title
stringlengths
1
182
text
stringlengths
1
45.8M
source
stringclasses
5 values
__index_level_0__
int64
0
197k
ป้ายจราจรในประเทศไทย/ป้ายแนะนำ
ป้ายแนะนำ (Guide Signs) มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำให้ผู้ขับขี่ทราบถึงทิศทางและระยะทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเดินทางตลอดการใช้บริการทางหลวงนั้น ๆ ด้วย ป้ายแนะนำทั่วไป ป้ายแนะนำพื้นที่เฉพาะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์บริเวณทางแยกสัญญาณไฟจราจร (Bike Box) ป้ายแนะนำทั่วไปและป้ายแนะนำโครงการ (แบบมาตรฐานกรมทางหลวงชนบท) ป้ายชี้ทางไประบบขนส่งมวลชน ป้ายแสดงการบริการในจุดบริการทางหลวง ป้ายจราจรมาตรฐานสูง (แบบแขวนสูงชนิดคร่อมผิวจราจร) ป้ายแบ่งเขตควบคุม (แบบมาตรฐานกรมทางหลวง) ป้ายแนะนำทางเลี่ยงช่วงเทศกาล (แบบมาตรฐานกรมทางหลวง) ป้ายแจ้งข่าว (แบบมาตรฐานกรมทางหลวงชนบท) ป้ายหมายเลขทางหลวงตามประเภททางหลวง ป้ายกิโลเมตรลักษณะต่าง ๆ ป้ายหมายเลขทางออก ป้ายลูกศรระบุทิศทาง ป้ายชุดทางหลวงเปลี่ยนทิศทาง (Advance turn arrow signs/Route Turn Assemblies) ป้ายชุดระบุทิศทาง (Directional arrow signs) ป้ายแนะนำแหล่งท่องเที่ยว (แบบมาตรฐานกรมทางหลวงชนบท) สัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งธรรมชาติ สัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งโบราณสถานและศาสนสถาน สัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งกิจกรรม ป้ายรูปแบบเดิม
thaiwikibooks
196,380
ป้ายจราจรในประเทศไทย/แหล่งข้อมูลอื่น
แหล่งข้อมูลอื่น คู่มือการติดตั้งป้ายจราจร (กรมทางหลวง : มีนาคม 2561) คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร คู่มือมาตรฐานการออกแบบและติดตั้งป้ายจราจร คู่มือเครื่องหมายควบคุมการจราจรในงานก่อสร้าง  งานบูรณะ และงานบำรุงรักษาทางหลางแผ่นดิน คู่มือการติดตั้งป้ายจราจรและงานก่อสร้าง งานบูรณะ และงานบำรุงรักษาทางหลวงพิเศษ
thaiwikibooks
196,381
ป้ายจราจรในประเทศไทย/สัญญาอนุญาต
สัญญาอนุญาต สัญญาอนุญาต. ข้อความอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต CC-BY-SA 3.0 ของวิกิตำรา ภาพอนุญาตให้เผยแพร่ตามสัญญาอนุญาตที่กำกับไว้กับภาพที่อยู่บนคอมมอนส์ (บ้างเป็นสาธารณสมบัติในประเทศไทย บ้างเป็นสัญญาอนุญาตเสรีแบบอื่น) ผู้จัดทำ รวบรวมภาพโดย และ จัดรูปเล่มโดย
thaiwikibooks
196,382
French/คำศัพท์
เปลี่ยนทาง ภาษาฝรั่งเศส/คำศัพท์
thaiwikibooks
196,383
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/ชุดตัวอักษร
ภาษาฝรั่งเศสใช้พยัญชนะละติน (หรือพยัญชนะโรมัน) มีจำนวน 26 ตัว เดิมมี 25 ตัว โดยมีการเพิ่ม 'W' เข้ามาราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ระหว่างช่วงเปลี่ยนภาษาฝรั่งเศสเก่าเป็นภาษาฝรั่งเศสใหม่ มีการเพิ่มอักษร 'K' อักษรสองตัวนี้ใช้กับคำยืมภาษาต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ พยัญชนะฝรั่งเศสที่ใช้ทุกวันนี้มีอายุไม่ถึง 200 ปี อักษร 26 ตัวแบ่งเป็น พยัญชนะ (Consonnes) 20 ตัว: B C D F G H J K L M N P Q R S T V W X Z สระ (Voyelles) 6 ตัว: A E I O U Y อักษรและตัวอย่าง พยัญชนะท้าย พยัญชนะท้าย. ในภาษาฝรั่งเศสไม่ออกเสียงพยัญชนะบางตัวเมื่ออยู่ท้ายคำ โดยทั่วไปไม่ออกเสียง p (เช่นใน coup (เป่า, ช็อก) ), s (เช่นใน héros (วีรชน) ), t (เช่นใน chat (แมว) ), d (เช่นใน marchand (เจ้าของร้าน) ), และ x (เช่นใน paresseux (ขี้เกียจ) ) จะออกเสียงเมื่อมีอักษร e ต่อท้าย (coupe (ถ้วย จอก) , chatte (แมวเพศเมีย) , marchande (เจ้าของร้านเพศหญิง) ) พยัญชนะเสียงฟัน พยัญชนะเสียงฟัน. อักษร d, l, n, s, t และ z ออกเสียงโดยใช้ลิ้นแตะฟันบนและส่วนกลางลิ้นแตะเพดานปาก ในภาษาอังกฤษ อาจออกเสียงเหล่านี้โดยแตะปลายลิ้นกับเพดานปาก b และ p b และ p. เวลาออกเสียงอักษร b และ p ในภาษาฝรั่งเศส จะแทบไม่มีลมออกจากปาก ซึ่งต่างจากภาษาอังกฤษ q q. อักษร 'q' ตามด้วย 'u' เสมอ มีข้อยกเว้นสองคำ 'cinq' (ห้า) และ 'coq' (ไก่เพศผู้) r r. อักษร 'r' ตามด้วย 'e' โดยทั่วไปไม่ออกเสียง แต่ออกเสียงในคำที่มีพยางค์เดียว 'fer' (เหล็ก), 'mer' (ทะเล) และ 'hier' (เมื่อวาน) h ธนิตและไม่ธนิต h ธนิตและไม่ธนิต. อักษร h มีทั้งแบบธนิต (หรือเสียงหนัก) (h aspiré) และไม่ธนิต (h non aspiré) ขึ้นอยู่กับภาษาของคำที่ยืมมา ส่วนอักษร h ไม่ออกเสียงทั้งสองกรณี ตัวอย่างเช่น คำว่า héros มี h ธนิต เมื่อใส่ definite article (le, la, l', les) นำหน้า จะเป็น le héros ทั้งสองคำต้องแแยกเสียงแยกกัน ส่วนรูปหญิง héros, héroïne เป็น h ไม่ธนิต เมื่อเติม definite article จะได้ว่า l'héroïne และออกเสียงเป็นคำเดียว การบอกว่าคำใดเป็น h ธนิตหรือไม่ธนิตนั้นดูเอาจากพจนานุกรม หรือกล่าวได้ว่าต้องจำอย่างเดียว ตัวอย่าง สัญลักษณ์วรรคตอนในภาษาฝรั่งเศสคล้ายกันมากกับภาษาอังกฤษ มีเพียงเครื่องหมายอัญประกาศที่ใช้ guillemet แทนในตารางด้านบน ภาษาฝรั่งเศสเขียนมีเครื่องหมายลงน้ำหนักห้าประเภท ซึ่งหลายกรณีเปลี่ยนแปลงเสียงของอักษรที่เติมเข้าไป บ้างก็ไม่มีผลต่อการออกเสียง เครื่องหมายลงน้ำหนักในภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ระบุการเน้นเสียง (เพราะเน้นพยางค์ท้ายอยู่แล้ว) Acute accent ใช้บ่อยสุดในภาษาอังกฤษเขียน ใช้เฉพาะกับอักษร e และออกเสียง เสมอ à และ ù à และ ù. ใช้เพื่อแยกแยะคำ è è. è ไม่ได้ไว้ใช้แยกคำ แต่ใช้ออกเสียง e ออกเสียง /ə/ อะ หรือถ้าพูดเร็ว ๆ อาจไม่ออกเสียงเลย ส่วน è ออกเสียง เอ มักระบุถึงการละ s ในภาษาฝรั่งเศสเก่าตามหลังสระที่ใส่เครื่องหมายนี้ ตัวอย่งเช่น hospital --> hôpital แต่ hospitalité, maistre --> maître, gâteau จากภาษาฝรั่งเศสเก่า gastel, ê ออกเสียงเหมือน è: Fenestre --> fenêtre แต่ défenestrer, forest --> forêt แต่ forestier Circumflex accent อาจเคยมี closed-o (la Drôme (French department), un dôme... ô ออกเสียงเหมือน [o] โอ แต่ถ้าไม่มีจะออกเสียงเหมือน ออ Past participle ของ devoir (ต้อง), dû เขียน circumflex accent เพือแยกกับ article du ใช้เฉพาะกับอักษร c เพื่อสร้าง c อ่อน ทำให้เหมือนเสียง s
thaiwikibooks
196,384
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/คำทักทาย
เมื่อคุยกับคนรู้จักวัยเดียวกัน หรือกับเด็ก ใช้ Salut เป็นคำทักทาย นอกจากนี้ยังอาจจำว่ามีคู่เพศชาย/หญิง คู่ทักทายและคู่บอกลา เมื่อถามชื่ออย่างไม่เป็นทางการใช้ว่า Tu t'appelles comment ? (ตู ตาเปล กอมมัง) ปกติตอบโดยบอกชื่อเลยก็ได้ หรืออาจตอบด้วย je m'appelle (เชอ มาเปล) หมายถึง "ฉันชื่อ" (ความหมายตามอักษร "ฉันเรียกตัวเองว่า") บทโต้ตอบ: เพื่อนสองคน Olivier และ Luc กำลังสนทนากัน Ça va ? ใช้ถามว่าสบายดีไหม วิธีที่เป็นทางการกว่าคือ Comment allez-vous ? คุณตอบโดยใช้ ça va ซึ่งในที่นี้หมายถึง "ฉันสบายดี" คำกริยาวิเศษณ์ bien ใช้บอกว่า "ดี" มักใช้โดด ๆ หรือใช้เป็น Ça va bien. คำว่า bien นำหน้าโดยคำกริยาวิเศษณ์บางคำเพื่อระบุว่าคุณสบายดีระดับใด วลีทั่วไปได้แก่ assez bien หมายถึง "ค่อนข้างดี", très bien หมายถึง "ดีมาก", และ vraiment bien หมายถึง "ดีเลย" คำกริยาวิเศษณ์ mal ใช้บอกว่า "แย่" ทั่วไปเติม pas (ไม่) กับ mal เป็น pas mal ซึ่งหมายถึง "ไม่เลว" เพื่อให้สุภาพ คุณสามารุเติม merci หมายถึง "ขอบคุณ" ในคำตอบ เช่น très bien, merci
thaiwikibooks
196,385
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/พยัญชนะ
เปลี่ยนทาง ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/ชุดตัวอักษร
thaiwikibooks
196,386
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/พยัญชนะ · L'alphabet
เปลี่ยนทาง ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/ชุดตัวอักษร
thaiwikibooks
196,387
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/ชุดตัวอักษร · L'alphabet
เปลี่ยนทาง ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/ชุดตัวอักษร
thaiwikibooks
196,388
ภาษาฝรั่งเศส/บทเรียน/จำนวน
สังเกตว่า 21, 31, 41, 51, 61 และ 71 สามารถเติม et un ทั้งแบบมีหรือไม่มี hyphen ได้ นอกนั้นเพียงแค่เรียงเลขตามลำดับ (vingt-six, trente-trois ฯลฯ) โดยมี hyphen คั่น สำหรับ 100–199 เติม cent นำหน้าจำนวนหลักสิบ ซึ่งเป็นเช่นนี้จนถึง 1000 และกว่านั้น ผู้พูดภาษาฝรั่งเศสนอกประเทศฝรั่งเศสเรียกเลข 70 ถึง 99 โดยเติม -te ในทำนองเดียวกับ 30, 40, 50, 60 เช่น 70 septante (เซปทองต์), 90 nonante (นงน็องต์) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 80 เรียก huitante (อุยท็องต์), หรือ octante (อ็อกท็องต์)
thaiwikibooks
196,389
ภาษาอังกฤษ/ชุดตัวอักษร
ชุดตัวอักษรภาษาอังกฤษ (English Alphabet) ภาษาอังกฤษใช้ ประกอบด้วยอักษร 26 ตัว อักษร อักษร. อักษรตัวเล็กพัฒนามาจากอักษรตัวใหญ่รุ่นที่ดัดแปลงแล้ว ซึ่งใช้มาแต่โบราณ สระและพยัญชนะ สระและพยัญชนะ. ภาษาอังกฤษมีสระ 5 ตัว ได้แก่ a, e, i, o, u ("y" และ "w" ถือว่าเป็นกึ่งสระ (semi-vowel)) แต่รูปสระไม่ได้สอดคล้องกับจำนวนเสียงสระ ในภาษาอังกฤษมีเสียงสระประมาณ 14 เสียง ขึ้นอยู่กับสำเนียง อักษรอีก 21 ตัวที่เหลือเป็นพยัญชนะ b, c, d, f, g, h, j, k, l, m, n, p, q, r, s, t, v, w, x, y, z เชิงอรรถ ดูเพิ่ม (ในวิกิตำราภาษาอังกฤษ)
thaiwikibooks
196,390
ภาษาอังกฤษ/การออกเสียง
บทนี้ว่าด้วยการออกเสียงในภาษาอังกฤษ ในภาษาอังกฤษมีหน่วยเสียงบางหน่วยที่ไม่มีในภาษาไทย เช่น , , , ซึ่งผู้เรียนควรฝึกฝนเพื่อให้สื่อสารกับเจ้าของภาษาได้เข้าใจ ในหน้านี้มีการใช้สัญลักษณ์ของสัทอักษรสากล (International Phonetic Alphabet) ซึ่งสามารถใช้เทียบกับพจนานุกรมภาษาอังกฤษได้ในกรณีส่วนใหญ่ (ไม่ทุกกรณี) พยัญชนะ พยัญชนะ. สัญลักษณ์ที่ใช้กับพยัญชนะปรากฏในตารางด้านล่าง หากสัญลักษณ์มาเป็นคู่ ฝั่งซ้ายมือจะไม่ออกเสียง และออกเสียงฝั่งขวามือ หมายเหตุ แม้ว่าเสียง และ จะเทียบได้กับพยัญชนะ "ช" เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ เป็นเสียงที่ลากยาว (คล้ายเสียงที่ทำเวลาบอกให้ผู้อื่นเงียบ) ส่วน เป็นการพ่นลมออกมาครั้งเดียว สระ สำเนียงบริติชมาตรฐาน (Received Pronunciation) Full vowels Reduced vowels สระ. สำเนียงบริติชมาตรฐาน (Received Pronunciation). Reduced vowels. Reduced vowels ปรากฏในพยางค์ไม่เน้น : อิ : เออร์ : เอิล : อึน : อึม สำเนียงอเมริกันมาตรฐาน (General American) Full vowels หมายเหตุ Reduced vowels : อิ (อเมริกันจำนวนมากใช้รวมกับเสียง ) : อะ : เออร์ : เอิล : อึน : อึม อ้างอิง
thaiwikibooks
196,391
ภาษาอังกฤษ/ดัชนี/Irregular verbs
Irregular verb หมายถึง คำกริยาที่เปลี่ยนรูป past simple และ past participle ส่วนกริยาส่วนใหญ่เติม -d หรือ "-ed' ไว้ท้ายคำ การจำ irregular verbs: เรียนแบบเข้าใจ จดรายการ อ่านออกเสียงดัง ๆ (ไม่ควรอ่านในใจ) ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง เช่น เรียนวันละคำ เรียนรู้เป็นกลุ่ม ๆ ทดสอบตัวเอง รู้วิธีใช้ irregular verbs: เขียนประโยคตัวอย่างของตนเอง สะสมตัวอย่างการใช้กริยา เช่น ตามหนังสือ นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ ใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ รายการ ทรัพยากรภายนอก ในวิกิพจนานุกรมภาษาอังกฤษ
thaiwikibooks
196,392
ภาษาอังกฤษ/Irregular verbs
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ดัชนี/Irregular verbs
thaiwikibooks
196,393
ภาษาอังกฤษ/คำศัพท์/คำทักทาย
บทนี้ว่าด้วยคำทักทายและสำนวน (Greetings and Expressions) ที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ เชิงอรรถ ดูเพิ่ม บทว่าด้วย "วันที่และเวลา"
thaiwikibooks
196,394
ภาษาอังกฤษ/คำศัพท์/จำนวน
บทนี้ว่าด้วยจำนวน (Numbers) จำนวนเชิงการนับ (Ordinal numbers) จำนวนนับเชิงอันดับที่ (Cardinal numbers) จำนวนนับเชิงอันดับที่ (Cardinal numbers). การเขียนรูปย่อเขียนโดยใช้เลขนั้นตามด้วยอักษรสองตัวท้าย (st, nd, rd หรือ th) เช่น eleventh ย่อเป็น 11th, twenty-first ย่อเป็น 21st, thirty-third ย่อเป็น 33rd จำนวนเชิงอันดับที่ที่ใหญ่กว่านี้มักไม่ค่อยพบเขียนรูปเต็ม พบเฉพาะรูปย่อ คำบอกปริมาณ คำบอกปริมาณ. คำบอกปริมาณเป็นจำนวน การบอกปริมาณเป็นเศษส่วน ใช้คำสองคำเพื่อบอกเศษและส่วน เศษใช้จำนวนเชิงการนับ และส่วนใช้จำนวนเชิงอันดับที่ เช่น formula_1 one-third, a third formula_2 two-fifths เชิงอรรถ
thaiwikibooks
196,395
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/คำนาม
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำนาม
thaiwikibooks
196,396
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/คำสรรพนาม
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำสรรพนาม
thaiwikibooks
196,397
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/คำกริยา
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำกริยา
thaiwikibooks
196,398
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/คำคุณศัพท์
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำคุณศัพท์
thaiwikibooks
196,399
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ
บทนี้ว่าด้วยหน้าที่ของคำ (Parts of Speech) ในภาษาอังกฤษ สารบัญ สารบัญ.
thaiwikibooks
196,400
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำนำหน้านาม
คำนำหน้านาม (article) ในภาษาอังกฤษ ได้แก่ a, an และ the เติมหน้านามเพื่อแสดงถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือบอกกลุ่มหรือชนิดของสิ่งหนึ่ง คำนำหน้านามแบ่งได้เป็น definite (the) และ indefinite articles (a, an) Definite articles การใช้บ่อยที่สุดคือการใช้หมายความถึงสิ่งที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว หรือใช้กับสิ่งที่กล่าวถึงไปแล้วในข้อความ เช่น "The Sun", "the school" (โรงเรียนที่ผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่าหมายถึงที่ใด อาจเป็นโรงเรียนที่กำลังเรียนหรือทำงานอยู่ หรือโรงเรียนแห่งเดียวในละแวกนี้) "By and by a giant came out of the dark north, and lay down on the ice near Audhumla... The giant frowned when he saw the glitter of the golden hair.—Heroes Of Asgard. ใช้นำหน้าชื่อแม่น้ำ (แล้วละคำว่า river) เช่น the Nile (= Nile river) ใช้แทนประพันธสรรพนาม (possessive pronouns) เช่น "The mouth, and the region of the mouth, were about the strongest features in Wordsworth's face."—De Quincey The mouth = Wordsworth's mouth ใช้กับนามนามธรรมที่เป็นพหูพจน์ ทำให้มีลักษณะเป็นสามานยนามขึ้นมา เช่น the authorities อาจใช้กับการยกหนึ่งสิ่งเป็นตัวแทนของทั้งหมด เช่น "In the sands of Africa and Arabia the camel is a sacred and precious gift."—Gibbon. Definite articles สามารถใช้เปลี่ยนคำกริยาหรือคุณศัพท์เป็นคำนามได้ ดูในบท "คำนาม" สามารถใช้เป็นคำวิเศษณ์ได้ ดูในบท "คำวิเศษณ์" Indefinite articles การใช้บ่อยที่สุดเพื่อระบุถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากกลุ่มวัตถุโดยไม่เจาะจง เช่น Near the churchyard gate stands a poor-box, fastened to a post by iron bands and secured by a padlock, with a sloping wooden roof to keep off the rain.—Longfellow ใช้แทนคำคุณศัพท์ โดยมีความหมายว่า "หนึ่ง" (one), "แต่ละ" (each), และ "ทุก" (every) ใช้นำหน้าวิสามานยามเพื่อขยายขอบเขตความหมาย เช่น "a Caesar" (ซีซาร์เป็นชื่อสกุลแม่ทัพและรัฐบุรุษโรมัน a Caesar หมายความถึงคนในวงศ์ตระกูลของซีซาร์ที่ไม่เจาะจงผู้ใด) ใช้นำหน้านามนามธรรม เป็นการจำกัดสิ่งนั้นให้เหลือเพียงตัวอย่างเดียวที่มีคุณสมบัติของสิ่งนั้น เช่น The simple perception of natural forms is a delight.—Emerson (กล่าวถึงสิ่ง ๆ เดียวที่ทำให้ยินดี และส่อความว่าสิ่งอื่นก็ทำให้ยินดีเช่นเดียวกัน) ใช้กับ such, many, และ what และอาจมีหน้าที่ร่วมขยายนามด้วย เช่น How was I to pay such a debt?—Thackeray. ใช้เติมหน้าคำคุณศัพท์ให้เป็นคำนาม ดูในบท "คำนาม" Not กับ never ที่ใช้กับ a หรือ an จะเป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวน แทนคำวิเศษณ์ตามปกติ เช่น Not a drum was heard, not a funeral note.—Wolfe คำคุณศัพท์ few กับ little มีความหมายเชิงลบว่า not much, not many แต่เมื่อเติม a จะกลายเป็นมีความหมายเชิงบวกว่า some เชิงอรรถ อ้างอิง ข้อความบางส่วนในหน้านี้ นำมาจากตำรา An English Grammar by W. M. Baskervill and J. W. Sewell, 1895. ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
thaiwikibooks
196,401
ภาษาอังกฤษ/คำศัพท์/วันที่และเวลา
บทนี้ว่าด้วยคำศัพท์เกี่ยวกับวันที่และเวลา (Dates and Times) วันในสัปดาห์ (Days of the Week) เดือน (Months) ปี ปี. การบอกปีให้แบ่งเลขออกเป็นสองชุด ชุดแรกประกอบด้วยเลขสองตัวหน้า และอีกชุดประกอบด้วยอีกสองตัวที่เหลือ เช่น 2020 Twenty twenty หรือ two thousand twenty 1969 Nineteen sixty-nine การถามและตอบวันที่ การถามและตอบวันที่. การเขียนวันเดือนปี อาจมีสองวิธี แบบบริติช เช่น 6 June 2020 แบบอเมริกัน เช่น June 6, 2020 [เรียงเดือนขึ้นก่อนวัน แล้วตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) แล้วตามด้วยปี] เวลาและช่วงของวัน การถามและบอกเวลา It's eight o' clock. It's eight o' clock in the morning. เวลา 8 โมงเช้า การถามและบอกเวลา. สังเกตว่าเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมงไป การบอกเวลาแบบหน้าปัดจะเปลี่ยนจาก past (พ้น, เลย) มาเป็น to (ถึง) แทน และจะบอกเวลาโดยบอกจำนวนนาทีที่เหลือก่อนถึงชั่วโมงถัดไป สำหรับคำว่า quarter (หนึ่งในสี่) หรือ half (ครึ่ง) เกิดขึ้นจากการแบ่งนาฬิกาออกเป็นสี่ส่วนเท่ากัน เมื่อเวลาผ่านไป 15 นาทีหรือ 30 นาทีจึงใช้คำดังกล่าวได้ตามลำดับ เชิงอรรถ
thaiwikibooks
196,402
ภาษาอังกฤษ/คำศัพท์/Irregular verbs
เปลี่ยนทาง ภาษาอังกฤษ/ดัชนี/Irregular verbs
thaiwikibooks
196,403
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/Verbals
Verbals หมายถึง คำที่แสดงการกระทำแบบทั่วไป โดยไม่จำกัดการกระทำว่าเกิดในเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือว่าเป็นของประธานใด Verbals อาจเป็น participles, infinitives, หรือ gerunds Participles Participles. Participles เป็น adjectival verbals (คุณศัพท์) คือ เป็นคำขยายคำนามโดยแสดงการกระทำที่เชื่อมโยงกับนามนั้น หรือแสดงการกระทำ และขยายนามโดยตรง ทำหน้าที่เสมือนคำคุณศัพท์ ตัวอย่างเช่น จากประโยคตัวอย่าง wounded และ avowed เป็น participles ซึ่งใช้ในหน้าที่คุณศัพท์เหมือนกับ bloodthirsty Participles อาจเป็น active หรือ passive, incomplete (หรือ imperfect), complete (perfect หรือ past), และ perfect definite Participles ด้วยตัวมันเองไม่มี tense แต่จะเปลี่ยนแปลงตามคำกริยาที่ไปร่วม ตัวอย่างเช่น ประโยคข้างต้น fulfilling อยู่ใน past tense ตามกริยาของประโยค (walked) Infinitives Infinitives. Infinitives ใช้แสดงการกระทำที่ไม่เชื่อมโยงกับประธาน Infinitives มี to นำหน้าด้วย (เช่น to be, to choose) แต่ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้ ("infinitive without to") หลังกริยาช่วย shall, will (ร่วมกับ should และ would) หลังกริยา may (might), can (could), must; รวมทั้ง let, make, do (กรณีใช้เน้นการกระทำ เช่น I do go), see, bid (คำสั่ง), feel, hear, watch, please; บางครั้งรวม need (เช่น "He need not go") และ dare (หมายถึงท้าทาย) หลังกริยา had ในการใช้เชิงสำนวน (เช่น had better, had rather ฯลฯ) เช่น "You had better go." (คุณควรไปได้แล้ว), "He had rather walk than ride." (เขาน่าจะวิ่งแทนขี่ม้า) ในประโยคอุทาน เช่นในตัวอย่าง "He find pleasure in doing good!" cried Sir William.—Goldsmith. นอกจากนี้ do ยังอาจถือเป็นกริยาช่วยในประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ และประโยคนเน้นในปัจจุบันและอดีต เช่นเดียวกับ imperative เช่น บางที infinitives มีความหมายเป็น passive แม้ตัวมันอยู่ในรูป active ตัวอย่างเช่น Gerunds Gerunds. Gerund มีรูปเหมือนกับ participles แต่ใช้เหมือนคำนาม; gerund อาจเรียกได้ว่าเป็น noun verbal ในทำนองเดียวกับที่ participles เรียกว่าเป็น adjectival verbal Gerund แสดงการกระทำ และมีคุณลักษณะหลายประการของคำนาม อาจถือเป็นคำนาม อาจเป็นประธานของกริยา หรือวัตถุของกริยาหรือบุพบท อาจตามหลังคำนำหน้านาม และมักมีคำขยายด้วยประพันธนามหรือสรรพนาม ทั้งนี้ ต่างจาก participle ตรงที่ใช้เป็นคำนามเสมอ ไม่ได้ใช้ขยายคำนาม และต่างจาก verbal noun ตรงที่มีคุณสมบัติกำหนดไวยากรณ์ของคำนาม และใช้แสดงการกระทำได้ (ส่วน verbal noun เป็นเพียงชื่อเรียก) การใช้ gerund เป็นประธานของประโยค เช่น "Certainly dueling is bad, and has been put down." เป็นกรรมของประโยค เช่น "Nobody cares for planting the poor fungus." การกำหนดไวยากรณ์ (governing) และถูกกำหนดไวยากรณ์ (governed) เช่น "He could not help holding out his hand in return." อ้างอิง ข้อความบางส่วนในหน้านี้ นำมาจากตำรา An English Grammar by W. M. Baskervill and J. W. Sewell, 1895. ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
thaiwikibooks
196,404
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำวิเศษณ์
คำวิเศษณ์ (adverb) เป็นคำขยายกริยา คุณศัพท์ นามหรือสรรพนาม หรือคำวิเศษณ์อื่น หรือแม้แต่อนุประโยคและประโยค Adverb ในภาษาอังกฤษ หมายถึง ร่วมกับกริยา (joined to a verb) คำวิเศษณ์แบ่งประเภทตามการใช้ได้เป็น Simple adverb ใช้ขยายคำอื่นอย่างเดียว ใช้ในประโยคคำภาม Conjunctive adverbs ใช้เชื่อมประโยค เช่น การจำแนกตามความหมาย การจำแนกตามความหมาย. จำแนกคำวิเศษณ์ตามความหมายได้ 6 ชนิด บอกเวลา เช่น now, today, ever, lately, before เป็นต้น บอกสถานที่ เช่น here, there, where, near, above เป็นต้น บอกอาการของกริยา เช่น well, slowly, better, bravely, beautifully เป็นต้น จัดเป็นคำวิเศษณ์กลุ่มใหญ่ บอกจำนวน หรือบอกจำนวนครั้ง เช่น once, twice, singly, two by two เป็นต้น บอกระดับ หรือปริมาณ เช่น little, slightly, too, partly, enough, greatly, much, very, just เป็นต้น บอกการประเมิน คือ ความเชื่อหรือไม่เชื่อในถ้อยแถลงของผู้ส่งสาร เช่น perhaps, maybe, surely, possibly, probably, not เป็นต้น Such ใช้เทียบเท่ากับ so; such นำหน้าคำคุณศัพท์พร้อมคำนาม ส่วน so นำหน้าเฉพาะคำคุณศัพท์ การใช้ในประโยคคำถาม การใช้ในประโยคคำถาม. คำวิเศษณ์สามารถใช้ในประโยคคำถามทั้งประโยคคำถามโดยตรงหรือโดยอ้อม (ระวังสับสนกับปฤจฉาสรรพนาม) การเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบ. คำคุณศัพท์สามารถใช้เปรียบเทียบได้ เช่นเดียวกับคำวิเศษณ์ การเปรียบเทียบมี 2 ขั้น (degree) คือ ขั้นกว่า (comparative) และขั้นสุด (superlative) คำคุณศัพท์พยางค์เดียวส่วนมากเติม -er และ -est เพื่อสร้างขั้นกว่าและขั้นสุด เช่น high, higher, highest; soon, sooner, soonest. คำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย -ly ปกติเติม more และ most ด้านหน้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฎตายตัว อ้างอิง ข้อความบางส่วนในหน้านี้ นำมาจากตำรา An English Grammar by W. M. Baskervill and J. W. Sewell, 1895. ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
thaiwikibooks
196,405
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำบุพบท สันธาน และอุทาน
บทนี้ว่าด้วยคำบุพบท สันธาน และอุทาน ในภาษาอังกฤษ คำบุพบท คำบุพบท. คำบุพบท (prepositions) เป็นคำที่เชื่อมกับนามหรือคำที่เทียบเท่านามเพื่อเป็นคำบอกคุณภาพหรือใช้เหมือนคำวิเศษณ์ และเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุกับคำที่ไปขยาย วัตถุของบุพบท วัตถุของบุพบท. คำบุพบทอาจมีสิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุ คำนาม คำสรรพนาม เช่น "With whom I traverse earth." คำคุณศัพท์ เช่น "On high the winds lift up their voices." คำวิเศษณ์ เช่น "If I live wholly from within." วลี เช่น "Everything came to her from on high" Inifinitives เช่น "The queen now scarce spoke to him save to convey some necessary command for her service." Gerunds เช่น "He is not content with shining on great occasions." อนุประโยค เช่น "Each soldier eye shall brightly turn To where thy sky-born glories burn." หลังประพันธ์สรรนาม พบได้บ่อย เช่น "It's the man that I spoke to you about" said Mr. Pickwick.—Dickens. หลังคำวิเศษณ์ คุณศัพท์หรือสรรพนามที่ใช้ถาม ก็พบได้บ่อย เช่น What is the little one thinking about?—J. G. Holland. ใช้กับ infinitives เช่น A proper quarrel for a Crusader to do battle in.—Scott. ตามหลังคำนาม ซึ่งมักพบว่าบุพบทนำหน้าวัตถุนั้น เช่น Forever panting and forever young, All breathing human passion far above. —Keats. ในที่นี้ by และ from เป็นคำเชื่อม แต่ยังแสดงความสัมพันธ์เชิงความความคิดด้วย by แสดงถึงวิธีการหรือตัวการ ส่วน from แสดงความสัมพันธ์แบบแยกออกจากกัน กรณีวัตถุของบุพบทเป็นคำนามหรือคำสรรพนาม คำนั้นมักอยู่ในรูปกรรม (objective) เช่น "Upon them with the lance." สำหรับสำนวน double possessive วัตถุที่ตามหลัง of เป็นรูปสัมพันธการก เช่น ส่วนคำบุพบท but และ save (ถ้าเป็นคำบุพบทจะแปลว่า "ยกเว้น") ใช้กับสรรพนามรูปประธาน เช่น การใช้คำบุพบท ตามหลังคำกริยา และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกริยานั้น ซึ่งอาจต้องพิจารณาดูว่าบุพบทนั้นเป็นของกริยาหรือมีหน้าที่แบบบุพบทแยกต่างหาก เช่น (A) "He broke a pane from the window." (B) "He broke into the bank." ในประโยค (A) broke เป็นภาคแสดง (predicate) และ from เป็นบุพบทโดยมี window เป็นวัตถุของบุพบท ไปขยาย a pane ในประโยค (B) broke into เป็นภาคแสดง และ bank เป็นวัตถุของกริยา เป็นคำแสดงความสัมพันธ์ (relation words) เป็นการเชื่อมวลี ซึ่งเป็นการใช้มากที่สุด ประเภทของบุพบท บอกสถานที่ บอกสถานที่: about, above, across, amid (amidst), among (amongst), at, athwart, below, beneath, beside, between (betwixt), beyond, in, on, over, under (underneath), upon, round (around), without. บอกสถานที่ที่จะไป: into, unto, up, through, throughout, to, towards. บอกสถานที่ที่จากมา: down, from (away from, down from, from out, etc.), off, out of. บอกเวลา ได้แก่ after, during, pending, till หรือ until (สังเกตว่าบุพบทบอกสถานที่สามารถใช้บอกเวลาได้โดยใช้คู่กับคำที่บอกเวลา เช่น at, between, by, about, on, within) บอกข้อยกเว้นหรือการแบ่งแยก เช่น besides, but, except, save, without (participle excepting ก็ใช้ในลักษณะบุพบทยกเว้นด้วย) คำสันธาน คำสันธาน. การใช้คำสันธาน เชื่อมคำ เช่น "It is the very necessity and condition of existence." เชื่อมกลุ่มคำ เช่น "Hitherto the two systems have existed in different States, but side by side within the American Union." เชื่อมประโยค เช่น "Unanimity in this case can mean only a very large majority. But even unanimity itself is far from indicating the voice of God." เชื่อมกลุ่มประโยค มักใช้คำว่า but, however, hence, nor, then, therefore Coordinate conjunctions เป็นการเชื่อมคำ กลุ่มคำหรือประโยคที่มีระดับเท่ากัน Subordinate conjunctions เป็นการเชื่อมอนุประโยคไม่สมบูรณ์กับประโยคหลักหรืออนุประโยคสมบูรณ์ Coordinate conjunctions Copulative เป็นการเชื่อมคำหรือประโยคที่มีใจความไปในทิศทางเดียวกัน เช่น and, also, as well as, moreover Adversative เป็นการเชื่อมคำหรือประโยคที่มีใจความตรงข้าม เช่น but, yet, still, however, while, only Causal เป็นการเชื่อมสาเหตุหรือเหตุผล เช่น because, for, therefore, hence, then Alternative เป็นการเชื่อมตัวเลือก เช่น or, either, else, nor, neither, whether Coordinate conjunctions. ประโยคข้างต้นประกอบด้วยประโยคสองประโยค ได้แก่ He began to doubt whether he [was] not bewitched. และ He began to doubt whether the world around him [was] not bewitched. Subordinate conjunctions Subordinate conjunctions. Subordinate conjunctions เป็นคำที่ใช้โดยมีความหมายดังต่อไปนี้ บอกสถานที่ เช่น where, wherever เป็นต้น บอกเวลา เช่น when, before, after, since, as, until, whenever, while เป็นต้น บอกลักษณะกริยา เช่น how, as, however บอกสาเหตุหรือเหตุผล เช่น because, since, as, now, whereas, that, seeing เป็นต้น บอกการเปรียบเทียบ ได้แก่ than และ as. บอกความมุ่งหมาย ได้แก่ that, so, so that, in order that, lest, so...as บอกผลลัพธ์ ได้แก่ that, so that บอกเงื่อนไขหรือข้อยกเว้น เช่น if, unless, so, except, though, although; even if, provided, provided that, in case, on condition that เป็นต้น บอกสาระ ได้แก่ that, whether (รวม if ในบางบริบท) ใช้เพื่อเปิดอนุประโยคนามที่ใช้เป็นประธาน วัตถุ หรือวางข้างกัน (in apposition) เป็นต้น ประโยคข้างต้น the treasure is เป็นอนุประโยคไม่สมบูรณ์ และเป็นส่วนเติมเต็มของ There will the heart be โดยมี where เชื่อมสองประโยค As if และ as though มักใช้เป็นคำสันธานเชื่อมบอกอาการของกริยา และแท้จริงแล้วมีการละคำระหว่างสองคำนี้ เช่น ประโยคข้างต้นอาจวิเคราะห์ได้เป็น "sounds sweet as [the sound would be] if a sister's voice reproved" ในกรณีนี้ เป็นการแสดงระดับ (degree) หากเขียนแยกกัน คำอุทาน คำอุทาน. คำอุทาน (Interjections) เป็นเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ บ้างเป็นการเลียนเสียง เช่น tut! buzz! คำอุทานอื่น เช่น oh! ah! alas! pshaw! hurrah! อย่างไรก็ดี คำชนิดอื่นก็อาจใช้เป็นคำอุทานได้ แต่ยังถือเป็นคำในหน้าที่เดิมของมัน กล่าวคือ นาม กริยา คุณศัพท์ หรือวิเศษณ์ เช่น Halt! Up! Impossible! อ้างอิง ข้อความบางส่วนในหน้านี้ นำมาจากตำรา An English Grammar by W. M. Baskervill and J. W. Sewell, 1895. ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
thaiwikibooks
196,406
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/หน้าที่ของคำ/คำบุพบทจิปาถะ
บทนี้ว่าด้วยคำบุพบทจิปาถะ ประกอบด้วย against, about, at, for, of, on (upon), to, with Against Against. Against สื่อความหมายตรงข้าม บ้างใช้บอกสถานที่ แต่บ้างก็ใช้บอกเวลาได้ ตัวอย่างเช่น About About. About รวมทั้ง participial prepositions concerning, respecting, regarding มีความหมายว่า "เกี่ยวกับ" At At. At มีความหมายโดยทั่วไปว่า ใกล้ (near, close to) เมื่อตามหลังคำที่ใช้บอกสถานที่ หรือ มุ่งหน้าสู่ (toward) เมื่อตามหลังอาการเคลื่อนไหว การใช้หลักมีดังนี้ บอกสถานที่ เช่น They who heard it listened with a curling horror at the heart.—J. F. Cooper. บอกเวลา เช่น He wished to attack at daybreak.—Parkman. บอกทิศทาง เช่น The mother stood looking wildly down at the unseemly object.—Cooper. บอกแหล่งที่มาหรือสาเหตุ เช่น I felt my heart chill at the dismal sound.—T. W. Knox. วลีสำนวน เช่น at last, at length, at any rate, at the best, at the worst, at least, at most, at first, at once, at all, at one, at naught, at random ฯลฯ และวลีที่บอกสภาวะ เช่น at work, at play, at peace, at war, at rest ฯลฯ By ความหมายทั่วไปของสถานที่ เช่น Richard was standing by the window.—Aldrich. บอกเวลา เช่น But by this time the bell of Old Alloway began tolling.—B. Taylor ความหมายว่าเมื่อถึงเวลา บอกตัวการหรือวิธีการ เช่น At St. Helena, the first port made by the ship, he stopped. —Parton. วัดระดับของความต่างในการเปรียบเทียบ เช่น He was taller by almost the breadth of my nail.—Swift. ใช้ในการทำสัตย์สาบาน เช่น By my faith, that is a very plump hand for a man of eighty-four!—Parton. For บอกทิศทางการเคลื่อนที่ที่มุ่งเข้า หรือบอกการกระทำเพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย เช่น Pioneers who were opening the way for the march of the nation.—Cooper. She saw the boat headed for her.—Warner. ใช้ในความหมายเห็นชอบ (in favor of), เพื่อประโยชน์ (for the benefit of), ในนามของ (in behalf of) เช่น The people were then against us; they are now for us.—W. L. Garrison. บอกระยะเวลา หรือขอบเขตของปริภูมิ เช่น For a long time the disreputable element outshone the virtuous.—H. H. Bancroft. He could overlook all the country for many a mile of rich woodland.—Irving. การแทนที่หรือการแลกเปลี่ยน เช่น There are gains for all our losses.—Stoddard. Thus did the Spaniards make bloody atonement for the butchery of Fort Caroline.—Parkman. ใช้ในความหมายเกี่ยวกับหรือสำหรับ (with regard to, as to, respecting ฯลฯ) เช่น For the rest, the Colonna motto would fit you best.—Emerson. มักใช้กับ as เช่น as for me ใช้ในความหมายว่าในลักษณะของ (in the character of) หรือเนื่องจาก (as being) เช่น "I shall own you for a man of skill indeed!" —Hawthorne. Wavering whether he should put his son to death for an unnatural monster.—Lamb. Concessions: หมายถึงแม้ว่า (although) หรือเพราะว่า (considering that) เช่น By my faith, that is a very plump hand for a man of eighty-four!—Parton. บอกการเคลื่อนที่ สาเหตุ การยุยงให้กระทำ An Arab woman, but a few sunsets since, ate her child, for famine.—Id. For ที่มีวัตถุนำหน้า infinitive และมีความหมายเดียวกับนามวลี เช่น It is by no means necessary that he should devote his whole school existence to physical science; nay, more, it is not necessary for him to give up more than a moderate share of his time to such studies.—Huxley. ในประโยคตัวอย่าง to give up เป็น infinitive และ he gives up more than a moderate share of his time to such studies เป็นนามวลี หมายเหตุ: จากประโยคตัวอย่าง that he should devote his whole school existence to physical science เป็นนามวลีอีกตำแหน่งหนึ่ง Of บอกแหล่งกำเนิดหรือที่มา เช่น Thomas à Becket was born of reputable parents in the city of London.—Hume. บอกการแบ่งแยก หลังกริยาบางคำ เช่น ease, demand, rob, divest, free, clear, purge, disarm, deprive, relieve, cure, rid, beg, ask ฯลฯ ตัวอย่างเช่น Two old Indians cleared the spot of brambles, weeds, and grass.—Parkman. หลังคำคุณศัพท์บางคำ เช่น clear of, free of, wide of, bare of, north of ฯลฯ ตัวอย่างเช่น Back of that tree, he had raised a little Gothic chapel. —Gavarre. หลังนามเพื่อแสดงถึงความขาดแคลน เช่น A singular want of all human relation.—Higginson. แสดงระยะห่าง เช่น Within a few yards of the young man's hiding place.—Id. ใช้บอกวัสดุ มักใช้กับ out (เป็น out of) เช่น White shirt with diamond studs, or breastpin of native gold.—Bancroft. ใช้แสดงสาเหตุ เหตุผลหรือแรงจูงใจ เช่น The author died of a fit of apoplexy.—Boswell. ใช้แสดงตัวการ เช่น He is away of his own free will.—Dickens ใช้แจกแจง (partitive) ระบุส่วนหนึ่งของจำนวนหรือปริมาณทั้งหมด เช่น He washed out some of the dirt, separating thereby as much of the dust as a ten-cent piece would hold.—Bancroft. ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ (possessive) เมื่ออยู่กับวัตถุ หรือใช้ร่วมกับสัมพันธการก (possessive case) เพื่อเป็น double possessive เช่น Not even woman's love, and the dignity of a queen, could give shelter from his contumely.—W. E. Channing. ใช้วางข้าง (apposition) แบ่งเป็น นาม เช่น The fair city of Mexico.—Prescott. นามและ gerund ซึ่งเทียบเท่ากับ infinitive เช่น In the vain hope of appeasing the savages.—Cooper. (= to appease) นามสองคำ เมื่อคำแรกเป็นคำบรรยายคำที่สอง เช่น This crampfish of a Socrates has so bewitched him.—Emerson นามคำแรกคือ crampfish คำที่สองคือ a Socrates บอกเวลา ในวลี of old, of late, of a sudden ฯลฯ ในความหมายนี้แปลว่า ระหว่าง (during) ตัวอย่างเช่น I used often to linger of a morning by the high gate.—Aldrich ใช้ในความหมายว่าเกี่ยวกับ (about, concerning, with regard to) The Turk lay dreaming of the hour.—Halleck. On, Upon On, Upon. On มีความหมายทั่วไปบอกตำแหน่งหรือทิศทาง ทั้ง on และ upon ใช้แทนกันได้ในการใช้เกือบทุกอย่าง มีตัวอย่างด้านล่าง ใช้บอกสถานที่ บอกที่ใด เช่น Cannon were heard close on the left.—Parkman. บอกการคเลื่อนไหว เช่น It was the battery at Samos firing on the boats.—Parkman. บอกเวลา เช่น The demonstration of joy or sorrow on reading their letters. —Bancroft. On Monday evening he sent forward the Indians.—Parkman. หมายเหตุ: upon แทบไม่ใช้บอกเวลา ใช้ในความหมายว่าเกี่ยวกับ (about, concerning, with regard to) เช่น I think that one abstains from writing on the immortality of the soul.—Emerson. ใช้ในการกระทำสัตย์สาบาน เช่น Upon my reputation and credit.—Shakespeare วลีสำนวน เช่น on fire, on board, on high, on the wing, on the alert, on a sudden, on view, on trial เป็นต้น With บอกว่าบุคคลมาด้วยกัน เช่น For many weeks I had walked with this poor friendless girl.—De Quincey. บอกอุปกรณ์ เช่น With my crossbow I shot the albatross.—Coleridge. บอกสาเหตุ เหตุผลหรือแรงจูงใจ เช่น She seemed pleased with the accident.—Howells. บอกการกะประมาณหรือความเห็น เช่น It seemed a supreme moment with him.—Howells. บอกการเผชิญหน้าหรือตรงข้าม เช่น The quarrel of the sentimentalists is not with life, but with you.—Lang. ในความหมาย ถึงแม้ว่า เช่น With all his sensibility, he gave millions to the sword.—Channing. ใช้บอกเวลา เช่น With each new mind a new secret of nature transpires.—Emerson. อ้างอิง ข้อความบางส่วนในหน้านี้ นำมาจากตำรา An English Grammar by W. M. Baskervill and J. W. Sewell, 1895. ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
thaiwikibooks
196,407
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/ประโยค
ประโยค (sentence) เป็นการแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำ หากแบ่งวิธีที่มีการนำเสนอความคิดต่อผู้ฟังหรือผู้อ่าน อาจแบ่งประโยคออกได้เป็น 3 ชนิด ประโยคบอกเล่า (declarative) เป็นการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นการแจ้งหรือยืนยัน เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ประโยคคำถาม (interrogative) เป็นการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นคำถาม ประโยคชี้นำ (imperative) ใช้แสดงคำสั่ง หรือคำขอร้อง การจำแนกประโยคตามจำนวนข้อความ ประโยคความเดียว การจำแนกประโยคตามจำนวนข้อความ. ประโยคความเดียว. ประโยคความเดียว (simple sentence) หมายถึงประโยคที่มีข้อความ คำถามหรือคำสั่งเดียว ประโยคทุกประโยคต้องประกอบด้วยสองส่วน คือ ประธานและภาคแสดง (predicate) ภาคแสดงของประโยคคือกริยาหรือวลีกริยาซึ่งกล่าวถึงประธาน ลองดูตัวอย่างประโยค เราหาประโยคใน (A) โดยลองวางคำว่า what นำหน้าภาคแสดง What is to be changed? คำตอบคือ all เราจึงกล่าวได้ว่า all เป็นประธานของประโยค ส่วนในประโยค (B) เกิดปัญหาขึ้น What is the ivy green? คำตอบ a rare old plant แต่เราจะเห็นว่าในประโยคนี้มีการประเมิน (ซึ่งเป็นหน้าที่ของภาคแสดง) ไม่ใช่ประเมิน a rare old plant แต่ประเมิน the ivy green เพราะฉะนั้นจึงเป็นประธานของประโยคด้วย ประโยค (B) เป็นตัวอย่างของประโยคในภาษาอังกฤษอาจมีการเรียงลำดับแบบผกผัน (inversion) ส่วนมากพบในบทกวี การเรียงลำดับแบบผกผันยังพบในประโยคคำถาม ประโยคชี้นำมักละประธาน และเวลาคิดความหมายอาจใส่กลับเข้าไป เช่น องค์ประกอบ องค์ประกอบ. ประโยคความเดียวอาจมีองค์ประกอบได้ดังนี้ ประธาน (ต้องมี) ภาคแสดง (ต้องมี) กรรม ส่วนเติมเต็ม (complement) ส่วนขยาย (modifiers) องค์ประกอบอิสระ (independent elements) กรรม แบ่งได้อีกเป็นสองชนิด กรรมตรง เป็นคำหรือวลีที่ตอบคำถาม "ใคร" หรือ "อะไร" ที่วางอยู่หลังกริยา หรือเป็นชื่อวัตถุโดยตรงที่เป็นเป้าหมายการกระทำของภาคแสดง กรรมรอง เป็นนามหรือเทียบเท่านามที่ใช้เป็นตัวขยายกริยาหรือ Verbal เป็นชื่อบุคคลหรือสิ่งที่ได้ประโยชน์จากการกระทำ ตัวอย่างเช่น กริยาที่ภาคแสดงไม่สมบูรณ์มีได้สองชนิด ทั้งสกรรมกริยาและอกรรมกริยา สกรรมกริยามักต้องการคำ (นอกเหนือจากกรรม) เพื่อนิยามการกระทำอย่างบริบูรณ์ซึ่งมีต่อวัตถุ ตัวอย่างเช่น อกรรมกริยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูป be, seem, appear, taste, feel, become ฯลฯ มักต้องการคำเพื่อทำให้ความหมายสมบูรณ์ เช่น สิ่งที่ใช้เป็นประธานได้ คำนาม คำสรรพนาม วลี Infinitive เช่น "To enumerate and analyze these relations is to teach the science of method." Gerund เช่น "There will be sleeping enough in the grave." คำคุณศัพท์ที่ใช้เป็นนาม เช่น "The dead are there." คำวิเศษณ์ เช่น "Then is the moment for the humming bird to secure the insects." การเรียงกลับ (inversion) เช่น "Never, from their lips, was heard one syllable to justify." ในประโยคคำถาม หลังเริ่มต้นประโยคด้วย it หรือ there เช่น "It ought not to need to print in a reading room a caution not to read aloud." (ประโยคนี้จะใช้ to print เป็นประธานก็ได้ แต่เมื่อใช้ it จะเลื่อน to print ไปไว้หลังกริยา) "There was a description of the destructive operations of time." สิ่งที่ใช้เป็นกรรมตรงได้ คำนาม คำสรรพนาม Infinitive เช่น "We like to see everything do its office." Gerund เช่น "She heard that sobbing of litanies." คำคุณศัพท์ที่ใช้เป็นคำนาม เช่น "For seventy leagues through the mighty cathedral, I saw the quick and the dead."
