diff --git "a/data/nitibench-ccl.csv" "b/data/nitibench-ccl.csv" new file mode 100644--- /dev/null +++ "b/data/nitibench-ccl.csv" @@ -0,0 +1,8352 @@ +question,answer,relevant_laws,reference_answer +ถ้ามีคนประกอบกิจการในลักษณะเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องระวางโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '132'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน +ถ้าผู้ิยู่ในปกครองได้ยินยอมในการกระทำของผู้ปกครองจะทำให้ผู้ปกครองหลุดพ้นจากความรับผิดหรือเปล่า,การที่ผู้อยู่ในปกครองได้ยินยอมด้วยนั้นไม่ได้คุ้มครองผู้ปกครองให้พ้นจากความรับผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/5'}]",การที่ผู้อยู่ในปกครองได้ยินยอมด้วยนั้นไม่ได้คุ้มครองผู้ปกครองให้พ้นจากความรับผิด +ถ้าผู้รับประกันภัยต้องคำพิพากษาให้เป็นคนล้มละลาย ผู้เอาประกันภัยต้องทำอย่างไร,ผู้เอาประกันภัยจะเรียกให้หาประกันอันสมควรให้แก่ตนก็ได้ หรือจะบอกเลิกสัญญาก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '876'}]",ผู้เอาประกันภัยจะเรียกให้หาประกันอันสมควรให้แก่ตนก็ได้ หรือจะบอกเลิกสัญญาก็ได้ +ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนให้ความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินอันใดอันหนึ่งเป็นการลงหุ้นแล้วทรัพย์สินเกิดชำรุดบกพร่องต้องบังคับใช้ตามกฎหมายใด,ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยซื้อขาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1030'}]",ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยซื้อขาย +ถ้ามีการรับชำระหนี้ตามสัญญา นายหน้ามีอำนาจจะรับชำระหนี้ไว้หรือไม่,รับชำระหนี้อันจะต้องชำระตามสัญญานั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่านายหน้าย่อมไม่มีอำนาจที่จะรับแทนผู้เป็นคู่สัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '849'}]",นายหน้าย่อมไม่มีอำนาจที่จะรับแทนผู้เป็นคู่สัญญา +ถ้าผู้ให้หลักประกันจะนำทรัพย์สินที่ตนมีสิทธิจะได้มาในอนาคตตามสัญญามาใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่,ผู้ให้หลักประกันจะนำทรัพย์สินที่ตนมีสิทธิอยู่ที่จะได้มาในอนาคตตาม���ัญญามาใช้เป็นหลักประกันก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '9'}]",ผู้ให้หลักประกันจะนำทรัพย์สินที่ตนมีสิทธิอยู่ที่จะได้มาในอนาคตตามสัญญามาใช้เป็นหลักประกันก็ได้ +การเช่าถือสวนมีระยะเวลากี่ปี,การเช่าถือสวนมีระยะเวลาหนึ่งปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '565'}]",การเช่าถือสวนมีระยะเวลาหนึ่งปี +ผู้เยาว์สามารถเป็นบุตรบุญธรรมของคนหลายคนในเวลาเดียวกันได้หรือไม่,สามารถเป็นบุตรบุญธรรมบุคคลอื่นได้มากกว่าหนึ่งคนแต่ต้องเป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมถ้าไม่เข้าเงื่อนไขทั้งหมดนี้เป็นไม่ได้ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/26 ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/26'}]",สามารถเป็นบุตรบุญธรรมบุคคลอื่นได้มากกว่าหนึ่งคนแต่ต้องเป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมถ้าไม่เข้าเงื่อนไขทั้งหมดนี้เป็นไม่ได้ +การลงรายการในบัญชีผู้ทำบัญชีต้องทำอย่างไรบ้าง,(1) ลงรายการเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับ หรือลงรายการเป็นรหัสบัญชีให้มีคู่มือแปลรหัสที่เป็นภาษาไทยไว้ (2) เขียนด้วยหมึก ดีดพิมพ์ ตีพิมพ์ หรือทำด้วยวิธีอื่นใดที่ได้ผลในทำนองเดียวกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '21'}]",(1) ลงรายการเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับ หรือลงรายการเป็นรหัสบัญชีให้มีคู่มือแปลรหัสที่เป็นภาษาไทยไว้ (2) เขียนด้วยหมึก ดีดพิมพ์ ตีพิมพ์ หรือทำด้วยวิธีอื่นใดที่ได้ผลในทำนองเดียวกัน +ลูกหนี้จะถือเอาประโยชน์ของเรื่องเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดไม่ได้ในกรณีใดบ้าง,(1) ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย (2) ลูกหนี้ไม่ให้ประกันในเมื่อจำต้องให้ (3) ลูกหนี้ได้ทำลาย หรือทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้ (4) ลูกหนี้นำทรัพย์สินของบุคคลอื่นมาให้เป็นประกันโดยเจ้าของทรัพย์สินนั้นไม่ได้ยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ���งและพาณิชย์', 'sections': '193'}]",(1) ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย (2) ลูกหนี้ไม่ให้ประกันในเมื่อจำต้องให้ (3) ลูกหนี้ได้ทำลาย หรือทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้ (4) ลูกหนี้นำทรัพย์สินของบุคคลอื่นมาให้เป็นประกันโดยเจ้าของทรัพย์สินนั้นไม่ได้ยินยอมด้วย +ตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐบาลต้องลงนามห้ามให้เจ้าพนักงานทำอะไรบ้าง,ห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ ยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '119'}]",ห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ ยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว +ข้อสัญญาว่าจะไม่รับผิดของผู้ขายไม่ครอบคลุมความรับผิดไปถึงกรณีใด,ไม่อาจคุ้มความรับผิดของผู้ขายในผลของการอันผู้ขายได้กระทำไปเอง หรือผลแห่งข้อความจริงอันผู้ขายได้รู้อยู่แล้วและปกปิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '485'}]",ไม่อาจคุ้มความรับผิดของผู้ขายในผลของการอันผู้ขายได้กระทำไปเอง หรือผลแห่งข้อความจริงอันผู้ขายได้รู้อยู่แล้วและปกปิด +ภาระจำยอมซึ่งเจ้าของรวมที่ดินที่ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินที่เป็นภาระจำยอมคนหนึ่งได้มา ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ถือว่าเจ้าของรวมได้มาหรือใช้อยู่ด้วยกันทุกคน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1396'}]",ถือว่าเจ้าของรวมได้มาหรือใช้อยู่ด้วยกันทุกคน +ในการขายทอดตลาดผู้ทอดตลาดที่ไม่ใช่ส่วนราชการซึ่งขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องออกใบอะไร,ให้ผู้ทอดตลาดที่ไม่ใช่ส่วนราชการออกใบกำกับภาษีหรือใบรับตามมาตรา 105 แล้วแต่กรณี ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนเจ้าของทรัพย์สิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/3'}]",ให้ผู้ทอดตลาดที่ไม่ใช่ส่วนราชการออกใบกำกับภาษีหรือใบรับตามมาตรา 105 แล้วแต่กรณี ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนเจ้าของทรัพย์สิน +ถ้าคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการจะบอกเลิกสัญญาแต่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจ้างว่าจะจ้างนานเท่าไร จะต้องบอกเลิกสัญญาอย่างไร,ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้มีผลเป็นการเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็อาจทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '582'}]",ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้มีผลเป็นการเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็อาจทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน +ถ้ามีมติของที่ประชุมใหญ่ให้อำนาจผู้ชำระบัญชีให้ชำระบัญชีแยกกันได้ต้องนำความไปจดทะเบียนภายในกี่วัน,ต้องนำความจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันลงมติ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1262'}]",ต้องนำความจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันลงมติ +ถ้าผู้ประกอบการอยู่นอกประเทศไทยใครจะเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มร่วมกับผู้ประกอบการและผู้นำเข้า,ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมถึง ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในประเทศไทยเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/2'}]",ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมถึง ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในประเทศไทยเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +ถ้าตกลงกันในสัญญาให้อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาด้วยเงื่อนไขถ้าได้ศึกษาต่อต่างประเทศสามารถบอกเลิกสัญญาเช่ารถแม้จะไม่ครบกำหนดได้หรือไม่,ได้ แต่เมื่อได้แสดงเจตนาในการเลิกสัญญานั้นแล้ว จะยกเลิกการบอกเลิกสัญญากันไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '386'}]",ได้ แต่เมื่อได้แสดงเจตนาในการเลิกสัญญานั้นแล้ว จะยกเลิกการบอกเลิกสัญญากันไม่ได้ +อายุความในการฟ้องลูกหนี้ได้สิ้นสุด ผู้ค้ำประกันจะยกข้อต่อสู้กับเจ้าหนี้ได้หรือไม่,ได้ นอกจากข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันอาจยกข้อต่อสู้ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ได้ เช่น ผู้ค้ำประกันอาจยกอ��ยุความของลูกหนี้ชั้นต้นที่ขาดอายุความแล้วขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '694'}]",ได้ นอกจากข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันอาจยกข้อต่อสู้ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ได้ เช่น ผู้ค้ำประกันอาจยกอายุความของลูกหนี้ชั้นต้นที่ขาดอายุความแล้วขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้ +ถูกขมขู่ให้ต้องทำพินัยกรรม จะสามารถเพิกถอนพินัยกรรมนั้นได้หรือไม่,ได้ เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพินัยกรรมนั้นจะร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนพินัยกรรมที่ได้ทำขึ้นเพราะเหตุข่มขู่ก็ได้ แต่หากหลังจากที่ผู้ทำพินัยกรรมถูกข่มขู่มให้ทำพินัยกรรมนั้น ได้พ้นจากการข่มขู่แล้วและมีชีวิตอยู่ต่อเกิน 1 ปี จะร้องขอเพิกพินัยกรรมนั้นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1708'}]",ได้ เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพินัยกรรมนั้นจะร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนพินัยกรรมที่ได้ทำขึ้นเพราะเหตุข่มขู่ก็ได้ แต่หากหลังจากที่ผู้ทำพินัยกรรมถูกข่มขู่มให้ทำพินัยกรรมนั้น ได้พ้นจากการข่มขู่แล้วและมีชีวิตอยู่ต่อเกิน 1 ปี จะร้องขอเพิกพินัยกรรมนั้นไม่ได้. +ในที่ดินมีกรรมสิทธิ์ร่วมทั้งหมด 3 คน จะนำที่ดินขายและเอาเงินที่ขายมาแบ่งกันได้หรือไม่,ได้ โดยเจ้าของร่วมต้องตกลงกันที่จะขายที่ดินดังกล่าวและเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน ถ้าไม่ได้ตกลงกันว่าจะแบ่งที่ดินอย่างไร เจ้าของรวมคนหนึ่งจะขอให้ศาลสั่งแบ่งที่ดินนั้นก็ได้ ถ้าการแบ่งที่ดินไม่เท่ากันศาลจะสั่งให้ทดแทนเป็นเงินก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1364'}]",ได้ โดยเจ้าของร่วมต้องตกลงกันที่จะขายที่ดินดังกล่าวและเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน ถ้าไม่ได้ตกลงกันว่าจะแบ่งที่ดินอย่างไร เจ้าของรวมคนหนึ่งจะขอให้ศาลสั่งแบ่งที่ดินนั้นก็ได้ ถ้าการแบ่งที่ดินไม่เท่ากันศาลจะสั่งให้ทดแทนเป็นเงินก็ได้. +ถ้าของรับฝากหายเพราะเหตุสุดวิสัย เหตุเกิดขณะที่ผู้รับฝากได้ฝากของให้กับคนอื่นเก็บรักษาของฝากไว้เป็นการช่วงคราว ผู้รับฝากต้องรับผิดหรือไม่,ต้องรับผิด ถ้าผู้ฝากทรัพย์ไม่ได้อนุญาตให้คนอื่นนอกจากผู้รับฝากต้องเก็บรักษาทรัพย์นั้นแล้ว ถึงแม้ว่าของที่หายจะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับฝากจะต้องรับผิดเมื่อทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นสูญหาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '660'}]",ต้องรับผิด ถ้าผู้ฝากทรัพย์ไม่ได้อนุญาตให้คนอื่นนอกจากผู้รับฝากต้องเก็บรักษาทรัพย์นั้นแล้ว ถึงแม้ว่าของที่หายจะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับฝากจะต้องรับผิดเมื่อทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นสูญหาย. +ทำสัญญาจะซื้ออาคารพาณิชย์พร้อมที่ดิน แต่ผู้ขายยังสร้างอาคารพาณิชย์ไม่เสร็จตามสัญญา ผู้จะซื้อยังไม่ชำระค่าก่อสร้างได้หรือไม่,ได้ ผู้จะซื้อจะไม่ยอมชำระหนี้ในการชำระราคาซื้ออาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินให้กับผู้จะขาย จนกว่าผู้จะขายจะส่งมอบอาคารพาณิชย์ตามกำหนดในสัญญาก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '369'}]",ได้ ผู้จะซื้อจะไม่ยอมชำระหนี้ในการชำระราคาซื้ออาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินให้กับผู้จะขาย จนกว่าผู้จะขายจะส่งมอบอาคารพาณิชย์ตามกำหนดในสัญญาก็ได้ +จำนองที่ดินก่อนสร้างบ้าน บ้านหลังดังกล่าวได้อยู่ในส่วนการจำนองที่ดินด้วยหรือไม่,ไม่ การจำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงบ้านที่สร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะมีข้อความในสัญญาระบุโดยเฉพาะว่าให้ครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '719'}]",ไม่ การจำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงบ้านที่สร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะมีข้อความในสัญญาระบุโดยเฉพาะว่าให้ครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างด้วย +ค่าประเมินความเสียหายของรถเป็นค่าใช้จ่ายในการตีราคาวินาศภัย บริษัทประกันภัยออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวเองหรือไม่,ใช่ ผู้รับประกันภัย คือ บริษัทประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเป็นผู้ออกใช้ค่าใช้จ่ายในการตีราคาวินาศภัยนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '878'}]",ใช่ ผู้รับประกันภัย คือ บริษัทประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเป็นผู้ออกใช้ค่าใช้จ่ายในการตีราคาวินาศภัยนั้น +การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น ต้องมีพยานรับรองลายมือชื่อด้วยหรือไม่,ใช่ ต้องมีพยานรับรองลายมือชื่อการรับโอ���หุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้นๆ โดยทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนและผู้รับโอน มีพยานหนึ่งคนเป็นอย่างน้อย และตราสารนั้นต้องแถลงหมายเลขของหุ้นซึ่งโอนกันด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1129'}]",ใช่ ต้องมีพยานรับรองลายมือชื่อการรับโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้นๆ โดยทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนและผู้รับโอน มีพยานหนึ่งคนเป็นอย่างน้อย และตราสารนั้นต้องแถลงหมายเลขของหุ้นซึ่งโอนกันด้วย +ช่างรับเหมาก่อสร้างได้ทำการก่อสร้างยังไม่เสร็จดี และอยู่ในระยะเวลาของสัญญาจ้าง เจ้าของบ้านได้บอกเลิกสัญญากลางคัน ผู้รับเหมาสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของบ้านที่ว่าจ้างได้หรือไม่,ได้ หากงานยังเสร็จผู้ว่าจ้างย่อมมีสิทธิเลิกสัญญาได้ เพียงแต่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญา ซึ่งอาจจะเป็นเฉพาะเช่น ค่าวัสดุอุปกรณ์ ต้นทุน ค่าเสียเวลา เสียโอกาส แต่อาจไม่รวมถึงกำไรที่ผู้รับจ้างคาดว่าจะได้รับ ซึ่งหากมีการเรียกร้องกันจริงก็ต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันและพิสูจน์ความเสียหาย ทำให้ในทางปฏิบัติภาคเอกชนอาจจะกำหนดสิทธิให้ผู้ว่าจ้างไม่อาจเลิกสัญญาฝ่ายเดียวด้วยเหตุนี้ได้ ซึ่งถ้าไม่ระบุในสัญญาว่าห้ามเลิกสัญญาฝ่ายเดียว ผู้รับเหมาขอให้เจ้าของบ้านผู้ว่าจ้างชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญาได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '605'}]",ได้ หากงานยังเสร็จผู้ว่าจ้างย่อมมีสิทธิเลิกสัญญาได้ เพียงแต่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญา ซึ่งอาจจะเป็นเฉพาะเช่น ค่าวัสดุอุปกรณ์ ต้นทุน ค่าเสียเวลา เสียโอกาส แต่อาจไม่รวมถึงกำไรที่ผู้รับจ้างคาดว่าจะได้รับ. +จะขอให้คนถือตั๋วเงินแลกเงินรับเงินก่อนตั๋วเงินถึงกำหนดได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิแลกเงินก่อนตั๋วเงินถึงกำหนดจ่าย ถ้าผู้จ่าย จ่ายเงินก่อนตั๋วเงินถึงกำหนด ผู้จ่ายต้องรับความเสี่ยงจากการจ่ายเงินในตั๋วเงินก่อนถึงกำหนดเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '942'}]",ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิแลกเงินก่��นตั๋วเงินถึงกำหนดจ่าย ถ้าผู้จ่าย จ่ายเงินก่อนตั๋วเงินถึงกำหนด ผู้จ่ายต้องรับความเสี่ยงจากการจ่ายเงินในตั๋วเงินก่อนถึงกำหนดเอง. +อายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ เริ่มนับตั้งแต่อายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายใช่หรือไม่,ใช่ อายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ อายุความนั้นยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะครบหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/21'}]",ใช่ อายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ อายุความนั้นยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะครบหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ +เกินหกเดือนแล้วจะฟ้องคดีผู้สลักหลังตั๋วเงินได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากการฟ้องคดีผู้สลักหลังทั้งหลายฟ้องไล่เบี้ยกันเองและไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินนั้น ห้ามไม่ให้ให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน หรือนับแต่วันที่ผู้สลักหลังนั้นเองถูกฟ้อง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1003'}]",ไม่ได้ เนื่องจากการฟ้องคดีผู้สลักหลังทั้งหลายฟ้องไล่เบี้ยกันเองและไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินนั้น ห้ามไม่ให้ให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน หรือนับแต่วันที่ผู้สลักหลังนั้นเองถูกฟ้อง. +สิทธิในเครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินหรือไม่,ใช่ ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ ดังนั้นสิทธิในเครื่องหมายทางการค้านั้นเป็นทรัพย์สินประเภทสังหาริม มีราคาและถือเอาได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '138'}]",ใช่ ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ ดังนั้นสิทธิในเครื่องหมายทางการค้านั้นเป็นทรัพย์สินประเภทสังหาริม มีราคาและถือเอาได้ +เจ้าหนี้แสดงต่อสำนักงานวางทรัพย์ว่าจะรับทรัพย์ที่ลูกหนี้ได้วางไว้ ลูกหนี้จะยังคงมีสิทธิถอนทรัพย์ที่วางนั้นได้อยู่หรือไม่,ไม่มีสิทธิถอนการวางทรัพย์นั้น แม้ลูกหนี้มีสิทธิจะถอนทรัพย์ที่วางนั้นได้ ถ้าลูกหนี้ถอนทรัพย์ ถือเสมือนว่าไม่ได้วางทรัพย์ไว้���ลย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '334'}]",ไม่มีสิทธิถอนการวางทรัพย์นั้น +สั่งของมาแล้วได้รับของไม่ตรงตามตัวอย่างที่สั่งไว้ ฟ้องได้หรือไม่,ได้ แต่ต้องฟ้องในข้อรับผิดเพื่อการส่งของไม่ตรงตามตัวอย่าง ภายในกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาส่งมอบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '504'}]",ได้ แต่ต้องฟ้องในข้อรับผิดเพื่อการส่งของไม่ตรงตามตัวอย่าง ภายในกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาส่งมอบ +กักปลาในที่น้ำสาธารณะ ปลาที่กักได้นั้นเป็นของคนที่ทำกำดักกักปลาใช่หรือไม่,ใช่ ผู้ที่ทำกำดักกักปลานั้นย่อมมีสิทธิในปลาที่อยู่ในกำดักบ่อนั้นดีกว่าผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ่อปลานั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1321'}]",ใช่ ผู้ที่ทำกำดักกักปลานั้นย่อมมีสิทธิในปลาที่อยู่ในกำดักบ่อนั้นดีกว่าผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ่อปลานั้น +สร้างหลังคาที่จอดรถยนต์ที่บ้านเช่าซึ่งเป็นที่ดินของผู้ให้เช่า หลังจากที่หมดสัญญาเช่าผู้เช่าจะได้ค่าสิ่งปลูกที่สร้างโรงรถด้วยหรือไม่,ได้ เนื่องจากผู้เช่าสร้างโรงจอดรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างติดกับที่ดินของผู้ให้เช่าซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และการสร้างนั้นเจ้าของบ้านได้ทราบและอนุญาตให้ผู้เช่าก่อสร้างได้ เช่นนี้ เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของสัมภาระที่สร้างหลังคาที่จอดรถยนต์ และต้องใช้ค่าวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างหลังคาที่จอดรถยนต์ให้ผู้เช่าเนื่องจากผู้เช่าเป็นคนออกเงินจากให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1315'}]",ได้ เนื่องจากผู้เช่าสร้างโรงจอดรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างติดกับที่ดินของผู้ให้เช่าซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และการสร้างนั้นเจ้าของบ้านได้ทราบและอนุญาตให้ผู้เช่าก่อสร้างได้ เช่นนี้ เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของสัมภาระที่สร้างหลังคาที่จอดรถยนต์ และต้องใช้ค่าวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างหลังคาที่จอดรถยนต์ให้ผู้เช่าเนื่องจากผู้เช่าเป็นคนออกเงินจากให้ +เช่าตึกแถว ต่อมาเจ้าของตึกแถวปล่อยในคนอื่นปิดป้ายโฆษณาในส่วนบนดาดฟ้าของตึก เช่นนี้เจ้าของตึกทำได้หรือไม่,ไม่ได้ ซึ่งต้องตีความว่า สัญญาเช่าตึกแถวแม้ไม่ได้ระบุว่าให้เช่าส่วนไหนบ้าง ก็ให้หมายความว่าให้เช่าท��้งหน้าตึกและหลังคาตึกแถวด้วยซึ่งเป็นไปตามประสงค์ในทางสุจริต โดยพิเคราะห์ถึงปรกติประเพณีด้วย ผู้ให้เช่าจะปล่อยส่วนหลังคาให้คนอื่นเช่าทำอย่างอื่นต่อไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '368'}]",ไม่ได้ ซึ่งต้องตีความว่า สัญญาเช่าตึกแถวแม้ไม่ได้ระบุว่าให้เช่าส่วนไหนบ้าง ก็ให้หมายความว่าให้เช่าทั้งหน้าตึกและหลังคาตึกแถวด้วยซึ่งเป็นไปตามประสงค์ในทางสุจริต โดยพิเคราะห์ถึงปรกติประเพณีด้วย ผู้ให้เช่าจะปล่อยส่วนหลังคาให้คนอื่นเช่าทำอย่างอื่นต่อไม่ได้ +ถ้าเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด จำเป็นต้องลงแค่เงินเพื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนอย่างเดียวใช่หรือไม่,ไม่ใช่ การเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด ไม่จำเป็นต้องลงเงินเพื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเสมอไป สามารถลงทรัพย์ที่มีมูลค่าตายตัวอย่างอื่นก็นอกจากเงินได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1083'}]",ไม่ใช่ การเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด ไม่จำเป็นต้องลงเงินเพื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเสมอไป สามารถลงทรัพย์ที่มีมูลค่าตายตัวอย่างอื่นก็นอกจากเงินได้. +ขับรถชนกันโดยประมาทร่วมกัน ต้องใช้ค่าเสียหายเท่ากันทั้งสองฝ่ายใช่หรือไม่,ไม่ใช่ การประมาทร่วมกัน ศาลจะพิจารณาฝ่ายไหนก่อความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงใด ถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ได้เอาความเสียหายมากน้อยมาเป็นเกณฑ์ หากต่างฝ่ายต่างละเมิดต่อกัน และได้ประมาทเท่ากันให้รับผิดค่าเสียหายเท่ากัน ถ้าฝ่ายหนึ่งประมาทมากกว่าไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้อีกฝ่ายซึ่งผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายในส่วนของตนเองได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '442'}]",ไม่ใช่ การประมาทร่วมกัน ศาลจะพิจารณาฝ่ายไหนก่อความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงใด ถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ได้เอาความเสียหายมากน้อยมาเป็นเกณฑ์ หากต่างฝ่ายต่างละเมิดต่อกัน และได้ประมาทเท่ากันให้รับผิดค่าเสียหายเท่ากัน ถ้าฝ่ายหนึ่งประมาทมากกว่าไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้อีกฝ่ายซึ่งผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายในส่วนของตนเองได้. +พยานในพินัยกรรมรับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดไม่ให้พยานมีสิทธิรับทรัพย์ในพินัยกรรม เมื่อได้รับเป็นพยานในพินัยกรรมนั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1653'}]",ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดไม่ให้พยานมีสิทธิรับทรัพย์ในพินัยกรรม เมื่อได้รับเป็นพยานในพินัยกรรมนั้นแล้ว +ถ้านายจ้างเสียชีวิต จะทำให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดลงด้วยหรือไม่,ไม่เสมอไป ถ้านายจ้างเสียชีวิต เป็นเหตุให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดไป ต้องเป็นกรณีที่การจ้างแรงงานนั้นมีสาระสำคัญอยู่ที่ตัวนายจ้าง การเสียชีวิตของนายจ้างก็จะทำให้สัญญาจ้างแรงงานนั้นระงับไปด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '584'}]",ไม่เสมอไป ถ้านายจ้างเสียชีวิต เป็นเหตุให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดไป ต้องเป็นกรณีที่การจ้างแรงงานนั้นมีสาระสำคัญอยู่ที่ตัวนายจ้าง การเสียชีวิตของนายจ้างก็จะทำให้สัญญาจ้างแรงงานนั้นระงับไปด้วย +ได้จดทะเบียนสิทธิเก็บกินเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคือโรงงาน แต่โรงงานมีรอยรั่วขนาดใหญ่ แจ้งให้เจ้าของโรงงานซ่อมแซมได้หรือไม่ หรือต้องซ่อมเอง,ได้ แจ้งให้เจ้าของทราบและทำการซ่อมแซ่มได้ ถ้าจำเป็นต้องซ่อมแซมใหญ่ เพื่อรักษาสภาพของโรงงาน ถ้าเจ้าของทราบแล้วแต่ไม่ทำการซ่อม ผู้ทรงสิทธิเก็บกินจะจัดทำการซ่อมแซมหลังคาที่รั่วไปก่อนได้โดยให้เจ้าของทรัพย์สินออกค่าใช้จ่ายก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1424'}]",ได้ แจ้งให้เจ้าของทราบและทำการซ่อมแซ่มได้ ถ้าจำเป็นต้องซ่อมแซมใหญ่ เพื่อรักษาสภาพของโรงงาน ถ้าเจ้าของทราบแล้วแต่ไม่ทำการซ่อม ผู้ทรงสิทธิเก็บกินจะจัดทำการซ่อมแซมหลังคาที่รั่วไปก่อนได้โดยให้เจ้าของทรัพย์สินออกค่าใช้จ่ายก็ได้ +ร้องขอเป็นผู้จัดการทำศพของผู้ตายได้หรือไม่,ได้ แต่ต้องปรากฏว่าผู้ตายไม่ได้ตั้งผู้จัดการมรดก หรือตั้งบุคคลใดไว้ให้เป็นผู้จัดการทำศพ ทั้งทายาทก็ตกลงกันไม่ได้ที่จะมอบหมายตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการทำศพอำนาจและหน้าที่นี้จึงตกได้แก่ผู้ที่ได้รับทรัพย์มรดกเป็นจำนวนมากที่สุด และกรณีนี้ถ้าผู้มีส่วนได้เสียเห็นว่า ผู้ได้รับมรดกเป็นจำนวนมากที่สุดนั้นไม่สมควรเป็นผู้จัดก���รทำศพผู้ตายจึงอาจร้องขอต่อศาลได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1649'}]",ได้ แต่ต้องปรากฏว่าผู้ตายไม่ได้ตั้งผู้จัดการมรดก หรือตั้งบุคคลใดไว้ให้เป็นผู้จัดการทำศพ ทั้งทายาทก็ตกลงกันไม่ได้ที่จะมอบหมายตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการทำศพอำนาจและหน้าที่นี้จึงตกได้แก่ผู้ที่ได้รับทรัพย์มรดกเป็นจำนวนมากที่สุด และกรณีนี้ถ้าผู้มีส่วนได้เสียเห็นว่า ผู้ได้รับมรดกเป็นจำนวนมากที่สุดนั้นไม่สมควรเป็นผู้จัดการทำศพผู้ตายจึงอาจร้องขอต่อศาลได้. +ฟ้องเกี่ยวกับสิทธิเก็บกิน ถ้าเกิน 1 ปี ฟ้องได้หรือไม่,ไม่ได้ การฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเก็บกินต้องฟ้องไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่สิทธิเก็บกินสิ้นสุดลง แต่ถ้าไม่อาจรู้ได้ว่าสิทธิเก็บกินสุดลงเมื่อใด ให้นับอายุความ 1 ปี นั้นตั้งแต่เวลาที่ได้รู้ หรือควรได้รู้ว่าสิทธิเก็บกินสุดสิ้นลง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1428'}]",ไม่ได้ การฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเก็บกินต้องฟ้องไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่สิทธิเก็บกินสิ้นสุดลง แต่ถ้าไม่อาจรู้ได้ว่าสิทธิเก็บกินสุดลงเมื่อใด ให้นับอายุความ 1 ปี นั้นตั้งแต่เวลาที่ได้รู้ หรือควรได้รู้ว่าสิทธิเก็บกินสุดสิ้นลง +หุ้นส่วนที่ออกจากห้างไปแล้วมีสิทธิให้เอาชื่อของตนออกจากห้างได้หรือไม่,ได้ ถ้ามีชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไป แล้วยังคงใช้เรียกเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนอยู่ ผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นจะให้เอาชื่อตัวเองออกจากห้างนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1047'}]",ได้ ถ้ามีชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไป แล้วยังคงใช้เรียกเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนอยู่ ผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นจะให้เอาชื่อตัวเองออกจากห้างนั้นได้ +คู่สมรสที่ได้รู้เห็นเป็นใจในเหตุของการถูกฟ้องเพิกถอนการสมรส ซึ่งทำให้อีกฝ่ายมีรายได้ลดลงตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส เช่นนี้คู่สมรสที่ถูกฟ้องจะต้องรับผิดในค่าเลี้ยงชีพหรอไม่,ได้ กฎหมายกำหนดหากคู่สมรสฝ่ายซึ่งไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในเหตุแห่งโมฆียะ ต้องยากจนลง และไม่มีรายได้พอจาากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส ซึ่งเป็นไปตามหลักการลงโทษคู่สมรสที่เป็นฝ่ายผิดที่เป็นต้น���หตุให้การสมรสเป็นโมฆียะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1513'}]",ได้ กฎหมายกำหนดหากคู่สมรสฝ่ายซึ่งไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในเหตุแห่งโมฆียะ ต้องยากจนลง และไม่มีรายได้พอจาากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส ซึ่งเป็นไปตามหลักการลงโทษคู่สมรสที่เป็นฝ่ายผิดที่เป็นต้นเหตุให้การสมรสเป็นโมฆียะ +เอาผลไม้ในสวนผลไม้ของตัวเอง ทำการขายทอดตลาดและเอาเงินวางแทนหนี้ได้หรือไม่,ได้ บางกรณีแทนที่จะวางทรัพย์ไว้ อาจขายทอดตลาดทรัพย์นั้น แล้วเอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาวางก็ได้ ได้แก่ ทรัพย์ที่เป็นที่พึงวิตกว่าทรัพย์นั้นเกือบจะเสื่อมเสีย หรือทำลายหรือบุบสลายได้ เช่นของสดต่างๆ ที่อาจเน่าเสียได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '336'}]",ได้ บางกรณีแทนที่จะวางทรัพย์ไว้ อาจขายทอดตลาดทรัพย์นั้น แล้วเอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาวางก็ได้ ได้แก่ ทรัพย์ที่เป็นที่พึงวิตกว่าทรัพย์นั้นเกือบจะเสื่อมเสีย หรือทำลายหรือบุบสลายได้ เช่นของสดต่างๆ ที่อาจเน่าเสียได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาล +ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการสภาพเดียวกันกับห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ เรียกเอากำไรจากหุ้นส่วนคนนั้นได้หรือไม่,ได้ กฎหมายห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน ประกอบกิจการซึ่งมีสภาพเดียวกันกับห้างหุ้นส่วนฯ แต่ไม่ได้ห้ามที่จะไปร่วมลงหุ้นกับบุคคลอื่น โดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ก็มีสิทธิเรียกผลกำไรทั้งหมดที่ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ทำการฝ่าฝืนหามาได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1038'}]",ได้ กฎหมายห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน ประกอบกิจการซึ่งมีสภาพเดียวกันกับห้างหุ้นส่วนฯ แต่ไม่ได้ห้ามที่จะไปร่วมลงหุ้นกับบุคคลอื่น โดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ก็มีสิทธิเรียกผลกำไรทั้งหมดที่ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ทำการฝ่าฝืนหามาได้ +ให้ตัวแทนจัดการงานแทนบริษัทเป็นการทั่วไปในส่วนของงานบริษัท ตัวแทนดังกล่าวมีอำนาจในการประนีประนอมยอมความแทนบริษัทได้หรือไม่,ทำไม่ได้ เนื่องจากการที่ตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไป ตัวแทนสามารถจัดการทำงานแทนตัวการได้ท��กอย่าง ยกเว้นการประนีประนอมยอมความตัวแทนไม่สามารถแทนบริษัทได้ บริษัทต้องมอบอำนาจในการกระการแทนอีกต่างหาก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '801'}]",ทำไม่ได้ เนื่องจากการที่ตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไป ตัวแทนสามารถจัดการทำงานแทนตัวการได้ทุกอย่าง ยกเว้นการประนีประนอมยอมความตัวแทนไม่สามารถแทนบริษัทได้ บริษัทต้องมอบอำนาจในการกระการแทนอีกต่างหาก. +ตกลงกันว่าส่วนในงานของห้างหุ้นส่วนฯ จะต้องเป็นไปตามคะแนนเสียงข้างมาก ซึ่งจำนวนหุ้นที่ลงมีผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่,ไม่มีผล ผู้เป็นหุ้นส่วนหนึ่งคนมีเสียงเป็นหนึ่งคะแนน โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ลงหุ้นด้วยมากหรือน้อย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1034'}]",ไม่มีผล ผู้เป็นหุ้นส่วนหนึ่งคนมีเสียงเป็นหนึ่งคะแนน โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ลงหุ้นด้วยมากหรือน้อย +การประกันภัยในการรับขนคิดความเพียงแค่เฉพาะราคาค่าสินค้าเท่านั้นหรือไม่,ไม่ใช่ รวมถึงค่าระวางขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆแล้วแต่กรณี โดยให้เพิ่มค่าระวางส่งของไปยังสถานที่ส่งมอบแก่ผู้รับตราส่ง กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เนื่องด้วยการส่งของไปนั้นเข้าด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '884'}]",ไม่ใช่ รวมถึงค่าระวางขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆแล้วแต่กรณี โดยให้เพิ่มค่าระวางส่งของไปยังสถานที่ส่งมอบแก่ผู้รับตราส่ง กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เนื่องด้วยการส่งของไปนั้นเข้าด้วย +ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ซึ่งได้ออกจากเป็นหุ้นส่วนของห้างแล้ว 1 ปี ต้องรับผิดเกี่ยวกับหนี้ซึ่งเป็นของห้างฯ หรือไม่,ใช่ ยังต้องรับผิดเกี่ยวกับหนี้ของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนซึ่งได้เกิดขึ้นก่อนที่จะออกจากการเป็นหุ้นส่วนฯ นั้นอยู่ โดยมีจำกัดเพียงสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วนฯ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1068'}]",ใช่ ยังต้องรับผิดเกี่ยวกับหนี้ของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนซึ่งได้เกิดขึ้นก่อนที่จะออกจากการเป็นหุ้นส่วนฯ นั้นอยู่ โดยมีจำกัดเพียงสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วนฯ +หุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน จะไปเปิดธุรกิจเดียวกับกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ตนเองเป็นหุ้นส่วนได้หรือไม่,ไม่ได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนมีกฎหมายห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบการแข่งขันกับกิจการของห้างไว้ คือห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนแล้วยังห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเข้าไปเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1066'}]",ไม่ได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนมีกฎหมายห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบการแข่งขันกับกิจการของห้างไว้ คือห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนแล้วยังห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเข้าไปเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน. +ผู้สลักหลังตั๋วเงินที่ถูกไล่เบี้ย ซึ่งได้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว ขีดฆ่าชื่อตัวเองที่หลักหลังตั๋วนั้นได้หรือไม่,ได้ ผู้สลักหลังทุกคนซึ่งเข้าถือเอาและใช้เงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว จะขีดฆ่าคำสลักหลังของตนเองและของเหล่าผู้สลักหลังภายหลังตนนั้นเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '970'}]",ได้ ผู้สลักหลังทุกคนซึ่งเข้าถือเอาและใช้เงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว จะขีดฆ่าคำสลักหลังของตนเองและของเหล่าผู้สลักหลังภายหลังตนนั้นเสียก็ได้ +ชำระหนี้ไม่ตรงตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องเสียเบี้ยปรับตามที่ระบุไว้ในสัญญาด้วยหรือไม่,ไม่ต้อง เนื่องจากการชำระหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ และในสัญญาได้ตกลงกันด้วยข้อเบี้ยปรับเอาไว้ เบี้ยปรับเพราะเหตุผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นเรื่องของคู่สัญญาซึ่งเป็นเจ้าหนี้กับลูกหนี้ทำสัญญาไว้ต่อกันว่าลูกหนี้จะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควร การที่ตกลงกันด้วยข้อเบี��ยปรับในการไม่ปฏิบัติตามสัญญานั้นก็ย่อมไม่สมบูรณ์ดุจกัน แม้ถึงคู่กรณีจะได้รู้ว่าข้อสัญญานั้นไม่สมบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '384'}]",ไม่ต้อง +ดอกเบี้ยเงินเก็บที่ได้จากการเก็บเงินเป็นสินสมรสหรือไม่,ใช่ เป็นสินสมรส กฏหมายกำหนดให้ดอกผลส่วนตัวเป็นสินสมรสนับแต่สมรสกัน โดยดอกเบี้ยเป็นดอกผลนิตินัย แต่อย่างไรก็ตามต้นเงินเก็บก็ยังคงเป็นสินส่วนตัว แต่ดอกเบี้ยที่ได้หลังจากสมรสเป็นสินสมรส,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1474'}]",ใช่ เป็นสินสมรส กฏหมายกำหนดให้ดอกผลส่วนตัวเป็นสินสมรสนับแต่สมรสกัน โดยดอกเบี้ยเป็นดอกผลนิตินัย แต่อย่างไรก็ตามต้นเงินเก็บก็ยังคงเป็นสินส่วนตัว แต่ดอกเบี้ยที่ได้หลังจากสมรสเป็นสินสมรส. +ผู้จัดมีจัดงานสัมนาได้สั่งชุดเบรคจากผู้ประกอบธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่มไปใช้ในงานสัมนาดังกล่าว แต่ยังไม่ได้จ่ายค่าชุคเบรค เช่นนี้ จะให้ผู้ประกอบธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่มที่จ่ายเงินค่าอาหารหรือเครื่องดื่ม เรียกค่าบริการกับผู้จัดงานสัมนาได้หรือไม่,ได้ โดยสิทธิเรียกร้องเรียกเอาค่าที่พัก อาหารหรือเครื่องดื่ม ค่าบริการหรือค่าการงานที่ได้ทำให้แก่ผู้มาพักหรือใช้บริการ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป ให้มีกำหนดอายุความสองปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/34'}]",ได้ โดยสิทธิเรียกร้องเรียกเอาค่าที่พัก อาหารหรือเครื่องดื่ม ค่าบริการหรือค่าการงานที่ได้ทำให้แก่ผู้มาพักหรือใช้บริการ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป ให้มีกำหนดอายุความสองปี +ตัวแทน ต้องรับผิดในการกระทำของตัวแทนช่วงหรือไม่,รับผิดแค่บางกรณี เช่นนายจ้างได้ระบุให้ตัวแทนของนายจ้างให้ตัวแทนสามารถตั้งตัวแทนช่วง ตัวแทนผู้นั้นจะต้องรับผิดในกรณีที่ตนได้รู้ว่าตัวแทนช่วงนั้นเป็นผู้ที่ไม่เหมาะแก่การ หรือเป็นผู้ที่ไม่สมควรไว้วางใจแล้วและไม่ได้แจ้งความนั้นให้ตัวการทราบหรือไม่ได้เลิกถอนตัวแทนช่วงนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '813'}]",รับผิดแค่บางกรณี เช่นนายจ้างได้ระบุให้ตัวแทนของนายจ้างให้ตัวแทนสามารถตั้งตัวแทนช่วง ตัวแทนผู้นั้นจะต้องรับผิดในกรณีที่ตนได้รู้ว่าตัวแทนช่วงนั้���เป็นผู้ที่ไม่เหมาะแก่การ หรือเป็นผู้ที่ไม่สมควรไว้วางใจแล้วและไม่ได้แจ้งความนั้นให้ตัวการทราบหรือไม่ได้เลิกถอนตัวแทนช่วงนั้น. +ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. ได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. นั้น วัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัย ซึ่งต้องห้าม พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินฯ มาตรา 39,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '150'}]",ไม่ได้ +หลังจากที่บริษัทจดทะเบียน และบริษัทต้องการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัท บริษัทสามารถทำได้หรือไม่,ทำได้ แต่บริษัทต้องไปจดทะเบียนภายในกำหนดสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้มีการลงมติพิเศษที่ได้ลงมติให้เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมหน้าข้อบังคับของบริษัทนั้น เพื่อต้องการให้บุคคลภายนอกที่มาติดต่อกับบริษัททราบข้อบังคับของบริษัทว่ามีข้อบังคับอย่างไรบ้างเมื่อต้องทำสัญญากับบริษัทจะทราบถึงข้อบังคับและทราบว่าปฏิบัติอะไรได้บ้างจากข้อบังคับนั้นๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1146'}]",ทำได้ แต่บริษัทต้องไปจดทะเบียนภายในกำหนดสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้มีการลงมติพิเศษที่ได้ลงมติให้เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมหน้าข้อบังคับของบริษัทนั้น +เจ้าของบ้านเช่า ขายบ้านให้กับคนอื่น คนเช่าต้องออกจากบ้านเช่านั้นหรือไม่,ไม่ต้องออกจากบ้านเช่า เนื่องจากการที่เจ้าของบ้าน ขายบ้านต่อให้กับคนอื่น คนที่ซื้อต่อบ้านนั้นจะได้รับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของบ้านเดิม ถ้าเจ้าของบ้านเดิมมีกับผู้เช่าอยู่แล้ว และในระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายบ้านหลังนั้นสัญญาเช่ายังไม่ได้หมดไป หรือยังไม่ถึงกำหนดของสัญญาเช่าเช่นนี้ การโอนบ้านเปลี่ยนเจ้าของบ้านไม่ได้ทำให้สิทธิในการเช่าเดิมไม่ได้ระงับด้วย ทั้งนี้คนที่ซื้อบ้านซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าเดิมที่มีไว้กับผู้เช่าต่อจนกว่าจะหมดสัญญาเช่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '569'}]",ไม่ต้องออกจากบ้านเช่า เนื่องจากการที่เจ้าของบ้าน ขายบ้านต่อให้กับคนอื่น คนที่ซื้อต่อบ้านนั้นจะได้รับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของบ้านเดิม ถ้าเจ้าของบ้านเดิมมี���ับผู้เช่าอยู่แล้ว และในระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายบ้านหลังนั้นสัญญาเช่ายังไม่ได้หมดไป หรือยังไม่ถึงกำหนดของสัญญาเช่าเช่นนี้ การโอนบ้านเปลี่ยนเจ้าของบ้านไม่ได้ทำให้สิทธิในการเช่าเดิมไม่ได้ระงับด้วย ทั้งนี้คนที่ซื้อบ้านซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าเดิมที่มีไว้กับผู้เช่าต่อจนกว่าจะหมดสัญญาเช่านั้น. +ค่าใช้สอยในการตรวจงานบริษัทและการทำรายงาน ผู้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจต้องทำการออกเองค่าใช้สอยในการตรวจเองหรือไม่,ใช่ ผู้ยื่นเรื่องราวขอให้ตรวจต้องใช้ค่าใช้สอยที่เกี่ยวกับค่าใช้สอยในการตรวจการตรวจงานบริษัทและการทำรายงาน เว้นแต่ถ้าบริษัทในการประชุมใหญ่ครั้งแรก เมื่อตรวจสำเร็จลงแล้วได้ยินยอมว่าจะจ่ายจากสินทรัพย์ของบริษัทนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1218'}]",ใช่ ผู้ยื่นเรื่องราวขอให้ตรวจต้องใช้ค่าใช้สอยที่เกี่ยวกับค่าใช้สอยในการตรวจการตรวจงานบริษัทและการทำรายงาน เว้นแต่ถ้าบริษัทในการประชุมใหญ่ครั้งแรก เมื่อตรวจสำเร็จลงแล้วได้ยินยอมว่าจะจ่ายจากสินทรัพย์ของบริษัทนั้น. +กู้ยืมเงินแล้วคิดดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด สัญญานั้นตกเป็นโมฆะทั้งหมดหรือไม่,ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งหมด การตกลงดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตกเป็นโมฆะเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ส่วนเงินต้นยังคงสมบูรณ์ ซึ่งผู้ให้กู้มีเจตนาที่จะแบ่งแยกการกู้เงินออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นเงินดอกเบี้ย และส่วนที่เป็นเงินต้นแยกส่วนกัน ส่วนนิติกรรมการกู้ยืมยังคงสมบูรณ์อยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 หนี้กู้ยืมส่วนเงินต้นจึงเป็นหนี้ที่สมบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '173'}]",ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งหมด การตกลงดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตกเป็นโมฆะเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ส่วนเงินต้นยังคงสมบูรณ์ +พ่อ แม่ที่หย่ากัน แล้วลูกต้องอยู่กับแม่ พ่อต้องจ่ายเงินค่าเทอมหรือค่ากินอยู่ให้ลูกไหม,พ่อยังต้องอุปการะเลี้ยงดูลูก ถ้าลูกเป็นลูกโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือพ่อได้รับรองบุตรไว้ แม้พ่อกับแม่ได้หย่าร้างกันไปแล้วก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพ���ณิชย์', 'sections': '1584'}]",พ่อยังต้องอุปการะเลี้ยงดูลูก ถ้าลูกเป็นลูกโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือพ่อได้รับรองบุตรไว้ แม้พ่อกับแม่ได้หย่าร้างกันไปแล้วก็ตาม +ขับรถชนกันโดยที่ประมาททั้งคู่ และต้องการเรียกใช้ค่าสินไหมทดแทน จะเอาเรื่องความเสียหายมากหรือน้อยที่ขึ้นมาเป็นเกณฑ์เพื่อกำหนดค่าเสียหายได้ ใช่หรือไม่,ไม่ใช่ การเรียกกำหนดค่าเสียหาย จะพิจารณาถึงพฤติการณ์ว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันอย่างไร ซึ่งต้องถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ได้เอาความเสียหายมากน้อยเป็นเกณฑ์กำหนดค่าความเสียหาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '223'}]",ไม่ใช่ การเรียกกำหนดค่าเสียหาย จะพิจารณาถึงพฤติการณ์ว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันอย่างไร ซึ่งต้องถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ได้เอาความเสียหายมากน้อยเป็นเกณฑ์กำหนดค่าความเสียหาย. +เช็คที่ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม ธนาคารเป็นผู้ต้องรับผิดเองหรือไม่,ใช่ ธนาคารต้องเป็นผู้รับผิดเอง เนื่องจากกฎหมายประสงค์ให้ธนาคารใช้ความระมัดระวังในเรื่องลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายยิ่งกว่าในเรื่องลายมือชื่อของผู้รับเงิน หรือผู้สลักหลัง และกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่ธนาคารที่จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อเฉพาะในกรณีที่ลายมือชื่อผู้รับเงินหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอมเท่านั้น ส่วนลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้นกฎหมายไม่ได้ให้ความคุ้มครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1009'}]",ใช่ ธนาคารต้องเป็นผู้รับผิดเอง เนื่องจากกฎหมายประสงค์ให้ธนาคารใช้ความระมัดระวังในเรื่องลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายยิ่งกว่าในเรื่องลายมือชื่อของผู้รับเงิน หรือผู้สลักหลัง และกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่ธนาคารที่จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อเฉพาะในกรณีที่ลายมือชื่อผู้รับเงินหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอมเท่านั้น ส่วนลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้นกฎหมายไม่ได้ให้ความคุ้มครอง. +ผู้ทำพินัยกรรมสามารถลงลายพิมพ์นิ้วมือแทนการลงลายมือชื่อได้หรือไม่,ได้ แต่จะต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนในขณะที่ผู้ทาพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือ โดยพยานที่ลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวไม่จำเป็นต้องระบุว่าเป็นผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือแต่อย่างใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1665'}]",ได้ แต่จะต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนในขณะที่ผู้ทาพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือ โดยพยานที่ลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวไม่จำเป็นต้องระบุว่าเป็นผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือแต่อย่างใด +จ้างช่างรับเหมามาสร้างบ้าน แต่ช่างรับเหมาเดิมทำงานไม่เสร็จตามกำหนดเวลา ทำให้ต้องจ้างช่างรับเหมาเจ้าอื่นแทน ผู้จ้างต้องเสียเงินมากขึ้น ผู้จ้างจะเรียกเงินค่าเสียหายจากผู้รับเหมาเดิมได้หรือไม่,ได้ ผู้ว่าจ้างจะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าผู้รับเหมาได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดความเสียหายจากการส่งมอบงานล่าช้า ผู้รับเหมาจะต้องรับผิดตามข้อกำหนดในสัญญา เมื่อผู้ว่าจ้างต้องจ้างผู้ควบคุมงานนั้นอีกต่อหนึ่งจนงานเสร็จ จึงเป็นค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับเหมาเป็นฝ่ายผิดสัญญา อันเป็นค่าเสียหายโดยตรง เป็นความเสียหายที่ตามปกติเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับเหมาทำงานไม่เสร็จตามกำหนดที่ได้ระบุไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '222'}]",ได้ ผู้ว่าจ้างจะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าผู้รับเหมาได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดความเสียหายจากการส่งมอบงานล่าช้า ผู้รับเหมาจะต้องรับผิดตามข้อกำหนดในสัญญา เมื่อผู้ว่าจ้างต้องจ้างผู้ควบคุมงานนั้นอีกต่อหนึ่งจนงานเสร็จ จึงเป็นค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับเหมาเป็นฝ่ายผิดสัญญา อันเป็นค่าเสียหายโดยตรง เป็นความเสียหายที่ตามปกติเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับเหมาไม่ทำงานเสร็จตามกำหนดที่ได้ระบุไว้. +เจ้าหนี้ได้นำกลุ่มชายหลายคน แต่งกายคล้ายตำรวจไปที่บ้านของลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้กลัว จึงต้องทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อใช้หนี้เจ้��หนี้ สัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นโมฆียะหรือไม่,ไม่เป็นโมฆียะ การกระทำดังกล่าวของเจ้าหนี้ เป็นเพียงการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ด้วยพฤติการณ์และการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้เกิดภัยอันใกล้จะถึงและร้ายแรงถึงขนาดที่จะถือได้ว่าเป็นการข่มขู่ให้สัญญากู้ยืมเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '164'}]",ไม่เป็นโมฆียะ +เอาทองไปจำนำ และได้ตกลงให้ผู้รับจํานําได้กรรมสิทธิ์ในทอง ก่อนถึงเวลาชำระหนี้ได้ไหม,ไม่ได้ ข้อตกลงดังกล่าวไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ ถ้าตกลงให้ผู้รับจํานําได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ถ้าผู้จํานําไม่ชำระหนี้ ซึ่งข้อตกลงที่ไม่สมบูรณ์ดังกล่าวนี้ หากมีการมาฟ้องร้องต่อศาลให้บังคับกันเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง ศาลจะไม่บังคับให้ แต่ ถ้าคู่กรณีปฏิบัติข้อตกลงนั้นไปแล้ว แม้กฎหมายจะบัญญัติว่าไม่สมบูรณ์ การที่ปฏิบัติไปแล้วก็ใช้ได้ คู่กรณีฝ่าย หนึ่งจะฟ้องให้ยกเลิกการที่ทําไปแล้วนั้นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '756'}]",ไม่ได้ ข้อตกลงดังกล่าวไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ ถ้าตกลงให้ผู้รับจํานําได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ถ้าผู้จํานําไม่ชำระหนี้ ซึ่งข้อตกลงที่ไม่สมบูรณ์ดังกล่าวนี้ หากมีการมาฟ้องร้องต่อศาลให้บังคับกันเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง ศาลจะไม่บังคับให้ แต่ ถ้าคู่กรณีปฏิบัติข้อตกลงนั้นไปแล้ว แม้กฎหมายจะบัญญัติว่าไม่สมบูรณ์ การที่ปฏิบัติไปแล้วก็ใช้ได้ คู่กรณีฝ่าย หนึ่งจะฟ้องให้ยกเลิกการที่ทําไปแล้วนั้นไม่ได้ +นายจ้างย้ายให้ลูกจ้างไปทำงานที่บริษัทอื่นได้หรือไม่,ได้ บริษัทใหม่รับโอนลูกจ้างจากบริษัทเดิม เมื่อลูกจ้างยินยอม ซึ่งบริษัทใหม่สัญญาจ้างแรงงานฉบับเดิมไม่ได้ทำสัญญาจ้างแรงงานฉบับใหม่ นายจ้างเดิมกับนายจ้างใหม่สามารถกระทำการได้ไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '577'}]",ได้ บริษัทใหม่รับโอนลูกจ้างจากบริษัทเดิม เมื่อลูกจ้างยินยอม ซึ่งบริษัทใหม่สัญญาจ้างแรงงานฉบับเดิมไม่ได้ทำสัญญาจ้างแรงงานฉบับใหม่ นายจ้างเดิมกับนายจ้างใหม่สามารถกระทำการได้ไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง +ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ก จะรวมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียน ข รวมเป็นห้างห��้นส่วนจดทะเบียนใหม่เพียงห้างเดียวทำได้หรือไม่,ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด หรือถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนทั้งหมดก็ต้องมีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1073'}]",ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด หรือถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนทั้งหมดก็ต้องมีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา +ทำรับเหมาก่อสร้าง และลูกค้าบอกเลิกสัญญา จะได้เงินค่าก่อสร้างทำไปบางส่วนแล้วคืนหรือไม่,ได้ ถ้าในสัญญาไม่ได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่นว่าในเรื่องการเลิกสัญญา การเลิกสัญญาจะทำให้คู่สัญญากลับสู่ฐานะเดิม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '391'}]",ได้ ถ้าในสัญญาไม่ได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่นว่าในเรื่องการเลิกสัญญา การเลิกสัญญาจะทำให้คู่สัญญากลับสู่ฐานะเดิม +สามารถเขียนระบุชื่อตั้งผู้ปกครองให้ลูกในพินัยกรรมได้หรือไม่,ได้ การตั้งผู้ปกครองตามกฎหมายกำหนดให้ตั้งโดยคำสั่งศาล ก่อนพ่อหรือแม่ของเด็กเสียชีวิตได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมว่าต้องการให้ใครเป็นผู้ปกครองเด็กในกรณีที่พ่อหรือแม่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งการตั้งผู้ปกครองถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งผู้ปกครองตามข้อกำหนดพินัยกรรม แต่ถ้าพินัยกรรมนัยนั้นไม่มีผลบังคับก็ไม่สามารถตั้งผู้ปกครองตามพินัยกรรมนั้นได้ หรือในกรณีที่พินัยกรรมได้ระบุชื่อแต่ ศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของเด็ก หรือเคยมีคดีในศาลกับเด็ก พ่อแม่เด็กหรือญาติพี่น้องของพ่อกับแม่ของเด็ก กฎหมายห้ามไม่ให้ตั้งบุคคลตั้งกล่าวเป็นผู้ปกครองครองเด็ก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1586'}]",ได้ การตั้งผู้ปกครองตามกฎหมายกำหนดให้ตั้งโดยคำสั่งศาล ก่อนพ่อหรือแม่ของเด็กเสียชีวิตได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมว่าต้องการให้ใครเป็นผู้ปกครองเด็กในกรณีที่พ่อหรือแม่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งการตั้งผู้ปกครองถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งผู้ปกครองตามข้อกำหนดพินัยกรรม แต่ถ้าพินัยกรรมนัยนั้นไม่ม��ผลบังคับก็ไม่สามารถตั้งผู้ปกครองตามพินัยกรรมนั้นได้ หรือในกรณีที่พินัยกรรมได้ระบุชื่อแต่ ศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของเด็ก หรือเคยมีคดีในศาลกับเด็ก พ่อแม่เด็กหรือญาติพี่น้องของพ่อกับแม่ของเด็ก กฎหมายห้ามไม่ให้ตั้งบุคคลตั้งกล่าวเป็นผู้ปกครองครองเด็ก. +ย้ายทางภาระจำยอมได้หรือไม่,ได้ แต่การย้ายนั้นต้องไม่ทำให้ความสะดวกลดลงและเมื่อย้ายก็ไม่ทำให้สิทธิการใช้ภารจำยอมลดน้อยลง เพราะจะทำให้ย้ายภารจำยอมไม่ได้ ยกเว้นจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ระหว่างเจ้าของภารยทรัพย์กับเจ้าของสามยทรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1394'}]",ได้ แต่การย้ายนั้นต้องไม่ทำให้ความสะดวกลดลงและเมื่อย้ายก็ไม่ทำให้สิทธิการใช้ภารจำยอมลดน้อยลง เพราะจะทำให้ย้ายภารจำยอมไม่ได้ ยกเว้นจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ระหว่างเจ้าของภารยทรัพย์กับเจ้าของสามยทรัพย์ +ผู้จัดการมรดกมีสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จจากกองมรดกได้หรือไม่,ไม่ได้ ถ้าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้กับผู้จัดการมรดก หรือทายาทจำนวนข้างมากไม่ได้ยินยอมให้หักค่าใช้จ่ายหรือหักค่าบำเหน็จให้แก่ผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายหรือไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จจากกองมรดกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1721'}]",ไม่ได้ ถ้าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้กับผู้จัดการมรดก หรือทายาทจำนวนข้างมากไม่ได้ยินยอมให้หักค่าใช้จ่ายหรือหักค่าบำเหน็จให้แก่ผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายหรือไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จจากกองมรดกได้. +หลังคาเพื่อนบ้านเกือบจะพังและคิดว่าถ้าหน้าฝนมีพายุเข้ารุนแรงอาจจะพังและพัดโดนบ้านเราได้ เราจะบอกให้เพื่อนบ้านซ่อมหลังคานั้นได้ไหม,ได้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดความเสียหายในอนาคต แม้ยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นก็มีสิทธิที่จะเรียกให้เจ้าของหรือผู้ครองบ้านนั้นจัดการตามจำเป็นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '435'}]",ได้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดควา���เสียหายในอนาคต แม้ยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นก็มีสิทธิที่จะเรียกให้เจ้าของหรือผู้ครองบ้านนั้นจัดการตามจำเป็นได้ +การที่ผู้ซื้อได้ประนีประนอมยอมความกับบุคคลภายนอกแล้ว อายุความรับผิดในการรอนสิทธิมีกำหนด 3 เดือน ใช่หรือไม่,ใช่ ถ้าผู้ซื้อ ได้ประนีประนอมยอมความกับบุคคลภายนอก อายุความมีกำหนด 3 เดือน นับแต่วันประนีประนอมยอมความตามบุคคลภายนอกเรียกร้องนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '481'}]",ใช่ ถ้าผู้ซื้อ ได้ประนีประนอมยอมความกับบุคคลภายนอก อายุความมีกำหนด 3 เดือน นับแต่วันประนีประนอมยอมความตามบุคคลภายนอกเรียกร้องนั้น +ถ้าสามีอยากหย่ากับภรรยา แต่ภรรยาไม่ต้องการหย่า สามีจะหย่ากับภรรยาได้หรือไม่,ไม่ได้ การหย่าจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อสามีและภรรยามีต้องการหย่าเหมือนกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งการหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายนั้นกระทำได้ 2 วิธี คือ การจดทะเบียนหย่าในสำนักทะเบียน หรือการจดทะเบียนหย่าต่างสำนักทะเบียน และต้องมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน อย่างไรก็ดีการหย่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็เมื่อมีคำพิพากษาของศาล หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คู่หย่าไม่ต้องจดทะเบียนหย่าอีก หรือหากให้คู่สมรสหย่าขาดจากกัน โดยมีเงื่อนไขให้ไปจดทะเบียนการหย่าต่อนายทะเบียน การสมรสจึงจะสิ้นสุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1514'}]",ไม่ได้ +การนั่งพิจารณาคดีในคําร้องบังคับหลักประกันโดยจําหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนําเงินมาชําระหนี้ ศาลจะนั่งพิจารณาคดีติดต่อกันหรือไม่,ใช่ กรณีที่ผู้ให้หลักประกัน หรือผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ไม่ส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้รับหลักประกัน โดยผู้รับหลักประกันได้คําร้องด้วยว่าจะบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือโดยจําหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนําเงินมาชําระหนี้แล้ว ศาลจะกำหนดวันพิจารณาโดยเร็ว และศาลนั่งพิจารณาคดีติดต่อกันทุกวันจนกว่าจะเสร็จการพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '47'}]",ใช่ กรณีที่ผู้ให้หลักประกัน หรือผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ไม่ส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้รับหลักประกัน โดยผู้รับหลักประกันได้คําร้องด้วยว่าจะบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือโดยจําหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนําเงินมาชําระหนี้แล้ว ศาลจะกำหนดวันพิจารณาโดยเร็ว และศาลนั่งพิจารณาคดีติดต่อกันทุกวันจนกว่าจะเสร็จการพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น. +ระหว่างแก้ไขข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตาม สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งให้ถูกต้อง ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล สามารถเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าวแก่คนทั่วไปได้หรือไม่,ไม่ได้ ในระหว่างที่ สํานักงาน ก.ล.ต. ให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลแก้ไขข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนให้ถูกต้องนั้น หากยังไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง สํานักงาน ก.ล.ต. มีอํานาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดง รายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มี การดําเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และในกรณีที่ผู้เสนอขายฝ่าฝืนเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนในระหว่างที่สำนักงาน ก.ล.ต. สั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '62'}]",ไม่ได้ ในระหว่างที่ สํานักงาน ก.ล.ต. ให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลแก้ไขข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนให้ถูกต้องนั้น หากยังไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง. +หอการค้าต่างประเทศสามารถแบ่งปันผลกำไรให้แก่สมาชิกได้หรือไม่,ไม่ได้ หอการค้า มี 4 ประเภท 1.หอการค้าจังหวัด 2.หอการค้าไทย 3.หอการค้าต่างประเทศ 4.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งกฎหมายห้ามไม่ให้หอการค้าแบ่งบันผลกำไร หรือรายได้ให้แก่สมาชิก หรือห้ามไม่ให้หอการค้าดำเนินการในทางการเมือง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '30'}]",ไม่ได้ +สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของสมาชิกสำหรับหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระได้หรือไม่,ได้ แต่ ทั้งนี้ สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องยื่นขอรับชำระหนี้ภายในระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '87'}]",ได้ แต่ ทั้งนี้ สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องยื่นขอรับชำระหนี้ภายในระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด +ข้อกำหนดห้ามโอนอันเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่สามารถจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้มีผลทางกฎหมายอย่างไร,ข้อกำหนดห้ามโอนเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่สามารถจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้ ให้ถือว่าไม่มีเลย คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1702 ข้อกำหนดห้ามโอนอันเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่อาจจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้นั้น ให้ถือว่าไม่มีข้อกำหนดห้ามโอนสังหาริมทรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1702'}]",ข้อกำหนดห้ามโอนเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่สามารถจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้ ให้ถือว่าไม่มีเลย +ถ้ากฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิประโยชน์ของประชาชน หรือไม่เพียงพอที่จะคุ้มครองและรักษาความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจสั่งอะไร,คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจสั่งให้ตลาดหลักทรัพย์กำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติม ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 170/1 ในกรณีที่ปรากฏต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ว่า กฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิประโยชน์ของประชาชนหรือไม่เพียงพอที่จะคุ้มครองและรักษาความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ตลาดหลักทรัพย์กำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วได้,"[{'law': 'พร���ราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '170/1'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจสั่งให้ตลาดหลักทรัพย์กำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ +เมื่อสมาคมตั้งขึ้นเพื่อทำกิจการ เมื่อกิจการนั้นสำเร็จ คณะกรรมการของสมาคมต้องแจ้งการเลิกสมาคมภายในกี่วัน,ภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเลิกสมาคม คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 105 เมื่อสมาคมมีเหตุต้องเลิกตามมาตรา 101 (1) (2) (3) หรือ (4) ให้คณะกรรมการของสมาคมที่อยู่ในตำแหน่งขณะมีการเลิกสมาคมแจ้งการเลิกสมาคมต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเลิกสมาคม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '105'}]",ภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเลิกสมาคม +พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 อธิบดีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดในเรื่องอะไรบ้าง,1) ชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทำ (2) ข้อความและรายการที่ต้องมีในบัญชี (3) ระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบัญชี (4) เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี (5) กำหนดข้อยกเว้นให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือผู้ทำบัญชีไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง (6) คุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 7 อธิบดีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (1) ชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทำ (2) ข้อความและรายการที่ต้องมีในบัญชี (3) ระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบัญชี (4) เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี (5) กำหนดข้อยกเว้นให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือผู้ทำบัญชีไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง (6) คุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '7'}]",1) ชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทำ 2) ข้อความและรายการที่ต้องมีในบัญชี 3) ระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบัญชี 4) เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี 5) กำหนดข้อยกเว้นให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือผู้ทำบัญชีไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือส่���นใดส่วนหนึ่ง 6) คุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ +ผู้จัดการซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัล กระทำการทุจริต หลอกลวงทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนมีโทษอย่างไร,มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 82 ผู้จัดการซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา 89 โดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '82'}]",มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +ผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด รับผิดในหุ้นอย่างไร,ผู้ถือหุ้นรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนเองถือ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1096 บริษัทจำกัด คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1096'}]",ผู้ถือหุ้นรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนเองถือ +ผู้รับประกันภัยรู้ว่าข้อแถลงความเป็นเท็จ ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,สัญญานั้นสมบูรณ์ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามถ้าผู้รับประกันภัยรู้ว่าข้อแถลงความเป็นความเท็จก็ดี สัญญานั้นเป็นอันสมบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '866'}]",สัญญานั้นสมบูรณ์ +ผู้ใดปลูกข้าวหรือธัญชาติในที่ดินของผู้อื่น เจ้าของที่ดินต้องยอมให้บุคคลผู้กระทำการโดยสุจริตทำอะไรได้,เจ้าของที่ดินต้องยอมให้บุคคลที่ปลูกข้าวหรือธัญชาติอย่างอื่นอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปี ครองที่ดินจนกว่าจะเสร็จการเก็บเกี่ยวโดยให้บุคคลนั้นใช้เงินคำนวณตามเกณฑ์ค่าเช่าที่ดินแก่เจ้าของที่ดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1314'}]",เจ้าของที่ดินต้องยอมให้บุคคลที่ปลูกข้าวหรือธัญชาติอย่างอื่นอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปี ครองที่ดินจนกว่าจะเสร็จการเก็บเกี่ยวโดยให้บุคคลนั้นใช้เงินคำนวณตามเกณฑ์ค่าเช่าที่ดินแก่เจ้าของที่ดิน. +ทรัสต์ที่มีการก่อตั้งขึ้นโดยพินัยกรรม ที่มีผลในระหว่างมีชีวิต ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ไม่มีผลทางกฎหมาย คำอธิบายขยายความเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1686 ทรัสต์นั้น จะก่อตั้งขึ้นโดยตรงหรือโดยทางอ้อมด้วยพินัยกรรมที่มีผลในระหว่างชีวิตก็ดีหรือเมื่อตายแล้วก็ดี ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อการก่อตั้งทรัสต์เท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1686'}]",ไม่มีผลทางกฎหมาย +สัญญาบัญชีเดินสะพัดคืออะไร,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 สัญญาบัญชีเดินสะพัดคือ สัญญาซึ่งคนสองคนตกลงกันตั้งแต่ตอนนั้นหรือในเวลาที่กำหนด ให้ตัดทอนบัญชีทั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นจากกิจการในระหว่างเขาทั้งสองหักกลบลบกัน และชำระแต่จำนวนที่เหลือโดยเท่าเทียมกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '856'}]",สัญญาบัญชีเดินสะพัดคือ สัญญาซึ่งคนสองคนตกลงกันตั้งแต่ตอนนั้นหรือในเวลาที่กำหนด ให้ตัดทอนบัญชีทั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นจากกิจการในระหว่างเขาทั้งสองหักกลบลบกัน และชำระแต่จำนวนที่เหลือโดยเท่าเทียมกัน. +ผู้ชำระบัญชีของบริษัทจำกัดทุจริต โดยปกปิดความจริงต่อที่ประชุมใหญ่เรื่องฐานะทางการเงิน จะมีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 38 ผู้ชำระบัญชีใดของบริษัทจำกัดโดยทุจริต ปกปิดความจริงต่อที่ประชุมใหญ่ในเรื่องฐานะการเงินของบริษัทนั้น มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ ���.ศ. 2499', 'sections': '38'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท +หน่วยงานใดเป็นฝ่ายประกาศข้อกำหนดให้ทราบเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาและสั่งการในการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,สำนักงาน ก.ล.ต. คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 6 สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนดให้ทราบเป็นการทั่วไปเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาและการสั่งการในการออกใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '6'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +ถ้าจงใจไม่ทำตามหมายเรียกของสรรพากรจังหวัดมีโทษอย่างไร,บุคคลใดจงใจไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของสรรพากรจังหวัด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลรัษฎากร มาตรา 36 ผู้ใดจงใจไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกสรรพากรจังหวัดที่ออกตามมาตรา 12 ตรี มาตรา 19 มาตรา 23 หรือ มาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '36'}]",บุคคลใดจงใจไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของสรรพากรจังหวัด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ +หลักเกณฑ์การเลือกตั้งกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดมีอะไรบ้าง,(1) ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือคูณด้วยจำนวนกรรมการที่จะเลือกตั้ง (2) ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม (1) เลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดก็ได้ (3) บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมีให้เลือกโดยวิธีจับสลากเพื่อให้ได้จำนวนกรรมการที่จะพึงมี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '36'}]",(1) ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่���นถือคูณด้วยจำนวนกรรมการที่จะเลือกตั้ง (2) ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม (1) เลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดก็ได้ (3) บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมีให้เลือกโดยวิธีจับสลากเพื่อให้ได้จำนวนกรรมการที่จะพึงมี. +บริษัทที่ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ การส่งสินค้าไปต่างประเทศถือว่าเป็นการขายสินค้าในไทยด้วยหรือไม่,ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้น เป็นการขายในประเทศไทย คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลรัษฎากร มาตรา 70 ตรี บริษัทที่ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '70 ตรี'}]",ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้น เป็นการขายในประเทศไทย +ถ้าผู้แทนของผู้โอนทรัพย์สินยึดถือทรัพย์สินนั้นอยู่ ถ้าจะโอนการครอบครองทรัพย์สิน ต้องทำอย่างไร,การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำโดยผู้โอนสั่งผู้แทนว่า ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอน คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามถ้าทรัพย์สินนั้นผู้แทนของผู้โอนยึดถืออยู่ การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำโดยผู้โอนสั่งผู้แทนว่า ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1380'}]",การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำโดยผู้โอนสั่งผู้แทนว่า ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอน +ถ้าผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ และสัมภาระพังทลายก่อนมีการส่งมอบ ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ,สัมภาระที่พังทลาย ผู้รับจ้างเป็นผู้รับผิดชอบ คำอธิบายขยายความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 603 ถ้าผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ และการที่จ้างทำนั้นพังทลาย ความวินาศอันนั้���ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบ หากความวินาศนั้นไม่ได้เป็นเพราะการกระทำของผู้ว่าจ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '603'}]",ผู้รับจ้างเป็นผู้รับผิดชอบ +ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย ต้องฟ้องภายในระยะเวลากี่ปี,ต้องฟ้องภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้ลงในคำคัดค้านซึ่งได้ทำขึ้นภายในเวลาอันถูกต้องตามกำหนด หรือตั้งแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนด ในกรณีที่มีข้อกำหนดว่าไม่จำต้องมีคำคัดค้าน ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1002'}]",ต้องฟ้องภายในหนึ่งปี +ถ้าต้องการจะนำหลักทรัพย์ที่ตนออกไปซื้อขายในตลาดทรัพย์ จะต้องทำอย่างไร,ถ้าต้องการจะนำหลักทรัพย์ที่ตนออกไปซื้อขายในตลาดทรัพย์ จะต้องนำหลักทรัพย์ไปจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 189 บุคคลใดต้องการจะนำหลักทรัพย์ที่ตนออกไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องนำหลักทรัพย์นั้นไปจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '189'}]",จะต้องนำหลักทรัพย์ไปจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ +บริษัทมหาชนจำกัดไม่มีการสอบบัญชี จะมีโทษอย่างไร,บริษัทมหาชนจำกัดไม่มีการสอบบัญชี จะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองแสนบาทและชำระค่าปรับเป็นพินัยรายวันอีกวันละสองพันบาทจนกว่าจะปฎิบัติให้ถูกต้อง คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 205 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 109 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองแสนบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยรายวันอีกวันละสองพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '205'}]",บริษัทมหาชนจำกัดไม่มีการสอบบัญชี จะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองแสนบาทและชำระค่าปรับเป็นพินัยรายวันอีกวันละสองพันบาทจนกว่าจะปฎิบัติให้ถูกต้อง. +ถ้าผู้รับประโยชน์แจ้งให้ทรัสตีรายใหม่ติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากคนภายนอกแต่ทรัสตีรายใหม่ไม่ได้ทำตามหน้าที่ภายในระยะเวลาอันสมควร ผู��รับประโยชน์มีสิทธิเรียอะไรบ้าง,ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากทรัสตีรายที่ต้องรับผิด หรือใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลภายนอก คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 46 ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์แจ้งให้ทรัสตีรายใหม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 40 ภายในระยะเวลาอันสมควรแล้ว แต่ทรัสตีรายใหม่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายในระยะเวลาดังกล่าว ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากทรัสตีรายที่ต้องรับผิด หรือใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลภายนอก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '46'}]",ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากทรัสตีรายที่ต้องรับผิด หรือใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลภายนอก +ผลทางกฎหมายที่บริษัทใหม่ควบรวมกับบริษัทเดิม,บริษัทใหม่นี้ย่อมได้ไปทั้งสิทธิและความรับผิดที่บริษัทเดิมมีอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1243'}]",บริษัทใหม่นี้ย่อมได้ไปทั้งสิทธิและความรับผิดที่บริษัทเดิมมีอยู่ +หากคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยต้องระวางโทษอย่างไร,หากคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนมาตรา 6 มาตรา 7 หรือมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน���ยู่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '37'}]",หากคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่. +ถ้ามีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ และผู้รับหลักประกันได้มีหนังสือแจ้งเหตุบังคับหลักประกันแล้ว ผลทางกฎหมายคืออะไร,ห้ามให้ผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือกระทำการใด ๆ อันทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันบุบสลายหรือเสื่อมค่าลง และให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 38 เมื่อมีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ และผู้รับหลักประกันได้มีหนังสือแจ้งเหตุบังคับหลักประกันแล้ว ห้ามผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือกระทำการใด ๆ อันทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันบุบสลายหรือเสื่อมค่าลง และให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '38'}]",ห้ามให้ผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือกระทำการใด ๆ อันทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันบุบสลายหรือเสื่อมค่าลง และให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน +ถ้าคู่สมรสได้สมรสโดยถูกข่มขู่ ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร,การสมรสนั้นเป็นโมฆียะ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1507 ถ้าคู่สมรสได้ทำการสมรสโดยถูกข่มขู่อันถึงขนาดซึ่งถ้าไม่ได้มีการข่มขู่นั้นจะไม่มีการสมรส การสมรสนั้นเป็นโมฆียะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1507'}]",การสมรสนั้นเป็นโมฆียะ +ผู้แทนผู้ถือหุ้นกระทำความผิดเ��ี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ผลทางกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คืออะไร,ให้สำนักงานเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 48 ในกรณีที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามบทบัญญัติในหมวด 1 หมวด 3 หมวด 4 หมวด 5 หรือหมวด 7 ของลักษณะ 12 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้สำนักงานเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '48'}]",ให้สำนักงานเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา +เจ้าพนักงานประเมินจะทำอย่างไร ถ้ามีคนต้องการคืนภาษี,เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณา คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลรัษฎากร มาตรา 27 จัตวา เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณา,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27 จัตวา'}]",เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณา +วิธีการอุทธรณ์การประเมินภาษีที่อำเภอมีวิธีการอะไรบ้าง,(1) ให้อุทธรณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน (2) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามความในมาตรา 21 หรือมาตรา 25 ให้อุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือรับแจ้งการประเมินตามความในมาตรา 18 ทวิ มาตรา 20 หรือ มาตรา 24 (3) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 33 ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์,"[{'law': 'ปร��มวลรัษฎากร', 'sections': '29'}]",(1) ให้อุทธรณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน (2) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามความในมาตรา 21 หรือมาตรา 25 ให้อุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือรับแจ้งการประเมินตามความในมาตรา 18 ทวิ มาตรา 20 หรือ มาตรา 24 (3) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 33 ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์. +เงินได้ของผู้อยู่ในปกครอง ถ้าเหลือให้ใช้เพื่อประโยชน์เฉพาะในเรื่องต่อไปนี้,(1) ซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือพันธบัตรที่รัฐบาลไทยค้ำประกัน (2) รับขายฝากหรือรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ในลำดับแรก แต่จำนวนเงินที่รับขายฝากหรือรับจำนองต้องไม่เกินครึ่งของราคาตลาดของอสังหาริมทรัพย์นั้น (3) ฝากประจำในธนาคารที่ได้ตั้งขึ้นโดยกฎหมายหรือที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในราชอาณาจักร (4) ลงทุนอย่างอื่นซึ่งศาลอนุญาตเป็นพิเศษ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/4'}]",(1) ซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือพันธบัตรที่รัฐบาลไทยค้ำประกัน (2) รับขายฝากหรือรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ในลำดับแรก แต่จำนวนเงินที่รับขายฝากหรือรับจำนองต้องไม่เกินครึ่งของราคาตลาดของอสังหาริมทรัพย์นั้น (3) ฝากประจำในธนาคารที่ได้ตั้งขึ้นโดยกฎหมายหรือที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในราชอาณาจักร (4) ลงทุนอย่างอื่นซึ่งศาลอนุญาตเป็นพิเศษ +บริษัทจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นภายในกี่วันก่อนการประชุมใหญ่สามัญ,ในระหว่างสิบสี่วันก่อนการประชุมใหญ่สามัญ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1131 ในระหว่างสิบสี่วันก่อนการประชุมใหญ่สามัญ บริษัทจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1131'}]",สิบสี่วัน +ถ้าหากผู้ประกอบการเสียภาษีด้วยการใช้วิธีภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ ผู้ประกอบการจะใช้วิธีการเสียภาษีแบบใดไม่ได้,ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษีไม่ได้ คำอธ��บายขยายความเพิ่มเติมตามมาตรา 82/16 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งประกอบกิจการเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามมาตรา 81/1 แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษีตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในมาตรา 80/2,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/17'}]",ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษีไม่ได้ +การสมรสที่เป็นโมฆะ ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ไม่เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1498 การสมรสที่เป็นโมฆะ ไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1498'}]",ไม่เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา +ถ้าลูกจ้างรายใดสิ้นสภาพความเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะออกจากงาน มีสิทธิที่จะรับเงินอะไรหรือไม่,ลูกจ้างรายนั้นมีสิทธิคงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุน คำอธิบายขยายความตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 23/3 เมื่อลูกจ้างรายใดหมดสภาพสมาชิกภาพเพราะออกจากงาน ลูกจ้างรายนั้นมีสิทธิคงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุน และคงการเป็นสมาชิกต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '23/3'}]",ลูกจ้างรายนั้นมีสิทธิคงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุน +ถ้ามีคนใช้ชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่าหอการค้าในป้ายชื่อโดยไม่ได้เป็นหอการค้าทำได้หรือไม่,ทำไม่ได้ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 17 ห้ามไม่ให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่า “หอการค้า” ป้ายชื่อ โดยไม่ได้เป็นหอการค้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '17'}]",ทำไม่ได้ +ถ้าบริษัทควบรวมกันต้องมีหนังสือแจ้งอะไร,บริษัทต้องมีหนังสือแจ้งมติการที่จะควบกันกับบริษัทอื่นไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 147 บริษัทต้องมีหนังสือแจ้งมติการที่จะควบกันกับบริษัทอื่นไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '147'}]",บริษัทต้องมีหนังสือแจ้งมติการที่จะควบกันกับบริษัทอื่นไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท +ตั๋วแลกเงินจะสั่งจ่ายจากใครได้บ้าง,สั่งจ่ายเอาจากตัวผู้สั่งจ่ายเอง หรือสั่งจ่ายเพื่อบุคคลภายนอก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 912 จะสั่งจ่ายเอาจากตัวผู้สั่งจ่ายเอง หรือสั่งจ่ายเพื่อบุคคลภายนอกก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '912'}]",สั่งจ่ายเอาจากตัวผู้สั่งจ่ายเอง หรือสั่งจ่ายเพื่อบุคคลภายนอก +ถ้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ปฎิบัติตามคำสั่งห้ามทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '68'}]",ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +ถ้าผู้ใดประกอบอาชีพทางด้านบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชีมีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '65'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ถ้าคำบอกกล่าวมาถึงช้ากว่าเวลาที่กำหนดซึ่งตามปกติควรจะมาถึงภายในเวลาที่กำหนด ผู้เสนอต้องทำอะไรบ้าง,ผู้เสนอต้องบอกกล่าวแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งโดยทันทีว่าคำสนองนั้นมาถึงช้า เว้นแต่จะได้บอกกล่าวว่าก่อนแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '358'}]",ผู้เสนอต้องบอกกล่าวแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งโดยทันทีว่าคำสนองนั้นมาถึงช้า เว้นแต่จะได้บอกกล่าวว่าก่อนแล้ว +ถ้าคนที่ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินมีคนที่ไม่สามารถเป็นคู่สัญญาได้เลย ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,การที่คนที่เป็นคู่สัญญาแห่งตั่วเงินไม่สามารถเป็นคู่สัญญาได้ คนที่เป็นคู่สัญญาได้คนอื่นๆ ยังต้องรับผิดตามตั๋วเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '902'}]",คนที่เป็นคู่สัญญาได้คนอื่นๆ ยังต้องรับผิดตามตั๋วเงิน +เมื่อพูดถึงเวลาซื้อขายหมายถึงอะไร,เวลาซึ่งทำสัญญาซื้อขายสำเร็จบริบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '455'}]",เวลาซึ่งทำสัญญาซื้อขายสำเร็จบริบูรณ์ +ถ้าข้อกำหนดของสัญญาก่อตั้งทรัสต์ที่ขัดกับกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,เป็นโมฆะ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 17,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '17'}]",เป็นโมฆะ +สิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถโอนให้กันได้ไหม,ไม่สามารถโอนให้กันได้ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 24 สิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนตามมาตรา 23 มาตรา 23/2 และมาตรา 23/3 ไม่อาจโอนกันได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '24'}]",ไม่สามารถโอนให้กันได้ +ถ้าของที่ผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดสูญหายผู้ขนส่งต้องทำอย่างไร,ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดร่วมกันในการสูญหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '618'}]",ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดร่วมกันในการสูญหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 +ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดค้าขายที่มีสภาพอย่างเดียวกับห้างจะทำได้หรือไม่,ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดสามารถค้าขายของที่มีสภาพอย่างเดียวกับห้างหุ้นส่วนได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1090'}]",ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดสามารถค้าขายของที่มีสภาพอย่างเดียวกับห้างหุ้นส่วนได้ +ถ้าคณะกรรมการของสมาคมไม่แจ้งการยกเลิกสมาคมต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดจะเสียค่าปรับเท่าไร,กรรมการของสมาคมนั้นมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินคนละหนึ่งหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '57'}]",กรรมการของสมาคมนั้นมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินคนละหนึ่งหมื่นบาท +ถ้าการตีความพินัยกรรมอาจตีความได้หลาย���วามหมายจะต้องตัดสินเลือกความหมายไหน,ถือเอาตามความหมายที่จะสำเร็จผลตามความต้องการของผู้ทำพินัยกรรมนั้นได้ดีที่สุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1684'}]",ถือเอาตามความหมายที่จะสำเร็จผลตามความต้องการของผู้ทำพินัยกรรมนั้นได้ดีที่สุด +ถ้าการชำระหนี้พ้นวิสัยเพราะเหตุผลที่ไม่สามารถโทษลูกหนี้ได้ เจ้าหนี้สามารถทำอย่างไรได้บ้าง,เจ้าหนี้จะเลิกสัญญานั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '389'}]",เจ้าหนี้จะเลิกสัญญานั้นก็ได้ +ถ้าต้องบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผู้รับหลักประกันต้องแจ้งผู้บังคับหลักประกันอย่างไร,ให้ผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งผู้บังคับหลักประกันทราบโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้บังคับหลักประกันได้รับหนังสือแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '63'}]",ให้ผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งผู้บังคับหลักประกันทราบโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้บังคับหลักประกันได้รับหนังสือแล้ว +ใครสามารถร้องขอให้ถอนผู้ปกครองผู้อยู่ในปกครองอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปีบริบูรณ์ได้,ญาติของผู้อยู่ในปกครองหรืออัยการจะเป็นผู้ร้องขอก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/9'}]",ญาติของผู้อยู่ในปกครองหรืออัยการจะเป็นผู้ร้องขอก็ได้ +ถ้าความต้องการของเจ้าของที่ดินที่ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินที่เจ้าของที่ดินอีกแปลงอื่นยอมให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของเขาเปลี่ยนไป ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร,ถ้าความต้องการเปลี่ยนแปลงไป กฎหมายไม่ให้สิทธิแก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินสามยทรัพย์ ที่จะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินที่ต้องยอมรับ “กรรม” ให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ในที่ดินของตน หรือที่เรียกว่าภารยทรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1389'}]",กฎหมายไม่ให้สิทธิแก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินสามยทรัพย์ ที่จะทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินที่ต้องยอมรับ “กรรม” ให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ในที่ดินของตน หรือที่เรียกว่าภารยทรัพย์. +ภูมิลำเนาของคนไร้ความสามารถคือที่ไหน,ภูม���ลำเนาของผู้อนุบาล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '45'}]",ภูมิลำเนาของผู้อนุบาล +ตัวการจะมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนทำไปหรือไม่,ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนได้ทำไปภายในขอบเขตอำนาจในฐานะตัวแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '820'}]",ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนได้ทำไปภายในขอบเขตอำนาจในฐานะตัวแทน +การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนซึ่งล้มละลายต้องทำตามกฎหมายอะไร,ให้จัดทำไปตามกฎหมายลักษณะล้มละลายที่คงใช้อยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1247'}]",ให้จัดทำไปตามกฎหมายลักษณะล้มละลายที่คงใช้อยู่ +ผู้จัดการยิมยอมให้มีการปลอมบัญชีเอกสาร ถ้ายินยอมให้ทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลขาดประโยชน์มีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 312 คือ จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '312'}]",ต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 312 คือ จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +ใครขัดขวางการทำหน้าที่ของสารวัตรใหญ่บัญชีในการเข้าไปในสถานที่เก็บรักษาบัญชีมีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 36 คือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '36'}]",ต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 36 คือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ค่าใช้จ่ายในการแยกสินค้าและการส่งมอบเอกสารใหม่ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่าย,ผู้ทรงเอกสารต้องรับใช้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '783'}]",ผู้ทรงเอกสารต้องรับใช้ +สัญญาฉบับเดียวกัน ตัวการคนเดียวตั้งตัวแทนหลายคนเพื่อทำงานอันเดียวกัน ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าตัวแทนจะต่างคนต่างทำงานนั้น ๆ แยกกันไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '804'}]",กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าตัวแทนจะต่างคนต่างทำงานนั้น ๆ แยกกันไม่ได้ +สมาคมการค้ายอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่กรรมการดำเนินกิจการในหน้าที่ของกรรมการได้หรือไม่,ไม่ได้ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 22 ห้ามไม่ให้สมาคมการค้ากระทำการใด ๆ ดังต่อไปนี้ (9) ให้ หรือยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่กรรมการดำเนินกิจการในหน้าที่ของกรรมการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '22'}]",ไม่ได้ +ถ้าลูกหนี้มีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้แม้จะยังไม่ถึงกำหนดเรียกร้องให้ชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิจะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้ได้ไหม,เจ้าหนี้มีสิทธิจะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้ได้ แม้ยังไม่ถึงกำหนดเรียกร้อง ถ้าการที่ลูกหนี้ไม่สามารถใช้หนี้นั้นได้เกิดเป็นขึ้นหรือรู้ถึงเจ้าหนี้ต่อภายหลังเวลาที่ได้ส่งมอบทรัพย์สิน ถึงแม้ว่าทรัพย์สินที่ยึดหน่วงจะไม่สมกับลักษณะที่เจ้าหนี้รับภาระในหนี้เดิมไว้หรือไม่สมกับคำสั่งอันลูกหนี้ได้ให้ไว้ก็ดี เจ้าหนี้ก็อาจจะใช้สิทธิยึดหน่วงได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '243'}]",เจ้าหนี้มีสิทธิจะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้ได้ แม้ยังไม่ถึงกำหนดเรียกร้อง ถ้าการที่ลูกหนี้ไม่สามารถใช้หนี้นั้นได้เกิดเป็นขึ้นหรือรู้ถึงเจ้าหนี้ต่อภายหลังเวลาที่ได้ส่งมอบทรัพย์สิน ถึงแม้ว่าทรัพย์สินที่ยึดหน่วงจะไม่สมกับลักษณะที่เจ้าหนี้รับภาระในหนี้เดิมไว้หรือไม่สมกับคำสั่งอันลูกหนี้ได้ให้ไว้ก็ดี เจ้าหนี้ก็อาจจะใช้สิทธิยึดหน่วงได้ +ถ้าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นทรัพย์สินมีทะเบียน แล้วผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งให้ทราบถึงการจำหน่ายหลักประกันที่เป็นของที่เน่าเสียได้ง่าย นายทะเบียนต้องทำอย่างไร,ให้นายทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันโดยถือว่าหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันหรือคำพิพากษาบังคับหลักประกันเป็นเสมือนการแสดงเจตนาของผู้ให้หลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '51'}]",ให้นายทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันโดยถือว่าหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันหรือคำพิพากษาบังคับหลักประกันเป็นเสมือนการแสดงเจ���นาของผู้ให้หลักประกัน +ผู้ต้องเสียภาษีต้องชำระภาษีภายในกี่วันตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งประเมินภาษี,ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18 ทวิ'}]",ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน +คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีมีอำนาจอะไรบ้าง,(1) สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสภาวิชาชีพบัญชี (2) สั่งเป็นหนังสือให้สมาชิก กรรมการ หรืออนุกรรมการอื่นใดของสภาวิชาชีพบัญชีหรือบุคคลใดชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของสภาวิชาชีพบัญชี (3) สั่งเป็นหนังสือให้สภาวิชาชีพบัญชี คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ระงับ แก้ไข หรือวางมาตรการแก้ไขการกระทำอันเป็นการขัดต่อกฎหมาย วัตถุประสงค์ หรือข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '61'}]",(1) สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสภาวิชาชีพบัญชี (2) สั่งเป็นหนังสือให้สมาชิก กรรมการ หรืออนุกรรมการอื่นใดของสภาวิชาชีพบัญชีหรือบุคคลใดชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของสภาวิชาชีพบัญชี (3) สั่งเป็นหนังสือให้สภาวิชาชีพบัญชี คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ระงับ แก้ไข หรือวางมาตรการแก้ไขการกระทำอันเป็นการขัดต่อกฎหมาย วัตถุประสงค์ หรือข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +ถ้าผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไป ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเท่าที่ใช้ค่าสินไหมทดแทนไป คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอก ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '880'}]",ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเท่าที่ใช้ค่าสินไหมทดแทนไป +ใครจะเป็นคนนัดประชุมกรรมการบริษัท,กรรมการคนหนึ่งคนใดจะนัดเรียกให้ประชุมกรรมการเมื่อใดก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1162'}]",กรรมการคนหนึ่งคนใดจะนัดเรียกให้ประชุมกรรมการเมื่อใดก็ได้ +สัญญาประกันภัยจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ต้องมีลักษณะใด,สัญญาประกันภัย ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 สัญญาประกันภัยนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '867'}]",สัญญาประกันภัย ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 +ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้ามีหน้าที่อย่างไรบ้าง,ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแยกแต่ละรายและต้องเก็บรักษาทรัพย์สินแยกออกจากทรัพย์สินของตนโดยไม่อาจนำไปใช้เพื่อการอื่นใดได้ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 31 ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแยกแต่ละรายและต้องเก็บรักษาทรัพย์สินแยกออกจากทรัพย์สินของตนโดยไม่อาจนำไปใช้เพื่อการอื่นใดได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '31'}]",ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแยกแต่ละรายและต้องเก็บรักษาทรัพย์สินแยกออกจากทรัพย์สินของตนโดยไม่อาจนำไปใช้เพื่อการอื่นใดได้ +กรรมการจะมอบอำนาจให้แก่บุคคลใดได้บ้าง,กรรมการจะมอบอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดของตนให้แก่ผู้จัดการ หรือให้แก่อนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นจากผู้ที่เป็นกรรมการด้วยกันก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1164 กรรมการจะมอบอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดของตนให้แก่ผู้จัดการ หรือให้แก่อนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นจากผู้ที่เป็นกรรมการด้วยกันก็ได้ ในการใช้อำนาจซึ่งได้มอบหมายเช่นนั้น ผู้จัดการทุกคนหรืออนุกรรมการทุกคนต้องทำตามคำสั่งหรือข้อบังคับซึ่งกรรมการทั้งหลายได้กำหนดให้ทุกอย่างทุกประการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1164'}]",กรรมการจะมอบอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดของตนให้แก่ผู้จัดการ หรือให้แก่อนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นจากผู้ที่เป็นกรรมการด้วยกันก็ได้ +เจ้าของที่ดินสามารถจัดการกับรากไม้และกิ่งไม้ที่รุกล้ำเข้ามาจากที่ดินติดต่อได้อย่างไร,เจ้าของที่ดินอาจตัดรากไม้ซึ่งรุกเข้ามาจากที่ดินติดต่อ ถ้ากิ่งไม้ยื่นล้ำเข้ามา เมื่อเจ้าของที่ดินได้บอกผู้ครอบครองที่ดินติดต่อให้ตัดภายในเวลาอันสมควรแล้ว แต่ผู้นั้นไม่ตัด เจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้นั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1347'}]",เจ้าของที่ดินอาจตัดรากไม้ซึ่งรุกเข้ามาจากที่ดินติดต่อ ถ้ากิ่งไม้ยื่นล้ำเข้ามา เมื่อเจ้าของที่ดินได้บอกผู้ครอบครองที่ดินติดต่อให้ตัดภายในเวลาอันสมควรแล้ว แต่ผู้นั้นไม่ตัด เจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้นั้นได้. +ผู้ที่ประสงค์จะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับมูลนิธิที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้สามารถดำเนินการได้อย่างไร,ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 135 ผู้ใดประสงค์จะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับมูลนิธิที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ หรือจะขอให้นายทะเบียนคัดสำเนาเอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้นายทะเบียนปฏิบัติตามคำขอนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '135'}]",ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง +ผู้ที่เจตนาไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่นตามเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ทวิ ผู้ใดโดยเจตนาไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่นตามลักษณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '37 ทวิ'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ผู้มีชื่อรับฉันทะประสงค์จะออกเสียงในการประชุมได้อย่างไร,ผู้มีชื่อรับฉันทะต้องนำหนังสือตั้งผู้รับฉันทะไปวางต่อผู้เป็นประธานแต่เมื่อเริ่ม หรือก่อนเริ่มประชุมครั้งนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1189 หนังสือตั้งผู้รับฉันทะนั้น ถ้าผู้มีชื่อรับฉันทะประสงค์จะออกเสียงในการประชุมครั้งใด ต้องนำไปวางต่อผู้เป็นประธานแต่เมื่อเริ่ม หรือก่อนเริ่มประชุมครั้งนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1189'}]",ผู้มีชื่อรับฉันทะต้องนำหนังสือตั้งผู้รับฉันทะไปวางต่อผู้เป็นประธานแต่เมื่อเริ่ม หรือก่อนเริ่มประชุมครั้งนั้น +ตัวแทนค้าต่างมีสิทธิได้รับบำเหน็จอย่างไร,ในกรณีที่มิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ตัวแทนค้าต่างชอบที่จะได้รับบำเหน็จโดยอัตราตามธรรมเนียมเพื่อกิจการค้าขายอันตนได้จัดการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 834,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '834'}]",ตัวแทนค้าต่างชอบที่จะได้รับบำเหน็จโดยอัตราตามธรรมเนียมเพื่อกิจการค้าขายอันตนได้จัดการ +นิติบุคคลจะเกิดมีขึ้นได้โดยอาศัยอำนาจกฎหมายใด,อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 65 นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '65'}]",อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น +การจำนำตราสารชนิดออกให้แก่บุคคลโดยนามและจะโอนกันด้วยสลักหลังไม่ได้จะต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องจดข้อความแสดงการจำนำไว้ให้ปรากฏในตราสารนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 752 ถ้าจำนำตราสารชนิดออกให้แก่บุคคลโดยนามและจะโอนกันด้วยสลักหลังไม่ได้ ต้องจดข้อความแสดงการ���ำนำไว้ให้ปรากฏในตราสารนั้นเอง และห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้แห่งตราสารหรือบุคคลภายนอก เว้นแต่จะได้บอกกล่าวการจำนำนั้นให้ทราบถึงลูกหนี้แห่งตราสาร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '752'}]",ต้องจดข้อความแสดงการจำนำไว้ให้ปรากฏในตราสารนั้น +พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างไรตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์,เข้าไปในสถานที่ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทรัสตี หรือตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของนิติบุคคลเฉพาะกิจหรือสถานที่ใด ๆ ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูล เข้าไปในสถานที่ใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อทำการตรวจทรัพย์สิน ตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดนี้ เป็นต้น ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 30 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เข้าไปในสถานที่ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทรัสตี หรือตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของนิติบุคคลเฉพาะกิจหรือสถานที่ใด ๆ ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูล โดยได้รับการมอบหมายของบุคคลดังกล่าวหรือสถานที่ใด ๆ ซึ่งเก็บเอกสารหลักฐานหรือทรัพย์สินของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบกิจการทรัพย์สิน และหนี้สินของนิติบุคคลเฉพาะกิจ รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน ทรัพย์สิน หรือข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลเฉพาะกิจ (2) เข้าไปในสถานที่ใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อทำการตรวจทรัพย์สิน ตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดนี้ (3) ยึดหรืออายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี (4) สั่งให้กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทรัสตี ตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือผู้รวบรวม หรือประมวลข้อมูลที่ได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าว หรือบุคคลใด ๆ ที่เป็นผู้เก็บเอกสาร หลักฐาน หรือทรัพย์สินของนิติบุคคลเฉพาะกิจ มาให้ถ้อยคำหรือส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับกิจการการดำเนินงาน ทรัพย์สิน และหนี้สินของนิติบุคคลเฉพาะกิจ (5) สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำหรือส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือวัตถุใดที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '30'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังนี้: 1. เข้าไปในสถานที่ของนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบกิจการทรัพย์สินและหนี้สิน 2. ตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง 3. ยึดหรืออายัดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด 4. สั่งให้กรรมการหรือผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง 5. สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารที่จำเป็น. +บริษัทจำกัดย่อมเลิกกันด้วยเหตุใดได้บ้าง,ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1236 เมื่อมีกรณีตามในข้อบังคับของบริษัทที่มีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน หรือเมื่อสิ้นกำหนดกาลที่บริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใด หรือเมื่อเสร็จตามกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเมื่อมีมติพิเศษให้เลิก หรือเมื่อบริษัทล้มละลาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1236'}]",ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1236 เมื่อมีกรณีตามในข้อบังคับของบริษัทที่มีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน หรือเมื่อสิ้นกำหนดกาลที่บริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใด หรือเมื่อเสร็จตามกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเมื่อมีมติพิเศษให้เลิก หรือเมื่อบริษัทล้มละลาย +ผู้ปกครองเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของใคร,ผู้ปกครองเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้อยู่ในปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่ง���ละพาณิชย์ มาตรา 1598/3,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/3'}]",ผู้อยู่ในปกครอง +สมาชิกของสมาคมต้องชำระค่าบำรุงอย่างไร,สมาชิกของสมาคมต้องชำระค่าบำรุงเต็มจำนวนในวันที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในวันเริ่มต้นของระยะเวลาชำระค่าบำรุง แล้วแต่กรณี เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 90,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '90'}]",สมาชิกของสมาคมต้องชำระค่าบำรุงเต็มจำนวนในวันที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในวันเริ่มต้นของระยะเวลาชำระค่าบำรุง แล้วแต่กรณี เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น +การให้กู้ยืมเงินเพื่อการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการอย่างไร,ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 102 การให้กู้ยืมเงินเพื่อการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '102'}]",ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด +ผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมายถึงผู้ใด,บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง โดยฐานเป็นผู้รับเงิน หรือเป็นผู้รับสลักหลัง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ผู้ทรงนั้น หมายความว่า บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง โดยฐานเป็นผู้รับเงิน หรือเป็นผู้รับสลักหลัง ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ๆ ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '904'}]",บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง โดยฐานเป็นผู้รับเงิน หรือเป็นผู้รับสลักหลัง +คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนเงื่อนไขต้องได้รับโทษหรือไม่,ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาทและปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 38 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนตามมาตรา 14 ห��ือฝ่าฝืนเงื่อนไขตามมาตรา 18 (3) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาทและปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '38'}]",ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาทและปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ +ตั๋วเงินหรือเอกสารอย่างอื่นซึ่งออกให้เต็มจำนวนเพื่อให้ใช้เงินที่ยืมมาใช้ในการพนันหรือขันต่อสมบูรณ์หรือไม่,ไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 855 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 312 และ 916 ตั๋วเงินหรือเอกสารอย่างอื่นทุกฉบับซึ่งออกให้เต็มจำนวน หรือแต่โดยส่วน เพื่อแทนเงินใด ๆ อันได้แต่ชนะพนันหรือขันต่อก็ดี ออกให้เพื่อใช้เงินที่ยืมมาใช้ในการพนันหรือขันต่อไม่สมบูรณ์ เพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัตินี้ เงินรายใดให้ยืมแก่บุคคลกำลังเล่นการพนันหรือขันต่อ ในเวลาหรือ ณ สถานที่เล่นเช่นนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเงินนั้นได้ให้ยืมไปเพื่อเล่นการพนันหรือขันต่อ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '855'}]",ไม่สมบูรณ์ +รัฐมนตรีมีอำนาจอะไรบ้างเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล,มีอำนาจประกาศห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสั่งระงับการดำเนินกิจการหรือการดำเนินการทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เมื่อการทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 37 ในกรณีที่การทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสั่งระงับการดำเนิ���กิจการหรือการดำเนินการทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ รัฐมนตรีอาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '37'}]",มีอำนาจประกาศห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสั่งระงับการดำเนินกิจการหรือการดำเนินการทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ +เมื่อบริษัทหลักทรัพย์กระทำการจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนรวม ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมมีหน้าที่อย่างไร,ให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมจัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยละเอียดและส่งให้แก่สำนักงานภายในห้าวันนับแต่วันที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 128 ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนรวม หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนตามมาตรา 125 ให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมจัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยละเอียดและส่งให้แก่สำนักงานภายในห้าวันนับแต่วันที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '128'}]",ให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมจัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยละเอียดและส่งให้แก่สำนักงานภายในห้าวันนับแต่วันที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว +ในกรณีบุคคลหลายคนตายในเหตุภยันตรายร่วมกันจะกำหนดได้อย่างไรว่าคนไหนตายก่อนหลัง,ถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะกำหนดได้ว่าคนไหนตายก่อนหลัง ให้ถือว่าตายพร้อมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 17,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '17'}]",ให้ถือว่าตายพร้อมกัน +ผู้สืบสันดานจะรับมรดกแทนที่ได้หรือไม่,ผู้สืบสันดานจะรับมรดกแทนที่ได้ต่อเมื่อมีสิทธิบริบูรณ์ในการรับมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1644,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1644'}]",ผู้สืบสันดานจะรับมรดกแทนที่ได้ต่อเมื่อมีสิทธิบริบูรณ์ในการรับมรดก +ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิที่จะโอนประโยชน์แห่งสัญญาประกันภัยให้แก่บุคคลอื่นได้หรือไม่,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 891 แม้ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้รับประโยชน์เอง ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิที่จะโอนประโยชน์แห่งสัญญานั้นให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งได้ เว้นแต่จะได้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว และผู้รับประโยชน์ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้รับประกันภัยแล้วว่าตนจำนงจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '891'}]",ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิที่จะโอนประโยชน์แห่งสัญญานั้นให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งได้ เว้นแต่จะได้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว และผู้รับประโยชน์ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้รับประกันภัยแล้วว่าตนจำนงจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้น +ลำดับในการรับมรดกของทายาทโดยธรรมเป็นอย่างไร,ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ (1) ผู้สืบสันดาน (2) บิดามารดา (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย (6) ลุง ป้า น้า อา คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของบทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา 1635,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1629'}]",(1) ผู้สืบสันดาน (2) บิดามารดา (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย (6) ลุง ป้า น้า อา +ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจโดยตำแหน่งเดิมได้หรือไม่,ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจโดยตำแหน่งเดิมได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1252 หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการบริษัทมีอำนาจโดยตำแหน่งเดิมฉันใด เมื่อเป็นผู้ชำระบัญชีก็ยังคงมีอำนาจอยู่ฉันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1252'}]",ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจโดยตำแหน่งเดิมได้ +ผู้ใดมีอำนาจ หน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,���ห้รัฐมนตรีมีอำนาจ หน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไป ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 12 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รัฐมนตรีอาจมอบหมายให้หน่วยงานใดในสังกัดปฏิบัติหน้าที่แทน และจะมอบหมายให้แต่งตั้งพนักงานของหน่วยงานนั้นเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '12'}]",รัฐมนตรีมีอำนาจ หน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไปตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 +หน่วยงานใดมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน,สำนักงาน ก.ล.ต. ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 10 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ การเปิดเผยข้อมูลอื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '10'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าที่ดินมีอย่างไรบ้าง,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 261 บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าที่ดินนั้นมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายอันผู้เช่าได้นำเข้ามาไว้บนที่ดินที่ให้เช่า หรือนำเข้ามาไว้ในเรือนโรงอันใช้ประกอบกับที่ดินนั้น และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์เช่นสำหรับที่ใช้ในที่ดินนั้น กับทั้งเหนือดอกผลอันเกิดจากที่ดินซึ่งอยู่ในครอบครองของผู้เช่านั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '261'}]",บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าที่ดินนั้นมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายอันผู้เช่าได้นำเข้ามาไว้บนที่ดินที่ให้เช่า หรือนำเข้ามาไว้ในเรือนโรงอันใช้ประกอบกับที่ดินนั้น และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์เช่นสำหรับที่ใช้ในที่ดินนั้น กับทั้งเหนือดอกผลอันเกิดจากที่ดินซึ่งอยู่ในครอบครองของผู้เช่านั้นด้วย. +ตามพระราชบัญญัติการปร���กอบธุรกิจของคนต่างด้าว สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการมีอำนาจอย่างไรบ้าง,มีอำนาจปฏิบัติงานตามมติของคณะกรรมการหรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ในการศึกษา รวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรี เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 29 ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) ปฏิบัติงานตามมติของคณะกรรมการหรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (2) พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ในการศึกษา รวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรี (3) ปฏิบัติงานธุรการทั่วไปของคณะกรรมการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '29'}]",มีอำนาจปฏิบัติงานตามมติของคณะกรรมการหรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ในการศึกษา รวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรี เป็นต้น +ถ้าความชำรุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทำนั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ หรือคำสั่งของผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างต้องรับผิดหรือไม่,ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 591 ถ้าความชำรุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทำนั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ เพราะคำสั่งของผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด เว้นแต่จะได้รู้อยู่แล้วว่าสัมภาระนั้นไม่เหมาะหรือว่าคำสั่งนั้นไม่ถูกต้องและมิได้บอกกล่าวตักเตือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '591'}]",ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด +การรับบุตรบุญธรรมมีหลักเกณฑ์อย่างไร,จะรับบุคคลอื่นเป็นบุตรบุญธรรมได้บุคคลนั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/19,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/19'}]",บุคคลนั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี +ผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกแก่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีความผิดหรือไม่,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 40 ผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกแก่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 30 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '40'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท +เมื่อนิติบุคคลเฉพาะกิจดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติโดยมิได้ทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้สำเร็จ สำนักงาน ก.ล.ต.มีอำนาจอย่างไร,สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้น รวมทั้งมีอำนาจเรียกให้นิติบุคคลเฉพาะกิจและผู้จำหน่ายสินทรัพย์ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้น และเรียกเบี้ยปรับอีกเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 22 ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. พบว่า นิติบุคคลเฉพาะกิจใดดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติโดยมิได้ทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้สำเร็จตามความมุ่งหมายของโครงการและไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้น รวมทั้งมีอำนาจเรียกให้นิติบุคคลเฉพาะกิจและผู้จำหน่ายสินทรัพย์ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้น และเรียกเบี้ยปรับอีกเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท เงินที่ชดใช้และเบี้ยปรับนั้นให้สำนักงาน ก.ล.ต. นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '22'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคค��เฉพาะกิจนั้น รวมทั้งมีอำนาจเรียกให้นิติบุคคลเฉพาะกิจและผู้จำหน่ายสินทรัพย์ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้น และเรียกเบี้ยปรับอีกเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท. +ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาเป็นสินสมรสหรือไม่,ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัวย่อมเป็นสินสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1470,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1470'}]",ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัวย่อมเป็นสินสมรส +ในการขายทอดตลาดผู้ขายสามารถเข้าสู้ราคาเอง หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคาได้หรือไม่,ในการขายทอดตลาด ผู้ขายเข้าสู้ราคาเอง หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 512 ห้ามมิให้ผู้ขายเข้าสู้ราคาเอง หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคา เว้นแต่จะได้แถลงไว้โดยเฉพาะในคำโฆษณาบอกการทอดตลาดนั้น ว่าผู้ขายถือสิทธิที่จะเข้าสู้ราคาด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '512'}]",ผู้ขายเข้าสู้ราคาเอง หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคาไม่ได้ +เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทหลักทรัพย์ต้องมีการแจ้งต่อสำนักงานหรือไม่,ต้องมีการแจ้งเป็นหนังสือต่อสำนักงานภายในสิบห้าวัน นับแต่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 101,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '101'}]",ต้องมีการแจ้งเป็นหนังสือต่อสำนักงานภายในสิบห้าวัน นับแต่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทหลักทรัพย์ +ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในกรณีที่ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งอย่างไรบ้าง,คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม หรือยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ ตลอดจนมีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดำเนินการใด ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.��.