg
Kassel
München
Stuttgart
Pantip.com นักเรียนไทยในเยอรมัน | thaiwikibooks | 196,829 |
กิมป์/gif animation | 0
24350
2016-04-15T00:37:12Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
อนิเมชั่นที่ผมจะพาไปทดลองทำในครั้งนี้จะเป็นแบบที่เรียกว่า gif animation ครับ เหตุที่เรียกว่า gif animation นั้นเป็นเพราะว่าไฟล์ที่ทำเป็นไฟล์ .gif ครับ ซึ่งไฟล์รูปแบบนี้จะสามารถทำอนิเมชั่นแบบง่ายๆได้ ในรู้แบบของการกำหนดให้ภาพแสดงสลับไปที่ละเฟรมตามที่กำหนดครับ
เริ่มแรกเปิด Gimp ขึ้นมาก่อนแล้ววาดภาพลงไปเฟรมละภาพ เฟรมในที่นี้ก็คือ เลเยอร์นั้นเองครั้ง วาดลงไปเลเยอร์ละหนึ่งภาพ ให้ภาพมีลักษณะต่อเนื่องกัน ส่วนของผม ผมขี้เกียจวางครับ ไปโหลดเอาดีกว่า ของผมจะใช้ภาพจากเกม SuperTUX ครับ
ขั้นต่อไปเอาภาพเรียงซ้อนกันไว้ในแต่ละเลเยอร์ครับ โดยแต่ละเลเยอร์ให้เรียงภาพเป็นลำดับซ้อนกันตามรูปแบบของการเคลื่อนไหวครับ โดยภาพแรกอยู่ล่างสุด ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆครับ
เมื่อเรียงกันไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ลองดูภาพตัวอย่างก่อนว่าตรงกับที่ต้องการแล้วหรือยัง โดยกดที่ Filters > Animation > Playback จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราได้ทดลองเล่นอนิเมชั่น ที่เราได้สร้างไว้ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่จะส่งออกเป็นไฟล์ที่สมบูรณ์
ถ้าทดลองเล่นดูแล้วยังไม่ตรงกับที่ต้องการ ก็ให้ปรับแก้และทดลองเล่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ เมื่อได้อนิเมชั่นที่ตรงความต้องการแล้ว ก็ให้สั่งเซฟครับ โดยให้เลือกฟอร์แมทของไฟล์เป็น .gif ครับ
เมื่อสั่งเซฟไฟล์เป็น .gif จะมีหน้าต่างขึ้นมาถามอีกครั้ง โดยในช่องแรกจะให้เลือกระหว่าง รวมเลเยอร์หรือทำอนิเมชั่น ในที่นี้ให้เลือกเป็น Save as Animation และช่องต่อไปคือ เลือกระหว่าง ให้แปลงรูปแบบสีเป็น ตามรางสีแบบ Gif หรือ จะให้ทำเป็นภาพแบบขาวดำครับ ของผมจะเลือกเป็นภาพสีนะครับ
เมื่อเลือกว่าเราจะทำเป็นอนิเมชั่นจะมีหน้าต่างขึ้นมาถามอีกครับ โดยที่ช่องด้านบน จะให้เลือกว่าจะ Interlace หรือไม่ก็ไม่จำเป็นครับ ช่องต่อมาคือ Gif comment ครับ จะใส่อะไรก็ได้ ช่องถัดมา Loop forever ครับ หมายถึงเมื่อแสดงอนิเมชั่นจนจบแล้ว จะให้เรื่มใหม่หรือไม่ครับ ช่องต่อมา เป็นการตั้งค่า Delay ครับ คือในหนึ่งเฟรมจะให้มีภาพแสดงค้างไว้กี่วินาทีครับ ถ้าใส่ 1000 จะหมายถึง 1วินาทีครับ ของผมจะใส่แค่ 100 หมายถึงแสดงภาพเฟรมละ 0.1 วินาทีครับ ช่องสุดท้ายแล้ว จะให้เลือกระหว่าง combine กับ replace ครับ combine จะหมายถึง ให้แสดงอนิเมชั่นแบบ ให้แต่ละเฟรมซ้อนทับกันลงมาเรื่อยๆ ส่วน replace จะหมายถึง เลเยอร์ละหนึ่งเฟรมครับ คือไม่ให้แสดงภาพซ้อนทับกัน
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,830 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ | ยินดีต้อนรับสู่คู่มือในการใช้ภาษา HTML5
เอชทีเอ็มแอล (อังกฤษ: HTML: Hypertext Markup Language ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ) เป็นภาษามาร์กอัปหลักในปัจจุบันที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งตัวโค้ดจะแสดงโครงสร้างของข้อมูล ในการแสดง หัวข้อ ลิงก์ ย่อหน้า รายการ รวมถึงการสร้างแบบฟอร์ม เชื่อมโยงภาพหรือวิดีโอด้วย โครงสร้างของโค้ดเอชทีเอ็มแอลจะอยู่ในลักษณะภายในวงเล็บสามเหลี่ยม (อ่านต่อที่วิกิพีเดีย...)
[ ไปที่หน้าสารบัญ...] | thaiwikibooks | 196,831 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element | Element ต่างๆ ที่มีในภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ | thaiwikibooks | 196,832 |
กิมป์/add new brush | 0
24349
2016-04-15T00:37:23Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
ในโปรแกรม Gimp หรือแม้แต่โปรแกรมวาดและตกแต่งภาพโปรแกรมอื่นๆ นั้น จะมีเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ร่วมกับเครื่องมือประเภทพู่กัน ดินสอ ยางลบ เรียกว่า Brush ซึ่งถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดว่า Brush คืออะไร ก็คงตอบสั้นๆได้เลยว่า เป็นรูปแบบของหัวแปรง ซึ่งเราจะเลือกหัวแปรงเหล่านี้มาใช้กับเครื่องมือที่ใช้ระบายได้ และในบทนี้ผมจะพาไปลองสร้าง Brush ด้วยตัวเองเพื่อใช้กับ Gimp กันครับ
สร้าง Brush ด้วยเครื่องมือของ Gimp
สร้าง Brush ด้วยเครื่องมือของ Gimp.
วิธีนี้จะเป็นการสร้าง Brush ด้วยเครื่องมือที่ Gimp เตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งจะเป็น Brush ในรูปแบบพื้นฐาน
ในขั้นแรกให้เปิด Gimp ขึ้นมาก่อนครับ
กดปุ่ม Ctrl + Shift + b เพื่อเรียกหน้าต่างของ Brushes ขึ้นมา หรือคุณอาจเรียกที่เมนูของหน้าต่างที่ทำงานอยู่ที่ Dialogs > Brushes
ที่ปุ่มด้านล่างของหน้าต่าง Brushes กดที่ New brush จะปรากฏหน้าต่าง Brush Editor
ให้คุณปรับค่าต่างๆของ Brush ตามที่คุณต้องการ จากนั้นสั่งเซฟ เพียงเท่านี้คุณก็จะใช้งาน Brush ที่คุณสร้างได้ทุกเวลาที่คุณต้องการ
สร้าง Brush ด้วยภาพ
เปิดภาพ หรือวาดภาพที่ต้องการนำมาทำเป็น Brush จากนั้นต้องทำการแปลงภาพให้เป็นภาพแบบขาวดำ โดยกดที่ Image > Mode > Grayscale ภาพจะถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ
จากนั้นสั่งเซฟ โดยเลือกไฟล์เป็น .gbr จะมีหน้าต่างขึ้นมาถาม ค่าของ Spacing และ Description โดย Spacing คือค่าความห่างของการลงสีลงไปในแต่ละครับ โดยมีหน่วยเป็น Pixel ส่วน Description คือข้อความที่เราจะเห็นเหมือนเป็นชื่อของ Brush
นำไฟล์ที่เซฟแล้วไปไว้ที่ C:\Program Files\GIMP-2.0\share\gimp\2.0\brushes สำหรับเครื่องที่ใช้วินโดวส์ ส่วนเครื่องที่เป็นลินุกซ์ให้นำไฟล์ไปไว้ที่ /usr/share/gimp/2.0/brushes
ปิด Gimp แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ Brush ที่คุณสร้างไว้ก็พร้อมที่จะใช้งานแล้ว
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,833 |
กิมป์/theme | 0
24355
2016-04-15T00:37:33Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
อินเทอร์เฟสของ Gimp นั้น บางท่านอาจรู้สึกว่า ไอคอนหรือข้อความต่างๆนั้นใหญ่เกินความจำเป็น คุณสามารถปรับเปลี่ยนไอคอนต่างๆของ Gimp ให้มีขนาดเล็กลงได้ ด้วยการเปลี่ยนธีม ซึ่งธีมที่จะทำให้ไอคอนของ Gimp เล็กลงมีชื่อว่า Small ซึ่งเป็นธีมที่มีมาให้อยู่แล้วใน Gimp วิธีก็แค่เปิด Gimp แล้วเข้าไปที่ File > Preferences เลือก Theme เลือก Small เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ในทันที จากนั้นกด ตกลง เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,834 |
กิมป์/layer mask | 0
24353
2016-04-15T00:37:43Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
Layer Mask นั้น ถ้าจะให้แปลแบบตรงๆก็จะได้ความหมายว่า หน้ากากของเลเยอร์ และหน้าที่ของ Layer Mask นั้นก็ตรงตามความหมายของมัน คือเป็นหน้ากากของเลเยอร์ ที่มาครอบไว้ให้เรากระทำกับเลเยอร์ได้โดยไม่กระทบกับภาพจริง
วิธีใช้ Layer Mask
เลือกเลเยอร์ที่ต้องการ
คลิ๊กที่เมนู Layer > Mask > Add Layer Mask หรือคลิ๊กขวาที่เลเยอร์ที่ต้องการ เลือก Add Layer Mask เมื่อเลือกสร้าง Layer Mask ขึ้นมาแล้วที่เลเยอร์นั้นจะเกิดเป็นช่องเลเยอร์เพิ่มขึ้นมาอีก 1ช่อง ซึ่งช่องนั้นคือ Layer Mask ที่ Layer ซึ่งคุณใส่ Layer Mask ไว้คุณสามารถกระทำกับ Layer Mask ได้โดยไม่กระทบกับเลเยอร์จริงๆ
คุณสามารถประยุกต์การใช้งาน Layer Mask ได้กับงานที่ต้องแก้ไขบ่อยๆ และไม่อยากให้กระทบกับเลเยอร์ปกติ หากว่าคุณยังไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำลงไป
สารบัญ
สร้างโลโก้ง่ายๆด้วย Script-fu
เครื่องมือต่างๆของ Gimp
ปรับแต่งอินเทอร์เฟส
Toggle Quick Mask
สร้างอนิเมชั่นด้วยไฟล์ gif
เพิ่มหัวแปรงใหม่
เปลี่ยนธีมให้ Gimp
Layer Mask | thaiwikibooks | 196,835 |
Blender3d/Blender Documentation Volume 1-User Guide/Introduction to Blender/Understanding the interface/Blender's Interface Concept | 0
22502
2016-10-08T11:16:16Z
Pitpisit
wikitext
text/x-wiki
อินเตอร์เฟส
ถ้าคุณยังไม่คุ้นเคยกับเบลนเดอร์ คุณควรทำความเข้าใจกับหน้าตาของมันให้ดีก่อนที่จะเริ่มใช้งาน หน้าตาของเบลนเดอร์นั้น
ไม่เหมือนกับโปรแกรมทั่วๆไป และแตกต่างจากโปรแกรม3มิติตัวอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานไมโครซอฟท์วินโดวส์ ต้องทำความคุ้นเคยกับการใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ของเบลนเดอร์ที่แตกต่างออกไป การทำงานที่แตกต่างนี้ที่จริงแล้วเป็นจุดแข็งประการหนึ่งของเบลนเดอร์ เมื่อคุณเข้าใจมันแล้ว
คุณจะสามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวคิดสำหรับอินเตอร์เฟสของเบลนเดอร์
อินเตอร์เฟสของโปรแกรมคือตัวกลางสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานกับตัวโปรแกรม ผู้ใช้งานสื่อสารกับตัวโปรแกรมผ่านทางแป้นพิมพ์และเมาส์ และตัวโปรแกรมก็ส่งผลลัพธ์กลับมาทางหน้าจอ หน้าตาของเบลนเดอร์สามารถแยกเป็นส่วนหลักๆได้แก่ หน้าต่าง(Windows), แถบข้อความ(Contexts), แถบเครื่องมือ(Panels) และปุ่มต่างๆ(Buttons) ตัวอย่างเช่น หน้าต่างชื่อ
Button ประกอบด้วยปุ่มแสดงข้อความ ซึ่งแสดงกลุ่มของแถบเครื่องมือต่างๆ และแต่ละแถบเครื่องมือก็ประกอบด้วยปุ่มต่างๆยู่ข้างใน
สารบัญ
ทำความรู้จักกับ Blender
แนะนำ Blender
Blender คืออะไร
ประวัติศาสตร์ของ Blender
ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบบ GPL
การขอความช่วยเหลือจากชุมชนของ Blender
การติดตั้ง
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
วินโดวส์
โอเอสเท็น (OSX)
ลินุกซ์ (Linux)
ฟรีบีเอสดี (FreeBSD)
ไอริกซ์ (Irix)
โซลาริส (Solaris)
Building Blender from source
ดาวน์โหลดซอร์สโค้ด
ไลบารี่อื่นๆที่ต้องการ
เครื่องมือที่จำเป็น
การคอมไพล์โปรแกรมเบลนเดอร์
ความช่วยเหลือทางเทคนิค
ทำความเข้าใจกับอินเทอร์เฟส
แนวคิดสำหรับอินเทอร์เฟสของ Blender
คีย์บอร์ดและเมาส์
The window system
Window types
Contexts, Panels and Buttons
Toolbox
Screens
Scenes
Navigating in 3D Space
The viewing direction (rotating)
Translating and Zooming the View
การแสดงภาพแบบออโธกราฟิกและเปอร์สเปกทีฟ
Draw mode
Local view
The layer system
The vital functions
เปิดไฟล์
เซฟไฟล์
เรนเดอร์
User preferences and Themes
Setting the default scene
Your first animation in 30 + 30 minutes
Warming up
Building the body
Let's see what Gus looks like
พื้นผิวและลวดลาย
Rigging
Skinning
Posing
Gus walks! | thaiwikibooks | 196,836 |
Blender3d/Blender Documentation Volume 1-User Guide/Introduction to Blender/Understanding the interface/Blender's Interface Concept/Keyboard and mouse | คีย์บอร์ดและเมาส์
คีย์บอร์ดและเมาส์.
อินเตอร์เฟสของเบลนเดอร์จะใช้เมาส์แบบ 3 ปุ่มและคีย์ลัดหลายๆคีย์ (รายละเอียดอยู่ในคู่มือเล่มที่ 2) ถ้าใช้เมาส์แบบ 2 ปุ่มอยู่ สามารถทำการจำลองปุ่มเมาส์ที่ 3 ได้ (รายละเอียดอยู่ในส่วน interface_functions_settings) และสามารถใช้เมาส์แบบมีปุ่มล้อ (Scroll wheel) ได้ แต่ไม่จำเป็น
ในคู่มือนี้จะใช้สัญลักษณ์เหล่านี้แทนการสั่งงานจากผู้ใช้
ปุ่มของเมาส์แทนด้วย LMB (ปุ่มซ้าย), MMB (ปุ่มกลาง) และ RMB (ปุ่มขวา)
สำหรับเมาส์แบบมีปุ่มล้อ (Scroll wheel), MMB หมายถึงการกดปุ่มล้อ ส่วน MW หมายถึงการหมุนปุ่มล้อ
คีย์ลัดต่างๆจะแทนด้วยตัวอักษรบนปุ่มนั้นๆ เช่น GKEY หมายถึงการกดปุ่ม g บนคีย์บอร์ด อาจมีการใช้คีย์ลัดร่วมกับปุ่ม SHIFT, CTRL และ ALT เช่น CTRL-W หมายถึงการกดปุ่ม CTRL กับปุ่ม w หรือ ALT-SHIFT-A หมายถึงการกดปุ่ม ALT, SHIFT และ ปุ่ม a
NUM0 ถึง NUM9, NUM- และอื่นๆ หมายถึงปุ่มต่างๆบนแป้นตัวเลข (numeric keypad) และใช้ NumLock เสมอ
ปุ่มลูกศร ขึ้น,ลง,ซ้าย,ขวา จะแทนด้วย UPARROW, DOWNARROW, LEFTARROW และ RIGHTARROW ตามลำดัย
ปุ่มที่อื่นๆที่เหลือ จะแทนด้วยชื่อของปุ่มนั้นๆ เช่น ESC, TAB, F1 ถึง F12
สารบัญ
ทำความรู้จักกับ Blender
แนะนำ Blender
Blender คืออะไร
ประวัติศาสตร์ของ Blender
ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบบ GPL
การขอความช่วยเหลือจากชุมชนของ Blender
การติดตั้ง
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
วินโดวส์
โอเอสเท็น (OSX)
ลินุกซ์ (Linux)
ฟรีบีเอสดี (FreeBSD)
ไอริกซ์ (Irix)
โซลาริส (Solaris)
Building Blender from source
ดาวน์โหลดซอร์สโค้ด
ไลบารี่อื่นๆที่ต้องการ
เครื่องมือที่จำเป็น
การคอมไพล์โปรแกรมเบลนเดอร์
ความช่วยเหลือทางเทคนิค
ทำความเข้าใจกับอินเทอร์เฟส
แนวคิดสำหรับอินเทอร์เฟสของ Blender
คีย์บอร์ดและเมาส์
The window system
Window types
Contexts, Panels and Buttons
Toolbox
Screens
Scenes
Navigating in 3D Space
The viewing direction (rotating)
Translating and Zooming the View
การแสดงภาพแบบออโธกราฟิกและเปอร์สเปกทีฟ
Draw mode
Local view
The layer system
The vital functions
เปิดไฟล์
เซฟไฟล์
เรนเดอร์
User preferences and Themes
Setting the default scene
Your first animation in 30 + 30 minutes
Warming up
Building the body
Let's see what Gus looks like
พื้นผิวและลวดลาย
Rigging
Skinning
Posing
Gus walks! | thaiwikibooks | 196,837 |
Blender3d/Blender Documentation Volume 1-User Guide/Introduction to Blender/Understanding the interface/Blender's Interface Concept/The window system | ระบบของหน้าต่าง (The window system)
ระบบของหน้าต่าง (The window system).