thaiwikibooks
196,408
การใช้วิกิตำรา/สำหรับชาววิกิพีเดีย
วิกิพีเดียเป็นโครงการพี่น้องที่สำคัญสำหรับวิกิตำราและผู้แก้ไขของเราจำนวนมากเริ่มต้นด้วยการเป็นชาววิกิพีเดียก่อนจะมาที่วิกิตำรา แม้ทั้งสองโครงการจะคล้ายคลึงกันหลายอย่างโดยเฉพาะซอร์ฟแวร์ที่ใช้ การที่ทั้งสองโครงการมีความแตกต่างกันไม่มากอาจสร้างความสับสนให้กับชาววิกิพีเดียในช่วงแรกได้ บทนี้จึงถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็นคู่มือเริ่มต้นใช้งานอย่างรวดเร็วสำหรับชาววิกิพีเดียเพื่อให้มีความคุ้นเคยกับโครงการวิกิตำรามากขึ้น หนังสือตำรากับบทความสารานุกรม หนังสือตำรากับบทความสารานุกรม. เป็นที่ชัดเจนว่ามีหลายสิ่งใน "หนังสือตำรา" ที่แตกต่างจาก "สารานุกรม" ทั้งที่เป็นรูปเล่มและออนไลน์ ในขณะที่สารานุกรมแสดงถึงข้อมูลสารสนเทศแต่หนังสือตำราจะต้องชี้นำให้กับผู้อ่านและสั่งสอนถึงข้อมูลนั้นในแนวทางที่ทำให้ผู้อ่านสามารถเรียนรู้ได้ เมื่อมีขนาดเท่ากันหนังสือตำรามักจะแสดงข้อมูลน้อยกว่าแต่มีคำอธิบายและคำแนะนำมากกว่าสารานุกรม หนังสือตำราในวิกิตำราควรมีโครงสร้างคล้ายกับหนังสือตำราแบบดั้งเดิม ตำราประกอบด้วยสารบัญและเนื้อหาของตำราถูกแบ่งออกเป็นบทต่าง ๆ ในแต่ละหน้า ตำราบางเล่มอาจมีแค่หน้าเดียวโดยไม่มีบทหรือใช้การจัดการเพื่อแบ่งเนื้อหาอื่น เช่น "หน่วย" และ "บทย่อย" โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ประพันธ์ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญคือตำจะถูกจัดเรียงตามลำดับชั้นโดย "ตำรา" จะอยู่ในลำดับชั้นบนสุดและ "หน้า" จะอยู่ในลำดับล่าง เนื่องจากโครงสร้างลำดับชั้นและข้อจำกัดของตำราเอง ทำให้ตำราของเรามีแนวโน้มที่จะใช้การเชื่อมโยงหลายมิติน้อยกว่าบทความในวิกิพีเดีย ตำราของวิกิตำราและอาจรวมถึงตำราแบบดั้งเดิมอื่น ๆ มีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้ หน้าปก: หน้าที่มีชื่อของตำรา ภาพปกและข้อมูลอย่างย่อ คำนำ: หน้าที่เขียนเกี่ยวกับผู้ประพันธ์หรือเกี่ยวกับตำราเล่มนี้ อภิธานศัพท์: หน้าสำหรับอธิบายคำและวลีที่ใช้ในตำรา ภาคผนวก: หน้าที่แสดงข้อมูลเพื่อขยายคำอธิบายหลักในตำราซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างความเข้าใจต่อเนื้อหาที่ถูกต้อง "ลิงก์ตำรา" และการจัดรูปแบบคล้ายตำรา "ลิงก์ตำรา" และการจัดรูปแบบคล้ายตำรา. ตำราหลายเล่มเริ่มเขียนขึ้นโดยคล้ายกับบทความในสารานุกรมหรือสารานุกรมเชิงลึก ถึงแม้ว่าสารานุกรมเชิงลึกไม่ใช่หนังสือตำราที่ยอมรับได้แต่ก็เป็นเรื่องปกติและยอมรับบางตำราที่มีโครงสร้างเหมือนกับสารานุกรมเชิงลึกที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยมีเหตุผลหลายหลายประการสำหรับประเด็นนี้ อย่างแรกคือตำราส่วนมากถูกสร้างขึ้นด้วยการนำเข้าบทความจากวิกิพีเดียเพื่อใช้เป็นฐานสำหรับสร้างตำราใหม่ อย่างที่สองคือบ่อยครั้งที่ผู้ใช้มักจะเขียนข้อมูลลงไปก่อนแล้วค่อยจัดระเบียบและปรับปรุงใหม่ในภายหลัง การเขียนคำอธิบายหลักอาจเป็นเรื่องยากในช่วงแรกของการเขียนตำราเมื่อลำดับการอ่านของหน้ายังไม่เสร็จ สารานุกรมเชิงลึกที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะถูกแจ้งเพื่อเก็บกวาดและสารานุกรมเชิงลึกที่เก่ามากหรือไม่ได้เขียนต่อมานานอาจถูกพิจารณาเพื่อลบ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น หน้าในหนังสือตำราของวิกิตำรามักใส่ลิงก์เพียงเล็กน้อย มีเหตุผลสองสามอย่างประการสำหรับประเด็นนี้ อย่างแรกคือตำราต้องมีเนื้อหาอยู่ในตัวตำราเอง การใส่ลิงก์มากเกินไปหมายความว่าตำราของคุณมีเนื้อหาไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร นอกจากนี้แหล่งข้อมูลภายนอกก็ไม่อาจใช้ในการสอนได้เหมือนกับตำรา อย่างที่สองคือการใส่ลิงก์มากเกินไปหรือใส่ลิงก์ในกลางประโยคอาจทำให้ผู้อ่านเสียสมาธิและขัดขวางไม่ให้ผู้อ่านไล่อ่านคำอธิบายของตำราและเรียนรู้บทเรียนได้อย่างเหมาะสม
thaiwikibooks
196,409
การใช้วิกิตำรา/สารบัญย่อ
ส่วนที่ 1 เบื้องต้นเกี่ยวกับตำราวิกิตำราคืออะไรการสร้างบัญชีผู้ใช้การอภิปรายและความเห็นพ้องนโยบายและแนวปฏิบัติส่วนที่ 2 ผู้แก้ไขวิกิตำราแก้ไขวิกิตำราอย่างไรวิกิมาร์กอัปการเก็บกวาดและบำรุงรักษาเทคนิคขั้นสูงเพิ่มรูปภาพลงในหน้าส่วนที่ 3 คู่มือเริ่มต้นอย่างรวดเร็วสำหรับชาววิกิพีเดียแนวปฏิบัติสำหรับโครงการชั้นเรียนการเริ่มตำราใหม่ส่วนที่ 4 ผู้เขียนวิกิตำราการเข้ามีส่วนร่วมกับวิกิตำราที่มีอยู่เดิมการเริ่มต้นวิกิตำราใหม่การบริจาคตำราให้วิกิตำราโครงสร้างของวิกิตำราเป็นอย่างไรชั้น หมวดหมู่และการจำแนกแรงจูงใจของผู้อ่านฉบับพิมพ์และพีดีเอฟส่วนที่ 5 ผู้อ่านวิกิตำราการสืบค้นวิกิตำราการพิมพ์วิกิตำราการใช้วิกิตำราในชั้นเรียนการแก้ไขข้อผิดพลาดการทบทวนหน้าส่วนที่ 6 ผู้ดูแลระบบวิกิตำราบทบาทของผู้ดูแลระบบวิกิตำราการลบ กู้คืนการลบและการนำเข้าการก่อกวนการบริหารขั้นสูง
thaiwikibooks
196,410
กันบาวด์
กันบาวด์ (, ตามตราการค้าเป็น GunBound; ) เป็นเกมปืนใหญ่ประเภทผลัดทีละรอบสำหรับผู้เล่นหลายคน พัฒนาโดยผู้พัฒนาจากเกาหลีใต้ ซอฟต์นิกซ์ ซึ่งถูกเทียบกับซีรีส์ วอร์มส เนื่องจากมีวิธีเล่นคล้ายกัน เกมรุ่นดั้งเดิมถูกเผยแพร่ในประเทศเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2002 ก่อนที่จะเผยแพร่ทั่วโลกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2003 เกมภาคแยกสำหรับเกมโทรศัพท์ชื่อ GunboundM ถูกเผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017 จากนั้นมีการประกาศจะเผยแพร่ภาคต่อที่มีชื่อว่า New Gunbound สำหรับโทรศัพท์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 และพีซีในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 มีการวางแผนจำหน่ายรุ่นพีซีบนสตีมในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็ยังไม่ได้เผยแพร่โดยไม่ทราบสาเหตุ วิธีเล่น ยานพาหนะ วิธีเล่น. ยานพาหนะ. ยาพาหนะกันบาวด์ปรากฏในรูปแบบของรถถังมีชีวิตและไดโนเสาร์หลายชนิด โดยเดิมในกันบาวด์ซีซั่นที่ 1 มียานพาหนะทั้งหมดจำนวน 16 ชนิด และเพิ่มเติมอีก 2 ชนิดในกันบาวด์ซีซั่นที่ 2 รวม 18 ชนิด โหมด การพัฒนา กันบาวด์โมบายล์ นิวกันบาวด์ การตอบรับ การตอบรับ. วารสาร พีซีเกมเมอร์ ในอังกฤษให้คะแนน กันบาวน์ ไป 83 จาก 100 คะแนน อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น GunBound – เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เว็บไซต์กันบาวด์ประเทศไทย – (ปิดให้บริการ) เว็บไซต์นิวกันบาวด์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – New Gunbound SEA ดูเพิ่ม Final Fantasy XI King of Kings Dragon Raja Dark Story Online Mu Online Fly For Fun Lineage Ragnarok online Ran Online กรานาโด้ เอสพาดา กันบาวด์ โอทูแจม เดอะซิมส์ เมเปิลสตอรี Seal Online ทีเอสออนไลน์ อสุรา ออนไลน์ ยุทธภพครบสลึง เก็ทแอมป์ N-Age คาบาลออนไลน์ แคปคอม vs. เอสเอ็นเค 2 เดอะซิมส์ 2 ไทโกะโนะทัตสึจิน ปังย่า Crazy Arcade KartRider Special Force เทลส์รันเนอร์ Fanta Tennis RayCity Online ออดิชั่นออนไลน์ BOOMZ LaTale Online Trickster Emil Chronicle Online CSO Online Xshot Grand Chase FreeStyle Online Ghost Online Point Blank สิบสองหางออนไลน์ Yogurting Nostale Zone4 เดอะซิมส์ 3 Mabinogi Dragonica ลูน่าออนไลน์ Dragon Nest Special Force 2 Overwatch Lineage II Overwatch 2 เดอะซิมส์ 4
thaiwikibooks
196,411
วิธีการสอนโดยใช้การจัดทัศนศึกษา
การจัดทัศนศึกษา (Field Trip) เป็นกระบวนการเรียนการสอน/วิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ผ่านการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยผู้เรียนจะได้รับความรู้จากประสบการณ์ตรง การลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจและจดจำสิ่งที่ได้พบเห็นในเวลาอันรวดเร็วและเป็นเวลานาน และการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้เป็นการใช้แหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด องค์ประกอบสำคัญ องค์ประกอบสำคัญ. องค์ประกอบสำคัญของการจัดทัศนศึกษามีดังนี้ ผู้สอนและผู้เรียนมีการวางแผนร่วมกันในเรื่องวัตถุประสงค์ สถานที่ การเดินทาง เรื่องที่จะศึกษา วิธีศึกษา ค่าใช้จ่าย กำหนดการเดินทางและหน้าที่ความรับผิดชอบ มีการเดินทางไปยังสถานที่เป้าหมายซึ่งอยู่ภายนอกโรงเรียน เช่น การทัศนศึกษาสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ การทัศนศึกษาตามแหล่งประวัติศาสตร์ เป็นต้น มีกระบวนการในการศึกษาสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ในสถานที่นั้น มีการสรุปผลการเรียนรู้จากการทัศนศึกษา ข้อดีของการจัดทัศนศึกษา ข้อจำกัดของการจัดทัศนศึกษา ข้อจำกัดของการจัดทัศนศึกษา. การจัดทัศนศึกษาจำเป็นต้องมีการวางแผนที่รัดกุมและติดต่อประสานงานต่าง ๆ จึงเป็นวิธีสอนที่ค่อนข้างมีความยุ่งยาก รวมถึงเป็นวิธีสอนที่มีค่าใช้จ่ายสูง หากบริหารจัดการและเตรียมกระบวนการไม่ดีพอ การจัดทัศนศึกษาอาจเกิดผลที่ไม่คุ้มค่าได้ บรรณานุกรม ทิศนา แขมมณี. (2555). 14 วิธีสอนสำหรับครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทิศนา แขมมณี. (2545). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
thaiwikibooks
196,412
ภาษาสวีเดน
Välkommen! ยินดีต้อนรับ! ภาษาสวีเดน เป็นภาษากลุ่มเจอร์เมนิกเหนือ ที่ส่วนใหญ่ใช้สื่อสารในประเทศสวีเดน, ส่วนหนึ่งของประเทศฟินแลนด์ และบนเกาะโอลันด์ซึ่งปกครองตนเอง โดยมีผู้พูดรวมกว่า 10 ล้านคน ภาษาสวีเดนมาตรฐาน เป็นภาษาประจำชาติที่วิวัฒนาการมาจากภาษาย่อยของสวีเดนกลางในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และเป็นที่ยอมรับอย่างดีในทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในขณะที่ความหลากหลายของภูมิภาคที่แตกต่างยังคงมีอยู่ ก็ได้รับอิทธิพลจากภาษาถิ่นที่เก่ากว่า ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนมีลักษณะเหมือนกันและเป็นมาตรฐาน ภาษาถิ่นของแท้บางภาษามีความแตกต่างอย่างมากจากภาษามาตรฐานในไวยากรณ์รวมถึงคำศัพท์ และไม่สามารถเข้าใจร่วมกันได้กับภาษาสวีเดนมาตรฐาน พวกเขาส่วนใหญ่จะถูกกักในชุมชนแต่ละแห่งและลดลงในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่เผชิญกับการใกล้สูญพันธุ์ และมักได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น แต่พวกเขามักจะถูกกักในพื้นที่ชนบทในประชากรที่มีการศึกษาและการเคลื่อนไหวทางสังคมต่ำ ภาษาสวีเดนมีความโดดเด่นด้วยฉันทลักษณ์ ซึ่งแตกต่างกันมากระหว่างพื้นเมืองต่าง ๆ และรวมถึงเสียงหนักเบาทั้งศัพท์และคุณภาพเสียงวรรณยุกต์ ภาษานี้มีคลังเสียงสระค่อนข้างมาก ด้วยจำนวนเสียงสระที่แยกจากกันทั้งหมด 9 เสียง ที่แตกต่างกันตามปริมาณและคุณภาพในระดับหนึ่ง ทำให้รวมเป็น 17 หน่วยเสียงสระ ภาษาสวีเดนยังมีชื่อเสียงในเรื่องเสียงพ่นลมเพดานปากกลับดอร์โซอโฆษะ [ɧ] ซึ่งพบในหลายภาษาพื้นเมือง แต่ไม่พบในภาษาอื่น ภาษาสวีเดนมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และมักจะเข้าใจร่วมกันกับภาษาเดนมาร์กและภาษานอร์เวย์ และในระดับหนึ่งกับชาวแฟโร ซึ่งทั้งหมดนี้วิวัฒนาการมาจากภาษานอร์สเก่าเมื่อประมาณพันปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไอซ์แลนด์ แม้ว่าทั้งสองจะไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ภาษาสวีเดน, เดนมาร์ก และนอร์เวย์บุ๊กมอล ถือเป็นภาษาสแกนดิเนเวียตะวันออกทั้งหมด โดยทั้งหมดได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภาษาเยอรมันต่ำ Situationer och konversationer med vokabulär (สถานการณ์และการสนทนาพร้อมคำศัพท์) Välkomna ยินดีต้อนรับ - แนะนำตัวเอง Resande การเดินทาง Hobbyer งานอดิเรก - กิจกรรมนันทนาการ Familj ครอบครัว Skola โรงเรียน Handla ชอปปิง Hem บ้าน Sjukvård ดูแลรักษาทางการแพทย์ Svensk kultur วัฒนธรรมสวีเดน Ordförråd (คำศัพท์) คำศัพท์ คำอุทาน สี กีฬา ความรัก สัญชาติ เทคโนโลยี คำสแลง ภาษาสวีเดน/คำศัพท์ ภาษาสวีเดน/คำศัพท์/วลีทั่วไป รายชื่อคำกริยา รายชื่อคำกริยาที่ผันแบบแข็งและอปกติ Uttal (การออกเสียง) Grammatik (ไวยากรณ์) Grammatik (ไวยากรณ์). คำนาม | คำคุณศัพท์ | สรรพนาม | กริยาวิเศษณ์ | คำบุพบท | จำนวนนับ | วากยสัมพันธ์ | สำนวน | คำกริยาและกาล ดูเพิ่ม The Wikipedia article about the Swedish Language The Swedish language edition of Wikibooks. The Swedish language edition of Wikipedia.
thaiwikibooks
196,413
Swedish
REDIRECT ภาษาสวีเดน
thaiwikibooks
196,414
ยุทธภพครบสลึง
ยุทธภพครบสลึง เป็นเกมออนไลน์ประเภท MMORPG จากประเทศเกาหลีใต้ พัฒนาโดยบริษัท KRG Soft เผยแพร่โดย Mgame เกมนี้มีพื้นฐานอยู่บนหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกันนี้ของเกาหลีที่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ คำว่า Yulgang มาจากคำย่อของ Yul-Hyul-Gang-Ho (热血江湖/열혈강호 ยอลฮยอลกังโฮ) แปลว่า "เจียงหูเลือดเดือด" ในประเทศไทย เกมดังกล่าวได้ซื้อลิขสิทธิ์และนำเข้าโดย เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น เกมออนไลน์เกมนี้เป็นเกมที่เล่นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่สร้างรายได้จากการขายสินค้าใน Yulgang Shop ด้วยเงินจริง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เกมนี้ได้รับความนิยมคือมีผู้ลงทะเบียนเล่นเกมกว่า 60 ล้านคนในจีนและเกาหลี และเกมนี้มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการในประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา อ้างอิง แหล่งข้อมูลอื่น ดูเพิ่ม Final Fantasy XI King of Kings Dragon Raja Dark Story Online Mu Online Fly For Fun Lineage Ragnarok online Ran Online กรานาโด้ เอสพาดา กันบาวด์ โอทูแจม เดอะซิมส์ เมเปิลสตอรี Seal Online ทีเอสออนไลน์ อสุรา ออนไลน์ ยุทธภพครบสลึง เก็ทแอมป์ N-Age คาบาลออนไลน์ แคปคอม vs. เอสเอ็นเค 2 เดอะซิมส์ 2 ไทโกะโนะทัตสึจิน ปังย่า Crazy Arcade KartRider Special Force เทลส์รันเนอร์ Fanta Tennis RayCity Online ออดิชั่นออนไลน์ BOOMZ LaTale Online Trickster Emil Chronicle Online CSO Online Xshot Grand Chase FreeStyle Online Ghost Online Point Blank สิบสองหางออนไลน์ Yogurting Nostale Zone4 เดอะซิมส์ 3 Mabinogi Dragonica ลูน่าออนไลน์ Dragon Nest Special Force 2 Overwatch Lineage II Overwatch 2 เดอะซิมส์ 4
thaiwikibooks
196,415
ฟลิฟ
เปลี่ยนทาง ฟลิฟออนไลน์
thaiwikibooks
196,416
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข
เราสามารถกำหนดให้การแสดงตัวเลขในตารางมีรูปแบบที่ต้องการได้ เช่น ให้มีเครื่องหมาย Comma (,) คั่นทุกๆ 3 หลัก หรือให้ลงท้ายด้วยเครื่องหมายเปอร์เซ็นต์ (%) เลือกข้อมูลที่ต้องการกำหนดรูปแบบ คลิกเมาส์ปุ่มขวาเลือกคำสั่ง Format Cells (รูปแบบช่อง) คลิกเมาส์เลือกแท็บ Numbers (ตัวเลข) คลิกเมาส์เลือกรูปแบบที่เราต้องการในช่อง Format (รูปแบบ) คลิกเมาส์ปุ่ม จะได้รูปแบบของเซลล์เปลี่ยนตามที่เรากำหนด สารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/Calc ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กราฟกับการนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อความโดยอัตโนมัติด้วย AutoText โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อมูลและการเลื่อนเคอร์เซอร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดตำแหน่งแท็บหยุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดฟอนต์เริ่มต้นให้กับเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเข้าสู่โปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนสมการคณิตศาสตร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาและแทนที่ข้อความในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาสิ่งต่างๆ ในเอกสารด้วย Navigation โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคำนวณค่าในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดกลุ่มและการจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการกับวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้ายหรือชิดขวาในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดตำแหน่งวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดทำสารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดแนวการวางของข้อความในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Bookmark และการอ้างอิงโยง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo และ Redo โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้งาน OpenOffice.org แทน Microsoft Office โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้แผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้มุมมองต่างๆ ใน Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สไตล์ย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สูตรกับข้อมูลที่อยู่ต่างแผ่นงานและสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การดัดแปลงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางด้วย AutoFormat โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งสีภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งกั้นหน้าและกั้นหลัง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งเวลาในการบรรยายสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การติดตั้ง OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การทำดัชนี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อความ และการลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงบนเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเข้าตารางจากฐานข้อมูลอื่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำสูตรไปใช้ในงานเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสารเป็น PDF โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแบ่งเนื้อหาเอกสารโดยการขึ้นหน้าใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดของตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับข้อมูลให้ชิดด้านบน กึ่งกลาง หรือด้านล่างช่องตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับความสว่างและความคมชัดของภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งโหมดกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปิดเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปิดเอกสารที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การผสานช่องเซลล์และการแยกช่องเซลล์ในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ข้อความเบื้องต้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ซองจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์เอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มแถวและคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มลูกเล่นในการนำเสนอในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มและลบแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายตำแหน่งกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การรวมกลุ่มและแยกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงลำดับข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบแถวหรือลบคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์ แถว หรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกตัวอักษรหรือข้อความบางส่วน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกฟอนต์ที่ใช้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลื่อนดูเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปร่างอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปอิสระ Freeform โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดสี่เหลี่ยมหรือวงกลม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นเชื่อม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นที่มีหัวลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นและลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตัวเชื่อมต่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางและฟิลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างบันทึกย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างสรุปภาพนิ่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างเอกสารใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความในหัวกระดาษ และท้ายกระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่เชิงอรรถ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ลำดับเลขหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การหมุนวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกจากโปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกแบบระบบฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดการใช้งาน OpenOffice.org สำหรับภาษาไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความที่แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดคุณสมบัติวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบหน้ากระดาษก่อนเริ่มทำงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดให้ OpenOffice.org เซฟไฟล์งานอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขข้อมูลในแผนภูมิที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติด้วย AutoCorrect โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอความช่วยเหลือใน OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใช้งานโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าสู่โปรแกรม Draw โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คู่มือติดตั้ง OpenOffice.org 2.0 โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดรูปทรงสามมิติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดสี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/งานพรีเซนเตชั่นกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อความให้ล้อมภาพในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของความสัมพันธ์ (Relationships) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของคีย์ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ช่องตารางหรือเซลล์ใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เส้นไกด์ช่วยในการวาดภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความด้วยสี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อมูลโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบการสะกดคำด้วย Spellcheck โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบเอกสารก่อนพิมพ์ด้วย Page Preview โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แถบเครื่องมือวาดรูป โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกไฟล์ภาพกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกอักษรศิลป์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/นับจำนวนคำและตัวอักษรในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำโปรแกรม Base โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกชิ้นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ Microsoft Excel โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งข้อความในเอกสารเป็นหลายคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใบปะหน้าแฟกซ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งการจัดวางข้อความในย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับพื้นหลังของภาพให้โปร่งใส โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนแถบเมนูจากอังกฤษเป็นไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดโปรแกรม Math โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Writer ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ผลิตภัณฑ์ในชุด OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เมนูคำสั่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ยกเลิกเส้นประที่ Calc ขีดระหว่างเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายเอกสารที่แสดงบนจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักเครื่องมือ Selection โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักตัวชี้เมาส์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มต้นสร้างตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มป้อนข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรื่องของแถบเครื่องมือใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกสูตร/สัญลักษณ์ที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วาดรูปลงในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วิธีการเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างเอกสารประกอบการบรรยาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของหน้าต่างเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการจัดข้อความในย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงเอกสารเต็มจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่สีสันลงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
thaiwikibooks
196,417
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง
เราสามารถกำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขได้อีกวิธีหนึ่ง โดยการเลือกเมนู Format>Cells (รูปแบบ>Cells) ก็จะปรากฏหน้าต่าง Cell Attributes (คุณลักษณะเซลล์) จากนั้นเลือกแท็บ Numbers (ตัวเลข) เพื่อเข้าไปกำหนดรูปแบบตัวเลขที่ต้องการอย่างเจาะจงได้ เช่น ให้มีเครื่องหมาย ฿ นำหน้า หรือแสดงตัวเลขที่มีค่าติดลบเป็นสีแดง มีขั้นตอนดังนี้ เลือกข้อมูลที่ต้องการกำหนดรูปแบบให้ใหม่ เลือก Format>Cells (รูปแบบ>Cells) เลือกรูปแบบการแสดงตัวเลขในกรอบ Category (หมวดหมู่) เช่น ให้แสดงเป็น เปอร์เซนต์ % (Percent) หรือแบบที่มีสกุลเงินนำหน้า (Currency) เป็นต้น กำหนดรายละเอียดการแสดงข้อมูลเพิ่มเติม เช่น จำนวนหลักทศนิยม การใช้สีแดงเมื่อจำนวนติดลบโดยช่องตัวอย่างจะแสดงตัวอย่างการแสดงข้อมูลที่เลือกให้เห็นในกรอบด้านขวามือ • จะใช้จำนวนทศนิยมกี่หลักในช่อง Decimal Places (จำนวนทศนิยม) • จะแสดงค่าที่เป็นลบอย่างไร # คลิกเมาส์ปุ่ม รูปแบบการแสดงตัวเลขจะเปลี่ยนไปตามที่เรากำหนด สำหรับรูปแบบการแสดงตัวเลขต่างๆ ที่เราเลือกใช้ได้จากหัวข้อ Category ในแท็บ Number มีความหมาย ดังนี้ สารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/Calc ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กราฟกับการนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อความโดยอัตโนมัติด้วย AutoText โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อมูลและการเลื่อนเคอร์เซอร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดตำแหน่งแท็บหยุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดฟอนต์เริ่มต้นให้กับเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเข้าสู่โปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนสมการคณิตศาสตร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาและแทนที่ข้อความในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาสิ่งต่างๆ ในเอกสารด้วย Navigation โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคำนวณค่าในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดกลุ่มและการจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการกับวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้ายหรือชิดขวาในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดตำแหน่งวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดทำสารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดแนวการวางของข้อความในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Bookmark และการอ้างอิงโยง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo และ Redo โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้งาน OpenOffice.org แทน Microsoft Office โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้แผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้มุมมองต่างๆ ใน Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สไตล์ย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สูตรกับข้อมูลที่อยู่ต่างแผ่นงานและสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การดัดแปลงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางด้วย AutoFormat โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งสีภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งกั้นหน้าและกั้นหลัง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งเวลาในการบรรยายสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การติดตั้ง OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การทำดัชนี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อความ และการลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงบนเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเข้าตารางจากฐานข้อมูลอื่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำสูตรไปใช้ในงานเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสารเป็น PDF โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแบ่งเนื้อหาเอกสารโดยการขึ้นหน้าใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดของตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับข้อมูลให้ชิดด้านบน กึ่งกลาง หรือด้านล่างช่องตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับความสว่างและความคมชัดของภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งโหมดกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปิดเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปิดเอกสารที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การผสานช่องเซลล์และการแยกช่องเซลล์ในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ข้อความเบื้องต้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ซองจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์เอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มแถวและคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มลูกเล่นในการนำเสนอในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มและลบแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายตำแหน่งกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การรวมกลุ่มและแยกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงลำดับข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบแถวหรือลบคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์ แถว หรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกตัวอักษรหรือข้อความบางส่วน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกฟอนต์ที่ใช้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลื่อนดูเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปร่างอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปอิสระ Freeform โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดสี่เหลี่ยมหรือวงกลม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นเชื่อม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นที่มีหัวลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นและลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตัวเชื่อมต่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางและฟิลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างบันทึกย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างสรุปภาพนิ่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างเอกสารใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความในหัวกระดาษ และท้ายกระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่เชิงอรรถ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ลำดับเลขหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การหมุนวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกจากโปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกแบบระบบฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดการใช้งาน OpenOffice.org สำหรับภาษาไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความที่แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดคุณสมบัติวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบหน้ากระดาษก่อนเริ่มทำงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดให้ OpenOffice.org เซฟไฟล์งานอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขข้อมูลในแผนภูมิที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติด้วย AutoCorrect โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอความช่วยเหลือใน OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใช้งานโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าสู่โปรแกรม Draw โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คู่มือติดตั้ง OpenOffice.org 2.0 โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดรูปทรงสามมิติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดสี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/งานพรีเซนเตชั่นกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อความให้ล้อมภาพในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของความสัมพันธ์ (Relationships) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของคีย์ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ช่องตารางหรือเซลล์ใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เส้นไกด์ช่วยในการวาดภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความด้วยสี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อมูลโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบการสะกดคำด้วย Spellcheck โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบเอกสารก่อนพิมพ์ด้วย Page Preview โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แถบเครื่องมือวาดรูป โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกไฟล์ภาพกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกอักษรศิลป์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/นับจำนวนคำและตัวอักษรในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำโปรแกรม Base โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกชิ้นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ Microsoft Excel โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งข้อความในเอกสารเป็นหลายคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใบปะหน้าแฟกซ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งการจัดวางข้อความในย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับพื้นหลังของภาพให้โปร่งใส โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนแถบเมนูจากอังกฤษเป็นไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดโปรแกรม Math โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Writer ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ผลิตภัณฑ์ในชุด OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เมนูคำสั่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ยกเลิกเส้นประที่ Calc ขีดระหว่างเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายเอกสารที่แสดงบนจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักเครื่องมือ Selection โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักตัวชี้เมาส์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มต้นสร้างตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มป้อนข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรื่องของแถบเครื่องมือใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกสูตร/สัญลักษณ์ที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วาดรูปลงในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วิธีการเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างเอกสารประกอบการบรรยาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของหน้าต่างเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการจัดข้อความในย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงเอกสารเต็มจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่สีสันลงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