ต. เห็นสมควรได้ตาม พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 65,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '65'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม หรือยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ ตลอดจนมีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดำเนินการใด ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นสมควรได้ตาม พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 65 +ในกรณีที่การครองทรัพย์สินสูญสิ้นไป สิทธิยึดหน่วงจะระงับสิ้นไปด้วยหรือไม่ และมีข้อยกเว้นอย่างไร,ในกรณีที่การครองทรัพย์สินสูญสิ้นไป สิทธิยึดหน่วงจะระงับสิ้นไปด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นโดยไม่ให้ใช้บังคับในกรณีที่ทรัพย์สินอันยึดหน่วงไว้นั้นได้ให้เช่าไปหรือจำนำไว้ด้วยความยินยอมของลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 250,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '250'}]",ในกรณีที่การครองทรัพย์สินสูญสิ้นไป สิทธิยึดหน่วงจะระงับสิ้นไปด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นโดยไม่ให้ใช้บังคับในกรณีที่ทรัพย์สินอันยึดหน่วงไว้นั้นได้ให้เช่าไปหรือจำนำไว้ด้วยความยินยอมของลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 250 +การเก็บได้ซึ่งทรัพย์สินอันตกหรือทิ้งทะเล หรือทางน้ำ หรือน้ำซัดขึ้นฝั่งนั้นให้บังคับตามกฎหมายใด,ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการเก็บได้ซึ่งทรัพย์สินอันตกหรือทิ้งทะเล หรือทางน้ำ หรือน้ำซัดขึ้นฝั่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1326 การเก็บได้ซึ่งทรัพย์สินอันตกหรือทิ้งทะเล หรือทางน้ำ หรือน้ำซัดขึ้นฝั่งนั้น ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1326'}]",ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการเก็บได้ซึ่งทรัพย์สินอันตกหรือทิ้งทะเล หรือทางน้ำ หรือน้ำซัดขึ้นฝั่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1326 +ผู้อนุบาลมีหน้าที่อย่างไรในกรณีที่ศาลสั่งให้สามีหรือภริยาเป็นคนไร้ความสามารถโดยศาลเห็นไม่สมควรให้คู่สมรสเป็นผู้อนุบาล,ให้ผู้อนุบาลเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันกับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่���และพาณิชย์ มาตรา 1598/17 ในกรณีที่ศาลสั่งให้สามีหรือภริยาเป็นคนไร้ความสามารถและศาลเห็นไม่สมควรให้คู่สมรสเป็นผู้อนุบาล และตั้งบิดาหรือมารดาหรือบุคคลภายนอกเป็นผู้อนุบาล ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้อนุบาลเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันกับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่ถ้ามีเหตุสำคัญอันจะเกิดความเสียหายแก่คนไร้ความสามารถ ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/17'}]",ให้ผู้อนุบาลเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันกับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง +ข้อบังคับของบริษัทมหาชนจำกัดอย่างน้อยต้องมีการกำหนดเรื่องใดบ้าง,การออกหุ้นและการโอนหุ้น การประชุมผู้ถือหุ้น จำนวน วิธีการเลือกตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดออกตามวาระ การประชุม และอำนาจกรรมการ การบัญชี การเงิน และการสอบบัญชี เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 30 ข้อบังคับของบริษัทต้องไม่ขัดหรือแย้งกับหนังสือบริคณห์สนธิและบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ และอย่างน้อยต้องกำหนดเรื่องดังต่อไปนี้ (1) การออกหุ้นและการโอนหุ้น (2) การประชุมผู้ถือหุ้น (3) จำนวน วิธีการเลือกตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดออกตามวาระ การประชุม และอำนาจกรรมการ (4) การบัญชี การเงิน และการสอบบัญชี (5) การออกหุ้นบุริมสิทธิ (ถ้ามี) (6) การแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญ (ถ้ามี),"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '30'}]",การออกหุ้นและการโอนหุ้น การประชุมผู้ถือหุ้น จำนวน วิธีการเลือกตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดออกตามวาระ การประชุม และอำนาจกรรมการ การบัญชี การเงิน และการสอบบัญชี การออกหุ้นบุริมสิทธิ (ถ้ามี) การแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญ (ถ้ามี) +การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมมีผลอย่างไรในทางกฎหมาย,การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ความสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม ความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรมและความสำคัญผิดในทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม เป็นต้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '156'}]",การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ +ระยะเวลาในการฟ้องคดีมรดกมีหลักเกณฑ์อย่างไร,ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก ส่วนคดีฟ้องเรียกตามข้อกำหนดพินัยกรรม มิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อผู้รับพินัยกรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงสิทธิซึ่งตนมีอยู่ตามพินัยกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1754'}]",ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก +การประนีประนอมยอมความคืออะไร,การประนีประนอมยอมความ คือสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '850'}]",การประนีประนอมยอมความ คือสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน +คู่กรณีจะตกลงขยายอายุความได้หรือไม่,อายุความที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น คู่กรณีจะตกลงกันให้ขยายออกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/11อายุความที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น คู่กรณีจะตกลงกันให้งดใช้หรือขยายออกหรือย่นเข้าไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/11'}]",คู่กรณีจะตกลงกันให้ขยายออกไม่ได้ +การเพิ่มทุนหรือลดทุนของบริษัทต้องนำไปจดหรือไม่,ต้องจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมติ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1228 มติพิเศษซึ่งอนุ���าตให้เพิ่มทุนหรือลดทุนนั้น บริษัทต้องจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมตินั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1228'}]",ต้องจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมติ +ในกรณีที่ผู้ฝากหลักทรัพย์เป็นบริษัทที่ออกหลักทรัพย์จะถือว่าจัดทำใบหลักทรัพย์มอบให้แก่ผู้ซื้อแล้วหรือไม่,ให้ถือว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ได้จัดทำใบหลักทรัพย์มอบให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 225/1 ในกรณีที่ผู้ฝากหลักทรัพย์ตามมาตรา 225 เป็นบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ให้ถือว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ได้จัดทำใบหลักทรัพย์มอบให้แก่ผู้ซื้อตามแบบหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดแล้วหากได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '225/1'}]",ให้ถือว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ได้จัดทำใบหลักทรัพย์มอบให้แก่ผู้ซื้อแล้ว +นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์สามารถประกอบธุรกิจเงินทุนหรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือไม่,สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 14 ในกรณีที่การดำเนินงานของนิติบุคคลเฉพาะกิจตามพระราชกำหนดนี้ มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจเงินทุนหรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ให้นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถกระทำได้โดยมิต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '14'}]",สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย +ถ้าปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับก่อนกับฉบับหลังขัดกันจะเกิดผลอย่างไร,ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลัง เฉพาะในส่วนที่มีข้อความขัดกันนั้นเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1697 ถ้าผู้ทำพินัยกรรมมิได้แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น และปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับก่อนกับฉบับหลังขัดกัน ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลัง เฉพาะในส��วนที่มีข้อความขัดกันนั้นเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1697'}]",ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลัง เฉพาะในส่วนที่มีข้อความขัดกันนั้นเท่านั้น +ถ้าผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ จะมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้หรือไม่,ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้ ถ้าว่าตนได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 696 ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้ ถ้าว่าตนได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ และลูกหนี้ยังมิรู้ความมาชำระหนี้ซ้ำอีก ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ค้ำประกันก็ได้แต่เพียงจะฟ้องเจ้าหนี้เพื่อคืนลาภมิควรได้เท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '696'}]",ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้ ถ้าว่าตนได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ +ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่เรียกประชุมใหญ่ ไม่ทำรายงาน หรือไม่แถลงมีความผิดหรือไม่,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 36 ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่เรียกประชุมใหญ่ ไม่ทำรายงาน หรือไม่แถลงตามมาตรา 1268 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '36'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +เช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารมากกว่าธนาคารหนึ่งขึ้นไป นำมาเบิกเอาแก่ธนาคารได้หรือไม่,ให้ธนาคารบอกปัดอย่าใช้เงินให้ เว้นแต่ที่ขีดคร่อมให้แก่ธนาคารในฐานเป็นตัวแทนเรียกเก็บเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 997 เช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารกว่าธนาคารหนึ่งขึ้นไป เมื่อนำเบิกเอาแก่ธนาคารใด ใ��้ธนาคารนั้นบอกปัดเสียอย่าใช้เงินให้ เว้นแต่ที่ขีดคร่อมให้แก่ธนาคารในฐานเป็นตัวแทนเรียกเก็บเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '997'}]",ให้ธนาคารบอกปัดอย่าใช้เงินให้ เว้นแต่ที่ขีดคร่อมให้แก่ธนาคารในฐานเป็นตัวแทนเรียกเก็บเงิน +คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจอย่างไรตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน,คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ทรัสตีต้องปฏิบัติในการเป็นทรัสตีได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือหรือความไว้วางใจในระบบของการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 56 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือหรือความไว้วางใจในระบบของการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ทรัสตีต้องปฏิบัติในการเป็นทรัสตีได้ ในกรณีที่สภาพการณ์ที่ก่อให้เกิดความจำเป็นตามที่กล่าวมาเปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กำหนดไว้แล้วนั้นก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '56'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ทรัสตีต้องปฏิบัติในการเป็นทรัสตีได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือหรือความไว้วางใจในระบบของการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีได้ +กรรมการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,กรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/3 กรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดรวมทั้งต้องไม่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้นตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/3'}]",กรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดรวมทั้งต้องไม่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จ��ได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้นตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. ประกาศกำหนด +การรับขนของหรือคนโดยสารในหน้าที่ของกรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม และการขนไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่กรมไปรษณีย์โทรเลขให้บังคับตามกฎหมายใด,ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 การรับขนของหรือคนโดยสารในหน้าที่ของกรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม และการขนไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่กรมไปรษณีย์โทรเลขนั้น ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ๆ ส่วนการรับขนของทางทะเล ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '609'}]",ให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 +ถ้าไม่ได้เสียหรือนำส่งภาษีอากร อธิบดีมีอำนาจอย่างไร,อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้าไม่ได้เสียหรือนำส่ง ให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้าง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12'}]",อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักร +หนังสือบอกกล่าวเมื่อได้ส่งโดยทางไปรษณีย์สลักหลังถูกต้องแล้ว ให้ถือว่าได้ส่งถึงมือผู้รับในเวลาใด,ให้ถือว่าเป็นอันได้ส่งถึงมือผู้รับในเวลาที่หนังสือเช่นนั้นจะควรไปถึงได้ตามทางการปกติแห่งไปรษณีย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1245,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1245'}]",ให้ถือว่าเป็นอันได้ส่งถึงมือผู้รับในเวลาที่หนังสือเช่นนั้นจะควรไปถึงได้ตามทางการปกติแห่งไปรษณีย์ +บุริมสิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์ใช้สำหรับอะไร,ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์อันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 269 บุริมสิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์นั้น ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์อันนั้น บุริมสิทธินี้ยังใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอันได้เสียไปเพื่อที่จะสงวนสิทธิ หรือรับสภาพสิทธิ หรือบังคับสิทธิ อันเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์นั้นอีกด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '269'}]",ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์อันนั้น +การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุเท่าใด,การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1435 การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว การหมั้นที่ฝ่าฝืนความในข้างต้นเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1435'}]",การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว +สิทฟ้องหย่าจะระงับไปเมื่อใด,เมื่อฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้กระทำการอันแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านั้นแล้วตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1518'}]",เมื่อฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้กระทำการอันแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านั้นแล้ว +ในรักษาประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน สำนักงานมีอำนาจอย่างไรบ้าง,มีอำนาจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์บริษัทที่ออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดหรือข้อมูลอื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 24/1,"[{'law': 'พระราชบัญญัต��หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '24/1'}]",มีอำนาจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์บริษัทที่ออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดหรือข้อมูลอื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 24/1 +ในคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกสามารถมีการร้องสอดเข้ามาในคดีได้หรือไม่,ผู้ซึ่งอ้างว่าตนเป็นทายาทมีสิทธิในทรัพย์มรดกนั้น จะร้องสอดเข้ามาในคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1749 ถ้ามีคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดก ผู้ซึ่งอ้างว่าตนเป็นทายาทมีสิทธิในทรัพย์มรดกนั้น จะร้องสอดเข้ามาในคดีก็ได้ แต่ศาลจะเรียกทายาทอื่น นอกจากคู่ความ หรือผู้ร้องสอด ให้เข้ามารับส่วนแบ่ง หรือกันส่วนแห่งทรัพย์มรดกไว้เพื่อทายาทอื่นนั้นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1749'}]",ผู้ซึ่งอ้างว่าตนเป็นทายาทมีสิทธิในทรัพย์มรดกนั้น จะร้องสอดเข้ามาในคดีได้ +การฟ้องขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมมีข้อจำกัดด้านระยะเวลาหรือไม่,ห้ามมิให้ฟ้องขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้ขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมรู้หรือควรได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เลิกการนั้น หรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เหตุนั้นเกิดขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/34,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/34'}]",ห้ามมิให้ฟ้องขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้ขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมรู้หรือควรได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เลิกการนั้น หรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เหตุนั้นเกิดขึ้น +ผู้ทำบัญชีที่จะขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,ต้องมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทำบัญชีเป็นภาษาไทยได้ มีคุณวุฒิการศึกษาตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 45 ผู้ทำบัญชีที���จะขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (2) มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทำบัญชีเป็นภาษาไทยได้ (3) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เนื่องจากกระทำความผิดตามฐานความผิดหรือกฎหมายที่กำหนดในมาตรา 39 (3) เว้นแต่ต้องคำพิพากษาหรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี (4) มีคุณวุฒิการศึกษาตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (5) ไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่น ตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '45'}]",ต้องมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทำบัญชีเป็นภาษาไทยได้ มีคุณวุฒิการศึกษาตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี. +ผู้ที่ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 142 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '142'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ผู้เป็นสมาชิกของหอการค้าที่มิได้รับอนุญาตมีความผิดหรือไม่,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท ตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 49 ผู้ใดเป็นสมาชิกของหอการค้าที่มิได้รับอนุญาตตามมาตรา 8 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '49'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท +ถ้าสามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำท��่เป็นเหตุหย่านั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าได้หรือไม่,ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1517 เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516 (1) และ (2) ถ้าสามีหรือภริยา แล้วแต่กรณี ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่านั้น ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1517'}]",ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ +เมื่อเจ้าหนี้ทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันมีสิทธิกระทำการอย่างไรก่อน,ผู้ค้ำประกันจะขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688 เมื่อเจ้าหนี้ทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อนก็ได้ เว้นแต่ลูกหนี้จะถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายเสียแล้ว หรือไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ไปอยู่แห่งใดในพระราชอาณาเขต,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '688'}]",ผู้ค้ำประกันจะขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อนก็ได้ +ความรับผิดของผู้เช่ามีอย่างไรบ้าง,ผู้เช่าจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เช่า เพราะความผิดของผู้เช่าเอง หรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่า หรือของผู้เช่าช่วง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 ผู้เช่าจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เช่า เพราะความผิดของผู้เช่าเอง หรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่า หรือของผู้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์สินนั้นโดยชอบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '562'}]",ผู้เช่าจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เช่า เพราะความผิดของผู้เช่าเอง หรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่า หรือของผู้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์สินนั้นโดยชอบ. +หากเอาสังหาริมทรัพย์ของบุคคลหลายคนมารวมกันจนเป็นส่วนควบหรือแบ่งแยกไม่ได้ บุคคลเหล่านั้นจะมีสิทธิความเป็นเจ้าของอย่างไร,บุคคลเหล่าน��้นเป็นเจ้าของรวมแห่งทรัพย์ที่รวมเข้ากัน โดยแต่ละคนมีส่วนตามค่าแห่งทรัพย์ของตนในเวลาที่รวมเข้ากับทรัพย์อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1316 ถ้าเอาสังหาริมทรัพย์ของบุคคลหลายคนมารวมเข้ากันจนเป็นส่วนควบหรือแบ่งแยกไม่ได้ บุคคลเหล่านั้นเป็นเจ้าของรวมแห่งทรัพย์ที่รวมเข้ากัน แต่ละคนมีส่วนตามค่าแห่งทรัพย์ของตนในเวลาที่รวมเข้ากับทรัพย์อื่น ถ้าทรัพย์อันหนึ่งอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธาน เจ้าของทรัพย์นั้นเป็นเจ้าของทรัพย์ที่รวมเข้ากันแต่ผู้เดียว แต่ต้องใช้ค่าแห่งทรัพย์อื่น ๆ ให้แก่เจ้าของทรัพย์นั้น ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1316'}]",บุคคลเหล่านั้นเป็นเจ้าของรวมแห่งทรัพย์ที่รวมเข้ากัน โดยแต่ละคนมีส่วนตามค่าแห่งทรัพย์ของตนในเวลาที่รวมเข้ากับทรัพย์อื่น +ผู้ถือหุ้นจำนวนเท่าใดจึงจะร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทมหาชนจำกัด,ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจะร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทก็ได้ เมื่อมีเหตุใดเหตุหนึ่ง เช่น ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติเกี่ยวกับการประชุมจัดตั้งบริษัทหรือการจัดทำรายงานการจัดตั้งบริษัท หรือคณะกรรมการบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติเกี่ยวกับการชำระเงินค่าหุ้น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 155 ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจะร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทก็ได้ เมื่อมีเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติเกี่ยวกับการประชุมจัดตั้งบริษัทหรือการจัดทำรายงานการจัดตั้งบริษัท หรือคณะกรรมการบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติเกี่ยวกับการชำระเงินค่าหุ้น การโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่บริษัทเพื่อชำระค่าหุ้น การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือการจดทะเบียนบริษัท (2) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสิบห้าคน (3) กิจการของบริษัท หากทำไปจะมีแต่ขาดทุนและไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '155'}]",ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจะร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทก็ได้ +บุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำกัดจะรับผิดโดยไม่จำกัดได้หรือไม่,บุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำกัดจะรับผิดโดยไม่จำกัดก็ได้ ถ้ากรณีเป็นเช่นนั้นต้องจดแถลงความรับผิดเช่นนั้นลงไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1101 บุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำกัดจะรับผิดโดยไม่จำกัดก็ได้ ถ้ากรณีเป็นเช่นนั้นต้องจดแถลงความรับผิดเช่นนั้นลงไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิด้วย ความรับผิดโดยไม่จำกัดของผู้เป็นกรรมการนั้น ย่อมถึงที่สุดเมื่อล่วงเวลาสองปีนับแต่วันที่ตัวเขาออกจากตำแหน่งกรรมการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1101'}]",บุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำกัดจะรับผิดโดยไม่จำกัดก็ได้ ถ้ากรณีเป็นเช่นนั้นต้องจดแถลงความรับผิดเช่นนั้นลงไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิด้วย +สภาพบุคคลเริ่มและสิ้นสุดเมื่อใด,สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 15 สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย ทารกในครรภ์มารดาก็สามารถมีสิทธิต่าง ๆ ได้ หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '15'}]",สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย +ในการเรียกประชุมใหญ่ คณะกรรมการของสมาคมต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องส่งหนังสือนัดประชุมไปยังสมาชิกทุกคนซึ่งมีชื่อในทะเบียนของสมาคมก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันหรือลงพิมพ์โฆษณาอย่างน้อยสองคราวในหนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในท้องที่ฉบับหนึ่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 95 ในการเรียกประชุมใหญ่ คณะกรรมการของสมาคมต้องส่งหนังสือนัดประชุมไปยังสมาชิกทุกคนซึ่งมีชื่อในทะเบียนของสมาคมก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันหรือลงพิมพ์โฆษณาอย่างน้อยสองคราวในหนังสือพิมพ์ที่แพร่หล��ยในท้องที่ฉบับหนึ่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก็ได้ การเรียกประชุมใหญ่ต้องระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระการประชุมและจัดส่งรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามควรไปพร้อมกันด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '95'}]",ต้องส่งหนังสือนัดประชุมไปยังสมาชิกทุกคนซึ่งมีชื่อในทะเบียนของสมาคมก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันหรือลงพิมพ์โฆษณาอย่างน้อยสองคราวในหนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในท้องที่ฉบับหนึ่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก็ได้ +ในกรณีประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ใครปฏิบัติหน้าที่แทน,ถ้ามีรองประธานกรรมการให้รองประธานกรรมการเป็นประธาน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมเลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 104 ประธานกรรมการเป็นประธานของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานกรรมการให้รองประธานกรรมการเป็นประธาน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมเลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '104'}]",ถ้ามีรองประธานกรรมการให้รองประธานกรรมการเป็นประธาน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมเลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม +ผู้ถือหุ้นจำนวนเท่าใดจึงจะร้องขอให้รัฐมนตรีตั้งผู้ตรวจการงานของบริษัทจำกัดนั้น,ผู้ถือหุ้นในบริษัทมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1215 เมื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทำเรื่องราวร้องขอ ให้รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ตั้งผู้ตรวจอันทรงความสามารถ จะเป็นคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม ไปตรวจการงานของบริษัทจำกัดนั้นและทำรายงานยื่นให้ทราบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1215'}]",ผู้ถือหุ้นในบริษัทมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมด +การพิจารณาและชี้ขาดข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้นำกฎหมายใดมาใช้บังคับ,ให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับกับการพิจารณาและชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุโลม ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 203 ให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับกับการพิจารณาและชี้ขาดข้อพิพาทตามมาตรา 201 โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '203'}]",ให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับกับการพิจารณาและชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุโลม +ตามข้อความในพินัยกรรม ทายาทมีส่วนแบ่งในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งอย่างไร,ผู้เป็นทายาทด้วยกันมีส่วนเท่ากันในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1746 ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย หรือข้อความในพินัยกรรมถ้าหากมี ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นทายาทด้วยกันมีส่วนเท่ากันในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1746'}]",ผู้เป็นทายาทด้วยกันมีส่วนเท่ากันในกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง +การเข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นผูกพันผู้เข้าชื่ออย่างไร,เมื่อบริษัทตั้งขึ้นแล้วผู้เข้าชื่อจะใช้จำนวนเงินค่าหุ้นนั้น ๆ ให้แก่บริษัทตามหนังสือชี้ชวนและข้อบังคับของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1106 การที่เข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นย่อมผูกพันผู้เข้าชื่อโดยเงื่อนไขว่า ถ้าบริษัทตั้งขึ้นแล้วจะใช้จำนวนเงินค่าหุ้นนั้น ๆ ให้แก่บริษัทตามหนังสือชี้ชวนและข้อบังคับของบริษัท,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1106'}]",เมื่อบริษัทตั้งขึ้นแล้วผู้เข้าชื่อจะใช้จำนวนเงินค่าหุ้นนั้น ๆ ให้แก่บริษัทตามหนังสือชี้ชวนและข้อบังคับของบริษัท +ผู้อาศัยต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่ผู้ให้อาศัยเมื่อใด,เมื่อสิทธิอาศัยสิ้นลง ผู้อาศัยต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่ผู้ให้อาศัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1408,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1408'}]",เมื่อสิทธิอาศัยสิ้นลง ผู้อาศัยต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่ผู้ให้อาศัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิช���์ มาตรา 1408 +ผู้รับโอนหุ้นกู้หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ที่ระบุชื่อผู้ถือ ต้องดำเนินการอย่างไรหากต้องการลงทะเบียนการโอน,ต้องยื่นคำขอลงทะเบียนการโอนต่อบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือนายทะเบียน และส่งมอบใบหลักทรัพย์ที่ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนในด้านหลังของใบหลักทรัพย์นั้นแล้ว ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 53 ผู้รับโอนหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือที่ออกตามมาตรา 33 ผู้ใดประสงค์จะลงทะเบียนการโอน ให้ยื่นคำขอต่อบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือนายทะเบียน พร้อมทั้งส่งมอบใบหลักทรัพย์ที่ตนได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนในด้านหลังของใบหลักทรัพย์นั้นแล้ว และให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือนายทะเบียนแล้วแต่กรณี ลงทะเบียนการโอนพร้อมทั้งรับรองการโอนไว้ในใบหลักทรัพย์นั้น หรือออกใบหลักทรัพย์ให้ใหม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '53'}]",ต้องยื่นคำขอลงทะเบียนการโอนต่อบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือนายทะเบียน และส่งมอบใบหลักทรัพย์ที่ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนในด้านหลังของใบหลักทรัพย์นั้นแล้ว +ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมมีอำนาจหน้าที่อย่างไรบ้าง,ดูแลให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามมาตรา 125 โดยเคร่งครัด รับฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมโดยแยกไว้ต่างหากจากทรัพย์สินอื่น จัดทำบัญชีแสดงการรับจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวม เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 127 ให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) ดูแลให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามมาตรา 125 โดยเคร่งครัด (2) รับฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมโดยแยกไว้ต่างหากจากทรัพย์สินอื่น พร้อมทั้งดูแลให้การเบิกจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมเป็นไปตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุนรวม (3) จัดทำบัญชีแสดงการรับจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวม (4) จัดทำรายงานเสนอต่อสำนักงาน ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนรวม หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 125 (5) ดำเนินการฟ้องร้องบังคับคดีให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน หรือฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากบริษัทหลักทรัพย์นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '127'}]",(1) ดูแลให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามมาตรา 125 โดยเคร่งครัด (2) รับฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมโดยแยกไว้ต่างหากจากทรัพย์สินอื่น (3) จัดทำบัญชีแสดงการรับจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวม (4) จัดทำรายงานเสนอต่อสำนักงาน ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนรวม หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 125 (5) ดำเนินการฟ้องร้องบังคับคดีให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน หรือฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากบริษัทหลักทรัพย์. +เมื่อผู้ให้หลักประกันไม่ยินยอมส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ผู้รับหลักประกันทำอย่างไรได้บ้าง,ผู้รับหลักประกันอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาบังคับหลักประกัน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 46 เมื่อมีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ หากผู้ให้หลักประกันหรือผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไม่ยินยอมส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ผู้รับหลักประกันอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาบังคับหลักประกัน โดยให้ระบุในคำร้องด้วยว่าจะบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือโดยจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '46'}]",ผู้รับหลักประกันอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาบังคับหลักประกัน +ผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่นสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้ได้หรือไม่ หากมีหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้น,ผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่นสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้ได้จนกว่าจะได้รับการชำระหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตน แต่ไม่สามารถยึดหน่วงได้หากหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้นจะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำระหนี้ก็ได้ แต่ความที่กล่าวนี้ไม่ให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '241'}]",ผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่นสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้ได้จนกว่าจะได้รับการชำระหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตน แต่ไม่สามารถยึดหน่วงได้หากหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ. +ถ้าเจ้าหนี้มิได้มาทวงถามให้ใช้หนี้ ผู้ชำระบัญชีต้องทำอย่างไร,ผู้ชำระบัญชีต้องวางเงินเท่าจำนวนหนี้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1264 ถ้าเจ้าหนี้คนใดมิได้มาทวงถามให้ใช้หนี้ ผู้ชำระบัญชีต้องวางเงินเท่าจำนวนหนี้นั้น ตามบทแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยวางทรัพย์สินแทนชำระหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1264'}]",ผู้ชำระบัญชีต้องวางเงินเท่าจำนวนหนี้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1264 +สภาวิชาชีพบัญชีต้องออกใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีเมื่อใด,ให้สภาวิชาชีพบัญชีออกใบอนุญาตโดยเร็ว ซึ่งต้องไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอให้ออกใบอนุญาตนั้น คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 42 สภาวิชาชีพบัญชีต้องออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ยื่นคำขอที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้สอบบัญชีโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอนั้น หากสภาวิชาชีพบัญชีไม่ออกใบอนุญาตให้ จะต้องแสดงเหตุผลในการไม่ออกใบอนุญาตไว้โดยชัดแจ้งด้วย ซึ่งผู้ยื่นคำขอมีสิทธิอุทธรณ์การไม่ออกใบอนุญาตต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '42'}]",ให้สภาวิชาชีพบัญชีออกใบอนุญาตโดยเร็ว ซึ่งต้องไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอให้ออกใบอนุญาตนั้น +ถ้าประชุมตั้งบริษัทเสร็จแล้ว จะต้องไปจดทะเบียนภายในเวลาเท่าใด,ต้องจดทะเบียนบริษัทภายใน 3 เดือน นับแต่ประชุมตั้งบริษัท คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1112 การจัดตั้งบริษัทต้องจดทะเบียน��ายใน 3 เดือน นับแต่มีการประชุมตั้งบริษัท หากไม่ได้จดทะเบียนภายในเวลาดังกล่าว จะถือว่าบริษัทนั้นไม่ได้จัดตั้งขึ้น และต้องคืนเงินที่ได้รับไว้จากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดด้วยภายใน 3 เดือน นับแต่ประชุมตั้งบริษัท ซึ่งถ้าไม่ได้มีการคืนเงินภายในเวลาที่กำหนดไว้ กรรมการบริษัทต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยที่คิดตั้งแต่สิ้นกำหนดเวลา 3 เดือน แต่ถ้ากรรมการบริษัทพิสูจน์ได้ว่า การที่เงินขาดหรือที่ใช้เงินคืนช้าไม่ใช่เพราะความผิดของตน กรรมการคนนั้นก็ไม่ต้องรับผิดในการใช้ต้นเงินหรือดอกเบี้ยคืนแก่ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1112'}]",ต้องจดทะเบียนบริษัทภายใน 3 เดือน นับแต่ประชุมตั้งบริษัท +การเรียกประชุมจัดตั้งบริษัทมหาชน ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทนั้นต้องแจ้งนายทะเบียนด้วยหรือไม่อย่างไร,"ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องแจ้งนายทะเบียนด้วย โดยส่งสำเนาหนังสือนัดประชุมและเอกสารต่าง ๆ ไปยังนายทะเบียนด้วยไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุม คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 28 การเรียกประชุมจัดตั้งบริษัทมหาชน ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทนั้นต้องส่งหนังสือนัดประชุมให้แก่ผู้จองหุ้นที่ได้รับจัดสรรหุ้นแล้วไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันประชุม พร้อมกับระเบียบวาระการประชุม, เอกสารเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้ที่ประชุมจัดตั้งบริษัทพิจารณาให้สัตยาบันหรืออนุมัติโดยมีผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท 2 คนรับรองว่าถูกต้อง และร่างข้อบังคับของบริษัท นอกจากนี้ ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจัดทำบัญชีผู้จองหุ้น โดยระบุชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ และจำนวนหุ้น เพื่อให้ผู้จองหุ้นตรวจดูในวันประชุมจัดตั้งบริษัท และผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องส่งสำเนาหนังสือนัดประชุมพร้อมกับเอกสารดังกล่าวนั้นไปยังนายทะเบียนไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุมด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '28'}]",ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องแจ้งนายทะเบียนด้วย โดยส่งสำเนาหนังสือนัดประชุมและเอกสารต่าง ๆ ไปยังนายทะเบียนด้วยไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุม +ถ้ามีการแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกันและกัน จะต้องทำอย่างไรบ้าง,ทำเป็นหนังสือโดยมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกับเรื่องการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีการกำหนดให้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เนื่องจากในสัญญาแลกเปลี่ยนให้นำบทบัญญัติในเรื่องซื้อขายมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 519 ในสัญญาแลกเปลี่ยนให้นำบทบัญญัติในเรื่องซื้อขายมาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งให้ถือว่าคู่สัญญาแลกเปลี่ยนต่างเป็นผู้ขายและผู้ซื้อในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นผู้ขายในส่วนทรัพย์สินที่ตนได้ส่งมอบ และเป็นผู้ซื้อในส่วนทรัพย์สินที่ตนได้รับในการแลกเปลี่ยนนั้น สิทธิและหน้าที่ระหว่างกันจึงใช้บังคับตามสัญญาซื้อขาย รวมถึงทรัพย์สินบางชนิด เมื่อทำสัญญาซื้อขายแล้วต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด ในสัญญาแลกเปลี่ยนก็ต้องทำตามแบบเช่นเดียวกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '519'}]",ทำเป็นหนังสือโดยมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกับเรื่องการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีการกำหนดให้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ +หน่วยงานใดมีอำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการในการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนหรือออกหุ้นกู้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น,คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 337 ให้บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นใหม่ต่อประชาชน หรือออกหุ้นกู้นั้นดำเนินการดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้สามารถเสนอขายหุ้นใหม่หรือออกหุ้นกู้นั้นได้ ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจในการแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '337'}]",คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. +เจ้าของที่ดินที่อยู่สูงกว่านั้น สามารถกันน้ำที่ไหลจากที่ตนเอาไว้ใช้ได้หรือไม่อย่างไร,สามารถกันน้ำเอาไว้ใช้ได้แต่เฉพาะเท่าที่ตนจำเป็นเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิกันน้ำที่ไหลจากที่ตนนั้นไว้ใช้ทั้งหมดได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 เจ้าของที่ดินซึ่งอยู่สูงกว่านั้นสามารถกันน้ำเอาไว้ได้เพียงเท่าที่จำเป็นแก่ที่ดินของตนได้เท่านั้น และเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ต่ำกว่านั้นจะต้องยอมรับน้ำที่ไหลลงมาตามธรรมดาจากที่ดินที่สูงกว่ามาในที่ดินของตนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1339'}]",สามารถกันน้ำเอาไว้ใช้ได้แต่เฉพาะเท่าที่ตนจำเป็นเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิกันน้ำที่ไหลจากที่ตนนั้นไว้ใช้ทั้งหมดได้ +ถ้าลงวันที่ที่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ไม่ตรงตามความจริงเนื่องจากเข้าใจผิด จะมีความผิดหรือไม่อย่างไร,บุคคลนั้นจะไม่มีความผิด เนื่องจากการที่บุคคลนั้นขีดฆ่าอากรสแตมป์ซึ่งสาเหตุมาจากความเข้าใจผิดนั้น ไม่ได้นับว่าเป็นการกระทำโดยจงใจหรือมีเจตนา จึงขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจลงวันที่ที่ขีดฆ่าแสตมป์ให้เป็นเท็จตามประมวลรัษฎากร มาตรา 126 คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 126 บุคคลที่จงใจลงวันเดือนปีที่ขีดฆ่าแสตมป์เป็นเท็จซึ่งไม่ตรงกับความจริง มีความผิดต้องรับโทษปรับไม่เกิน 500 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำคุกและจ่ายค่าปรับด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '126'}]",บุคคลนั้นจะไม่มีความผิด เนื่องจากการที่บุคคลนั้นขีดฆ่าอากรสแตมป์ซึ่งสาเหตุมาจากความเข้าใจผิดนั้น ไม่ได้นับว่าเป็นการกระทำโดยจงใจหรือมีเจตนา จึงขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจลงวันที่ที่ขีดฆ่าแสตมป์ให้เป็นเท็จตามประมวลรัษฎากร มาตรา 126 +เจ้าหนี้สามารถทำพินัยกรรมปลดหนี้ให้กับลูกหนี้ของตนได้หรือไม่อย่างไร,ได้ ซึ่งพินัยกรรมที่เจ้าหนี้ได้ทำการปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้นั้น จะมีผลเท่ากับจำนวนหนี้ที่ค้างชำระอยู่ในเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตายเท่านั้น เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1682 พินัยกรรมที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการปลดหนี้หรือโอนสิทธิเรียกร้อง มีผลเพียงจำนวนหนี้ที่ยังค้างชำระอยู่ใน���วลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตาย เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งถ้ามีเอกสารที่เป็นหลักฐานในการปลดหนี้ให้หรือการโอนสิทธิเรียกร้องก็ให้ส่งมอบแก่ผู้รับพินัยกรรมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1682'}]",ได้ ซึ่งพินัยกรรมที่เจ้าหนี้ได้ทำการปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้นั้น จะมีผลเท่ากับจำนวนหนี้ที่ค้างชำระอยู่ในเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตายเท่านั้น เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น. +การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่โดยผลตอบแทนขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัทออกทรัพย์นั้น บุคคลอื่นนั้นต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรบ้าง,บุคคลอื่นนั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ในการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลก่อนและภายหลังที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ด้วยก็ได้ คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 33/2 การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่โดยผลตอบแทนของหลักทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบุคคลอื่นที่มิใช่บริษัทที่ออกหลักทรัพย์โดยบุคคลอื่นนั้นยินยอม คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจกำหนดให้บุคคลอื่นนั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ในการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลก่อนและภายหลังที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '33/2'}]",บุคคลอื่นนั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ในการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลก่อนและภายหลังที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ด้วยก็ได้. +หากคู่สมรสของเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ และมีทายาทในชั้นลำดับญาติอยู่ด้วย จะต้องแบ่งมรดกอย่างไร,ต้องแบ่งมรดกให้แก่คู่สมรสของเจ้ามรดกนั้นก่อนตามส่วนที่กฎหมายกำหนด และส่วนที่เหลือจึงจะนำมาแบ่งให้ทายาทในลำดับญาติต่อไป คำอ��ิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1632 การแบ่งมรดกของทายาทโดยธรรมในลำดับญาติ หากคู่สมรสของเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ต้องแบ่งมรดกให้แก่คู่สมรสของเจ้ามรดกนั้นก่อน และค่อยแบ่งส่วนมรดกที่เหลือนั้นให้แก่ทายาทโดยธรรมในลำดับญาติต่อไปตามที่กฎหมายกำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1632'}]",ต้องแบ่งมรดกให้แก่คู่สมรสของเจ้ามรดกนั้นก่อนตามส่วนที่กฎหมายกำหนด และส่วนที่เหลือจึงจะนำมาแบ่งให้ทายาทในลำดับญาติต่อไป +การวางทรัพย์เพื่อชำระหนี้ต้องวางทรัพย์ที่ใด และผู้วางทรัพย์จะต้องแจ้งเจ้าหนี้ด้วยหรือไม่อย่างไร,ให้วางทรัพย์ที่สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลที่จะชำระหนี้ และเมื่อวางทรัพย์แล้ว ผู้วางทรัพย์ต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ทราบทันทีด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 333 การวางทรัพย์ ต้องวางที่สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลที่ต้องชำระหนี้ โดยถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดหรือข้อบังคับเฉพาะในเรื่องสำนักงานวางทรัพย์ ผู้ชำระหนี้สามารถร้องขอให้ศาลกำหนดสำนักงานวางทรัพย์ และตั้งแต่งผู้พิทักษ์ทรัพย์ที่วางนั้นขึ้นได้ เมื่อวางทรัพย์แล้ว ผู้วางมีหน้าที่ต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ทราบในทันทีด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '333'}]",ให้วางทรัพย์ที่สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลที่จะชำระหนี้ และเมื่อวางทรัพย์แล้ว ผู้วางทรัพย์ต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ทราบทันทีด้วย +นายทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ มีอำนาจอย่างไรบ้าง,นายทะเบียนพาณิชย์มีอำนาจออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบพาณิชยกิจมาสอบสวนข้อความที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนได้ และมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานของผู้ประกอบพาณิชยกิจด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 17 นายทะเบียนพาณิชย์มีอำนาจออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบพาณิชยกิจมาสอบสวนข้อความที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน และมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานของผู้ประกอบพาณิชยกิจในระหว่างเวลาทำงาน โดยผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องอำนวยความสะดวกให้แก่นายทะเบียนพาณิชย์และพนักงานเจ้าหน้าที่ตามสมควรด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิช��์ พ.ศ. 2499', 'sections': '17'}]",นายทะเบียนพาณิชย์มีอำนาจออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบพาณิชยกิจมาสอบสวนข้อความที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนได้ และมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานของผู้ประกอบพาณิชยกิจด้วย. +ถ้าคู่สัญญาหลักประกันทางธุรกิจให้ข้อมูลเท็จในการดำเนินการเกี่ยวกับทางทะเบียน มีความผิดต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 82 ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกันซึ่งเป็นคู่สัญญาหลักประกันทางธุรกิจ แสดงข้อความเท็จหรือปกปิดความจริงในการดำเนินการเกี่ยวกับทางทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการขอจดทะเบียน หรือการขอแก้ไขรายการจดทะเบียน หรือการขอยกเลิกการจดทะเบียน มีความผิดต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '82'}]","ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +ของหมั้นจะตกเป็นของหญิงคู่หมั้นเมื่อใด,เมื่อการหมั้นนั้นสมบูรณ์แล้ว โดยฝ่ายชายได้มีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินที่เป็นของหมั้นให้แก่หญิงคู่หมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายชายได้มีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินที่เป็นของหมั้นให้แก่หญิงคู่หมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้นในอนาคต โดยเมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นนั้นตกเป็นของหญิงคู่หมั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1437'}]",เมื่อการหมั้นนั้นสมบูรณ์แล้ว โดยฝ่ายชายได้มีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินที่เป็นของหมั้นให้แก่หญิงคู่หมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น +ผู้สั่งจ่ายซึ่งได้มีการใช้เงินตามตั๋วแลกเงินไปแล้ว สามารถเรียกให้บุคคลที่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินแต่มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของตนด้วยในตั๋วเงินนั้นมาใช้เงินให้แก่ตนได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เนื่องจากผู้สั่งจ่ายที่ได้ใช้เงินตามตั๋วแลกเงินแล้วนั้น สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยได้เฉพาะบุคคลที่ไม่เคยเป็นเจ้าหนี้ในตั๋วเง��นของตนได้เท่านั้น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 971 ผู้สั่งจ่ายหรือผู้รับรองหรือผู้สลักหลังคนก่อนที่ได้มีการสลักหลังหรือโอนตั๋วแลกเงินให้ต่อไปอีกทอดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอากับคู่สัญญาฝ่ายที่ตนจะต้องรับผิดอยู่ก่อนแล้วซึ่งถือเป็นเจ้าหนี้ตามตั๋วเงินของตนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '971'}]",ไม่ได้ เนื่องจากผู้สั่งจ่ายที่ได้ใช้เงินตามตั๋วแลกเงินแล้วนั้น สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยได้เฉพาะบุคคลที่ไม่เคยเป็นเจ้าหนี้ในตั๋วเงินของตนได้เท่านั้น +หากกรรมการของบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลได้ปลอมบัญชีเอกสารเพื่อหลอกลวงผู้ลงทุนนั้น ต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และจ่ายค่าปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท คำอธิบายความ: ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 88 หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของกิจการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ได้ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสารหรือหลักประกัน หรือลงหรือไม่ลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสาร หรือทำบัญชีไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง เพื่อหลอกลวงให้ผู้ลงทุนในโทเคนดิจิทัลขาดประโยชน์ที่ควรได้ หรือเพื่อหลอกลวงบุคคลอื่น ๆ ต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และจ่ายค่าปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '88'}]","ต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และจ่ายค่าปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท" +ทรัสตีต้องแก้ไขสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต.ที่ได้ประกาศให้เพิ่มเติมรายการด้วยหรือไม่อย่างไร,ทรัสตีต้องแก้ไขสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศนั้นภายในระยะเวลาอันสมควร ซึ่งการประกาศรายการเพิ่มเติมนั้นต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้รับประโยชน์และไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์ด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 21 สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศรายการหรือข้อความเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ของผู้รับประโยชน์และไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ทรัสตีแก้ไขสัญญาก่อตั้งทรัสต์ให้เป็นไปตามที่ประกาศนั้นภายในระยะเวลาอันสมควรด้วย และทรัสตีต้องดำเนินการให้มีการแก้ไขสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามคำสั่งนั้นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '21'}]",ทรัสตีต้องแก้ไขสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศนั้นภายในระยะเวลาอันสมควร ซึ่งการประกาศรายการเพิ่มเติมนั้นต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้รับประโยชน์และไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์ด้วย. +ถ้าผู้ทำพินัยกรรมมีเงื่อนไขให้ผู้รับพินัยกรรมต้องขายทรัพย์สินที่ตนยกให้แก่บุคคลที่สาม แต่ผู้รับพินัยกรรมไม่ได้ขายให้ตามที่กำหนดในพินัยกรรม บุคคลที่สามนั้นสามารถเรียกร้องให้ผู้รับพินัยกรรมขายทรัพย์สินนั้นให้แก่ตนได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ แม้ในพินัยกรรมจะมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับพินัยกรรมขายทรัพย์สินให้แก่บุคคลที่สามก็ตาม แต่เป็นเงื่อนไขที่ต้องห้ามตามกฎหมายให้ถือว่าเสมือนไม่ได้มีเงื่อนไขนั้นอยู่เลย บุคคลที่สามจึงไม่สามารถเรียกร้องให้ผู้รับพินัยกรรมขายทรัพย์สินนั้นให้แก่ตนได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1707 ถ้าข้อกำหนดพินัยกรรมตั้งผู้รับพินัยกรรมโดยมีเงื่อนไขว่าให้ผู้รับพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์สินที่ยกให้แก่บุคคลอื่น ให้ถือว่าเงื่อนไขนั้นไม่ได้มีอยู่เลย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1707'}]",ไม่ได้ แม้ในพินัยกรรมจะมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับพินัยกรรมขายทรัพย์สินให้แก่บุคคลที่สามก็ตาม แต่เป็นเงื่อนไขที่ต้องห้ามตามกฎหมายให้ถือว่าเสมือนไม่ได้มีเงื่อนไขนั้นอยู่เลย บุคคลที่สามจึงไม่สามารถเรียกร้องให้ผู้รับพินัยกรรมขายทรัพย์สินนั้นให้แก่ตนได้. +ผู้สอบบัญชีมีสิทธิเข้าร่วมประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนได้ทุกกรณีหรือไม่อย่างไร,ผู้สอบบัญชีไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นได้ทุกกรณี กรณีที่ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ ในกรณีที่มีการพิจารณางบดุลบัญชีกำไรขาดทุน และปัญหาเกี่ยวกับบัญชีของบริษัทเพื่อชี้แจงการตรวจสอบบัญชีต่อผู้ถือหุ้นได้เท่านั้น คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 125 ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนทุกครั้งที่มีการพิจารณางบดุลบัญชีกำไรขาดทุน และปัญหาเกี่ยวกับบัญชีของบริษัทเพื่อชี้แจงการตรวจสอบบัญชีต่อผู้ถือหุ้น โดยให้บริษัทนั้นจัดส่งรายงานและเอกสารของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นได้รับในการประชุมแก่ผู้สอบบัญชีด้วย นอกจากนี้ ผู้สอบบัญชีมีสิทธิทำคำชี้แจงเป็นหนังสือเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '125'}]",ผู้สอบบัญชีไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นได้ทุกกรณี กรณีที่ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ ในกรณีที่มีการพิจารณางบดุลบัญชีกำไรขาดทุน และปัญหาเกี่ยวกับบัญชีของบริษัทเพื่อชี้แจงการตรวจสอบบัญชีต่อผู้ถือหุ้นได้เท่านั้น. +บริษัทที่ประกอบกิจการขายหลักทรัพย์นั้น จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอย่างไรบ้าง,ให้ตัวแทนของบริษัทนั้นหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายได้ โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนบริษัทในนามของตนเอง โดยบริษัทที่ขายหลักทรัพย์นั้นไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก และให้ถือว่าตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/9 การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีขายหลักทรัพย์ ให้สมาชิกที่เป็นตัวแทนของผู้ขายหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขาย และยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนผู้ขายในนามของตนเอง โดยผู้ขายไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก และให้ถือว่าสมาชิกเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/9'}]",ให้ตัวแทนของบริษัทนั้นหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายได้ โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนบริษัทในนามของตนเอง โดยบริษัทที่ขายหลักทรัพย์นั้นไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก และให้ถือว่าตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุ��กิจเฉพาะด้วย +หากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้ระบุเวลาที่ใช้เงินไว้ ตั๋วเงินนั้นจะสมบูรณ์หรือไม่อย่างไร,ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นยังคงสมบูรณ์อยู่ เพราะการบกพร่องในการระบุเวลาใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินถือเป็นข้อยกเว้นจากกรณีที่ตราสารจะไม่สมบูรณ์อันเนื่องมาจากการขาดตกบกพร่องในประการใดประการหนึ่ง ทั้งนี้หากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ระบุเวลาที่ให้ใช้เงิน ให้ผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้นใช้เงินเมื่อผู้ทรงซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้นำตั๋วเงินดังกล่าวมายื่นให้แก่ตน ซึ่งถือว่าผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินได้เห็นแล้ว คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 984 หากรายการในตั๋วสัญญาใช้เงินได้ขาดตกบกพร่องไปจากที่กฎหมายกำหนดไว้ ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นไม่สมบูรณ์ เว้นแต่หากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้ระบุเวลาใช้เงินไว้ ก็ให้ถือว่าจะต้องใช้เงินเมื่อผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้นได้เห็น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '984'}]",ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นยังคงสมบูรณ์อยู่ เพราะการบกพร่องในการระบุเวลาใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินถือเป็นข้อยกเว้นจากกรณีที่ตราสารจะไม่สมบูรณ์อันเนื่องมาจากการขาดตกบกพร่องในประการใดประการหนึ่ง ทั้งนี้หากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ระบุเวลาที่ให้ใช้เงิน ให้ผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้นใช้เงินเมื่อผู้ทรงซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้นำตั๋วเงินดังกล่าวมายื่นให้แก่ตน ซึ่งถือว่าผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินได้เห็นแล้ว. +บุคคลที่ตายก่อนเสียภาษีเงินได้ ผู้ใดมีหน้าที่ยื่นแบบรายการเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีนั้นแทน,หากบุคคลที่มีหน้าที่ยื่นแบบรายการเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีได้ตายลงก่อนที่จะเสียภาษีเงินได้ ผู้จัดการมรดก หรือทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก จะมีหน้าที่ในการยื่นแบบรายการเงินได้แทนผู้ตาย โดยให้รวมเงินได้ของผู้ตายและของกองมรดกที่ได้รับตลอดปีภาษีที่บุคคลนั้นถึงแก่ความตาย เป็นยอดเงินได้พึงประเมินที่จะต้องยื่นแบบรายการนั้น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ทวิ การยื่นแบบรายการของผู้ที่ตายก่อนเสียภาษีเงินได้ ให้ผู้จัด���ารมรดก ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกยื่นรายการเงินได้พึงประเมินของผู้ตายแทน โดยให้รวมเงินได้พึงประเมินของผู้ตายและของกองมรดกที่ได้รับตลอดปีภาษีที่ผู้นั้นถึงแก่ความตาย เป็นยอดเงินได้พึงประเมินที่จะต้องยื่นในรายการนั้น และในปีถัดไป หากกองมรดกของผู้ตายยังไม่ได้แบ่ง และมีเงินได้พึงประเมินเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ให้ผู้จัดการมรดก ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกมีหน้าที่จะต้องยื่นแบบรายการเงินได้พึงประเมินในชื่อกองมรดกของผู้ตายด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57 ทวิ'}]",ผู้จัดการมรดก หรือทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก จะมีหน้าที่ในการยื่นแบบรายการเงินได้แทนผู้ตาย +หากตั๋วแลกเงินมีการสั่งให้ใช้เงินภายในกำหนดระยะเวลานับแต่วันที่ออกตั๋ว แต่ในตั๋วแลกเงินนั้นไม่ได้ลงวันที่ออกตั๋วเอาไว้ จะต้องทำอย่างไร,ผู้ทรงซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองตั๋วแลกเงินนั้นสามารถเขียนวันออกตั๋วเองได้ และพึงใช้เงินตามนั้น ถึงแม้จะเขียนวันออกตั๋วคลาดเคลื่อนไปจากวันออกตั๋วที่แท้จริงก็ตาม แต่หากผู้ทรงทำด้วยความสุจริต ตั๋วแลกเงินฉบับนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 932 หากตั๋วแลกเงินที่มีการสั่งให้ใช้เงินภายในกำหนดระยะเวลานับแต่วันที่ออกตั๋วหรือนับแต่ที่ได้เห็น แต่หากในตั๋วแลกเงินนั้นไม่ได้ลงวันที่ออกตั๋วไว้ หรือไม่ได้ลงวันที่รับรองในตั๋วนั้น ให้ผู้ทรงสามารถเขียนวันออกตั๋วหรือวันรับรองที่แท้จริงลงไปได้ นอกจากนี้ ถึงแม้ผู้ทรงจะเขียนวันดังกล่าวนั้นไม่ตรงกับวันที่แท้จริงก็ตาม แต่หากผู้ทรงนั้นได้ทำไปด้วยความสุจริต ตั๋วแลกเงินนั้นก็สามารถใช้ได้ และให้ใช้เงินกันเสมือนว่าวันที่ได้จดลงนั้นเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '932'}]",ผู้ทรงซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองตั๋วแลกเงินนั้นสามารถเขียนวันออกตั๋วเองได้ และพึงใช้เงินตามนั้น ถึงแม้จะเขียนวันออกตั๋วคลาดเคลื่อนไปจากวันออกตั๋วที่แท้จริงก็ตาม แต่หากผู้ทรงทำด้วยความสุจริต ตั๋วแลกเงินฉบับนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน. +ผู้ใดสามารถร้องขอศาลมีคำสั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคน���ร้ความสามารถได้บ้าง,"บุคคลที่มีสิทธิร้องขอศาลมีคำสั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถได้แก่ คู่สมรส, ผู้บุพการี อันได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวด, ผู้สืบสันดาน อันได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ที่ปกครองดูแลบุคคลวิกลจริตนั้น หรือพนักงานอัยการ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 บุคคลที่มีสิทธิร้องขอศาลมีคำสั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ คือ คู่สมรส, ผู้บุพการี ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวด, ผู้สืบสันดาน ได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ที่ปกครองดูแลบุคคลวิกลจริตนั้นอยู่ หรืออัยการ เมื่อศาลได้สั่งให้เป็นบุคคลนั้นเป็นคนไร้ความสามารถแล้ว ศาลต้องจัดให้คนไร้ความสามารถนั้นอยู่ในความอนุบาล รวมถึงการแต่งตั้งผู้อนุบาล อำนาจหน้าที่ของผู้อนุบาล และการสิ้นสุดของความเป็นผู้อนุบาลด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '28'}]","คู่สมรส, ผู้บุพการี อันได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ทวด, ผู้สืบสันดาน อันได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ, ผู้ปกครอง, ผู้พิทักษ์, ผู้ที่ปกครองดูแลบุคคลวิกลจริตนั้น หรือพนักงานอัยการ." +ผู้รับจำนำมีสิทธิอย่างไรในการจัดการดอกผลนิตินัยที่ตนได้มาจากทรัพย์ที่จำนำ หากในสัญญาจำนำไม่ได้กำหนดข้อตกลงในการจัดการเรื่องดังกล่าวนี้เอาไว้,ให้ผู้รับจำนำนำดอกผลนิตินัยนั้นมาใช้ชำระเป็นค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่ตนก่อน และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ ให้ชำระต้นเงินในหนี้ที่ได้จำนำทรัพย์สินนั้นเป็นประกัน คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 761 สิทธิและหน้าที่ของผู้รับจำนำในเรื่องดอกผลนิตินัย หากในสัญญาจำนำไม่ได้มีข้อตกลงในเรื่องนั้นไว้ ให้ผู้รับจำนำนำดอกผลนิตินัยนั้นมาใช้ชำระเป็นค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่ตนก่อน และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ ให้ชำระต้นเงินในหนี้ที่ได้จำนำทรัพย์สินนั้นเป็นประกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '761'}]",ให้ผู้รับจำนำนำดอกผลนิตินัยนั้นมาใช้ชำระเป็นค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่ตนก่อน และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ ให้ชำระต้นเงินในหนี้ที่ได้จำนำทรัพย์สินนั้นเป็นประกัน +หากผู้ที่ต้องให้ความยินยอมในเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่รู้สึกตัว สามารถทำอย่างไรได้บ้าง,คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งสามารถร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตแทนได้ เนื่องจากการที่ผู้ที่ต้องให้ความยินยอมในเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่รู้สึกตัว กฎหมายถือว่าผู้ที่ต้องให้ความยินยอมนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่อาจให้ความยินยอมได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1478 ถ้าผู้ที่ต้องให้ความยินยอมหรือลงชื่อในเรื่องจัดการทรัพย์สิน แต่ผู้นั้นไม่ให้ความยินยอม หรือไม่ยอมลงชื่อโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่อยู่ในสภาพที่อาจให้ความยินยอมได้ คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งสามารถร้องขอต่อศาลให้สั่งอนุญาตแทนได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1478'}]",คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งสามารถร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตแทนได้ เนื่องจากการที่ผู้ที่ต้องให้ความยินยอมในเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่รู้สึกตัว กฎหมายถือว่าผู้ที่ต้องให้ความยินยอมนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่อาจให้ความยินยอมได้ +หากลูกหนี้ทำนิติกรรมซื้อขายกับบุคคลอื่นโดยรู้ว่าทำให้เจ้าหนี้ของตนนั้นเสียเปรียบ เจ้าหนี้สามารถเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้หรือไม่อย่างไร,เจ้าหนี้สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้หากนิติกรรมนั้นกระทำลงโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่หากบุคคลอื่นที่ทำนิติกรรมกับลูกหนี้นั้นไม่ได้รู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของลูกหนี้นั้นเสียเปรียบ เจ้าหนี้ก็ไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 การเพิกถอนการฉ้อฉล โดยเจ้าหนี้สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมที่ลูกหนี้ของตนได้ทำไปโดยรู้ว่าทำให้เจ้าหนี้นั้นเสียเปรียบ แต่ถ้าหากบุคคลที่ลูกหนี้ได้ทำนิติกรรมด้วยนั้นไม่ได้รู้ด้วยว่าจะทำให้เจ้าหนี้นั้นเสียเปรียบ เจ้าหนี้ก็ไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมได้ แต่อย่างไรก็ดี หากนิติกรรมที่ลูกหนี้ได้ทำไปนั้นเป็นการให้โดยเสน่หา แม้ลูกหนี้รู้เพียงฝ่ายเดียวว่าทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบและคู่สัญญาอีกฝ่ายไม่ได้รู้เช่นนั้นด้วย เจ้าหนี้ก็สามารถเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ และนิติกรรมที่ได้กล่าวมานั้นจะต้องไม่ใช่นิติกรรมที่ไม่ได้มีวัตถุเป็นสิทธิในทรัพย์สิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '237'}]",เจ้าหนี้สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้หากนิติกรรมนั้นกระทำลงโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่หากบุคคลอื่นที่ทำนิติกรรมกับลูกหนี้นั้นไม่ได้รู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของลูกหนี้นั้นเสียเปรียบ เจ้าหนี้ก็ไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้. +ทรัพย์สินที่ผู้รับโอนได้มีการถือครองในตัวทรัพย์สินนั้นอยู่แล้ว จะต้องส่งมอบโอนการครอบครองไปได้ด้วยวิธีใด,หากมีการยึดถือหรือครอบครองตัวทรัพย์สินอยู่แล้ว สามารถโอนการครอบครองไปได้โดยให้ผู้โอนนั้นแสดงเจตนาส่งมอบโอนทรัพย์สินนั้นก็เพียงพอ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1379 การโอนการครอบครองโดยผู้รับโอนหรือผู้แทนนั้นมีการยึดถือทรัพย์สินนั้นอยู่แล้ว ให้โอนการครอบครองได้ด้วยการแสดงเจตนาได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1379'}]",สามารถโอนการครอบครองไปได้โดยให้ผู้โอนนั้นแสดงเจตนาส่งมอบโอนทรัพย์สินนั้นก็เพียงพอ +องค์ประชุมของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีต้องมีกรรมการมาประชุมจำนวนเท่าใด,องค์ประชุมของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีจะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดถึงจะสามารถจัดการประชุมได้ตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 26 องค์ประชุมคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี จะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด ซึ่งมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก โดยในการลงคะแนนให้กรรมการ 1 คน มี 1 เสียง หากคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีก 1 เสียงเป็นเสียงชี้ขาด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '26'}]",องค์ประชุมของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีจะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดถึงจะสามารถจัดการประชุมได้ตามกฎหมาย. +ถ้าเจ้าของรถซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยจอดรถโดยติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ หากรถสูญหายผู้ร���บประกันภัยจะต้องรับผิดจ่ายเงินหรือไม่อย่างไร,หากการที่เจ้าของรถติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถสูญหาย เหตุนั้นถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยเอง ดังนั้นผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเหตุที่มาจากความประมาทเลินเล่อร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากความวินาศภัยหรือเหตุอื่นที่ได้ระบุไว้ในสัญญาประกันภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริต หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '879'}]",ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเหตุที่มาจากความประมาทเลินเล่อร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย +สามารถขอคัดสำเนาเอกสารที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งนายทะเบียนเก็บรักษาไว้ได้หรือไม่อย่างไร,ขอคัดสำเนาเอกสารได้ แต่เอกสารนั้นต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามที่ไม่ให้เปิดเผยตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ผู้ขอคัดสำเนาเอกสารจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 31 บุคคลสามารถขอตรวจหรือขอคัดสำเนาเอกสาร หรือขอให้นายทะเบียนคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสารพร้อมทั้งคำรับรอง หรือขอให้ออกหนังสือรับรองข้อความที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ ให้นายทะเบียนดำเนินการอนุญาตโดยเร็ว เว้นแต่เอกสารนั้นมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้เปิดเผยตามกฎหมาย โดยผู้ขอต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '31'}]",ขอคัดสำเนาเอกสารได้ แต่เอกสารนั้นต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามที่ไม่ให้เปิดเผยตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ผู้ขอคัดสำเนาเอกสารจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย +หากผู้เยาว์ที่ได้รับมรดกนั้นโดยบิดามารดาได้เสียชีวิตและไม่มีผู้ปกครองด้วย จะต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ผู้มีส่วนได้เสีย หรืออัยการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ปกครองให้แก่ผู้เยาว์นั้นได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎห���ายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1610 หากผู้เยาว์ หรือบุคคลวิกลจริต หรือบุคคลผู้ไม่สามารถทำการงานของตนเองได้ที่ได้รับมรดก โดยบุคคลนั้นไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ ให้ผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ให้แก่บุคคลนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1610'}]",ให้ผู้มีส่วนได้เสีย หรืออัยการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ปกครองให้แก่ผู้เยาว์นั้นได้ +ถ้ากรรมการของบริษัทซึ่งได้รับอนุญาตให้ออกหลักทรัพย์ได้ทำกิจการไปในนามของบริษัททั้งที่ตนขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ กิจการที่ทำนั้นจะมีผลเป็นอย่างไร,กิจการนั้นจะยังมีผลสมบูรณ์และผูกพันกับบริษัทด้วย แม้ภายหลังจะรู้ว่ากรรมการที่ได้ทำกิจการนั้นขาดคุณสมบัติ คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/5 กิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์โดยคณะกรรมการหรือกรรมการของบริษัท หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ได้ทำไปในนามของบริษัทย่อมมีผลสมบูรณ์และผูกพันบริษัท แม้ภายหลังกรรมการนั้นจะขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือขาดความเหมาะสมก็ตาม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/5'}]",กิจการนั้นจะยังมีผลสมบูรณ์และผูกพันกับบริษัทด้วย แม้ภายหลังจะรู้ว่ากรรมการที่ได้ทำกิจการนั้นขาดคุณสมบัติ +ระยะเวลาที่บุคคลซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนสาบสูญให้ถือว่าตายเมื่อใด,เมื่อครบระยะเวลา 5 ปี นับแต่บุคคลที่สาบสูญนั้นได้ไปจากภูมิลำเนาที่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่หากมีเหตุพิเศษเนื่องจากบุคคลที่สาบสูญนั้นได้หายไปในการรบหรือสงคราม หรือยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทางอับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป หรือมีเหตุอันตรายอื่นที่ถึงแก่ชีวิต ให้ลดเหลือ 2 ปี คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 62 ระยะเวลาที่ให้ถือว่าบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ให้ถือว่าตายเมื่อครบระยะเวลา 5 ปี นับแต่บุคคลที่สาบสูญนั้นได้ไปจากภูมิลำเนาที่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่หากมีเหต��พิเศษเนื่องจากบุคคลที่สาบสูญนั้นได้หายไปในการรบหรือสงคราม หรือยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทางอับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป หรือมีเหตุอันตรายอื่นที่ถึงแก่ชีวิต ให้ลดเหลือ 2 ปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '62'}]",เมื่อครบระยะเวลา 5 ปี นับแต่บุคคลที่สาบสูญนั้นได้ไปจากภูมิลำเนาที่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่หากมีเหตุพิเศษให้ลดเหลือ 2 ปี. +การเวนคืนที่ดินถือเป็นนิติกรรมหรือไม่อย่างไร,ไม่เป็นนิติกรรม เนื่องจากการเวนคืนที่ดินนั้นเป็นเรื่องการใช้อำนาจรัฐ โดยรัฐบังคับซื้อที่ดินด้วยการออกกฎหมายจึงไม่ใช่การสมัครใจและมุ่งในการผูกนิติสัมพันธ์ด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 ความหมายของนิติกรรม เป็นการกระทำที่ได้ทำลงไปโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัครไม่ใช่การบังคับ ซึ่งได้ผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ การเวนคืนที่ดินนั้นเป็นเรื่องของการใช้อำนาจของรัฐตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบังคับซื้อที่ดินด้วยการอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คู่กรณีในการทำการเวนคืนที่ดินไม่ได้สมัครใจและมุ่งในการทำนิติสัมพันธ์ด้วย การเวนคืนที่ดินจึงไม่นับเป็นการเข้าทำนิติกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '149'}]",ไม่เป็นนิติกรรม เนื่องจากการเวนคืนที่ดินนั้นเป็นเรื่องการใช้อำนาจรัฐ โดยรัฐบังคับซื้อที่ดินด้วยการออกกฎหมายจึงไม่ใช่การสมัครใจและมุ่งในการผูกนิติสัมพันธ์ด้วย +ทายาทสามารถสละมรดกเฉพาะบางส่วนได้หรือไม่อย่างไร,ทายาทจะสละมรดกบางส่วนไม่ได้ เนื่องจากการสละมรดกนั้นจะต้องสละทรัพย์มรดกทั้งหมด ทายาทไม่สามารถสละมรดกเพียงบางส่วนได้ นอกจากนี้ทายาทไม่สามารถสละทรัพย์มรดกโดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาด้วยเช่นเดียวกัน คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1613 การสละมรดกไม่สามารถสละเพียงบางส่วน หรือสละโดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา และการสละมรดกนั้น ทายาทไม่สามารถถอนการสละในภายหลัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1613'}]",ทายาทจะสละมรดกบางส่วนไม่ได้ เนื่องจากการสละมรดกนั��นจะต้องสละทรัพย์มรดกทั้งหมด ทายาทไม่สามารถสละมรดกเพียงบางส่วนได้ นอกจากนี้ทายาทไม่สามารถสละทรัพย์มรดกโดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาด้วยเช่นเดียวกัน. +หากผู้เช่าไม่ทำตามข้อตกลงในสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าสามารถบอกยกเลิกสัญญาเช่านั้นได้ทันทีหรือไม่อย่างไร,หากผู้เช่าฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ เนื่องจากผู้ให้เช่าต้องมีการบอกกล่าวหรือแจ้งให้ผู้เช่าทำตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้นก่อนภายในระยะเวลาอันสมควร และถ้าผู้เช่ายังไม่ทำตามข้อตกลงตามที่ได้บอกกล่าวหรือแจ้งอีก ผู้ให้เช่าจึงจะมีอำนาจบอกยกเลิกสัญญาเช่านั้นได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 554 ถ้าผู้เช่าฝ่าฝืนหน้าที่ในการใช้สอยทรัพย์ที่เช่า หรือฝ่าฝืนหน้าที่ในการสงวนรักษาและดูแลทรัพย์สินที่เช่า หรือฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น ให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวหรือแจ้งให้ผู้เช่าทำตามหน้าที่หรือปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นก่อน ถ้าผู้เช่ายังไม่ทำตามนั้นอีก ผู้ให้เช่าสามารถบอกยกเลิกสัญญาเช่าได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '554'}]",ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ เนื่องจากผู้ให้เช่าต้องมีการบอกกล่าวหรือแจ้งให้ผู้เช่าทำตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้นก่อนภายในระยะเวลาอันสมควร และถ้าผู้เช่ายังไม่ทำตามข้อตกลงตามที่ได้บอกกล่าวหรือแจ้งอีก ผู้ให้เช่าจึงจะมีอำนาจบอกยกเลิกสัญญาเช่านั้นได้. +หากแบบแสดงข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นเท็จ ผู้ใดต้องร่วมรับผิดกับบริษัทที่ขายหลักทรัพย์บ้าง,กรรมการที่มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท หรือผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนที่ได้ลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เป็นเท็จ หรือผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้ประเมินราคาทรัพย์สินที่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลที่เป็นเท็จนั้น จะต้องร่วมรับผิดด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 83 หากบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องรับผิดต่อผู้ซื้อหลักทรัพย์ในการที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่เป็นสาระสำคัญ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ต้องร่วมรับผิดกับบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ด้วย ได้แก่ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท หรือผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนที่ได้ลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงรายการดังกล่าว หรือผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้ประเมินราคาทรัพย์สินที่จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลในแบบแสดงรายการนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น หรือโดยตำแหน่งหน้าที่ของตนไม่อาจรู้ได้ถึงความจริงของข้อมูล หรือการขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '83'}]",กรรมการที่มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท หรือผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนที่ได้ลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เป็นเท็จ หรือผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้ประเมินราคาทรัพย์สินที่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลที่เป็นเท็จนั้น จะต้องร่วมรับผิดด้วย +กองทุนตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่ใช้ชื่อ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” นำหน้า และ “ซึ่งจดทะเบียนแล้ว” ต่อท้าย มีความผิดหรือไม่ อย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท โดยตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 32 กองทุนใดไม่ใช้ชื่อซึ่งมีอักษรไทยว่า “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” นำหน้า และ “ซึ่งจดทะเบียนแล้ว” ต่อท้าย หรือใช้ชื่อเป็นอักษรต่างประเทศ แต่ไม่ใช้คำซึ่งมีความหมายดังกล่าวในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจของกองทุน มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '32'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท +เมื่อมีการจ่ายเงินปันผลไปโดยฝ่าฝืนความในมาตรา 1201 และ 1202 เจ้าหนี้ของบริษัทจะเรียกเอาเงินคืนมายังบร��ษัทได้หรือไม่,เจ้าหนี้ของบริษัทชอบที่จะเรียกเอาเงินจำนวนซึ่งได้แจกไปคืนมายังบริษัทได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1203 ถ้าจ่ายเงินปันผลไปโดยฝ่าฝืนความในมาตราทั้งสองซึ่งกล่าวมา เจ้าหนี้ทั้งหลายของบริษัทชอบที่จะเรียกเอาเงินจำนวนซึ่งได้แจกไปคืนมายังบริษัทได้ แต่ว่าถ้าผู้ถือหุ้นคนใดได้รับเงินปันผลไปแล้วโดยสุจริต จะบังคับให้เขาคืนไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1203'}]",เจ้าหนี้ของบริษัทชอบที่จะเรียกเอาเงินจำนวนซึ่งได้แจกไปคืนมายังบริษัทได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1203 +อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีกำหนดกี่ปี,อายุความในกฎหมายแพ่งจะมีอายุความทั้งสิ้น 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ยกเว้นกรณีที่มีการบัญญัติโดยเฉพาะไม่ว่าจะระบุในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ซึ่งจะมีอายุความที่แตกต่างไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/30'}]",10 ปี +เมื่อคณะกรรมการ กรรมการ สมาชิกของสมาคมการค้ากระทำการที่ภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นายทะเบียนมีอำนาจอย่างไร,นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการ กรรมการหรือสมาชิกนั้นระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำนั้นภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 32 เมื่อปรากฏว่าคณะกรรมการ กรรมการหรือสมาชิกของสมาคมการค้ากระทำการใด ๆ อันอาจเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการ กรรมการหรือสมาชิกนั้นระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำนั้นภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนดได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '32'}]",นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการ กรรมการหรือสมาชิกนั้นระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำนั้นภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด +การร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลเป็นคนไร้ความสามารถมีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร,ถ้าพิจารณาได้ความว่าบุคคลนั้นไม่วิกลจริต แต่มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ เมื่อศาลเห็น��มควรหรือเมื่อมีคำขอของคู่ความหรือของบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ศาลอาจสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 33 ในคดีที่มีการร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลใดเป็นคนไร้ความสามารถเพราะวิกลจริต ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าบุคคลนั้นไม่วิกลจริต แต่มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อมีคำขอของคู่ความหรือของบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ศาลอาจสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ หรือในคดีที่มีการร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลใดเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถเพราะมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าบุคคลนั้นวิกลจริต เมื่อมีคำขอของคู่ความหรือของบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ศาลอาจสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนไร้ความสามารถก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '33'}]",ถ้าพิจารณาได้ความว่าบุคคลนั้นไม่วิกลจริต แต่มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อมีคำขอของคู่ความหรือของบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ศาลอาจสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ +สามีหรือภริยาฝ่ายใดมีสิทธิฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาสินสมรส หรือเพื่อประโยชน์แก่สินสมรสได้หรือไม่,มีสิทธิฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาสินสมรส หรือเพื่อประโยชน์แก่สินสมรสได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1477 สามีภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาสินสมรส หรือเพื่อประโยชน์แก่สินสมรส หนี้อันเกิดแต่การฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1477'}]",มีสิทธิฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาสินสมรส หรือเพื่อประโยชน์แก่สินสมรสได้ +สามารถทำการกักตุน ทุ่มตลาด ควบคุมต่อสินค้าของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้หรือไม่,ไม่สามารถทำได้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 94 ห้ามมิให้บุคคลใดเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ทำการกักตุน ทุ่มตลาด ควบคุมหรือกระทำการใด ๆ ต่อสินค้าของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดที่ได้รับความเห็นชอบให้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า อันเป็นผลให้สินค้าที่สามารถใช้ส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '94'}]",ไม่สามารถทำได้ +นายคลังสินค้าจะเรียกให้ผู้ฝากถอนสินค้าไปก่อนสิ้นระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ได้หรือไม่,ไม่สามารถทำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 774 นายคลังสินค้าจะเรียกให้ผู้ฝากถอนสินค้าไปก่อนสิ้นระยะเวลาที่ตกลงกันไว้นั้น หาอาจทำไม่ได้ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาส่งคืนสินค้า นายคลังสินค้าจะส่งคืนได้ต่อเมื่อบอกกล่าวให้ผู้ฝากทราบล่วงหน้าเดือนหนึ่ง แต่มิให้ผู้ฝากต้องถูกบังคับให้ถอนสินค้าไปก่อนเวลาล่วงแล้วสองเดือน นับแต่วันที่ได้ส่งมอบฝากไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '774'}]",ไม่สามารถทำได้ +ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นระยะเวลาเท่าใด,เมื่อพ้นห้าปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 40 ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นห้าปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แต่เมื่อคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีได้พิจารณาคำขอรับใบอนุญาตและปฏิเสธการออกใบอนุญาต ผู้นั้นจะยื่นคำขอรับใบอนุญาตได้อีกเมื่อสิ้นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีปฏิเสธการออกใบอนุญาต ถ้าคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีปฏิเสธการออกใบอนุญาตเป็นครั้งที่สองแล้ว ผู้นั้นเป็นอันหมดสิทธิขอรับใบอนุญาตอีกต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '40'}]",เมื่อพ้นห้าปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต +หากบุคคลที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินในกองทรัสต์ทำการทุจริตก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"บุคคลนั้นต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือจ่ายค่าปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือต้องรับโทษทั้งจำคุกและจ่ายค่าปรับ คำ","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '85'}]","บุคคลนั้นต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือจ่ายค่าปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือต้องรับโทษทั้งจำคุกและจ่ายค่าปรับ" +ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องจัดเก็บแบบบันทึกรายการจำนวนเงินที่ได้รับชำระราคาไว้เป็นเวลานานเท่าไร,ต้องเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ทำบันทึก,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '105 ตรี'}]",ต้องเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ทำบันทึก +หากมีบุคคลที่เกี่ยวข้องในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ได้มีการกระทำความผิดซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย และเชื่อได้ว่าผู้นั้นจะมีการยักย้ายทรัพย์สิน สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นได้กี่วัน,สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นได้ ไม่เกิน 180 วัน เว้นแต่ หากมีการฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ก็ให้คำสั่งยึดหรืออายัดนั้นมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '108'}]",ไม่เกิน 180 วัน +บุคคลที่เก็บของหายได้มีสิทธิได้รับรางวัลจากเจ้าของนั้นเท่าไร,"บุคคลนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอารางวัลได้เป็นจำนวนร้อยละ 10 จากราคาของที่หายไม่เกิน 30,000 บาท แต่ถ้าหากราคาของที่หายนั้นมีค่ามากกว่า 30,000 บาท ให้คิดรางวัลได้อีกร้อยละ 5 ตามจำนวนราคาที่เพิ่มขึ้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1324'}]","บุคคลนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอารางวัลได้เป็นจำนวนร้อยละ 10 จากราคาของที่หายไม่เกิน 30,000 บาท แต่ถ้าหากราคาของที่หายนั้นมีค่ามากกว่า 30,000 บาท ให้คิดรางวัลได้อีกร้อยละ 5 ตามจำนวนราคาที่เพิ่มขึ้น." +การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนมีการคัดเลือกอย่างไรบ้าง,กรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นต้องมาจากรายชื่อที่เสนอโดยนิติบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดทุนเท่านั้น โดยการเสนอคัดเลือกดังกล่าวต้องเป็นไปตามกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/8'}]",กรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นต้องมาจากรายชื่อที่เสนอโดยนิติบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดทุนเท่านั้น โดยการเสนอคัดเ���ือกดังกล่าวต้องเป็นไปตามกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด. +บุคคลธรรมดาสามารถเป็นผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เนื่องจากนิติบุคคลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '12'}]",ไม่ได้ เนื่องจากนิติบุคคลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้ +คู่หมั้นที่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้น จะสามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนจากอีกฝ่ายได้หรือไม่อย่างไร,ได้ หากคู่หมั้นอีกฝ่ายนั้นได้มีการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้เกิดการบอกเลิกสัญญาหมั้นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1444'}]",ได้ หากคู่หมั้นอีกฝ่ายนั้นได้มีการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้เกิดการบอกเลิกสัญญาหมั้นนั้น +หากมีการซื้อขายที่ดินซึ่งได้รับประโยชน์จากการที่ที่ดินอื่นยอมให้มีทางเดินเข้าออกได้นั้น ผู้ซื้อสามารถจะได้รับประโยชน์ใช้ทางเดินนั้นด้วยได้หรือไม่อย่างไร,ผู้ซื้อย่อมได้รับประโยชน์สามารถใช้ทางเดินเข้าออกซึ่งถือเป็นภาระจำยอมในที่ดินอื่นนั้นได้อยู่ หากไม่ได้มีข้อตกลงเป็นการเฉพาะเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1393'}]",ผู้ซื้อย่อมได้รับประโยชน์สามารถใช้ทางเดินเข้าออกซึ่งถือเป็นภาระจำยอมในที่ดินอื่นนั้นได้อยู่ หากไม่ได้มีข้อตกลงเป็นการเฉพาะเป็นอย่างอื่น +ผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนสามารถมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนตนได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยบุคคลอื่นที่มาเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนและออกเสียงลงคะแนนแทนผู้ถือหุ้นตัวจริงนั้น จะต้องยื่นหนังสือมอบฉันทะต่อประธานกรรมการหรือผู้ที่ประธานกรรมการกำหนดด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '102'}]",ได้ โดยบุคคลอื่นที่มาเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนและออกเสียงลงคะแนนแทนผู้ถือหุ้นตัวจริงนั้น จะต้องยื่นหนังสือมอบฉันทะต่อประธานกรรมการหรือผู้ที่ประธานกรรมการกำหนดด้วย +ผู้ขายฝากยังมีสิทธิในทรัพย์สินที่ตนได้ขายฝากไปนั้นอยู่อีกหรือไม่,ไม่ เนื่องจากกรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของในทรั��ย์สินนั้นได้ตกไปเป็นของผู้ซื้อแล้ว ดังนั้น ผู้ขายฝากจึงไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่ตนได้ขายฝากแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '491'}]",ไม่ เนื่องจากกรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินนั้นได้ตกไปเป็นของผู้ซื้อแล้ว ดังนั้น ผู้ขายฝากจึงไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่ตนได้ขายฝากแล้ว +หากลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้าไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้และเจ้าหนี้ก็ได้ยอมรับการชำระหนี้นั้นของลูกหนี้แล้ว เจ้าหนี้สามารถเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกหรือไม่อย่างไร,เจ้าหนี้จะเรียกเอาเบี้ยปรับไม่ได้ เว้นแต่ เจ้าหนี้ได้มีการบอกกล่าวลูกหนี้ในขณะที่ตนรับชำระหนี้นั้นเป็นการสงวนสิทธิว่าตนจะเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกจากการที่ลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '381'}]",เจ้าหนี้จะเรียกเอาเบี้ยปรับไม่ได้ เว้นแต่ เจ้าหนี้ได้มีการบอกกล่าวลูกหนี้ในขณะที่ตนรับชำระหนี้นั้นเป็นการสงวนสิทธิว่าตนจะเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกจากการที่ลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้า +หากเป็นข้าราชการการเมืองสามารถเป็นกรรมการศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เนื่องจากการเป็นข้าราชการการเมืองเป็นลักษณะต้องห้ามในตำแหน่งกรรมการศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '62'}]",ไม่ได้ เนื่องจากการเป็นข้าราชการการเมืองเป็นลักษณะต้องห้ามในตำแหน่งกรรมการศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +ในบริษัทมหาชนสามารถแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เว้นแต่ จะมีข้อบังคับของบริษัทมหาชนกำหนดให้สามารถแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '65'}]",ไม่ได้ เว้นแต่ จะมีข้อบังคับของบริษัทมหาชนกำหนดให้สามารถแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้ +บริษัทมหาชนสามารถจ่ายเงินปันผลเป็นการออกหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นแทนได้หรือไม่อย่างไร,ได้ หากบริษัทมหาชนนั้นยังจำหน่ายหุ้นไม่ครบตามจำนวนที่ได้จดทะเบียนไว้ หรือบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนแล้ว โดยในการออกหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นแทนการจ่ายเงินปันผลนั้นต้อง���ด้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '117'}]",ได้ หากบริษัทมหาชนนั้นยังจำหน่ายหุ้นไม่ครบตามจำนวนที่ได้จดทะเบียนไว้ หรือบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนแล้ว โดยในการออกหุ้นสามัญใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นแทนการจ่ายเงินปันผลนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย +เมื่อห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนทั้งคู่ได้มีการควบรวมกิจการเข้าด้วยกันแล้ว ห้างหุ้นส่วนทั้งคู่นั้นจะต้องมีหน้าที่อย่างไรอีกบ้าง,ห้างหุ้นส่วนแต่ละฝ่ายนั้นจะต้องมีหน้าที่ในการจดข้อความลงในทะเบียนนั้นด้วยว่า ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนั้นได้ควบรวมกิจการเป็นห้างหุ้นส่วนขึ้นใหม่แล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1075'}]",ห้างหุ้นส่วนแต่ละฝ่ายนั้นจะต้องมีหน้าที่ในการจดข้อความลงในทะเบียนนั้นด้วยว่า ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนั้นได้ควบรวมกิจการเป็นห้างหุ้นส่วนขึ้นใหม่แล้ว +ใครเป็นผู้ดูแลกิจการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก,เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '24'}]",เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ถ้านายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนบริษัทมหาชน ผู้ขอจดทะเบียนจะต้องทำอย่างไรบ้าง,ผู้ขอจดทะเบียนสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนที่ไม่รับจดทะเบียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '187'}]",ผู้ขอจดทะเบียนสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนที่ไม่รับจดทะเบียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง +เอกสารเกี่ยวกับภาษีอากรที่จัดทำเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องได้รับการแปลเป็นภาษาไทยหรือไม่,กรณีเอกสารเกี่ยวกับภาษีอากรจัดทำเป็นภาษาต่างประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้แปลเอกสารนั้นเป็นภาษาไทยภายในเวลาที่สมควร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ฉ'}]",กรณีเอกสารเกี่ยวกับภาษีอากรจัดทำเป็นภาษาต่างประเทศ พนักงานเจ้าหน���าที่จะสั่งให้แปลเอกสารนั้นเป็นภาษาไทยภายในเวลาที่สมควร +ถ้าที่ดินที่มีสิทธิเก็บกินถูกเวนคืนและเจ้าของที่ดินได้รับเงินทดแทนจากการเวนคืนนั้น ผู้ที่มีสิทธิเก็บกินนั้นจะได้รับส่วนแบ่งในเงินทดแทนนั้นด้วยหรือไม่อย่างไร,ผู้ที่มีสิทธิเก็บกินสามารถได้รับเงินทดแทนจากการเวนคืนที่ดินนั้นได้ตามส่วนที่ตนได้รับความเสียหาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1419'}]",ผู้ที่มีสิทธิเก็บกินสามารถได้รับเงินทดแทนจากการเวนคืนที่ดินนั้นได้ตามส่วนที่ตนได้รับความเสียหาย +บริษัทหลักทรัพย์สามารถรวมกันจัดตั้งสมาคมได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยร่วมกันจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์แต่ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการส่งเสริมการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '230'}]",ได้ โดยร่วมกันจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์แต่ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการส่งเสริมการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกัน +ใครเป็นผู้มีอำนาจถอดถอนผู้ปกครอง หากผู้นั้นมีความพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์,ศาลเป็นผู้มีอำนาจสั่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/8'}]",ศาลเป็นผู้มีอำนาจสั่ง +หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา นายหน้าจะต้องรับผิดแทนลูกหนี้หรือไม่อย่างไร,นายหน้าไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้ เว้นแต่นายหน้าจะไม่ได้บอกชื่อของลูกหนี้ที่แท้จริงให้เจ้าหนี้ที่เป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายนั้นทราบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '848'}]",นายหน้าไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้ เว้นแต่นายหน้าจะไม่ได้บอกชื่อของลูกหนี้ที่แท้จริงให้เจ้าหนี้ที่เป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายนั้นทราบ. +หากทำสัญญาซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะมีผลอย่างไรตามกฎหมาย,ไม่มีผลผูกพันผู้เยาว์ เนื่องจากการทำสัญญาซื้อรถยนต์ดังกล่าวมีผู้เยาว์เป็นผู้รับการแสดงเจตนา ดังนั้น คู่สัญญาที่เป็นผู้ซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะยกการแสดงเจตนาที่ซื้อขายรถยนต์ขึ้นต่อสู้ผู้เยาว์ไม่ได้ เว้นแต่ บิดามารดาซึ่งถือเป็นผู้แทนโ��ยชอบธรรมนั้นได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว และการซื้อขายรถดังกล่าวไม่ใช่การที่ผู้เยาวต์จะสามารถกระทำได้เองโดยลำพัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '170'}]",ไม่มีผลผูกพันผู้เยาว์ เนื่องจากการทำสัญญาซื้อรถยนต์ดังกล่าวมีผู้เยาว์เป็นผู้รับการแสดงเจตนา ดังนั้น คู่สัญญาที่เป็นผู้ซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะยกการแสดงเจตนาที่ซื้อขายรถยนต์ขึ้นต่อสู้ผู้เยาว์ไม่ได้ เว้นแต่ บิดามารดาซึ่งถือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมนั้นได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว และการซื้อขายรถดังกล่าวไม่ใช่การที่ผู้เยาวต์จะสามารถกระทำได้เองโดยลำพัง. +คู่สัญญาในตั๋วเงินสามารถมีข้อตกลงที่จะยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ผู้จ่ายในการใช้เงินตามตั๋วเงินได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้มีการผ่อนเวลาในการใช้เงินตามตั๋วเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '903'}]",ไม่ได้ เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้มีการผ่อนเวลาในการใช้เงินตามตั๋วเงิน +ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ต้องมีรายละเอียดขั้นต่ำอะไรบ้าง,ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวมอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ 2. การแต่งตั้ง เงื่อนไขการเปลี่ยนตัว และค่าตอบแทนของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3. อัตรา และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการจัดการกองทุนรวม 4. สิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุน 5. เหตุในการเลิกกองทุนรวม 6. รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '119'}]",ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวมอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ 2. การแต่งตั้ง เงื่อนไขการเปลี่ยนตัว และค่าตอบแทนของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3. อัตรา และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการจัดการกองทุนรวม 4. สิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุน 5. เหตุในการเลิกกองทุนรวม 6. รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนป��ะกาศกำหนด +ใครเป็นผู้แต่งตั้งอุปนายกสภาวิชาชีพบัญชี,นายกสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '25'}]",นายกสภาวิชาชีพบัญชี +ผู้เยาว์สามารถซื้อรถยนต์ได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้น โดยผู้เยาว์สามารถทำการอย่างใดก็ได้โดยลำพังเฉพาะในเรื่องที่เหมาะสมกับฐานะในการเป็นผู้เยาว์เท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '24'}]",ได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้น โดยผู้เยาว์สามารถทำการอย่างใดก็ได้โดยลำพังเฉพาะในเรื่องที่เหมาะสมกับฐานะในการเป็นผู้เยาว์เท่านั้น. +ในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องมีคุณสมบัติหรือไม่อย่างไร,การประกอบกิจการจัดตั้งเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ 2. มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเองหรือโดยบุคคลอื่น 3. มีมาตรการส่งเสริมและรักษามาตรฐานในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเป็นธรรมในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. มีระบบการบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ 5. มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหรือการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6. มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเกิดจากการใช้บริการที่จัดโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 7. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิกโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสถานภาพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก และ 8. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิก และต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานให้กับสมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ��.ศ. 2546', 'sections': '57'}]",การประกอบกิจการจัดตั้งเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ 2. มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเองหรือโดยบุคคลอื่น 3. มีมาตรการส่งเสริมและรักษามาตรฐานในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเป็นธรรมในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. มีระบบการบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ 5. มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหรือการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6. มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเกิดจากการใช้บริการที่จัดโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 7. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิกโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสถานภาพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก และ 8. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิก และต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานให้กับสมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +กรณีลูกจ้างออกจากงาน ลูกจ้างสามารถขอโอนเงินในกองทุนที่ตนมีสิทธิได้รับไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นได้หรือไม่อย่างไร,ได้ หากลูกจ้างได้แสดงเจตนาว่าให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีโอนเงินที่ตนมีสิทธิได้รับจากกองทุนเดิมนั้นไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในการออกจากงานหรือชราภาพได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '23/4'}]",ได้ หากลูกจ้างได้แสดงเจตนาว่าให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีโอนเงินที่ตนมีสิทธิได้รับจากกองทุนเดิมนั้นไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในการออกจากงานหรือชราภาพได้ +คนต่างด้าวที่จะเดินทางออกนอกประเทศต้องเสียภาษีอากรหรือไม่อย่างไร,คนต่างด้าวต้องเสียภาษีอากรก่อนที่ตนจะออกเดินทางนอกประเทศ หรือต้องจัดหาประกันเงินภาษีอากร แม้จะภาษีนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ทวิ'}]",คนต่างด้าวต้องเสียภาษีอากรก่อนที่ตนจะออกเดินทางนอกประเทศ หรือต้องจัดหาประกันเงินภาษีอากร แม้จะภาษีนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม +ผู้ใดมีอำนาจกำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการหรือผู้บริหารในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล,คณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '28'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. +หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้ทำสัญญาซื้อขายในราคาที่ต่างจากที่ตัวการกำหนด ตัวการนั้นต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาที่ตัวแทนนั้นทำหรือไม่อย่างไร,ตัวการไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ในสัญญาดังกล่าวนั้น เว้นแต่ หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้มีการจ่ายเงินในราคาส่วนต่างนั้นไปแล้ว ตัวการก็ต้องรับผิดในสัญญาซื้อขายนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '839'}]",ตัวการไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ในสัญญาดังกล่าวนั้น เว้นแต่ หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้มีการจ่ายเงินในราคาส่วนต่างนั้นไปแล้ว ตัวการก็ต้องรับผิดในสัญญาซื้อขายนั้นด้วย. +กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านใดบ้าง,ด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และด้านการเงินด้านละหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยจากจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '8'}]",ด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และด้านการเงินด้านละหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยจากจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คน +ผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งผู้จัดการมรดกได้เองหรือไม่อย่างไร,ได้ ด้วยการกำหนดแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรมโดยตรง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1711'}]",ได้ ด้วยการกำหนดแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรมโดยตรง +หากสมาคมการค้ามีการรับสมาชิกเข้ามาใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้สมาคมการค้าแจ้งการรับสมาชิกใหม่ให้นายท���เบียนทราบ ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่รับสมาชิกใหม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '26'}]",ให้สมาคมการค้าแจ้งการรับสมาชิกใหม่ให้นายทะเบียนทราบ ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่รับสมาชิกใหม่ +ผู้ใดมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานเกี่ยวกับการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '12'}]",คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ของบริษัทตามลำดับอย่างไรบ้าง,ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการชำระบัญชีของบริษัทก่อนที่จะชำระหนี้เงินรายอื่น ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1263'}]",ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการชำระบัญชีของบริษัทก่อนที่จะชำระหนี้เงินรายอื่น ๆ +หากบริษัทมหาชนได้มีการเสนอขายหุ้นกู้โดยถูกต้องตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่าแล้ว บริษัทมหาชนนั้นจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับหุ้นกู้ต่อตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับใหม่หรือไม่อย่างไร,ไม่ โดยให้บริษัทมหาชนนั้นดำเนินการเรื่องหุ้นกู้ตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่านั้นต่อไปได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '224'}]",ไม่ โดยให้บริษัทมหาชนนั้นดำเนินการเรื่องหุ้นกู้ตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่านั้นต่อไปได้ +ผู้ใดมีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลที่ทำความผิดที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าออกนอกประเทศไทยได้,สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งห้ามบุคคลที่ได้ทำความผิดตามกฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลบหนีนั้นออกนอกประเทศไทยได้ หรือในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลนั้นออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราว เวลาไม่เกิน 15 วัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '110'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งห้ามบุคคลที่ได้ทำความผิดตามกฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลบหนีนั้นออกนอกประเทศไทยได้ หรือในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลนั้นออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราว เวลาไม่เกิน 15 วัน. +สามารถทำพินัยกรรมที่ไม่เป็นไปตามแบบที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่,ไม่ได้ พินัยกรรมนั้นจะต้องทำแบบที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นถึงจะมีผลบังคับใช้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1655'}]",ไม่ได้ พินัยกรรมนั้นจะต้องทำแบบที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นถึงจะมีผลบังคับใช้ได้ +ทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิและหน้าที่แทนทรัสตีรายเดิมเมื่อไร,เมื่อทรัสตีรายใหม่นั้นมีสิทธิจัดการทรัพย์สินกองทรัสต์โดยสมบูรณ์แล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '27'}]",เมื่อทรัสตีรายใหม่นั้นมีสิทธิจัดการทรัพย์สินกองทรัสต์โดยสมบูรณ์แล้ว +ผู้ใดบ้างได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์,รัฐบาล เจ้าพนักงานที่กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัด และองค์การศาสนาในประเทศไทยที่เป็นนิติบุคคล แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้ใช้แก่องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '121'}]",รัฐบาล เจ้าพนักงานที่กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัด และองค์การศาสนาในประเทศไทยที่เป็นนิติบุคคล แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้ใช้แก่องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำ +ผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองมาสามารถไถ่ถอนจำนองได้หรือไม่อย่างไร,ไถ่ถอนจำนองได้ ถ้าผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้จำนองหรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นทายาทของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันในการจำนองนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '736'}]",ไถ่ถอนจำนองได้ ถ้าผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้จำนองหรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นทายาทของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันในการจำนองนั้น +ถ้าบริษัทมีการควบรวมธุรกิจโดยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิช���์ต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"บริษัทมีความผิดต้องรับโทษโดยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '24'}]","บริษัทมีความผิดต้องรับโทษโดยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +หากทรัพย์สินที่ติดจำนองมีเจ้าหนี้ผู้รับจำนองหลายคน เจ้าหนี้คนไหนจะได้รับชำระหนี้ก่อนกัน,เจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่มีวันและเวลาในการจดทะเบียนจำนองก่อนเจ้าหนี้จำนองคนอื่น ๆ จะได้รับการชำระหนี้ก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '730'}]",เจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่มีวันและเวลาในการจดทะเบียนจำนองก่อนเจ้าหนี้จำนองคนอื่น ๆ จะได้รับการชำระหนี้ก่อน +การชำระหนี้ที่ตกเป็นพ้นวิสัยจะถือเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้ร่วมทุกคนหรือไม่อย่างไร,ไม่ เพราะเรื่องการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยนั้นจะมีผลเป็นการเฉพาะตัวของลูกหนี้เพียงคนหนึ่งคนใดเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อลูกหนี้ร่วมทุกคน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '295'}]",ไม่ เพราะเรื่องการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยนั้นจะมีผลเป็นการเฉพาะตัวของลูกหนี้เพียงคนหนึ่งคนใดเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อลูกหนี้ร่วมทุกคน +บริษัทจะขายหุ้นออกไปในราคาที่สูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้ได้หรือไม่อย่างไร,ได้ ถ้าในหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้นให้อำนาจไว้ โดยให้ส่งจำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่านั้นไปพร้อมกับชำระค่าหุ้นครั้งแรกด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1105'}]",ได้ ถ้าในหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้นให้อำนาจไว้ โดยให้ส่งจำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่านั้นไปพร้อมกับชำระค่าหุ้นครั้งแรกด้วย +ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิตายก่อนที่นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนมูลนิธิ คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นสามารถมีผลใช้ได้หรือไม่อย่างไร,คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นยังมีผลใช้ได้อยู่ หากผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธินั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '117'}]",คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นยังมีผลใช้ได้อยู่ หากผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธินั้น +ระยะเวลาที่สามารถร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ผู้��ั้นจะต้องหายไปจากภูมิลำเนาที่อยู่เป็นเวลาเท่าใด,5 ปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '61'}]",5 ปี +แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจะต้องมีรายละอียดอะไรบ้าง,ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากแบบแสดงรายการข้อมูลการขายหลักทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ดังต่อไปนี้ด้วย 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นกู้ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นกู้นั้น 3. จำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิในหุ้นกู้ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 71 รายละเอียดเพิ่มเติมของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือหุ้นกู้หรือหน่วยลงทุน ดังต่อไปนี้ 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นหรือหุ้นกู้ หรือคำอนุมัติของสำนักงานที่ให้ออกหน่วยลงทุนเพื่อการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 3. จำนวนหุ้นหรือหุ้นกู้หรือหน่วยลงทุนทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '71'}]",ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากแบบแสดงรายการข้อมูลการขายหลักทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ดังต่อไปนี้ด้วย 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นกู้ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นกู้นั้น 3. จำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิในหุ้นกู้ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ในกรณีสัญญาฝากทรัพย์ ผู้ฝากสามารถเรียกคืนทรัพย์สินที่ฝากไว้ก่อนจะถึงเวลาที่กำหนดนั้นได้หรือไม่อย่างไร,ได้ ผู้ฝากทรัพย์นั้นก็สามารถเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้รับฝากได้ตลอดเวลา แม้ว่าในสัญญาฝากทรัพย์จะมีการกำหนดเวลาคืนทรัพย์กันไว้ก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '663'}]",ได้ ผู้ฝากทรัพย์นั้นก็สามารถเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้รับฝากได้ตลอดเวลา แม้ว่าในสัญญาฝากทรัพย์จะมีการกำหนดเวลาคืนทรัพย์กันไว้ก็ตาม +บริษัทมหาชนสามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนเองได้หรือไม่อย่างไร,บริษัทไม่สามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนได้ เว้นแต่ ในกรณี (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นของตนคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน ทั้งนี้หุ้นที่ซื้อคืนนั้นต้องได้รับการจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '66/1'}]",บริษัทไม่สามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนได้ เว้นแต่ ในกรณี (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นของตนคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน ทั้งนี้หุ้นที่ซื้อคืนนั้นต้องได้รับการจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง +เบี้ยปรับในความผิดที่เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นส่วนหนึ่งของภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,ใช่ เบี้ยปรับนั้นให้ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '89/2'}]",ใช่ เบี้ยปรับนั้นให้ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย +พินัยกรรมสามารถทำด้วยวาจาได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมนั้นอยู่ในพฤติการณ์พิเศษที่ไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้จะตาย หรือมีโรคระบาดหรือสงครามเกิดขึ้น โดยต้องทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนที่อยู่ในขณะนั้นด้วย และให้พยาน 2 คนนั้นมีหน้าที่ต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยไม่ชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา รวมถึงแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย โดยให้นายอำเภอจดข้อความที่พยานได้แจ้งไว้ พร้อมทั้งให้พยาน 2 คนนั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองอีก 2 คนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1663'}]",ได้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมนั้นอยู่ในพฤติการณ์พิเศษที่ไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้จะตาย หรือมีโรคระบาดหรือสงครามเกิดขึ้น โดยต้องทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนที่อยู่ในขณะนั้นด้วย และให้พยาน 2 คนนั้นมีหน้าที่ต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยไม่ชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา รวมถึงแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย โดยให้นายอำเภอจดข้อความที่พยานได้แจ้งไว้ พร้อมทั้งให้พยาน 2 คนนั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองอีก 2 คนก็ได้ +ความผิดในเรื่องหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่มีโทษปรับอย่างเดียวนั้น มีอายุความเท่าใด,อายุความ 1 ปี โดยเริ่มนับแต่วันที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. วินิจฉัยว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิด แต่ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่มีการกระทำความผิดนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '316/1'}]",อายุความ 1 ปี โดยเริ่มนับแต่วันที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. วินิจฉัยว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิด แต่ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่มีการกระทำความผิดนั้น +นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เเป็นหลักทรัพย์สามารถก่อหนี้ได้หรือไม่อย่างไร,นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถก่อหนี้ได้เฉพาะตามที่ได้ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '12'}]",นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถก่อหนี้ได้เฉพาะตามที่ได้ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมั��ิเท่านั้น +ผู้ใดมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนทรัพย์สินจากการขายฝาก,ผู้ไถ่ถอนทรัพย์สิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '500'}]",ผู้ไถ่ถอนทรัพย์สิน +สิทธิและหน้าที่ของผู้ปกครองที่ศาลตั้งขึ้นมีอะไรบ้าง,ผู้ปกครองนั้นมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครอง ในการที่จะต้องเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในความปกครอง และผู้ปกครองมีสิทธิในการกำหนดที่อยู่อาศัย หรือทำโทษตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนผู้ที่อยู่ในอำนาจปกครอง หรือให้ทำงานตามสมควรกับความสามารถและฐานะ หรือสามารถเรียกผู้ที่อยู่ในความปกครองนั้นคืนจากบุคคลอื่นที่กักขังไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/2'}]",ผู้ปกครองนั้นมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครอง ในการที่จะต้องเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในความปกครอง และผู้ปกครองมีสิทธิในการกำหนดที่อยู่อาศัย หรือทำโทษตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนผู้ที่อยู่ในอำนาจปกครอง หรือให้ทำงานตามสมควรกับความสามารถและฐานะ หรือสามารถเรียกผู้ที่อยู่ในความปกครองนั้นคืนจากบุคคลอื่นที่กักขังไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้. +ค่าปรับในความผิดที่เกี่ยวกับสัญญาก่อตั้งทรัสต์ให้ตกเป็นของหน่วยงานใด,สำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '9'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีมีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี,ให้มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และสามารถได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '59'}]",ให้มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และสามารถได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้ +เจ้าหนี้มีสิทธิเพิกถอนการสละมรดกของทายาทหรือไม่อย่างไร,ได้ หากทายาทสละมรดกโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบในการได้รับชำระหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1614'}]",ได้ หากทายาทสละมรดกโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบในการได้รับชำระหนี้ +บริษัทจะต้องมีการประชุมสาม��ญเมื่อใดบ้าง,การประชุมสามัญครั้งแรกต้องประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และครั้งต่อไปให้มีการประชุมสามัญอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 12 เดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1171'}]",การประชุมสามัญครั้งแรกต้องประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และครั้งต่อไปให้มีการประชุมสามัญอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 12 เดือน +ถ้าสมาคมการค้าไม่ยอมให้สมาชิกตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินในสมาคมนั้น มีความผิดหรือไม่อย่างไร,"มีความผิดโดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '47'}]","มีความผิดโดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท" +จะขอคัดสำเนาเอกสารเกี่ยวกับสมาคมที่นายทะเบียนเก็บไว้ต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎกระทรวงกำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '108'}]",ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎกระทรวงกำหนด +ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลสั่งจัดการทรัพย์สินของบุคคลที่ไปจากภูมิลำเนาที่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ได้เมื่อใด,1 ปี นับแต่วันที่บุคคลนั้นไม่อยู่ในภูมิลำเนาและไม่มีผู้ใดได้รับข่าวหรือพบเห็นบุคคลดังกล่าวแล้ว หรือ 1 ปี นับแต่วันที่มีผู้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวเป็นครั้งหลังสุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '48'}]",1 ปี นับแต่วันที่บุคคลนั้นไม่อยู่ในภูมิลำเนาและไม่มีผู้ใดได้รับข่าวหรือพบเห็นบุคคลดังกล่าวแล้ว หรือ 1 ปี นับแต่วันที่มีผู้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวเป็นครั้งหลังสุด +เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิสามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามลำดับอย่างไรได้บ้างก่อนเจ้าหนี้สามัญ,เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิต้องบังคับชำระหนี้เอาจากสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน หากยังไม่พอให้บังคับชำระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์ โดยบังคับชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ตกเป็นหลักประกันก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '283'}]",เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิต้องบังคับชำระหนี้เอาจากสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน หากยังไม่พอ���ห้บังคับชำระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์ โดยบังคับชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ตกเป็นหลักประกันก่อน +ผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นนั้นเป็นผู้ปกครองทรัพย์เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ แต่ห้ามตั้งเกินเวลาที่ผู้เยาว์นั้นได้บรรลุนิติภาวะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1687'}]",ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นนั้นเป็นผู้ปกครองทรัพย์เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ แต่ห้ามตั้งเกินเวลาที่ผู้เยาว์นั้นได้บรรลุนิติภาวะ +ถ้าผู้พิทักษ์ไม่อนุญาตให้คนเสมือนไร้ความสามารถกู้ยืมเงิน คนเสมือนไร้ความสามารถจะทำอย่างไรได้บ้าง,คนเสมือนไร้ความสามารถอาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตได้ให้ตนกู้ยืมเงินนั้นได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ ถ้าหากการกู้ยืมเงินนั้นเป็นประโยชน์แก่คนเสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิทักษ์ไม่ยินยอมให้ทำการกู้ยืมนั้นโดยปราศจากเหตุอันสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '35'}]",คนเสมือนไร้ความสามารถอาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตได้ให้ตนกู้ยืมเงินนั้นได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ ถ้าหากการกู้ยืมเงินนั้นเป็นประโยชน์แก่คนเสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิทักษ์ไม่ยินยอมให้ทำการกู้ยืมนั้นโดยปราศจากเหตุอันสมควร +ค่าอุปกรณ์แห่งค่าระวางพาหนะ หมายถึงอะไร,ค่าผ่านด่านซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขนส่งที่จ่ายไปในระหว่างการขนส่งของ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '611'}]",ค่าผ่านด่านซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขนส่งที่จ่ายไปในระหว่างการขนส่งของ +หากบริษัทไม่ได้เอาหุ้นที่ริบไว้ขายทอดตลาดจะมีความผิดอย่างไรบ้าง,"มีความผิดต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '7'}]","มีความผิดต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท" +การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะทำได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เว้นแต่ การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะได้ทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดแล้วเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '47'}]",ไม่ได้ เว้นแต่ การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะได้ทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดแล้วเท่านั้น +หากทายาทที่ได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกแล้วถูกรอนสิทธิไป ทายาทคนนั้นสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง,สามารถเรียกให้ทายาทคนอื่น ๆ ใช้ค่าทดแทนตามส่วนแห่งแบ่งที่ตนควรได้รับหักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ยที่ตนต้องรับผิดชอบให้แก่ตนได้ เว้นแต่มีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น หรือการรอนสิทธินั้นเป็นความผิดของทายาทผู้ถูกรอนสิทธิ หรือเหตุอื่นที่เกิดขึ้นภายหลังการแบ่งมรดกแล้วโดยทายาทที่ถูกรอนสิทธินั้นจะต้องไม่เป็นผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะซึ่งได้รับทรัพย์สินเฉพาะสิ่งตามที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ระบุไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1751'}]",สามารถเรียกให้ทายาทคนอื่น ๆ ใช้ค่าทดแทนตามส่วนแห่งแบ่งที่ตนควรได้รับหักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ยที่ตนต้องรับผิดชอบให้แก่ตนได้. +หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการเพื่อสะสางกิจการที่ค้างอยู่ให้เสร็จในบริษัทมหาชนแล้วทำให้บริษัทนั้นเกิดการขาดทุนขึ้น ผู้ชำระบัญชีต้องรับผิดด้วยหรือไม่อย่างไร,ไม่ต้องรับผิด หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการสะสางกิจการของบริษัทมหาชนที่ค้างอยู่นั้นเฉพาะเท่าที่จำเป็น และไม่ได้มีการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นขึ้นใหม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '160'}]",ไม่ต้องรับผิด หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการสะสางกิจการของบริษัทมหาชนที่ค้างอยู่นั้นเฉพาะเท่าที่จำเป็น และไม่ได้มีการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นขึ้นใหม่ +ผู้ขนส่งของสามารถตกลงยกเว้นความรับผิดของตนไว้ในใบตราส่งได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ หากมีข้อความยกเว้นความรับผิดของตนในใบตราส่ง จะถือว่าเป็นโมฆะไช้ไม่ได้ เว้นแต่ผู้ส่งของได้ตกลงอย่างชัดแจ้งให้ยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งนั้น���้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '625'}]",ไม่ได้ หากมีข้อความยกเว้นความรับผิดของตนในใบตราส่ง จะถือว่าเป็นโมฆะไช้ไม่ได้ เว้นแต่ผู้ส่งของได้ตกลงอย่างชัดแจ้งให้ยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งนั้นด้วย. +ทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนต้องมีรายการใดบ้าง,"ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น, ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น, วันเดือนปีที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '61'}]","ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น, ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น, วันเดือนปีที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น" +หากบริษัทไม่มีการจัดทำบัญชีจะมีความผิดหรือไม่อย่างไร,"มีความผิด โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 30,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละ 1,000 บาทจนกว่าจะมีการจัดทำบัญชีนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '28'}]","มีความผิด โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 30,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละ 1,000 บาทจนกว่าจะมีการจัดทำบัญชีนั้น" +กรณีกรรมการของบริษัทไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/14 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องรับผิดอย่างไร,ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามมาตรา 281/3 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/14ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '281/3'}]",ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +การส่งคืนทรัพย์สินแก่บุคคลผู้มีสิทธิเอาคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วลาภมิควรได้มาใช้โดยอนุโลม คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1376 ถ้าจะต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่บุคคลผู้มีสิทธิเอาคืนไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 412 ถึง 418 แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1376'}]",ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้โดยอนุโลม +นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระกรรมการตลาดหลักทรัพย์สามารถพ้นจากตำแหน่งในกรณีใดบ้าง,กรรมการตลาดหลักทรัพย์ย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก 4. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 162 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก (4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 เมื่อกรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้งหรือสมาชิกตามมาตรา 158 เลือกตั้งบุคคลอื่นเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์แทน แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '162'}]",กรรมการตลาดหลักทรัพย์ย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก 4. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 +สิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองเป็นสิทธิที่ผู้ครอบครองมีตามกฎหมายหรือไม่,ใช่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1372 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสิทธิซึ่งผู้ครอบครองมีตามกฎหมาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1372'}]",ใช่ +การตกลงคิดดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้ยืมเงินสามารถทำได้หรือไม่,ทำได้ ในกรณีที่มีดอกเบี้ยค้างชำระ 1 ปีขึ้นไป โดยต้องทำเป็นหนังสือ และจะตกลงขณะทำสัญญากู้ยืมเงินหรือตกลงภายหลังทำสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 655 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ทว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่ง คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเข้ากับต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันน��้นก็ได้ แต่การตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '655'}]",ทำได้ ในกรณีที่มีดอกเบี้ยค้างชำระ 1 ปีขึ้นไป โดยต้องทำเป็นหนังสือ และจะตกลงขณะทำสัญญากู้ยืมเงินหรือตกลงภายหลังทำสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ +การจะเป็นผู้สอบบัญชีได้ต้องได้รับอนุญาตหรือไม่,ต้องได้รับอนุญาต จากสภาวิชาชีพบัญชี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 38 วรรค 1 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ผู้ใดจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '38'}]",ต้องได้รับอนุญาต จากสภาวิชาชีพบัญชี +ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีผู้จัดการคนเดียวหุ้นส่วนผู้จัดการสามารถลาออกจากตำแหน่งได้หรือไม่,ได้ โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนทราบ เพื่อนัดประชุมตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมแนบใบลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกไปด้วย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1078/1 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบเพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1078/1'}]",ได้ โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนทราบ เพื่อนัดประชุมตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมแนบใบลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกไปด้วย +ผู้รับจ้างทำของจะปฏิเสธไม่ให้ผู้ว่าจ้างทำการตรวจงานจนกว่าจะทำเสร็จได้หรือไม่,ไม่ได้ ต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างตรวจงานได้ตลอดเวลาที่ทำงานนั้นอยู่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 592 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับจ้างจำต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ทำอยู่นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '592'}]",ไม่ได้ ต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างตรวจงานได้ตลอดเวลาที่ทำงานนั้นอยู่ +นายจ้างต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่,ไม่ใช่ การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องดำเนินการโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายจ้างและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 การจัดการกองทุนจะต้องดำเนินการโดยบุคคลซึ่งมิใช่นายจ้างและได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '13'}]",ไม่ใช่ การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องดำเนินการโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายจ้างและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +การจำนำย่อมระงับไปด้วยเหตุใดบ้าง,การจำนำย่อมระงับไปได้ด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่ระงับสิ้นไปเพราะเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะอายุความ 2. เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนสู่ครอบครองของผู้จำนำ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 769 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจำนำย่อมระงับสิ้นไป (1) เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่นั้นระงับสิ้นไปเพราะเหตุประการอื่นมิใช่เพราะอายุความ หรือ (2) เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่ครอบครองของผู้จำนำ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '769'}]",การจำนำย่อมระงับไปได้ด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่ระงับสิ้นไปเพราะเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะอายุความ 2. เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนสู่ครอบครองของผู้จำนำ +เมื่อพ้นจากสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ตลาดหลักทรัพย์ต้องให้สมาชิกรายนั้นซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จเรียบร้อย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 188 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เมื่อสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์รายใดพ้นจากสมาชิกภาพ ตลาดหลักทรัพย์ต้องอนุญาตให้สมาชิกนั้นซื้อขายหลักทรัพย์รายการที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '188'}]",ตลาดหลักทรัพย์ต้องให้สมาชิกรายนั้นซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จเรียบร้อย +เมื่อเป็นผู้จัดการมรดกแล้วต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเองใช่หรือไม่,ใช่ ต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเอง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1723 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเอง เว้นแต่จะทำการโดยตัวแทนได้ตามอำนาจที่ให้ไว้ชัดแจ้งหรือโดยปริยายในพินัยกรรม หรือโดยคำสั่งศาล หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1723'}]",ใช่ ต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเอง +การจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องดำเนินการอย่างไร,ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 26 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '26'}]",ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด +การสมรสต้องทำด้วยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่ายใช่หรือไม่,ใช่ ต้องแสดงความยินยอมโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1458 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1458'}]",ใช่ ต้องแสดงความยินยอมโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน +ตราสารตามประมวลรัษฎากรต้องปิดแสตมป์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวลรัษฎากรหรือไม่,ใช่ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวล คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 104 ประมวลรัษฎากร ตราสารที่ระบุไว้ในบั��ชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '104'}]",ใช่ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวล +กรณีตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ทำขึ้นนอกประเทศไทย ใครมีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์,ผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศไทย โดยต้องปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสาร คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 111 วรรค 1 ประมวลรัษฎากร ถ้าตราสารที่ต้องเสียอากรได้ทำขึ้นนอกสยาม ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในสยามต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสารนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ให้ถือว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '111'}]",ผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศไทย โดยต้องปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสาร +การที่บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มีความผิดหรือไม่,มีความผิดทางพินัย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 200 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 61 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 96 วรรคหนึ่ง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '200'}]",มีความผิดทางพินัย +ผู้จำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นต้องรับผิดในหนี้นั้นเพียงใด,ต้องรับผิดในหนี้นั้นเท่าราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 727/1 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ผู้จำนองซึ่งจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '727/1'}]",ต้องรับผิดในหนี้นั้นเท่าราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สิน +เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจแล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ให้ดำเนินการดังนี้ 1. ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรายงานกิจการ ส่งมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด 2. ให้บุคคลซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 27 พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจใดตามมาตรา 26 แล้ว (1) ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้น จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรีบรายงานกิจการ และมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด (2) ให้บุคคลใด ๆ ซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '27'}]",1. ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรายงานกิจการ ส่งมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด 2. ให้บุคคลซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด. +ความผิดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีความผิดในฐานะเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดหรือไม่,มี ในกรณีที่ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ย่อมเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 89 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '89'}]",มี ในกรณีที่ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ย่อมเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด +เมื่อเลิกบริษัทมหาชนจำกัดต้องส่งเอกสารหลักฐานต่างๆของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในกี่วัน,ภายใน 7 วัน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 157 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 เมื่อมีการเลิกบริษัท ให้คณะกรรมการส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวันนับแต่วันเลิก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '157'}]",ภายใน 7 วัน +กรณีเข้าทำกิจการแทนผู้อื่นโดยเขาไม่ได้ขอให้ทำหรือไม่มีสิทธิทำ ต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องจัดการงานไปในทางที่สมประโยชน์ และเป็นไปตามความประสงค์ที่แท้จริงของผู้นั้น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา มาตรา 395 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดเข้าทำกิจการแทนผู้อื่นโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ให้ทำก็ดี หรือโดยมิได้มีสิทธิที่จะทำการงานนั้นแทนผู้อื่นด้วยประการใดก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สมประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นความประสงค์ของตัวการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '395'}]",ต้องจัดการงานไปในทางที่สมประโยชน์ และ���ป็นไปตามความประสงค์ที่แท้จริงของผู้นั้น +กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ 1. มีสัญชาติไทย 2.ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย 3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 4. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง 5. ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา มาตรา 160 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) มีสัญชาติไทย (2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย (3) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง (5) ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '160'}]",ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ 1. มีสัญชาติไทย 2.ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย 3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 4. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง 5. ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก +การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 นอกราชอาณาจักรต้องรับผิดในราชอาณาจักรหรือไม่,ต้องรับผิดในราชอาณาจักร หากเป็นการกระทำผิดในมาตรา 92 และมาตรา 94 คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 98 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 บุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 92 หรือมาตรา 94 นอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราชอาณาจักร และการกระทำของผู้เป็นตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้น แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักรให้ถือว่าตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้นได้กระทำในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '98'}]",ต้องรับผิดในราชอาณาจักร หากเป็นการกระทำผิดในมาตรา 92 และมาตรา 94 +ใครเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการเกี่ยวกับบุคคลภายนอก,คณะกรรมการของสมาคม คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 87 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '87'}]",คณะกรรมการของสมาคม +คนเสมือนไร้ความสามารถให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะเวลาเกินกว่า 3 ปีได้หรือไม่,ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 34 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้ (5) เช่าหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าหกเดือน หรืออสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '34'}]",ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อน +ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่,ใช่ ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ประธานกรรมการ ก.ล.ต. กรรมการ ก.ล.ต. และคณะอนุกรรมการ ได้รับประโยช��์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '16'}]",ใช่ ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 70 และมาตรา 71 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิด ต้องเสียค่าปรับอย่างไร,ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน ไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับและค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในมาตรานั้น ๆ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 72 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กรณีความผิดตามมาตรา 70 หรือมาตรา 71 ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดโทษปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดได้รับหรือพึงได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดนั้น ให้ปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่บัญญัติไว้ในมาตรา 70 หรือมาตรา 71 แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '72'}]",ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน ไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับและค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในมาตรานั้น ๆ +สามารถนำทรัสต์มาใช้ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนได้หรือไม่,ได้ โดยต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 61 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 เพื่อมิให้มีข้อติดขัดตามกฎหมายอื่นเมื่อมีการนำทรัสต์มาใช้ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุน ให้มีการถือปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่ทรัสตีได้จัดทำบัญชีทรัพย์สินและแยกทรัพย์สินในกองทรัสต์ไว้อย่างถูกต้องตามมาตรา 34 มิให้ผู้กำกับดูแลตามกฎหมายที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายอื่นที่กำหนดเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง นำทรัพย์สินในกองทรัสต์มาพิจารณาหรือคำนวณรวมกับทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตี ในการพิจารณาหน้าที่หรือการปฏิบัติตามกฎหมายด���งกล่าวของทรัสตี (2) เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดใน (1) ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้กำกับดูแลตามกฎหมายดังกล่าวออกกฎกระทรวงกำหนดการพิจารณาหรือคำนวณทรัพย์สินในกองทรัสต์รวมเป็นทรัพย์สินของผู้รับประโยชน์เพื่อให้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายนั้นกำหนดได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '61'}]",ได้ โดยต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด +พาวัวเข้าไปกินหญ้าในที่นาที่หว่านข้าวไว้ได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากที่นาดังกล่าวเป็นที่ดินซึ่งที่เพาะปลูกและมีการหว่านข้าวไว้แล้ว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1353 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลอาจพาปศุสัตว์ของตนผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นซึ่งมิได้กั้นเพื่อไปเลี้ยง และอาจเข้าไปเอาน้ำในบ่อหรือสระในที่เช่นว่านั้นมาใช้ได้ เว้นแต่ที่ดินเป็นที่เพาะปลูก หรือเตรียมเพื่อเพาะปลูก หว่าน หรือมีธัญชาติขึ้นอยู่แล้ว แต่ท่านว่าเจ้าของที่ดินย่อมห้ามได้เสมอ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1353'}]",ไม่ได้ +การคิดดอกเบี้ยในตั๋วเงินคิดตั้งแต่วันใด,คิดตั้งแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 911 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณีเช่นนั้น ถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '911'}]",คิดตั้งแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน +เงินที่วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ตกเป็นของแผ่นดินได้หรือไม่,ได้ ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้เรียกเอาเงินนั้นภายใน 5 ปี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 170 วรรค 2 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บรรดาเงินที่วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์นั้น ถ้าเจ้าหนี้มิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '170'}]",ได้ ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้เรียกเอาเงินนั้นภายใน 5 ปี +บิดามารดาต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่,ไม่ต้อง เว้นแต่บุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะนั้นเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1564 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1564'}]",ไม่ต้อง เว้นแต่บุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะนั้นเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้ +กรณีมูลนิธิไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดหรือไม่,"มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 62 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มูลนิธิใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '62'}]","มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +คำสลักหลังต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือขื่อผู้สลักหลังหรือไม่,ใช่ ต้องเขียนคำสลักหลังลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 919 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำสลักหลังนั้นต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินหรือใบประจำต่อ และต้องลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '919'}]",ใช่ ต้องเขียนคำสลักหลังลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง +ผู้ขายต้องรับผิดในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งซื้อขายหลุดไปจากผู้ซื้อเพราะการรอนสิทธิหรือไม่,ต้องรับผิด ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพราะเหตุการรอนสิทธิ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 479 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินซึ่���ซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพราะเหตุการรอนสิทธิก็ดี หรือว่าทรัพย์สินนั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือเสื่อมความเหมาะสมแก่การที่จะใช้ หรือเสื่อมความสะดวกในการใช้สอย หรือเสื่อมประโยชน์อันจะพึงได้แต่ทรัพย์สินนั้น และซึ่งผู้ซื้อหาได้รู้ในเวลาซื้อขายไม่ก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '479'}]",ต้องรับผิด +สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีผลอย่างไร,มีผลผูกพันคู่สัญญา และก่อให้เกิดหนี้ซึ่งอาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการกับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นสัญญาที่ผูกพันและก่อให้เกิดหนี้ที่อาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '5'}]",มีผลผูกพันคู่สัญญา และก่อให้เกิดหนี้ซึ่งอาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย +ผู้ชำระบัญชีบริษัทมหาชนจำกัดต้องส่งสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้แก่นายทะเบียนหรือไม่,ต้องส่งให้แก่นายทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 166 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ผู้ชำระบัญชีต้องส่งสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว พร้อมด้วยสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่อนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนนั้นให้นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '166'}]",ต้องส่งให้แก่นายทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ +คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารใดบ้างให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี,คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ พร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี���ห้แก่ผู้ถือหุ้น 1. สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว พร้อมรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี 2. เอกสารแสดงรายการตามที่กฎหมายมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) 3. รายงานประจำปีของคณะกรรมการ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 113 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี (1) สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว ตามมาตรา 112 พร้อมทั้งรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี (2) เอกสารแสดงรายการตามมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) (3) รายงานประจำปีของคณะกรรมการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '113'}]",คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ พร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้น 1. สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว พร้อมรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี 2. เอกสารแสดงรายการตามที่กฎหมายมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) 3. รายงานประจำปีของคณะกรรมการ +คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็นหรือไม่,มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 13 สัตต (3) ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 สัตต คณะกรรมการตามมาตรา 13 ทวิ มีอำนาจ (3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 สัตต'}]",มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น +ผู้จัดการมรดกยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้หรือไม่,ได้ โดยมีอายุความ 1 ปี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1755 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อายุความหนึ่งปีนั้น จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่โดยบุคคลซึ่งเป็นทายาท หรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาท หรือโดยผู้จัดการมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1755'}]",ได้ โดยมีอายุความ 1 ปี +ผู้รับหลักประกันที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันสามารถดำเนินการของจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียนได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 17 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ให้ผ��้รับหลักประกันโดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันเป็นผู้ดำเนินการขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '17'}]",ได้ +กรณีต้องชำระหนี้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วยต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมก่อน แล้วค่อยชำระดอกเบี้ย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 329 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้านอกจากการชำระหนี้อันเป็นประธาน ลูกหนี้ยังจะต้องชำระดอกเบี้ยและเสียค่าฤชาธรรมเนียมอีกด้วยไซร้ หากการชำระหนี้ในครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด ท่านให้เอาจัดใช้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ย และในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธาน ถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้เป็นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้จะบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '329'}]",ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมก่อน แล้วค่อยชำระดอกเบี้ย +การออกหุ้นกู้สามารถจัดให้มีผู้แทนถือหุ้นกู้ได้หรือไม่,ได้ โดยต้องแสดงความจำนงในขณะขออนุญาตออกหุ้นกู้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นการออกหุ้นกู้ลักษณะอื่นนอกจากหุ้นกู้มีประกัน หากผู้ออกหุ้นกู้ประสงค์จะจัดให้มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ออกหุ้นกู้ต้องแสดงความจำนงในขณะที่ขออนุญาตออกหุ้นกู้และให้นำบทบัญญัติมาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 48 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับกับการขออนุญาตการทำข้อกำหนดและสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และการฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '49'}]",ได้ โดยต้องแสดงความจำนงในขณะขออนุญาตออกหุ้นกู้ +การควบบริษัทเข้ากันต้องทำอย่างไร,ต้องทำการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และส่งคำบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้ทราบถึงการควบบริษัท เข้ากัน ซึ่งเจ้าหนี้อาจคัดค้านการควบบริษัทได้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่บอกกกล่าว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1240 ป���ะมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และส่งคำบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการควบบริษัทเข้ากันนั้นส่งคำคัดค้านไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าว ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน ถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้ราย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1240'}]",ต้องทำการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และส่งคำบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้ทราบถึงการควบบริษัท เข้ากัน ซึ่งเจ้าหนี้อาจคัดค้านการควบบริษัทได้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่บอกกกล่าว. +ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่อย่างไร,มีหน้าที่กระทำการอันจำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1719 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็น เพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1719'}]",มีหน้าที่กระทำการอันจำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก +การชำระบัญชีต้องทำให้เสร็จภายในกี่วันนับแต่เลิกบริษัท,ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 175 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ถ้าการชำระบัญชีไม่อาจทำให้เสร็จได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทุกรอบปีภายในสี่เดือนนับแต่วันครบรอบปี เพื่อเสนอรายงานการชำระบัญชีที่ได้กระทำไปแล้วและที่จะกระทำต่อไปอีก พร้อมด้วยงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนให้ผู้ถือหุ��นทราบ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '175'}]",ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท +ค่าธรรมเนียบตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ตกแก่ใคร,ตกเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 8 พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 การกำหนดค่าธรรมเนียมตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (5) ให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายและภาระต่าง ๆ ในการดำเนินการตามความเป็นจริง และต้องมิได้มุ่งหมายให้เกิดรายได้เป็นสำคัญ และค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ตกเป็นของสำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '8'}]",ตกเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +เมื่อตัวการตายตัวแทนต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องจัดการตามสมควรเพื่อปกป้องรักษาประโยชน์ที่ตัวการมอบแก่ตนจนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะเข้ารักษาประโยชน์นั้น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 828 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตัวการตายก็ดี ตัวการตกเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือล้มละลายก็ดี ท่านว่าตัวแทนต้องจัดการอันสมควรทุกอย่างเพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์อันเขาได้มอบหมายแก่ตนไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะอาจเข้าปกปักรักษาประโยชน์นั้น ๆ ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '828'}]",ต้องจัดการตามสมควรเพื่อปกป้องรักษาประโยชน์ที่ตัวการมอบแก่ตนจนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะเข้ารักษาประโยชน์นั้น +เมื่อการลงมติในที่ประชุมใหญ่ของสมาคมการค้าฝ่าฝืนข้อบังคับของกฎหมาย สมาชิกสมาคมขอให้ศาลเพิกถอนมติได้หรือไม่,ได้ โดยจะต้องร้องขอให้ศาลเพิกถอนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่สมาคมการค้าได้ลงมติ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 35 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ถ้าที่ประชุมใหญ่ของสมาคมการค้าลงมติอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของสมาคมการค้า เมื่อสมาชิกคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใ���ญ่นั้นเสีย แต่ในกรณีที่สมาชิกร้องขอให้เพิกถอนให้กระทำภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ลงมตินั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '35'}]",ได้ โดยจะต้องร้องขอให้ศาลเพิกถอนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่สมาคมการค้าได้ลงมติ +ผู้แทนนิติบุคคลต้องรับผิดในการกระทำความผิดของนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ด้วยหรือไม่,ต้องรับผิดตามที่กฎหมายบัญญัติสำหรับความผิดนั้น ในกรณีที่ผู้แทนนิติบุคคลรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดหรือในกรณีที่ไม่ได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 221 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดและถูกลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้แทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้นหรือซึ่งมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '221'}]",ต้องรับผิดตามที่กฎหมายบัญญัติสำหรับความผิดนั้น ในกรณีที่ผู้แทนนิติบุคคลรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดหรือในกรณีที่ไม่ได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิด +เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเรียกเงินเต็มจำนวนจากบุคคลที่ค้างชำระแก่ลูกหนี้ได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 235 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เรียกเงินเต็มจำนวนที่ยังค้างชำระแก่ลูกหนี้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนก็ได้ ถ้าจำเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำนวนที่ลูกหนี้เดิมค้างชำระแก่เจ้าหนี้นั้น คดีก็เป็นเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้เดิมได้เข้าชื่อเป็นโจทก์ด้วย ลูกหนี้เดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาต่อไปในส่วนจำนวนเงินที่ยังเหลือติดค้างอยู่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี ท่านมิให้เจ้าหนี้ได้รับมากไปกว่าจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนนั้นเลย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '235'}]",ได้ +โรงแรมต้องรับผิดเมื่อทรัพย์สินของผู้เขาพักสูญหายหรือไม่,ต้องรับผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 674 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ���าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '674'}]",ต้องรับผิด +ผู้ค้ำประกันต้องชำระหนี้ก่อนถึงเวลากำหนดชำระหรือไม่,ไม่ต้อง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 687 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ค้ำประกันไม่จำต้องชำระหนี้ก่อนถึงเวลากำหนดที่จะชำระ แม้ถึงว่าลูกหนี้จะไม่อาจถือเอาซึ่งประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสุดสิ้นได้ต่อไปแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '687'}]",ไม่ต้อง +ผู้นำเข้าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้าเมื่อมีความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มใช่หรือไม่,ใช่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 82/14 ประมวลรัษฎากร ให้ผู้นำเข้าเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีสำหรับสินค้านำเข้าเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/14'}]",ใช่ +ผู้ออกโทเคนดิจิทัลที่ประสงค์จะเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตหรือไม่,ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 17 วรรค 1 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 17 ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชน ผู้ออกโทเคนดิจิทัลที่ประสงค์จะเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และให้กระทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '17'}]",ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ผู้อยู่ในปกครองมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ปกครองเพื่อชำระหนี้ซึ่งค้างอยู่หรือไม่,ใช่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1598/13 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้อยู่ในปกครองมีบ���ริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ปกครองเพื่อชำระหนี้ซึ่งค้างอยู่แก่ตน บุริมสิทธินี้ให้อยู่ในลำดับที่หกถัดจากบุริมสิทธิสามัญอย่างอื่นตามมาตรา 253 แห่งประมวลกฎหมายนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/13'}]",ใช่ +การขอตรวจหรือคัดเอกสารตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 ต้องดำเนินการอย่างไร,ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางหอการค้ากำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 38 พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 ผู้ใดประสงค์จะขอตรวจหรือคัดเอกสาร หรือขอให้คัดและรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับหอการค้า ให้ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางหอการค้ากำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '38'}]",ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางหอการค้ากำหนด +กรณีสัญญาเช่าไม่ได้ตกลงกันเรื่องกำหนดเวลาสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้หรือไม่,ได้ โดยต้องบอกให้คู่สัญญาอีกฝ่ายรู้ก่อนระยะหนึ่ง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 566 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ากำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อยแต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '566'}]",ได้ โดยต้องบอกให้คู่สัญญาอีกฝ่ายรู้ก่อนระยะหนึ่ง +ทายาทมีสิทธิเรียกให้แบ่งมรดกจากทรัพย์สินที่ทายาทคนอื่นครอบครองอยู่หรือไม่,มีสิทธิ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1748 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทายาทคนใดครอบครองทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้แบ่งกัน ทายาทคนนั้นมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกนั้นได้ แม้ว่าจะล่วงพ้นกำหนดอายุความตามมาตรา 1754 แล้วก็ดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1748'}]",มีสิทธิ +สภาวิชาชีพบัญชีต้องมีประชุมใหญ่สามัญหรือไม่,ต้องมีการประชุม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 18 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 18 ให้มีการประชุมใหญ่สามัญสภาวิชาชีพบัญชีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง การประชุมใหญ่อื่นนอกจากการประชุมใ���ญ่สามัญ เรียกว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '18'}]",ต้องมีการประชุม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง +บริษัทหลักทรัพย์ต้องเปิดทำการตามเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนดหรือไม่,ใช่ ต้องเปิดทำการตามเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 110 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บริษัทหลักทรัพย์ต้องเปิดทำการตามเวลาและหยุดทำการตามวันที่สำนักงานกำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้เปิดทำการหรือหยุดทำการในเวลาหรือวันอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '110'}]",ใช่ ต้องเปิดทำการตามเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด +การฟ้องเรียกให้ผู้บริหารกระทำการหรือละเว้นกระทำการใดอันเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 89/7 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องนำ มาตรา 89/18 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 89/19 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้นำความในมาตรา 89/18มาใช้บังคับกับการฟ้องเรียกให้ผู้บริหารกระทำการหรือละเว้นกระทำการใดอันเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา89/7รับผิดชอบในการส่งคืนประโยชน์ที่ตนหรือกรรมการหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องได้ไปโดยมิชอบโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/19'}]",ต้องนำ มาตรา 89/18 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม +นอกจจากการเก็บวิธีโดยวิธีหักไว้ตามมาตรา 50 และมาตรา 53 ประมวลรัษฎากรแล้ว สามารถเรียกเก็บภาษีนั้นโดยวิธีอื่นได้หรือไม่,สามารถทำได้ โดยเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกเก็บภาษีนั้นโดยวิธีอื่นได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 55 ประมวลรัษฎากร อำนาจการเก็บเงินภาษีโดยวิธีหักไว้ตามมาตรา 50 และมาตรา 53 มิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการที่จะเรียกเก็บเงินภาษีนั้นโดยวิธีอื่น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '55'}]",สามารถทำได้ โดยเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกเก็บภาษีนั้นโดยวิธีอื่นได้ +กรรมการซึ่งดำเนินงานของทรัสตีมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่,มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 76 วรรค 1 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ทรัสตี กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของทรัสตี มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '76'}]",มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง +การใช้เงินเพื่อแก้หน้าต้องใช้เต็มจำนวนหรือไม่,ต้องใช้เต็มจำนวนที่คู่สัญญาฝ่ายนั้นจะต้องใช้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 956 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การใช้เงินเพื่อแก้หน้านั้น ใช้เพื่อคู่สัญญาฝ่ายใดต้องใช้จงเต็มจำนวนอันคู่สัญญาฝ่ายนั้นจะต้องใช้ เว้นแต่ค่าชักส่วนลดดังบัญญัติไว้ในมาตรา 968 (4),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '956'}]",ต้องใช้เต็มจำนวนที่คู่สัญญาฝ่ายนั้นจะต้องใช้ +บุคคลสามารถจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 709 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลคนหนึ่งจะจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ก็ให้ทำได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '709'}]",ได้ +ตัวแทนค้าต่างจะคิดเอาบำเหน็จได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 843 วรรค 3 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อนึ่ง แม้ในกรณีเช่นนั้น ตัวแทนค้าต่างจะคิดเอาบำเหน็จก็ย่อมคิดได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '843'}]",ได้ +ตัวการจะใช้สิทธิเรียกร้องต่อบุคคลที่เข้าถือเอากิจการของผู้อื่นเป็นของตนเอง ทั้งที่รู้ว่าตนไม่มีสิทธิได้หรือไม่,"ได้ แต่เมื่อใช้��ิทธิแล้วตัวการต้องรับผิดต่อผู้จัดการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 405 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าบุคคลใดถือเอากิจการของผู้อื่นว่าเป็นของตนเอง ทั้งที่รู้แล้วว่าตนไม่มีสิทธิจะทำเช่นนั้นไซร้ ท่านว่าตัวการจะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับโดยมูลดังบัญญัติไว้ในมาตรา 395, 396, 399 และ 400 นั้นก็ได้ แต่เมื่อได้ใช้สิทธิดังว่ามานี้แล้ว ตัวการจะต้องรับผิดต่อผู้จัดการดังบัญญัติไว้ในมาตรา 402 วรรค 1","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '405'}]",ได้ แต่เมื่อใช้สิทธิแล้วตัวการต้องรับผิดต่อผู้จัดการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย +คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ก่อนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542ใช้บังคับย่อมได้รับอนุญาตต่อไปหรือไม่,ได้รับอนุญาตต่อไป ตามเงื่อนไขและระยะเวลาของการได้รับอนุญาต คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 44 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 คนต่างด้าวซึ่งได้รับสิทธิหรือได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ได้รับสิทธิหรือได้รับอนุญาตในการประกอบธุรกิจนั้นต่อไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาของการได้รับสิทธิหรือได้รับอนุญาตดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '44'}]",ได้รับอนุญาตต่อไป ตามเงื่อนไขและระยะเวลาของการได้รับอนุญาต +บริษัทมหาชนสามารถแต่งตั้งผู้สอบบัญชีคนเดิมได้อีกหรือไม่,ได้ ทางบริษัทสามารถแต่งตั้งผู้สอบบัญชีคนเดิมอีกได้ คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 120 การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัทมหาชนนั้น ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของบริษัทแต่งตั้งผู้สอบบัญชี ซึ่งสามารถแต่งตั้งผู้สอบบัญชีคนเดิมอีกก็ได้ และให้กำหนดจำนวนเงินค่าสอบบัญชีของบริษัทในทุกปีด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '120'}]",ได้ ทางบริษัทสามารถแต่งตั้งผู้สอบบัญชีคนเดิมอีกได้ +ค่าเช่าที่เก็บได้จากทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่สภาวิชาชีพบัญชีนั้น ถือเป็นรายได้หรือไม่อย่างไร,ใช่ เนื่องจากค่าเช่าถือเป็นดอกผลอย่างหนึ่ง ดังนั้น ค่าเช่านั้นจึงถือเป็นรายได้ของสภาวิชาชีพบัญชีด้วย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 8 รายได้ของสภาวิชาชีพบัญชี มีดังต่อไปนี้ 1. ค่าบำรุงสมาชิก และค่าธรรมเนียม 2. เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน 3. ผลประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินและการดำเนินกิจการของสภาวิชาชีพบัญชี 4. เงินและทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่สภาวิชาชีพบัญชี 5. รวมถึงดอกผลของเงินและทรัพย์สินที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '8'}]",ใช่ เนื่องจากค่าเช่าถือเป็นดอกผลอย่างหนึ่ง ดังนั้น ค่าเช่านั้นจึงถือเป็นรายได้ของสภาวิชาชีพบัญชีด้วย +บริษัทมหาชนสามารถลดทุนจากที่จดทะเบียนไว้ได้หรือไม่อย่างไร,ได้ หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนนั้นได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 139 บริษัทมหาชนสามารถลดทุนจากที่จดทะเบียนไว้ได้ โดยการลดมูลค่าหุ้น หรือลดจำนวนหุ้นให้น้อยลงก็ได้ แต่จะลดทุนให้ต่ำกว่าจำนวน 1 ใน 4 ของทุนทั้งหมดนั้นไม่ได้ เว้นแต่ หากบริษัทมหาชนนั้นมีการขาดทุนสะสม และถึงแม้ได้มีการชดเชยผลขาดทุนสะสมแล้วตามที่กฎหมายกำหนด ก็ยังคงมีผลขาดทุนสะสมเหลืออยู่ บริษัทมหาชนอาจลดทุนให้เหลือต่ำกว่าจำนวน 1 ใน 4 ของทุนทั้งหมดก็ได้ ในการลดทุนดังกล่าวนั้น จะทำได้ต่อเมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนได้มีการลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้ และให้บริษัทนั้นจะต้องนำมติดังกล่าวไปขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมได้ลงมติด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '139'}]",ได้ หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนนั้นได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +ถูกคู่สมรส���ำร้ายร่างกายเป็นประจำแต่ยังไม่อยากหย่า อีกฝ่ายทำอะไรได้บ้าง,คู่สมรสอีกฝ่ายอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้แยกกันอยู่ชั่วคราวในระหว่างที่เหตุนั้นยังมีอยู่ และศาลอาจกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้อีกฝ่ายชำระตามสมควรก็ได้ คำอธิบายขยายความ: ตามมาตรา 1462 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เปิดช่องให้คู่สมรสร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากจากคู่สมรสอีกฝ่ายในกรณีที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยปกติสุข การอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมาก และศาลอาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูให้อีกฝ่ายชำระตามสมควรก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1462'}]",คู่สมรสอีกฝ่ายอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้แยกกันอยู่ชั่วคราวในระหว่างที่เหตุนั้นยังมีอยู่ และศาลอาจกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้อีกฝ่ายชำระตามสมควรก็ได้ +ถ้าผู้ตายทำประกันชีวิตไว้ จะมีผลกับเจ้าหนี้ อย่างไร,จะมีการนำเงินไปสมทบเป็นส่วนหนึ่งของกองมรดกเพื่อประโยชน์ให้เจ้าหนี้สามารถเอาใช้หนี้ได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี 1. กรณีผู้ตายทำประกันชีวิตให้ทายาททั้งหลายเป็นผู้รับประโยชน์โดยไม่เจาะจงบุคคลใดเป็นการเฉพาะ จะนำเงินตามสัญญาประกันไปสมทบของกองมรดกสำหรับให้เจ้าหนี้เอาใช้หนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897 วรรคแรก 2. กรณีผู้ตายทำประกันชีวิตโดยเจาะจงชื่อผู้รับประโยชน์ จะนำเงินสมทบเข้ากองมรดกสำหรับให้เจ้าหนี้เอาใช้หนี้ จำนวนเท่ากับเบี้ยประกันที่ผู้ตายได้ส่งไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897 วรรคสอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '897'}]",จะมีการนำเงินไปสมทบเป็นส่วนหนึ่งของกองมรดกเพื่อประโยชน์ให้เจ้าหนี้สามารถเอาใช้หนี้ได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี 1. กรณีผู้ตายทำประกันชีวิตให้ทายาททั้งหลายเป็นผู้รับประโยชน์โดยไม่เจาะจงบุคคลใดเป็นการเฉพาะ จะนำเงินตามสัญญาประกันไปสมทบของกองมรดกสำหรับให้เจ้าหนี้เอาใช้หนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897 วรรคแรก 2. กรณีผู้ตายทำประกันชีวิตโดยเจาะจงชื่อผู้รับประโยชน์ จะนำเงินสมทบเข้ากองมรดกสำหรับให้เจ้าหนี้เอาใช้หนี้ จำน��นเท่ากับเบี้ยประกันที่ผู้ตายได้ส่งไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897 วรรคสอง +ถ้าเป็นผู้ไม่มีที่อยู่ปกติเป็นหลักแหล่ง ต้องยึดถือที่ใดเป็นภูมิลำเนา,ผู้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง หากพบตัวในถิ่นไหนให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็นภูมิลำเนา คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 40 บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้ไม่มีที่อยู่ปกติเป็นหลักแหล่ง หรือเป็นผู้ครองชีพในการเดินทางไปมาปราศจากหลักแหล่งที่ทำการงาน พบตัวในถิ่นไหนให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็นภูมิลำเนาของบุคคลนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '40'}]",หากพบตัวในถิ่นไหนให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็นภูมิลำเนา +การตัดสินปัญหาในที่ประชุมอนุกรรมการบริษัทจำกัด ให้ใช้หลักการใด,ให้ตัดสินตามเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานอนุกรรมการเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้เว้นแต่มีการมอบอำนาจที่กำหนดเป็นประการอื่นไว้ ให้เป็นไปตามนั้น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1165 ระบุให้ ตัดสินข้อปรึกษาที่เกิดเป็นปัญหาในที่ประชุมอนุกรรมการโดยใช้เสียงข้างมาก แต่ถ้าคะแนนส่วนเท่ากันให้ประธานอนุกรรมการเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้ถ้ามีการมอบอำนาจเป็นประการอื่นให้เป็นไปตามที่มอบอำนาจนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1165'}]",ให้ตัดสินตามเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานอนุกรรมการเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้เว้นแต่มีการมอบอำนาจที่กำหนดเป็นประการอื่นไว้ ให้เป็นไปตามนั้น +คณะกรรมการบริษัทนำเงินค่าจองหุ้นของบริษัท ไปใช้จ่ายในกิจการก่อนมีการจดทะเบียนบริษัท มีโทษหรือไม่,มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 197,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '197'}]",มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ลูกค้าสั่งของแม่ค้า เมื่อถึงวันรับของลูกค้าไม่เสนอชำระเงิน ใครเป็นฝ่ายผิดนัด,ลูกค้าผิดนัด คำอธิบายขยายความ: การสั่งของเป็นการทำสัญญาต่างตอบแทนกัน ทั้งแม่ค้าและลูกค้าต่างเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี��ในคราวเดียวกัน เมื่อถึงกำหนดรับของ แม่ค้าเตรียมของพร้อมแล้ว แต่ลูกค้าในฐานะเจ้าหนี้ ไม่ยอมเสนอชำระเงิน ลูกค้าจึงเป็นเจ้าหนี้ผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 210,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '210'}]",ลูกค้าผิดนัด +แบบฟอร์มสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ใดหรือไม่,ต้องได้รับความเห็นชอบในสาระสำคัญจากสำนักงาน ก.ล.ต ก่อนจึงจะสามารถจัดให้มีการซื้อขายได้ คำอธิบายขยายความ: ก่อนที่จะมีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องยื่นแบบและข้อความของสัญญาดังกล่าวให้สำนักงาน ก.ล.ต ให้ความเห็นชอบในสาระสำคัญก่อน ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพ.ศ 2546 มาตรา 67,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '67'}]",ต้องได้รับความเห็นชอบในสาระสำคัญจากสำนักงาน ก.ล.ต ก่อนจึงจะสามารถจัดให้มีการซื้อขายได้ +ในการสอบบัญชีบริษัท ผู้สอบบัญชีสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในเวลาใด,ผู้สอบบัญชีสามารถเข้าตรวจสอบทางการเงินของบริษัทได้ทุกเมื่อในเวลาอันสมควร คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1213 ให้อำนาจผู้สอบบัญชีทุกคนสามารถเข้าตรวจสอบสรรพสมุดแล้วบัญชีของบริษัทในเวลาอันสมควรได้ทุกเมื่อ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1213'}]",ผู้สอบบัญชีสามารถเข้าตรวจสอบทางการเงินของบริษัทได้ทุกเมื่อในเวลาอันสมควร +บริษัทหลักทรัพย์ที่จัดการกองทุนรวมจะถือหุ้นของบริษัทตัวเองได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะเป็นข้อห้ามตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ 2535 มาตรา 126 ระบุห้ามไม่ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่จัดการกองทุนรวมลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการนั้นเอง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '126'}]",ไม่ได้ เพราะเป็นข้อห้ามตามกฎหมาย +ถ้าลงทุนเป็นหุ้นส่วนกับคนอื่น แต่ตกลงอัตราส่วนไว้เฉพาะการแบ่งกำไร ถ้ากิจการขาดทุนจะต้องแบ่งส่วนขาดทุนอย่างไร,กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า แบ่งส่วนขาดทุนเท่ากับอัตราส่วนกำไรที่ตกลงไว้ คำอธิบายขยายความ: กรณีผู้เป็นหุ้นส่วนกำหนดอัตราส่วนไว้เฉพาะการแบ่งกำไร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1045 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า แบ่งส่วนขาดทุนเท่ากันกับอัตราส่วนกำไรที่ตกลงไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1045'}]",กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า แบ่งส่วนขาดทุนเท่ากับอัตราส่วนกำไรที่ตกลงไว้ +ถ้ามีทายาทหลายคน ใครมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดก,ทายาททุกคนมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้แบ่งมรดกเสร็จแล้ว คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1745 ระบุให้กรณีมีทายาทหลายคน ทายาททุกคนเหล่านั้นมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้เกิดมรดกกันเสร็จแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1745'}]",ทายาททุกคนมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้แบ่งมรดกเสร็จแล้ว +ถ้าของที่ทำพินัยกรรมไว้สูญหายไป ผู้รับพินัยกรรมในของชิ้นนั้นจะยังมีสิทธิอะไรหรือไม่,หากต่อมาผู้ทำพินัยกรรมได้รับของอื่นมาแทน หรือผู้ทำพินัยกรรมมีสิทธิได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากการสูญหายนั้น ผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิในการเรียกให้ส่งมอบของอื่นที่ได้มาแทนนั้น หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนเองได้ แล้วแต่กรณี คำอธิบายขยายความ: ในกรณีของที่ทำพินัยกรรมไว้ หรือทรัพย์สินที่เป็นวัตถุแห่งพินัยกรรมสูญหายไป แต่การสูญหายเป็นผลให้ได้รับของอื่นมาทดแทน หรือสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการสูญหายได้ เช่น มีคนอื่นยืมไปใช้แล้วทำหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1681 ระบุให้ ผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิในการเรียกให้ส่งมอบของอื่นที่ได้มาแทนนั้น หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนเองได้ แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1681'}]",ผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิในการเรียกให้ส่งมอบของอื่นที่ได้มาแทนนั้น หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนเองได้ แล้วแต่กรณี +กรณีใดบ้างที่ผู้เยาว์ต้องขอต่อศาลเพื่อขออนุญาตสมรส,1. กรณีผู้เยาว์ไม่มีบุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม เช่น กำพร้า 2. กรณีที่บุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม ไม่ให้ความยินยอม 3. กรณีที่บุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ความยินยอมได้ 4. กรณีที่โดยพฤติการณ์ผู้เยาว์ไม่สามารถขอความยินยอมได้ คำอธิบายขยายความ: เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1456,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1456'}]",1. กรณีผู้เยาว์ไม่มีบุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม เช่น กำพร้า 2. กรณีที่บุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม ไม่ให้ความยินยอม 3. กรณีที่บุคคลที่มีอำนาจให้ความยินยอม ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ความยินยอมได้ 4. กรณีที่โดยพฤติการณ์ผู้เยาว์ไม่สามารถขอความยินยอมได้ +หากธุรกิจที่ทำอยู่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะมีผลอย่างไร,เนื่องจากได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่อาจมีกรณีที่ตัองทำรายงานหากอธิบดีกำหนด คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 81/2 ระบุให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจะได้รับยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่อธิบดีจะกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานก็ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '81/2'}]",ผู้ประกอบการจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่อาจมีกรณีที่ต้องทำรายงานหากอธิบดีกำหนด +การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ต้องมีรายการใดบ้าง,พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 18 กำหนดรายการดังต่อไปนี้ 1) วัน เดือน ปี และเวลาที่จดทะเบียน 2) ชื่อและที่อยู่ของลูกหนี้และผู้ให้หลักประกัน 3) ชื่อและที่อยู่ของผู้รับหลักประกัน 4) ชื่อและที่อยู่ของผู้รับใบอนุญาตซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันและอัตราหรือจำนวนค่าตอบแทนของผู้บังคับหลักประกัน ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน 5) หนี้ที่กำหนดให้มีการประกันการชำระ 6) รายละเอียดของทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน หากเป็นทรัพย์สินมีทะเบียนให้ระบุประเภทของทะเบียน หมายเลขทะเบียน และนายทะเบียนไว้ด้วย หากเป็นสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ ให้ระบุประเภท ปริมาณ และมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าวไว้ด้วย 7) ข้อความที่แสดงว่าผู้ให้หลักประกันตราทรัพย์สินที่ระบุในรายการจดทะเบียนไว้แก่ผู้รั��หลักประกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ 8) จำนวนเงินสูงสุดที่ตกลงใช้ทรัพย์สินเป็นประกัน 9) เหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 10) รายการอื่นตามที่เจ้าพนักงานทะเบียนกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '18'}]",พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 18 กำหนดรายการดังต่อไปนี้ 1) วัน เดือน ปี และเวลาที่จดทะเบียน 2) ชื่อและที่อยู่ของลูกหนี้และผู้ให้หลักประกัน 3) ชื่อและที่อยู่ของผู้รับหลักประกัน 4) ชื่อและที่อยู่ของผู้รับใบอนุญาตซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันและอัตราหรือจำนวนค่าตอบแทนของผู้บังคับหลักประกัน ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน 5) หนี้ที่กำหนดให้มีการประกันการชำระ 6) รายละเอียดของทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน หากเป็นทรัพย์สินมีทะเบียนให้ระบุประเภทของทะเบียน หมายเลขทะเบียน และนายทะเบียนไว้ด้วย หากเป็นสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ ให้ระบุประเภท ปริมาณ และมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าวไว้ด้วย 7) ข้อความที่แสดงว่าผู้ให้หลักประกันตราทรัพย์สินที่ระบุในรายการจดทะเบียนไว้แก่ผู้รับหลักประกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ 8) จำนวนเงินสูงสุดที่ตกลงใช้ทรัพย์สินเป็นประกัน 9) เหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 10) รายการอื่นตามที่เจ้าพนักงานทะเบียนกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา +ตามกฎหมายแล้วลูกจำเป็นต้องเลี้ยงดูพ่อและแม่หรือไม่,จำเป็นต้องเลี้ยงดูพ่อและแม่ คำอธิบายขยายความ: เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1563 ระบุว่าบุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1563'}]",จำเป็นต้องเลี้ยงดูพ่อและแม่ +เวลาทำพินัยกรรมต้องให้พยานรู้ข้อความในพินัยกรรมหรือไม่,ไม่จำเป็น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1668 ผู้ทำพินัยกรรมไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อความในพินัยกรรมนั้นให้พยานทราบ เว้นแต่กฎหมายจะได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1668'}]",ไม่จำเป็น +ซื้อทรัพย์สินมาจากการขายทอดตลาด แล้วเจ้าของทรัพย์ขอซื้อคืนในราคาที่ซื้���มา ผู้ซื้อมีสิทธิไม่ขายคืนได้หรือไม่,ได้ เพราะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่ผู้ซื้อก็มีทางเลือกหากเจ้าของทรัพย์สินเดิมชดใช้ราคาที่ซื้อมา ดังนี้ผู้ซื้อก็สามารถคืนให้เจ้าของเดิมได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 1332 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1332'}]",ได้ เพราะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่ผู้ซื้อก็มีทางเลือกหากเจ้าของทรัพย์สินเดิมชดใช้ราคาที่ซื้อมา ดังนี้ผู้ซื้อก็สามารถคืนให้เจ้าของเดิมได้ +ใครมีอำนาจรักษาการตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 5 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '5'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ +สามารถยึดข้อความตามที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชีของบริษัทเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่,ได้ โดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าข้อความที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชีของบริษัทเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 1024 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันก็ดี หรือในระหว่างผู้ถือหุ้นด้วยกันก็ดี ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกับห้างหุ้นส่วนก็ดี ในระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทก็ดี ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบรรดาสมุดบัญชีเอกสารของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือของผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทใด ๆ นั้น ย่อมเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามข้อความที่ได้บันทึกไว้ในนั้นทุกประการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1024'}]",ได้ โดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าข้อความที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชีของบริษัทเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง +ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจหรือไม่,ต้องยื่นขออนุญา��� โดยให้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีหรืออธิบดีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 17 วรรค 1 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในการขออนุญาตประกอบธุรกิจ ให้คนต่างด้าวยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีหรืออธิบดีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้คณะรัฐมนตรีในกรณีธุรกิจตามบัญชีสอง หรืออธิบดีในกรณีธุรกิจตามบัญชีสามพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาต แล้วแต่กรณี ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ยื่นคำขอ ในกรณีการพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีเหตุจำเป็น ซึ่งคณะรัฐมนตรีไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวได้ ให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาออกไปอีกได้ตามความจำเป็น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันครบกำหนดเวลาดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '17'}]",ต้องยื่นขออนุญาต โดยให้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีหรืออธิบดีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง +กรณีผู้เยาว์ทำละเมิดบิดามารดาต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่,ต้องร่วมรับผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลผู้เยาว์แล้ว คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 429 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '429'}]",ต้องร่วมรับผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลผู้เยาว์แล้ว +คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่,มีหน้าที่ โดยมีหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงและประเมินผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ดิจิทัลต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 11 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ในกรณีที่มีการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอันอาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. รายงานข้อเท็จจริงและประเมินผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางการดำเนินการต่อรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '11'}]",มีหน้าที่ โดยมีหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงและประเมินผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ดิจิทัลต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง +ดอกผลจากการเข้าครอบครองทรัพย์สินของผู้รับหลักประกันต้องจัดสรรชำระหรือไม่,ต้องจัดสรรชำระ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 52 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 39 วรรคสาม มาตรา 40 และมาตรา 44 และดอกผลที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่ผู้รับหลักประกันมีสิทธิเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้จัดสรรชำระตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการรักษาและสงวนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 45 (2) ค่าใช้จ่ายตามสมควรและค่าฤชาธรรมเนียมอันเกิดจากการบังคับหลักประกัน (3) ชำระหนี้ให้แก่ผู้รับหลักประกัน และเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนตามลำดับ (4) ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นซึ่งขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินตามมาตรา 39 (5) เงินที่เหลือหากมี ให้ชำระคืนแก่ผู้ให้หลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '52'}]",ต้องจัดสรรชำระ +กรณีกรรมการหรือสมาชิกสมาคมมีส่วนได้เสียขัดกับประโยชน์ของสมาคมจะออกเสียงลงคะแนนได้หรือไม่,ไม่ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 99 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่จะมีมติในเรื่องใด ถ้าส่วนได้เสียของกรรมการหรือสมาชิกของสมาคมผู้ใดขัดกับประโยชน์ได้เสียของสมาคม กรรมการหรือสมาชิกของสมาคมผู้นั้นจะออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '99'}]",ไม่ได้ +เมื่อกรรมการมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งและไม่มีกรรมการเหลืออยู่ ต้องทำอย่างไร,ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการชุดใหม่ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 125 วรรค 3 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งและไม่มีกรรมการของมูลนิธิเหลืออยู่ หรือกรรมการของมูลนิธิที่เหลืออยู่ไม่สามารถดำเนินการตามหน้าที่ได้ ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิมิได้กำหนดการปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นอย่างอื่น ให้กรรมการของมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่กรรมการของมูลนิธิต่อไปจนกว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิที่ตั้งใหม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '125'}]",ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการชุดใหม่ +ตัวแทนค้าต่างต้องรับผิดชำระหนี้ต่อตัวการ หรือไม่,ไม่ต้องรับผิด ในกรณีที่คู่สัญญาอีกฝ่ายไม่ชำระหนี้ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 838 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ไซร้ ท่านว่าตัวแทนค้าต่างหาต้องรับผิดต่อตัวการเพื่อชำระหนี้นั้นเองไม่ เว้นแต่จะได้มีข้อกำหนดในสัญญาหรือมีปริยายแต่ทางการที่ตัวการกับตัวแทนประพฤติต่อกัน หรือมีธรรมเนียมในท้องถิ่นว่าจะต้องรับผิดถึงเพียงนั้น อนึ่ง ตัวแทนค้าต่างคนใดเข้ารับประกันการปฏิบัติตามสัญญาโดยนัยดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้นไซร้ ท่านว่าตัวแทนคนนั้นชื่อว่าเป็นตัวแทนฐานประกัน ชอบที่จะได้รับบำเหน็จพิเศษ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '838'}]",ไม่ต้องรับผิด ในกรณีที่คู่สัญญาอีกฝ่ายไม่ชำระหนี้ +ผู้ฝากทรัพย์ต้องชำระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ฝากไว้หรือไม่,ต้องชำระ ในกรณีที่เป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ฝากไว้ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 668 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ค่าใช้จ่ายใดอันควรแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินซึ่งฝากนั้น ผู้ฝากจำต้องชดใช้ให้แก่ผู้รับฝาก เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้โดยสัญญาฝากทรัพย์ว่าผู้รับฝากจะต้องออกเงินค่าใช้จ่ายนั้นเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '668'}]",ต้องชำระ ในกรณีที่เป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ฝากไว้ +การจดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง,ต้องให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คนยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 232 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 การขออนุญาตและการจดทะเบียนนั้น ให้บริษัทหลักทรัพย์ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งที่มีจำนวนไม่น้อยกว่าสิบห้ารายยื่นคำขอต่อสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '232'}]",ต้องให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คนยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +บริษัทจะทำการลดทุน ในกรณีที่เจ้าหนี้ของบริษัทคัดค้านมติการลดทุนได้หรือไม่,ไม่ได้ จนกว่าบริษัทจะได้ชำระหนี้หรือให้ประกันการชำระหนี้นั้นแก่เจ้าหนี้ของบริษัท คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 141 วรรค 2พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ถ้ามีการคัดค้าน บริษัทจะลดทุนมิได้จนกว่าจะได้ชำระหนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '141'}]",ไม่ได้ จนกว่าบริษัทจะได้ชำระหนี้หรือให้ประกันการชำระหนี้นั้นแก่เจ้าหนี้ของบริษัท +กรณีถูกเจ้าพนักประเมินภาษี ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องเสียเบี้ยปรับอีกหรือไม่,ต้องเสีย โดยต้องเสียเบี้ยปรับเป็นจำนวนหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตาม มาตรา 22 ประมวลรัษฎากร ในการประเมินตามมาตรา 20 หรือมาตรา 21 ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระอีก,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '22'}]",ต้องเสีย โดยต้องเสียเบี้ยปรับเป็นจำนวนหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ +เงินค่าหุ้นที่ยังเรียกเก็บจากผู้ถือหุ้นไม่ครบกรรมการต้องเรียกให้ส่งใช้เมื่อใด,เมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นก็ให้เป็นไปตามที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตาม มาตรา 1120 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรดาเงินค่าหุ้นซึ่งยังจะต้องส่งอีกนั้น กรรมการจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะได้วินิจฉัยเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1120'}]",เมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นก็ให้เป็นไปตามที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย +พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มีการกำหนดบทอนุโลมที่ใช้บังคับกับการโอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินคืนให้แก่ผู้จำหน่ายทรัพย์หรือไม่,มี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตาม มาตรา 21 พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 15 มาตรา 16 มาตรา 17 และมาตรา 19 มาใช้บังคับกับการโอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินคืนให้แก่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์ หรือปลดสินทรัพย์จากการเป็นหลักประกันในระหว่างการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '21'}]",มี +สรรพากรจังหวัดมีอำนาจเรียกผู้ต้องชำระภาษีอากรที่ค้างอยู่มาให้ถ้อยคำหรือไม่,มีอำนาจ ในกรณีที่สรรพากรจังหวัดเห็นว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้าง ย่อมสามารถเรียกให้ผู้ต้องชำระภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 12 ตรี (1) ประมวลรัษฎากรเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 12 ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 12 หรือสรรพากรจังหวัดมีอำนาจ (1) ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้าง และบุคคลใด ๆ ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12 ตรี'}]",มีอำนาจ ในกรณีที่สรรพากรจังหวัดเห็นว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้าง ย่อมสามารถเรียกให้ผู้ต้องชำระภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องแสดงข้อความในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้ครบถ้วนหรือไม่ และถ้ามีการแสดงข้อความเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงจะมีโทษอย่างไร,ต้องแสดงข้อความให้ครบถ้วน หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 59 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '59'}]",ต้องแสดงข้อความให้ครบถ้วน หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 +ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีหน้าที่ในการส่งมอบเอกสารให้แก่ผู้ทำบัญชีอย่างไร,มีหน้าที่ต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ครบถ้วน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 12 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ในการจัดทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้บัญชีที่จัดทำขึ้นสามารถแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '12'}]",มีหน้าที่ต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ครบถ้วน +ศาลสามารถสั่งให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับบิดาหรือมารดาเพียงคนใดคนหนึ่งได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1566 (5) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้ศาลสามารถสั่งให้บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดาหรือมารดาก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1566'}]",ได้ +ผู้ถือหุ้นห้ามลงคะแนนเสียงในกรณีใดบ้าง,ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในเรื่องที่กำลังจะมีการลงมติ ห้ามให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น ตามมาตรา 1185 ประ��วลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1185'}]",ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในเรื่องที่กำลังจะมีการลงมติ ห้ามให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น +เจ้าหนี้บุริมสิทธิสามารถบังคับชำระหนี้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่าซึ่งเป็นหนี้ตนได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 260 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากมีบุริมสิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหนี้สามารถเอาค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และหนี้อย่างอื่นของผู้เช่าอันเกิดจากความเกี่ยวพันในเรื่องเช่าได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '260'}]",ได้ +คณะกรรมการเปรียบเทียบตามพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีอำนาจเปรียบเทียบความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนหรือไม่,มีอำนาจ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 342 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจเปรียบเทียบความผิดที่เปรียบเทียบได้ตามกฎหมายต่าง ๆ คือ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ เฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ หรือตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2527,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '342'}]",มีอำนาจ +ผู้เยาว์สามารถบอกล้างนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆียะกรรมได้หรือไม่,ได้ แต่เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 175 (1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดกรณีที่สามารถบอกล้างโมฆียะกรรมได้ เช่น ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้เยาว์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ผู้เยาว์จะบอกล้างก่อนที่ตนบรรลุนิติภาวะก็ได้ถ้าได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '175'}]",ได้ แต่เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว +ผู้รับบุตรบุญธรรมสามารถรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมได้หรือไม่,ไม่ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1598/29 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การรับบุตรบุญธรรมไม่ก่อให้เกิดสิ��ธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมเพราะเหตุการณ์รับบุตรบุญธรรมนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/29'}]",ไม่ได้ +การเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการต้องจดทะเบียนหรือไม่,ต้องจดทะเบียน โดยจะต้องทำการจดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ตามมาตรา 1078/2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1078/2'}]",ต้องจดทะเบียน โดยจะต้องทำการจดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง +ข้อกำหนดพินัยกรรมในการจัดตั้งมูลนิธิ จะไร้ผลในกรณีใดบ้าง,มีหลายกรณี คือ กรณีที่จัดสรรทรัพย์สินไม่ได้ กรณีที่มูลนิธิตั้งขึ้นไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมาย และกรณีที่มูลนิธิตั้งขึ้นไม่ได้เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 1679 วรรค 3,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1679'}]",มีหลายกรณี คือ กรณีที่จัดสรรทรัพย์สินไม่ได้ กรณีที่มูลนิธิตั้งขึ้นไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมาย และกรณีที่มูลนิธิตั้งขึ้นไม่ได้เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน +ทรัพย์สินที่จำนองได้เอาประกันภัยไว้จะสามารถเรียกเอาสิทธิจำนองกับผู้รับประกันภัยได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 231 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินที่จำนอง จำนำ หรืออยู่ในบังคับบุริมสิทธิประการอื่นนั้นเป็นทรัพย์อันได้เอาประกันภัยไว้ ท่านว่าสิทธิจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิอย่างอื่นนั้นย่อมครอบคลุมไปถึงสิทธิที่จะเรียกร้องเอาแก่ผู้รับประกันภัยด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '231'}]",ได้ +สมาชิกของสมาคมที่รู้ว่าสมาคมไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายมีความผิดหรือไม่,"มี โดยมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 51 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 กำหนดว่า ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลใดที่ใช้ชื่อว่าสมาคมโดยรู้อยู่ว่าเป็นสมาคมที่ไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท","[{'law': 'พระร���ชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '51'}]","มี โดยมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท" +ผู้นำเข้าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่สินค้าที่นำเข้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเขตปลอดอากร หรือไม่,ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลการกรและชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลากร ในกรณีที่สินค้าที่นำเข้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์ถูกปล่อยออกมาโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก หรือได้มีการนำสินค้าออกจากเตตปลอดอากรโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 83/9 ประมวลรัษฎากร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/9'}]",ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลการกรและชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลากร ในกรณีที่สินค้าที่นำเข้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์ถูกปล่อยออกมาโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก หรือได้มีการนำสินค้าออกจากเตตปลอดอากรโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 83/9 ประมวลรัษฎากร +ชื่อของมูลนิธิต้องมีคำว่ามูลนิธิประกอบด้วยหรือไม่,ต้องมี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 113 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มูลนิธิต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “มูลนิธิ” ประกอบกับชื่อของมูลนิธิ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '113'}]",ต้องมี +บริษัทจำกัดไม่เสนอหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมได้หรือไม่,"ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 21 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '21'}]","ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +กรณีทำคำเสนอไปยังผู้อยู่ห่างโดยระยะทางแต่ไม่ได้บอกระยะเวลาทำคำสนองไว้สามารถถอนคำเสนอได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะไม่ได้ระบุระยะเวลาทำคำสนองไว้ ทำให้ผู้อยู่ห่างโดยระยะทางทำคำสนองมาเมื่อไหร่ก็ได้จึงทำให้ไ���่สามารถถอนคำสนองภายในระยะเวลาอันควรคาดหมายได้เนื่องจากไม่ได้ระบุระยะเวลาไว้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 355 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '355'}]",ไม่ได้ เพราะไม่ได้ระบุระยะเวลาทำคำสนองไว้ ทำให้ผู้อยู่ห่างโดยระยะทางทำคำสนองมาเมื่อไหร่ก็ได้จึงทำให้ไม่สามารถถอนคำสนองภายในระยะเวลาอันควรคาดหมายได้เนื่องจากไม่ได้ระบุระยะเวลาไว้ +คณะกรรมการบริษัทแสดงรายการในรายงานประจำปีไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่,"ไม่ได้ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท คำอธิบายเพิ่มเติม : ตาม มาตรา 207 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการบริษัทใดแสดงรายการตามมาตรา 114 (3) (4) หรือ (5) ไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงกับความจริง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '207'}]","ไม่ได้ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +คณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดไม่จัดให้มีการเสนองบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีได้หรือไม่,ไม่ได้ ต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน ณ วันสิ้นสุดรอบปีบัญชี เพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีทำการอนุมัติ ตามมาตรา 112 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '112'}]",ไม่ได้ ต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน ณ วันสิ้นสุดรอบปีบัญชี เพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีทำการอนุมัติ ตามมาตรา 112 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มีความผิดหรือไม่,มี โดยมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 31 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคสาม มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 หรือมาตรา 17 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '31'}]",มี โดยมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินั��� +กฎเกณฑ์ของศูนย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก.ล.ต.ก่อนหรือไม่,ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก.ล.ต.ก่อนนำไปใช้บังคับ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 63 วรรค 1พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กฎเกณฑ์ของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้มีผลใช้บังคับเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '63'}]",ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก.ล.ต.ก่อนนำไปใช้บังคับ +เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ตกอยู่ในภาระจำยอมต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งตนได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมทรัพย์นั้นด้วยหรือไม่,ต้องเสียค่าใช้จ่ายตามส่วนแห่งประโยชน์ที่ตนได้รับจากการซ่อมแซมทรัพย์นั้น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1391 วรรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าของสามยทรัพย์ต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเองรักษาซ่อมแซมการที่ได้ทำไปแล้วให้เป็นไปด้วยดี แต่ถ้าเจ้าของภารยทรัพย์ได้รับประโยชน์ด้วย ต้องออกค่าใช้จ่ายตามส่วนแห่งประโยชน์ที่ได้รับ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1391'}]",ต้องเสียค่าใช้จ่ายตามส่วนแห่งประโยชน์ที่ตนได้รับจากการซ่อมแซมทรัพย์นั้น +คู่กรณีในนิติกรรมที่มีเงื่อนไข จะทำการขัดขวางให้เงื่อนไขนั้นไม่สำเร็จได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะเป็นที่เสื่อมเสียประโยชน์แก่คู่กรณีอีกฝ่ายซึ่งจะได้จากความสำเร็จของเงื่อนไขนั้น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 184 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ คู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแห่งนิติกรรมอันอยู่ในบังคับเงื่อนไขจะต้องงดเว้นไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เป็นที่เสื่อมเสียประโยชน์แก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะพึงได้จากความสำเร็จแห่งเงื่อนไขนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '184'}]",ไม่ได้ เพราะเป็นที่เสื่อมเสียประโยชน์แก่คู่กรณีอีกฝ่ายซึ่งจะได้จากความสำเร็จของเงื่อนไขนั้น +ผู้ทรงตั๋วเงินไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาใช่หรือไม่,"ใช่ ผู้ทรงตั๋วเงินไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาในกรณีต่อไปนี้ + +1. กรณีกำหนดเวลาสำหรับยื่นตั๋วแลกเงินชนิดให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น หรือในระยะเวลาอย่างใดอย่างหนึ่งภายหลังได้เห็นได้ล่วงพ้นไปแล้ว +2. กรณีกำหนดเวลาสำหรับทำคำคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินได้ล่วงพ้นไปแล้ว + 3. กรณีกำหนดเวลาสำหรับยื่นตั๋วเพื่อให้ใช้เงิน ที่มีข้อกำหนดว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน”ได้ล่วงพ้นไปแล้ว + +ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 973 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '973'}]",ใช่ ผู้ทรงตั๋วเงินไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาในกรณีต่อไปนี้ 1. กรณีกำหนดเวลาสำหรับยื่นตั๋วแลกเงินชนิดให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น หรือในระยะเวลาอย่างใดอย่างหนึ่งภายหลังได้เห็นได้ล่วงพ้นไปแล้ว 2. กรณีกำหนดเวลาสำหรับทำคำคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินได้ล่วงพ้นไปแล้ว 3. กรณีกำหนดเวลาสำหรับยื่นตั๋วเพื่อให้ใช้เงิน ที่มีข้อกำหนดว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน”ได้ล่วงพ้นไปแล้ว +กรณีกรรมการมูลนิธิดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและอาจเป็นภยันตรายต่อความมั่นคงของรัฐต้องรับผิดหรือไม่,ต้องรับผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 66 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 กรรมการของมูลนิธิผู้ใดดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ และการดำเนินกิจการนั้นน่าจะเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '66'}]",ต้องรับผิด +ถ้าการรับรองตั๋วเงินด้วยการสอดเข้าแก้หน้าไม่ได้ระบุไว้ว่ารับรองเพื่อใคร ผลจะเป็นอย่างไร,ให้ถือว่าการรับรองนั้นทำเพื่อผู้สั่งจ่าย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 952 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า ย่อมทำด้วยเขียนระบุความลงบนตั๋วแลกเงิน และลงลายมือชื่อของผู้สอดเข้าแก้หน้าเป็นสำคัญ อนึ่ง ต้องระบุลงไว้ว่าการรับรองนั้นทำให้เพื่อใคร ถ้าไม่ได้ด้ระบุไว้ ให้ถือว่าทำให้เพื่อผู้สั่งจ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '952'}]",ให้ถือว่าการรับรองนั้นทำเพื่อผู้สั่งจ่าย +สามีและภริยาสามารถมีภูมิลำเนาแยกต่างหากจากกันได้หรือไม่,ได้ โดยการที่สามีหรือภริยาแสดงเจตนาให้ปรากฏว่ามีภูมิลำเนาแยกต่างหากจากกัน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 43 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภูมิลำเนาของสามีและภริยา ได้แก่ถิ่นที่อยู่ที่สามีและภริยาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา เว้นแต่สามีหรือภริยาได้แสดงเจตนาให้ปรากฏว่ามีภูมิลำเนาแยกต่างหากจากกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '43'}]",ได้ โดยการที่สามีหรือภริยาแสดงเจตนาให้ปรากฏว่ามีภูมิลำเนาแยกต่างหากจากกัน +ธนาคารต้องรับผิดในกรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คตามเช็คขีดคร่อมไม่มีสิทธิในเช็คนั้นหรือไม่,ไม่ต้องรับผิด หากธนาคารได้รับเงินไว้โดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1000 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ธนาคารใดได้รับเงินไว้เพื่อผู้เคยค้าของตนโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ อันเป็นเงินเขาใช้ให้ตามเช็คขีดคร่อมทั่วไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ตนก็ดี หากปรากฏว่าผู้เคยค้านั้นไม่มีสิทธิหรือมีสิทธิเพียงอย่างบกพร่องในเช็คนั้นไซร้ ท่านว่าเพียงแต่เหตุที่ได้รับเงินไว้หาทำให้ธนาคารนั้นต้องรับผิดต่อผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้นแต่อย่างหนึ่งอย่างใดไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1000'}]",ไม่ต้องรับผิด หากธนาคารได้รับเงินไว้โดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อ +พนักงานสอบสวนสามารถนำสิ่งใดที่สำนักงานก.ล.ต.ส่งมอบให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีอาญาได้บ้าง,ข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสารและหลักฐานที่ส่งมอบในการกล่าวโทษผู้กระทำความผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : มาตรา 54 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ส่งมอบในการกล่าวโทษผู้กระทำผิด พนักงานสอบสวนอาจนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีอาญาได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '54'}]",ข้อมูล ข้อเท็จจ���ิง เอกสารและหลักฐานที่ส่งมอบในการกล่าวโทษผู้กระทำความผิด +คู่ฉบับตราสารที่ได้ปิดแสตมป์แล้วต้องนำตราสารต้นฉบับมาแสดงอีกหรือไม่,ต้องนำมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 110 ประมวลรัษฎากร คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสารใด แม้จะได้ปิดแสตมป์สำหรับคู่ฉบับหรือคู่ฉีกนั้นตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้แล้วก็ดี ถ้ามิได้นำตราสารต้นฉบับหรือพยานหลักฐานมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าตราสารต้นฉบับนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว มิให้ถือว่าคู่ฉบับหรือคู่ฉีกนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรสำหรับตราสารต้นฉบับและขีดฆ่าแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '110'}]",ต้องนำมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว +บุคคลสามารถแก้ไขคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยรู้ว่าอาจทำให้ราคาหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดได้หรือไม่,ไม่ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 244/7 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บุคคลใดส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์เข้าไปในระบบซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โดยรู้หรือควรรู้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นน่าจะทำให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดและเป็นเหตุให้ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ล่าช้าหรือหยุดชะงัก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '244/7'}]",ไม่ได้ +ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากรต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งก่อน โดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุแห่งการจ่ายเงิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 3 จตุทศ ประมวลรัษฎากร ในกรณีที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งก่อน ไม่ว่าการจ่ายเงินนั้นจะเกิดขึ้นจากคำสั่งหรือคำบังคับของศาลหรือตามกฎหมายหรือเหตุอื่นใดก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 จตุทศ'}]",ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งก่อน โดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุแห่งการจ่ายเงิน +เมื่อความเป็นผู้จ��ดการทรัพย์สินสิ้นสุดลงเพราะมีเหตุเกี่ยวกับตัวผู้จัดการทรัพย์สินต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ต้องแถลงให้ศาลทราบถึงความสิ้นสุดของการเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เพื่อที่ศาลจะได้มีคำสั่งเกี่ยวกับผู้จัดการทรัพย์สินต่อไป โดยบุคคลที่มีอำนาจแถลง ได้แก่ ผู้จัดการทรัพย์สินหรือทายาทของผู้จัดการทรัพย์สิน ผู้จัดการมรดก ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของผู้จัดการทรัพย์สิน ตามมาตรา 59 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '59'}]",ต้องแถลงให้ศาลทราบถึงความสิ้นสุดของการเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เพื่อที่ศาลจะได้มีคำสั่งเกี่ยวกับผู้จัดการทรัพย์สินต่อไป โดยบุคคลที่มีอำนาจแถลง ได้แก่ ผู้จัดการทรัพย์สินหรือทายาทของผู้จัดการทรัพย์สิน ผู้จัดการมรดก ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของผู้จัดการทรัพย์สิน +เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนในแต่ละโครงการจัดการกองทุนรวมต้องรวมเข้าเป็นกองทรัพย์สินหรือไม่,ต้องรวมเข้าเป็นกองทรัพย์สิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 124 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนในแต่ละโครงการจัดการกองทุนรวมให้รวมเข้าเป็นกองทรัพย์สิน และให้บริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนกองทรัพย์สินดังกล่าวเป็นกองทุนรวมกับสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '124'}]",ต้องรวมเข้าเป็นกองทรัพย์สิน +บุคคลอาจได้ที่ดินมาตามกฎหมายที่ดินในกรณีใดบ้าง,กรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินที่มีผู้เวนคืน หรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายที่ดิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1334 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน บุคคลอาจที่ดินเหล่านั้นได้ตามกฎหมายที่ดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1334'}]",กรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินที่มีผ��้เวนคืน หรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายที่ดิน +ผู้ประกอบการสำนักหักบัญชีต้องได้รับใบอนุญาตหรือไม่,ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 219 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบการเป็นสำนักหักบัญชี เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '219'}]",ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. +ในการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทมหาชนจำกัดโดยทั่วไปต้องมีองค์ประชุมอย่างไร,องค์ประชุมบริษัทมหาชนจำกัด จะต้องมีผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น (ถ้ามี) มาประชุมไม่น้อยกว่า 25 คนหรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด และต้องมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ตามมาตรา 103 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 เว้นแต่พระราชบัญญัตินี้จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '103'}]",องค์ประชุมบริษัทมหาชนจำกัด จะต้องมีผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น (ถ้ามี) มาประชุมไม่น้อยกว่า 25 คนหรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด และต้องมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด +การจำนำทรัพย์สินซึ่งเป็นสิทธิที่มีตราสาร จะไม่ส่งมอบตราสารแก่ผู้รับจำนำได้หรือไม่,ไม่ได้ ต้อองส่งมอบตราสารให้แก่ผู้รับจำนำ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 750 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินที่จำนำเป็นสิทธิซึ่งมีตราสาร และมิได้ส่งมอบตราสารนั้นให้แก่ผู้รับจำนำ ทั้งมิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือแจ้งการจำนำแก่ลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยไซร้ ท่านว่าการจำนำย่อมเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '750'}]",ไม่ได้ ต้อองส่งมอบตราสารให้แก่ผู้รับจำนำ +ความผิดตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ซึ่งมีโทษทางปกครองหรือมีโทษปรับสถานเดียวอาจขาดอายุความได้ในกรณีใด,กรณีที่มิได้มีการลงโทษทางปกครอง หรือกรณีที่มิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล หรือกรณีที่มิได้มีการเปรียบเทียบโดยคณะกรรม��ารเปรียบเทียบความผิด ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่วินิจฉัยว่ามีการกระทำความผิด หรือภายใน 5 ปี นับแต่วันที่มีการกระทำความผิด ทั้งนี้ ตามมาตรา 154 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '154'}]",กรณีที่มิได้มีการลงโทษทางปกครอง หรือกรณีที่มิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล หรือกรณีที่มิได้มีการเปรียบเทียบโดยคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิด ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่วินิจฉัยว่ามีการกระทำความผิด หรือภายใน 5 ปี นับแต่วันที่มีการกระทำความผิด +กรณีไม่ปรากฏภูมิลำเนาให้ถือที่ใดเป็นภูมิลำเนา,ให้ถือว่า ถิ่นที่อยู่ เป็นภูมิลำเนา คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 39 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าภูมิลำเนาไม่ปรากฏ ให้ถือว่าถิ่นที่อยู่เป็นภูมิลำเนา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '39'}]",ให้ถือว่า ถิ่นที่อยู่ เป็นภูมิลำเนา +ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้าต้องมีลายมือชื่อของนายคลังสินค้าหรือไม่,ต้องมี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 778 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า ต้องมีเลขลำดับตรงกันกับเลขในต้นขั้ว และลงลายมือชื่อของนายคลังสินค้า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '778'}]",ต้องมี +กรณีนิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กรรมการ ผู้จัดการของนิติบุคคลต้องรับผิดด้วยหรือไม่,ต้องรับโทษทางปกครองตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคล ตามมาตรา 119 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '119'}]",ต้องรับโทษทางปกครองตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคล ตามมาตรา 119 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 +ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนต้องมอบกิจการและเอกสารของบริษัทให้แก่คณะกรรมการภายในกี่วัน,ต้องมอบให้แก่คณะกรรมการภายใน 7 วัน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 37 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องมอบกิจการและเอกสารทั้งปวงของบริษัทแก่คณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุมจัดตั้งบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '37'}]",ต้องมอบให้แก่คณะกรรมการภายใน 7 วัน +การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 รวมถึงการแลกเปลี่ยนด้วยหรือไม่,รวมด้วย โดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ให้รวมถึงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 38 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 บทบัญญัติในหมวดนี้ให้ใช้บังคับกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตาม พระราชกำหนดนี้ การซื้อขายตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '38'}]",รวมด้วย โดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ให้รวมถึงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย +ใครมีสิทธิจะได้รับชำระเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดสินค้าบ้าง,1) นายคลังสินค้า 2) ผู้ทรงประทวนสินค้า เมื่อนำประทวนมาเวนคืน 3) ผู้รับจำนำ เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า 4) ผู้ทรงใบรับของคลังสินค้า เมื่อไม่มีผู้รับจำนำ หรือผู้รับจำนำได้รับชำระหนี้แล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 792 นายคลังสินค้าต้องหักเงินที่ค้างชำระแก่ตนเนื่องด้วยการเก็บรักษาสินค้านั้นจากจำนวนเงินสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ และเมื่อผู้ทรงประทวนสินค้านำประทวนมาเวนคืน ต้องเอาเงินที่เหลือนั้นให้ตามจำนวนที่ค้างชำระแก่เขา ถ้ามีเงินเหลือเท่าใด ต้องใช้แก่ผู้รับจำนำคนหลังเมื่อเขาเวนคืนใบรับของคลังสินค้าหรือถ้าไม่มีผู้รับจำนำคนหลัง หรือผู้รับจำนำคนหลังได้รับชำระหนี้แล้ว ก็ให้ชำระเงินที่เหลืออยู่นั้นแก่ผู้ทรงใบรับของคลังสินค้า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '792'}]",1) นายคลังสินค้า 2) ผู้ทรงประทวนสินค้า เมื่อนำประทวนมาเวนคืน 3) ผู้รับจำนำ เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า 4) ผู้ทรงใบรับของคลังสินค้า เมื่อไม่มีผู้รับจำนำ หรือผู้รับจำนำได้รับชำระหนี้แล้ว +กรณีที่ความผิดของบริษัทเกิดจากการสั่งการของกรรมการคนหนึ่ง กรรมการคนนั้นต้องรับผิดหรือไม่,ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับความผิดนั้น ๆ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 40 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '40'}]",ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับความผิดนั้น ๆ +ใครที่สามารถแต่งตั้งผู้ปกครองทรัพย์ได้บ้าง,1) ผู้ทำพินัยกรรม 2) บุคคลซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้ตั้ง คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1690 ผู้ปกครองทรัพย์นั้น ย่อมตั้งขึ้นได้โดย (1) ผู้ทำพินัยกรรม (2) บุคคลซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้ตั้ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1690'}]",1) ผู้ทำพินัยกรรม 2) บุคคลซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้ตั้ง +ต้องการเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการของห้างหุ้นส่วนได้หรือไม่,ได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1032 ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมแห่งห้างหุ้นส่วนหรือประเภทแห่งกิจการ นอกจากด้วยความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดด้วยกันทุกคน เว้นแต่จะมีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1032'}]",ได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน +ถ้ามีตั๋วแลกเงินสามารถยื่นแก่ผู้จ่ายได้ในทันทีเพื่อให้รับรอง ได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 929 ภายในบังคับบทบัญญัติมาตรา 927 ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมีสิทธิที่จะยื่นตั๋วเงินแก่ผู้จ่ายได้ในทันใดเพื่อให้รับรอง ถ้าและเขาไม่รับรองภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงไซร้ ผู้ทรงก็มีสิทธิที่จะคัดค้าน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '929'}]",ได้ +เพ��่อคุ้มครองผู้ลงทุน สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่อย่างไร,มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำความผิด รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดที่ได้รับมาเนื่องจากการปฏิบัติตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 15,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '15'}]",มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำความผิด รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดที่ได้รับมาเนื่องจากการปฏิบัติตามกฎหมาย +ผู้ขายสามารถสอดเข้ามาในคดีเพื่อปฏิเสธการเรียกร้องของบุคคลภายนอกได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 478 ถ้าผู้ขายเห็นเป็นการสมควร จะสอดเข้าไปในคดีเพื่อปฏิเสธการเรียกร้องของบุคคลภายนอก ก็ชอบที่จะทำได้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '478'}]",ได้ +ทายาทจะฟ้องผู้จัดการมรดกเกี่ยวกับการจัดการมรดก ต้องฟ้องภายในกี่ปี,ต้องฟ้องภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1733 วรรคสอง ระบุห้ามมิให้ทายาทฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกเกินกว่า 5 ปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1733'}]",ต้องฟ้องภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง +หากขุดดินในที่ของตัวเองอย่างเหมาะสมไม่เป็นอันตรายแก่ที่ดินข้างๆ ทำได้หรือไม่,ได้ หากมีการจัดการที่เพียงพอเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดแก่ที่ดินข้างเคียง คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1343 ห้ามมิให้ขุดดินหรือบรรทุกน้ำหนักบนที่ดินเกินควรจนอาจเป็นเหตุอันตรายแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินติดต่อ เว้นแต่จะจัดการเพียงพอเพื่อป้องกันความเสียหาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1343'}]",ได้ หากมีการจัดการที่เพียงพอเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดแก่ที่ดินข้างเคียง +ถ้ามีหนี้ร่วมกับคนอื่น แล้วเจ้าหนี้ยอมยกหนี้ให้เฉพาะกับบางคน ผลจะเป็นอย่างไร,"ลูกหนี้คนอื่นที่ไม่ได้รับการยกหนี้ จะได้ประโยชน์โดยหนี้ที่ร่วมกันจะลดลงเท่าส่วนของคนที่ได้รับการยกหนี้ คำอธิบายขยายความ: การยกหนี้เป็นการปลดหนี้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งในกรณีที่หนี้นั้นมีลูกหนี้หลายคนร่วมกัน แล้วเจ้าหนี้ปลดหนี้ให้คนเดียว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 293 ระบุให้เป็นประโยชน์กับลูกหนี้คนอื่นเท่าส่วนของลูกหนี้ที่ปลดให้ เช่น A และ B เป็นลูกหนี้ร่วมกันซึ่งต้องรับผิดเท่ากันในยอดเงินรวม 400,000 บาท ต่อมาเจ้าหนี้ปลดหนี้ให้ B เช่นนี้ หนี้ที่คงเหลือที่ B ต้องชำระจึงเป็น 200,000 บาท","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '293'}]",ลูกหนี้คนอื่นที่ไม่ได้รับการยกหนี้ จะได้ประโยชน์โดยหนี้ที่ร่วมกันจะลดลงเท่าส่วนของคนที่ได้รับการยกหนี้. +ผู้เยาว์สามารถทำพินัยกรรมได้ตอนอายุเท่าไหร่,เมื่ออายุ 15 ปีบริบูรณ์ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 25,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '25'}]",เมื่ออายุ 15 ปีบริบูรณ์ +ถ้าภรรยามีหนี้สินส่วนตัวระหว่างสมรส ต้องชำระหนี้อย่างไร,ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 ถ้าสามีหรือภริยาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ก่อไว้ก่อนหรือระหว่างสมรส ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1488'}]",ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น +ผู้จัดการกองทุนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียน มีความผิดอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 35 ผู้จัดการกองทุนใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 12 ทวิ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 23 มาตรา 23/1 มาตรา 23/2 หรือมาตรา 23/4 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '35'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท +หากชำระหนี้และไม่���ู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ในฐานะลูกหนี้สามารถเรียกคืนเงินนั้นได้หรือไม่,เรียกคืนไม่ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/28 การชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องซึ่งขาดอายุความแล้วนั้นไม่ว่ามากน้อยเพียงใดจะเรียกคืนไม่ได้ แม้ว่าผู้ชำระหนี้จะไม่รู้ว่าสิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้วก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/28'}]",เรียกคืนไม่ได้ +ใครเป็นผู้ประเมินเกี่ยวกับภาษีเงินได้,เจ้าพนักงานประเมิน คำอธิบานขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 38 ภาษีเงินได้นี้อยู่ในประเภทภาษีอากรประเมิน และให้เจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินเกี่ยวกับภาษีในหมวดนี้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '38'}]",เจ้าพนักงานประเมิน +ถ้าเด็กได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองให้ขายทรัพย์สินได้แต่ไม่ได้ระบุว่าให้ขายเพื่อการใด เด็กสามารถขายทรัพย์สินนั้นได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 26 ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ผู้เยาว์จำหน่ายทรัพย์สินเพื่อการอันใดอันหนึ่งอันได้ระบุไว้ ผู้เยาว์จะจำหน่ายทรัพย์สินนั้นเป็นประการใดภายในขอบของการที่ระบุไว้นั้นก็ทำได้ตามใจสมัคร อนึ่ง ถ้าได้รับอนุญาตให้จำหน่ายทรัพย์สินโดยมิได้ระบุว่าเพื่อการอันใด ผู้เยาว์ก็จำหน่ายได้ตามใจสมัคร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '26'}]",ได้ +บุคคลใดที่คาดว่าเป็นเจ้าของหุ้นกู้,ผู้ที่ครอบครอง 1) ใบหุ้นกู้ หรือ 2) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือที่มีการสลักหลังแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 52 ผู้ใดครอบครองใบหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือที่ออกตามมาตรา 33 ที่มีการสลักหลังตามมาตรา 51 แล้ว ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของหลักทรัพย์นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '52'}]",ผู้ที่ครอบครอง 1) ใบหุ้นกู้ หรือ 2) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือที่มีการสลักหลังแล้ว +สมาชิกสามัญของสภาวิชาชีพบัญชีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,สมาชิกสามัญต้องเป็��ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ 1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ 2) มีสัญชาติไทย 3) สำเร็จการศึกษาวิชาการบัญชีไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี หรือได้รับประกาศนียบัตร หรือวุฒิอื่นเทียบเท่าปริญญาตรีสาขาวิชาชีพการบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรอง หรือสำเร็จการศึกษาสาขาอื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด 4) ไม่เป็นผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณอันนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชีตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี 5) ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่เป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี 6) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 13,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '13'}]",สมาชิกสามัญต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ 1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ 2) มีสัญชาติไทย 3) สำเร็จการศึกษาวิชาการบัญชีไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี หรือได้รับประกาศนียบัตร หรือวุฒิอื่นเทียบเท่าปริญญาตรีสาขาวิชาชีพการบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรอง หรือสำเร็จการศึกษาสาขาอื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด 4) ไม่เป็นผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณอันนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชีตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี 5) ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่เป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี 6) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +ถ้ามูลนิธิมีการแก้ไขข้อบังคับแต่ไม่ได้นำไปจดทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด มีความผิดหรือไม่,มีความผิด ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 64 มูลนิธิใดมิได้จดทะเบียนข้อบังคับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '64'}]",มีความผิด ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +ผู้ถือหุ้นสามารถจัดส่งหนังสือนัดประชุมไปยังผู้ถือหุ้นอื่น ๆ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้หรือไม่,ได้ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเป็นผู้เรียกประชุม และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ได้แจ้งความประสงค์ไว้แก่บริษัทว่าให้ส่งหนังสือทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 101/1 ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเรียกประชุมเองตามมาตรา 100 วรรคสอง ผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมอาจจัดส่งหนังสือนัดประชุมไปยังผู้ถือหุ้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ หากผู้ถือหุ้นนั้นได้แจ้งความประสงค์หรือให้ความยินยอมไว้แก่บริษัทหรือคณะกรรมการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 7/1 แล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '101/1'}]",ได้ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเป็นผู้เรียกประชุม และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ได้แจ้งความประสงค์ไว้แก่บริษัทว่าให้ส่งหนังสือทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ +ลูกหนี้ไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิเรียกร้องนั้นของลูกหนี้ได้หรือไม่,ได้ ถ้าลูกหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ต้องเสียประโยชน์ ยกเว้นสิทธินั้นเป็นสิทธิส่วนตัวโดยแท้ของลูกหนี้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233 ถ้าลูกหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องหรือเพิกเฉยเสียไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ต้องเสียประโยชน์ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้นในนามของตนเองแทนลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้นั้นก็ได้ เว้นแต่ในข้อที่เป็นการของลูกหนี้ส่วนตัวโดยแท้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '233'}]",ได้ ถ้าล��กหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ต้องเสียประโยชน์ ยกเว้นสิทธินั้นเป็นสิทธิส่วนตัวโดยแท้ของลูกหนี้ +ถ้ากำหนดมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาชำระเป็นค่าหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง มีความผิดหรือไม่,มีความผิด ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองเท่าของจำนวนที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 219 ผู้ใดโดยทุจริตกำหนดค่าทรัพย์สินหรือสิ่งที่นำมาชำระเป็นค่าหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองเท่าของจำนวนที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงนั้น*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '219'}]",มีความผิด ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองเท่าของจำนวนที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง +ถ้าผู้สอบบัญชีไม่แจ้งพฤติการณ์ความผิดของกรรมการบริษัทให้บริษัททราบ มีโทษหรือไม่,มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/8 ผู้สอบบัญชีผู้ใดหรือคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา89/25 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '281/8'}]",มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท +กิจการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77/3 นอกจากกรณีตามมาตรา 91/4 กิจการใดที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 หรือได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/3 ย่อมไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 นี้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/3'}]",ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +ผู้รับจำนำสามารถเรียกค่าบำรุงรักษาทรัพย์สินจำนำจากผู้จำนำได้หรือไม่,ได้ ถ้าไม่ได้มีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 762 ค่าใช้จ่ายใด ๆ อันควรแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินจำนำนั���น ผู้จำนำจำต้องชดใช้ให้แก่ผู้รับจำนำ เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '762'}]",ได้ ถ้าไม่ได้มีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา +ถ้าลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน และไม่ได้เขียนว่าเป็นการลงลายมือชื่อแทนบุคคลอื่น ต้องรับผิดชอบตั๋วเงินนั้นหรือไม่,ต้องรับผิดตามตั๋วเงิน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 901 ถ้าบุคคลคนใดลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงิน และมิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่งไซร้ ท่านว่าบุคคลคนนั้นย่อมเป็นผู้รับผิดตามความในตั๋วเงินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '901'}]",ต้องรับผิดตามตั๋วเงิน +สัญญาหลักประกันทางธุรกิจต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติใด,ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '1'}]",ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 +เจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้จากเงินที่บุคคลอื่นค้างชำระแก่ลูกหนี้ได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 214 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา 733 เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้จนสิ้นเชิง รวมทั้งเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกค้างชำระแก่ลูกหนี้ด้วยได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '214'}]",ได้ +สำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้าอยู่ภายใต้กรมใด,กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 7 ให้จัดตั้งสำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้าขึ้นในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อควบคุมการออกใบอนุญาตและการจดทะเบียนสมาคมการค้าทั่วราชอาณาจักร และทำหน้าที่เป็นสำนักงานทะเบียนสมาคมการค้าประจำกรุงเทพมหานคร ...,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '7'}]",กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ +การแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในข้อบังคับของมูลนิธิทำได้หรือไม่,ทำได้แต่เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้ 1) เพื่อให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ หรือ 2) พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นเหตุให้วัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นมีประโยชน์น้อย หรือไม่อาจดำเนินการให้สมประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นได้ และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิมของมูลนิธิ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 127,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '127'}]",ทำได้แต่เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้ 1) เพื่อให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ หรือ 2) พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นเหตุให้วัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นมีประโยชน์น้อย หรือไม่อาจดำเนินการให้สมประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นได้ และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิมของมูลนิธิ. +ปฏิเสธไม่ชำระหนี้เพราะสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ขาดอายุความ ได้หรือไม่,ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/10 สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/10'}]",ได้ +โฆษณาว่าจะให้รางวัล ถ้ามีคนทำสำเร็จจริง ต้องให้รางวัลหรือไม่,ให้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใด ๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '362'}]",ให้ +ถ้ามีคู่สัญญาฝ่ายละหลายคน จะเลิกสัญญาต้องทำอย่างไร,ถ้าฝ่ายที่จะใช้สิทธิเลิกสัญญามีหลายคน ทุกคนต้องใช้สิทธิ และถ้าฝ่ายที่จะถูกเลิกสัญญามีหลายคน ฝ่ายที่จะใช้สิทธิต้องใช้สิทธิกับอีกฝ่ายทุกคน คำอธิบายขยายความ: ในการเลิกสัญญาที่มีคู่สัญญาฝ่ายละหลายคน มีเงื่อนไขว่า ถ้าฝ่ายที่จะใช้สิทธิเลิกสัญญามีหลายคน ทุกคนต้องใช้สิทธิ คนใดคนหนึ่งจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาลำพังไม่ได้ ส่วนกรณีคู่สัญญาฝ่ายที่จะถูกเลิกสัญญามีหลายคน ฝ่ายที่จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจะต้องใช้สิทธิกับอีกฝ่ายทุกคน จะบอกเลิกสัญญาเอากับคนใดคนหนึ่งของอีกฝ่ายไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 390,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '390'}]",ถ้าฝ่ายที่จะใช้สิทธิเลิกสัญญามีหลายคน ทุกคนต้องใช้สิทธิ และถ้าฝ่ายที่จะถูกเลิกสัญญามีหลายคน ฝ่ายที่จะใช้สิทธิต้องใช้สิทธิกับอีกฝ่ายทุกคน. +ขอทราบหน้าที่การจัดการกองทรัสต์ของทรัสตี,จัดการกองทรัสต์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังเยี่ยงผู้มีวิชาชีพ รวมทั้งด้วยความชำนาญ โดยปฏิบัติต่อผู้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับประโยชน์ คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 30 ทรัสตีมีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังเยี่ยงผู้มีวิชาชีพ รวมทั้งด้วยความชำนาญ โดยปฏิบัติต่อผู้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับประโยชน์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '30'}]",จัดการกองทรัสต์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังเยี่ยงผู้มีวิชาชีพ รวมทั้งด้วยความชำนาญ โดยปฏิบัติต่อผู้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับประโยชน์. +การเก็บของในคลังสินค้าสามารถนำข้อกฎหมายในเรื่องใดมาปรับใช้ได้บ้าง,การฝากทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 771 บทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยฝากทรัพย์นั้นท่านให้นำมาใช้บังคับแก่การเก็บของในคลังสินค้าด้วยเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติในลักษณะนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '771'}]",การฝากทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +กรรมการบริษัทต้องจัดให้ถือบัญชีใดบ้าง,1) บัญชีจำนวนเงินที่บริษัทได้รับและได้จ่าย ทั้งรายการอันเป็นเหตุให้รับหรือจ่ายเงินทุกกรณีไป 2) บัญชีสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1206,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1206'}]",1) บัญชีจำนวนเงินที่บริษัทได้รับและได้จ่าย ทั้งรายการอันเป็นเหตุให้รับหรือจ่ายเงินทุกกรณีไป 2) บัญชีสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท +ถ้าไม่ได้กำหนดวันชำระค่าฝากทรัพย์ไว้ในสัญญา ต้องชำระเมื่อใด,ให้ชำระเมื่อคืนทรัพย์สินที่ได้ฝากไว้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ��งและพาณิชย์ มาตรา 669 ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาไว้ในสัญญา หรือไม่มีกำหนดโดยจารีตประเพณีว่าบำเหน็จค่าฝากทรัพย์นั้นจะพึงชำระเมื่อไรไซร้ ท่านให้ชำระเมื่อคืนทรัพย์สินซึ่งฝาก ถ้าได้กำหนดเวลากันไว้เป็นระยะอย่างไร ก็พึงชำระเมื่อสิ้นระยะเวลานั้นทุกคราวไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '669'}]",ให้ชำระเมื่อคืนทรัพย์สินที่ได้ฝากไว้ +บริษัทจำกัดสามารถออกหุ้นกู้ได้หรือไม่,บริษัทจำกัดไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1229 บริษัทจะออกหุ้นกู้ไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1229'}]",บริษัทจำกัดไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ +ถ้าคนทึ่มีสิทธิเหนือพื้นดินไม่ยอมจ่ายค่าเช่าตามที่ตกลง อีกฝ่ายจะบอกเลิกสิทธิเหนือที่ดินได้หรือไม่,ถ้าไม่จ่ายค่าเช่า 2 ปีติดกัน อีกฝ่ายบอกเลิกได้ คำอธิบายขยายความ: คนที่มีสิทธิเหนือพื้นดิน ตามกฎหมายเรียกว่าผู้ทรงสิทธิเหนือพื้นดิน ในกรณีทึ่ตกลงเรื่องค่าเช่ากันไว้แต่ผู้ทรงละเลยไม่ยอมชำระ อีกฝ่ายจะบอกเลิกสิทธิเหนือพื้นดินได้ต่อเมื่อผู้ทรงค้างชำระ 2 ปีติดกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1414,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1414'}]",ถ้าไม่จ่ายค่าเช่า 2 ปีติดกัน อีกฝ่ายบอกเลิกได้ +ในการเช่าที่ดิน หากอยากเปลี่ยนฐานะเป็นผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้หรือไม่,ได้ โดยการบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือไปยังผู้ครอบครอง คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1381'}]",ได้ โดยการบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือไปยังผู้ครอบครอง +หากอยากสั่งให้ผู้ทำบัญชีเข้ามาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี ต้องดำเนินการอย่างไร,ให้สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีสั่งเป็นหนังสือ 1) ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือให้นำส่ง ณ ภูมิลำเนาหรื��ถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ทำบัญชี 2) ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้นั้น จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วและอยู่หรือทำงานอยู่ในบ้านหรือสถานที่ประกอบธุรกิจที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้ 3) ในกรณีที่ไม่สามารถส่งตามวิธีการในข้อ 1 และข้อ 2 ได้ หรือผู้ทำบัญชีออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ใช้วิธีปิดหนังสือดังกล่าวในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้นั้นหรือบ้านที่ผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียน หรือโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 24 เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '24'}]",ให้สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีสั่งเป็นหนังสือ 1) ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือให้นำส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ทำบัญชี 2) ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้นั้น จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วและอยู่หรือทำงานอยู่ในบ้านหรือสถานที่ประกอบธุรกิจที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้ 3) ในกรณีที่ไม่สามารถส่งตามวิธีการในข้อ 1 และข้อ 2 ได้ หรือผู้ทำบัญชีออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ใช้วิธีปิดหนังสือดังกล่าวในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่หรือสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้นั้นหรือบ้านที่ผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียน หรือโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้. +หลักเกณฑ์การออกหุ้นใหม่เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้และโครงการแปลงหนี้เป็นทุนของบริษัทมหาชน ต้องเป็นไปตามกฎหมายใด,ต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 54/1 วรรคสอง ระบุให้หลักเกณฑ์และวิธีการการออกหุ้นใหม่เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และโครงการแปลงหนี้เป็นทุนของบริษัทมหาชน เป็นไปที่กำหนดในตามกฎกระทรวงที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '54/1'}]",ต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +ผู้ทรงตั๋วเงินจะใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อบุคคลที่ตนส่งคู่ฉีกไปให้เขารับรอง ได้อย่างไร,ต้องทำการคัดค้านโดยระบุความดังต่อไปนี้ คือ 1) ว่าคู่ฉีกฉบับซึ่งได้ส่งไปเพื่อรับรองนั้น เขาไม่สละให้แก่ตนเมื่อทวงถาม 2) ว่าไม่สามารถจะให้เขารับรองหรือใช้เงินด้วยคู่ฉีกฉบับอื่นได้ แล้วจึงใช้สิทธิไล่เบี้ย คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 981 คู่สัญญาซึ่งส่งคู่ฉีกฉบับหนึ่งไปให้เขารับรอง ต้องเขียนแถลงลงในคู่ฉีกฉบับอื่นว่าคู่ฉีกฉบับโน้นอยู่ในมือบุคคลชื่อไร ส่วนบุคคลคนนั้นก็จำต้องสละตั๋วให้แก่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายแห่งคู่ฉีกฉบับอื่นนั้น ถ้าบุคคลคนนั้นบอกปัดไม่ยอมให้ ท่านว่าผู้ทรงยังจะใช้สิทธิไล่เบี้ยไม่ได้จนกว่าจะได้ทำคัดค้านระบุความดังต่อไปนี้ คือ (1) ว่าคู่ฉีกฉบับซึ่งได้ส่งไปเพื่อรับรองนั้น เขาไม่สละให้แก่ตนเมื่อทวงถาม (2) ว่าไม่สามารถจะให้เขารับรองหรือใช้เงินด้วยคู่ฉีกฉบับอื่นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '981'}]",ต้องทำการคัดค้านโดยระบุความดังต่อไปนี้ คือ 1) ว่าคู่ฉีกฉบับซึ่งได้ส่งไปเพื่อรับรองนั้น เขาไม่สละให้แก่ตนเมื่อทวงถาม 2) ว่าไม่สามารถจะให้เขารับรองหรือใช้เงินด้วยคู่ฉีกฉบับอื่นได้ แล้วจึงใช้สิทธิไล่เบี้ย +เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยากจะควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ต้องดำเนินการอย่างไร,1) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามที่กฎหมายกำหนด และ 2) ให้นิติบุคคลใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากันแล้ว ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 85/14 ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นนิติบุคคลใดประสงค์จะควบเข้ากัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 85/15 ตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้นิติบุคคลใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากันยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/14'}]",1) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามที่กฎหมายกำหนด และ 2) ให้นิติบุคคลใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากันแล้ว ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ +คำสั่งของสำนักงานก.ล.ต. ในเรื่องเกี่ยวกับทรัสต์มีผลบังคับใช้อย่างไร,มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 6 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดใด ๆ ที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '6'}]",มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป +ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,1. ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด และ 2. ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 54 ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัดและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ... การขออนุญาต การขอจดทะเบียน การออกใบอนุญาต และการรับจดทะเบียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '54'}]",1. ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด และ 2. ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. +บุคคลสองคนเป็นหนี้ที่แบ่งกันชำระไม่ได้ ต้องทำอย่างไร,ต้องรับผิดโดยเป็นลูกหนี้ร่วมกันในหนี้นั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 301 ถ้าบุคคลหลายคนเป็นหนี้อันจะแบ่งกันชำระมิได้ ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นต้องรับผิดเช่นอย่างลูกหนี้ร่วมกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '301'}]",ต้องรับผิดโดยเป็นลูกหนี้ร่วมกันในหนี้นั้น +กรณีใดที่ผู้ทรงไม่ต้องร้องขอให้ทำคำคัดค้าน,ในกรณีที่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังลงข้อกำหนดไว้ในตั๋วเงิน ว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน” หรือ “ไม่มีคัดค้าน” หรือสำนวนอื่นใดทำนองนั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งแ���ะพาณิชย์ มาตรา 964,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '964'}]",ในกรณีที่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังลงข้อกำหนดไว้ในตั๋วเงิน ว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน” หรือ “ไม่มีคัดค้าน” หรือสำนวนอื่นใดทำนองนั้น +ถ้าเขียนข้อความที่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องเขียนลงในตั๋วเงิน จะมีผลอย่างไร,ข้อความนั้นไม่เป็นผลแก่ตั๋วเงินนั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 899 ข้อความอันใดซึ่งมิได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะนี้ ถ้าเขียนลงในตั๋วเงิน ท่านว่าข้อความอันนั้นหาเป็นผลอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ตั๋วเงินนั้นไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '899'}]",ข้อความนั้นไม่เป็นผลแก่ตั๋วเงินนั้น +มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในกรณีปกติคะแนนเสียงต้องตัดสินอย่างไร,ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 107 เว้นแต่พระราชบัญญัตินี้จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นนั้นให้ประกอบด้วยคะแนนเสียงดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีปกติ ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ...,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '107'}]",ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด +การนำตั๋วเงินลงเป็นรายการในบัญชีเดินสะพัด หมายถึงอะไร,อาจจะมีผู้ชำระเงินตามตั๋วนั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 857 การนำตั๋วเงินลงเป็นรายการในบัญชีเดินสะพัดนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าได้ลงด้วยเงื่อนไขว่าจะมีผู้ชำระเงินตามตั๋วนั้น ถ้าและตั๋วนั้นมิได้ชำระเงินไซร้ จะเพิกถอนรายการอันนั้นเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '857'}]",อาจจะมีผู้ชำระเงินตามตั๋วนั้น +ผู้เริ่มจัดต���้งบริษัทต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,1) บรรลุนิติภาวะแล้ว 2) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เริ่มจัดตั้งทั้งหมด 3) จองหุ้น และหุ้นที่จองทั้งหมดนั้นต้องเป็นหุ้นที่ชำระค่าหุ้นเป็นตัวเงินรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของทุนจดทะเบียน 4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย และ 5) ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ได้กระทำโดยทุจริต คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 17,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '17'}]",1) บรรลุนิติภาวะแล้ว 2) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เริ่มจัดตั้งทั้งหมด 3) จองหุ้น และหุ้นที่จองทั้งหมดนั้นต้องเป็นหุ้นที่ชำระค่าหุ้นเป็นตัวเงินรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของทุนจดทะเบียน 4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย และ 5) ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ได้กระทำโดยทุจริต +ถ้าพินัยกรรมมีเงื่อนไขว่าจะจัดการมรดกได้ตอนอายุ 20 ปี ระหว่างรอให้อายุครบต้องทำอย่างไร,ร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมนั้นจนกว่าจะอายุครบ 20 ปี หรือจนกว่าความสำเร็จแห่งเงื่อนไขตกเป็นอันพ้นวิสัยก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1675 เมื่อพินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน ผู้รับประโยชน์ตามข้อความแห่งพินัยกรรมนั้นจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่เงื่อนไขสำเร็จ หรือจนกว่าความสำเร็จแห่งเงื่อนไขตกเป็นอันพ้นวิสัยก็ได้ ถ้าศาลเห็นเป็นการสมควร จะตั้งผู้ร้องนั้นเป็นผู้จัดการทรัพย์สินเสียเอง และเรียกให้ผู้ร้องนั้นวางประกันตามที่สมควรก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1675'}]",ร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมนั้นจนกว่าจะอายุครบ 20 ปี หรือจนกว่าความสำเร็จแห่งเงื่อนไขตกเป็นอันพ้นวิสัยก็ได้ +ใครที่สามารถร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสได้,สามีหรือภริยา คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 สามีหรือภริยาอาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1485'}]",สามีหรือภริยา +ผู้ให้ฟ้องคดีถอนคืนการให้เมื่อพ้น 10 ปีแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะเป็นของใคร,กรรมสิทธิ์เป็นของผู้รับ เนื่องจากขาดอายุความที่จะฟ้องร้องได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1333 ท่านว่ากรรมสิทธิ์นั้น อาจได้มาโดยอายุความตามที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 3 (ให้) แห่งบรรพนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1333'}]",กรรมสิทธิ์เป็นของผู้รับ เนื่องจากขาดอายุความที่จะฟ้องร้องได้ +ถ้าจะฟ้องคดีเนื่องจากตัวแทนนำเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สามารถเรียกดอกเบี้ยด้วยได้หรือไม่,ได้ โดยตัวแทนต้องเสียดอกเบี้ยในเงินนั้นนับแต่วันที่ได้เอาไปใช้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 811 ถ้าตัวแทนเอาเงินซึ่งควรจะได้ส่งแก่ตัวการ หรือซึ่งควรจะใช้ในกิจของตัวการนั้นไปใช้สอยเป็นประโยชน์ตนเสีย ท่านว่าตัวแทนต้องเสียดอกเบี้ยในเงินนั้นนับแต่วันที่ได้เอาไปใช้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '811'}]",ได้ โดยตัวแทนต้องเสียดอกเบี้ยในเงินนั้นนับแต่วันที่ได้เอาไปใช้ +ถ้าผู้ขนส่งพิสูจน์ได้ว่าของนั้นบุบสลายเพราะความผิดของผู้ส่ง ผู้ขนส่งต้องรับผิดหรือไม่,ไม่ต้องรับผิด คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งมอบชักช้า เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลายหรือชักช้านั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเอง หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับตราส่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '616'}]",ไม่ต้องรับผิด +ผู้เยาว์สามารถทำพินัยกรรมเองได้หรือไม่,ได้ เนื่องจากการทำพินัยกรรมเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว คำอธิบายขยายความ : ���ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 23 ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '23'}]",ได้ เนื่องจากการทำพินัยกรรมเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว +บริษัทหลักทรัพย์จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่นของตนเอง ได้อย่างไร,ต่อเมื่อได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งในโครงการจัดการกองทุนรวมที่ได้รับอนุมัติและในหนังสือชี้ชวนและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 126/1 ในการจัดการกองทุนรวมบริษัทหลักทรัพย์จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่นที่บริษัทหลักทรัพย์เดียวกันนั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการได้ต่อเมื่อได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งในโครงการจัดการกองทุนรวมที่ได้รับอนุมัติและในหนังสือชี้ชวนและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '126/1'}]",ต่อเมื่อได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งในโครงการจัดการกองทุนรวมที่ได้รับอนุมัติและในหนังสือชี้ชวนและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนด +ถ้าสงสัยว่าสมาคมการค้าแห่งหนึ่งดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องดำเนินการอย่างไร,ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้สมาคมการค้านั้นแจ้งวันเวลาประชุมทุกคราวมาให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน ในกรณีเช่นนี้ให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปฟังการประชุมได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 34 ... สมาคมการค้าใดไม่แจ้งวันเวลาประชุมตามคำสั่งของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้สมาคมการค้านั้นงดการประชุมได้ครั้งหนึ่งไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนสั่ง ในกรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้งดการประชุม ให้นำมาตรา 10 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '34'}]",ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้สมาคมการค้านั้นแจ้งวันเวลาประชุมทุกคราวมาให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน ในกรณีเช่นนี้ให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปฟังการประชุมได้ +คนต่างด้าวจะเดินทางออกจากประเทศไทยขอรับใบผ่านภาษีอากร สามารถออกใบดังกล่าวได้หรือไม่,ได้ ในกรณีที่เห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเหตุผลสมควรจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการรีบด่วนและชั่วคราว และผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือจะที่ต้องชำระ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ฉ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ฉ'}]",ได้ ในกรณีที่เห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเหตุผลสมควรจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการรีบด่วนและชั่วคราว และผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือจะที่ต้องชำระ +ตั๋วสัญญาใช้เงิน ต้องมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง,ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ คือ 1) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน 2) คำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน 3) วันถึงกำหนดใช้เงิน 4) สถานที่ใช้เงิน 5) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน 6) วันและสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 7) ลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 983,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '983'}]",ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ คือ 1) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน 2) คำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน 3) วันถึงกำหนดใช้เงิน 4) สถานที่ใช้เงิน 5) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน 6) วันและสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 7) ลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว +ตามกฎหมายหลักทรัพย์ กรรมการกองทุนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีวาระการดำรงตำแหน่งอย่างไร,มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/10 กรรมการกองทุนตามมาตรา 218/7 (4) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/10'}]",มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ +ตามกฎหมายบริษัทมหาชน ถ้าไม่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มีโทษหรือไม่,มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 212 ผู้ใดขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ตรวจสอบซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 130 หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 190 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '212'}]",มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ต้องใช้บทบัญญัติใดมาปรับใช้กับเรื่องอำนาจหน้าที่ของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์,บทบัญญัติที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 217,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '217'}]",บทบัญญัติที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ +เหตุใดบ้างที่ศาลอาจสั่งให้บริษัทจำกัดเลิกกิจการได้,1) ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท 2) ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายในปีหนึ่งนับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการถึงปีหนึ่งเต็ม 3) ถ้าการค้าของบริษัททำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้ 4) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสามคน 5) เมื่อมีเหตุอื่นใดทำให้บริษัทนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1237 ... แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท ศาลจะสั่งให้ยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือให้มีการประชุมตั้งบริษัทแทนสั่งให้เลิกบริษัทก็ได้ แล้วแต่จะเห็นควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1237'}]",1) ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท 2) ถ้าบริ���ัทไม่เริ่มทำการภายในปีหนึ่งนับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการถึงปีหนึ่งเต็ม 3) ถ้าการค้าของบริษัททำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้ 4) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสามคน 5) เมื่อมีเหตุอื่นใดทำให้บริษัทนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ +รายงานประจำปีของคณะกรรมการบริษัทมหาชน อย่างน้อยต้องมีรายงานเกี่ยวกับอะไร,1) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัท จำนวนและชนิดหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบริษัทในเครือ (ถ้ามี) ลักษณะของบริษัทที่จะเป็นบริษัทในเครือ 2) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว จำนวนและชนิดหุ้นของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนที่บริษัทถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนตั้งแต่ร้อยละสิบขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนนั้น (ถ้ามี) 3) รายละเอียดที่กรรมการแจ้งต่อบริษัท 4) ผลประโยชน์ตอบแทน หุ้น หุ้นกู้ หรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นที่กรรมการได้รับจากบริษัทพร้อมกับระบุชื่อกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับนั้น 5) รายการอย่างอื่นตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 114,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '114'}]",1) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัท จำนวนและชนิดหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบริษัทในเครือ (ถ้ามี) ลักษณะของบริษัทที่จะเป็นบริษัทในเครือ 2) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว จำนวนและชนิดหุ้นของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนที่บริษัทถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนตั้งแต่ร้อยละสิบขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนนั้น (ถ้ามี) 3) รายละเอียดที่กรรมการแจ้งต่อบริษัท 4) ผลประโยชน์ตอบแทน หุ้น หุ้นกู้ หรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นที่กรรมการได้รับจากบริษัทพร้อมกับระบุชื่อกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับนั้น 5) รายการอย่างอื่นตามที่กฎหมายกำหนด +ตามกฎหมายหลักทรัพย์ ในการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่,ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 265 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '265'}]",ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง +คดีเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำละเมิดมีอายุความเท่าใด,มีอายุความ 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้น 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด แต่อาจมีอายุความยาวกว่านี้ได้หากการทำละเมิดนั้นเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย เพราะให้ยึดตามคดีอาญา คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 ระบุให้คดีดังกล่าวมีอายุความ 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายอยู่ถึงการละเมิดและรวมตัวผู้ต้องชนหรือเมื่อผล 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด ทั้งนี้ หากเป็นการเรียกร้องจากการกระทำผิดกฎหมายอาญา อาจมีอายุความยาวกว่านั้นได้ถ้าในคดีอาญามีอายุความยาวกว่า ให้ใช้อายุความที่ยาวกว่า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '448'}]",มีอายุความ 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้น 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด แต่อาจมีอายุความยาวกว่านี้ได้หากการทำละเมิดนั้นเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย เพราะให้ยึดตามคดีอาญา. +ผู้ให้หลักประกันต้องรับผิดเพื่อความเสียหายในกรณีที่หลักประกันสูญหายหรือไม่,ไม่ต้องรับผิด แต่ผู้ให้หลักประกันต้องพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นจากเหตุที่ตนต้องรับผิดชอบ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 23,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '23'}]",ไม่ต้องรับผิด แต่ผู้ให้หลักประกันต้องพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นจากเหตุที่ตนต้องรับผิดชอบ +กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามกฎหมายการประกอบ��ุรกิจคนต่างด้าวซึ่งพ้นจากตำแหน่งสามารถได้รับแต่งตั้งอีกได้หรือไม่,ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 24,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '24'}]",ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ +ถ้าตกลงให้ลูกหนี้ชำระเงินด้วยสกุลเงินที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร,กฎหมายให้ถือเสมือนว่าไม่ได้ระบุให้ใช้สกุลเงินนั้น คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 197 ระบุให้กรณีมีการตกลงให้ลูกหนี้ชำระเงินด้วยสกุลเงินที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ให้ถือเสมือนว่าไม่ได้ระบุให้ใช้สกุลเงินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '197'}]",กฎหมายให้ถือเสมือนว่าไม่ได้ระบุให้ใช้สกุลเงินนั้น +ถ้ามีตราสารแล้วอยากโอนให้บุคคลอื่น ต้องทำอย่างไร,ต้องสลักหลังไว้ที่ตราสารและส่งมอบตราสารนั้นให้แก่ผู้รับโอน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกอื่นๆได้ คำอธิบายขยายความ: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 309 ระบุให้ ผู้โอนตราสารต้องสลักหลังที่ตราสารและส่งมอบตราสารนั้นให้แก่ผู้รับโอนจึงจะสามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกคนอื่นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '309'}]",ต้องสลักหลังไว้ที่ตราสารและส่งมอบตราสารนั้นให้แก่ผู้รับโอน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกอื่นๆได้ +สำนักงาน ก.