ได้เวลาเปิดเบลนเดอร์มาลองเล่นแล้ว
เมื่อเปิดเบลนเดอร์ขึ้นมา จะเห็นลักษณะดังรูป
ในรูปจะเห็นว่าหน้าจอถูกแบ่งเป็น 3 หน้าต่าง (Window) คือ เมนูหลัก (Main menu) อยู่ด้านบน, หน้าต่างใหญ่ตรงกลางคือ 3D Window และ Buttons Window อยู่ด้านล่าง
เกือบทุกหน้าต่าง จะมีแถบหัวเรื่องหรือเฮดเดอร์ (Header) มีลักษณะเป็นแถบยาวแนวนอนสีเทาอ่อนและมีปุ่มต่างๆอยู่ข้างใน (บางทีก็เรียก header ว่า window Toolbar)
ซึ่งเฮดเดอร์นี้อาจจะอยู่ที่ด้านบนของหน้าต่างแบบ Buttons window หรือด้านล่างแบบ 3D window ก็ำได้ ถ้าเราเลื่อนเมาส์ไปอยู่บนหน้าต่างไหน จะสังเกตว่าเฮดเดอร์ของหน้าต่างนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อนๆซึ่งหมายความว่าเรากำลังใช้งาน (focus) หน้าต่างนั้นอยู่ ทุกคีย์ลัดที่เรากดจะเป็นคีย์ลัดของหน้าต่างนั้น (ในเบลนเดอร์ คีย์ลัดตัวเดียวกันจะให้ผลที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับหน้าต่างที่ถูก focus อยู่)
การเปลี่ยนตำแหน่งของเฮดเดอร์ได้โดยการกด RMB บนเฮดเดอร์แล้วเลือก Top หรือ Bottom เพื่อย้ายเฮดเดอร์ไปด้านบนหรือล่างตามลำดับ หรือเลือก Hidden เพื่อซ่อนเฮดเดอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่จำคีย์ลัดต่างๆได้แล้ว การแสดงเฮดเดอร์ที่ซ่อนไว้ทำได้โดยกด MMB หรือ RMB ตรงขอบของหน้าต่าง แล้วเลือก Add Header จากเมนู
การเปลี่ยนขนาดหน้าต่างได้โดยการกด LMB ค้างไว้ตรงขอบของหน้าต่างที่ต้องการเปลี่ยนขนาดและเลื่อนเมาส์ไปมาเพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ แล้วปล่อยปุ่มเมาส์
การเพิ่มจำนวนหน้าต่างได้โดยการแบ่ง (split) หน้าต่างช่องหนึ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยกด MMB หรือ RMB ตรงขอบหน้าต่างที่ต้องการแบ่ง (กดที่ขอบแนวตั้งจะแบ่งหน้าต่างตามแนวนอน กดที่ขอบแนวนอนจะแบ่งหน้าต่างตามแนวตั้ง) แล้วเลือก Split Area จากเมนู แล้วตั้งขอบหน้าต่างใหม่โดยการกด LMB หรือยกเลิกการเพิ่มหน้าต่างโดยการกด ESC หน้าต่างใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นการลอกแบบ (clone) มาจากหน้าต่างเดิม จากนั้นเราสามารถเปลี่ยนชนิดหน้าต่างใหม่ หรือเปลี่ยนมุมกล้องได้ (ในกรณีของ 3D Window)
การลบหน้าต่างทำได้โดยกด MMB หรือ RMB ตรงขอบหน้าต่างที่ต้องการลบ แล้วเลือก Join Area จากเมนู แล้วเลือกหน้าต่างที่ต้องการยุบ หน้าต่างที่ติดกันจะขยายมาแทนหน้าต่างที่ถูกยุบไป
สารบัญ
ทำความรู้จักกับ Blender
แนะนำ Blender
Blender คืออะไร
ประวัติศาสตร์ของ Blender
ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบบ GPL
การขอความช่วยเหลือจากชุมชนของ Blender
การติดตั้ง
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
วินโดวส์
โอเอสเท็น (OSX)
ลินุกซ์ (Linux)
ฟรีบีเอสดี (FreeBSD)
ไอริกซ์ (Irix)
โซลาริส (Solaris)
Building Blender from source
ดาวน์โหลดซอร์สโค้ด
ไลบารี่อื่นๆที่ต้องการ
เครื่องมือที่จำเป็น
การคอมไพล์โปรแกรมเบลนเดอร์
ความช่วยเหลือทางเทคนิค
ทำความเข้าใจกับอินเทอร์เฟส
แนวคิดสำหรับอินเทอร์เฟสของ Blender
คีย์บอร์ดและเมาส์
The window system
Window types
Contexts, Panels and Buttons
Toolbox
Screens
Scenes
Navigating in 3D Space
The viewing direction (rotating)
Translating and Zooming the View
การแสดงภาพแบบออโธกราฟิกและเปอร์สเปกทีฟ
Draw mode
Local view
The layer system
The vital functions
เปิดไฟล์
เซฟไฟล์
เรนเดอร์
User preferences and Themes
Setting the default scene
Your first animation in 30 + 30 minutes
Warming up
Building the body
Let's see what Gus looks like
พื้นผิวและลวดลาย
Rigging
Skinning
Posing
Gus walks! | thaiwikibooks | 196,838 |
Blender3d/Blender Documentation Volume 1-User Guide/Introduction to Blender/Understanding the interface/Blender's Interface Concept/Window types | ชนิดของหน้าต่า่ง
ชนิดของหน้าต่า่ง.
หน้าต่างแต่ละชนิดจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเป็น โมเดล 3D (3D models), อนิเมชัน (animation), พื้นผิววัตถุ (surface materials), สคริปท์ไพธอน ( Python scripts) หรือข้อมูลอื่นๆตามแต่ชนิดของหน้าต่าง เราสามารถเลือกชนิดของหน้าต่างได้โดยการกด LMB บนปุ่มทางซ้ายสุดของเฮดเดอร์หน้าต่าง
ชนิดหน้าต่างของเบลนเดอร์มีหลายชนิด เรามารู้จักกับหน้าต่าง 3ชนิดแรกที่พบบนหน้าจอเริ่มต้นของเบลนเดอร์กันก่อน
3D วิวพอร์ท (3D Viewport)
Button Window
User preferences (Main menu)
บนเฮดเดอร์ของเกือบทุกหน้าต่างจะมีเมนูชุดหนึ่งอยู่ถัดจากปุ่ม Window Type เมนูนี้ช่วยให้เราเลือกคำสั่งหรือเครื่องมือต่างๆของหน้าต่างนั้นได้โดยตรง เราสามารถซ่อนหรือแสดงเมนูนี้ได้โดยการกกดที่ปุ่มสามเหลี่ยมข้างๆเมนูนั้น
ตัวเลือกในเมนูจะเปลี่ยนไปตามชนิดของหน้าต่าง, ชนิดของวัตถุที่ถูกเลือกอยู่และโหมดการทำงานกับวัตถุนั้น ทุกตัวเลือกในเมนูจะแสดงคีย์ลัดของคำสั่งนั้นๆเอาไว้ (ถ้ามีคีย์ลัดสำหรับคำสั่งนั้น) การใช้เบลนเดอร์จะมีประสิทธิผลมากขึ้นถ้ามีการใช้คีย์ลัดในการสั่งงาน ดังนั้นในคู่มือนี้จะแสดงคีย์ลัดแทนการแสดงเมนูของคำสั่งนั้นๆเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
เราสามารถขยายหน้าต่างหนึ่งให้เต็มจอได้ผ่านทางเมนู View->Maximize Window และย่อให้ขนาดเท่าเดิมด้วยเมนู View->Tile Window หรือใช้คีย์ลัด SHIFT-SPACE, CTRL-DOWNARROW หรือ CTRL-UPARROW เพื่อสลับไปมาระหว่างขยายหน้าต่างเต็มจอกับย่อขนาดหน้าต่างลง
สารบัญ
ทำความรู้จักกับ Blender
แนะนำ Blender
Blender คืออะไร
ประวัติศาสตร์ของ Blender
ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบบ GPL
การขอความช่วยเหลือจากชุมชนของ Blender
การติดตั้ง
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
วินโดวส์
โอเอสเท็น (OSX)
ลินุกซ์ (Linux)
ฟรีบีเอสดี (FreeBSD)
ไอริกซ์ (Irix)
โซลาริส (Solaris)
Building Blender from source
ดาวน์โหลดซอร์สโค้ด
ไลบารี่อื่นๆที่ต้องการ
เครื่องมือที่จำเป็น
การคอมไพล์โปรแกรมเบลนเดอร์
ความช่วยเหลือทางเทคนิค
ทำความเข้าใจกับอินเทอร์เฟส
แนวคิดสำหรับอินเทอร์เฟสของ Blender
คีย์บอร์ดและเมาส์
The window system
Window types
Contexts, Panels and Buttons
Toolbox
Screens
Scenes
Navigating in 3D Space
The viewing direction (rotating)
Translating and Zooming the View
การแสดงภาพแบบออโธกราฟิกและเปอร์สเปกทีฟ
Draw mode
Local view
The layer system
The vital functions
เปิดไฟล์
เซฟไฟล์
เรนเดอร์
User preferences and Themes
Setting the default scene
Your first animation in 30 + 30 minutes
Warming up
Building the body
Let's see what Gus looks like
พื้นผิวและลวดลาย
Rigging
Skinning
Posing
Gus walks! | thaiwikibooks | 196,839 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/A | 0
50536
2019-10-10T08:38:00Z
Geonuch
เพิ่มแล้ว ด้วย
wikitext
text/x-wiki
A หรืออาจเรียกว่า Hyperlink Anchor เป็น Element ที่ใช้ในการลิงค์ในหน้าเว็บ
วิธีการใช้
วิธีการใช้.
เปิดหน้า
จากรูปแบบการเขียนด้านบน จะมีการใช้ Attribute ทั้งหมด 3 ตัว :
href="view.php?id=1#text"
target="_blank"
name="open"
Attribute
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,840 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/Acronym | Acronym
Attribute
Class
Dir
ID
Lang
Language
onClick
onDblClick
onDrag
onDragEnd
onDragEnter
onDragLeave
onDragOver
onDrop
onFinish
onHelp
onKeyDown
onKeyUp
onKeyPress
onMouseDown
onMouseMove
onMouseOut
onMouseOver
onMouseUp
onStart
Style
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,841 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง | คู่มืออ้างอิง
Element | thaiwikibooks | 196,842 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/Address | Address
Attribute
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,843 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/APPLET | APPLET หรืออาจเรียก Java Applet เป็น Element ที่ใช้ในการประยุกต์เอาโปรแกรมประเภท JAVA เข้ามาใช้
Attribute
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,844 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/AREA | AREA หรืออาจเรียก Client-side image map area เป็น Element ในการกำหนดจุดเชื่อมโยงบนภาพ
Attribute
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,845 |
ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ/คู่มืออ้างอิง/Element/B | B หรืออาจเรียก Bold เป็น Element ในการจัดรูปแบบอักษร ให้เป็นตัวหนา
วิธีใช้
วิธีใช้.
ข้อความตัวหนา
จากการเขียน HTML ด้านบน จะทำให้เราได้ข้อความที่มีการจัดรูปแบบเป็นตัวหนา ดังนี้
ข้อความตัวหนา
Attribute
สารบัญ | thaiwikibooks | 196,846 |
อิงก์สเคป | ยินดีต้อนรับเข้าสู่คู่มือการใช้อิงก์สเคป
ยินดีต้อนรับเข้าสู่คู่มือการใช้อิงก์สเคป.
ตำรานี้ จะสอนคุณใช้งานอิงก์สเคป โปรแกรมสร้างภาพสองมิติแบบเวกเตอร์ ที่คุณสามารถใช้ได้ฟรี! คุณสามารถดาวน์โหลดได้ที่ เว็บไซต์ของอิงก์สเคป
เอกสารสอนการใช้งานอิงก์สเคป
เอกสารสอนการใช้งานอิงก์สเคป.
เอกสารนี้เป็นวิธีการใช้งานอิงก์สเคปโดยแบ่งแยกออกเป็นบทต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ทำตาม และการอ้างอิง เพื่อประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจ คุณควรอ่านและเปิดโปรแกรมขึ้นมาทำตามไปด้วย
อิงก์สเคปเบื้องต้น
อินเทอร์เฟซของอิงก์สเคป
อักษรบนเส้น
สร้างลวดลายด้วยตัวอักษร
แปลงภาพให้เป็นเวกเตอร์ | thaiwikibooks | 196,847 |
อิงก์สเคป/quick start guide | ในบทนี้จะเป็นเรื่องของการแนะนำการใช้งาน InkScape ในเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นการใช้งานคำสั่งพื้นฐานของ InkScape ที่จะต้องใช้เป็นประจำ
เลื่อนมุมมองภาพ
เลื่อนมุมมองภาพ.
ในการทำงานคุณสามารถเลื่อนมุมมองของภาพได้โดย วิธีต่างๆดังนี้
กด Ctrl+ลูกศร เพื่อเลื่อนมุมมอง ตามทิศทางของลูกศร
กลิ้งลูกกลิ้งเม้าส์ เพื่อเลื่อนภาพขึ้น,ลง หรือกด Shift+กลิ้งลูกกลิ้งเม้าส์ เพื่อเลื่อนภาพไปทางซ้าย,ขวา
เลื่อนภาพด้วยสกรอลบาร์ ที่อยู่ด้านล่างและขวาของหน้าต่างโปรแกรม หากคุณเลื่อนมุมมองของภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ สกรอลบาร์แล้ว
กดเมาส์ปุ่มกลางแล้วเลื่อนไปตามทิศทางที่ต้องการ คุณสามารถปิดมันลงไปได้ หากคุณต้องการโดยกด Ctrl+B เพื่อให้แสดงและไม่แสดง สกรอลบาร์
ซูมเข้า,ออก
เครื่องหมาย + เพื่อซูมเข้า ,เครื่องหมาย – เพื่อซูมออก
Ctrl+เมาส์ปุ่มกลางหรือปุ่มขวา เพื่อซูมเข้า , Shift+เมาส์ปุ่มกลางหรือปุ่มขวา เพื่อซูมออก
Ctrl+กลิ้งลูกกลิ้งเมาส์
ใช้เครื่องมือซูม(รูปแว่นขยาย) ที่อยู่บนแถบเครื่องมือ ทางด้านซ้ายของหน้าต่างโปรแกรม หรือกด F3 เพื่อเลื่อกใช้เครื่องมือซูม
ปรับที่ค่าตัวเลขที่อยู่ทางด้านซ้ายล่างของโปรแกรม ซึ่งมีหน่วยเป็นเปอร์เซนต์
สร้างรูปทรง
สร้างรูปทรง.
การทำงานใน InkScape นั้นคุณสามารถย้อนกลับการกระทำครั้งล่าสุด (Undo) ได้ด้วย โดยกด Ctrl+Z และยกเลิกการย้อนกลับการกระทำ(Redo) ได้โดยกด Shift+Ctrl+z
เคลื่อนย้าย, ขยาย ,หมุน
เคลื่อนย้าย, ขยาย ,หมุน.
รูปทรงที่คุณได้สร้างขึ้นใน InkScape นั้นคุณสามารถปรับแก้ได้ตามต้องการ เช่น ย้ายตำแหน่ง, หมุน หรือย่อ/ขยายก็ได้ โดยวิธีแก้ไขรูปทรงนั้น คุณจะต้องทำการเลือกรูปทรงที่คุณต้องการก่อน จากนั้นกด F1 และแก้ไขด้วยคำสั่งที่ InkScape ได้เตรียมไว้ให้ดังนี้
คลิ๊กค้างที่รูปทรงแล้วลาก เพื่อย้ายไปในตำแหน่งที่ต้องการ
Ctrl+คลิ๊กค้างที่รูปทรงแล้วลาก เพื่อย้ายตำแหน่งให้ขนานในแนวตั้งหรือแนวนอน
คลิ๊กค้างที่ลูกศรในส่วนมุมของรูปทรง เพื่อย่อ/ขยายรูปทรง
Ctrl+คลิ๊กค้างที่ลูกศรในส่วนมุมของรูปทรงแล้วลาก เพื่อย่อ/ขยายแบบเท่ากันในทุกด้าน
คลิ๊กซ้ำที่รูปทรงที่เลือกอีกครั้ง ลูกศรจะโค้งเพื่อให้เราหมุนรูปทรงได้
Ctrl+หมุนรูปทรง จะทำให้หมุนได้ครั้งละ 15องศา
กดที่ลูกศร เพื่อย้ายตำแหน่งตามทิศทางของลูกศร
Alt+ลูกศร เพื่อย้ายครั้งละ 1พิกเซล
ย่อ/ขยายรูปทรง
Ctrl+ ย่อ/ขยาย ครั้ง1เท่าตัว
Alt+ ย่อ/ขยาย ครั้งละ 1พิกเซล
[,] หมุนรูปทรง ครั้งละ 15องศา
Ctrl+[,] หมุนรูปทรง ครั้งล่ะ 90องศา
Alt+[,] หมุนรูปทรงครั้ง 1พิกเซล
การเลือกรูปทรง
คลิ๊กไปที่รูปทรงที่ต้องการ เพื่อเลือกรูปทรงที่ต้องการ
Shift+คลิ๊ก เพื่อคลิ๊กแล้วเข้าไปที่คำสั่งหมุนเลย (คล้ายการคลิ๊ก2ครั้ง)
คลิ๊กแล้วลากครอบวัตถุที่ต้องการ (ครอบได้มากกว่าครั้งละ1ชิ้น)
Shift+คลิ๊ก เพื่อเลือกวัตถุชิ้นต่อๆไป (การณีเลือกวิ้นแรกไปแล้ว และจะเลือกเพิ่ม หรือจะใช้สำหรับ ยกเลิกวัตถุที่เลือกไปแล้วก็ได้)
Group
Group.
คุณสามารถจับเอารูปทรงหลายๆรูปทรง (ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป) มารวมกันเป็น group ได้ ซึ่งประโยชน์ของ group นั้นคือ คุณสามารถเลือกรูปทรงที่อยู่ใน group เดียวกันได้ด้วยการคลิ๊กเพียงครั้งเดียว และสามารถย้าย ย่อ/ขยาย หรือหมุน พร้อมๆกันได้อีกด้วย สำหรับวิธีการสั่ง group นั้นคุณจะต้องเลือกรูปทรงที่จะทำเป็น group ก่อน เมื่อเลือกได้แล้วให้กด Ctrl+G รูปทรงจะถูก group เข้าไว้ด้วยกัน ส่วนการจะยกเลิก group นั้นให้เลือก group ที่ต้องการ จากนั้นกด Shift+Ctrl+G รูปทรงที่รวมกันอยู่เป็น group จะถูกแยกออก
Fill และ Stroke
Fill และ Stroke.