thaiwikibooks
196,418
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา
เราสามารถกำหนดข้อมูลวันที่และเวลาในตารางให้มีรูปแบบที่ต้องการได้ เช่น วันที่ 04/12/09 แสดงเป็น 12 เม.ย. 2009 หรือเวลา 08.00.00 แสดงเป็น 08.00.00 AM/PM เลือกข้อมูลวันที่หรือข้อมูลเวลาที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ เลือก Format>Cells (รูปแบบ>Cells) คลิกเมาส์แท็บ Number (ตัวเลข) และเลือก Date (วันที่) หรือเลือก Time (เวลา) ในช่อง Category (หมวดหมู่) เลือกรูปแบบภาษาในช่อง Language (ภาษา) เลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลจากตัวอย่างในช่อง Format (รูปแบบ) คลิกเมาส์ปุ่ม จะเห็นว่ารูปแบบของวันและเวลาเปลี่ยนไปตามที่เรากำหนด สารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/Calc ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กราฟกับการนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อความโดยอัตโนมัติด้วย AutoText โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อมูลและการเลื่อนเคอร์เซอร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดตำแหน่งแท็บหยุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดฟอนต์เริ่มต้นให้กับเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเข้าสู่โปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนสมการคณิตศาสตร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาและแทนที่ข้อความในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาสิ่งต่างๆ ในเอกสารด้วย Navigation โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคำนวณค่าในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดกลุ่มและการจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการกับวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้ายหรือชิดขวาในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดตำแหน่งวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดทำสารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดแนวการวางของข้อความในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Bookmark และการอ้างอิงโยง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo และ Redo โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้งาน OpenOffice.org แทน Microsoft Office โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้แผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้มุมมองต่างๆ ใน Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สไตล์ย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สูตรกับข้อมูลที่อยู่ต่างแผ่นงานและสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การดัดแปลงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางด้วย AutoFormat โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งสีภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งกั้นหน้าและกั้นหลัง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งเวลาในการบรรยายสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การติดตั้ง OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การทำดัชนี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อความ และการลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงบนเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเข้าตารางจากฐานข้อมูลอื่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำสูตรไปใช้ในงานเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสารเป็น PDF โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแบ่งเนื้อหาเอกสารโดยการขึ้นหน้าใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดของตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับข้อมูลให้ชิดด้านบน กึ่งกลาง หรือด้านล่างช่องตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับความสว่างและความคมชัดของภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งโหมดกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปิดเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปิดเอกสารที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การผสานช่องเซลล์และการแยกช่องเซลล์ในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ข้อความเบื้องต้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ซองจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์เอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มแถวและคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มลูกเล่นในการนำเสนอในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มและลบแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายตำแหน่งกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การรวมกลุ่มและแยกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงลำดับข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบแถวหรือลบคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์ แถว หรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกตัวอักษรหรือข้อความบางส่วน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกฟอนต์ที่ใช้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลื่อนดูเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปร่างอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปอิสระ Freeform โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดสี่เหลี่ยมหรือวงกลม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นเชื่อม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นที่มีหัวลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นและลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตัวเชื่อมต่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางและฟิลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างบันทึกย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างสรุปภาพนิ่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างเอกสารใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความในหัวกระดาษ และท้ายกระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่เชิงอรรถ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ลำดับเลขหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การหมุนวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกจากโปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกแบบระบบฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดการใช้งาน OpenOffice.org สำหรับภาษาไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความที่แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดคุณสมบัติวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบหน้ากระดาษก่อนเริ่มทำงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดให้ OpenOffice.org เซฟไฟล์งานอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขข้อมูลในแผนภูมิที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติด้วย AutoCorrect โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอความช่วยเหลือใน OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใช้งานโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าสู่โปรแกรม Draw โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คู่มือติดตั้ง OpenOffice.org 2.0 โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดรูปทรงสามมิติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดสี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/งานพรีเซนเตชั่นกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อความให้ล้อมภาพในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของความสัมพันธ์ (Relationships) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของคีย์ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ช่องตารางหรือเซลล์ใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เส้นไกด์ช่วยในการวาดภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความด้วยสี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อมูลโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบการสะกดคำด้วย Spellcheck โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบเอกสารก่อนพิมพ์ด้วย Page Preview โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แถบเครื่องมือวาดรูป โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกไฟล์ภาพกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกอักษรศิลป์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/นับจำนวนคำและตัวอักษรในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำโปรแกรม Base โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกชิ้นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ Microsoft Excel โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งข้อความในเอกสารเป็นหลายคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใบปะหน้าแฟกซ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งการจัดวางข้อความในย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับพื้นหลังของภาพให้โปร่งใส โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนแถบเมนูจากอังกฤษเป็นไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดโปรแกรม Math โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Writer ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ผลิตภัณฑ์ในชุด OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เมนูคำสั่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ยกเลิกเส้นประที่ Calc ขีดระหว่างเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายเอกสารที่แสดงบนจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักเครื่องมือ Selection โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักตัวชี้เมาส์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มต้นสร้างตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มป้อนข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรื่องของแถบเครื่องมือใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกสูตร/สัญลักษณ์ที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วาดรูปลงในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วิธีการเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างเอกสารประกอบการบรรยาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของหน้าต่างเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการจัดข้อความในย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงเอกสารเต็มจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่สีสันลงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
thaiwikibooks
196,419
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง
เราสามารถกำหนดรูปแบบ และขนาดตัวอักษรหรือตัวเลขในตารางให้ดูแตกต่างกันได้ เพื่อเน้นข้อมูลสำคัญและเพิ่มความสวยงามให้กับแผ่นงาน เลือกข้อมูลที่ต้องการกำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษร คลิกเมาส์ที่ กำหนดรูปแบบตัวอักษร คลิกเมาส์ที่ เพื่อกำหนดขนาดตัวอักษร สารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/Calc ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กราฟกับการนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อความโดยอัตโนมัติด้วย AutoText โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อมูลและการเลื่อนเคอร์เซอร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดตำแหน่งแท็บหยุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดฟอนต์เริ่มต้นให้กับเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเข้าสู่โปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนสมการคณิตศาสตร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาและแทนที่ข้อความในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาสิ่งต่างๆ ในเอกสารด้วย Navigation โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคำนวณค่าในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดกลุ่มและการจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการกับวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้ายหรือชิดขวาในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดตำแหน่งวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดทำสารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดแนวการวางของข้อความในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Bookmark และการอ้างอิงโยง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo และ Redo โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้งาน OpenOffice.org แทน Microsoft Office โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้แผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้มุมมองต่างๆ ใน Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สไตล์ย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สูตรกับข้อมูลที่อยู่ต่างแผ่นงานและสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การดัดแปลงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางด้วย AutoFormat โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งสีภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งกั้นหน้าและกั้นหลัง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งเวลาในการบรรยายสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การติดตั้ง OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การทำดัชนี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อความ และการลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงบนเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเข้าตารางจากฐานข้อมูลอื่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำสูตรไปใช้ในงานเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสารเป็น PDF โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแบ่งเนื้อหาเอกสารโดยการขึ้นหน้าใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดของตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับข้อมูลให้ชิดด้านบน กึ่งกลาง หรือด้านล่างช่องตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับความสว่างและความคมชัดของภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งโหมดกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปิดเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปิดเอกสารที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การผสานช่องเซลล์และการแยกช่องเซลล์ในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ข้อความเบื้องต้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ซองจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์เอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มแถวและคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มลูกเล่นในการนำเสนอในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มและลบแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายตำแหน่งกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การรวมกลุ่มและแยกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงลำดับข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบแถวหรือลบคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์ แถว หรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกตัวอักษรหรือข้อความบางส่วน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกฟอนต์ที่ใช้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลื่อนดูเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปร่างอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปอิสระ Freeform โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดสี่เหลี่ยมหรือวงกลม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นเชื่อม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นที่มีหัวลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นและลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตัวเชื่อมต่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางและฟิลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างบันทึกย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างสรุปภาพนิ่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างเอกสารใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความในหัวกระดาษ และท้ายกระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่เชิงอรรถ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ลำดับเลขหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การหมุนวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกจากโปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกแบบระบบฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดการใช้งาน OpenOffice.org สำหรับภาษาไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความที่แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดคุณสมบัติวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบหน้ากระดาษก่อนเริ่มทำงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดให้ OpenOffice.org เซฟไฟล์งานอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขข้อมูลในแผนภูมิที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติด้วย AutoCorrect โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอความช่วยเหลือใน OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใช้งานโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าสู่โปรแกรม Draw โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คู่มือติดตั้ง OpenOffice.org 2.0 โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดรูปทรงสามมิติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดสี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/งานพรีเซนเตชั่นกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อความให้ล้อมภาพในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของความสัมพันธ์ (Relationships) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของคีย์ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ช่องตารางหรือเซลล์ใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เส้นไกด์ช่วยในการวาดภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความด้วยสี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อมูลโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบการสะกดคำด้วย Spellcheck โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบเอกสารก่อนพิมพ์ด้วย Page Preview โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แถบเครื่องมือวาดรูป โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกไฟล์ภาพกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกอักษรศิลป์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/นับจำนวนคำและตัวอักษรในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำโปรแกรม Base โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกชิ้นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ Microsoft Excel โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งข้อความในเอกสารเป็นหลายคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใบปะหน้าแฟกซ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งการจัดวางข้อความในย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับพื้นหลังของภาพให้โปร่งใส โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนแถบเมนูจากอังกฤษเป็นไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดโปรแกรม Math โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Writer ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ผลิตภัณฑ์ในชุด OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เมนูคำสั่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ยกเลิกเส้นประที่ Calc ขีดระหว่างเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายเอกสารที่แสดงบนจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักเครื่องมือ Selection โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักตัวชี้เมาส์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มต้นสร้างตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มป้อนข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรื่องของแถบเครื่องมือใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกสูตร/สัญลักษณ์ที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วาดรูปลงในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วิธีการเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างเอกสารประกอบการบรรยาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของหน้าต่างเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการจัดข้อความในย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงเอกสารเต็มจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่สีสันลงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
thaiwikibooks
196,420
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้
นอกจากการกำหนดรูปแบบและขนาดของตัวอักษรแล้ว การทำให้ตัวอักษรหรือตัวเลขในตารางเป็น ตัวหนา ตัวเอน ขีดเส้นใต้ หรือมีลักษณะที่ผสมกันไปก็สามารถเติมแต่งแผ่นงานให้ดูน่าสนใจขึ้น คลิกเมาส์เลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบ คลิกเมาส์เลือกจากแถบข้อมูล ตัวอักษรหนา, ตัวอักษรเอน, ขีดเส้นใต้ตัวอักษร เราใช้คำสั่ง Format>Cells (รูปแบบ> Cells) เลือกคลิกเมาส์แท็บ Fonts (แบบอักษร) แล้วเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ สารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/Calc ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กราฟกับการนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อความโดยอัตโนมัติด้วย AutoText โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกรอกข้อมูลและการเลื่อนเคอร์เซอร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดตำแหน่งแท็บหยุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนดฟอนต์เริ่มต้นให้กับเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเข้าสู่โปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนสมการคณิตศาสตร์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาและแทนที่ข้อความในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การค้นหาสิ่งต่างๆ ในเอกสารด้วย Navigation โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคำนวณค่าในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดกลุ่มและการจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการกับวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดการรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้ายหรือชิดขวาในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดตำแหน่งวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดทำสารบัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดแนวการวางของข้อความในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Bookmark และการอ้างอิงโยง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo และ Redo โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้งาน OpenOffice.org แทน Microsoft Office โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้แผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้มุมมองต่างๆ ใน Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สไตล์ย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้สูตรกับข้อมูลที่อยู่ต่างแผ่นงานและสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การดัดแปลงวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งตารางด้วย AutoFormat โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตกแต่งสีภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งกั้นหน้าและกั้นหลัง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตั้งเวลาในการบรรยายสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การติดตั้ง OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การทำดัชนี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อความ และการลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงบนเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเข้าตารางจากฐานข้อมูลอื่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำสูตรไปใช้ในงานเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การบันทึกเอกสารเป็น PDF โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแบ่งเนื้อหาเอกสารโดยการขึ้นหน้าใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดของตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับขนาดวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับข้อมูลให้ชิดด้านบน กึ่งกลาง หรือด้านล่างช่องตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับความสว่างและความคมชัดของภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งโหมดกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปิดเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปิดเอกสารที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การผสานช่องเซลล์และการแยกช่องเซลล์ในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ข้อความเบื้องต้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์ซองจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์เอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มแถวและคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มลูกเล่นในการนำเสนอในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเพิ่มและลบแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายตำแหน่งกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การรวมกลุ่มและแยกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเรียงลำดับข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบแถวหรือลบคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์ แถว หรือคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกตัวอักษรหรือข้อความบางส่วน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกฟอนต์ที่ใช้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลื่อนดูเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปร่างอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดรูปอิสระ Freeform โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดสี่เหลี่ยมหรือวงกลม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นเชื่อม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นที่มีหัวลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การวาดเส้นและลูกศร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างกราฟ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างจดหมาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตัวเชื่อมต่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างตารางและฟิลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างบันทึกย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างสรุปภาพนิ่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างเอกสารใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความในหัวกระดาษ และท้ายกระดาษ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อมูลในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่เชิงอรรถ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ลำดับเลขหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่สัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การหมุนวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกจากโปรแกรม OpenOffice.org Writer โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การออกแบบระบบฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดการใช้งาน OpenOffice.org สำหรับภาษาไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความที่แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดคุณสมบัติวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรที่แสดงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบหน้ากระดาษก่อนเริ่มทำงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดให้ OpenOffice.org เซฟไฟล์งานอัตโนมัติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขข้อมูลในแผนภูมิที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดโดยอัตโนมัติด้วย AutoCorrect โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอความช่วยเหลือใน OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใช้งานโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าสู่โปรแกรม Draw โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คู่มือติดตั้ง OpenOffice.org 2.0 โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดรูปทรงสามมิติ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดสี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เครื่องมือวาดเส้น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/งานพรีเซนเตชั่นกับการพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อความให้ล้อมภาพในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของความสัมพันธ์ (Relationships) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ชนิดของคีย์ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ช่องตารางหรือเซลล์ใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เส้นไกด์ช่วยในการวาดภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความด้วยสี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อมูลโดยการใช้สี โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบการสะกดคำด้วย Spellcheck โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบเอกสารก่อนพิมพ์ด้วย Page Preview โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แถบเครื่องมือวาดรูป โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกไฟล์ภาพกราฟิก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกอักษรศิลป์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/นับจำนวนคำและตัวอักษรในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำโปรแกรม Base โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกชิ้นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ Microsoft Excel โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งข้อความในเอกสารเป็นหลายคอลัมน์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใบปะหน้าแฟกซ์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งการจัดวางข้อความในย่อ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรเพิ่มเติม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับพื้นหลังของภาพให้โปร่งใส โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนแถบเมนูจากอังกฤษเป็นไทย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดโปรแกรม Math โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Writer ทำอะไรได้บ้าง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ผลิตภัณฑ์ในชุด OpenOffice.org โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เมนูคำสั่ง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ยกเลิกเส้นประที่ Calc ขีดระหว่างเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายเอกสารที่แสดงบนจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับฐานข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักเครื่องมือ Selection โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักตัวชี้เมาส์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มต้นสร้างตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เริ่มป้อนข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกไว้กลับมาใช้งาน โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรื่องของแถบเครื่องมือใน Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกสูตร/สัญลักษณ์ที่ต้องการ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วาดรูปลงในเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วิธีการเลือกวัตถุ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างเอกสารประกอบการบรรยาย โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของหน้าต่างเอกสาร โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการจัดข้อความในย่อหน้า โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงเอกสารเต็มจอภาพ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet) โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่สีสันลงในตาราง โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Calc โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