ล.ต. ต้องดำเนินการอย่างไรถ้าทรัสตีไม่ส่งรายงานหรือเอกสารตามที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดไว้,กฎหมายกำหนดให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ทรัสตีกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันความเสียหายหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับกองทรัสต์หรือสาธารณชน คำอธิบายขยายความ: กรณีทรัสตีไม่ส่งรายงานหรือเอกสารตามที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 60 กำหนดให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ทรัสตีกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันความเสี���หายหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับกองทรัสต์หรือสาธารณชน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '60'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ทรัสตีกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันความเสียหายหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับกองทรัสต์หรือสาธารณชน. +กรณีลูกค้าได้รับทรัพย์สินคืนไม่ครบจำนวนจากผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จะเอาทรัพย์คืนอย่างไร,ลูกค้าสามารถเอาทรัพย์สินคืนได้โดยวิธี ดังนี้ ให้ลูกค้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ในคดีล้มละลายของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ ระยะเวลายื่นขอรับชำระหนี้ที่ยังขาด ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '45'}]",ลูกค้าสามารถเอาทรัพย์สินคืนได้โดยวิธี ดังนี้ ให้ลูกค้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ในคดีล้มละลายของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ ระยะเวลายื่นขอรับชำระหนี้ที่ยังขาด ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 +อายุความสิทธิเรียกร้องระหว่างสามีภริยาสิ้นสุดเมื่อใด,อายุความสิทธิเรียกร้องระหว่างสามีภริยา 1 ปี นับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/22'}]",อายุความสิทธิเรียกร้องระหว่างสามีภริยา 1 ปี นับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง +คำมั่นจะซื้อหรือขายเป็นผลเมื่อใด,คำมั่นจะซื้อหรือขายเป็นผลเมื่อ อีกฝ่ายหนึ่งได้บอกความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้สำเร็จตลอดไป และคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงผู้ให้คำมั่นแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 454 กรณีคำมั่นไม่มีกำหนดเวลา ถ้าในคำมั่นไม่ได้กำหนดเวลาไว้ บุคคลผู้ให้คำมั่นจะกำหนดเวลาพอสมควร และบอกกล่าวไปยังคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้ตอบมาเป็นแน่นอนภายในเวลากำหนดนั้นก็ได้ ว่าจะทำการซื้อขายให้สำเร็จตลอดไปหรือไม่ ถ้าและไม่ตอบภายในกำหนด คำมั่นซึ่งได้ให้ไว้ก่อนนั้นก็เป็นอันไร้ผล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '454'}]",คำมั่นจะซื้อหรือขายเป็นผลเมื่อ อีกฝ่ายหนึ่งได้บอกความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้สำเร็จตลอดไป และคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงผู้ให้คำมั่นแล้ว +ผู้ปกครองครองต้องจัดการเรื่องทรัพย์สินใดบ้างของผู้อยู่ใต้ปกครอง,ผู้ปกครองครองต้องจัดการเรื่องทรัพย์สิน ดังนี้ 1 หาประกันอันสมควรในการจัดการทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง ตลอดจนการมอบคืนทรัพย์สินนั้น 2 แถลงถึงความเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1597 กรณีข้างต้น ผู้ปกครองจะต้องกระทำเมื่อ 1 ศาลเห็นสมควรโดยลำพัง หรือ 2 ผู้มีส่วนได้เสีย หรืออัยการร้องขอ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1597'}]",ผู้ปกครองครองต้องจัดการเรื่องทรัพย์สิน ดังนี้ 1 หาประกันอันสมควรในการจัดการทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง ตลอดจนการมอบคืนทรัพย์สินนั้น 2 แถลงถึงความเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง +การถอนอำนาจปกครองมีกรณีใดบ้าง,การถอนอำนาจปกครองแบ่งเป็นกรณีดังนี้ 1 การถอนอำนาจปกครอง 1.1 เป็นคนไร้ความสามารถ 1.2 เสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งของศาลก็ดี 1.3 ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ 1.4 ประพฤติชั่วร้าย 2 การถอนอำนาจจัดการทรัพย์สิน 2.1 ล้มละลาย 2.2 จัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยก็ดี คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 กรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งเอง หรือจะสั่งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1582'}]",การถอนอำนาจปกครองแบ่งเป็นกรณีดังนี้ 1 การถอนอำนาจปกครอง 1.1 เป็นคนไร้ความสามารถ 1.2 เสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งของศาลก็ดี 1.3 ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ 1.4 ประพฤติชั่วร้าย 2 การถอนอำนาจจัดการทรัพย์สิน 2.1 ล้มละลาย 2.2 จัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยก็ดี +กรณีใดที่ทำให้เจ้าหนีเป็นเจ้าหนี้ผิดนัด,กรณีที่ ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '207'}]",กรณีที่ ลูก���นี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมาย +การจะเป็นหุ้นส่วนจำเป็นต้องลงทุนหรือไม่,ต้องลงทุนจึงจะเป็นหุ้นส่วนได้ โดยสามารถลงทุนได้ด้วย เงิน ทรัพย์สินอื่น แรงงาน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1026'}]",ต้องลงทุนจึงจะเป็นหุ้นส่วนได้ โดยสามารถลงทุนได้ด้วย เงิน ทรัพย์สินอื่น แรงงาน +บริษัทจำกัด ต้องมีสำนักงานหรือไม่,ต้องมีอย่างน้อย 1 แห่ง เนื่องจาก ใช้เป็นธุระติดต่อเพื่อส่งคำบอกกล่าวต่าง ๆ (จดหมาย) คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1148 สถานที่สำนักงานต้องส่งแก่นายทะเบียนบริษัท และให้นายทะเบียนจดข้อความนั้นลงในทะเบียนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1148'}]",ต้องมีอย่างน้อย 1 แห่ง เนื่องจาก ใช้เป็นธุระติดต่อเพื่อส่งคำบอกกล่าวต่าง ๆ (จดหมาย) +คณะกรรมการสมาคมการค้ามีหน้าที่ใดบ้าง,คณะกรรมการสมาคมการค้ามีหน้าที่ ดังนี้ 1 เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมการค้า 2 เป็นผู้แทนของสมาคมการค้าในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 18 คณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนใดคนหนึ่ง หรือหลายคนทำการแทนก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '18'}]",1 เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมการค้า 2 เป็นผู้แทนของสมาคมการค้าในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก +ผู้เสียหายสามารถเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยได้หรือไม่,ได้ ดังนี้ ค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประกันภัย(บริษัทประกัน)ได้ใช้ไปโดยคำพิพากษา ถ้ายังไม่คุ้มค่าวินาศภัยเต็มจำนวน ผู้เอาประกันภัย(ผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย) ก็ยังคงต้องใช้เงินจำนวนที่ยังขาด ข้อยกเว้น ผู้เอาประกันไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมที่ยังขาด เนื่องจาก บุคคลผู้เสียหายไม่เรียกตัวผู้เอาประกันภัย(ผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย) เข้ามาสู่คดีด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '888'}]",ได้ ดังนี้ ค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประกันภัย(บริษัทประกัน)ได้ใช้ไปโดยคำพิพากษา ถ้ายังไม่คุ้มค่าวินาศภัยเต็มจำนวน ผู้เอาประกันภัย(ผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย) ก็ยังคงต้องใช้เงินจำนวนที่ยังขาด ข้อยกเว��น ผู้เอาประกันไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมที่ยังขาด เนื่องจาก บุคคลผู้เสียหายไม่เรียกตัวผู้เอาประกันภัย(ผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย) เข้ามาสู่คดีด้วย. +ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีมาตราใดบ้าง,ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีดังนี้ มาตรา287 มาตรา 296 มาตรา 296/1 มาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 309 มาตรา 310 มาตรา 311 มาตรา 312 คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 314 การกระทำผิดตามมาตราที่กล่าวมา ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '314'}]",มาตรา287 มาตรา 296 มาตรา 296/1 มาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 309 มาตรา 310 มาตรา 311 มาตรา 312 +คนต่างด้าวออกใบผ่านภาษีอากรได้หรือไม่,ได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 1 มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยเป็นธุระปกติ 2 ต้องเกี่ยวกับการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 4 อัฏฐ วิธีการขอใบผ่านภาษีอากร มีดังนี้ 1 ยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี 2 ให้ออกใบผ่านภาษีอากรให้ใช้เป็นประจำ หลักเกณ์การได้ใบผ่านภาษีอากร มีดังนี้ 1 ผู้รับคำร้องพิจารณาต้องเห็นว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีความจำเป็นตามที่ร้องขอ 2 มีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือที่จะต้องชำระแล้ว ผล คือ สามารถออกใบผ่านภาษีอากรให้ตามแบบที่อธิบดีกำหนดก็ได้ ระยะเวลาของใบผ่านภาษีอากร ใช้ได้ตามที่ระบุในใบผ่านภาษีอากรนั้น แต่ต้องไม่เกินกว่า 180 วันนับแต่วันออก,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 อัฏฐ'}]",ได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 1 มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยเป็นธุระปกติ 2 ต้องเกี่ยวกับการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ +ข้อบังคับการประชุมใหญ่ บริษัทจำกัดมีอะไรบ้าง,ข้อบังคับการประชุมใหญ่ให้ปฏิบัติตาม มาตรา 1178 - 1195 ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ยกเว้น มีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1177'}]",ข้อบังคับการประช���มใหญ่ให้ปฏิบัติตาม มาตรา 1178 - 1195 ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ยกเว้น มีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น +การสละมรดกสามารถสละได้เวลาใด,ต้องสละมรดกภายหลังจากที่เจ้ามรดก เสียชีวิตแล้วเท่านั้น คำธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619 ทายาทไม่สามารถสละ จำหน่าย จ่าย โอน สิทธิ ที่จะมีในอนาคตจากการสืบมรดกของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้(เจ้ามรดกยังไม่ตาย),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1619'}]",ต้องสละมรดกภายหลังจากที่เจ้ามรดก เสียชีวิตแล้วเท่านั้น +การจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โดยบริษัทหลักทรัพย์ต้องทำอย่างไร,การจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โดยบริษัทหลักทรัพย์ ต้องทำดังนี้ 1 บริษัทหลักทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 15 ราย 2 ขอรับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. จัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่มิได้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '204'}]",การจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โดยบริษัทหลักทรัพย์ ต้องทำดังนี้ 1 บริษัทหลักทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 15 ราย 2 ขอรับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. จัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่มิได้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ +คณะอนุกรรมการการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้รับค่าตอบแทนหรือไม่,คณะอนุกรรมการตามมาตรา 12 ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 13 ค่าใช้จ่าย(ประโบชน์ตอบแทน) ให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '13'}]",คณะอนุกรรมการตามมาตรา 12 ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด +บุคคลที่ต้องเสียภาษีที่ว่าการอำเภอสามารถเสียภาษีที่อื่นได้หรือไม่,ได้ เมื่อรัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ไปเสีย ณ สำนักงานแห่งอื่นก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 3 จัตวา การเสียภาษีอากร ให้ถือว่าเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรั���เงินจากหัวหน้าสำนักงานแห่งนั้นและลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 จัตวา'}]",ได้ เมื่อรัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ไปเสีย ณ สำนักงานแห่งอื่นก็ได้ +วิธีการโอนตั๋วแลกเงินต้องโอนอย่างไร,"ตั๋วแลกเงินโอนได้ด้วยการ ""ส่งมอบ"" ให้กัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '918'}]","ตั๋วแลกเงินโอนได้ด้วยการ ""ส่งมอบ"" ให้กัน" +อายุความเรียกค่าสินไหมประกันภัยและเรียกเบี้ยประกันภัยกี่ปี,การเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน อายุความ 2 ปี นับแต่วันที่เกิดวินาศภัย การเรียกให้ใช้หรือคืนเบี้ยประกันภัย อายุความ 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิจะเรียกให้ใช้หรือคืนเบี้ยประกันภัย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '882'}]",การเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน อายุความ 2 ปี นับแต่วันที่เกิดวินาศภัย การเรียกให้ใช้หรือคืนเบี้ยประกันภัย อายุความ 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิจะเรียกให้ใช้หรือคืนเบี้ยประกันภัย +ภายหลังที่สำนักหักบัญชีซื้อขายล่วงหน้าได้ดำเนินการตามมาตรา 84 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 แล้วยังมีทรัพย์สินของสมาชิกเหลืออยู่ ต้องทำเดินการอย่างไร,สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องดำเนินการ ดังนี้ ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการทรัพย์สินของสมาชิกตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '85'}]",สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องดำเนินการ ดังนี้ ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการทรัพย์สินของสมาชิกตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย +การเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ มีข้อปฏิบัติใดบ้าง,"การเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ มีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1 ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานตามมาตรา 65 2 ห้ามผู้ใดขายหรือเสนอขายในระหว่างที่สำนักงานสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา 76 คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 276 โทษขอ���การฝ่าฝืน 2 กรณีข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '276'}]",การเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ มีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1 ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานตามมาตรา 65 2 ห้ามผู้ใดขายหรือเสนอขายในระหว่างที่สำนักงานสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา 76 +ฝากทรัพย์คืออะไร,การฝากทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ฝาก ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 โดยสัญญาขายฝากสามารถแยกองค์ประกอบได้ ดังนี้ 1 เป็นสัญญา 2 มีบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ฝาก 3 ผู้ฝากมีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สิน 4 ส่งมอบให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับฝาก 5 ผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน 6 และผู้รับฝากจะคืนให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '657'}]",การฝากทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ฝาก ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้ +บุคคลใดสามารถเป็นทายาทได้,บุคคลธรรมดาต้องมีความสามารถดังต่อไปนี้จึงสามารถเป็นทายาทได้ 1 บุคคลธรรมดา 2 มีสภาพบุคคล หรือสามารถใช้สิทธิได้ตามมาตรา 15 ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ 3 ในเวลาที่เจ้ามรดกตาม และรวมถึง 1 เด็กที่เกิดมาอยู่รอดใน 310 วัน 2 นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1604'}]",บุคคลธรรมดาต้องมีความสามารถดังต่อไปนี้จึงสามารถเป็นทายาทได้ 1. บุคคลธรรมดา 2. มีสภาพบุคคล หรือสามารถใช้สิทธิได้ตามมาตรา 15 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3. ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตา�� รวมถึงเด็กที่เกิดมารอดอยู่ภายในสามร้อยสิบวันนับแต่เวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย. +คุณสมบัติคณะกรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าคืออะไร,คุณสมบัติคณะกรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือ จำนวนกรรมการอย่างน้อย 2 ใน 5 ของจำนวนกรรมการต้องเป็นบุคคลซึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลผลประโยชน์ของสมาชิก ผู้ลงทุน หรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในอัตราส่วนที่เหมาะสมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '60'}]",คุณสมบัติคณะกรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือ จำนวนกรรมการอย่างน้อย 2 ใน 5 ของจำนวนกรรมการต้องเป็นบุคคลซึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลผลประโยชน์ของสมาชิก ผู้ลงทุน หรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในอัตราส่วนที่เหมาะสมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +รายการใดบ้างที่ต้องระบุตอนขอจดทะเบียนบริษัท,รายการที่ต้องระบุมี 8 รายการ ดังนี้ 1 จำนวนหุ้นทั้งสิ้นซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อ หรือได้จัดออกให้แล้วแยกให้ปรากฏว่าเป็นชนิดหุ้นสามัญเท่าใด หุ้นบุริมสิทธิเท่าใด 2 จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว นอกจากที่ใช้เป็นตัวเงิน และหุ้นที่ได้ใช้แต่บางส่วนนั้น ให้บอกว่าได้ใช้แล้วเพียงใด 3 จำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วหุ้นละเท่าใด 4 จำนวนเงินที่ได้รับไว้เป็นค่าหุ้นรวมทั้งสิ้นเท่าใด 5 ชื่อ อาชีวะ และที่สำนักของกรรมการทุกคน 6 ถ้าให้กรรมการต่างมีอำนาจจัดการของบริษัทได้โดยลำพังตัวให้แสดงอำนาจของกรรมการนั้น ๆ ว่าคนใดมีเพียงใด และบอกจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้นั้นด้วย 7 ถ้าตั้งบริษัทขึ้นชั่วกาลกำหนดอันหนึ่ง ให้บอกกาลกำหนดอันนั้นด้วย 8 ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1111 รายการที่ต้องระบุเพิ่มเติมหากมี 9 การลงทะเบียนจะมีรายการอย่างอื่นซึ่งกรรมการเห็นสมควรจะให้ทราบแก่ประชาชนก็ลงได้ 10 ถ้าได้ทำข้อบังคับของบริษัทไว้ต้องส่งสำเนาข้อบังคับนั้น ๆ ไปด้วย โดยสำเนารายงานการประชุมตั้งบริษัทหนังสือและสำเนาข้อบังคับบริษัท กรรมการต้องลงลายมือชื่อรับรอง 1 คน เป็นอย่างน้อย ผลการจดทะเบียน ให้พนักงานทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนส่งมอบให้แก่บริษัทฉบับหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1111'}]",รายการที่ต้องระบุมี 8 รายการ ดังนี้ 1 จำนวนหุ้นทั้งสิ้นซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อ หรือได้จัดออกให้แล้วแยกให้ปรากฏว่าเป็นชนิดหุ้นสามัญเท่าใด หุ้นบุริมสิทธิเท่าใด 2 จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว นอกจากที่ใช้เป็นตัวเงิน และหุ้นที่ได้ใช้แต่บางส่วนนั้น ให้บอกว่าได้ใช้แล้วเพียงใด 3 จำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วหุ้นละเท่าใด 4 จำนวนเงินที่ได้รับไว้เป็นค่าหุ้นรวมทั้งสิ้นเท่าใด 5 ชื่อ อาชีวะ และที่สำนักของกรรมการทุกคน 6 ถ้าให้กรรมการต่างมีอำนาจจัดการของบริษัทได้โดยลำพังตัวให้แสดงอำนาจของกรรมการนั้น ๆ ว่าคนใดมีเพียงใด และบอกจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้นั้นด้วย 7 ถ้าตั้งบริษัทขึ้นชั่วกาลกำหนดอันหนึ่ง ให้บอกกาลกำหนดอันนั้นด้วย 8 ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง +ผู้จัดทำบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ใดบ้าง,ผู้จัดทำบัญชี มีหน้าที่ดังนี้ 1 ต้องจัดทำงบการเงินและยื่นงบการเงินต่อสำนักงานกลางบัญชีหรือสำนักงานบัญชีประจำท้องที่ภายใน 5 เดือนนับแต่วันปิดบัญชีตามมาตรา 10 2 กรณีบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยให้ยื่นภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่งบการเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 11 ข้อยกเว้น มีเหตุจำเป็นทำให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีอาจพิจารณาสั่งให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีได้ การยื่นงบการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด รายละเอียดงบการเงิ��� 1 งบการเงินต้องมีรายการย่อตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี เว้นแต่กรณีที่ได้มีกฎหมายเฉพาะกำหนดเพิ่มเติมจากรายการย่อของงบการเงินที่อธิบดีกำหนดไว้แล้วให้ใช้รายการย่อตามที่กำหนดในกฎหมายเฉพาะนั้น 2 งบการเงินต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เว้นแต่งบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีทุน สินทรัพย์ หรือรายได้ รายการใดรายการหนึ่งหรือทุกรายการ ไม่เกินที่กำหนดโดยกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '11'}]",1. ต้องจัดทำงบการเงินและยื่นงบการเงินต่อสำนักงานกลางบัญชีหรือสำนักงานบัญชีประจำท้องที่ภายใน 5 เดือนนับแต่วันปิดบัญชีตามมาตรา 10 2. กรณีบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยให้ยื่นภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่งบการเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่. +ผลของการที่หอการค้าเลิกตามมาตรา 44 พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509,ผลของการที่หอการค้าเลิกตามมาตรา 44 พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มีดังนี้ 1 ให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาต 2 ขีดชื่อหอการค้านั้นออกจากทะเบียน 3 ให้ถือว่าหอการค้านั้นคงดำเนินการต่อไปได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 45 ภายใต้มาตรา 10 พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 (มาตรา 45 ต้องทำตามมาตรา 10 ก่อน),"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '45'}]",1. ให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาต 2. ขีดชื่อหอการค้านั้นออกจากทะเบียน 3. ให้ถือว่าหอการค้านั้นคงดำเนินการต่อไปได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น +การทำงบดุล บัญชีกำไรขาดทุน รายงานของผู้สอบบัญชีทำเป็นภาษาใดได้บ้าง,ต้องทำเป็นภาษาไทยเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '124'}]",ต้องทำเป็นภาษาไทยเท่านั้น +หลักเกณฑ์การคิดทรัพย์มรดกระหว่างทายาทโดยธรรมคิดอย่างไร,มี 2 หลักเกณฑ์ ดังนี้ 1 การแบ่ง ทรัพย์มรดกแก่ทายาท แบ่งตาม หมวด 2 (ลักษณะมรดก การเป็นทายาท ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์) 2 ส่วนแบ่ง ทรัพย์มรดกแก่ทายาท แบ่งตาม หมวด 3 (ลักษณะมรดก การตัดมิให��รับมรดก ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1626'}]",มี 2 หลักเกณฑ์ ดังนี้ 1 การแบ่ง ทรัพย์มรดกแก่ทายาท แบ่งตาม หมวด 2 (ลักษณะมรดก การเป็นทายาท ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์) 2 ส่วนแบ่ง ทรัพย์มรดกแก่ทายาท แบ่งตาม หมวด 3 (ลักษณะมรดก การตัดมิให้รับมรดก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีโทษทางปกครองหรือไม่,"มี ดังนี้ จำนวนค่าปรับทางปกครองต้องไม่เกิน 1,000,000 บาทในแต่ละกรรม คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 68 ในกรณีที่ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองตามวรรคหนึ่งไม่ยอมชำระค่าปรับทางปกครอง ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '68'}]","มี ดังนี้ จำนวนค่าปรับทางปกครองต้องไม่เกิน 1,000,000 บาทในแต่ละกรรม" +ผู้รับจ้างส่งงานไม่ทันเวลาผลเป็นอย่างไร,ผลแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้ 1 ผู้ว่าจ้างสามารถลดค่าจ้างได้ 2 ถ้าสาระสำคัญของสัญญาอยู่ที่เวลา สามารถบอกเลิกสัญญาได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 596 นอกอย่างกรณีผู้รับจ้างส่งงานไม่ทันเวลาเเล้ว มีอีกหนึ่งกรณี คือ ไม่ได้กำหนดเวลาไว้แต่เวลาผ่านมานานเกินควรแล้ว ตัวอย่างสาระสำคัญของสัญญาอยู่ที่เวลา เช่น งาน ก ต้องส่งภายในสิ้นเดือนมกราคมเท่านั้นไม่เช่นนั้น งาน ก จะไม่สามารถนำไปใช้งานได้อีก เป็นต้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '596'}]",ผลแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้ 1 ผู้ว่าจ้างสามารถลดค่าจ้างได้ 2 ถ้าสาระสำคัญของสัญญาอยู่ที่เวลา สามารถบอกเลิกสัญญาได้. +ผู้ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจัดการงานของห้างได้หรือไม่,ไม่ได้ ผลคือ ให้บังคับด้วยบทบัญญัติจัดการงานนอกสั่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1043 กรณีดังกล่าวรวมถึง หุ้นส่วนผู้จัดการกระทำเกินขอบอำนาจด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1043'}]",ไม่ได้ +หากขัดขวางพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มีโทษหรือไม่,มี โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 38 1) ผู้ใด 2) ขัดขวาง 3) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 30 (โดยมาตรา 30 เป็นมาตราที่กฎหมายกำหนดอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '38'}]",มี โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากไม่ได้ประกอบกิจการค้าปลีก แต่ประสงค์จะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อและใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินได้หรือไม่,ได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรพร้อมกับแสดงเหตุผลและความจำเป็น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86/7 ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการอย่างอื่นซึ่งมิใช่เป็นกิจการค้าปลีก ซึ่งมีความประสงค์จะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อและหรือใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 86/6 จะขออนุมัติต่ออธิบดีพร้อมกับแสดงเหตุผลและความจำเป็นก็ได้ และในการอนุมัติ อธิบดีจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/7'}]",ได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรพร้อมกับแสดงเหตุผลและความจำเป็น +เมื่อมีการเลิกบริษัท ผู้ชำระบัญชีไม่จดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดจะมีความผิดอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 33 ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่จดทะเบียนตามมาตรา 1254 (การเลิกหุ้นส่วนหรือบริษัท) มาตรา 1258 (การเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชี) มาตรา 1262 (ให้อำนาจผู้ชำระบัญชีทำการแยกกันได้) หรือมาตรา 1270 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย�� มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '33'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท +การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินและสลักหลังตราสารตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ถือว่าตราสารนั้นสมบูรณ์หรือไม่,ถือว่าตราสารนั้นปิดแสตมป์บริบูรณ์ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 117 ตราสารหรือหลักฐานตามความในมาตรา116 ที่มีผู้เสียอากร หรือเสียอากรและเงินเพิ่มอากรถ้ามี ตามความในมาตรา 113หรือมาตรา 114 แล้ว ให้ถือว่าเป็นตราสารที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ส่วนเงินเพิ่มอากรที่เรียกเก็บให้ถือเป็นเงินอากร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '117'}]",ถือว่าตราสารนั้นปิดแสตมป์บริบูรณ์ +ในกรณีที่ผู้เช่าต้องชำระบัญชีเฉลี่ยทรัพย์สินทั่วไป ผู้ให้เช่าจะมีสิทธิอย่างไรบ้าง,1) สิทธิในค่าเช่า และ 2) สิทธิในหนี้อย่างอื่นเท่าที่มีในระยะกำหนดส่งค่าเช่า 3 เดือน คือเดือนที่แล้ว เดือนปัจจุบัน เดือนหน้า และ 3) สิทธิในค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นในระยะกำหนดส่งค่าเช่า 2 เดือน คือเดือนที่แล้ว เดือนปัจจุบัน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 263 ในกรณีที่ผู้เช่าต้องชำระบัญชีเฉลี่ยทรัพย์สินทั่วไปนั้น บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าย่อมมีอยู่แต่เฉพาะสำหรับเอาใช้ค่าเช่า และหนี้อย่างอื่นเท่าที่มีในระยะกำหนดส่งค่าเช่าเพียงสามระยะ คือปัจจุบันระยะหนึ่ง ก่อนนั้นขึ้นไประยะหนึ่ง และต่อไปภายหน้าอีกระยะหนึ่งเท่านั้น และใช้สำหรับเอาค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นในระยะกำหนดส่งค่าเช่าปัจจุบัน และก่อนนั้นขึ้นไปอีกระยะหนึ่งด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '263'}]",1) สิทธิในค่าเช่า และ 2) สิทธิในหนี้อย่างอื่นเท่าที่มีในระยะกำหนดส่งค่าเช่า 3 เดือน คือเดือนที่แล้ว เดือนปัจจุบัน เดือนหน้า และ 3) สิทธิในค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นในระยะกำหนดส่งค่าเช่า 2 เดือน คือเดือนที่แล้ว เดือนปัจจุบัน. +ซื้อแหวนมาจากคนหนึ่งได้รับของมาแล้ว ต่อมามีอีกคนอ้างว่าตนเป็นเจ้าของ ต้องคืนแหวนให้ผู้ที่มาทวงหรือไม่,ไม่ต���องคืน ทั้งนี้ ถ้าผู้ที่มาทวงพิสูจน์ได้ว่า แหวนนั้นได้มาจากการกระทำความผิด หรือเป็นของที่ผู้นั้นทำหาย ต้องคืน คำอธิบายขยายความ: ไม่ต้องคืนเนื่องจากในกรณีมีบุคคลหลายคนเรียกร้องในแหวนซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ชิ้นเดียวกัน ผู้ที่ครอบครองสังหาริมทรัพย์ที่ได้ทรัพย์มาโดยมีค่าตอบแทนและได้การครอบครองโดยสุจริตนั้น มีสิทธิดีกว่า ตามมาตรา 1303 วรรคแรก แต่หากผู้ที่มาทวงพิสูจน์ได้ว่าแหวนนั้นได้มาจากการกระทำความผิด เช่น ถูกลักทรัพย์ หรือแหวนนั้นเป็นทรัพย์สินที่ตนทำหาย ต้องคืน เพราะกรณีนี้ผู้ครอบครองทรัพย์ชิ้นนั้นไม่มีสิทธิดีกว่า ตามมาตรา 1303 วรรคสอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1303'}]",ไม่ต้องคืน ทั้งนี้ ถ้าผู้ที่มาทวงพิสูจน์ได้ว่า แหวนนั้นได้มาจากการกระทำความผิด หรือเป็นของที่ผู้นั้นทำหาย ต้องคืน +กฎหมายกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องตั้งชื่อบริษัทอย่างไร,ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “บริษัทหลักทรัพย์” นำหน้า และ “จำกัด” ต่อท้าย คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 94 บริษัทหลักทรัพย์ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “บริษัทหลักทรัพย์” นำหน้าและ “จำกัด” ต่อท้าย ตัวอย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์ กอไก่ จำกัด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '94'}]",ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “บริษัทหลักทรัพย์” นำหน้า และ “จำกัด” ต่อท้าย +กรรมการแสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเองเป็นเหตุให้บริษัทเสียหาย มีความผิดอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 41 บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่นิติบุคคลดังกล่าว มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '41'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท +"ความหมายของ ""ผู้ขนส่ง"" ในกฎหมาย คือผู้ใด",บุคคลผู้รับขนส่งของหรือคนโดยสาร เพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของตน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608 อันว่าผู้ขนส่งภายในความหมายแห่งกฎหมายลักษณะนี้ คือบุคคลผู้รับขนส่งของหรือคนโดยสารเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '608'}]",บุคคลผู้รับขนส่งของหรือคนโดยสาร เพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของตน +กรรมการขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ และจดทะเบียนบริษัทไปพร้อมกันภายในวันเดียวกันได้หรือไม่,ได้ แต่ในการจัดตั้งบริษัท ต้องได้ดำเนินการครบทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน 2) ประชุมจัดตั้งบริษัทเพื่อพิจารณากิจการต่าง ๆ โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม และผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมกันนั้น 3) ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการ 4) กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นใช้เงินค่าหุ้น และเงินค่าหุ้นดังกล่าวได้ใช้เสร็จแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1111/1,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1111/1'}]",ได้ แต่ในการจัดตั้งบริษัท ต้องได้ดำเนินการครบทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน 2) ประชุมจัดตั้งบริษัทเพื่อพิจารณากิจการต่าง ๆ โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม และผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมกันนั้น 3) ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการ 4) กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นใช้เงินค่าหุ้น และเงินค่าหุ้นดังกล่าวได้ใช้เสร็จแล้ว +หากคัดค้านว่าบุคคลนั้นไม่ใช่พ่อของลูกแล้ว เราที่เป็นแม่จะทำอย่างไรได้อีกบ้าง,เมื่อบุคคลนั้นนำคดีไปสู่ศาล เด็กหรือมารดาเด็กจะขอใ���้ศาลพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแม้จะเป็นบิดาของเด็ก ก็เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1551 ในกรณีที่มีการคัดค้านว่าผู้ซึ่งขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรมิใช่บิดาของเด็ก เมื่อผู้ซึ่งขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรนำคดีไปสู่ศาลขอให้ศาลพิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรเป็นบิดาของเด็ก เด็กหรือมารดาเด็กจะขอให้ศาลพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นก็ได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแม้จะเป็นบิดาของเด็ก ก็เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด ในกรณีเช่นว่านี้ให้นำความในวรรคสามของมาตรา 1549 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1551'}]",เด็กหรือมารดาเด็กจะขอให้ศาลพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแม้จะเป็นบิดาของเด็ก ก็เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด. +ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะตรวจดูทรัพย์สินกันเมื่อไหร่ ต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้ขายอาจกำหนดเวลาอันสมควร และบอกกล่าวแก่ผู้ซื้อให้ตอบภายในกำหนดนั้น ว่าจะซื้อหรือไม่ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 506 การตรวจดูทรัพย์สินนั้น ถ้าไม่ได้กำหนดเวลากันไว้ ผู้ขายอาจกำหนดเวลาอันสมควร และบอกกล่าวแก่ผู้ซื้อให้ตอบภายในกำหนดนั้นได้ว่าจะรับซื้อหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '506'}]",ผู้ขายอาจกำหนดเวลาอันสมควร และบอกกล่าวแก่ผู้ซื้อให้ตอบภายในกำหนดนั้น ว่าจะซื้อหรือไม่ +หากทำสัญญา โดยกำหนดว่าเมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นสัญญานั้นจะต้องสิ้นสุดลง สัญญานั้นสิ้นสุดลงเมื่อใด,สัญญานั้นย่อมสิ้นผล เมื่อเงื่อนไขนั้นสำเร็จแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '183'}]",สัญญานั้นย่อมสิ้นผล เมื่อเงื่อนไขนั้นสำเร็จแล้ว +ซื้อบ้านที่ติดจำนองอยู่ แล้วปรับปรุงบ้านจนมูลค่าสูงขึ้น จะเรียกเงินค่าปรับปรุงบ้านได้หรือไม่,"มีสิทธิเรียกได้เพียงจำนวนราคาเท่ากับมูลค่าบ้านที่สูงขึ้นเมื่อขายทอดตลาด ซึ่งอา��น้อยกว่าจำนวนเงินที่ใช้ในการปรับปรุงบ้าน คำอธิบายขยายความ: ผู้ซื้อบ้านติดจำนองนั้น ตามกฎหมายอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนอง จะเรียกให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ตนทำให้ทรัพย์สินนั้นดีขึ้นไม่ได้ เว้นแต่ เป็นการทำให้ทรัพย์สินนั้นงอกราคาหรือมูลค่าสูงขึ้น จึงจะสามารถเรียกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 743 ทั้งนี้ เรียกได้เพียงเท่าจำนวนราคาหรือมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อขายทอดตลาดเท่านั้น เช่น ใช้เงินปรับปรุงบ้านติดจำนอง 350,000 บาท แต่บ้านมีมูลค่าสูงขึ้น 200,000 บาท เช่นนี้เรียกเงินได้เพียง 200,000 บาท","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '743'}]",มีสิทธิเรียกได้เพียงจำนวนราคาเท่ากับมูลค่าบ้านที่สูงขึ้นเมื่อขายทอดตลาด ซึ่งอาจน้อยกว่าจำนวนเงินที่ใช้ในการปรับปรุงบ้าน. +ถ้าคนสองคนต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้กัน แต่ยอดเงินไม่เท่ากัน จะเอาหนี้มาหักกันได้หรือไม่,หักกันได้เฉพาะในยอดเงินที่เท่ากัน ส่วนต่างที่เหลือยังคงต้องชำระหนี้ต่อไป คำอธิบายขยายความ: การหักหนี้กันที่จะทำให้หลุดพ้นจากหน้าที่ในการชำระหนี้นั้น ตามกฎหมายเรียกว่าหักกลบลบหนี้ จะทำได้เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้กัน มีวัตถุแห่งนี้อย่างเดียวกัน (เช่น หนี้เงิน) และหนี้ทั้งสองต้องเป็นหนี้ที่ถึงกำหนดชำระแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 341 แต่หักกลบลบกันได้เพียงจำนวนที่ตรงกัน ฉะนั้นส่วนต่างที่เหลือ ฝ่ายที่เป็นลูกหนี้ยังมีหน้าที่ชำระต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '341'}]",หักกันได้เฉพาะในยอดเงินที่เท่ากัน ส่วนต่างที่เหลือยังคงต้องชำระหนี้ต่อไป +รายงานประจำปีของกองทุุน ต้องเปิดเผยแก่ประชาชนหรือไม่,ใช่ ต้องเปิดเผยไว้ในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/21 ให้กองทุนจัดทำรายงานประจำปีซึ่งแสดงถึงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานเสนอต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี และต้องเปิดเผยไว้ในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/21'}]",ใช่ ต้องเปิดเผยไว้ในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ +การแบ่งทรัพย์สินที่เป็นเจ้าของร่วมกัน หากเกิดปัญหาระหว่างกันต้องรับผิดอย่างไร,ต้องรับผิดตามส่วนของตน แก่เจ้าของร่วมคนอื่นๆ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1366 เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ ต้องรับผิดตามส่วนของตนเช่นเดียวกับผู้ขายในทรัพย์สินซึ่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ได้รับไปในการแบ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1366'}]",ต้องรับผิดตามส่วนของตน แก่เจ้าของร่วมคนอื่นๆ +ผู้ซื้อสามารถขอให้ศาลเรียกผู้ขายเป็นจำเลยร่วมหรือเป็นโจทก์ร่วม ในคดีระหว่างผู้ซื้อกับบุคคลอื่นได้หรือไม่ได้,ในกรณีที่คดีระหว่างผู้ซื้อกับบุคคลภายนอกเกิดจากการรบกวนขัดสิทธิ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 เมื่อใดการรบกวนขัดสิทธินั้นเกิดเป็นคดีขึ้นระหว่างผู้ซื้อกับบุคคลภายนอก ผู้ซื้อชอบที่จะขอให้ศาลเรียกผู้ขายเข้าเป็นจำเลยร่วมหรือเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ซื้อในคดีนั้นได้ เพื่อศาลจะได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้เป็นคู่กรณีทั้งหลายรวมไปเป็นคดีเดียวกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '477'}]",ผู้ซื้อชอบที่จะขอให้ศาลเรียกผู้ขายเข้าเป็นจำเลยร่วมหรือเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ซื้อในคดีนั้นได้ +ถ้ากำหนดวันที่จะส่งมอบทรัพย์สินแล้ว ต้องชำระเงินวันไหน,วันที่ส่งมอบทรัพย์สิน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 490 ถ้าได้กำหนดกันไว้ว่าให้ส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายนั้นเวลาใด ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเวลาอันเดียวกันนั้นเองเป็นเวลากำหนดใช้ราคา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '490'}]",วันที่ส่งมอบทรัพย์สิน +หากไม่ได้กำหนดวันที่จ่ายค่าจ้างไว้ในสัญญา ต้องจ่ายเมื่อใด,จ่ายเมื่องานนั้นได้ทำเสร็จตามสัญญา คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 580 ถ้าไม่มีกำหนดโดยสัญญาหรือจารีตประเพณีว่าจะพึงจ่ายสินจ้างเมื่อไร ท่านว่าพึงจ่ายเมื่องานได้ทำแล้วเสร็จ ถ้าการจ่ายสินจ้างนั้นได้กำหนดกันไว้เป็นระยะเวลาก็ให้พึงจ่ายเมื่อสุดระยะเวลาเช่นนั้นทุกคราวไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '580'}]",จ่า��เมื่องานนั้นได้ทำเสร็จตามสัญญา +ถ้าไม่ปฏิบัติตามหมายของเจ้าพนักงานประเมินจะเป็นอย่างไร,ไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินนั้นได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 21 ถ้าผู้ต้องเสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 19 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้องและแจ้งจำนวนเงินซึ่งต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '21'}]",ไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินนั้นได้ +ไม่อยากให้ลูกคนหนึ่งได้รับมรดกต้องทำอย่างไร,ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้ง ซึ่งมี 2 วิธี ได้แก่ 1) โดยพินัยกรรม 2) โดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 เจ้ามรดกจะตัดทายาทโดยธรรมของตนคนใดมิให้รับมรดกก็ได้แต่ด้วยแสดงเจตนาชัดแจ้ง (1) โดยพินัยกรรม (2) โดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ตัวทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นต้องระบุไว้ให้ชัดเจน แต่เมื่อบุคคลใดได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกเสียทั้งหมดแล้ว ให้ถือว่าบรรดาทายาทโดยธรรมผู้ที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรม เป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1608'}]",ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้ง ซึ่งมี 2 วิธี ได้แก่ 1) โดยพินัยกรรม 2) โดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ +ความเสียหายที่เกิดจากความผิดของคนโดยสาร ผู้ขนส่งต้องรับผิดหรือไม่,ไม่ต้องรับผิด คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 634 ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดต่อคนโดยสารในความเสียหายอันเกิดแก่ตัวเขา หรือในความเสื่อมเสียอย่างใด ๆ อันเป็นผลโดยตรงแต่การที่ต้องชักช้าในการขนส่ง เว้นแต่การเสียหายหรือชักช้านั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดแต่ความผิดของคนโดยสารนั้นเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '634'}]",ไม่ต้องรับผิด +หากไม่ได้รับอนุญาต แต่ลงลายมือชื่อรับรองเอกสารในฐานะผู้สอบบัญชี มีความผิดหรือไม่,มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 67 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 37 (ห้ามมิให้ผู้ใดลงลายมือชื่อรับรองการสอบบัญชี รับรองเอกสารหรือแสดงความเห็นในฐานะผู้สอบบัญชี เว้นแต่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือเป็นการกระทำในอำนาจหน้าที่ทางราชการ) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '67'}]",มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +สามารถกำหนดให้หุ้นของบริษัทแต่ละหุ้นมีมูลค่าไม่เท่ากันได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้หุ้นของบริษัทแต่ละหุ้นต้องมีมูลค่าเท่ากัน คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 50 หุ้นของบริษัทแต่ละหุ้นต้องมีมูลค่าเท่ากัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '50'}]",ไม่ได้ +ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ได้กระทำการนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในโครงการที่อนุมัติแล้ว มีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสามแสนบาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 34 นิติบุคคลเฉพาะกิจใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 หรือมาตรา 15 วรรคสอง หรือตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 15/1 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสามแสนบาท*,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '34'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสามแสนบาท +คณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องทำอะไรบ้างหลังกองทุนเลิกไป,ต้องแจ้งนายทะเบียนทราบภายใน 7 วัน และจัดให้มีการชำระบัญชีภายใน 30 วัน โดยทำให้เสร็จภายใน 150 วันนับแต่กองทุนเลิก แต่นายทะเบียนอาจอนุมัติให้ขยายเวลาก็ได้ในกรณีจำเป็น คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 เมื่อกองทุนเลิก คณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องแจ้งนายทะเบียนทราบภายใน 7 วัน และจัดให้มีการชำระบัญชีภายใน 30 วัน โดยทำให้เสร็จภายใน 150 วันน��บแต่กองทุนเลิก แต่นายทะเบียนอาจอนุมัติให้ขยายเวลาออกไปได้ในกรณีจำเป็นตามที่เห็นสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '26'}]",ต้องแจ้งนายทะเบียนทราบภายใน 7 วัน และจัดให้มีการชำระบัญชีภายใน 30 วัน โดยทำให้เสร็จภายใน 150 วันนับแต่กองทุนเลิก แต่นายทะเบียนอาจอนุมัติให้ขยายเวลาก็ได้ในกรณีจำเป็น +เมื่อนำเงินไปเสียภาษีอากร ณ ที่ว่าการอำเภอ การเสียภาษีอากรนั้นจะถือว่าสำเร็จเมื่อใด,เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 11 เว้นแต่จะมีบทบัญญัติหรืออธิบดีจะสั่งเป็นอย่างอื่น ให้นำเงินภาษีอากรไปเสีย ณ ที่ว่าการอำเภอ และการเสียภาษีอากรนั้นให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '11'}]",เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว +ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์จะพ้นจากตำแหน่งได้อย่างไรบ้าง,1) ครบวาระ 2) ตาย 3) ลาออก 4) มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ 5) คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ออก 6) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 166 ... มติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ออกจากตำแหน่งต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยไม่นับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '166'}]",1) ครบวาระ 2) ตาย 3) ลาออก 4) มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ 5) คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ออก 6) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด +ถ้าหนี้พักอาศัยในโรงแรมของลูกหนี้เป็นคุณแก่เรา จะได้รับสิทธิในอะไรบ้าง,1) เอาเงินที่ค้างชำระแก่เจ้าของโรงแรม เพื่อการพักอาศัยและการอื่น ๆ อันได้จัดให้สำเร็จความปรารถนาแก่คนเดินทาง หรือแขกอาศัย 2) การชดใช้เงินทั้งหลายที่ได้ออกแทนไป 3) เครื่องเดินทางหรือทรัพย์สินอย่างอื่นของคนเดินทาง หรือแขกอาศัยที่เอาไว้ในโรงแรม คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 265,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '265'}]",1) เอาเงินที่ค้างชำระแก่เจ้าของโรงแรม เพื่อการพักอาศัยและการอื่น ๆ อันได้จัดให้สำเร็จความปรารถนาแก่คนเดินทาง หรือแขกอาศัย 2) การชดใช้เงินทั้งหลายที่ได้ออกแทนไป 3) เครื่องเดินทางหรือทรัพย์สินอย่างอื่นของคนเดินทาง หรือแขกอาศัยที่เอาไว้ในโรงแรม +ข้าราชการ สามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 55 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันไว้ โดยข้าราชการที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ เป็นหนึ่งในลักษณะต้องห้ามดังกล่าว (มาตรา 55 (7)),"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '55'}]",ไม่ได้ เพราะเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน +ซื้ออาคารมาโดยรู้อยู่ว่ามีคนเช่า 1 ปี ทำให้ยังเข้าไปใช้อาคารไม่ได้ เรียกร้องกับผู้ขายได้หรือไม่,เรียกร้องจากผู้ขายไม่ได้แม้เสียหายจากการเข้าไปใช้อาคารไม่ไดั เพราะในขณะที่ซื้ออาคารรู้อยู่แล้วว่ามีผู้เช่าอยู่ คำอธิบายขยายความ: ผู้เช่าซึ่งในที่นี้เป็นผู้ก่อการรบกวน มีสิทธิใช้อาคารอยู่ก่อนที่ผู้ซื้อจะซื้อ และผู้ซื้อรู้อยู่แล้วในเวลาซื้อขาย ผู้ซื้อจึงไม่สามารถเรียกร้องให้ผู้ขายรับผิดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 476 แม้เสียหายจากการเข้าไปใช้อาคารไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '476'}]",เรียกร้องจากผู้ขายไม่ได้แม้เสียหายจากการเข้าไปใช้อาคารไม่ได้ เพราะในขณะที่ซื้ออาคารรู้อยู่แล้วว่ามีผู้เช่าอยู่ +หากต้องการฟ้องร้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ต้องฟ้องภายในระยะเวลากี่ปี,ภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วนั้นๆ ถึงกำหนดใช้เงิน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ในคดีฟ้องผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็ดี ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินก็ดี ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาสามปีนับแต่วันตั๋วนั้น ๆ ถึงกำหนดใช้เงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1001'}]",ภายใน 3 ปีนับแต่วันที���ตั๋วนั้นๆ ถึงกำหนดใช้เงิน +มีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เท่าใด,หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 45 เงินได้พึงประเมินจากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 60 เว้นแต่ผู้มีเงินได้จะแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่า มีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้น ก็ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามความจําเป็นและสมควร...,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '45'}]",หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 60 เว้นแต่ผู้มีเงินได้จะแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่า มีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้น ก็ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามความจําเป็นและสมควร. +ลูกหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนไม่สามารถชำระหนี้ได้ เพราะเหตุที่ไม่สามารถโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ลูกหนี้มีสิทธิจะรับชำระหนี้หรือไม่,ลูกหนี้ไม่มีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 372 ถ้าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัย เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ ลูกหนี้ย่อมไม่มีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทน นั่นคือ ลูกหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้เจ้าหนี้ชำระหนี้ตอบแทน หรือถ้าเจ้าหนี้ได้ชำระหนี้ตอบแทนไปก่อนแล้ว เจ้าหนี้เรียกคืนจากลูกหนี้ได้ในฐานลาภมิควรได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '372'}]",ลูกหนี้ไม่มีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทน +ความเป็นผู้ปกครองจะสิ้นสุดลงเมื่อใด,เมื่อผู้ปกครอง 1) ตาย หรือ 2) ลาออกโดยได้รับอนุญาตจากศาล หรือ 3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือ 4) เป็นบุคคลล้มละลาย หรือ 5) ถูกถอนโดยคำสั่งศาล หรือ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/7,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/7'}]",เมื่อผู้ปกครอง 1) ตาย หรือ 2) ลาออกโดยได้รับอนุญาตจากศาล หรือ 3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือ 4) เป็นบุคคลล้มละลาย หรือ 5) ถูกถอนโดยคำสั่งศาล +ถ้ามีบุคคลหนึ่งชำระหนี้ให้แก่เรา และเราเข้าใจว่าบุคคลนั้นเป็นลูกหนี้ของเรา จึงรับเงินไว้และฉีกสัญญากู้ยืมทิ้ง เราต้องคืนเงินแก่บุคคลนั้นหรือไม่,ไม่ต้องคืน คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409 เมื่อบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งมิได้เป็นลูกหนี้ได้ชำระหนี้ไปโดยสำคัญผิด เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ผู้ทำการโดยสุจริตได้ทำลาย หรือลบล้างเสียซึ่งเอกสารอันเป็นพยานหลักฐานแห่งหนี้ก็ดี ยกเลิกหลักประกันเสียก็ดี สิ้นสิทธิไปเพราะขาดอายุความก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้ไม่จำต้องคืนทรัพย์ ...,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '409'}]",ไม่ต้องคืน +ต้องทำอย่างไรถึงจะเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนได้,1) ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ 2) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน โดยแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว มีผลใช้บังคับแล้ว คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 65,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '65'}]",1) ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ 2) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน โดยแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว มีผลใช้บังคับแล้ว +เลขานุการบริษัทต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างไร,ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริตรวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัทมติคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/23,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/23'}]",ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริตรวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัทมติคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น +ข้อกำหนดพินัยกรรมถูกเพิกถอนด้วยเหตุ ดังนี้ 1 เมื่อผู้ทำพินัยกรรมได้โอนทรัพย์สินไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ในข้อกำหนดพินัย��รรม ด้วยความตั้งใจ 2 เมื่อผู้ทำพินัยกรรมได้ทำลายทรัพย์สินนั้น ด้วยความตั้งใจ,ข้อกำหนดพินัยกรรมถูกเพิกถอนด้วยเหตุใดบ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1696'}]",1. เมื่อผู้ทำพินัยกรรมได้โอนทรัพย์สินไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ในข้อกำหนดพินัยกรรม ด้วยความตั้งใจ 2. เมื่อผู้ทำพินัยกรรมได้ทำลายทรัพย์สินนั้น ด้วยความตั้งใจ +ไม่ต้องส่งมอบสินค้า เมื่อผู้ฝากสลักหลังจำนำสินค้าซึ่งจดแจ้งไว้ในประทวนแล้ว ทั้งนี้หากผู้ฝากจะจำนำสินค้า ต้องแยกประทวนออกจากใบรับของคลังสินค้า และส่งมอบประทวนแก่ผู้รับสลักหลัง,เมื่อสลักหลังประทวนสินค้าเเล้วต้องส่งมอบสินค้าหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '777'}]",ไม่ต้องส่งมอบสินค้าทันทีเมื่อสลักหลังจำนำ แต่ต้องแยกประทวนออกจากใบรับของคลังสินค้าและส่งมอบประทวนแก่ผู้รับสลักหลังเมื่อจะจำนำสินค้า. +ไม่ผูกพันต่อบุคคลภายนอก คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1053 ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผูกพันผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ เท่านั้น แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก,ข้อจำกัดอำนาจของห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนมีผลต่อบุคคลภายนอกหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1053'}]",ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก +การลาออกต้องกระทำ ดังนี้ 1 ยื่นใบลาออกต่อบริษัท ผลการยื่นใบลาออก การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 73 กรรมการผู้ที่ลาออกสามารถแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบด้วยก็ได้,วิธีการลาออกจากกรรมการบริษัทมหาชนจำกัด ต้องทำอย่างไร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '73'}]",กรรมการคนใดจะลาออกจากตำแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกต่อบริษัท การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัท +เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิ ดังนี้ 1 เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิเรียกร้องให้เจ้าของที่ดินสูงทำทางระบายน้ำและออกค่าใช้จ่าย เพื่อระบายน้ำออก 2 เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิเรียกเอาค่าทดแทน,สิทธิของเจ้าของที่ดินต่ำที่รับน้ำไหลคืออะไร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1340'}]",1. เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิเรียกร้องให้เ��้าของที่ดินสูงทำทางระบายน้ำและออกค่าใช้จ่าย เพื่อระบายน้ำออก 2. เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิเรียกเอาค่าทดแทน +หากไม่ได้กำหนดเวลาคืนทรัพย์ไว้ ผู้รับฝากทรัพย์ต้องคืนทรัพย์เมื่อใด,"ผู้รับฝากสามารถคืนทรัพย์สิน ""ได้ทุกเมื่อ""","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '664'}]",ได้ทุกเมื่อ +การสมรสที่เป็นโมฆะมีผลต่อบุคคลภายนอกหรือไม่,"ไม่มีผลต่อบุคคลภายนอกที่ได้กระทำการโดย ""สุจริต"" ซึ่งได้มาก่อนมีการบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรสตามมาตรา 1497/1","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1500'}]","ไม่มีผลต่อบุคคลภายนอกที่ได้กระทำการโดย ""สุจริต"" ซึ่งได้มาก่อนมีการบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรสตามมาตรา 1497/1" +ใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสิ้นผลเมื่อใด,ใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสิ้นผล กรณีดังต่อไปนี้ 1 ตาย 2 พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี 3 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 39 4 ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเนื่องจากประพฤติผิดจรรยาบรรณ 5 ไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและไม่ได้รับการผ่อนผันตามที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีกำหนด 6 ไม่เข้ารับการอบรมตามหลักสูตรที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดให้ครบถ้วนตามมาตรา 43 และสภาวิชาชีพบัญชีไม่ได้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '41'}]",ใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสิ้นผล กรณีดังต่อไปนี้ 1 ตาย 2 พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี 3 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 39 4 ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเนื่องจากประพฤติผิดจรรยาบรรณ 5 ไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและไม่ได้รับการผ่อนผันตามที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีกำหนด 6 ไม่เข้ารับการอบรมตามหลักสูตรที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดให้ครบถ้วนตามมาตรา 43 และสภาวิชาชีพบัญชีไม่ได้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต +ในการพิจารณาคำขออนุญาต สำนักงานหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องแจ้งผลการพิจารณาภายในกี่วัน,สำนักงานหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องแจ้งผลการพิจารณาภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องและครบถ้วนตามมาตรา 35,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '36'}]",��ำนักงานหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องแจ้งผลการพิจารณาภายใน 45 วัน +วิธีการคำนวณเงินผลประโยชน์เมื่อลูกจ้างสิ้นสมาชิกภาพต้องคำนวณอย่างไร,การคำนวณแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ 1 กองทุนมีนโยบายเดียวในการลงทุน วิธีการคำนวณ คือ ให้ผู้จัดการกองทุนคำนวณเงินผลประโยชน์ของลูกจ้างดังกล่าวจากบัญชีส่วนได้เสียของบรรดาลูกจ้างที่มีนายจ้างรายเดียวกัน 2 กองทุนมีหลายนโยบายในการลงทุน วิธีการคำนวณ คือ ให้ผู้จัดการกองทุนคำนวณจากทรัพย์สินในบัญชีของนโยบายการลงทุนที่ลูกจ้างรายนั้นมีส่วนได้เสีย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '23/1'}]",การคำนวณแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ 1 กองทุนมีนโยบายเดียวในการลงทุน วิธีการคำนวณ คือ ให้ผู้จัดการกองทุนคำนวณเงินผลประโยชน์ของลูกจ้างดังกล่าวจากบัญชีส่วนได้เสียของบรรดาลูกจ้างที่มีนายจ้างรายเดียวกัน 2 กองทุนมีหลายนโยบายในการลงทุน วิธีการคำนวณ คือ ให้ผู้จัดการกองทุนคำนวณจากทรัพย์สินในบัญชีของนโยบายการลงทุนที่ลูกจ้างรายนั้นมีส่วนได้เสีย +ผู้ทรงประทวนสินค้ามีสิทธิไล่เบี้ยผู้สลักหลังหรือไม่,ผู้ทรงประทวนสินค้ามีสิทธิไล่เบี้ยแก่ผู้สลักหลังคนก่อน ทั้งหมดหรือคนใดคนหนึ่งก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 794 วิธีการ ต้องขายทอดตลาดใน 1 เดือนนับต่อวันคัดค้าน ข้อยกเว้น ห้ามฟ้องไล่เบี้ยเมื่อพ้น 1 ปีนับแต่วันขายทอดตลาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '794'}]",ผู้ทรงประทวนสินค้ามีสิทธิไล่เบี้ยแก่ผู้สลักหลังคนก่อน ทั้งหมดหรือคนใดคนหนึ่งก็ได้ +ผลของการรับช่วงสิทธิของบุคคลผู้ใช้เงินเพื่อแก้หน้าเป็นอย่างไร,1 รับช่วงสิทธิทุกอย่างของผู้ทรงอันมีต่อคู่สัญญาฝ่ายที่ตนได้ใช้เงินแทนไป และต่อคู่สัญญาทั้งหลายผู้ต้องรับผิดต่อคู่สัญญาฝ่ายนั้น แต่ไม่สามารถสลักหลังตั๋วแลกเงินนั้นอีกต่อไปได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 958 ผล คือ ผู้ซึ่งสลักหลังภายหลังคู่สัญญาฝ่ายซึ่งเขาได้ใช้เงินแทนไปนั้น ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด กรณีมีบุคคลหลายคนแย่งกันใช้เงินแก้หน้า ให้ใช้เงินรายใดจะให้ผลปลดหนี้มากรายที่สุด ให้เลือกรายนั้น ถ้าไม่ดำเนินตามวิธีดังกล่าว ให้ผู้ใช้เงินทั้งที่รู้เช่นนั้นย่อมเสียสิทธิในอันจะไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลทั้งหลายซึ่งพอที่จะได้หลุดพ้นจากความรับผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '958'}]",1 รับช่วงสิทธิทุกอย่างของผู้ทรงอันมีต่อคู่สัญญาฝ่ายที่ตนได้ใช้เงินแทนไป และต่อคู่สัญญาทั้งหลายผู้ต้องรับผิดต่อคู่สัญญาฝ่ายนั้น แต่ไม่สามารถสลักหลังตั๋วแลกเงินนั้นอีกต่อไปได้. +ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกิจการในกรณีใดบ้าง,ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกิจการในกรณี ต่อไปนี้ 1 ถ้าในสัญญามีกำหนดไว้ว่ากรณีใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน 2 ถ้าสัญญาทำไว้ว่าจะเลิกเวลาใด 3 ถ้าสัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างเดียว และเมื่อเสร็จการนั้นเเล้ว 4 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งบอกกล่าวแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ตามกำหนดดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1056 5 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย หรือล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1055'}]",ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกิจการในกรณี ต่อไปนี้ 1 ถ้าในสัญญามีกำหนดไว้ว่ากรณีใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน 2 ถ้าสัญญาทำไว้ว่าจะเลิกเวลาใด 3 ถ้าสัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างเดียว และเมื่อเสร็จการนั้นเเล้ว 4 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งบอกกล่าวแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ตามกำหนดดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1056 5 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย หรือล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ +หากห้างหุ้นส่วนแปรสภาพเป็นบริษัทแล้วเจ้าหนี้ยังสามารถบังคับชำระหนี้หุ้นส่วนได้หรือไม่,ได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ กรณีเฉพาะที่บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ที่ได้รับมาจากห้างหุ้นได้ ผล คือ เจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้เอาจากผู้เป็นหุ้นส่วนได้ ตามสัดส่วนที่หุ้นส่วนคนนั้นต้องรับผิดในห้างหุ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/7'}]",ได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ กรณีเฉพาะที่บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ที่ได้รับมาจากห้างหุ้นได้ ผล คือ เจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้เอาจากผู้เป็นหุ้นส่วนได้ ตามสัดส่วนที่หุ้นส่วนคนนั้นต้องรับผิดในห้างหุ้น +หากผู้บังคับหลักประกันพ้นตำแหน่งแล้วแต่กิจกา��ต้องดำเนินต่อต้องทำอย่างไร,ให้ศาลแต่งตั้งผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควรเป็นผู้บังคับหลักประกันแทน ข้อยกเว้น กรณีที่ไม่มีผู้รับใบอนุญาตให้ศาลแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตามมาตรา 55 ให้นำบทบัญญัติในหมวดนี้ที่เกี่ยวกับผู้บังคับหลักประกันมาใช้บังคับแก่ผู้บังคับหลักประกันแทนตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '78'}]",ให้ศาลแต่งตั้งผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควรเป็นผู้บังคับหลักประกันแทน ข้อยกเว้น กรณีที่ไม่มีผู้รับใบอนุญาตให้ศาลแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตามมาตรา 55 +การบอกล้างหรือให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมต้องทำอย่างไร,การบอกล้างหรือให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม ต้องแสดงเจตนาแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวกำหนดได้แน่นอน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '178'}]",การบอกล้างหรือให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม ต้องแสดงเจตนาแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวกำหนดได้แน่นอน +ความรับผิดละเมิดศาลต้องพิจารณากฎหมายอาญาด้วยหรือไม่,ศาลไม่ต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอาญาว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่ต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำผิดต้องถูกพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '424'}]",ศาลไม่ต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอาญาว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่ต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำผิดต้องถูกพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ +การคืนทรัพย์ที่ยืมคืนได้ตามกรณีใดบ้าง,การคืนทรัพย์ที่ยืมคืนได้ตามกรณี ดังต่อไปนี้ 1 เมื่อผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้วตามสัญญา 2 ผู้ให้ยืมสามารถเรียกคืนก่อนได้ เมื่อเวลาได้ผ่านไปนานพอแก่การที่ผู้ยืมจะได้ใช้ทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้ว ข้อยกเว้น ผู้ให้ยืมจะเรียกของคืนเมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาไว้ และในสัญญาไม่ปรากฏว่ายืมไปใช้เพื่ออะไร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '646'}]",การคืนทรัพย์ที่ยืมคืนได้ตามกรณี ดังต่อไปนี้ 1 เมื่อผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้วตามสัญญา 2 ผู้ให้ยืมสามารถเรียกค���นก่อนได้ เมื่อเวลาได้ผ่านไปนานพอแก่การที่ผู้ยืมจะได้ใช้ทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้ว ข้อยกเว้น ผู้ให้ยืมจะเรียกของคืนเมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาไว้ และในสัญญาไม่ปรากฏว่ายืมไปใช้เพื่ออะไร +ข้อห้ามของบริษัทมหาชนจำกัดในการเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนมีอะไรบ้าง,ข้อห้ามมี ดังนี้ 1 ห้ามเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ 2 หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 12 ความตกลงใดอันมีผลเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว ความตกลงนั้นเป็นโมฆะ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '12'}]",1 ห้ามเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ 2 หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด +การทำลายตราหรือเครื่องหมายเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีโทษหรือไม่,"มีโทษ ดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 300,000 บาท คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 77 นอกจากการทำลายเเล้วยังรวมถึง การกระทำดังนี้ 1 ถอน 2 ทำให้เสียหาย 3 ทำลาย 4 ทำให้ไร้ประโยชน์ ในการปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดหรืออายัด หรือรักษาสิ่งนั้น ๆ","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '77'}]","มีโทษ ดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 300,000 บาท" +การนิ่งเฉยเป็นกลฉ้อฉลหรือไม่,การนิ่งเฉยจะเป็นกลฉ้อฉลก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าถ้ามิได้นิ่งเฉย นิติกรรมนั้นก็คงมิได้กระทำขึ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '162'}]",การนิ่งเฉยจะเป็นกลฉ้อฉลก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าถ้ามิได้นิ่งเฉย นิติกรรมนั้นก็คงมิได้กระทำขึ้น +ข้อบังคับสมาคมการค้ามีอะไรบ้าง,ข้อบังคับสมาคมการค้ามีดังนี้ 1 ชื่อ 2 วัตถุที่ประสงค์ 3 ที่ตั้งสำนักงาน 4 วิธีรับสมาชิกและให้สมาชิกออกจากสมาคมการค้า ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก 5 การดำเนินกิจการของสมาคมการค้า การตั้ง การออกจากตำแหน่ง และการประชุมของกรรมการตลอดจนการประชุมใหญ่ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 13 การจดทะเบียน ข้อบังคับของสมาคมการค้าต้องนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพร้อมกับการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า ก่อนออกใบอนุญาต ถ้านายทะเบียนเห็นสมควรจะสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับนั้นก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '13'}]",ข้อบังคับสมาคมการค้ามีดังนี้ 1 ชื่อ 2 วัตถุที่ประสงค์ 3 ที่ตั้งสำนักงาน 4 วิธีรับสมาชิกและให้สมาชิกออกจากสมาคมการค้า ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก 5 การดำเนินกิจการของสมาคมการค้า การตั้ง การออกจากตำแหน่ง และการประชุมของกรรมการตลอดจนการประชุมใหญ่ +พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่,"พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ถือ ""เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา""","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '56'}]","พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ถือ ""เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา""" +การคิดส่วนแบ่งและการปันทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรส คิดได้ดังนี้ 1 ส่วนแบ่งในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการหย่าโดยยินยอมทั้งสองฝ่าย อันมีบทบัญญัติเพิ่มเติมให้บริบูรณ์ในมาตรา 1637 และ 1638 และโดยเฉพาะต้องอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 1513 ถึง 1517 แห่งประมวลกฎหมายนี้ แต่การคิดส่วนแบ่งนั้นมีผลตั้งแต่วันที่การสมรสได้สิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น 2 ในเรื่องส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งบรรพนี้ นอกจากมาตรา 1637 และ 1638,การคิดส่วนแบ่งและการปันทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสคิดอย่างไร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1625'}]",การคิดส่วนแบ่งและการปันทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสมีดังนี้: 1. ส่วนแบ่งในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการหย่าโดยยินยอมทั้งสองฝ่าย อันมีบทบัญญัติเพิ่มเติมให้บริบูรณ์ในมาตรา 1637 และ 1638 และโดยเฉพาะต้องอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 1513 ถึง 1517 แห่งประมวลกฎหมายนี้ แต่การคิดส่วนแบ่งนั้นมีผลตั้งแต่วันที่การสมรสได้สิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น 2. ส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งบรรพนี้ นอกจากมาตรา 1637 และ 1638. +ใบผ่านภาษีอากรให้มีอายุใช้ได้ 15 วันนับแต่วันออก คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 4 สัตต ถ้ามีการขอต่ออายุใบผ่านภาษีอากรก่อนสิ้นอายุ อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต่ออายุให้อีก 15 วันก็ได้ ข้อยกเว้น ภายใต้บังคับมาตรา 4 อัฏฐ (ต้องพิจารณามาตรา 4 อัฏฐ ก่อน),ใบผ่านภาษีอากรมีอายุการใช้งานกี่วัน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 สัตต'}]",15 วัน +มาตรา 1229 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บังคับแก่บริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ออกหุ้นกู้ตามพระราชหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่,"มาตรา 1229 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ""ไม่บังคับ"" แก่บริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ออกหุ้นกู้ตามพระราชหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '37'}]","มาตรา 1229 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ""ไม่บังคับ"" แก่บริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ออกหุ้นกู้ตามพระราชหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์" +"เจ้าสำนักมีความรับผิด ดังนี้ 1 ความสูญหายในทรัพย์สินอย่างใดๆ 2 ความบุบสลายในทรัพย์สินอย่างใดๆ รับผิดต่อบุคคล ดังนี้ 1 คนเดินทาง 2 แขกอาศัย แม้เหตุจะเกิดจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาในโรงแรมก็ตาม คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 เงื่อนไข ถ้าทรัพย์ดังกล่าวเป็น 1 เงินทองตรา 2 ธนบัตร 3 ตั๋วเงิน 4 พันธบัตร 5 ใบหุ้น 6 ใบหุ้นกู้ 7 ประทวนสินค้า 8 อัญมณี 9 ของมีค่าอื่น ๆ เจ้าสำนักรับผิดไม่เกิน 5,000 บาท ข้อยกเว้น ได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น หรือแต่ความผิดของคนเดินทาง หรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง หรือบริวารของเขา หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ",หากทรัพย์สินสูญหายเจ้าสำนัก(เจ้าของโรงแรม)มีความรับผิดหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '675'}]","เจ้าสำนักมีค���ามรับผิดในการสูญหายของทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัย แม้จะเกิดจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาในโรงแรม แต่มีข้อจำกัดในกรณีของทรัพย์สินบางประเภทไม่เกิน 5,000 บาท และไม่ต้องรับผิดในกรณีที่เกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือความผิดของผู้เดินทางหรือแขกอาศัย." +สังหาริมทรัพย์มีค่าซึ่งซ่อนหรือฝังไว้เป็นของผู้ใด,"การเก็บสังหาริมทรัพย์มีค่าซึ่งซ่อนหรือฝังไว้ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ +1 ถ้าเก็บได้และโดยพฤติการณ์ไม่มีใครสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของ ""แผ่นดิน"" +2 ถ้าเก็บได้และโดยพฤติการณ์มีบุคคลสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ให้กรรมสิทธิ์เป็นของ ""บุคคลนั้น"" + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1328 หน้าที่และรางวัลของผู้เก็บทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของได้ ผู้เก็บได้ต้องส่งมอบทรัพย์นั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นแล้วมีสิทธิจะได้รับรางวัล1 ใน 3 ของค่าทรัพย์นั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1328'}]","1 ถ้าเก็บได้และโดยพฤติการณ์ไม่มีใครสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของ ""แผ่นดิน"" 2 ถ้าเก็บได้และโดยพฤติการณ์มีบุคคลสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ให้กรรมสิทธิ์เป็นของ ""บุคคลนั้น""" +หากผู้ฝากทรัพย์ไม่จ่ายเงินสามารถทำอะไรได้บ้าง,ผู้รับฝากมีสิทธิที่จะยึดหน่วงเอาทรัพย์สินที่ฝากไว้ได้จนกว่าจะได้รับเงินค้างชำระจากการฝากนั้น ตามมาตรา 670 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '670'}]",ผู้รับฝากมีสิทธิที่จะยึดหน่วงเอาทรัพย์สินที่ฝากไว้ได้จนกว่าจะได้รับเงินค้างชำระจากการฝากนั้น ตามมาตรา 670 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัดใดที่ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนแล้วในการประกอบกิจการค้าทำได้หรือไม่,"ทำไม่ได้ และมีความผิด ดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ชื่อ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 38/1 การใช้ชื่อนั้นต้องเป็นการใช้ชื่อเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดนั้นยังไม่ได้ถูกขีดชื่อ","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '38/1'}]","ทำไม่ได้ และมีความผิด ดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ชื่อ." +อายุความสิทธิเรียกร้องของผู้ตาย ครบเมื่อใด,ครบ 1 ปีนับแต่วันตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/23,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/23'}]",ครบ 1 ปีนับแต่วันตาย +ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนใดบ้าง,"ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ +1 เพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง +2 เพื่อความบุบสลายอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งได้เอาประกันภัยไว้เพราะได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องปัดความวินาศภัย +3 เพื่อบรรดาค่าใช้จ่ายอันสมควรซึ่งได้เสียไปเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเอาประกันภัยไว้นั้นมิให้วินาศ + +วิธีการคำนวน ให้ตีราคา ณ สถานที่และในเวลาซึ่งเหตุวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้น แต่ห้ามมิให้คิดค่าสินไหมทดแทนเกินไปกว่าจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '877'}]","1 เพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง +2 เพื่อความบุบสลายอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งได้เอาประกันภัยไว้เพราะได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องปัดความวินาศภัย +3 เพื่อบรรดาค่าใช้จ่ายอันสมควรซึ่งได้เสียไปเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเอาประกันภัยไว้นั้นมิให้วินาศ" +การค้ำประกันอันไม่จำกัดครอบคลุมถึงอะไรบ้าง,การค้ำประกันอันไม่จำกัดครอบคลุมถึงดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ และค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 683,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '683'}]",การค้ำประกันอันไม่จำกัดครอบคลุมถึงดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ และค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 683 +สัญญาฝากทรัพย์มีอายุความเท่าใด,ความรับผิดเพื่อใช้เงินบำเหน็จค่าฝากทรัพย์ เพื่อชดใช้เงินค่าใช้จ่าย และเพื่อใช้ค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ มีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาฝากทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '671'}]",6 เดือน +กรณีใดบ้างที่ศาลสามารถสั่งให้ห้างหุ้นเลิกกิจการ,"ศาลสามารถสั่งให้ห้างหุ้นเลิกได้ในกรณีต่อไปนี้ +1 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ฟ้องร้อง ล่วงละเมิดบทบังคับใด ๆ อันเป็นข้อสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตน โดยจงใจหรือเลินเล่ออย่างร้ายแรง +2 เมื่อกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นจะทำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก +3 เมื่อมีเหตุอื่นใด ๆ ทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1057 ต้องเป็นกรณีที่หุ้นส่วนคนใดร้องขอต่อศาลเท่านั้น ศาลจึงจะสามารถมีอำนาจในการสั่งให้เลิกกิจการได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1057'}]",ศาลสามารถสั่งให้ห้างหุ้นเลิกได้ในกรณีต่อไปนี้ 1 เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ฟ้องร้อง ล่วงละเมิดบทบังคับใด ๆ อันเป็นข้อสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตน โดยจงใจหรือเลินเล่ออย่างร้ายแรง 2 เมื่อกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นจะทำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก 3 เมื่อมีเหตุอื่นใด ๆ ทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ +สัญญาก่อตั้งทรัสต์ต้องมีรายการใดบ้าง,"สัญญาก่อตั้งทรัสต์ต้องมีรายการดังนี้ +1 ชื่อผู้ก่อตั้งทรัสต์และทรัสตี +2 ผู้รับประโยชน์ โดยการระบุชื่อ หรือคุณสมบัติ หรือลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้รับประโยชน์ก็ได้ +3 วัตถุประสงค์ของทรัสต์ +4 ทรัพย์สินที่จะให้เป็นกองทรัสต์ + +คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 14 หากไม่มีรายการดังกล่าว สัญญาก่อตั้งทรัสต์มีผลตกเป็นโมฆะ","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '14'}]",1 ชื่อผู้ก่อตั้งทรัสต์และทรัสตี 2 ผู้รับประโยชน์ โดยการระบุชื่อ หรือคุณสมบัติ หรือลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าบุค���ลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้รับประโยชน์ก็ได้ 3 วัตถุประสงค์ของทรัสต์ 4 ทรัพย์สินที่จะให้เป็นกองทรัสต์ +ลูกหนี้มีสามารถสละประโยชน์แห่งอายุความได้หรือไม่,ลูกหนี้สามารถสละประโยชน์แห่งอายุความได้เมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 โดยการสละประโยชน์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรือผู้ค้ำประกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/24'}]",ลูกหนี้สามารถสละประโยชน์แห่งอายุความได้เมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 โดยการสละประโยชน์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรือผู้ค้ำประกัน +ถ้าหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดตายห้างหุ้นส่วนเลิกกันหรือไม่,หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเสียชีวิตไม่ทำให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1092,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1092'}]",หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเสียชีวิตไม่ทำให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1092 +การสมรสที่เป็นโมฆียะผลเป็นอย่างไร,"สามารถเพิกถอนการสมรสได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ +1 เหตุในการขอเพิกถอนการสมรส มีดังนี้ +1.1 สำคัญผิดตัว +1.2 ถูกกลฉ้อฉล +1.3 ถูกข่มขู่ +โดยบุคคลที่ขอเพิกถอนการสมรสได้ คือ คู่สมรสที่สำคัญผิดตัวหรือถูกกลฉ้อฉลหรือถูกข่มขู่เท่านั้น + +กรณีบุคคลหย่อนความสามารถขอเพิกถอนการสมรส +1 กรณีผู้มีสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ให้บุคคลซึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา 29 ขอเพิกถอนการสมรสได้ด้วย +2 กรณีผู้มีสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเป็นบุคคลวิกลจริต(ศาลยังไม่สั่งเป็นคนไร้ความสามารถ) บุคคลดังกล่าวจะร้องขอเพิกถอนการสมรสก็ได้ แต่ต้องขอให้ศาลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถพร้อมกันด้วย +2.1 กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอให้ศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถ ให้ศาลมีคำสั่งยกคำขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลดังกล่าวนั้นเสียด้วย +2.1.1 คำสั่งศาลให้ยกคำขอเพิกถอนก���รสมรสของบุคคลไม่กระทบกระเทือนสิทธิการขอเพิกถอนการสมรสของคู่สมรส(อีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ได้วิกลจริต) แต่คู่สมรสจะต้องใช้สิทธินั้นภายในกำหนดระยะเวลาที่คู่สมรสมีอยู่ ถ้าระยะเวลาดังกล่าวเหลืออยู่ไม่ถึง 6 เดือนนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลดังกล่าวหรือไม่มีเหลืออยู่เลย ให้ขยายระยะเวลานั้นออกไปได้ให้ครบ 6 เดือนหรืออีก 6 เดือนนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลดังกล่าว แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1508'}]",สามารถเพิกถอนการสมรสได้ +สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเกิดจากบุคคลใดรวมตัวกันได้บ้าง,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยอาจเกิดจากบุคคลเหล่านี้รวมตัวกัน 1 หอการค้าไทย 2 หอการค้าต่างประเทศ 3 สมาคมการค้า 4 รัฐวิสาหกิจและสหกรณ์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '15'}]",สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยอาจเกิดจากบุคคลเหล่านี้รวมตัวกัน 1 หอการค้าไทย 2 หอการค้าต่างประเทศ 3 สมาคมการค้า 4 รัฐวิสาหกิจและสหกรณ์ +ผู้บังคับหลักประกันได้รับค่าตอบแทนหรือไม่,ได้ ตามอัตราหรือจำนวนที่ปรากฏในรายการจดทะเบียนตามมาตรา 18 (4) ของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 หรือตามที่ศาลสั่ง แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '60'}]",ได้ ตามอัตราหรือจำนวนที่ปรากฏในรายการจดทะเบียนตามมาตรา 18 (4) ของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 หรือตามที่ศาลสั่ง แล้วแต่กรณี +การกระทำใดไม่ถือเป็นการข่มขู่ตามกฎหมาย,การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมไม่ถือเป็นการข่มขู่ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '165'}]",การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมไม่ถือเป็นการข่มขู่ตามกฎหมาย +การกระทำของบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหรือยินยอมให้กระทำการใดมีความผิด,"การกระทำของบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทดังต่อไปนี้ถือเป็นความผิด +1 ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสาร หรือหลักประกันของบริษัท หรือที่เกี่ยวกับบริษัท หรือ +2 ลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัท หรือที่เก���่ยวกับบริษัท + +คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 216 การกระทำหรือยินยอมให้กระทำนั้นต้องเป็นไปเพื่อลวงให้บริษัทหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '216'}]",การกระทำของบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทดังต่อไปนี้ถือเป็นความผิด 1 ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสาร หรือหลักประกันของบริษัท หรือที่เกี่ยวกับบริษัท หรือ 2 ลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัท หรือที่เกี่ยวกับบริษัท +ค่าสินไหมทดแทนการหมั้นคิดอย่างไร,"ค่าสินไหมทดแทนตามหมวดการหมั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1447 สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนตามหมวดนี้(การหมั้น) นอกจากค่าทดแทนตามมาตรา 1440 (2) ไม่อาจโอนกันได้และไม่ตกทอดไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้เป็นหนังสือหรือผู้เสียหายได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1447'}]",ค่าสินไหมทดแทนตามหมวดการหมั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ +ข้อยกเว้นการรอนสิทธิของผู้ขายมีกรณีใดบ้าง,"ข้อยกเว้นการรอนสิทธิของผู้ขายมีกรณีดังต่อไปนี้ +1 ถ้าไม่มีการฟ้องคดี และผู้ขายพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง +2 ถ้าผู้ซื้อไม่ได้เรียกผู้ขายเข้ามาในคดี และผู้ขายพิสูจน์ได้ว่า ถ้าได้เรียกเข้ามาคดีฝ่ายผู้ซื้อจะชนะ +3 ถ้าผู้ขายได้เข้ามาในคดี แต่ศาลได้ยกคำเรียกร้องของผู้ซื้อเสียเพราะความผิดของผู้ซื้อเอง + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 482 ถ้าผู้ขายถูกศาลหมายเรียกให้เข้ามาในคดีและไม่ยอมเข้าว่าคดีร่วมเป็นจำเลยหรือร่วมเป็นโจทก์กับผู้ซื้อไซร้ ท่านว่าผู้ขายคงต้องรับผิด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '482'}]",ข้อยกเว้นการรอนสิทธิของผู้ขายมีกรณีดังต่อไปนี้ 1 ถ้าไม่มีการฟ้องคดี และผู้ขายพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื��อเอง 2 ถ้าผู้ซื้อไม่ได้เรียกผู้ขายเข้ามาในคดี และผู้ขายพิสูจน์ได้ว่า ถ้าได้เรียกเข้ามาคดีฝ่ายผู้ซื้อจะชนะ 3 ถ้าผู้ขายได้เข้ามาในคดี แต่ศาลได้ยกคำเรียกร้องของผู้ซื้อเสียเพราะความผิดของผู้ซื้อเอง +การรับและการเป็นบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสหรือไม่,การรับและการเป็นบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/25 กรณีที่คู่สมรสไม่อาจให้ความยินยอมได้ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรสนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/25'}]",การรับและการเป็นบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส +หน้าที่ของผู้ปกครองก่อนทำบัญชีทรัพย์สินมีอะไรบ้าง,ผู้ปกครองมีหน้าที่แจ้งข้อเท็จจริงต่อศาล ในกรณีที่ผู้ปกครองรู้ว่ามีหนี้เป็นคุณแก่ตนแต่เป็นโทษต่อผู้อยู่ในปกครอง หากไม่แจ้ง หนี้ของผู้ปกครองนั้นย่อมสูญไป ในกรณีที่ผู้ปกครองรู้ว่ามีหนี้เป็นโทษต่อตนแต่เป็นคุณแก่ผู้อยู่ในปกครอง และไม่ได้แจ้งข้อความนั้นต่อศาล ศาลจะสั่งถอนผู้ปกครองก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1596,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1596'}]",ผู้ปกครองมีหน้าที่แจ้งข้อเท็จจริงต่อศาล ในกรณีที่ผู้ปกครองรู้ว่ามีหนี้เป็นคุณแก่ตนแต่เป็นโทษต่อผู้อยู่ในปกครอง หากไม่แจ้ง หนี้ของผู้ปกครองนั้นย่อมสูญไป ในกรณีที่ผู้ปกครองรู้ว่ามีหนี้เป็นโทษต่อตนแต่เป็นคุณแก่ผู้อยู่ในปกครอง และไม่ได้แจ้งข้อความนั้นต่อศาล ศาลจะสั่งถอนผู้ปกครองก็ได้ +การกระทำใดของตัวแทนไม่ผูกพันตัวการ,"การกระทำของตัวแทนดังนี้ไม่ผูกพันตัวการ +1 การกระทำโดยปราศจากอำนาจ +2 การกระทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ + +เว้นแต่ว่าตัวการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น จะทำให้การนั้นผูกพันตัวการ หากตัวการไม่ให้สัตยาบัน ตัวแทนต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกด้วยตนเอง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลภายนอกนั้นได้รู้อยู่ว่าตน(ตัวแทน)ทำการโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่ง���ละพาณิชย์', 'sections': '823'}]","1 การกระทำโดยปราศจากอำนาจ +2 การกระทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ" +สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 หรือไม่,มี คือ หมวด 4 ส่วนที่ 2 เรื่อง หลักเกณฑ์สำหรับสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่บังคับใช้แก่สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามมาตรา 75 วรรคสอง ยกเว้นมาตรา 79,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '77'}]",มี คือ หมวด 4 ส่วนที่ 2 เรื่อง หลักเกณฑ์สำหรับสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่บังคับใช้แก่สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามมาตรา 75 วรรคสอง ยกเว้นมาตรา 79 +การซื้อขายกรรมสิทธิ์โอนเมื่อใด,การซื้อขายกรรมสิทธิ์โอนเมื่อผู้ซื้อและผู้ขายได้ทำสัญญาซื้อขายกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '458'}]",การซื้อขายกรรมสิทธิ์โอนเมื่อผู้ซื้อและผู้ขายได้ทำสัญญาซื้อขายกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 +ผลภายหลังการชำระบัญชีของมูลนิธิเป็นอย่างไร,"ภายหลังการชำระบัญชีของมูลนิธิ ให้โอนทรัพย์สินของมูลนิธิให้แก่มูลนิธิหรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 110 ซึ่งได้ระบุชื่อไว้ในข้อบังคับของมูลนิธิ ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิมิได้ระบุชื่อมูลนิธิหรือนิติบุคคลดังกล่าวไว้ พนักงานอัยการ ผู้ชำระบัญชี หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใด อาจร้องขอต่อศาลให้จัดสรรทรัพย์สินนั้นแก่มูลนิธิหรือนิติบุคคลอื่นที่ปรากฏว่ามีวัตถุประสงค์ใกล้ชิดที่สุดกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นได้ + +ในกรณีที่มูลนิธินั้นถูกศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 131 (1) หรือ (2) หรือไม่สมารถการจัดสรรทรัพย์สิน ให้ทรัพย์สินของมูลนิธิตกเป็นของแผ่นดิน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '134'}]",ภายหลังการชำระบัญชีของมูลนิธิ ให้โอนทรัพย์สินของมูลนิธิให้แก่มูลนิธิหรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 110 ซึ่งได้ระบุชื่อไว้ในข้อบังคับของมูลนิธิ ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิมิได้ระบุชื่อมูลนิธิหรือนิติบุคคลดังกล่าวไว้ พนักงานอัยการ ผู้ชำระบัญชี หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใด อาจร้องขอต่อศาลให้จัดสรรทรัพย์สินนั้นแก่มูลนิธิ���รือนิติบุคคลอื่นที่ปรากฏว่ามีวัตถุประสงค์ใกล้ชิดที่สุดกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นได้ +ในการพิจารณาความสามารถของผู้ทำพินัยกรรมและผู้รับพินัยกรรมต้องพิจารณาเมื่อใด,"ความสามารถของผู้ทำพินัยกรรม ให้พิจารณเวลาที่ทำพินัยกรรมเท่านั้น +ความสามารถของผู้รับพินัยกรรม พิจารณาเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตายเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1654","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1654'}]",ความสามารถของผู้ทำพินัยกรรม ให้พิจารณเวลาที่ทำพินัยกรรมเท่านั้น ความสามารถของผู้รับพินัยกรรม พิจารณาเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตายเท่านั้น +ข้อสันนิษฐานการครอบครองตามกฎหมายคืออะไร,กฎหมายสันนิษฐานการครอบครองไว้ให้ผู้ที่ครอบครองนั้นครอบครองโดยสุจริตโดยความสงบและเปิดเผย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1370,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1370'}]",กฎหมายสันนิษฐานการครอบครองไว้ให้ผู้ที่ครอบครองนั้นครอบครองโดยสุจริตโดยความสงบและเปิดเผย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1370 +ผู้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ได้รับรางวัลหรือไม่,"ได้ โดยไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินค่าปรับที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระต่อศาล + +คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 152 ต้องเป็นการกระทำผิด ดังนี้ การกระทำความผิดตามมาตรา 92 มาตรา 94 มาตรา 99 และมาตรา 100 สัดส่วนเงินค่าปรับ ตามความสำคัญของข้อมูล ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ถือเป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '152'}]",ได้ โดยไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินค่าปรับที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระต่อศาล +เงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (8) ที่จ่ายให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ มีขั้นตอนอย่างไร,ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) หักภาษี ณ ที่จ่าย อัตรา 1% แล้วนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียน และภาษีที่หักนั้นให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของผู้ถูกหักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หั��ไว้นั้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 69 ตรี,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '69 ตรี'}]",ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) หักภาษี ณ ที่จ่าย อัตรา 1% แล้วนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียน และภาษีที่หักนั้นให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของผู้ถูกหักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้นั้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 69 ตรี +วิธีบังคับจำนำต้องทำอย่างไร,ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องภายในเวลาที่กำหนดในคำบอกกล่าวนั้น หากครบกำหนดเวลาที่ระบุแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้รับจำนำสามารถนำทรัพย์ที่จำนำออกขายทอดตลาดได้ โดยผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวผู้จำนำว่าจะขายทอดตลาดในวันเวลาและสถานที่ใดด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 764,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '764'}]",ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องภายในเวลาที่กำหนดในคำบอกกล่าวนั้น หากครบกำหนดเวลาที่ระบุแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้รับจำนำสามารถนำทรัพย์ที่จำนำออกขายทอดตลาดได้ โดยผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวผู้จำนำว่าจะขายทอดตลาดในวันเวลาและสถานที่ใดด้วย +การตายเพราะเป็นคนสาญสูญ มรดกตกทอดแก่ทายาทหรือไม่,ตกทอด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1602,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1602'}]",ตกทอด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1602 +ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ยังคงบังคับใช้หรือไม่,ไม่,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76'}]",ไม่ +หน้าที่และอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต.รวมถึงอะไรบ้าง นอกจากมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561,"หน้าที่และอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต.มีหน้าที่ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ดังต่อไปนี้ +1 ออกประกาศหรือคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้ +2 รับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามพระราชกำหนดนี้ โดยค่าธรรมเนียมนี้ให้ตกเป็นของสำนักงาน ก.ล.ต.","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '14'}]",หน้าที่และอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต.มีหน้าที่��ามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ดังต่อไปนี้ 1 ออกประกาศหรือคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้ 2 รับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามพระราชกำหนดนี้ โดยค่าธรรมเนียมนี้ให้ตกเป็นของสำนักงาน ก.ล.ต. +การฟ้องคดีของเจ้าหนี้โดยใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ ต้องทำอย่างไร,เจ้าหนี้ต้องขอหมายเรียกลูกหนี้มาในคดีนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '234'}]",เจ้าหนี้ต้องขอหมายเรียกลูกหนี้มาในคดีนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234 +ข้อสันนิษฐานสภาพทรัพย์สินที่ให้เช่าคืออะไร,กฎหมายสันนิษฐานว่าผู้เช่าได้รับทรัพย์สินที่เช่าไปในสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว เว้นแต่มีหนังสือลงลายมือชื่อของคู่สัญญาแสดงไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินในสภาพตามข้อสันนิษฐาน เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นไม่ได้ซ่อมแซมไว้ดีขณะส่งมอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 561,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '561'}]",กฎหมายสันนิษฐานว่าผู้เช่าได้รับทรัพย์สินที่เช่าไปในสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว เว้นแต่มีหนังสือลงลายมือชื่อของคู่สัญญาแสดงไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินในสภาพตามข้อสันนิษฐาน เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นไม่ได้ซ่อมแซมไว้ดีขณะส่งมอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 561 +หน้าที่ของกรรมการในระหว่างและภายหลังการประชุมเกี่ยวกับบันทึกการประชุมคืออะไร,กรรมการมีหน้าที่จัดให้จดบันทึกการประชุมและมติของที่ประชุมทั้งหมดให้ถูกต้อง และเก็บไว้ที่สำนักงานจดทะเบียนของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1207,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1207'}]",กรรมการมีหน้าที่จัดให้จดบันทึกการประชุมและมติของที่ประชุมทั้งหมดให้ถูกต้อง และเก็บไว้ที่สำนักงานจดทะเบียนของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1207 +กองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีเงินและทรัพย์สินอะไรบ้าง,"กองทุนตามพระราชบัญญัติหลั���ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ +1 เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาจากตลาดหลักทรัพย์ +2 เงินที่ได้รับตามมาตรา 182/1 +3 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้ +4 ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/3'}]",กองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ 1 เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาจากตลาดหลักทรัพย์ 2 เงินที่ได้รับตามมาตรา 182/1 3 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้ 4 ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน +ผลของการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20 วรรคสอง ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มีโทษอย่างไร,"สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ฃต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่ง 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '128'}]","สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ฃต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่ง 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน" +รัฐมนตรีมีอำนาจตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 อย่างไรบ้าง,รัฐมนตรีมีอำนาจกำกับและควบคุมทั่วไปให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '101'}]",รัฐมนตรีมีอำนาจกำกับและควบคุมทั่วไปให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ +เงินภาษีที่หักและนำส่งไว้ตามมาตราใดบ้างที่ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษี,เงินภาษีที่หักตามมาตรา 50 มาตรา 52 มาตรา 53 ประมวลรัษฎากร ให้ถือเป็นเครดิตภาษีของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '60'}]",เงินภาษีที่หักตามมาตรา 50 มาตรา 52 มาตรา 53 ประมวลรัษฎากร ให้ถือเป็นเครดิตภาษีของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี +รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมการค้ากรณีใดบ้าง,"รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมการค้ากรณีดังนี้ +1 เมื่อปรากฏว่าการกระทำของสมาคมการค้าผิดต่อกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน +2 เมื่อ��มาคมการค้าปฏิบัติการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 และการกระทำนั้นเป็นการเสียหายอย่างร้ายแรง +3 เมื่อสมาคมการค้าไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปหรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป +4 เมื่อปรากฏว่าสมาคมการค้าให้ หรือยอมให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่กรรมการดำเนินกิจการในหน้าที่ของกรรมการ + +คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 36 โทษของกรรมการ กรรมการของสมาคมการค้าที่รัฐมนตรีสั่งให้เลิกตาม (1) (2) หรือ (4) ผู้ใดซึ่งมีส่วนในการกระทำอันเป็นเหตุให้สมาคมการค้านั้นถูกรัฐมนตรีสั่งให้เลิก ไม่มีสิทธิเป็นกรรมการสมาคมการค้าอีก ขอยกเว้นโทษของกรรมการ เว้นแต่จะพ้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่รัฐมนตรีสั่งให้เลิกสมาคมการค้านั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '36'}]",รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมการค้ากรณีดังนี้ 1 เมื่อปรากฏว่าการกระทำของสมาคมการค้าผิดต่อกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 2 เมื่อสมาคมการค้าปฏิบัติการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 และการกระทำนั้นเป็นการเสียหายอย่างร้ายแรง 3 เมื่อสมาคมการค้าไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปหรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป 4 เมื่อปรากฏว่าสมาคมการค้าให้ หรือยอมให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่กรรมการดำเนินกิจการในหน้าที่ของกรรมการ. +หากบริษัทหลักทรัพย์ต้องการทำการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ต้องทำอย่างไร,บริษัทหลักทรัพย์นั้นต้องเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 158,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '158'}]",บริษัทหลักทรัพย์นั้นต้องเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ +การชำระหนี้แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิสมบูรณ์หรือไม่,สมบูรณ์เพียงเท่าที่ตัวเจ้าหนี้ได้ลาภงอกขึ้นจากการชำระหนี้ต่อบุคคลภายนอกนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 317,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '317'}]",สมบูรณ์เพียงเท่าที่ตัวเจ้าหนี้ได้ลาภงอกขึ้นจากการชำระหนี้ต่อบุคคลภายนอกนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 317 +การให้ค��ามยินยอมให้ทำการสมรสทำได้อย่างไรบ้าง,"การให้ความยินยอมให้ทำการสมรสทำได้ดังนี้ +1 ลงลายมือชื่อในทะเบียนขณะจดทะเบียนสมรส +2 ทำเป็นหนังสือแสดงความยินยอมโดยระบุชื่อผู้จะสมรสทั้งสองฝ่ายและลงลายมือชื่อของผู้ให้ความยินยอม +3 ถ้ามีเหตุจำเป็น จะให้ความยินยอมด้วยวาจาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนก็ได้ + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1455 ความยินยอมนั้น เมื่อให้แล้วถอนไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1455'}]",การให้ความยินยอมให้ทำการสมรสทำได้ดังนี้ 1 ลงลายมือชื่อในทะเบียนขณะจดทะเบียนสมรส 2 ทำเป็นหนังสือแสดงความยินยอมโดยระบุชื่อผู้จะสมรสทั้งสองฝ่ายและลงลายมือชื่อของผู้ให้ความยินยอม 3 ถ้ามีเหตุจำเป็น จะให้ความยินยอมด้วยวาจาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนก็ได้ +เจ้าหนี้สามารถมีสิทธิในกองมรดกหรือไม่,"มี โดยแบ่งเป็นกรณีดังนี้ +1 ก่อนแบ่งมรดก เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับชำระหนี้เต็มจำนวนจากกองมรดกก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ทายาทคนหนึ่ง ๆ อาจเรียกให้ชำระหนี้จากทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก หรือให้เอาเป็นประกันก็ได้จนถึงเวลาแบ่งมรดก +2 แบ่งมรดกแล้ว เจ้าหนี้อาจเรียกให้ทายาทคนใดคนหนึ่งชำระหนี้ได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทคนนั้นได้รับไป ในกรณีเช่นนี้ ทายาทคนใดซึ่งได้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้กองมรดกเกินกว่าส่วนที่ตนจะต้องเฉลี่ยใช้หนี้ ทายาทคนนั้นมีสิทธิไล่เบี้ยจากทายาทคนอื่นได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1738'}]",มี โดยแบ่งเป็นกรณีดังนี้ 1 ก่อนแบ่งมรดก เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับชำระหนี้เต็มจำนวนจากกองมรดกก็ได้ 2 แบ่งมรดกแล้ว เจ้าหนี้อาจเรียกให้ทายาทคนใดคนหนึ่งชำระหนี้ได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทคนนั้นได้รับไป. +บุคคลใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเลิกกิจการ,ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นไว้แต่ข้อสัญญาหรือข้อบังคับของบริษัทจะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หากไม่มีผู้ชำระบัญชีตามที่กล่าวมาและเมื่อพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นผู้มีส่วนได้เสียในการนี้ร้องขอ ศาลจะเ���็นผู้ตั้งผู้ชำระบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1251'}]",หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นไว้แต่ข้อสัญญาหรือข้อบังคับของบริษัทจะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หากไม่มีผู้ชำระบัญชีตามที่กล่าวมา ศาลจะเป็นผู้ตั้งผู้ชำระบัญชี. +การยื่นรายการตามประมวลรัษฎากร มาตราใดหากต้องเสียภาษีต้องเสียที่ว่าการอำเภอ,การยื่นรายการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ มาตรา 57 ตรี หรือมาตรา 57 เบญจ ประมวลรัษฎากร หากมีภาษีต้องเสีย ให้ชำระที่ที่ว่าการอำเภอ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57 จัตวา'}]",การยื่นรายการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ มาตรา 57 ตรี หรือมาตรา 57 เบญจ ประมวลรัษฎากร หากมีภาษีต้องเสีย ให้ชำระที่ที่ว่าการอำเภอ +การวางทรัพย์หรือขายทอดตลาด ใครเป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียม,การวางทรัพย์หรือขายทอดตลาด เจ้าหนี้เป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียม แต่ถ้าลูกหนี้ถอนทรัพย์ที่วางออก กรณีนี้ลูกหนี้จะต้องเป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 338 ค่าฤชาธรรมเนียมในการวางทรัพย์หรือขายทอดตลาดนั้น ให้ฝ่ายเจ้าหนี้เป็นผู้ออก เว้นแต่ลูกหนี้จะได้ถอนทรัพย์ที่วาง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '338'}]",เจ้าหนี้เป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียม แต่ถ้าลูกหนี้ถอนทรัพย์ที่วางออก กรณีนี้ลูกหนี้จะต้องเป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียม +หุ้นส่วนอ้างว่าไม่เห็นการโฆษณาที่ได้พิมพ์โฆษณาประกาศตามกฎหมายแล้ว ข้ออ้างฟังขึ้นไหม,ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากเมื่อได้พิมพ์โฆษณาแล้ว กฎหมายให้ถือว่าบรรดาเอกสารและข้อความซึ่งลงทะเบียนที่ได้กล่าวถึงในย่อรายการนั้น เป็นที่รู้แก่บุคคลทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นผู้เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น หรือที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1022,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1022'}]",ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากเมื่อได้พิมพ์โฆษณาแล้ว กฎหมายให้ถือว่าบรรดาเอกสารและข้อความซึ่งลงทะเบียนที่ได้กล่าวถึงในย่อรายการนั้น เป็นที่รู้แก่บุคคลทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นผู้เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น หรือที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1022 +ตกลงทำสัญญาเช่ากับตัวแทนที่มารู้ภายหลังว่าหมดสัญญาตัวแทนกับเจ้าของห้องจริง ความรับผิดของตัวแทนนั้นจะหมดไปไหม,ไม่หมดไปหากกระทำไปสุจริต เนื่องจากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 831 ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาตัวแทนไม่ให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต เว้นแต่บุคคลภายนอกไม่รู้เพราะความประมาทเลินเล่อของตนเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '831'}]",ไม่หมดไปหากกระทำไปสุจริต เนื่องจากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 831 ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาตัวแทนไม่ให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต เว้นแต่บุคคลภายนอกไม่รู้เพราะความประมาทเลินเล่อของตนเอง. +ใบรับต้องปิดอากรแสตมป์ไหม,ใบรับต้องปิดอากรแสตมป์ ถ้าไม่ปิดแสตมป์ตามจำนวนอากรที่ต้องเสียต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 127 ผู้ใดไม่ทำหรือไม่เก็บบันทึกตามมาตรา 105 ตรี หรือไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้องตามมาตรา 106 หรือออกใบรับซึ่งไม่ปิดแสตมป์ตามจำนวนอากรที่ต้องเสียต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '127'}]",ใบรับต้องปิดอากรแสตมป์ ถ้าไม่ปิดแสตมป์ตามจำนวนอากรที่ต้องเสียต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 127 ผู้ใดไม่ทำหรือไม่เก็บบันทึกตามมาตรา 105 ตรี หรือไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้องตามมาตรา 106 หรือออกใบรับซึ่งไม่ปิดแสตมป์ตามจำนวนอากรที่ต้องเสียต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท. +ขับรถคนอื่นไปชน เจ้าของรถต้องรับผิดชอบไหม,"กรณีเกิดความเสียหายจากยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล ผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง +รวมถึงบุคคลผู้ครอบครองทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437)","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '437'}]",ผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง. +เพิกถอนการสมรสใช้กฎหมายอะไรมาบังคับ,กรณีเพิกถอนการสมรสกฎหมายให้นำบทบัญญัติว่าด้วยผลของการหย่าโดยคำพิพากษามาใช้บังคับแก่ผลของการเพิกถอนการสมรสโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยผลของการหย่าโดยคำพิพากษามาใช้บังคับแก่ผลของการเพิกถอนการสมรสโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1512'}]",ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยผลของการหย่าโดยคำพิพากษามาใช้บังคับแก่ผลของการเพิกถอนการสมรสโดยอนุโลม. +ทรัพย์ประธานขาดอายุความแต่ทรัพย์อุปกรณ์ไม่ขาด สิทธิเรียกร้องในทรัพย์อุปกรณ์จะขาดอายุความไปด้วยไหม,สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความ สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์ย่อมขาดอายุความด้วย แม้ว่าอายุความของสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์นั้นจะยังไม่ครบกำหนดก็ตาม (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/26 เมื่อสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความให้สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์นั้นขาดอายุความด้วย แม้ว่าอายุความของสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์นั้นจะยังไม่ครบกำหนดก็ตาม),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/26'}]",สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความ สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์ย่อมขาดอายุความด้วย แม้ว่าอายุความของสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์นั้นจะยังไม่ครบกำหนดก็ตาม. +ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะตอนไหน,ผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '19'}]",ผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ +ระยะเวลาที่ลูกจ้างมีสิทธิจะได้รับบุริมสิทธิในเงินที่นายจ้างจะต้องจ่าย ระยะเวลาเท่าใด,ระยะเวลาที่ลูกจ้างมีสิทธิจะได้รับบุริมสิทธิในเงินที่ลูกจ้างต้องได้รับจากการทำง��นให้นายจ้าง ซึ่งใช้สำหรับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และเงินอื่นใดที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้นั้น จะนับถอยหลังขึ้นไปสี่เดือน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินหนึ่งแสนบาทต่อลูกจ้างคนหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 257 บุริมสิทธิในเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้แก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้างนั้น ให้ใช้สำหรับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และเงินอื่นใดที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้ นับถอยหลังขึ้นไปสี่เดือน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินหนึ่งแสนบาทต่อลูกจ้างคนหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '257'}]",สี่เดือน +ได้รับข้อเสนอก่อนที่ผู้ยื่นคำเสนอจะเสียชีวิต ข้อเสนอนั้นจะยังคงอยู่ไหม,การแสดงเจตนาที่ได้ส่งไปย่อมไม่เสียแม้ภายหลังผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย เว้นแต่การแสดงเจตนานั้นขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง หรือหากว่าก่อนจะสนองรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 360 บทบัญญัติแห่งมาตรา 169 วรรคสอง นั้น ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าหากว่าขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง หรือหากว่าก่อนจะสนองรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '360'}]",การแสดงเจตนาที่ได้ส่งไปย่อมไม่เสียแม้ภายหลังผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย เว้นแต่การแสดงเจตนานั้นขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง หรือหากว่าก่อนจะสนองรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ +พ่อเสียชีวิต มรดกตกแก่ใคร,เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท เว้นแต่ความเป็นทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1599'}]",มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท +เข้าใจผิดว่ารถยนต์คันที่จะซื้อเป็นคันที่ตกลงกันไว้แต่สุดท้ายไม่ใช่ สัญญานั้นมีผลอย่างไร,การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะ และต้องเป็นความสำคัญผิดในคุณสมบัติที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากไม่ได้มีความสำคัญผิดดังกล่าวการแสดงเจตนานั้นคงจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อสำคัญผิดในคุณสมบัติของรถยนต์ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่หากไม่ได้มีความสำคัญผิดดังกล่าวจะไม่เกิดการตกลงซื้อขายขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว สัญญาจึงมีผลเป็นโมฆียะ (คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 157 การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะ ความสำคัญผิดตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นความสำคัญผิดในคุณสมบัติซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากมิได้มีความสำคัญผิดดังกล่าวการอันเป็นโมฆียะนั้นคงจะมิได้กระทำขึ้น),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '157'}]",สัญญาจึงมีผลเป็นโมฆียะ +ความเกี่ยวพันระหว่างกรรมการกับบริษัทและบริษัทกับบุคคลภายนอกต้องดูตามกฎหมายใด,หากไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ความเกี่ยวพันระหว่างกรรมการกับบริษัทและบริษัทกับบุคคลภายนอก ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทน (คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 97 เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้ในหมวดนี้เป็นอย่างอื่น ความเกี่ยวพันระหว่างกรรมการกับบริษัทและบริษัทกับบุคคลภายนอก ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทน),"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '97'}]",ความเกี่ยวพันระหว่างกรรมการกับบริษัทและบริษัทกับบุคคลภายนอก ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทน +แบ่งทรัพย์สินยังไงเมื่อศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เลิก,เมื่อศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เลิกกันแล้ว ให้แบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่แก่สมาชิกจำนวนเท่า ๆ กัน ยกเว้นจะมีข้อตกลงในการจัดตั้งหรือข้อบังคับที่ใช้บังคับกับสมาชิกกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น (คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติห���ักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 215 เมื่อศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เลิกกันแล้ว หากข้อตกลงในการจัดตั้งหรือข้อบังคับที่ใช้บังคับกับสมาชิกไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้แบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่แก่สมาชิกจำนวนเท่า ๆ กัน),"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '215'}]",เมื่อศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เลิกกันแล้ว ให้แบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่แก่สมาชิกจำนวนเท่า ๆ กัน ยกเว้นจะมีข้อตกลงในการจัดตั้งหรือข้อบังคับที่ใช้บังคับกับสมาชิกกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น +เมื่อมีประชุมใหญ่ของบริษัทเกิดขึ้นจะต้องทำอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด,สิ่งที่จะต้องทำเมื่อบริษัทมีประชุมใหญ่ตามกฎหมายกำหนด คือ (1) รับรองให้หุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการบริษัทคงเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป หรือเลือกตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่ขึ้นแทนที่ และ (2) อนุมัติบัญชีงบดุล อนึ่ง ที่ประชุมใหญ่จะสั่งให้ผู้ชำระบัญชีทำบัญชีตีราคาทรัพย์สิน หรือให้ทำการใด ๆ ก็ได้สุดแต่ที่ประชุมจะเห็นสมควร เพื่อชำระสะสางกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทให้เสร็จไป (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1256 ธุรการอันที่ประชุมใหญ่จะพึงทำนั้น คือ (1) รับรองให้หุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการบริษัทคงเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป หรือเลือกตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่ขึ้นแทนที่ และ (2) อนุมัติบัญชีงบดุล อนึ่ง ที่ประชุมใหญ่จะสั่งให้ผู้ชำระบัญชีทำบัญชีตีราคาทรัพย์สิน หรือให้ทำการใด ๆ ก็ได้สุดแต่ที่ประชุมจะเห็นสมควร เพื่อชำระสะสางกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทให้เสร็จไป),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1256'}]",(1) รับรองให้หุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการบริษัทคงเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไป หรือเลือกตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่ขึ้นแทนที่ และ (2) อนุมัติบัญชีงบดุล +อายุความกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีระยะเวลาเท่าใด,ความผิดตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ถ้าไม่ได้ฟ้องต่อศาลหรือไม่ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการทำการเปรียบเทียบตามกฎหมายภายใน 1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิด หรือภายใน 5 ปีนับแต่วันที่กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ (พระราชบัญญัติกองทุนสำรอง���ลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 43),"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '43'}]",1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิด หรือภายใน 5 ปีนับแต่วันที่กระทำความผิด +เมื่อจดทะเบียนลดทุนแล้วจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้ยังไง,เมื่อบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระ หรือจดทะเบียนลดทุนแล้ว ให้บริษัทแจ้งแก่ผู้ถือหุ้นเป็นหนังสือและประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์อย่างน้อยหนึ่งฉบับภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนหรือลดทุน (พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 143),"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '143'}]",เมื่อบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระ หรือจดทะเบียนลดทุนแล้ว ให้บริษัทแจ้งแก่ผู้ถือหุ้นเป็นหนังสือและประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์อย่างน้อยหนึ่งฉบับภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนหรือลดทุน. +คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่อะไรบ้าง,คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) บริหารกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ (2) กระทำกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพบัญชีตามกฎหมาย (3) เสนอร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีในกิจการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในตามกฎหมายต่อที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี (4) จัดให้มีการประชุมใหญ่ (5) ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 28 ให้คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) บริหารกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ (2) กระทำกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ (3) เสนอร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีในกิจการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ต่อที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี (4) จัดให้มีการประชุมใหญ่ (5) ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '28'}]",คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) บริหารกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ (2) กระทำกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้���ที่ของสภาวิชาชีพบัญชีตามกฎหมาย (3) เสนอร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีในกิจการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในตามกฎหมายต่อที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี (4) จัดให้มีการประชุมใหญ่ (5) ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย +ความรับผิดเพื่อชดใช้ค่าเสียหายต่อทรัพย์สินผู้โดยสารมีอายุความเท่าใด,6 เดือนนับแต่วันที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยออกไปจากสถานที่นั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 678 ในข้อความรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือของแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยออกไปจากสถานที่นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '678'}]",6 เดือนนับแต่วันที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยออกไปจากสถานที่นั้น +ประชุมกรรมการคะแนนเสียงเท่ากันต้องทำยังไง,ในประชุมกรรมการนั้นให้ชี้ขาดตัดสินเอาเสียงข้างมากเป็นใหญ่ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1161 ข้อปรึกษาซึ่งเกิดเป็นปัญหาในประชุมกรรมการนั้นให้ชี้ขาดตัดสินเอาเสียงข้างมากเป็นใหญ่ ถ้าและคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1161'}]",ให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด +สัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือไหม,สัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ ถ้าไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '851'}]",สัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ ถ้าไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้��งให้บังคับคดีไม่ได้ +ส่งของที่อาจเกิดอันตรายได้จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมไหม,ถ้าของมีลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ หรือจะก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ผู้ส่งต้องแสดงสภาพแห่งของนั้นไว้ก่อนทำสัญญา ถ้าไม่ได้ทำผู้ส่งจะต้องรับผิดในการเสียหายที่เกิดจากของนั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 619 ถ้าของเป็นสภาพอันจะก่อให้เกิดอันตรายได้ หรือเป็นสภาพเกือบจะก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินไซร้ ผู้ส่งต้องแสดงสภาพแห่งของนั้นไว้ก่อนทำสัญญา ถ้ามิได้ทำเช่นนั้นผู้ส่งจะต้องรับผิดในการเสียหายไม่ว่าอย่างใด ๆ อันเกิดแต่ของนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '619'}]",ผู้ส่งต้องแสดงสภาพแห่งของนั้นไว้ก่อนทำสัญญา +ตอนไหนที่ทรัพย์สินที่จะไว้ให้มูลนิธิจะตกแก่มูลนิธิ,แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1) ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิมีชีวิตอยู่ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิเป็นต้นไป 2) กรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นถึงแก่ความตาย คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 121 เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิมีชีวิตอยู่ ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิเป็นต้นไป ในกรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นถึงแก่ความตาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '121'}]",แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1) ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิมีชีวิตอยู่ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิเป็นต้นไป 2) กรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นถึงแก่ความตาย. +การส่งมอบหลักทรัพย์ให้ผู้ซื้อจากบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ต้องใช้หลักเกณฑ์อะไรในการส่งมอบ,บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 88 บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '88'}]",บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องส่งมอบหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ถ้ายื่นจดทะเบียนมูลนิธิตามพินัยกรรมแล้วบุคคลอื่นยื่นมาด้วยแต่มีข้อขัดแย้งกับที่ได้ยื่น ผลจะเป็นอย่างไร,คำขอจดทะเบียนมูลนิธิตามพินัยกรรมเจ้ามรดกรายเดียวกันมีข้อขัดแย้งกัน นายทะเบียนเรียกจะเรียกผู้ยื่นคำขอมาตกลงกัน และถ้าผู้ยื่นคำขอไม่มาตกลงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด ให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 120 ในกรณีที่มีบุคคลหลายรายยื่นคำขอจดทะเบียนมูลนิธิตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกรายเดียวกัน ถ้าคำขอนั้นมีข้อขัดแย้งกัน ให้นายทะเบียนเรียกผู้ยื่นคำขอมาตกลงกัน และถ้าผู้ยื่นคำขอไม่มาตกลงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด ให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร และให้นำความในมาตรา 119 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '120'}]",คำขอจดทะเบียนมูลนิธิตามพินัยกรรมเจ้ามรดกรายเดียวกันมีข้อขัดแย้งกัน นายทะเบียนเรียกจะเรียกผู้ยื่นคำขอมาตกลงกัน และถ้าผู้ยื่นคำขอไม่มาตกลงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำห��ด ให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร. +ถ้าซื้อสินค้า ใครเป็นคนออกค่าขนส่ง,ถ้าซื้อขายไปยังที่อื่นนอกจากสถานที่ที่ชำระหนี้ ค่าขนส่งทรัพย์สินนั้นผู้ซื้อเป็นคนออก คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 464 ค่าขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้นั้น ผู้ซื้อพึงออกใช้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '464'}]",ค่าขนส่งทรัพย์สินนั้นผู้ซื้อเป็นคนออก +เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนแต่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องจะต้องทำยังไง,"ผู้ประกอบการที่ยื่นแบบแสดงรายงานภาษีไม่ถูกต้องสามารถ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน พร้อมชำระภาษีถ้ามีภาษีที่ต้องชำระ + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/4 ภายใต้บังคับส่วน 13 และส่วน 14 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนไม่ว่าการคลาดเคลื่อนนั้นจะเป็นเหตุให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชำระภาษีถ้ามี ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/4'}]",ผู้ประกอบการที่ยื่นแบบแสดงรายงานภาษีไม่ถูกต้องสามารถ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน พร้อมชำระภาษีถ้ามีภาษีที่ต้องชำระ +เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาในการประกอบกิจการคนต่างด้าวมีใครบ้าง,ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บุคคลต่อไปนี้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (1) กรรมการ (2) อธิบดี (3) นายทะเบียน (4) พนักงานเจ้าหน้าที่ คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 33 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการ อธิบดี นายทะเบียน และพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '33'}]",(1) กรรมการ (2) อธิบดี (3) นายทะเบียน (4) พนักงานเจ้าหน้าที่ +ความเป็นผู้ปกครองสิ้นสุดลงจะจัดการยังไงกับทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง,ถ้าความปกครองหรือความเป็นผู้ปกครองสิ้นสุดลง ให้ผู้ปกครองหรือทายาทรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการแก่ผู้อยู่ในปกครอง หรือทายาทหรือผู้ปกครองคนใหม่ และให้ทำบัญชีในการจัดการทรัพย์สินส่งมอบภายในเวลาหกเดือน ถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี แต่เมื่อผู้ปกครองหรือทายาทร้องขอศาลจะสั่งให้ยืดเวลาก็ได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/11 ถ้าความปกครองหรือความเป็นผู้ปกครองสิ้นสุดลง ให้ผู้ปกครองหรือทายาทรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการแก่ผู้อยู่ในปกครอง หรือทายาทหรือผู้ปกครองคนใหม่ และให้ทำบัญชีในการจัดการทรัพย์สินส่งมอบภายในเวลาหกเดือน และถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี แต่เมื่อผู้ปกครองหรือทายาทร้องขอศาลจะสั่งให้ยืดเวลาก็ได้ ให้นำมาตรา 1580 และมาตรา 1581 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/11'}]",ให้ผู้ปกครองหรือทายาทรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการแก่ผู้อยู่ในปกครอง หรือทายาทหรือผู้ปกครองคนใหม่ และให้ทำบัญชีในการจัดการทรัพย์สินส่งมอบภายในเวลาหกเดือน ถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้นก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี แต่เมื่อผู้ปกครองหรือทายาทร้องขอศาลจะสั่งให้ยืดเวลาก็ได้. +นายทะเบียนมีหน้าที่ตรวจสอบการจัดการกองทุนอย่างไร,นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการตรวจสอบการจัดการกองทุน ดังต่อไปนี้ คือ (1) เข้าไปในสำนักงานของกองทุนหรือของผู้จัดการกองทุนเพื่อตรวจสอบกิจการสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุนในเวลาทำงานปกติ (2) สั่งให้กรรมการ ผู้จัดการกองทุน หรือเจ้าหน้าที่ของกองทุนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนส่งหรือแสดงบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นของกองทุน (3) เรียกบุคคลดังกล่าวใน (2) เพื่อสอบถามหรือแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดการกองทุน คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 30 เพื่อประโยชน์ใน��ารตรวจสอบการจัดการกองทุน ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เข้าไปในสำนักงานของกองทุนหรือของผู้จัดการกองทุนเพื่อตรวจสอบกิจการสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุนในเวลาทำงานปกติ (2) สั่งให้กรรมการ ผู้จัดการกองทุน หรือเจ้าหน้าที่ของกองทุนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนส่งหรือแสดงบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นของกองทุน (3) เรียกบุคคลดังกล่าวใน (2) มาเพื่อสอบถามหรือแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดการกองทุน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '30'}]",นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการตรวจสอบการจัดการกองทุน ดังต่อไปนี้ คือ (1) เข้าไปในสำนักงานของกองทุนหรือของผู้จัดการกองทุนเพื่อตรวจสอบกิจการสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุนในเวลาทำงานปกติ (2) สั่งให้กรรมการ ผู้จัดการกองทุน หรือเจ้าหน้าที่ของกองทุนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนส่งหรือแสดงบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นของกองทุน (3) เรียกบุคคลดังกล่าวใน (2) เพื่อสอบถามหรือแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดการกองทุน +โดนทำร้ายร่างกายจนต้องรักษา ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปเพื่อการรักษาสามารถเรียกได้ไหม,"เรียกค่าเสียหายที่ต้องเสียไปเพื่อการรักษาในกรณีถูกทำให้เสียหายแก่ร่างกายได้ และสามารถเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดี เป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความเสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะกล่าวในคำพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '444'}]",เรียกค่าเสียหายที่ต้องเสียไปเพื่อการรักษาในกรณีถูกทำให้เสียหายแก่ร่างกายได้ แล��สามารถเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย +ผู้ชำระบัญชีทำบัญชีกำไรขาดทุนหรืองบดุลตอนไหน,ผู้ชำระบัญชีต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัท ตั้งแต่วันเริ่มต้นรอบปีบัญชีจนถึงวันที่จดทะเบียนเลิกบริษัท และส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งและเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับจากผู้สอบบัญชี คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 165 ผู้ชำระบัญชีต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัท ตั้งแต่วันเริ่มต้นรอบปีบัญชีจนถึงวันที่จดทะเบียนเลิกบริษัท และส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งและเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับจากผู้สอบบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '165'}]",ผู้ชำระบัญชีต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัท ตั้งแต่วันเริ่มต้นรอบปีบัญชีจนถึงวันที่จดทะเบียนเลิกบริษัท และส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งและเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับจากผู้สอบบัญชี. +ผู้จัดการมรดกจะแบ่งมรดกภายในกี่วัน,ผู้จัดการมรดกต้องจัดการตามหน้าที่และทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ระบุไว้ในกฎหมาย เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม ทายาทโดยจำนวนข้างมาก หรือศาลจะได้กำหนดเวลาให้ไว้เป็นอย่างอื่น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1732 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการตามหน้าที่และทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ระบุไว้ในมาตรา 1728 เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม ทายาทโดยจำนวนข้างมาก หรือศาลจะได้กำหนดเวลาให้ไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1732'}]",ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ระบุไว้ในกฎหมาย +ตัวแทนนิติบุคคลย้ายทรัพย์สินเพื่อไม่ให้บังคับชำร���หนี้ได้ เป็นความผิดไหม,ถ้าตัวแทนนิติบุคคลนั้นเป็น กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และรู้ว่าเจ้าหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าว หรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้นิติบุคคลนั้นบังคับการชำระหนี้จากนิติบุคคล ใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ เมื่อย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้นเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท คำธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 310 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ รู้ว่าเจ้าหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าว หรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้นิติบุคคลนั้นบังคับการชำระหนี้จากนิติบุคคล ใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ (1) ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น หรือ (2) แกล้งให้นิติบุคคลนั้นเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้าได้กระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '310'}]",เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +ผู้เช่าที่เช่าต่อมาอีกทอดหนึ่งต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมที่เป็นเจ้าของอาคารไหม,ถ้าผู้เช่าเอาทรัพย์สินซึ่งตนเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงอีกทอดหนึ่งโดยชอบ ผู้เช่าที่เช่าต่อมาอีกทอดหนึ่งหรือผู้เช่าช่วงย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรง หากผู้เช่าช่วงได้ใช้ค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าไปก่อน ผู้เช่าช่วงไม่สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 ถ้าผู้เช่าเอาทรัพย์สิ��ซึ่งตนเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงอีกทอดหนึ่งโดยชอบท่านว่าผู้เช่าช่วงย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรง ในกรณีเช่นว่านี้หากผู้เช่าช่วงจะได้ใช้ค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าไปก่อน ท่านว่าผู้เช่าช่วงหาอาจจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้ไม่ อนึ่ง บทบัญญัติอันนี้ไม่ห้ามการที่ผู้ให้เช่าจะใช้สิทธิของตนต่อผู้เช่า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '545'}]",ผู้เช่าที่เช่าต่อมาอีกทอดหนึ่งหรือผู้เช่าช่วงย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรง +ถ้าทำประกันไว้สองที่แล้วจะไม่ใช้สิทธิเจ้าหนึ่ง จะเป็นการสละสิทธิทั้งสองที่ไหม,ไม่เป็น เพราะการสละสิทธิที่มีต่อผู้รับประกันภัยรายหนึ่งไม่กระทบถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้รับประกันภัยรายอื่น ๆ อธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 871 ถ้าได้ทำสัญญาประกันภัยเป็นสองรายหรือกว่านั้นพร้อมกันก็ดี หรือสืบเนื่องเป็นลำดับกันก็ดี ท่านว่าการที่ยอมสละสิทธิอันมีต่อผู้รับประกันภัยรายหนึ่งนั้น ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้รับประกันภัยรายอื่น ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '871'}]",ไม่เป็น เพราะการสละสิทธิที่มีต่อผู้รับประกันภัยรายหนึ่งไม่กระทบถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้รับประกันภัยรายอื่น ๆ +ตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้สินทรัพย์ที่มีการโอนจะมีบัญชีและรายชื่อลูกหนี้ตามสินทรัพย์ไหม,มี เพราะตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของสินทรัพย์ที่มีการโอนมีหน้าที่เก็บรักษาบัญชีและรายชื่อลูกหนี้ตามสินทรัพย์ที่โอนไปแล้วนั้นไว้เป็นบัญชีเฉพาะ และลูกหนี้มีสิทธิตรวจดูข้อมูลตามบัญชีและรายชื่อของตนได้ คำอธิบายขยายความ: พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 15/1 ตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของสินทรัพย์ที่มีการโอนมีหน้าที่เก็บรักษาบัญชีและรายชื่อลูกหนี้ตามสินทรัพย์ที่โอนไปแล้วนั้นไว้เป็นบัญชีเฉพาะ และลูกหนี้มีสิทธิตรวจดูข้อมูลตามบัญชีและรายชื่อของตนได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '15/1'}]",มี เพราะตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ของสินทรัพย์ที่มีก��รโอนมีหน้าที่เก็บรักษาบัญชีและรายชื่อลูกหนี้ตามสินทรัพย์ที่โอนไปแล้วนั้นไว้เป็นบัญชีเฉพาะ และลูกหนี้มีสิทธิตรวจดูข้อมูลตามบัญชีและรายชื่อของตนได้ +ถ้าทำสัญญาขายของให้หลายคนแต่ทำสัญญาเดียวกันจะติดอากรแสตมป์ยังไง,ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ ให้ปรากฏว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 108 ถ้าทำตราสารหลายลักษณะตามที่ระบุในบัญชีท้ายหมวดนี้บนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น เช่าและกู้ยืมรวมกันไว้ หรือทำตราสารลักษณะเดียวกันหลายเรื่องบนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น ขายของสิ่งหนึ่งให้แก่คนหนึ่ง และขายอีกสิ่งหนึ่งให้แก่อีกคนหนึ่ง ซึ่งตามสภาพควรจะแยกกัน ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ ให้ปรากฏว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '108'}]",ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ ให้ปรากฏว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด +ถ้าทำสัญญาแล้วข้อตกลงเป็นโมฆะตามกฎหมายหนึ่งแต่ไม่เป็นโมฆะอีกกฎหมายหนึ่ง จะต้องทำยังไง,ถ้านิติกรรมเป็นโมฆะแต่เข้าลักษณะเป็นนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะ ให้ถือตามนิติกรรมซึ่งไม่เป็นโมฆะ กรณีสันนิษฐานได้โดยพฤติการณ์ว่าคู่กรณีได้รู้ว่าการนั้นเป็นโมฆะแล้วถูกสันนิฐานว่าคงจะตั้งใจตั้งแต่ขณะทำนิติกรรมว่าทำทำนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 การใดเป็นโมฆะแต่เข้าลักษณะเป็นนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะ ให้ถือตามนิติกรรมซึ่งไม่เป็นโมฆะ ถ้าสันนิษฐานได้โดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่า หากคู่กรณีได้รู้ว่าการนั้นเป็นโมฆะแล้ว ก็คงจะได้ตั้งใจมาตั้งแต่แรกที่จะทำนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '174'}]",ถ้านิต���กรรมเป็นโมฆะแต่เข้าลักษณะเป็นนิติกรรมอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นโมฆะ ให้ถือตามนิติกรรมซึ่งไม่เป็นโมฆะ +ถ้าเด็กถูกฟ้องไม่รับเป็นบุตรแล้วต้องการจะฟ้องการไม่รับเด็กเป็นบุตรจะทำได้ไหม,ฟ้องได้หากเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็ก ในกรณี (1) ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีตายก่อนพ้นระยะเวลาที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะพึงฟ้องได้ (2) เด็กเกิดภายหลังการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี กรณี (1) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี กรณี (2) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันเกิดของเด็ก คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1544 การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร ผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็กอาจฟ้องได้ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีตายก่อนพ้นระยะเวลาที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะพึงฟ้องได้ (2) เด็กเกิดภายหลังการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรในกรณี (1) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรในกรณี (2) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันเกิดของเด็ก ให้นำมาตรา 1539 มาใช้บังคับแก่การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1544'}]",ฟ้องได้หากเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็ก ในกรณี (1) ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีตายก่อนพ้นระยะเวลาที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะพึงฟ้องได้ (2) เด็กเกิดภายหลังการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี กรณี (1) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี กรณี (2) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันที่รู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบป��นับแต่วันเกิดของเด็ก. +ผู้เช่าส่งมอบห้องไม่ได้รับการซ่อมแซมผิดกฎหมายไหม,ผิดกฎหมาย เพราะผู้ให้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่าในสภาพสมบูรณ์หรือซ่อมแซมดีแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 546 ผู้ให้เช่าจำต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นในสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '546'}]",ผิดกฎหมาย เพราะผู้ให้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่าในสภาพสมบูรณ์หรือซ่อมแซมดีแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 546 ผู้ให้เช่าจำต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นในสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว +ถ้าเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและไม่อยากจดรับรู้และลงวันที่ต้องทำยังไง,ถ้าผู้ออกตั๋วจะไม่จดรับรู้และไม่ลงวัน ต้องทำหลักฐานขึ้นด้วยคำคัดค้านและวันคัดค้านเพื่อปฏิเสธการที่จะไม่ยอมจดรับรู้และลงวัน คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 986 ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับผู้รับรองตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังได้เห็นนั้น ต้องนำยื่นให้ผู้ออกตั๋วจดรับรู้ภายในจำกัดเวลาดังกำหนดไว้ในมาตรา 928 กำหนดเวลานี้ให้นับแต่วันจดรับรู้ซึ่งลงลายมือชื่อผู้ออกตั๋ว ถ้าผู้ออกตั๋วบอกปัดไม่ยอมจดรับรู้และลงวันไซร้ การที่เขาบอกปัดเช่นนี้ท่านว่าต้องทำให้เป็นหลักฐานขึ้นด้วยคำคัดค้าน และวันคัดค้านนั้นให้ถือเป็นวันเริ่มต้นในการนับกำหนดเวลาแต่ได้เห็น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '986'}]",ถ้าผู้ออกตั๋วจะไม่จดรับรู้และไม่ลงวัน ต้องทำหลักฐานขึ้นด้วยคำคัดค้านและวันคัดค้านเพื่อปฏิเสธการที่จะไม่ยอมจดรับรู้และลงวัน +บริษัทที่ควบรวมจะได้ทรัพย์สินจากบริษัทที่ถูกควบรวมไหม,ได้ ได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบริษัทเหล่านั้นทั้งหมด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 153 บริษัทที่ควบกันและจดทะเบียนแล้วย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบริษัทเหล่านั้นทั้งหมด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '153'}]",ได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบริษัทเหล่านั้นทั้งหมด +คนขับรถจะทำยังไงถ้าผู้โดยสารไม่มารับสัมภาระของตนคืน,ถ้าผู้โดยสารไม่รับสัมภาระของตนภายในเวลาเดือนหนึ่งนับแต่วันที่สัมภาระนั้นถึง ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดได้ กรณีมีสภาพเป็นของสดที่เสียได้ ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดได้เมื่อรออยู่ล่วงเวลากว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วไม่มีใครมารับ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 636 ถ้าคนโดยสารไม่รับมอบเครื่องเดินทางของตนภายในเวลาเดือนหนึ่งนับแต่วันเครื่องเดินทางนั้นถึงไซร้ ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดเสียได้ ถ้าเครื่องเดินทางนั้นมีสภาพเป็นของสดของเสียได้ ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดได้ เมื่อของนั้นถึงแล้วรออยู่ล่วงเวลากว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง บทบัญญัติในมาตรา 632 นั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่คดีดังว่านี้ด้วยอนุโลมตามควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '636'}]",ถ้าผู้โดยสารไม่รับสัมภาระของตนภายในเวลาเดือนหนึ่งนับแต่วันที่สัมภาระนั้นถึง ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดได้ กรณีมีสภาพเป็นของสดที่เสียได้ ผู้ขนส่งอาจเอาออกขายทอดตลาดได้เมื่อรออยู่ล่วงเวลากว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วไม่มีใครมารับ. +สละค่าอุปการะได้ไหม,สิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น จะสละหรือโอนไม่ได้ อธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/41 สิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น จะสละหรือโอนมิได้และไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/41'}]",สิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น จะสละหรือโอนไม่ได้ +ลูกหนี้ตกลงให้ปรับเป็นเงินหากผิดนัดชำระหนี้จะสามารถริบเบี้ยปรับนั้นได้ไหม,ได้ ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ ถ้าการชำระหนี้นั้นต้องงดเว้นการอันใดอันหนึ่ง หากทำการอันนั้นฝ่าฝืนมูลหนี้เมื่อใดก็ให้ริบเบี้ยปรับเมื่อนั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือ���ม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ ถ้าการชำระหนี้อันจะพึงทำนั้นได้แก่งดเว้นการอันใดอันหนึ่ง หากทำการอันนั้นฝ่าฝืนมูลหนี้เมื่อใด ก็ให้ริบเบี้ยปรับเมื่อนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '379'}]",ได้ +ห้างหุ้นส่วนจะเลิกกันตอนไหนถ้าไม่ได้กำหนดเวลาเลิก,ห้างหุ้นส่วนได้ตั้งขึ้นไม่มีกำหนดว่าจะยุติเมื่อใด ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งอาจบอกเลิกเมื่อสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินของห้างหุ้นส่วนนั้น และผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นต้องบอกกล่าวว่าจะเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือน คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1056 ถ้าห้างหุ้นส่วนได้ตั้งขึ้นไม่มีกำหนดกาลอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นยุติ ท่านว่าจะเลิกได้ต่อเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งบอกเลิกเมื่อสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินของห้างหุ้นส่วนนั้น และผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นต้องบอกกล่าวความจำนงจะเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1056'}]",ห้างหุ้นส่วนได้ตั้งขึ้นไม่มีกำหนดว่าจะยุติเมื่อใด ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งอาจบอกเลิกเมื่อสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินของห้างหุ้นส่วนนั้น และผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นต้องบอกกล่าวว่าจะเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือน. +กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด,กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ครบวาระตามกฎหมายกำหนด (2) ตาย (3) ลาออก (4) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 68 (5) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ออกตามมาตรา 76 (6) ศาลมีคำสั่งให้ออก คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 72 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 71 กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 68 (4) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ออกตามมาตรา 76 (5) ศาลมีคำสั่งให้ออก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '72'}]",กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ครบวาระตามกฎหมายกำหนด (2) ตาย (3) ลาออก (4) ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 68 (5) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ออกตามมาตรา 76 (6) ศาลมีคำสั่งให้ออก +อธิบายลำดับการครอบครองใบหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์,ลำดับการครอบค���องใบหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดังนี้ คือ (1) ให้การครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในลำดับก่อนการครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อตนเอง (2) ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อก่อนได้รับประโยชน์ตามลำดับก่อนหลังหลักทรัพย์ที่ซื้อ ทั้งนี้ ไม่ว่าบริษัทหลักทรัพย์นั้นจะยึดถือหลักทรัพย์ดังกล่าวไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ด้วยหรือไม่ก็ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 99 ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับใบหลักทรัพย์ที่บริษัทหลักทรัพย์ครอบครองอยู่ในขณะใดขณะหนึ่งว่า บริษัทหลักทรัพย์ได้ครอบครองไว้เพื่อตนเองหรือเพื่อลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทได้ครอบครองไว้เพื่อลูกค้ารายใด ให้เป็นไปตามลำดับก่อนหลัง ดังต่อไปนี้ (1) ให้การครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในลำดับก่อนการครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อตนเอง (2) ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อก่อนได้รับประโยชน์ตามลำดับก่อนหลังหลักทรัพย์ที่ซื้อ ทั้งนี้ ไม่ว่าบริษัทหลักทรัพย์นั้นจะยึดถือหลักทรัพย์ดังกล่าวไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ด้วยหรือไม่ก็ตาม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '99'}]",(1) ให้การครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในลำดับก่อนการครอบครองของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อตนเอง (2) ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อก่อนได้รับประโยชน์ตามลำดับก่อนหลังหลักทรัพย์ที่ซื้อ ทั้งนี้ ไม่ว่าบริษัทหลักทรัพย์นั้นจะยึดถือหลักทรัพย์ดังกล่าวไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ด้วยหรือไม่ก็ตาม. +หนี้แบบไหนทำสัญญาค้ำประกันได้,หนี้อันอาจทำสัญญาค้ำประกันได้ คือ (1) หนี้อันสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด (2) หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง แต่ต้องระบุวัตถุประสงค์ในการก่อหนี้รายที่ค้ำประกัน ลักษณะของมูลหนี้ จำนวนเงินสูงสุดที่ค้ำประกัน และระยะเวลาในการก่อหนี้ที่จะค้ำประกัน เว้นแต่เป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวตามกฎหมายที่จะไม่ระบุระยะเวลาดังกล่าวก็ได้ (3) หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะทำด้วยความสำคัญผิดหรือเพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสำคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้นในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตน การทำสัญญาค้ำประกันต้องระบุหนี้หรือสัญญาที่ค้ำประกันไว้โดยชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเฉพาะหนี้หรือสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์ หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็ประกันได้ แต่ต้องระบุวัตถุประสงค์ในการก่อหนี้รายที่ค้ำประกัน ลักษณะของมูลหนี้ จำนวนเงินสูงสุดที่ค้ำประกัน และระยะเวลาในการก่อหนี้ที่จะค้ำประกัน เว้นแต่เป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวตามมาตรา 699 จะไม่ระบุระยะเวลาดังกล่าวก็ได้ สัญญาค้ำประกันต้องระบุหนี้หรือสัญญาที่ค้ำประกันไว้โดยชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเฉพาะหนี้หรือสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้น หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะทำด้วยความสำคัญผิดหรือเพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถนั้นก็อาจจะมีประกันอย่างสมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสำคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้นในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '681'}]",(1) หนี้อันสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด (2) หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง แต่ต้องระบุวัตถุประสงค์ในการก่อหนี้รายที่ค้ำประกัน ลักษณะของมูลหนี้ จำนวนเงินสูงสุดที่ค้ำประกัน และระยะเวลาในการก่อหนี้ที่จะค้ำประกัน เว้นแต่เป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวตามกฎหมายที่จะไม่ระบุระยะเวลาดังกล่าวก็ได้ (3) หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะทำด้วยความสำคัญผิดหรือเพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสำคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้นในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตน. +เมื่อใดที่คณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดจะเรียกประชุม,เมื่อใดก็ได้ที่คณะกรรมการเห็นสมควร คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญ��ติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 99 คณะกรรมการจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเป็นการประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '99'}]",เมื่อใดก็ได้ที่คณะกรรมการเห็นสมควร +เจ้าของทรัพย์สินสัญญาว่าจะให้แต่สุดท้ายเจ้าของไม่ได้ให้ ทำอะไรได้ไหม,ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับ ผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้นได้ แต่ไม่สามารถที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดอีกได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 526 ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับไซร้ ท่านว่าผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้นได้ แต่ไม่ชอบที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยอีกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '526'}]",ผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้นได้ แต่ไม่สามารถที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดอีกได้. +การจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกจะต้องมีพยานไหม,การจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกของผู้จัดการมรดกจะต้องทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนและจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นด้วย แต่บุคคลที่เป็นพยานในการทำพินัยกรรมไม่ได้ตามกฎหมาย จะเป็นพยานในการทำบัญชีทรัพย์มรดกหรือบัญชีตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้ คำอธิบายขยายความ:ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1729 ผู้จัดการมรดกต้องจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับแต่เวลาที่ระบุไว้ในมาตรา 1728 แต่กำหนดเวลานี้ เมื่อผู้จัดการมรดกร้องขอก่อนสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งเดือน ศาลจะอนุญาตให้ขยายต่อไปอีกก็ได้ บัญชีนั้นต้องทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน ซึ่งต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นด้วย บุคคลซึ่งจะเป็นพยานในการทำพินัยกรรมไม่ได้ตามมาตรา 1670 จะ���ป็นพยานในการทำบัญชีใด ๆ ที่ต้องทำขึ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1729'}]",การจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกของผู้จัดการมรดกจะต้องทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนและจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นด้วย +ทำธุรกิจประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่จดทะเบียนได้ไหม,ไม่ได้ ถ้าประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยมิได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ คำอธิบายขยายความ: พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 66 ผู้ใดประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '66'}]",ไม่ได้ +เจ้าหน้าที่มาขอตรวจสอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทอลไม่แสดงบัตรประจำตัวผิดกฎหมายไหม,พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่แสดงบัตรประจำตัวของตน เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย เพราะในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายขยายความ: พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 55 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '55'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่แสดงบัตรประจำตัวของตน เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย เพราะในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด. +ถ้าเป็นกรรมการบริษัทจำกัด ไม่ส่งบัญชีรายชื่อผู้ขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น มีความผิดตามไหม,กรรมการบริษัทไม่ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและผู้ที่ขาดจากเป็นผู้ถือหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 26 กรรมการใดของบริษัทจำกัดไม่ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและผู้ที่ขาดจากเป็นผู้ถือหุ้นตามมาตรา 1139 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '26'}]",กรรมการบริษัทไม่ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและผู้ที่ขาดจากเป็นผู้ถือหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +เป็นบุตรบุญธรรมแล้วบิดามารดาเดิมมีสิทธิปกครองไหม,เมื่อเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว บิดามารดาโดยกำเนิดย่อมหมดอำนาจปกครองนับแต่เวลาที่เด็กเป็นบุญบุตรธรรมแล้ว คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/28 บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น แต่ไม่สูญสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวที่ได้กำเนิดมา ในกรณีเช่นนี้ ให้บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองนับแต่วันเวลาที่เด็กเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ให้นำบทบัญญัติในลักษณะ 2 หมวด 2 แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/28'}]",บิดามารดาโดยกำเนิดย่อมหมดอำนาจปกครองนับแต่เวลาที่เด็กเป็นบุญบุตรธรรมแล้ว +บริษัทมหาชนจำกัดต้องจัดประชุมที่ไหน,บริษัทมหาชนจำกัดต้องจัดประชุม ณ ท้องที่ที่จะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทหรือจังหวัดใกล้เคียง และต้องมีผู้จองหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จองแล้วมาประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่ผู้จองหุ้นมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทส่งหนังสือนัดประชุมไปยังผู้จองหุ้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันประชุมครั้งแรก แต่ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันประชุม คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหา��นจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 32 การประชุมจัดตั้งบริษัทต้องจัดให้มีขึ้น ณ ท้องที่ที่จะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทหรือจังหวัดใกล้เคียง และต้องมีผู้จองหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จองแล้วมาประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่ผู้จองหุ้นมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทส่งหนังสือนัดประชุมไปยังผู้จองหุ้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันประชุมครั้งแรก แต่ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '32'}]",บริษัทมหาชนจำกัดต้องจัดประชุม ณ ท้องที่ที่จะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทหรือจังหวัดใกล้เคียง และต้องมีผู้จองหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จองแล้วมาประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุม. +อายุ 19 แต่งงานแล้ว ถือเป็นผู้บรรลุนิติภาวะหรือยัง,อายุ 19 เป็นผู้เยาว์ตามกฎหมาย แต่เมื่อทำการสมรสถูกต้องตามกฎหมายแล้วย่อมเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 20 ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา 1448,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '20'}]",เมื่อทำการสมรสถูกต้องตามกฎหมายแล้วย่อมเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย +ซื้อหลักทรัพย์กิจการก่อนสำนักงานตลาดหลักทรัพย์รับรองได้ไหม,ไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามไม่ให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ ก่อนที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ยื่นต่อสำนักงานจะมีผลใช้บังคับและได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และในระหว่างเวลานับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่พ้นกำหนดระยะเวลารับซื้อที่กำหนดไว้ในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ห้ามไม่ให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เข้าซื้อหลักทรัพย์นั้นโดยวิธีการอื่นใด นอกจากที่ได้กำหนดไว้ตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์นั้น คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 251 ห้ามมิให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ซื้อหลักทรัพย์ของกิจการก่อนที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ยื่นต่อสำนักงานจะมีผลใช้บังคับและได้ดำเนินการตามมาตรา 248 ในระหว่างเวลานับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่พ้นกำหนดระยะเวลารับซื้อที่กำหนดไว้ในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ห้ามมิให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เข้าซื้อหลักทรัพย์นั้นโดยวิธีการอื่นใด นอกจากที่ได้กำหนดไว้ตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '251'}]",ไม่ได้ +ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่อะไรบ้างภายหลังจากได้รับการแต่งตั้ง,ภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้อง (1) ขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชี (2) ขอจดทะเบียนเลิกบริษัท (3) ประกาศโฆษณาการเลิกบริษัทให้ประชาชนทราบโดยทางหนังสือพิมพ์ คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 161 ภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้อง (1) ขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชี (2) ขอจดทะเบียนเลิกบริษัท (3) ประกาศโฆษณาการเลิกบริษัทให้ประชาชนทราบโดยทางหนังสือพิมพ์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '161'}]",(1) ขอจดทะเบียนเป็นผู้ชำระบัญชี (2) ขอจดทะเบียนเลิกบริษัท (3) ประกาศโฆษณาการเลิกบริษัทให้ประชาชนทราบโดยทางหนังสือพิมพ์ +เป็นกรรมการแต่ล้มละลายจะต้องออกจากตำแหน่งไหม,ต้องออกจากตำแหน่ง เพราะถ้าเป็นกรรมการแล้วล้มละลายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ กรรมการคนนั้นเป็นอันขาดจากตำแหน่ง คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1154 ถ้ากรรมการคนใดล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถไซร้ ท่านว่ากรรมการคนนั้นเป็นอันขาดจากตำแหน่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1154'}]",ต้องออกจากตำแหน่ง เพราะถ้าเป็นกรรมการแล้วล้มละลายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ กรรมการคนนั้นเป็นอันขาดจากตำแหน่ง +ถ้าถูกประเมินภาษีจะต้องเสียภาษีนั้นเมื่อใด,เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษี บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมาย ภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 18 ตรี ภายใต้บังคับมาตรา 18 ทวิ ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษี บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีนั้น ��ร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18 ตรี'}]",ภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน +ถ้าเสนอว่าจะทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด ภายหลังไม่ทำสัญญานั้นตามที่กำหนดจะได้ไหม,ไม่ได้ เพราะคำเสนอจะทำสัญญาที่กำหนดระยะเวลาจะทำคำสนอง ไม่อาจถอนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 354 คำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น ท่านว่าไม่อาจจะถอนได้ภายในระยะเวลาที่บ่งไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '354'}]",ไม่ได้ เพราะคำเสนอจะทำสัญญาที่กำหนดระยะเวลาจะทำคำสนอง ไม่อาจถอนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ +ถ้าประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้วจะประกอบธุรกิจอื่นอีกได้ไหม,ไม่ได้ เพราะผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะประกอบธุรกิจอื่นใดไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 22 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะประกอบธุรกิจอื่นใดมิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับคำขอความเห็นชอบตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอความเห็นชอบและเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามวรรคสองแล้ว หากสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาหรือไม่มีคำสั่งเป็นประการอื่นใดไปยังผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้ถือว่าสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ให้ความเห็นชอบแก่การประกอบธุรกิจนั้นแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '22'}]",ไม่ได้ เพราะผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะประกอบธุรกิจอื่นใดไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. +ถ้าจะต้องตีราคาทรัพย์สินเป็นเงินจะต้องคำนวณราคาทรัพย์สินนั้นยังไง,ถ้าจะต้องตีราคาทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นเงินให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมี���นวันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 9 ทวิ เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นถ้าจะต้องตีราคาทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นเงินให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '9 ทวิ'}]",ให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น +ใครบางที่จะได้ค่าตอบแทนตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด,ผู้ที่ได้รับประโยชน์จอบแทนตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนดคือ กรรมการกำกับตลาดทุนและอนุกรรมการ โดยให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 16/8 ให้กรรมการกำกับตลาดทุนและอนุกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '16/8'}]",กรรมการกำกับตลาดทุนและอนุกรรมการ +สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความสามารถใช้หักกลบลบหนี้อีกฝ่ายได้ไหม,สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ แต่ในเวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรียกร้องอีกฝ่ายได้นั้น แม้จะขาดอายุความก็สามารถทำได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่ อนึ่ง อายุความย่อมไม่ตัดรอนการหักกลบลบหนี้ แม้สิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้ว แต่ว่าในเวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรียกร้องฝ่ายอื่นได้นั้น สิทธิยังไม่ขาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '344'}]",สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ แต่ในเวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรียกร้องอีกฝ่ายได้นั้น แม้จะขาดอายุความก็สามารถทำได้ +เป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนจะต้องรับผิดในส่วนที่เพื่อนทำไหม,ถ้าเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนได้จัดทำไปในทางธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วน หุ้นส่วนทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ที่ได้เกิดเพราะการนั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวล���ฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050 การใด ๆ อันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1050'}]",ถ้าเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนได้จัดทำไปในทางธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วน หุ้นส่วนทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ที่ได้เกิดเพราะการนั้น +ขอเอกสารแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนที่เคยยื่นต่อสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ได้ไหม,สามารถขอตรวจหรือขอสำเนาแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ต้องเป็นปฏิบัติตามระเบียบที่สำนักงานประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 78 ผู้ใดประสงค์จะขอตรวจหรือขอสำเนาแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงาน ให้กระทำได้เมื่อได้ปฏิบัติตามระเบียบที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '78'}]",สามารถขอตรวจหรือขอสำเนาแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ต้องเป็นปฏิบัติตามระเบียบที่สำนักงานประกาศกำหนด +ได้ทรัพย์สินมีหลักประกันจากผู้ประกอบธุรกิจมา หลักประกันจะติดมากับทรัพย์สินนั้นด้วยไหม,ถ้าในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือที่มีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมอยู่ด้วยหรือที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามกฎหมาย และเป็นทรัพย์สินที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจและมีลักษณะหมุนเวียนเปลี่ยนมือตลอดเวลา บุคคลภายนอกซึ่งได้ทรัพย์สินนั้นไปโดยทางการค้าปกติของทรัพย์สินนั้นหรือโดยความยินยอมของผู้รับหลักประกัน ย่อมได้ทรัพย์สินนั้นโดยปลอดภาระหลักประกัน แต่กรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือที่มีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมอยู่ด้วยหรือที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามกฎหมาย ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจและมีลักษณะหมุนเวียนเปลี่ยนมือตลอดเวลา บุคคลภายนอกซึ่งได้ทรัพย์สินนั้นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือโดยความยินยอมของผู้รับหลักประกัน ย่อมได้ทรัพย์สินนั้นโดยปลอดภาระหลักประกัน คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 32 ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือที่มีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมอยู่ด้วยหรือที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 31 เป็นทรัพย์สินที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจและมีลักษณะหมุนเวียนเปลี่ยนมือตลอดเวลา บุคคลภายนอกซึ่งได้ทรัพย์สินนั้นไปโดยทางการค้าปกติของทรัพย์สินนั้นหรือโดยความยินยอมของผู้รับหลักประกัน ย่อมได้ทรัพย์สินนั้นโดยปลอดภาระหลักประกัน หากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือที่มีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมอยู่ด้วยหรือที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 31 มิใช่ทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง บุคคลภายนอกซึ่งได้ทรัพย์สินนั้นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือโดยความยินยอมของผู้รับหลักประกัน ย่อมได้ทรัพย์สินนั้นโดยปลอดภาระหลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '32'}]",บุคคลภายนอกซึ่งได้ทรัพย์สินนั้นไปโดยทางการค้าปกติของทรัพย์สินนั้นหรือโดยความยินยอมของผู้รับหลักประกัน ย่อมได้ทรัพย์สินนั้นโดยปลอดภาระหลักประกัน. +เป็นคนต่างชาติแต่ถูกสั่งพักการใช้ใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจชั่วคราว สามารถทำอะไรได้บ้าง,กรณีที่สั่งถูกพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราวหรือสั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราว หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองตามกฎหมาย ให้คนต่างด้าวผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับรองมีสิทธิอุทธรณ์โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง แต่การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งอธิบดี เว้นแต่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการจะสั่งทุเลาให้ ภายหลังจากยื่นอุทธรณ์แล้ว รัฐมนตรีจะวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 20 ในกรณีที่อธิบดีสั่งพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราวหรือสั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราว หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง ตามมาตรา 19 วรรคสอง ให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับรองมีสิทธิอุทธรณ์โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งอธิบดี เว้นแต่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการจะสั่งทุเลาให้ รัฐมนตรีต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '20'}]",คนต่างด้าวผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับรองมีสิทธิอุทธรณ์โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง +ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนจะมีความผิดไหม,มีความผิดความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท หากเป็นคำสั่งของนายทะเบียนให้ปฏิบัติตามมาตรา 39 หรือมาตรา 41 วรรคหนึ่งหรือวรรคสองตามกฎพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 57 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 39 หรือมาตรา 41 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '57'}]",มีความผิดความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท +ห้างหุ้นส่วนล้มละลายจะเกิดอะไรขึ้น,กรณีที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนล้มละลายจะมีผลทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเลิกกันไปโดยผลของกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1069 นอกจากในกรณีทั้งหลายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1055 ท่านว่าห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนย่อมเลิกกันเมื่อห้างหุ้นส่วนนั้นล้มละลาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1069'}]",ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนล้มละลายจะมีผลทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเลิกกันไปโดยผลของกฎหมาย +ผู้ตายเสียชีวิตก่อนที่จะได้เสียภาษี ทายาทผู้ตายต้องทำยังไง,กรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อนได้รับแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมิน ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือไปยังทายาทหรือผู้อื่นที่ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี ถ้าเมื่อประเมินแล้ว ไม่ต้องเรียกเก็บหรือเรียกคืนภาษีอากร การแจ้งจำนวนภาษีอากรเป็นอันงดไม่ต้องกระทำ แต่อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินยังคงดำเนินการตามกฎหมาย คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 18 รายการที่ยื่นเพื่อเสียภาษีอากรนั้น ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินตามที่กำหนดไว้ในหมวดภาษีอากรนั้น ๆ และเมื่อได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ ในกรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อนได้รับแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมิน ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือไปยังทายาทหรือผู้อื่นที่ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี ถ้าเมื่อประเมินแล้ว ไม่ต้องเรียกเก็บหรือเรียกคืนภาษีอากร การแจ้งจำนวนภาษีอากรเป็นอันงดไม่ต้องกระทำ แต่อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินยังคงดำเนินการตามมาตรา 19 มาตรา 20 และมาตรา 21 ได้ การประเมินตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นำมาตรา 27 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18'}]",กรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีอากรถึงแก่ความตายเสียก่อนได้รับแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมิน ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้จัดการมรดกหรือไปยังทายาทหรือผู้อื่นที่ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี +ผู้ชำระบัญญี ผู้สอบบัญชี พ้นตำแหน่งเมื่อใด,ผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ชำระบัญชีเสร็จ (2) ตาย (3) ลาออก (4) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ถอดถอน (5) ศาลสั่งถอดถอน เมื่อผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาลแต่งตั้ง ตาย หรือลาออก ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาล ��ล้วแต่กรณี แต่งตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีแทน และให้นำพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับแก่ผู้ชำระบัญชีซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ด้วย คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 163 ก่อนชำระบัญชีเสร็จ ผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ถอดถอน (4) ศาลสั่งถอดถอน เมื่อผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาลแต่งตั้ง ตาย หรือลาออก ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาล แล้วแต่กรณี แต่งตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีแทน และให้นำมาตรา 161 (1) มาใช้บังคับแก่ผู้ชำระบัญชีซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '163'}]",ผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ถอดถอน (4) ศาลสั่งถอดถอน +จำนองประกันหนี้บุคคลอื่นแล้วถูกบังคับจำนองทรัพย์สินจึงจ่ายหนี้แทนจะสามารถเรียกให้ลูกหนี้รับผิดชอบเงินที่จ่ายไปได้ไหม,กรณีที่ผู้จำนองได้จำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระแล้วและเข้าชำระหนี้เสียเองแทนลูกหนี้เพื่อจะปัดป้องมิให้ต้องบังคับจำนอง ผู้จำนองดังกล่าวสามารถที่จะได้รับเงินคืนจากลูกหนี้ตามจำนวนที่ได้ชำระไป ถ้าว่าต้องบังคับจำนอง ผู้จำนองสามารถที่จะได้รับเงินใช้คืนจากลูกหนี้ตามจำนวนซึ่งผู้รับจำนองจะได้รับใช้หนี้จากการบังคับจำนองนั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 724 ผู้จำนองใดได้จำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระแล้วและเข้าชำระหนี้เสียเองแทนลูกหนี้เพื่อจะปัดป้องมิให้ต้องบังคับจำนอง ท่านว่าผู้จำนองนั้นชอบที่จะได้รับเงินใช้คืนจากลูกหนี้ตามจำนวนที่ตนได้ชำระไป ถ้าว่าต้องบังคับจำนอง ท่านว่าผู้จำนองชอบที่จะได้รับเงินใช้คืนจากลูกหนี้ตามจำนวนซึ่งผู้รับจำนองจะได้รับใช้หนี้จากการบังคับจำนองนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '724'}]",ผู้จำนองดังกล่าวสามารถที่จะได้รับเงินคืนจากลูกหนี้ตามจำนวนที่ได้ชำระไป +บริษัทจำกัดแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนแล้วจะยังคงสภาพบริษัทจำกัดไว้อยู่ไหม,เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนการแปรสภาพเป็นบริษัทตาามกฎหมายแล้วให้บริษัทเอกชนเดิมหมดสภาพจากการเป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นบริษัทมหาชนจำกัดตามพระราชบัญญัติมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 184 เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนการแปรสภาพเป็นบริษัทตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้บริษัทเอกชนเดิมหมดสภาพจากการเป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้นายทะเบียนหมายเหตุไว้ในทะเบียน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '184'}]",บริษัทเอกชนเดิมหมดสภาพจากการเป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นบริษัทมหาชนจำกัดตามพระราชบัญญัติมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535. +ปล่อยให้เช่าที่ดินแต่ผู้เช่านำไปใช้ในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับที่ดินได้ เจ้าของที่ดินสามารถทำอะไรได้บ้าง,เจ้าของทรัพย์สินจะคัดค้านไม่ให้ใช้ทรัพย์สินในทางอันไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่สมควรก็ได้ กรณีที่เจ้าของทรัพย์สินพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของตนตกอยู่ในภยันตราย เจ้าของทรัพย์สินจะเรียกให้ผู้ทรงสิทธิเก็บกินหาประกันให้ก็ได้ เว้นแต่ในกรณีซึ่งผู้ให้ทรัพย์สินสงวนสิทธิเก็บกินในทรัพย์สินนั้นไว้เพื่อตนเอง ถ้าผู้ทรงสิทธิเก็บกินละเลยไม่หาประกันมาให้ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้เพื่อการนั้น หรือถ้าผู้ทรงสิทธิเก็บกินไม่ปฏิบัติตามคำคัดค้านของเจ้าของทรัพย์สิน ยังคงใช้ทรัพย์สินนั้นในโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่สมควร ศาลอาจตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินแทนผู้ทรงสิทธิเก็บกินก็ได้ แต่เมื่อหาประกันมาให้แล้ว ศาลจะถอนผู้รักษาทรัพย์ที่ตั้งขึ้นไว้นั้นก็ได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1423 เจ้าของทรัพย์สินจะคัดค้านมิให้ใช้ทรัพย์สินในทางอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมิสมควรก็ได้ ถ้าเจ้าของพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของตนตกอยู่ในภยันตราย ท่านว่าจะเรียกให้ผู้ทรงสิทธิเก็บกินหาประกันให้ก็ได้ เว้นแต่ในกรณีซึ่งผู้ให้ทรัพย์สินสงวนสิทธิเก็บกินในทรัพย์สินนั้นไว้เพื่อตนเอง ถ้าผู้ทรงสิทธิเก็บกินละเลยไม่หาประกันมาให้ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้เพื่อการนั้น หรือถ้าผู้ทรงสิทธิเก็บกินมินำพาต่อคำคัดค้านแห่งเจ้าของ ยังคงใช้ทรัพย์สินนั้นในทางอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมิสมควรไซร้ ท่านว่าศาลจะตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินแทนผู้ทรงสิทธิเก็บกินก็ได้ แต่เมื่อหาประกันมาให้แล้ว ศาลจะถอนผู้รักษาทรัพย์ที่ตั้งขึ้นไว้นั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1423'}]",เจ้าของทรัพย์สินจะคัดค้านไม่ให้ใช้ทรัพย์สินในทางอันไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่สมควรก็ได้ กรณีที่เจ้าของทรัพย์สินพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของตนตกอยู่ในภยันตราย เจ้าของทรัพย์สินจะเรียกให้ผู้ทรงสิทธิเก็บกินหาประกันให้ก็ได้ หากผู้ทรงสิทธิเก็บกินละเลยไม่หาประกันมาให้ภายในเวลาอันควร ศาลอาจตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินแทนผู้ทรงสิทธิเก็บกินได้. +ถ้าเป็นผู้จำนองจะขอผ่อนชำระหนี้จำนองเป็นงวดได้ไหม,ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาจำนอง ผู้จำนองจะชำระหนี้จำนองเป็นงวด ๆ ก็ได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 713 ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาจำนอง ท่านว่าผู้จำนองจะชำระหนี้ล้างจำนองเป็นงวด ๆ ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '713'}]",ผู้จำนองจะชำระหนี้จำนองเป็นงวด ๆ ก็ได้ +งบการเงินไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ไหม,ไม่ได้ เพราะผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคสี่ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 32 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคสี่ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '32'}]",ไม่ได้ เพราะผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคสี่ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ประกอบกิจการตามที่ได้รับอนุญาตมีความผิดไหม,กรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาตที่จะความผิดได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ประกอบกิจการตามประเภทที่ได้รับอนุญาตและในประมาณที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศในช่วงระยะเวลา 2 ปีนั้น ๆ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ที่ความผิดดังกล่าวแล้ว รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการทุกประเภทหรือประเภทใดประเภทหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตนั้นได้ คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 147 ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ประกอบกิจการตามประเภทที่ได้รับใบอนุญาตในปริมาณที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดในช่วงระยะเวลาสองปีใด ๆ ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการทุกประเภทหรือประเภทใดประเภทหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตนั้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '147'}]",กรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาตที่จะความผิดได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ประกอบกิจการตามประเภทที่ได้รับอนุญาตและในประมาณที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศในช่วงระยะเวลา 2 ปีนั้น ๆ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ที่ความผิดดังกล่าวแล้ว รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการทุกประเภทหรือประเภทใดประเภทหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตนั้นได้. +การซื้อขายหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ใดที่กฎหมายห้ามไม่ให้ทำการซื้อขาย,ซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายในฐานะนายหน้าหรือตัวแทนหรือในนามของสมาชิกเอง ข้อยกเว้นสามารถซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ได้คือจะต้องได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการ ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามประเภทที่ได้รับใบอนุญาต คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 185 ห้ามมิให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหร��อขายในฐานะนายหน้าหรือตัวแทนหรือในนามของสมาชิกเองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการ ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามประเภทที่ได้รับใบอนุญาต,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '185'}]",ซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายในฐานะนายหน้าหรือตัวแทนหรือในนามของสมาชิกเอง +บัญชีแสดงผลการดำเนินการและฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อะไร,บัญชีแสดงผลการดำเนินการและฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสถาบันวิชาชีพที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 105 ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดทำบัญชีเพื่อแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงโดยถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสถาบันวิชาชีพที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '105'}]",บัญชีแสดงผลการดำเนินการและฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสถาบันวิชาชีพที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +หมั้นแล้วฝ่ายชายไม่แต่งงานตามที่ตกลงไว้จะสามารถบังคับให้ฝ่ายชายแต่งงานได้ไหม,ไม่ได้ เพราะการหมั้นไม่เป็นเหตุขอให้ศาลบังคับให้สมรสได้ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 การหมั้นไม่เป็นเหตุที่จะร้องขอให้ศาลบังคับให้สมรสได้ ถ้าได้มีข้อตกลงกันไว้ว่าจะให้เบี้ยปรับในเมื่อผิดสัญญาหมั้น ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1438'}]",ไม่ได้ เพราะการหมั้นไม่เป็นเหตุขอให้ศาลบังคับให้สมรสได้ +ศาลสั่งให้กำจัดหุ้นส่วนคนหนึ่งออกจากหุ้นส่วน จะแบ่งทรัพย์สินหุ้นส่วนที่ถูกกำจัดนั้นกับหุ้นส่วนที่เหลือยังไง,การแบ่งทรัพย์สินระหว่างห้างหุ้นส่วนกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถูกกำจัดนั้นให้ตีราคาทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนตามราคาที่เป็นอยู่ในเวลาแรกยื่นคำร้องขอให้กำจัด คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1058 เมื่อเหตุอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวด้วยผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ซึ่งตามความในมาตรา 1057 หรือมาตรา 1067 เป็นเหตุให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนอกนั้นมีสิทธิจะเรียกให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้ไซร้ ในเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนเหล่านั้นยื่นคำร้อง ท่านว่าศาลจะสั่งให้กำจัดหุ้นส่วนผู้ต้นเหตุคนนั้นออกเสียจากห้างหุ้นส่วนแทนสั่งให้เลิกห้างหุ้นส่วนก็ได้ ในการแบ่งทรัพย์สินระหว่างห้างหุ้นส่วนกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถูกกำจัดนั้น ท่านให้ตีราคาทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนตามราคาที่เป็นอยู่ในเวลาแรกยื่นคำร้องขอให้กำจัด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1058'}]",การแบ่งทรัพย์สินระหว่างห้างหุ้นส่วนกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถูกกำจัดนั้นให้ตีราคาทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนตามราคาที่เป็นอยู่ในเวลาแรกยื่นคำร้องขอให้กำจัด +การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ประเภทบัญชีสอง จะต้องมีคนไทยเป็นหุ้นส่วนกี่เปอร์เซ็นต์,คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจตามบัญชีสองได้จะต้องมีคนไทยหรือนิติบุคคลที่ไมใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของทุนของคนต่างด้าวที่เป็นนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะมีเหตุสมควร รัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอาจผ่อนผันสัดส่วนในเรื่องดังกล่าวให้น้อยลงได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 และต้องมีกรรมการที่เป็นคนไทยไม่น้อยกว่า 2 ใน 5 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 15 คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจตามบัญชีสองได้จะต้องมีคนไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของทุนของคนต่างด้าวที่เป็นนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะมีเหตุสมควร รัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอาจผ่อนผันสัดส่วนในเรื่องดังกล่าวให้น้อยลงได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้า และต้องมีกรรมการที่เป็นคนไทยไม่น้อยกว่าสองในห้าของจำนวนกรรมการทั้งหมด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '15'}]",คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจตามบัญชีสองได้จะต้องมีคนไทยหรือนิติบุคคลที่ไมใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของทุนของคนต่างด้าวที่เป็นนิติบุคคลนั้น +รวมทรัพย์สินกับทรัพย์สินหลักประกันเป็นทรัพย์สินเดียวกันจนไม่อาจแบ่งแยกได้ สิทธิของผู้รับหลักประกันต่อทรัพย์สินหลักประกันนั้นจะเป็นเช่นไร,ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามกฎหมายเหนือทรัพย์สินที่รวมเข้ากันตามส่วนของค่าแห่งทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันของตนในเวลาที่ทรัพย์สินรวมเข้ากัน คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 30 ถ้านำทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันมารวมเข้ากับทรัพย์สินของบุคคลอื่นจนเป็นส่วนควบหรือแบ่งแยกไม่ได้ ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามมาตรา 29 เหนือทรัพย์สินที่รวมเข้ากันตามส่วนของค่าแห่งทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันของตนในเวลาที่ทรัพย์สินรวมเข้ากัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '30'}]",ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามกฎหมายเหนือทรัพย์สินที่รวมเข้ากันตามส่วนของค่าแห่งทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันของตนในเวลาที่ทรัพย์สินรวมเข้ากัน +ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการแล้วจะต้องทำอะไรต่อไป,ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการแล้ว ห้างหุ้นส่วนจะต้องจดทะเบียนนำข้อมูลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปจดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1064/2 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการ ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนำความไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1064/2'}]",ห้างหุ้นส่วนจะต้องจดทะเบียนนำข้อมูลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปจดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง +ผู้รับพินัยกรรมมีกี่ประเภท อะไรบ้าง,ผู้รับพินัยกรรมมี 2 ประเภท ได้แก่ (1) ผู้รับพินัยกรรมลักษณะทั่วไป คือ บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์มรดกตามข้อกำหนดพินัยกรรม โดยได้รับทั้งหมดของเจ้ามรดก หรือตามเศษส่วน หรือตามส่วนที่เหลือแห่งทรัพย์มรดก ซึ่งไม่ได้แยกไว้ต่างหากเป็นพิเศษจากกองมรดก และมีสิทธิและความรับผิดเช่นเดียวกับทายาทโดยธรรม (2) ผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ คือ บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์มรดกตามข้อกำหนดพินัยกรรมบุคคล โดยได้รับทรัพย์สินเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่าง ซึ่งเจาะจงไว้โดยเฉพาะ หรือแยกไว้ต่างหากเป็นพิเศษจากกองมรดก บุคคลนั้นเรียกว่า และมีสิทธิและความรับผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเท่านั้น กรณีที่มีข้อสงสัย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้รับพินัยกรรมเป็นผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1651 ภายใต้บังคับบทบัญญัติลักษณะ 4 (1) เมื่อตามข้อกำหนดพินัยกรรม บุคคลใดมีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์มรดกทั้งหมดของเจ้ามรดก หรือตามเศษส่วน หรือตามส่วนที่เหลือแห่งทรัพย์มรดก ซึ่งมิได้แยกไว้ต่างหากเป็นพิเศษจากกองมรดก บุคคลนั้นเรียกว่าผู้รับพินัยกรรมลักษณะทั่วไป และมีสิทธิและความรับผิดเช่นเดียวกับทายาทโดยธรรม (2) เมื่อตามข้อกำหนดพินัยกรรม บุคคลใดมีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์สินเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่าง ซึ่งเจาะจงไว้โดยเฉพาะ หรือแยกไว้ต่างหากเป็นพิเศษจากกองมรดก บุคคลนั้นเรียกว่า ผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ และมีสิทธิและความรับผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเท่านั้น ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้รับพินัยกรรมเป็นผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1651'}]",ผู้รับพินัยกรรมมี 2 ประเภท ได้แก่ (1) ผู้รับพินัยกรรมลักษณะทั่วไป (2) ผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ +สมาชิกหอการค้าจะขอตรวจสอบหอการค้าได้ไหม,สมาชิกของหอการค้ามีสิทธิขอตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของหอการค้าได้ โดยยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อหอการค้า คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 27 สมาชิกของหอการค้ามีสิทธิขอตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของหอการค้าได้ โดยยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อหอการค้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '27'}]",สมาชิกของหอการค้ามีสิทธิขอตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของหอการค้าได้ โดยยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อหอการค้า +การจ่ายภาษีจะต้องทำยังไง,การจ่ายเงินภาษีส่งตามกฎหมายให้ทำโดยยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดและแสดงการหักภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้พึงประเมิน คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 59 พร้อมกับการนำเงินภาษีส่งตามมาตรา 52 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลอื่นยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนด แสดงการหักภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้พึงประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '59'}]",การจ่ายเงินภาษีส่งตามกฎหมายให้ทำโดยยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดและแสดงการหักภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้พึงประเมิน +ชื่อบริษัทที่ขอจดทะเบียนแบบไหนที่นายทะเบียนจะปฏิเสธการจดทะเบียน,ชื่อบริษัทที่นายทะเบียนจะปฏิเสธการจดทะเบียนไม่ว่าชื่อนั้นจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ หากเหมือนหรือคล้ายกับชื่อของบริษัทหรือบริษัทเอกชนที่ยื่นหรือที่จดทะเบียนไว้ก่อน นายทะเบียนจะปฏิเสธการขอจดทะเบียนนั้นและแจ้งให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบ คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 13 ถ้านายทะเบียนเห็นว่าชื่อของบริษัทใดที่ขอจดทะเบียน ไม่ว่าชื่อนั้นจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ เหมือนหรือคล้ายกับชื่อของบริษัทหรือบริษัทเอกชนที่ยื่นหรือที่จดทะเบียนไว้ก่อน ให้นายทะเบียนปฏิเสธการขอจดทะเบียนนั้น และแจ้งให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '13'}]",ชื่อบริษัทที่นายทะเบียนจะปฏิเสธการจดทะเบียนไม่ว่าชื่อนั้นจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ หากเหมือนหรือคล้ายกับชื่อของบริษัทหรือบริษัทเอกชนที่ยื่นหรือที่จดทะเบียนไว้ก่อน +ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่อะไรบ้างภายหลังจากเลิกบริษัทหรือศาลตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้น,ภายใน 14 วันนับแต่ได้เลิกห้างเลิกบริษัท หรือถ้าศาลได้ตั้งผู้ชำระบัญชีนับแต่วันที่ศาลตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้องกระทำดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) บอกกล่าวแก่ประชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นได้เลิกกันแล้วและให้ผู้เป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี (2) ส่งคำบอกกล่าวอย่างเดียวกันเป็นจดหมายลง��ะเบียนไปรษณีย์ไปยังเจ้าหนี้ทั้งหลายทุก ๆ คน บรรดามีชื่อปรากฏในสมุด บัญชีหรือเอกสารของห้างหรือบริษัทนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1253 ภายในสิบสี่วันนับแต่ได้เลิกห้างเลิกบริษัท หรือถ้าศาลได้ตั้งผู้ชำระบัญชีนับแต่วันที่ศาลตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้องกระทำดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) บอกกล่าวแก่ประชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นได้เลิกกันแล้วและให้ผู้เป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี (2) ส่งคำบอกกล่าวอย่างเดียวกันเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังเจ้าหนี้ทั้งหลายทุก ๆ คน บรรดามีชื่อปรากฏในสมุด บัญชีหรือเอกสารของห้างหรือบริษัทนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1253'}]",(1) บอกกล่าวแก่ประชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นได้เลิกกันแล้วและให้ผู้เป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี (2) ส่งคำบอกกล่าวอย่างเดียวกันเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังเจ้าหนี้ทั้งหลายทุก ๆ คน บรรดามีชื่อปรากฏในสมุด บัญชีหรือเอกสารของห้างหรือบริษัทนั้น. +ใครสามารถเป็นผู้ให้หลักประกันได้บ้าง,ผู้ที่สามารถเป็นผู้ให้หลักประกันได้ คือ (1) บุคคลธรรมดา (2) นิติบุคคล คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 6 ผู้ให้หลักประกันจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '6'}]",(1) บุคคลธรรมดา (2) นิติบุคคล +การกระทำใดบ้างที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลไม่สามารถทำได้,ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งพนักงานหรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้ารายใดของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ไม่สามารถกระทำการดังต่อไปนี้ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่นในประการที่น่าจะทำให้ลูกค้ารายดังกล่าวเสียประโยชน์ ��ือ (1) ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น โดยใช้โอกาสดำเนินการก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ (2) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลนั้นจะอาศัยข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำการส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ คำอธิบายขยายความ: พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 45 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งพนักงานหรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้ารายใดของผู้ประกอบธุรกิจนั้น กระทำการดังต่อไปนี้ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่นในประการที่น่าจะทำให้ลูกค้ารายดังกล่าวเสียประโยชน์ (1) ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น โดยใช้โอกาสดำเนินการก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ (2) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลนั้นจะอาศัยข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำการส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '45'}]",(1) ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น โดยใช้โอกาสดำเนินการก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ (2) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลนั้นจะอาศัยข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำการส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ +คู่สมรสผู้ตายจะได้รับมรดกสัดส่วนเท่าไหร่,ลำดับและส่วนแบ่งของคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ในการรับมรดกของผู้ตายนั้น กฎหมายกำหนดให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (1) ถ้ามีทายาทผู้สืบสันดานซึ่งยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นทายาทชั้นบุตร (2) ถ้ามีทายาทพี่น้องร่วมบิดามารดา และทายาทนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ หรือถ้าไม่มีทายาทผู้สืบสันดานแต่มีทายาทบิดามารดาแล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิได้รับมรดกกึ่งหนึ่ง (3) ถ้ามีทายาทพี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกันทายาทลุง ป้า น้า อา และทายาทนั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ หรือมีทายาทปู่ ย่า ตา ยาย แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ มีสิทธิได้มรดกสองส่วนในสาม (4) ถ้าไม่มีทายาทใดตามข้อ (1) (2) (3) คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมด คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 ลำดับและส่วนแบ่งของคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ในการรับมรดกของผู้ตายนั้น ให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (1) ถ้ามีทายาทตามมาตรา 1629 (1) ซึ่งยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นทายาทชั้นบุตร (2) ถ้ามีทายาทตามมาตรา 1629 (3) และทายาทนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ หรือถ้าไม่มีทายาทตามมาตรา 1629 (1) แต่มีทายาทตามมาตรา 1629 (2) แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิได้รับมรดกกึ่งหนึ่ง (3) ถ้ามีทายาทตามมาตรา 1629 (4) หรือ (6) และทายาทนั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ หรือมีทายาทตามมาตรา 1629 (5) แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ มีสิทธิได้มรดกสองส่วนในสาม (4) ถ้าไม่มีทายาทดังที่ระบุไว้ในมาต���า 1629 คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1635'}]","คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่จะได้รับมรดกตามลำดับและส่วนแบ่งที่กฎหมายกำหนด ขึ้นอยู่กับการมีอยู่ของทายาท โดยมีสัดส่วนตั้งแต่เป็นทายาทชั้นบุตร, กึ่งหนึ่ง, สองส่วนในสาม, หรือทั้งหมด ขึ้นอยู่กับประเภทของทายาทที่มีอยู่ตามมาตรา 1635." +กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้จดทะเบียนกับนายทะเบียนแล้ว จะมีสถานะเป็นอย่างไร,"เป็นนิติบุคคล +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 กองทุนที่ได้จดทะเบียนแล้วให้เป็นนิติบุคคล","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '7'}]",เป็นนิติบุคคล +ในกรณีของห้างหุ้นส่วนที่มีหุ้นส่วนผู้จัดการหลายคน ถ้านาย ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการคนที่ต้องการจะนำเงินไปลงทุนกับการซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ จึงถูกนาย ข. หุ้นส่วนผู้จัดการอีกคนทักท้วง กรณีแบบนี้ผลจะเป็นยังไง,"นาย ก. ที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ไม่สามารถนำเงินไปลงทุนกับการซื้อวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวได้ เนื่องจากถูกนาย ข. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการอีกคนทักท้วง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1035 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหลายคนจัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ หุ้นส่วนผู้จัดการแต่ละคนจะจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นก็ได้ แต่หุ้นส่วนผู้จัดการคนหนึ่งคนใดจะทำการอันใดซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการอีกคนหนึ่งทักท้วงนั้นไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1035'}]",นาย ก. ที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ไม่สามารถนำเงินไปลงทุนกับการซื้อวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวได้ เนื่องจากถูกนาย ข. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการอีกคนทักท้วง +เพื่อนบ้านที่มีที่ดินติดต่อกับที่ดินของเรา จะสามารถวางท่อน้ำหรือสายไฟผ่านที่ดินของเราได้มั้ย,"สามารถทำได้ แต่เพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินติดต่อ ต้องจ่ายค่าทดแทนตามสมควรให้กับท่านที่เป็นเจ้าของที่ดินเสียก่อน หากไม่จ่ายค่าทดแทนตามสมควร ท่านย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ยอมให้วางได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านว่าถ้���เจ้าของที่ดินได้รับค่าทดแทนตามสมควรแล้ว ต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ สายไฟฟ้า หรือสิ่งอื่นซึ่งคล้ายกันผ่านที่ดินของตน เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินติดต่อ ซึ่งถ้าไม่ยอมให้ผ่านก็ไม่มีทางจะวางได้ หรือถ้าจะวางได้ก็เปลืองเงินมากเกินควร แต่เจ้าของที่ดินอาจให้ยกเอาประโยชน์ของตนขึ้นพิจารณาด้วย +เมื่อมีเหตุผลพิเศษ ถ้าจะต้องวางเหนือพื้นดินไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินอาจเรียกให้ซื้อที่ดินของตนบางส่วนตามควรที่จะใช้ในการนั้น โดยราคาคุ้มค่าที่ดินและค่าทดแทนความเสียหายซึ่งอาจมีเพราะการขายนั้นด้วย +ถ้าพฤติการณ์เปลี่ยนไป เจ้าของที่ดินอาจเรียกให้ย้ายถอนสิ่งที่วางนั้นไปไว้ ณ ส่วนอื่นแห่งที่ดินของตนตามแต่จะเหมาะแก่ประโยชน์แห่งเจ้าของที่ดิน +ค่าย้ายถอนนั้นเจ้าของที่ดินติดต่อเป็นผู้เสีย แต่ถ้ามีพฤติการณ์พิเศษไซร้ ท่านว่าจะให้เจ้าของที่ดินอีกฝ่ายหนึ่งช่วยเสียค่าย้ายถอนตามส่วนอันควรก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1352'}]",สามารถทำได้ แต่เพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินติดต่อ ต้องจ่ายค่าทดแทนตามสมควรให้กับท่านที่เป็นเจ้าของที่ดินเสียก่อน หากไม่จ่ายค่าทดแทนตามสมควร ท่านย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ยอมให้วางได้ +การล้างฐานะสัญญาการซื้อขายล่วงหน้าที่ทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีผลเป็นอย่างไร,"ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 การดำเนินการตามมาตรา 50 (2) (3) (4) และ (5) หรือมาตรา 51 โดยชอบ ให้ถือว่ามีผลผูกพันตามกฎหมาย และไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 113 มาตรา 114 และมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และมาตรา 237 มาตรา 349 และมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ในกรณีที่การดำเนินการดังกล่าวเป็นการโอนฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นดำเนินการแทน ในกรณีนี้ย่อมไม่กระทบกระเทือนสิทธิของลูกค้าที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 308 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '53'}]",ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย +ป้าเป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่ง แต่ที่ดินแปลงนั้นมีภาระจำยอม ถ้าเกิดป้าเอาที่ดินไปจำนอง จะยังสามารถจำนองที่ดินแปลงนี้ได้มั้ย,"สามารถนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจำนองได้ แต่เนื่องจากที่ดินนั้นมีภาระจำยอม ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขในการลิดรอนกรรมสิทธิ์ ภาระจำยอมจึงติดตามไปกับทรัพย์นั้นด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 706 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินแต่ภายในบังคับเงื่อนไขเช่นใด จะจำนองทรัพย์สินนั้นได้แต่ภายในบังคับเงื่อนไขเช่นนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '706'}]",สามารถนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจำนองได้ แต่เนื่องจากที่ดินนั้นมีภาระจำยอม ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขในการลิดรอนกรรมสิทธิ์ ภาระจำยอมจึงติดตามไปกับทรัพย์นั้นด้วย +ในกรณีที่ทรัสตีเป็นผู้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว จะมีผลเป็นอย่างไร,"ทรัสต์ย่อมสิ้นสุดลง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ทรัสต์ย่อมสิ้นสุดลงตามที่กำหนดในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ และในกรณีดังต่อไปนี้ +(1) เมื่อได้ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของสัญญาก่อตั้งทรัสต์ครบถ้วนแล้ว +(2) เมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เลิกทรัสต์ตามเหตุในมาตรา 29 หรือเหตุอื่นตามที่ทรัสตีหรือผู้รับประโยชน์ร้องขอ +(3) เมื่อปรากฏว่าเหลือทรัสตีเป็นผู้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว +(4) เมื่อปรากฏเหตุที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทรัสตีตามมาตรา 22 (1) (2) (3) หรือ (4) แต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดไว้มิให้มีการเปลี่ยนแปลงทรัสตี","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '51'}]",ทรัสต์ย่อมสิ้นสุดลง +ผู้ที่เป็นหุ้นส่วน จำเป็นต้องเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนมั้ย ถึงจะมีสิทธิตรวจและคัดสำเนาสมุดบัญชีของหุ้นส่วนดังกล่าว,"ไม่จำเป็น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิที่จะตรวจและคัดสำเนาสมุดบัญชี รวมถึงเอกสารใดๆ ของหุ้นส่วนนั้น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1037 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถึงแม้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้ตกลงให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนก็ดี ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนนอกจากผู้จัดการย่อมมีสิทธิที่จะไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนที่จัดอยู่นั้นได้ทุกเมื่อ และมีสิทธิที่จะตรวจและคัดสำเนาสมุดบัญชี และเอกสารใด ๆ ของหุ้นส่วนได้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1037'}]",ไม่จำเป็น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิที่จะตรวจและคัดสำเนาสมุดบัญชี รวมถึงเอกสารใดๆ ของหุ้นส่วนนั้น +ยายให้ที่นากับลุง แต่ต่อมาลุงทะเลาะกับยายอย่างรุนแรงและลงมือทำร้ายร่างกายยายจนเสียชีวิต กรณีนี้แม่ของเราสามารถใช้สิทธิถอนคืนการให้ที่นาดังกล่าวได้มั้ย,ได้ เนื่องจากแม่ของท่านถือเป็นทายาทของผู้ให้ ดังนั้นจึงมีสิทธิในการเรียกให้ถอนคืนการให้ และการกระทำของลุงท่านถือว่าเข้าเหตุที่จะทำให้ทายาทมีสิทธิในการเรียกให้ถอนคืนการให้ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 532 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทายาทของผู้ให้อาจเรียกให้ถอนคืนการให้ได้แต่เฉพาะในเหตุที่ผู้รับได้ฆ่าผู้ให้ตายโดยเจตนาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือได้กีดกันผู้ให้ไว้มิให้ถอนคืนการให้ แต่ว่าผู้ให้ได้ฟ้องคดีไว้แล้วอย่างใดโดยชอบ ทายาทของผู้ให้จะว่าคดีอันนั้นต่อไปก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '532'}]",ได้ เนื่องจากแม่ของท่านถือเป็นทายาทของผู้ให้ ดังนั้นจึงมีสิทธิในการเรียกให้ถอนคืนการให้ และการกระทำของลุงท่านถือว่าเข้าเหตุที่จะทำให้ทายาทมีสิทธิในการเรียกให้ถอนคืนการให้. +ผู้รับหลักประกันทางธุรกิจ สามารถเป็นใครได้บ้าง,"สถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ผู้รับหลักประกันต้องเป็นสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '7'}]",สถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง +ใครมีหน้าที่ต้องรับผิดในส่วนของการสงวนทรัพย์สินที่เช่า,"ผู้เช่า นอกจากนี้ผู้เช่ายังต้องบำรุงรักษาและทำการซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่าในกรณีที่มีความเสียหายเล็กน้อยเกิดขึ้นด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 553 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่านั้นเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และต้องบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซมเล็กน้อ��ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '553'}]",ผู้เช่า +คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามั้ย,"เป็น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 13 ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้กรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 ฉ'}]",เป็น +หุ้นที่มีใบออกให้แก่ผู้ถือหุ้น สามารถโอนให้กันได้มั้ย และต้องทำยังไง,"สามารถโอนให้กันได้ ด้วยการส่งมอบใบหุ้นนั้นให้แก่ผู้รับโอนหุ้น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1135 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้น ย่อมโอนกันได้เพียงด้วยส่งมอบใบหุ้นแก่กัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1135'}]",สามารถโอนให้กันได้ ด้วยการส่งมอบใบหุ้นนั้นให้แก่ผู้รับโอนหุ้น +ถ้ากรรมการมีส่วนได้เสียในสัญญาที่บริษัททำขึ้นระหว่างรอบปีบัญชี กรรมการจะต้องดำเนินการอย่างไร,"แจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า โดยระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญา ชื่อของคู่สัญญาและส่วนได้เสียของกรรมการในสัญญา (ถ้ามี) +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ให้กรรมการแจ้งให้บริษัททราบโดยมิชักช้าเมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้ +(1) มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในสัญญาใด ๆ ที่บริษัททำขึ้นระหว่างรอบปีบัญชี โดยระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญา ชื่อของคู่สัญญาและส่วนได้เสียของกรรมการในสัญญานั้น (ถ้ามี) +(2) ถือหุ้นหรือหุ้นกู้ในบริษัทและบริษัทในเครือ โดยระบุจำนวนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในระหว่างรอบปีบัญชี (ถ้ามี)","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '88'}]",แจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า โดยระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญา ชื่อของคู่สัญญาและส่วนได้เสียของกรรมการในสัญญา (ถ้ามี) +สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง,"คุณสมบัติในการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีดังนี้ +1. มีแหล่งเงินทุนเพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +2. มีระบบการชำระหนี้ตาม��ัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สามารถให้ความมั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งต้องมีกระบวนการจัดการที่ชัดเจนสำหรับกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +3. มีมาตรการรับรองเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +4. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิก โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและฐานะทางการเงินของผู้ที่จะเป็นสมาชิก +5. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับสมาชิกและมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว +6. มีระบบกำกับตรวจสอบฐานะทางการเงินและฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิก + +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้อง +(1) มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +(2) มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สามารถให้ความมั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งต้องมีกระบวนการจัดการที่ชัดเจนสำหรับกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +(3) มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +(4) มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิกโดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและฐานะทางการเงินของผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก +(5) มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิกและต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว และ +(6) มีระบบกำกับตรวจสอบฐานะทางการเงินและฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิก","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '78'}]",คุณสมบัติในการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีดังนี้ 1. มีแหล่งเงินทุนเพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2. มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สามารถให้ความมั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งต้องมีกระบวนการจัดการที่ชัดเจนสำหรับกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 3. มีมาตรการรับรองเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิก โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและฐานะทางการเงินของผู้ที่จะเป็นสมาชิก 5. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับสมาชิกและมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว 6. มีระบบกำกับตรวจสอบฐานะทางการเงินและฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิก. +ในกรณีที่เราเป็นผู้ส่งของ ต้องการที่จะส่งของไปต่างจังหวัด แล้วเปลี่ยนใจอยากจะให้ผู้ขนส่ง ส่งของกลับคืน เราจะเสียค่าใช้จ่ายอะไรให้ผู้ขนส่งบ้าง,"ค่าระวางพาหนะตามระยะทางที่ได้จัดการขนส่งไปแล้ว กับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ผู้ขนส่งต้องเสียไป เพราะส่งของกลับคืน +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 626 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตราบใดของยังอยู่ในมือผู้ขนส่ง ตราบนั้นผู้ส่ง หรือถ้าได้ทำใบตราส่ง ผู้ทรงใบตราส่งนั้น อาจจะให้ผู้ขนส่งงดการส่งของนั้นไป หรือให้ส่งกลับคืน หรือให้จัดการแก่ของนั้นเป็นอย่างอื่นประการใดก็ได้ +ในเหตุเช่นนี้ ผู้ขนส่งชอบที่จะได้รับเงินค่าระวางพาหนะตามส่วนแห่งระยะทางที่ได้จัดการขนส่งไปแล้ว กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเสียไปเพราะเหตุที่บอกงดหรือเพราะส่งของกลับคืน หรือเพราะจัดการเป็นประการอื่นนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '626'}]",ค่าระวางพาหนะตามระยะทางที่ได้จัดการขนส่งไปแล้ว กับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ผู้ขนส่งต้องเสียไป เพราะส่งของกลับคืน +ถ้าบริษัทอยากที่จะลดทุนลง แต่มีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะสามารถจัดการลดทุนได้มั้ย,"ไม่ได้ เนื่องจากบริษัทต้องดำเนินการใช้หนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นก่อน บริษัทจึงจะสามารถจัดการลดทุนลงได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1266 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อบริษัทประสงค์จะลดทุน ต้องโฆษณาความประสงค์นั้นในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการซึ่งประสงค์จะลดทุนลงและขอให้เจ้าหนี้ผู���มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการลดทุนนั้น ส่งคำคัดค้านไปภายในสามสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าวนั้น +ถ้าไม่มีผู้ใดคัดค้านภายในกำหนดเวลาสามสิบวัน ก็ให้พึงถือว่าไม่มีการคัดค้าน +ถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการลดทุนลงไม่ได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1226'}]",ไม่ได้ เนื่องจากบริษัทต้องดำเนินการใช้หนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นก่อน บริษัทจึงจะสามารถจัดการลดทุนลงได้ +ในส่วนของหนี้รักษาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนสามารถใช้สิทธินี้ยังไงบ้าง,"ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 274 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้นใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์อันนั้น +อนึ่งบทบัญญัติแห่งมาตรา 269 วรรคสองนั้น ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่กรณีที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '274'}]",ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์ และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย +การฟ้องให้คู่สัญญารับผิดในความชำรุดบกพร่อง มีอายุความกี่ปี,"1 ปี นับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องนั้น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 474 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในข้อรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '474'}]",1 ปี นับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องนั้น +ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสภาวิชาชีพบัญชี สามารถเป็นคณะกรรมการจรรยาบรรณได้มั้ย,"ไม่ได้ เนื่องจากเข้าลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (4) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ให้มีคณะกรรมการจรรยาบรรณ มีจำนวนไม่น้อยกว่าเก้าคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน ซึ่งคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชีจ���กผู้ซึ่งมีความเที่ยงธรรมและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ +(1) เป็นสมาชิกสามัญ +(2) ประกอบวิชาชีพบัญชีมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +(3) ไม่เคยถูกลงโทษฐานประพฤติผิดจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี +(4) ไม่ดำรงตำแหน่งนายกสภาวิชาชีพบัญชีหรือเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ +ในกรณีที่เป็นการสมควรให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐและคณะกรรมการจรรยาบรรณได้วินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับการประพฤติผิดจรรยาบรรณโดยมีมาตรฐานเดียวกัน ให้คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชีขอให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่กฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ดูแลเรื่องจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งผู้แทนของตนเพื่อเป็นกรรมการจรรยาบรรณตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีนี้ไม่ให้นำความในวรรคหนึ่ง (1) และ (2) มาใช้บังคับ +ให้คณะกรรมการจรรยาบรรณเลือกกรรมการจรรยาบรรณด้วยกันคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการ และจะให้มีผู้ดำรงตำแหน่งอื่นตามที่คณะกรรมการจรรยาบรรณกำหนดก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '50'}]",ไม่ได้ เนื่องจากเข้าลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (4) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 +สมาคมที่ไม่ได้จดทะเบียนข้อบังคับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนตามระยะเวลาที่กำหนด จะมีความผิดอย่างไร,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 สมาคมใดมิได้จดทะเบียนข้อบังคับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '53'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +การประชุมคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี ต้องมีกรรมการมาประชุมเท่าไหร่จึงจะเป็นองค์ประชุม,"ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ให้นำความในมาตรา 26 มาใช้บังคับกับการประชุมคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีและคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีแต่งตั้งโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '36'}]",ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด +ในกรณีของสัญญาซื้อขาย ใครเป็นผู้ที่มีสิทธิยึดหน่วงราคา,"ผู้ซื้อ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 489 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ซื้อถูกผู้รับจำนองหรือบุคคลผู้เรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ขายนั้นขู่ว่าจะฟ้องเป็นคดีขึ้นก็ดี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะถูกขู่เช่นนั้นก็ดี ผู้ซื้อก็ชอบที่จะยึดหน่วงราคาไว้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ดุจกัน จนกว่าผู้ขายจะได้บำบัดภัยอันนั้นให้สิ้นไป หรือจนกว่าผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '489'}]",ผู้ซื้อ +ถ้าในกิจการของห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียน ไม่มีชื่อของนาย ป. ผู้ที่เป็นหุ้นส่วน นาย ป. จะถือเอาประโยชน์กับบุคคลภายนอกในสิทธิที่ห้างหุ้นส่วนได้จดทะเบียนมาได้มั้ย,"ได้ นาย ป. สามารถถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอกดังกล่าวได้ แม้ในกิจการของห้างหุ้นส่วนจะไม่ปรากฏชื่อนาย ป. ก็ตาม +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1065 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิอันห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้นได้มา แม้ในกิจการซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1065'}]",ได้ นาย ป. สามารถถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอกดังกล่าวได้ แม้ในกิจการของห้างหุ้นส่วนจะไม่ปรากฏชื่อนาย ป. ก็ตาม +สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยฯ ถือเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ มั้ย,"เป็น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 333 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามพ��ะราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '333'}]",เป็น +ใครบ้างที่มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"สำนักงาน ก.ล.ต. หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากสำนักงาน ก.ล.ต. +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากสำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ รวมตลอดถึงข้อมูลอื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '15'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากสำนักงาน ก.ล.ต. +การจะจดทะเบียนหุ้นทั้งหมดของบริษัท สามารถทำได้เมื่อใด,"สามารถทำได้ เมื่อมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กันเสร็จก่อนการจดทะเบียนของบริษัท +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1104 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำนวนหุ้นทั้งหมดซึ่งบริษัทคิดจะจดทะเบียนนั้น ต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กันเสร็จก่อนการจดทะเบียนของบริษัท","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1104'}]",สามารถทำได้ เมื่อมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กันเสร็จก่อนการจดทะเบียนของบริษัท +ลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ระงับสิทธิยึดหน่วงหรือไม่,"มีสิทธิ แต่ลูกหนี้ต้องหาประกันมาให้เจ้าหนี้ไว้ตามสมควรด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลูกหนี้จะเรียกร้องให้ระงับสิทธิยึดหน่วงด้วยหาประกันให้ไว้ตามสมควรก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '249'}]",มีสิทธิ แต่ลูกหนี้ต้องหาประกันมาให้เจ้าหนี้ไว้ตามสมควรด้วย +การแสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยวิธีใดบ้าง ที่จะทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดาของหนี้ของห้างหุ้นส่วน,"วิธีแสดงตนว่าเห็นหุ้นส่วน ที่จะถือว่าผู้นั้นต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนเสมือนเป็นหุ้นส่วน มีดังนี้ + 1. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยวาจา +2. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยลายลักษณ์อักษร +3. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการทำกิริยา +4. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการยินยอมให้ใช้ชื่อตนเป็นชื่อห้างหุ้นส่วน +5. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการไม่คัดค้านปล่อยให้คนอื่นแสดงว่าตนเป็นหุ้นส่วน +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1054 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดแสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยวาจาก็ดี ด้วยลายลักษณ์อักษรก็ดี ด้วยกิริยาก็ดี ด้วยยินยอมให้เขาใช้ชื่อตนเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี หรือรู้แล้วไม่คัดค้านปล่อยให้เขาแสดงว่าตนเป็นหุ้นส่วนก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นย่อมต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนเสมือนเป็นหุ้นส่วน ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดตายไปแล้ว และห้างหุ้นส่วนนั้นยังคงค้าต่อไปในชื่อเดิมของห้าง ท่านว่าเหตุเพียงที่คงใช้ชื่อเดิมนั้นก็ดี หรือใช้ชื่อของหุ้นส่วนผู้ตายควบอยู่ด้วยก็ดี หาทำให้ความรับผิดมีแก่กองทรัพย์มรดกของผู้ตายเพื่อหนี้ใด ๆ อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังมรณะนั้นไม่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1054'}]",1. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยวาจา 2. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยลายลักษณ์อักษร 3. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการทำกิริยา 4. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการยินยอมให้ใช้ชื่อตนเป็นชื่อห้างหุ้นส่วน 5. แสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยการไม่คัดค้านปล่อยให้คนอื่นแสดงว่าตนเป็นหุ้นส่วน +ใครมีอำนาจในการออกคำสั่งการกำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในกรณีจำเป็น,"อธิบดีกรมสรรพกร +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ซึ่งไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามลักษณะ 2 หักภาษี ณ ที่จ่ายตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดโ���ยกฎกระทรวง ในการนี้ ให้นำมาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 และมาตรา 63 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 เตรส'}]",อธิบดีกรมสรรพกร +ถ้าญาติเราไปสร้างบ้านให้กับเจ้าของที่ดินโดยเจ้าของที่ดินก็รับรู้รับทราบและยินยอมให้สร้างจนเสร็จ กรณีนี้เราสามารถเรียกเงินกับเจ้าของที่ดินได้มั้ย,"เรียกได้ เพราะการที่ญาติของท่านได้ไปสร้างบ้านในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ถือว่าเจ้าของที่ดินดังกล่าวเป็นเจ้าของบ้านหลังที่สร้างด้วย แต่เจ้าของที่ดินต้องใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะการสร้างบ้านให้กับผู้สร้างซึ่งเป็นญาติของท่านด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1310 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้น ๆ แต่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรือนนั้นให้แก่ผู้สร้าง แต่ถ้าเจ้าของที่ดินสามารถแสดงได้ว่า มิได้มีความประมาทเลินเล่อ จะบอกปัดไม่ยอมรับโรงเรือนนั้นและเรียกให้ผู้สร้างรื้อถอนไป และทำที่ดินให้เป็นตามเดิมก็ได้ เว้นไว้แต่ถ้าการนี้จะทำไม่ได้โดยใช้เงินพอสมควรไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินจะเรียกให้ผู้สร้างซื้อที่ดินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนตามราคาตลาดก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1310'}]",เรียกได้ เพราะการที่ญาติของท่านได้ไปสร้างบ้านในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ถือว่าเจ้าของที่ดินดังกล่าวเป็นเจ้าของบ้านหลังที่สร้างด้วย แต่เจ้าของที่ดินต้องใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะการสร้างบ้านให้กับผู้สร้างซึ่งเป็นญาติของท่านด้วย +กรณีที่คณะกรรมการบริษัทไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนบริษัทภายในกำหนด จะมีความผิดมั้ย,"มีความผิด โดยปรับเป็นพินัยไม่เกิน 40,000 บาท +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 196 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการบริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 39 มาตรา 40 มาตรา 150 มาตรา 157 หรือมาตรา 182 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสี่หมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '196'}]","มีความผิด โดยปรับเป็นพินัยไม่เกิน 40,000 บาท" +ถ้าลูกของป้าได้รับมรดกมาจากยายแทนป้า เนื่องจากป้าได้แสดงเจตนาสละมรดก ป้าจะยังมีสิทธิในทรัพย์มรดกที่ลูกของป้าได้มามั้ย,ไม่มีสิทธิ เนื่องจากลูกของป้าท่าน ซึ่งถือเป็นผู้สืบสันดานของผู้สละมรดกได้สืบมรดกตามสิทธิตนแล้ว ป้าของท่านจึงไม่มีสิทธิในส่วนทรัพย์มรดกที่ลูกของป้าท่านได้รับมา คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1616 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้สืบสันดานของผู้สละมรดกได้มรดกมาดังกล่าวไว้ในมาตรา 1615 แล้ว ผู้ที่ได้สละมรดกนั้นไม่มีสิทธิในส่วนทรัพย์สินอันผู้สืบสันดานของตนได้รับมรดกมา ในอันที่จะจัดการและใช้ดังที่ระบุไว้ในบรรพ 5 ลักษณะ 2 หมวด 3 แห่งประมวลกฎหมายนี้ และให้ใช้มาตรา 1548 บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1616'}]",ไม่มีสิทธิ เนื่องจากลูกของป้าท่าน ซึ่งถือเป็นผู้สืบสันดานของผู้สละมรดกได้สืบมรดกตามสิทธิตนแล้ว ป้าของท่านจึงไม่มีสิทธิในส่วนทรัพย์มรดกที่ลูกของป้าท่านได้รับมา +ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจฯ,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 4 แห่งพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้","[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '4'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี จะสามารถใช้บังคับได้เมื่อใด,"เมื่อนายกสภาวิชาชีพบัญชีลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 วิธีการเสนอและการพิจารณาร่างข้อบังคับ ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีเกี่ยวกับค่าบำรุงสมาชิกหรือค่าธรรมเนียม หรือร่างข้อบังคับตามมาตรา 22 วรรคสาม มาตรา 43 วรรคหนึ่ง และมาตรา 44 วรรคสอง ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีก่อน ร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีอนุมัติ หรือคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบตามวรรคสองแล้ว แล้วแต่กรณี เมื่อนายกสภาวิชาชีพบัญชีลงนามและปร���กาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '30'}]",เมื่อนายกสภาวิชาชีพบัญชีลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว +การลาออกของกรรมการบริษัทมีผลตั้งแต่วันไหน,"การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัท +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1153/1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการคนใดจะลาออกจากตำแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกต่อบริษัท การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัท กรรมการซึ่งลาออกตามวรรคหนึ่ง จะแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบด้วยก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1153/1'}]",การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัท +ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ สามารถการออกใบหลักทรัพย์ใหม่ในชื่อของเจ้าของหลักทรัพย์ได้หรือไม่,"สามารถทำได้ เนื่องจากความในมาตรา 227 (เจ้าของหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับตลาดหลักทรัพย์อาจขอให้ตลาดหลักทรัพย์ออกใบหลักทรัพย์ในชื่อของตนได้) สามารถใช้บังคับกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ได้โดยอนุโลม +คำอธิบายขยายความ มาตรา 228/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้นำความในมาตรา 225 มาตรา 225/1 มาตรา 226 มาตรา 227 มาตรา 228 และมาตรา 228/1 มาใช้บังคับกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.โดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '228/2'}]",สามารถทำได้ +พยานหลักฐานที่ได้จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างประเทศกับสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถนำมาใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีได้มั้ย,"สามารถใช้อ้างได้ +คำอธิบายขยายความ มาตรา 264/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พยานหลักฐานที่ได้มาตามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างประเทศกับสำนักงานให้นำมาใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งปวงได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '264/2'}]",สามารถใช้อ้างได้ +ในกรณีที่มีหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดอยู่หลายคน จะถือว่าใครเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนดังกล่าว,"ถ้าไม่ได้มีการตกลงกันไว้ว่าจะให้หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดคนใด เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ให้ถือว่าผู้ที่เป็นหุ้นส่วนเป็นผู้จัดก��รทุกคน +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1080 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใด ๆ หากมิได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปโดยบทบัญญัติแห่งหมวด 3 นี้ ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดนั้นมีอยู่หลายคนด้วยกัน ท่านให้ใช้บทบัญญัติสำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นวิธีบังคับในความเกี่ยวพันระหว่างคนเหล่านั้นเอง และความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนเหล่านั้นกับห้างหุ้นส่วน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1080'}]",ให้ถือว่าผู้ที่เป็นหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการทุกคน +หนังสือบอกกล่าวที่บริษัทต้องส่งให้ผู้ถือหุ้น ต้องส่งให้ด้วยวิธีไหนถึงจะถือว่าส่งโดยชอบแล้ว,"วิธีส่งหนังสือบอกกล่าวของบริษัทถึงผู้ถือหุ้น สามารถส่งได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ + 1. ส่งมอบให้แล้วถึงตัวผู้ถือหุ้น +2. ส่งไปโดยทางไปรษณีย์โดยระบุถึงที่อยู่ของผู้ถือหุ้นที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนของบริษัท +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1244 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันหนังสือบอกกล่าวซึ่งบริษัทจะพึงส่งถึงผู้ถือหุ้นนั้น ถ้าว่าได้ส่งมอบให้แล้วถึงตัวก็ดี หรือส่งไปโดยทางไปรษณีย์สลักหลังถึงสำนักอาศัยของผู้ถือหุ้นดังที่ปรากฏในทะเบียนของบริษัทแล้วก็ดี ท่านให้ถือว่าเป็นอันได้ส่งชอบแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1244'}]",1. ส่งมอบให้แล้วถึงตัวผู้ถือหุ้น 2. ส่งไปโดยทางไปรษณีย์โดยระบุถึงที่อยู่ของผู้ถือหุ้นที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนของบริษัท +ผู้ให้หลักประกันสามารถมอบอำนาจให้เลขาของตน เป็นผู้ดำเนินการไต่ส่วนข้อเท็จจริงได้หรือไม่,"สามารถทำได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ในการไต่สวนข้อเท็จจริง ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกันจะดำเนินการด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายคน ให้เป็นผู้ดำเนินการแทนตนก็ได้ +หลักเกณฑ์และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '66'}]",สามารถทำได้ +การที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ทำข้อตกลงกับ��ูกค้าว่าในการส่งคืนทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักทรัพย์ ผู้ประกอบธุรกิจไม่ต้องส่งมอบดอกผลหรือประโยชน์ใดๆ อันเกิดแต่หลักทรัพย์นั้น สามารถทำได้หรือไม่,"ไม่สามารถทำได้ เพราะในการส่งคืนหลักทรัพย์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบดอกผลหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกิดแต่หลักทรัพย์นั้น เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ในกรณีที่ทรัพย์สินของลูกค้าเป็นหลักทรัพย์ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจขอให้ลูกค้าโอนหลักทรัพย์ดังกล่าวไว้ในชื่อของตนเพื่อประโยชน์ของลูกค้าก็ได้ +เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องโอนหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่งคืนให้แก่ลูกค้า ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจใช้หลักทรัพย์ที่ออกโดยนิติบุคคลเดียวกันหรือโครงการจัดการกองทุนรวมเดียวกัน ประเภท รุ่น และชนิดเดียวกัน ในจำนวนที่เทียบเท่ากันคืนแทนกันได้ +ในการส่งคืนหลักทรัพย์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบดอกผลหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกิดแต่หลักทรัพย์นั้นด้วย เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น +ให้นำความในวรรคสองและวรรคสามมาใช้บังคับกับการคืนหลักทรัพย์ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านำหลักทรัพย์ไปฝากไว้กับบุคคลอื่นโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '35'}]",ไม่สามารถทำได้ เพราะในการส่งคืนหลักทรัพย์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบดอกผลหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกิดแต่หลักทรัพย์นั้น เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น +ถ้าเราเป็นผู้อาศัยที่มีสิทธิอาศัย เราสามารถให้คนในครอบครัวอยู่ด้วยได้มั้ย,"ได้ หากสิทธิอาศัยนั้นไม่ได้จำกัดไว้ชัดแจ้งว่าให้อยู่ได้เฉพาะตัวผู้อยู่อาศัย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1405 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิอาศัยนั้นถ้ามิได้จำกัดไว้ชัดแจ้งว่าให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อาศัยเฉพาะตัวไซร้ บุคคลในครอบครัวและในครัวเรือนของผู้อาศัยจะอยู่ด้วยก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1405'}]",ได้ หากสิทธิอาศัยนั้นไม่ได้จำกัดไว้ชัดแจ้งว่���ให้อยู่ได้เฉพาะตัวผู้อยู่อาศัย +ใครมีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีเรียกค่าเสียหายกับผู้ถือหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน,"ตลาดหลักทรัพย์ +คำอธิบายขยายความ มาตรา 175 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีเรียกค่าเสียหาย ตามมาตรา 174 เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ทั้งปวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '175'}]",ตลาดหลักทรัพย์ +กรณีที่หมดสัญญาจ้าง แต่เรายังคงทำงานอยู่ต่อไป และนายจ้างก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเรื่องหมดสัญญา กรณีแบบนี้ถือว่าเป็นการต่อสัญญาโดยปริยายหรือไม่,"ใช่ ในส่วนของสัญญาจ้างที่ได้มีการตกลงระยะเวลาในการจ้างไว้ และสัญญาจ้างสิ้นสุดลง แต่ลูกจ้างยังทำงานอยู่ต่อ โดยนายจ้างก็ไม่ได้ทักท้วง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 581 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าระยะเวลาที่ได้ตกลงว่าจ้างกันนั้นสุดสิ้นลงแล้วลูกจ้างยังคงทำงานอยู่ต่อไปอีก และนายจ้างรู้ดังนั้นก็ไม่ทักท้วงไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิม แต่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะเลิกสัญญาเสียได้ด้วยการบอกกล่าวตามความในมาตราต่อไปนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '581'}]",ใช่ ในส่วนของสัญญาจ้างที่ได้มีการตกลงระยะเวลาในการจ้างไว้ และสัญญาจ้างสิ้นสุดลง แต่ลูกจ้างยังทำงานอยู่ต่อ โดยนายจ้างก็ไม่ได้ทักท้วง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่ +ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ไหน,"ให้แสดงไว้ ณ ที่เปิดเผย ซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 85/4 แห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/4'}]",ให้แสดงไว้ ณ ที่เปิดเผย ซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ +คนต่างด้าวที่ไม่มีใบผ่านภาษีอากร จะมีโ���ษอย่างไร,"โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 4 นว แห่งประมวลรัษฎากร คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากร ซึ่งต้องมีตามความในประมวลรัษฎากรนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ คนต่างด้าวผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 นว'}]","โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ" +การที่เจ้าพนักงานประเมินแก้ไขที่ยื่นรายการไว้เดิม เนื่องจากไม่ถูกต้อง กรณีดังกล่าวผู้ยื่นรายการสามารถอุทธรณ์การประเมินได้มั้ย,"สามารถทำได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 20 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้จัดการตามมาตรา 19 และทราบข้อความแล้ว เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏและแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระอีกไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '20'}]",สามารถทำได้ +การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพนี้ จะมีผลเป็นอย่างไร,"มีผลทำให้อายุความในหนี้ที่รับสภาพนั้นสะดุดหยุดลง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 193/16 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หนี้ใดซึ่งตามมูลแห่งหนี้นั้น เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้เป็นคราว ๆ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ในเวลาใดเวลาหนึ่งก่อนอายุความครบบริบูรณ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่าอายุความสะดุดหยุดลง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/16'}]",มีผลทำให้อายุความในหนี้ที่รับสภาพนั้นสะดุดหยุดลง +ย่าทำพินัยกรรมยกมรดกให้กับลุงและพ่อ แต่ลุงปฏิเสธที่จะรับมรดกของย่า กรณีแบบนี้จะถือว่าลูกของลุงได้รับมรดกแทนมั้ย,"ลูกของลุงท่านไม่สามารถรับมรดกแทนลุงท่านได้ เนื่องจากลุงของท่านซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมได้สละมรดก ทำให้ลูกซึ่งเป็นผู้สืบสันดานไม่มีสิทธิที่จะได้รับมรดกที่ได้สละแล้วไปด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1617 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับพินัยกรรมคนใดสละมรดก ผู้นั้นรวมตลอดทั้งผู้สืบสั��ดานไม่มีสิทธิจะรับมรดกที่ได้สละแล้วนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1617'}]",ลูกของลุงท่านไม่สามารถรับมรดกแทนลุงท่านได้ เนื่องจากลุงของท่านซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมได้สละมรดก ทำให้ลูกซึ่งเป็นผู้สืบสันดานไม่มีสิทธิที่จะได้รับมรดกที่ได้สละแล้วไปด้วย +การขอชำระหนี้ซ่อมรถ ถ้ากำหนดเวลาไว้แล้วว่าให้เจ้าหนี้ส่งมอบรถให้ภายใน 1 อาทิตย์ กรณีนี้เราจะขอชำระหนี้ได้เมื่อไหร่,"ท่านจะสามารถขอปฏิบัติการชำระหนี้ได้ เมื่อเจ้าหนี้ส่งมอบรถให้กับท่านภายใน 1 อาทิตย์ ตามเวลาที่กำหนดไว้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าได้กำหนดเวลาไว้เป็นแน่นอนเพื่อให้เจ้าหนี้กระทำการอันใด ท่านว่าที่จะขอปฏิบัติการชำระหนี้นั้นจะต้องทำก็แต่เมื่อเจ้าหนี้ทำการอันนั้นภายในเวลากำหนด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '209'}]",ท่านจะสามารถขอปฏิบัติการชำระหนี้ได้ เมื่อเจ้าหนี้ส่งมอบรถให้กับท่านภายใน 1 อาทิตย์ ตามเวลาที่กำหนดไว้ +โทษของสมาชิกที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ มีอะไรบ้าง,"การลงโทษสมาชิกของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ มีดังนี้ +1. ภาคทัณฑ์ +2. ปรับ +3. ห้ามไม่ให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นชั่วคราว +4. ให้พ้นจากสมาชิกภาพ +คำอธิบายขยายความ มาตรา 213 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต้องจัดให้สมาชิกผูกพันว่าจะปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือตามระเบียบหรือข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นั้น หรือตามระเบียบ หรือข้อบังคับที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หากสมาชิกใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นต้องลงโทษสมาชิกดังกล่าว +โทษตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ +(1) ภาคทัณฑ์ +(2) ปรับ +(3) ห้ามมิให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเป็นการชั่วคราว +(4) ให้พ้นจากสมาชิกภาพ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '213'}]",การลงโทษสมาชิกของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ มีดังนี้ 1. ภาคทัณฑ์ 2. ปรับ 3. ห้ามไม่ให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นชั่วคราว 4. ให้พ้นจากสมาชิกภาพ +บริษัทไกลปืนเที่ยงจำกัด ไม่ทำใบหุ้นมอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้น กรณีดังกล่าวบริษัทจะมีความผิดหรือไม่อย่างไร,"มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท +คำอธิบายขยายความ มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 บริษัทจำกัดใดไม่ทำใบหุ้นมอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้น หรือเรียกค่าธรรมเนียมเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามมาตรา 1127 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่ทำใบหุ้นตามมาตรา 1128 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '8'}]","มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท" +หากผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องการที่จะเลิกประกอบธุจกิจดังกล่าว จะต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ยื่นขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านคณะกรรมการ ก.ล.ต. +คำอธิบายขยายความ มาตรา 32 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจตามประเภทที่ได้รับอนุญาต ให้ยื่นขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีผ่านคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยในการอนุญาตรัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '32'}]",ให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ยื่นขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านคณะกรรมการ ก.ล.ต. +บริษัทที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด โดยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดในส่วนของการเปิดเผยข้อมูล +คำอธิบายขยายความ มาตรา 268/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บุคคลตามมาตรา 33/1ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 33/1 วรรคสองในเรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูล หรือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติภายหลังการได้รับอนุญาตเช่นเดียวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น และในกรณีที่เป็นความผิดที่เปรียบเทียบได้ให้เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '268/1'}]",มีความผิด โดยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดในส่วนของการเปิดเผยข้อมูล +ถ้าคดีแพ่งหมดอายุความ แต่จำเลยไม่ได้แย้งเรื่องอายุความดังกล่าว คดีนี้นี้จะถูกยกฟ้องหรือไม่,"คดีแพ่งดังกล่าวไม่ถูกยกฟ้อง เนื่องจากเมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็ไม่สามารถยกอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 193/29 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/29'}]",คดีแพ่งดังกล่าวไม่ถูกยกฟ้อง เนื่องจากเมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็ไม่สามารถยกอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องได้ +ถ้าสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี ไม่จ่ายค่าบำรุงสมาชิก โดยไม่มีเหตุอันสมควร จะมีผลเป็นอย่างไร,"สมาชิกภาพของสมาชิกนั้นสิ้นสุดลง +คำอธิบายขยายความ มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อ +(1) ตาย +(2) ลาออก +(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 หรือมาตรา 14 หรือคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีมติเพิกถอนสำหรับกรณีสมาชิกกิตติมศักดิ์ +(4) ไม่ชำระค่าบำรุงสมาชิก โดยไม่มีเหตุอันสมควรตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '17'}]",สมาชิกภาพของสมาชิกนั้นสิ้นสุดลง +ใครเป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการเข้าผูกพัน หรือแทนที่เป็นคู่สัญญาโดยสํานักหักบัญชี,"คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +คำอธิบายขยายความ มาตรา 223/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 การเข้าผูกพันหรือแทนที่เป็นคู่สัญญาในสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์โดยสำนักหักบัญชีและการวางหลักประกันซึ่งปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่สำนักหักบัญชีกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนให้มีผลผูกพันและใช้บังคับได้ตามกฎหมาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทร���พย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '223/1'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +กรณีสัญญาจ้างทำของ ใครเป็นผู้จัดหาเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานดังกล่าว,"ผู้รับจ้าง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 588 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับใช้ทำการงานให้สำเร็จนั้น ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '588'}]",ผู้รับจ้าง +คนที่เป็นหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด จะสามารถเป็นผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดได้มั้ย,"ไม่ได้ เนื่องจากมีเพียงหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้น ที่สามารถเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1087 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1087'}]",ไม่ได้ เนื่องจากมีเพียงหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้น ที่สามารถเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ +การซื้อขายเผื่อชอบนั้น ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ตรวจดูทรัพย์สินที่ซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา จะมีผลเป็นอย่างไร,"มีผลทำให้ผู้ขายไม่มีความผูกพันในสัญญาดังกล่าว +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 507 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทรัพย์สินอันผู้ซื้อจะพึงตรวจดูก่อนที่จะส่งมอบแก่กันนั้น ถ้าผู้ซื้อไม่ตรวจรับภายในเวลาที่กำหนดไว้โดยสัญญา หรือโดยประเพณี หรือโดยคำบอกกล่าวของผู้ขายท่านว่าผู้ขายย่อมไม่มีความผูกพันต่อไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '507'}]",มีผลทำให้ผู้ขายไม่มีความผูกพันในสัญญาดังกล่าว +น้องอายุ 15 ปีแอบไปซื้อโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้บอกให้แม่รู้ แล้วแบบนี้การซื้อขายโทรศัพท์ดังกล่าวจะมีผลเป็นยังไง,"มีผลเป็นโมฆียะ เนื่องจากการทำนิติกรรมดังกล่าวของผู้เยาว์ ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งก็คือมารดาของท่าน +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 21 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '21'}]",มีผลเป็นโมฆียะ เนื่องจากการทำนิติกรรมดังกล่าวของผู้เยาว์ ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งก็คือมารดาของท่าน +พ่อถูกถอนอำนาจปกครอง เพราะถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ถ้าพ่อกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว เราจะสามารถขอให้ศาลคืนอำนาจปกครองให้พ่อได้มั้ย,"สามารถทำได้ แต่ผู้ที่จะสามารถร้องของต่อศาลได้นั้น จะต้องเป็นบุคคลดังต่อไปนี้ 1. ตัวผู้ที่ถูกถอนอำนาจปกครอง 2. ญาติของผู้เยาว์ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1583 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดนั้น ถ้าเหตุดังกล่าวไว้ในมาตราก่อนสิ้นไปแล้ว และเมื่อตนเองหรือญาติของผู้เยาว์ร้องขอ ศาลจะสั่งให้มีอำนาจปกครองดังเดิมก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1583'}]",สามารถทำได้ แต่ผู้ที่จะสามารถร้องของต่อศาลได้นั้น จะต้องเป็นบุคคลดังต่อไปนี้ 1. ตัวผู้ที่ถูกถอนอำนาจปกครอง 2. ญาติของผู้เยาว์ +กรณีของหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิด ได้แจ้งให้คนอื่นทราบว่าตนได้ลงหุ้นไว้มากกว่าที่จดทะเบียน จะถือว่าหุ้นส่วนคนนั้นต้องรับผิดในจำนวนเท่าใด,"หุ้นส่วนคนดังกล่าว จะต้องรับผิดเท่าที่ตนได้แจ้งไว้กับบุคคลอื่น แม้จะจำกัดความรับผิดไว้ตามหุ้นที่จดทะเบียนก็ตาม +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1085 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้แสดงด้วยจดหมายหรือใบแจ้งความหรือด้วยวิธีอย่างอื่นให้บุคคลภายนอกทราบว่าตนได้ลงหุ้นไว้มากกว่าจำนวนซึ่งได้จดทะเบียนเพียงใด ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดเท่าถึงจำนวนเพียงนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1085'}]",หุ้นส่วนคนดังกล่าว จะต้องรับผิดเท่าที่ตนได้แจ้งไว้กับบุคคลอื่น แม้จะจำกัดความรับผิดไว้ตามหุ้นที่จดทะเบียนก็ตาม +การให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ใช้บังคับ จะต้องยื่นคำขออนุญาตเพื่อประกอบการดังกล่าวต่อหรือไม่,"ต้องยื่น โดยยื่นภายใน 120 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ +คำอธิบายขยายความ มาตรา 339 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลา��หลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บุคคลใดที่ให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์อยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้ดำเนินการได้ต่อไป แต่ต้องยื่นคำขอใบอนุญาตเพื่อประกอบการดังกล่าวภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อได้ยื่นคำขออนุญาตแล้วให้ดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '339'}]",ต้องยื่น โดยยื่นภายใน 120 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ +ในส่วนของการกู้ยืมเงินตามระเบียบการสงเคราะห์พนักงาน บริษัทสามารถให้กู้ยืมได้หรือไม่,"สามารถให้กู้ยืมเงินได้ เนื่องจากการกู้ยืมดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นกรณีที่บริษัทสามารถให้กู้ยืมเงินแก่กรรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บริษัทให้กู้ยืมเงินแก่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทเว้นแต่ +(1) เป็นการให้กู้ยืมเงินตามระเบียบการสงเคราะห์พนักงานและลูกจ้าง หรือ +(2) เป็นการให้กู้ยืมเงินตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต หรือกฎหมายอื่น +การให้กู้ยืมเงินดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการให้กู้ยืมแก่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทตามวรรคหนึ่ง +(ก) การให้กู้ยืมเงินแก่คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง +(ข) การให้กู้ยืมเงินแก่ห้างหุ้นส่วนสามัญที่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างนั้นเป็นหุ้นส่วน +(ค) การให้กู้ยืมเงินแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างนั้น เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด +(ง) การให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนที่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างนั้น ถือหุ้นรวมกันเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนนั้น +การให้กู้ยืมเงินตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึงการค้ำประกันการรับซื้อหรือซื้อลดตั๋วเงิน และการให้หลักประกันเกี่ยวกับเงินที่กู้ยืมด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '89'}]",สามารถให้กู้ยืมเงินได้ เนื่องจากการกู้ยืมดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นกรณีที่บริษัทสามารถให้กู้ยืมเงินแก่กรรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทได้ +ผู้เช่าทำสัญญาเช่าที่ดินไว้กับเรา 10 ปี โดยมีข้อตกลงในสัญญาว่าเมื่อครบ 10 ปี เขาจะยินยอมออกจากที่ดิน และไม่รื้อสิ่งปลูกสร้างใดๆ ออกไปด้วย พอถึงระยะเวลาที่กำหนด ผู้เช่าไม่ยอมออกไปจากที่ดินของเรา เพราะอ้างว่าตัวเองสร้างบ้าน และปลูกต้นไม้ทำสวนทุเรียนไว้แล้วและกำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตจึงยังไม่ยอมย้ายออก แต่เราไม่อยากให้เขาเช่าที่ดินต่อ ผู้เช่าไม่พอใจเลยบอกว่างั้นจะรื้อบ้านและต้นทุเรียนออกให้หมด กรณีที่ทำสัญญากันไว้แล้วผู้เช่าจะมีสิทธิรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมั้ย,"ผู้เช่าของท่านไม่มีสิทธิรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือต้นทุเรียนก็ตาม เนื่องจากผู้เช่าได้ตกลงไว้ในสัญญาเช่าว่าจะไม่รื้อถอนสิ่งปลูกใดๆ สร้างออกไปจากที่ดินเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ดังนั้นบ้านและต้นทุเรียนจึงตกเป็นส่วนควบของที่ดินของท่านด้วย ถือว่าท่านมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบดังกล่าว +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 144 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป เจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '144'}]",ผู้เช่าของท่านไม่มีสิทธิรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือต้นทุเรียนก็ตาม เนื่องจากผู้เช่าได้ตกลงไว้ในสัญญาเช่าว่าจะไม่รื้อถอนสิ่งปลูกใดๆ สร้างออกไปจากที่ดินเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ดังนั้นบ้านและต้นทุเรียนจึงตกเป็นส่วนควบของที่ดินของท่านด้วย ถือว่าท่านมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบดังกล่��ว +ใครมีอำนาจหน้าที่ในการออกประกาศหรือคำสั่งตามพระราชบัญญัติซื้อขายล่วงหน้า,"สำนักงาน ก.