รูปทรงต่างๆใน InkScape จะประกอบไปด้วย Fill และ Stroke ซึ่ง Fill นั้นจะหมายถึง บริเวณที่เป็นส่วนของรูปทรง ส่วน Stroke นั้นคือ ส่วนของขอบของรูปทรง ซึ่งทั้ง Fill และ Stroke นั้นเราสามารถเปลี่ยนค่าของสีและความโปร่งใสได้โดยกด Shift+Ctrl+F เพื่อทำการเรียกหน้าต่างปรับแต่งค่า Fill และ Stroke ขึ้นมา ภายในหน้าต่างนี้ คุณสามารถปรับค่าต่างๆของ Fill และ Stroke ได้ทั้งหมด
ลำดับชั้นของรูปทรง
ลำดับชั้นของรูปทรง.
รูปทรงต่างๆใน InkScape จะถูกเรียงลำดับชั้นเอาไว้ ซึ่งตามปกติแล้ว จะถูกเรียงลำดับตามเวลาของการสร้าง โดยรูปทรงที่สร้างขึ้นมาก่อนจะอยู่ด้านล่าง แล้วรูปทรงที่สร้างทีหลังจะอยู่ด้านบน ซึ่งลำดับของรูปทรงเหล่านี้เราสามารถจัดเรียงใหม่ได้ โดย
ปุ่ม Home เพื่อย้ายมาด้านบนสุด
ปุ่ม End เพื่อย้ายไปด้านล่างสุด
ปุ่ม PageUP เพื่อย้ายไปด้านบน 1 ระดับ
ปุ่ม PageDown เพื่อย้ายลงล่าง 1 ระดับ
Selecting under
Selecting under.
เป็นวิธีที่ใช้สำหรับเลือกรูปทรงที่ถูกซ้อนอยู่ด้านล่าง ซึ่งถ้าคุณคลิ๊กเพื่อเลือกแบบปกติ จะทำให้คุณเลือกถูกรูปทรงที่อยู่ด้านบน สำหรับวิธีที่ใช้ในการเลือกรูปทรงที่อยู่ด้านล่างนั้น ให้คุณกด Alt+คลิ๊ก จะเป็นการเลือกไปที่รูปทรงที่ถูกบังอยู่ กรณีที่รูปทรงซ้อนทับกันอยู่มากกว่า 1ชิ้นให้คุณคลิ๊กซ้ำไปอีก จะเป็นการเลือกรูปทรงที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าลงไปเรื่อยๆ | thaiwikibooks | 196,848 |
อิงก์สเคป/interface | 0
57344
2020-08-20T12:41:29Z
Geonuch
ย้อนการแก้ไขโดย ไปยังรุ่นแก้ไขล่าสุดโดย
wikitext
text/x-wiki
อินเทอร์เฟสของ InkScape นั้นจะมีรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนดูสะอาดตาดีครับ ว่าแล้วก็ไปดูอินเทอร์เฟสของ InkScape กันครับ ว่ามีอะไรบ้าง
สารบัญ
Inkscape เบื้องต้น
อินเทอร์เฟสของ Inkscape
อักษรบนเส้น
สร้างลวดลายด้วยตัวอักษร
แปลงภาพให้เป็นเวกเตอร์ | thaiwikibooks | 196,849 |
อิงก์สเคป/text on path | 0
50512
2019-05-08T04:56:04Z
Geonuch
เพิ่มแล้ว ด้วย
wikitext
text/x-wiki
เปิด Inkscape ขึ้นมาก่อน แล้วสร้างตัวอักษร และเส้นแนวที่จะใช้ตัวอักษรวิ่งตามขึ้นมา เลือกวัตถุทั้ง 2ชิ้น กดที่ Text > Put on Path เพียงเท่านี้ตัวอักษรที่คุณสร้างขึ้นมาก็จะวิ่งไปบนเส้นที่คุณต้องการแล้วครับ คุณสามารถดัดโค้งของตัวอักษรได้ ด้วยการดัดที่เส้นแนวที่คุณได้ทำไว้
สารบัญ
Inkscape เบื้องต้น
อินเทอร์เฟสของ Inkscape
อักษรบนเส้น
สร้างลวดลายด้วยตัวอักษร
แปลงภาพให้เป็นเวกเตอร์ | thaiwikibooks | 196,850 |
อิงก์สเคป/text to patern | 0
50513
2019-05-08T04:56:10Z
Geonuch
เพิ่มแล้ว ด้วย
wikitext
text/x-wiki
ในบทสอนครั้งนี้ผมจะแนะนำวิธีการนำเอาตัวอักษร มาทำเป็นลวดลายครับ
พิมพ์ตัวหนังสือที่ต้องการ จะนำมาทำเป็นลวดลาย ปรับสีปรับขนาดให้เรียบร้อย
เลือกตัวอักษรที่จะทำเป็นลวดลาย จากนั้นกดที่ Edit > Object(s) to Pattern จะทำให้ตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมานั้น กลายเป็นลวดลาย ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในระบบแล้ว
เมื่อสั่งแปลงตัวอักษรให้กลายเป็นลวดลายแล้ว คุณสามารถย่อหรือหมุนลวดลายได้ด้วยคำสั่ง Edit path nodes or control handles หรือกดที่ F2 ซึ่งจะทำให้ลวดลายที่คุณปรับเสร็จแล้ว นำไปใช้เป็นลวดลายของวัตถุอื่นต่อไปได้
พิมพ์ตัวอักษรที่ จะทำเป็นข้อความ
เลือกตัวอักษรที่เป็นข้อความ กดไปที่ Object > Fill and Stroke
ไปที่แทบ Fill เลือกที่ไอคอน Pattern จากนั้นจะมี Pull down เมนูให้เลือกลวดลาย ให้เลือกไปจนพบกับลวดลายที่ได้สร้างไว้ จากนั้นวัตถุของคุณจะถูกลงสีด้วยลวดลายที่คุณเลือก
สารบัญ
Inkscape เบื้องต้น
อินเทอร์เฟสของ Inkscape
อักษรบนเส้น
สร้างลวดลายด้วยตัวอักษร
แปลงภาพให้เป็นเวกเตอร์ | thaiwikibooks | 196,851 |
อิงก์สเคป/Trace Bitmap | 0
50509
2019-05-08T04:56:16Z
Geonuch
เพิ่มแล้ว ด้วย
wikitext
text/x-wiki
ในบทนี้ผมจะแนะนำวิธีการแปลงรูปภาพ จากภาพถ่ายให้เป็นภาพแบบ vector ด้วย inkscape กันครับ โดยสิ่งแรกที่ต้องเตรียมก็คือ ภาพถ่ายที่ต้องการจะแปลง จากนั้นเปิด inkscape เลยครับ แล้วทำการสั่ง import ภาพที่ต้องการเข้ามา คลิ๊กเลือกภาพที่ import เข้ามา จากนั้นไปที่เมนู Path > Trace Bitmap จะปรากฏไดอะล๊อก Trace Bitmap ขึ้นมา เพื่อให้เราตั้งค่า ให้ปรับค่าตามต้องการ แล้วกด ตกลง ภาพจะถูกแปลงเป็นภาพแบบ vector ตามที่ต้องการเลยครับ
สารบัญ
Inkscape เบื้องต้น
อินเทอร์เฟสของ Inkscape
อักษรบนเส้น
สร้างลวดลายด้วยตัวอักษร
แปลงภาพให้เป็นเวกเตอร์ | thaiwikibooks | 196,852 |
คู่มือลินุกซ์ | 0
53160
2019-10-17T06:03:49Z
Geonuch
wikitext
text/x-wiki
ยินดีต้อนรับสู่คู่มือสอนการใช้ลินุกซ์ ในคู่มือสอนการใช้ลินุกซ์นี้ คุณจะได้พบกับวิธีการใช้งานลินุกซ์ในแบบต่างๆมากมาย ตั้งแต่การใช้งานในแบบคอมมานด์ไลน์ ไปจนถึงการใช้งานในรูปแบบเดสก์ทอบ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
snes9x
7zip
ntop
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
Synaptic
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
cp
mv
mkdir
touch
ls
rm
chmod
chown
การปรับแต่งระบบ
ปรับแต่ง Gnome
ปรับแต่ง KDE
ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
เปอร์มิชชั่น
Shell
Kernel | thaiwikibooks | 196,853 |
คู่มือลินุกซ์/ntop | บทนี้จะเป็นเรื่องของการสอนใช้งานโปรแกรม NTOP
ติดตั้ง
สั่ง apt-get install ntop
สั่ง ntop --set-admin-password
สารบัญ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
snes9x
7zip
ntop
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
Synaptic
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
cp
mv
mkdir
touch
ls
rm
chmod
chown
การปรับแต่งระบบ
ปรับแต่ง Gnome
ปรับแต่ง KDE
ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
เปอร์มิชชั่น
Shell
Kernel | thaiwikibooks | 196,854 |
ทฤษฎีวงจรไฟฟ้า | บทนำ
บทนำ.
วิกิตำราเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น โดยครอบคลุมเนื้อหาบางส่วนของทฤษฎีวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน การวิเคราะห์วงจร และการออกแบบวงจร คู่มือเล่มนี้เหมาะสำหรับนักศึกษาภาควิชาไฟฟ้าในระดับปริญญาตรีที่เริ่มศึกษาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ อนุกลวงจรแบบ passive เฟเซอร์ (phasors) และวงจร RLC
สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1: วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น (Circuit Basics)
คำจำกัดความ (Terminology)
ตัวแปรและหน่วย (Variables and Units)
วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น (Circuit Basics)
วงจรอนุกรมแบบ Active และ Passive
การเปิดวงจรและลัดวงจร (Open & Closed Circuits)
ตัวต้านทาน (Resistors)
กฎของโอห์ม (Ohm's Law)
โวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์ (Voltmeters and Ammeters)
แหล่งกำเนิด (Sources)
สวิตช์ (Switches)
บทที่ 2: การวิเคราะห์วงจรตัวต้านทาน (Resistive Circuit Analysis)
การวิเคราะห์วงจรตัวต้านทาน
กฎของเคอร์ชอฟ (Kirchoff's Current and Voltage Law)
การแบ่งกระแสและแรงดัน (Current and Voltage Dividers)
การต่ออนุกลวงจรแบบอนุกรม (Elements in Series)
การต่ออนุกลวงจรแบบขนาน (Elements in Parallel)
การแปลงแหล่งจ่าย (Source Transformations)
ทฤษฎีบทของ Thevenin (Thevenin's Theorem)
วงจรสมมูลของ Norton (Norton's Equivalent Circuit)
การแปลง Thevenin และ Norton Thevenin and Norton Transformations)
ทฤษฎีบทการถ่ายโอนกำลังสูงสุด (Maximum Power Transfer Theorem)
วิธีการวิเคราะห์วงจร (Analysis Methods)
Node Voltage Analysis
Mesh Current Analysis
ทฤษฎีการซ้อนทับ (Superposition)
Impulse Response
คอนโวลูชัน (Convolution)
ออปแอมป์ (Op Amps)
บทที่ 3: อนุกลวงจรประเภทเก็บพลังงาน (Energy Storage Elements)
อนุกรมวงจรประเภทเก็บพลังงาน(Energy Storage Elements)
ตัวเก็บประจุ (Capacitors)
ตัวเหนี่ยวนำ (Inductors)
วงจร RL และ RC
The First Order Solution
วงจร RLC
การสร้างสมการเชิงอนุพันธ์อันดับที่สอง
Under-Damped, Over-Damped, and Critically Damped
Natural Response
Forced Response
Complete Response
การใช้ Laplace transform
ความเหนี่ยวนำร่วม (Mutual Inductance)
บทที่ 4: แหล่งกำเนิดแบบ Sine (Sinusoidal Sources)
แหล่งกำเนิดแบบ Sine
Steady-State Response
Complex Exponentials and Phasors
Phasor Analysis
Network Function
Complex Power
การถ่ายโอนกำลังสูงสุด (Maximum Power Transfer)
Thevenin, Norton, and Superposition
บทที่ 5: การแปลงลาปลาซ และฟูเรียร์ (Laplace and Fourier Transforms)
การแปลงลาปลาซ (Laplace Transform)
Transfer Functions
Convolution Theorem
S Domain Analysis
การแปลงฟูเรียร์ (Fourier Transform)
Frequency and Radial Frequency
Impedance and Reactance
Frequency Domain Analysis
Frequency Response
Bode Plots
Bode Plots from Network Functions
Bode Plots from Frequency Response
Bode Analysis
ภาคผนวก (Appendices)
Circuit Functions
Phasor Arithmetic
เดซิเบล (Decibels)
อ้างอิง
Horowitz and Hill, The Art of Electronics, Second Edition, Cambridge University Press, 1989. ISBN 0521370957
US Navy, Basic Electrity, Dover, 1970. ISBN 0486209733
US Navy, Basic Electronics, Dover, 1973. ISBN 0486210766
Comer and Comer, Fundamentals of Electronic Circuit Design, John Wiley & Sons, 2003. ISBN 0471410160
Dorf and Svoboda, Introduction to Electric Circuits, Sixth Edition, John Wiley & Sons, 2004. ISBN 0471447951 | thaiwikibooks | 196,855 |
ทฤษฎีวงจรไฟฟ้า/บทนำ | หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับใคร?
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับใคร?
หนังสือเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออฺธิบายทฤษฎีวงจรไฟฟ้าแก่นักศึกษาที่เริ่มต้นศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้า อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความรู้เบื้องต้นทางคณิตศาสตร์และดิฟเฟอเรนเชียลก็สามารถทำความเข้าใจได้เช่นกัน และหากมีความรู้เกี่ยวกับอินทิกรัล สมการเชิงอนุพันธ์ หรือฟิสิกส์ (โดยเฉพาะเรื่องแรง สนาม และพลังงาน) ก็จะช่วยให้การทำความเข้าใจง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
สารบัญ
สารบัญ.
[วงจรไฟฟ้า]
[ไฟฟ้ากระแสตรง]
[ไฟฟ้ากระแสสลับ]
[ไฟฟ้ากระแสตรงสลับ]
[ไฟฟ้าแบบประจุ]+-
[ไฟฟ่าแบบสลับขั้ว]
[ไฟฟ้าแบบอนุกรม]
[ไฟฟ้าแบบกระแสเดี่ยว]
[ไฟ้าแบบกระแสคู่]
[ไฟฟ้าแบบโฮม]
[ไฟฟ้าแบบโวล์]
[ไฟฟ้าแบบอะตอมจากนิวเครียส]
[ไฟ้ากระแสแบบแอมป์]
[ไฟฟ้าแบบวัต]
[ไฟฟ้าแบบ HGZT]
[ไฟฟ้าแบบ AGHT]
[ไฟฟ้าแบบอนุกรมรวม]
[ไฟฟ้าแบบอนุกรรมสลับ]
[ไฟฟ้าแบบอนุกรมคู่]
[ไฟฟ้าในภาคอนุกรมเดี่ยว+คู่]
[ไฟฟ้าแบบอนุกรมแบบปฎิสนธิกระแส] | thaiwikibooks | 196,856 |
คู่มือลินุกซ์/cp | cp (copy)
cp (copy).
ใช้ในการทำสำเนาไฟล์
วิธีการใช้ มี 2 วิธี
cp [options] ไฟล์ต้นแบบ ไฟล์สำเนา
cp [options] ไฟล์ต้นแบบ(อาจมีหลายไฟล์ก็ได้) ไดเรกทอรี่ที่จะนำสำเนาไปใส่
-i (interactive) ให้มีการถามซ้ำอีกครั้งก่อนทำการทำสำเนา ซึ่งอาจมีการเขียนทับไฟล์เดิม
-f (force) บังคับให้มีการเขียนทับไฟล์เดิม
cp -i file1 file2
cp f1 f2 c* dir
สารบัญ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
snes9x
7zip
ntop
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
Synaptic
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
cp
mv
mkdir
touch
ls
rm
chmod
chown
การปรับแต่งระบบ
ปรับแต่ง Gnome
ปรับแต่ง KDE
ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
เปอร์มิชชั่น
Shell
Kernel | thaiwikibooks | 196,857 |
คู่มือลินุกซ์/mv | mv (move)
mv (move).
ใช้ในการย้ายไฟล์ หรือ เปลี่ยนชื่อไฟล์
วิธีการใช้ มี 2 วิธี
mv [options] ไฟล์ต้นแบบ ชื่อไฟล์ใหม่
mv [options] ไฟล์ต้นแบบ(อาจมีหลายไฟล์ก็ได้) ไดเรกทอรี่ที่จะนำไปใส่
-i (interactive) ให้มีการถามซ้ำอีกครั้งก่อนทำการย้าย หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์
-f (force) บังคับให้มีการกระทำ
mv file1 file2
mv f1 f2 c* dir
สารบัญ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
snes9x
7zip
ntop
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
Synaptic
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
cp
mv
mkdir
touch
ls
rm
chmod
chown
การปรับแต่งระบบ
ปรับแต่ง Gnome
ปรับแต่ง KDE
ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
เปอร์มิชชั่น
Shell
Kernel | thaiwikibooks | 196,858 |
คู่มือลินุกซ์/ls | ls (list)
ls (list).
แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเรกทอรี่ย่อย
วิธีใช้
option ที่สำคัญ
-l (long) ให้แสดงรายละเอียดด้วย คือ ชนิดของไฟล์ สิทธิการใช้ไฟล์ จำนวนลิงค์ของไฟล์ ชื่อเจ้าของ กลุ่ม ขนาดไฟล์ และวันที่มีการเปลี่ยนแปลงล่าสุด
-a (all) ให้แสดงรายชื่อไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วย . ด้วย
-i (i-node) ให้แสดงหมายเลข i-node ด้วย
ตัวอย่าง
ls -la /srv/www/cgi-bin
ls
สารบัญ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
snes9x
7zip
ntop
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
Synaptic
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
cp
mv
mkdir
touch
ls
rm
chmod
chown
การปรับแต่งระบบ
ปรับแต่ง Gnome
ปรับแต่ง KDE
ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
เปอร์มิชชั่น
Shell
Kernel | thaiwikibooks | 196,859 |
ภาษาสเปน/ไวยากรณ์ | ภาษาสเปน
ไวยากรณ์
ไวยากรณ์.