thaiwikibooks
196,421
ดาราศาสตร์ทั่วไป/ยานไพโอเนียร์และวอยเอเจอร์
ภารกิจไพโอเนียร์ ภารกิจไพโอเนียร์. ภารกิจไพโอเนียร์ (Pioneer missions) สามารถแบ่งออกตามกลุ่มได้ดังนี้ การสำรวจอวกาศที่ทำได้ (ค.ศ. 1958 ถึง 1960 / พ.ศ. 2501 ถึง 2503) ไพโอเนียร์ 0 (ทอร์-อะเบิล 1 หรือ ไพโอเนียร์) (Thor-Able 1 หรือ Pioneer) – ยานสำรวจอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ ถูกทำลาย (ยานทอร์เกิดความล้มเหลวหลังจากปล่อยจากฐานไปได้ 77 วินาที) ปล่อยเมื่อ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1985 / พ.ศ. 2501 ไพโอเนียร์ 1 (ทอร์-อะเบิล 2 หรือ ไพโอเนียร์ I) – ยานสำรวจอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ ไม่พบดวงจันทร์และล้มเหลวในวงโคจร (บางส่วนของสถานะที่สามล้มเหลว) ปล่อยเมื่อ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1958 / พ.ศ. 2501 ไพโอเนียร์ 2 (ทอร์-อะเบิล 3 หรือ ไพโอเนียร์ II) – ยานสำรวจอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ ล้มเหลวในวงโคจร (สถานะที่สามล้มเหลว) ปล่อยเมื่อ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1958 / พ.ศ. 2501 ไพโอเนียร์ P-1 (แอตลาส-อะเบิล 4A หรือ ไพโอเนียร์ W) – ยานเสียหาย 24 กันยายน ค.ศ. 1959 / พ.ศ. 2502 ไพโอเนียร์ P-3 (แอตลาส-อะเบิล 4 หรือ แอตลาส-อะเบิล 4B หรือ ไพโอเนียร์ X) ยานสำรวจดวงจันทร์ เสียหายในความล้มเหลวขณะปล่อยจากฐาน 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1959 / พ.ศ. 2502 ไพโอเนียร์ 5 (ไพโอเนียร์ P-2 หรือ ทอร์-อะเบิล 4 หรือ ไพโอเนียร์ V) – โคจรอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ ระหว่างโลกและดาวศุกร์ ปล่อยเมื่อ 11 มีนาคม ค.ศ. 1960 / พ.ศ. 2503 ไพโอเนียร์ P-30 (แอตลาส-อะเบิล 5A หรือ ไพโอเนียร์ Y) – ยานสำรวจดวงจันทร์ ล้มเหลวในการบรรลุวงโคจรของดวงจันทร์ ปล่อยเมื่อ 25 กันยายน ค.ศ. 1960 / พ.ศ. 2503 ไพโอเนียร์ P-31 (แอตลาส-อะเบิล 5B หรือ ไพโอเนียร์ Z) – ยานสำรวจดวงจันทร์ เสียหายในการล้มเหลวในชั้นบน (upper stage) ปล่อยเมื่อ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1960 / พ.ศ. 2503 การสำรวจดวงจันทร์ภารกิจจูโน 2 (Juno II) (ค.ศ. 1958 ถึง 1959 / พ.ศ. 2501 ถึง 2502) ไพโอเนียร์ 3 – ภารกิจบินผ่านดวงจันทร์ แต่ล้มเหลวขณะลงจอด (6 ธันวาคม ค.ศ. 1958 / พ.ศ. 2501) ไพโอเนียร์ 4 – ภารกิจบินผ่าน และประสบความสำเร็จในการบรรลุความเร็วหลุดพ้น (3 มีนาคม ค.ศ. 1959 / พ.ศ. 2502) ภารกิจภายหลัง (ค.ศ. 1965 ถึง 1978 / พ.ศ. 2508 ถึง 2521) ไพโอเนียร์ 6 (ไพโอเนียร์ A) – ปล่อยเมื่อธันวาคม ค.ศ. 1965 / พ.ศ. 2508 ไพโอเนียร์ 7 (ไพโอเนียร์ B) – ปล่อยเมื่อสิงหาคม ค.ศ. 1966 / พ.ศ. 2509 ไพโอเนียร์ 8 (ไพโอเนียร์ C) – ปล่อยเมื่อธันวาคม ค.ศ. 1967 / พ.ศ. 2510 ไพโอเนียร์ 9 (ไพโอเนียร์ D) – ปล่อยเมื่อพฤศจิกายน ค.ศ. 1968 / พ.ศ. 2511 (หมดอายุเมื่อตั้งแต่ ค.ศ. 1983 / พ.ศ. 2526) ไพโอเนียร์ E – เสียหายจากความล้มเหลวในการปล่อยเมื่อสิงหาคม ค.ศ. 1969 / พ.ศ. 2512 ภารกิจระบบสุริยะชั้นนอก ไพโอเนียร์ 10 (ไพโอเนียร์ E) – ภารกิจดาวพฤหัสบดีและมวลสารระหว่างดาว ปล่อยเมื่อมีนาคม ค.ศ. 1972 / พ.ศ. 2515 ไพโอเนียร์ 11 (ไพโอเนียร์ G) – ภารกิจดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และมวลสารระหว่างดาว ปล่อยเมื่อเมษายน ค.ศ. 1973 / พ.ศ. 2516 ไพโอเนียร์ H – มีภารกิจเช่นเดียวกับไพโอเนียร์ 10 และ 11 แต่ไม่ได้รับการปล่อย โครงการไพโอเนียร์วีนัส (Pioneer Venus project) ไพโอเนียร์วีนัสออร์บิเทอร์ (Pioneer Venus Orbiter) (ไพโอเนียร์วีนัส 1 หรือ ไพโอเนียร์ 12) – ปล่อยเมื่อธันวาคม ค.ศ. 1978 / พ.ศ. 2521 ไพโอเนียร์วีนัสมัลติพร็อบ (Pioneer Venus Multiprobe) (ไพโอเนียร์วีนัส 2 หรือ ไพโอเนียร์ 13) – ปล่อยเมื่อสิงหาคม ค.ศ. 1978 / พ.ศ. 2521 ไพโอเนียร์วีนัสพร็อบบัส – ยานบรรทุกยานพาหนะและยานชั้นบรรยากาศชั้นบน ไพโอเนียร์วีนัสลาร์กพร็อบ – ยานบรรทุกร่มชูชีพหนัก 300 กิโลกรัม ไพโอเนียร์วีนัสนอร์ทพร็อบ – ยานบรรทุกตัวอัดกระทบหนัก 75 กิโลกรัม ไพโอเนียร์วีนัสไนท์พร็อบ – ยานบรรทุกตัวอัดกระทบหนัก 75 กิโลกรัม ไพโอเนียร์วีนัสเดย์พร็อบ – ยานบรรทุกตัวอัดกระทบหนัก 75 กิโลกรัม ภารกิจวอยเอจเจอร์ ภารกิจวอยเอจเจอร์. ภารกิจวอยเอจเจอร์ (Voyager Mission) ถูกปล่อยขึ้นไปในอวกาศเพื่อการศึกษาระบบสุริยะชั้นนอก วอยเอจเจอร์ 1 (Voyager 1) : ศึกษาดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และกำลังเดินทางอย่างอ่อนล้าไปยังเฮลิโอพอส (Heliopause บริเวณขอบนอกของระบบสุริยะ) นับเป็นอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นที่เดินทางออกไปจากโลกได้ไกลที่สุดในปัจจุบัน วอยเอจเจอร์ 2 (Voyager 2) : ศึกษาดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ถูกปล่อยภายหลังจากยานวอยเอจเจอร์ 1 แต่ทำความเร็วได้สูงกว่า
thaiwikibooks
196,422
คำศัพท์จากหนังสือปูมราชธรรม
มรดกต่างๆที่กล่าวถึงการศึกษาแบบสหวิทยาในเรื่องพยัตติมีมาดังต่อไปนี้ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือชื่อว่า codice_1 ปูมราชธรรม หมายถึงขนบราชประเพณีโดยสังเขป ที่พระราชา และระเบียบแบบแผนของราชสำนักจะพึงปฏิบัติ ปูมราชธรรมปรากฏอยู่ในเอกสารเรื่องราวของไทยที่เก็บไว้โดยชาวฝรั่งเศษ คำว่าปูมราชธรรมนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต ซึ่งคงจะมีความหมายในเรื่องอย่างเก่า อย่างเรื่องปูมโหร ปูมปฏิทินเป็นต้น นั้น แต่ที่นี้ได้กล่าวไว้แต่ที่เป็นเหตุจริยาภิบาล อันจะเป็นไปได้ถึงแก่พระราชจริยานุวัตรในเบื้องโพ้น ซึ่งสมควรปรากฏแก่ธรรมในทุกสมัยแห่งราชาธิบดี ผู้เป็นราชาโดยธรรม ราชธรรมตามปูมนี้ กล่าวถึงปัญญาฉลาดปรีชา (พฺยตฺต) เป็นสังเขปมาดังนี้ ว่าพยัตตินั่นแลมีลักษณะอยู่ ๙ ประการ
thaiwikibooks
196,423
ได้เพราะวาจา
เปลี่ยนทาง เพราะวาจา
thaiwikibooks
196,424
หมาร่า
ประเภทและความต้องการงานวิจัย และความร่วมมือจากภาครัฐอย่างเป็นทางการ
thaiwikibooks
196,425
ดาราศาสตร์ทั่วไป/โลกยุคแรก
เมื่อประมาณ 3.9 ถึง 4.6 พันล้านปีก่อน ในช่วงเริ่มต้นของระบบสุริยะของเรากำลังก่อตัวขึ้นและเรื่มเคลื่อนไหว ต่อมาอีก 100 ล้านปี ดาวเคราะห์รวมถึงดวงจันทร์ทั้งหมดที่เรารู้จักถูกสร้างขึ้นหมดแล้ว รวมทั้งโลกและดาวบริวารดวงจันทร์ ในช่วงปีแรก ๆ ของโลกเรียกว่ามหายุค "พรีแคมเบรียน" และขยายมาจนถึงประมาณ 500 ล้านปีก่อน มหายุคนี้ประกอบด้วยบรมยุคเฮเดียน บรมยุคอาร์เคียน และบรมยุคโพรเทอโรโซอิก มหายุคเฮเดียน มหายุคเฮเดียน. ในช่วงแรกนั้นโลกดำเนินไปในบรมยุคเฮเดียน ซึ่งครอบคลุมอยู่ในช่วงประมาณ 4.6 ถึง 3.8 พันล้านปีก่อน โลกในเวลานั้นไม่เหมือนกับโลกในทุกวันนี้ ในตอนนั้นโลกส่วนมากทั้งคลาดแคลนออกซิเจนและน้ำที่อยู่ในมหาสมุทร ความร้อนจากการก่อตัวของระบบสุริยะและพลังงานโน้มถ่วงจากภายในทำให้เกิดความร้อนทั้งคู่ พร้อมกับการชนกันของเนื้อดาวเคราะห์ที่หลงเหลืออยู่ทำให้โลกค่อนข้างจะไม่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยได้ ในความเป็นจริง โลกส่วนมากยังคงหลอมเหลว และผลจากความร้อนจากสสารและความร้อนสุดขีดนี้ถูกปล่อยมาจากตะกอนของแผ่นเปลือกดาวเคราะห์ ทำให้ชั้นบรรยากาศไม่สามารถบรรลุได้ ชั้นบรรยากาศของโลกในตอนนั้นค่อนข้างจะไม่เหมือนกับที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ มันเต็มไปด้วยฝุ่นที่หลงเหลือจากเนบิวลาสุริยะ (Solar nebula) และธาตุเบาเช่น ไฮโดรเจน และ ฮีเลียม และต่อมาคือไอน้ำและแก๊สหลายชนิด ในระหว่างมหายุคอาร์เคียนคือเมื่อชั้นบรรยากาศเริ่มหนาแน่นจากกิจกรรมของภูเขาไฟบนโลก
thaiwikibooks
196,426
พระมหากษัตริย์ไทย/กฎหมายเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์/กฎหมายเกี่ยวกับบุคลากรในพระราชสำนัก
กฎหมายที่เกี่ยวกับพระราชวงศ์ พระราชฐานหรือระเบียบการปกครองในพระราชสำนัก
thaiwikibooks
196,427
ดาราศาสตร์ทั่วไป/การกำเนิดดวงจันทร์
มีทฤษฏีหนึ่งที่สันนิษฐานว่าดวงจันทร์นั้นเกิดจากโลก เป็นการสร้างทฤษฏีที่ว่ามีวัตถุขนาดเท่าดาวอังคารพุ่งโจมตีเข้าสู่โลกและโยนเนื้อโลกปริมาณยักษ์ออกไปสู่อวกาศ ในขณะที่มันกำลังตกลงกลับสู่โลก บางส่วนของเนื้อสสารได้รวมตัวกันและก่อกำเนิดเป็นดวงจันทร์ ทฤษฏีนี้ถูกรับรองโดยหลักฐานที่ดวงจันทร์นั้นมีองค์ประกอบเดียวกันกับเนื้อโลกและยังมีไอโซโทปที่สามของออกซิเจนเช่นเดียวกับบนโลกอีกด้วย
thaiwikibooks
196,428
ดาราศาสตร์ทั่วไป/ดาวเคราะห์คล้ายดาวพฤหัสบดี
ดาวเคราะห์ชั้นนอก หรือมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Jovian planets ซึ่งหมายถึงเป็นดาวเคราะห์แบบดาวพฤหัสบดี ซึ่ง Jovian มาจาก Jupiter ซึ่งเป็นชื่อดาวพฤหัสบดีในภาษาอังกฤษ ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เป็น ดาวเคราะห์แก๊ส เนื่องจากมีองค์ประกอบหลักเป็นแก๊สไฮโดรเจน หรืออาจถูกเรียกว่า ดาวเคราะห์ยักษ์ อันเนื่องมาจากขนาดที่ใหญ่ของมัน บรรดาดาวเคราะห์ชั้นนอกนี้ต่างมีดาวบริวารเป็นของตนเองเป็นจำนวนมาก รวมถึงบางดวงยังมีวงแหวนน้ำแข็งและฝุ่นด้วย ดาวเคราะห์ชั้นนอก มีจำนวนทั้งสิ้น 4 ดวง ประกอบด้วย (เรียงตามระดับวงโคจรจากใกล้ไปถึงไกล) ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และ ดาวเนปจูน ดาวพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดี. ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ในกลุ่มนี้ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด มีมวล 1.9 x 1027 กิโลกรัม (ประมาณ 318 เท่าของโลก) มีความกว้างระยะเส้นผ่านศูนย์กลาง 142,800 กิโลเมตร ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นหลัก และยังมี มีเทน แอมโมเนีย ไอน้ำ และส่วนประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ที่จุดลึกที่สุดภายในดาวพฤหัสบดีนั้น มีความกดอากาศที่สูงจนอะตอมของไฮโดรเจนถูกทำให้แหลกออกและอิเล็กตรอนถูกปลดปล่อยออก ผลก็คืออะตอมจะประกอบด้วยโปรตอนจำนวนน้อยมาก ผลผลิตที่สภาพนี้คือไฮโดรเจนจะกลายเป็นโลหะ ส่วนการเคลื่อนที่ของของเหลวในโลหะนี้เป็นชั้นที่ทำให้ดาวพฤหัสบดีมีสนามแม่เหล็กอันทรงพลัง ดาวพฤหัสบดีมีระบบสภาพอากาศที่เป็นพลวัตอย่างมาก หรือมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แทบตลอดเวลา การเคลื่อนที่ของของเหลวนั้นถูกจัดการโดยการหมุนรอบตัวเองที่รวดเร็วของดาวพฤหัสบดี ทำให้ดาวพฤหัสบดีมีการแบ่งแถบออกเป็นชุด ๆ ทั้งเข็มขัดมืดและโซนสว่างรอบตัวดาว ชั้นเมฆที่เรามองเห็นนั้นถูกสร้างขึ้นจากแอมโมเนียแข็ง ขณะที่ชั้นเมฆที่อยู่ลึกลงไปข้างล่างนั้นเป็นส่วนประกอบของแอมโมเนียม ไฮโดรซัลไฟด์ และ น้ำ ดาวพฤหัสบดีมีพายุลูกหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันชื่อ "จุดแดงใหญ่" (Great Red Spot) เป็นพายุที่เป็นระบบพายุหมุนรอบตัวเอง ซึ่งถูกค้นพบมาตั้งแต่เมื่อกว่าร้อยปีก่อน ส่วนวงแหวนนั้น ดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนที่ประกอบขึ้นด้วยฝุ่นบางมาก ๆ และยังทึบแสง ทำให้ยากต่อการสังเกต สำหรับดาวบริวารของดาวพฤหัสบดีนั้นมีจำนวน 63 ดวงที่ค้นพบแล้ว แต่ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ คัลลิสโต (Callisto), ยูโรปา (Europa), แกนีมีด (Ganymede) และ ไอโอ (Io) ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกโดยกาลิเลโอ กาลิเลอิ เมื่อปี 1610 (ประมาณ พ.ศ. 2153) จึงถูกเรียกอย่างรวม ๆ ว่า "ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ" หรือ Galilean Moons ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน
thaiwikibooks
196,429
ดาราศาสตร์ทั่วไป/วัฏจักรสุริยะ
วัฏจักรสุริยะ หรือ Solar cycle คือรอบวนซ้ำเพิ่มขึ้นและลดลงของ "กิจกรรมของดวงอาทิตย์" (ที่เราสังเกตุได้) ประกอบด้วยรอบวัฏจักรอย่างคร่าว ๆ 11 ปี ซึ่งจุดบนดวงอาทิตย์ (Sunspots - บ้างเรียกจุดดับหรือจุดมืด) ของดวงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด (Maximum) และจะเริ่มลดน้อยลงจนถึงจุดต่ำสุด (Minimum) ซึ่งจริง ๆ แล้วเวลาอาจต่างกันออกไปตั้งแต่ 7 ปี จนถึง 13 หรือ 14 ปี และจำนวนจุดดับในแต่ละรอบจุดสูงสุดยังต่างกันออกไปอีกด้วย ในบางรอบอาจจะมีกิจกรรมเยอะมากกว่ารอบอื่น ๆ ก็ได้ เพียงไม่นานหลังจากถึงจุดสูงสุด สภาพขั้วแม่เหล็กของจุดดับจะผันกลับและจะคงอยู่แบบนั้นไปจนกว่าจะถึงจุดสูงสุดถัดไป อย่างคร่าว ๆ คืออีก 11 ปีต่อมา ดังนั้น วัฎจักรสุริยะจึงไม่ใช่ 11 ปี แต่เป็น 22 ปี เนื่องจากในอีก 22 ปีถัดมาสภาพขั้วแม่เหล็กของจุดบนดวงอาทิตย์จะกลับสู่ค่าประมาณในโครงแบบเริ่มต้นของมัน การทำนายวัฏจักรบางครั้งก็ไม่สามารถทำนายได้ อย่างในช่วงที่วัฎจักรดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ ในช่วงจุดต่ำสุด กิจกรรมของดวงอาทิตย์อาจลดลงอย่างมากเกือบสิบห้าปี ในช่วงปี 2551 หลังจากจุดบนดวงอาทิตย์ถึงจุดต่ำสุด ได้มีการบันทึกได้ว่ากิจกรรมของดวงอาทิตย์นั้น "เงียบที่สุด" ใน 50 ปี ซึ่งต่อมาในช่วงปลายปี 2552 กิจกรรมของดวงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่วัฏจักรของจุดบนดวงอาทิตย์เกี่ยวข้องอย่างแน่นอนกับกิจกรรมอื่น ๆ และในดวงอาทิตย์ มีหลายความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับวัฏจักรต่าง ๆ บนโลกตั้งแต่คุณภาพของไวน์จนถึงเทรนด์ของแฟชั่นและตลาดหุ้น ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความสัมพันธ์ดังกล่าว และในความเป็นจริง ก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่รุนแรงระหว่างวัฏจักรของจุดบนดวงอาทิตย์กับรูปแบบของสภาพอากาศโลก ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการสรุปแต่อย่างใด ในช่วงที่วัฎจักรดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ ในช่วงจุดต่ำสุด จากประมาณช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 18 นั้นอากาศทั่วโลกกลับหนาวเย็นลงอย่างปกติ ซึ่งมีความพยายามที่จะเทียบสัมพันธ์ของสภาพอากาศแบบนี้กับการขาดหายไปของจุดบนดวงอาทิตย์ แต่ถ้าความสัมพันธ์นั้นเป็นจริง ก็ไม่มีสาเหตุกลไกถูกวิเคราะห์เอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะมีหนึ่งความสัมพันธ์ที่ยังไม่แน่นอนกับการแปรผันอุณหภูมิในบรรยากาศชั้นบนของโลก แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์โดยตรงอื่น ๆ และการทำนายความสัมพันธ์ดังกล่าว
thaiwikibooks
196,430
ดาราศาสตร์ทั่วไป/วิทยาคลื่นไหวสะเทือนดวงอาทิตย์
วิทยาคลื่นไหวสะเทือนดวงอาทิตย์ (Helioseismology) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับความสั่นสะเทือนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ที่สามารถเปรียบเทียบกับวิทยาแผ่นดินไหว (Seismology) บนโลก การวิเคราะห์การสั่นสะเทือนเหล่านี้นำไปจัดหาข้อมูลในการประมวลผลภายในดวงอาทิตย์ ซึ่งคล้ายกับการศึกษาการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภายในของโลกได้
thaiwikibooks
196,431
ดาราศาสตร์ทั่วไป/สภาพอากาศในอวกาศ
สภาพอากาศในอวกาศนั้นในความหมายทั่วไปที่ประยุกต์กับเงื่อนไขที่สภาพแวดล้อมในอวกาศซึ่งถูกกำหนดโดยกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ อย่างเช่น "ลมสุริยะ" คือ อนุภาคย่อยของอะตอมที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์และเกิดขึ้นตลอดเวลา ลมสุริยะ นี้บางครั้งอาจเป็นถึงขั้น พายุสุริยะ คือ อนุภาคที่ถูกชาร์จ (ส่วนใหญ่เป็นอิเล็กตรอนและโปรตอน) ซึ่งอาจส่งผลกระทบหรือรบกวนหรือทำให้ดาวเทียมในวงโคจรนั้นไร้ความสามารถไป ขัดขวางการสื่อสาร และตัวรังสีอาจเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศที่ไม่ได้สวมชุดป้องกันอยู่ได้ ลักษณะเกี่ยวกับสภาพอากาศในอวกาศที่เรารู้จักกันดีคือ ออโรรา (Aurora) หรืออีกชื่อในซีกโลกเหนือคือ แสงเหนือ (Northern Lights) เช่นเดียวกับ แสงใต้ (Southern Lights) ในซีกโลกใต้ ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า แสงขั้วโลกเหนือ (Aurora Borealis) และ แสงขั้วโลกใต้ (Aurora Australis) ตามลำดับ แสงเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมวลมหาศาลของอนุภาคลมสุริยะที่ถูกชาร์จแล้วนั้นถูกดึงดูดไปยังบริเวณขั้วของโลกโดยสนามแม่เหล็กของโลกเอง ซึ่งพวกมันจะไปกระแทกและมีปฏิกิริยากับโมเลกุลที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ ที่เรารู้จักกันโดยมากคือ ออกซิเจนและไนโตรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการปล่อยพลังงานของแสงออกมาให้เราเห็นเป็นออโรรา ซึ่งเป็นกระบวนการที่คล้ายกับในหลอดไฟ ในช่วงที่พายุลมสุริยะนั้นมีความรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประจุไฟฟ้าสามารถถูกสะสมได้บนสายส่งไฟฟ้าบนโลก จนบางครั้งก่อให้เกิดการโหลดเกิน (Overload) และเกิดไฟฟ้าดับได้ (เช่นเหตุการณ์ในรัฐควิเบกเมื่อปี 2532) ยิ่งไปกว่านั้นยังกระทบกระเทือนกับลักษณะคลื่นวิทยุในชั้นบรรยากาศชั้นบน ซึ่งลมสุริยะที่ผ่านการชาร์จแล้วนั้นยังอาจไปสะสมอยู่ในดาวเทียมสื่อสารที่ประจำอยู่ในวงโคจร และสามารถทำให้พวกมันเสียได้ถ้าไม่ได้รับการป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดขึ้น การประเมินความรุนแรงของพายุสุริยะครั้งหนึ่งในปี 2402 ซึ่งครั้งนั้นก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดการเสียชีวิตโดยรังสีเอ็กซ์และรังสีแกมมา ซึ่งเป็นอันตรายกับนักบินอวกาศที่อยู่บนเที่ยวบินออกจากโลก เช่นกำลังเดินทางไปดวงจันทร์ หรือ ดาวอังคาร ในยานอวกาศและสถานีอวกาศนานาชาตินั้น นักบินอวกาศจะมีความเสี่ยงปานกลางเท่านั้น ตั้งแต่ที่สนามแม่เหล็กของโลกได้ปกป้องบางส่วนให้กับนักบินอวกาศที่อยู่ในวงโคจรระดับต่ำของโลก (คือทั้งยานอวกาศและตัวสถานีอวกาศนานาชาติด้วย)
thaiwikibooks
196,432
ตารางเทียบศัพท์ คำไทย-บาลี
ทั้งนี้เพียงหมายถึง บทของคำศัพท์ที่เสริมความหมายกัน ไม่ได้หมายความว่าเป็นคำแปลตามตรงของคำหลัก คงแต่เพียงเทียบเฉพาะความหมายที่คล้ายๆกันเท่านั้น สำหรับข้อที่ควรจะต้องศึกษา
thaiwikibooks
196,433
ดาราศาสตร์ทั่วไป/บริวารของดาวเคราะห์
ไม่มีดาวบริวาร ไม่มีดาวบริวาร. บรรดาดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ที่ไม่มีดาวบริวารตามธรรมชาติเป็นของตัวเองมีสองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ โลก โลก. โลกมีดาวบริวารตามธรรมชาติหนึ่งดวง มักเรียกกันว่า "ดวงจันทร์" (บางทีคำว่าดวงจันทร์ยังถูกพูดถึงในบริบทแทนดาวบริวาร เช่น ดวงจันทร์ของดาวเสาร์มีจำนวนมาก) หรือในภาษาอังกฤษว่า "the Moon" หรือบางครั้งก็เรียกว่า "Luna" (ลูน่า) ดวงจันทร์ของโลกมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 จากบรรดาดาวบริวารของดาวเคราะห์ทั้งแปดดวงในระบบสุริยะ โดยดวงจันทร์ของโลกนับเป็นดาวบริวารที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดที่มีความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์แม่ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 3476 กิโลเมตรและมีอัตราส่วนต่อเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกเป็น 0.2764 เมื่อเทียบกันแล้ว ดาวบริวารถัดไปที่มีความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์แม่ขนาดใหญ่ (ดวงจันทร์ไทรทันของดาวเนปจูน) มีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.0546 ดวงจันทร์ของโลกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าดาวเคราะห์แคระพลูโตถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ดาวอังคาร ดาวอังคาร. ดาวอังคารมีดาวบริวารขนาดเล็กสองดวง คือ โฟบอส (Phobos) และ ดีมอส (หรือ ไดมอส) (Deimos) ทั้งสองดวงถูกค้นพบโดยอะแซฟ ฮอลล์ (Asaph Hall) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งโฟบอสอยู่ใกล้ดาวอังคารและดีมอสอยู่ถัดออกมา ดีมอสถูกค้นพบเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1877 (ประมาณ พ.ศ. 2420) ซึ่งชื่อดีมอสนั้นตั้งตามชื่อของเทพเจ้าแห่งความหวาดกลัวของกรีก มีหลุมอุกกาบาตน้อยกว่าและขนาดเล็ก ขนาดของดวงจันทร์ทั้งสองนั้นเล็กมาก โดยดีมอสมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 กิโลเมตรเท่านั้น ในขณะที่โฟบอสมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 26 กิโลเมตร ส่วนโฟบอสถูกค้นพบเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1877 ชื่อโฟบอสตั้งตามชื่อเทพเจ้าแห่งความกลัวของกรีก มีหลุมอุกกาบาตเยอะกว่า ดาวพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดี. ดาวพฤหัสบดี ในปัจจุบันมีดาวบริวารที่ค้นพบแล้ว 64 ดวง กับอีก 1 ดวงที่ยังไม่ได้ระบุชนิด โดยดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุด 4 ดวง คือ ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ แกนีมีด แกนีมีด. แกนีมีด (Ganymede) เป็นดาวบริวารขนาดใหญ่ที่สุดของดาวพฤหัสบดีและในระบบสุริยะ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5,268 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดาวพุธถึง 8% และเป็นดวงจันทร์บริวารเพียงดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีย่านที่มีแม่เหล็กกำลังสูง (Magnetosphere) เป็นของตัวเอง แกนีมีดถูกค้นพบเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1610 (ประมาณ พ.ศ. 2153) โดยกาลิเลโอ กาลิเลอิ พร้อมกับไอโอ, ยูโรปา และ คัลลิสโต คัลลิสโต คัลลิสโต. คัลลิสโต (Callisto) เป็นดาวบริวารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของดาวพฤหัสบดี และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของระบบสุริยะ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 4,820 กิโลเมตร ซึ่งเป็น 98% ของขนาดดาวพุธ คัลลิสโตมีพื้นผิวที่เก่าแก่ที่สุดในระบบสุริยะ คือ มันมีหลุมอุกกาบาตหนาแน่นที่สุดในระบบสุริยะ ซึ่งเก่าแก่กว่าดาวพุธด้วยซ้ำ คัลลิสโตถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1610 พร้อมกับไอโอ, ยูโรปา และ แกนีมีด ไอโอ ไอโอ. ไอโอ (Io) เป็นดาวบริวารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของดาวพฤหัสบดี และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของระบบสุริยะ มี้เส้นผ่านศูนย์กลาง 3,642 กิโลเมตร ซึ่งขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อย การค้นพบและประวัติ การค้นพบและประวัติ. ไอโอ มีประวัติมากมายนับตั้งแต่การค้นพบในปี ค.ศ. 1610 (ประมาณ พ.ศ. 2153) โดยกาลิเลโอ กาลิเลอิ ด้วยเทคโนโลยีกล้องโทรทรรศน์ที่ยังจำกัดในสมัยนั้น จนกระทั่งช่วงปลายปี ค.ศ. 1800 เมื่อกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลกแล้ว การสังเกตการณ์แสดงให้เห็นว่าบริเวณสีแดง สีน้ำตาล สีส้ม และสีเหลือง ซึ่งในภายหลังถูกพิจารณาว่าเป็นซัลเฟอร์และโซเดียมบนพื้นผิวที่มีความอุดมสมบูรณ์ และยังมีจำนวนกิจกรรมของภูเขาไฟที่มีปริมาณมากเป็นพิเศษ ไอโอวัตถุที่ยังมีกิจกรรมทางภูเขาไฟที่มากที่สุดในระบบสุริยะ เนื่องจากได้รับผลจากแรงไทดัลอย่างเข้มข้นจากดาวพฤหัสบดีทำให้มันร้อน และวงโคจรที่สั่นพ้องกับดาวบริวารดวงอื่นของดาวพฤหัสบดี ต้นกำเนิดของพลังงานภายใน ต้นกำเนิดของพลังงานภายใน. ไอโอมีความหนาแน่นใกล้เคียงดวงจันทร์ของเรา แต่ส่วนใหญ่องค์ประกอบของมันเป็นซัลเฟอร์ ไอโอต้องเผชิญกับแรงไทดัลทำให้มันร้อนเนื่องจากวงโคจรรอบดาวพฤหัสบดี เปรียบเทียบกับระยะห่าง 422,000 กิโลเมตรและปฏิสัมพันธ์ด้านแรงโน้มถ่วงกับดวงจันทร์ของกาลิเลโอดวงอื่น ๆ สนามโน้มถ่วงขนาดใหญ่ของดาวพฤหัสบดีและปฏิสัมพันธ์ของไอโอกับดาวบริวารอื่น ๆ ส่งผลให้วงโคจรสั่นพ้องระหว่างไอโอ, ยูโรปา และ แกนีมีด ซึ่งหมายถึงคาบการโคจรของมันนั้นเป็นจำนวนเต็มของกันและกัน ในแต่ละวิถีโคจรของแกนีมีด, ยูโรปามีวงโคจรเป็นสองครั้ง และไอโอมีวงโคจรเป็นสี่ครั้ง แรงนี้ทำให้ไอโอมีวงโคจรที่เยื้องศูนย์กลางมากกว่า วงโคจรเยื้องศูนย์กลาง คือ การที่วงโคจรของไอโอมีระยะห่างผันแปรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากการขยายและการหดตัวจากการโป่งของแรงไทดัล พลังงานแรงเสียดทานนี้ถูกปลดปล่อยในรูปของความร้อน ความร้อนภายในของไอโอได้หลอมละลายแกนที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ของไอโอเป็นหินหนืดเหลว ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในที่จัดเก็บขนาดใหญ่ใต้พื้นผิว กระบวนการนี้ได้กระตุ้นความกดดันภายในไอโอและเป็นเหตุให้เกิดกิจกรรมทางภูเขาไฟขึ้น เชื่อกันว่าไอโอมีเปลือกดาวที่แข็งอยู่บาง ๆ และการไหลเวียนของหินหนืดเหลวที่มีอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้เกิดความร้อนภายในอยู่ตลอดเวลา มีการประมาณว่าพลังงานที่สลายตัวจากปฏิกิริยาแรงไทดัลมีขนาดใหญ่เป็นสองอันดับของการสลายกัมมันตรังสี ด้วยเหตุนี้ ไอโอจึงมีอุณหภูมิสูงสุดที่สังเกตการณ์ที่ประมาณ 1,800 เคลวิน ซึ่งสูงเป็นอันดับที่สองในระบบสุริยะ ข้อบ่งชื้อื่นของการสลายตัวของพลังงาน คือ กระแสความร้อนขนาดใหญ่ มากกว่า 30 เท่าที่พบได้ในภูเขาไฟบนโลก ลักษณะภูเขาไฟ ลักษณะภูเขาไฟ. ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พื้นผิวของไอโอนั้น ถูกควบคุมด้วยลักษณะภูเขาไฟ พื้นผิวของดาวนั้นเกลื่อนไปด้วยหลุมอุกกาบาต, แคลดีรา (หลุมปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่), กระแสลาวา, ภูเขาไฟรูปโล่, ที่ราบเถ้าภูเขาไฟ, ซัลเฟอร์หรือกำมะถัน (S) ที่ทับถมไว้ และลักษณะอื่น ๆ ไอโอมีภูเขาไฟมากกว่า 500 ลูกบนพื้นผิวของมัน และมีแคลดีรากว่า 200 หลุม บางหลุมมีขนาดใหญ่กว่า 200 กิโลเมตร แคลดีราเหล่านี้ถูกล้อมรอบโดยรูปร่างที่แตกต่างกันอย่างเช่น วงแหวนที่สว่างจากซัลเฟอร์อีเจ็คตาที่ควบแน่น ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวเคราะห์แคระ วัตถุอื่น
thaiwikibooks
196,434
การประดับธง และความหมายของธง
การจัดโต๊ะหมู่บูชา ถวายสักการะ การจัดโต๊ะหมู่บูชา ถวายสักการะ. การจัดแท่นหมู่บูชาถวายสักการะ นั้น เมื่อตั้งโต๊ะทั้ง ๗ โต๊ะบนพื้นแท่นหลัก หรือบนผืนพรมแล้ว จากนั้น ให้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมรูปหล่อ มาประดิษฐาน ณ ตำแหน่งโต๊ะกลางสูงทางด้านหลังในสุด ลำดับที่ ๑ พร้อมด้วยเครื่องประดับแจกันหรือพานพุ่มดอกไม้ และในลำดับต่างๆ นั้น เป็นดังต่อไปนี้ โต๊ะตัวลำดับที่ ๒ ตัวสูงกลาง ด้านหน้า ตั้งประดับแจกันดอกไม้ หรือพานพุ่มดอกไม้ โต๊ะลำดับตัวที่ ๓ ที่ ๔ ด้านข้างตั้งประดับแจกันดอกไม้ หรือพานพุ่มดอกไม้ โต๊ะลำดับที่ ๕ ตัวพื้นฐานด้านล่างตำแหน่งหน้าสุด ให้ตั้งประดับสักการะด้วย พานจัดธูปเทียนแพ และกรวยดอกไม้ โต๊ะตัวสูงกลางด้านข้าง ตัวที่ ๖ ที่ ๗ ให้ตั้งประดับด้วยพานพุ่มดอกไม้ สำคัญที่ว่า ตำแหน่งที่ ๓ และที่ ๔ นั้น จะตั้งประดับเป็นพานพุ่มอย่างลำดับที่ ๖ ที่ ๗ ก็ได้
thaiwikibooks
196,435
ธงประดับเทศกาลต้อนรับ วันออกพรรษา
การตั้งสักการะ ถวายบูชาพระธาตุ, พระพุทธรูป การตั้งสักการะ ถวายบูชาพระธาตุ, พระพุทธรูป. การจัดแท่นหมู่บูชาถวายสักการะ นั้น เมื่อตั้งโต๊ะทั้ง ๗ โต๊ะบนพื้นแท่นหลัก หรือบนผืนพรมแล้ว จากนั้น ให้อาราธนาประดิษฐานซึ่ง พระธาตุ หรือพุทธนิมิตประการอื่น ๆ แบบต่าง ๆ ตามแต่ที่ตน และคณะของตนจะศรัทธา มาที่ซึ่งการประดิษฐาน ณ ตำแหน่งโต๊ะกลางสูงทางด้านหลังในสุด ลำดับที่ ๑ พร้อมด้วยเครื่องประดับแจกันหรือพานพุ่มดอกไม้ และในลำดับต่างๆ นั้น เป็นดังต่อไปนี้ โต๊ะตัวลำดับที่ ๒ ตัวสูงกลาง ด้านหน้า ตั้งประดับแจกันดอกไม้ หรือพานพุ่มดอกไม้ โต๊ะลำดับตัวที่ ๓ ที่ ๔ ด้านข้างตั้งประดับแจกันดอกไม้ หรือพานพุ่มดอกไม้ โต๊ะลำดับที่ ๕ ตัวพื้นฐานด้านล่างตำแหน่งหน้าสุด ให้ตั้งประดับสักการะด้วย ธูป ๓ เทียน ๒ รวมเป็น ๕ ประการแล้ว อาจวางบูชาด้วยพวงมาลัย หรือดอกไม้ด้วยก็ได้ (ความหมาย ธูป นั้น แทนพระสังฆรัตนะ ที่ถึงแก่พระพุทธคุณทั้ง ๓ ประการ และเทียนเป็นเครื่องระลึกแทนพระธรรม และพระวินัย) โต๊ะตัวสูงกลางด้านข้าง ตัวที่ ๖ ที่ ๗ ให้ตั้งประดับด้วยพานพุ่มดอกไม้ สำคัญที่ว่า ตำแหน่งที่ ๓ และที่ ๔ นั้น จะตั้งประดับเป็นพานพุ่มอย่างลำดับที่ ๖ ที่ ๗ ก็ได้
thaiwikibooks
196,436
โรลเพลย์
"โรลเพลย์" เป็นการเล่นบทบาทสมมุติ และ จำลองสถานที่ รวมไปถึง "จำลองยุค" โดยผู้เล่นต้องสร้างตัวละครของตัวเองขึ้นมาหรือใช้ตัวละครที่มีอยู่ตามเกมและการ์ตูนต่างๆ และดำเนินเรื่องไปตามรูปแบบที่วางเอาไว้ โดยอาจเล่นกันเป็นกลุ่มขนาดเล็กจนถึงกลุ่มขนาดใหญ่ ซึ่งโรลเพลย์จะแตกต่างกับ คอมมูนิตี เนื่องจากโรลเพลย์จะมีโครงสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเกี่ยวโยงกัน (หรืออาจไม่เกี่ยวโยงกัน) แต่คอมมูนิตี้จะเป็นชุมชนที่ไม่ได้เชื่อมต่อกัน โดยในประเทศไทย โรลเพลย์อยู่ในเว็บบอร์ดต่างๆที่มีชื่อเสียงในอดีตและปัจจุบัน โครงสร้างโรลเพลย์ โครงสร้างโรลเพลย์. โรลเพลย์จะมีโครงสร้างเป็นของตัวมันเอง ยกตัวอย่างเช่น โรลเพลย์อาณาจักรสมมุติ ผู้จัดสร้างจะต้องวางโครงสร้างอาณาบริเวณ ระบบการปกครอง ผู้บริหาร คณะผู้บริหาร สถานที่อำนวยความสะดวก สถานที่ทำงาน สถานที่พักผ่อน สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อต่างๆ โดยจะใช้ระบบการปกครองที่เชื่อมต่อกันในยุคนั้นๆ เช่น หากเป็นโครงสร้างโรลเพลย์จากยุคกลาง ย่อมต้องใช้ระบบการปกครองแบบฐานันดรศักดิ์เช่นยุคกลาง และรวมไปถึงตัวละครที่มีบทบาท (ซึ่งไม่ปรากฏตัวเมื่อเล่นจริง) หรือถ้าเป็นโรลเพลย์แบบโรงเรียนก็จะมีโครงสร้างที่เป็นแบบสถานศึกษา โรลเพลย์บางอย่างอาจเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จริง ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือนักหนังสือต่างๆ เช่น สามก๊ก หรือยุคเอโดะ เป็นต้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นโครงสร้างเต็มตัวอย่างการโรลเพลย์อาณาจักร ซึ่งกินพื้นที่มากกว่า และยุ่งยากมากกว่าจึงไม่เป็นที่นิยม โรลเพลย์ที่นิยมมากทีสุดคือโรลเพลย์สถานศึกษา ในรูปแบบโรงเรียน เพราะเป็นที่เข้าใจง่าย เข้าถึงง่ายและไม่ต้องมีแบบแผนในการพูดคุยมากนัก ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งโรลเพลย์และคอมมูนิตี้ในเวลาเดียวกัน การเล่นโรลเพลย์ การเล่นโรลเพลย์. การเล่นโรลเพลย์จะแบ่งเป็นขั้นตอน ดังนี้ สร้างเนื้อเรื่อง สร้างเนื้อเรื่อง. ผู้เล่นต้องสร้างเรื่องราวอันเป็นการกำเนิดของการเล่น หากเป็นการโรลเพลย์ของผู้เข้าร่วมมักจะง่าย เพราะสร้างเพียงเรื่องของตัวละครของเขา แต่ถ้าเป็นผู้สร้างโรลเพลย์ (สร้างการโรลเพลย์) มักต้องสร้างทุกอย่าง ตั้งแต่สถานที่ ตัวละครของตัวเอง และตัวละครประกอบ(ซึ่งอาจไม่ปรากฏตัวเมื่อเล่นจริง) รวมไปถึงประวัติของสถานที่และอาณาบริเวณโดยรอบ สร้างตัวละคร สร้างตัวละคร. ตัวละครของผู้เล่นมักจะเป็นตัวละครที่เป็นจินตนาการ โดยจะสร้างตั้งแต่ลักษณะรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง การแต่งกาย พลังพิเศษ ความสามารถ เข้าร่วมกับกลุ่มที่คาดหมาย เข้าร่วมกับกลุ่มที่คาดหมาย. ผู้เล่นต้องนำตัวละครไปยังบริเวนที่ทางผู้จัดโรลเพลย์ได้จัดไว้ ซึ่งส่วนมากจะใช้ระบบทำบัตรสมาชิก เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครผู้เล่นท่านอื่น เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครผู้เล่นท่านอื่น. ผู้เล่นจะเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครที่มีผู้เล่นท่านอื่นควบคุมอยู่ โดยอาจเป็นเพื่อน พี่น้อง คนรัก ครอบครัว หรือแม้แต่ศัตรู เริ่มสร้างเนื้อเรื่องของตัวละครตัวเอง เริ่มสร้างเนื้อเรื่องของตัวละครตัวเอง. เมื่อถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนการเล่น เช่น การเข้าทำงานต่างๆ การแต่งงาน ผู้เล่นมักจะต้องวางแผนเป็นแบบ Day-to-Day เพราะหากไม่วางแผน เนื้อเรื่องที่กำหนดไว้ของตัวเองอาจเปลี่ยนไป หากไม่กำหนดก็จะเป็นไปตามเนื้อเรื่องที่เล่นร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ แต่ไม่มีจุดหมาย เมื่อต้องการยุติบทบาทตัวละคร เมื่อต้องการยุติบทบาทตัวละคร. เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่ผู้เล่นอาจอยากเปลี่ยนตัวละครใหม่ หรือ ต้องการยุติการเล่น มักจะใช้วิธีการ "ตาย" โดยกำหนดให้ตัวละครถึงแก่ความตายในรูปแบบต่างๆ ตามความสมัครใจของตัวเอง อาจเดินเนื้อเรื่องไปถึงการเป็นวิญญาณหรือการถือกำเนิดใหม่ได้ เป็นต้น 7 ข้อห้ามที่ควรเลี่ยงในการเขียนโรลเพลย์ การกล่าวถึงในเนื้อเรื่องโรลเพลย์นั้นไม่ควรกล่าวถึงเข้าเรื่องตามหัวข้อโรลเพลย์โดยตรง แต่ควรมีการเกริ่นนำในส่วนของย่อหน้าแรกว่าก่อนหน้านี้ตัวละครของท่านทำอะไร มาจากไหน หรือเรียกว่าการเขียนเล่าเรื่องในส่วนการเดินทางก่อนมาเขียนโรลเพลย์ในหัวข้อปัจจุบัน การโรลเพลย์ที่ควรตรงตามคอนเซ็ปต์ของกลุ่มโรลเพลย์ที่ตัวละครของท่านกำลังเล่นอยู่นั้น อาทิ ท่านกำลังเล่นกลุ่มโรลเพลย์ประเภทธีมยุทธภพ ดังนั้นตัวละครของท่านก็ไม่ควรโรลเพลย์ไปในทิศทางที่ตรงข้าม ยกตัวอย่างเช่น การโรลเพลย์มีพลังเหนือมนุษย์, การโรลเพลย์ประเภทรู้ว่ากำลังมีคนมาทางนี้ทั้งที่ตัวละครของท่านก็ไม่ได้เป็นยอดฝีมือ ฯลฯ เป็นต้น การเขียนโรลเพลย์ที่ดี ไม่ควรคัดลอกโรลเพลย์ของคู่โรลเพลย์มาทั้งหมด แต่ท่านควรคัดลอกโรลเพลย์ของคู่โรลเพลย์ท่านมาเพียงประโยคสนทนาเท่านั้น ในการเขียนโรลเพลย์ไม่ควรใช้คำในการแสดงกิริยา ลักษณะท่าทางต่างๆ ของคู่โรลเพลย์ตามเดิม ในบางคำไม่เหมาะสมเมื่อมาอยู่ในโรลเพลย์ของท่าน ท่านก็ควรเปลี่ยนแปลง แก้ไขให้เหมือนกับว่าตัวละครของท่านเป็นฝ่ายคิดและมองเห็นจากสายตาทั้งสองคู่ของตัวละครท่าน การโรลเพลย์ทุกครั้ง ควรมีย่อหน้าโรลเพลย์ในตอนจบของโรลเพลย์เสมอ การเขียนโรลเพลย์ไม่ควรละทิ้งโรลเพลย์นานเกินไป เพราะถือเป็นมารยาทในการโรลเพลย์อย่างสูง ให้ท่านลองคิดดูถ้าหากท่านทิ้งโรลเพลย์ไปดื้อๆ หรือกว่าจะมาเขียนโรลเพลย์ก็ใช้เวลากว่าอาทิตย์ เพื่อนร่วมโรลเพลย์ของท่านจะต้องรอและไม่สามารถทำอะไรต่อได้ การโรลเพลย์ที่ดีควรโรลเพลย์ทีละ 1 โรลเพลย์ต่อ 1 รูทที่มีเนื้อเรื่องอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันหรือไล่เลี่ยกันเท่านั้น เพราะอาจจะทำให้ดูไม่สนุกและไม่สมเหตุสมผล แถมยังเป็นการไม่ให้เกียรติต่อคู่โรลของเราด้วย การโรลเพลย์อิสระ หากสมาชิกเขียนโรลเพลย์ในการทำร้าย ลักขโมย ขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าหากถูก NPC จับได้ ทางสมาชิกคนนั้นจะต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้ (Admin GM ในโรลเพลย์มักจะเป็นผู้สรุปให้) หรือถ้าเกิด NPC นำผลลัพธ์นั้นไปสร้างเควสให้กับสมาชิกท่านอื่น เพื่อมาจับตัวสมาชิกท่านนั้น ในการเขียนโรลเพลย์จับตัวสมาชิกท่านนั้นห้ามบ่ายเบี่ยงหรือพยายามปฏิเสธที่จะโรลเพลย์ด้วยเนื่องจากจะเป็นภาระของสมาชิกผู้รับเควส ซึ่งในการต่อสู้ผลแพ้ชนะทุกชุมชนโรลเพลย์มักจะมีค่าสเตตัสในการชี้ตัดสิน หากสมาชิกเขียนโรลเพลย์ลอบสังหาร NPC และถ้าเกิดถูก NPC จับได้จนสังหารถึงแก่ความตาย ทางสมาชิกคนนั้นจะต้องยอมรับผลที่ตามมาและยินยอมเกิดใหม่โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ อื่นๆ ฯลฯ โดยผลจากการกระทำของสมาชิกที่เขียนโรลเพลย์อิสระ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโรลเพลย์ประเภทจีบ NPC ผู้หญิง ซึ่งบางที NPC คนนั้นอาจมีสามีแล้ว เพียงแต่ข้อมูลส่วนนี้เป็นความลับยังไม่ถูกเปิดเผยในตอนนั้น ทางสมาชิกจะต้องยินยอมรับผลการกระทำที่จะเกิดขึ้นตามมา หรือ ในกรณีที่เป็นโรลเพลย์ขุนนางสูงศักดิ์ และ กำลังเขียนโรลเพลย์ประเภททุจริต หากถูกผู้ปกครองจับได้ ทางสมาชิกจะต้องยินยอมรับโทษโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น มารยาทในการเขียนโรลเพลย์ ไม่ควรลากโรลเพลย์ถึงสมาชิกท่านอื่นตามใจชอบ ควรมีการขออนุญาตทุกครั้งที่อยากโรลเพลย์กับสมาชิกคนนั้น เมื่อสมาชิกเริ่มโรลเพลย์กันแล้ว ไม่ควรละทิ้งหรือใช้เวลานานเกินไป โปรดให้ลองนำใจของเขามาใส่ใจเรา สมาชิกบางท่านอาจมีเวลาว่างจำกัด เขาอาจจะอยากรีบโรลเพลย์กับท่านให้เสร็จเพื่อไปเขียนโรลเพลย์อื่นต่อ ซึ่งหากต้องมารอท่านเป็นเวลานานก็จะทำให้ความสนุกในการเล่นโรลเพลย์ของสมาชิกท่านนั้นลดน้อยลงตามด้วยจนหมดอารมณ์ในการเล่น เมื่อมีการเริ่มโรลเพลย์ ก็ควรมีความรับผิดชอบเป็นสำคัญในการเขียนโรลเพลย์ให้จบไม่ควรละทิ้งไปกลางคัน การโรลเพลย์ที่สำคัญอีกหนึ่งข้อ นั่นคือ ลักษณะนิสัยตรงต่อเวลา ถือเป็นลักษณะนิสัยที่สำคัญในการอยู่ในสังคมหมู่มาก การเขียนโรลเพลย์ควรเขียนทีละ 1 โรลเพลย์เท่านั้น ไม่ควรเขียนพร้อมกันหลายโรลเพลย์ เพราะจะทำให้ดูไม่สนุกและดูเหมือนสมาชิกกำลังแยกร่างตัวละครทำหลายสิ่งพร้อมกัน โรลเพลย์ในปัจจุบัน โรลเพลย์ในปัจจุบัน. และทางด้านกิจกรรมในแต่ละโรลเพลย์เองนั้นก็เชื่อได้ว่าแต่ละกิจกรรมของเหล่าโรลเพลย์ต่างๆ จะมุ่งเน้นในการพัฒนาทักษะไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ, ออกแบบ, การเขียนกลอน หรือ เรียงความ และ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งค้นหาโรลเพลย์ต่างๆเหล่านี้ได้ง่ายหากเป็นโรลเพลย์แบบเปิด และบางโรลเพลย์ก็เป็นโรลเพลย์แบบปิดจึงอยากเข้าหายาก คุณประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นโรลเพลย์ เสริมสร้างคุณลักษณะนิสัยในด้านความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา เสริมสร้างคุณลักษณะในด้านการปฏิบัติงาน เสมือนท่านกำลังฝึกงาน เสริมสร้างทักษะในการเขียนบทความ, งานวิจัย ได้อย่างมีคุณภาพดีเยี่ยม เสริมสร้างจินตนาการ ความคิดที่ดีเยี่ยม ประวัติศาสตร์โรลเพลย์ ประวัติศาสตร์โรลเพลย์. ย้อนกลับไปหลังประเพณี  Commedia dell'Arte ของศตวรรษที่ 16 ซึ่งมักมีการเปิดให้เล่นบทบาทสมมติในโรงละคร Improvisational แต่ทว่าในปัจจุบันโรงละคร Improvisational ได้เริ่มต้นเปิดคลาสเรียนพิเศษ "เกมละคร" ของ Viola Spolin และ Keith Johnstone ในปี ค.