ล.ต. +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ อำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึง +(1) รับค่าปรับที่เป็นโทษปรับทางปกครองและค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) ออกประกาศหรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ +ค่าปรับและค่าธรรมเนียมตาม (1) ให้ตกเป็นของสำนักงาน ก.ล.ต.","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '14'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +ถ้ามีคนรู้จักสร้างบ้านอยู่ในที่ดินของเรา โดยที่เราไม่ได้ยินยอมให้สร้าง กรณีแบบนี้เราจะทำยังไงได้บ้าง,"ท่านสามารถเลือกดำเนินการได้ดังต่อไปนี้ +1. ให้คนรู้จักของท่าน ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทำให้ที่ดินกลับสู่สภาพเดิมแล้วจึงส่งคืนท่าน +2. หากท่านไม่ต้องการที่จะรื้อถอน ก็สามารถส่งคืนในสภาพที่เป็นอยู่ได้ แต่ท่านต้องใช้เงินค่าสิ่งปลูกสร้างหรือค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นมาเพราะสิ่งปลูกสร้างนั้นด้วย +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1311 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่สุจริตไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นต้องทำที่ดินให้เป็นตามเดิมแล้วส่งคืนเจ้าของ เว้นแต่เจ้าของจะเลือกให้ส่งคืนตามที่เป็นอยู่ ในกรณีเช่นนี้เจ้าของที่ดินต้องใช้ราคาโรงเรือนหรือใช้ค่าแห่งที่ดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรือน นั้นแล้วแต่จะเลือก","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1311'}]",ท่านสามารถเลือกดำเนินการได้ดังต่อไปนี้ 1. ให้คนรู้จักของท่าน ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทำให้ที่ดินกลับสู่สภาพเดิมแล้วจึงส่งคืนท่าน 2. หากท่านไม่ต้องการที่จะรื้อถอน ก็สามารถส่งคืนในสภาพที่เป็นอยู่ได้ แต่ท่านต้องใช้เงินค่าสิ่งปลูกสร้างหรือค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นมาเพราะสิ่งปลูกสร้างนั้นด้วย +ถ้าผู้รับฝากทรัพย์สินไม่ยอมแยกหลักทรัพย์ที่รับฝากออกจากทรัพย์สินของตน จะมีโทษอย่างไร,"โทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง +คำอธิบายขยายความ มาตรา 286 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้รับฝากทรัพย์สินผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 137 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '286'}]","โทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +ประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครอง รวมถึงประโยชน์ในกิจการที่ทำกับบริษัทจำกัดหรือไม่,"ไม่ได้รวมอยู่ด้วย จะมีเฉพาะกรณีของประโยชน์ในกิจการดังนี้ +1. ประโยชน์ที่ทำกับห้างหุ้นส่วนสามัญที่ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นหุ้นส่วน +2. ประโยชน์ที่ทำกับห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1576 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือของคู่สมรสหรือบุตรของผู้ใช้อำนาจปกครองตามมาตรา 1575 ให้หมายความรวมถึงประโยชน์ในกิจการดังต่อไปนี้ด้วย คือ +(1) ประโยชน์ในกิจการที่กระทำกับห้างหุ้นส่วนสามัญที่บุคคลดังกล่าวนั้นเป็นหุ้นส่วน +(2) ประโยชน์ในกิจการที่กระทำกับห้างหุ้นส่วนจำกัดที่บุคคลดังกล่าวนั้นเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1576'}]",ไม่ได้รวมอยู่ด้วย จะมีเฉพาะกรณีของประโยชน์ในกิจการดังนี้ 1. ประโยชน์ที่ทำกับห้างหุ้นส่วนสามัญที่ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นหุ้นส่วน 2. ประโยชน์ที่ทำกับห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด +บริษัทที่ได้รับชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนทุนที่จดทะเบียนไว้ ้ต้องแสดงเอกสารในส่วนของงบดุล และเอกสารอื่นที่แสดงฐานะทางการเงินหรือไม่,"ไม่ต้อง เฉพาะกรณีบริษัทยังไม่ได้รับชำระเงินค่าหุ้นเต็มจำนวนทุนที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น ที่ต้องแสดงเอกสารดังกล่าว +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในกรณีที่บริษัทยังมิได้รับชำระเงินค่าหุ้นเต็มจำนวนทุ��ที่จดทะเบียนไว้ บริษัทต้องแสดงให้ชัดเจนว่ามีทุนและจำนวนหุ้นจดทะเบียนเท่าใด หุ้นที่ออกจำหน่ายและได้รับชำระแล้วคิดเป็นเงินเท่าใดในเอกสารของบริษัทดังต่อไปนี้ +(1) งบดุล +(2) เอกสารอื่นที่มีการแสดงฐานะการเงิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '111'}]",ไม่ต้อง +ทรัพย์ที่เราได้มาจากการรับมรดก แต่ยังมีหนี้ที่ต้องชำระด้วย แบบนี้เราจะชำระคืนได้ด้วยวิธีไหน,"การขายทอดตลาด แต่ถ้าหากมีทายาทคนใดคนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว จะชำระราคาทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ จนกว่าจะครบจำนวนที่ต้องชำระกับเจ้าหนี้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1740 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เว้นแต่เจ้ามรดกหรือกฎหมายจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้จัดสรรทรัพย์สินของเจ้ามรดกเพื่อชำระหนี้ตามลำดับต่อไปนี้ +(1) ทรัพย์สินนอกจากอสังหาริมทรัพย์ +(2) อสังหาริมทรัพย์ซึ่งจัดสรรไว้ชัดแจ้งในพินัยกรรมว่าสำหรับชำระหนี้ถ้าหากว่ามีทรัพย์สินเช่นนั้น +(3) อสังหาริมทรัพย์ซึ่งทายาทโดยธรรมชอบที่จะได้รับในฐานะเช่นนั้น +(4) อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่งโดยมีเงื่อนไขว่า ผู้นั้นต้องชำระหนี้ของเจ้ามรดก +(5) อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมให้โดยลักษณะทั่วไปดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1651 +(6) ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งเจ้ามรดกทำพินัยกรรมให้โดยลักษณะเฉพาะดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1651 +ทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งได้จัดสรรไว้ตามความที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ให้เอาออกขายทอดตลาด แต่ทายาทคนใดคนหนึ่งอาจมิให้มีการขายเช่นว่านั้นได้ โดยชำระราคาทรัพย์สินนั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วนตามที่ผู้ตีราคาซึ่งศาลตั้งขึ้นได้กำหนดให้ จนพอแก่จำนวนที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1740'}]",การขายทอดตลาด แต่ถ้าหากมีทายาทคนใดคนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว จะชำระราคาทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ จนกว่าจะครบจำนวนที่ต้องชำระกับเจ้าหนี้ +ปู่เสียชีวิตแล้วพ่อได้รับมรดกของปู่ แต่ว่าพ่อไม่อยากได้ กรณีแบบนี้ถือว่าพ่อยังมีสิทธิได้รับมรดกในส่วนย่ามั้ย เพราะย่าก็เสียชีวิตไปแล้ว,"ยังมีสิทธิได้รับมรดกอยู่ เนื่���งจากการสละมรดกของพ่อท่าน ไม่ได้ตัดสิทธิในส่วนที่จะได้รับมรกดกแทนที่ย่าในการสืบมรดก +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1645 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่บุคคลใดสละมรดกของบุคคลอีกคนหนึ่งนั้น ไม่ตัดสิทธิของผู้สละที่จะรับมรดกแทนที่บุคคลอีกคนหนึ่งนั้นในการสืบมรดกบุคคลอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1645'}]",ยังมีสิทธิได้รับมรดกอยู่ เนื่องจากการสละมรดกของพ่อท่าน ไม่ได้ตัดสิทธิในส่วนที่จะได้รับมรกดกแทนที่ย่าในการสืบมรดก +ใครบ้างที่จะต้องแต่งตั้งผู้สอบบัญชีจากบุคคลที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เสนอ,"ที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ +คำอธิบายขยายความ มาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งผู้สอบบัญชีจากบุคคลที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เสนอ และให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ที่ประชุมสมาชิกกำหนด ผู้สอบบัญชีต้องเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชี และไม่เป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ พนักงานหรือลูกจ้างของตลาดหลักทรัพย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '179'}]",ที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ +น้องชายหนูอายุ 20 ปีแล้ว แต่ว่าถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ กรณีแบบนี้แม่ที่เป็นผู้อนุบาล จะสามารถสั่งให้น้องไปทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองได้มั้ย,"ไม่ได้ เนื่องจากน้องชายของท่านถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว ดังนั้นแม่ซึ่งเป็นผู้อนุบาลจะใช้สิทธิตามมาตรา 1567 (3) ไม่ได้ +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1598/18 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่บิดามารดาเป็นผู้อนุบาลบุตร ถ้าบุตรนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้าบุตรนั้นบรรลุนิติภาวะแล้ว ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่สิทธิตามมาตรา 1567 (2) และ (3) +ในกรณีที่บุคคลอื่นซึ่งมิใช่บิดามารดาหรือมิใช่คู่สมรสเป็นผู้อนุบาล ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้าผู้อยู่ในความอนุบาลบรรลุนิติภาวะแล้วจะใช้สิทธิตามมาตรา 1567 (2) และ (3) ไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/18'}]",ไม่ได้ +ถ้าลูกเราถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ใครจะถือเป็นผู้อนุบาล,"ผู้ใช้อำนาจปกครอง +คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1569 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ในกรณีที่บุตรถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1569'}]",ผู้ใช้อำนาจปกครอง +"ถ้าไม่ได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิจะประกอบธุรกิจโดยมีส่วนหนึ่งในชื่อธุรกิจว่า ""มูลนิธิ"" ได้ไหม","ไม่ได้ จะทำได้ต่อเมื่อเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย หากไม่ได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิแล้วมีส่วนหนึ่งในชื่อธุรกิจว่า ""มูลนิธิ"" มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาทจนกว่าจะได้เลิกใช้ +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 60 ผู้ใดใช้คำว่า “มูลนิธิ” ประกอบกับชื่อ ในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้เป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เว้นแต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งมูลนิธิ หรือในการแปลอักษรต่างประเทศเป็นอักษรไทยโดยมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ด้วย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท จนกว่าจะได้เลิกใช้","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '60'}]",ไม่ได้ จะทำได้ต่อเมื่อเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย. +นำที่ดินติดจำนองไปจำนองเพิ่มหรือทำอย่างอื่นอีกได้ไหม,"ได้ แต่ถ้าผู้รับจำนองไม่ได้ยินย��มในการจำนองหรือการก่อให้เกิดทรัพยสิทธิใด ๆ แก่ทรัพย์ติดจำนองภายหลังนั้น +1) สิทธิจำนองแรกใหญ่กว่าภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิใด ๆ ที่เกิดภายหลังหรือทรัพยสิทธิอย่างอื่น หรือ +2) ถ้าเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้รับจำนองในเวลาบังคับจำนอง ให้ลบสิทธิที่เกิดภายหลังออกจากทะเบียน +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 722 ถ้าทรัพย์สินได้จำนองแล้ว และภายหลังที่จดทะเบียนจำนองมีจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิอย่างอื่น โดยผู้รับจำนองมิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าสิทธิจำนองย่อมเป็นใหญ่กว่าภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิอย่างอื่นนั้น หากว่าเป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้รับจำนองในเวลาบังคับจำนองก็ให้ลบสิทธิที่กล่าวหลังนั้นเสียจากทะเบียน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '722'}]",ได้ แต่ถ้าผู้รับจำนองไม่ได้ยินยอมในการจำนองหรือการก่อให้เกิดทรัพยสิทธิใด ๆ แก่ทรัพย์ติดจำนองภายหลังนั้น 1) สิทธิจำนองแรกใหญ่กว่าภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิใด ๆ ที่เกิดภายหลังหรือทรัพยสิทธิอย่างอื่น หรือ 2) ถ้าเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้รับจำนองในเวลาบังคับจำนอง ให้ลบสิทธิที่เกิดภายหลังออกจากทะเบียน. +ผู้จัดการต้องรับผิดไหมถ้าทำไปเพื่อป้องกันอันตรายให้ตัวการ,"ถ้าผู้จัดการทำไปเพื่อป้องกันอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวการ ผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบในกรณีต่อไปนี้ คือ +1) จงใจทำผิด +2) ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 398 ถ้าผู้จัดการทำกิจอันใดเพื่อประสงค์จะปัดป้องอันตรายอันมีมาใกล้ตัวการ จะเป็นภัยแก่ตัวก็ดี แก่ชื่อเสียงก็ดี หรือแก่ทรัพย์สินก็ดี ท่านว่าผู้จัดการต้องรับผิดชอบแต่เพียงที่จงใจทำผิด หรือที่เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '398'}]",ผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบในกรณีต่อไปนี้ คือ 1) จงใจทำผิด 2) ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง +ถ้ากรรมการของบริษัททำให้ทรัพย์สินบริษัทเสียหาย มีความผิดไหม,"มีความผิด หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลตามกฎหมาย ทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน แก่ทร��พย์สินที่นิติบุคคลดูแลหรืออยู่ในความครอบครองเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 309 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใด ตามพระราชบัญญัตินี้ เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันนิติบุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของนิติบุคคลนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '309'}]",มีความผิด หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลตามกฎหมาย ทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน แก่ทรัพย์สินที่นิติบุคคลดูแลหรืออยู่ในความครอบครองเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท +การเสนอขายโทเคนดิจิทัลประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดเป็นไปตามการเสนอขายโทเคนดิจิตอลแก่ประชาชนหรือไม่,จะไม่เป็นไปตามการเสนอขายโทเคนดิจิตอลแก่ประชาชน เนื่องจากไม่ให้นำบทบัญญัติการเสนอขายโทเคนแก่ประชาชนมาปรับใช้แก่การเสนอขายโทเคนดิจิทัลประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ : พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 16 บทบัญญัติในหมวดนี้ไม่ให้นำมาใช้บังคับกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '16'}]",จะไม่เป็นไปตามการเสนอขายโทเคนดิจิตอลแก่ประชาชน เนื่องจากไม่ให้นำบทบัญญัติการเสนอขายโทเคนแก่ประชาชนมาปรับใช้แก่การเสนอขายโทเคนดิจิทัลประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +การโหวตจัดตั้งบริษัทจำกัดมหาชนนับคะแนนอย่างไร,การออกเสียงลงคะแนน ให้ผู้จองหุ้นมีคะแนนเสียงเท่าจำนวนหุ้นที่จอง กล่าวคือ 1 หุ้น = 1 เสียง คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ผู้จองหุ้นซึ่งผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทได้���ัดสรรหุ้นให้แล้ว มีสิทธิเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในการประชุมจัดตั้งบริษัท ผู้จองหุ้นคนใดมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในเรื่องใด ผู้จองหุ้นคนนั้นไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น นอกจากการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการ การลงมติของที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของผู้จองหุ้น ซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ในการออกเสียงลงคะแนน ให้ผู้จองหุ้นมีคะแนนเสียงเท่าจำนวนหุ้นที่จองโดยถือว่าหุ้นหนึ่งมีเสียงหนึ่ง การออกเสียงลงคะแนนให้กระทำโดยเปิดเผย เว้นแต่ผู้จองหุ้นไม่น้อยกว่า 5 คนร้องขอ และที่ประชุมลงมติให้ลงคะแนนลับก็ให้ลงคะแนนลับ ส่วนวิธีการออกเสียงลงคะแนนลับนั้นให้เป็นไปตามที่ประธานในที่ประชุมกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '33'}]",การออกเสียงลงคะแนน ให้ผู้จองหุ้นมีคะแนนเสียงเท่าจำนวนหุ้นที่จอง กล่าวคือ 1 หุ้น = 1 เสียง +ถ้าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ไม่งดเว้นกระทำการตามที่ก.ล.ต.สั่ง จะมีผลเช่นไร,"เมื่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ไม่งดเว้นกระทำการตามที่ก.ล.ต.สั่ง เท่ากับเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 186(2) =>ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 291 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่กำหนดตามมาตรา 186 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '291'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้เมื่อใด,เมื่อพ้นระยะเวลาที่ำหนดและสำนักงานยังไม่ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ ให้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อเมื่อ => ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทนั้นได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกให��่ได้ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 68 ในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนพร้อมกับการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 หากสำนักงานยังไม่ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่เมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 ให้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อเมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทนั้นได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '68'}]",เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดและสำนักงานยังไม่ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ ให้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อเมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทนั้นได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ได้ +จะต้องนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันไปชำระอะไรเป็นอันดับแรก,ต้องนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันไปชำระค่าธรรมเนียมในการยึดหรืออายัดตามมาตรา 72 ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการของผู้บังคับหลักประกันตามมาตรา 73ั เป็นอันดับแรก คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 74 เงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันให้จัดสรรชำระตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (1) ค่าธรรมเนียมในการยึดหรืออายัดตามมาตรา 72 ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการของผู้บังคับหลักประกันตามมาตรา 73 (2) ค่าตอบแทนของผู้บังคับหลักประกัน ค่าใช้จ่ายตามสมควรอันเกิดจากการบังคับหลักประกันค่าฤชาธรรมเนียมการบังคับหลักประกัน และค่าธรรมเนียมการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน (3) ชำระหนี้ให้แก่ผู้รับหลักประกัน และเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนตามลำดับ (4) ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิ��ากษาอื่นซึ่งขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการนั้นตามมาตรา 71 (5) เงินที่เหลือหากมี ให้ชำระคืนแก่ผู้ให้หลักประกัน ให้นำบทบัญญัติมาตรา 52 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การจัดสรรชำระตามมาตรานี้โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '74'}]",ต้องนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันไปชำระค่าธรรมเนียมในการยึดหรืออายัดตามมาตรา 72 ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการของผู้บังคับหลักประกันตามมาตรา 73 เป็นอันดับแรก. +"คำมั่นว่าจะให้เงิน 100,000 บาทแก่ผู้ชนะเลิศรายการประกวดร้องเพลงจะสมบูรณ์เมื่อใด",คำมั่นจะให้รางวัลอันโดยเป็นการประกวดชิงรางวัลนั้น จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กำหนดระยะเวลาไว้ในคำโฆษณา คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 365 ความสมบูรณ์ของคำมั่น => คำมั่นจะให้รางวัลโดยเป็นการประกวดชิงรางวัล จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กำหนดระยะเวลาไว้ในคำโฆษณาด้วย การตัดสิน => การที่จะตัดสินว่าผู้ประกวดคนไหนได้กระทำสำเร็จตามเงื่อนไขในคำมั่นภายในเวลากำหนดหรือตัดสินในระหว่างผู้ประกวดหลายคนนั้นว่าคนไหนดีกว่ากัน ให้ผู้ชี้ขาดซึ่งได้ระบุชื่อไว้ในโฆษณานั้นเป็นผู้ตัดสิน หรือถ้ามิได้ระบุชื่อผู้ชี้ขาดไว้ ก็ให้ผู้ให้คำมั่นเป็นผู้ตัดสิน คำตัดสินอันนี้ย่อมผูกพันผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยทุกฝ่าย กรณีคะแนนเท่ากันในการประกวด => ถ้าได้คะแนนทำดีเสมอกัน ท่านให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 364 วรรค 2 มาใช้บังคับ แล้วแต่กรณี การโอนกรรมสิทธิ์ => การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ทำขึ้นประกวด ผู้ให้คำมั่นจะเรียกให้โอนแก่ตนได้ต่อเมื่อได้ระบุไว้ในโฆษณาว่าจะโอน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '365'}]",คำมั่นจะให้รางวัลอันโดยเป็นการประกวดชิงรางวัลนั้น จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กำหนดระยะเวลาไว้ในคำโฆษณา +กรณีใดที่สามารถใช้คำว่าสมาคมในป้ายชื่อได้ แม้ว่าไม่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคม,"สามารถใช้ได้เฉพาะกรณีการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งสมาคมหรือในการแปลอักษรต่างประเทศเป็นอักษรไทยโดยมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ด้วย คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกำหน��ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 49 ผู้ใดใช้คำว่า “สมาคม” ประกอบกับชื่อ ในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจโดยไม่ได้เป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือตามกฎหมายอื่น เว้นแต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งสมาคมหรือในการแปลอักษรต่างประเทศเป็นอักษรไทยโดยมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ด้วย => มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาทและชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะได้เลิกใช้","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '49'}]",สามารถใช้ได้เฉพาะกรณีการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งสมาคมหรือในการแปลอักษรต่างประเทศเป็นอักษรไทยโดยมีอักษรต่างประเทศกำกับไว้ด้วย +ตั๋วแลกเงินสามารถโอนได้ด้วยวิธีใด,ตั๋วแลกเงินทุกฉบับสามารถโอนได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” หรือเขียนในทำนองเดียวกัน ตั๋วเงินนั้นจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917 อันตั๋วแลกเงินทุกฉบับ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สั่งจ่ายให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่งก็ตาม ย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ เมื่อผู้สั่งจ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” ดังนี้ก็ดี หรือเขียนคำอื่นอันได้ความเป็นทำนองเช่นเดียวกันนั้นก็ดี ท่านว่าตั๋วเงินนั้นย่อมจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ทั้งนี้ ตั๋วเงินจะสลักหลังให้แก่ผู้จ่ายก็ได้ ไม่ว่าผู้จ่ายจะได้รับรองตั๋วนั้นหรือไม่ หรือจะสลักหลังให้แก่ผู้สั่งจ่าย หรือให้แก่คู่สัญญาฝ่ายอื่นใดแห่งตั๋วเงินนั้นก็ได้ ส่วนบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ก็ย่อมจะสลักหลังตั๋วเงินนั้นต่อไปอีกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '917'}]",ตั๋วแลกเงินทุกฉบับสามารถโอนได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ +ถ้���ไม่ได้ยื่นรายการเงินได้ เจ้าพนักงานต้องดำเนินการอย่างไร,ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี มีอำนาจที่จะกำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น โดยวิธีการ ดังนี้ 1.ถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ หรือ 2.รายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ หรือ 3.พฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา จากนั้น ทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษี คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 49 1.กรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ได้ยื่นรายการเงินได้ หรือ 2.เจ้าพนักงานประเมินพิจารณาเห็นว่าผู้มีเงินได้ยื่นรายการเงินได้ต่ำกว่าจำนวนที่ควรต้องยื่น => ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี มีอำนาจที่จะกำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น วิธีการคือ ถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ หรือรายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ หรือพฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา แล้วทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติมาตรา 19 ถึงมาตรา26 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '49'}]",ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี มีอำนาจที่จะกำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น โดยวิธีการ ดังนี้ 1.ถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ หรือ 2.รายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ หรือ 3.พฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา จากนั้น ทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษี. +ต้องรายงานผลสอบบัญชีสำนักงานหลักทรัพย์กับรัฐมนตรีภายในกี่วัน,ภายในเก้าสิบวันนับจากวันสิ้นปีบัญชี คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทร���พย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 31 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน ทั้งนี้ต้องเสนอรายงานผลการสอบบัญชีต่อรัฐมนตรีภายใน 90 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '31'}]",ภายในเก้าสิบวันนับจากวันสิ้นปีบัญชี +ฟ้องหย่ากรณีโดนสามีทำร้ายร่างกายต้องใช้สิทธิภายในเมื่อไหร่,กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิฟ้องตามเหตุในมาตรา 1516(3) โดยต้องใช้สิทธิภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันผู้คนอ้างรู้ หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นอ้าง คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529 สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุในมาตรา 1516 (1) (2) (3) หรือ (6) หรือมาตรา 1523 ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง ทั้งนี้ หากยกเหตุขึ้นฟ้องหย่าไม่ได้แล้ว อาจจะนำสืบสนับสนุนคดีฟ้องหย่าซึ่งอาศัยเหตุอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1529'}]",ต้องใช้สิทธิภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันผู้คนอ้างรู้ หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นอ้าง +ถ้าเพื่อนบ้านซ่อมรั้ว แล้วเกิดทำที่ดินเราเสียหาย เราสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่,สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 ถ้าบอกล่วงหน้าตามสมควรแล้ว เจ้าของที่ดินอาจใช้ที่ดินติดต่อเท่าที่จำเป็นในการปลูกสร้างหรือซ่อมแซมรั้ว กำแพง หรือโรงเรือน ตรงหรือใกล้แนวเขตของตน แต่จะเข้าไปในเรือนที่อยู่ของเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอม ถ้าได้ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้น เพื่อนบ้านข้างเคียงจะเรียกเอาค่าทดแทนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1351'}]",สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ +การทำพินัยกรรมของคนไทยในเยอรมันต้องทำตามกฎหมายประเทศใด,"ทำพินัยกรรมตามแบบของกฎหมายไทย หรือเยอรมันก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1667 เมื่อคนในบังคับไทยจะทำพินัยกรรมในต่างประเทศ พินัยกรรมนั้นอาจทำตามแบบซึ่งกฎหมายของประเทศที่ทำพินัยกรรมบัญญัติไว้ หรือตามแบบที่กฎหมายไทยบัญญัติไว้ก็ได้ เมื่อทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายไทยบัญญัติไว้ อำนาจและหน้าที่ของกรมการอำเภอตามมาตรา 1658, 1660, 1661, 1662, 1663 ให้ตกแก่บุคคลดังต่อไปนี้ คือ (1) พนักงานทูต หรือกงสุลฝ่ายไทย กระทำการตามขอบอำนาจของตน หรือ (2) พนักงานใด ๆ ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายของต่างประเทศนั้น ๆ ที่จะรับบันทึกข้อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1667'}]",ทำพินัยกรรมตามแบบของกฎหมายไทย หรือเยอรมันก็ได้ +ความรับผิดและโทษของการที่บริษัทจำกัดไม่เรียกประชุมสามัญ คืออะไร,"มีความผิดทางพินัย โดยต้องรับโทษเป็นค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 16 บริษัทจำกัดใดไม่เรียกประชุมตามมาตรา 1171 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '16'}]","มีความผิดทางพินัย โดยต้องรับโทษเป็นค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +ถ้าเราอยากจะทำเรื่องยกทรัพย์สินของเราให้พ่อแม่ เผื่อตอนตายไปจะได้ไม่ต้องจัดการทรัพย์สินให้มันยุ่งยากมากนัก สามารถทำได้มั้ย,ท่านสามารถทำได้ โดยการทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของท่านก็ได้ เพื่อที่จะให้เกิดผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อถึงเวลาดังกล่าว คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1646 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนเอง หรือในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1646'}]",ท่านสามารถทำได้ โดยการทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของท่านก็ได้ เพื่อที่จะให้เกิดผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อถึงเวลาดังกล่าว +อายุความในการฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินในระหว่างเด็กและผู้ปกครองคือกี่ปี,1 ปี กล่าวคือ ห้ามไม่ให้ฟ้องคดีดังกล่าวหากพ้นระยะเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่อำนาจปกครองนั้นสิ้นไป คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1581 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย�� คดีเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินในระหว่างผู้เยาว์กับผู้ใช้อำนาจปกครองนั้น ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่เวลาที่อำนาจปกครองสิ้นไป ถ้าอำนาจปกครองสิ้นไปขณะบุตรยังเป็นผู้เยาว์อยู่ ให้เริ่มนับอายุความในวรรคหนึ่งตั้งแต่เวลาที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ หรือเมื่อมีผู้แทนโดยชอบธรรมขึ้นใหม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1581'}]",1 ปี +ในการยึดถือสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถใช้โทเคนดิจิทัลประเภทและชนิดเดียวกันได้มั้ย,สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นจำนวนเท่ากันจึงจะแทนกันได้ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัล พ.ศ. 2561 ในกรณีที่ต้องมีการส่งมอบ การโอน การยึดถือหรือส่งคืนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ให้ใช้คริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลประเภทและชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่ากันแทนกันได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '6'}]",สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นจำนวนเท่ากันจึงจะแทนกันได้ +คณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มีใครเป็นประธานกรรมการ รวมถึงกรรมการและเลขานุการในคณะดังกล่าว,คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นกรรมการและเลขานุการ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้มีคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงแรงงาน* ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี* ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทยและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตร���แต่งตั้งอีกไม่เกินห้าคนเป็นกรรมการ และให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า* เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้ทรงคุณวุฒิต้องเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การค้า การลงทุน การบริหารธุรกิจ หรือการอุตสาหกรรม และต้องไม่เป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้แทนตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่เป็นผู้แทนของส่วนราชการ ผู้แทนนั้นจะต้องมีตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่า และในกรณีที่เป็นผู้แทนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทนของสมาคมธนาคารไทย ผู้แทนนั้นจะต้องมีตำแหน่งไม่ต่ำกว่ากรรมการของสภาหรือสมาคมนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '23'}]",คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นกรรมการและเลขานุการ +ถ้าเจ้าของที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากภาระจำยอม หมดประโยชน์ที่จะใช้ทางผ่านในที่ดินของผู้ที่อยู่ในภ่าระจำยอม ผลจะเป็นอย่างไร,ภาระจำยอมนั้นย่อมสิ้นไป คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1400 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์ไซร้ ท่านว่าภาระจำยอมนั้นสิ้นไป แต่ถ้าความเป็นไปมีทางให้กลับใช้ภาระจำยอมได้ไซร้ ท่านว่าภาระจำยอมนั้นกลับมีขึ้นอีกแต่ต้องยังไม่พ้นอายุความที่ระบุไว้ในมาตราก่อน ถ้าภาระจำยอมยังเป็นประโยชน์แก่สามยทรัพย์อยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับภาระอันตกอยู่แก่ภารยทรัพย์แล้ว ประโยชน์นั้นน้อยนักไซร้ ท่านว่าเจ้าของภารยทรัพย์จะขอให้พ้นจากภาระจำยอมทั้งหมด หรือแต่บางส่วนก็ได้ แต่ต้องใช้ค่าทดแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1400'}]",ภาระจำยอมนั้นย่อมสิ้นไป +อยากทราบว่าถ้าเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้จ่ายภาษีเงินได้ให้กับบริษัทที่ทำถนน จะต้องคำนวณภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่าย ในอัตราเท่าใด,ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 คำอธิบายขยายความ : มาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ภายใต้บังคับมาตรา 70 ถ้ารัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุข���ภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ภาษีที่หักไว้นี้ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้นั้น ในการนี้ ให้นำมาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 58 และมาตรา 59 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '69 ทวิ'}]",ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 +ในกรณีของการฝากเงิน ผู้ที่รับฝากสามารถนำเงินที่ฝากไปใช้ได้หรือไม่,ผู้รับฝากสามารถนำเงินที่ฝากออกไปใช้ได้ แต่ต้องคืนเงินที่ตนนำไปใช้ให้ครบจำนวนเงินที่ผู้ฝากได้ฝากไว้ แม้เงินที่ฝากจะหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับฝากก็ยังต้องคืนเงินนั้นเต็มจำนวน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 672 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าฝากเงิน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้รับฝากไม่พึงต้องส่งคืนเป็นเงินทองตราอันเดียวกันกับที่ฝาก แต่จะต้องคืนเงินให้ครบจำนวน อนึ่ง ผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้ แต่หากจำต้องคืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น แม้ว่าเงินซึ่งฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับฝากก็จำต้องคืนเงินเป็นจำนวนดังว่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '672'}]",ผู้รับฝากสามารถนำเงินที่ฝากออกไปใช้ได้ แต่ต้องคืนเงินที่ตนนำไปใช้ให้ครบจำนวนเงินที่ผู้ฝากได้ฝากไว้ แม้เงินที่ฝากจะหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับฝากก็ยังต้องคืนเงินนั้นเต็มจำนวน. +กรณีที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเลิกไปเพราะนายจ้างเลิกกิจการ นายทะเบียนจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ประกาศการเลิกกองทุนในราชกิจจานุเบกษาและปิดประกาศไว้ที่สำนักงานของกองทุนนั้นหรือที่ทำการของนายทะเบียน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 เมื่อกองทุนเลิกตามมาตรา 25 ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกกองทุนในราชกิจจานุเบกษาและปิดประกาศไว้ที่สำนักงานของกองทุนหรือที่ทำการของนายทะเบียน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '28'}]",ประกาศการเลิ���กองทุนในราชกิจจานุเบกษาและปิดประกาศไว้ที่สำนักงานของกองทุนนั้นหรือที่ทำการของนายทะเบียน +อำนาจหน้าที่ของธนาคารในฐานะผู้จ่ายตามเช็ค จะสิ้นสุดในกรณีไหนได้บ้าง,อำนาจหน้าที่ของธนาคารในฐานะผู้จ่าย จะสิ้นสุดในกรณีดังต่อไปนี้ 1. มีคำบอกห้ามใช้เงินตามเช็คดังกล่าว 2. รู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย 3. รู้ว่าศาลได้มีคำสั่งรักษาทรัพย์ชั่วคราว หรือคำสั่วให้ผู้สั่งจ่ายเป็นคนล้มละลาย หรือได้มีประกาศโฆษณาคำสั่งเช่นว่านั้น คำอธิบายขยายความ : มาตรา 992 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หน้าที่และอำนาจของธนาคารซึ่งจะใช้เงินตามเช็คอันเบิกแก่ตนนั้น ท่านว่าเป็นอันสุดสิ้นไปเมื่อกรณีเป็นดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) มีคำบอกห้ามการใช้เงิน (2) รู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย (3) รู้ว่าศาลได้มีคำสั่งรักษาทรัพย์ชั่วคราว หรือคำสั่งให้ผู้สั่งจ่ายเป็นคนล้มละลาย หรือได้มีประกาศโฆษณาคำสั่งเช่นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '992'}]",อำนาจหน้าที่ของธนาคารในฐานะผู้จ่าย จะสิ้นสุดในกรณีดังต่อไปนี้ 1. มีคำบอกห้ามใช้เงินตามเช็คดังกล่าว 2. รู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย 3. รู้ว่าศาลได้มีคำสั่งรักษาทรัพย์ชั่วคราว หรือคำสั่งให้ผู้สั่งจ่ายเป็นคนล้มละลาย หรือได้มีประกาศโฆษณาคำสั่งเช่นว่านั้น +ในสมุดทะเบียนของผู้ถือหุ้นบริษัท ต้องระบุอะไรบ้าง,รายการที่ต้องระบุในสมุดทะเบียนของผู้ถือหุ้นบริษัท มีดังต่อไปนี้ 1. ชื่อและที่ตั้งของบริษัท 2. วันเดือนปีของผู้ถือหุ้นซึ่งได้ลงทะเบียน 3. วันเดือนปีของผู้ที่ขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น 4. เลขหมายใบหุ้นและวันที่ลงในใบหุ้นชนิดที่ออกให้แก่ผู้ถือ และเลขหมายของหุ้นซึ่งได้ลงไว้ในใบหุ้นนั้นๆ 5. วันที่ได้ขีดฆ่าใบหุ้นชนิดระบุชื่อ หรือชนิดออกให้แก่ผู้ถือ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1138 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทจำกัดต้องมีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น มีรายการดังต่อไปนี้คือ (1) ชื่อและสำนัก กับอาชีวะ ถ้าว่ามี ของผู้ถือหุ้น ข้อแถลงเรื่องหุ้นของผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ๆ แยกหุ้นออกตามเลขหมายและจำนวนเงินที่ได้ใช้แล้ว หรือที่ได้ตกลงกันให้ถือว่าเป็นอันได้ใช้แล้วในหุ้นของผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ๆ (2) วันเดือนปีซึ่งได้ลงทะเบียนบุ���คลผู้หนึ่ง ๆ เป็นผู้ถือหุ้น (3) วันเดือนปีซึ่งบุคคลคนใดคนหนึ่งขาดจากเป็นผู้ถือหุ้น (4) เลขหมายใบหุ้นและวันที่ลงในใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ และเลขหมายของหุ้นซึ่งได้ลงไว้ในใบหุ้นนั้น ๆ (5) วันที่ได้ขีดฆ่าใบหุ้นชนิดระบุชื่อ หรือชนิดออกให้แก่ผู้ถือ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1138'}]",รายการที่ต้องระบุในสมุดทะเบียนของผู้ถือหุ้นบริษัท มีดังต่อไปนี้ 1. ชื่อและที่ตั้งของบริษัท 2. วันเดือนปีของผู้ถือหุ้นซึ่งได้ลงทะเบียน 3. วันเดือนปีของผู้ที่ขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น 4. เลขหมายใบหุ้นและวันที่ลงในใบหุ้นชนิดที่ออกให้แก่ผู้ถือ และเลขหมายของหุ้นซึ่งได้ลงไว้ในใบหุ้นนั้นๆ 5. วันที่ได้ขีดฆ่าใบหุ้นชนิดระบุชื่อ หรือชนิดออกให้แก่ผู้ถือ +การออกใบผ่านภาษีอากร ใครมีหน้าที่ต้องตรวจสอบว่าผู้ยื่นคำร้องมีภาษีอากรที่จะต้องเสียหรือไม่,ผู้รับคำร้อง คำอธิบายขยายความ : มาตรา 4 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้รับคำร้องตามมาตรา 4 ตรี ตรวจสอบว่า ผู้ยื่นคำร้องมีภาษีอากรที่จะต้องเสียตามมาตรา 4 ทวิ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ออกใบผ่านภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง ถ้าในการตรวจสอบตามความในวรรคก่อนปรากฏว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเงินภาษีอากรที่ต้องเสียตามมาตรา 4 ทวิ และผู้ยื่นคำร้องได้นำเงินภาษีอากรมาชำระครบถ้วนแล้วก็ดี หรือไม่อาจชำระได้ทั้งหมดหรือได้ชำระแต่บางส่วน และผู้ยื่นคำร้องได้จัดหาผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันที่อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเห็นสมควรมาเป็นประกันเงินค่าภาษีอากรนั้นแล้วก็ดี ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายออกใบผ่านภาษีอากรให้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 เบญจ'}]",ผู้รับคำร้อง +การเช่าหอพัก ถ้าเราไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากับเจ้าของหอผู้ให้เช่า เราจะสามารถฟ้องร้องเขากรณีที่ทำผิดสัญญาเช่าได้มั้ย,การเช่าหอพัก ถือเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นหากท่านไมได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือผู้ให้เช่า ท่านจะไม่สามารถฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่าอสังห���ริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '538'}]",ท่านจะไม่สามารถฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ +กรณีที่มีการเพิ่มมูลค่าของกิจการขนาดย่อม ซึ่งมีผลให้มูลค่าของฐานภาษีของกิจการดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่าภาษีของกิจการขนาดย่อมที่กำหนดขึ้นใหม่ การจดทะเบียนของผู้ประกอบการนั้นจะมีผลเป็นอย่างไร,มีผลต่อไป เว้นแต่ผู้ประกอบการจดเทียนจะขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คำอธิบายขยายความ : มาตรา 85/11 แห่งประมวลรัษฎากร กิจการใดที่ผู้ประกอบการได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว และมีมูลค่าของฐานภาษีสูงกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 81/1 แต่ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมสูงกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าของฐานภาษีของกิจการดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมที่กำหนดขึ้นใหม่ ให้การจดทะเบียนของผู้ประกอบการนั้นยังคงมีผลต่อไปเว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะได้ใช้สิทธิตามมาตรา 85/10 (2) และ (4) ขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/11'}]",มีผลต่อไป เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +เด็กชายกาฟิว อายุ 14 ปี ได้รู้ความจริงจากแม่ว่าพ่อที่เลี้ยงดูตัวเอง ซึ่งก็คือนายแมนไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิด อีกทั้งนายแมนยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นพ่อที่ดีสักเท่าไหร่ กรณีนี้เด็กชายกาฟิวดำเนินการทางกฎหมายในส่วนของการปฏิเสธการเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแมนได้มั้ย,เด็กชายกาฟิวสามารถทำได้ โดยจะต้องร้องขอกับอัยการให้ฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแมน คำอธิบายขยายความ : ���าตรา 1545 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงต่อเด็กว่าตนมิได้เป็นบุตรสืบสายโลหิตของชายผู้เป็นสามีของมารดาตน เด็กจะร้องขอต่ออัยการให้ฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายนั้นก็ได้ การฟ้องคดีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเด็กได้รู้ข้อเท็จจริงก่อนบรรลุนิติภาวะว่าตนมิได้เป็นบุตรของชายผู้เป็นสามีของมารดา ห้ามอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่เด็กบรรลุนิติภาวะ แต่ถ้าเด็กรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวหลังจากบรรลุนิติภาวะแล้ว ห้ามอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่เด็กรู้เหตุนั้น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามมิให้ฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่เด็กบรรลุนิติภาวะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1545'}]",เด็กชายกาฟิวสามารถทำได้ โดยจะต้องร้องขอกับอัยการให้ฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแมน +ถ้าเราเห็นว่าทีวีเครื่องเก่าเครื่องหนึ่งสภาพค่อนข้างดีถูกทิ้งไว้นานเป็นอาทิตย์ไม่มีใครมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ เราสามารถเอาทีวีเครื่องนั้นมาเป็นของตัวเองได้มั้ย,สามารถทำได้ เนื่องจากทีวีเครื่องดังกล่าวไม่มีเจ้าของ และการที่ท่านได้เข้าถือเอาทรัพย์นั้น ถือว่าท่านได้กรรมสิทธิ์ในทีวีเครื่องนั้นมาแล้ว คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1318 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์แห่งสังหาริมทรัพย์อันไม่มีเจ้าของโดยเข้าถือเอา เว้นแต่การเข้าถือเอานั้นต้องห้ามตามกฎหมาย หรือฝ่าฝืนสิทธิของบุคคลอื่นที่จะเข้าถือเอาสังหาริมทรัพย์นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1318'}]",สามารถทำได้ เนื่องจากทีวีเครื่องดังกล่าวไม่มีเจ้าของ และการที่ท่านได้เข้าถือเอาทรัพย์นั้น ถือว่าท่านได้กรรมสิทธิ์ในทีวีเครื่องนั้นมาแล้ว +ถ้าผู้ให้ตาย ในช่วงที่ยังชำระหนี้เป็นครั้งคราวให้กับผู้รับ หนี้ที่ยังค้างอยู่จะมีผลเป็นยังไง,หากผู้ให้ตาย หนี้นั้นเป็นอันระงับไป คำอธิบายขยายความ : มาตรา 527 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ให้ผูกตนไว้ว่าจะชำระหนี้เป็นคราว ๆ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปเมื่อผู้ให้หรือผู้รับตาย เว้นแต่จะขัดกับเจตนาอันปรากฏแต่มูลหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '527'}]",หนี้นั้นเป็นอันระงับไป +ถ้าเพื่อนบ้านเลี้ยงหมาไว้ โดยหมาตัวดังกล่าวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดุร้าย และสร้างความเดือดร้อนให้เราที่อยู่บ้านข้างๆ เพราะเพื่อนบ้านมักจะปล่อยให้หมาเดินเล่นไปทั่ว แล้วมาก็ชอบมาอุจจาระใส่บริเวณบ้านเราทุกวัน เราสามารถจับหมาตัวนั้นขังไว้ เพื่อให้เขามาชดใช้ค่าเสียหายที่หมาทำไว้ได้รึเปล่า,ท่านสามารถทำได้ แต่ต้องบอกกล่าวกับเจ้าของบ้านโดยไม่ชักช้า คำอธิบายขยายความ : มาตรา 452 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าเป็นการจำเป็นโดยพฤติการณ์แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้ แต่ว่าผู้นั้นต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของสัตว์โดยไม่ชักช้า ถ้าและหาตัวเจ้าของสัตว์ไม่พบ ผู้ที่จับสัตว์ไว้ต้องจัดการตามสมควรเพื่อสืบหาตัวเจ้าของ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '452'}]",ท่านสามารถทำได้ แต่ต้องบอกกล่าวกับเจ้าของบ้านโดยไม่ชักช้า +ในส่วนของการทำสัญญาประกันภัยในการรับขน ถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องเปลี่ยนวิธีในการขนส่ง จะถือว่าสัญญาสิ้นผลรึเปล่า,สัญญายังคงมีผลสมบูรณ์ เว้นแต่ท่านจะระบุข้อตกลงในสัญญาไว้เป็นอย่างอื่น คำอธิบายขยายความ : มาตรา 885 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันสัญญาประกันภัยในการรับขนนั้น ถึงแม้การขนส่งจะต้องสะดุดหยุดลงชั่วขณะหรือจะต้องเปลี่ยนทางหรือเปลี่ยนวิธีขนส่งอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเหตุจำเป็นในระหว่างส่งเดินทางก็ดี ท่านว่าสัญญานั้นก็ย่อมคงเป็นอันสมบูรณ์อยู่ เว้นแต่จะได้ระบุไว้ในสัญญาเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '885'}]",สัญญายังคงมีผลสมบูรณ์ เว้นแต่ท่านจะระบุข้อตกลงในสัญญาไว้เป็นอย่างอื่น +สัญญาจำนอง ถ้าทำด้วยวาจาจะมีผลเป็นยังไง,มีผลเป็นโมฆะ เนื่องจากสัญญาจำนอง ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้นจึงจะถือว่ามีผลสมบูรณ์ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 714 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันสัญญาจำนองนั้น ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '714'}]",มีผลเป็นโมฆะ เนื่องจากสัญญาจำนอง ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้นจึงจะถือว่ามีผลสมบูรณ์ +มติในการออกหุ้นกู้ของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด ต้องใช้คะแนนเสียงเท่าไหร่,ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ส่วนของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 145 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 การกู้เงินของบริษัทโดยการออกหุ้นกู้เพื่อเสนอขายต่อประชาชน ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และให้นำมาตรา 25 มาใช้บังคับโดยอนุโลม มติที่ให้ออกหุ้นกู้ตามวรรคหนึ่งต้องใช้มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '145'}]",ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ส่วนของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +การที่เราถูกรางวัลที่ 5 แต่แม่ค้าลอตเตอรี่ไม่ยอมคืนลอตเตอรรี่ดังกล่าวเพื่อให้เราเอาไปขึ้นเงิน ทั้งๆ ที่เราจ่ายเงินไปแล้ว กรณีแบบนี้แม่ค้าอ้างว่าไม่จำเป็นต้องคืนก็ได้เหรอ,ทำไม่ได้ เนื่องจากลอตเตอรี่ดังกล่าวที่เป็นทรัพย์ที่แม่ค้าได้มาด้วยเหตุอื่น และไม่ได้ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นทางที่ทำให้ท่านเสียเปรียบ ดังนั้นแม่ค้าลอตเตอรี่จำต้องคืนลอตเตอรี่ให้กับท่าน เพราะถือเป็นกรณีของลาภมิควรได้ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 406 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใดเพราะการที่บุคคลอีกคนหนึ่งกระทำเพื่อชำระหนี้ก็ดี หรือได้มาด้วยประการอื่นก็ดี โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเสียเปรียบไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นจำต้องคืนทรัพย์ให้แก่เขา อนึ่ง การรับสภาพหนี้สินว่ามีอยู่หรือหาไม่นั้น ท่านก็ให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ด้วย บทบัญญัติอันนี้ท่านให้ใช้บังคับตลอดถึงกรณีที่ได้ทร���พย์มา เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิได้มีได้เป็นขึ้น หรือเป็นเหตุที่ได้สิ้นสุดไปเสียก่อนแล้วนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '406'}]",ทำไม่ได้ เนื่องจากลอตเตอรี่ดังกล่าวที่เป็นทรัพย์ที่แม่ค้าได้มาด้วยเหตุอื่น และไม่ได้ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นทางที่ทำให้ท่านเสียเปรียบ ดังนั้นแม่ค้าลอตเตอรี่จำต้องคืนลอตเตอรี่ให้กับท่าน เพราะถือเป็นกรณีของลาภมิควรได้ +ถ้าหากห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นบริษัท ต้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนกี่คนขึ้นไปดำเนินการดังกล่าว,3 คนขึ้นไป แต่การที่จะทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด ต้องได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1246/1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีผู้เป็นหุ้นส่วนตั้งแต่สามคนขึ้นไปอาจแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดได้ โดยความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนและดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) แจ้งความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะให้แปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนให้ความยินยอม (2) ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และมีหนังสือบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนบอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัท และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดนั้น ส่งคำคัดค้านไปภายในสามสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าวนั้น ถ้ามีการคัดค้าน ห้างหุ้นส่วนนั้นจะแปรสภาพมิได้จนกว่าจะได้ชำระหนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/1'}]",3 คนขึ้นไป +ทำไมผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษี,เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี คำอธิบายขยายความ : มาตรา 83/2 แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา 82/1 (1) (3) (4) หรือ (5) และมาตรา 82/2 มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการจดทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎ��กร', 'sections': '83/2'}]",เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี +ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานประเมินในส่วนของการให้แปลบัญชีและเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ จะได้รับโทษอะไรบ้าง,"ปรับไม่เกิน 5,000 บาท คำอธิบายขยายความ : มาตรา 3 ทศ แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 3 ฉ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ทศ'}]","ปรับไม่เกิน 5,000 บาท" +ในส่วนของการแก้ไขข้อความที่ได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนไว้ในภายหลัง ต้องไปจดทะเบียนกับใคร,การจดทะเบียนแก้ไขข้อความดังกล่าว ให้จดทะเบียนต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนตามที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1016 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท การแก้ไขข้อความที่ได้จดทะเบียนไว้ในภายหลัง และการจดทะเบียนอย่างอื่นตามที่ลักษณะ 22 หุ้นส่วนและบริษัท กำหนดให้จดทะเบียน ให้จดทะเบียนต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทตามที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงประกาศกำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1016'}]",การจดทะเบียนแก้ไขข้อความดังกล่าว ให้จดทะเบียนต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนตามที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงประกาศกำหนด +สำนักงาน ก.ล.ต. มีระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลคำเสนอซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่กี่ปี,1 ปี นับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 257 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้สำนักงานเก็บรักษาข้อมูลคำเสนอซื้อหลักทรัพย์นั้นเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้เป็นระยะะเวลาหนึ่งปีนับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '257'}]",1 ปี นับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ +ถ้ากรรมการกองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ขาดประชุมคณะกรรมการกองทุนเกิน 3 ครั้งติดต่อกัน จะมีผลเป็นอย่างไร,พ้นจากตำแหน่ง คำอธิบายขยายความ : มาตรา 218/12 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นอกจากการพ้นจากตำแห���่งตามวาระ กรรมการกองทุนตามมาตรา 218/7 (4) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 218/9 (4) คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ออก เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ (5) ขาดการประชุมคณะกรรมการกองทุนเกินสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/12'}]",พ้นจากตำแหน่ง +ถ้าตัวแทนของผู้ประกอบธุรกิจฯ ทำให้ทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้นเกิดความเสียหาย จะต้องรับโทษอย่างไร,"โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 147 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคคล ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใด เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่นิติบุคคลนั้นมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของนิติบุคคลนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้าของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '147'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +กฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องความผิดเกี่ยวกับพวกห้าง บริษัท สมาคม มีชื่อเต็มว่าอะไร,พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499”,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '1'}]",พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้น��่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 +ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำการยักยอกทรัพย์ ถือเป็นนิติบุคคลมั้ย,เป็น คำอธิบายขยายความ : มาตรา 89 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 นิติบุคคลตามมาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 และมาตรา 88 ให้หมายความถึงนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ (1) บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลจากสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง (2) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง (3) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '89'}]",เป็น +ในการดำเนินการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ใครเป็นผู้ที่สามารถกำหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าว,คณะกรรมการกำกับตลาดทุน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนจะกำหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่บริษัทหลักทรัพย์ อาจเรียกจากลูกค้าในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '116'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +ถ้าผู้ให้เช่าต้องการที่จะซ่อมแซ่มห้องเช่าของเรา โดยการทำการปูพื้นกระเบื้องใหม่ทั่วทั้งห้องโดยจะใช้เวลา 1 อาทิตย์ แต่เราไม่สะดวกให้ทำ เราจะสามารถบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุนี้ได้มั้ย,ท่านสามารถบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจาก การซ่อมแซมดังกล่าวเป็นการซ่อมแซมที่กินเวลานานเกินสมควร เป็นเหตุให้ห้องเช่าดังกล่าวไม่เหมาะแก่การจะใช้เพื่อประโยชน์ที่เช่ามา คำอธิบายขยายความ : มาตรา 556 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าในระหว่างเวลาเช่ามีเหตุจะต้องซ่อมแซมทรัพย์สินซึ่งเช่านั้นเป็นการเร่งร้อน และผู้ให้เช่าประสงค์จะทำการอันจำเป็นเพื่อที่จะซ่อมแซมเช่นว่านั้นไซร้ ท่านว่าผู้เช่าจะไม่ยอมให้ทำนั้นไม่ได้ แม้ถึงว่าการนั้นจะเป็นความไม่สะดวกแก่ตน ถ้าการซ่อมแซมเป็นสภาพซึ่งต้องกินเวลานานเกินสมควร จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินนั้นไม่เหมาะแก่การที่จะใช้เพื่อประโยชน์ที่เช่ามา ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '556'}]",ท่านสามารถบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจาก การซ่อมแซมดังกล่าวเป็นการซ่อมแซมที่กินเวลานานเกินสมควร เป็นเหตุให้ห้องเช่าดังกล่าวไม่เหมาะแก่การจะใช้เพื่อประโยชน์ที่เช่ามา +คณะกรรมการเปรียบเทียบ มีกรรมการทั้งหมดกี่คน แล้วมีเงื่อนไขอะไรในการแต่งตั้งบ้าง,คณะกรรมการเปรียบเทียบ จำนวน 3 คน โดยกรรมการ 1 คนในคณะต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย คำอธิบายขยายความ : มาตรา 95 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ความผิดตามมาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 60 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 67 และมาตรา 69 ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวนสามคน โดยอย่างน้อยต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหนึ่งคน เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ทำการเปรียบเทียบ และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวน และภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '95'}]",คณะกรรมการเปรียบเทียบ จำนวน 3 คน โดยกรรมการ 1 คนในคณะต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย +ทายาทบอกข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์มรดกและหนี้สินของผู้ตายเพียงบางส่วนให้แก่ผู้จัดการมรดกได้มั้ย,ไม่ได้ ทายาทต้องบอกข้อมูลทั้งหมดที่ตนรู้เกี่ยวกับทรัพย์มรดกและหนี้สินของผู้ตายให้แก่ผู้จัดการมรดกทราบ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1735 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทายาทจำต้องบอกทรัพย์มรดกและหนี้สินของผู้ตายตามที่ตนรู้ทั้งหมดแก่ผู้จัดการมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1735'}]",ไม่ได้ ทายาทต้องบอกข้อมูลทั้ง��มดที่ตนรู้เกี่ยวกับทรัพย์มรดกและหนี้สินของผู้ตายให้แก่ผู้จัดการมรดกทราบ +ในกรณีการใช้สิทธิไถ่คืนทรัพย์สินที่ขายฝาก ถ้าทรัพย์นั้นเป็นที่ดิน เราสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ภายในระยะเวลากี่ปี,ในส่วนของที่ดิน ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ท่านสามารถใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากได้ ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ทำการขายฝาก หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านจะไม่สามารถใช้สิทธิไถ่คืนได้ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 494 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากเมื่อพ้นเวลาดังจะกล่าวต่อไปนี้ (1) ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ กำหนดสิบปีนับแต่เวลาซื้อขาย (2) ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ กำหนดสามปีนับแต่เวลาซื้อขาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '494'}]",ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ทำการขายฝาก +ผู้ที่เอาเอกสารซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานไปทำลาย จะได้รับโทษอย่างไร,"โทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 บาท - 300,000 บาท คำอธิบายขยายความ : มาตรา 42 แห่งพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ยึด อายัด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานตามมาตรา 30 ไม่ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะรักษาทรัพย์สินหรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท","[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '42'}]","โทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 บาท - 300,000 บาท" +แม่และเด็กสามารถคัดค้านการจดทะเบียนรับรองบุตรของพ่อได้ภายในระยะเวลากี่วัน,ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันแจ้งขอการจดทะเบียนรับรองบุตรดังกล่าวถึงเด็กหรือแม่ของเด็ก คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1549 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อนายทะเบียนได้แจ้งการขอจดทะเบียนขอรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไปยังเด็กและมารดาเด็กตามมาตรา 1548 แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือมารดาเด็กจะคัดค้านการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1548 หรือไม่ ภายในกำหนดเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันแจ้งการขอจดทะเบียนถึงเด็กหรือมารดาเด็ก เด็กหรือมารดาเด็กอาจแจ้งให้นายทะเบียนจดบันทึกไว้ได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด เมื่อได้มีคำแจ้งของเด็กหรือมารดาเด็กดังกล่าวในวรรคหนึ่งแล้ว แม้จะได้มีการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1548 บิดาของเด็กก็ยังใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดตามที่เด็กหรือมารดาเด็กแจ้งว่าบิดาไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นไม่ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษาให้บิดาของเด็กใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด หรือกำหนดเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่เด็กหรือมารดาเด็กแจ้งต่อนายทะเบียนว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดนั้นได้ล่วงพ้นไปโดยเด็กหรือมารดาเด็กมิได้ร้องขอต่อศาลให้พิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่เป็นผู้สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด ในคดีที่ศาลพิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรเป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด ศาลจะพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นให้ผู้ใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือเป็นผู้ปกครองเพื่อการปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1549'}]",ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันแจ้งขอการจดทะเบียนรับรองบุตรดังกล่าวถึงเด็กหรือแม่ของเด็ก +ค่าใช้จ่ายในส่วนของการจัดการทรัพย์สิน รวมถึงการเสียภาษีอาการ และดอกเบี้ยของหนี้สินดังกล่าว ใครต้องเป็นคนจ่าย,ผู้ทรงสิทธิเก็บกิน ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายดังกล่าว คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1426 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในระหว่างที่สิทธิเก็บกินยังมีอยู่ ผู้ทรงสิทธิต้องออกค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพย์สินตลอดจนเสียภาษีอากร กับทั้งต้องใช้ดอกเบี้ยหนี้สินซึ่งติดพันทรัพย์สินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1426'}]",ผู้ทรงสิทธิเก็บกิน ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายดังกล่าว +ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการใช้สิทธิเลิกสัญญา ถ้าคู่สัญญาของเราไม่ได้รับคำบอกกล่าวในกา���ใช้สิทธิเลิกสัญญา ผลจะเป็นยังไง,ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการใช้สิทธิเลิกสัญญา ถ้าคู่สัญญาของท่านไม่ได้รับคำบอกกล่าวในการเลิกสัญญาของท่านภายในระยะเวลาที่ท่านได้กำหนดไว้ ถือว่าสิทธิเลิกสัญญาของท่านเป็นอันระงับไป คำอธิบายขยายความ : มาตรา 393 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ามิได้กำหนดระยะเวลาไว้ให้ใช้สิทธิเลิกสัญญา คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายที่มีสิทธิเลิกสัญญานั้นแถลงให้ทราบภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ว่าจะเลิกสัญญาหรือหาไม่ ถ้ามิได้รับคำบอกกล่าวเลิกสัญญาภายในระยะเวลานั้น สิทธิเลิกสัญญาก็เป็นอันระงับสิ้นไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '393'}]",ถือว่าสิทธิเลิกสัญญาของท่านเป็นอันระงับไป +ผู้ถือหุ้นของบริษัท สามารถเป็นผู้สอบบัญชีได้มั้ย,สามารถเป็นได้ หากไม่มีส่วนได้เสียในการงานที่บริษัททำ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1208 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้สอบบัญชีนั้น จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ได้ แต่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการงานที่บริษัททำโดยสถานอื่นอย่างหนึ่งอย่างใดนอกจากเป็นแต่ผู้ถือหุ้นในบริษัทเท่านั้นแล้ว ท่านว่าจะเลือกเอามาเป็นตำแหน่งผู้สอบบัญชีหาได้ไม่ กรรมการก็ดี หรือผู้อื่นซึ่งเป็นตัวแทนหรือเป็นลูกจ้างของบริษัทก็ดี เวลาอยู่ในตำแหน่งนั้น ๆ ก็จะเลือกเอามาเป็นตำแหน่งผู้สอบบัญชีของบริษัทหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1208'}]",สามารถเป็นได้ หากไม่มีส่วนได้เสียในการงานที่บริษัททำ +ในกรณีของการจำนองทรัพย์สิน มีข้อจำกัดไหมว่าสามารถจำนองได้แค่กับคนๆ เดียวเท่านั้น,ไม่มีข้อจำกัด แม้ท่านจะจำนองทรัพย์สินกับบุคคลใดไปแล้วก็ตาม ท่านสามารถนำทรัพย์สินดังกล่าวไปจำนองให้กับบุคคนอื่นได้อีก แต่ต้องอยู่ในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนหน้ายังไม่ระงับไป คำอธิบายขยายความ : มาตรา 712 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แม้ถึงว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่นก็ตาม ทรัพย์สินซึ่งจำนองไว้แก่บุคคลคนหนึ่งนั้น ท่านว่าจะเอาไปจำนองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '712'}]",ไม���มีข้อจำกัด แม้ท่านจะจำนองทรัพย์สินกับบุคคลใดไปแล้วก็ตาม ท่านสามารถนำทรัพย์สินดังกล่าวไปจำนองให้กับบุคคนอื่นได้อีก แต่ต้องอยู่ในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนหน้ายังไม่ระงับไป +ในกรณีของการควบบริษัท ต้องให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทที่จะควบ ลงคะแนนเสียงกี่เสียง,ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไป หรือบริษัทกับบริษัทเอกชนจะควบกันเป็นบริษัทก็ได้ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทที่จะควบกันลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน และในกรณีที่เป็นการควบกับบริษัทเอกชน ต้องมีมติพิเศษตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่มีมติให้ควบบริษัทตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการควบบริษัท บริษัทต้องจัดให้มีผู้ซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นดังกล่าวในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่มีมติให้ควบบริษัท และในกรณีไม่มีราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ให้ใช้ราคาตามที่ผู้ประเมินราคาอิสระที่ทั้งสองฝ่ายแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้กำหนด ถ้าผู้ถือหุ้นนั้นไม่ยอมขายภายในสิบสี่วันนับแต่วันได้รับคำเสนอขอซื้อให้บริษัทดำเนินการควบบริษัทต่อไปได้ และให้ถือว่าผู้ถือหุ้นดังกล่าวนั้นเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ควบกันแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '146'}]",ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +ในการเขียนพินัยกรรม เราสามารถระบุเหตุที่จะยกทรัพย์สินให้ลูกหลานในกรณีที่เราเสียชีวิตได้ด้วยวิธีไหน,ทำเป็นคำสั่งสุดท้าย โดยกำหนดไว้ในพินัยกรรมดังกล่าว คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1647 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายนั้นย่อมทำได้ด้วยคำสั่งครั้งสุดท้ายกำหนดไว้ในพินัยกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1647'}]",ทำเป็นคำสั่งสุดท้าย โดยกำหนดไว้ในพินัยกรร��ดังกล่าว +ถ้าผู้สอบบัญชีไม่ไปเข้ารับการฝึกอบรมตามข้อบังคับที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด จะมีผลเป็นยังไง,สภาวิชาชีพบัญชี สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้สอบบัญชีที่ไม่เข้ารับการอบรมดังกล่าว คำอธิบายขยายความ : มาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมีหน้าที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง สภาวิชาชีพบัญชีจะมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้นั้นไว้จนกว่าผู้นั้นจะได้ปฏิบัติตามก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '43'}]",สภาวิชาชีพบัญชี สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้สอบบัญชีที่ไม่เข้ารับการอบรมดังกล่าว +ถ้าเราถูกรถชน จะสามารถเรียกค่าเสียหายได้แค่ไหน,ในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายกรณีถูกทำละเมิด ศาลจะวินิจฉัยตามสมควรแก่เหตุละเมิดที่เกิดขึ้นว่ามีความเสียหายร้ายแรงเพียงใด หากมีความเสียหายมาก ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้สมควรตามส่วนนั้น คำอธิบายขยายความ : มาตรา 438 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '438'}]",ศาลจะวินิจฉัยตามสมควรแก่เหตุละเมิดที่เกิดขึ้นว่ามีความเสียหายร้ายแรงเพียงใด หากมีความเสียหายมาก ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้สมควรตามส่วนนั้น. +กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องภาษีเงินได้ มีชื่อเต็มว่าอะไร,"ประมวลรัษฎากร คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1 แห่งประมวลรัษฎากร กฎหมายนี้ให้เรียกว่า ""ประมวลรัษฎากร""","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '1'}]",ประมวลรัษฎากร +ในส่วนของสัญญาซื้อขาย หน้าที่ในการส่งมอบทรัพย์เป็นของฝ่ายไหน,ฝ่ายผู้ขาย คำอธิบายขยายความ : มาตรา 461 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '461'}]",ฝ่ายผู้ขาย +ผู้ที่ทำการจัดตั้งสมาคมการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จะได้รับโทษอย่างไร,"โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 41 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 6 หรือมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '41'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีผลใช้บังคับตอนไหน,ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (วันที่ 8 ธันวาคม 2530) คำอธิบายขยายความ : มาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '2'}]",ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (วันที่ 8 ธันวาคม 2530) +ถ้าคู่สัญญาของเราทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดิน แล้วเขาบอกว่าจะเพิ่มเงินให้ถ้าเรายังไม่ได้รับเงิน กรณีที่มีการเพิ่มเงินมากับทรัพย์ที่แลกเปลี่ยนด้วยจะถือเป็นสัญญาแลกเปลี่ยนอยู่มั้ย,เป็น เนื่องจากการที่คู่สัญญาในสัญญาแลกเปลี่ยนตกลงจะโอนเงินเพิ่มเข้ากับทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งก็คือที่ดิน บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยราคาในลักษณะซื้อขาย ให้หมายความรวมถึงเงินที่เพิ่มเข้ามาด้วย คำอธิบายขยายความ : มาตรา 520 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งในสัญญาแลกเปลี่ยนตกลงจะโอนเงินเพิ่มเข้ากับทรัพย์สินสิ่งอื่นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งไซร้ บททั้งหลายอันว่าด้วยราคาในลักษณะซื้อขายนั้น ให้ใช้ถึงเงินเช่นว่านั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '520'}]",เป็น เนื่องจากการที่คู่สัญญาในสัญญาแลกเปลี่ยนตกลงจะโอนเงินเพิ่มเข้ากับทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งก็คือที่ดิน บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยราคาในลักษณะซื้อขาย ให้หมายความรวมถึงเงินที่เพิ่มเข้ามาด้วย +ในเรื่องของกรรมสิทธิ์รวม ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าภาษี ค่ารักษา ค่าใช��ทรัพย์สิน ใครจะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนดังกล่าว,เจ้าของรวมทุกคน โดยจะต้องช่วยตามส่วนของตน คำอธิบายขยายความ : มาตรา 1362 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ จำต้องช่วยเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ตามส่วนของตนในการออกค่าจัดการ ค่าภาษีอากร และค่ารักษา กับทั้งค่าใช้ทรัพย์สินรวมกันด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1362'}]",เจ้าของรวมทุกคน โดยจะต้องช่วยตามส่วนของตน +เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. มีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี,คราวละ 4 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่ห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระ คำอธิบายขยายความ : มาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเลขาธิการโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการก.ล.ต. และให้เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้แต่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '20'}]",คราวละ 4 ปี +ผู้ที่เสนอขายโทเคนดิจิทัล จะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนในการทำธุรกรรมดังกล่าว,คริปโทเคอร์เรนซี ที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้เท่านั้น คำอธิบายขยายความ : มาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ในกรณีที่ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้จะรับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นการตอบแทนหรือในการทำธุรกรรม แล้วแต่กรณี ให้รับได้เฉพาะคริปโทเคอร์เรนซีที่ได้มาจากการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือที่ได้ฝากไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้เท่านั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '9'}]",คริปโทเคอร์เรนซี ที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้เท่านั้น +ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของระบบการเงินของประเทศ คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทำอะไรบ้าง,คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่ว���หน้า ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. สั่งงดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ยกเว้นกรณีซื้อขายเพื่อล้างฐานะสัญญา 2. สั่งล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 3. สั่งจำกัดช่วยราคาการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. สั่งแก้ไขหรือพักการใช้บังคับกฎเกณฑ์ใดๆ ของศูนย์ซื้อขายสัญญาฯ เป็นการชั่วคราว 5. กระทำการหรืองดเว้นการกระทำการใดๆ ตามที่เห็นสมควร คำอธิบายขยายความ : มาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของระบบการเงินเศรษฐกิจของประเทศ หรือดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของระบบการซื้อขายและการชำระหนี้ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) สั่งงดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เว้นแต่การซื้อขายเพื่อล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) สั่งล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (3) สั่งจำกัดช่วงราคาการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (4) สั่งแก้ไขหรือพักการบังคับใช้กฎเกณฑ์ใด ๆ ของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นการชั่วคราว (5) กระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ตามที่เห็นสมควร ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจำเป็นต้องแก้ไขหรือกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ต้องเสนอกฎเกณฑ์ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบตามมาตรา 63 และให้ถือว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันเนื่องมาจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งกำหนดให้ชำระเงินที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน อันอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบการเงิน เศรษฐกิจของประเทศ หรือเสถียรภาพของระบบการซื้อขายและการชำระหนี้ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะแจ้งให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการตามวรรคหนึ่งก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '70'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. สั่งงดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ยกเว้นกรณีซื้อขายเพื่อ���้างฐานะสัญญา 2. สั่งล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 3. สั่งจำกัดช่วยราคาการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. สั่งแก้ไขหรือพักการใช้บังคับกฎเกณฑ์ใดๆ ของศูนย์ซื้อขายสัญญาฯ เป็นการชั่วคราว 5. กระทำการหรืองดเว้นการกระทำการใดๆ ตามที่เห็นสมควร +อนุกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะได้รับค่าตอบแทนเช่นไร,"ค่าตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 13 ให้อนุกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '13'}]",ค่าตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด +การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิทำอย่างไรบ้าง,"การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิต้องทำดังนี้ +1.ทำหนังสือบริคณห์สนธิเป็นต้นฉบับไม่น้อยกว่า 2 ฉบับ และให้ลงลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการ และลายมือชื่อทั้งหมดให้มีพยานลงชื่อรับรองด้วย 2 คน + +2.จากนั้นให้นำฉบับหนึ่งไปจดทะเบียนและมอบไว้ ณ หอทะเบียนในส่วนพระราชอาณาเขตซึ่งบ่งไว้ว่าจะบอกทะเบียนตั้งสำนักงานของบริษัทนั้น + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1099 หนังสือบริคณห์สนธินั้น ให้ทำเป็นต้นฉบับไว้ไม่น้อยกว่า 2 ฉบับ และให้ลงลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการ และลายมือชื่อทั้งปวงนั้นให้มีพยานลงชื่อรับรองด้วย 2 คน หนังสือบริคณห์สนธิซึ่งได้ทำนั้น ให้นำฉบับหนึ่งไปจดทะเบียนและมอบไว้ ณ หอทะเบียนในส่วนพระราชอาณาเขตซึ่งบ่งไว้ว่าจะบอกทะเบียนตั้งสำนักงานของบริษัทนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1099'}]",การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิต้องทำดังนี้ 1.ทำหนังสือบริคณห์สนธิเป็นต้นฉบับไม่น้อยกว่า 2 ฉบับ และให้ลงลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการ และลายมือชื่อทั้งหมดให้มีพยานลงชื่อรับรองด้วย 2 คน 2.จากนั้นให้นำฉบับหนึ่งไปจดทะเบียนและมอบไว้ ณ หอทะเบียนในส่วนพระราชอาณาเขตซึ่งบ่งไว้ว่าจะบอกทะเบียนตั้งสำนักงานของบริษัทนั้น +หากมีโทษปรับสถานเดียวตามความผิดของสมาคมการค้า ต้องทำเช่นไรคดีจึงจะจบ,"คดีที่มีความผิดเป็นโทษปรับสถานเดียว ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่���อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ 2.ให้ผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว +หลังจากนั้นเมื่อชำระค่าปรับแล้ว ถือว่าให้คดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 54/1 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และเมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว ให้คดีเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '54/1'}]",คดีที่มีความผิดเป็นโทษปรับสถานเดียว ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ 2.ให้ผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว หลังจากนั้นเมื่อชำระค่าปรับแล้ว ถือว่าให้คดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา +ถ้าผู้แทนนิติบุคคลไม่ครบองค์ประชุมสามารถตั้งผู้แทนอื่นได้หรือไม่,"สามารถตั้งผู้แทนเฉพาะการได้ ตามมาตรา 73 เว้นแต่จะมีกฎหมาย หรือข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งกำหนดเป็นอย่างอื่น คำอธิบายขยายความ : + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 ถ้ากรณีตามมาตรา 74 เป็นเหตุให้ไม่มีผู้แทนของนิติบุคคลเหลืออยู่ หรือผู้แทนของนิติบุคคลที่เหลืออยู่มีจำนวนไม่พอจะเป็นองค์ประชุม หรือไม่พอจะกระทำการอันนั้นได้ หากกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้น มิได้มีข้อกำหนดในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ให้นำความในมาตรา 73 มาใช้บังคับเพื่อตั้งผู้แทนเฉพาะการโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '75'}]",สามารถตั้งผู้แทนเฉพาะการได้ ตามมาตรา 73 เว้นแต่จะมีกฎหมาย หรือข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งกำหนดเป็นอย่างอื่น +ถ้าค้างชำระค่าหุ้น จะถูกริบหุ้นเลยหรือไม่,"กรรมการจะบอกริบหุ้นนั้น ๆ เมื่อใดก็ได้ หากในคำบอกกล่าวมีข้อแถลงความถึงการริบหุ้น + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1124 หากเงินค่าหุ้นที่เรีย��และดอกเบี้ยยังค้างชำระ และได้มีคำบอกกล่าวมีข้อแถลงความถึงการริบหุ้นด้วยแล้วกรรมการจะบอกริบหุ้นนั้น ๆ เมื่อใดก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1124'}]",กรรมการจะบอกริบหุ้นนั้น ๆ เมื่อใดก็ได้ หากในคำบอกกล่าวมีข้อแถลงความถึงการริบหุ้น +สามารถทำสัญญาประกันวินาศภัยในทรัพย์สินที่มีผู้ทรงสิทธิเก็บกินได้หรือไม่,"สามารถทำสัญญาประกันวินาศภัยได้ และถ้าเจ้าของทรัพย์ต้องการ สามารถให้ผู้ทรงสิทธิเก็บกินเอาทรัพย์สินมาประกันไว้ ทั้งนี้ ผู้ทรงสิทธิเก็บกินต้องต่อสัญญาประกันเมื่อถึงกำหนด + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1427 ถ้าเจ้าของทรัพย์สินต้องการ ผู้ทรงสิทธิเก็บกินจำต้องเอาทรัพย์สินประกันวินาศภัยเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของทรัพย์สิน และถ้าทรัพย์สินนั้นได้เอาประกันภัยไว้แล้ว ผู้ทรงสิทธิเก็บกินต้องต่อสัญญาประกันนั้นเมื่อถึงคราวต่อ ผู้ทรงสิทธิเก็บกินต้องเสียเบี้ยประกันระหว่างที่สิทธิของตนยังมีอยู่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1427'}]",สามารถทำสัญญาประกันวินาศภัยได้ และถ้าเจ้าของทรัพย์ต้องการ สามารถให้ผู้ทรงสิทธิเก็บกินเอาทรัพย์สินมาประกันไว้ ทั้งนี้ ผู้ทรงสิทธิเก็บกินต้องต่อสัญญาประกันเมื่อถึงกำหนด +ถ้าอยากเปลี่ยนข้อบังคับบริษัทต้องทำอย่างไร,"สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยต้องมีการลงมติพิเศษ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1145 หลัก หากจดทะเบียนบริษัทแล้ว ห้ามตั้งข้อบังคับขึ้นใหม่ หรือเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อบังคับหรือข้อความในหนังสือบริคณห์สนธิ เว้นแต่ได้มีการลงมติพิเศษ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1145'}]",สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยต้องมีการลงมติพิเศษ +หากลูกหนี้จะยกข้อต่อสู้ขึ้นอ้างผู้รับโอนมีกรณีใดบ้าง,"เมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 306 แล้ว จะแบ่งได้ 2 กรณี ดังนี้ 1.ลูกหนี้ยินยอมตามมาตรา 306 โดยไม่อิดเอื้อน ก็จะยกข้อต่อสู้ขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนไม่ได้ แต่หากลูกนี้ชำระหนี้แก่ผู้โอนแล้ว ลูกหนี้สามารถเรียกเงินคืนได้ หรือลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อผู้โอน ให้ถือเสมือนว่าลูกหนี้ไม่ได้รับภาระใหม่นี้���ลย หรือ 2.ลูกหนี้ได้รับแต่คำบอกกล่าวการโอน (ไม่ได้ยินยอม) ยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้เฉพาะก่อนการบอกกล่าวเท่านั้น และหากลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน แม้จะยังไม่ถึงกำหนด ก็ย่อมสามารถนำมาหักกลบลบหนี้ได้ แต่สิทธิเรียกร้องนี้ต้องถึงกำหนดก่อนการโอนสิทธิเรียกร้อง และก่อนได้รับคำบอกกล่าวการโอนก็จะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 308 ถ้าลูกหนี้ได้ให้ความยินยอมดังกล่าวมาในมาตรา 306 โดยมิได้อิดเอื้อน ท่านว่าจะยกข้อต่อสู้ที่มีต่อผู้โอนขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนนั้นหาได้ไม่ แต่ถ้าเพื่อจะระงับหนี้นั้นลูกหนี้ได้ใช้เงินให้แก่ผู้โอนไปไซร้ ลูกหนี้จะเรียกคืนเงินนั้นก็ได้ หรือถ้าเพื่อการเช่นกล่าวมานั้น ลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อผู้โอน จะถือเสมือนหนึ่งว่าหนี้นั้นมิได้ก่อขึ้นเลยก็ได้ ถ้าลูกหนี้เป็นแต่ได้รับคำบอกกล่าวการโอน ท่านว่าลูกหนี้มีข้อต่อสู้ผู้โอนก่อนเวลาที่ได้รับคำบอกกล่าวนั้นฉันใด ก็จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แก่ผู้รับโอนได้ฉันนั้น ถ้าลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน แต่สิทธินั้นยังไม่ถึงกำหนดในเวลาบอกกล่าวไซร้ ท่านว่าจะเอาสิทธิเรียกร้องนั้นมาหักกลบลบกันก็ได้ หากว่าสิทธินั้นจะได้ถึงกำหนดไม่ช้ากว่าเวลาถึงกำหนดแห่งสิทธิเรียกร้องอันได้โอนไปนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '308'}]",เมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 306 แล้ว จะแบ่งได้ 2 กรณี ดังนี้ 1.ลูกหนี้ยินยอมตามมาตรา 306 โดยไม่อิดเอื้อน ก็จะยกข้อต่อสู้ขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนไม่ได้ แต่หากลูกนี้ชำระหนี้แก่ผู้โอนแล้ว ลูกหนี้สามารถเรียกเงินคืนได้ หรือลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อผู้โอน ให้ถือเสมือนว่าลูกหนี้ไม่ได้รับภาระใหม่นี้เลย หรือ 2.ลูกหนี้ได้รับแต่คำบอกกล่าวการโอน (ไม่ได้ยินยอม) ยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้เฉพาะก่อนการบอกกล่าวเท่านั้น และหากลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน แม้จะยังไม่ถึงกำหนด ก็ย่อมสามารถนำมาหักกลบลบหนี้ได้ แต่สิทธิเรียกร้องนี้ต้องถึงกำหนดก่อนการโอนสิทธิเรียกร้อง และก่อนได้รับคำบอกกล่าวการโอนก็จะยก���ึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ +การลงลายมือชื่อของกรรมการในใบหลักทรัพย์สามารถทำอย่างไรได้บ้าง,"จะใช้เครื่องจักรประทับ หรือ วิธีอื่นใดแทนตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 6 การลงลายมือชื่อของกรรมการหรือนายทะเบียนในใบหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้ จะใช้เครื่องจักรประทับหรือโดยวิธีอื่นใดแทนตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนดก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '6'}]",จะใช้เครื่องจักรประทับ หรือ วิธีอื่นใดแทนตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ต้องดำเนินการอย่างไร หากผู้จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีไม่ครบ,"สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเรียกให้ผู้จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 17 ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไม่ครบถ้วนถูกต้อง สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเรียกให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '17'}]",สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเรียกให้ผู้จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด +นายจ้างไล่เบี้ยลูกจ้างได้กรณีใด,"เมื่อนายจ้างได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ลูกจ้างได้ทำละเมิดแก่บุคคลภายนอก + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 นายจ้างชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้าง เมื่อนายจ้างได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '426'}]",เมื่อนายจ้างได้��ช้ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ลูกจ้างได้ทำละเมิดแก่บุคคลภายนอก +หลังจากชำระบัญชีของสมาคมการค้าแล้ว การแบ่งทรัพย์สินต้องทำเช่นไร,"หลังชำระบัญชีของสมาคมการค้าแล้วห้ามแบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่สมาชิกของสมาคมการค้า แต่ ทรัพย์สินทั้งนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของสมาคมการค้า หรือถ้าไม่ได้ระบุไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ว่าจะโอนไปให้แก่นิติบุคคลใดที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ + +นอกเหนือจากนี้ ให้ทรัพย์สินที่เหลือตกเป็นของรัฐ + +ขยายความ : พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 40 เมื่อได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใดจะแบ่งให้แก่สมาชิกของสมาคมการค้าไม่ได้ ทรัพย์สินทั้งนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของสมาคมการค้า หรือถ้าไม่ได้ระบุไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ว่าจะโอนไปให้แก่นิติบุคคลใดที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ ในกรณีนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ให้ทรัพย์สินที่เหลือนั้นตกเป็นของรัฐ","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '40'}]",หลังชำระบัญชีของสมาคมการค้าแล้วห้ามแบ่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่สมาชิกของสมาคมการค้า แต่ทรัพย์สินทั้งนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของสมาคมการค้า หรือถ้าไม่ได้ระบุไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ว่าจะโอนไปให้แก่นิติบุคคลใดที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ นอกเหนือจากนี้ ให้ทรัพย์สินที่เหลือตกเป็นของรัฐ. +คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในมีกี่คน,"ไม่เกิน 5 คน โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต.เป็นคนแต่งตั้ง โดยให้มีหลักเกณฑ์ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต กำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 123 ให้มีคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองคณะหนึ่งหรือหลายคณะ โดยในแต่ละคณะให้ประกอบด้วยบุคคลซึ่งคณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 5 คน คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '123'}]",ไม่เกิน 5 คน +โทษของการที่คนทำบัญชีโกหกว่าเอกสารเสียหายคืออะไร,"กรณีแจ้งเท็จว่าทำเอกสารที่ใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 33 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดแจ้งข้อความตามมาตรา 15 เป็นเท็จต่อสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีว่า -บัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหาย หรือ -บัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเสียหาย ผล => ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '33'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +การโอนที่ดินฟรีให้บุคคลอื่นต้องเสียภาษีไหม,"ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นการโอนอสังหาริมทรัพย์ ให้ถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 41 ทวิ การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้ถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ และต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '41 ทวิ'}]",ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นการโอนอสังหาริมทรัพย์ ให้ถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถนำทรัพย์ของลูกค้าไปใช้ในกรณีใดได้บ้าง,"หลัก : ห้ามผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านำทรัพย์ลูกค้าไปใช้ +ข้อยกเว้น : สามารถนำไปใช้เฉพาะกรณีต่อไปนี้ 1.เพื่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือเพื่อการอื่นใดที่เกี่ยวกับ หรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น 2.หากทรัพย์สินเป็นเงิน อาจนำไปใช้นอกเหนือจากกรณีแรก เพื่อแสวงหาประโยชน์อื่นใดได้แต่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด และในกรณีที่เกิดดอกผลหรือประโยชน์ใด ๆ จะให้ตกแก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือลูกค้า หรือจะนำมาแบ่งปันกันประการใด ให้เป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน + +คำอธิบาย: พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 34 ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านำทรัพย์สินของลูกค้าไปใช้เพื่อการอื่นใด เว้นแต่เป็นการนำไปใช้ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) ทรัพย์สินของลูกค้ารายใดต้องนำไปใช้เพื่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเพื่อการอื่นใดที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้ารายนั้น (2) ในกรณีที่ทรัพย์สินของลูกค้าเป็นเงิน ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจนำไปใช้เพื่อการอื่นนอกจาก (1) เพื่อแสวงหาประโยชน์อื่นใดได้แต่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด และในกรณีที่เกิดดอกผลหรือประโยชน์ใด ๆ จะให้ตกแก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือลูกค้า หรือจะนำมาแบ่งปันกันประการใด ให้เป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '34'}]",1. เพื่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือเพื่อการอื่นใดที่เกี่ยวกับ หรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น 2. หากทรัพย์สินเป็นเงิน อาจนำไปใช้นอกเหนือจากกรณีแรก เพื่อแสวงหาประโยชน์อื่นใดได้แต่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด. +ถ้าฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรของผู้ตายในกรณีใดที่เด็กจะมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาท,"ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ และถ้าศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย เช่นนี้เด็กมีสิทธิได้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1558 การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรของผู้ตายที่ได้ฟ้องภายในกำหนดอายุความมรดก ถ้าศาลได้พิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย เด็กนั้นมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม ในกรณีที่ได้มีการแบ่งมรดกไปแล้ว ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยเรื่องลาภมิควรได้มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1558'}]",ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ และถ้าศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย เช่นนี้เด็กมีสิทธิได้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม +ถ้าเราซื้อหุ้นโดยถูกข่มขู่ ฉ้อฉลสามารถทำอย่างไรได้บ้างหากเป็นหุ้นบริษัทจดทะเบียน,"หากบริษัทได้จดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นไม่สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนการซื้อหุ้นที่ถูกข่มขู่ได้ + + คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 47 เมื่อบริษัทจดทะเบียนแล้ว และผู้ถือหุ้นซื้อหุ้น -โดยสำคัญผิด -ถูกข่มขู่ -ฉ้อฉล ผล => ไม่สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนซื้อหุ้นดังกล่าวได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '47'}]",ผู้ถือหุ้นไม่สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนการซื้อหุ้นที่ถูกข่มขู่ได้ +หากไม่ได้กำหนดฐานภาษีในการนำเข้าสินค้าต้องคำนวณเช่นไร,"การคำนวณเป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และในพระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ เพื่อการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/7 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้บัญญัติไว้ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และในพระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ เพื่อการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/7'}]",การคำนวณเป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และในพระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ เพื่อการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้ +ถ้าตำแหน่งกรรมการน้อยกว่าจำนวนองค์ประชุมจะต้องดำเนินการอย่างไร สำหรับบริษัทมหาชน,"ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือน้อยกว่าจำนวนองค์ประชุมให้กรรมการที่เหลืออยู่กระทำการในนามของคณะกรรมการได้เฉพาะการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างทั้งหมดเท่านั้น และให้ประชุมภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือน้อยกว่าจำนวนองค์ประชุม + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 83 ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือน้อยกว่าจำนวนที่จะเป็นองค์ประชุม ให้กร���มการที่เหลืออยู่กระทำการในนามของคณะกรรมการได้แต่เฉพาะการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างทั้งหมดเท่านั้น การประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่จำนวนกรรมการว่างลงเหลือน้อยกว่าจำนวนที่จะเป็นองค์ประชุม บุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนตามวรรคหนึ่งอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '83'}]",ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือน้อยกว่าจำนวนองค์ประชุมให้กรรมการที่เหลืออยู่กระทำการในนามของคณะกรรมการได้เฉพาะการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างทั้งหมดเท่านั้น และให้ประชุมภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือน้อยกว่าจำนวนองค์ประชุม +ถ้าจดทะเบียนลดทุนของบริษัท โดยไม่ได้คัดค้านภายในเวลาเพราะไม่รู้ สามารถทำเช่นไรได้บ้าง,"เจ้าหนี้ที่ไม่ทราบถึงมติการลดทุน และเหตุที่ไม่ทราบไม่ใช่ความผิดของเจ้าหนี้ ทำให้เจ้าหนี้ไม่ได้คัดค้านการลดทุนภายในเวลา ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนลดทุน โดยให้ผู้ถือหุ้นที่ได้รับเงินค่าหุ้นคืนรับผิดต่อตนในจำนวนเงินที่ได้รับคืน + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 144 ในกรณีที่เจ้าหนี้คนใดไม่ได้คัดค้านการลดทุนของบริษัทภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 141 เพราะไม่ทราบมติการลดทุน และเหตุที่ไม่ทราบนั้นไม่ได้เป็นความผิดของเจ้าหนี้คนนั้น ถ้าเจ้าหนี้คนนั้นประสงค์จะให้ผู้ถือหุ้นซึ่งได้รับเงินค่าหุ้นคืนแล้วต้องรับผิดต่อตนในจำนวนเงินที่ได้รับคืนไปด้วย ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนลดทุน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '144'}]",เจ้าหนี้ที่ไม่ทราบถึงมติการลดทุน ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนลดทุน โดยให้ผู้ถือหุ้นที่ได้รับเงินค่าหุ้นคืนรับผิดต่อตนในจำนวนเงินที่ได้รับคืน +การซื้อขายทรัพย์ไม่เฉพาะสิ่ง กรรมสิทธิ์จะโอนเมื่อใด,"กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้หมาย หรือนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือก หรือทำโดยวิธีอื่นเพื่อ���ห้ทราบตัวทรัพย์แน่นอน + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 มี 2 กรณี ดังนี้ กรณีแรก การซื้อขายทรัพย์สินไม่เฉพาะสิ่ง กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้หมาย หรือนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือก หรือทำโดยวิธีอื่นเพื่อให้บ่งตัวทรัพย์สินนั้นออกเป็นแน่นอนแล้ว กรณีสอง การซื้อขายทรัพย์สินเฉพาะสิ่ง ถ้าผู้ขายยังจะต้องนับ ชั่ง ตวง วัด หรือทำการอย่างอื่น หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินเพื่อให้รู้ราคาทรัพย์สินนั้นแน่นอนกรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าจะได้ทำการนั้นแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '460'}]",กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้หมาย หรือนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือก หรือทำโดยวิธีอื่นเพื่อให้ทราบตัวทรัพย์แน่นอน +เจ้าหนี้จะอ้างการเพิกถอนการฉ้อฉลต่อบุคคลภายนอกได้หรือไม่,"เจ้าหนี้ไม่สามารถอ้างการเพิกถอนการฉ้อฉลที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบต่อบุคคลภายนอกได้ ถ้าหากบุคคลภายนอกได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีขอเพิกถอน เว้นแต่ถ้าบุคคลภายนอกนั้นได้มาโดยเสน่หา เจ้าหนี้สามารถอ้างการเพิกถอนการฉ้อฉลได้ คำอธิบาย + +ขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 238 การเพิกถอนดังกล่าวมาในบทมาตราก่อน (การเพิกถอนการฉ้อฉล)ไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอก อันได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีขอเพิกถอน เว้นแต่สิทธินั้นได้มาโดยเสน่หา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '238'}]",เจ้าหนี้ไม่สามารถอ้างการเพิกถอนการฉ้อฉลที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบต่อบุคคลภายนอกได้ ถ้าหากบุคคลภายนอกได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีขอเพิกถอน เว้นแต่ถ้าบุคคลภายนอกนั้นได้มาโดยเสน่หา เจ้าหนี้สามารถอ้างการเพิกถอนการฉ้อฉลได้. +ถ้าสามีตาย แล้วต้องการแต่งงานใหม่จะทำได้หรือไม่,"สามารถแต่งงานใหม่ได้เมื่อผ่านไปไม่น้อยกว่า 310 วัน ยกเว้นกรณีที่ +- คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น + - สมรสกับคู่สมรสเดิม +- มีใบรับรองแพทย์ประกาศนียบัตรหรือปริญญาซึ่งเป็นผู้ประกอบการรักษาโรคในสาขาเวชกรรมได้ตามกฎหมายว่ามิได้มีครรภ์ หรือ + - มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1453 หญิงที่สามีตายหรือที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่นกจะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ (1) คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น (2) สมรสกับคู่สมรสเดิม (3) มีใบรับรองแพทย์ประกาศนียบัตรหรือปริญญาซึ่งเป็นผู้ประกอบการรักษาโรคในสาขาเวชกรรมได้ตามกฎหมายว่ามิได้มีครรภ์ หรือ (4) มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1453'}]",สามารถแต่งงานใหม่ได้เมื่อผ่านไปไม่น้อยกว่า 310 วัน ยกเว้นกรณีที่ - คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น - สมรสกับคู่สมรสเดิม - มีใบรับรองแพทย์ประกาศนียบัตรหรือปริญญาซึ่งเป็นผู้ประกอบการรักษาโรคในสาขาเวชกรรมได้ตามกฎหมายว่ามิได้มีครรภ์ หรือ - มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้ +การโอนหนี้จะสมบูรณ์เมื่อใด,"ต้องทำเป็นหนังสือ ทั้งนี้ การโอนหนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ก็ต่อเมื่อ -บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือ -ลูกหนี้ได้ยินยอม โดยคำบอกกล่าวหรือความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 การโอนหนี้อันต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ไม่สมบูรณ์ โอนหนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ก็ต่อเมื่อ บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ ต้องทำเป็นหนังสือ ทั้งนี้ ถ้าลูกหนี้ทำให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่นก่อนได้รับบอกกล่าว หรือก่อนได้ตกลงให้โอน => ลูกหนี้นั้นก็เป็นอันหลุดพ้นจากหนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '306'}]",ต้องทำเป็นหนังสือ ทั้งนี้ การโอนหนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ก็ต่อเมื่อ -บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือ -ลูกหนี้ได้ยินยอม โดยคำบอกกล่าวหรือความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือ +หน้าที่และข้อห้ามของกรรมการบริษัทมีอะไรบ้าง,"หน้าที่ของกรรมการ คือต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องด้วยความระมัดระวัง และ 1.การใช้เงินค่าหุ้นนั้น ได้ใช้กันจริง 2.จัดให้มีและรักษาไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารที่กฎหมายกำหนดไว้ 3.การแจกเงินปันผลหรือดอกเบี้ยให้เป็นไปโดยถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 4.บังคับการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามมติของที่ประชุมใหญ่ ข้อห้ามของคณะกรรมการ มีดังนี้ -ห้ามประกอบการค้าขายใด ๆ อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับการค้าขายของบริษัทนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือ -ห้ามไปเข้าหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างค้าขายอื่นซึ่งประกอบกิจการมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและแข่งขันกับกิจการของบริษัท ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1168 ในอันที่จะประกอบกิจการของบริษัทนั้น กรรมการต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง ว่าโดยเฉพาะ กรรมการต้องรับผิดชอบร่วมกันในประการต่าง ๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) การใช้เงินค่าหุ้นนั้น ได้ใช้กันจริง (2) จัดให้มีและรักษาไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารที่กฎหมายกำหนดไว้ (3) การแจกเงินปันผลหรือดอกเบี้ยให้เป็นไปโดยถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ (4) บังคับการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามมติของที่ประชุมใหญ่ ห้ามผู้เป็นกรรมการประกอบการค้าขายใด ๆ อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับการค้าขายของบริษัทนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือไปเข้าหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างค้าขายอื่นซึ่งประกอบกิจการมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและแข่งขันกับกิจการของบริษัท โดยไม่ได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น บทบัญญัติที่กล่าวมาข้างบนนี้ให้ใช้บังคับตลอดถึงบุคคลซึ่งเป็นผู้แทนของกรรมการด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1168'}]",หน้าที่ของกรรมการ คือต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องด้วยความระมัดระวัง และ 1.การใช้เงินค่าหุ้นนั้น ได้ใช้กันจริง 2.จัดให้มีและรักษาไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งบรรดาสมุดบัญชีและเอกสารที่กฎหมายกำหนดไว้ 3.การแจกเงินปันผลหรือดอกเบี้ยให้เป็นไปโดยถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 4.บังคับการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามมติของที่ประชุมใหญ่ ข้อห้ามข��งคณะกรรมการ มีดังนี้ -ห้ามประกอบการค้าขายใด ๆ อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับการค้าขายของบริษัทนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือ -ห้ามไปเข้าหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างค้าขายอื่นซึ่งประกอบกิจการมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและแข่งขันกับกิจการของบริษัท ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น +ถ้าสามีเป็นคนวิกลจริต แล้วมีเหตุหย่าในภายหลัง สามารถฟ้องหย่าสามีได้หรือไม่,"กรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนวิกลจริตและมีเหตุให้ฟ้องหย่าคู่สมรสอีกฝ่ายอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถตามมาตรา 28 มีอำนาจฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งขอให้ศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกันและแบ่งทรัพย์สินได้ แต่ผลของการฟ้องหย่าอาจจำแนกได้ดังต่อไปนี้ +1. กรณียกฟ้อง: ในกรณีที่คู่สมรสซึ่งถูกอ้างว่าเป็นคนวิกลจริตยังไม่ได้ถูกสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หากศาลเห็นว่าคู่สมรสนั้นยังไม่เป็นคนที่ควรสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ศาลอาจยกฟ้อง +2.กรณีศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ แต่ไม่สมควรให้หย่า: ให้ศาลสั่งให้คู่สมรสนั้นเป็นคนไร้ความสามารถโดยไม่จะสั่งเรื่องผู้อนุบาลหรือจะตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาลตามมาตรา 1463 ก็ได้ คงพิพากษายกแต่เฉพาะข้อหย่า ในกรณีเช่นนี้ศาลจะสั่งกำหนดค่าเลี้ยงชีพด้วยก็ได้ +3..กรณีศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ และให้หย่า: ศาลสั่งในคำพิพากษาให้คู่สมรสนั้นเป็นคนไร้ความสามารถ ตั้งผู้อนุบาลและให้หย่า +4. กรณีศาลเห็นว่าเหตุหย่าไม่เหมาะสมกับพฤติการณ์และสภาพของคู่สมรสซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถ: ศาลจะพิพากษาไม่ให้หย่าก็ได้ + + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1519 การฟ้องหย่าคู่สมรสวิกลจริต ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนวิกลจริตและมีเหตุหย่าเกิดขึ้นไม่ว่าเหตุนั้นจะได้เกิดขึ้นก่อนหรือภายหลังการเป็นคนวิกลจริต ให้บุคคลซึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถตามมาตรา 28 มีอำนาจฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งขอให้ศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกันและแบ่งทรัพย์สินได้ การร้องต���อศาลให้สั่งคู่สมรสวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถถ้ายังมิได้มีคำสั่งของศาลแสดงว่าคู่สมรสซึ่งวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถก็ให้บุคคลดังกล่าวขอร้องขอต่อศาลในคดีเดียวกันนั้นให้ศาลมีคำสั่งว่าคู่สมรสซึ่งวิกลจริตนั้นเป็นคนไร้ความสามารถ เมื่อบุคคลดังกล่าวเห็นสมควร จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตามมาตรา 1526 หรือมาตรา 1530 ด้วยก็ได้ กรณีศาลสั่งยกฟ้องคดี ในกรณีที่คู่สมรสซึ่งถูกอ้างว่าเป็นคนวิกลจริตยังไม่ได้ถูกสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หากศาลเห็นว่าคู่สมรสนั้นยังไม่เป็นคนที่ควรสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ + +กรณีศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ แต่ไม่สมควรให้หย่า ให้ศาลสั่งให้คู่สมรสนั้นเป็นคนไร้ความสามารถโดยไม่จะสั่งเรื่องผู้อนุบาลหรือจะตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาลตามมาตรา 1463 ก็ได้ คงพิพากษายกแต่เฉพาะข้อหย่า ในกรณีเช่นนี้ศาลจะสั่งกำหนดค่าเลี้ยงชีพด้วยก็ได้ +กรณีศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ และให้หย่า ให้ศาลสั่งในคำพิพากษาให้คู่สมรสนั้นเป็นคนไร้ความสามารถ ตั้งผู้อนุบาลและให้หย่า + + กรณีศาลเห็นว่าเหตุหย่าไม่เหมาะสมกับพฤติการณ์และสภาพของคู่สมรสซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถศาลจะพิพากษาไม่ให้หย่าก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1519'}]",คู่สมรสอีกฝ่ายสามารถร้องขอต่อศาลให้หย่าขาดจากกันได้ โดยมีอำนาจฟ้องคู่สมรสที่เป็นคนวิกลจริตได้ +ใบหุ้นต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง,"ต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ชื่อบริษัท 2. เลขหมายหุ้นที่กล่าวถึงในใบหุ้นนั้น 3. มูลค่าหุ้นหนึ่งราคาเท่าใด 4. ถ้าและเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระครบ ให้จดลงว่าได้ใช้เงินค่าหุ้นแล้วหุ้นละเท่าใด 5. ชื่อผู้ถือหุ้น หรือคำแถลงว่าได้ออกใบหุ้นนั้นให้แก่ผู้ถือ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1128 ในใบหุ้นทุก ๆ ใบให้กรรมการอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อเป็นสำคัญ ในใบหุ้นนั้นต้องมีข้อความต่อไปนี้ คือ (1) ชื่อบริษัท (2) เลขหมายหุ้นที่กล่าวถึงในใบหุ้นนั้น (3) มูลค่าหุ้นหนึ่งเป็นเงินเท่าใด (4) ถ้าและเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ใช้เงินเสร็จ ให้จดลงว่าได้ใช้เงินค่าหุ้นแล้วหุ้นละเท่าใด (5) ชื่อผู้ถือหุ้น หรือคำแถลงว่าได้ออกใบหุ้นนั���นให้แก่ผู้ถือ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1128'}]",ต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ชื่อบริษัท 2. เลขหมายหุ้นที่กล่าวถึงในใบหุ้นนั้น 3. มูลค่าหุ้นหนึ่งราคาเท่าใด 4. ถ้าและเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระครบ ให้จดลงว่าได้ใช้เงินค่าหุ้นแล้วหุ้นละเท่าใด 5. ชื่อผู้ถือหุ้น หรือคำแถลงว่าได้ออกใบหุ้นนั้นให้แก่ผู้ถือ +รัฐมนตรีสามารถสั่งเพิกถอนการอนุญาตธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในกรณีใด,"รัฐมนตรีสามารถสั่งเพิกถอนการอนุญาติได้ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. หากปรากฏหลักฐานต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนี้ 1. ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน และ 2. ผู้ประกอบธุรกิจนั้นไม่สามารถแก้ไขฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานดังกล่าวได้ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 36 เมื่อปรากฏหลักฐานต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจนั้นไม่สามารถแก้ไขฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานดังกล่าวได้ ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตได้ และอาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตนั้นต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '36'}]",รัฐมนตรีสามารถสั่งเพิกถอนการอนุญาติได้ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. หากปรากฏหลักฐานต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนี้ 1. ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน และ 2. ผู้ประกอบธุรกิจนั้นไม่สามารถแก้ไขฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานดังกล่าวได้. +หากทรัสต์สิ้นสุดลง จะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือแก่ผู้รับประโยชน์อย่างไร,"หากทรัสต์สิ้นสุดลงโดยได้หักค่าใช้จ่ายและชำระหนี้ตามมาตรา 53 วรรคสามแล้วให้ผู้รับประโยชน์แต่ละรายมีสิทธิได้รับประโยชน์หรือทรัพย์สินตามสัดส่วนแห่งผลประโยชน์ที่ผู้รับประโยชน์รายนั้นพึงได้รับจากการจัดการกองทรัสต์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 48 1.ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับประโยชน์ส่วนเกินตามมาตรา 13 วรรคสอง หรือ 2.ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับทรัพย์สินคงเหลือจากการที่ทรัสต์สิ้นสุดลงตามมาตรา 53 วรรคสาม => หากสัญญาก่อตั้งทรัสต์ไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ผู้รับประโยชน์แต่ละรายมีสิทธิได้รับประโยชน์หรือทรัพย์สินดังกล่าวตามสัดส่วนแห่งผลประโยชน์ที่ผู้รับประโยชน์รายนั้นพึงได้รับจากการจัดการกองทรัสต์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '48'}]",ให้ผู้รับประโยชน์แต่ละรายมีสิทธิได้รับประโยชน์หรือทรัพย์สินตามสัดส่วนแห่งผลประโยชน์ที่ผู้รับประโยชน์รายนั้นพึงได้รับจากการจัดการกองทรัสต์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น. +ถ้าเพื่อนตกลงกับเราว่าจะขายสร้อยคอกับเราก็ต่อเมื่อเพื่อนพอใจ กรณีนี้นิติกรรมมีผลหรือไม่,"นิติกรรมเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกหนี้ กรณีนี้ลูกหนี้ที่ต้องมีหน้าที่คือผู้ขาย + + คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 190 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อนและเป็นเงื่อนไขที่จะสำเร็จได้หรือไม่ขึ้นกับใจของฝ่ายลูกหนี้ นิติกรรมเป็นโมฆะ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '190'}]",นิติกรรมเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกหนี้ กรณีนี้ลูกหนี้ที่ต้องมีหน้าที่คือผู้ขาย +คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับในกฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์ต้องมีจำนวนกี่คน,"ต้องมีจำนวน 3 คนตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยหนึ่งคนต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317 ความผิดตามมาตรา 268 มาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 มาตรา 273 มาตรา 274 มาตรา 275 มาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 279 มาตรา 280 มาตรา 281 มาตรา 281/1 มาตรา 281/3 มาตรา 281/4 มาตรา 281/5 มาตรา 281/6 มาตรา 281/7 วรรคหนึ่ง มาตรา 281/8 มาตรา 281/9 มาตรา 282 มาตรา 283 มาตรา 283/1 มาตรา 284 มาตรา 285 มาตรา 285 ทวิ มาตรา 285 ตรี มาตรา 286 มาตรา 286 ทวิ มาตรา 287 มาตรา 290 มาตรา 291 มาตรา 292 มาตรา 293 มาตรา 294 มาตรา 295 มาตรา 298 มาตรา 299 และมาตรา 299/3 => ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวน 3 คน ซึ่งคนหนึ่งต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ทำการเปรียบเทียบกรณีใด และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้คดีนั้นเป็นอันเลิกกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '317'}]",ต้องมีจำนวน 3 คนตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยหนึ่งคนต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา +ผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีหน้าที่อะไร,"ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่ในการจัดการกองทุน และต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ด้วย + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 14 ในการจัดการกองทุน ให้ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่และอยู่ในบังคับบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '14'}]",ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่ในการจัดการกองทุน และต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ด้วย +สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองจะบริบูรณ์เมื่อใด,"สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองจะบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมด้วยทรัพย์สินประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650 ความหมายของสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น สัญญาจะบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '650'}]",สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองจะบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม +หลังจากได้มีการคัดค้านการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนจำกัดและได้ชำระหนี้หรือประกันหนี้ให้แล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องดำเนินเช่นไรต่อจึงจะทำการแปรสภาพได้,"ในกรณีไม่มีการคัดค้านหรือมีการคัดค้านแต่ห้างหุ้นส่วนได้ชำระหนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องประชุมเพื่อให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่อง ดังต่อไปนี้ 1.จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท (ถ้ามี) 2.กำหนดจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัท ต้องเท่ากับส่วนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และกำหนดจำนวนหุ้นของบริษัทที่จะตกแก่หุ้นส่วนแต่ละคน 3. กำหนดจำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วในแต่ละหุ้น ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 แห่งมูลค่าของหุ้นแต่ละหุ้นที่ตั้งไว้ 4. กำหนดจำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ รวมทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิของหุ้นซึ่งจะออกและจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน 5. แต่งตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจของกรรมการ 6. แต่งตั้งผู้สอบบัญชี 7. ดำเนินการในเรื่องที่จำเป็นในการแปรสภาพ ในการดำเนินการตามข้างต้น ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับบริษัทจำกัดว่าด้วยการนั้น ๆ มาใช้บังคับโดยอนุโลม + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246/2 ในกรณีไม่มีการคัดค้านหรือมีการคัดค้านแต่ห้างหุ้นส่วนได้ชำระหนี้หรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องประชุมเพื่อให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (1) จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท (ถ้ามี) (2) กำหนดจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัท ซึ่งต้องเท่ากับส่วนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วน และกำหนดจำนวนหุ้นของบริษัทที่จะตกได้แก่หุ้นส่วนแต่ละคน (3) กำหนดจำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วในแต่ละหุ้น ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 แห่งมูลค่าของหุ้นแต่ละหุ้นที่ตั้งไว้ (4) กำหนดจำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ รวมทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิของหุ้นซึ่งจะออกและจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน (5) แต่งตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจของกรรมการ (6) แต่งตั้งผู้สอบบัญชี (7) ดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นในการแปรสภาพ ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับบริษัทจำกัดว่าด้วยการนั้น ๆ มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/2'}]",ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องประชุมเพื่อให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่อง ดังต่อไปนี้ 1. จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท (ถ้ามี) 2. กำหนดจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัท ต้องเท่ากับส่วนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน 3. กำหนดจำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วในแต่ละหุ้น ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 แห่งมูลค่าของหุ้นแต่ละหุ้นที่ตั้งไว้ 4. กำหนดจำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ รวมทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิของหุ้นซึ่งจะออกและจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน 5. แต่งตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจของกรรมการ 6. แต่งตั้งผู้สอบบัญชี 7. ดำเนินการในเรื่องที่จำเป็นในการแปรสภาพ. +สมาชิกวิชาชีพบัญชีสามารถเลือกตั้งเป็นกรรมการได้หรือไม่,สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกสามัญ เนื่องจากเป็นสิทธิหน้าที่ของสมาชิกสามัญตามมาตรา 16(3) พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 กล่าวคือสามารถเลือกตั้ง รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้ง เป็นกรรมการหรือดำรงตำแหน่งอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสภาวิชาชีพบัญชี คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 16 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสามัญ มีดังต่อไปนี้ (1) แสดงความคิดเห็นในการประชุมใหญ่ (2) ออกเสียงลงคะแนนในการประชุมใหญ่ (3) เลือกตั้ง รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้ง เป็นกรรมการหรือดำรงตำแหน่งอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ (4) ชำระค่าบำรุงสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (5) ผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชีและปฏิบัติตนตามบทบัญญัติแห่งพระราชบ���ญญัตินี้ (6) สิทธิและหน้าที่อื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด สมาชิกวิสามัญ สมาชิกสมทบ และสมาชิกกิตติมศักดิ์ มีสิทธิและหน้าที่ตาม (1) (4) (5) และ (6),"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '16'}]",สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกสามัญ เนื่องจากเป็นสิทธิหน้าที่ของสมาชิกสามัญตามมาตรา 16(3) พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 กล่าวคือสามารถเลือกตั้ง รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้ง เป็นกรรมการหรือดำรงตำแหน่งอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสภาวิชาชีพบัญชี +ข้อบังคับของสมาคมที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องมีรายละเอียดอย่างไร,"ข้อบังคับต้องมีรายละเอียดดังนี้ 1. ชื่อ 2. วัตถุที่ประสงค์ 3. ที่ตั้งสำนักงาน 4. วิธีรับสมาชิก สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก 5. วินัยและการลงโทษสมาชิก 6. การดำเนินกิจการของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การตั้ง การออกจากตำแหน่ง และการประชุมของกรรมการ ตลอดจนการประชุมใหญ่ 7. ข้อบังคับอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 234 สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องมีข้อบังคับและข้อบังคับนั้นอย่างน้อยต้องมีข้อความดังต่อไปนี้ (1) ชื่อ (2) วัตถุที่ประสงค์ (3) ที่ตั้งสำนักงาน (4) วิธีรับสมาชิก สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก (5) วินัยและการลงโทษสมาชิก (6) การดำเนินกิจการของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การตั้ง การออกจากตำแหน่ง และการประชุมของกรรมการ ตลอดจนการประชุมใหญ่ (7) ข้อบังคับอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หมายเหตุ : ข้อบังคับต้องนำไปจดทะเบียนต่อสำนักงานพร้อมกับการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ก่อนออกใบอนุญาตถ้าสำนักงานเห็นสมควรจะสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับนั้นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '234'}]",ข้อบังคับต้องมีรายละเอียดดังนี้ 1. ชื่อ 2. วัตถุที่ประสงค์ 3. ที่ตั้งสำนักงาน 4. วิธีรับสมาชิก สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก 5. วินัยและการลงโทษสมาชิก 6. การดำเนินกิจการของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การตั้ง การออกจากตำแหน่ง และการประชุมของกรรมการ ��ลอดจนการประชุมใหญ่ 7. ข้อบังคับอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ทรัพย์แบ่งไม่ได้ คืออะไร,"มีสอง 2 กรณี ดังนี้ 1.ทรัพย์ที่แยกออกจากกันไม่ได้ นอกจากเปลี่ยนสภาวะของทรัพย์ 2.ทรัพย์ที่มีกฎหมายบัญญัติว่าแบ่งไม่ได้ แม้ว่าตัวทรัพย์นั้นอาจะแบ่งได้ในความเป็นจริงก็ตาม + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 142 ทรัพย์แบ่งไม่ได้ หมายความว่า ทรัพย์อันจะแยกออกจากกันไม่ได้นอกจากเปลี่ยนแปลงภาวะของทรัพย์ รวมถึงทรัพย์ที่มีกฎหมายบัญญัติว่าแบ่งไม่ได้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '142'}]",มีสอง 2 กรณี ดังนี้ 1.ทรัพย์ที่แยกออกจากกันไม่ได้ นอกจากเปลี่ยนสภาวะของทรัพย์ 2.