ภาษาสเปนเป็นภาษาที่มีการผันวิภัติปัจจัย นั่นคือคำกริยา และคำคุณศัพท์จะเปลี่ยนปัจจัยทุกครั้งตามเพศ พจน์ กาล การก โดยรูปประโยคจะเรียงในลักษณะ ประธาน - กรรม - กริยา และเนื่องจากคำกริยาจะถูกผันตามประธานแล้วเราจึงสามารถละประธานในประโยคได้ จึงเป็น กรรม - กริยา เช่น
yo te amo หรือ te amo มีความหมายเดียวกัน (ฉันรักเธอ)หรืออีกอย่างคือ te quiro | thaiwikibooks | 196,860 |
แฮร์รี่ พอตเตอร์/แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 | เรื่องย่อ แฮร์รี่พอตเตอร์ ภาคสุดท้าย ชื่อเรื่องว่า (scar)
Harry Potter and the scar
แฮร์รี่กลับไปบ้านเดอร์สลีย์ในปิดเทอมหน้าร้อน เขาได้รับข่าวจากหนังสือพิมพ์ทั้งของเดลิพรอเฟ็ตและหนังสือพิมพ์ของมักเกิ้ลว่ามีเรื่องฆาตกรรมหลายคดี หนึ่งในนั้นคือ ‘คดีการเสียชีวิตของชายชราผู้เสียสติ’จากหนังสือพิมพ์ของมักเกิ้ล เมื่อถึงวันเกิดปีที่สิบเจ็ด (แฮร์รี่สามารถใช้เวทมนตร์ได้) ก็เกิดเหตุประหลาดเมื่อสมาชิกภาคีนกฟินิกซ์เดินทางมาหาเขาที่บ้านเดอร์สลีย์เพื่อร่ายคาถาผู้เก็บความลับใส่แฮร์รี่เพื่อปกปิดที่อยู่ของพวกเดอร์สลีย์ส่วนแฮร์รี่ก็ตัดสินใจเดินทางไปหารอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้านโพรงกระต่ายเพื่อที่จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานของบิลกับเฟลอร์ หลังจากเสร็จพิธีแต่งงาน แฮร์รี่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเพื่อนทั้งสองที่จะช่วยออกติดตามฮอร์ครักซ์ที่เหลืออยู่อีกสี่อัน เขาตัดสินใจเดินทางไปก็อดริกฮอลโลว์โดยไร้เพื่อนทั้งสองแต่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธโดยขอร้องว่าให้กลับไปฮอกวอตส์ แต่แฮร์รี่ไม่ยอมฟังแต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าในห้องอาจารย์ใหญ่มีรูปถ่ายของดัมเบิลดอร์เขาเลยตัดสินใจที่จะกลับสู่บ้านเก่าที่ฮอกวอตส์แทบจะไม่มีนักเรียนเหลืออีกเลย นักเรียนส่วนใหญ่ที่เหลือจะเป็นพวกอดีตกองทัพดัมเบิลดอร์ ยกเว้นแฮนนา ฮับบอร์ดที่ไม่มีใครเห็นเธอเลย ในปีนี้ไม่มีการเรียนการสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเนื่องจากฮอเรช ซลักฮอร์นอาจารย์ประจำบ้านสลิธีลิน คนใหม่ได้ขอร้องให้แฮร์รี่เปิดการอบรม ก.ด.ให้กับทุกคน แต่เขาปฏิเสธและขอที่จะเข้าไปในห้องอาจารย์ใหญ่ ปรากฏว่ารูปเหมือนของดัมเบิลดอร์ได้ถูกคำแช่งของฆาตกรที่ฆ่าเขาไม่ให้ทิ้งรอยระลึกไว้ในโลกนี้ซึ่งทำให้แฮร์รี่เสียใจอย่างมากและอารมณ์เสียบ่อยจนทำให้จินนี่ วีสลีย์ไม่พอใจและยืนยันที่จะเลิกคบกับเขาถ้าเขาไม่ปรับปรุงตัว ระหว่างนั้นรอนก็ทำตัวแปลกๆไปเพราะเขามีความลับบางอย่างเก็บไว้และนี้ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่พอใจเช่นกัน ส่วนลูน่าก็มีท่าทีแปลกๆกับเนวิลล์พฤติกรรมของเพื่อนๆเป็นเช่นนี้ เขาจึงออกนอกปราสาทเพื่อตามหาฮอร์ครักซ์เนื่องจากได้ยินข่าวว่าตรามารปรากฏครั้งสุดท้ายใกล้ก็อดริกฮอลโลว์ระหว่างทางเขาได้พบกับศพของโอลิแวนเดอร์ และเห็นหลักฐานของ ร.อ.บ ที่บ่งชี้ว่าคือ เรกูลัส อ. แบล็ก น้องชายของซิเรียส นอกจากนั้นในผ้าคลุมของโอลิแวนเดอร์มีถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟซึ่งแฮร์รี่แน่ใจว่าเป็นฮอร์ครักว์แล้วก็ทำลายไป แฮร์รี่ได้รู้จักกับสาวน้อยตระกูลเรเวนคลอที่อยู่แถวๆที่เขาพบกับศพของโอลิแวนเดอร์แต่แฮร์รี่ไม่ไว้ใจเธอเขาเกือบตกหลุมพรางเมื่อเธอพยายามที่จะสาปเขาด้วยคำสาปสะกดใจ และรู้ว่าเธอคือ วินเซนต์ แครบปลอมตัวด้วยน้ำยาสรรพรสมาเขาประหลาดใจมากที่พบดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์อยู่ที่แครบและรู้ว่านี่คือฮอร์ครักซ์แต่ไม่ตัดสินใจทำลายเพราะเป็นสมบัติของกริฟฟินดอร์แฮร์รี่ต้องเจอกับเฟรเรียน เกรแบล็กพร้อมกับเซเวอรัส สเนป แฮร์รี่เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อสเนปรู้ทันคำสาปของเขาและเกือบถูกมนุษย์หมาป่ากัด ถ้ารอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ เนวิลล์และลูน่าไม่มาช่วยไว้ทัน จากที่รอนเล่าว่าตอนนี้ฮอกวอตส์ได้ถูกยึดครองโดยลอร์ดโวลเดอมอร์แล้วแต่แฮร์รี่ไม่เชื่อ และเขาเสียใจอย่างเป็นที่สุดว่าท็องส์ถูกคำสาปกรีดแทงจนบาดเจ็บสาหัสและเดรโก มัลฟอย แฮกริดกับเขี้ยวก็หายไปอย่างไร้ล่องรอยเนื่องจากรู้ว่ายังเหลือฮอร์ครักอีกสองชิ้นที่หาไม่ได้เขาจึงตัดสินใจแบ่งเป็นสองกลุ่มโดยเขาจะออกเดินทางกับเนวิลล์เพียงสองคนสร้างความไม่พอใจแก่รอนแต่ก็ยอมทำตามโดยดี ระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินข่าวว่านาร์ซิสซ่า มัลฟอยได้หายตัวไปอย่างไร้ล่องรอย ส่วนคุกอัซคาบันก็แตกทำให้ผู้เสพความตายจำนวนมากหนีมาได้และได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันดังกัส กับสแตนชันไพร์คือผู้เสพความตายแฮร์รี่พบกับเซเวอรัส สเนปอีกครั้งและได้ต่อสู้ด้วยกันกับเนวิลล์และสามารสังหารสเนปได้ แต่ก่อนตายสเนปก็บอกว่าฮอร์ครักซ์ชิ้นสุดท้ายนอกจากนากินีแล้วมีเขาคนเดียวที่รู้ว่าอยู่ที่ไหนซึ่งสร้างความเสียใจและผิดหวังแก่แฮร์รี่อย่างมากและบอกว่าให้ทำลายดาบของกริฟฟินดอร์เพราะยืนยันว่าเป็นฮอร์ครักซ์แต่เนวิลล์ปฏิเสธที่จะทำลายทำให้แฮร์รี่คิดว่าเนวิลล์อาจเป็นทายาทของกริฟฟินดอร์ รอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่และลูน่าก็พบกับแฮร์รี่และเนวิลล์ในที่สุดและปรึกษากันเดินทางกลับไปฮอกวอตส์เพราะได้ข่าวว่ากองทัพภาคีนกฟีนิกซ์และกระทรวงได้แพ้กองทัพของจอมมารอย่างราบคาบพวกเขาหายตัวกลับไปที่ฮอกวอตส์และพบกับศพของฮอเรช ซลักฮอร์นที่เป็นอินเฟอไร รวมทั้งอาจารย์มักกอนนากัลกับอาจารย์คนอื่นๆที่ถูกคำสาปสะกดใจ แฮร์รี่กับเนวิลล์ได้ต่อสู้กับผู้เสพความตายอย่างกล้าหาญ โดยที่รอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่กับลูน่าถูกแฮร์รี่บังคับให้ดื่มยาฟิลิก ฟิลิคิสแต่ไม่พอสำหรับเนวิลล์ ในที่สุดพวกเขาได้พบกับลอร์ดโวลเดอมอร์และค้นพบว่าฮอร์ครักซ์ชิ้นสุดท้ายไม่ใช่ล็อกเก็ตของสลิธีลินแต่อย่างไรแต่เป็นแผนที่ทำให้เขากับดัมเบิลดอร์ไขว้เขว แต่รู้ว่าชิ้นสุดท้ายคือสายเลือดของแฮร์รี่เอง! เพราะเลือดที่โวลเดอมอร์ทำให้ตนเองคืนชีพคือเลือดของแฮร์รี่ ถ้าแฮร์รี่ตายเลือดในตัวของจอมมารก็จะสลายเพราะเป็นเลือดของแฮร์รี่แฮร์รี่ขอร้องให้เนวิลล์ฆ่าเขาซึ่งเป็นสิ่งที่โวลเดอมอร์ปฏิเสธเพราะยื่นข้อเสนอที่จะสร้างฮอร์ครักซ์ให้แฮร์รี่ ด้วยการบังคับของแฮร์รี่เนวิลล์จึงยอมจำนนและสังหารแฮร์รี่ด้วยดาบของกริฟฟินดอร์ และนี่เป็นจุดอวสานของจอมมารลอร์ดโวลเดอมอร์งานศพของแฮร์รี่จัดขึ้นข้างเคียงกับสุสานสีขาวของดัมเบิลดอร์อย่างเศร้าสร้อยรอนได้ขอเฮอร์ไมโอนี่แต่งงานทันที ซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธแต่ขอเวลาเธออยู่กับพ่อแม่ ส่วนจินนี่ก็เศร้าใจจนเธอไม่ตัดสินใจที่จะไปเลือกคบคนใหม่อีกต่อไป
ยังไม่หมดนะ เนื่องจาก2อันที่อ่านมามันไม่เหมือนกัน แต่เนื้อเรื่องคล้ายกันเพียงแต่ใส่รายละเอียดไม่เหมือนกันเลยเอามาให้อ่านดูทั้งสองอัน แต่จบเหมือนกันเลย นี่คืออันที่สอง
เปิดฉากที่งานแต่งงานของบิลและเฟลอร์ มีคนมาร่วมกันมากมาย จนพื้นที่ของบ้านโพรงกระต่ายไม่พอที่จะต้อนรับแขกที่มามากมายจนต้องใช้พื้นที่ข้างหลังบ้านซึ่งเป็นสวนผลไม้ของครอบครัววิสลีย์ ( สวนนี้เคยเป็นที่เล่นควิชดิชของแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ ก่อนเข้าโรงเรียน แฮร์รี่เล่นที่สวนนี้ถึงสองถึงสามสัปดาห์ )มีแขกมากมายหลายคนเช่น มาดามมักซีม อาจารย์ใหญ่วิทยาลัยเวทมนตร์ศาสตร์โบบอตงส์ และเพื่อนๆของเฟลอร์ ( รอนชอบเพื่อนของเฟลอร์มากๆถึงขนาดถามเธอไปทุกอย่าง จนจินนี่ เฮอร์ไมโอนี่ คุณนายวิสลีย์ รวมถึงท็องส์ด้วย เบื่อมากจนกระทั้งคุณนายไม่พูดกันรอนเลยตลอด หนึ่งสัป-ดารห์) รูฟัส สกิมเจอร์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ( อาเธอร์ วิสลีย์ ดีใจมาก ๆๆ ถึงให้ห้องพักของตนเองเป็นที่พักของรัฐมนตรีเลย ) เพอร์ซี่ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของรูฟัสก็มาด้วย ( รอนถึงกับจะชกหน้าเพอร์ซี่ที่ไม่มาเยี่ยมบ้านในฤดูร้อน แต่แฮร์รี่มาห้ามไว้ทัน ) โดโรเรส อัมบิสจ์ ( แฮร์รี่โกรธมากๆแต่เขาก็เก็บอารมณ์ได้ ) แฮกริด ศาสตราจารย์ มักกอนนากัล ศาสตราจารย์ สลักฮอร์นศาสตราจารย์ฟลิตวิก ศาสตราจารย์ ซินิสตร้า ศาสตราจารย์ เคทเทิลเบิร์น ศาสตราจารย์ เวกเตอร์ ศาสตราจารย์
ทรีลอว์นีย์ ศาสตราจารย์ มาร์สแชง ศาสตราจารย์ ท็อฟตี้ ศาสตราจารย์ สเปราต์ ศาสตราจารย์ บินส์ ( คุณนาย วิสลีย์ ถึงกับจัดห้องที่มืดมากๆให้และศาสตราจารย์ออกมาตอนงานเลี้ยงตอนกลางคืน )คณะกรรมการโรงเรียน กรอป์ น้องชายต่างพ่อของแฮกริด ( คุณนาย วิสลีย์ ถึงกับเสกเก้าอี้ขนาดใหญ่ให้ ) เอลฟ์ ทุกตัวในโรงเรียน ( มาช่วยทำอาหารให้กับคุณนาย วิสลีย์ ตามคำเชิญ ) ทอม เจ้าของร้านหม้อใหญ่รั่ว มาดาม โรสเมอร์ทาร์ เจ้าของร้านไม้กวาดสามอัน ( เอาเหล้าชั้นดีที่สุดมาให้คุณนาย วิสลีย์ ) อเบอร์โฟร์ท ดัมเบิลดอร์ (ซึ่งเป็นน้องชายของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เชื่อกันว่าเขาเป็นคนยืนขายบาร์เหล้าที่ร้านหัวหมู) คุณดิกกอรี่ พ่อของเซดริก สมาชิก ก.ด. ( กองทัพดัมเบิลดอร์ )ทุกคน ( คงต้องไม่ต้องเอ่ยชื่อว่ามีใครบ้างเพราะคนที่อ่านภาค 5 จบแล้วคงรู้ ) เฟร็ด จอร์ด เจ้าของร้านเกมกลวิสลีย์ ทั้งสาขาตรอกไดแอกรอน และอีกสาขาหนึ่งซึ่งกำลังจะเปิดที่ฮอกมืด สองฝาแฝดบอกว่าสินค้าขายดีมากจนนึกจะเปิดสาขาที่สาม ( สองฝาแฝดบอกกับรอน ) ออกัสต้า ลองบัตท่อมคุณย่าของเนวิลล์ ก็มาด้วย ( มาดูแลเนวิลล์) สมาชิกภาคี หลังงานแต่ง แฮรี่ลาเพื่อนๆ เพื่อที่จะตามหา Horcruxes
และไม่กลับไปฮอกวอร์ต แม้ว่าเพื่อนๆจะขอติดตามไปด้วย แต่แฮรี่ก็แอบหนีไปคนเดียว ฮ็อกวอร์ตถึงแม้จะยังเปิดสอนภายใต้อาจารย์ใหญ่คนใหม่ มัคกอลนากัล แต่นักเรียนที่กลับมาในปีนี้ ก็ลดจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด D.A. กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องลับเป็นชมรมอีกแล้ว เพราะอาจารย์ในโรงเรียนต่างก็ยอมรับ และกลุ่ม Order of Phenix ผลัดกันมาช่วยสอน ทำให้วิชา Defense against dark art ของกลุ่มพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเนวิลล์ และจินนี่ และกลุ่ม D.A. ก็เฝ้ารอว่าสักวัน แฮรี่จะส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้าช่วยในการปราบโวลเดอร์มอร์ ฝ่ายแฮรี่ ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับ ทำให้รู้การเคลื่อนไหวของโวลเดอร์มอร์ และสามารถขัดขวางโวลเดอร์มอร์ได้หลายครั้ง