ศ.1950,  Viola Spolin ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งละครตลกชื่อดังใน Second City ได้ออกมายืนยันแล้ว่าการเล่นเกมประเภทนี้ช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายของเธอ และพวกเขาได้มีส่วนร่วมในการเล่นบทละครสมมติตั้งแต่ปี ค.ศ.1946 เธอถือได้ว่าตัดสินใจได้ถูกต้องว่าเป็นบทละครโรลเพลย์ที่มีการฝึกซ้อมของนักแสดงหรือการละเล่นบทบาทของนักแสดงเหล่านั้น แต่ตอนนี้หลายคนได้ใช้เกมของเธอเพื่อความบันเทิงในครอบครัวหรือหมู่เพื่อน โรลเพลย์อาณาจักร อะไรคือโรลเพลย์อาณาจักร? โรลเพลย์อาณาจักร. อะไรคือโรลเพลย์อาณาจักร? โรลเพลย์อาณาจักร จัดเป็นองค์ประกอบโรลเพลย์ที่ซับซ้อนและยุ่งยากอย่างมาก เพราะถ้าวางระบบไม่ดี อาณาจักรจะล่มตั้งแต่ต้น ซึ่งโรลเพลย์อาณาจักรไม่เหมาะกับการจับกลุ่มโรลเพียง 5-10 คน แต่เหมาะกับการเปิดรับคนใหม่ๆและสังคมใหม่ๆ รวมไปถึงมิตรภาพใหม่ที่จะรอคุณอยู่ โรลเพลย์อาณาจักรจัดเป็น RPG เต็มรูปแบบ ซึ่งผู้สร้างอาณาจักรต้องมีความรู้และความสามารถเพียงพอในการบังคับใช้กฏของตนเองกับผู้เล่น และส่วนใหญ่จะมีกฏเป็นของตัวเองซึ่งจะแตกต่างกับโรลเพลย์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โรลเพลย์ชนิดนี้มีเนื้อเรื่องเป็นของมันเองเฉพาะ ซึ่งผู้สร้างจะเดินเนื้อเรื่องเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์ โดยอาจมีส่วนร่วมกับการเดินเนื้อหานั้นด้วย แต่การเดินเนื้อหาของโรลชนิดนี้จะไม่แน่นอน อย่าคาดหวังอนาคตด้วยตัวเอง เพราะเนื้อหาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของตัวกลุ่ม องค์ประกอบโรลเพลย์อาณาจักร องค์ประกอบโรลเพลย์อาณาจักร. โรลเพลย์อาณาจักรจะมีองค์ประกอบหลัก ดังนี้ สถานที่ ผู้นำ ระบบพื้นฐาน องค์ประกอบอื่นๆ กฎของการเล่นโรลเพลย์อาณาจักร กฎของการเล่นโรลเพลย์อาณาจักร. ทุกอาณาจักรจะมีกฎเป็นของตัวเองและบังคับใช้เฉพาะคนของตัวเอง (อาจรวมไปถึงคนของตนที่ไปทำผิดที่กลุ่มอื่นซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มของตนเอง แต่กฎหลักๆที่ยึดถือกันคือ ไม่ทำการคัดลอกรูปแบบโรลเพลย์จากกลุ่มอื่น การจำลองอาณาจักรเสมือนจริง อย่าใช้การแสลงชื่อ อย่าหัวหมอ บางอย่างในโรลเพลย์อาณาจักรเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เช่น เรื่องสถานที่สำคัญ หรือเรื่องของประวัติกลุ่ม และโดยเฉพาะ สถานที่ที่ตนเองเป็นผู้สร้างโดยรับคำสั่งแอตมิน อย่าพยายามหัวหมอเคลมว่า "ฉันทำก่อน" "ฉันคนเขียน" "ฉันคนสร้าง" เพราะคุณสร้างมันด้วยชื่อของอาณาจักร คุณไม่ได้ทำเพื่อแอตมิน แต่คุณทำเพื่อตัวโรลเพลย์ เมื่อคุณออกไปแล้ว ทุกอย่างที่คุณทำจะตกเป็นของตัวโรลเพลย์ ซึ่งเจ้าของกลุ่มไม่มีสิทธินำไปใช้ที่อื่นเว้นแต่ในโรลเพลย์นั้น อย่าชักศึกเข้าบ้าน อย่าทิ้งงาน อย่าใช้อำนาจแอตมินในทางที่ไม่เหมาะสม มีโรลเพลย์อาณาจักรอยู่ 6 อาณาจักร โดยทั้ง 6 อาณาจักรนี้ปกครองและมีรูปแบบของโครงสร้างคล้ายกัน แต่จะต่างกันที่ระบบการปกครองและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโรลเพลย์กลุ่มอาณาจักรที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกโรลเพลย์ในประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะทั้งหกอาณาจักรเกี่ยวข้องกันทั้งหมดและรวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะจำแนกดังนี้ ราชอาณาจักรดาร์กแลนด์ ราชอาณาจักรดาร์กแลนด์. เป็นดินแดนจำลองที่ใช้วัฒนธรรมร่วมสมัยแบบยุคกลางกอธิกและเรอเนสซองซ์(ฟื้นฟูศิลปวิทยาการ) แต่เป็นด้านมืดของยุคนั้น โดยเนื้อเรื่องเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ดินแดนอันน่าหลงไหลและต้องมนตรายุคกลาง รวมไปถึงศิลปะแบบดาร์ก และวัฒนธรรมแบบดาร์กอีกด้วย โดยดาร์กแลนด์ก่อตั้งในปี 2010 เดิมปกครองโดยรูปแบบสมาพันธรัฐ มี 7 รัฐ 3 ผู้นำ แต่ในปี 2013 ก็ได้ปรับเปลี่ยนให้มีการปกครองด้วยระบบฐานันดรศักดิ์ แบ่งเป็น 7 แคว้น มีดยุกและดัชเชส 7 คน อยู่ภายใต้นามของแกรนดัชเชสนัวร์แห่งดาร๋กแลนด์ โดยมีแกรนดัชเชสบลูโรส ไดซิเซส เป็นผู้บริหารงานสูงสุด มี หุ่นไล่กา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยภูมิภาคยึดตามแผนที่โลกคืออาณาบริเวนตั้งแต่คาบสมุทรยูคาทัน ทะเลแคริบเบียน และตอนเหนือของอเมริกาใต้ ปัจจุบันถือว่าเป็นโรลเพลย์อาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในเว็บไซล์เด็กดีดอตคอม โดยดาร์กแลนด์เป็นกลุ่มโรลเพลย์กลุ่มแรกที่นำการเลือกตั้งพรรคการเมืองและจำลองทั้งระบบการบริหารประเทศเข้าสู่ระบบการเล่นโรลเพลย์ และยังเป็นอาณาจักรแรกที่มีโรงเรียนสอนวิชาการของตัวเองโดยตรง สมาพันธรัฐพระจันทร์เสี้ยว สมาพันธรัฐพระจันทร์เสี้ยว. เป็นดินแดนจำลองยุคเส้นทางสายไหมและเส้นทางเดินเรือมาบรรจบกัน และยุคแห่งความรุ่งเรืองของรัฐอิสลามในตะวันออกกลาง (อาจจะมาจากเกมส์อัสแซสซินส์ครีด) โดยในเนื้อเรื่องจะเป็นเมืองที่ซ่องสุมโจรทะเลทรายและโจรสลัดต่างๆ มีรูปแบบออกเป็นแนวสถานที่พักผ่อนและโรงเตี้ยมแบบตะวันออกกลาง ก่อตั้งในปี 2010 ใช้ระบบเผด็จการ (แต่อ้างว่าใช้ระบบประชาธิปไตย) มีผู้นำของโจรทะเลทรายชื่อ ลี ยูอัน และผู้นำโจรสลัดชื่อ แบล็กโกล์ฟ ภูมิภาคยืดตามแผนที่โลกคือบริเวนชายฝั่งของเมดิเตอเรเนี่ยน(ประเทศเลบานอน) มีจำนวนสมาชิกเป็นลำดับสองรองจากดาร์กแลนด์ ราชอาณาจักรเวล ราชอาณาจักรเวล. ดินแดนจำลองแห่งศาสนาเวล (รูปแบบโครงสร้างเดียวกับศาสนาคริสต์แต่นับถือแมว) เป็นดินแดนสร้างขึ้นใหม่ในปี 2012 ภายหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิบริทคิง- เพาโลเนีย ในระหว่างสงครามยุโรปกับรัสเซีย (ปัจจุบันคือเครือจักรภพดราโกรนัส) ในปี 2012 ซึ่งเป็นดินแดนค่อนข้างมีระบบแบบจักรวรรดิอังกฤษ ใช้ระบอบกษัตริย์แบบรัฐสภาศาสนา เป็นระบอบการปกครองสูงสุด ปกครองโดยราชวงศ์บาทรอเลนเซีย มี จักพรรดิกิลเบิร์ต จี.บาทรอเลนเซีย เป็นทั้งประมุขศาสนจักรและประมุขประเทศ โดยมักจะเชิดหุ่นจักรพรรดิอยู่ภายหลังบัลลังก์ ภูมิภาคยึดตามแผนที่โลกคือหมู่เกาะอังกฤษ และทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมด มีสมาชิกเป็นลำดับสามรองจากดาร์กแลนด์ เครือจักรภพดราโกรนัส เครือจักรภพดราโกรนัส. ดินแดนจำลองยุคปฏิวัติอุสาหกรรมร่วมสมัยและสงครามโลกสองครั้ง (1789-1945) โดยเป็นช่วงที่การทหารกำลังเฟื่องฟูที่สุดในช่วงยุค เนื้อเรื่องเป็นจักรวรรดิที่กระหายอำนาจและดินแดน ศิลปะและวิทยาการแบบยุคปฏิวัติอุสาหกรรมและการทหาร รวมไปถึงการล่าอาณานิคม การขยายตัวของอำนาจทางการเมือง ศาสนา และวัฒนธรรมในรูปแบบยุโรปา ก่อตั้งในปี 2010 ในนามของราชสำนักกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเปลี่ยนมาถึงสามยุคจนถึงยุคปัจจุบันที่ใช้ชื่อเครือจักรภพดราโกรนัส โดยเป็นโรลเพลย์อาณาจักรที่ค่อนข้างกดดัน และมีอำนาจทางการเมืองสูงมาก หลายต่อหลายกลุ่มโรลเพลย์อาณาจักรต้องพบจุดจบลง หรือต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความอยู่รอด เพราะนโยบายของจักรวรรดิที่ขยายอำนาจและช่วงชิงดินแดนอย่างไม่จบสิ้น โดยโรลเพลย์นี้ใช้ระบบการปกครองแบบจักรวรรดินิยมคาบกับเผด็จการทหาร ปกครองโดยจักรพรรดิอามันโดเป็นพระประมุขสูงสุดของจักรวรรดิทั้งเจ็ดต่อจากจักรพรรดิวิคเตอร์ (ออสเตรีย ปรัสเซีย รัสเซีย สเปน ออตโตมัน โครกูยอ และอังวะ) มี อเล็กซิส - ลิลิธ บรันเดนบรูกส์ เป็นมหาอุปราช และดรากิออน อิลิคเทรียน อีเทอร์นอลเลี่ยน เป็นอัครมหาเสนาบดี ภูมิภาคยึดตามแผนที่โลกคือคาบสมุทรเกาหลี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรปทั้งหมด เอเชียไมเนอร์ และบางส่วนของตะวันออกกลาง มีสมาชิกน้อยที่สุดในบรรดาโรลเพลย์อาณาจักร เนื่องจากเป็นระบบเกมกระดาน ดราโกรนัสยังเป็นอาณาจักรโรลแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใช้ระบบการบริหารแบบจักรวรรดิเต็มรูปแบบ โดยแบ่งเป็นสามสภา คือสภาอิมพีเรียล สภาบริหารราชการ และสภากลาโหม อีกทั้งมีการเรียงตำแหน่งเสนาบดีและทหารอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นโรลเพลย์แห่งเดียวที่ใช้ "การต่อเนื้อเรื่อง" เพื่อใช้ทำสงครามระหว่างกลุ่ม เมืองวิคตอเรีย เมืองวิคตอเรีย. ดินแดนจำลองแห่งการพักผ่อนและการผ่อนคลายอย่างสนุกสนานและรื่นเริงที่สุดในบรรดาโรลเพลย์อาณาจักร สร้างขึ้นในปี 2011 ก่อนจะร้างไปในปี 2013 ถือว่าเป็นโรลเพลย์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งสร้างความทรงจำดีๆให้กับหลายต่อหลายคน ปัจจุบันตัวกลุ่มยังคงอยู่ แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาใดๆอีกต่อไป มี "แลนซาล๊อธ ดี.ออกัส คิม" เป็นผู้นำของเมือง ภูมิภาคตามแผนที่โลกคือเดนมาร์ก มีสมาชิกเป็นลำดับที่ห้ารองจากดาร์กแลนด์ อาณาจักรแฟนตาซี อาณาจักรแฟนตาซี. ดินแดนจำลองแห่งจินตนาการคล้ายคลึงกับดาร์กแลนด์แต่ระบบต่างๆนั้นไม่สมบูรณ์ แต่มีจำนวนสมาชิกลำดับที่สี่ของโรลเพลย์อาณาจักรเว็บเด็กดี มีชาร์ลาส เซฟไฟร์ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้นำ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โรลเพลย์สถานศึกษา โรลเพลย์สถานศึกษา. เมื่อพูดถึงโรลเพลย์สถานศึกษานั้น ก็เห็นจะไม่พ้นการศึกษาในตำนานที่ทุกคนอยากเข้าไปเรียน นั่นคือโลกเวทมนตร์และจินตนาการ ซึ่งรูปแบบโรลเพลย์นี้จะต่างกันออกไป มีผู้บริหาร คณะอาจารย์ และนักเรียน ส่วนตัวสถานที่ก็มักจะเป็นภายในสถานศึกษา ซึ่งกลุ่มโรลเพลย์การศึกษานั้นก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน โดยยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ไทย เดย์เบรก สถาบันเวทมนตร์และศาสตร์ชั้นสูงเอลฟ์ประจำบ้าน ชานชาลา 9 3/4 ปิดทำการ โรงเรียนเวทมนตร์และโลกเวทมนตร์ THAI WITCHCRAFT The Magic Beyond ปิดทำการ World of Witchcraft The Magical Rising โรลเพลย์ยุทธภพ Wulin World โรลเพลย์ยุทธภพ. Wulin World. เป็นดินแดนที่ถูกสร้างเป็นโลกคู่ขนาน ที่ใช้เนื้อเรื่องใหม่โดยผสมผสานประวัติศาสตร์บางส่วน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก จักรพรรดิมหาราชฮั่นอู่ตี้ทรงปกครองแผ่นดิน ยุคที่เกิดเส้นการค้าสายตะวันตกอย่าง "เส้นทางสายไหม" โดยเมื่อกองทัพราชสำนักต้องรับศึกภายนอกปกป้องแผ่นดินเกิดจากชนเผ่าจากท้องทุ่งหญ้าทางตอนเหนือ แผ่นดินภายในกลับเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น มีใครบางคนปลุกปั่นผู้คน ชาวยุทธ์ทั่วแผ่นดินก่อความวุ่นวายในแถบทางใต้ของแผ่นดินฮั่น ตัวคุณจะเป็นเหมือนผู้กล้ารุ่นใหม่ที่ออกท่องยุทธภพ โดยเริ่มตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน ไปจนถึงการสร้างฐานะ หรือฝึกปรือวรยุทธ์จากเหล่ายอดฝีมือแห่งบู๊ลิ้ม โรลเพลย์จากภาพยนต์หรือนิยาย Star Wars The New Republic โรลเพลย์จากภาพยนต์หรือนิยาย. Star Wars The New Republic. เป็นกาแลกซี่อันไกลโพ้นที่สร้างจำลองขึ้นเสมือนคุณได้เข้าไปโลดแล่น ผจญภัยในจักรวาล Star Wars โดยนักเดินทางจะเริ่มต้นตั้งแต่เป็นชาวดาวต่างๆ ในกาแลกซี่ และสั่งสมประสบการณ์ เก็บออมเงินทอง ไปสู่การเลื่อนเข้าสู่วงการอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น นักล่าค่าหัว, เจได, และ ฯลฯ อีกมากมาย ในจักรวาล The New Republic จะดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงรอยต่อหลังภาค 8 ผ่านมา 20 กว่าปี ภัยที่ซ่อนเร้นจากกลุ่มปฐมภาคีที่กระจัดกระจายปทั่วกาแลกซี่หลังพ่ายแพ้กลุ่มต่อต้าน เรื่องราวการผจญภัยของผู้เล่นจะเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนจากเจไดหันเหเข้าสู่ด้านมืดแห่งพลังหรือไม่ อีกทั้งโรลเพลย์นี้ยังนับว่าเป็นโรลเพลย์แรกในไทยที่มีการนำระบบสะสมแต้มแลกรางวัล โดยสามารถหาแต้มได้จากการเล่นและเข้าร่วมกิจกรรม แหล่งข้อมูลอื่น Wulin World Online สารานุกรมประกอบนิยาย "จักรพรรดิผู้ทระนง" โดย I.Armando (RP) StarWars The NewRepublic
thaiwikibooks
196,437
ฝากทรัพย์
เอกเทศสัญญา2
thaiwikibooks
196,438
ภาษาไทย/ไวยากรณ์/ภาษาไทยเบื้องต้น/วรรณยุกต์และการผันอักษร
ห้า วรรณยุกต์ไทย วรรณยุกต์ไทย. วรรณยุกต์ หมายถึง เครื่องหมายที่แสดงเสียงสูง ต่ำ ของคำในภาษาไทย มี ๔ รูป คือ ในภาษาไทยคำทุกคำเมื่อใส่วรรณยุกต์เข้าไปแล้ว จะทำให้อ่านออกเสียงต่างกัน และความหมายของคำก็จะเปลี่ยนไปด้วย เช่น อักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ อักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ. อักษรไทยแบ่งตามการออกเสียงเป็น ๓ หมู่ หรือเป็นระบบไตรยางศ์ได้ดังนี้ อักษรกลาง มี ๙ ตัว ได้แก่ อักษรสูง มี ๑๑ ตัว ได้แก่ อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว ได้แก่ การผันอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ อักษรกลาง อักษรกลาง พื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันได้ครบทั้ง ๕ เสียง คือ ผันด้วยวรรณยุกต์เอกเป็นเสียงเอก ผันด้วยวรรณยุกต์โทเป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์ตรีเป็นเสียงตรี ผันด้วยวรรณยุกต์จัตวาเป็นเสียงจัตวา เช่น อักษรสูง อักษรสูง พื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา ผันด้วยวรรณยุกต์เอกเป็นเสียงเอก ผันด้วยวรรณยุกต์โทเป็นเสียงโท เช่น อักษรต่ำ อักษรต่ำ พื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันด้วยวรรณยุกต์เอกเป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์โทเป็นเสียงตรี เช่น
thaiwikibooks
196,439
ให้มีประเพณี
บรรยายสังเขป คำว่า “ประเพณี” ประเพณีเปลือกไข่ คือ “ให้มีประเพณีแล้วให้ออกจากประเพณี” ธรรมอันไม่สันโดษนั้นต้องอาศัยประเพณี หรือจะว่า ประเวณีก็ใช่ ซึ่งก็คือ ประเพณี! คือให้อนุญาตหรืออนุเคราะห์กันเป็นคราวๆไป มีความผูกพันเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องกำหนดแน่นอนแล้วว่าเป็นครั้งคราว ไม่ทั่วไป ไม่บ่อย ไม่ประจำและไม่มาก แต่หากจะกำหนดไม่ให้มีก็จะต้องเสียหาย เพราะคนที่จะต้องพัฒนาจากส่วนนั้นอันจะเป็นการตั้งตัวเป็นต้น แรกเริ่มก็จะกลับเป็นคนตั้งตัวไม่ได้ แล้วจะต้องเสียหาย เพราะจะผูกพันหาความรับผิดชอบให้ตนตั้งอยู่นั้นไม่ได้ เรื่องของเรื่องเป็นเรื่องที่เฉพาะหน้าแล้วไม่ต้องทำความลึกซึ้งก็ได้ คงเพียงดี-เลว เห็นร่วมกันแล้ว กำหนดถึงคนที่จะได้เข้าใจ เพื่อที่เขาจะได้ไปต่อไปได้ ในพิธี! หรือแม้แต่รัฐพิธีนั้นๆจะไม่ใช่สิ่งสลักลึกซึ้งที่มีความสำคัญหมายอย่างดีที่สุด และถึงแม้ไม่ได้นับว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็จะขาดไม่ได้ เพราะคนเราอาศัยอยู่กับนิสัยใจคอส่วนลึก ซึ่งท่านว่าด้วยเรื่องหรือคำว่า “สรรพสัตว์” คือสัตว์ คือว่าด้วยการพัฒนาตนและนำพาฝูงคนเหมือนอย่างฝูงสัตวเร่ร่อน เที่ยวไปแล้วในสงสาร คือด้วยมีมนุษย์เริ่มต้นเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกันมาตามลักษณะนิสัย ต้องต้อนเลี้ยงปศุสัตว์และมุ่งการอพยพด้วยต้นตอจิตคือประเวณี ตัณหาคือจิตวิญญาณที่กว้างไกลในมนุษย์และสัตว์ซึ่งคือพวกเดียวกัน ในมนุษย์และสัตว์ต้องว่าตามสำคัญ คือว่าตามเป็นจริงด้วยกัน คือ ว่าด้วยการอพยพย้ายถิ่นฐานด้วยกันทั้งหมด อยู่ในสังสารวัฏ ส่วนทางที่จะแยกกันเป็นสันโดษหรือเอกายนมรรค ได้นั้น ก็ต้องอำนวยการซึ่งกันและกัน คือต้องมีความเข้าใจกันประกอบกับกำหนดให้มีการอำนวยการให้กันหรือกำหนดให้มีการละเลยหรือกำหนดให้ผูกเข้าไว้ในเรื่องของความผูกพัน ที่ต้องคลี่คลายออกจากกันด้วยเหตุผลตามทฤษฎี ของทฤษฎีแห่งการคลี่ด้ายกลุ่ม(กลุ่มคือ สรรพสัตว์ หรือในมนุษย์ด้วยกันทั้งหมด) การผูกพันและหาความรับผิดชอบนั้น เรียกว่าเกิดใหม่เป็นประเพณี เป็นผู้เกิดใหม่อีกครั้ง แล้วรับผิด-ชอบการกระทำด้วยการหาถือสัจจ์กับครั้งที่เกิดใหม่ ตามการที่ได้เกิดอีกครั้งด้วยพิธี(วิธี) หรือประกาศด้วยสัญญาปฏิญาณที่ประกาศเพื่อทำการรับรองร่วมกัน ในทางโบราณนั้น หากข้อนี้ที่จะถือคำเปรียบกัน ก็คือ ให้ถือเป็นการลอกคราบ หรือคนที่ตั้งตัวตั้งใจได้มากๆ ก็จะเรียกว่าออกจากฟองไข่ เรียกว่าเกิดแล้วเป็นครั้งที่สอง คือต้องออกจากคราบ หรือออกจากไข่ที่มีเปลือกหุ้ม ซึ่งคือประเพณีที่หุ้มอยู่ เกิดอีกครั้ง และดูแลตัวเองได้ด้วยๆสัจจะสัญญา และด้วยคำสั่งชนิดสำคัญๆ ที่ตนเองตั้งขึ้น หรือที่ผู้อื่นได้มอบให้ จึงเรียกว่าเกิดอีกเป็นครั้งที่สอง หรือได้กลายเป็นสัตว์ที่เกิดสองครั้ง กระทั้งที่เป็นคน หรือที่เป็นมนุษย์อยู่ทั่วนี้ นิยามคำศัพท์ได้มา มีความหมายตามธรรมชาติที่แท้อยู่แล้วว่า มนุษย์จัดไว้เป็นสัตว์ที่เกิดครั้งเดียว ถึงแม้ว่าจะมาตกในที่ให้ต้องอภิบาลกันมากในวัยทารกก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ตาม แต่ก็กลับเหมือนสัตว์เกิดสองครั้งไปอีกจนได้ เพราะประเพณี! และเพราะประพฤติแห่งพรหมจรรย์ที่ยังดำเนินไปไม่ถึงที่สุด. คำศัพท์สำนวนนี้มีใช้มาก ปรากฏในพระไตรปิฎก บรรยายไปถึงที่สุดบท ว่าคือการลอกคราบ สลัดคราบ ออกจากเปลือกกะเปาะคือฟองไข่ ได้พ้นโลก ลุถึงฝั่ง เสร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ อรรถบรรยายนั้นเปรียบว่า เป็นเหมือนสัตว์ที่เกิดแล้วสองครั้ง แต่ควรที่จะสำคัญว่า เมื่อเกิดในอริยประเพณีแล้ว ได้แก่การเกิดเป็นครั้งที่สองนี้ ก็เป็นอันว่าไม่ต้องเกิดอีก (ในประเพณีอย่างอื่น)
thaiwikibooks
196,440
ความเชื่อเกี่ยวกับจริยธรรม
ลัทธิความสัมบูรณ์นิยม เชื่อว่าความดีเป็นสากลเป็นสัจธรรม ลัทธิสัมพัทธ์นิยม เชื่อว่าความดีขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความดีไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน ลัทธิประโยชน์นิยม เชื่อสิ่งที่เรียกว่าความดีความงามนั้นขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือไม่ สารบัญ ปรัชญาและความเชื่อเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม ทฤษฎีและแนวคิดทางจริยธรรมที่สำคัญ หลักเกณฑ์การตัดสินคุณค่าจริยธรรมของนักปรัชญาสำนักต่างๆ แนวคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาล แนวคิดด้านจิตอาสา
thaiwikibooks
196,441
ที่มาของจริยธรรม
1. จริยธรรมที่เป็นทั้งธรรมชาติ กฎ หรือหลักการของธรรมชาติที่ปรากฏทั่วไป มีขอบเขตกว้างขวางครอบคลุมสสาร สิ่งแวดล้อม สภาพธรรมชาติทั่วไปที่เป็นรูปธรรม 2. จริยธรรมเป็นพฤติกรรม หรือการกระทำของมนุษย์ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งอาจสัมผัสได้ด้วยอินทรีย์ทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด 3. จริยธรรม เป็นข้อกำหนดทางศาสนา ซึ่งจะเรียกว่า ศีลธรรม ( Moral Ethics ) เพราะศาสนาทุกศาสนาได้กำหนดหลักปฏิบัติไว้ เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข โดยมิต้องเบียดเบียน หรือทำร้ายซึ่งกันและกัน พุทธศาสนากำหนดหลักปฏิบัติพื้นฐานสำหรับฆราวาสคือ ศีล 5 ซึ่งได้แก่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุรา คำสอนของศาสนาใด ๆ ก็ตามเป็นสิ่งที่ศาสนาได้ปฏิบัติมาแล้ว และสั่งสอนให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม จนเกิดผลดีงาม ไม่ว่าจะเป็นคำสอนของพุทธศาสนา อิสลาม หรือคริสต์ ก็ตาม 4. จริยธรรมมาจากค่านิยมต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสังคมจะมีค่านิยมที่แตกต่างกันได้ เนื่องจากแต่ละสังคมมีความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม และประวัติความเป็นมา 5. ปรัชญา คือ วิชาที่ว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง สาระของปรัชญาจะกล่าวถึงลักษณะชีวิตที่พึงปรารถนาควรเป็นอย่างไร ธรรมชาติของมนุษย์ สภาพสังคมที่ดี ความคิดเชิงปรัชญาจะเป็นความเชื่ออย่างมีเหตุผล ปรัชญาจะกล่าวถึงความดี ความงาม ค่านิยม เพื่อจะได้ยึดถือ เป็นหลักปฏิบัติต่อไป 6. วรรณคดี เป็นหนังสือที่มีมาตรฐานทั้งด้านเนื้อหาสาระและคุณค่า ชาติที่เจริญแล้วจะมีวรรณคดีของตนเอง หนังสือวรรณคดีจะมีคำสอนที่เป็นแนวปฏิบัติได้ เช่น สุภาษิตพระร่วง โคลงโลกนิติ สุภาษิตสอนหญิง กล่าวได้ว่า วรรณคดีเป็นแหล่งกำเนิด หรือเป็นที่รวบรวมของจริยธรรมด้วย 7. สังคมแต่ละสังคมได้กำหนดวิธีปฏิบัติของสมาชิกไว้ ดังจะเห็นได้จากขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆที่ยอมรับสืบทอดกันมา 8. การเมืองการปกครอง ในระบอบการเมืองการปกครอง ได้มีการกำหนดข้อบังคับ ระเบียบกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และเพื่อความยุติธรรมโดยทั่วไป สารบัญ ปรัชญาและความเชื่อเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม ทฤษฎีและแนวคิดทางจริยธรรมที่สำคัญ หลักเกณฑ์การตัดสินคุณค่าจริยธรรมของนักปรัชญาสำนักต่างๆ แนวคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาล แนวคิดด้านจิตอาสา
thaiwikibooks
196,442
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐประศาสนศาสตร์
ความหมาย Nicholas Henry กล่าวว่าเป็นวิชาที่สนใจโครงสร้างและพฤติกรรมของระบบราชการ John Pfifner and Robert Presthus ให้ความสนใจที่วิธีการนำค่านิยมไปปฏิบัติ Herbert A. Simon กล่าวว่า เป็นกิจกรรมของฝ่ายบริหาร การปกครองที่เป็นกลาง สถานะ เป็นวิชาที่ขาดเอกลักษณ์ อุทัย เลาหวิเชียร กล่าวว่า รปศ. ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แม้จะมีการหยิบมาใช้แต่ไม่ชัดเจน และอานุภาคในการทำนาย เป็นแบบความน่าจะเป็น รปศ. ไม่ใช่ศิลป์ ทั้งๆที่นักบริหารและศิลปินก็ใช้วิธีการทำงานของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ นักบริหารบทบาท คือ การบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด การปฏิบัติงานสามารถประเมินได้จากการบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สรุป สถานะ. สรุป. รปศ. เป็น สหวิทยาการ เป็นการนำความรู้ หลายๆ ศาสตร์มาอธิบายจุดที่ศึกษา รปศ. เป็นสังคมศาสตร์ประยุกต์ เอาสังคมศาสตร์หลายๆ ศาสตร์มาปรับปรุงองค์การให้บรรลุเป้าหมาย รปศ. พยายามสถาปนาเป็นวิชาชีพ แต่ต้องใช้เวลา รปศ. คล้ายบริหารธุรกิจ ศึกษาการจัดการ และบริหารองค์การ ทรัพยากรมนุษย์ ต่างกันตรงตอบสนองต่อประชาชน (รปศ.) และตนเอง (ธุรกิจ) เป้าหมายของวิชา เป้าหมายสูงสุด คือ ความพึงพอใจของประชาชน เป้าหมายกลาง คือ การที่มีข้าราชการที่ดี เป้าหมายใกล้ตัว คือ สร้างข้าราชการให้มีประสิทธิภาพ ช่วยในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปรัชญาของวิชา ความหมาย ปรัชญา Sophist ปรัชญาของวิชา. ปรัชญา. Sophist. ชั่วดีอยู่ที่ตัวเรา อำนาจทำให้เกิดความถูกต้อง Plato Plato. รัฐต้องจัดโครงสร้าง และสิ่งจูงใจให้เหมาะสม คือ ผู้ปกครอง ข้าราชการ นักรบ นักปกครอง พ่อค้า นักธุรกิจ เกษตรกร Polybius John of Salisbury John of Salisbury. ผู้ปกครองเป็นตัวแทนพระเจ้า St. Thomas Aquimas St. Thomas Aquimas. ทำผิดกฎหมายต้องมีมาตราการ Legal Means Thomas Hobbes Thomas Hobbes. ทุกคนเป็นลูกพระเจ้า ใครเชื่อเทวสิทธิ์ เท่าไม่เอาพระเจ้า John Looke John Looke. การปกครองที่ดีต้องมี 2 อำนาจ คือ นิติบัญญัติและบริหาร ต้องไม่อยู่ในมือคนเดียว Montesquire Montesquire. การปกครองที่ดีต้องมี 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ต้องไม่อยู่ในมือคนเดียว รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 9. ทศพิธราชธรรม หลักการทั่วไป เปลี่ยนแปลงได้ เช่น การเลิกทาส อาจเปลี่ยนถ้าปัญหาไม่ได้แก้ไข หรือลดลง เช่น การรวมอำนาจ เป็นการกระจายอำนาจ การตีความของมนุษย์จากสภาวะหนึ่ง เช่น เชื่อว่าโลกแบน พิจารณาผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย (บริหารภาครัฐ บริหารผลลัพธ์ คำนาจ ขั้นปลายเสมอ) ปรัชญา วรเดช จันทรศร การบริหารการเมือง วิทยาการจัดการ นโยบายสาธารณะ พฤติกรรมองค์การ การบริหารเปรียบเทียบและพัฒนา ทางเลือกสาธารณะ การแปรสภาพกิจกรรมรัฐเป็นเอกชน การพัฒนาการบริหาร ขอบข่าย อุทัย เลาหวิเชียร การเมืองนโยบายสาธารณะ ทฤษฎีองค์การ เทคนิคการบรหิาร กุลธน ธนพงศธร สรุป สรุป. รปศ. เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในสังคมศาสตร์ประยุกต์ โดยใช้ความรู้สังคมศาสตร์มาปรับปรุง มิได้เป็นศาสตร์บริสุทธิ์ เป็น สหวิทยาการ มีขอบเขตกว้างขวางครอบคลุมนโยบายสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การคลัง งบประมาณ องค์การและการบริหารงานต่างๆ จุดหมายถือ ความผาสุกของประชาชน
thaiwikibooks
196,443
วิวัฒนาการรัฐประศาสนศาสตร์
= วิวัฒนาการ = Robert T. Gembelski แบ่งเป็น 3 ช่วง บริหารแยกออกจากการเมือง / จิตวิทยา / มนุษยนิยมและระบบ เน้นการสร้างองค์ความรู้ เน้นนำความรู้ไปใช้ภายนอก // 3 ทฤษฎี คือ นโยบายสาธารณะ / รปศ. ความหมายใหม่ / บริหารตามแบบประชาธิปไตย Nicholas Henry มอง รปศ. เป็น รปศ. แบ่ง 5 พาราไดม์ คือ การบริหารแยกออกจาการเมือง (1900-1926) หลักการบริหาร (1927-1937) รปศ. เป็นส่วนหนึ่งของรัฐศาสตร์ (1950- 1970) รปศ. เป็นศาสตร์การบริหาร (1956-1970) รปศ. คือ รปศ. (1970-ปัจจุบัน) อุทัย เลาหวิเชียร ผู้ก่อตั้งสถาบันนิด้า มองวิวัฒนาการเป็นสามพาราไดม์ ยุคทฤษฎีดั้งเดิม (1887-1950) การบริหารแยกออกจากการเมือง Woodrow Wilson ยุคทฤษฎีดั้งเดิม (1887-1950). การบริหารแยกออกจากการเมือง. Woodrow Wilson. เขียนหนังสือเรื่อง The Study of Administration ตั้งสมมติฐาน 5 ข้อ ประเทศที่ก้าวหน้ามีการปกครองที่ดี รัฐบาลจะเข้มแข็ง รปศ. ศึกษาเรื่องนำกฎหมายมหาชนไปปฏิบัติ สร้างหลักการบริหาร ส่งเสริมการบริหารภาครัฐ ให้มีคุณภาพดีขึ้น การเมืองกำหนดนโยบาย ออกกฎหมาย บริหารนำเอานโยบาย กฎหมายไปปฏิบัติ เสนอหลักการบริหารแบบวิทยาศาสตร์ (สมมติฐาน 8) Frank J. Goodnow การปกครองที่ดีมี 2 หน้าที่ คือ การปกครองมีหน้าที่กำหนดนโยบาย นิติบัญญัติและตุลาการ ฝ่ยบริหารปฏิบัติตามรัฐ รปศ. คือการศึกษาระบบราชการที่นำนโยบายที่กำหนดไปปฏิบัติ Leonard D. White สรุป สรุป. แนวคิดการแยกการบริหารออกจากการเมือง เป็นส่วนผลักดันให้มีการปฏิรูประบบบริหาร อาศัยคุณธรรม เพื่อป้องกันการเล่นพรคเล่นพวก ระบบบริหารที่ดี คือ การที่นักบริหารเข้มแข็ง อาศัยหลกเหตุผล และ ประสิทธฺภาพเป็นโครงสร้างที่เอื้ออำนาวยต่อการบริหารที่ดีมีประสิทธิภาพ ระบบราชการ ของ Max Weber ระบบราชการ ของ Max Weber. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน องค์การ สังคม ระบบแบบนี้นำไปสู่ทฤษฎีองค์การ และวิชาพฤติกรรมศาสตร์ ทฤษฎีอำนาจ จารีต เช่น กษัตริย์ บารมี เช่น ทักษิณ ชินวัตร กฎหมาย เช่น การเลือกตั้ง องค์ประกอบขององค์การ 7 ข้อ ลำดับชั้น จัดตำแหน่งต่างๆ เป็นลำดับชั้น อำนาจสมาชิกมาจากตำแหน่ง ข้าราชการทุกคนต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้เรื่องระเบียบ วิธีการปฏิบัติงานตามระเบียบ ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง ปฏิบัติราชการ ไม่เห็นประโยชน์ของตน ข้าราชการเป็นอาชีพมั่นคง เพระประชาชนต้องเป็นที่พึ่งบริการ เสนออาชีพที่มั่นคง ให้ผลตอบแทนในรูปเงินเดือน สวัสดิการ และโอกาสในการก้าวหน้าจากตำแหน่ง ระบบราชการมีลักษณะเสริมสร้างตนเอง เพราะเป็นระบบปิดบังความรู้ไม่ให้คนภายนอกองค์กรทราบ กลไกบริหารใดก็ตามที่มีลักษณะตรงตามระเบียบราชการในอุดมคติของ weber ทุกประการ เรียกว่า monocratic bureaucracy การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ สมัยปฏิวัติอุสาหกรรมของ Frederick W. Taylor หลักการจัดการสำหรับผู้บริหาร พัฒนาและสั่งสมความรู้ที่จำเป็นต่อการทำงานเพื่อค้นหาวิธีการทำงาน คัดเลือกบุคคลากร ฝึกสอนงานแก่พนักงานอย่างมีระบบ ประสานงาน ดูแลเอาใจใส่พนักงานให้ทำงานแก่พนักงานอย่างเป็นธรรม จัดสรรค่าตอบแทน ผลประโยชน์การทำงานแก่พนักงานอย่างเป็นธรรม หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ 4 รู้จริงเรื่องงาน กลมเกลียวในหมู่พนักงาน และผู้บริหาร ความร่วมมือปฏิบัติงานของทุกคน ความมุ่งหมายที่จะสร้างผลผลิตสูงสุดจากการทำงานร่วมกัน ข้อเสีย หลักการบริหาร Mary Parker Follet หลักการบริหาร. Mary Parker Follet. หลักการบริหารที่ดี 4 ขัดแย้งเป็นเรื่องที่ดี หลักจัดการ 3 ยึดครอง ประนีประนอม รวมตัว มนุษย์ไม่ชอบคำสั่ง ต้องใช้ศิลปะในการออกคำสั่ง องค์การเป็นเรื่องทุกฝ่ายทั้งคนงาน บริหารร่วมรับผิดชอบ วางแผนและจัดการนโยบายต่างๆ การบริหารที่ดีต้องใช้การประสาน จำเป็นต้องดำเนินตามเกณฑ์ คือ ประสานและควบคุมต้องเกิดจากหัวหน้าแผนกแทนการควบคุมจากข้างบนลงข้างล่าง Henry Fayol นักบริหารระดับสูงด้านอุสาหกรรม Henry Fayol นักบริหารระดับสูงด้านอุสาหกรรม. หลักการบริหาร 14 ประการ แบ่งงานกันทำ อำนาจตามตำแหน่ง วินัย เอกภาพของสายการบังคับบัญชา เอกภาพของคำสั่ง หลักผลประโยชน์ส่วนรวม การให้รางวัลตอบแทน การรวมอำนาจ ลำดับชั้นการบังคับบัญชา คำสั่ง ความเสมอภาค ความมั่นคงของคนงาน ความคิดริเริ่ม ความสัมพันธ์อันดี Jame D. Moonery and Alan C. Reiley นักบริหารชั้นอุสาหกรรม แต่งเรื่อง Principles of Organization Jame D. Moonery and Alan C. Reiley นักบริหารชั้นอุสาหกรรม แต่งเรื่อง Principles of Organization. 