ทรัพย์ที่มีกฎหมายบัญญัติว่าแบ่งไม่ได้ แม้ว่าตัวทรัพย์นั้นอาจะแบ่งได้ในความเป็นจริงก็ตาม +การเลิกมูลนิธิต้องจดทะเบียนภายในกี่วัน,"ภายใน 14 วันนับแต่วันที่เลิกมูลนิธิ หรือศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้มูลนิธิล้มละลายตามมาตรา 130 (4) หรือมีคำสั่งถึงที่สุดให้เลิกมูลนิธิตามมาตรา 131 ให้ศาลแจ้งคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวให้นายทะเบียนทราบด้วย ทั้งนี้ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกมูลนิธิในราชกิจจานุเบกษา + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 132 เมื่อมูลนิธิมีเหตุต้องเลิกตามมาตรา 130 (1) (2) หรือ (3) แล้ว ให้คณะกรรมการของมูลนิธิที่อยู่ในตำแหน่งขณะมีการเลิกมูลนิธิแจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเลิกมูลนิธิ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้มูลนิธิล้มละลายตามมาตรา 130 (4) หรือมีคำสั่งถึงที่สุดให้เลิกมูลนิธิตามมาตรา 131 ให้ศาลแจ้งคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวให้นายทะเบียนทราบด้วย ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกมูลนิธิในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '132'}]",ภายใน 14 วันนับแต่วันที่เลิกมูลนิธิ +ถ้าผู้ฝากทรัพย์ตาย ผู้รับฝากต้องคืนทรัพย์หรือไม่,ต้องคืนทรัพย์สินให้แก่ทายาทของผู้ฝาก คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 ผู้รับฝากต้องคืนทรัพย์สินซึ่งรับฝากไว้นั้นให้แก่ผู้ฝาก ทรัพย์สินนั้นฝากในนามของผู้ใด คืนให้แก่ผู้นั้น ผู้รับฝากได้รับคำสั่งโดยชอบให้คืนทรัพย์สินนั้นไปแก่ผู้ใด ต้องคืนให้แก่ผู้นั้น หมายเหตุหากผู้ฝากทรัพย์ตาย ให้คืนทรัพย์สินนั้นให้แก่ทายาท,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '665'}]",ต้องคืนทรัพย์สินให้แก่ทายาทของผู้ฝาก +ใครเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขกรณีคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่ซื้อภายในประเทศแต่ได้ที่นำออกนอกประเทศ,"อธิบดีเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขดังกล่าว + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/4 ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักรขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84/4'}]",อธิบดีเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขดังกล่าว +กรณีใดถือว่าสัญญาปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว,"สัญญาที่เกิดขึ้นโดยหนังสือโต้ตอบกันและไม่ได้ปิดแสตมป์สมบูรณ์ แต่ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์ ถ้าได้พิสูจน์แล้วให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 109 สัญญาใดเป็นตราสาร ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีหนังสือโต้ตอบกันและมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ถ้าพิสูจน์ได้ว่า หนังสือฉบับหนึ่งฉบับใดที่จำเป็นในการทำให้เกิดสัญญานั้นขึ้น ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์แล้ว ให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '109'}]",สัญญาที่เกิดขึ้นโดยหนังสือโต้ตอบกันและไม่ได้ปิดแสตมป์สมบูรณ์ แต่ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์ ถ้าได้พิสูจน์แล้วให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว +การจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกใครเป็นคนทำ และต้องทำภายในกี่วัน,"ผู้จัดการมรดกเป็นคนทำบัญชีทรัพย์มรดก และต้องทำบัญชีนั้นภายใน 15 วัน นับแต่เจ้ามรดกตาย ถ้าผู้จัดการมรดกรู้ถึงการแต่งตั้งที่มอบหมายให้ตนตามพินัยกรรม หรือ วันเริ่มหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1726 กรณีที่ศาลตั้งผู้จัดการมรดก หรือ วันที่ผู้จัดการมรดกรับเป็นผู้จัดการมรดก + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728 ผู้จัดการมรดกต้องลงมือจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน (1) นับแต่เจ้ามรดกตาย ถ้าในขณะนั้นผู้จัดการมรดกได้รู้ถึงการตั้งแต่งตามพินัยกรรมที่มอบหมายไว้แก่ตน หรือ (2) นับแต่วันที่เริ่มหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1726 ในกรณีที่ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก หรือ (3) นับแต่วันที่ผู้จัดการมรดกรับเป็นผู้จัดการมรดกในกรณีอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1728'}]",ผู้จัดการมรดกเป็นคนทำบัญชีทรัพย์มรดก และต้องทำบัญชีนั้นภายใน 15 วัน +ก่อตั้งบริษัทต้องมีกี่คน,"ต้องมีสามคนขึ้นไปในการก่อตั้งบริษัท + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1097 บุคคลใด ๆ ตั้งแต่สามคนขึ้นไปจะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ ลงชื่อทำหนังสือบริคณห์สนธิ และกระทำการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1097'}]",ต้องมีสามคนขึ้นไปในการก่อตั้งบริษัท +รายละเอียดในเช็คมีอะไรบ้าง,"เช็คต้องมีรายละเอียดต่อไปนี้ -คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค -คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้ใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน -ชื่อ หรือยี่ห้อและสำนักงานของธนาคาร -ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ -สถานที่ใช้เงิน -วันและสถานที่ออกเช็ค -ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 อันเช็คนั้น ต้องมีรายการดังกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค (2) คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้ใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน (3) ชื่อ หรือยี่ห้อและสำนักงานของธนาคาร (4) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ (5) สถานที่ใช้เงิน (6) วันและสถานที่ออกเช็ค (7) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '988'}]",เช็คต้องมีรายละเอียดต่อไปนี้ -คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค -คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้ใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน -ชื่อ หรือยี่ห้อและสำนักงานของธนาคาร -ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ -สถานที่ใช้เงิน -วันและสถานที่ออกเช็ค -ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย +ก่อนจะขายสินค้าทอดตลาด ผู้ทรงประทวนต้องแจ้งอะไรผู้ฝาก,"ผู้ทรงประทวนสินค้าต้องมีจดหมายบอกกล่าวให้ผู้ฝากทราบเวลาและสถานที่จะขายทอดตลาด + + คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 791 ผู้ทรงประทวนสินค้าต้องมีจดหมายบอกกล่าวให้ผู้ฝากทราบเวลาและสถานที่จะขายทอดตลาด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '791'}]",ผู้ทรงประทวนสินค้าต้องมีจดหมายบอกกล่าวให้ผู้ฝากทราบเวลาและสถานที่จะขายทอดตลาด +สภาวิชาชีพบัญชีสามารถออกข้อบังคับของสภาได้หรือไม่,"สภาวิชาชีพสามารถออกข้อบังคับของสภาได้ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 7 สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ส่งเสริมการศึกษา การอบรม และการวิจัยเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี (2) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก จัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ระหว่างสมาชิก (3) กำหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี และมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี (4) กำหนดจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (5) รับขึ้นทะเบียนการประกอบวิชาชีพบัญชี ออกใบอนุญาต พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (6) รับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรในวิชาการบัญชีของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการรับสมัครเป็นสมาชิก (7) รับรองความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพบัญชี (8) รับรองหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นผู้ชำนาญการและการศึกษาต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (9) ควบคุมความประพฤติและการดำเนินงานของสมาชิกและผู้ขึ้นทะเบียนอันเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพบัญชีให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชี (10) ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้บริการวิชาการแก่ประชาชนเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี (11) ออกข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (12) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (13) ให้คำปรึกษาและเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายและปัญหาของวิชาชีพบัญชี (14) ดำเนินการอื่นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '7'}]",สภาวิชาชีพสามารถออกข้อบังคับของสภาได้ +ถ้าผู้ทรงทำตั๋วเงินหายต้องทำยังไง,"ต้องทำเป็นหนังสือเพื่อบอกกล่าวไปยังผู้ออกตั๋วเงิน ผู้จ่าย ผู้สมอ้างยามประสงค์ ผู้รับรองเพื่อแก้หน้าและผู้รับอาวัลทันที เพื่อบอกปฏิเสธไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น + +ค���อธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1010 เมื่อผู้ทรงตั๋วเงินซึ่งหายหรือถูกลักทราบเหตุแล้ว ในทันใดนั้นต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้ออกตั๋วเงิน ผู้จ่าย ผู้สมอ้างยามประสงค์ ผู้รับรองเพื่อแก้หน้าและผู้รับอาวัล ตามแต่มี เพื่อให้บอกปัดไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1010'}]",ต้องทำเป็นหนังสือเพื่อบอกกล่าวไปยังผู้ออกตั๋วเงิน ผู้จ่าย ผู้สมอ้างยามประสงค์ ผู้รับรองเพื่อแก้หน้าและผู้รับอาวัลทันที เพื่อบอกปฏิเสธไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น +ภาษีอากรอยู่ภายใต้หน่วยงานใด,"ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรจะอยู่ในอำนาจกรมสรรพากร + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 5 ภาษีอากรซึ่งบัญญัติไว้ในลักษณะนี้ ให้อยู่ในอำนาจหน้าที่และการควบคุมของกรมสรรพากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '5'}]",ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรจะอยู่ในอำนาจกรมสรรพากร +คุณสมบัติของผู้สอบบัญชีมีอะไรบ้าง,"ผู้สอบบัญชีต้องรับอนุญาตซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ และไม่ใช่ผู้ถือหุ้น หรือผู้รับประโยชน์จากหุ้นตามมาตรา 25 วรรคสี่ หรือกรรมการ หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น ทั้งนี้ ต้องรักษามรรยาทและปฏิบัติงานสอบบัญชีให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 30 ผู้สอบบัญชีตามมาตรา 28 ต้องเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ และมิใช่ผู้ถือหุ้น ผู้รับประโยชน์จากหุ้นตามมาตรา 25 วรรคสี่ กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น และต้องรักษามรรยาทและปฏิบัติงานสอบบัญชีให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด การให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '30'}]",ผู้สอบบัญชีต้องรับอนุญาตซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ และไม่ใช่ผู้ถือหุ้น หรือผู้รับประโยชน์จากหุ้นตามมาตรา 25 วรรคสี่ หรือกรรมการ หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น ทั้งนี้ ต้องรักษามรรยาทและปฏิบัติงานสอบบัญชีให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีและข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +การเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสสามารถทำได้หรือไม่,"ถ้าสมรสแล้วจะไม่สามารถทำได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล คำ +อธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467 เมื่อสมรสแล้วจะเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสนั้นไม่ได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากศาล เมื่อได้มีคำสั่งของศาลถึงที่สุดให้เปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสแล้ว ให้ศาลแจ้งไปยังนายทะเบียนสมรสเพื่อจดแจ้งไว้ในทะเบียนสมรส","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1467'}]",ถ้าสมรสแล้วจะไม่สามารถทำได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล +แดนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืออะไร,แดนกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือพื้นที่ทั้งเหนือพื้นดินและใต้พื้นดิน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1335 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น แดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินครอบคลุมทั้งเหนือพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1335'}]",แดนกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือพื้นที่ทั้งเหนือพื้นดินและใต้พื้นดิน +ศาลสามารถถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญในกรณีใดบ้าง,"ศาลสามารถถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญในกรณีต่อไปนี้ ผู้ถูกสั่งให้เป็นคนสาปสูญร้องขอต่อศาล หรือ ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการต้องพิสูจน์ได้ว่าบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นยังคงมีชีวิตอยู่หรือว่าตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในมาตรา 62 ให้ศาลถอนคำสั่งให้เป็นคนสาปสูญ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 63 เมื่อบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นเองหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล และพิสูจน์ได้ว่าบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือว่าตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในมาตรา 62 ก็ดี ให้ศาลสั่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้น แต่การถอนคำสั่งนี้ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์แห่งการทั้งหลายอันได้ทำไปโดยสุจริตในระหว่างเวลาตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญจนถึงเวลาถอนคำสั่งนั้น บุคคลผู้ได้ทรัพย์สินมาเนื่องแต่การที่ศาลสั่งให้บุคคลใดเป็นคนสาบสูญ แต่ต้องเสียสิทธิของตนไปเพราะศาลสั่งถอนคำสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '63'}]",ศาลสามารถถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญในกรณีต่อไปนี้ ผู้ถูกสั่งให้เป็นคนสาปสูญร้องขอต่อศาล หรือ ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการต้องพิสูจน์ได้ว่าบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญนั้นยังคงมีชีวิตอยู่หรือว่าตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในมาตรา 62 +หากไม่ใช่บริษัทหลักทรัพย์แต่ใช้เป็นชื่อในบริษัทจะมีผลอะไรหรือไม่,"หากไม่ใช่บริษัทตลาดหลักทรัพย์ ห้ามใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “บริษัทหลักทรัพย์” หรือคำอื่นที่มีความหมายเดียวกัน ตามมาตรา กรณีฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 300,000 บาท และถ้าตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่ ให้ปรับไม่เกิน 3,000 บาท ต่อวัน + + คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 288 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 93 มาตรา 95 หรือมาตรา 156 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '288'}]","หากไม่ใช่บริษัทตลาดหลักทรัพย์ ห้ามใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “บริษัทหลักทรัพย์” หรือคำอื่นที่มีความหมายเดียวกัน ตามมาตรา กรณีฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 300,000 บาท และถ้าตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่ ให้ปรับไม่เกิน 3,000 บาท ต่อวัน." +ถ้านายจ้างไม่แยกบัญชีของตนเองออกจากกองทุนจะมีความผิดใด,"หากนายจ้างไม่แยกบัญชีและเอกสารการเงินของนายจ้างออกจากกองทุน ตามมาตรา 15 มีความผิดทางพินัย และต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 37 นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 15 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '37'}]","มีความผิดทางพินัยและต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +เมื่อได้ตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อ,"การดำเนินการหลังจัดตั้งกองทุนโดยนายจ้างและลูกจ้างตามมาตรา 5 ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 มี 2 กรณี 1.เมื่อลูกจ้างและนายจ้างตกลงกันจัดตั้งกองทุนขึ้นตามมาตรา 5 แล้ว 2.เงินทุนสำรองเลี้ยงชีพลูกจ้างที่ได้จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะให้เป็นกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งข้อ 1 และ 2 ให้ดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงเช่นเดียวกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '6'}]",การดำเนินการหลังจัดตั้งกองทุนโดยนายจ้างและลูกจ้างตามมาตรา 5 ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง +การไถ่ทรัพย์สินสามารถทำได้วิธีใดบ้าง,"การใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินสามารถทำได้ 2 กรณี ดังนี้ 1. กรณีมีกำหนดเวลาไถ่ในสัญญาหรือตามกฎหมายกำหนดผู้ไถ่สามารถใช้สิทธิกับผู้มีหน้าที่รับไถ่ได้เลย 2.ผู้ไถ่ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาไถ่วางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ต่อสำนักงานวางทรัพย์โดยสละสิทธิ์ถอนทรัพย์ที่ได้วางไว้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492 ในกรณีที่มีการไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝาก -ไถ่ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด -ผู้ไถ่ได้วางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ต่อสำนักงานวางทรัพย์ภายในกำหนดเวลาไถ่โดยสละสิทธิถอนทรัพย์ที่ได้วางไว้ => ให้ทรัพย์สินซึ่งขายฝากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ไถ่ตั้งแต่เวลาที่ผู้ไถ่ได้ชำระสินไถ่หรือวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ได้วางทรัพย์ตามข้างต้นให้เจ้าพนักงานของสำนักงานวางทรัพย์แจ้งให้ผู้รับไถ่ทราบถึง���ารวางทรัพย์โดยทันทีโดยผู้ไถ่ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 333 วรรคสาม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '492'}]",การใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินสามารถทำได้ 2 กรณี ดังนี้ 1. กรณีมีกำหนดเวลาไถ่ในสัญญาหรือตามกฎหมายกำหนดผู้ไถ่สามารถใช้สิทธิกับผู้มีหน้าที่รับไถ่ได้เลย 2.ผู้ไถ่ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาไถ่วางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ต่อสำนักงานวางทรัพย์โดยสละสิทธิ์ถอนทรัพย์ที่ได้วางไว้ +การโอนหุ้นกู้จะสมบูรณ์เมื่อใด,"การโอนหุ้นกู้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้มีชื่อเป็นเจ้าของแสดงตัว หรือผู้รับโอนหุ้นกู้คนสุดท้ายได้ส่งมอบใบโอนหุ้นกู้แก่ผู้รับโอนโดยลงลายมือชื่อสลักหลังแสดงการโอน + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 51 การโอนหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือที่ออกตามมาตรา 33 จะสมบูรณ์ต่อเมื่อ -ผู้มีชื่อแสดงว่าเป็นเจ้าของ หรือ -ผู้รับโอนคนสุดท้ายได้ส่งมอบใบหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้รับโอนโดยลงลายมือชื่อสลักหลังแสดงการโอน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '51'}]",การโอนหุ้นกู้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้มีชื่อเป็นเจ้าของแสดงตัว หรือผู้รับโอนหุ้นกู้คนสุดท้ายได้ส่งมอบใบโอนหุ้นกู้แก่ผู้รับโอนโดยลงลายมือชื่อสลักหลังแสดงการโอน +วิธีเข้ารับอาวัลเป็นอย่างไร,"วิธีเข้ารับอาวัลทำได้โดยเขียนว่า “ใช้ได้เป็นอาวัล” หรือคำในทำนองเดียวกันนี้ลงในตั๋วเงิน หรือใบที่ประจำต่อ พร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้รับอาวัลด้านหน้าตัวเงินก็เพียงพอ เว้นแต่ หากเป็นการลงลายมือชื่อของผู้จ่ายหรือผู้สั่งจ่าย ต้องระบุว่ารับประกันใคร ถ้าไม่ระบุ จะถือว่าเป็นการรับประกันผู้สั่งจ่าย + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 939 การรับอาวัลทำให้กันด้วยเขียนลงในตั๋วเงิน หรือที่ใบประจำต่อ พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำสำนวนว่า “ใช้ได้เป็นอาวัล” หรือสำนวนอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น และลงลายมือชื่อผู้รับอาวัลในด้านหน้าแห่งตั๋วเงิน ก็จัดว่าเป็นคำรับอาวัลแล้ว เว้นแต่ในกรณีที่เป็นลายมือชื่อของผู้จ่ายหรือผู้สั่งจ่าย ในคำรับอาว���ลต้องระบุว่ารับประกันผู้ใด ถ้าไม่ได้ระบุ ให้ถือว่ารับประกันผู้สั่งจ่าย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '939'}]",วิธีเข้ารับอาวัลทำได้โดยเขียนว่า “ใช้ได้เป็นอาวัล” หรือคำในทำนองเดียวกันนี้ลงในตั๋วเงิน หรือใบที่ประจำต่อ พร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้รับอาวัลด้านหน้าตัวเงินก็เพียงพอ เว้นแต่ หากเป็นการลงลายมือชื่อของผู้จ่ายหรือผู้สั่งจ่าย ต้องระบุว่ารับประกันใคร ถ้าไม่ระบุ จะถือว่าเป็นการรับประกันผู้สั่งจ่าย. +ใครเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ส่งเอกสารในการขออนุญาตจัดตั้งสมาคม,นายทะเบียนมีอำนาจให้ส่งเอกสารมาเพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้าได้ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 17 ให้นายทะเบียนมีอำนาจ -ออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคลใด ๆ มาสอบถาม หรือ -ให้ส่งเอกสารมาเพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้าได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '17'}]",นายทะเบียนมีอำนาจให้ส่งเอกสารมาเพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้าได้ +สมาชิกต้องส่งเอกสารรายงานการประชุมของสมาคมการค้าตามคำสั่งของใคร,"นายทะเบียนเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับรายงานการประชุมของสมาคมการค้า + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 24 ให้นายทะเบียนมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือ -ให้กรรมการหรือสมาชิกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของสมาคมการค้า หรือ -ให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินงานหรือรายงานการประชุมของสมาคมการค้าได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '24'}]",นายทะเบียนเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับรายงานการประชุมของสมาคมการค้า +ถ้าโดนสามีทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงเป็นเวลานานสามารถฟ้องหย่าได้ไหม,"ได้ เนื่องจากการทำร้ายร่างกายเป็นหนึ่งในเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา1516(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ + +คำอธิบายขยายความ : นอกจากน��้ยังมีเหตุฟ้องหย่าอื่นๆตามมาตรา 1516 ดังนี้ (1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกิน 3 ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกิน 3 ปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (7) สามีหรือภริยา���ิกลจริตตลอดมาเกิน 3 ปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้ (10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1516'}]",ได้ เนื่องจากการทำร้ายร่างกายเป็นหนึ่งในเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา1516(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้. +สำนักงาน ก.ล.ต. สามารถเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจที่ไม่มีผู้มีอำนาจดำเนินการแทนได้ไหม,ได้ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวแล้ว หากสำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่านิติบุคคลเฉพาะกิจไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจและให้ดำเนินการเลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี โดยให้ถือว่าการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี เว้นแต่การใดในการเลิกบริษัทและการชำระบัญชีเป็นอำนาจและหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 29,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '29'}]",ได้ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวแล้ว หากสำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่านิติบุคคลเฉพาะกิจไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจและให้ดำเนินการเลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี. +เอาของไปขายฝาก จะไถ่คืนจากใครได้บ้าง,ประมวลกฎหมายแพ่ง��ละพาณิชย์ มาตรา 497 สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะพึงใช้ได้แต่บุคคลเหล่านี้ คือ (1) ผู้ขายเดิม หรือทายาทของผู้ขายเดิม หรือ (2) ผู้รับโอนสิทธินั้น หรือ (3) บุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '497'}]",(1) ผู้ขายเดิม หรือทายาทของผู้ขายเดิม หรือ (2) ผู้รับโอนสิทธินั้น หรือ (3) บุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้ +ถ้าศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงข้อบังคับ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์มีหน้าที่ต้องรายงานหน่วยงานอื่นไหม,พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 211 ในกรณีที่ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับที่ใช้กับสมาชิก ให้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์รายงานการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทราบโดยไม่ชักช้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '211'}]",ให้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์รายงานการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทราบโดยไม่ชักช้า +หากผู้ที่หายไปกลับมา ผู้จัดการทรัพย์สินมีอำนาจอะไรต่อไหม,"ไม่มี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 58 กำหนดให้เหตุที่ผู้ไม่อยู่นั้นกลับมาทำให้ความเป็นผู้จัดการทรัพย์สินสิ้นสุดลง + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 58 ความเป็นผู้จัดการทรัพย์สินย่อมสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้ (1) ผู้ไม่อยู่นั้นกลับมา (2) ผู้ไม่อยู่นั้นมิได้กลับมาแต่ได้จัดการทรัพย์สินหรือตั้งตัวแทนเพื่อจัดการทรัพย์สินของตนแล้ว (3) ผู้ไม่อยู่ถึงแก่ความตายหรือศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ (4) ผู้จัดการทรัพย์สินลาออกหรือถึงแก่ความตาย (5) ผู้จัดการทรัพย์สินเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (6) ผู้จัดการทรัพย์สินเป็นบุคคลล้มละลาย (7) ศาลถอดถอนผู้จัดการทรัพย์สิน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '58'}]",ไม่มี +ถ้าทำประกันไฟไหม้ไว้กับ 2 บริษัท เวลาเกิดเรื่อง สามารถเบิกได้จากทั้ง 2 บริษัทเลยไหม,"เบิกได้ตามจริง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 870 + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมา��แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 870 ถ้าได้ทำสัญญาประกันภัยเป็นสองรายหรือกว่านั้นพร้อมกันเพื่อความวินาศภัยอันเดียวกัน และจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยรวมกันทั้งหมดนั้นท่วมจำนวนที่วินาศจริงไซร้ ท่านว่าผู้รับประโยชน์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพียงเสมอจำนวนวินาศจริงเท่านั้น ผู้รับประกันภัยแต่ละคนต้องใช้เงินจำนวนวินาศจริงแบ่งตามส่วนมากน้อยที่ตนได้รับประกันภัยไว้ +อันสัญญาประกันภัยทั้งหลาย ถ้าลงวันเดียวกัน ท่านให้ถือว่าได้ทำพร้อมกัน ถ้าได้ทำสัญญาประกันภัยเป็นสองรายหรือกว่านั้นสืบเนื่องเป็นลำดับกัน ท่านว่าผู้รับประกันภัยคนแรกจะต้องรับผิดเพื่อความวินาศภัยก่อน ถ้าและจำนวนเงินซึ่งผู้รับประกันภัยคนแรกได้ใช้นั้นยังไม่คุ้มจำนวนวินาศภัยไซร้ ผู้รับประกันภัยคนถัดไปก็ต้องรับผิดในส่วนที่ยังขาดอยู่นั้นต่อ ๆ กันไปจนกว่าจะคุ้มวินาศ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '870'}]",เบิกได้ตามจริง +ถ้าซื้อรถ ผ่อน 48 งวด รถนั้นถือเป็นของเราเลยไหม,ไม่ใช่ จนกว่าจะชำระค่างวดจนหมด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 ถ้าสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาบังคับไว้ ท่านว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่โอนไปจนกว่าการจะได้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือถึงกำหนดเงื่อนเวลานั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '459'}]",ไม่ใช่ จนกว่าจะชำระค่างวดจนหมด +ภาระติดพันในที่ดินได้มีการนำเรื่องภาระจำยอมมาใช้ด้วยหรือไม่,"ใช่ เรื่องเกี่ยวกับภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ ต้องใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับภาระจำยอมมาปรับโดยอนุโลม + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1434 ท่านให้นำมาตรา 1388 ถึง 1395 และมาตรา 1397 ถึง 1400 มาใช้บังคับถึงภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์โดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1434'}]",ใช่ เรื่องเกี่ยวกับภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ ต้องใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับภาระจำยอมมาปรับโดยอนุโลม +เราสามารถตั้งคนอื่นสืบตำแหน่งผู้ปกครองทรัพย์แทนตัวเองได้ไหม,"ได้ นอกจากว่าผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1691 เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในพินัยกรรม ผู้ปกครองทรัพย์จะทำพินัยกรรมตั้งบุคคลอื่นให้ทำการสืบแทนตนก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1691'}]",ได้ นอกจากว่าผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 +สารวัตรบัญชีสามารถเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่,"ไม่ได้ เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 25 + +คำอธิบายเพิ่มเติม +พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อความใด ๆ ที่ทราบหรือได้มาเนื่องจากการปฏิบัติตามมาตรา 22 หรือมาตรา 24 เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '25'}]",ไม่ได้ เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 25 +ถ้ากำลังจะส่งของให้ลูกค้า แล้วระหว่างที่เตรียมส่งมอบร้านไฟไหม้ของเสียบางชิ้นไปแล้วทำไงได้บ้าง,"เนื่องจากของที่จะส่งให้มันไม่มีทางส่งได้แล้ว ภาษากฎหมายเรียกว่า พ้นวิสัย ดังนั้น เมื่อของมันพ้นวิสัยไปแล้ว หนี้ก็ระงับเฉพาะส่วนที่ไฟไหม้และยังคงมีหน้าที่ต้องส่งของส่วนที่ไม่ถูกไฟไหม้ต่อไป แต่หากการพ้นวิสัยเกิดมาจากความรับผิดของเราเอง อาจต้องชดใช้ค่าเสียหาย + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 202 ถ้าการอันจะพึงต้องทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง และอย่างใดอย่างหนึ่งตกเป็นอันพ้นวิสัยจะทำได้มาแต่ต้นก็ดี หรือกลายเป็นพ้นวิสัยในภายหลังก็ดี ท่านให้จำกัดหนี้นั้นไว้เพียงการชำระหนี้อย่างอื่นที่ไม่พ้นวิสัย อนึ่งการจำกัดอันนี้ย่อมไม่เกิดมีขึ้น หากว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกนั้นต้องรับผิดชอ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '202'}]",เมื่อของมันพ้นวิสัยไปแล้ว หนี้ก็ระงับเฉพาะส่วนที่ไฟไหม้และยังคงมีหน้าที่ต้องส่งของส่วนที่ไม่ถูกไฟไหม้ต่อไป แต่หากการพ้นวิสัยเกิดมาจากความรับผิดของเราเอง อาจต้องชดใช้ค่าเสียหาย. +สมาชิกของสมาคมสามารถตรวจสอบสมาคมของตัวเองแค่ไ��น,สมาชิกทุกคนในสมาคมสามารถตรวจตรากิจการได้ รวมถึงทรัพย์สินด้วย แต่ต้องตรวจในเวลาทำการของสมาคมเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 89,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '89'}]",สมาชิกทุกคนในสมาคมสามารถตรวจตรากิจการได้ รวมถึงทรัพย์สินด้วย แต่ต้องตรวจในเวลาทำการของสมาคมเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 89 +การเสนอขายโทเคนดิจิตอล ขายให้ประชาชนได้ไหม,"ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก่อน ถ้าฝ่าฝืนจะโดนโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 17, 19 และ 57 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '57'}]",ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก่อน +เป็นผัวเมียกัน ตามกฎหมายต้องให้เงินเมียใช้ไหม,ตามกฎหมายระบุว่า ทั้งสามีและภรรยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกันตามฐานะของตัวเองที่จะสามารถทำได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเมียหรือผัว ก็ต้องเหลือซึ่งกันและกันทั้งคู่ อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1461'}]",ตามกฎหมายระบุว่า ทั้งสามีและภรรยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกันตามฐานะของตัวเองที่จะสามารถทำได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเมียหรือผัว ก็ต้องเหลือซึ่งกันและกันทั้งคู่ อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 +ค่าส่งของในกรณีลูกค้าเปลี่ยนที่อยู่ ใครออกค่าส่งใหม่อีกรอบ,ในกรณีที่ไม่ตกลงกันไว้ โดยปกติ ผู้ขายต้องออกค่าส่งในการจัดส่งของนั้นๆ แต่กรณีที่ลูกค้าเปลี่ยนที่อยู่ใหม่เพื่อจัดส่งของ แล้วมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ ลูกค้าต้องออกทั้งหมด อ้างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 325,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '325'}]",ลูกค้าต้องออกทั้งหมด +ภาษีเงินได้ ถ้ามีรายได้ในระดับที่ต้องเสียภาษีแล้วเป็นเด็ก ต้องทำยังไง,"ถ้าผู้มีเงินได้เป็นผู้เยาว์ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ดำเนินการแ��ะเป็นตัวแทนในการชำระภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 + +คำอธิบายเพิ่มเติม + + ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 56 วรรค 1 เป็นผู้เยาว์ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินนั้น แล้วแต่กรณี ต้องปฏิบัติตามมาตรา 56 วรรค 1 และเป็นตัวแทนในการชำระภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57'}]",ถ้าผู้มีเงินได้เป็นผู้เยาว์ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ดำเนินการและเป็นตัวแทนในการชำระภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 +ในการประชุมตั้งบริษัท คนที่ห้ามลงคะแนนเสียงในที่ประชุมบริษัทจำกัด มีใครบ้าง,"ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นที่มีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1109 + +คำอธิบายเพิ่มเติม + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1109 ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไม่ได้ ถ้าตนมีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยนั้น อนึ่ง มติของที่ประชุมตั้งบริษัทย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ที่ประชุมจะได้ลงมติโดยเสียงข้างมาก อันมีคะแนนของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดซึ่งมีสิทธิลงคะแนนได้ และคิดตามจำนวนหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นนั้น ๆ ทั้งหมดด้วยกัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1109'}]",ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นที่มีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1109 +การประชุมใหญ่ในช่วงตอนบริษัทชำระบัญชีจะทำอย่างไร,"ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1273 ได้กำหนดให้นำบทบัญญัติบางส่วนเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ในสถานการณ์ปกติ ได้แก่ บทบัญญัติแห่งมาตรา 1172 ถึงมาตรา 1193 กับมาตรา 1195 มาตรา 1207 มาปรับใช้กับการประชุมใหญ่ในช่วงตอนบริษัทชำระบัญชีโดยอนุโลม + +คำอธิบายเพิ่มเติม + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1273 บทบัญญัติแห่งมาตรา 1172 ถึงมาตรา 1193 กับมาตรา 1195 มาตรา 1207 เหล่านี้ ���่านให้ใช้บังคับแก่การประชุมใหญ่ซึ่งมีขึ้นในระหว่างชำระบัญชีด้วยโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1273'}]",บทบัญญัติแห่งมาตรา 1172 ถึงมาตรา 1193 กับมาตรา 1195 มาตรา 1207 เหล่านี้ ท่านให้ใช้บังคับแก่การประชุมใหญ่ซึ่งมีขึ้นในระหว่างชำระบัญชีด้วยโดยอนุโลม +หากเราโอนทรัพย์สินที่จำนองไปให้ผู้อื่น จะส่งผลอย่างไรต่อการจำนอง,"การโอนทรัพย์สินที่จำนองไปให้ผู้อื่นจะไม่กระทบต่อการจำนองที่เราเคยทำในอดีต ผู้รับจำนองยังคงมีสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้นอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 742 + +คำอธิบายเพิ่มเติม + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 742 +ถ้าการบังคับจำนองก็ดี ถอนจำนองก็ดี เป็นเหตุให้ทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุดมือไปจากบุคคลผู้ได้ทรัพย์สินนั้นไว้แต่ก่อนไซร้ ท่านว่าการที่ทรัพย์สินหลุดมือไปเช่นนั้นหามีผลย้อนหลังไม่ และบุริมสิทธิทั้งหลายของเจ้าหนี้แห่งผู้ที่ทรัพย์หลุดมือไปอันมีอยู่เหนือทรัพย์สินและได้จดทะเบียนไว้นั้น ก็ย่อมเข้าอยู่ในลำดับหลังบุริมสิทธิอันเจ้าหนี้ของผู้จำนอง หรือเจ้าของคนก่อนได้จดทะเบียนไว้ +ในกรณีเช่นนี้ ถ้าสิทธิใด ๆ อันมีอยู่เหนือทรัพย์สินซึ่งจำนองเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลผู้ได้ทรัพย์สินซึ่งจำนองไว้แต่ก่อนได้ระงับไปแล้วด้วยเกลื่อนกลืนกันในขณะที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาไซร้ สิทธินั้นท่านให้กลับคืนมาเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลผู้นั้นได้อีก ในเมื่อทรัพย์สินซึ่งจำนองกลับหลุดมือไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '742'}]",การโอนทรัพย์สินที่จำนองไปให้ผู้อื่นจะไม่กระทบต่อการจำนองที่เราเคยทำในอดีต ผู้รับจำนองยังคงมีสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้นอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 742 +ลืมกระเป๋าไว้ในรถขนส่งมันหาย ใครต้องรับผิดชอบ,คนส่งไม่ต้องรับผิดชอบ นอกจากว่ามันจะหายหรือพังเสียหาย เพราะคนส่งหรือลูกจ้างของคนส่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '638'}]",คนส่งไม่ต้องรับผิดชอบ นอกจากว่ามันจะหายหรือพังเสียหาย เพราะคนส่งหรือลูกจ้างของคนส่ง +เรื่องอะไรบ้างในตลาดทรัพย์ที่คณะกรรมการต้องจัดให้มีเลขานุการบริษัทมาจัดการ,"ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลัก��รัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/15 คณะกรรมการต้องจัดให้มีเลขานุการบริษัทรับผิดชอบดำเนินการดังต่อไปนี้ในนามของบริษัทหรือคณะกรรมการ +(1) จัดทำและเก็บรักษาเอกสารดังต่อไปนี้ (ก) ทะเบียนกรรมการ (ข) หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการและรายงานประจำปีของบริษัท (ค) หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น +(2) เก็บรักษารายงานการมีส่วนได้เสียที่รายงานโดยกรรมการหรือผู้บริหาร +(3) ดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/15'}]",(1) จัดทำและเก็บรักษาเอกสารดังต่อไปนี้ (ก) ทะเบียนกรรมการ (ข) หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการและรายงานประจำปีของบริษัท (ค) หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น (2) เก็บรักษารายงานการมีส่วนได้เสียที่รายงานโดยกรรมการหรือผู้บริหาร (3) ดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +โดนคนขู่ให้เซ็นสัญญาให้ที่ดิน สัญญามีผลอย่างไร,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 ถ้าโดนขู่ให้ทำ สัญญาดังกล่าวจะตกเป็นโมฆียะ แม้บุคคลภายนอกจะเป็นคนขู่ก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '166'}]",สัญญาดังกล่าวจะตกเป็นโมฆียะ แม้บุคคลภายนอกจะเป็นคนขู่ก็ตาม +ถ้าเคยฟ้องคดีในคดีแพ่งและศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกคำฟ้อง อายุความในคดีนับยังไง,"ให้มีการนับอายุความในช่วงที่มีการดำเนินคดีโดยถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 + +คำอธิบายเพิ่มเติม + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 ในกรณีที่อายุความสะดุดหยุดลงเพราะเหตุตามมาตรา 193/14 (2) หากคดีนั้นได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกคำฟ้อง หรือคดีเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเพราะเหตุถอนฟ้อง หรือทิ้งฟ้อง ให้ถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลง +ในกรณีที่คดีนั้นศาลไม่รับหรือคืนหรือให้ยกคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล หรือศาลให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ และปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา หรือจะครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่ง��ั้นถึงที่สุด ให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/17'}]",ให้มีการนับอายุความในช่วงที่มีการดำเนินคดีโดยถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงเลย +คุณสมบัติของผู้สอบบัญชี ตามกฎหมายมีอะไรบ้าง,"ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 39 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ +(1) เป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญตามมาตรา 14 วรรคสอง แต่ในกรณีเป็นสมาชิกวิสามัญซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องเป็นผู้มีความรู้ภาษาไทยดีพอที่จะสามารถสอบบัญชีและจัดทำรายงานเป็นภาษาไทยได้ และมีภูมิลำเนาในประเทศไทย และเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วต้องได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวด้วย จึงจะปฏิบัติงานเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ +(2) ผ่านการทดสอบหรือฝึกอบรมหรือฝึกงานหรือเคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีมาแล้วตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +(3) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เนื่องจากกระทำความผิดตามมาตรา 269 มาตรา 323 หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เว้นแต่ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี กฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชี หรือกฎหมายว่าด้วยการกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ เฉพาะที่เกี่ยวกับการรับรองงบการเงินหรือบัญชีอื่นใดอันไม่ถูกต้องหรือทำรายงานเท็จ หรือความผิดตามหมวด 5 และหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ต้องคำพิพากษาหรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี +(4) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย +(5) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '39'}]",ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 39 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) เป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญตามมาตรา 14 วรรคส��ง แต่ในกรณีเป็นสมาชิกวิสามัญซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องเป็นผู้มีความรู้ภาษาไทยดีพอที่จะสามารถสอบบัญชีและจัดทำรายงานเป็นภาษาไทยได้ และมีภูมิลำเนาในประเทศไทย และเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วต้องได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวด้วย จึงจะปฏิบัติงานเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ (2) ผ่านการทดสอบหรือฝึกอบรมหรือฝึกงานหรือเคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีมาแล้วตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (3) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เนื่องจากกระทำความผิดตามมาตรา 269 มาตรา 323 หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เว้นแต่ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี กฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชี หรือกฎหมายว่าด้วยการกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ เฉพาะที่เกี่ยวกับการรับรองงบการเงินหรือบัญชีอื่นใดอันไม่ถูกต้องหรือทำรายงานเท็จ หรือความผิดตามหมวด 5 และหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ต้องคำพิพากษาหรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (4) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (5) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +นิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใดเป็นการเฉพาะอีกไหม,ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ต้องปฏิบัติตามหมวดที่ 2 ส่วนที่ 2 หลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 21,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '21'}]",ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ต้องปฏิบัติตามหมวดที่ 2 ส่วนที่ 2 หลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 21 +บุคคลผู้เป็นทั้งใบ้และหูหนวกจะทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับอย่างไร,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1661 ถ้าบุคคลผู้เป็นทั้งใบ้และหูหนวกหรือผู้ที่พูดไม่ได้ มีความประสงค์จะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารลับ ให้ผู้นั้นเขียนด้วยตนเองบนซองพินัยกรรมต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานซึ่งข้อความว่าพินัยกรรมที่ผนึกนั้นเป็นของตนแทนการให้ถ้อยคำดังที่กำหนดไว้ในมาตรา 1660 (3) และถ้าหากมีผู้เขียนก็ให้เขียนชื่อกับภูมิลำเนาของผู้เขียนพินัยกรรมนั้นไว้ด้วย ให้กรมการอำเภอจดลงไว้บนซองเป็นสำคัญว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ปฏิบัติตามข้อความในวรรคก่อนแล้ว แทนการจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1661'}]",ให้ผู้นั้นเขียนด้วยตนเองบนซองพินัยกรรมต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานซึ่งข้อความว่าพินัยกรรมที่ผนึกนั้นเป็นของตนแทนการให้ถ้อยคำดังที่กำหนดไว้ในมาตรา 1660 (3) และถ้าหากมีผู้เขียนก็ให้เขียนชื่อกับภูมิลำเนาของผู้เขียนพินัยกรรมนั้นไว้ด้วย +ใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันมันหาย ทำยังไงได้บ้าง,ให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่อเจ้าพนักงานทะเบียน การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 58,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '58'}]",ให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่อเจ้าพนักงานทะเบียน การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 58 +หากช่วยคนปล่อยคอนโดเช่าได้ แต่ไม่ได้กำหนดค่านายหน้าไว้ คนช่วยสามารถได้ค่านายหน้าไหม,ได้ หากเป็นสิ่งที่ได้มีการมอบหมายและควรคาดหมายตามพฤติการณ์ได้ว่าย่อมทำเพื่อเอาค่าบำเหน็จ แต่ถ้าไม่ได้บอกด้วยว่าให้กี่บาท กฎหมายให้ถือว่าได้ตกลงกันเป็นจำนวนตามธรรมเนียม อ้างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 846,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '846'}]",ได้ หากเป็นสิ่งที่ได้มีการมอบหมายและควรคาดหมายตามพฤติการณ์ได้ว่าย่อมทำเพื่อเอาค่าบำเหน็จ แต่ถ้าไม่ได้บอกด้วยว่าให้กี่บาท กฎหมายให้ถือว่��ได้ตกลงกันเป็นจำนวนตามธรรมเนียม อ้างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 846 +บริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เคยได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ก่อนหน้านี้แล้ว ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อีกไหม,ไม่ต้องขออนุญาตอีก ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 323 บุคคลผู้กระทำการแทนบริษัทซึ่งจัดตั้งและประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายต่างประเทศ โดยมีสำนักงานติดต่อกับบุคคลทั่วไปในราชอาณาจักรและได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ อยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำการแทนบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งจัดตั้งตามกฎหมายต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตแล้วตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '323'}]",ไม่ต้องขออนุญาตอีก +ระยะเวลาของการใช้สิทธิเก็บกินในที่ของคนอื่น ตามกฎหมายมีระยะเวลานานแค่ไหน,ถ้าไม่มีกำหนดเวลา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าสิทธิเก็บกินมีอยู่ตลอดชีวิตของผู้ทรงสิทธิ์ ถ้ามีกำหนดเวลา ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 1403 วรรค 3 มาใช้บังคับโดยอนุโลม อย่างไรก็ตาม ถ้าสิทธินั้นย่อมสิ้นไปเสมอในกรณีที่ผู้ทรงสิทธิเก็บกินถึงแก่ความตาย อ้างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1418,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1418'}]",ถ้าไม่มีกำหนดเวลา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าสิทธิเก็บกินมีอยู่ตลอดชีวิตของผู้ทรงสิทธิ์ ถ้ามีกำหนดเวลา ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 1403 วรรค 3 มาใช้บังคับโดยอนุโลม. +พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน พ.ศ. 2499 มีผลวันแรกคือวันไหน,พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2500 เป็นต้นไป ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 2,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '2'}]",พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2500 เป็นต้นไป +ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่อะไรบ้าง,ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/18 ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของกองทุนและรับผิดชอบการบริหารกิจการของกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน และตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้แทนของกองทุน หรือจะมอบอำนาจให้คนอื่นทำแทนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/18'}]",ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของกองทุนและรับผิดชอบการบริหารกิจการของกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน และตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้แทนของกองทุน หรือจะมอบอำนาจให้คนอื่นทำแทนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด. +หากสำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการโอนฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นดำเนินการแทนในระหว่างที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดไม่สามารถดำรงฐานะทางการเงินได้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จะมีผลผูกพันหรือไม่,"มีผลผูกพันผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเสมือนหนึ่งผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นได้ดำเนินการดังกล่าวเองตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 52 + +คำอธิบายเพิ่มเติม + +พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 52 การดำเนินการของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 50 หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามมาตรา 51 ให้มีผลผูกพันผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเสมือนหนึ่งผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นได้ดำเนินการดังกล่าวเอง และในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นให้จ่ายจากทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '52'}]",มีผลผูกพันผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเสมือนหนึ่งผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นได้ดำเนินการดังกล่าวเองตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 52 +การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ต้องมีองค์ประชุมกี่คน,ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 13 เบญจ การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 เบญจ'}]",การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม +การลงโทษปรับทางปกครองตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มีข้อจำกัดหรือไม่,ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 113 ในการลงโทษปรับทางปกครองจำนวนค่าปรับทางปกครองต้องไม่เกินสองล้านบาทในแต่ละกรรม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '113'}]",จำนวนค่าปรับทางปกครองต้องไม่เกินสองล้านบาทในแต่ละกรรม +ในกรณีที่มีการขีดคร่อมเช็ค และไม่มีชื่อธนาคารอยู่ในเช็ค ต้องไปขึ้นเช็คที่ไหน,ขึ้นได้ทุกธยนาคาร เพราะเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป เช็คขีดคร่อมทั่วไปคือ เช็คมีเส้นขนานคู่ขีดขวางไว้ข้างด้านหน้า กับมีหรือไม่มีคำว่า “และบริษัท” ข้อความนี้อยู่ในระหว่างเส้นทั้งสอง ตามมาตรา 994 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '994'}]",ขึ้นได้ทุกธนาคาร เพราะเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป +ถ้าคนยืมของไปแล้วคืนช้ากว่าที่นัดไว้ ทำให้เราไม่ได้ใช้ของ จะเรียกดอกเบี้ยได้ไหม,ถ้าคนยืมของไป ส่งของคืนช้า สามารถคิดดอกเบี้ยในจำนวนที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนได้ โดยให้เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาที่ไม่ได้คืนของ หรือตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคานั้นก็ได้ ตามมาตรา225 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '225'}]",สามารถคิดดอกเบี้ยในจำนวนที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนได้ โดยให้เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาที่ไม่ได้คืนของ +ถ้าจ0ะทำพินัยกรรมยกบ้านให้กับเด็ก ���ต่ต้องการให้คนอื่นดูแล ทำได้ไหม,"ได้ แต่จะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1688 + +คำอธิบายเพิ่มเติม +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1688 การตั้งผู้ปกครองทรัพย์นั้น ในส่วนที่เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ย่อมไม่บริบูรณ์ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ +บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับแก่เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งแพและสัตว์พาหนะด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1688'}]",ได้ แต่จะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1688 +ถ้าสัญญาเช่ามีกำหนดระยะเวลา สัญญาจะสิ้นสุดเมื่อใด,"สัญญาเช่าที่กำหนดระยะเวลาจะสิ้นสุดตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 สัญญาเช่าจะระงับไปเมื่อสิ้นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '564'}]",สัญญาเช่าที่กำหนดระยะเวลาจะสิ้นสุดตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า +ใครมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์,"คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 176 + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 176 คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดำเนินกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มอบหมายได้ และให้นำความในมาตรา 12 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประโยชน์ตอบแทนรับประโยชน์ตอบแทนตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '176'}]",คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 176 +พ่อแม่ขายที่ดินซี่งเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกอายุ 16 ปีได้ไหม,"ทำไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว เนื่���งจากกรณีนี้บุตรอายุ 16 ปีอาจเป็นผู้เยาว์ และบิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 นิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ดังต่อไปนี้ ผู้ใช้อำนาจปกครองไม่สามารถทำได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต +(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ อันเข้ากรณีตามคำถามดังกล่าว ซึ่งเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ +(2) กระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งทรัพยสิทธิของผู้เยาว์อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ +(3) ก่อตั้งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพยสิทธิอื่นใดในอสังหาริมทรัพย์ +(4) จำหน่ายไปทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งสิทธิเรียกร้องที่จะให้ได้มาซึ่งทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ หรือสิทธิเรียกร้องที่จะให้ทรัพย์สินเช่นว่านั้นของผู้เยาว์ปลอดจากทรัพยสิทธิที่มีอยู่เหนือทรัพย์สินนั้น +(5) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี +(6) ก่อข้อผูกพันใด ๆ ที่มุ่งให้เกิดผลตาม (1) (2) หรือ (3) +(7) ให้กู้ยืมเงิน +(8) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่จะเอาเงินได้ของผู้เยาว์ให้แทนผู้เยาว์เพื่อการกุศลสาธารณะ เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา ทั้งนี้ พอสมควรแก่ฐานานุรูปของผู้เยาว์ +(9) รับการให้โดยเสน่หาที่มีเงื่อนไขหรือค่าภาระติดพัน หรือไม่รับการให้โดยเสน่หา +(10) ประกันโดยประการใด ๆ อันอาจมีผลให้ผู้เยาว์ต้องถูกบังคับชำระหนี้หรือทำนิติกรรมอื่นที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้รับชำระหนี้ของบุคคลอื่นหรือแทนบุคคลอื่น +(11) นำทรัพย์สินไปแสวงหาผลประโยชน์นอกจากในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1598/4 (1) (2) หรือ (3) +(12) ประนีประนอมยอมความ +(13) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1574'}]",ทำไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว +ตามกฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นายจ้างต้องแยกบัญชีของตนออกจากบัญชีของกองทุนไหม,"นายจ้างต้องแยกบัญชีของตนออกจากบัญชีกอ��ทุนโดยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 นายจ้างแยกบัญชีและเอกสารเกี่ยวกับการเงินหรือทรัพย์สินอื่นของตนออกจากบัญชีและเอกสารของกองทุนโดยเด็ดขาด","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '15'}]",นายจ้างต้องแยกบัญชีของตนออกจากบัญชีกองทุนโดยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 +กระบวนการบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการได้ใช้หลักการบังคับหลักประกันที่เป็นทรัพย์สินมาประกอบไหม,"สามารถใช้การบังคับหลักประกันทางทรัพย์สิน มาตรา 35 มาบังคับโดยอนุโลมได้ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 62 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 35 มาตรา 42 และมาตรา 51 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับแก่การบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการตามหมวดนี้โดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '62'}]",สามารถใช้การบังคับหลักประกันทางทรัพย์สิน มาตรา 35 มาบังคับโดยอนุโลมได้ +การชักชวนให้บุคคลมอบหมายให้คนอื่นถือหุ้นแทนตนภายในบริษัทตลาดหลักทรัพย์สามารถทำได้ไหม,"สามารถดูได้จากหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/31 + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/31 การชักชวน ชี้นำ หรือกระทำด้วยประการใด ๆต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นการทั่วไปเพื่อให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้ตนหรือบุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้นและออกเสียงลงคะแนนแทน => ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/31'}]",สามารถดูได้จากหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/31 +หากบริษัทตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไม่จัดทำงบการเงินจะมีโทษหรือไม่,"กรณีที่บริษัทไม่จัดทำงบการเงินตามมาตรา 56 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และป���ับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 274 บริษัทใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 56 มาตรา 57 หรือมาตรา 58 (1) หรือ (3) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งนี้ หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการของบริษัทใดไม่มาชี้แจงตามมาตรา 58 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '274'}]","กรณีที่บริษัทไม่จัดทำงบการเงินตามมาตรา 56 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +รัฐมนตรีสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมตามการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้ไม่จำกัดหรือไม่,"ไม่ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สามารถออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้เท่านั้นตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 46 + +คำอธิบายเพิ่มเติม +พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 46 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ตลอดจนยกเว้นค่าธรรมเนียมและกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ +กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '46'}]",ไม่ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สามารถออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้เท่านั้นตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 46 +ผลของการจดทะเบียนควบรวมบริษัทมหาชนจำกัดคืออะไร,"บริษัทเดิมหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 152 + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 152 เมื่อนายทะเบียนรับจดทะ���บียนการควบบริษัทแล้ว บริษัทเดิมหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคล และให้นายทะเบียนหมายเหตุไว้ในทะเบียน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '152'}]",บริษัทเดิมหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 152 +ข้อจำกัดในการคิดดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ใช้กับหุ้นกู้ไหม,"ไม่ เพราะพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 38 ไม่ให้นำบทบัญญัติมาตรา 654แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรามาใช้บังคับแก่หลักทรัพย์ประเภทหุ้นกู้ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 38 มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 654แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรามาใช้บังคับแก่หลักทรัพย์ประเภทหุ้นกู้และตั๋วเงินที่เสนอขายตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '38'}]",ไม่ เพราะพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 38 ไม่ให้นำบทบัญญัติมาตรา 654แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรามาใช้บังคับแก่หลักทรัพย์ประเภทหุ้นกู้ +การหลอกว่าเป็นผู้ถือหุ้นและลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดมีโทษหรือไม่,"มีความผิดทางพินัยและต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท + +คำธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 218 ผู้ใดเข้าร่วมในที่ประชุมจัดตั้งบริษัทหรือในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และลงคะแนนออกเสียงหรืองดลงคะแนนเสียงโดยลวงว่าตนเป็นผู้จองหุ้น ผู้ถือหุ้น หรือผู้มีสิทธิออกเสียงแทนผู้จองหุ้น หรือผู้ถือหุ้น มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท* +ผู้ใดให้อุปการะแก่การกระทำความผิดในวรรคหนึ่ง โดยส่งมอบเอกสารแสดงการจองหุ้นหรือใบหุ้นซึ่งได้ใช้เพื่อการดังกล่าวแล้ว มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยเช่นเดียวกัน*","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '218'}]","มีความผิดทางพินัยและต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +ถ้าผู้จ่ายขีดฆ่าคำรับรองในตั๋วเงินหลังจากได้บอกผู้ทรงแ��้วจะมีผลผูกพันหรือไม่,"ผู้จ่ายยังคงผูกพันตามที่ได้เขียนรับรอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 934 + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 934 มี 2 กรณี กรณีแรก ผู้จ่ายเขียนคำรับรองลงในตั๋วแลกเงินแล้ว แต่ขีดฆ่าเสียก่อนตั๋วเงินจะตกไปยังผู้อื่น ผลคือไม่รับรอง กรณีสอง ผู้จ่ายเขียนคำรับรองลงในตั๋วเงินแล้ว และผู้จ่ายได้แจ้งความเป็นหนังสือไปยังผู้ทรง หรือคู่สัญญาฝ่ายอื่นซึ่งได้ลงนามรับรองในตั๋วเงิน จึงมาขีดฆ่าคำรับรองต่อภายหลัง ผลคือผู้จ่ายก็คงต้องผูกพันอยู่ตามเนื้อความที่ตนเขียนรับรอง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '934'}]",ผู้จ่ายยังคงผูกพันตามที่ได้เขียนรับรอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 934 +บริษัทมหาชนจำกัดจะสามารถเพิ่มทุนได้หรือไม่,"ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 136 บริษัทจะเพิ่มทุนจากจำนวนที่จดทะเบียนไว้แล้วได้โดยการออกหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น โดยการออกหุ้นใหม่สามารถทำได้โดย ดังนี้ +1.หุ้นทั้งหมดได้ออกจำหน่ายและได้รับชำระเงินค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว หรือในกรณีหุ้นยังจำหน่ายไม่ครบ หุ้นที่เหลือต้องเป็นหุ้นที่ออกเพื่อรองรับหุ้นกู้แปลงสภาพหรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น +2.ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน และ +3.นำมตินั้นไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '136'}]",บริษัทจะเพิ่มทุนจากจำนวนที่จดทะเบียนไว้แล้วได้โดยการออกหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น +ดอกผลมีกี่ประเภท,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 ดอกผลมี 2 ประเภท 1.ดอกผลธรรมดา กล่าวคือ เกิดขึ้นจากธรรมชาติของตัวทรัพย์ จากการมีหรือใช้ทรัพย์นั้นตามปกติ และสามารถถือเอาได้เมื่อขาดจากทรัพย์นั้น 2.ดอกผลนิตินัย กล่าวคือ ทรัพย์หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้มาเป็นครั้งคราวแก่เจ้าของทรัพย์ หรือจากผู้อื่นที่ได้ใช้ทรัพย์นั้น และสามารถคำนวณและถือเอาเป็นรายวันหรือระยะเวลาที่กำหนดไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '148'}]",ดอกผลมี 2 ประเภท 1.ดอกผลธรรมดา 2.ดอกผลนิตินัย +การขยายระยะเวลากรณีไม่ได้กำหนดวันเริ่มต้นนับยังไง,"ให้นับวันที่ต่อจากวันสุดท้ายของระยะเวลาเดิมเป็นวันเริ่มต้น + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/7 ถ้าไม่ได้มีการกำหนดวันเริ่มต้นของวันที่ขยายออกไป ให้นับวันที่ต่อจากวันสุดท้ายของระยะเวลาเดิมเป็นวันเริ่มต้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/7'}]",ให้นับวันที่ต่อจากวันสุดท้ายของระยะเวลาเดิมเป็นวันเริ่มต้น +ตามกฎหมายทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พนักงานเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าไปรวบรวมข้อมูลที่ทำการของทรัสตีในเวลาใด,"พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของทรัสตี หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของทรัสตี ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น + +คำอธิบายขยายความ : +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 62 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้ +(1) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของทรัสตี หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของทรัสตี ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบกิจการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจทรัสตี รวมทั้งเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง +(2) เข้าไปในธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) ค้นสถานที่ใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น +(4) อายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือการดำเนินคดี +(5) สั่งให้ทรัสตี บุคคลที่มีอำนาจหน้าที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของทรัสตีหรือบุคคลที่ทรัสตีมอบหมายให้ดำเนินกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแทน รวมทั้งกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้สอบบัญชีของทรัสตีมาให้ถ้อยคำ หรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตราหรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับการดำเนินงานของทรัสตี +(6) สั่งให้บุคคลใด ๆ ซึ่งมีส่วนรู้เห็นการกระทำหรือข้อเท็จจริงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องและจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำ หรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '62'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของทรัสตี หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของทรัสตี ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น +ถ้ามีการสลักหลังลอยในตั๋วเงิน ผู้ทรงจะมีสิทธิในตั๋วเงินนั้นหรือไม่,"ถ้าแสดงให้เห็นสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักหลังลอยก็ตาม ก็ย่อมเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 1008 บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครอง ถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย แม้ว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักหลังลอยก็ตาม ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อใดที่รายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก ให้ถือว่าบุคคลผู้ที่ลงลายมือชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย และถ้าหากคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าแล้ว ให้เสมือนว่าไม่มีเลย ถ้าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดต้องปราศจากตั๋วเงินไปจากครอบครอง ผู้ทรงซึ่งแสดงให้ปรากฏสิทธิของตนในตั๋วตามวิธีการดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ต้องสละตั๋วเงิน เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริต หรือได้มาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ข้อความในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับตลอดถึงผู้ทรงตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '905'}]",ถ้าแสดงให้เห็นสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุ��จะเป็นสลักหลังลอยก็ตาม ก็ย่อมเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย +ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีความรับผิดชอบเพียงใด,"ผู้ร่วมจัดตั้งบริษัทต้องร่วมกันรับผิดในกิจการที่ทำไป รวมไปถึงหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทไม่อนุมัติ โดยต้องรับผิดในหนี้ไม่จำกัดจำนวน + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 46 ถ้าไม่สามารถจัดการประชุมจัดตั้งบริษัทให้เสร็จได้ ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องรับผิดร่วมกันในบรรดากิจการต่าง ๆ ที่ได้กระทำไปเนื่องในการจัดตั้งบริษัท และต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในบรรดาหนี้และการจ่ายเงิน ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทไม่ได้อนุมัติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '46'}]",ผู้ร่วมจัดตั้งบริษัทต้องร่วมกันรับผิดในกิจการที่ทำไป รวมไปถึงหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทไม่อนุมัติ โดยต้องรับผิดในหนี้ไม่จำกัดจำนวน +จะจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องทำอย่างไร,"ตามมาตรา 8 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ผู้ต้องการจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 6 และมีข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 9 + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 8 ในการขอจดทะเบียนกองทุน ถ้าได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 และมีข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 9 และข้อบังคับนั้นไม่ขัดต่อกฎหมายหรือวัตถุประสงค์ของกองทุน ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนได้ และให้ออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่กองทุนนั้น ทั้งนี้ ให้นายทะเบียนประกาศการจดทะเบียนกองทุนในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '8'}]",ผู้ต้องการจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 6 และมีข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 9 +กรณีใดบ้างที่ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องซื้อหลักทรัพย์มากกว่าที่ผู้ซื้อมีเจตนาจริงๆ,"ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 252 หากครบกำหนดเวลารับซื้อในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แล้ว และผู้มีหลักทรัพย์ต้องการขายในจำนวนที่มากกว่าในคำเสนอซื้อ กรณีดังต่อไปนี้ ผู้ที่เสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องซื้อหลักทรัพย์ไว้ทั้งหมด +1. กรณีที่หลักทรัพย์นั้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องการให้หลักทรัพย์นั้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต่อไป +2. ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องการจะเปลี่ยนวัตถุที่ประสงค์สำคัญของกิจการ +3. ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องการจะเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ของกิจการนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ +4. กรณีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '252'}]",1. กรณีที่หลักทรัพย์นั้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องการให้หลักทรัพย์นั้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต่อไป 2. ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องการจะเปลี่ยนวัตถุที่ประสงค์สำคัญของกิจการ 3. ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องการจะเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ของกิจการนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ 4. กรณีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +สามารถใช้ทรัสต์มาชำระหนี้ส่วนตัวได้หรือไม่,"ไม่สามารถนำกองทรัสต์มาชำระหนี้ส่วนตัวของทรัสตีได้ +คำอธิบายขยายความ : +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 50 กองทรัสต์เป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถนำมาชำระหนี้ส่วนตัวของทรัสตีได้ +หากทรัสตีล้มละลายเนื่องจากหนี้ส่วนตัว หรือเมื่อความเป็นนิติบุคคลของทรัสตีสิ้นสุดลง ไม่ให้นำกองทรัสต์มารวมเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายหรือในการชำระบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '50'}]",ไม่สามารถนำกองทรัสต์มาชำระหนี้ส่วนตัวของทรัสตีได้ +หากโอนหลักทรัพย์ไม่ถูกต้องจะได้รับโทษอะไรหรือไม่,"การโอนหลักทรัพย์จะต้องเป็นไปตามมาตรา 53 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งหากฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาทและปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 273 บริษัทใด 1.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 50 มาตรา 53 มาตรา 191 มาตรา 192 หรือมาตรา 193 หรือ 2.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 50 มาตรา 55/1 วรรคสอง หรือมาตรา 191 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '273'}]","ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาทและปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +ถ้าเราเช่าโทรศัพท์และได้รับมอบโทรศัพท์แล้ว แต่ปรากฏว่ามีผู้เช่าโทรศัพท์อีกรายอ้างสิทธิในโทรศัพท์เครื่องเดียวกัน ใครจะมีสิทธิดีกว่า,"เรามีสิทธิดีกว่า เนื่องจากทรัพย์ได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของเราก่อนแล้วย่อมมีสิทธิดีกว่าคนอื่นๆ + +คำอธิบายขยายความ : +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 542 บุคคลหลายคนเรียกเอาสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ท่านว่าทรัพย์ตกไปอยู่ในครอบครองผู้เช่าคนใดก่อนด้วยสัญญาเช่าทรัพย์นั้น คนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '542'}]",เรามีสิทธิดีกว่า เนื่องจากทรัพย์ได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของเราก่อนแล้วย่อมมีสิทธิดีกว่าคนอื่นๆ +กรณีใดบ้างที่ผู้รับหลักประกันออกหนังสือยินยอมให้ยกเลิกการจดทะเบียนแก่ผู้ให้หลักประกันทันทีตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ,"มื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ หรือเมื่อคู่สัญญาตกลงกันเป็นหนังสือให้ยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ หรือเมื่อมีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 28 เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ หรือเมื่อคู่สัญญาตกลงกันเป็นหนังสือให้ยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ หรือเมื่อมีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้ผู้รับหลักประกันออกหนังสือยินยอมให้ยกเลิกการจดทะเบียนแก่ผู้ให้หลักประกันทันที มิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายผู้รับหลักประกันต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ให้หลักประกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '28'}]",เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ หรือเมื่อคู่สัญญาตกลงกันเป็นหนังสือให้ยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ หรือเมื่อมีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน +ตัวแทนมีหน้าที่เช่นไร,"กรณีมีคำสั่ง ให้ทำตามคำสั่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายของตัวการ กรณีไม่มีคำสั่ง ก็ต้องดำเนินตามทางที่เคยทำกันมาในกิจการค้าขาย + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 807 ตัวแทนต้องทำการตามคำสั่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายของตัวการเมื่อไม่มีคำสั่งเช่นนั้น ก็ต้องดำเนินตามทางที่เคยทำกันมาในกิจการค้าขายอันเขาให้ตนทำอยู่นั้น +ทั้งนี้ การฝากทรัพย์ตามมาตรา 659 ให้นำมาใช้โดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '807'}]",ตัวแทนต้องทำการตามคำสั่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายของตัวการ เมื่อไม่มีคำสั่งเช่นนั้น ก็ต้องดำเนินตามทางที่เคยทำกันมาในกิจการค้าขายอันเขาให้ตนทำอยู่นั้น. +กรณีใดบ้างที่ทรัสตีต้องจัดให้มีระบบงานอย่างเหมาะสมในการจัดการกองทรัสต์ตามกฎหมายทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน,"ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 57 ให้ทรัสตีจัดให้มีระบบงานอย่างเหมาะสมในการจัดการกองทรัสต์ในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) แยกกองทรัสต์ออกจากทรัพย์สินส่วนตัวของทรัสตี +(2) จัดการกองทรัสต์ให้เป็นไปตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์และพระราชบัญญัตินี้ +(3) บันทึกกรรมสิทธิ์หรือสิทธิเหนือทรัพย์สินในกองทรัสต์ รายได้ รายจ่ายและหนี้สินของกองทรัสต์ ตลอดจนบัญชีที่เกี่ยวข้องกับกองทรัสต์ +(4) ดูแลและติดตามสิทธิประโยชน์ของกองทรัสต์ +(5) จัดสรรสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้รับประโยชน์ +(6) ควบคุม ตรวจสอบ และป้องกันมิให้มีการจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์และพระราชบัญญัตินี้ และมิให้มีการทุจริตในการจัดการกองทรัสต์ +(7) ระบบงานอื่นใดที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบั��ญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '57'}]",ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 57 ให้ทรัสตีจัดให้มีระบบงานอย่างเหมาะสมในการจัดการกองทรัสต์ในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) แยกกองทรัสต์ออกจากทรัพย์สินส่วนตัวของทรัสตี (2) จัดการกองทรัสต์ให้เป็นไปตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์และพระราชบัญญัตินี้ (3) บันทึกกรรมสิทธิ์หรือสิทธิเหนือทรัพย์สินในกองทรัสต์ รายได้ รายจ่ายและหนี้สินของกองทรัสต์ ตลอดจนบัญชีที่เกี่ยวข้องกับกองทรัสต์ (4) ดูแลและติดตามสิทธิประโยชน์ของกองทรัสต์ (5) จัดสรรสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้รับประโยชน์ (6) ควบคุม ตรวจสอบ และป้องกันมิให้มีการจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์และพระราชบัญญัตินี้ และมิให้มีการทุจริตในการจัดการกองทรัสต์ (7) ระบบงานอื่นใดที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประชาชน จะมีวิธีดำเนินการอย่างไร,"บริษัทหลักทรัพย์ใดมีฐานะหรือมีการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน => ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการแก้ไขการบริหารงานให้ถูกต้องหรือดำเนินการอื่นใดภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้นด้วยก็ได้ => หากบริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ดำเนินการแก้ไขหรือไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานดังกล่าว ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทหลักทรัพย์นั้นได้ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 143 ในกรณีที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์ใดมีฐานะหรือมีการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการแก้ไขการบริหารงานให้ถูกต้องหรือดำเนินการอื่นใดภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ในการนี้ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้นด้วยก็ได้ +บริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ดำเนินการแก้ไขหรือไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานดังกล่าวได้ ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทหลักทรัพย์นั้นได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '143'}]",ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการแก้ไขการบริหารงานให้ถูกต้องหรือดำเนินการอื่นใดภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด และหากบริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ดำเนินการแก้ไขหรือไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานดังกล่าวได้ ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทหลักทรัพย์นั้นได้. +ในห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนประเภทใดสามารถโอนหุ้นได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนคนอื่น,"หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1091 หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดจะโอนหุ้นของตนปราศจากความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1091'}]",หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด +ภูมิลำเนาของผู้เยาว์คือที่ใด,"ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ คือภูมิลำเนาของผู้แทนโดยชอบธรรม (ผู้ปกครอง หรือผู้ใช้อำนาจปกครอง) ถ้าหากผู้เยาว์อยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา ถ้าบิดาและมารดามีภูมิลำเนาคนละที่ ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ได้แก่ภูมิลำเนาของบิดาหรือมารดาซึ่งผู้เยาว์อยู่ด้วย + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 44 ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ ได้แก่ ภูมิลำเนาของผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ในกรณีที่ผู้เยาว์อยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา ถ้าบิดาและมารดามีภูมิลำเนาแยกต่างหากจากกัน ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ได้แก่ภูมิลำเนาของบิดาหรือมารดาซึ่งตนอยู่ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '44'}]",ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ คือภูมิลำเนาของผู้แทนโดยชอบธรรม (ผู้ปกครอง หรือผู้ใช้อำนาจปกครอง) ถ้าหากผู้เยาว์อยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา ถ้าบิดาและมารดามีภูมิลำเนาคนละที่ ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ได้แก่ภูมิลำเนาของบิดาหรือมารดาซึ่งผู้เยาว์อยู่ด้วย +การแต่งตั้งกรรมการของบริษัทตลาดหลักทรัพย์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากใคร,"ต้องได้รับความเห็นชอบจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 104 บริษัทหลักทรัพย์จะแต่งตั้งกรรมการหรือผู้จัดการ หรือทำสัญญาให้บุคคลอื่นมีอำนาจทั้งหมดหรือบางส่วนในการบริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์ได้ ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน +ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าบุคคลตามวรรคหนึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 103 ให้สำนักงานมีอำนาจเพิกถอนความเห็นชอบที่ได้ให้ไว้แล้วได้และให้บริษัทหลักทรัพย์เสนอชื่อบุคคลอื่นแทนเพื่อขอความเห็นชอบจากสำนักงานภายใน 15 วันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนความเห็นชอบ +ให้นำความในมาตรา 103 มาใช้บังคับแก่บุคคลซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ทำสัญญาให้มีอำนาจทั้งหมดหรือบางส่วนในการบริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้นตลอดจนผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่บุคคลนั้นด้วยโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '104'}]",ต้องได้รับความเห็นชอบจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ถ้าอุทธรณ์จะสามารถทุเลาการเสียภาษีได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากการอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเล่าการเสียภาษี เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 31 การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร ถ้าไม่เสียภาษีอากรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ถือเป็นภาษีอากรค้างตามมาตรา 12 เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายใน 30 นับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจ���ัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น ผู้อุทธรณ์จะต้องชำระภายในกำหนดเวลาเช่นเดียวกับวรรคก่อน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '31'}]",ไม่ได้ เนื่องจากการอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเล่าการเสียภาษี เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด +ถ้าทำใบรับของคลังสินค้าหาย จะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง,"เมื่อผู้ทรงเอกสารที่ทำหายได้ให้ประกันตามสมควรแล้ว นายคลังสินค้าจะออกให้ใหม่ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 796 กรณีแรก เอกสารมีทั้งใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า และสูญหายไป กรณีสอง เอกสารมีอย่างใดอย่างหนึ่ง และสูญหายไป เมื่อผู้ทรงเอกสารนั้น ๆ ให้ประกันตามสมควรแล้วจะให้นายคลังสินค้าออกให้ใหม่ก็ได้ +ในกรณีเช่นนี้นายคลังสินค้าต้องจดหมายลงไว้ในต้นขั้วเป็นสำคัญ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '796'}]",เมื่อผู้ทรงเอกสารที่ทำหายได้ให้ประกันตามสมควรแล้ว นายคลังสินค้าจะออกให้ใหม่ +ตั๋วเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงิน ผู้ทรงตั๋วเงินต้องนำตั๋วเงินมายื่นภายในเมื่อไหร่,"เมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาอย่างใดอย่างหนึ่งนับแต่ได้เห็น ผู้ทรงตั๋วเงินจะต้องนำตั๋วเงินมายื่นรับรองภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ลงตั๋วเงิน หรือช้าเร็วกว่านั้นตามที่ผู้สั่งจ่ายระบุกำหนดไว้ + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 928 ผู้ทรงตั๋วแลกเงินอันสั่งให้ใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลากำหนดอย่างใดอย่างหนึ่งนับแต่ได้เห็นนั้น ต้องนำตั๋วเงินยื่นเพื่อให้รับรองภายในหกเดือนนับแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน หรือภายในเวลาช้าเร็วกว่านั้นตามแต่ผู้สั่งจ่ายจะได้ระบุไว้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '928'}]",ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ลงตั๋วเงิน หรือช้าเร็วกว่านั้นตามที่ผู้สั่งจ่ายระบุกำหนดไว้ +ในห้างหุ้นส่วนสามัญ สามารถนำบุคคลภายนอกมาเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนได้หรือไม่,"ทำได้ หากได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนทุ���คน หรือทำได้ กรณีได้ตกลงไว้ +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1040 ไม่ให้ชักนำเอาบุคคลผู้อื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนโดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดด้วยกันทุกคน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1040'}]",ทำได้ หากได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนทุกคน หรือทำได้ กรณีได้ตกลงไว้ +ในสัญญาบัญชีเดินสะพัด ถ้าไม่ได้ชำระเงินส่วนที่ผิดกันอยู่ จะทำเช่นไร,"คิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่หักทอนบัญชีเสร็จเป็นต้นไป + +คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 860 ถ้ายังไม่ได้ชำระเงินส่วนที่ผิดกันอยู่ ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่หักทอนบัญชีเสร็จเป็นต้นไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '860'}]",คิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่หักทอนบัญชีเสร็จเป็นต้นไป +ถ้าถูกลงโทษในวิชาชีพบัญชีจะสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่,"ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 55 ผู้ถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษสามารถอุทธรณ์คำสั่งลงโทษตามมาตรา 54 ได้ต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง + +คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 55 ผู้กล่าวหาหรือผู้ซึ่งถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 54 ต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีกำหนด +คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีให้เป็นที่สุด +การอุทธรณ์คำสั่งไม่เป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งลงโทษ เว้นแต่คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีจะสั่งเป็นอย่างอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '55'}]",ผู้ถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษสามารถอุทธรณ์คำสั่งลงโทษตามมาตรา 54 ได้ต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง +ถ้าแยกทรัพย์สินของกองทรัสต์และทรัสตีไม่ได้โดยปะปนกันอยู่จะต้องมีผลอย่างไร,"ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 35 หากทรัสตีไม่ได้��ฏิบัติตามมาตรา 34 จนทำให้ทรัพย์สินของกองทรัสต์ปนกับของส่วนตัวทรัสตีจนไม่อาจแยกได้ กฎหมายให้สันนิษฐานว่า +(1) ทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นของกองทรัสต์ +(2) ความเสียหายและหนี้ที่เกิดจากการจัดการทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นความเสียหายและหนี้ที่เป็นส่วนตัวของทรัสตี +(3) ผลประโยชน์ที่เกิดจากการจัดการทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นของกองทรัสต์","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '35'}]",ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 35 หากทรัสตีไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 34 จนทำให้ทรัพย์สินของกองทรัสต์ปนกับของส่วนตัวทรัสตีจนไม่อาจแยกได้ กฎหมายให้สันนิษฐานว่า (1) ทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นของกองทรัสต์ (2) ความเสียหายและหนี้ที่เกิดจากการจัดการทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นความเสียหายและหนี้ที่เป็นส่วนตัวของทรัสตี (3) ผลประโยชน์ที่เกิดจากการจัดการทรัพย์สินที่ปะปนกันอยู่นั้นเป็นของกองทรัสต์ +เอาของไปส่งแล้วของมันหาย ใครต้องรับผิดชอบ,ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าอันเกิดแต่ความผิดของผู้ขนส่งคนอื่น หรือบุคคลอื่นซึ่งตนหากได้มอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 617,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '617'}]",ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าอันเกิดแต่ความผิดของผู้ขนส่งคนอื่น หรือบุคคลอื่นซึ่งตนหากได้มอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 617 +ถ้าตกลงกับสามีให้สามีมีอำนาจในการจัดการเงินฝ่ายเดียว เราเอาเงินไปใช้จ่ายให้ครอบครัวได้ไหม,ถึงแม้ว่าจะตั้งให้สามีเป็นคนจัดการในสินสมรสฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถใช้เงินที่เป็นสินสมรสจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ รวมถึงอีกฝ่ายก็ผูกพันธ์กล่าวคือมีความรับผิดในเรื่องนั้นๆเช่นกัน และหาก ฝ่ายนั้นจัดการเงินสินสมรสไปในทางที่เสียหายถึงขนาด อีกฝ่ายหนึ่งจะขอให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้จัดการสินสมรสเลย อ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1482'}]",อีก���่ายหนึ่งก็สามารถใช้เงินที่เป็นสินสมรสจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ รวมถึงอีกฝ่ายก็ผูกพันกล่าวคือมีความรับผิดในเรื่องนั้นๆเช่นกัน +ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นชนิดผู้ถือ ลงคะแนนในที่ประชุมได้ไหม,ไม่ได้ นอกจากจะได้นำใบหุ้นของตนนั้นมาวางไว้แก่บริษัทแต่ก่อนเวลาประชุม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1186,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1186'}]",ไม่ได้ นอกจากจะได้นำใบหุ้นของตนนั้นมาวางไว้แก่บริษัทแต่ก่อนเวลาประชุม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1186 +ถ้ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านให้เจ้าของบ้านไหม,"ไม่ต้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1402 +บุคคลใดได้รับสิทธิอาศัยในโรงเรือน บุคคลนั้นย่อมมีสิทธิอยู่ในโรงเรือนนั้นโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1402'}]",ไม่ต้อง +ถ้าเป็นผู้จัดการทรัพย์สินแล้วต้องมีเวลาให้ทำบัญชีนานไหม,ต้องจัดทำบัญชีให้แล้วเสร็จภายในสามเดือนนับแต่วันทราบคำสั่งตั้งของศาล แต่ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอต่อศาลให้ขยายเวลาก็ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 52,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '52'}]",ต้องจัดทำบัญชีให้แล้วเสร็จภายในสามเดือนนับแต่วันทราบคำสั่งตั้งของศาล แต่ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอต่อศาลให้ขยายเวลาก็ได้ +ตอนประชุมในบริษัทจำกัด แล้วคะแนนเสียงเท่ากัน ผลจะเป็นยังไง,ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1193 บัญญัติไว้ว่า ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน จะเป็นในการชูมือก็ดี หรือในการลงคะแนนลับก็ดี ให้ผู้เป็นประธานในที่ประชุมมีคะแนนอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1193'}]",ผู้เป็นประธานในที่ประชุมมีคะแนนอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด +สัญญาหลักประกันทางธุรกิจ คืออะไร,คือสัญญา ซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้หลักประกัน ตราทรัพย์สินไว้แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับหลักประกัน เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งมอบอะไรไว้ ผู้ให้หลักประกันอาจตราทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันการชำระหนี้ที่คนอื่นต้องชำระก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '5'}]",คือสัญญา ซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้หลักประกัน ตราทรัพย์สินไว้แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับหลักประกัน เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งมอบอะไรไว้ ผู้ให้หลักประกันอาจตราทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันการชำระหนี้ที่คนอื่นต้องชำระก็ได้ +กฎหมายห้ามไม่ให้ใครเป็นผู้จัดการมรดกบ้าง,บุคคลต่อไปนี้จะเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้ (1) ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (2) บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ (3) บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1718'}]",บุคคลต่อไปนี้จะเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้ (1) ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (2) บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ (3) บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 +ถ้าเราใช้หนี้คืนแล้วแต่เจ้าหนี้ไม่รับ แบบนี้เรายังมีหนี้ไหมตามกฎหมาย,ไม่มีแล้ว หลุดพ้นจากการรับผิดตามหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่รับ แต่เราวางทรัพย์ที่ต้องใช้ชำระหนี้ หรือวางเงินที่ต้องใช้ในการชำระหนี้แล้ว เราเป็นอันหลุดพ้นจากการเป็นลูกหนี้แล้ว อ้างอิงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '331'}]",ไม่มีแล้ว หลุดพ้นจากการรับผิดตามหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่รับ แต่เราวางทรัพย์ที่ต้องใช้ชำระหนี้ หรือวางเงินที่ต้องใช้ในการชำระหนี้แล้ว เราเป็นอันหลุดพ้นจากการเป็นลูกหนี้แล้ว +ตามกฎหมายเราต้องให้ระยะเวลานานแค่ไหนที่จะให้ลูกค้าหรือคนอื่นตอบรับการขายของเรา,ไม่นาน ถ้าไม่มีระยะกำหนดแบบเป๊ะๆ ไว้ ถ้าพูดกันต่อหน้า หรือทางโทรศัพท์ รวมถึงอีเมล หรือไลน์ด้วย ระยะเวลาคือ ทันทีเลย ณ ช่องทางที่คุย เช่น ไลน์ก็รอตอบได้ทันที หรือเมลก็รอตอบได้ทันที กฎหมายไม่ได้กำหนดเวลาไว้เฉพาะเจาะจง ถ้าทั้งสองคนไม่ได้ระบุเวลาไว้ คือทันทีทันใดนั่นเอง ตามมาตรา356 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '356'}]",ไม่นาน ถ้าไม่มีระยะกำหนดแบบเป๊ะๆ ไว้ ถ้าพูดกันต่อหน้า หรือทางโทรศัพท์ รวมถึงอีเมล หรื��ไลน์ด้วย ระยะเวลาคือ ทันทีเลย ณ ช่องทางที่คุย เช่น ไลน์ก็รอตอบได้ทันที หรือเมลก็รอตอบได้ทันที กฎหมายไม่ได้กำหนดเวลาไว้เฉพาะเจาะจง ถ้าทั้งสองคนไม่ได้ระบุเวลาไว้ คือทันทีทันใดนั่นเอง ตามมาตรา356 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +เช็คคืออะไร,เช็คคือ หนังสือที่ไว้ใช้รับเงินจากธนาคาร ซึ่งธนาคารเป็นผู้จ่าย ส่วนคนสั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน เรียกว่าผู้สั่งจ่าย และคนรับเงิน เรียกว่า ผู้รับเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 987,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '987'}]",เช็คคือ หนังสือที่ไว้ใช้รับเงินจากธนาคาร ซึ่งธนาคารเป็นผู้จ่าย ส่วนคนสั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน เรียกว่าผู้สั่งจ่าย และคนรับเงิน เรียกว่า ผู้รับเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 987 +บริษัทจำกัด ขายหุ้นให้คนอื่นๆได้ไหม,ไม่ได้ การซื้อขายหุ้นให้ประชาชนคนทั่วไปจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นบริษัทมหาชนเท่านั้น และบริษัทจำกัด ห้ามชวนประชาชนซื้อหุ้นด้วย ตามมาตรา 1102 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1102'}]",ไม่ได้ การซื้อขายหุ้นให้ประชาชนคนทั่วไปจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นบริษัทมหาชนเท่านั้น และบริษัทจำกัด ห้ามชวนประชาชนซื้อหุ้นด้วย ตามมาตรา 1102 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +ถ้าบริษัทให้พนักงานไปทำงานแทนให้ใช้กฎหมายอะไร,ใช้กฎหมายตัวการตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 77,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '77'}]",ใช้กฎหมายตัวการตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 77 +ผู้บังคับหลักประกันต้องจัดการคำร้องขอบังคับเอาหลักประกัน ภายในกี่วัน,ผู้บังคับหลักประกันต้องวินิจฉัยคำร้องขอบังคับหลักประกันให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันไต่สวนข้อเท็จจริงวันแรก อ้างจาก พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 68,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '68'}]",ผู้บังคับหลักประกันต้องวินิจฉัยคำร้องขอบังคับหลักประกันให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันไต่สวนข้อเท็จจริงวันแรก +พอศาลพิพากษาแล้วว่าให้คนๆนึงเป็นคนสาญสูญ แล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไง,ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อที่บุคคลอื่นๆจะได้รู้ ตามมาตรา64 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '64'}]",ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อที่บุคคลอื่นๆจะได้รู้ ตามมาตรา64 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +ซื้อหวยใต้ดิน แล้วเขาไม่จ่าย ฟ้องได้ไหม,ไม่ได้ เพราะมีแค่เพียง สลากกินแบ่งของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย นอกจากนั้นจะผิดกฎหมาย เป็นการพนัน ฟ้องร้องบังคับให้ใช้เงินไม่ได้ ตามมาตรา มาตรา 854 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '854'}]",ไม่ได้ เพราะมีแค่เพียง สลากกินแบ่งของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย นอกจากนั้นจะผิดกฎหมาย เป็นการพนัน ฟ้องร้องบังคับให้ใช้เงินไม่ได้ ตามมาตรา มาตรา 854 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +จะเช่าที่ดินของลูก ในการทำการค้าต้องจ่ายเงินค่าเช่าไหม,ต้องจ่าย การจะทำกิจการอะไร แล้วมันขัดกับประโยชน์ของลูก ต้องได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำก่อน เช่น การจะเช่าที่ดินของลูก ก็ต้องขอให้ศาลอนุญาตก่อนจะเช่าได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1575,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1575'}]",ต้องจ่าย +เป็นสมาชิกอยู่ในสมาคม ถ้าสมาคมมีหนี้ เราต้องจ่ายเงินเท่าไหร่,ถ้าส่งเงินให้สมาคมครบแล้ว ไม่ต้องร่วมจ่ายอะไรใดๆ แต่ถ้ายังไม่ครบ จ่ายไม่เกินจำนวนค่าบำรุงที่ค้างชำระอยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 92,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '92'}]",ถ้าส่งเงินให้สมาคมครบแล้ว ไม่ต้องร่วมจ่ายอะไรใดๆ แต่ถ้ายังไม่ครบ จ่ายไม่เกินจำนวนค่าบำรุงที่ค้างชำระอยู่ +กรรมการบริษัทกับคนอื่นๆที่ไม่ใช่คนในบริษัทใช้กฎหมายอะไร ถ้ามีปัญหา,ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่องตัวแทน อ้างอิงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1167'}]",ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่องตัวแทน อ้างอิงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167 +นับเวลาตามกฎหมายคือนับยังไง,ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นหน่วยเวลาที่สั้นกว่าวันให้เริ่มต้นนับในขณะที่เริ่มเวลานั้นๆหน่วยที่สั้นกว่าวันเช่น ชั่วโมง นาที วินาที ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือนหรือปี ไม่ให้นับวันแรกของวัน เดือน หรือ ปีนั้นรวมเข้าด้วยกัน นอกจากจะกำหนดกันเองว่าจะให้เริ่มนับวันนี้เข้าไปด้วยตามประเพณี แต่ถ้าไม่ไ้ด้กำหนด ก็ต้องนับวันต่อไป เช่นให้เวลา3วัน บอกวันจันทร์ครบ3วันคือ วันพฤหัสบดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/3'}]",ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นหน่วยเวลาที่สั้นกว่าวันให้เริ่มต้นนับในขณะที่เริ่มเวลานั้นๆหน่วยที่สั้นกว่าวันเช่น ชั่วโมง นาที วินาที ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือนหรือปี ไม่ให้นับวันแรกของวัน เดือน หรือ ปีนั้นรวมเข้าด้วยกัน นอกจากจะกำหนดกันเองว่าจะให้เริ่มนับวันนี้เข้าไปด้วยตามประเพณี แต่ถ้าไม่ไ้ด้กำหนด ก็ต้องนับวันต่อไป เช่นให้เวลา3วัน บอกวันจันทร์ครบ3วันคือ วันพฤหัสบดี +บริษัทมหาชนจะขอจดทะเบียนเพิ่มทุนได้ไหม ทำยังไงบ้าง,ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 138 เมื่อบริษัทจำหน่ายหุ้นที่เพิ่มได้บางส่วนแล้ว บริษัทจะขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วต่อนายทะเบียน โดยแบ่งออกเป็นงวด งวดละไม่น้อยกว่าร้อยละ25ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายก็ได้ แต่ต้องกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนหรือในเอกสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนด้วย นอกจากนี้แล้ว ให้บริษัทขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วภายใน14วันนับแต่วันที่ได้รับชำระค่าหุ้นครบตามจำนวนที่เสนอขายและกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือในเอกสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ในการขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว บริษัทต้องส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะผู้ถือหุ้นที่เพิ่ม โดยระบุชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ จำนวนหุ้นที่ถือและเลขที่ใบหุ้นไปด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '138'}]",ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 138 เมื่อบริษัทจำหน่ายหุ้นที่เพิ่มได้บางส่วนแล้ว บริษัทจะขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วต่อนายทะเบียน โดยแบ่งออกเป็นงวด งวดละไม่น้อยกว่าร้อยละ25ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายก็ได้ แต่ต้องกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนหรือในเอกสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนด้วย นอกจากนี้แล้ว ให้บริษัทขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วภายใน14วันนับแต่วันที่ได้รับชำระค่าหุ้นครบตามจำนวนที่เสนอขายและกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือในเอกสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ในการขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว บริษัทต้องส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะผู้ถือหุ้นที่เพิ่ม โดยระบุชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ จำนวนหุ้นที่ถือและเลขที่ใบหุ้นไปด้วย +ให้พนักงานบริษัท เป็นคนตรวจสอบบัญชีบริษัทมหาชนได้ไหม,ไม่ได้ บริษัทมหาชนห้ามให้พนักงาน ลูกจ้าง หรือแม้แต่กรรมการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 121,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '121'}]",ไม่ได้ บริษัทมหาชนห้ามให้พนักงาน ลูกจ้าง หรือแม้แต่กรรมการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 121 +จะตั้งตัวแทนในตลาดหลักทรัพย์ มีกฎหมายให้ทำยังไง,การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานก่อน การขอรับอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 100,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '100'}]",การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานก่อน การขอรับอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 100 +ถ้าคนทีทำงานในธุรกิจสิทรัพย์ดิจิทัล มีกฎข้อห้ามอะไรบ้างที่ห้ามทำตามกฎหมาย,มาตรา 42 ห้ามมิให้บุคคลใดซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล กระทำการดังต่อไปนี้ (1) ซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่ (ก) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งศาล หรือคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย (ข) เป็นการปฏิบัติตามภาระผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลที่ทำขึ้นก่อนที่ตนจะรู้หรือครอบครองข้อ���ูลภายในที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล (ค) เป็นการกระทำโดยตนมิได้เป็นผู้รู้เห็นหรือตัดสินใจ แต่ได้มอบหมายให้ผู้ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียนตามกฎหมายให้จัดการเงินทุนหรือการลงทุน ตัดสินใจในการซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลนั้น หรือ (ง) เป็นการกระทำในลักษณะที่มิได้เป็นการเอาเปรียบบุคคลอื่นหรือในลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด (2) เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมและไม่ว่าด้วยวิธีใด โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัล ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการกระทำในลักษณะที่มิได้เป็นการเอาเปรียบบุคคลอื่นหรือในลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '42'}]",มาตรา 42 ห้ามมิให้บุคคลใดซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล กระทำการดังต่อไปนี้ (1) ซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่ (ก) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งศาล หรือคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย (ข) เป็นการปฏิบัติตามภาระผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลที่ทำขึ้นก่อนที่ตนจะรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล (ค) เป็นการกระทำโดยตนมิได้เป็นผู้รู้เห็นหรือตัดสินใจ แต่ได้มอบหมายให้ผู้ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียนตามกฎหมายให้จัดการเงินทุนหรือการลงทุน ตัดสินใจในการซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลนั้น หรือ (ง) เป็นการกระทำในลักษณะที่มิได้เป็นการเอาเปรียบบุคคลอื่นหรือในลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด (2) เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมและไม่ว่าด้วยวิธีใด โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัล ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการกระทำในลักษณะที่มิได้เป็นการเอาเปรียบบุคคลอื่นหรือในลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้ามาประมูลซื้อของที่ขายทอดตลาดแล้วไม่เอาได้ไหม,ได้ ถ้าไม่ยอมจ่ายเงินค่าของที่ประมูลไว้ แต่ถ้าเขาเอาไปขายต่อแล้วมันได้ราคาถูกกว่าที่เราประมูล เราต้องจ่ายส่วนต่างให้เขา ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '516'}]",ได้ ถ้าไม่ยอมจ่ายเงินค่าของที่ประมูลไว้ แต่ถ้าเขาเอาไปขายต่อแล้วมันได้ราคาถูกกว่าที่เราประมูล เราต้องจ่ายส่วนต่างให้เขา ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516 +ถ้าเราเช่าของแล้วสภาพมันแย่มาก การใช้งานไม่ดี เราทำไงได้บ้าง,ถ้าตามสัญญาไม่ได้ระบุให้บอกเลิกสัญญาได้ สามารถอ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 548 ได้ คือทรัพย์สินที่ให้เช่ามามันไม่สมประโยชน์ที่จะใช้ประโยชน์ สามารถบอกเลิกสัญญาได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '548'}]",สามารถบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 548 +ถ้าให้คนอยู่บ้านฟรีๆ ให้อยู่ได้นานแค่ไหนตามกฎหมาย,ถ้าอยู่ฟรี ตามกฎหมายคือสิทธิอาศัย ไม่มีกำหนดเวลา ตลอดชีวิต ถ้าจะไม่ให้อยูแล้วก็ได้ แต่ต้องบอกล่วงหน้าแต่ถ้ามีกำหนดเวลา เช่น 5 ปี 10ปี ได้แต่ต้องไม่เกิน30ปี แต่ก็ยังสามารถ่ออายุได้ แต่ต่ออายุได้คราวละไม่เกิน30ปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1403'}]",ถ้าอยู่ฟรี ตามกฎหมายคือสิทธิอาศัย ไม่มีกำหนดเวลา ตลอดชีวิต ถ้าจะไม่ให้อยูแล้วก็ได้ แต่ต้องบอกล่วงหน้าแต่ถ้ามีกำหนดเวลา เช่น 5 ปี 10ปี ได้แต่ต้องไม่เกิน30ปี แต่ก็ยังสามารถต่ออายุได้ แต่ต่ออายุได้คราวละไม่เกิน30ปี. +ถ้าศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองแล้วต้องทำอะไรบ้าง,นอกจากการทำตามหน้าที่ผู้ปกครองแล้ว ให้ผู้ปกครองทำบัญชีทรัพย์สินส่งต่อศาลปีละ1ครั้ง นับ���ต่วันเป็นผู้ปกครอง อ้างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/1,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/1'}]",นอกจากการทำตามหน้าที่ผู้ปกครองแล้ว ให้ผู้ปกครองทำบัญชีทรัพย์สินส่งต่อศาลปีละ1ครั้ง นับแต่วันเป็นผู้ปกครอง +ถ้าเราไปค้ำประกันให้ใครสักคนอยากเลิกได้ไหม,ถ้าค้ำประกันเพื่อ กิจการอะไรที่เป็นลักษณะในอนาคตแล้วค้ำประกันไปหลายเรื่องหลายคราว เช่นการค้ำประกันให้ใครสักคนกับธนาคารล่วงหน้าซึ่งยังไม่ได้มีหนี้เกิดขึ้น เราสามารถบอกเลิกค้ำประกันได้ ทำเป็นคำบอกกล่าวไปหาเจ้าหนี้ ซึ่งพอทำเสร็จเราจะหลุดพ้นจากความรับผิดถ้าลูกหนี้ไปก่อหนี้ภายหลังจากที่เราทำคำบอกกล่าวแล้ว ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 699,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '699'}]",เราสามารถบอกเลิกค้ำประกันได้ ทำเป็นคำบอกกล่าวไปหาเจ้าหนี้ ซึ่งพอทำเสร็จเราจะหลุดพ้นจากความรับผิดถ้าลูกหนี้ไปก่อหนี้ภายหลังจากที่เราทำคำบอกกล่าวแล้ว ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 699 +โทษของกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ที่หาประโยชน์จากนิติบุคคลแบบผิดกฎหมาย ถูกปรับเท่าไหร่,ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่5ปีถึง10ปี และปรับตั้งแต่5แสนบาทถึง1ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 311,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '311'}]",ปรับตั้งแต่5แสนบาทถึง1ล้านบาท +ถ้าเราเป็นหุ้นส่วน เรามีสิทธิ์จะขอเงินหรือส่วนแบ่งไหม ถ้าไม่มีคนอื่นรู้ว่าเราทำกิจการด้วย,ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะเรียกเอาส่วนของตัวเองจากหุ้นส่วนอื่น ๆ แม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1048,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1048'}]",ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะเรียกเอาส่วนของตัวเองจากหุ้นส่วนอื่น ๆ แม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1048 +กองทุนเบี้ยงชีพของเราเราตรวจสอบได้ไหม ทำได้ที่ไหน,ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 22 ลูกจ้างและนายจ้างจะขอตรวจดูบัญชีและเอกสารของกองทุน ณ สำนักงานกองทุนได้ในเวลาเปิดทำการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนส���รองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '22'}]",ลูกจ้างและนายจ้างจะขอตรวจดูบัญชีและเอกสารของกองทุน ณ สำนักงานกองทุนได้ในเวลาเปิดทำการ +ตามกฎหมายแล้วถ้าเราเสนอขายให้ลูกค้าแล้ว หมดเวลาตอนไหน,คำเสนอใดลูกค้าบอกปฎิเสธไปยังผู้เสนอขายแล้วก็ดี หรือไม่ได้สนองรับภายในเวลากำหนดดังกล่าวมาในมาตราทั้งสามก่อนนี้ก็ดี คำเสนอนั้นหมดเวลาจะตอบรับ โปรดดูมาตรา 354 355 356 เพิ่มเติมในเรื่องกำหนดเวลา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '357'}]",คำเสนอใดลูกค้าบอกปฎิเสธไปยังผู้เสนอขายแล้วก็ดี หรือไม่ได้สนองรับภายในเวลากำหนดดังกล่าวมาในมาตราทั้งสามก่อนนี้ก็ดี คำเสนอนั้นหมดเวลาจะตอบรับ +ได้ของมาโดยที่ไม่รู้ว่ามันไม่ใช่ของเรา แล้วเอาไปใช้แล้วทำยังไงดี,"ถ้าบุคคลรับทรัพย์สินอันมิควรได้ไว้โดยทุจริต และได้ทำการดัดแปลงหรือต่อเติมขึ้นในทรัพย์สินนั้น +บุคคลเช่นนั้นต้องจัดทำทรัพย์สินนั้นให้คืนคงสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองแล้วจึงส่งคืน เว้นแต่เจ้าของทรัพย์สินจะเลือกให้ส่งคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ ในกรณีเช่นนี้เจ้าของจะใช้ราคาค่าทำดัดแปลงหรือต่อเติม หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นราคาทรัพย์สินเท่าที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ได้ แล้วแต่จะเลือก ถ้าในเวลาที่จะต้องคืนทรัพย์นั้นไม่สามารถคืนได้หรือไม่สามารถทำให้ทรัพย์สินคืนคงสภาพเดิมได้ หรือถ้าทำไปทรัพย์สินนั้นจะเสียหา บุคคลผู้ได้รับไว้จะต้องส่งคืนทรัพย์สินตามสภาพที่เป็นอยู่ และไม่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเพราะการดัดแปลงหรือต่อเติมนั้นได้ อ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 418","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '418'}]",บุคคลเช่นนั้นต้องจัดทำทรัพย์สินนั้นให้คืนคงสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองแล้วจึงส่งคืน เว้นแต่เจ้าของทรัพย์สินจะเลือกให้ส่งคืนตามสภาพที่เป็นอยู่. +จะซื้อขายบ้านหรือที่ดิน ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่ายังไง,การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายท���ัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '456'}]",การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย +ถ้าบริษัททำผิดกฎหมายเรื่องการนัดประชุม ส่งผลอะไรไหม,ถ้ามีกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องต่อศาล ศาลจะเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดภายใน1เดือน นับแต่วันลงมตินั้น อ้างจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1195'}]",ถ้ามีกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องต่อศาล ศาลจะเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดภายใน1เดือน นับแต่วันลงมตินั้น +ศูนย์ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าจะออกกกฎอะไรเองโดยที่กลต ไม่ได้กำหนดได้ไหม,ได้ ในกรณีที่มีความจำเป็น ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะออกกฎเกณฑ์เพื่อใช้บังคับเป็นการชั่วคราวได้โดยไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา 63 ในการนี้ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '66'}]",ได้ ในกรณีที่มีความจำเป็น ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะออกกฎเกณฑ์เพื่อใช้บังคับเป็นการชั่วคราวได้โดยไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา 63 ในการนี้ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าได้คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ต้องทำยังไงต่อ,ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 250 บัญญัติไว้ว่า เมื่อได้รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามมาตรา 249ให้กิจการนั้นจัดทำความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลัก��รัพย์และให้ยื่นต่อสำนักงานพร้อมทั้งส่งสำเนาให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '250'}]",ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 250 บัญญัติไว้ว่า เมื่อได้รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามมาตรา 249ให้กิจการนั้นจัดทำความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์และให้ยื่นต่อสำนักงานพร้อมทั้งส่งสำเนาให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ถ้าไม่ได้กำหนดผู้จัดการห้างหุ้นส่วนไว้ ใครมีอำนาจบริหาร,ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้ตกลงกันไว้ในกระบวนจัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ทุกคน แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดจะเข้าทำสัญญาอันใดซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งทักท้วงนั้นไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ ท่านให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทุกคน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1033'}]",ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้ตกลงกันไว้ในกระบวนจัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ทุกคน แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดจะเข้าทำสัญญาอันใดซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งทักท้วงนั้นไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ ท่านให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทุกคน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033 +ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับคดีที่ดินของรัฐ รอให้หมดอายุความได้ไหม,ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306 ท่านห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1306'}]",ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306 ท่านห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน +เรื่องไหนบ้างในสินสมรสที่ทำคนเดียวไม่ได้,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้ (1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ (2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ (3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี (4) ให้กู้ยืมเงิน (5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา (6) ประนีประนอมยอมความ (7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย (8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล เรื่องอื่นๆนอกจากนี้ ไม่ต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1476'}]",(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ (2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ (3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี (4) ให้กู้ยืมเงิน (5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา (6) ประนีประนอมยอมความ (7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย (8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์แลละตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.253 ใช้บังคับกับธุรกิจอะไร,บริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใด ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ อยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '321'}]",บริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใด ๆ ตามกฎหมายว่าด้��ยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ อยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้. +จะรับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรมต้องทำยังไง,อ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/21 การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดาและมารดาของผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ในกรณีที่บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครองต้องได้รับความยินยอมของมารดาหรือบิดาซึ่งยังมีอำนาจปกครอง ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจให้ความยินยอมดังกล่าว หรือมีแต่บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินยอมได้ หรือไม่ให้ความยินยอมและการไม่ให้ความยินยอมนั้นปราศจากเหตุผลอันสมควรและเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลต่อสุขภาพ ความเจริญหรือสวัสดิภาพของผู้เยาว์ มารดาหรือบิดาหรือผู้ต้องการจะขอรับบุตรบุญธรรมหรือ อัยการจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมตามวรรคหนึ่งก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/21'}]",การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดาและมารดาของผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ในกรณีที่บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครองต้องได้รับความยินยอมของมารดาหรือบิดาซึ่งยังมีอำนาจปกครอง ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจให้ความยินยอมดังกล่าว หรือมีแต่บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินยอมได้ หรือไม่ให้ความยินยอมและการไม่ให้ความยินยอมนั้นปราศจากเหตุผลอันสมควรและเป็นปฏิปักษ์ต่อสุขภาพ ความเจริญหรือสวัสดิภาพของผู้เยาว์ มารดาหรือบิดาหรือผู้ประสงค์จะขอรับบุตรบุญธรรมหรืออัยการจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมตามวรรคหนึ่งก็ได้. +มีเหตุอะไรบ้างที่ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องปิดไป,"ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 214 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ย่อมเลิกกันด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ +(1) ถ้าในข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์มีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเล���กกัน เมื่อมีกรณีนั้น (2) ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้เลิก (3) ถ้าจำนวนสมาชิกลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสิบห้าราย และคณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติให้เลิก (4) ล้มละลาย (5) คณะกรรมการ ก.ล.ต. สั่งให้เลิกเมื่อมีเหตุอันสมควร + +การเลิกตาม (1) และ (2) จะมีผลต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '214'}]",(1) ถ้าในข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์มีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน เมื่อมีกรณีนั้น (2) ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้เลิก (3) ถ้าจำนวนสมาชิกลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสิบห้าราย และคณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติให้เลิก (4) ล้มละลาย (5) คณะกรรมการ ก.ล.ต. สั่งให้เลิกเมื่อมีเหตุอันสมควร +นิติบุคคลต้องเริ่มทำบัญชีวันไหน,ขึ้นอยู่กับว่าคือนิติบุคคลอะไร ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้น ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย (2) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้นได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย (3) กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่กิจการร่วมค้านั้นได้เริ่มต้นประกอบกิจการ (4) สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำนั้นเริ่มต้นประกอบกิจการ คำถาม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '9'}]",ขึ้นอยู่กับว่าคือนิติบุคคลอะไร ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้น ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย (2) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้นได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย (3) กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่กิจการร่วมค้านั้นได้เริ่มต้นประก��บกิจการ (4) สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำนั้นเริ่มต้นประกอบกิจการ. +เมื่อมีการตรวจสอบแล้วว่าการทำงบดุลถูกต้องสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร,ต้องทำการเรียกประชุมใหญ่ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1255 ผู้ชำระบัญชีต้องทำงบดุลขึ้นโดยเร็วที่สุดที่เป็นวิสัยจะทำได้ ส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบลงสำคัญว่าถูกต้อง แล้วต้องเรียกประชุมใหญ่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1255'}]",ต้องทำการเรียกประชุมใหญ่ +หน่วยงานใด เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีโทษทางปกครองในคดีว่าด้วยกองทรัสต์,สำนักงาน ก.ล.ต พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 73 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีโทษทางปกครอง และให้มีอำนาจพิจารณาในเบื้องต้นเพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่เห็นว่าประเภทของโทษทางปกครองที่ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับอยู่ในอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้พิจารณาโทษในเรื่องนั้น (2) ในกรณีที่เห็นว่าประเภทของโทษทางปกครองที่ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้วแต่กรณี เป็นผู้พิจารณาโทษในเรื่องนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '73'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +ในบริษัทจำกัดนั้น หากตำเเหน่งกรรมการว่างลงบางส่วน กรรมการที่เหลือสามารถทำกิจการได้หรือไม่,ได้ แต่จะทำได้โดยมีข้อจำกัดหากจำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลา ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1159 ในจำนวนกรรมการนั้น แม้ตำแหน่งจะว่างไปบ้าง กรรมการที่มีตัวอยู่ก็ย่อมทำกิจการได้ แต่ถ้าในเวลาใดจำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลาเช่นนั้น กรรมการที่มีตัวอยู่ย่อมทำกิจการได้เฉพาะแต่ในเรื่องที่จะเพิ่มกรรมการขึ้นให้ครบจำนวนหรือนัดเรียกประชุมใหญ่ของบริษัทเท่านั้น จะกระทำการอย่างอื่นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1159'}]",ได้ แต่จะทำได้โดยมีข้อจำกัดหากจำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลา +ลูกหนี้เลือกชำระหนี้เเก่เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหนี้ร่วมกันได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 298 ถ้าบุคคลหลายคนมีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้ โดยทำนองซึ่งแต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำระหนี้สิ้นเชิงได้ไซร้ แม้ถึงว่าลูกหนี้จำต้องชำระหนี้สิ้นเชิงแต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือเจ้าหนี้ร่วมกัน) ก็ดี ท่านว่าลูกหนี้จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แต่คนใดคนหนึ่งก็ได้ตามแต่จะเลือก ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ แม้ทั้งที่เจ้าหนี้คนหนึ่งจะได้ยื่นฟ้องเรียกชำระหนี้ไว้แล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '298'}]",ได้ +กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์ เป็นอำนาจของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือไม่,เป็น ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 154 ที่วางหลักไว้ว่า ให้ตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา 153 (ให้มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) อำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง การกู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '154'}]",เป็น +เจ้าหนี้ที่เป็นผู้รับประโยชน์ในประกันชีวิตจะพึงส่งคืนเบี้ยประกันภัยแก่กองมรดกนั้นเกินกว่าจำนวนเงินที่ผู้รับประกันชำระให้หรือไม่ หากเบี้ยนั้นสูงเกินส่วนเทียบกับฐานะของผู้ตาย,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1742 ถ้าในการชำระหนี้ซึ่งค้างชำระอยู่แก่ตน เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้รับตั้งในระหว่างที่ผู้ตายมีชีวิตอยู่ ให้เป็นผู้รับประโยชน์ในการประกันชีวิต เจ้าหนี้คนนั้นชอบที่จะได้รับเงินทั้งหมด ซึ่งได้ตกลงไว้กับผู้รับประกัน อนึ่ง เจ้าหนี้เช่นว่านั้น จำต้องส่งเบี้ยประกันภัยคืนเข้ากองมรดกก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้คนอื่น ๆ พิสูจน์ได้ว่า (1) การที่ผู้ตายชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยวิธีดังกล่าวมานั้นเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 237 แห่งประมวลกฎหมายนี้ และ (2) เบี้ยปร��กันภัยเช่นว่านั้น เป็นจำนวนสูงเกินส่วนเมื่อเทียบกับรายได้หรือฐานะของผู้ตาย ถึงอย่างไรก็ดี เบี้ยประกันภัยซึ่งจะพึงส่งคืนเข้ากองมรดกนั้นต้องไม่เกินกว่าจำนวนเงินที่ผู้รับประกันชำระให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1742'}]",ไม่ได้ +ผู้ถือหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนเนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งที่มาจากการรักษาประโยชน์ของผู้ลงทุนนั้นมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากใคร,จากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทผู้เป็นต้นเหตุแห่งการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 173 ในกรณีที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เพิกถอนการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเนื่องจากบริษัทฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา 172 ให้บุคคลผู้ถือหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนนั้นมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทผู้เป็นต้นเหตุแห่งการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว บุคคลผู้ถือหลักทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้ได้หลักทรัพย์นั้นมาก่อนการเพิกถอนและมิได้มีส่วนร่วมหรือให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแก่การฝ่าฝืนเช่นว่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '173'}]",จากกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทผู้เป็นต้นเหตุแห่งการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว +กรณีทั่วไป ผู้ปกครองมีได้คราวละกี่คน,คราวละคนเดียวเท่านั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1590 ผู้ปกครองมีได้คราวหนึ่งเพียงคนเดียว แต่ในกรณีมีข้อกำหนดพินัยกรรมให้ตั้งผู้ปกครองหลายคนหรือเมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีเหตุผลอันสมควร ให้ศาลมีอำนาจตั้งผู้ปกครองได้ตามจำนวนที่ศาลเห็นว่าจำเป็น ในกรณีที่ตั้งผู้ปกครองหลายคนศาลจะกำหนดให้ผู้ปกครองเหล่านั้นกระทำการร่วมกันหรือกำหนดอำนาจเฉพาะสำหรับคนหนึ่ง ๆ ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1590'}]",คราวละคนเดียวเท่านั้น +ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องยื่นคำเสนอซื้อ ณ ที่ใด,สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ตาม ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตล��ดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 249 ให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่งสำเนาคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ให้แก่กิจการที่ตนเสนอซื้อหลักทรัพย์นั้นโดยทันทีที่ได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '249'}]",สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +หุ้นใดที่บริษัทจำกัดจะไม่ยอมรับจดทะเบียนให้โอนก็ได้,หุ้นที่เงินที่เรียกค่าหุ้นยังค้างชำระอยู่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1130 หุ้นใดเงินที่เรียกค่าหุ้นยังค้างชำระอยู่ หุ้นนั้นบริษัทจะไม่ยอมรับจดทะเบียนให้โอนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1130'}]",หุ้นที่เงินที่เรียกค่าหุ้นยังค้างชำระอยู่ +บุคคลใดขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีที่ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรไว้ก่อนตายก็ได้,ผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1543 ในกรณีที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีได้ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรแล้ว และตายก่อนคดีนั้นถึงที่สุด ผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็กนั้นจะขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่หรืออาจถูกเรียกให้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1543'}]",ผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็กหรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดก +เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถูกพิทักษ์ทรัพย์ ทรัพย์สินที่เป็นของลูกค้าจะถูกยึดหรือไม่,ไม่ ทรัพย์นั้นจะถูกคุ้มครอง ตาม พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 43 เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ให้ทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าได้รับการคุ้มครองโดยไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การยึดหรืออายัดในคดีแพ่งหรือเป็นทรัพย์สินที่อาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการแยกและจัดการทรัพย์สิ���ที่ถือว่าเป็นของลูกค้ารวมทั้งมีอำนาจดำเนินการดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดโดยได้ปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว (1) รวบรวมทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าและจัดสรรทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าคืนให้แก่ลูกค้า (2) โอนบัญชีและทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่น (3) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถโอนให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นได้ (4) ประนีประนอมยอมความ ฟ้องร้อง ต่อสู้คดีหรือดำเนินการอื่นใดเพื่อให้การจัดการทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าเสร็จสิ้นไป ในการดำเนินการตามวรรคสอง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และสำนักงาน ก.ล.