รวมถึงร่องรอยของ R.A.B. ด้วย และเมื่อตามรอย R.A.B ไปถึงอัซคาบัล เขาจึงค้นพบว่า R.A.B. แท้จริงคือน้องชายของซีเรียส แบล็ค ที่ถูกคุมขังในอัซคาบัล ซึ่งได้ตายไปแล้ว โดย R.A.B. ซึ่งเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของโวลเดอร์มอร์ เป็นผู้ช่วยของโวลเดอร์มอร์ในการทำ Horcruxes และนำไปซ่อน แต่ต่อมา R.A.B. ระแวงว่าโวลเดอมอร์กำลังจะกำจัดเขา เพื่อปิดปากไม่ให้เรื่อง Horcruxes รั่วไหล เขาจึงแอบไปเก็บ Horcruxes มาเปลี่ยนที่ซ่อน โดยเขารู้ Horcruxes จำนวนห้าชิ้น(อีกสองชิ้นคือตัวโวลเดอร์มอร์ และงู) และได้กระจายไปยังญาติๆตระกูลแบล็คเพื่อเก็บรักษา (ไดอารี่เก็บไว้ที่แม่ของมัลฟอย) แฮรี่ขอความช่วยเหลือจากท็องส์เพื่อสืบหาคนในตระกูลแบล็ค ที่น่าจะเก็บของที่เหลืออีกสามชิ้น (สองชิ้นเจอแล้ว) และพบว่าชิ้นหนึ่งอยู่ที่เบลลาทริกซ์ ซึ่งแฮรี่และท็องส์สามารถกำจัดเบลล่า และทำลาย horcruxes ได้ อีกชิ้นหนึ่งเป็นสมบัติของซีเรียส แบล็ค ที่อยู่ใกล้ตัวแฮรี่มากๆ แต่แฮรี่มองข้ามไป จนกว่าจะรู้ตัวก็เกือบไม่ทัน ( R.A.B ก็เข้าใจว่าซีเรียสเป็น Dead eater จึงเก็บไว้กับซีเรียสส่วนนึง) และอีกส่วนหนึ่งซึ่งยังหาไม่เจอ และคาดว่า R.A.B.จะเก็บไว้เอง ในขณะเดียวกันที่ฮอกวอร์ต เฮอร์ไมโอนี่ (ซึ่งติดต่อกับแฮรี่ และรู้เรื่องราวโดยตลอด) ก็จับสังเกตในตัวครีเชอร์ได้ และสันนิษฐานว่า Horcruxes อีกชิ้นซ่อนอยู่ในบ้านของแบล็คที่ปัจจุบันตกเป็นของแฮรี่ แฮรี่กลับไปที่บ้านเลขที่ 12 และค้นหาจนเจอ Horcrux และทำลายจนสำเร็จ และเขารู้ว่าถ้าเขาฆ่างูได้สำเร็จ โวลเดอร์มอร์ก็จะเหลือแค่ชีวิตเดียวด้วยความช่วยเหลือของบุคคลลึกลับ แฮรี่สามารถแฝงกายเข้าไปในที่กบดารของโวลเดอร์มอร์ได้ และเขาพยายามหาทางฆ่างูของโวลเดอร์มอร์จนสำเร็จ และขณะจะเข้าไปลุยโวลเดอร์มอร์แบบยอมตาย(เพราะเข้าใจว่าเหลือจิตเดียวแล้ว) แต่โดนสเนปขัดขวาง ด้วยความโกรธแค้น แฮรี่ฆ่าสเนปจนตาย ก่อนพบว่านี่เป็นกับดักที่ล่อให้เขามาติดกับ แต่ทันใดนั้นมัลฟอยก็โผล่มาช่วยแฮรี่ได้ทัน และหนีไปที่ฮอกวอร์ต ที่ฮอกวอร์ต มัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปคือคนที่ส่งความเคลื่อนไหว ของโวลเดอร์มอร์ให้แฮรี่ และ Order of Phenix มาโดยตลอดอย่างลับๆ ทำให้โวลเดอร์มอร์ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวก แฮรี่ไม่ยอมเชื่อจนพบความทรงจำของดัมเบิลดอร์ และพบว่าเป็นตอนที่ดัมเบิลดอร์ขอร้องให้สเนปฆ่าเขา เพื่อแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโวลเดอร์มอร์ได้สนิท มัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปสามารถโน้มน้าวมัลฟอยให้ถอนตัวจาก Dead eater ได้ แต่โวลเดอร์มอร์ก็สงสัย จึงวางแผนให้สเนปส่งข่าวผิดๆ ให้แฮรี่เพื่อวางกับดัก เพื่อล่อทั้งแฮรี่และสเนป และมัลฟอยยังบอกอีกว่างูไม่ใช่ Horcrux ที่แท้จริง แต่โวลเดอร์มอร์หลอกให้แฮรี่ตายใจเท่านั้น สรุป ยังมี horcrux ที่หลงเหลืออยู่ และไม่รู้ว่าเป็นอะไร แฮรี่เสียใจมากที่ตัวเองฆ่าเสเนปไป ทันใดนั้น โวลเดอร์มอร์ และ กลุ่ม Dead eater ก็บุกเข้ามาในฮอกวอร์ต กลุ่ม D.A. ช่วยกันสู้เต็มที่แต่ก็ต้านไว้แทบไม่ไหว โวลเดอร์มอร์ไล่ล่าแฮรี่ด้วยตัวเอง จนเหลือแต่แฮรี่และเนวิลล์ในห้องของอาจารย์ใหญ่ และตัวโวลเดอร์มอร์ โวลเดอร์มอร์เฉลยว่า Horcrux อีกอันนึงก็คือแผลเป็นบนหน้าผากแฮรี่ (โดยการฆ่าเจมส์ พอตเตอร์เพื่อสร้าง horcrux นี้) และเป็น Horcrux ที่จะทำให้โวลเดอร์มอร์ชนะ เพราะจากคำทำนาย จะมีผู้รอด ชีวิตเพียงคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าแฮรี่รอด นั่นก็หมายถึงโวลเดอร์มอร์รอดด้วย ซึ่งจะไม่เป็นตามคำทำนาย ฉะนั้นแฮรี่จึงต้องเป็นฝ่ายตาย แฮรี่ยังคงสู้กับโวลเดอร์มอร์เต็มที่ แม้จะได้ยินอย่างนั้น เขาใช้ดาบกริฟฟินดอร์สู้กับโวลเดอร์มอร์ ก่อนจะโยนดาบให้เนวิลล์และร้องบอกให้เนวิลล์แทงโวลเดอร์มอร์ โวลเดอร์มอร์มัวแต่ระวังแฮรี่จึงโดนเนวิลล์แทงจนตาย แฮรี่บอกเนวิลล์และทุกคนว่าคำทำนายจริงๆหมายถึงเนวิลล์ ไม่ใช่แฮรี่ (แต่โวลเดอร์มอร์ไม่รู้ เพราะเขาได้ยินคำทำนายมาจากสเนปอีกที ซึ่งไม่ครบถ้วน ทำให้เขาคิดว่าเป็นแฮรี่) แต่ที่แฮรี่มีอำนาจพิเศษต่างๆเช่นภาษางู หรือเชื่อมจิตใจกับโวลเดอร์มอร์ได้เป็นเพราะแผลเป็นซึ่งเป็น horcrux นั่นเอง และพอเขารู้ตัวว่าเป็นเพราะเหตุนี้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่เนวิลล์ (ซึ่งไม่อยู่ในสายตาโวลเดอร์มอร์) อาจเป็นคนในคำทำนายก็ได้ ซึ่งเขาคิดถูก แฮรี่รู้ตัวว่า Horcrux แผลเป็นกำลังมีพลังมากขึ้น และกำลังจะครอบงำเขา ให้เขาเป็นโวลเดอร์มอร์ต่อไป จึงขอร้องให้เนวิลล์กำจัดเขาอีกคน เนวิลล์ไม่ยอม แฮรี่จึงบอกว่าหลายคนเสียสละชีวิตเพื่อกำจัดลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ดัมเบิลดอร์ สเนป ซีเรียส รวมถึงพ่อและแม่ของเนวิลล์ ซึ่งการตายของแฮรี่เทียบไม่ได้กับคนอื่น เนวิลล์กลั้นใจกำจัดแฮรี่ ที่งานศพของแฮรี่ ป้าเพ็ตทูเนียมาร่วมงานศพ และเล่าให้ทุกคนฟังว่า โวลเดอร์มอร์ขณะเป็นทอม ริดเดิ้ล ได้พบรักกับหญิงธรรมดาคนหนึ่ง และมีลูกสาวสองคน แต่พอทอมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโวลเดอร์มอร์ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเริ่มทนไม่ได้ และหนีไปโดยความช่วยเหลือของดัมเบิลดอร์ ดัมเบิลดอร์ช่วยให้เธอหลบซ่อน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม และใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาที่สุด ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นสควิป ไม่มีเวทมนตร์ใดๆและเกลียดโลกของเวทมนตร์มาก แต่ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีวี่แววความเป็นแม่มดตั้งแต่เด็ก ได้เข้าเรียนในฮอกวอร์ตภายใต้ ชื่อลิลลี่ อีแวน ซึ่งตอนที่โวลเดอร์มอร์ฆ่าเจมส์ และกำลังทำ horcrux บนตัวแฮรี่ ลิลลี่เข้ามาขัดขวาง และด้วยพลังความรักของแม่ และความเป็นสายเลือดเดียวกันกับโวลเดอร์มอร์ ทำให้เมื่อโวลเดอร์มอร์จะกำจัดลิลลี่ เกิดพลังย้อนกลับทำร้ายโวลเดอร์มอร์จนร่างกายสูญสลายไป และเนื่องจากเหลือแฮรี่คนเดียว ทุกคนจึงเข้าใจว่าแฮรี่มีพลังบางอย่าง ที่ทำลายโวลเดอร์มอร์ (แต่ความจริงเป็นลิลลี่) และมีแต่ดัมเบิลดอร์ที่รู้ความจริง และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ พี่สาวลิลลี่ฟังเพื่อขอร้องให้เธอรับเลี้ยงเด็กชายผู้รอดชีวิต | thaiwikibooks | 196,861 |
ภาษาซีพลัสพลัส | การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C++
แนะนําภาษาซี (Introduction to C Programming Languages)
Introduction to C Programming Language)ภาษาโปรแกรม (Programming Languages) ที่มีการคิดค้นขึ้นมาใช้กับคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายพันภาษา แต่ภาษาที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมใช้ทั่วไปนั้นอาจจะมีเพียงหลายสิบภาษา เช่น โคบอล (COBOL)ปาสคาล (Pascal) เดลไฟล์ (Delphi) วิชวลเบสิก (Visual Basic) ซี (C) จาวา (Java) เป็นต้น ซึ่งแต่ละภาษาสร้า้งขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและมีจุดเด่นของภาษาที่ต่างกัน ภาษาซี (C Programming Language)เป็นภาษาเชิงโครงสร้างที่มีการออกแบบโปรแกรมในลักษณะโมดูลที่มีจุดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพการทํางานที่เร็ว มีความยืดหยุ่นในการเขียนโปรแกรมสูง
เนื่องจากมีผู้ผลิตคอมไพเลอร์เพื่อใช้แปลภาษาซีหลายบริษัท ตัวอย่างต่าง ๆ ที่นำเสนอในหนังสือเล่มนี้เป็นตัวอย่างที่นำเสนอโดยใช้คอมไพเลอร์ของ Turbo C เวอร์ชั่น 3.0 ของบริษัทบอร์แ์ลนด์ โดยพยายามเขียนในรูปแบบทเี่ป็นมาตรฐานหากผู้อ่านนำไปใช้กับคอมไพเลอร์ของบริษัทอื่นจะได้มีการปรับแก้ไม่มากนัก เพื่อให้ผู้อ่า่นไดเ้ห็นภาพการพัฒนาโปรแกรมเชิงโครงสร้างอย่างชัดเจน
/pass by reference | thaiwikibooks | 196,862 |
การออกแบบหุ่นยนต์ | การออกแบบหุ่นยนต์ รวมเอาวิศวกรรมในหลายสาขาที่แตกต่างกัน ขั้นแรก ไม้ เหล็ก พลาสติก สำหรับโครงสร้าง แล้วมีกลไกเชื่อมต่อล้อและเพลา ต่อเข้ากับมอเตอร์ และทำให้โครงสร้างสมดุล ต่อจากนั้นคุณจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้พลังงานแก่มอเตอร์ และเชื่อมต่อเซนเซอร์เข้ากับไมโครคอนโทรลเลอร์ ขั้นสุดท้ายคุณจะมีซอฟต์แวร์ที่จะเข้าใจเซนเซอร์และขับเคลื่อนหุ่นยนต์
วิกิตำราในส่วนนี้พยายามครอบคลุมกุญแจสำคัญของการออกแบบหุ่นยนต์ในรูปแบบของงานอดิเรก
เนื้อหา
เริ่มการออกแบบหุ่นยนต์
การออกแบบพื้นฐาน
การสร้างตัวหุ่น
ส่วนประกอบ
การควมคุมด้วยคอมพิวเตอร์
เซนเซอร์
ระบบนำทาง
Exotic Robots
แหล่งข้อมูล
ผู้ร่วมเขียน
เริ่มการออกแบบหุ่นยนต์
เริ่มการออกแบบหุ่นยนต์.
หุ่นยนต์ทุกตัวมีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน:
เซนเซอร์ (sensors) ซึ่งตรวจจับสถานะของสภาพแวดล้อม
แอคชูเอเตอร์ (actuators) ซึ่งแก้ไขสถานะของสภาพแวดล้อม
ระบบควบคุม (controller) ซึ่งควบคุม actuators ที่ขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่ได้รับโดยเซนเซอร์
อุปกรณ์ที่ autonomy คือ "on it own" ปราศจากคำสั่งจากมนุษย์ในทุกขณะ (moment-by-moment)
อะไรคือหุ่นยต์ในหนังสือนี้ ไม่มีคำนิยามที่แน่ชัด แต่มี 2 ตัวอย่าง capture สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นหุ่นยนต์ส่วนใหญ่
Machine Pet:เครื่องจักร มีความสามารถเคลื่อนที่ในบางทิศทาง สามารถสัมผัสสิ่งที่อยู่รอบตัวมันและโต้ตอบการสัมผัสของมันได้โดยตัวมันเอง หุ่นยนต์ประเภทนี้ส่วนมากไม่มีจุดประสงค์ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง นอกจากความบันเทิงและการท้าทาย พวกมันเหล่านี้ยังถูกใช้สำหรับการทดลองด้วยเซนเซอร์ ปัญญประดิษฐ์ actuators และอื่นๆ เนื้อหาส่วนมากของหนังสือนี้ครอบคลุมหุ่นยนต์ชนิดนี้
Autonomous Machine:เครื่องจักรที่มีเซนเซอร์และactuatorsซึ่งสามารถทำงานบางประเภท ด้วยตัวมันเอง รวมสิ่งของอย่าง robotic lawmoers และเครื่องดูดฝุ่น และยังเครื่องจักรก่อสร้างปฏิบัติงานด้วยตัวเอง อย่าง CNC cutters หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมและการค้าส่วนมากจัดอยู่ในกลุ่มนี้
การออกแบบพื้นฐาน
การออกแบบพื้นฐาน.
Note to potential contributors: this section could be used to discuss the basics of robot design/construction.