4 หลัก ประสานงาน มอบอำนาจแก่เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ลำดับชั้น ประสานงานเจ้าหน้าที่ทุกระดับในองค์การ แบ่งงาน กำหนดอำนาจโดยชอบธรรม จัดหน่วยงาน กลุ่มที่ทำงานกับหน่วยปฏิบัติงาน และ กลุ่มที่ทำงานกับหน่วยให้คำปรึกษา Luther H. Gulick and Lyndall Uwick สร้างกลไกควบคุมภายใน จัดโครงสร้างอำนาจภายในองค์การ (หลักขอบข่ายการควบคุม / จัดหมวดหมู่ให้กรมกองกลมกลืน) กำหนดบทบาทให้ชัดเจน POSDCORB (Planning วางแผน / Organizing จัดองค์กร / Stuffing บรรจุ / Directing สั่งการ / Coordinating ประสาน / Reporting รายงาน/ Budgeting งบประมาณ) จัดองค์การใยแบบต่างๆ 4 คือ ตามวัตถุประสงค์ / กระบวนการ / ลูกค้า / สถานที่ตั้ง ยุคท้าทาย วิกฤตเอกลักษณ์ครั้งที่ 1 (1950-1960) ยุคท้าทาย วิกฤตเอกลักษณ์ครั้งที่ 1 (1950-1960). ทฤษฎีในยุคดังเดิมเป็นแนวคิดเพียงภาษิต (proverb) มองคนเป็นเครื่องจักร การบริหารคือการเมือง Fritz Monsterin Marx การบริหารคือการเมือง. Fritz Monsterin Marx. ฝ่ายการเมืองเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่เป็นแบบกว้างๆ ฝ่ายบริาหรต้องกำหนดรายละเอียดของนโยบาย Paul Henson Appleby Paul Henson Appleby. รปศ. ควรเนินการศึกษาด้านการกำหนดนโยบายโดยกลุ่มพลังทางการเมือง Nowton E. Long Nowton E. Long. ดำเนินการใช้อำนาจในองค์การ (นักบริหารจะต้องทำงานได้จำเป็นต้องอาศัยอำนาจที่เป็นทางการ คือ อำนาจทางกฎหมาย / ไม่เป็นทางการ คือ อาศัยอำนาจทางการเมือง ผลประโยชน์ต่างๆ ดังนั้นจึงมองว่า การบริหารแยกจากการเมืองไม่ได้) John M. Gaus นัก รปศ. อาวุโส ทฤษฎี รปศ. คือ ทฤษฎีทางการเมือง ระบบราชการแบบไม่เป็นทางการ Robert Michels ระบบราชการแบบไม่เป็นทางการ. Robert Michels. ปรากฏการณ์เบี่ยงเบนเป้าหมายองค์การ เน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างกลไกองค์การที่จะรักษาอำนาจ Robert Merton สรุปความล้มเหลวดังต่อไปนี้ ลักษณะองค์การที่เป็นทางการ จัดโครงสร้างเพื่อเป้าหมายรวมขององค์การ รวมตัวกันของกิจกรรมถูกจัดเป็นลำดับชั้น มีหน้าที่ตามตำแหน่ง โครงสร้างตามระบบราชการ มองว่าระบบราชการทำให้ข้าราชการรู้สึกว่าตนเอง ถูกครอบงำจากระบบราชการ ลักษณะหน่วยงานลับ ข้อบกพร่องของระบบราชการ ไม่มีความยืดหยุ่น ระบบล้าสมัย ไม่ปรับตัวตามสถานการณ์ ยึดกฎเกณฑ์มากเกินไป Michel Crozier อธิบายความเสื่อมของระบบราชการ Michel Crozier อธิบายความเสื่อมของระบบราชการ. มาจากระบบวงจรที่ชั่วร้าย เมื่อมีปัญหาภายในองค์การ ฝ่ายจัดการจะหาทางออกด้วยการสร้างกฎระเบียบขึ้นมาใหม้่ ระบบมนุษยสัมพันธ์ Elton Mayo ระบบมนุษยสัมพันธ์. Elton Mayo. โต้ Talyor ว่า เป็นแนวคิดที่มองคนเหมือนไม่มีชีวิต คนเหมือนเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ มาโยจึงเสนอแนวคิดการศึกษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการภายในกลุ่ม ได้แก่ การวิเคราะห์ภายในกลุ่ม ศึกษาทดลองเรื่อง Hawthorne studies ศึกษาปัจจัยทางการยภาพทางหลักวิทยาศาสตร์ Abraham H. Maslow เสนอทฤษฎีลำดับชั้นของความต้องการ (hierarchy of need) ต้องการทางกายภาพ ด้านความปลอดภัย ผูกพันในสังคมที่จะมีฐานะเด่น ประจักดษ์ตน "ควรจูงใจคนงานไหนให้ตั้งใจทำงาน" Frederick Hurzberg เสนอแนวคิดทฤษฎีปัจจัยจูงใจ - ปัจจัยสุขวิทยา Frederick Hurzberg เสนอแนวคิดทฤษฎีปัจจัยจูงใจ - ปัจจัยสุขวิทยา. จูงใจ เช่น การยอมรับจากคนอื่น การมีโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่ง Douglas Mc-gregor เสนอทฤษฎี XY Douglas Mc-gregor เสนอทฤษฎี XY. X แบบเดิม เช่น มนุษย์ขี้เกียจ ไม่อยากมีส่วนร่วมในการทำงาน Y มนุษยสัมพันธ์ เช่น มนุษย์ขยัน อยากมีส่วนร่วม โดยจะต้องจัดปัจจัยในหลักการบริหารงาน / สนับสนุนให้คนแสดงออก / จัดความต้องการของคนงาน Chris Aroyris Chris Aroyris. มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองไปตามขั้นตอนกระบวนการเป็นผู้ใหญ่ได้ ศาสตร์การบริหาร Chester I. Barnard ศาสตร์การบริหาร. Chester I. Barnard. องค์การเกิดจากการร่วมมือของคนเพื่อทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย หน้าที่ นักบริหาร คือ ดูแลระบบติดต่อภายในองค์การให้สอดคล้อง รักษาความร่วมมือสมาชิกในองค์การ รับผิดชอบ และให้อำนาจแก่สมาชิกองค์การ ใช้ศิลปะบริหารให้บรรลุประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ทำงานด้วยความรับผิดชอบด้วยการยึดหลักศีลธรรม Herbert A. Simon Herbert A. Simon. การตัดสินสินใจของ ไซมอน กล่าวว่า การตัดสินใจที่ดีต้องตัดสินใจแบบมีเหตุผล ผู้ตัดสินใจต้องมีความรู้ เช่น ให้ข้อมูลข่าวสาร สร้างกฎเกณฑ์การทำงาน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง แบ่งตำแหน่งให้ชัดเจน ใช้อำนาจโดยชอบธรรม แม้ทฤษฎีจะหักล้างทฤษฎียุคดั้งเดิม แต่ก็ไม่สมารถยอมรับมากนักในหมู่นักวิชาการ ยุคกำเนิด รปศ. สมัยใหม่ วิกฤตเอกลักษณ์ครั้งที่ 2 (1960-1970) นำทฤษฎีระบบ มาใช้ใน รปศ. Herbert Simon and James Morch ยุคกำเนิด รปศ. สมัยใหม่ วิกฤตเอกลักษณ์ครั้งที่ 2 (1960-1970). นำทฤษฎีระบบ มาใช้ใน รปศ.. Herbert Simon and James Morch. กล่าวว่า ระบบการตัดสินใจองค์กรว่า องค์การเป็นที่รวมของมนุษย์ที่ตัดสินใจอย่างมีเหนุผล กระบวนการตัดสินใจในกระบวนการ คือ กระบวนการระบบ ระบบที่รวมระบบย่อนผลิตปัจจัยนำออกเพื่อป้อนไปสู่สภาพแวดล้อม ตัดสินใจของคนในองค์การ พิจารณาระบบการติดต่อเอกสาร ข้อมูลข่าวสารในระบบองค์การ รับส่งข้อมูลแบบทางการ และ ไม่เป็นทางการ Daniel Katz and Robert Kahn Daniel Katz and Robert Kahn. มององค์การในลักษณะเปิด ที่มีหน้าที่นำพลังงาน เข้าและออก ระหว่างองค์การ และ สภาพแวดล้อม มีระบบย่อม 5 ระบบ คือ ระบบผลิต สนัยสนุน ดูแลรักษา ปรับตัว และจัดการ James F. Thompos James F. Thompos. มองว่า องค์การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน มีองค์ประกอบ 3 ระดับ คือ เทคนิค จัดการ และ สถาบัน การศึกษาเชิงเปรียบเทียบ การศึกษาเชิงเปรียบเทียบ. ก่อตั้ง Comparative Administration Group หรือ CAG หรือ กลุ่มศึกษาการบริหารงานเปรียบเทียบ เพื่อวิจัยแนวทางการปรับปรุงการบริหารงานของประเทศกำลังพัฒนา มี 5 แนวทางคือ วิเคราะห์ระบบราชการภายใต้การปกครองของฝ่ายการเมือง (Ferrol Heddy) กำหนดว่าระบบราชการแต่ละประเทศมีลักษณะอย่างไร วิเคราะห์โครงสร้าง หน้าที่มาใช้ในการศึษาเชิงเปรียบเทียบ มี 3 แบบ คือ โครงสร้างระบบราชการมีอำนาจ ทำเฉพาะเรื่อง โครงสร้างน้อย หลายหน้าที่ โครงสร้างมาก หลายหน้าที่ Weberian Mofel นำระบบราชการตามอุดมคติมาเปรียบเทียบว่า อันไหนคล้ายของ weber เท่ากับระบบราชการนั้นมีคุณภาพ Almond Power Model ศึกษาโครงสร้าง หน้าที่ระบบและข้าราชการ Development Administration ศึกษาปัญหาอุปสรรคการทำงานตามแผนพัฒนา หาวิธีบริหารแผนให้ได้ผลมากที่สุด รปศ. ความหมายใหม่ของ Dwight Waldo รปศ. ศึกษาปัญหา และเรื่องราวของโลกความเป็นจริง รปศ. เน้นค่านิยม และความถูกต้อง รปศ. สนับสนุนความยุติธรรมในสังคม สนใจการบริการภาคประชาชน รปศ. สนับสนุนองค์การให้มีการเปลี่ยนแปลง ป้องกันการผูกอำนาจโดยผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เทคนิคการบริหารงาน บริหารและควบคุมทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ PPBS ___ planning programming budgeting system เทคนิคการควบคุมการปฏิบัติงาน PERT&CPM ___ program evaluation review technique วางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ MBO ___ Management by objective ยุคทฤษฎี รปศ. คือ รปศ. (1970-ปัจจุบัน) แนวศึกษานโยบายสาธารณะ Thomas R. Dye รูปแบบผู้นำ กลุ่ม สถาบัน ระบบ กระบวนการ มีเหตุผล ค่อยเป็นค่อยไป Donald S. Van Meter & Carl E. Van Horn ตัวนโยบายที่ต้องมีทรัพยากรสนับสนุนเพียงพอ มาตราฐานชัดเจน ติดต่อที่ดีระหว่างผู้กำหนด และ ผู้ปฏิบัติ ต้องมีบทบาทบังคับกับผู้ปฏิบัติโครงสร้างของหน่วยงาน สภาพแวดล้อมทางการเมืองของหน่วยงานปฏิบัติ สภาพสังคม เศรษฐกิจ การยอมรับนโยบายของผู้ปฏิบัติ การปฏิบัติว่ามากน้อยเพียงใด ทางเลือกสาธารณะของ Vincent Ostrom ทุกคนไม่ว่าคนปกครองหรือทั่วไปมีนิสัย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบ เมื่อใครเห็นช่องช่องทาง ประโยชน์จากการใช้อำนาจทางการ เขาก็จะรีบใช้โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นกับคนอื่น รัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตย จะกำหนดขอบเขตอำนาจแก่กลุ่มต่างๆ ให้ตรวจสอบกันเอง สินค้า และ บริการสาธารณะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และ กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ การจัดสินค้าและบริหารสาธารณะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และ กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ การจัดองค์การราชการแบบลำดับชั้นซึ่งอยู่ในศูนย์อำนาจเดียวกัน จะไม่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของประชาชนได้ การจัดองค์การราชการแบบลำดับชั้นซึ่งอยู่ในศูนย์อำนาจเดียวกัน ทำให้ภาครัฐสิ้นเปลืองทรัพยากร และล่าช้าในการทำงาน การจัดองค์การกระจายอำนาจให้ศูนย์การตัดสินใจ มีหลายศูนย์ เศรษฐกิจการเมือง แบบ Gary Wamsley and Mayer Zald ยุคทฤษฎี รปศ. คือ รปศ. (1970-ปัจจุบัน). เศรษฐกิจการเมือง แบบ Gary Wamsley and Mayer Zald. เศรษฐกิจ การเมืองเกี่ยวข้องกันมาก ใกล้ชิดและแทรกแซงซึ่งกันและกัน มี 4 ส่วน คือ การเมืองภายนอกองค์การ การเมืองภายในองค์การ เศรษฐกิจภายนอกองค์การ เศรษฐกิจภายในองค์การ แนวคิดศึกษาวงจรชีวิตองค์การของ Antony Down แนวคิดศึกษาวงจรชีวิตองค์การของ Antony Down. ศึกษาวงจรชีวิตขององค์การว่า มีวิวัฒนาการ ขันตอนอย่างไร ปัจจัยที่ทำให้องค์การเสื่อมหรือตาย การเกิดองค์การ มี 4 แบบ เกิดจากผู้นำเข้มแข็งเป็นแกนนำ ความต้องการของคนในองค์การ เพื่อให้ได้องค์การใหม่ที่ทำหน้าที่เฉพาะ แยกตัวจากองค์การเดิม กลุ่มผลประโยชน์ผลักดันนโยบายบางอย่างขึ้นมา การจัดการแบบประหยัดจากสภาวการณ์ขาดแคลนทรัพยากร ของ Charles Darwin (ชาร์ลส์ ดาวิน) ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุการตายหรือเสื่อมขององค์การ ปัญหา และอุปสรรคต่อการตัดสินใจเพื่อจัดการแบบประหยัด กลยุทธ์ในการตัดสินใจเพื่อหาวิธีการจัดการแบบประหยัดต่างๆ เช่น กลยุทธ์แบบต่อต้าน แบบ คล้อยตาม แบบการให้หลักอาวุโสเพื่อตัดทอนคนงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย การจัดการแบบประหยัดจากสภาวการณ์ขาดแคลนทรัพยากร ของ Charles Darwin (ชาร์ลส์ ดาวิน). เทคนิคการบริหารในยุคนี้ ได้แก่ ใช้งบประมาณฐานศูนย์ ควบคุมคุณภาพแบบมีส่วนร่วม พัฒนาองค์การ หรือโอดี เทคนิค Sensitivity Training เทคนิค MIS เป็นต้น สรุป : วิวัฒนาการ รปศ. มี 4 ยุค ยุคดั้งเดิม (1887-1950) มี การบริหารแยกออกจากการเมือง ระบบราชการ วิทยาศาสตร์การจัดการ หลักการบริหาร ยุคท้าทาย วิกฤตเอกลักษณ์ ครั้งที่ 1 (1950-1960) สรุป : วิวัฒนาการ รปศ. มี 4 ยุค. ยุคท้าทาย วิกฤตเอกลักษณ์ ครั้งที่ 1 (1950-1960). โต้แย้งทฤษฎีดั้งเดิม ว่า เป็นเพียงภาษิต (proverb) มองคนเป็นเครื่องจักร และใช้ไม่ได้กับองค์การทั่วไป ยุคนี้มีอิทธิพลจากจิตวิทยา สังคมวิทยา เสนอแนวคิด 4 ประการ คือ การบริหารคือการเมือง ระบบราชการแบบไม่เป็นทางการ มนุษยสัมพันธ์ ศาสตร์การบริหาร ยุคกำเนิด รปศ. แบบใหม่ วิกฤตเอกลักษณ์ ครั้งที่ 2 (1960-1970) แนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์ (ทฤษฎีระบบ และ รปศ. เปรียบเทียบ) การบริหารการพัฒนา แนวคิด รปศ. ในความหมายใหม่ ยุคทฤษฎีและแนวการศึกษา รปศ. สมัยใหม่ (1970-ปัจจุบัน) นโยบายสาธารณะ ทางเลือกสาธารณะ เศรษฐกิจการเมือง การจัดการแบบประหยัดและวงจรชีวิตขององค์การ
thaiwikibooks
196,444
ดาราศาสตร์ทั่วไป/อุปราคา
อุปราคาเกิดขึ้นเมื่อเงาของวัตถุหนึ่งทอดไปบนอีกวัตถุหนึ่ง จันทรุปราคาเกิดขึ้นเมื่อเงาของโลกทอดไปบังดวงจันทร์ เนื่องจากโลกอยู่ในตำแหน่งที่ปิดกั้นแสงจากดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกัน เมื่อดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกันระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ ทำให้เงาของดวงจันทร์ทอดลงบนโลก ก่อให้เกิดการบัดบังดวงอาทิตย์อย่างชั่วคราว นั่นคือสุริยุปราคา อุปราคาเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกอยู่ในแนวเดียวกัน มันจะบดบังแสงอาทิตย์ที่มุ่งหน้าไปดวงจันทร์หรือโลก ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปราคาว่าเป็นสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา ซึ่งการจัดเรียงตัวลักษณะนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อดวงจันทร์มีดิถีจันทร์ดับหรือจันทร์เพ็ญเท่านั้น ถ้าดวงจันทร์อยู่ในช่วงจันทร์ดับ (ประมาณแรม 15 ค่ำ) จึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสุริยุปราคา ขณะที่ในช่วงจันทร์เพ็ญ (ประมาณขึ้น 15 ค่ำ) ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดจันทรุปราคาขึ้น ในระหว่างเกิดสุริยุปราคา เงาของดวงจันทร์จะทอดลงบนโลก และดวงจันทร์จะบดบังการมองดวงอาทิตย์จากโลก ในระหว่างเกิดจันทรุปราคา เงาของโลกจะทอดไปบนดวงจันทร์ และดวงจันทร์จะปรากฏมืดลงเมื่อเรามองจากโลก มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ท้องฟ้าที่เกิดขึ้นได้ยากและน่าตื่นเต้น สุริยุปราคาเป็นเหตุการณ์ที่ควรค่าแก่การชมหากคุณมีโอกาสได้ชมมัน เมื่อคุณมีโอกาสได้ชมสุริยุปราคาแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับวิสัยทัศน์ของคุณ โดยการทำตามขั้นตอนการรับชมสุริยุปราคาที่ปลอดภัยอย่างเคร่งครัด (แต่ไม่มีอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อดวงตาในการสังเกตจันทรุปราคา เนื่องจากเราไม่ได้มองไปที่ดวงอาทิตย์) วิธีการที่ง่ายที่สุดของการชมสุริยุปราคาคือการใช้เข็มเจาะลงบนกระดาษ เพื่อให้รูที่กระดาษนั้นเป็นตัวฉายภาพของดวงอาทิตย์แทนการสังเกตโดยตรง ในขณะเกิดกระบวนการอุปราคานั้น คุณจะเห็นเงาของดวงจันทร์ที่ค่อย ๆ "กัด" เข้าไปบนดวงอาทิตย์ ถ้าเป็นไปได้ คุณอาจหาแผ่นตัวกรอง (ฟิลเตอร์) พิเศษ ที่สามารถทำให้คุณชมสุริยุปราคาจากดวงอาทิตย์ได้โดยตรงผ่านแผ่นตัวกรองนั้น ซึ่งแผ่นตัวกรองนั้นจะช่วยให้คุณมองดวงอาทิตย์ได้โดยตรงโดยไม่มีอันตราย แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันเป็นแผ่นตัวกรองที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในการดูดวงอาทิตย์ ที่แว่นกันแดด กระจกหน้ากากเชื่อม และตัวกรองอื่น ๆ ทำไม่ได้อย่างเพียงพอ ห้ามใช้กล้องโทรทรรศน์และกล้องสองตาโดยไม่มีตัวกรองเฉพาะที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในการดูดวงอาทิตย์ครอบหน้ากล้องอยู่ เมื่ออุปราคาใกล้เต็มดวง พื้นที่ส่วนมากของดวงอาทิตย์ถูกบดบังไปเกือบสมบูรณ์ ตาของคุณยังเสี่ยงต่ออันตรายจากการมองดวงอาทิตย์อยู่ เมื่อคราสเต็มดวงมาถึง มันเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่จะสังเกตด้วยตาเปล่าในการมองดวงอาทิตย์เป็นเวลาสั้น ๆ เมื่อคุณเห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ปรากฏ ควรหันศรีษะหนีและใช้ตัวกรองถ้ายังอยากสังเกตอยู่
thaiwikibooks
196,445
ศาสนาคริสต์/คัมภีร์ของศาสนาคริสต์
คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ มีชื่อเรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ หรือพระคัมภีร์ไบเบิล พระคริสตธรรมคัมภีร์จะมี2ส่วนคือ พระคัมภีภาคร์พันธสัญญาเดิม และ พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม. พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม มีทั้งหมด 39เล่ม ได้แก่ หนังสือปฐมกาล หนังสืออพยพ หนังสือเลวีนิติ หนังสือกันดารวิถี หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ หนังสือโยชูวา หนังสือผู้วินิจฉัย หนังสือนางรูธ หนังสือซามูเอล1 หนังสือซามูเอล2 หนังสือพงศ์กษัตริย์1 หนังสือพงศ์กษัตริย์2 หนังสือพงศาวดาร1 หนังสือพงศาวดาร2 หนังสือเอสรา หนังสือเนหะมีย์ หนังสือเอสเธอร์ หนังสือโยบ หนังสือสดุดี หนังสือสุภาษิต หนังสือปัญญาจารย์ หนังสือเพลงซาโลมอน หนังสืออิสยาห์ หนังสือเยเรมีย์ หนังสือเพลงคร่ำครวญ หนังสือเอเสเคียล หนังสือดาเนียล หนังสือโฮเชยา หนังสือโยเอล หนังสืออาโมส หนังสือโอบาดีห์ หนังสือโยนาห์ หนังสือมีคาห์ หนังสือนาฮูม หนังสือฮาบากุก หนังสือเศฟันยาห์ หนังสือฮักกัย หนังสือเศคาริยาห์ หนังสือมาลาคี พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่. พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ มีทั้งหมด27เล่ม ได้แก่ หนังสือมัทธิว หนังสือมาระโก หนังสือลูกา หนังสือยอห์น หนังสือกิจการของอัครทูต หนังสือโรม หนังสือโครินธ์1 หนังสือโครินธ์2 หนังสือกาลาเทีย หนังสือเอเฟซัส หนังสือฟิลิปปี หนังสือโคโลสี หนังสือเธสะโลนิกา1 หนังสือเธสะโลนิกา2 หนังสือทิโมธี1 หนังสือทิโมธี2 หนังสือทิตัส หนังสือฟีเลโมน หนังสือฮีบรู หนังสือยากอบ หนังสือเปโตร1 หนังสือเปโตร2 หนังสือยอห์น1 หนังสือยอห์น2 หนังสือยอห์น3 หนังสือยูดา หนังสือวิวรณ์ โดยสรุปแล้วพระคริสตธรรมคัมภีร์มีหนังสือรวมทั้งหมด66เล่ม
thaiwikibooks
196,446
ศาสนาคริสต์/นิกายในศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์แบ่งแยกได้เป็นนิกายใหญ่ๆ2นิกาย ได้แก่ นิกายโรมันคาทอลิก นิกายโรมันคาทอลิก. ศาสนาคริสต์นิกายนี้ มีองค์เป็นประมุขคือ พระสันตะปาปา โรมันคาทอลิกจะนับถือนักบุญเป็นจำนวนมาก เช่น นักบุญวาเลนตินุส นักบุญเปาโล นักบุญยอแซฟ เป็นต้น และยังให้ความเคารพนับถือกับพระเยซูคริสต์และพระนางมาเรีย หรือ แม่พระ หรือ พระแม่มารีย์ โรมันคาทอลิก จะมีโบสถ์ที่งดงามเป็นพิเศษ และจะมีรูปปั้นพระแม่มารีย์ รูปปั้นพระเยซู และรูปปั้นนักบุญอยู่เป็นจำนวนมาก และมีผู้นำโบสถ์คือบาทหลวงซึ่งนับว่าเป็นตัวแทนของพระเยซู ผู้เชื่อในโรมันคาทอลิก จะต้องมีสายประคำและพระคัมภีร์คาทอลิก เราเรียกผู้เชื่อโรมันคาทอลิกว่า คริสตัง นิกายโปรเตสแตนต์ นิกายโปรเตสแตนต์. ศาสนาคริสต์นิกายนี้ เกิดจากการแตกแยกกับโรมันคาทอลิก เพราะเห็นว่า นิกายโรมันคาทอลิก นับถือรูปเคารพ ซึ่งพระเจ้าทรงห้าม และเห็นว่าโรมันคาทอลิกมีการเขียนใบสารภาพบาปเพื่อมอบให้กับบาทหลวง และเราต้องเสียเงินซื้อใบสารภาพบาป ซึ่งชาวโปรเตสแตนต์ไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ จึงมีการแตกแยกนิกายกัน โดย มาร์ติน ลูเธอร์ นิกายโปรเตสแตนต์จะสร้างโบสถ์แบบไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ นิกายนี้จะให้ความเคารพพระคริสตธรรมคัมภีร์(คัมภีร์ไบเบิล)มาก นิกายนี้จะไม่มีการสวดมนต์แบบคาทอลิก แต่จะเป็นการร้องเพลงนมัสการแบบเรียบง่าย ไม่มีรูปเคารพในโบสถ์ เราเรียกผู้ที่เชื่อในนิกายโปรเตสแตนต์ว่า คริสเตียน (ส่วนใหญ่คริสเตียนจะเรียกโบสถ์ของโปรเตสแตนต์ว่า คริสตจักร)
thaiwikibooks
196,447
ศาสนาคริสต์/หลักธรรมของศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์มีหลักธรรมอยู่หลักๆคือ บัญญัติ 10 ประการ หลักตรีเอกานุภาพ และคำสอนของพระเยซูในบางส่วน บัญญัติ 10 ประการ อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา คือ พระยาห์เวห์ อย่าทำรูปเคารพและอย่าเคารพรูปเคารพ ห้ามใช้พระนามของพระยาห์เวห์ไปใช้ในทางที่ผิด จงถือวันสะบาโต (วันเข้าโบสถ์หรือหมายถึงวันอาทิตย์ หรือวันเสาร์) เป็นวันบริสุทธิ์ จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณีสามีภรรยาของเขา ห้ามลักขโมย ห้ามเป็นพยานเท็จและห้ามใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ห้ามโลภในของของผู้อื่น หลักตรีเอกานุภาพ พระบิดา คือ พระยาห์เวห์ หรือ พระเยโฮวาห์ ที่เป็นพระบิดาที่แท้จริงของพระเยซู พระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ บุตรของพระเจ้าที่ลงมาในโลกเพื่อไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ พระจิต คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่สถิตอยู่กับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ หมายเหตุ
thaiwikibooks
196,448
ศาสนาคริสต์/พิธีสำคัญทางศาสนา
พิธีสำคัญของศาสนาคริสต์ มีอยู่3พิธีใหญ่ๆ คือ พิธีมหาสนิท พิธีมหาสนิท. พิธีมหาสนิทคือพิธีที่ทำเพื่อระลึกถึงพระเยซูคริสต์ตอนกำลังจะถูกตรึงที่กางเขน โดยการกินขนมปังไร้เชื้อ(ขนมปังไม่ใส่ยีสต์และผงฟู)และน้ำองุ่นหรือไวน์องุ่น โดยพิธีจะดำเนินการโดยให้ผู้นำคริสตจักรอ่านพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับพิธีมหาสนิทและผู้นำจะกล่าวว่า ให้หักขนมปังให้แหลก เพื่อทำตามที่พระเยซูบอกไว้ในพระคัมภีร์ว่า ขนมปังที่หักนี้คือร่างกายของเราที่จะถูกหักออกมา และผู้นำจะบอกว่าให้กินขนมปังได้ และต่อมาผู้นำจะให้ทุกคนมองน้ำองุ่นและผู้นำจะอ่านพระคัมภีร์ต่อไปในตอนที่เกียวกับน้ำองุ่นที่เกี่ยวกับพิธีมหาสนิท และต่อมา ผู้นำก็จะกล่าวว่า ดื่มน้ำองุ่นได้ ตามที่พระเยซูบอกไว้ในพระคัมภีร์ว่า น้ำองุ่นนี้คือเลือดของเราที่ไหลหลั่งลงมา เป็นอันเสร็จพิธี พิธีบัพติสมา พิธีบัพติสมา. พิธีบัพติสมา หรือที่เรียกกันว่า ศีลล้างบาป หรือ ศีลจุ่ม ในบางนิกาย เป็นพิธีที่ทำเพื่อยืนยันว่าเราเชื่อในพระเจ้าจริงๆ แล้วจะไม่หันกลับไปหาศาสนาอื่นอีก โดยพิธีนี้จะต้องมีแหล่งน้ำ เช่น สระน้ำ อ่างน้ำ หรือทะเล หรือแม่น้ำ เป็นต้น โดยผู้นำคริสตจักรจะเรียกให้ผู้เชื่อที่จะรับบัพติสมานั้นลงมาในน้ำ แล้วผู้นำคริสตจักรจะถามว่า คุณเชื่อในพระเยซูว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าอย่างแน่นอนแล้วใช่ไหม ถ้าผู้เชื่อตอบตกลง ผู้นำคริสตจักรจะกล่าวว่า เราขอบัพติสมาให้คุณในพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วผู้นำคริสตจักรจะนำตัวคุณจุ่มลงไปในน้ำและโผล่ขึ้นมา เป็นการแสดงถึงชีวิตเก่าที่ไม่มีพระเจ้านั้นตายไปแล้ว แล้วชีวิตใหม่ที่พระเจ้าทรงดูแลนั้นก็ได้มาอยู่ที่ตัวเราแล้ว แล้วคุณก็ออกจากสระน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี พิธีนมัสการที่คริสตจักรและสามัคคีธรรมในคริสตจักร พิธีนมัสการที่คริสตจักรและสามัคคีธรรมในคริสตจักร. พิธีนี้ผู้เชื่อทุกคนจะมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือ กลางสัปดาห์ โดยจะเข้ามาประชุมกันในวันเวลาที่นัดกันไว้ ซึ่งอาจจะมีการศึกษาพระคัมภีร์กัน การนมัสการพระเจ้าโดยการร้องสรรเสริญ การถวายเพลงพิเศษ การเป็นพยาน ต่อมาก็มักจะเป็นการการเทศนา หรือ แบ่งปันข้อคิดจากพระวจนะของพระเจ้า โดยผู้นำคริสตจักร หรือ อาจารย์ หรือ ศิษยาภิบาล หลังการแบ่งปันพระคำ หรือ เทศนา ก็จะมีการถวายทรัพย์ให้กับพระเจ้าอันอาจประกอบด้วย การถวายสิบลด(คือการนำ10เปอร์เซ็นต์ของรายได้นำถวายให้คริสตจักร) หรือการถวายตามความศรัทธา ต่อมาอาจมีการร่วมรับประทานอาหารกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของคริสตจักร จำนวนสมาชิก และ สถานที่นมัสการ สำหรับในช่วงบ่ายนั้น คริสตจักรแต่ละแห่งย่อมมีการถือปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป บางแห่งเน้นการสามัคคีธรรมร่วมกัน บางแห่งเน้นการประชุมกลุ่มย่อยตามวัย ตามสถานะหน้าที่การงาน ตามกลุ่มสนใจ เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มบุรุษ กลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มอนุชน ทั้งนี้ ความจดจ่ออยู่การให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งสิ้นที่ดำเนินไปในคริสตจักร
thaiwikibooks
196,449
ดาราศาสตร์ทั่วไป/สัญกรณ์วิทยาศาสตร์
ในส่วนก่อนหน้า เราอภิปรายกันถึงตัวเลขที่มีขนาดใหญ่มาก ในดาราศาสตร์ ตัวเลขขนาดมหาศาลนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเหตุให้นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เมื่อต้องทำงานกับตัวเลขขนาดใหญ่มาก ๆ หรือเล็กมาก ๆ สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นระบบสำหรับการเขียนและการทำงานกับตัวเลขที่ช่วยให้สามารถจัดการกับตัวเลขขนาดใหญ่หรือเล็กมาก ๆ ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่าง ดาราจักรทางช้างเผือกประกอบด้วยวัสดุประมาณสามพันล้านล้านล้านล้านล้านล้านตัน มันเป็นจำนวนที่ค่อนข้างยุ่งยาก (นักดาราศาสตร์ไม่เคยเขียนสิ่งนี้ โดยพวกเขาจะบอกแทนว่า ทางช้างเผือกนั้นมีมวลมากกว่ามวลของดวงอาทิตย์หนึ่งล้านล้านเท่า ซึ่งง่ายกว่า โดยเราจะใช้ตัวเลขขนาดมหาศาลนี้ในการสาธิตของเรา) ซึ่งถ้าเขียนเป็นตัวเลขจะได้ว่า แต่นั่นดูเลวร้ายมาก สัญกรณ์วิทยาศาสตร์จะทำให้ตัวเลขนี้กะทัดรัดขึ้นและง่ายต่อการอ่าน คือ ตัวเลขนี้แสดงเป็นคำพูดได้ว่า "สามเท่าของสิบยกกำลังสามสิบเก้าตัน" การเขียนจำนวนอย่างถูกต้องในสัญกรณ์วิทยาศาสตร์มีสองส่วน ส่วนแรกคือตัวเลขที่มากกว่าหรือเท่ากับ 1 และน้อยกว่า 10 (ซึ่งเป็นค่าบวกหรือค่าลบก็ได้) บางครั้งเรียกว่า แมนทิสซา (Mantissa) ส่วนที่สองคือเลขสิบพร้อมตัวเลขยกขึ้นที่เป็นจำนวนเต็ม เลขชี้กำลังของตัวเลขส่วนที่สองเรียกว่า กำลัง (Power) นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่เขียนจำนวนเป็นสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ในทางกลับกับ นี่เป็นตัวอย่างของจำนวนซึ่งไม่ถูกต้องตามสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ระลึกไว้ว่า หมายความว่าสิบถูกยกขึ้นไปกำลัง n เหมือนกับสิบคูณด้วยตัวมันเองเป็นจำนวน n ครั้ง ซึ่งมีค่าเดียวที่จะเท่ากับ 1 คือเมื่อ n เป็นศูนย์ ตัวอย่างเช่น 103 คือ 10 × 10 × 10 หรือ 1000 นั่นหมายความว่าจำนวนก่อนหน้านี้ของเราที่ 3 × 1039 ตัน นั้นมีค่าเท่ากับ โดยที่ 3 และตามด้วยเลขศูนย์อีก 39 ตัว จำนวนที่เขียนด้วยสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ที่มีกำลังเป็นลบนั้นสมนัยกับจำนวนที่น้อย ตัวอย่างเช่น 1 × 10−3 เขียนได้เป็น 0.001 ในสัญกรณ์สามัญ โดยทั่วไปคือ ตั้งแต่สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ขึ้นอยู่กับกำลังของสิบ ทำให้การแปลงจำนวนจากสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ไปสัญกรณ์มาตรฐานและในทางกลับกันนั้นง่ายขึ้น ในการแปลงจำนวนมาก (โดยกำลังเป็นบวก) จากสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ไปเป็นสัญกรณ์มาตรฐาน อันดับแรก ระบุจุดทศนิยมลงไปในแมนทิสซา จากนั้นเลื่อนจุดทศนิยมไปทางขวาตามจำนวนของเลขชี้กำลัง ในการแปลงจำนวนจากสัญกรณ์มาตรฐานไปเป็นสัญกรณ์วิทยาศาสตร์นั้นให้ทำย้อนกลับขั้นตอนก่อนหน้านี้โดย ค้นหาจุดทศนิยมในจำนวน และเลื่อนไปจนกว่าจะเหลือค่าอย่างน้อยหนึ่ง 1 แต่น้อยกว่า 10 จำนวนหลักที่คุณย้ายจุดทศนิยมไปนั้นเป็นค่าของเลขชี้กำลัง ถ้าย้ายจุดทศนิยมไปทางซ้าย ให้ค่าชี้กำลังเป็นบวก ถ้าย้ายจุดทศนิยมไปทางขวา ให้ค่าชี้กำลังเป็นลบ สัญกรณ์วิทยาศาสตร์นั้นยังช่วยทำให้การคูณและหารทำได้ง่ายขึ้น การคูณเลขสองจำนวนในสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ให้นำแมนทิสซาคูณกันและนำตัวชี้กำลังมาบวกกัน เช่น ในบางกรณี ดังในตัวอย่างด้านบน คุณอาจจำเป็นต้องเลื่อนจุดทศนิยมอีกครั้งเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นถูกต้องตามหลักของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ โดยไม่ควรมีการเลื่อนจุดทศนิยมมากกว่าหนึ่งหลัก ในการหารจำนวนในสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ให้นำแมนทิสซามาหารกันและนำเลขชี้กำลังมาลบกัน เช่น เช่นกัน ในตัวอย่างนี้ก็ต้องการการเลื่อนจุดทศนิยมและเปลี่ยนเลขชี้กำลัง สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ทำให้การเปรียบเทียบจำนวนที่มีค่าต่างกันมากเป็นไปได้โดยง่าย เพราะเลขศูนย์ทั้งหมดถูกแทนเลขยกกำลังซึ่งง่ายต่อการอ่านค่า จำนวนที่มีเลขชี้กำลังมากกว่าย่อมมากกว่าจำนวนที่มีเลขชี้กำลังน้อยกว่าเสมอ ถ้าหนึ่งในเลขชี้กำลังนั้นใหญ่กว่าเลขชี้กำลังอื่นโดยมากกว่าสอง ความแตกต่างของจำนวนทั้งสองย่อมมีขนาดใหญ่มาก การรู้ถึงความต่างมหาศาลระหว่างจำนวนสองจำนวนบางครั้งก็เป็นประโยชน์มาก ดังนั้นจึงมักใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำความเข้าใจการพัฒนาความรู้สึกตามสัญชาตญาณ สำหรับปัญหาทางคณิตศาสตร์ก่อนที่จะลงมือทำ ในบางกรณี มันก็เป็นประโยชน์ในการแสดงให้เห็นว่าจำนวนหนึ่งมากกว่าอีกจำนวนเท่าไร สำหรับการประมาณค่า คุณต้องหาจำนวนความต่างของเลขยกกำลัง เช่น 107 ใหญ่กว่า 103 โดย 7 - 3 = 4 ในทางวิทยาศาสตร์ การวัดจะไม่สมบูรณ์แบบและเลขจะไม่แน่นอน ผลที่ตามมาคือ ทุก ๆ การวัดที่เราทำมีความไม่แน่นอนเข้ามาเกี่ยวข้อง สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ทำให้จำนวนนั้นชัดเจนขึ้นมาให้รู้ สมมติว่านักบรรพชีวินวิทยาค้นพบกระดูกไดโนเสาร์โบราณและพบว่ามันมีอายุ 73 ล้านปีก่อน แน่นอนนักบรรพชีวินวิทยาไม่ทราบว่าอายุที่แน่นอนของมันเท่าไร อาจจะ 73,124,987 ปี แต่นักบรรพชีวินวิทยาจะรู้เฉพาะอายุภายใน 1 ล้านปีเท่านั้น ดังนั้นอายุจึงเขียนได้เป็น 73,000,000 ปี หรือ 7.3 × 107 ปี คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากระดูกอายุนั้นไม่ได้อายุ 73 ล้านปีแบบแน่นอน แต่เป็น 73 ล้านปี บวกหรือลบอีกล้านปี
thaiwikibooks
196,450
ดาราศาสตร์ทั่วไป/คนทำอะไรในดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์นั้นเหมือนกับวิทยาศาสตร์สายอื่น ๆ ที่เป็นกิจกรรมทางสังคมที่มีการอภิปรายถึงแนวคิดใหม่ ๆ ตลอดจนข้อมูลและการโต้แย้งกันในแต่ละข้อสังเกต นักดาราศาสตร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ นักดาราศาสตร์สังเกตการณ์ (Observational astronomers) ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการประกอบเครื่องมือ เช่น กล้องโทรทรรศน์ และยานอวกาศ และนำข้อมูลดิบไปประมวลผลให้มีความหมาย นักดาราศาสตร์ทฤษฎี (Theoretical astronomers) มักเรียกว่า นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ (Astrophysicists) ซึ่งจะเป็นผู้นำผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลของนักดาราศาสตร์สังเกตการณ์ไปใช้ และพยายามสร้างแบบจำลองทางกายภาพซึ่งจะอธิบายข้อมูลที่ผู้สังเกตการณ์เห็น และเตรียมแนวคิดและทิศทางการสังเกตให้ผู้สังเกตการณ์ต่อไป นักดาราศาสตร์ทฤษฎีโดยมากมักขึ้นกับแบบจำลองคอมพิวเตอร์และมักมีทักษะการโปรแกรม (Programming) ดาราศาสตร์นั้นค่อนข้างเฉพาะทางในเรื่องของข้อมูลจำนวนมากซึ่งถูกจัดหามาโดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่น (Amateur astronomers) ข้อมูลนั้นจำเป็นในบางสาขา เช่น ความแปรปรวนของดาวฤกษ์ในดาราศาสตร์ หรือ การค้นพบดาวหาง ซึ่งสามารถรวบรวมได้ผ่านเครื่องมือที่ดีภายใต้งบประมาณของผู้สนใจเป็นงานอดิเรก พิชญพิจารณ์ พิชญพิจารณ์. พิชญพิจารณ์ หรือ การทบทวนโดยผู้รู้เสมอกัน เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการวิทยาศาสตร์ คือการพิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ขั้นตอนระหว่างกระบวนการ และสร้างสิ่งที่เรียกว่า ตัวกรององค์ความรู้ (Knowledge filter) ในกระบวนการพิชญพิจารณ์ ข้อเสนอ หรือ บทความวารสารจะถูกส่งให้กับกลุ่มของคณะกรรมการ ซึ่งจะแสดงความเห็นต่อข้อเสนอนั้นโดยนิรนาม ขณะที่คณะกรรมการในบางครั้งจะสื่อสารกัน พวกเขาไม่ได้ตั้งใจเพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับคุณภาพของงาน นอกจากนั้น คณะกรรมการมักไม่ได้มีอำนาจในขั้นตอนสุดท้ายในการตัดสินข้อเสนอ แต่จะให้ความเห็นต่อบรรณาธิการหรือผู้อำนวยการโครงการซึ่งมีอำนาจขั้นสุดท้ายแทน ความคิดเห็นของคณะกรรมการมักมีประโยชน์ต่อผู้ส่ง และมักให้คำแนะนำสำหรับการปรับปรุงของผู้ส่ง นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากผู้ส่งสามารถรับฟีดแบ็คในข้อเสนอของเขาและสามารถปรับปรุงมันได้ ในบางกรณี ผู้ส่งถูกส่งเสริมให้ส่งข้อเสนอของเขาเข้ามาใหม่หลังจากการเปลี่ยนแปลงแล้ว และนี่มักจะพัฒนาไปสู่การสื่อสารแบบนิรนามระหว่างคณะกรรมการและผู้ส่ง คุณต้องมีอะไรบ้าง ชีวิตของนักดาราศาสตร์สังเกตการณ์ ชีวิตของนักดาราศาสตร์สังเกตการณ์. ธรรมดาแล้ว ในการเริ่มสังเกตการณ์ นักดาราศาสตร์สังเกตการณ์ตื่นนอนขึ้นมาในเวลาประมาณบ่าย 3 โมง ในระหว่างวันนั้นนักเทคนิคจะทำการติดตั้งเครื่องมือที่พวกเขาต้องใช้สำหรับการสังเกตการณ์ในยามค่ำคืน พวกเขาจะไปที่กล้องโทรทรรศน์ในเวลาบ่าย 3 โมง เพื่อตรวจสอบความพร้อมและความถูกต้องในการติดตั้งอุปกรณ์ เพราะพวกเขาไม่ต้องการไปปลุกใครขึ้นมากลางตี 3 ถ้ามีอะไรพัง จากนั้นพวกเขาจะใช้เวลาอีกสองชั่วโมงที่เหลือก่อนดวงอาทิตย์ตกในการปรับเทียบช็อต (Calibration shots) หลังจากดวงอาทิตย์ตก พวกเขาจะเริ่มภารกิจแรกโดยการค้นหาวัตถุและลองถ่ายภาพมัน พวกเขาสามารถเจาะจงพิกัดผ่านคอมพิวเตอร์ได้ แต่นั้นจะชี้กล้องโทรทรรศน์ไปในบริเวณทั่วไปของท้องฟ้าที่คุณสนใจเท่านั้น สิ่งต่อไปที่ต้องใช้คือแผนที่ดาว และมองหารูปแบบของดาวที่อยู่ใกล้กับสิ่งที่สนใจ เหมือนกับการขับรถไปในเมืองแปลก ๆ โดยคุณมองไปที่มอนิเตอร์ จากนั้นก็พยายามจับคู่รูปแบบที่คุณเห็นกับในแผนที่ ชีวิตของนักดาราศาสตร์ทฤษฎี บอกให้ผู้คนทราบถึงงานวิจัยของคุณ จะเป็นนักดาราศาสตร์ได้อย่างไร จะเป็นนักดาราศาสตร์ได้อย่างไร. นักดาราศาสตร์ส่วนมากอยู่ในกลุ่มวิชาฟิสิกส์หรือดาราศาสตร์ในระดับปริญญาตรี จากนั้นในระดับบัณฑิตวิทยาลัยในระดับปริญญาเอก (Ph.D.) โดยการทำวิทยานิพนธ์ในการดูแลของที่ปรึกษา ความท้าทายหลักในการเป็นนักดาราศาสตร์คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญในภาษาคณิตศาสตร์ (Language of mathematics) และฟิสิกส์ และจะได้รับประสบการณ์ผ่านการทำงานด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หลังจากจบการศึกษาในระดับบัณฑิตวิทยาลัยแล้ว นักดาราศาสตร์มักทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก ก่อนที่จะได้งานทำทั้งเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย หรือเป็นนักวิจัยในห้องปฏิบัติการ เนื่องจากผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากในระดับปริญญาเอกพร้อมปริญญาบัตรสาขาดาราศาสตร์ พบได้มากขึ้นนอกสถาบันการศึกษา พวกเขาจะไปทำงานในสายที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เช่น นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer programmers) สำหรับบริษัทซอฟต์แวร์ ดาราศาสตร์ยังเปิดทางให้กับนักดาราศาสตร์สมัครเล่น ข้อมูลการแปรปรวนของดาวฤกษ์ที่สังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์สามารถเข้าถึงได้โดยผู้สนใจเป็นงานอดิเรก และยังสามารถให้ข้อมูลการสังเกตการณ์ที่สำคัญได้ หมายเหตุ
thaiwikibooks
196,451
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ความหมายและความสำคัญของเศรษฐศาสตร์
คำว่า “เศรษฐศาสตร์” มาจากภาษากรีกโบราณ Oikonomia แปลว่า ระเบียบการจัดการภายในบ้าน   นักเศรษฐศาสตร์นิยมให้คำจำกัดความของคำว่า “เศรษฐศาสตร์” ไว้ 2 แนวความคิด ดังนี้ 1)คำนิยามที่เน้นถึงสวัสดิการทางเศรษฐศาสตร์ 2)คำนิยามที่เน้นถึงความหามาได้ยากของทรัพยากร คำนิยามที่เน้นถึงสวัสดิการทางเศรษฐศาสตร์ คำนิยามที่เน้นถึงสวัสดิการทางเศรษฐศาสตร์. เอ็ดวิน แคนแนน (Edwin Cannan, 1861- 1935) นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอังกฤษ ศาสตราจารย์แห่งวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน The London School of Economics and Political Science (LSE)  ได้นิยามว่า เป็นการศึกษาถึงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการอยู่ดีกินดีของมนุษย์ อาร์เทอร์ ซี. พิกู (Arthur C. Pigou, 1877-1959)นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้ง The school of economics at the University of Cambridge  ได้นิยามว่า เป็นการศึกษาถึงสวัสดิการทางเศรษฐกิจ โดยนิยามคำว่า “สวัสดิการทางเศรษฐกิจ” ว่าหมายถึง ส่วนของความสุขหรือสวัสดิการซึ่งสามารถวัดในรูปของตัวเงินได้โดยตรงหรือโดยอ้อม อัลเฟรด มาร์แซลล์ (Alfred Marshall, 1842 –1924) นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้ง เศรษฐศาสตร์ สำนักนีโอคลาสสิก (Neoclassical Economics) หนังสือของเขาที่ชื่อว่า ”Principles of Economics”  ได้นิยามว่า เป็นศาสตร์ว่าด้วยการดำรงชีวิตตามปกติของมนุษย์ โดยศึกษาถึงการกระทำของสังคมและปัจเจกชนเฉพาะส่วนที่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นที่สุดกับการบรรลุความอยู่ดีกินดี และการใช้วัตถุปัจจัยเพื่อการอยู่ดีกินดี ไลโอเนล ซี. รอบบินส์ (Lionel C. Robbins,1898 - 1984) นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอังกฤษ หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์แห่ง The London School of Economics.  ได้นิยามว่า เป็นศาสตร์ที่ศึกษาถึงการเลือกหาหนทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามจุดประสงค์อันมีอยู่มากมายไม่ถ้วน คำนิยามที่เน้นถึงความหมายได้ยากของทรัพยากร คำนิยามที่เน้นถึงความหมายได้ยากของทรัพยากร. พอล เอ. แซมมวลสัน(Paul A. Samuelsson, 1915- 2009)นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัล Nobel Memorial Prize in Economic Sciences (1970)  ศาสตราจารย์แห่ง Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.)  ได้นิยามว่า เป็นการศึกษาถึงเรื่องมนุษย์และสังคมตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัดซึ่งอาจใช้ไปเพื่อการต่างๆ กันได้ ไปผลิตสินค้าและบริการต่างๆ และแจกแจงสินค้าและบริการเหล่านั้นเพื่อการบริโภค ไม่ว่าในปัจจุบันหรือในอนาคตระหว่างประชาชนและกลุ่มต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะต้องใช้เงินหรือไม่ก็ตาม สรุปความหมายของเศรษฐศาสตร์ สรุปความหมายของเศรษฐศาสตร์.   เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกให้ทรัพยากร (resources) ที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการ เพื่อการบริโภคไม่ว่าในปัจจุบันหรือในอนาคตระหว่างประชาชน และกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินหรือไม่ก็ตาม   เศรษฐศาสตร์(Economics) คือ การศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ในโลกที่มีทรัพยากรจำกัด สารบัญ
thaiwikibooks
196,452
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/คำนิยามที่เน้นถึงความหามาได้ยากของทรัพยากร
ไลโอเนล ซี. รอบบินส์ (Lionel C. Robbins,1898 - 1984) นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอังกฤษ หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์แห่ง The London School of Economics.  ได้นิยามว่า เป็นศาสตร์ที่ศึกษาถึงการเลือกหาหนทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามจุดประสงค์อันมีอยู่มากมายไม่ถ้วน พอล เอ. แซมมวลสัน (Paul A. Samuelsson, 1915- 2009) นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัล Nobel Memorial Prize in Economic Sciences (1970)  ศาสตราจารย์แห่ง Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.)  ได้นิยามว่า เป็นการศึกษาถึงเรื่องมนุษย์และสังคมตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัดซึ่งอาจใช้ไปเพื่อการต่างๆ กันได้ ไปผลิตสินค้าและบริการต่างๆ และแจกแจงสินค้าและบริการเหล่านั้นเพื่อการบริโภค ไม่ว่าในปัจจุบันหรือในอนาคตระหว่างประชาชนและกลุ่มต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะต้องใช้เงินหรือไม่ก็ตาม สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,453
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ความเป็นมาของวิชาเศรษฐศาสตร์
คริสต์ศตวรรษที่ 18 ลัทธิพาณิชย์นิยม (Mercantilism) ค่อยๆ เสื่อมลง เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม (ค.ศ. 1750 - ค.ศ. 1850) ในยุโรป  เริ่มจากอังกฤษ (ตรงกับราชวงศ์ชิง ตอนปลาย ค.ศ. 1644-1911) ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ  แต่ตามหลักฐานที่ค้นพบใหม่ เริ่มมีการปฏิวัติอุสาหกรรม ในราชวงศ์หมิงของจีน  (ตรงกับสมัยอยุธยา ค.ศ. 1368-1644) เครื่องทอผ้า ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในโลก  หัวใจของการปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ เครื่องจักร  เครื่องจักรจะอยู่ในบ้านไม่ได้ จึงต้องมี โรงงาน  เมื่อมีเครื่องจักร ก็ผลิตได้จำนวนมาก เรียกว่า การผลิตจำนวนมาก (Mass Production)  เมื่อมีผลผลิตจำนวนมาก จึงต้องใช้ ทรัพยากร (resource) ป้อนเข้าสู่โรงงานมากขึ้น ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดการจัดการให้มีทรัพยากรเพียงพอ ก็คือ Adam Smith  จนได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ อดัม สมิธ (Adam Smith) นักปรัชญาชาวสกอตแลนด์  ได้แต่งหนังสือ “The Wealth of the Nation” ในปี ค.ศ. 1776   ซึ่งเป็นรากฐานของแนวคิดเศรษฐศาสตร์ สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,454
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/แนวความคิดของนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิค
เชื่อว่า รัฐบาลจะต้องปล่อยให้ปัจเจกชนหรือภาคเอกชน (Private Sector) ทำงานอย่างอิสรเสรี รัฐไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือประกอบกิจการแข่งขัน  หน้าที่ของรัฐ คือ รักษากฎหมาย ป้องกันประเทศ การศึกษา และสาธารณสุข  ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเสรี ปัญหาต่างๆ ก็จะถูกแก้ไขเองด้วยมือที่มองไม่เห็น (Invisible Hand) หรือก็คือ กลไกราคา (Price Mechanism) สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,455
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิชาเศรษฐศาสตร์
สวัสดิการทางเศรษฐกิจ (economic welfare) หมายถึง ความสุขกาย สบายใจ หรือความอยู่ดีมีสุขของมนุษย์ อาจเทียบเคียงได้กับคำว่า  อรรถประโยชน์ (utility) หรือความพอใจที่ได้รับจากการบริโภคสินค้าและบริการ  สินค้าและบริการ (goods and services) หมายถึง สิ่งใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายนอกตัวมนุษย์ และสิ่งนั้นสามารถสร้างความสุข ความพอใจ หรืออรรถประโยชน์ให้แก่มนุษย์ได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีตัวตนสามารถจับต้องได้ หรือไม่มีตัวตนและจับต้องไม่ได้ก็ตาม  สิ่งที่มีตัวตนจับต้องได้เรียกว่า “สินค้า” ถ้าไม่มีตัวจนหรือจับต้องไม่ได้ก็เรียกว่า “บริการ” สองอย่างนี้อาจเรียกรวมกันว่า “ทรัพย์” ทรัพย์ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ ทรัพย์ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ. 1) เศรษฐทรัพย์ (economic goods) หรือ สินค้าเศรษฐกิจ 2) ทรัพย์เสรี (free goods) หรือ สินค้าไร้ราคา   มนุษย์มีความต้องการต่อเศรษฐทรัพย์ อย่างมากมายและไม่สิ้นสุด ยิ่งต้องการเศรษฐทรัพย์ มากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมาผลิตมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดก็ต้องเผชิญกับ ความมีอยู่อย่างจำกัดหรือความหามาได้ยาก (scarcity) ของทรัพยากรอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง   กฎการหามาได้ยากของทรัพยากร (Law of Scarcity) กล่าวว่า ทรัพยากรมีจำกัด (Scarce Resource) เมื่อเทียบกับความต้องการที่มีไม่จำกัด (Unlimited Wants)จึงจำเป็นจะต้องมีการเลือกใช้ (Choice) ให้คุ้มค่า เมื่อมีการเลือกใช้ก็จะเกิดค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) เสมอ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Economic Activity) กิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Economic Activity). 1.การผลิต (Production) 2.การแลกเปลี่ยน (Exchange) 3.การบริโภค (Consumption) 4.การกระจายผลผลิต (Product Distribution) 5.การกระจายรายได้ (income Distribution) ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Basic Economic Problems) ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Basic Economic Problems). 1.ผลิตอะไร (What to Produce) 2.ผลิตอย่างไร (How to Produce) 3.ผลิตเพื่อใคร (Produce for whom) “What How For Whom” หน่วยเศรษฐกิจ (Economic Unit) หน่วยเศรษฐกิจ (Economic Unit). 1.หน่วยครัวเรือน (Households) Maximum Satisfaction 2.หน่วยธุรกิจหรือหน่วยผลิต Maximum Profit 3.หน่วยรัฐบาล (Government) Maximum Services ระบบเศรษฐกิจ (Economic System) คนตัวเล็กๆ (ตัวเรา) และครอบครัว หรือ เอกชน คนตัวใหญ่ๆ (รัฐ) วิธีพิจารณาระบบเศรษฐกิจ ให้ดูว่า ในระบบเศรษฐกิจใครใหญ่กว่ากัน ถ้าคนตัวเล็ก ใหญ่กว่า เรียกว่า ทุนนิยม (Capitalism) ถ้าคนตัวใหญ่ ใหญ่กว่า เรียกว่า คอมมิวนิส (Communism) ถ้าคนตัวเล็ก กับคนตัวใหญ่ เท่ากันๆกัน เรียกว่า สังคมนิยม (Socialism) ถ้าคนตัวเล็ก กับคนตัวใหญ่ มีบทบาทพร้อมๆกัน โดยที่คนตัวใหญ่อุ้มชูคนตัวเล็ก เรียกว่า แบบผสม (Mixed Economy)  เมื่อไหร่ก็ตามที่เอกชนเข้ามา ก็จะมีเงาตามมาด้วย เรียกว่า “กลไกราคา”แต่ถ้ารัฐเข้ามายุ่ง รัฐก็จะมาฆ่ากลไกราคา (แทรกแทงกลไกราคา) กลไกราคาก็จะจบลงชั่วเวลาหนึ่ง เช่น การกำหนดราคาค่าจ้างขั้นต่ำ กลไกค่าจ้างในตลาดแรงงานก็จะชะงักลง ระบบเศรษฐกิจ (Economic System) 1.Capitalism/Free-market economy 2.Communism 3.Socialism/Command economy 4.Mixed Economy 4.1) เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Micro Economics)  เป็นการศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคคล ครัวเรือน และบริษัท ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะในตลาดซึ่งมีการซื้อขายสินค้าและบริการ 4.2 เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macro Economics)  เป็นการศึกษาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนรวม เช่น ผลผลิตรวมของประเทศ การจ้างงาน การเงินและการธนาคาร การพัฒนาประเทศ การค้าระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาที่กว้างขวางกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค เพราะว่าไม่ได้กระทบเพียงหน่วยธุรกิจเท่านั้น แต่จะกระทบถึงบุคคล หน่วยการผลิต อุตสาหกรรมทั้งหมด และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,456
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/เศรษฐศาสตร์กับการจัดการ
เศรษฐศาสตร์ไม่ได้หยุดแค่เรื่องของเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เช่น การตัดสินใจซื้อของ การเลือกเสื้อผ้า การกระจายงาน การแบ่งเวลา และยังรวมไปถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างการลงทุนของรัฐบาล ภาษี การก่อหนี้ของรัฐ ความเข้าใจทางเศรษฐศาสตร์จะทำให้เราสามารถบริหารจัดการชีวิต และเข้าใจคนรอบตัวและสังคมได้ดีขึ้น เนื่องจากชีวิตทุกคนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการและตัดสินใจ (แม้จะแค่การบริหารจัดการชีวิตตัวเองก็ตาม)  หากว่า การจัดการ (Management) คือการนำทรัพยากรที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ตรงตามเป้าหมาย   ดังนั้น แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจของนักรัฐประศาสนศาสตร์ในการบริหารจัดการในทุกระดับได้  สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,457
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/กลไกลราคา
กลไกราคา หมายถึง ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้าและบริการ อันเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน   กลไกราคาจะพบได้ในทุกตลาด ยกเว้น ตลาดแบบผูกขาด เพราะกลไกราคาจะเกิดได้เฉพาะตลาดที่มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในลักษณะของตลาดเสรี   ราคา (Price) จะถูกกำหนดจากทั้งฝ่ายผู้ซื้อสะท้อนออกมาในรูปของความต้องการซื้อหรืออุปสงค์ (Demand) และจากฝ่ายผู้ขายซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของความต้องการขายหรืออุปทาน (Supply) สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,458
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/อุปสงค์-อุปทาน
อุปสงค์ อุปสงค์.   อุปสงค์ หมายถึง ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งของผู้บริโภคที่เต็มใจจะซื้อและซื้อหามาได้ ณ ระดับราคาต่างๆ ที่ตลาดกำหนดให้   กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการที่จะซื้อสินค้าและบริการนั้นแล้ว ก็จะสามารถมีกำลังซื้อสินค้านั้นได้ แต่ถ้าผู้บริโภคไม่สามารถที่จะซื้อหรือไม่มีกำลังซื้อ ก็จะไม่ถือว่าเป็นอุปสงค์ตามความหมายในทางเศรษฐศาสตร์ Demand = want (buy) + PP (Purchasing Power)    กฎของอุปสงค์ หมายถึง ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำ (ราคาถูก) ในปริมาณมากกว่าซื้อสินค้าในราคาสูง (ราคาแพง) * ปัจจัยอื่นคงที่ คนซื้อ อยากซื้อของถูก มากกว่า ของแพง อุปทาน อุปทาน. Supply = want (sell) + P (Product)    กฎของอุปทาน หมายถึง ผู้ผลิตมีความต้องการเสนอขายสินค้าและบริการในราคาสินค้าและบริการที่สูง (ราคาแพง) ในปริมาณมากกว่าราคาสินค้าและบริการที่ต่ำ (ราคาถูก) สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,459
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ดุลยภาพตลาด
ดุลยภาพตลาด หมายถึง ปริมาณอุปสงค์เท่ากับปริมาณอุปทาน กล่าวคือ ปริมาณสินค้าตามแผนการซื้อกับแผนการขายเท่ากัน Demand = Supply คนอยากซื้อ = คนอยากขาย   ส่วนเกิน หรือ อุปทานส่วนเกิน (Excess supply) หมายถึง ปริมาณอุปทานของสินค้ามากกว่าปริมาณอุปสงค์ของสินค้า ซึ่งทำให้ราคาสินค้าลดลง   การขาดแคลน หรือ อุปสงค์ส่วนเกิน (Excess demand) หมายถึง ปริมาณของอุปสงค์สินค้ามากกว่าปริมาณอุปทานของสินค้า ซึ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,460
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/พฤติกรรมผู้บริโภค
พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) หมายถึง การตัดสินใจและการกระทำของผู้บริโภคเกี่ยวกับการซื้อ และใช้สินค้าหรือบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ และความพึงพอใจของตน 6Ws + 1H Model 6Ws + 1H Model. 1. Who = Who is in the target Market ใคร คือ กลุ่มเป้าหมายของคุณ (พฤติกรรม ภูมิศาสตร์ ทัศนคติ) 2. What = What does the consumer buy? ผู้บริโภคซื้อ อะไร (สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ) 3. Why = Why does the consumer buy? ทำไม ผู้บริโภคจึงตัดสินใจซื้อ (วัตถุประสงค์ที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อ) 4. Whom = Whom participates in the buying? ใคร มีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ (ผู้ที่มีอิธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค) 5. When = When does the consumer buy? ผู้บริโภคซื้อ เมื่อไร (โอกาสในการซื้อ ความถี่ในการบริโภค) 6. Where = Where does the consumer buy? ผู้บริโภคซื้อ ที่ไหน 7.How = How does the consumer buy? ผู้บริโภคซื้อ อย่างไร 4Cs Model 4Cs Model. 4Cs Model (มุมมองจากผู้บริโภค)  C-Consumer ผู้บริโภค C-Cost ราคา C-Convenience ช่องทางการซื้อสินค้า C-Communications ช่องทางการสื่อสาร รายละเอียด คุณสมบัติ เงื่อนไข ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน 4Ps Model P-Product ผลิตภัณฑ์ 4Ps Model. Variety ความหลากหลายของสินค้า เช่น สีสัน รูปแบบ ให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือก ย่อมสร้างโอกาสในการซื้อได้มากขึ้น Material การเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพดี ย่อมส่งผลให้คุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์คงทนถาวรและมีคุณภาพ Safety สินค้าและบริการต้องมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ Service การให้บริการหลังการขาย เช่น บริการส่งสินค้า บริการติดตั้ง Quality คุณภาพของสินค้าต้องดีสมกับค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าเสียไป Warranty การรับประกันหลังการขายลูกค้ามีความคาดหวังถึงตัวสินค้าว่าถ้าสินค้าชำรุดก่อนเวลาอันควรหรือได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ จะมีการรับประกันใดจากผู้ขายหรือไม่ หากมีการรับประกันก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าของคุณได้มาก P-Price ราคา ราคาสินค้าต่ำเกินไป คุณภาพต่ำ แข่งขันราคา กำไรน้อย ไม่คุ้ม จึงทำให้เกิดสงครามด้านราคา P Place การจัดจำหน่าย Indirect Marketing ผู้ผลิต คนกลางหรือผู้แทนจัดจำหน่าย ผู้บริโภค P Promotion การส่งเสริมการตลาด BEST PRICE SALE DISCOUNT BIG OFFER เปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการทดสองใช้ สินค้าบางชนิดมียอดขายลดลง เพื่อกระตุ้นเกิดการซื้อและเพิ่มยอดขาย สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,461
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ต้นทุนการผลิต
ต้นทุนการผลิต (Cost of Production)  หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตจ่ายออกไป เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนสินค้าหรือบริการที่ต้องการ หรือค่าใช้จ่ายที่ทำให้มูลค่าของสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้น   ต้นทุนรวม (Total Cost) หมายถึง ต้นทุนที่เกิดจากการใช้ปัจจัยการผลิตทุกชนิดในการผลิต ประกอบด้วย §ต้นทุนคงที่รวม (Total Fixed Cost) เป็นต้นทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิต และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แม้ว่าจะปิดโรงงาน เช่น ต้นทุนในส่วนของที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เป็นต้น §ต้นทุนผันแปรรวม (Total Variable Cost) เป็นต้นทุนที่ขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิต เช่น ค่าจ้างแรงงาน ค่าไฟฟ้า ค่าวัตถุดิบ ค่าเชื้อเพลิง ภาษี เป็นต้น สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,462
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ราคา
ราคา (Price) หมายถึง มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงออกมาในรูปจำนวนเงิน Price = Cost + Profit เทคนิคการตั้งราคา (Pricing Techniques) เทคนิคการตั้งราคา (Pricing Techniques). 1.การตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่ง ได้กำไรน้อย แต่เน้นขายปริมาณมาก 2.การตั้งราคาสูงกว่าคู่แข่ง ลักษณะสินค้าที่โดดเด่นหรือแตกต่าง 3.การตั้งราคาแบบผู้ขายรับภาระค่าขนส่ง ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมด เจาะตลาดภูมิภาคต่างๆ 4.การตั้งราคาเลขคู่หรือเลขคี่ หลักจิตวิทยา เลขคู่จะดูมีราคาแพง เลขคี่จะดูมีราคาถูก กลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategies) กลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategies). 1. ราคานี้ยังไม่รวม ภาษี (Tax) ค่าบริการต่างๆ (service charge) ++ 2. ดอกจันโปรโมชั่น แสดงข้อความ หรือราคาที่น่าสนใจ มีเงื่อนไข (ตัวเล็กๆใต้ภาพโฆษณา) 3. ลดปริมาณ แต่ราคาเท่าเดิม ลดปริมาณลง โดยไม่ได้แจ้งผู้บริโภคใหม่ (NEW) เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ 4. ราคาเริ่มต้นเพียง ราคาเริ่มต้นหรือราคาต่ำที่สุดในร้าน ลดราคาสินค้าค้างสต็อก (20%-80%) 5. (เพิ่มราคา ก่อน) ลดราคา ป้าย “ลดราคา”  เปรียบเทียบราคา หรือโปรโมชั่นกับร้านอื่น สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,463
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ผลิตภัณฑ์
การบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Managing Supply Chain) หมายถึง การใช้ระบบของหน่วยงาน คน เทคโนโลยี กิจกรรม ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ จากผู้จัดหาไปยังลูกค้า  “กิจกรรมของห่วงโซ่อุปทาน จะแปรสภาพ ทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และวัสดุอื่นๆ ให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จ แล้วส่งไปจนถึงลูกค้าคนสุดท้าย (ผู้บริโภค หรือ End Customer)” เป้าหมายสูงสุดของ Managing Supply Chain คือ การดำเนินงานที่รวดเร็วและใช้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นเลิศ (Triple A : AAA) การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นเลิศ (Triple A : AAA). 1. ความคล่องตัว (Agility) 2. ความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์    (Adaptability) 3. ความสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน (Alignment) 1.ความคล่องตัว (Agility) 1.ความคล่องตัว (Agility).   ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นของอุปสงค์และอุปทานของตลาดได้อย่างรวดเร็ว และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เกิดขึ้นกะทันหันได้อย่างราบรื่น วิธีดำเนินการ §ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Supplier และลูกค้า §สร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดการร่วมมือกันกับ Supplier §ออกแบบห่วงโซ่อุปทานที่สามารถชะลอกระบวนการบางอย่างได้ตามความเหมาะสม §เตรียมสินค้าคงคลังสำรอง ด้วยการรักษาระดับสินค้าคงคลัง §จัดทำแผนฉุกเฉินและตั้งทีมงานที่มีหน้าที่จัดการกับสถานการณ์วิกฤต 2. ความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ (Adaptability) 2. ความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ (Adaptability).   ปรับเปลี่ยนการออกแบบห่วงโซ่อุปทานให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างตลาดหรือส่วนแบ่งตลาด (Market share) ดัดแปลงเครือข่ายอุปทานได้เหมาะสมกับกลยุทธ์ ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี วิธีดำเนินการ §ติดตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อให้สามารถเล็งเห็นฐานการผลิตและตลาดใหม่ๆ §ใช้คนกลางเพื่อสร้างสัมพันธ์กับ Supplier รายใหม่ §ประเมินความต้องการของผู้บริโภคขั้นสุดท้าย (Ultimate Consumers) §ทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่น สร้างสรรค์ §ประเมินว่าสินค้าของบริษัทอยู่ช่วงใดในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ 3. ความสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน (Alignment) 3. ความสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน (Alignment).   ให้สิ่งจูงใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทั้งห่วงโซ่อุปทาน วิธีดำเนินการ §แลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้กับ Supplier และลูกค้าอย่างไม่มีข้อจำกัด §กำหนดกฎเกณฑ์ งานที่ต้องทำ และความรับผิดชอบต่อ Supplier และลูกค้าไว้อย่างชัดเจน §ร่วมกันรับความเสี่ยง ต้นทุน และผลประโยชน์จากกิจกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานอย่างเท่าเทียม สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,464
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ประเภทของตลาด
1.ตลาดผูกขาดโดยผู้ขาย (Monopoly) 1.ตลาดผูกขาดโดยผู้ขาย (Monopoly). §ผู้ขายรายเดียว (รัฐบาล) โดยผู้ผลิตสามารถกีดกัน ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาผลิตแข่งขันได้ §ราคาของสินค้าและบริการต่ำ เพื่อสงเคราะห์ประชาชน §รัฐวิสาหกิจ §สัมปทาน 2.ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition) 2.ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition). §ผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก §ไม่มีผู้ขายรายใด มีอิทธิพลในการกำหนดราคา  §Demand Supply 3. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition) 3. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition). §ผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก §สินค้ามีความหลากหลาย §ผู้ขายจะมีการพัฒนาด้านรูปลักษณ์ 4. ตลาดผู้ขายน้อยรายกึ่งผูกขาด (Oligopoly) 4. ตลาดผู้ขายน้อยรายกึ่งผูกขาด (Oligopoly). §มีผู้ขายน้อยราย   §ผลิตและขายสินค้าชนิดเดียวกัน (อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ กลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทค)  หรือบริการชนิดเดียวกัน (ห้างสรรพสินค้า สายการบิน โรงภาพยนตร์) §มีกำแพงในการกรีดขวางคู่แข่งขันรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจากมูลค่าการลงทุน การกำกับดูแลของรัฐ (The State Regulator) การกำกับดูแลของรัฐ (The State Regulator). 1. การกำกับดูแลอัตราผลตอบแทน (Rate of Return Regulation) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง §คณะกรรมการค่าจ้าง (1-4-5-5-1)* §กระทรวงแรงงาน 2. การกำกับราคา (Price-cap Regulation) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง §กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ §สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี §คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) §คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)     ฯลฯ สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,465
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/การค้าระหว่างประเทศ
ประเทศต่าง ๆ ในโลกยุคปัจจุบัน ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา ต่างก็มีการค้าระหว่างประเทศมากน้อยไม่เท่ากัน ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรมนุษย์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการค้าระหว่างประเทศได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการค้าระหว่างประเทศ สาเหตุที่ทำให้เกิดการค้าระหว่างประเทศ. 1)ความแตกต่างของปัจจัยการผลิต (วัตถุดิบ)   ประเทศที่มีปัจจัยการผลิตชนิดใดมาก ราคาปัจจัยต่ำทำให้ต้นทุนต่ำ ราคาสินค้าต่ำ ได้เปรียบการแข่งขันส่งออกไปขายในต่างประเทศได้มาก 2)ความแตกต่างในด้านความชำนาญของปัจจัยการผลิต (แรงงาน)   ความชำนาญของปัจจัยการผลิต เช่น แรงงานมีทักษะในการผลิตสินค้าอะไรสักอย่างได้ดีมาก โดยที่ใช้ปัจจัยการผลิตเท่ากันกับประเทศอื่น แต่ได้ผลผลิตมากกว่า ย่อมมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ 3)ความแตกต่างของรสนิยมในการบริโภคของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ (Theory of International Trade) ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ (Theory of International Trade). 1. ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศของสำนักคลาสสิก §ยุคศักดินา (Feudalism), ยุคมืด (Dark Ages)   ปัจจัยที่ทำให้เสื่อม ประชากรที่มีจำนวนมากขึ้น สงครามครูเสค เกิดโรคระบาด  §ยุคพาณิชย์นิยม (Mercantilisms) –เปลี่ยนมาเป็นเศรษฐกิจที่มีการซื้อขายขึ้นแทนนอกเขตฟิวดวล –เริ่มรู้จักใช้เงินตรา เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน –การค้นพบเส้นทางเดินเรือและการค้นพบโลกใหม่  ลัทธิล่าอาณานิคม (colonialism) –การครอบครองและการเอาผลประโยชน์จากดินแดนอาณานิคม  –สนับสนุนความเป็นชาตินิยมโดยเน้นให้ประเทศมีส่วนเกินของการส่งออก(เกินดุล) และความเป็นชาตินิยมทางด้านการทหาร ต้องมีกองทัพที่เข้มแข็ง –สนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ โดยมุ่งสะสมโลหะที่มีค่า เช่น ทองคำ และเงิน (gold and silver) 2. ทฤษฎีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ (Theory of Absolute Advantage)   อดัม สมิธ (Adam Smith) เชื่อว่า “ประเทศที่ผลิตสินค้าได้เปรียบโดยสมบูรณ์จะทำการผลิตสินค้านั้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าประเทศอื่น และนำไปแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศอื่น” 3. ทฤษฎีการได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (Theory of Comparative Advantage)  เป็นแนวคิดของ เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo) ที่พัฒนาแนวคิดมาจากทฤษฎีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ ของ อดัม สมิธ   เพราะทฤษฎีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ ไม่สามารถอธิบายกรณีที่ประเทศหนึ่งผลิตสินค้า 2 ชนิดได้เปรียบหรือเสียเปรียบโดยสมบูรณ์ได้ (ไม่เกิดการค้าระหว่างประเทศ)    เดวิด ริคาร์โด  ได้อธิบายว่า แต่ละประเทศมีความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการด้วยต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกัน เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ แหล่งทรัพยากร รวมถึงความชำนาญในการผลิต   ดังนั้น ทุกประเทศควรมุ่งผลิตสินค้าที่ตนได้เปรียบเชิงต้นทุน กล่าวคือ ควรเลือกผลิตสินค้าโดยเสียต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าประเทศอื่น แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกันระหว่างประเทศ จะเกิดความคุ้มค่ากับสองประเทศมากกว่าผลิตขึ้นใช้เอง 4. ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศสมัยใหม่ ของ เฮกเซอร์ (Eli Heckscher) และโอห์ลิน (Bertil Ohlin) นักเศรษฐศาสตร์ชาวสวีเดน หรือเรียกว่า ทฤษฎีสัดส่วนของปัจจัยการผลิต (Factor Proportion)    ทฤษฎีสัดส่วนของปัจจัยการผลิต กล่าวว่า แต่ละประเทศมีปัจจัยการผลิต เช่น ที่ดิน เงินทุน และแรงงานแตกต่างกัน ถ้าประเทศใดมีแรงงานมาก เมื่อเปรียบกับที่ดินและเงินทุนค่าจ้างแรงงานของประเทศนั้นจะถูก หรือกรณีอื่นๆ ก็เป็นลักษณะเดียวกัน ยกตัวอย่าง ประเทศออสเตรเลียมีที่ดินจำนวนมาก ก็ควรจะผลิตสินค้าเกษตรเป็นลักษณะเรียกว่า Land-Intensive   ประเทศจีนมีแรงงานจำนวนมาก ก็ควรทำอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก เรียกว่า Labor-Intensive เพื่อส่งออกไปขายต่างประเทศ   ประเทศสหรัฐเมริกา มีเงินทุนมากก็ควรผลิตเครื่องบินโบอิ้ง เป็น Capital-Intensive ไปขายต่างประเทศ เป็นต้น  นโยบายการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Policy) นโยบายการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Policy).   จากการศึกษาทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านมา ก็จะสนับสนุนให้แต่ละประเทศผลิตสินค้าที่ตนเองได้เปรียบและถือเป็นการแบ่งงานกันทำระหว่างประเทศด้วย แล้วจึงนำสินค้าเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนกัน จะทำให้ประโยชน์กันทุกประเทศ   แต่อย่างไรก็ตามแต่ละประเทศก็ต้องพิจารณาผลประโยชน์ชาติ ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตในประเทศของตนเอง ซึ่งในบางกรณีผลประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้ผลิตก็ขัดแย้งกันเอง ไม่สอดคล้องต้องกัน ดังนั้นแต่ละประเทศจึงมีนโยบายการค้าระหว่างประเทศซึ่งเราจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้   1. นโยบายการค้าเสรี (Free Trade Policy)   คือ นโยบายที่รัฐบาลไม่เข้าไปแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศหรือแทรกแซงน้อยที่สุด โดยปล่อยให้เอกชนดำเนินการค้าขายเอง และสามารถผลิตสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศได้โดยเสรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าต้นทุนการผลิตแข่งขันสู้กับต่างประเทศได้หรือไม่ ลักษณะที่สำคัญของนโยบายการค้าเสรี ประกอบด้วย 1) แต่ละประเทศผลิตสินค้าที่ตนเองมีความถนัด 2) ไม่มีการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศหนึ่งประเทศใดเป็นการเฉพาะ 3) ไม่มีข้อจำกัดทางการค้าระหว่างประเทศ   2. นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน (Protective Trade Policy)   คือ นโยบายที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองช่วยเหลือผู้ผลิตในประเทศหรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้มาตรการต่างๆคุ้มกัน   มาตรการคุ้มกันทางการค้าที่สำคัญ มีดังนี้   2.1 การตั้งกำแพงภาษีศุลกากรขาเข้า (Tariff Wall)   โดยการเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะมีผลต่อราคาสินค้านำเข้าจนอาจมีราคาสูงกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่ผลิตในประเทศ    2.2 การกำหนดโควตานำเข้า (Import quota) เป็นการจำกัดปริมาณสินค้านำเข้าประเทศในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยผู้นำเข้าต้องเสียค่าธรรมเนียมให้รัฐบาลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ ทำให้การจ้างงานขยายตัว ประชาชนมีรายได้   3. นโยบายการให้การอุดหนุน (Subsidies)   คือ การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตภายในประเทศ เพื่อให้อยู่ในระดับแข่งขันกับต่างประเทศได้ เช่น ให้เงินช่วยเหลือผู้ผลิตโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ การลดหยอดภาษีสินค้าบางอย่าง การให้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในอัตราพิเศษ เป็นต้น    4. นโยบายการทุ่มตลาด (Dumping)   คือ การขายสินค้าในตลาดต่างประเทศในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดภายในประเทศ แบ่งออกเป็น 4.1 การทุ่มตลาดแบบถาวร 4.2 การทุ่มตลาดแบบชั่วคราว เกิดจากสินค้าเหลือภายในประเทศจำนวนมาก 4.3 การทุ่มตลาดแบบเพื่อการแข่งขัน เพื่อแย่งตลาดต่างประเทศ   5. นโยบายการค้าโดยรัฐบาล (State Trading)   คือ การค้าระดับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบมีการวางแผนจากส่วนกลางโดยรัฐจะเป็นผู้วางแผนหรือตัดสินใจนำเข้าหรือส่งออกสินค้าอะไร จำนวนเท่าใด เป็นต้น   6. นโยบายกลุ่มผู้ขาดระหว่างประเทศ (International Cartels)   คือ การรวมกลุ่มของผู้ผลิตจากหลายประเทศ เพื่อจำกัดการแข่งขันสินค้าชนิดเดียวกันให้เกิดอำนาจผูกขาด เช่น กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันส่งออก OPEC เป็นต้น รูปแบบการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในโลก รูปแบบการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในโลก. 1) เขตการค้าเสรี (Free Trade Area) หมายถึง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อลดหรือ ขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น โควตา, ภาษีศุลกากร หรืออื่นๆ กลุ่มเศรษฐกิจแบบนี้ ได้แก่ European Free Trade Area (EFTA), North American Free Trade Agreement (NAFTA), ASEAN Free Trade Area (AFTA) เป็นต้น 2) สหภาพศุลกากร (Customs) เป็นการรวมกลุ่มเพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าในประเทศสมาชิก ความแตกต่างกับเขตการค้าเสรีก็คือ จะมีการปฏิบัติกับประเทศสมาชิกอย่างหนึ่ง ประเทศมิใช่สมาชิกอีกแบบหนึ่ง 3) ตลาดร่วม (Common Market) เป็นการรวมกลุ่มเพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าเหมือนรูปแบบที่ผ่านมา แต่ยังมีการเคลื่อนย้ายแรงงานและเงินทุนระหว่างประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี รวมทั้งมีการจัดทำนโยบายการค้าร่วมกัน 4) สหภาพเศรษฐกิจ (Economic Union) มีลักษณะคล้ายตลาดร่วม แต่ยังมีการประสานนโยบายทางเศรษฐกิจ ต้องการให้ประเทศสมาชิกมีนโยบายเกี่ยวกับภาษี เงินตราเป็นหนึ่งเดียวกัน 5) สหภาพทางการเมือง (Political Union) ในสหภาพทางการเมืองเป็นการรวมตัวของเศรษฐกิจและการเมือง โดยแต่ละประเทศสมาชิกจะมีการประสานแง่มุมต่างๆ ของระบบการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ชาติต่างๆ ก็มีเสรีภาพในการกำหนดนโยบายการเอง เศรษฐกิจภายในของตนเอง   สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,466
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ. §การลดค่าเงินบาท (Devaluation) เริ่มต้นจากเดิมอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาเปลี่ยนเป็นอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ §การเพิ่มค่าเงินบาท (Revaluation) เป็นลักษณะเดิมอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาอัตราแลกเปลี่ยนเป็น 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ    การที่อัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากเดิม 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็น 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่า เงินบาทแข็งค่า (Appreciate)   การอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นจากเดิม 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาเปลี่ยนเป็นอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  เรียกว่า เงินบาทอ่อนค่า (Depreciate) เงินบาทแข็ง เงินบาทแข็ง. - ส่งผลดีต่อ การนำเข้าสินค้า ทำให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ถูกลง - ส่งผลเสียต่อ การส่งออกสินค้า ทำให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปขาย มีราคา แพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต่างประเทศไปซื้อสินค้าของประเทศอื่นที่ราคาถูกกว่า เงินบาทอ่อน เงินบาทอ่อน. - ส่งผลดีต่อ การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เพราะส่งออกสินค้าได้ราคา ถูกลง - ส่งผลเสียต่อ สินค้านำเข้า ทำให้นำเข้าสินค้าได้ราคา แพงขึ้น สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,467
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/บัญชีดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ
บัญชีดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ (International Balance of Payment Accounting)  เป็นบัญชีที่บันทึกการรับและจ่ายเงินตราต่างประเทศ อันสืบเนื่องมาจากการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างผู้มีภูมิลำเนาในประเทศหนึ่งกับผู้ที่มีภูมิลำเนาในประเทศอื่น ๆ ระยะเวลาหนึ่ง ดุลการชำระเงินประกอบด้วยบัญชีย่อยจำนวน 4 บัญชี ซึ่งประกอบไปด้วยบัญชีดังต่อไปนี้ 1) บัญชีเดินสะพัด (Current Account) 1) บัญชีเดินสะพัด (Current Account).   ประกอบด้วยบัญชีย่อย 4 บัญชี ดังนี้ I.บัญชีการค้า (ดุลการค้า) เป็นบัญชีที่บันทึกรายได้จากการขายสินค้าให้กับต่างประเทศ และรายจ่ายจากการนำสินค้าเข้าจากต่างประเทศ II.บัญชีบริการ (ดุลบริการ) เป็นบัญชีที่บันทึกรายได้จากการให้บริการต่างประเทศ และรายจ่ายจากการใช้บริการของต่างประเทศ เช่น การขนส่ง การท่องเที่ยว เป็นต้น III.บัญชีบริจาคและเงินโอน ได้แก่ เงินช่วยเหลือต่างประเทศ ส่งเงินให้ญาติ IV.บัญชีรายได้ เป็นรายได้นอกเหนือจากบัญชีข้างต้น ได้แก่ ค่าแรง เงินปันผล 2) บัญชีเงินทุน (Capital and Account) 2) บัญชีเงินทุน (Capital and Account). ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ I.บัญชีทุน เป็นบันทึกรายการเกี่ยวกับการโอนสิทธิหรือเงินทุนที่เกิดจากการซื้อขายสินทรัพย์ถาวร ที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตและมิใช่สินทรัพย์ทางการเงิน II.บัญชีการเงิน เป็นการบันทึกธุรกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินทางการเงินระหว่างประเทศ แบ่งเป็นการลงทุน 3 ประเภท ได้แก่ §การลงทุนโดยตรง (Direct Investment) เช่น ต่างประเทศเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทย §การลงทุนโดยอ้อม (Indirect Investment) เช่น การลงทุนของชาวต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในรูปของการซื้อหุ้นหรือตราสารหนี้อื่นๆ §การลงทุนอื่นๆ เช่น เงินฝากธนาคาร และเงินกู้ เป็นต้น 3) บัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of payment) 3) บัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of payment). เป็นผลรวมของบัญชีเดินสะพัดกับบัญชีเงินทุน (1) + (2) ถ้ารายรับจากต่างประเทศมากกว่าการจ่ายชำระหนี้ให้ต่างประเทศ ดุลการชำระเงินจะเกินดุล แต่ถ้าหากเป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม ดุลการชำระเงินจะขาดดุล   การขาดดุลหรือเกินดุลการชำระเงิน จะมีผลต่อการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของทุนสำรองของประเทศ ดังนั้นการปรับความไม่สมดุลในการชำระเงินระหว่างประเทศจะอยู่ที่บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ (International reserve account) 4) บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ 4) บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ. หมายถึง สินทรัพย์ทั้งหลายที่ทั่วโลกยอมรับว่าใช้ ชำระหนี้ต่างประเทศได้ ทุนสำรองระหว่างประเทศมักจะไม่รวมเงินตราสกุลของตนเอง แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีเงินดอลลาร์เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ดอลลาร์ก็ไม่ใช่เงินทุนสำรองของประเทศสหรัฐอเมริกา   ทุนสำรองระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ทองคำ เงินตราต่างประเทศ เงินฝากที่ IMF เป็นต้น การเกินดุลหรือขาดดุลการชำระเงิน : ผลกระทบต่อปริมาณเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และทุนสำรองระหว่างประเทศ เกินดุล ปริมาณเงินเพิ่ม ค่าเงินบาทลด ทุนสำรองเพิ่มขึ้น ขาดดุล ปริมาณเงินลด ค่าเงินบาทเพิ่ม ทุนสำรองลดลง สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,468