สิ่งที่คุณควรรู้
การออกแบบตัวหุ่น
การออกแบบซอฟแวร์
เครื่องมือและอุปกรณ์
ส่วนประกอบทางอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนประกอบทางเครื่องจักรกล
วัสดุการสร้าง
การเขียนโปรแกรมพื้นฐาน
This section could be used to discuss various means through which robots are constructed
แหล่งข้อมูลอื่น | thaiwikibooks | 196,863 |
การใช้อีเบย์ | การใช้งานของ ebay มีอยู่ 2 ส่วน คือ
ส่วนของสินค้า
ส่วนของการจ่ายเงิน | thaiwikibooks | 196,864 |
วิกิเยาวชน | __NOEDITSECTION__
โครงการอื่น | thaiwikibooks | 196,865 |
ภาษาพีเอชพี/ตัวแปร | ตัวแปร (Variables)หมายถึง หน่วยที่ใช้เก็บค่าตัวเลข ตัวอักษร หรือชุดข้อความ ใช้ในการอ้างอิงสำหรับการเขียนภาษา พีเอ็ชพี ซึ่งในการสร้างตัวแปรในภาษา พีเอชพี มีหลักการดังนี้
ชื่อตัวแปรจะต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย Dollar Sign ($) เสมอ จากนั้นให้ตามด้วยชื่อตัวแปร โดยที่ชื่อตัวแปรจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ และประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ _ (ขีดล่าง หรือ Underscore)เท่านั้น
ชื่อตัวแปร ไม่สามารถเว้นวรรคได้
ตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ มีความแตกต่างกัน $wiki และ $Wiki ถือเป็นคนละตัวกัน
ควรสร้างชื่อตัวแปรให้มีความหมาย
ที่ถูกต้อง
$Wiki
$Wiki2006
$wiki
$WIKI
ที่ไม่ถูกต้อง
$Wi Ki (มีการเว้นวรรค)
$2006Wiki (ขึ้นต้นด้วยตัวเลข)
$Wi+ki (มีอักขระอื่นๆ ที่ไม่ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข หรือเครื่องหมาย _)
$ wiki (มีการเว้นวรรค)
สารบัญ
รูปแบบคำสั่งพื้นฐาน (Basic Syntax)
ประเภทของตัวแปร (Types)
ตัวแปร (Variables)
ค่าคงที่ (Constants)
นิพจน์ (Expression)
ตัวดำเนินการ (Operators)
โครงสร้างควบคุม (Control Structure) | thaiwikibooks | 196,866 |
คู่มือการใช้ไฟร์ฟอกซ์/เปิดเว็บด้วยการใช้แท็บ | การเปิดเว็บด้วยแท็บสามารถทำได้ 3 วิธีคือ
การใช้เมนู File > New Tab
การใช้เมาส์ปุ่มขวาคลิ๊กบนลิ้งค์ จะมีเมนูป๊อปอัพขึ้นมา คลิ๊กที่ Open Link in New Tab
การกดปุ่ม Crtl + T บนคีย์บอร์ด
สารบัญ
แนะนำไฟร์ฟอกซ์
วิธีการติดตั้ง
เปิดเว็บด้วยการใช้แท็บ
วิธีค้นหาเว็บไซท์ และ ค้นหาในเอกสาร
การตั้งค่าผู้ใช้
ส่วนขยาย
ปลัก-อิน
ปุ่มลัดของเมาส์
แป้นลัด
ความเป็นส่วนตัว
การตั้งค่าขั้นสูง
เครื่องมือสำหรับนักเขียนโปรแกรม
ลิงค์ภายนอก
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ Internet Explorer | thaiwikibooks | 196,867 |
ฮอสเอ๊กซ์พี | ฮอสเอ๊กซ์พี (HOSxP) เป็น ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันและเป็นซอฟต์แวร์เสรี สำหรับสถานพยาบาล สถานีอนามัย และโรงพยาบาล พัฒนาโดยบุคลากรที่อาสาสมัครมาจากหลายโรงพยาบาล มีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบสารสนเทศ ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปใช้งานได้จริงทั้งในระดับสถานีอนามัย ไปจนถึงโรงพยาบาลศูนย์ เริ่มพัฒนาเมื่อปี พ.ศ. 2542 ปัจจุบันถูกใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย มากกว่า 60 แห่ง
ระบบงานและความสามารถ
ระบบงานเวชระเบียนผู้ป่วยนอก (Register)
สามารถบันทึกข้อมูลประวัติส่วนตัวตามแบบ รบ.1ต.01
สามารถบันทึกข้อมูลการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของ ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, สิทธิการรักษาของคนไข้
สามารถ นำเข้า ฐานข้อมูลประชากร ของกระทรวงได้
สามารถบันทึกรูปผู้ป่วยได้ โดยการนำเข้าจากเครื่อง Scanner หรือจากอุปกรณ์ Webcam/Digital Camera
สามารถบันทึกข้อมูลการแพ้ยาได้
สามารถบันทึกผู้ป่วยเข้าระบบคลินิกพิเศษโรคเรื้อรังเพื่อติดตามผลได้ เช่น โรคเบาหวาน/ ความดัน
สามารถค้นหาประวัติคนไข้เก่าโดยค้นหาจาก หมายเลข HN, ชื่อ, นามสกุล,ชื่อและนามสกุล ,CID, ที่อยู่ ได้
สามารถลงทะเบียนคนไข้ใหม่และออก HN ใหม่ให้ได้โดยอัตโนมัติ
สามารถกำหนด HN ใหม่เองได้ และตั้งหมายเลขของ HN ที่ต้องการเริ่มใหม่ได้
สามารถจัดรูปแบบการพิมพ์ OPD Card, บัตรประจำตัวคนไข้, ใบตรวจรักษาต่างๆ ได้
สามารถส่งรายชื่อคนไข้ไปรอตรวจที่หน่วยต่างๆ ได้ เช่น พยาบาลหน้าห้องตรวจ, ห้องทันตกรรม
สามารถบันทึกข้อมูลการส่งต่อไปตรวจรักษายังสถานบริการอื่น หรือรับผู้ป่วยที่ส่งจากสถานบริการอื่นได้
สามารถค้นหารหัส ICD-10 โดยใช้คำสำคัญ ได้ และ สามารถตรวจสอบรูปแบบการลงรหัส ICD ที่ผิดพลาดได้
สามารถค้นหาข้อมูลแบบกำหนดเงื่อนไขเองได้ ( Custom Search)
สามารถตรวจสอบประวัติการเปลี่ยนแปลงชื่อได้
สามารถบันทึกข้อมูลการเสียชีวิต ตามแบบฟอร์มการเสียชีวิต ได้
สามารถบันทึกข้อความและสามารถตั้งให้ระบบแสดงข้อความนี้เตือนตามจุดต่างๆ ได้
สามารถทำรายงานพื้นฐานตามที่กระทรวงต้องการได้
สามารถส่งออกข้อมูลโรคที่ต้องเฝ้าระวังไปยังฐานข้อมูลของโปรแกรม EPIDEM ได้
สามารถบันทึกการยืม/คืน แฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการนัดหมาย ตรวจสอบรายการนัดหมาย และพิมพ์รายการนัดหมายเพื่อนำไปค้นแฟ้มเวชระเบียนได้
สามารถตรวจสอบสิทธิผู้ป่วย Online จาก Homepage ของ สปสช. ได้
สามารถ Scan แฟ้มเวชระเบียน หรือข้อมูลอื่นๆ ในลักษณะที่เป็นรูปภาพ เก็บไว้กับประวัติการมารับบริการได้
ระบบงานซักประวัติ (Screening)
สามารถแสดงรายชื่อผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมายังจุดซักประวัติและเรียกผู้ป่วยมาทำการซักประวัติได้
สามารถเรียกดูข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยได้
สามารถเรียกดูประวัติการมารับบริการของผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการซักประวัติได้ เช่น Vital Sign / Chief Complain
สามารถบันทึกสั่งจ่ายยาได้
สามารถบันทึกรายการนัดหมายล่วงหน้าได้
สามารถบันทึกสั่ง Lab / X-Ray ได้
สามารถบันทึกข้อมูลการส่งต่อไปยังสถานบริการอื่นๆ ได้
สามารถบันทึกข้อมูลการคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
สามารถนำเข้าผล Lab ในกรณีที่มีการบันทึกผล จากระบบชันสูตรได้ เช่น ค่า FBS
สามารถบันทึกผู้ป่วยไปยังจุดให้บริการอื่นๆ ได้
ระบบงานตรวจรักษา (Doctor)
สามารถแสดงรายชื่อผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมายังห้องตรวจโรคและทำการเรียกผู้ป่วยมาทำการตรวจรักษา
สามารถเรียกดูข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการซักประวัติและตรวจร่างกายได้
สามารถเรียกดูข้อมูลการตรวจร่างกายเบื้องต้นได้
สามารถสั่งจ่ายยาแบบ RE-MED ได้
สามารถสั่งจ่ายยาโดยการกำหนดเป็นสูตรใช้ยาได้
สามารถตรวจสอบรายการยาที่สั่งจ่ายและเตือนในกรณีที่มียาที่ผู้ป่วยแพ้ได้
สามารถตรวจสอบการเกิดอันตกริยาต่อกันของยาในใบสั่งยาได้ (Drug Interaction)
สามารถบันทึกการวินิจฉัย ทั้งในรูปแบบข้อความทั่วไป และในรูปของรหัสโรคและหัตถการได้
สามารถลงบันทึกสั่ง Lab / X-Ray รวมทั้งสามารถตรวจสอบผลการสั่งได้
สามารถแสดงผล Lab ในลักษณะของกราฟได้
สามารถเรียกดูข้อมูลประวัติการตรวจย้อนหลังได้ ได้แก่ ประวัติการมารับบริการ การวินิจฉัย การสั่งจ่ายยา การสั่ง Lab/X-Ray การตรวจร่างกาย การนัดหมาย การ Admit
สามารถบันทึกรายการนัดหมายผู้ป่วยล่วงหน้าได้หลายวันและแยกเป็นแผนกได้
สามารถสั่ง Admit ผู้ป่วยนอกเป็นผู้ป่วยในได้
สามารถส่งผู้ป่วยไปยังจุดบริการต่างๆ ได้
สามารถพิมพ์ใบนัดหมายผู้ป่วยได้
สามารถพิมพ์ใบรับรองแพทย์ได้
สามารถบันทึกข้อมูลการตรวจร่างกายโดยการวาดรูปได้
สามารถนำเข้ารูปถ่ายจากกล้องดิจิตอล ได้
ระบบงานทันตกรรม (Dental)
สามารถแสดงรายชื่อผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมายังห้องทันกรรมและเรียกผู้ป่วยมาทำการตรวจรักษาได้
สามารถเรียกดูข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยได้
สามารถเรียกดูประวัติการมารับบริการของผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการซักประวัติได้ เช่น Vital Sign / Chief Complain
สามารถบันทึกข้อมูลการให้บริการทันตกรรมได้
สามารถบันทึกสั่งจ่ายยาได้
สามารถบันทึกข้อมูลการตรวจร่างกาย และ สามารถวาดรูปบริเวณที่ให้การรักษาได้
สามารถนำเข้ารูปฟันจากกล้องดิจิตอลได้
สามารถบันทึกข้อมูลการนัดหมายของแผนกทันตกรรมได้
ระบบงานห้องจ่ายยา (Dispensary)
สามารถใช้ Hot Key ช่วยในการทำงานต่างๆ ได้
สามารถสั่งยาโดยใช้ชื่ออื่นๆ นอกเหนือจาก Generic Name ได้
สามารถสั่งยาโดยการดึงข้อมูลจากประวัติการใช้ยาเดิม ได้
สามารถสั่งยาจากสูตรการสั่งยาที่กำหนดไว้ได้
สามารถเก็บเวลาที่จ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย และนำมาประมวลผลระยะเวลารอคอยเฉลี่ยได้
สามารถบันทึกข้อมูลผู้ตรวจสอบและผู้จ่ายยาได้
สามารถเตือนรายการยาที่ผู้ป่วยแพ้ และตรวจสอบการแพ้ยากับรายการยาในใบสั่งยาได้
สามารถตั้งให้ตรวจสอบระดับของผู้สั่งยากับรายการยาได้
สามารถตั้งให้ตรวจสอบสิทธิของผู้ป่วยกับยาบางรายการได้
สามารถตั้งให้ตรวจสอบสิทธิของผู้สั่งยากับยาบางรายการได้
สามารถแยกค่าใช้จ่ายและสรุปออกมาเป็น ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ และยากลับบ้าน ได้
สามารถสั่งยาผู้ป่วยใน ตามรูปแบบการจัดยาแบบ One Day Dose หรือ Multiple Days Dose ได้
สามารถบันทึกข้อมูลการให้คำแนะนำการใช้ยาแก่ผู้ป่วยได้
ระบบงานชันสูตร (Laboratory)
สามารถแสดงรายชื่อผู้ป่วยที่ถูกสั่งตรวจ Lab ได้ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้
สามารถเรียกดูข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยได้
สามารถเรียกดูประวัติการมารับบริการของผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการรายงานผล Lab ได้
สามารถออกแบบ แบบฟอร์มการสั่ง Lab เองได้
สามารถกำหนดรายการ Lab และการคิดค่าบริการตรวจ Lab ต่างๆ ได้
สามารถรายงานผล Lab ไปยังแพทย์ผู้ตรวจแบบ Online ได้
สามารถสั่ง Lab หลายรายการได้
สามารถตรวจสอบและเตือนรายการที่มีค่าผิดปกติได้
สามารถบันทึกข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ที่เป็นคนทำ Lab ได้
สามารถ ยืนยันผล และ Lock รายการผล Lab ได้
สามารถตรวจสอบการเข้ามาอ่านผล Lab ได้
สามารถปิดบังผล Lab ได้
สามารถเชื่อมโยงกับระบบ LIS และส่งรายการ Request ไปยัง LIS และอ่านผลกลับมาได้ (ต้องมีการติดต่อประสานงานกับบริษัทที่พัฒนา LIS เพื่อตกลงรูปแบบการเชื่อมต่อด้วย)
ระบบงานห้องฉุกเฉิน (Emergency)
สามารถบันทึกข้อมูลอุบัติเหตุได้ โดยข้อมูลที่บันทึกเป็นไปตามมาตรฐานของ กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข
สามารถส่งออกข้อมูลอุบัติเหตุไปยังโปรแกรม IS ได้
มีระบบรายงานข้อมูลอุบัติเหตุ ตามที่กระทรวงกำหนด
สามารถบันทึกข้อมูลการทำงาน ณ ห้องฉุกเฉินได้ ได้แก่ การลงทะเบียนส่งตรวจ การสั่งจ่ายยา การลงผลวินิจฉัย การนัดหมาย การออกใบเสร็จรับเงิน การพิมพ์ใบสั่งยาและสติกเกอร์ยาได้จากห้องฉุกเฉิน
สามารถลงรายการหัตถการ และสรุปค่าใช้จ่ายได้
สามารถเรียกดูรายงานสรุปผลการปฏิบัติงาน ของห้องฉุกเฉินได้
ระบบงานแผนกผู้ป่วยใน (In Patient)
สามารถลงทะเบียนรับผู้ป่วยใหม่ โดยแยกรับเป็นรายหอผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการทำหัตถการของผู้ป่วยในได้
สามารถสั่งจ่ายยาของผู้ป่วยในไปยังห้องจ่ายยาได้ และสามารถบันทึกเป็น Profile การใช้ยาของผู้ป่วยในได้
สามารถลงผลการวินิจฉัย ตามมาตรฐาน รหัส ICD10
สามารถคำนวนค่า Relative Weight ตามระบบ DRGs ได้ในขั้นตอนการลงผลวินิจฉัยได้
สามารถลงบันทึกจำหน่ายคนไข้ และสรุปค่าใช้จ่าย ทั้งหมดของคนไข้ได้
สามารถทำรายงานพื้นฐานตามที่กระทรวงต้องการได้
สามารถส่งออกข้อมูล DRGs ตามโครงสร้าง 12 แฟ้ม มาตรฐานได้
สามารถบันทึกสั่ง Lab /X-Ray จากตึกผู้ป่วยในได้
สามารถส่งผู้ป่วยไปยังห้องทันตกรรม/ ห้องผ่าตัด จากตึกผู้ป่วยในได้
ระบบงานห้องชำระเงิน (Cashier)
สามารถกำหนดวิธีการคิดค่ารักษาพยาบาลได้หลายรูปแบบโดยแยกตามสิทธิการรักษา และสามารถตั้งค่าส่วนลดแยกตามสิทธิการรักษาได้
สามารถเชื่อมโยงข้อมูลค่ารักษาพยาบาลจากหน้าห้องตรวจ ,ค่าตรวจปฏิบัติการจากห้อง Lab ,ค่าตรวจทางรังสี หรือค่ารักษาพยาบาลจากแผนกอื่นๆ มายังระบบการเงิน ได้โดยอัตโนมัติ
สามารถเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิการรักษาของผู้ป่วยจากระบบเวชระเบียน มายังระบบการเงิน และสามารถแก้ไขสิทธิการรักษาจากห้องชำระเงินได้
สามารถควบคุมและตรวจสอบการยกเลิกรายการค่ารักษาพยาบาล หรือการยกเลิกใบเสร็จ หรือเอกสารการรับชำระเงินต่าง ๆ ได้
สามารถบันทึกข้อมูลการค้างชำระได้
สามารถบันทึกข้อมูลส่วนลดเงินสดได้
สามารถออกใบเสร็จรับเงินตามรูปแบบของสำนักงานประกันสังคมได้
ระบบงานรังสีวินิจฉัย (Radiology)
สามารถแสดงรายชื่อผู้ป่วยที่ถูกสั่งตรวจ X-Rayได้ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้
สามารถเรียกดูข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วยได้
สามารถเรียกดูประวัติการมารับบริการของผู้ป่วยได้
สามารถบันทึกข้อมูลการรายงานผล X-Ray ได้ และข้อมูลการใช้ ฟิล์ม ได้
สามารถบันทึกข้อมูลฟิล์มเสียได้
สามรถออกหมายเลข XN และพิมพ์ Sticker สำหรับติดซองใส่ฟิล์มได้
สามารถกำหนดรายการ X-Ray และการคิดค่าบริการตรวจ X-Ray ต่างๆ ได้
สามารถรายงานผล X-Rayไปยังแพทย์ผู้ตรวจแบบ Online ได้
ระบบงานบริหารเวชภัณฑ์ (Inventory)
สามารถบันทึกข้อมูลบัญชียาของโรงพยาบาลได้
สามารถบันทึกข้อมูลรายการเบิก-จ่าย ยาออกจากคลังได้
สามารถตรวจสอบ Stock – Card ของยาแต่ละรายการได้
สามารถตรวจสอบรายการเวชภัณฑ์ที่เหลือน้อย และ รายการที่ใกล้หมดอายุได้
สามารถสรุปรายงานยอดการใช้ยาได้
สามารถออกใบเสนอสั่งซื้อยาได้
สามารถตรวจสอบปริมาณยาคงเหลือใน Sub-Stock ได้ (*)
ระบบงานสารบรรณ (E-Document)
สามารถบันทึกข้อมูลการรับเอกสารเข้างานสารบรรณได้
สามารถ Scan เอกสารเข้ามาได้
สามารถเวียนหนังสือไปยังแผนกต่างๆ ได้
สามารถแนบแฟ้มไปพร้อมกับเอกสารที่เวียนได้
สามารถค้นหาเอกสารเก่าได้
สามารถตรวจสอบการเข้ามาอ่านเอกสารได้
สามารถบันทึกผลการปฏิบัติงานในเอกสารที่เกี่ยวข้องได้
ระบบงานจัดการตารางนัดหมาย (Appointment and Personal Information Management)
สามารถบันทึกข้อมูลตารางการทำงานที่จะต้องทำในแต่ละวันได้
สามารถแสดงผลตารางงานปัจจุบันได้ หลายรูปแบบ เช่น รายวัน รายอาทิตย์ หรือ รายเดือน
สามารถแสดงข้อมูลการนัดหมายในตารางการทำงานได้
ระบบเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบ (Administration)
สามารถกำหนดการตั้งค่าเริ่มต้นต่างๆ ได้
สามารถบันทึก แก้ไข ข้อมูลทั่วไป เกี่ยวกับโรงพยาบาลได้
สามารถกำหนดสิทธิของผู้ใช้งานได้ และสามารถกำหนดกลุ่มผู้ใช้งานได้
สามารถยกเลิกผู้ป่วยจากระบบได้
สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในฐานข้อมูล และส่งออกในรูปแบบต่างๆ ได้
สามารถแก้ไขแบบฟอร์มรายงานต่างๆ และสามารถสร้างรายงานต่างๆ เองได้
สามารถตรวจสอบ User Activity ได้
สามารถเขียนประกาศข่าว และสามารถส่งข้อความเตือนผู้ใช้งานตามจุดต่างๆ ได้
สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่กำลังเข้าใช้งานระบบได้
สามารถ Download รายงานใหม่ๆ จาก Web Services ได้
สามารถสร้าง Script สำหรับส่งออกข้อมูล หรือ นำเข้าข้อมูลจากหน่วยงานภายนอกได้
สามารถตั้งค่าการใช้งานโดยเลือกใช้งานกับฐานข้อมูลชนิด
สามารถ Download โปรแกรมรุ่นใหม่มาติดตั้ง และตั้งค่าให้เครื่อง client ทำการ upgrade แบบอัตโนมัติได้
สามารถกำหนดให้ผู้ใช้งานทำการ Logout แบบอัตโนมัติได้หากไม่มีการทำงานในช่วงเวลาที่ตั้งเอาไว้
ระบบงานสำรองข้อมูล (Data Backup/Recovery)
สามารถทำการสำรองข้อมูลจากเครื่องที่ใช้งานอยู่ได้
สามารถทำการสำรองข้อมูลได้ทั้งแบบ Cold Backup และ Hot Backup
สามารถทำการสำรองข้อมูลเฉพาะช่วงวันที่เลือกได้
สามารถนำข้อมูลที่สำรองมาใช้งานได้
สามารถเข้าระบบการสำรองข้อมูลแบบ Emergency Mode ได้
สามารถตั้งค่าระบบการสำรองข้อมูลแบบ Online Replication ได้ (Multi-slave Asynchronous Replication)
มีระบบเตือนหากไม่ได้ทำการสำรองข้อมูลในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
ระบบการแสดงประวัติผู้ป่วยผ่าน Web
สามารถตั้งค่าระบบให้รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Web browser เพื่อเข้าถึงประวัติผู้ป่วย ได้ (ใช้ Apache + PHP) พัฒนาโดย ทีม IT รพ.มายอ จ.ปัตตานี
สถาปัตยกรรม
Client/Server (Two-Tier)
Multi-tier technology (Borland Datasnap)
DCOM
เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา
คอมไพเลอร์
เดลไฟ และ ไคลิกซ์ (Delphi/Kylix)
เครื่องมือพัฒนาจากแหล่งอื่น (3rd Party Component)
Free Component
Zeoslib
JEDI-VCL
DCPCrypt
ZipMaster
ExtLib
TDBF
EzDicom
Commercial Component
Report Builder
SSI Topaz
KSDev SkinEngine
DevExpress
EurekaLog
ความต้องการขั้นต่ำของระบบ
เครื่องแม่ข่าย
หน่วยประมวลผลกลาง Pentium 4/Xeon ความเร็วในการทำงานอย่างน้อย 2 กิกะเฮิรตซ์
หน่วยความจำขั้นต่ำ 512 เมกะไบต์
ระบบปฏิบัติการ ลินุกซ์ หรือ ไมโครซอฟท์วินโดวส์
หน่วยเก็บข้อมูล ชนิด SCSI หรือ IDE ความจุอย่างน้อย 40 กิกะไบต์
หน่อยเชื่อมต่อระบบเครือข่าย (Ethernet Adapter) ความเร็วในการเชื่อมต่อ 10/100 เมกะบิตต่อวินาที
เครื่องลูกข่าย
หน่วยประมวลผลกลาง Pentium III/Celeron ความเร็วในการทำงานอย่างน้อย 400 เมกะเฮิรตซ์
หน่วยความจำขั้นต่ำ 128 เมกะไบต์
ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 2000 หรือ วินโดวส์เอ็กซ์พี
หน่วยเก็บข้อมูล ชนิด SCSI หรือ IDE มีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 500 เมกะไบต์
หน่อยเชื่อมต่อระบบเครือข่าย (Ethernet Adapter) ความเร็วในการเชื่อมต่อ 10/100 เมกะบิตต่อวินาที
ตัวจัดการข้อมูล
MySQL รุ่น 4.0, 4.1, 5.0 หรือ 5.1
PostgreSQL รุ่น 8.0 หรือ 8.1
Microsoft SQL รุ่น 2000 หรือ 2005 หรือ MSDE
Oracle รุ่น 10g หรือ XE
SQLite รุ่น 3.0
Interbase รุ่น 7.0/7.5
ทีมงาน
ชัยพร สุรเตมีย์กุล ตำแหน่ง ผู้จัดการโครงการ , ผู้พัฒนาและออกแบบระบบ , ผู้ฝึกอบรม
สุชัย อุดมคำ ตำแหน่ง ผู้ประสานงานโครงการ, ผู้ทดสอบระบบ, ผู้ฝึกอบรม
สุมาลี เหรียญไพโรจน์ ตำแหน่ง เลขานุการ, ผู้ประสานงานโครงการ, ผู้ดูแลการใช้งานและขึ้นระบบ
ทวี ทรัพย์คลัง ตำแหน่ง ผู้พัฒนาและออกแบบระบบ, ผู้ทดสอบระบบ, ผู้ดูแลระบบ
นาจ เข็มแข็ง ตำแหน่ง ผู้ดูแลระบบ, ผู้ทดสอบระบบ
กัมพล วิบูลย์ศักดิ์สกุล ตำแหน่ง ผู้ดูแลระบบ, ผู้ทดสอบระบบ, ผู้พัฒนาและออกแบบระบบ
นพ.อรัญ รอกา ตำแหน่ง ทีมพัฒนาระบบ Web EMR | thaiwikibooks | 196,868 |
ขั้นตอนวิธี | ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นอัลกอริทึมหลายอย่างสำหรับแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ออกไป เพื่อออกแบบอัลกอริทึมสำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ คุณอาจจะถามตัวเองว่า ปัญหาชนิดไหนสามารถแก้ได้ด้วย divide-and-conquer, dynamic programming, greedy techniques หรือ อัลกอริทึมอื่น ๆ
/การแบ่งแยกและเอาชนะ
/กำหนดการพลวัต
/ขั้นตอนวิธีเชิงละโมบ | thaiwikibooks | 196,869 |
ภาษาญี่ปุ่น/คันจิ | คันจิ คืออักษรจีนซึ่งภาษาญี่ปุ่นได้นำเข้ามาใช้เเทนคำในภาษาญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มความสวยงามของภาษาให้ดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น | thaiwikibooks | 196,870 |
ภาษาญี่ปุ่น | สารบัญ
ตัวอักษร
การออกเสียง
บทเรียน
บทเรียน 1
ดูเพิ่ม
คันจิ | thaiwikibooks | 196,871 |
ภาษาฝรั่งเศส | บทเรียน
ข้อความ
ศึกษาเพิ่ม | thaiwikibooks | 196,872 |
คู่มือลินุกซ์/touch | คำสั่ง touch เป็นการสร้างไฟล์ใหม่หรือแก้ไขไฟล์
touch --help
-a change only the access time
-c, --no-create do not create any files
-d, --date=STRING parse STRING and use it instead of current time
-f (ignored)
-m change only the modification time
-r, --reference=FILE use this file's times instead of current time
-t STAMP use [[CC]YY]MMDDhhmm[.ss] instead of current time
--time=WORD set time given by WORD: access atime use (same as -a)
modify mtime (same as -m)
--help display this help and exit
--version output version information and exit
สารบัญ
โปรแกรมที่ต้องใช้ผ่านคอมมานด์ไลน์
[[/snes9x|snes9x]]
[[/p7z|7zip]]
[[/ntop|ntop]]
โปรแกรมทั่วไป ที่ทำงานบนลินุกซ์
[[/synaptic|Synaptic]]
คำสั่งพื้นฐานของยูนิกซ์และเชลล์
[[/cp|cp]]
[[/mv|mv]]
[[/mkidr|mkdir]]
[[/touch|touch]]
[[/ls|ls]]
[[/rm|rm]]
[[/chmod|chmod]]
[[/chown|chown]]
การปรับแต่งระบบ
[[/ปรับแต่ง Gnome|ปรับแต่ง Gnome]]
[[/ปรับแต่ง KDE|ปรับแต่ง KDE]]
[[/ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP|ตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย LAMP]]
ทำความเข้าใจกับลินุกซ์
[[/permission|เปอร์มิชชั่น]]
[[/shell|Shell]]
[[/kernel|Kernel]] | thaiwikibooks | 196,873 |
ภาษาบาลี | วิกิตำราภาษาบาลีนี้นำเสนอหลักบาลีไวยากรณ์ แม้จะอ้างอิงจากตำราดั้งเดิม
แต่ก็ได้พยายามเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ให้กระชับและสามารถเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เพื่อไม่ให้ภาษาบาลีเป็นเพียงเรื่องของพระหรือคนวัดเท่านั้น
แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถเข้ามาศึกษาได้ในฐานะภาษาที่น่าสนใจอีกภาษาหนึ่ง
แบบเรียน
ภาษาบาลีสำหรับผู้เริ่มต้น
สรุปไวยากรณ์
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary)
เรียบเรียงจาก
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ์หลักสูตรเปรียญธรรมตรี
Charles Duroiselle, A Practical Grammar of the Pāli Language 3rd Edition, 1997 | thaiwikibooks | 196,874 |
ภาษาบาลี/การสะกดและคำอ่าน | พยัญชนะและสระ
พยัญชนะและสระ.
อักษรภาษาบาลีนั้นเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ เพราะได้สาบสูญไปนานมากแล้ว
ในภายหลังเมื่อชนชาติใดจะนำภาษาบาลีไปใช้ ก็เพียงแต่นำเสียงหรือคำพูดไปใช้เท่านั้น
วิธีการเขียนหรือสะกดก็จะเป็นเรื่องของชนชาตินั้นนำอักษรของตนไปใช้เอง ในที่นี้ขอแสดงการเขียนคำในภาษาบาลีด้วยอักษรไทยและอักษรโรมัน
เสียงพยัญชนะในภาษาบาลีมีอยู่ 33 ตัว และสระ 8 ตัวดังนี้
พยัญชนะ
พยัญชนะ.
มีพยัญชนะที่จัดเข้าวรรคไม่ได้อีกคือ อัฒสระ 4 ตัว ย, ร, ล, ว (y, r, l, v) และที่เหลือ ส, ฬ, ห, และ -ํ (นิคคหิต) (s, ḷ, h, ṁ) ดังตาราง
ตารางที่ 2 คือเศษวรรค
สระ
สระ.
มีสระที่จัดเข้าวรรณะไม่ได้อีกคือ เศษวรรณะ 2 ตัว คือ เ- และ โ-
ช่องที่ 3 คือเศษวรรณะ
วิธีเขียนและอ่านออกเสียงในภาษาไทย(เช่น เอวนฺเตสุ อญฺญมญฺญํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺเตสุสกฺโก)อ่านคำในภาษาไทย(เช่น เอวันเตสุ อัญญมัญญัง สัมโมทนียัง กะถัง กเถนะเตสุ สักโก)
วิธีเขียนและอ่านออกเสียงในภาษาไทย(เช่น เอวนฺเตสุ อญฺญมญฺญํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺเตสุสกฺโก)อ่านคำในภาษาไทย(เช่น เอวันเตสุ อัญญมัญญัง สัมโมทนียัง กะถัง กเถนะเตสุ สักโก).
การใช้ตัวอักษรไทยเขียนภาษาบาลีนั้นยังเขียนได้สองแบบ หนึ่งคือเขียนตัวอักษรตามเสียงพยัญชนะ (เช่น พุทฺธ, ธมฺม, พฺรหฺม)
สองคือเขียนตามคำอ่านในภาษาไทย (เช่น พุทธะ, ธัมมะ, พ๎รัห๎มะ) ในที่นี้จะขอใช้ทั้งสองแบบ โดยจะใช้แบบแรกสำหรับการยกตัวอย่างคำบาลีในเนื้อหาบทเรียน และใช้แบบที่สองสำหรับคำบาลีที่จะเขียนในหัวข้อของบทเรียน
สำหรับการอ่านออกเสียงนั้น เนื่องจากเราใช้ตัวอักษรไทย เราก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าแต่ละตัวจะต้องอ่านออกเสียงว่าอย่างไร
ส่วนตัวนิคคหิตนั้น จะเป็นตัวเสียงนาสิก ออกเสียงคล้าย /อัง/ เช่น เขียนว่า พุทฺธํ อ่านว่า /พุทธัง/เอวนฺเตสุ อ่านว่า/
สารบัญ
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary) | thaiwikibooks | 196,875 |
ภาษาบาลี/นามนาม | คำนาม คือคำที่ใช้กล่าวถึงคน สัตว์ สิ่งของทั่วไป ซึ่งอาจนำมาใช้เป็นประธานหรือกรรมในประโยค โดยจะแตกต่างจากกริยา ซึ่งเป็นคำที่บ่งบอกอาการ หรือการกระทำของคน สัตว์ สิ่งของนั้น ๆ ในภาษาบาลี แบ่งนามเป็นสามอย่างคือ นามนาม (=นาม), คุณนาม (=คุณศัพท์) และสัพพนาม (=สรรพนาม)
นามนามคือชื่อเรียกคน สัตว์ สิ่งของทั่วไป แบ่งได้สองประเภทคือ
การที่จะนำนามมาประกอบใช้ในประโยคนั้น จะต้องเอาคำศัพท์มาแจกวิภัตติ หรือคือการผันนามให้เหมาะสมเสียก่อน โดยการนำฐานศัพท์ (Stem) มาเติมคำต่อท้ายเข้าไปดังรายละเอียดต่อไปนี้
ตารางการแจกวิภัตติ (Declension Table)
ตารางการแจกวิภัตติ (Declension Table).
เมื่อพิจารณาแล้วว่าคำนามนั้นมี เพศ, พจน์, การก และการันต์อะไร เราก็นำมาเทียบในตารางการแจกวิภัตติดูว่าจะต้องใส่วิภัตติอะไรต่อท้ายคำเข้าไป
ตารางวิภัตติสำหรับ อะ การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อะ การันต์.
ตารางวิภัตติสำหรับ อา การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อา การันต์.
ตารางวิภัตติสำหรับ อิ การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อิ การันต์.
ตารางวิภัตติสำหรับ อี การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อี การันต์.
ตารางวิภัตติสำหรับ อุ การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อุ การันต์.
ตารางวิภัตติสำหรับ อู การันต์
ตารางวิภัตติสำหรับ อู การันต์.
ตัวอย่าง
นร (nara) แปลว่าคน เป็นคำศัพท์ที่มีสระ อะ เป็นการันต์, มีเพศเป็นชาย
ถ้าในประโยคต้องการเอกพจน์ และนำคำนี้ไปใช้เป็นปฐมา (ประธาน) (Nom) ก็จะต้องผันเป็น นโร (naro)
ถ้านำไปใช้เป็นทุติยา (กรรม) (Acc) ก็จะต้องผันเป็น นรํ (nara½)
หรือถ้านำไปใช้เป็นฉัฏฐี (เจ้าของ) (Gen) ก็จะต้องผันเป็น นรสฺส (narassa) เป็นต้น
ขนฺติ (khanti) แปลว่าอดทน เป็นคำศัพท์ที่มีสระ อิ เป็นการันต์, มีเพศเป็นหญิง
ถ้าในประโยคต้องการเอกพจน์ และนำคำนี้ไปใช้เป็นตติยา (เครื่องมือ) (Inst) ก็จะต้องผันเป็น ขนฺติยา (khantiy±)
ถ้านำไปใช้เป็นปัญจมี (แดนเกิด) (Abla) ก็จะต้องผันเป็น ขนฺติยา (khantiy±) หรือ ขนฺตฺยา (khanty±)
ภิกฺขุ (bhikkhu) เป็นคำศัพท์ที่มีสระ อุ เป็นการันต์, มีเพศเป็นชาย
ถ้าในประโยคต้องการพหูพจน์ และนำไปใช้เป็นจตุตถี (กรรมรอง) (Dat) ก็จะต้องผันเป็น ภิกฺขูนํ (bhikkh³na½)
ถ้านำไปใช้เป็นอาลปนะ (อุทาน) (Voc) ก็จะต้องผันเป็น ภิกฺขเว (bhikkhave) เป็นต้น
การที่จะต้องท่องจำตารางวิภัตติทั้งหมดในตอนนี้อาจจะดูลำบากเกินไป อาจจะใช้วิธีสังเกตเสียงในคำอย่างคร่าว ๆ ดังนี้
ปฐมา (Nom) หรือ อาลปนะ (Voc) จะมีรูปที่ปกติที่สุด
เอกพจน์ มักจะเจอคำลงท้ายด้วยเสียง โอ ส่วนพหูพจน์มักจะลงท้ายด้วยเสียง อา, นิ, โย
ทุติยา (Acc) คือเวลานำมาใช้เป็นกรรม
เอกพจน์ มักจะลงท้ายด้วยนิคคหิต ส่วนพหูพจน์มักจะลงท้ายด้วย นิ, โย
ตติยา (Inst) กับ ปัญจมี (Abla) ความหมายจะคล้ายกันคือ "โดย" กับ "จาก" และมีเสียงลงท้ายคล้ายกัน
เอกพจน์ของตติยาจะลงท้ายด้วย นะ, ยะ ของปัญจมีจะลงท้ายด้วย สฺมา, ยะ ส่วนพหูพจน์มักจะลงท้ายด้วย หิ, ภิ
จตุตถี (Dat) กับ ฉัฏฐี (Gen) ความหมายอาจจะไม่คล้ายกัน แต่เสียงลงท้ายของสองการกนี้จะเหมือนกัน
เอกพจน์ มักจะลงท้ายด้วย สฺสะ, ยะ ส่วนพหูพจน์มักจะลงท้ายด้วย นัง
สัตตมี (Loc) คือเวลานำไปใช้บอกสถานที่
เอกพจน์ มักจะลงท้ายด้วย สฺมิง, ยะ ส่วนพหูพจน์มักจะลงท้ายด้วย สุ
คำศัพท์ที่มีวิธีการแจกเฉพาะตัว (Irregular Nouns)
คำศัพท์ที่มีวิธีการแจกเฉพาะตัว (Irregular Nouns).
ปกติแล้วการแจกวิภัตตินามจะทำได้โดยใช้ตารางจากในหัวข้อที่แล้ว แต่มีคำศัพท์พิเศษบางกลุ่มที่มีวิธีการแจกเฉพาะตัว ไม่เหมือนดังที่ปรากฏในตารางข้างต้น คำศัพท์พิเศษเหล่านี้มักจะเป็นศัพท์ที่มีฐานศัพท์ที่ไม่ได้มีเสียงสระเป็นการันต์ (Vowel terminated) แต่มีเสียงพยัญชนะเป็นการันต์ (Consonant terminated) หรือเป็นคำที่ฐานศัพท์มีสระการันต์เป็นสระประสม (Diphthong) ดังจะพอแบ่งกลุ่มคำเหล่านี้ได้ดังนี้
คำที่ฐานศัพท์มี นฺ เป็นการันต์
คำที่ฐานศัพท์มี นฺ เป็นการันต์.
คำเหล่านี้เช่น อตฺตา (ฐานศัพท์คือ อตฺตนฺ), พฺรหฺมา (ฐานศัพท์คือ พฺรหฺมนฺ), ราชา (ฐานศัพท์คือ ราชนฺ) , กมฺมํ (ฐานศัพท์คือ กมฺมนฺ) คำศัพท์ในกลุ่มนี้จะมีวิธีแจกวิภัตติใกล้เคียงกัน ดังแสดงในตาราง
อย่างไรก็ตาม คำอย่างคำว่า ราชา หากนำไปสมาสกับคำอื่นแล้ว เช่น เป็นคำว่า มหาราชา เวลาที่จะแจกวิภัตติสำหรับการกใด ๆ ก็ตามที่ไม่ใช่ปฐมา ให้แจกเหมือนกับเป็นคำศัพท์ที่มีสระ อะ เป็นการันต์ตามปกติ
คำที่ฐานศัพท์มี สฺ เป็นการันต์
คำที่ฐานศัพท์มี สฺ เป็นการันต์.
คำเหล่านี้เช่น มโน (มนสฺ), อายุ (อายุสฺ)
คำอื่น ๆ ที่แจกเหมือนกับ มน (แต่เป็นเพศชายเท่านั้น) อีกเช่น อย (เหล็ก), อุร (อก), เจต (ใจ), ตป (ความร้อน), ตม (มืด), เตช (เดช), ปย (น้ำนม), ยส (ยศ), วจ (วาจา), วย (วัย), สิร (หัว)
ฯลฯ ศัพท์กลุ่มนี้เรียกว่า มโนคณะ เราจะสังเกตได้ว่าศัพท์กลุ่มนี้
เมื่อนำไปสมาสเข้ากับคำใดก็ตาม สระสุดท้ายของมันก็ยังเป็น "โอ" อยู่ได้ เช่น มโนคโณ
คำที่ฐานศัพท์มี รฺ เป็นการันต์
คำที่ฐานศัพท์มี รฺ เป็นการันต์.
คำเหล่านี้เช่น สตฺถา (สตฺถารฺ), ปิตา (ปิตารฺ), มาตา (มาตารฺ)
คำที่แจกเหมือนกับ สตฺถ เช่น กตฺตุ (ผู้ทำ), ญาตุ (ผู้รู้), ทาตุ (ผู้ให้), เนตุ (ผู้นำไป)
คำที่แจกเหมือนกับ ปิตุ เช่น ภาตุ (พี่ชาย), ชามาตุ (ลูกเขย)
คำที่แจกเหมือนกับ มาตุ เช่น ธีตุ (ลูกสาว)
คำที่ฐานศัพท์มี ตฺ หรือ นฺตฺ เป็นการันต์
คำที่ฐานศัพท์มี ตฺ หรือ นฺตฺ เป็นการันต์.