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ลัทธิเศรษฐศาสตร์การเมือง
1.ลัทธิเทวสิทธิ์ (Divine Right of Kings) §อ้างว่า กษัตริย์ มีความชอบธรรมที่จะปกครอง เพราะได้อำนาจมาจาก พระเจ้า (God) §ระบบเศรษฐกิจแบบศักดินา (feudalism) มีความชอบธรรม §รัฐบาลเป็นสถาบันศักดิ์สิทธิ์ ได้รับอำนาจและรับรองจากพระเจ้า §การปฏิเสธหรือต่อต้านรัฐและรัฐบาลเท่ากับการปฏิเสธพระเจ้า § เซนต์ โทมัส อไควนัส (St.Thomas Aquinas, 1220-1274) §ชีวิตสังคมและการเมืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบจักวาล ผู้ที่อยู่ต่ำกว่ารับใช้ผู้ที่อยู่สูงกว่า ผู้ที่อยู่สูงกว่าเป็นผู้นำและควบคุมผู้อยู่ต่ำกว่า สมาชิกของสังคมต่างทำงานในหน้าที่ของตน แต่ละคนมีหน้าที่ในสังคมต่างกัน แต่รวมเข้าแล้วต่างก็ทำประโยชน์ให้สังคมด้วยกันทั้งนั้น ระบบสังคมต้องมีส่วนที่เป็นหัวหน้าปกครองเช่นเดียวกับที่ร่างกายมีวิญญาณปกครอง §ในด้านเศรษฐกิจ ได้เสนอ ทฤษฎีราคายุติธรรม (just price) เนื่องจากสมาชิกของสังคมมีพันธะต่อกัน ฉะนั้นราคาสินค้าที่กำหนดขึ้นในการแลกเปลี่ยนควรเป็นราคาที่ยุติธรรม 2. ลัทธิสมบูรณาญาสิทธิ์ (Absolute Monarchy) §การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) มนุษย์ลดความเชื่ออย่างงมงายในพระเจ้า §เกิดนิกายโปรเตสแตนต์ (Protestantism) เชื่อถือว่าคริสต์ศาสนิกชนอาจอ่าน และตีความพระคัมภีร์เองได้โดยการนำของมาร์ติน ลูเธ่อร์ (Martin Luther,1483-1546) §นิโคโล แมคเคียเวลลี (Nicolo Machiavelli,1469-1572) §ผู้ปกครองมีอำนาจเด็จขาด เพราะอำนาจเด็ดขาดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงและสันติภาพ เปลี่ยนการถือครองอำนาจจากพระเจ้า มาสู่ กษัตริย์ §เน้นการรวมศูนย์อำนาจ (Centralization) ดึงเอาอำนาจจากเหล่าขุนนาง คืนสู่ กษัตริย์ §โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes, 1588-1679) §มนุษย์ยอมมอบอำนาจและสิทธิในสภาพธรรมชาติให้องค์อธิปัตย์ องค์อธิปัตย์มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว เพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงของสมาชิกของสังคมไว้ได้ §องค์อธิปัตย์ควรมีรูปแบบเป็น กษัตริย์ §ลัทธิพาณิชย์นิยม (Mercantilism) ช่วงศตวรรษที่ 16 -18 §การเปลี่ยนจากเกษตรแบบเลี้ยงตัวเอง มาสู่ การค้าขายแลกเปลี่ยน §เปลี่ยนจากการส่งมอบผลผลิตให้ขุนนาง เป็น การคลังของรัฐ (กษัตริย์) §การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ สะสมทองคำและเงิน §การค้าระหว่างประเทศ เน้นการส่งออกให้มากกว่านำเข้าโดยตั้งกำแพงภาษี จำกัดการนำเข้าสินค้า 3.ลัทธิเสรีนิยมคลาสสิก (Classical Liberalism) §จอห์น ลอค (John Locke,1632-1704) §พระเจ้าไม่ได้ปรารถนาที่จะให้มนุษย์ผู้ใดได้สิทธิจากพระเจ้ามากกว่าผู้อื่น §มนุษย์จะต้องเคารพเสรีภาพ และไม่ก้าวก่ายในสิทธิของผู้อื่น §หน้าที่ของรัฐ คือ การรักษาสิทธิธรรมชาติของมนุษย์ ได้แก่ ชีวิต ทรัพย์สิน และเสรีภาพ นอกเหนือจากนั้น ปล่อยให้สมาชิกจัดการเอง §รัฐต้องเคารพสิทธิและต้องจำกัดอำนาจของตนให้อยู่ในขอบเขต 4.ลัทธิเสรีนิยมใหม่ (Neo Liberalism) §ให้ความสำคัญกับ การตัดสินใจเลือกของปัจเจกบุคคล จากความพึงพอใจสูงสุด (Utility Maximization) §หากแต่ละคนได้ประโยชน์สูงสุด สังคมส่วนรวมก็จะได้ประโยชน์สูงสุดตามไปด้วย §การแสวงหาประโยชน์สูงสุดของแต่ละคน จะถูกถ่วงดุลซึ่งกันและกัน จากสภาพการแข่งขันเสรีในตลาด §จนได้จุดดุลยภาพ (Equilibrium) ที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เช่น ราคาสินค้าและบริการ ผู้ขายและผู้ซื้อจะมีจุดราคาดุลยภาพที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายพึงพอใจซึ่งกันและกัน §ให้ความสำคัญกับ การแข่งขัน (Competition) §แรงกดดันจากการแข่งขันในระบบตลาดเป็นสิ่งจูงใจให้ปัจเจกบุคคลต้องพัฒนายกระดับตนเอง ให้ภาคธุรกิจต้องพัฒนาด้านการผลิต เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) §เพื่อความอยู่รอดในเกมการแข่งขันของระบบตลาดเสรี (ทุนนิยม) §จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill , 1806 - 1873) §เสรีภาพส่วนบุคคลจะเกิดได้ต้องให้โอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เท่าเทียมกันในรายได้หรือความฉลาด ดังนั้นโอกาสเท่าเทียมกันเกิดได้ เมื่อทุกคนเริ่มต้นอย่างเป็นธรรม (All start fair) ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้มีบทบาทวางนโยบายเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดขึ้น กระทำได้ 2 ประการ คือ 1)เข้าแทรกแซงโดยใช้อำนาจ (Authoritative Intervention) เพื่อห้ามหรือจำกัดพลังของตลาด เช่น ออกกฎหมายห้ามขึ้นราคาสินค้า จำกัดผลผลิตมันสำปะหลัง เป็นต้น ก็จะบังเกิดโอกาสเท่าเทียมกันมากขึ้น 2)เข้าแทรกแซงโดยให้การสนับสนุน (Supportive Intervention) เพื่อขยายพลังของตลาดให้เกิดการซื้อขายมาก และผลิตสินค้าได้มากขึ้น คนจนมีงานทำมีรายได้ เท่ากับ เกิดโอกาสเท่าเทียมกันแก่คนยากจนมากขึ้น   §จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill , 1806 - 1873) §นโยบายการคลังด้านภาษีเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความเป็นธรรม ควรวางนโยบายการเก็บภาษีแตกต่างกัน 3 ประการ 1)ภาษีเงินได้ (ยกเว้นภาษีแก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่าจำนวนที่กำหนดไว้) 2)ภาษีมรดกและภาษีสรรพสามิต 3)ภาษีสิ่งฟุ่มเฟือย  5.ลัทธิมาร์กซิสม์ (Marxism) §คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx,1818-1883) §การพัฒนาในแนวทางเศรษฐศาสตร์กระแสหลักท้ายสุดจะก่อให้เกิดชนชั้นที่ชัดเจนเป็นสองกลุ่ม คือ ชนชั้นสูงคนรวยจำนวนน้อยนิด และชนชั้นกรรมาชีพที่เป็นคนจนและเป็นสัดส่วนที่ใหญ่มากในระบบเศรษฐกิจ §ตอกย้ำภาพความล้มเหลวการกระจายรายได้ของประเทศอย่างชัดเจน §แต่ปัจจุบันการพัฒนาเศรษฐกิจได้สร้างภาพชนชั้นกลางให้เป็นชนชั้นส่วนใหญ่ของประเทศได้สำเร็จ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว §แนวทางเพิ่มปริมาณชนชั้นกลางและการจัดสวัสดิการในสังคมที่เพียงพอกลายมาเป็นลัทธิแก้ปัญหาของระบบทุนนิยม (Capitalism) ในปัจจุบัน §ลัทธิมาร์กซิสม์ ได้รับอิทธิพลจาก แนวคิดสังคมนิยม   (ปัจจัยการผลิตเป็นของสังคม) §ระบบสังคมนิยม (Socialism) §รัฐบาลเป็นเจ้าของทุนและปัจจัยการผลิต เอกชนถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินบางอย่างไม่ได้ ซึ่งตรงข้ามกับระบบนายทุนที่ยอมให้เอกชนเป็นเจ้าของทั้งปัจจัยการผลิตและมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน §ระบบสังคมนิยมไม่ถือกำไรเป็นสิ่งจูงใจ ไม่มีพลังตลาด (อุปสงค์และอุปทาน) ที่บังคับให้เกิดการผลิต ดังนั้นรัฐจึงต้องดำเนินธุรกิจเป็นกิจการขนาดใหญ่ §ระบบสังคมนิยมต้องการแบ่งทรัพย์สินและรายได้เป็นไปโดยยุติธรรม สังคมนิยมต่างกับระบบคอมมิวนิสต์ตรงที่การเข้าเป็นเจ้าของทุนของรัฐบาล สังคมนิยมจะทำโดยสงบและเป็นแบบประชาธิปไตย §ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีดังนี้คือ 1)ประชาชนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจมากกว่าระบบที่ต่างคนต่างอยู่ 2)ประชาชนมีรายได้ใกล้เคียงกัน  เศรษฐกิจไม่ค่อยผันแปรขึ้นลงมากนัก 3)รัฐจะครอบครองปัจจัยขั้นพื้นฐานไว้ทั้งหมด และความคุมกิจการสาธารณูปโภคทั้งหมด §ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีดังนี้ 1)แรงจูงใจในการทำงานต่ำ เพราะกำไรตกเป็นของรัฐ คนงานจะได้รับส่วนแบ่งตามความจำเป็น 2)ผู้บริโภคไม่มีโอกาสเลือกสินค้าได้มาก 3)ประชาชนไม่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการทำธุรกิจที่ตนเองมีความรู้ ความสามารถหรือต้องการจะทำ 4)ไม่ค่อยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพราะไม่มีการแข่งขัน สินค้าอาจไม่มีคุณภาพ §ลัทธิสังคมนิยมแบบยูโทเปีย (Utopia Socialism) §พยายามแก้ไขความไม่ยุติธรรมในสังคม โดยจัดตั้งสหกรณ์การผลิตและการบริโภคขึ้น เสนอให้มีการผลิตแบบเดิมก่อนการผลิตแบบอุตสาหกรรม §รัฐในความฝัน (Utopia) ตามแนวคิดของ Sir Thomas More ตามความฝันของเขาเป็นเกาะสมมุติขึ้นมีทุกสิ่งทุกอย่างแต่ถือว่าเป็นของร่วมกัน ทุกคนที่จะใช้ได้ต้องไปทำงานวันละ 6 ชั่วโมง การกินอาหารร่วมกันในโรงอาหารที่จัดไว้ มีบ้านเรือนจัดไว้ให้อยู่ตามความจำเป็นแก่อัตภาพ มีกฎหมาย และทุกคนมีสิทธิเลือกนับถือศาสนาตามความพอใจ  §นักวิชาการกลุ่มนี้เสนอว่า ควรพยายามหาทางให้ทุกคนมีทรัพย์สิน มีปัจจัยการผลิต แล้วนำปัจจัยการผลิตนั้นมาไว้รวมกัน ช่วยกันทำการผลิตในลักษณะสหกรณ์ (Co - operative) §แนวคิดนี้ปัจจุบันได้รับความนิยมมาก เป็นแนวคิดที่ให้มีการรวมตัวกันเข้าเป็นกลุ่มโดยร่วมกันดำเนินธุรกิจ มีการจัดตั้งขึ้นด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายในลักษณะทางธุรกิจ §มีจุดหมายเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในการครองชีพ และการมีทรัพย์สินที่พอควรในรูปสหกรณ์การผลิต ด้วยวิธีการช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มสมาชิก ตามหลักและวิธีการที่กำหนดไว้ โดยไม่มุ่งหวังกำไร  §หลักการของสหกรณ์ในปัจจุบัน ประการแรก ยึดหลักการรวมกลุ่มกันเป็นสำคัญ เน้นการรวมคนมากกว่าการรวมทุน เพราะสหกรณ์เกิดจากการรวมตัวกันของบุคคลที่มีฐานะทางเศรษฐกิจอ่อนแอ เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จึงต้องมีการรวมแรง รวมปัญญา และรวมทุน เพื่อช่วย เหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มสมาชิก และยึดหลักการช่วยเหลือตัวเอง §ประการที่สอง การจัดตั้งโดยความสมัครใจของสมาชิก เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน §ประการที่สาม หลักความเสมอภาค สมาชิกทุกคนมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมได้คนละ 1 เสียงเท่านั้น โดยจะไม่คำนึงถึงจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ §ประการสุดท้าย ผลประโยชน์ของสมาชิกโดยส่วนรวมเป็นเป้าหมายหลัก ผลประโยชน์ที่ได้รับจะไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ แต่จะขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมในกิจการของสหกรณ์ §ตามคติที่ว่า “สมาชิกแต่ละคน เพื่อสมาชิกทั้งหมด และสมาชิกทั้งหมด เพื่อสมาชิกแต่ละคน” (Each for all , and all for each) ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ (Communism) ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ (Communism). §ระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่รัฐเป็นเจ้าของทุนและปัจจัยการผลิตทุกชนิด §รัฐเป็นผู้กำหนดการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งหมด §เป็นระบบที่ตรงกันข้ามกับระบบทุนนิยมโดยสิ้นเชิง §รัฐจะเข้ามาควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด โดยจะกำหนดว่าจะผลิตสินค้าและบริการอะไร ผลิตอย่างไร และผลิตเพื่อใคร เอกชนไม่มีสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินเพื่อการผลิตต่างๆ เช่น การถือครองที่ดิน เป็นต้น §ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์นั้น พัฒนามาจากแนวความคิดทางเศรษฐกิจของคาร์ล มาร์ค (Karl Marx) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ซึ่งได้รับสมญานามว่า “บิดาแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์” §วาลาดิเนีย อิสยิช อัลยานอบ (Vladinir Ilych Ulyanov) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในนามของ เลนิน (Lenin) นักปฏิวัติโซเวียต ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงการปกครองและนำระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์มาใช้กับสหภาพรัสเซียเป็นประเทศแรก 6.ลัทธิเคนส์ (Keynesian Economics) 6.ลัทธิเคนส์ (Keynesian Economics). §จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes ,1883-1946) §มุ่งหาทางแก้ปัญหาความล้มเหลวของตลาดเสรี (Classical Liberalism) เน้นหน้าที่ของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มอุปสงค์รวม เพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ลดการว่างงาน และช่วยแก้ภาวะเงินฝืด §วิธีการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจตกต่ำโดยการกระตุ้น (จูงใจให้ลงทุน) ผ่านการใช้สองวิธีรวมกัน คือ การลดอัตราดอกเบี้ย และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน §เครื่องมือที่สำคัญ คือ นโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง (งบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ) §เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian Economics) ก่อให้เกิดการวางแผนแบบชี้นำทิศทางของการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม (indicative planning) โดยที่รัฐลงทุนสร้างโครงข่ายพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (infrastructure) พร้อมทั้งกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศแล้วปล่อยให้เอกชนเป็นฝ่ายตัดสินใจลงทุน สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,469
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/ฉันทมติแห่งวอชิงตัน
ฉันทมติแห่งวอชิงตัน (Washington Consensus) ฉันทมติแห่งวอชิงตัน (Washington Consensus).   โดย จอห์น วิเลียนสัน (John Williamson,1989)  นักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันเพื่อการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (The Institute for International Economics)  สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้  1. การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ (Economic Liberalization)   โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเสรีการค้า การเงิน และการลงทุน เพื่อให้กลไกตลาดทำงานอย่างเสรีและมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีอุปสรรคกีดขวางการไหลเวียนของการค้า การเงิน และการลงทุนระหว่างประเทศ   2. การลดการกำกับและควบคุมโดยรัฐบาล (Deregulation)   เช่น รัฐบาลเลิกการแทรกแซงตลาด โดยจำกัดบทบาทของรัฐเหลือเป็นเพียงผู้ออกกฎกติกาและคุ้มครองดูแลรักษากฎกติกา รวมถึงอำนวยความสะดวกและส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน 3.การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (Privatization)   เป็นความพยายามที่จะลดภาระของรัฐ เช่น ลดภาระด้านงบประมาณ ลดขนาดของภาครัฐให้เล็กลง โดยผลักภาระให้แก่ภาคเอกชนและตลาดเข้ามารับหน้าที่แทน ด้วยหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ   โดยการให้เอกชนเพิ่มระดับความเป็นเจ้าของในกิจการสาธารณะ เช่น การให้บริษัทเอกชนเข้ามาประกอบกิจการที่เคยทำโดยรัฐวิสาหกิจ การกระจายหุ้นของรัฐวิสาหกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ การยกเลิกการผูกขาดของรัฐวิสาหกิจแล้วเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันกับบริษัทเอกชน เป็นต้น  4. การรักษาเสถียรภาพของระดับราคาในระบบเศรษฐกิจ (Price Stabilization)   เป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค คือ การธำรงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้ ในส่วนของรัฐบาลก็ผสมผสานการใช้นโยบายการคลัง ด้วยการรักษาวินัยทางการคลัง  สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,470
เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น/บทบาทที่สำคัญของรัฐยุคหลังวิกฤตการณ์ซับไพรม์
บทบาทที่สำคัญของรัฐยุคหลังวิกฤตการณ์ซับไพรม์ บทบาทที่สำคัญของรัฐยุคหลังวิกฤตการณ์ซับไพรม์.   ภูมิทัศน์ของเศรษฐกิจโลกยุคหลังวิกฤตการณ์ซับไพรม์ จึงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จุดสำคัญคือ รัฐบาล ซึ่งถูกลดบทบาทลงไปมากในยุคเสรีนิยมใหม่ จะกลับมามีบทบาททางเศรษฐกิจโดยเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง ทั้งตามสภาพเศรษฐกิจที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และตามกระแสเรียกร้องจากสังคมที่ความศรัทธาต่อตลาดลดลง บทบาทที่สำคัญของรัฐในห้วงเวลานี้ ได้แก่   (1) การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นเศรษฐกิจ แทนที่ความต้องการใช้จ่ายของภาคเอกชน (ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ) ที่อ่อนแรงลง ผลลัพธ์ก็คือ รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล โดยการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและการลดภาษี   (2) การช่วยเหลือดูแลด้านสวัสดิการ แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มคนจน และกลุ่มแรงงานรายได้ต่ำ และการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคม   (3) การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันการเงิน และธุรกิจบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ล้มละลาย ในหลายกรณี รัฐบาลเข้าไปเป็นเจ้าของวิสาหกิจเอกชน หรือเข้าไปมีบทบาทในการกำกับควบคุมทิศทางและการทำงานของวิสาหกิจเอกชนในบางระดับ   (4) การมีบทบาทในการกำกับดูแลในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เช่น การกำกับดูแลระบบสถาบันการเงิน การกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ เพื่อสร้างเสถียรภาพ และลดความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการกำกับดูแลตลาดเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ สารบัญ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
thaiwikibooks
196,471
ความรู้เรื่องประชากรและชุมชนเมือง/วัฒนธรรมและชีวิตในเมือง
จากความหมายของการกลายเป็นเมืองที่อธิบายมาแล้วนั้น จะเห็นว่าความเป็นเมืองนั้นเป็นผลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตนั้นไปสู่รูปแบบของเมือง ที่เรียกว่า คติแบบเมือง (Urbansim) นั่นเอง นิลส์ แอนเดอร์สัน (Anderson 1971 : 8-21) ได้อธิบายถึงคติแบบเมืองว่า มีหลายลักษณะดังนี้ 1.มีการแบ่งแยกแรงงาน (Division of labor) ตามความชำนาญเฉพาะด้านซึ่งเป็นผลมาจากความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและการประดิษฐ์ ทำให้มีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการผลิต การประกอบอาชีพต่าง ๆ จึงใช้ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษ มีการแบ่งตำแหน่งและหน้าที่หลายระดับขึ้นอยู่กับงานแต่ละประเภท 2.วิถีชีวิต (Lifestyle) เป็นแบบคนเมืองและมีลักษณะเหมือนกับจักรกล เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เพื่อเพิ่มความเร็วในการผลิต ทำให้ความสามารถของคน และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ถูกทำลาย เพราะต้องรับคำสั่งและถูกควบคุมโดยเครื่องจักร ต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง การเพิ่มความก้าวหน้าให้กับชีวิตและความเป็นอยู่ในเมืองจึงต้องสัมพันธ์กับระบบอุตสาหกรรม 3.การเคลื่อนที่ทางสังคม (Social mobility) ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความสำเร็จ และความพยายาม ต้องต่อสู้และแข่งขันกับผู้อื่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม มีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยมากครั้งตามตำแหน่งและหน้าที่การงาน 4.อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม (Environments) ที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์มากกว่าสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เช่น ถนน อาคาร และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สิ่งแวดล้อมในเมืองที่เพิ่มขึ้นมีลักษณะเป็นจักรกล และรวมถึงเครื่องใช้ภายในบ้านด้วยเช่นกัน 5.การดำเนินชีวิตประจำวันผูกพันกับเวลา (Implications of the clock) การทำงาน การเดินทาง และกิจกรรมต่าง ๆ ของคนในเมืองจะถูกกำหนดโดยเวลา คนส่วนใหญ่ต้องทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ 6.มีความเป็นอยู่แบบปัจเจกบุคคลและครอบครัวนิยม (The individual and familism) คนส่วนใหญ่ต้องพึ่งตนเอง ทำงานเพื่อตนเองหรือเพื่อครอบครัวของตัวเอง ความผูกพันภายในครอบครัวและเพื่อนบ้านมีน้อย สมาชิกของแต่ละครอบครัวมีสถานที่ทำงานต่างสถานที่และต่างอาชีพ ใช้เวลาส่วนมากในการทำงานเพื่อร่วมกันรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจของครอบครัว ทำให้มีเวลาในการสังสรรค์ต่อกันน้อย 7.มีความสัมพันธ์แบบทุติยภูมิ (Secondary relationships) ทำงานในองค์กรที่เป็นราชการทำให้การติดต่อของสมาชิกในสังคมต้องมีแบบแผนในการติดต่อตามระเบียบที่องค์กรกำหนดไว้ 8.มีความสามารถในการปรับตัว (Adaptation) ให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบเมือง การอาศัยอยู่ในเมืองจะต้องไม่กลัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความเจริญ และสามารถอยู่ย่างโดดเดี่ยวในกลุ่มของปัจเจกนิยมได้ 9.มีความผูกพันและยอมเทคโนโลยี (Commitment to superlatives) เนื่องจากในเมืองจะเป็นดินแดนที่มีความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน สิ่งของที่ทันสมัยและล้ำหน้าที่สุดในวันนี้ อาจจะล้าสมัยในวันรุ่งขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้นการผลิตต่าง ๆ ผู้ผลิตจะต้องใช้ความสามารถทางด้านความคิดและศิลปะทำให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อกระตุ้นการอุปโภคและการบริโภคของลูกค้า 10.เงินตราเป็นตัวกำหนดราคาและคุณค่า (Money as the definer of values) การได้มาซึ่งเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของต่าง ๆ จะต้องใช้เงินตราในการแลกเปลี่ยน และราคาของสิ่งต่าง ๆมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดเวลา 11.ให้ความสำคัญกับเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรและความเป็นระบบราชการ (Writing records and bureaucracy) เป็นเรื่องที่สำคัญในระบบการบริหาร การวางแผน และการควบคุมการทำงานของคนไม่ว่าจะเป็นสังคมเมือง สังคมชานเมือง และสังคมชนบท ต่างก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน มนุษย์ทุกคนมีความสามารถอย่างหนึ่งก็คือ การปรับตัวเข้ากับทุกสภาพสังคม แม้ว่าสังคมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม สมาชิกในสังคมก็สามารถดำรงชีพอยู่ได้เสมอ ที่มา;http://www.dpt.go.th/ITCitdb/txt/pop/urban5.htm
thaiwikibooks
196,472
ภาษาอังกฤษ/ไวยากรณ์/คำนาม/สามานยนาม
หมายถึง คำนามที่เป็นชื่อเรียกของคน สัตว์ และสิ่งของ สถานที่ ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ ตัวอย่าง ตัวอย่าง. Bird / Tiger / Elephant / Man / Girl / Uncle / Sky / Sun / Table / Kitchen / Car / School / Pen / Road เป็นต้น ดูเพิ่ม สามานยนาม วิสามานยนาม สมุหนาม วัตถุนาม อาการนาม
thaiwikibooks
196,473
ดาราศาสตร์ทั่วไป/ยุคต้นของจุดกำเนิดดาราศาสตร์
เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้ว ที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากกว่าในปัจจุบัน ปราศจากซึ่งมลภาวะจากแสงไฟถนน ทุกคนสามารถมองเห็นดาวนับพันหรือแนวของทางช้างเผือกที่ทอดตัวยาวจรดท้องนภา การเคลื่อนไหวของดาวถูกกำหนดเป็นปฏิทินที่จำเป็นเสียไม่ได้ต่อการคาดการณ์สภาพอากาศ คนโบราณจึงมีความเอาใจใส่ต่อการสังเกตการณ์สรวงสวรรค์และสภาพแวดล้อมรอบตัวของพวกเขา การสังเกตการณ์โบราณเหล่านี้ได้เป็นรากฐานให้กับสิ่งที่เป็นดาราศาสตร์สมัยใหม่ และยังเป็นลักษณะอาการทางวิทยาศาสตร์แรกในสังคมด้วย หลักสำคัญในการให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์นั้นคือ โลกนั้นเป็นระเบียบอยู่เป็นปกติวิสัยและสามารถที่จะเข้าใจได้ และการสังเกตการณ์นั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ถึงวิธีการทำงานชองจักรวาลได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดต้องการให้เอกภพนั้นเข้าใจได้ หรือให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ มนุษยชาติจึงได้วางใจในความคิดที่อยู่เบื้องหลังวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์นั้นประสบความสำเร็จ และส่วนมากในโลกมักจะทำตามกฎที่ถูกตั้งขึ้นไว้ ส่วนผสมที่ทำให้ปรัชญาของวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ขั้นตอนของการพัฒนานั้นเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ ผู้คนในสมัยโบราณยังไม่เคยรู้จักกับหลักการของระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งในที่สุดมันก็ถูกพิสูจน์จนสามารถเชื่อถือได้ ในขั้นกลางของการพัฒนา สังคมเกิดความมืดบอดในการเรียนรู้เกี่ยวกับโลก เพื่อค้นพบว่าประสบการณ์ของพวกเขาสอนให้พวกเขารู้ว่าเอกภพเป็นอย่างไร และเพื่อระบุขอบเขตระหว่างเหตุผลและไสยศาสตร์ เรื่องราวของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ในวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่เพียงเปิดเผยแต่ธรรมชาติของโลกและความจริงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วไปอีกด้วย วัตถุสมัยโบราณที่เกิดขึ้นย้อนไปกว่า 2 หมื่นปีก่อน ในยุคหินเก่า ซึ่งมันอาจมีความเกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ แม้ว่าการตีความวัตถุดังกล่าวยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ตัวอย่างของวัตถุที่ดีที่สุดถูกพบอยู่ในถ้ำลัสโก (Lascaux) ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบงานศิลปะในยุคหินเก่าอย่างหลากหลาย ตัวอย่างบางส่วนที่พบในถ้ำอาจหมายถึงกลุ่มดาวลูกไก่ หรือจักรราศี บนกระดูกสัตว์มีเครื่องหมายที่อาจใช้เป็นปฏิทินจันทรคติได้ แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์ในยุคหินเก่าจะหายากและมีความกำกวม แต่ความขาดแคลนเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าคนในยุคนั้นไม่ได้สนใจสรวงสวรรค์ ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวอะบอริจิ้น โดยการสืบทอดผ่านพิธีกรรมที่เป็นสัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์อันแข็งแกร่ง ซึ่งก็ไม่ได้สะท้อนตัวมันเองออกมาในรูปของศิลปะทางโบราณคดี คุณลักษณะของวัตถุในยุคหินเก่านั้นมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ตั้งแต่ความเข้าใจในท้องฟ้าและปฏิทิน ซึ่งมีความหมายอันชัดเจนและลึกซึ้งสำหรับวัฒนธรรมด้านการเกษตรกรรมในช่วงแรกสุด ผู้สังเกตการณ์ได้รับความสามารถในการจัดการการวางแผนกิจกรรมที่วนรอบปี การเคลื่อนไหวบนท้องฟ้านั้นสร้างอิทธิพลอย่างมากต่อการงานของมนุษยชาติ และอิทธิพลนี้ก็ถูกแสดงให้เห็นในการตีความทางศาสนาในด้านปรากกการณ์ท้องฟ้าและการกราบไหว้ดาวเคราะห์ทั้งหลาย การกระทำเหล่านั้นล้วนเป็นต้นกำหนดของทั้งโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ อนุสรณ์สถานและเครื่องหมายที่อธิบายความสนใจของสังคมยุคแรกในท้องฟ้าต่อนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ หลุมศพหลายหลุมในช่วงยุคนี้สอดคล้องกับทิศทางคาร์ดินัล (Cardinal directions) หรือทิศหลัก อนุสาวรีย์และแท่นบรวงสรวงโบราณนั้นหันหน้าไปทางตะวันออก ใต้ หรือตะวันตก ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ามนุษย์หลังยุคหินเริ่มต้นขึ้นนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงของการระบุแนวคิดพื้นฐานทางดาราศาสตร์ อนุสรณ์สถานโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ สโตนเฮนจ์ หินของอนุสรณ์สถานนี้เป็นการทำเครื่องหมายตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในฤดูร้อนอายัน (Summer solstice)
thaiwikibooks
196,474
ภาษาจีน/ศัพท์ที่ใช้เรียกแทนชื่อ
เปลี่ยนทาง ภาษาจีน/สรรพนาม
thaiwikibooks
196,475
ภูมิปัญญาท้องถิ่น/แนวคิด
ความหมาย ความหมาย. ธวัช ปุณโณทก กล่าวว่า ภูมิปัญญา หมายถึง ประสบการณ์ในการประกอบอาชีพในการศึกษาเล่าเรียน เจตนา นาควัชระ กล่าวว่า ภูมิปัญญาไทย หมายถึง ประสบการณ์ทางความคิดที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และสามารถสกัดออกมาจากสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน หรือมรดกทางวัฒนธรรม บานจิต สายรอคำ และถนัด ใบยา กล่าวว่า ภูมิปัญญา หมายถึง การเรียนรู้ของชุมชนที่ได้รับการเชื่อมโยงจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง เช่น ภูมิปัญญาการรักษาแม่น้ำ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ลักษณะสำคัญ ลักษณะสำคัญ. ภูมิปัญญาได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญ ได้รับการยกระดับคุณค่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นของการปลูกจิตสำนึก สร้างการตื่นตัวและตระหนักในคุณค่า เมื่อความรู้ความเข้าใจ เรื่องภูมิปัญญาได้ขยายวงกว้างขึ้น การตรวจสอบแสวงหาเนื้อหาสาระของภูมิปัญญาก็ขยายผลมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของการศึกษาและการปรับตัวของคนไทยในบริบทใหม่ แทนการสืบสานตามอัธยาศัยที่มีมาในสังคมประเพณี การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาดังกล่าวนี้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ความสนใจเรื่องนี้ขยายผลไปสู่หลายแง่มุมของชีวิตวัฒนธรรมไทย กล่าวอีกนัยหนึ่งการแปลงรูปภูมิปัญญาไทยมาสู่ความเป็นองค์ความรู้ที่ผ่านการเลือกสรร กลั่นกรอง แล้วจัดเป็นระบบเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการเรียนรู้และการปรับตัว และยังเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาอีกมากมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ภูมิปัญญาที่เป็นความรู้ เช่น ความรู้เรื่องผู้หญิง/ผู้ชาย ความรู้เกี่ยวกับครอบครัว ภูมิปัญญาที่เป็นความเชื่อทางสังคม เช่น ความเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ ภูมิปัญญาที่เป็นการแก้ปัญหา และการป้องกันปัญหา ภูมิปัญญาทางวัตถุ ภูมิปัญญาทางพฤติกรรม คือ การกระทำ การปฏิบัติตน หรือพฤติกรรมของบุคคล องค์ประกอบ ความคิด ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ความรู้มีการนำใช้ใช้ในลักษณะต่างๆ เช่น องค์ความรู้ ภูมิรู้ที่ปรากฎอยู่ในแนวคิด การสืบค้นกำเนิดแห่งความรู้ และธรรมชาติของความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม หรือ สิ่งที่คนสนใจ ปรารถนาที่อยากจะมี ความเห็น หรือ ภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากบุคคล หรือ ชุมชน โดยพิจารณารอบคอบแล้วจึงลงมติตัดสินใจ ความสามารถ ความฉลาดไหวพริบ อิทธิพลที่ทำให้เกิดภูมิปัญญา ความหมายภูมิปัญญาท้องถื่น ความหมายภูมิปัญญาท้องถื่น. ภูมิปัญญาท้องถิ่น หมายถึง องค์ความรู้ ความสามารถ ความเชื่อ และประสบการณ์ ผสมกับความกลมกลืนระหว่างศาสนา ภูมิอากาศ การประอบอาชีพ และการถ่ายทอดหลายชั่วคน ของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
thaiwikibooks
196,476
ภาษาเกาหลีสำหรับโรงเรียนอักษรฮันกึล 1
A : 안녕하세요? B : 안녕하세요? A : 이름이 뭐예요? B : 저는 "..."(~이에요/~예요). 안녕히 가세요. 안녕히 계세요. 고맙습니다. 감사합니다. 죄송합니다. 미안합니다. 실례합니다. ฺB : 연필이에요. A : 저게 뭐예요? ฺB : 시계예요. A : 이게 빵이에요? B : 네, 빵이에요. A : 이게 주스예요? B : 아니요, 우유예요. A : 누구예요? B : 우리 할아버지예요. A : 누구예요? B : 동생이에요. A : 집이 어디예요? B : 여기예요. A : 학교가 어디예요? B : 저기예요. 아빠는 회사에 가요. 엄마는 백화점에 가요. 저는 학교에 가요. 동생은 유치원에 가요. B : 침대가 있어요. A : 거실에 뭐가 있어요? B : 텔레비전이 있어요. 교실에 뭐가 있어요? 책상이 있어요. 의자가 있어요. 엄마는 책을 읽어요. 아빠는 텔레비전을 봐요. 저는 그림을 그려요. 동생은 우유를 마셔요. 텔레비전을 봐요. 신문을 읽어요. 우유를 마셔요. 빵을 먹어요. 옷을 입어요. 그림을 그려요. 신발을 신어요. 글씨를 써요. B : 우유를 마셔요. A : 뭘 해요? B : 그림을 그려요. A : 뭘 좋아해요? B : 딸기를 좋아해요. A : 뭘 싫어해요? B : 떡을 싫어해요.
thaiwikibooks
196,477
ภาษาเกาหลีสำหรับโรงเรียนอักษรฮันกึล 2
ภาษาเกาหลีสำหรับโรงเรียนอักษรฮันกึล เล่ม 2 คำศัพท์ 노래해요. 수영해요. 운동해요. 이야기해요. 전화해요. 공부해요. 자요. 일어나요. B : 민수가 노래해요. A : 누가 수영해요? B : 슬기가 수영해요. A : 누가 전화해요? B : 미라가 전화해요. 아빠하고 엄마는 자전거를 타요. 동생하고 저는 그네를 타요. 할아버지하고 할머니는 사진을 찍어요. 아빠하고 엄마 동생하고 나 사진을 찍어요. 자전거를 타요. 그네를 타요. B : 아침에 수영을 해요. A : 언제 운동을 해요? B : 저녁에 운동을 해요. A : 언제 바다에 가요? B : 내일 바다에 가요. A : 장난감 기차가 있어요? B : 네, 있어요. A : 곰 인형이 있어요? B : 아니요, 없어요. A : 뭐가 있어요? B : 강아지 인형이 있어요. 뭐가 있어요? A : 장난감 기차가 있어요. A : 이게 구두예요? B : 아니요, 구두가 아니에요. A : 뭐예요? B : 운동화예요. A : 이게 치마예요? B : 네, 치마예요. A : 저게 모자예요? B : 아니요, 모자가 아니에요. A : 저게 안경이에요? B : 아니요, 안경이 아니에요. A : 오늘 뭘 해요? B : 친구 집에 가요. A : 친구 집에서 뭘 해요? B : 장난감 배를 만들어요. 방에서 책을 읽어요. 교실에서 공부를 해요. 공원에서 자전거를 타요. 동물원에서 코끼리를 봐요. 수영장에서 수영을 해요. 일,이,삼,사,오,육,칠,팔,구,십 A : 몇 살이에요? B : 여섯 살이에요. A : 동생은 몇 살이에요? B : 동생은 네 살이에요. 코끼리하고 토끼가 그네를 타요. 코끼리는 커요. 토끼는 작아요. คำศัพท์ 커요 작아요 재미있어요 재미없어요 맛있어요 맛없어요
thaiwikibooks
196,478
ภาษาเกาหลีสำหรับโรงเรียนอักษรฮันกึล 3
ภาษาเกาหลีสำหรับโรงเรียนอักษรฮันกึล เล่ม 3 A : 가족이 몇 명이에요? B : 우리 가족은 모두 네 명이에요. A : 동생이 있어요? B : 아니요, 동생은 없어요. 언니가 있어요. A : 동생이 몇 명이에요? B : 두 명이에요. A : 강아지가 몇 마리예요? B : 모두 다섯 마리예요. A : 동생이 몇 살이에요? B : 두 살이에요. A : 동생이 귀여워요? B : 네, 귀여워요. คำศัพท์ 귀여워요 예뻐요 많아요 적어요 뜨거워요 차가워요 넓어요 좁아요 B : 네, 귀여워요. A : 꽃이 어때요? B : 예뻐요. A : 놀이터에 가요? B : 오늘은 놀이터에 안 가요. A : 왜 안 가요? B : 나하고 동생은 수영장에 가요. A : 놀이터에 가요? B : 아니요, 안 가요. A : 그네를 타요? B : 아니요, 그네를 안 타요. A : 책을 읽어요? B : 아니요, 책을 안 읽어요. A : 뭘 해요? B : 텔레비전을 봐요. A : 빵을 먹어요? B : 아니요, 빵을 안 먹어요. A : 뭘 해요? B : 우유를 마셔요. A : 머리가 아파요? B : 네, 머리가 아파요. A : 목이 아파요? B : 아니요, 안 아파요. 아빠하고 엄마는 청소를 해요. 나는 청소를 안해요. 나는 속제를 해요. 동생도 청소를 안 해요. 동생은 그림을 그려요. คำศัพท์ 숙제해요 청소해요 세수해요 요리해요 목욕해요 축구해요 B : 아니요, 청소를 안 해요. 밥을 먹어요. A : 축구해요? B : 아니요, 축구를 안 해요. 수영을 해요. 엄마, 목이 말라요. 물 주세요. 엄마, 배가 고파요. 빵 주세요. 수건 휴지 숟가락 젓가락 컵 물 치약 칫솔 B : 네, 잘 쳐요. A : 태권도를 잘해요? B : 아니요, 잘 못해요. 태권도를 못해요. 태권도를 잘 못해요. 태권도를 잘해요. 피아노를 못해요. 피아노를 잘 못해요. 피아노를 잘해요. B : 책상하고 침대가 있어요. A : 책상은 어디에 있어요? B : 챔대 옆에 있어요. A : 책은 어디에 있어요? B : 책상 위에 있어요. คำศัพท์ 위 아래 앞 뒤 옆 B : 딸기 우유를 마시고 싶어요. A : 딸기 우유를 좋아해요? B : 네, 아주 좋아해요. 뭘 마시고 싶어요? A : 코코아를 마시고 싶어요. 코코아는 맛있어요. คำศัพท์ 수영을 하고 싶어요. 자전거를 타고 싶어요. 노래를 하고 싶어요. 텔레비전을 보고 싶어요. 우유를 마시고 싶어요. 밥을 먹고 싶어요. 책을 읽고 싶어요. 아빠하고 나는 축구를 했어요. 엄마하고 동생은 그림을 그렸어요. A : 어제 무엇을 했어요? B : 축구를 했어요. A : 어제 무엇을 했어요? B : 병원에 갔어요. A : 어제 어디에 갔어요? B : 공원에 갔어요. A : 공원에서 무엇을 했어요? B : 자전거를 탔어요.
thaiwikibooks
196,479