คำเหล่านี้มักจะเป็นคำประเภทคุณนาม (จะกล่าวถึงรายละเอียดในบทถัดไป) เช่นคำว่า ภวํ (ภวตฺ, ภวนฺตฺ), อรหํ (อรหตฺ, อรหนฺตฺ), ภควา (ภควตฺ, ภควนฺตฺ)
คำที่แจกเหมือนกับ ภควนฺตุ เช่น อายสฺมนฺตุ (ผู้มีอายุ), คุณวนฺตุ (ผู้มีคุณ), ธนวนฺตุ (ผู้มีทรัพย์)
คำที่สระการันต์เป็นสระประสม
คำที่สระการันต์เป็นสระประสม.
เท่าที่พบจะมีอยู่เพียงคำศัพท์เดียวคือคำว่า โค
สังเกตด้วยว่าคำว่า โค นี้ จะไม่สนใจเพศในการแจกวิภัตติ
สารบัญ
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary) | thaiwikibooks | 196,876 |
ภาษาบาลี/คุณนาม | คุณนามหรือคุณศัพท์คือคำที่จะนำมาประกอบกับนามนามเพื่อที่จะขยายความ บอกรายละเอียดของนามนั้น เช่น ใหญ่, เล็ก, ดี, ชั่ว ในภาษาบาลีคำที่เป็นคุณนามจะต้องมีวิภัตติที่เสมอกับนามนามที่มันขยายด้วยทุกประการ โดยการแจกวิภัตติคำคุณนามก็ให้ใช้วิธีการอย่างเดียวกันกับนามนาม
ตามปกติแล้วคุณนามมักจะวางไว้อยู่ข้างหน้านาม แต่บางครั้งถ้าคำคุณนามถูกนำไปใช้ในประโยคที่มันไม่ได้มีหน้าที่ขยายนามโดยตรง แต่เป็นส่วนขยายรายละเอียดของกริยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่มีกริยาแสดง ความมี ความเป็น เช่น โหติ ก็อาจจะเห็นมันอยู่หลังนาม
เราสามารถสร้างคำคุณนามขึ้นมาได้จากนามนามโดยการลงปัจจัย -วนฺตุ/-วนฺตฺ (สำหรับ อะ การันต์) หรือ -มนฺตุ/-มนฺตฺ (สำหรับ อิ, อุ การันต์) (แทนศัพท์ อตฺถิ; เป็นตทััััสสัตถิตัทธิต) ได้ เช่น พล เป็นนาม แปลว่า กำลัง พลวนฺตุ เป็นคำคุณนาม แปลว่า มีกำลัง และการแจกวิภัตติของคำคุณนามประเภทนี้จะเป็นไปตามแบบของคำที่มีเสียงพยัญชนะ ตฺ หรือ นฺตฺ เป็นการันต์ เหมือนกับการแจกวิภัตติของคำว่า ภควนฺตุ/ภควนฺตฺ ดังที่ได้กล่าวถึงในบทที่แล้ว
ระดับขั้น (Degree)
ระดับขั้น (Degree).
การบอกความมากน้อยของคุณนามมีอยู่สามขั้นคือ
ตัวอย่าง
ปณฺฑิต (paº¹ita) ความเป็นบัณฑิต
อติปณฺฑิต (atipaº¹ita) มีความเป็นบัณฑิตยิ่งกว่า
อติวิยปณฺฑิต (ativiyapaº¹ita) มีความเป็นบัณฑิตที่สุด
ปาป (p±pa) เป็นบาป
ปาปตร (p±patara) เป็นบาปยิ่งกว่า
ปาปตม (p±patama) เป็นบาปที่สุด
เมื่อเวลานำคุณนามไปขยายนาม ต้องทำให้มีวิภัตติเสมอกัน เช่น จะนำคำว่า ปณฺฑิต ไปขยายคำว่า ภิกฺขุ ซึ่งสมมติว่าในประโยคเป็นปฐมา เอกพจน์ คำว่า ปณฺฑิต ก็จะต้องผันเป็น ปณฺฑิโต (m. Sg. Nom. -a) จึงได้เป็นนามวลีว่า ปณฺฑิโต ภิกขุ หรือ ภิกษุผู้เป็นบัณฑิต
สังขยาหรือจำนวนนับ (Numerals)
สังขยาหรือจำนวนนับ (Numerals).
ปกติสังขยานอกจากจะใช้เป็นตัวบอกความขยายว่านามนั้นๆ มีจำนวนอยู่เท่าไหร่แล้ว คำปกติสังขยาตั้งแต่จำนวน 1-4 ยังสามารถนำมาใช้เป็นสัพพนามได้ด้วย (คล้ายกับการใช้คำว่า one เป็นสรรพนามในภาษาอังกฤษ)
ต่อไปนี้จะเป็นตารางแสดงให้เห็นวิธีการนับในภาษาบาลี เริ่มตั้งแต่ตัวเลข 1-10
เอก นั้นเมื่อเป็นคุณนาม จะเป็นได้แค่เอกพจน์เท่านั้น แต่ถ้านำมันไปใช้เป็นสัพพนาม อาจกลายเป็นพหูพจน์ก็ได้
ตัวเลขในกลุ่มนี้จะสามารถเป็นได้ทั้งสามเพศ ปรับไปตามแต่คำนามที่มันประกอบอยู่ เฉพาะสังขยา เอก (1), ติ (3), และ จตุ/จตุรฺ (4) ที่จะมีวิธีการแจกวิภัตติแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละเพศ ส่วนสังขยาอื่นจะมีวิธีแจกเหมือนกันหมดทุกเพศ ดังตารางต่อไปนี้
โดยตั้งแต่ ปฺญจ (5) เป็นต้นไป จะมีวิธีการแจกวิภัตติเหมือนกับ ปญฺจ ทั้งหมด
ต่อมา การนับเลขเกินสิบ ในภาษาบาลีจะนับเลขในหลักหน่วยก่อนหลักสิบ เช่น 15 ในภาษาไทยเรียก สิบ-ห้า แต่ในภาษาบาลีจะเรียก ห้า-สิบ และการนับเลขเกินสิบนี้ เมื่อนับไปจนถึงเลข 19 แล้ว ในภาษาไทยจะมองว่ามัน คือ"สิบบวกเข้าไปอีกเก้า" แต่ในภาษาบาลีจะมองว่า "มันขาดอีกหนึ่งจะถึงยี่สิบ" ดังนี้
ข้อสังเกตต่อมาก็คือ จากเดิมที่ตัวเลขเป็นได้ทั้งสามเพศและเป็นพหูพจน์ แต่เมื่อนับมาถึง วีส (20) โดยเริ่มตั้งแต่ เอกูนวีส (19) มันจะกลับกลายเป็นเพศหญิงเอกพจน์ และมีวิธีการแจกวิภัตติต่างจากเลขก่อนหน้านี้ ดังจะแสดงในตารางต่อไป นอกจากนี้แล้ว อีกรูปหนึ่งของ วีส คือ วีสติ ก็จะมีวิธีการแจกวิภัตติที่ต่างออกไปอีก ซึ่งคราวนี้ให้แจกวิภัตติตามแบบคำนามสระ อิ การันต์ (เพศหญิง เอกพจน์) ดังตารางต่อไปนี้
ตารางข้างบนแสดงตัวเลขตั้งแต่ 21-50 ซึ่งหลักการก็คล้ายๆ เดิมคือ ในเรื่องของการนับ ก็จะอ่านหลักหน่วยก่อนหลักสิบ และตรงเลขเก้านั้น ให้มองว่า ขาดอีกหนึ่งจะถึงสิบถัดไป ส่วนในเรื่องของการแจกวิภัตตินั้น ถ้าตัวเลขใดเป็น อะ การันต์ ก็ให้แจกเหมือนอย่าง เอกูนวีส (19) ส่วนตัวเลขใดเป็น อิ การันต์ ก็ให้แจกเหมือนอย่าง เอกูนวีสติ (19) ข้างต้น
ตัวเลขตั้งแต่ 59-68 นั้น สระการันต์จะเป็น อี จึงให้แจกวิภัตติแบบ อี การันต์ และตัวเลขตั้งแต่ 69-98 สระการันต์จะกลายเป็น อิ จึงแจกวิภัตติแบบ อิ การันต์ ตัวเลขหลังจากนั้นจะมีนิคคหิตเป็นการันต์ และเปลี่ยนเพศเป็นนปุงสกลิงค์ ให้แจกวิภัตติแบบ อะ การันต์ และจะกลับไปเป็นเพศหญิงอีกครั้งที่ โกฏิ เนื่องจากมี อิ เป็นการันต์
ส่วนเรื่องของพจน์นั้น ตั้งแต่ 100 ขึ้นไปอาจจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ คือถ้าเป็น หนึ่งร้อย, หนึ่งพัน, หนึ่งหมื่น ฯลฯ เหล่านี้จะเป็นเอกพจน์ แต่ถ้าเป็น สองร้อย, สองพัน, สองหมื่น ฯลฯ เหล่านี้จะเป็นพหูพจน์
ตัวอย่าง
พี่ชายสี่คน = จตฺตาโร ภาตโร (catt±ro bh±taro)
พี่สาวสี่คน = จตสฺโส ภคินิโย (catt±ri bhaginiyo)
ชนทั้งสามสิบห้า = ปญฺจตึสํ ชนา (pañcati½sa½ jan±)
การต่อเศษจำนวน
การต่อเศษจำนวน.
ให้นำเลขหลักน้อยไว้หน้า (เป็นตัวขยาย) และเลขหลักใหญ่ไว้หลัง (เป็นตัวหลัก) เรียงลำดับกันไป และใช้คำว่า อุตฺตร (กว่า) และ อธิก (เกิน) มาเชื่อม โดย อุตฺตร มักจะใช้ขยายความหลักร้อย และ อธิก ใช้ขยายความหลักพันขึ้นไป
ตัวอย่าง
การใช้คำว่าครึ่ง
การใช้คำว่าครึ่ง.
ในภาษาบาลีบางครั้งก็ใช้คำว่าครึ่งประกอบเข้าไปในการนับ คำว่าครึ่งในภาษาบาลีคือ อฑฺฒ เวลาใช้ให้นำไปขยายปูรณสังขยา หรือเลขอันดับ จะหมายถึง "อีกครึ่งหนึ่งของหน่วยนับในขณะนั้น ก็จะเท่ากับสังขยาที่มันขยายอยู่" และเมื่อมีการใช้คำว่าครึ่งนี้แล้ว พจน์จะกลายเป็นเอกพจน์เสมอ
ตัวอย่าง
150 = อีกครึ่ง(ร้อย)ก็สองร้อย (หรือร้อยที่สอง) = อฑฺเฒน ทุติยํ สตํ = อฑฺฒทุติยาสตํ หรือศัพท์เฉพาะ ทิยฑฺฒสตํ
250 = อีกครึ่ง(ร้อย)ก็สามร้อย (หรือร้อยที่สาม) = อฑฺเฒน ตติยํ สตํ = อฑฺฒตติยาสตํ หรือ อฑฺฒเตยฺยสตํ
3500 = อีกครึ่ง(พัน)ก็สี่พัน (หรือพันที่สี่) = อฑฺเฒน จตุตฺถํ สหสฺสํ = อฑฺฒจตุตฺถาสหสฺสํ หรือ อฑฺฒุฑฺฒสหสฺสํ
การประกอบสังขยากับคำนาม
การประกอบสังขยากับคำนาม.
ตามปกติแล้วสังขยาถือเป็นตัวขยาย (คุณนาม) จึงให้วางไว้หน้าคำนาม แต่สำหรับสังขยาตั้งแต่ ร้อย, พัน ขึ้นไป (ที่เราจะสังเกตเห็นว่ามันมีเพศเป็นกลาง)นั้น จะจัดเป็นนามนาม กลายเป็นว่า คำนามอื่นจะต้องมาวางไว้หน้าตัวเลข ร้อย, พัน เหล่านี้แทน แต่เพศ, พจน์ ของคำนามก็ยังเป็นแบบของมันเองอยู่ จะไม่เปลี่ยนตามสังขยาข้างหลังมัน
ตัวอย่าง
10 วัน = สิบ วัน = ทส ทิวสา
100 วัน = วัน จำนวนร้อย = ทิวสา สตํ
200 วัน = สองของ วัน จำนวนร้อย = เทฺว ทิวสา สตานิ, เทฺว ทิวสสตานิ
356 วัน = ห้าสิบหกเกินจาก สามของ วันจำนวนร้อย = ปญฺจสฏฺฐฺยาธิกานิ ตีณิ ทิวสสตานิ
2500 วัน = อีกครึ่งก็จะสามของ วัน จำนวนพัน = อฑฺฒเตยฺยํ ทิวสา สหสฺสํ, อฑฺฒเตยฺยํ ทิวสสหสฺสํ
หนังสือ 149 เล่มของเด็กชาย 16 คน = โสฬสนฺนํ กุมารานํ เอกูนปญฺญาสาธิกํ ปณฺณานํ สตํ
ปูรณสังขยาหรือเลขอันดับ (Ordinals)
ปูรณสังขยาหรือเลขอันดับ (Ordinals).
ปูรณสังขยาคือตัวบอกเลขอันดับ เช่น ที่หนึ่ง ที่สอง คำที่เป็นปูรณสังขยาจะเป็นเอกพจน์เสมอ แต่จะแบ่งเพศ และแจกวิภัตติตามการันต์ เหมือนนามนามตามปกติ ตารางต่อไปนี้แสดงตัวอย่างปูรณสังขยา
สำหรับอิตถีลิงค์ เอกาทสี (11th), จตุทฺทสี (14th), ปณฺณรสี (15th) เวลาแจกในปฐมาวิภัตติสามารถลงนิคคหิตอาคมได้ คือเป็น เอกาทสึ, จตุทฺทสึ, ปณฺณรสึ
สารบัญ
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary) | thaiwikibooks | 196,877 |
ภาษาบาลี/สัพนาม | สัพพนามคือคำที่ใช้เรียกแทนคำนาม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอ่ยคำนามนั้นซ้ำๆ หรือใช้เรียกสิ่งที่ไม่ได้ต้องการจะออกชื่ออย่างชัดเจน
สัพพนามแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
อย่างไรก็ตามในบางรูปประโยคของภาษาบาลี เมื่อนำ ต และ ย ศัพท์ มาใช้คู่กัน มันจะทำหน้าที่คล้ายกับเป็น นิยมสัพพนาม ได้
ปุริสสัพนาม (Personal Pronouns)
ตารางวิภัตติสำหรับ ต ศัพท์ (เขา) (1st Person)
ปุริสสัพนาม (Personal Pronouns).
ตารางวิภัตติสำหรับ ต ศัพท์ (เขา) (1st Person).
ตารางวิภัตติสำหรับ ตุมฺห/ตฺวํ ศัพท์ (เธอ) (2nd Person)
ตารางวิภัตติสำหรับ ตุมฺห/ตฺวํ ศัพท์ (เธอ) (2nd Person).
ตารางวิภัตติสำหรับ อมฺห/อหํ ศัพท์ (ฉัน) (3rd Person)
ตารางวิภัตติสำหรับ อมฺห/อหํ ศัพท์ (ฉัน) (3rd Person).
นิยมวิเสสนสัพพนาม (คุณนาม) (Demonstrative Pronouns)
ตารางวิภัตติสำหรับ อิม ศัพท์ (นี้)
นิยมวิเสสนสัพพนาม (คุณนาม) (Demonstrative Pronouns).
ตารางวิภัตติสำหรับ อิม ศัพท์ (นี้).
ตารางวิภัตติสำหรับ เอต ศัพท์ และ ต คุณนาม (นั้น)
ตารางวิภัตติสำหรับ เอต ศัพท์ และ ต คุณนาม (นั้น).
ตารางวิภัตติสำหรับ อมุ ศัพท์ (โน้น)
อนิยมวิเสสนสัพพนาม (คุณนาม) (Undemonstrative Pronouns)
ย ศัพท์ (ใด) (Relative Pronouns)
อนิยมวิเสสนสัพพนาม (คุณนาม) (Undemonstrative Pronouns).
ย ศัพท์ (ใด) (Relative Pronouns).
คือกลุ่มสรรพนามที่กล่าวอ้างนามที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นตัวใด
ศัพท์ต่อไปนี้ มีวิธีแจกวิภัตติเหมือนกันทั้งหมดได้แก่ ย (ใด), อญฺญ (อื่น), ปร (อื่น), เอก (หนึ่ง), อุภย (ทั้งสอง), สพฺพ (ทั้งปวง) ฯลฯ
นอกจากนี้แล้ว ในภาษาบาลีหากนำ ย กับ ต ศัพท์มาใช้คู่กัน จะได้ความหมายว่า "อันใด" กับ "อันนั้น" เช่น
โย ธมฺมมนุสาสติ โส อมตนฺทโท โหติ (ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ)
กิํ ศัพท์ (อะไร) (Interrogative Pronouns)
กิํ ศัพท์ (อะไร) (Interrogative Pronouns).
คือสรรพนามที่ใช้ในประโยคคำถาม
แต่ กิํ ศัพท์นี้ เมื่อนำเอา -จิ ปัจจัย มาต่อท้ายเข้าไปแล้ว จะได้ความหมายว่า "อันใดๆ" เช่น
หรือเมื่อนำ ย ศัพท์ มาใช้ประกอบกับ กิํ+-จิ ปัจจัย ด้วย ก็จะได้ความหมายว่า "อันใดอันหนึ่ง" เช่น
นอกจากนี้แล้ว การนำคำว่า กิํ เปล่าๆ มาไว้ข้างหน้าประโยคแล้วใช้เป็นนิบาต จะทำให้กลายเป็นประโยคคำถามประเภทตามให้ตอบ ใช่/ไม่ใช่ หรือถามสาเหตุก็ได้
สารบัญ
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary) | thaiwikibooks | 196,878 |
ภาษาบาลี/อาขยาต | ปัจจัยของธาตุ
ปัจจัยของธาตุ.
อนุปุพพิกถา
ตารางการแจกวิภัตติ (Conjugation Table)
คำศัพท์ที่มีวิธีการแจกเฉพาะตัว (Irregular Verbs)
สารบัญ
การสะกดและคำอ่าน
นามนาม (Nouns)
คุณนาม (Adjectives)
สัพนาม (Pronouns)
อาขยาตหรือคำกริยา (Verbs)
อัพยยศัพท์หรือศัพท์ที่ไม่ต้องผัน (Indeclinables)
การสร้างคำ
วากยสัมพันธ์ (Syntax)
คำศัพท์ (Vocabulary) | thaiwikibooks | 196,879 |