ต. จะมอบอำนาจให้บุคคลใดดำเนินการแทนก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '43'}]",ไม่ +ผู้ฝากจะเรียกถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ได้หรือไม่ ในกรณีใด,ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่ถึงเวลาที่ตกลง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673 เมื่อใดผู้รับฝากจำต้องคืนเงินแต่เพียงเท่าจำนวนที่ฝาก ผู้ฝากจะเรียกถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ไม่ได้ หรือฝ่ายผู้รับฝากจะส่งคืนเงินก่อนถึงเวลานั้นก็ไม่ได้ดุจกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '673'}]",ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่ถึงเวลาที่ตกลง +การสลักหลังโอนแต่บางส่วน มีผลอย่างไร,เป็นโมฆะ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 922 การสลักหลังนั้นต้องให้เป็นข้อความอันปราศจากเงื่อนไข ถ้าและวางเงื่อนไขบังคับลงไว้อย่างใด ท่านให้ถือเสมือนว่าข้อเงื่อนไขนั้นมิได้เขียนลงไว้เลย อนึ่ง การสลักหลังโอนแต่บางส่วน ท่านว่าเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '922'}]",เป็นโมฆะ +การให้ประกันเพื่อหนี้ ถือเป็นการให้สัตยาบันในนิติกรรมที่เป็นโมฆียะหรือไม่,ถือว่าเป็นได้ตามพฤติการณ์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 180 ภายหลังเวลาอันพึงให้สัตยาบันได้ตามมาตรา 179 ถ้ามีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้นเกี่ยวด้วยโมฆียะกรรมโดยการกระทำของบุคคลซึ่งมีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมตามม���ตรา 175 ถ้ามิได้สงวนสิทธิไว้แจ้งชัดประการใดให้ถือว่าเป็นการให้สัตยาบัน (1) ได้ปฏิบัติการชำระหนี้แล้วทั้งหมดหรือแต่บางส่วน (2) ได้มีการเรียกให้ชำระหนี้นั้นแล้ว (3) ได้มีการแปลงหนี้ใหม่ (4) ได้มีการให้ประกันเพื่อหนี้นั้น (5) ได้มีการโอนสิทธิหรือความรับผิดทั้งหมดหรือแต่บางส่วน (6) ได้มีการกระทำอย่างอื่นอันแสดงได้ว่าเป็นการให้สัตยาบัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '180'}]",ถือว่าเป็นได้ตามพฤติการณ์ +ผู้นำส่งเอกสารอันก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระคัญต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องระวางโทษอย่างไร,โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 302/1 ผู้ใดนำส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่ก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรแสดงในสาระสำคัญต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือสำนักงานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '302/1'}]",โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท +การใช้สิทธิถอนทรัพย์ในระหว่างพิจารณาคดีล้มละลายทำได้หรือไม่,ไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 335 สิทธิถอนทรัพย์นั้น ตามกฎหมายศาลจะสั่งยึดหาได้ไม่ เมื่อได้ฟ้องคดีล้มละลายเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้แล้ว ท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิถอนทรัพย์ในระหว่างพิจารณาคดีล้มละลาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '335'}]",ไม่ได้ +การอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทย ต้องพิจารณาถึงเรื่องใดบ้าง,"พิจารณาโดยคำนึงถึงผลดีและผลเสียต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของประเทศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ขนาดของกิจการ การจ้างแรงงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา + +ตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 5 การอ��ุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พิจารณาโดยคำนึงถึงผลดีและผลเสียต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของประเทศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ขนาดของกิจการ การจ้างแรงงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '5'}]",พิจารณาโดยคำนึงถึงผลดีและผลเสียต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของประเทศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ขนาดของกิจการ การจ้างแรงงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา +กรณีบุตรมีเงินได้ ผู้ใช้อำนาจปกครองให้จัดสรรเงินนั้นกับเรื่องใดก่อน,ให้ใช้เงินนั้นเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาก่อน อันเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1573 ถ้าบุตรมีเงินได้ ให้ใช้เงินนั้นเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาก่อน ส่วนที่เหลือผู้ใช้อำนาจปกครองต้องเก็บรักษาไว้เพื่อส่งมอบแก่บุตร แต่ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองไม่มีเงินได้เพียงพอแก่การครองชีพตามสมควรแก่ฐานะ ผู้ใช้อำนาจปกครองจะใช้เงินนั้นตามสมควรก็ได้ เว้นแต่จะเป็นเงินได้ที่เกิดจากทรัพย์สินโดยการให้โดยเสน่หาหรือพินัยกรรมซึ่งมีเงื่อนไขว่ามิให้ผู้ใช้อำนาจปกครองได้ประโยชน์จากทรัพย์สินนั้น ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1573'}]",ให้ใช้เงินนั้นเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาก่อน +การประชุมของคณะกรรมการจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี นำหลักที่ว่าด้วยมติและองค์ประชุมคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมาใช้บังคับได้หรือไม่,ได้ เป็นการอนุโลมให้ใช้ได้ ตาม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 58 ให้นำความในมาตรา 26 มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะกรรมการจรรยาบรรณและคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '58'}]",ได้ เป็นการอนุโลมให้ใช้ได้ ตาม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 58 ให้นำความในมาตรา 26 มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะกรรมการจรรยาบรรณและคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณโดยอนุโลม +ค่าใช้จ่ายตามธรรมดาเพื่อบำรุงทรัพย์สินอันเป็นลาภมิควรได้ ต้องชดใช้เเก่บุคคลผู้คืนทรัพย์นั้นเต็มจำนวนหรือไม่,เต็มจำนวน เว้นแต่จะเป็นการดูแลรักษาธรรมดา หรือ ภาระติดพันที่ยังคงเอาดอกผล ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 416 ค่าใช้จ่ายทั้งหลายอันควรแก่การเพื่อรักษาบำรุงหรือซ่อมแซมทรัพย์สินนั้น ท่านว่าต้องชดใช้แก่บุคคลผู้คืนทรัพย์สินนั้นเต็มจำนวน แต่บุคคลเช่นว่านี้จะเรียกร้องให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายตามธรรมดาเพื่อบำรุง ซ่อมแซมทรัพย์สินนั้น หรือค่าภาระติดพันที่ต้องเสียไปในระหว่างที่ตนคงเก็บดอกผลอยู่นั้นหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '416'}]",เต็มจำนวน เว้นแต่จะเป็นการดูแลรักษาธรรมดา หรือ ภาระติดพันที่ยังคงเอาดอกผล +ผู้รับจำนองคนหลังจะบังคับตามสิทธิของตนให้เสียหายแก่ผู้รับจำนองคนก่อนได้หรือไม่,ไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 731 อันผู้รับจำนองคนหลังจะบังคับตามสิทธิของตนให้เสียหายแก่ผู้รับจำนองคนก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจทำได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '731'}]",ไม่ได้ +เงื่อนไขของภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่กำหนดเวลาคืออย่างไร,ให้สันนิษฐาน ว่ามีอยู่ตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1430 ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะก่อให้เกิดโดยมีกำหนดเวลา หรือตลอดชีวิตแห่งผู้รับประโยชน์ก็ได้ ถ้าไม่มีกำหนดเวลา ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์มีอยู่ตลอดชีวิตผู้รับประโยชน์ ถ้ามีกำหนดเวลา ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 1403 วรรค 3 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1430'}]",ให้สันนิษฐาน ว่ามีอยู่ตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ +ในสถานการณ์ใดที่ทำให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีต้องทำหน้าที่สภาวิชาชีพบัญชี,สภาวิชาชีพบัญชีมีสมาชิกไม่ถึงห้าร้อยคน ตาม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 75 ในระหว่างที่สภ��วิชาชีพบัญชียังมีสมาชิกไม่ถึงห้าร้อยคน ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีทำหน้าที่สภาวิชาชีพบัญชีเพื่ออนุมัติหรือให้ความเห็นชอบข้อบังคับของสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '75'}]",สภาวิชาชีพบัญชีมีสมาชิกไม่ถึงห้าร้อยคน +กรณีรัฐบาลเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินใครเป็นผู้ตรวจสอบจำนวนเงินภาษีที่จะต้องหัก,เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงิน ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 53 ในกรณีรัฐบาลหรือองค์การรัฐบาลเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้จ่ายเงินที่จะตรวจสอบให้แน่ว่า จำนวนเงินภาษีที่จะต้องหักตามมาตรา 50 นั้น ได้คำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินแล้วและให้เป็นหน้าที่ที่จะหักเงินจำนวนนั้นก่อนจ่าย แต่ถ้ามิได้มีการตั้งฎีกาเบิกเงิน ก็ให้เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงินปฏิบัติตามมาตรา 50 มาตรา 52 และมาตรา 59 โดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '53'}]",เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงิน +ผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มีการใช้บังคับ ให้เป็นผู้สอบบัญชีจนกว่าเมื่อใด,จนกว่าใบอนุญาตจะสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '73'}]",จนกว่าใบอนุญาตจะสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอนตามพระราชบัญญัตินี้ +ค่าฤชาธรรมเนียมในการทำสัญญาซื้อขายนั้นกฎหมายให้ใครเป็นคนออก,ทั้งผู้ซื้อผู้ขาย โดยค่าฤชาธรรมเนียมทำสัญญาซื้อขายนั้น ผู้ซื้อผู้ขายพึงออกใช้เท่ากันทั้งสองฝ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '457'}]",ทั้งผู้ซื้อผู้ขาย โดยค่าฤชาธรรมเนียมทำสัญญาซื้อขายนั้น ผู้ซื้อผู้ขายพึงออกใช้เท่ากันทั้งสองฝ่าย +คณะกรรมการบริษัทเอกชนที่ทำการเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทมหาชน ต้องทำการส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชี เอกสารและหลักฐาน ให้แก่คณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วัน,เจ็ดวันนับแต่วันเสร็จสิ้นการประชุม เป็นไปตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 182 คณะกรรมการบริษัทเอกชนต้องส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชี เอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ของบริษัทเอกชนให้แก่คณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ภายในเจ็ดวั���นับแต่วันเสร็จสิ้นการประชุมตามมาตรา 181,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '182'}]",เจ็ดวันนับแต่วันเสร็จสิ้นการประชุม +หากมีข้อสงสัยเกิดขึ้นในกรณีมีเจ้าหนี้หลายคน มีข้อสันนิษฐานว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้อย่างไร,หากมีข้อสงสัย เจ้าหนี้แต่ละคนก็ชอบที่จะได้รับแต่เพียงเป็นส่วนเท่าๆ กัน เท่านั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 290 ถ้าการชำระหนี้เป็นการอันจะแบ่งกันชำระได้และมีบุคคลหลายคนเป็นลูกหนี้ก็ดี มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าหนี้ก็ดี เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ท่านว่าลูกหนี้แต่ละคนจะต้องรับผิดเพียงเป็นส่วนเท่า ๆ กันและเจ้าหนี้แต่ละคนก็ชอบที่จะได้รับแต่เพียงเป็นส่วนเท่า ๆ กัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '290'}]",เจ้าหนี้แต่ละคนก็ชอบที่จะได้รับแต่เพียงเป็นส่วนเท่าๆ กัน เท่านั้น +ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา ย่อมเรียกจากกันได้เมื่อใด,"สามารถเรียกได้ เมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/38 ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา หรือระหว่างบิดามารดากับบุตรนั้นย่อมเรียกจากกันได้ในเมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ ค่าอุปการะเลี้ยงดูนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ ฐานะของผู้รับและพฤติการณ์แห่งกรณี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/38'}]",สามารถเรียกได้ เมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอ +กรณีใดบ้างเป็นเหตุให้สามารถเพิกถอนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ,"เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ + +(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา + +(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง + +(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้���ห้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ + + + + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา หรือ (2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ (3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '531'}]","(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา +(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง +(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้" +หากหุ้นส่วนคนใดจดทะเบียนประกอบกิจการอันมีลักษณะเเข่งขันกับห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนนั้นเรียกค่าสินไหมทดเเทนได้หรือไม่,ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1067 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดกระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตราก่อนนี้ไซร้ ท่านว่าห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนนั้นชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรอันผู้นั้นหาได้ทั้งหมดหรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายซึ่งห้างหุ้นส่วนได้รับเพราะเหตุนั้น แต่ทั้งนี้ท่านห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันทำการฝ่าฝืน อนึ่ง บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ลบล้างสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนอกนั้น ในอันจะเรียกให้เลิกห้างหุ้นส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1067'}]",ได้ +ข้อสันนิษฐานเรื่องความเป็นเจ้าของ ของเจ้าของรวมในทรัพย์มีว่าอย่างไร,สันนิษฐานให้มีส่วนเท่ากัน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนในทรัพย์เท่ากัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1357'}]",สันนิษฐานให้มีส่วนเท่ากัน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนในทรัพย์เท่ากัน +กรณีใดเป็นการตกลงโดยปริยายว่ามีบำเหน็จในสัญญารับฝากทรัพย์,เมื่อมีพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าเขารับฝากทรัพย์ก็เพื่อจะได้รับบำเหน็จอันเป็นค่าฝากทรัพย์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 658 ถ้าโดยพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าเขารับฝากทรัพย์ก็เพื่อจะได้รับบำเหน็จค่าฝากทรัพย์เท่านั้นไซร้ ท่านให้ถือว่าเป็นอันได้ตกลงกันแล้วโดยปริยายว่ามีบำเหน็จเช่นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '658'}]",เมื่อมีพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าเขารับฝากทรัพย์ก็เพื่อจะได้รับบำเหน็จอันเป็นค่าฝากทรัพย์ +ผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนมีสิทธิขอตรวจรายการในทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนได้เมื่อใด,ในระหว่างเวลาทำการของผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้น โดยยังต้องเป็นไปตามข้อจำกัด ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 63 ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจรายการในทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนได้ในระหว่างเวลาทำการของผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้น ในการนี้ผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นจะกำหนดเวลาไว้ก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าวันละสองชั่วโมง ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นขอสำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้นทั้งหมดหรือบางส่วนพร้อมด้วยคำรับรองของบริษัทว่าถูกต้อง หรือขอให้บริษัทออกใบหุ้นใหม่แทนใบหุ้นที่สูญหาย ลบเลือน หรือชำรุดในสาระสำคัญและได้เสียค่าธรรมเนียมตามข้อบังคับของบริษัทให้แก่บริษัทแล้ว บริษัทต้องจัดทำหรือออกให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันได้รับคำขอ ใบหุ้นที่สูญหาย ลบเลือน หรือชำรุดที่ได้มีการออกใบหุ้นใหม่แทนแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันยกเลิก ค่าธรรมเนียมตามข้อบังคับของบริษัทตามวรรคสอง ต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '63'}]",ในระหว่างเวลาทำการของผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้น โดยยังต้องเป็นไปตามข้อจำกัด ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 63 ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจรายการในทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนได้ในระหว่างเวลาทำการของผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้น ในการนี้ผู้เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นจะกำหนดเวลาไว้ก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าวันละสองชั่วโมง +���ู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใดๆให้เป็นผลเสียต่อกองมรดกได้หรือไม่,ไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะได้อนุญาตไว้ หรือได้รับอนุญาตจากศาล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1722'}]",ไม่ได้ +ผู้จัดการนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กระทำโดยทุจริตเกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลต้องรับโทษอย่างไร,โทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 307 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใด ตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าวหรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '307'}]",โทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +หุ้นซึ่งโอนกันถ้ายังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจำนวนค่าหุ้น ผู้โอนจะต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังมิได้ใช้ให้ครบถ้วนหรือไม่,"ผู้โอนต้องรับผิดเว้นเเต่ +(1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้ของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน +(2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้ + + + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1133 หุ้นซึ่งโอนกันนั้น ถ้าเป็นหุ้นอันยังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจำนวนค่าหุ้น ท่านว่าผู้โอนยังคงต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังมิได้ส่งใช้ให้ครบถ้วนนั้น แต่ว่า (1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนึ่งอันใดของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน (2) ผู้โอนไม่ต้อง��ับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้ ข้อความรับผิดเช่นว่ามานั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้โอนเมื่อพ้นสองปีนับแต่ได้จดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1133'}]",ผู้โอนต้องรับผิดเว้นเเต่ (1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้ของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน (2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้ +ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง + +ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '7'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตาม พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียน และพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงและกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '4'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ผู้ใช้อำนาจปกครองจะก่อหนี้ที่บุตรจะต้องทำเองโดยมิได้รับความยินยอมได้หรือไม่,ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำไม่ได้ในหนี้เช่นนั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1572 ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำหนี้ที่บุตรจะต้องทำเองโดยมิได้รับความยินยอมของบุตรไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1572'}]",ผู้ใช้อำ��าจปกครองจะทำไม่ได้ในหนี้เช่นนั้น +ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงนำทรัพย์ออกให้เช่าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ได้หรือไม่,ไม่ได้ เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 246 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจำต้องจัดการดูแลรักษาทรัพย์สินที่ยึดหน่วงไว้นั้นตามสมควร เช่นจะพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะเช่นนั้น อนึ่งทรัพย์สินซึ่งยึดหน่วงไว้นั้น ถ้ามิได้รับความยินยอมของลูกหนี้ ท่านว่าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงหาอาจจะใช้สอยหรือให้เช่า หรือเอาไปทำเป็นหลักประกันได้ไม่ แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้บังคับไปถึงการใช้สอยเช่นที่จำเป็นเพื่อจะรักษาทรัพย์สินนั้นเอง ถ้าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติใดที่กล่าวมานี้ ท่านว่าลูกหนี้จะเรียกร้องให้ระงับสิทธินั้นเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '246'}]",ไม่ได้ +ในการประชุมใหญ่ของสภาวิชาชีพบัญชี องค์ประชุมต้องมีสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่ากี่คน,"ไม่น้อยกว่าสองร้อยคน + + + + +พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 20 ในการประชุมใหญ่ ต้องมีสมาชิกสามัญมาประชุมไม่น้อยกว่าสองร้อยคนจึงเป็นองค์ประชุม การประชุมใหญ่ครั้งใด เมื่อล่วงพ้นเวลาที่กำหนดไว้เป็นเวลาสามสิบนาทีแล้วมีสมาชิกสามัญมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามวรรคหนึ่ง และการประชุมนั้นได้เรียกประชุมตามมาตรา 19 ให้งดการประชุมครั้งนั้น แต่ถ้าคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีเป็นผู้จัดให้มีการประชุม ให้เลื่อนการประชุมนั้นออกไป โดยให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายในสามสิบวันและในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ให้องค์ประชุมประกอบด้วยสมาชิกสามัญเท่าที่มาประชุม","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '20'}]",ไม่น้อยกว่าสองร้อยคน +"ถ้าต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา 3,000 บาทขึ้นไป ผู้เสียภาษีจะเเบ่งชำระได้กี่งวดเท่า ๆ กัน","3 งวด งวดละเท่าๆกัน โดยให้เป็นไปตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 64 เว้นแต่กรณีตามมาตรา 18 ทวิ ถ้าภาษีที่ต้องเสียตามบทบัญญัติแห่งส่วนนี้มีจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ผู้ต้องเสียภาษีจะชำระเป็นสามงวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ก็ได้ คือ (1) ในกรณีที่ต้องเสียตามมาตรา 56 ตรี หรือมาตรา 57 จัตวา งวดที่หนึ่งต้องชำระตามกำหนดในมา���ราดังกล่าว งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง (2) ในกรณีอื่น งวดที่หนึ่งต้องชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งจำนวนภาษีที่ประเมิน งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่หนึ่งและงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง การชำระภาษีตาม (1) ถ้าไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 สำหรับงวดที่ไม่ชำระและงวดต่อ ๆ ไป การชำระภาษีตาม (2) ไม่เป็นเหตุให้ยกเว้นการเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 และถ้าไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '64'}]",3 งวด +บุคคลที่ทำให้เอกสารประกอบการลงบัญชีเสียหายต้องระวางโทษอย่างไร,"โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + + + +พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 38 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งบัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '38'}]",โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าของจะจำนองทรัพย์สินนั้นได้หรือไม่,"ไม่ได้เลย + + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 705 การจำนองทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นแล้ว ท่านว่าใครอื่นจะจำนองหาได้ไม่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '705'}]",ไม่ได้เลย +ถ้าเป็นที่แน่นอนในเวลาทำนิติกรรมว่าเงื่อนไขไม่อาจสำเร็จหากเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนจะมีผลให้นิติกรรมนั้นเป็นอย่างไร,เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 187 ถ้าเงื่อนไขสำเร็จแล้วในเวลาทำนิติกรรม หากเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนให้ถือว่านิติกรรมนั้นไม่มีเงื่อนไข หากเป็นเงื่อนไขบังคับหลังให้ถือว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ถ้าเป็นอันแน่นอนในเวลาทำนิติกรรมว่าเงื่อนไขไม่อาจสำเร็จได้ หากเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนให้ถือว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ หากเป็นเงื่อนไขบังคับหลังให้ถือว่านิติกรรมนั้นไม่มีเงื่อนไข ตราบใดที่คู่กรณียังไม่รู้ว่าเงื่อนไขได้สำเร็จแล้วตามวรรคหนึ่ง หรือไม่อาจสำเร็จได้ตามวรรคสอง ตราบนั้นคู่กรณียังมีสิทธิและหน้าที่ตามมาตรา 184 และมาตรา 185,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '187'}]",เป็นโมฆะ +ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดหรือไม่หากหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไป,ย่อมหลุดพ้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในขณะเมื่อหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '698'}]",ย่อมหลุดพ้น +บุคคลที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานใด,"สำนักงาน ก.ล.ต. + + + +พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 25 บุคคลใดจะถือหุ้นหรือรับประโยชน์จากหุ้นเกินกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. การให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง จะกระทำได้ต่อเมื่อบุคคลนั้นหรือกรรมการผู้จัดการ หรือหุ้นส่วนในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 23 (3) หรือลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่า บุคคลซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคสอง ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนความเห็นชอบที่ให้ไว้ เว้นแต่ลักษณะต้องห้ามดังกล่าวได้เกิดขึ้นจากการประกาศกำหนดของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในภายหลัง ในกรณีนี้ให้บุคคลนั้นปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด และหากพ้นกำหนดระยะเวลาด��งกล่าวแล้วยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนความเห็นชอบที่ให้ไว้ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้รับประโยชน์จากหุ้น หมายถึง ผู้ซึ่งมีอำนาจโดยทางตรงหรือทางอ้อมในลักษณะดังต่อไปนี้ (1) อำนาจกำหนดหรือควบคุมการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนในกิจการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) อำนาจกำหนดหรือควบคุมการได้มา จำหน่าย หรือก่อภาระผูกพันในหุ้นที่ออกโดยผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ (3) อำนาจกำหนดหรือควบคุมในลักษณะอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ทั้งนี้ ไม่ว่าอำนาจดังกล่าวจะเกิดขึ้นจากข้อตกลง ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ในด้านใดด้านหนึ่งหรือโดยประการอื่นใด และไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการได้มาหรือการถือหุ้นโดยตนเองหรือโดยบุคคลอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '25'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +คณะอนุกรรมการที่ได้รับเเต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกอบด้วยใครบ้าง,"ประธานคนหนึ่งและอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่น้อยกว่าสี่คน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย + + + + + พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 11 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่มอบหมายได้ คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งต้องประกอบด้วยประธานคนหนึ่งและอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่น้อยกว่าสี่คน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '11'}]",ประธานคนหนึ่งและอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่น้อยกว่าสี่คน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย +ผู้ถือหุ้นซึ่งมิได้ให้อนุมัติในการกระทำที่ได้รับอนุม้ติจากที่ประชุมใหญ่ของกรรมการต้องฟ้องคดีภายในระยะเวลากี่เดือนนับเเต่ที่ประชุมใหญ่อนุมัติการนั้น,6 เดือน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1170 เมื่อการซึ่งกรรมการคนใดได้ทำไปได้รับอนุมัติของที่ประชุมใหญ่แล้ว ท่านว่ากรรมการคนนั้นไม่ต้องรับผิดในการนั้นต่อผู้ถือหุ้นซึ่งได้ให้อนุมัติหรือต่อบริษัทอีกต่อไ��� ท่านห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมิได้ให้อนุมัติด้วยนั้นฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ประชุมใหญ่ให้อนุมัติแก่การเช่นว่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1170'}]",6 เดือน +ตัวการต้องจ่ายเงินทดรองเเก่ตัวเเทนเพื่อกระทำการอันมอบหมายเพื่ออะไร,เพื่อทำการตามที่มอบหมายนั้นในการดำเนินการนั้นๆ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 815 ถ้าตัวแทนมีประสงค์ไซร้ ตัวการต้องจ่ายเงินทดรองให้แก่ตัวแทนตามจำนวนที่จำเป็น เพื่อทำการอันมอบหมายแก่ตัวแทนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '815'}]",เพื่อทำการตามที่มอบหมายนั้นในการดำเนินการนั้นๆ +ของหมั้นเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายหญิงหรือไม่,เป็น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471 สินส่วนตัวได้แก่ทรัพย์สิน (1) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส (2) ที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (3) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา (4) ที่เป็นของหมั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1471'}]",เป็น +สมาชิกสมาคมที่ถูกถอนออกจากทะเบียนโดยนะเบียนไม่น้อยกว่ากี่คนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนได้,"ไม่น้อยกว่า 3 คน + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 103 เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งให้ถอนชื่อสมาคมใดออกจากทะเบียนตามมาตรา 102 แล้ว ให้นายทะเบียนแจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลไปยังสมาคมนั้นโดยมิชักช้า และประกาศการเลิกสมาคมในราชกิจจานุเบกษา กรรมการคนหนึ่งคนใดหรือสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และให้นำความในมาตรา 82 วรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '103'}]",ไม่น้อยกว่า 3 คน +ความตายทำให้การสมรสสิ้นสุดลงหรือไม่,"ทำให้การสมรสสิ้นสุดลง + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิ��ากษาให้เพิกถอน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1501'}]",ทำให้การสมรสสิ้นสุดลง +ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง จะคิดค่าที่เสียไปที่ต้องดูแลทรัพย์ได้ไหม,ได้ ตาม มาตรา 247 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงต้องเสียค่าใช้จ่ายไปตามที่จำเป็นเกี่ยวด้วยทรัพย์สินอันตนยึดหน่วงไว้นั้นเพียงใด จะเรียกให้เจ้าทรัพย์ชดใช้ให้ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '247'}]",ได้ ตาม มาตรา 247 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงต้องเสียค่าใช้จ่ายไปตามที่จำเป็นเกี่ยวด้วยทรัพย์สินอันตนยึดหน่วงไว้นั้นเพียงใด จะเรียกให้เจ้าทรัพย์ชดใช้ให้ก็ได้ +บริษัทมหาชนโฆษณาว่าจะให้เงินปันผลดี เพราะมีรายได้เยอะ แต่จริงๆแล้วหลอกทั้งหมด มีโทษอย่างไร,ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 217 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '217'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ถ้าเปิดบริษัทมหาชนแล้วทำสาขา ต้องจดทะเบียนเพิ่มไหม หรือว่าใช้ใบเดียวกันเลย,บริษัทจำกัด ถ้าเปิดสาขาเพิ่มต้องจดทะเบียนสำนักงานสาขาด้วย แล้วถ้าปิดสาขาก็ต้องไปจดทะเบียน อ้างอิงจากมาตรา48 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '48'}]",บริษัทจำกัด ถ้าเปิดสาขาเพิ่มต้องจดทะเบียนสำนักงานสาขาด้วย แล้วถ้าปิดสาขาก็ต้องไปจดทะเบียน อ้างอิงจากมาตรา48 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +ถ้าพี่ชายเอาเงินฝากของแม่ไปซ่อนไว้ทั้งหมด แบบนี้พี่จะยังได้มรดกเงินฝากของแม่ไหม,ไม่ได้ จะถูกกำจัดออกไม่ให้รับมรดกเลย อ้างตามมาตรา1605 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1605'}]",ไม่ได้ จะถูกกำจัดออกไม่ให้รับมรดกเลย +สัญญาเช่าที่นาหมดสัญญาแล้ว แต่ข้าวที่ปลูกไว้มันยังเกี่ยวไม่ได้ทำไงดี,กฎหมายให้ใช้ที่นาต่อไปได้แม้สัญญาเช่าจะหมดอายุแล้ว จนกว่าข้าวจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว แต่ต้องเสียค่าเช่าเหมือนเดิม อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 571,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณ��ชย์', 'sections': '571'}]",กฎหมายให้ใช้ที่นาต่อไปได้แม้สัญญาเช่าจะหมดอายุแล้ว จนกว่าข้าวจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว แต่ต้องเสียค่าเช่าเหมือนเดิม +ถ้าหย่ากันแล้ว เราจะขอค่าอุปการะเลี้ยงลูกเองตามกฎหมาย ต้องทำยังไง,เราสามารถฟ้องเองได้เลย ถ้าเราเป็นพ่อแม่เด็กตามกฎหมาย อ้างตามมาตราประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1565,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1565'}]",เราสามารถฟ้องเองได้เลย ถ้าเราเป็นพ่อแม่เด็กตามกฎหมาย อ้างตามมาตราประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1565 +ตั้งตัวแทนขึ้นมาทำงานแทนแล้วทำหนังสือมอบอำนาจให้ไว้ เมื่อจบงาน ต้อเรียกคืนหนังสือมอบอำนาจนั้นไหม,จะเรียกคือหนังสือมอบอำนาจก็ได้ หรือจะไม่เรียกคืนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '832'}]",จะเรียกคือหนังสือมอบอำนาจก็ได้ หรือจะไม่เรียกคืนก็ได้ +พินัยกรรรมที่ทำเสร็จแล้ว จะแก้หรือยกเลิกมันได้ไหม,ได้ แก้บางข้อก็ได้ หรือแก้ไขทั้งหมดก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ตามมาตรา1693 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1693'}]",ได้ แก้บางข้อก็ได้ หรือแก้ไขทั้งหมดก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ตามมาตรา1693 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +จ้างคนนึงทำงานจ้างทำของ แล้วจ่ายเงินไปแล้ว งานเสร็จนานแล้วพึ่งมาเห็นว่าเขาทำงานผิด ทำไงได้บ้าง,ตามกฎหมาย สามารถฟ้องผู้รับจ้างได้ แต่ต้องไม่เกิน1ปีหลังจากที่ความเสียหายได้ปรากฎขึ้น อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา601,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '601'}]",สามารถฟ้องผู้รับจ้างได้ แต่ต้องไม่เกิน1ปีหลังจากที่ความเสียหายได้ปรากฎขึ้น +ผลของการรับเงินที่เป็นลาภมิควรได้คืออะไร,ผล คือ ต้องคืนเต็มจำนวนนั้น ข้อยกเว้น บุคคลนั้นได้รับไว้โดยสุจริต ต้องคืนลาภมิควรได้(เงิน) เท่าที่เหลืออยู่เมื่อเจ้าของเรียกคืน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '412'}]",ต้องคืนเต็มจำนวนนั้น ข้อยกเว้น บุคคลนั้นได้รับไว้โดยสุจริต ต้องคืนลาภมิควรได้(เงิน) เท่าที่เหลืออยู่เมื่อเจ้าของเรียกคืน +บุคคลต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจประเภทใดบ้าง,บุคคลต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจประเภท ดังนี้ 1 ธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ใน���ัญชีหนึ่ง 2 ธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี 3 ธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 8 มาตรา 8 ต้องบังคับตาม มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12 ก่อน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '8'}]",บุคคลต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจประเภท ดังนี้ 1 ธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง 2 ธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี 3 ธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ +การตั้งกรรมการหรือการเปลี่ยนตัวกรรมการของสมาคมการค้าต้องทำอย่างไร,สมาคมการค้าต้องทำ ดังนี้ 1 จดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันตั้งหรือเปลี่ยนตัวกรรมการ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 30 กรณีกรรมการขาดคุณสมบัติ 1 เป็นผู้ซึ่งมีความประพฤติเสื่อมเสีย 2 มีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผล คือ นายทะเบียนมีอำนาจไม่รับจดทะเบียนผู้นั้นเป็นกรรมการของสมาคมการค้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '30'}]",สมาคมการค้าต้องทำ ดังนี้ 1 จดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันตั้งหรือเปลี่ยนตัวกรรมการ +หน้าที่ของทรัสตีรายใหม่เมื่อเข้าแทนที่ทรัสตีรายเดิมต้องทำอย่างไร,หน้าที่ของทรัสตีรายใหม่เมื่อเข้าแทนที่ทรัสตีรายเดิมต้องกระทำ ดังนี้ 1 ทรัสตีรายใหม่ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลภายนอกที่ตนทราบว่าเป็นคู่สัญญากับทรัสตีรายเดิมหรือกับทรัสตีรายที่เหลืออยู่ ว่าตนได้เข้าสวมสิทธิและหน้าที่แทนทรัสตีรายเดิมหรือร่วมกับทรัสตีรายที่เหลืออยู่ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 28 กรณีที่ทรัสตีรายใหม่ไม่ได้แจ้งบุคคลภายนอก ผล คือ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นทรัสตีรายใหม่ต้องรับผิดต่อทรัพย์สินในกองทรัสต์หรือต่อบุคคลภายนอก แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '28'}]",ทรัสตีรายใหม่ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลภายนอกที่ตนทราบว่าเป็นคู่สัญญากับทรัสตีรายเดิมหรือกับทรัสตีรายที่เหลืออยู่ ว่าตนได้เข้าสวมสิทธิและหน้าที่แทนทรัสตีรายเดิมหรือร่วมกับทรัสตีรายที่เหลืออยู่. +ทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการมีกรณีใดบ้าง,ทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการมีกรณี ดังนี้ 1 เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ หรือ 2 ผู้รับพินัยกรรมที่ปรากฏตัว ยังไม่ได้รับชำระหนี้หรือส่วนได้ตามพินัยกรรม ผลของทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการ 1 ผู้จัดการมรดกชอบที่จะทำการใด ๆ ในทางจัดการตามที่จำเป็นได้ เช่นฟ้องคดีหรือแก้ฟ้องในศาลและอื่น ๆ 2 ผู้จัดการมรดกต้องทำการทุกอย่างตามที่จำเป็น เพื่อเรียกเก็บหนี้สินซึ่งค้างชำระอยู่แก่กองมรดกภายในเวลาอันเร็วที่สุดที่จะทำได้ และเมื่อเจ้าหนี้กองมรดกได้รับชำระหนี้แล้ว ผู้จัดการมรดกต้องทำการแบ่งปันมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1736'}]",ทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการมีกรณี ดังนี้ 1 เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ หรือ 2 ผู้รับพินัยกรรมที่ปรากฏตัว ยังไม่ได้รับชำระหนี้หรือส่วนได้ตามพินัยกรรม +ผลของบุริมสิทธิเหนือสังหาริมทรัพย์ต่อบุคคลภายนอกคืออะไร,ผล คือ ห้ามมิให้ใช้(อสังหาริมทรัพย์นั้น) เมื่อบุคคลภายนอกได้ทรัพย์นั้นจากลูกหนี้และได้ส่งมอบทรัพย์ให้กันไปเสร็จแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '281'}]",ห้ามมิให้ใช้(อสังหาริมทรัพย์นั้น) เมื่อบุคคลภายนอกได้ทรัพย์นั้นจากลูกหนี้และได้ส่งมอบทรัพย์ให้กันไปเสร็จแล้ว +ข้อห้ามการแบ่งกำไรของสมาคมการค้าคืออะไร,ห้ามมิให้สมาคมการค้าแบ่งปันผลกำไรหรือรายได้ ดังนี้ 1 ให้แก่สมาชิก 2 การดำเนินการในทางการเมือง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '23'}]",ห้ามมิให้สมาคมการค้าแบ่งปันผลกำไรหรือรายได้ให้แก่สมาชิก หรือดำเนินการในทางการเมือง +การบอกกล่าวจ่ายปันผลของบริษัท จำกัด ต้องทำอย่างไร,บริษัทต้องบอกกล่าว ดังนี้ บริษัทต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังตัวผู้ถือหุ้นที่ปรากฏชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกคน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1204 กรณีที่บริษัทมีหุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ ให้โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1204'}]",บริษัทต้องบอกกล่าว ดังนี้ บริษัทต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังตัวผู้ถือหุ้นที่ปรากฏชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกคน +ผลของการเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ,ตัวการไม่เปิดเผยชื่อ สามารถเข้ารับเอาสัญญาใด ๆ ที่ตัวแทนทำแทนได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 ข้อยกเว้น กรณี ตัวการยอมให้ตัวแทนทำการเสมือนว่าเป็นตัวการ ผล คือ ตัวการไม่สามารถทำการให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่มีต่อตัวแทน และสิทธิที่บุคคลภายนอกได้มาก่อนที่รู้ว่าเป็นตัวแทนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '806'}]",ตัวการไม่เปิดเผยชื่อ สามารถเข้ารับเอาสัญญาใด ๆ ที่ตัวแทนทำแทนได้ +การกำหนดค่าแรงงาน หรือทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด แทนเงินค่าหุ้นให้สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงสามารถทำได้หรือไม่,"ทำไม่ได้ โดยมีโทษดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '48'}]","ทำไม่ได้ โดยมีโทษดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +ผลของโมฆะกรรมคืออะไร,ผลของโมฆะกรรมมีดังนี้ 1 โมฆะกร��มนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ 2 ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้ 3 การคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '172'}]",ผลของโมฆะกรรมมีดังนี้ 1 โมฆะกรรมนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ 2 ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้ 3 การคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับ +แบบของสัญญาหลักประกันทางธุรกิจต้องทำอย่างไร,ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียนตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 2 ของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 13 กรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน สัญญาต้องระบุชื่อผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งหรือหลายคนซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันไว้ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '13'}]",ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียนตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 2 ของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 +การบอกล้างโมฆียะกรรมมีข้อยกเว้นหรือไม่,มี คือ ไม่สามารถยกเป็นข้อต่อสู้ต่อบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '160'}]",มี คือ ไม่สามารถยกเป็นข้อต่อสู้ต่อบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตได้ +เมื่อมีการแต่งตั้งผู้มีอำนาจในการดำเนินการใหม่ของนิติบุคคลเฉพาะกิจต้องทำอย่างไร,ก.ล.ต. ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งถอดถอนผู้แทนชั่วคราว 2 ให้ปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้นไม่น้อยกว่า 15 วัน 3 ให้ประกาศคำสั่งดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา 4 ในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายในท้องถิ่นอย่างน้อย 1 ฉบับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '28'}]",ก.ล.ต. ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งถอดถอนผู้แทนชั่วคราว 2 ให้ปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้นไม่น้อ��กว่า 15 วัน 3 ให้ประกาศคำสั่งดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา 4 ในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายในท้องถิ่นอย่างน้อย 1 ฉบับ +โทษทางปกครองตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีโทษใดบ้าง,โทษทางปกครองตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีโทษดังนี้ 1 ภาคทัณฑ์ 2 ปรับทางปกครอง 3 ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณชน 4 จำกัดการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ 5 พักการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอาจสั่งพักการเป็นทรัสตีเฉพาะสัญญาก่อตั้งทรัสต์ใดหรือทุกสัญญาก็ได้ 6 เพิกถอนการอนุญาต,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '67'}]",โทษทางปกครองตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีโทษดังนี้ 1 ภาคทัณฑ์ 2 ปรับทางปกครอง 3 ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณชน 4 จำกัดการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ 5 พักการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอาจสั่งพักการเป็นทรัสตีเฉพาะสัญญาก่อตั้งทรัสต์ใดหรือทุกสัญญาก็ได้ 6 เพิกถอนการอนุญาต +สามีภริยายึดอายัดทรัพย์กันและกันได้หรือไม่,ในระหว่างที่เป็นสามีภริยากัน ไม่สามารถยึด อายัดทรัพย์ของกันและกันได้ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1487 ข้อยกเว้น 1 เป็นการยึดหรืออายัดทรัพย์สินในคดีที่ฟ้องร้องเพื่อการปฏิบัติหน้าที่หรือรักษาสิทธิระหว่างสามีภริยาตามที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์หรือที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะให้สามีภริยาฟ้องร้องกันเองได้ 2 เป็นการยึด หรืออายัดทรัพย์สินสำหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าฤชาธรรมเนียมที่ยังมิได้ชำระตามคำพิพากษาของศาล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1487'}]",ไม่สามารถยึด อายัดทรัพย์ของกันและกันได้ +ถ้าเขียนพินัยกรรมให้เงินสดแต่ไม่ได้บอกว่าให้ใคร จะมีผลเป็นเช่นไร,ข้อพินัยกรรมนี้ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรม แต่ระบุไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจทราบแน่นอนได้ว่ายกเงินสดให้ใคร และจำนวนมากน้อยเพียงใด ตามมาตรา 1706(2) (3) คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1706 ข้อกำหนดพินัยกรรมเป็นโมฆะ (1) ตั้งผู้รับพินัยกรรมโดยมีเงื่อนไขว่า ให้ผู้รับพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์สินของเขาเองโดยพินัยกรรมให้แก่ผู้ทำพินัยกรรม หรือแก่บุคคลภายนอก (2) ถ้ากำหนดบุคคลซึ่งไม่อาจที่จะทราบตัวแน่นอนได้เป็นผู้รับพินัยกรรม แต่ผู้รับพินัยกรรมตามพินัยกรรมลักษณะเฉพาะนั้น อาจกำหนดโดยให้บุคคลใดคนหนึ่งเป็นผู้ระบุเลือกเอาจากบุคคลอื่นหลายคน หรือจากบุคคลอื่นหมู่ใดหมู่หนึ่ง ซึ่งผู้ทำพินัยกรรมระบุไว้ก็ได้ (3) ที่ระบุทรัพย์สินในพินัยกรรมไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจที่จะทราบแน่นอนได้ หรือถ้าให้บุคคลใดคนหนึ่งกำหนดให้มากน้อยเท่าใดตามแต่ใจ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1706'}]",ข้อพินัยกรรมนี้ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรม แต่ระบุไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจทราบแน่นอนได้ว่ายกเงินสดให้ใคร และจำนวนมากน้อยเพียงใด ตามมาตรา 1706(2) (3) +เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้ดำเนินการเช่นไร,เงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดให้ดำเนินการดังนี้ 1.ให้ผู้ขายหักเอาจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนเพื่อราคาและค่าจับจ่ายเกี่ยวการนั้นไว้ 2.ถ้ายังมีเงินเหลือ ให้ส่งมอบแก่ผู้ซื้อโดยทันที คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 471 ขายทอดตลาดได้เงินเป็นจำนวนสุทธิเท่าใด =>ให้ผู้ขายหักเอาจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนเพื่อราคาและค่าจับจ่ายเกี่ยวการนั้นไว้ และยังมีเงินเหลือ ก็ให้ส่งมอบแก่ผู้ซื้อโดยพลัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '471'}]",เงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดให้ดำเนินการดังนี้ 1.ให้ผู้ขายหักเอาจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนเพื่อราคาและค่าจับจ่ายเกี่ยวการนั้นไว้ 2.ถ้ายังมีเงินเหลือ ให้ส่งมอบแก่ผู้ซื้อโดยทันที +เหตุในการเลิกมูลนิธิมีอะไรบ้าง,เหตุในการเลิกมูลนิธิ มีดังนี้ 1.เหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ 2.เมื่อสิ้นระยะเวลาตามที่มูลนิธิตั้งใจ 3.มูลนิธิได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว หรือวัตถุประสงค์เป็นพ้นวิสัย 4.มูลนิธิล้มละลาย 5.ศาลสั่งให้เลิกมูลนิธิ ตามมาตรา 131 คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 มูลนิธิย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (1) เมื่อมีเหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ (2) ถ้าม��ลนิธิตั้งขึ้นไว้เฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิ้นระยะเวลานั้น (3) ถ้ามูลนิธิตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใด และได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์สำเร็จบริบูรณ์แล้ว หรือวัตถุประสงค์นั้นกลายเป็นพ้นวิสัย (4) เมื่อมูลนิธินั้นล้มละลาย (5) เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิตามมาตรา 131,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '130'}]",เหตุในการเลิกมูลนิธิ มีดังนี้ 1.เหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ 2.เมื่อสิ้นระยะเวลาตามที่มูลนิธิตั้งใจ 3.มูลนิธิได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว หรือวัตถุประสงค์เป็นพ้นวิสัย 4.มูลนิธิล้มละลาย 5.ศาลสั่งให้เลิกมูลนิธิ ตามมาตรา 131 +ในกรณีที่มีการบำรุงรักษาอสังหาริมทรัพย์ บุริมสิทธิจะมีผลหรือไม่,ถ้าทำการบำรุงรักษาอสังหาริมทรัพย์แล้ว และมีการลงทะเบียนทันที => บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์มีผลต่อไป คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 285 บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าหากว่าเมื่อทำการเพื่อบำรุงรักษานั้นสำเร็จแล้ว ไปบอกลงทะเบียนไว้โดยพลัน บุริมสิทธิก็คงให้ผลต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '285'}]",บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์มีผลต่อไป +จะต้องเก็บค่าธรรมเนียมในการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพบัญชีอย่างไร,ผู้ขึ้นทะเบียนโดยไม่ได้เป็นสมาชิกวิชาชีพบัญชี => จะถูกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมรายปีก็ได้ แต่ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะต้องไม่เกินกว่าค่าบำรุงสมาชิกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เรียกเก็บจากสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีเป็นรายปี คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 10 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 ใช้บังคับสำหรับวิชาชีพบัญชีด้านใด ห้ามผู้ใดประกอบวิชาชีพบัญชีด้านนั้น เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี การขอรับใบอนุญาต การอนุญาต การออกใบอนุญาต และการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ในการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพบัญชี สภาวิชาชีพบัญชีจะกำหนดให้ผู้ขึ้นทะเบียนซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายปีก็ได้ แต่จะกำหนดค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้สูงกว่าค่าบำรุงสมาชิกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เรียกเก็บจากสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีเป็นรายปีไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '10'}]",ผู้ขึ้นทะเบียนโดยไม่ได้เป็นสมาชิกวิชาชีพบัญชี => จะถูกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมรายปีก็ได้ แต่ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะต้องไม่เกินกว่าค่าบำรุงสมาชิกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เรียกเก็บจากสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีเป็นรายปี +อย่างไรถึงจะเรียกได้ว่าครอบครองทรัพย์สินติดต่อกัน,เมื่อพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสองคราว กล่าวคือครอบครองทรัพย์สินทั้งคราวแรกและคราวหลัง คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1371 ถ้าพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสองคราว ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นได้ครอบครองติดต่อกันตลอดเวลา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1371'}]",เมื่อพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสองคราว กล่าวคือครอบครองทรัพย์สินทั้งคราวแรกและคราวหลัง +ถ้าพึ่งเข้ามาเป็นหุ้นส่วนทีหลังจะต้องรับผิดในหนี้ก่อนที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนหรือไม่,บุคคลนั้นต้องรับผิดในหนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดก่อนที่บุคคลนั้นจะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1052 บุคคลผู้เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนย่อมต้องรับผิดในหนี้ใด ๆ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1052'}]",บุคคลนั้นต้องรับผิดในหนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดก่อนที่บุคคลนั้นจะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย +ถ้าได้เงินจากการขายทอดตลาดมากกว่าที่ผู้รับโอนจะชำระให้ จะต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้รับโอนเป็นผู้ออกใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในการขายทอดตลาด คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 740 มี 2 กรณี ดังนี้ 1.ถ้าขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิเกินจำนวนเงินที่ผู้รับโอนเสนอว่าจะใช้ => ให้ผู้รับโอนเป็นผู้ออกใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในการขายทอดตลาด 2.ถ้าขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิไม่เกินจำนวนเงินที่ผู้รับโอนเสนอว่าจะใช้ =>ให้เจ้าหนี้ผู้ร้องขอให้ขายทอดตลาดเป็นผู้ออก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '740'}]",ผู้รับโอนเป็นผู้ออกใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในการขายทอดตลาด +ต้องเขียนชื่อผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหุ้นกู้หรือไม่,ถ้ามีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ก็ต้องใส่ไปในรายละเอียดด้วย คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 70 แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ประเภทตั๋วเงินหรือหุ้นกู้ นอกจากจะต้องมีรายละเอียดของรายการตามมาตรา 69 แล้ว ให้มีรายละเอียดของรายการดังต่อไปนี้ด้วย (1) สิทธิและข้อจำกัดในการโอนตามตั๋วเงินหรือหุ้นกู้ (2) ผลประโยชน์ตอบแทน (3) ทรัพย์สินหรือหลักประกันอื่นที่เป็นประกันการออกหลักทรัพย์ (ถ้ามี) (4) ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (ถ้ามี) (5) ภาระผูกพันในทรัพย์สินของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์เฉพาะกรณีหลักทรัพย์ที่ไม่มีประกัน (6) ยอดหนี้คงค้างในการออกตั๋วเงินหรือหุ้นกู้ครั้งก่อน (7) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระหนี้ (8) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี) (9) ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '70'}]",ถ้ามีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ก็ต้องใส่ไปในรายละเอียดด้วย +จะต้องแบ่งกำไรให้หุ้นส่วนอย่างไร,ทั้งการคำนวณกำไรและขาดทุนให้เป็นไปตามส่วนที่บุคคลนั้นได้ลงหุ้น คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1044 ไม่ว่าจะกำไร หรือขาดทุน ให้แบ่งไปตามส่วนที่บุคคลนั้นได้ลงหุ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1044'}]",ทั้งการคำนวณกำไรและขาดทุนให้เป็นไปตามส่วนที่บุคคลนั้นได้ลงหุ้น +ถ้าจะแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิต้องใช้มติเท่าใด,การประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 31 ภายใต้บังคับมาตรา 19 วรรคสอง ถ้าบริษัทต้องการจะ 1.แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ หรือ 2.แก้ไขข้อบังคับของบริษัท => ต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้นลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ��งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง พร้อมทั้งให้บริษัทขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '31'}]",การประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง +เมื่อตั้งบริษัทแล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ผู้เริ่มก่อการให้กรรมการบริษัทดำเนินงาน 2.กรรมการต้องให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าซื้อหุ้นชำระค่าหุ้นเป็นเงิน โดยเรียกได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ต่อ 1 หุ้น ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนบอกกล่าว หรือหนังสือชวนให้ซื้อหุ้น คำอธิบาย : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1110 เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัทแล้ว ให้ผู้เริ่มก่อการบริษัทมอบการทั้งปวงให้แก่กรรมการของบริษัท เมื่อกรรมการได้รับการแล้ว ก็ให้ลงมือจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหลายใช้เงินในหุ้นซึ่งจะต้องใช้เป็นตัวเงิน เรียกหุ้นหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนบอกกล่าวป่าวร้องหรือหนังสือชวนให้ซื้อหุ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1110'}]",ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ผู้เริ่มก่อการให้กรรมการบริษัทดำเนินงาน 2.กรรมการต้องให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าซื้อหุ้นชำระค่าหุ้นเป็นเงิน โดยเรียกได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ต่อ 1 หุ้น ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนบอกกล่าว หรือหนังสือชวนให้ซื้อหุ้น +ถ้าในพินัยกรรมกำหนดเฉพาะคุณสมบัติผู้รับพินัยกรรมไว้ แต่หากมีหลายคนตรงกับคุณสมบัตินั้น จะต้องทำเช่นไร,หากเป็นคุณสมบัติที่สามารถทราบตัวผู้รับพินัยกรรมได้แน่นอน และมีหลายบุคคลทรงไว้ซึ่งคุณสมบัตินั้น => ให้ทุกคนมีสิทธิได้รับส่วนเท่าๆกัน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1685 ผู้ทำพินัยกรรมกำหนดผู้รับพินัยกรรมไว้โดยคุณสมบัติที่ทราบตัวแน่นอนได้ ถ้ามีบุคคลหลายคนทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติที่จะเป็นผู้รับพินัยกรรมตามที่ผู้ทำพินัยกรรมกำหนดไว้ดังนั้นได้ ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้ถือว่าทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับส่วนปันเท่า ๆ กัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1685'}]",ให้ทุกคน���ีสิทธิได้รับส่วนเท่าๆกัน +หนังสือตั้งผู้รับฉันทะต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง,หนังสือตั้งผู้รับฉันทะต้องมีรายละเอียด ดังนี้ 1.จำนวนหุ้นซึ่งผู้มอบฉันทะถืออยู่ 2.ชื่อผู้รับฉันทะ 3.ตั้งผู้รับฉันทะเพื่อการประชุมครั้งใด หรือตั้งไว้ระยะเวลานานเพียงใด ทั้งนี้ ต้องลงวันและลงลายมือชื่อผู้ถือหุ้นด้วย คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1188 หนังสือตั้งผู้รับฉันทะนั้น ให้ลงวันและลงลายมือชื่อผู้ถือหุ้นและให้มีรายการดังต่อไปนี้ คือ (1) จำนวนหุ้นซึ่งผู้มอบฉันทะนั้นถืออยู่ (2) ชื่อผู้รับฉันทะ (3) ตั้งผู้รับฉันทะนั้นเพื่อการประชุมครั้งคราวใด หรือตั้งไว้ชั่วระยะเวลาเพียงใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1188'}]",หนังสือตั้งผู้รับฉันทะต้องมีรายละเอียด ดังนี้ 1.จำนวนหุ้นซึ่งผู้มอบฉันทะถืออยู่ 2.ชื่อผู้รับฉันทะ 3.ตั้งผู้รับฉันทะเพื่อการประชุมครั้งใด หรือตั้งไว้ระยะเวลานานเพียงใด ทั้งนี้ ต้องลงวันและลงลายมือชื่อผู้ถือหุ้นด้วย +นิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่ได้เพียงใด,นิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่ -ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายอื่น -ภายใต้ขอบอำนาจหน้าที่ หรือวัตถุประสงค์ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้ง คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 66 นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ภายในขอบแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ดังได้บัญญัติหรือกำหนดไว้ในกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '66'}]",นิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่ -ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายอื่น -ภายใต้ขอบอำนาจหน้าที่ หรือวัตถุประสงค์ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้ง +ถ้าธนาคารได้รับรองว่าเช็คใช้ได้ จะมีผลเช่นไร,ถ้าธนาคารได้เขียนเป็นลายมือรับรองว่า “เช็คใช้ได้” หรือคำในทำนองเดียวกันบนตัวเช็ค => ธนาคารต้องผูกพันเป็นลูกหนี้ชั้นต้นโดยต้องใช้เงินแก่ผู้ทรงตามเช็คนั้น คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 993 มี 3 กรณี ดังนี้ 1.กรณีธนาคารเขียนข้อความลงลายมือชื่อบนเช็ค เช่นคำว่า “ใช้ได้” หรือ “ใช้เงินได้” หรือคำใด ๆ อันแสดงผลอย่างเดียวกัน => ธนาคารต้องผูกพันในฐานเป็นลูกหนี้ชั้นต้นในอันจะต้องใช้เงินแก่ผู้ทรงตามเช็คนั้น 2.กรณีผู้ทรงเช็คเป็นผู้จัดการให้ธนาคารลงข้อความรับรองข้างต้น => ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังทั้งปวงเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิดตามเช็คนั้น 3.กรณีผู้สั่งจ่ายมีคำขอร้องให้ธนาคารลงข้อความรับรองข้างต้น => ผู้สั่งจ่ายและปวงผู้สลักหลังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดตามเช็คนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '993'}]",ธนาคารต้องผูกพันเป็นลูกหนี้ชั้นต้นโดยต้องใช้เงินแก่ผู้ทรงตามเช็คนั้น +ผู้ให้จะมีหน้าที่เช่นไรในกรณีการให้แบบมีภาระติดพัน,การให้ที่มีภาระติดพัน ผู้ให้มีหน้าที่ => รับผิดในความชำรุดบกพร่อง หรือการรอนสิทธิเช่นเดียวกับผู้ขาย แต่ความรับผิดนี้จำกัดไม่เกินค่าภาระติดพัน คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 530 ถ้าการให้นั้นมีค่าภาระติดพัน ผู้ให้จะต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิเช่นเดียวกันกับผู้ขาย แต่จำกัดไว้ว่าไม่เกินจำนวนค่าภาระติดพัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '530'}]",รับผิดในความชำรุดบกพร่อง หรือการรอนสิทธิเช่นเดียวกับผู้ขาย แต่ความรับผิดนี้จำกัดไม่เกินค่าภาระติดพัน +หากมีค่าภาระติดพันสูงกว่าราคาทรัพย์สินที่ให้ ผู้รับจะต้องทำอย่างไร,หากเป็นการให้ทรัพย์สินที่มีภาระติดพัน แต่ค่าภาระติดพันสูงกว่าทรัพย์สินนั้น => ผู้รับแค่ชำระค่าภาระติดพันเท่าราคาทรัพย์สินนั้น คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 529 ถ้าทรัพย์สินที่ให้มีราคาไม่พอกับการที่จะชำระค่าภาระติดพัน ผู้รับจะต้องชำระแต่เพียงเท่าราคาทรัพย์สินเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '529'}]",ผู้รับแค่ชำระค่าภาระติดพันเท่าราคาทรัพย์สินนั้น +กรรมการหอการค้าที่โดนสั่งให้ออกจากตำแหน่งแล้ว ยังทำตำแหน่งนี้ได้อยู่หรือไม่,หลัก : กรรมการหอการค้าที่ฝ่าฝืนมาตรา 29 และถูกรัฐมนตรีที่มีอำนาจสั่งให้ออกจากตำแหน่ง จะไม่สามารถเป็นกรรมการหอการค้าได้อีก ข้อยกเว้น : มีสิทธิเป็นกรรมการหอการค้าได้เมื่อพ้น 3 ปีนับจากวันที่รัฐมนตรีสั่งให้ออกจากตำแหน่ง คำอธิบายขยายความ : ���ระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 40 เมื่อหอการค้ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 29 รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้กรรมการทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคลออกจากตำแหน่งได้ ในกรณีเช่นนี้ คณะกรรมการหรือกรรมการนั้นไม่มีสิทธิเป็นกรรมการหอการค้าอีก เว้นแต่จะพ้นกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ถูกรัฐมนตรีสั่งให้ออกจากตำแหน่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '40'}]",กรรมการหอการค้าที่ฝ่าฝืนมาตรา 29 และถูกรัฐมนตรีที่มีอำนาจสั่งให้ออกจากตำแหน่ง จะไม่สามารถเป็นกรรมการหอการค้าได้อีก เว้นแต่จะพ้นกำหนด 3 ปีนับจากวันที่รัฐมนตรีสั่งให้ออกจากตำแหน่ง. +การจำนำเช็คต้องทำอย่างไร,ทำได้โดยสลักหลังเช็ค และมอบให้กับผู้รับจำนำ คำอธิบายขยายความ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 751 ถ้าจำนำตราสารชนิดออกให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่ง สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแก่ลูกหนี้แห่งตราสาร เพียงแค่ => สลักหลังตราสาร และมอบให้แก่ผู้รับจำนำ ถ้าไม่ได้สลักหลังตราสาร ห้ามยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '751'}]",ทำได้โดยสลักหลังเช็ค และมอบให้กับผู้รับจำนำ +ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของสมาชิกที่ล้มละลายให้ใครจัดการ,ให้สำนักหักบัญชีส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่ผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของสมาชิกตามกฎหมายล้มละลาย (เป็นการอนุโลมนำมาตรา 86 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546 มาใช้บังคับ) คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 223/4 เมื่อสมาชิกถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ให้นำความในมาตรา84 มาตรา 85 มาตรา 86 และมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546 มาใช้บังคับกับสำนักหักบัญชีและทรัพย์สินที่สำนักหักบัญชีได้รับมาหรือมีไว้ตามมาตรา223/3 โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '223/4'}]",ให้สำนักหักบัญชีส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่ผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของสมาชิกตามกฎหมายล้มละลาย (เป็นการอนุโลมนำมาตรา 86 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546 มาใช้บังคับ) +การบังคับหลักประกันที่เป็นทรัพย์สินทำได้อย่างไรบ้าง,สามารถบังคับหลักประกันที่เป็นทรัพย์สินได้ 2 วิธี ดังนี้ 1.ให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือ 2.จำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อใช้หนี้ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 36 ผู้รับหลักประกันอาจบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิหรือโดยจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '36'}]",สามารถบังคับหลักประกันที่เป็นทรัพย์สินได้ 2 วิธี ดังนี้ 1.ให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือ 2.จำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อใช้หนี้ +ถ้าผู้ประกอบการอยู่ต่างประเทศ แต่ได้ขายสินค้าในไทยเป็นปกติและมีตัวแทน จะต้องดำเนินการเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร,ให้ตัวแทนของผู้ประกอบการที่อยู่ต่างประเทศ (มาตรา 82/1(1)) เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการนั้นด้วย คำอธิบายขยายความ : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/2 ให้ตัวแทนตามมาตรา 82/1 (1) เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/2'}]",ให้ตัวแทนของผู้ประกอบการที่อยู่ต่างประเทศ (มาตรา 82/1(1)) เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการนั้นด้วย +การเปลี่ยนแปลงทรัสตีต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1.ต้องดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่มีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ และเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่ทราบเกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์ที่ผ่านมาและที่ต้องทำต่อไป 2.ส่งมอบเอกสาร หลักฐาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทรัสต์เพื่อให้ทรัสตีรายใหม่ ทั้งนี้ ให้ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ลงลายมือชื่อในหนังสือเพื่อรับรองความถูกต้องและครบถ้วนของสิ่งที่ส่งมอบให้ทรัสตีรายใหม่ และมอบหนังสือดังกล่าวให้ทรัสตีรายใหม่เก็บรักษาไว้ หมายเหตุ : การดำเนินการข้างต้นต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทรัสตีรายใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 26 1. การดำเนินการเมื่อมีทรัสตีรายใหม่เข้ามา => เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทรัสตี ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ ต้องดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่มีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ และเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่ทราบเกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์ที่ผ่านมาและที่ต้องทำต่อไป ตลอดจนส่งมอบเอกสาร หลักฐาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทรัสต์เพื่อให้ทรัสตีรายใหม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ทั้งนี้ ในการส่งมอบดังกล่าว ให้ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี ลงลายมือชื่อในหนังสือเพื่อรับรองความถูกต้องและครบถ้วนของสิ่งที่ส่งมอบให้ทรัสตีรายใหม่ และมอบหนังสือดังกล่าวให้ทรัสตีรายใหม่เก็บรักษาไว้ ให้ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทรัสตีรายใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ 2.กรณีไม่ได้ดำเนินการตามข้อ 1. ภายในระยะเวลากำหนด => ให้ทรัสตีรายใหม่ร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัสตีรายใหม่ได้มาซึ่งสิทธิเหนือกองทรัสต์ได้ 3. กรณีไม่ได้ดำเนินการตามข้อ 1. ภายในระยะเวลากำหนด และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับกองทรัสต์หรือผู้รับประโยชน์ => ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งนี้ หากความเสียหายเกิดขึ้นกับกองทรัสต์และทรัสตีรายใหม่ยังไม่มีสิทธิโดยสมบูรณ์ตามมาตรา 27 ผู้รับประโยชน์อาจเรียกร้องค่าเสียหายจากทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่เพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '26'}]",ต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. ต้องดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่มีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ และเพื่อให้ทรัสตีรายใหม่ทราบเกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์ที่ผ่านมาและที่ต้องทำต่อไป 2. ส่งมอบเอกสาร หลักฐาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทรัสต์เพื่อให้ทรัสตีรายใหม่ ทั้งนี้ ให้ทรัสตีรายเดิมหรือทรัสตีรายที่เหลืออยู่ลงลายมือชื่อในหนังสือเพื่อรับรองความถูกต้องและครบถ้วนของสิ่งที่ส่งมอบให้ทรัสตีรายใหม่ และมอบหนังสือดังกล่าวให้ทรัสตีรายใหม่เก็บรักษาไว้ หมายเหตุ : การดำเนินการข้างต้นต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทรัสตีรายใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่. +เมื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเลิกกันแล้วยังคงต้องมีการดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่,ยังคงต้องมีการตั้งอยู่เพื่อการชำระบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ห้างหุ้นส่วนหรือ บริษัท แม้จะได้เลิกกันแล้ว ก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1249'}]",ยังคงต้องมีการตั้งอยู่เพื่อการชำระบัญชี +ในกรณีใดบ้างที่ผู้อนุบาลสามารถฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายเพื่อเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู,สามารถฟ้องได้เมื่อคู่สมรสอีกฝ่ายไม่อุปการะเลี้ยงดู หรือกระทำการหรือไม่กระทำการที่ทำให้ฝ่ายวิกลจริตอยู่ในภาวะที่อาจเกิดอันตรายต่อกายหรือจิตใจ หรือตกอยู่ในภาวะที่อาจเกิดความเสียหายทางทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1464 ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนวิกลจริต ไม่ว่าศาลจะได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือไม่ ถ้าคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งไม่อุปการะเลี้ยงดูฝ่ายที่วิกลจริตตามมาตรา 1461 วรรคสอง หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด อันเป็นเหตุให้ฝ่ายที่วิกลจริตอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดความเสียหายทางทรัพย์สินถึงขนาด บุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 หรือผู้อนุบาลอาจฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่ฝ่ายที่วิกลจริต หรือขอให้ศาลมีคำสั่งใด ๆ เพื่อคุ้มครองฝ่ายที่วิกลจริตนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1464'}]",สามารถฟ้องได้เมื่อคู่สมรสอีกฝ่ายไม่อุปการะเลี้ยงดู หรือกระทำการหรือไม่กระทำการที่ทำให้ฝ่ายวิกลจริตอยู่ในภาวะที่อาจเกิดอันตรายต่อกายหรือจิตใจ หรือตกอยู่ในภาวะที่อาจเกิดความเสียหายทางทรัพย์สิน +การชำระหนี้ให้แก่ผู้ครองจะสมบูรณ์เมื่อใด,สมบูรณ์เมื่อบุคคลผู้ชำระหนี้ได้กระทำการโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 316 ถ้าการชำระหนี้นั้นได้ทำให้แก่ผู้ครองตามปรากฏแห่งสิทธิในมูลหนี้ การชำระหนี้นั้นจะสมบูรณ์ก็แต่เมื่���บุคคลผู้ชำระหนี้ได้กระทำการโดยสุจริต,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '316'}]",สมบูรณ์เมื่อบุคคลผู้ชำระหนี้ได้กระทำการโดยสุจริต +ห้างหุ้นส่วนสามัญคืออะไร,ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1025 ห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1025'}]",ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัด +เมื่อผู้ถือหุ้นตายหรือถูกล้มละลาย หุ้นจะตกเป็นของบุคคลใด,บุคคลผู้มีสิทธิจะได้หุ้นขึ้น หากว่าบุคคลนั้นนำใบหุ้นมาเวนคืน เมื่อเป็นวิสัยจะทำได้ และได้นำหลักฐานอันสมควรมาแสดงด้วยแล้วให้บริษัทรับบุคคลนั้นลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นสืบไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1132 ในเหตุบางอย่างเช่นผู้ถือหุ้นตายก็ดี หรือล้มละลายก็ดี อันเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเป็นผู้มีสิทธิจะได้หุ้นขึ้นนั้น หากว่าบุคคลนั้นนำใบหุ้นมาเวนคืน เมื่อเป็นวิสัยจะทำได้ ทั้งได้นำหลักฐานอันสมควรมาแสดงด้วยแล้ว ก็ให้บริษัทรับบุคคลนั้นลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นสืบไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1132'}]",บุคคลผู้มีสิทธิจะได้หุ้นขึ้น หากว่าบุคคลนั้นนำใบหุ้นมาเวนคืน เมื่อเป็นวิสัยจะทำได้ และได้นำหลักฐานอันสมควรมาแสดงด้วยแล้วให้บริษัทรับบุคคลนั้นลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นสืบไป +เจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากรมีอำนาจอย่างไร,มีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88/1 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้ เมื่อปรากฏว่าบุคคลใดออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายตามมาตรา 86/13 โดยให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้นั้นได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/1'}]",มีอ��นาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม +ผู้สอบบัญชีที่แสดงความเห็นต่องบการเงินต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,ต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89 ผู้สอบบัญชีที่แสดงความเห็นต่องบการเงินซึ่งเผยแพร่ไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ใหม่และหนังสือชี้ชวนในหมวดนี้ต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89'}]",ต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ +ผู้ค้ำประกันที่ได้ชำระหนี้แล้วมีสิทธิต่อลูกหนี้อย่างไร,มีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693 ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '693'}]",มีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกัน +สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีหน้าที่อย่างไรเมื่อพบว่าบัญชีหรือเอกสารสำคัญสูญหายหรือถูกทำลาย,ให้สันนิษฐานว่าผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งบัญชีหรือเอกสารนั้น ตาม พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 16 ในกรณีที่สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีตรวจพบว่าบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีที่เป็นสาระสำคัญแก่การจัดทำบัญชีสูญหายหรือถูกทำลาย หรือปรากฏว่าบัญชีและเอกสารดังกล่าวมิได้เก็บไว้ในที่ปลอดภัย ให้สันนิษฐานว่าผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งบัญชีหรือเอกสารนั้น เว้นแต่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจะพิสูจน์ให้เชื่อได้ว่าตนได้ใ���้ความระมัดระวังตามสมควรแก่กรณีแล้ว เพื่อป้องกันมิให้บัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสียหาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '16'}]",ให้สันนิษฐานว่าผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งบัญชีหรือเอกสารนั้น +บริษัทจำกัดสามารถออกหุ้นใหม่ได้อย่างไรบ้าง,บริษัทจำกัดสามารถออกหุ้นใหม่ได้โดยจะต้องถือว่าหุ้นเหล่านั้นได้รับชำระเต็มจำนวนหรือบางส่วนเป็นตัวเงิน เว้นแต่ว่ามีมติพิเศษจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้สามารถชำระด้วยวิธีอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1221 บริษัทจำกัดจะออกหุ้นใหม่ให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้ว หรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้วด้วยอย่างอื่นนอกจากให้ใช้เป็นตัวเงินนั้นไม่ได้ เว้นแต่จะทำตามมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1221'}]",บริษัทจำกัดสามารถออกหุ้นใหม่ได้โดยจะต้องถือว่าหุ้นเหล่านั้นได้รับชำระเต็มจำนวนหรือบางส่วนเป็นตัวเงิน เว้นแต่ว่ามีมติพิเศษจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้สามารถชำระด้วยวิธีอื่น. +บริษัทจำกัดสามารถควบเข้ากันได้หรือไม่,บริษัทจำกัดนั้นจะควบเข้ากันมิได้ เว้นแต่จะเป็นไปโดยมติพิเศษ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1238,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1238'}]",บริษัทจำกัดนั้นจะควบเข้ากันมิได้ เว้นแต่จะเป็นไปโดยมติพิเศษ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1238 +พยานหลักฐานที่ได้มาตามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างประเทศกับสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถนำมาใช้อ้างได้หรือไม่,นำมาใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งปวงได้ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 53 พยานหลักฐานที่ได้มาตามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างประเทศกับสำนักงาน ก.ล.ต. ให้นำมาใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งปวงได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '53'}]",นำมาใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งปวงได้ +ในกรณีที่สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์มีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องต่อหน่วยงานใดได้บ้าง,คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอให้มีการชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 201 ในกรณีที่สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์มีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างสมาชิกด้วยกันเอง หรือระหว่างสมาชิกกับลูกค้าของสมาชิก คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอให้มีการชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โดยอนุญาโตตุลาการประกอบด้วยบุคคลซึ่งคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งหนึ่งคนเป็นประธาน และบุคคลซึ่งคู่พิพาทแต่งตั้งอีกฝ่ายละหนึ่งคน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '201'}]",คู่พิพาทอาจยื่นคำร้องต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอให้มีการชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ +เมื่อห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด จะเกิดอะไรขึ้น,ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเดิมหมดสภาพการเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246/5 เมื่อนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัดแล้ว ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเดิมหมดสภาพการเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้นายทะเบียนหมายเหตุไว้ในทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/5'}]",ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเดิมหมดสภาพการเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะสิ้นสุดลงเมื่อใด,สิ้นสุดจนกว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 341 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเ��รดิตฟองซิเอร์ และตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2527 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '341'}]",สิ้นสุดจนกว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง +ผู้กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 90 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้น ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '90'}]",ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ +ถ้ามิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้งต้องใช้อัตราเท่าใด,ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '7'}]",ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี +บทบัญญัติในหมวด 2 ว่าด้วยตั๋วแลกเงินที่สามารถนำมาใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงินมีมาตราใดบ้าง,"บทมาตรา 911, 913, 916, 917, 919, 920, 922 ถึง 926, 938 ถึง 947, 949, 950, 954 ถึง 959, 967 ถึง 971 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 985 บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด 2 ว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้ ให้ยกมาบังคับในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้ คือบทมาตรา 911, 913, 916, 917, 919, 920, 922 ถึง 926, 938 ถึง 947, 949, 950, 954 ถึง 959, 967 ถึง 971 ถ้าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกมาแต่ต่างประเทศ ให้นำบทบัญญัติต่อไปนี้มาใช้บังคับด้วย คือบทมาตรา 960 ถึง 964, 973, 974","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '985'}]","บทมาตรา 911, 913, 916, 917, 919, 920, 922 ถึง 926, 938 ถึง 947, 949, 950, 954 ถึง 959, 967 ถึง 971" +ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่อย่างไร,ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานว่าด้วยงบดุลและบัญชียื่นต่อที่ประชุมสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1214 ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานว่าด้วยงบดุลและบัญชียื่นต่อที่ประชุมสามัญ และต้องแถลงในรายงานเช่นนั้นด้วยว่าตนเห็นว่างบดุลได้ทำโดยถูกถ้วนควรฟังว่าสำแดงให้เห็นการงานของบริษัทที่เป็นอยู่ตามจริงและถูกต้องหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1214'}]",ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานว่าด้วยงบดุลและบัญชียื่นต่อที่ประชุมสามัญ และต้องแถลงในรายงานเช่นนั้นด้วยว่าตนเห็นว่างบดุลได้ทำโดยถูกถ้วนควรฟังว่าสำแดงให้เห็นการงานของบริษัทที่เป็นอยู่ตามจริงและถูกต้องหรือไม่ +เมื่ออำนาจปกครองสิ้นไปเพราะผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ ผู้ใช้อำนาจปกครองต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้ใช้อำนาจปกครองต้องรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการและบัญชีในการนั้นให้ผู้บรรลุนิติภาวะเพื่อรับรอง ถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้น ก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1578 ในกรณีที่อำนาจปกครองสิ้นไปเพราะผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ ผู้ใช้อำนาจปกครองต้องรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการและบัญชีในการนั้นให้ผู้บรรลุนิติภาวะเพื่อรับรอง ถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้น ก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี ในกรณีที่อำนาจปกครองสิ้นไปเพราะเหตุอื่นนอกจากที่กล่าว ให้มอบทรัพย์สิน บัญชี และเอกสารที่เกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินให้แก่ผู้ใช้อำนาจปกครอง ถ้ามี หรือผู้ปกครอง แล้วแต่กรณี เพื่อรับรอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1578'}]",ผู้ใช้อำนาจปกครองต้องรีบส่งมอบทรัพย์สินที่จัดการและบัญชีในการนั้นให้ผู้บรรลุนิติภาวะเพื่อรับรอง ถ้ามีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องจัดการทรัพย์สินนั้น ก็ให้ส่งมอบพร้อมกับบัญชี +ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะดำเนินการอย่างไรไ���้บ้าง,บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท ๆ จะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ การเรียกร้องเช่นนี้ เจ้าหนี้ของบริษัทจะเป็นผู้เรียกบังคับก็ได้ เท่าที่เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิเรียกร้องแก่บริษัทอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1169'}]",บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการได้ +อัตราดอกเบี้ยที่อธิบดีหรือผู้มอบหมายสามารถสั่งให้แก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรคือเท่าใด,อัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทศ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง โดยดอกเบี้ยที่ให้ มิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ทศ'}]",อัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น +บริษัทมหาชนจำกัดจะต้องมีผู้ก่อตั้งกี่คน,อย่างน้อย 15 คนขึ้นไป ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 16 บุคคลธรรมดาตั้งแต่ 15 คนขึ้นไปจะเริ่มจัดตั้งบริษัทได้โดยจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ และปฏิบัติการอย่างอื่นตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '16'}]",อย่างน้อย 15 คนขึ้นไป +บริษัทหลักทรัพย์ประเภทธุรกิจหลักทรัพย์ต้องประกอบธุรกิจอย่างไร,ประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 140/1 ให้บริษัทหลักทรัพย์ในประเภทธุรกิจหลักทรัพย์ตาม (7) ของบทนิยามคำว่า “ธุรกิจหลักทรัพย์” ในมาตรา 4 ประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '140/1'}]",ประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +การส่งหนังสือแจ้งเสียภาษีจะต้องส่งในเวลาใด,ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8 หมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้ 1.กรณีปกติ =>ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้นในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น 2.กรณีไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของผู้รับ =>จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้ 3.กรณีไม่สามารถส่งตามวิธีข้างต้น หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร => ให้ใช้วิธีปิดหมาย หนังสือแจ้งหรือหนังสืออื่นในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย หรือโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ ผล : เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '8'}]",ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น +บริษัทจะสามารถยกสัญญาที่บังคับให้จดทะเบียนมาอ้างกับบุคคลภายนอกได้หรือไม่,ไม่ได้ ในกรณีที่ยกขึ้นกล่าวอ้างกับบุคคลภายนอกผู้สุจริตโดยอ้างว่าไม่มีอำนาจกระทำการ เพื่อไม่ให้บริษัทต้องรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1023/1 ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจะยกมาตรา 1023 ขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้สุจริตเพื่อไม่ให้ต้องรับผิดโดยอ้างว่าผู้เป็นหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วน บริษัทหรือกรรมการไม่มีอำนาจกระทำการไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1023/1'}]",ไม่ได้ ในกรณีที่ยกขึ้นกล่าวอ้างกับบุคคลภายนอกผู้สุจริตโดยอ้างว่าไม่มีอำนาจกระทำการ เพื่อไม่ให้บริษัทต้องรับผิ�� +คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่อะไร,สามารถสั่งให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในเรื่องใด ๆ ตามความจำเป็นและสมควร พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 172 คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจสั่งให้บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในเรื่องใด ๆ ตามความจำเป็นและสมควร เพื่อให้การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์เป็นไปโดยเรียบร้อยหรือเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะใช้อำนาจตามมาตรา 171 (2) หรือ (4) ก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '172'}]",สามารถสั่งให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในเรื่องใด ๆ ตามความจำเป็นและสมควร +สัญญาซื้อขายคืออะไร,สัญญาซื้อขาย คือสัญญาที่ผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินให้ผู้ขาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453 อันว่าซื้อขายนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '453'}]",สัญญาซื้อขาย คือสัญญาที่ผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินให้ผู้ขาย +บริษัทมีอำนาจในการร้องทุกข์ดำเนินคดีเองหรือไม่,สามารถทำได้ เว้นแต่กำหนดในข้อบังคับบริษัทเป็นอย่างอื่น พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 42 บริษัทมีอำนาจกระทำการใด ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของบริษัทและถ้าไม่มีข้อบังคับกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น อำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึงอำนาจที่จะกระทำการดังต่อไปนี้ด้วย (1) เป็นโจทก์ ร้องทุกข์ ดำเนินการตามกระบวนพิจารณาใด ๆ ในนามของบริษัท (2) ซื้อ จัดหา รับ เช่า เช่าซื้อ ถือกรรมสิทธิ์ ครองครอง ปรับปรุง ใช้และจัดการโดยประการอื่นซึ่งทรัพย์สินใด ๆ ตลอดจนดอกผลของทรัพย์สินนั้น (3) ขาย โอน จำนอง จำนำ แลกเปลี่ยน และจำหน่า���ทรัพย์สินโดยประการอื่น (4) กู้ยืมเงิน ค้ำประกัน ออก โอน และสลักหลังตั๋วเงินหรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้อย่างอื่น (5) ขอให้ปล่อยชั่วคราวกรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ที่ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่บริษัท (6) ถือหุ้น จัดการบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชน และกระทำธุรกิจเฉพาะอย่างร่วมกันกับบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชน (7) การกระทำอื่นใดที่บุคคลธรรมดาอาจกระทำได้ เว้นแต่โดยสภาพแห่งการกระทำนั้นจะพึงกระทำได้แต่เฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น ทั้งนี้ ภายในขอบวัตถุประสงค์ของบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '42'}]",สามารถทำได้ เว้นแต่กำหนดในข้อบังคับบริษัทเป็นอย่างอื่น +คณะกรรมการ ก.ล.ต.สามารถเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิตอลได้ในกรณีใดบ้าง,สามารถเพิกถอนได้ใน 2 กรณี ต่อไปนี้ 1.ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือ 2.หยุดประกอบธุรกิจเกินกว่าเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 34 เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือหยุดประกอบธุรกิจเกินกว่าเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจของผู้นั้นได้ รวมถึง มีอำนาจสั่งให้ต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '34'}]",สามารถเพิกถอนได้ใน 2 กรณี ต่อไปนี้ 1.ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือ 2.หยุดประกอบธุรกิจเกินกว่าเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด +ถ้าบอกอายุในสัญญาประกันชีวิตผิดไป ผลจะเป็นอย่างไร,ถ้าหากกำหนดเบี้ยประกันภัยไว้ต่ำแล้ว ก็ให้ลดจำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 893 การทำสัญญาประกันชีวิต แม้ได้แถลงอายุของบุคคลผู้นั้นไว้ไม่ถูกต้อง ทำให้กำหนดจำนวนเบี้ยประกันภัยไว้ต่ำ =>ให้ลดจำนวนเงินอันผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ลงตามส่วน แต่ถ้าผู้รับประกันภัยพิสูจน์ได้ว่าในขณะที่ทำสัญญานั้นอายุที่ถูกต้องแท้จริงอยู่นอกจำกัดอัตราตามทางค้าปกติของเขาแล้ว => สัญญานั้นเป็นโมฆียะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '893'}]",ถ้าหากกำหนดเบี้ยประกันภัยไว้ต่ำแล้ว ก็ให้ลดจำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ +การอุทธรณ์คำสั่งเลิกทรัสต์ต้องยื่นต่อศาลใด,ศาลฎีกา ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 29 ในกรณีที่มีเหตุให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทรัสตีแต่ไม่อาจแต่งตั้งทรัสตีรายใหม่เพราะมีเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ =>ให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้มีการแต่งตั้งทรัสตีรายใหม่ แต่ถ้าไม่อาจแต่งตั้งได้ ให้ศาลมีคำสั่งเลิกทรัสต์ ทั้งนี้ ให้ศาลมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลใดเข้าจัดการกองทรัสต์ให้เป็นไปตามมาตรา 52 โดยได้รับค่าตอบแทนตามที่ศาลกำหนดได้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลให้เลิกทรัสต์ให้ยื่นต่อศาลฎีกา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '29'}]",ศาลฎีกา +ศาลจะถอนผู้จัดการมรดกในกรณีใดได้บ้าง,ศาลถอนผู้จัดการมรดกได้ในกรณีต่อไปนี้ 1.ผู้จัดการมรดกไม่ทำบัญชีภายในเวลาและแบบที่กำหนดไว้ หรือ 2.บัญชีที่ผู้จัดการมรดกทำนั้นไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือ ทุจริต หรือ ไม่สามารถเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 ถ้าผู้จัดการมรดกไม่ได้จัดทำบัญชีภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ หรือถ้าบัญชีนั้นไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือการทุจริต หรือความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก ศาลจะถอนผู้จัดการมรดกเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1731'}]",ศาลถอนผู้จัดการมรดกได้ในกรณีต่อไปนี้ 1.ผู้จัดการมรดกไม่ทำบัญชีภายในเวลาและแบบที่กำหนดไว้ หรือ 2.บัญชีที่ผู้จัดการมรดกทำนั้นไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือ ทุจริต หรือ ไม่สามารถเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก. +ใบกำกับของต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง,"มีรายละเอียด ดังนี้ 1.สภาพและน้ำหนั�� หรือขนาดของที่ส่ง สภาพ จำนวน และเครื่องหมายของหีบห่อ 2.ตำบลที่ให้ส่ง 3.ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของผู้รับตราส่ง 4.ตำบลและวันที่ออกใบกำกับ 5.ลายมือชื่อผู้ส่ง +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 612 ถ้าผู้ขนส่งเรียกเอาใบกำกับของ ผู้ส่งต้องทำให้ ใบกำกับของนั้นต้องแสดงรายการต่อไปนี้ คือ (1) สภาพและน้ำหนัก หรือขนาดแห่งของที่ส่ง กับสภาพ จำนวน และเครื่องหมายแห่งหีบห่อ (2) ตำบลที่กำหนดให้ส่ง (3) ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของผู้รับตราส่ง (4) ตำบลและวันที่ออกใบกำกับของนั้น ทั้งนี้ ใบกำกับของนั้นต้องลงลายมือชื่อผู้ส่งด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '612'}]",มีรายละเอียด ดังนี้ 1.สภาพและน้ำหนัก หรือขนาดของที่ส่ง สภาพ จำนวน และเครื่องหมายของหีบห่อ 2.ตำบลที่ให้ส่ง 3.ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของผู้รับตราส่ง 4.ตำบลและวันที่ออกใบกำกับ 5.ลายมือชื่อผู้ส่ง +ทรัพยสิทธิเกิดขึ้นได้อย่างไร,ทรัพยสิทธิเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1298 ทรัพยสิทธิทั้งหลายจะก่อตั้งขึ้นได้แต่ด้วยอาศัยอำนาจในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1298'}]",ทรัพยสิทธิเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น +ถ้าสามีภรรยาแยกกันอยู่จะสิ้นสิทธิในการรับมรดกหรือไม่,หากสามีภรรยาแยกกันอยู่ แต่ไม่ได้จดทะเบียนหย่าตามกฎหมาย สามีภรรยายังสามารถมีสิทธิในการสืบมรดกได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1628 สามีภริยาที่ร้างกัน หรือแยกกันอยู่โดยยังไม่ได้หย่าขาดจากกันตามกฎหมาย ไม่ได้สิ้นไปซึ่งสิทธิโดยธรรมในการสืบมรดกซึ่งกันและกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1628'}]",สามีภรรยายังสามารถมีสิทธิในการสืบมรดกได้ +นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดมีหน้าที่อะไร,นายทะเบียนสามารถสอบถามข้อเท็จจริง และให้ผู้ขอจดทะเบียนส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง หรือนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำได้ ตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 186 ในการดำเนินการรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสอบถามข้อเท็จจริง และให้ผู้ขอจดทะเบียนส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหรือนำบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำได้ตามความจำเป็น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '186'}]",นายทะเบียนสามารถสอบถามข้อเท็จจริง และให้ผู้ขอจดทะเบียนส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง หรือนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำได้ +ใครเป็นผู้ตั้งอนุกรรมการในวิชาชีพบัญชี,คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีเป็นผู้แต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 35 คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดตามที่มอบหมายได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '35'}]",คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีเป็นผู้แต่งตั้ง +การขายตามตัวอย่างจะบริบูรณ์เมื่อใด,ถ้าได้ส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้ซื้อแล้ว การซื้อขายจะบริบูรณ์ ตามกรณีต่อไปนี้ 1.ผู้ซื้อไม่บอกกล่าวว่าไม่ยอมรับภายในเวลาที่กำหนดไว้โดยสัญญา หรือโดยประเพณี หรือโดยคำบอกกล่าว หรือ 2.ผู้ซื้อไม่ส่งทรัพย์สินคืนภายในกำหนดเวลา หรือ 3.ผู้ซื้อชำระราคาทรัพย์สินทั้งหมด หรือบางส่วน หรือ 4.ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สิน หรือทำประการอื่นอันเป็นปริยายว่ารับซื้อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 508 เมื่อทรัพย์สินนั้นได้ส่งมอบแก่ผู้ซื้อเพื่อให้ตรวจดูแล้ว การซื้อขายย่อมเป็นอันบริบูรณ์ในกรณีต่อไปนี้ คือ (1) ถ้าผู้ซื้อไม่ได้บอกกล่าวว่าไม่ยอมรับซื้อภายในเวลาที่กำหนดไว้โดยสัญญา หรือโดยประเพณี หรือโดยคำบอกกล่าว หรือ (2) ถ้าผู้ซื้อไม่ส่งทรัพย์สินคืนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวมานั้น หรือ (3) ถ้าผู้ซื้อใช้ราคาทรัพย์สินนั้นสิ้นเชิง หรือแต่บางส่วน หรือ (4) ถ้าผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินนั้น หรือทำประการอื่นอย่างใดอันเป็นปริยายว่ารับซื้อของนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '508'}]",การซื้อขายจะบริบูรณ์ ตามกรณีต่อไปนี้ 1.ผู้ซื้อไม่บอกกล่าวว่าไม่ยอมรับภายในเวลาที่กำหนดไว้โดยสัญญา หรือโดยประเพณี หรือโดยคำบอกกล่าว หรือ 2.ผู้ซื้อไม่ส่งทรัพย์สินคืนภายในกำหนดเวลา หรือ 3.ผู้ซื้อชำระราคาทรัพย์สินทั้งหมด หรือบางส่วน หรือ 4.ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สิน หรือทำประการอื่นอันเป็นปริยายว่ารับซื้อ +บทบังค���บในส่วนผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทตัวแทนสามารถใช้บังคับกับประเภทอื่นๆได้หรือไม่,ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนดตามสมควร พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 41 บทบัญญัติในส่วนนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 16 และให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้ประกาศกำหนดให้ใช้บทบังคับดังกล่าวกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทอื่นเพิ่มเติมตามสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '41'}]",ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนดตามสมควร +ถ้าให้ผู้สั่งจ่ายรับรองตั๋วเงินแต่ไม่ได้ลงวันที่ไว้ ตามกฎหมายทำยังไงได้บ้าง,ถ้าการรับรองไม่ได้ลงวันไว้ ให้ถือเอาวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาอันกำหนดไว้เพื่อรับรองนั้นเป็นวันรับรอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '933'}]",ถ้าการรับรองไม่ได้ลงวันไว้ ให้ถือเอาวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาอันกำหนดไว้เพื่อรับรองนั้นเป็นวันรับรอง +ถ้าตั้งบริษัทขึ้นมาใช้คำว่าตลาดหุ้นได้ไหม ผิดกฎหมายหรือไม่,ผิด กฎหมายห้ามไม่ให้บุคคลใดก็ตามที่ไม่ใช่ตลาดหลักทรัพย์ ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “ตลาดหลักทรัพย์” หรือ “ตลาดหุ้น” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '156'}]",ผิด กฎหมายห้ามไม่ให้บุคคลใดก็ตามที่ไม่ใช่ตลาดหลักทรัพย์ ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “ตลาดหลักทรัพย์” หรือ “ตลาดหุ้น” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน. +ตอนขายทอดตลาด ตอนไหนคือจบการขาย,การขายทอดตลาดคือการประมูลราคาแข่งกันจะจบการขายคือเมื่อผู้ขายทอดตกลงเคาะไม้ หรือด้วยกิริยาอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '509'}]",การขายทอดตลาดคือการประมูลราคาแข่งกันจะจบการขายคือเมื่อผู้ขายทอดตกลงเคาะไม้ หรือด้วยกิริยาอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด. +วิธีการนับเวลาตามกฎหมาย,ถ้าระยะเวลากำหนดเป็นเดือนและวัน หรือกำหนดเป็นเดือนและส่วนของเดื���น 1.)ให้นับจำนวนเดือนเต็มก่อน แล้วจึงนับจำนวนวันหรือส่วนของเดือนเป็นวัน 2.)ถ้าระยะเวลากำหนดเป็นส่วนของปี ให้คำนวณส่วนของปี เป็นเดือนก่อน หากมีส่วนของเดือนให้นับส่วนของเดือนเป็นวัน การคำนวณส่วนของเดือน ให้ถือว่าเดือนหนึ่งมี 30 วัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/6'}]",1.) ให้นับจำนวนเดือนเต็มก่อน แล้วจึงนับจำนวนวันหรือส่วนของเดือนเป็นวัน 2.) ถ้าระยะเวลากำหนดเป็นส่วนของปี ให้คำนวณส่วนของปีเป็นเดือนก่อน หากมีส่วนของเดือนให้นับส่วนของเดือนเป็นวัน การคำนวณส่วนของเดือนให้ถือว่าเดือนหนึ่งมี 30 วัน. +ถ้าคนซื้อของเรากลายเป็นคนล้มละลาย แล้วยังซื้อขายของให้ได้ไหม,ถ้า 1.ล้มละลายก่อนส่งมอบทรัพย์ หรือ 2. ผู้ซื้อเป็นคนล้มละลายแล้วในเวลาซื้อขายโดยผู้ขายไม่รู้ก็ดี หรือ 3. ผู้ซื้อกระทำให้หลักทรัพย์ที่ให้ไว้เพื่อประกันการใช้เงินนั้นเสื่อมเสียหรือลดน้อยลงก็ดี ถึงแม้ในสัญญาจะมีกำหนดเงื่อนไขเรื่องเวลา สำหรับรอจ่ายเงิน ผู้ขายสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขายไว้ก่อนได้ จนกว่าผู้ซื้อจะหาหลักประกันตามสมควรมา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '469'}]",ผู้ขายสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขายไว้ก่อนได้ จนกว่าผู้ซื้อจะหาหลักประกันตามสมควรมา +ตั๋วแลกเงิน สามารถใช้แลกเงินได้ตอนไหน,ย่อมใช้แลกเงินได้เมื่อถึงวันที่กำหนด โดยผู้ทรงตั๋วต้องนำตั๋วเงินไปยื่น ตามมาตรา 941 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '941'}]",ย่อมใช้แลกเงินได้เมื่อถึงวันที่กำหนด โดยผู้ทรงตั๋วต้องนำตั๋วเงินไปยื่น ตามมาตรา 941 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +ทรัพย์อะไรที่จำนองได้บ้าง,อสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ด้งต่อไปนี้ (1) เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป (2) แพ (3) สัตว์พาหนะ (4) สังหาริมทรัพย์อื่นใด ๆ ซึ่งกฎหมายหากบัญญัติไว้ให้จดทะเบียนเฉพาะการ อสังหาริมทรัพย์คือ ทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ยกหรือย้ายไปไหนไม่ได้ เช่นบ้าน ที่ดิน ตึก แต่รถไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เพราะเคลื่อนย้ายได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '703'}]",อสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ด้งต่อไปนี้ (1) เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป (2) แพ (3) สัตว์พาหนะ (4) สังหาริมทรัพย์อื่นใด ๆ ซึ่งกฎหมายหากบัญญัติไว้ให้จดทะเบียนเฉพาะการ อสังหาริมทรัพย์คือ ทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ยกหรือย้ายไปไหนไม่ได้ เช่นบ้าน ที่ดิน ตึก แต่รถไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เพราะเคลื่อนย้ายได้. +บริษัทจำกัด ขายหุ้นได้ราคาต่ำสุดเท่าไหร่,ขั้นต่ำ 5 บาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1117,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1117'}]",ขั้นต่ำ 5 บาท +การนับเวลาเรื่องหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน เริ่มนับอย่างไร,ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 45 วันนับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบร่าง ไม่ใช่นับแบบวันที่สั่งการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 75,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '75'}]",ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 45 วันนับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบร่าง ไม่ใช่นับแบบวันที่สั่งการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 75 +คำรับรองบ่ายเบี่ยง มีผลอย่างไร,ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะบอกปัดไม่เอา และถ้าไม่ได้คำรับรอง ถือว่าตั๋วแลกเงินขาดความน่าเชื่อถือ แต่ถ้ารับเอาคำบ่ายเบี่ยง และผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่ายไม่ได้ให้อำนาจผู้ทรงในการแสดงออกหรือไม่ยินยอมด้วยภายหลัง ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้น ๆ ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามตั๋วเงินนั้น แต่บทบัญญัติทั้งนี้ท่านมิให้ใช้ไปถึงการรับรองแต่บางส่วนซึ่งได้บอกกล่าวก่อนแล้วโดยชอบ แต่ถ้าผู้สั่งยินยอมหรือรับคำบ่ายเบี่ยง แล้วไม่โต้แย้งไปยังผู้ทรงภายในเวลาอันสมควร ให้ถือว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้นเป็นอันได้ยินยอมด้วยกับการนั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '936'}]",ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะบอกปัดไม่เอา และถ้าไม่ได้คำรับรอง ถือว่าตั๋วแลกเงินขาดความน่าเชื่อถือ แต่ถ้ารับเอาคำบ่ายเบี่ยง และผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่ายไม่ได้ให้อำนาจผู้ทรงในการแสดงออกหรือไม่ยินยอมด้วยภายหลัง ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้น ๆ ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามตั๋วเงินนั้น แต่บทบัญญัติทั้งนี้ท่านมิให้ใช้ไปถึงการรับรองแต่บางส่วนซึ่งได้บอกกล่าวก่อนแล้วโดยชอบ แต่ถ้าผู้สั่งยินยอมหรือรับคำบ่ายเบี่ยง แล้วไม่โ���้แย้งไปยังผู้ทรงภายในเวลาอันสมควร ให้ถือว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้นเป็นอันได้ยินยอมด้วยกับการนั้นแล้ว. +ถ้าผู้ทำบัญชีไม่แสดงรายการบัญชีตามจริง อัตราโทษเท่าไหร่,พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 37 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 25 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นสารวัตรใหญ่บัญชี สารวัตรบัญชี หรือเจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '37'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ทำบัญชีทั่วไป และสำหรับสารวัตรใหญ่บัญชี สารวัตรบัญชี หรือเจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. +การเสนอขายโทเคน มีกฎหมายกำหนดไหมว่าต้องทำยังไง,การเสนอขายโทเคนดิจิทัลจะกระทำได้ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับแล้ว และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เท่านั้น การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนการเผยแพร่ข้อมูลและการโฆษณาชี้ชวนเกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล กระบวนการและหลักเกณฑ์ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด การให้ความเห็นชอบผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '19'}]",การเสนอขายโทเคนดิจิทัลจะกระทำได้ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับแล้ว และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เท่านั้น +ตั๋วเงินสามารถสลักหลังอะไรได้บ้าง นอกจากคำรับรอง,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพา���ิชย์ มาตรา 915 ผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและผู้สลักหลังคนใด ๆ ก็ดี จะจดข้อกำหนดซึ่งจะกล่าวต่อไปนี้ลงไว้ชัดแจ้งในตั๋วแลกเงินนั้นก็ได้ คือ (1) ข้อกำหนดลบล้างหรือจำกัดความรับผิดของตนเองต่อผู้ทรงตั๋วเงิน (2) ข้อกำหนดยอมลดละให้แก่ผู้ทรงตั๋วเงินซึ่งหน้าที่ทั้งหลายอันผู้ทรงจะพึงต้องมีแก่ตนบางอย่างหรือทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '915'}]",(1) ข้อกำหนดลบล้างหรือจำกัดความรับผิดของตนเองต่อผู้ทรงตั๋วเงิน (2) ข้อกำหนดยอมลดละให้แก่ผู้ทรงตั๋วเงินซึ่งหน้าที่ทั้งหลายอันผู้ทรงจะพึงต้องมีแก่ตนบางอย่างหรือทั้งหมด +ค่าทดแทนหลังหย่า จะได้รับอย่างไร,ถ้าฟ้องหย่าแล้วได้ค่าทดแทน ศาลจะดูจากพฤติการณ์ต่างๆ เช่น ค่าเสียโอกาสหารายได้ โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ ส่วนคนที่จะต้องจ่ายค่าทดแทน(กรณีของคู่สมรสไม่ใช่ชู้) ศาลจะคำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไป จากการแบ่งสินสมรสเพราะการหย่านั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1525'}]",ศาลจะดูจากพฤติการณ์ต่างๆ เช่น ค่าเสียโอกาสหารายได้ โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ ส่วนคนที่จะต้องจ่ายค่าทดแทน ศาลจะคำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไปจากการแบ่งสินสมรสเพราะการหย่านั้นด้วย. +หย่าโดยความยินยอมกับฟ้องหย่า ต่างกันอย่างไร,ต่างกันที่ ถ้าจดทะเบียนการหย่าเสร็จแล้ว หย่าโดยความยินยอมคือมีผลทันทีเมื่อจดทะเบียนหย่าเสร็จ แต่ถ้า หย่าโดยความพิพากษาของศาล มีผลตอนที่ที่คำพิพากษาถึงที่สุด และต้องเอาคำพิพากษาศาลของศาลไปจดทะเบียนด้วย เพราะอาจมีบุคคลภายนอกที่สุจริตอาจเสื่อมเสียได้จากการหย่าที่ไม่ได้จดทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1531'}]",ต่างกันที่ ถ้าจดทะเบียนการหย่าเสร็จแล้ว หย่าโดยความยินยอมคือมีผลทันทีเมื่อจดทะเบียนหย่าเสร็จ แต่ถ้า หย่าโดยความพิพากษาของศาล มีผลตอนที่ที่คำพิพากษาถึงที่สุด และต้องเอาคำพิพากษาศาลของศาลไปจดทะเบียนด้วย เพราะอาจมีบุคคลภายนอกที่สุจริตอาจเสื่อมเสียได้จากการหย่าที่ไม่ได้จดทะเบียน. +นิติบุคคลที่ตั้งไว้เฉพาะเพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ก่อนจะให้พนักงานของรัฐเข้ามาตรวจสอบ กฎหมายกำหนดว่าอย่างไร,ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '31'}]",ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา +ถ้าโดนคนตัดหน้าแย่งซื้อที่ดินไป ทั้งๆ ที่ตกลงกันแล้ว ทำอย่างไรได้บ้าง,ถ้าการโอนนั้น มันทำให้เสียเปรียบแก่เรา ซึ่งคือบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน เราสามารถขอให้ศาลเพิกถอน แต่ถ้าโอนสุจริต คือคนรับโอนไปไม่รู้ และ มีการเสียเงินให้กัน จะเพิกถอนไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1300'}]",เราสามารถขอให้ศาลเพิกถอน แต่ถ้าโอนสุจริต คือคนรับโอนไปไม่รู้ และมีการเสียเงินให้กัน จะเพิกถอนไม่ได้ +ตอนใช้สิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าหนี้ นับอายุความไหม,อายุความจะสะดุดลง ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความ เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น เหนุที่ทำให้อายุความสะดุดลงตามประมวลแพ่ง 1. ลูกหนี้ยอมรับสภาพหนี้กับเจ้าหนี้ 2. เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้อง คือฟ้องร้องบังคับหนี้ลูกหนี้ต่อศาล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/15'}]",อายุความจะสะดุดลง ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความ เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น +ซื้อที่ดินมาแล้วติดจำนอง ต้องดำเนินการอย่างไร,1.) บอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่ผู้เป็นลูกหนี้ชั้นต้น(คนขาย) 2.)ต้องส่งคำเสนอไปยังบรรดาเจ้าหนี้ที่ได้จดทะเบียนในทางจำนองหรือ อื่นๆ 3.)แจ้งข้อ��วาม ต่อเจ้าหนี้ที่รับจำนองไว้ ดังต่อไปนี้ คำเสนอนั้นให้แจ้งข้อความทั้งหลายต่อไปนี้ คือ (1) ตำแหน่งแหล่งที่และลักษณะแห่งทรัพย์สินซึ่งจำนอง (2) วันโอนกรรมสิทธิ์ (3) ชื่อเจ้าของเดิม (4) ชื่อและภูมิลำเนาของผู้รับโอน (5) จำนวนเงินที่เสนอว่าจะใช้ (6) คำนวณยอดจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่ง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์และจำนวนเงินที่จะจัดเป็นส่วนใช้แก่บรรดาเจ้าหนี้ตามลำดับกัน อนึ่ง ให้คัดสำเนารายงานจดทะเบียนของเจ้าพนักงานในเรื่องทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น อันเจ้าพนักงานรับรองว่าเป็นสำเนาถูกถ้วนสอดส่งไปด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '738'}]",1.) บอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่ผู้เป็นลูกหนี้ชั้นต้น(คนขาย) 2.)ต้องส่งคำเสนอไปยังบรรดาเจ้าหนี้ที่ได้จดทะเบียนในทางจำนองหรือ อื่นๆ 3.)แจ้งข้อความ ต่อเจ้าหนี้ที่รับจำนองไว้ ดังต่อไปนี้ คำเสนอนั้นให้แจ้งข้อความทั้งหลายต่อไปนี้ คือ (1) ตำแหน่งแหล่งที่และลักษณะแห่งทรัพย์สินซึ่งจำนอง (2) วันโอนกรรมสิทธิ์ (3) ชื่อเจ้าของเดิม (4) ชื่อและภูมิลำเนาของผู้รับโอน (5) จำนวนเงินที่เสนอว่าจะใช้ (6) คำนวณยอดจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่ง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์และจำนวนเงินที่จะจัดเป็นส่วนใช้แก่บรรดาเจ้าหนี้ตามลำดับกัน อนึ่ง ให้คัดสำเนารายงานจดทะเบียนของเจ้าพนักงานในเรื่องทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น อันเจ้าพนักงานรับรองว่าเป็นสำเนาถูกถ้วนสอดส่งไปด้วย +ระหว่างที่ผู้ปกครองทำบัญชีของผู้เยาว์ สามารถทำอื่นๆ ได้ไหม,ไม่ได้ กิจการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ของผู้เยาว์ ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ก่อนที่ศาลยอมรับบัญชีนั้น ห้ามมิให้ผู้ปกครองทำกิจการใด เว้นแต่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น แต่จะยกข้อห้ามดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้ ผู้เยาว์คือบุคคลที่อายุต่ำกว่า20ปีบริบูรณ์ หรือ เด็ก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1595'}]",ไม่ได้ กิจการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ของผู้เยาว์ ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ก่อนที่ศาลยอมรับบัญชีนั้น ห้ามมิให้ผู้ปกครองทำกิจการใด เว้นแต่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น +กรรมการของมูลนิธิ ทำให้มูลนิธิเสื่อมเสีย ค��รทำอย่างไร,ในกรณีที่กรรมคนใด ทำให้เสื่อมเสียหรือมีความประพฤติไม่เหมาะสมในการทำตามวัตถุประสงค์ มูลนิธิ นายทะเบียน พนักงานอัยการ หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอดถอนกรรมการของมูลนิธิผู้นั้นได้ แต่ถ้ากรรมการทุกคนทำ ก็สามารถศาลสั่งให้ออกทั้งคณะก็ได้ และถ้าถอดถอนไปแล้ว ศาลจะตั้งคนอื่นเป็นกรรมการแทนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '129'}]",นายทะเบียน พนักงานอัยการ หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอดถอนกรรมการของมูลนิธิผู้นั้นได้ แต่ถ้ากรรมการทุกคนทำ ก็สามารถศาลสั่งให้ออกทั้งคณะก็ได้ และถ้าถอดถอนไปแล้ว ศาลจะตั้งคนอื่นเป็นกรรมการแทนก็ได้. +ถ้าตั๋วแลกเงิน แลกเงินได้ครบ ทำยังไงได้บ้าง,ถ้าตั๋วแลกเงินแลกเงินได้เพียงบางส่วน จะบอกไม่เอาก็ได้ แต่ถ้าเอาตกลงรับเงินบางส่วนต้องบันทึกข้อความนั้นลงไว้ในตั๋วเงิน และส่งมอบใบรับให้แก่ผู้ใช้เงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '946'}]",ถ้าตั๋วแลกเงินแลกเงินได้เพียงบางส่วน จะบอกไม่เอาก็ได้ แต่ถ้าเอาตกลงรับเงินบางส่วนต้องบันทึกข้อความนั้นลงไว้ในตั๋วเงิน และส่งมอบใบรับให้แก่ผู้ใช้เงิน. +สิทธิ์ในหนี้ ที่เป็นบุรุมสิทธิลำดับเดียวกัน ใครจะได้ก่อน,ถ้าหลายคนคนมีบุริมสิทธิในลำดับเสมอกัน เหนือทรัพย์ชิ้นเดียว ให้แบ่งกันเฉลี่ยตามหนี้มากน้อยแล้วแต่ สรุป ได้พร้อมกัน แต่ต้องแบ่งเงินกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '280'}]",ถ้าหลายคนคนมีบุริมสิทธิในลำดับเสมอกัน เหนือทรัพย์ชิ้นเดียว ให้แบ่งกันเฉลี่ยตามหนี้มากน้อยแล้วแต่ สรุป ได้พร้อมกัน แต่ต้องแบ่งเงินกัน +ให้คนยืมของไปแต่ไม่ได้ทำสัญญา เขาไม่คืน ตามกฎหมายต้องทวงตอนไหน,ถ้าในสัญญาไม่มีกำหนดเวลาให้คืนทรัพย์สินซึ่งยืมไป ผู้ให้ยืมจะบอกกล่าวแก่ผู้ยืมให้คืนทรัพย์สินภายในเวลาอันควร ซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวก็ได้ ว่าให้คืนตอนไหน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '652'}]",ผู้ให้ยืมจะบอกกล่าวแก่ผู้ยืมให้คืนทรัพย์สินภายในเวลาอันควร ซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้นก็ได้ +ถ้าคนมาพักที่โรงแรมไม่จ่ายเงิน ทำยังไงได้บ้าง,เจ้าสำนักชอบที่จะยึดหน่วงเครื่องเดินทางหรือทรัพย์สินอย่างอื่นของคนเดินทางหรือแขกอาศัยอันเอาไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่เช่นนั้นได้จนกว่าจะได้รับใช้เงินบรรดาที่ค้างชำระแก่ตน เพื่อการพักอาศัยและการอื่น ๆ อันได้ทำให้แก่คนเดินทางหรือแขกอาศัยตามที่เขาพึงต้องการนั้น รวมทั้งการชดใช้เงินทั้งหลายที่ได้ออกแทนไปด้วย หรือ จะขายทอดตลาดก็ได้แต่มีเงื่อนไขคือ 1) ทรัพย์สินนั้นตกอยู่แก่ตนเป็นเวลานานถึงหกสัปดาห์ยังมิได้รับชำระหนี้สิน และ (2) อย่างน้อยเดือนหนึ่งก่อนวันขายทอดตลาด ตนได้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่นฉบับหนึ่งแจ้งความจำนงที่จะขายทรัพย์สิน บอกลักษณะแห่งทรัพย์สินที่จะขายโดยย่อ กับถ้ารู้ชื่อเจ้าของ ก็บอกด้วย เมื่อขายทอดตลาดหักใช้หนี้ดังกล่าวแล้ว มีเงินเหลืออยู่อีกเท่าใดต้องคืนให้แก่เจ้าของ หรือฝากไว้ ณ สำนักงานฝากทรัพย์ตามบทบัญญัติในมาตรา 331 และ 333 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '679'}]",เจ้าสำนักชอบที่จะยึดหน่วงเครื่องเดินทางหรือทรัพย์สินอย่างอื่นของคนเดินทางหรือแขกอาศัยอันเอาไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่เช่นนั้นได้จนกว่าจะได้รับใช้เงินบรรดาที่ค้างชำระแก่ตน เพื่อการพักอาศัยและการอื่น ๆ อันได้ทำให้แก่คนเดินทางหรือแขกอาศัยตามที่เขาพึงต้องการนั้น รวมทั้งการชดใช้เงินทั้งหลายที่ได้ออกแทนไปด้วย หรือ จะขายทอดตลาดก็ได้แต่มีเงื่อนไขคือ 1) ทรัพย์สินนั้นตกอยู่แก่ตนเป็นเวลานานถึงหกสัปดาห์ยังมิได้รับชำระหนี้สิน และ (2) อย่างน้อยเดือนหนึ่งก่อนวันขายทอดตลาด ตนได้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่นฉบับหนึ่งแจ้งความจำนงที่จะขายทรัพย์สิน บอกลักษณะแห่งทรัพย์สินที่จะขายโดยย่อ กับถ้ารู้ชื่อเจ้าของ ก็บอกด้วย เมื่อขายทอดตลาดหักใช้หนี้ดังกล่าวแล้ว มีเงินเหลืออยู่อีกเท่าใดต้องคืนให้แก่เจ้าของ หรือฝากไว้ ณ สำนักงานฝากทรัพย์ตามบทบัญญัติในมาตรา 331 และ 333 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. +ถ้าเลิกกิจการเแล้วยังออกใบกำกับภาษี ได้ไหม,ถ้าเลิกกิจการแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ สามารถออกได้ เนื่องจาก สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น(Vat7%)ผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ หรือเพราะอธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(Vat7%)ของผู้ประกอบการจดทะเบียน อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการนั้นสามารถออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ ต่อไปเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะหยุดประกอบกิจการก็ได้ แต่ผู้รับอนุญาตดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86/11,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/11'}]",ถ้าเลิกกิจการแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ สามารถออกได้ +ความผิดตามกฎหมายนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เปรียบเทียบปรับได้ไหม,ได้ แต่ไม่ใช่ทุกความผิด ที่จะเปรียบเทียบปรับแล้วไม่โดนคดีอาญา พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ความผิดตามมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวนสามคน เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ทำการเปรียบเทียบกรณีใด และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระเงินค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ดำเนินคดีต่อไป,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '43'}]",ได้ แต่ไม่ใช่ทุกความผิด ที่จะเปรียบเทียบปรับแล้วไม่โดนคดีอาญา +ถ้าตัวแทนเลิกเป็นตัวแทนตัวการแล้ว มีผลต่อภายบุคคลภายนอกอย่างไร,ถ้าเหตุที่ทำให้สัญญาตัวแทนสิ้นไปเกิดจากตัวการหรือตัวแทนเอง เช่น บอกเลิกเป็นตัวการ บอกเลิกเป็นตัวแทน ตาย ตกเป็นคนไร้ความสามารถ ซึ่งบุคคลภายนอกไม่รู้ดังนั้นกฎหมายจึงห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คู่สัญญาอีกฝ่าย (บุคคลภายนอก) จนกว่าจะได้บอกกล่าวเหตุนั้น ๆ ไปยังคู่สัญญาฝ่าย (บุคคลภายนอก) นั้นแล้ว หรือจนกว่าคู่สัญญาฝ่ายนั้นจะได้ทราบเหตุแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '830'}]",บุคคลภายนอกไม่รู้ดังนั้นกฎหมายจึงห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คู่สัญญาอีกฝ่าย (บุคคลภายนอก) จนกว่าจะได้บอกกล่าวเหตุนั้น ๆ ไปยังคู่สัญญาฝ่าย (บุคคลภายนอก) นั้นแล้ว หรือจนกว่าคู่สัญญาฝ่ายนั้นจะได้ทราบเหตุแล้ว. +ถ้าสมาคมการค้าเลิกกิจการ ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ถ้าสมาคมการค้าเลิกกันด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.)มีข้อบังคับบอกให้เลิก 2.)เมื่อสิ้นเวลา3.)เมื่อมีมติขอวที่ประชุมใหญ่ ย่อมเลิกกัน ผลคือ ให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตและขีดชื่อสมาคมการค้านั้นออกจากทะเบียน ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสมาคมการค้านั้นคงดำเนินการต่อไปได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '38'}]",ให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตและขีดชื่อสมาคมการค้านั้นออกจากทะเบียน ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสมาคมการค้านั้นคงดำเนินการต่อไปได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น. +ถ้าตั้งเงื่อนไขให้ทำก่อนหรือหลัง ตอนทำสัญญาได้ไหม,ทำได้ แต่ตอนทำนิติกรรม ถ้ามีเงื่อนไขอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '188'}]",ทำได้ แต่ตอนทำนิติกรรม ถ้ามีเงื่อนไขอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 +บริษัทจำกัดถ้าตำแหน่งกรรมการว่างลง ต้องดำเนินการอย่างไร,ถ้าว่างลงนอกจากเหตุอื่นที่จะถึงคราวออก กรรมการจะเลือกผู้อื่นตั้งขึ้นใหม่ให้เต็มที่ว่างก็ได้ แต่บุคคลที่ได้เป็นกรรมการใหม่เช่นนั้น ให้มีเวลาอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาที่กรรมการผู้ออกไปนั้นอยู่ เช่น คนเดิมลาออก เหลือเวลาอีก 3 เดือนจะครบวาระ ตั้งคนใหม่มาก็จะอยู่ได้แค่ 3 เดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1155'}]",กรรมการจะเลือกผู้อื่นตั้งขึ้นใหม่ให้เต็มที่ว่างก็ได้ แต่บุคคลที่ได้เป็นกรรมการใหม่เช่นนั้น ให้มีเวลาอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาที่กรรมการผู้ออกไปนั้นอยู่ เช่น คนเดิม���าออก เหลือเวลาอีก 3 เดือนจะครบวาระ ตั้งคนใหม่มาก็จะอยู่ได้แค่ 3 เดือน. +การจำนำสิทธิ มีข้อห้ามอะไร,การจำนำสิทธิ เช่น การจำนำใบหุ้นกู้ ตราสาร ตั๋วเงิน ต้องทำให้ถูกต้องด้วย นอกจากจะส่งมอบทรัพย์แล้ว ถ้าจำนำสิทธิ ห้ามไม่ให้ทำสิทธินั้นให้สิ้นไป หรือแก้ไขสิทธินั้นให้เสียหายแก่ผู้รับจำนำโดยผู้รับจำนำไม่ได้ยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '755'}]",ห้ามไม่ให้ทำสิทธินั้นให้สิ้นไป หรือแก้ไขสิทธินั้นให้เสียหายแก่ผู้รับจำนำโดยผู้รับจำนำไม่ได้ยินยอมด้วย +ถ้าหย่ากัน แล้วใครได้สิทธิเลี้ยงลูก,ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1520'}]",ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด +ถ้าจะตั้งสมาคมเกี่ยวกับเงิน ตามกฎหมายต้องขออนุญาตก่อนไหม,การจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนกับสำนักงาน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 231,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '231'}]",ต้องได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนกับสำนักงาน +ถ้าต้องการให้หลักทรัพย์ไม่อยู่ในตลาดแล้ว สามารถทำยังไงได้บ้าง,ในกรณีที่ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเข้าครอบงำกิจการมีความประสงค์ไม่ให้หลักทรัพย์นั้นเป็นหลักทรัพย์ที่จด��ะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต่อไป ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์โดยชัดแจ้งในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ไว้ด้วย ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 254,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '254'}]",ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์โดยชัดแจ้งในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ไว้ด้วย +ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมใช้หนี้ เราต้องทำอย่างไร,หนี้เงิน เช่น ยืมไม่คืน เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ได้ แต่ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันหนึ่งอันใด เช่นต้องทำงานส่ง ต้องไปสอนหนังสือ ต้องไปทำความสะอาด เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอก(คนอื่น)กระทำการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไซร้ เช่นไปจดทะเบียนโอนที่ดิน โอนกรรมสิทธิ์ ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้ คือไม่ต้องไปร้องขอให้เขามาทำ ใช้ใบคำพิพากษาแทนได้เลย ยื่นต่อนายทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '213'}]",เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ได้ แต่ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ หรือศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้. +บริษัทมหาชนถ้าตำแหน่งว่างลง ต้องหากรรมการมาแทนไหม,ถ้าไม่ได้ออกตามวาระ แล้วนานกว่า 2 เดือนจะหมดวาระ ต้องหากรรมการมาแทน ให้คณะกรรมการเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่นไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เคยโดนไล่ออกจากราชการ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ให้เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป มติของคณะกรรมการต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่ และจะเข้ามาแทนได้แค่วาระของคนที่ออกไป เช่น คนนั้นเหลืออยู่ 3 เดือนครบวาระ มาแทนได้แค่ 3เ ดือนเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '75'}]",ถ้าไม่ได้ออกตามวาระ แล้วนานกว่า 2 เดือนจะหมดวาระ ต้องหากรรมการมาแทน ให้คณะกรรมการเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่นไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เคยโดนไล่ออกจากราชการ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ให้เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป +ประชุมของคณะกรรมการธุรกิจของต่างด้าว มีหลักการอย่างไร,การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '27'}]",การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด +ถ้าที่ดินติดจำนองมาตอนซื้อ ไถ่ถอนได้ตอนไหน,ผู้รับโอนจะไถ่ถอนจำนองเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้าผู้รับจำนองได้บอกกล่าวว่าจะบังคับจำนอง ผู้รับโอนต้องไถ่ถอนจำนองภายใน 60 วันนับแต่วันรับคำบอกกล่าว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '737'}]",ผู้รับโอนจะไถ่ถอนจำนองเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้าผู้รับจำนองได้บอกกล่าวว่าจะบังคับจำนอง ผู้รับโอนต้องไถ่ถอนจำนองภายใน 60 วันนับแต่วันรับคำบอกกล่าว. +ที่ดินติดจำนองอยู่ บ้านบนที่ดินถูกจำนองด้วยไหม,จำนองย่อมครอบไปถึงทรัพย์ทั้งปวงอันติดพันอยู่กับทรัพย์สินซึ่งจำนอง แต่ต้องอยู่ภายในบังคับซึ่งท่านจำกัดไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '718'}]",จำนองย่อมครอบไปถึงทรัพย์ทั้งปวงอันติดพันอยู่กับทรัพย์สินซึ่งจำนอง แต่ต้องอยู่ภายในบังคับซึ่งท่านจำกัดไว้ +หนี้อะไรบ้างที่จะทำให้เรามีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์ของลูกหนี้,บุริมสิทธิ คือ การมีสิทธิเหนือกว่าหรือสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนในสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 259 ดังต่อไปนี้ (1) เช่าอสังหาริมทรัพย์ (2) พักอาศัยในโรงแรม (3) รับขนคนโดยสาร หรือของ (4) รักษาสังหาริมทรัพย์ (5) ซื้อขายสังหาริมทรัพย์ (6) ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย (7) ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม ผลคือ บุคคลผู้นั้นย่อมมีบุริมสิทธิเหนือสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '259'}]",(1) เช่าอสังหาริมทรัพย์ (2) พักอาศัยในโรงแรม (3) รับขนคนโดยสาร หรือของ (4) รักษาสังหาริมทรัพย์ (5) ซื้อขายสังหาริมทรัพย์ (6) ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย (7) ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม +ถ้าเราปลูกบ้านในที่ดินของคนอื่น ตามกฎหมายจะเป็นอย่างไร,ถ้าสิทธิเหนือที่ดินหมดไปแล้ว คนปลูกบ้านจะรื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง สิ่งเพาะปลูกของตนไปก็ได้ แต่ต้องทำให้ที่ดินเป็นตามเดิม แต่ถ้าเจ้าของที่ดินจะไม่ยอมให้รื้อถอนไป และบอกเจตนาจะซื้อตามราคาท้องตลาดไซร้ เจ้าของบ้านจะไม่ยอมขายไม่ได้ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1416'}]",ถ้าสิทธิเหนือที่ดินหมดไปแล้ว คนปลูกบ้านจะรื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง สิ่งเพาะปลูกของตนไปก็ได้ แต่ต้องทำให้ที่ดินเป็นตามเดิม แต่ถ้าเจ้าของที่ดินจะไม่ยอมให้รื้อถอนไป และบอกเจตนาจะซื้อตามราคาท้องตลาดไซร้ เจ้าของบ้านจะไม่ยอมขายไม่ได้ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร. +ถ้าบุตรบุญธรรมตายก่อนเรา ใครรับมรดกของบุตรบุญธรรม,ถ้ามีคู่สมรส หรือ ผู้สืบสันดาน เช่นลูก ก็จะได้มรดกไป แต่ถ้าไม่มีแล้วตายก่อนผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ตนได้ให้แก่บุตรบุญธรรมคืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรมเพียงเท่าที่ทรัพย์สินนั้นยังคงเหลืออยู่ภายหลังที่ชำระหนี้ของกองมรดกเสร��จสิ้นแล้ว แต่ไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรม และ ห้ามมิให้ฟ้องคดีเรียกร้องสิทธิ เมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของบุตรบุญธรรมหรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันที่บุตรบุญธรรมตาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/30'}]",ถ้ามีคู่สมรส หรือ ผู้สืบสันดาน เช่นลูก ก็จะได้มรดกไป แต่ถ้าไม่มีแล้วตายก่อนผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ตนได้ให้แก่บุตรบุญธรรมคืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรมเพียงเท่าที่ทรัพย์สินนั้นยังคงเหลืออยู่ภายหลังที่ชำระหนี้ของกองมรดกเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรม. +ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ใครดำรงตำแหน่งแทน,ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศและแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดนี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '4'}]",ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศและแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดนี้ +ดอกเบี้ยสินทรัพย์นิติบุคคลเฉพาะกิจ กำหนดไว้อย่างไร,การโอนสินทรัพย์ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติที่มีดอกเบี้ยโดยชอบด้วยกฎหมายเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 654 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ(บททั่วไป) และให้นิติบุคคลเฉพาะกิจมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากสินทรัพย์นั้นในอัตราไม่สูงกว่าอัตราที่คิดไว้เดิมได้ ทั้งนี้ ตามวิธีการคิดดอกเบี้ยที่กำหนดไว้แต่เดิม,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '18'}]",ดอกเบี้ยโดยชอบด้วยกฎหมายเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี และให้นิติบุคคลเฉพาะกิจมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากสินทรัพย์นั้นในอัตราไม่สูงกว่าอัตราที่คิดไว้เดิมได้. +ของที่ใช้ในการทำความผิดตามกฎหมายอาญา จะโดนยึดไหม,กรรมสิทธิ์แห่งสิ่งใด ๆ ซึ่งได้ใช้ในการก��ะทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิด หรือเกี่ยวกับการกระทำผิดโดยประการอื่น และได้ส่งไว้ในความรักษาของกรมในรัฐบาลนั้น ท่านว่าตกเป็นของแผ่นดิน ถ้าเจ้าของมิได้เรียกเอาภายในหนึ่งปีนับแต่วันส่ง หรือถ้าได้ฟ้องคดีอาชญาต่อศาลแล้วนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถ้าไม่ทราบตัวเจ้าของ ท่านให้ผ่อนเวลาออกไปเป็น 5 ปี ถ้าทรัพย์สินเป็นของเสียง่าย หรือถ้าหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายจะเกินส่วนกับค่าของทรัพย์สินนั้นไซร้ ท่านว่ากรมในรัฐบาลจะจัดให้เอาออกขายทอดตลาดก่อนถึงกำหนดก็ได้ แต่ก่อนที่จะขายให้จัดการตามควรเพื่อบันทึกรายการอันเป็นเครื่องให้บุคคลผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้นอาจทราบว่าเป็นทรัพย์สินของตนและพิสูจน์สิทธิได้ เมื่อขายแล้วได้เงินเป็นจำนวนสุทธิเท่าใดให้ถือไว้แทนตัวทรัพย์สิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1327'}]",กรรมสิทธิ์แห่งสิ่งใด ๆ ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิด หรือเกี่ยวกับการกระทำผิดโดยประการอื่น และได้ส่งไว้ในความรักษาของกรมในรัฐบาลนั้น ท่านว่าตกเป็นของแผ่นดิน ถ้าเจ้าของมิได้เรียกเอาภายในหนึ่งปีนับแต่วันส่ง หรือถ้าได้ฟ้องคดีอาชญาต่อศาลแล้วนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถ้าไม่ทราบตัวเจ้าของ ท่านให้ผ่อนเวลาออกไปเป็น 5 ปี. +เอกสารต้องทำเป็นหนังสือตามกฎหมาย หมายความว่ายังไง,ถ้ามีกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ ไม่จำเป็นต้องเขียนด้วยลายมือ แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น ลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้นที่ทำลงในเอกสารแทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนแล้วให้ถือเสมอกับลงลายมือชื่อ ไม่ใช้บังคับแก่การลงลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้น ซึ่งทำลงในเอกสารที่ทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '9'}]",ถ้ามีกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ ไม่จำเป็นต้องเขียนด้วยลายมือ แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น ลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้��ที่ทำลงในเอกสารแทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนแล้วให้ถือเสมอกับลงลายมือชื่อ ไม่ใช้บังคับแก่การลงลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับ หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้น ซึ่งทำลงในเอกสารที่ทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ +พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มีผลตอนไหน,พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '2'}]",พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป +การบังคับยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่บังคับคดี ต้องยึดทรัพย์อย่างเดียวไหม,ไม่ อาจจะมีกรณีนี้อื่น เช่นการยึดทรัพย์ต้องเสี่ยงภัย สามารถเข้ามาใช้หนี้แทนลูกหนี้ก็ได้ แล้วก็ใช้สิทธิรับช่วงต่อเจ้าหนี้ คือการเป็นเจ้าหนี้แทน อีกเรื่องคือถ้าจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิครองทรัพย์นั้นไปเพราะการบังคับยึดทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิจะทำได้เช่นเดียวกันคือ ใช้หนี้แทนรับสิทธิรับช่วงต่อเจ้าหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '230'}]",ไม่ อาจจะมีกรณีนี้อื่น เช่นการยึดทรัพย์ต้องเสี่ยงภัย สามารถเข้ามาใช้หนี้แทนลูกหนี้ก็ได้ แล้วก็ใช้สิทธิรับช่วงต่อเจ้าหนี้ คือการเป็นเจ้าหนี้แทน อีกเรื่องคือถ้าจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิครองทรัพย์นั้นไปเพราะการบังคับยึดทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิจะทำได้เช่นเดียวกันคือ ใช้หนี้แทนรับสิทธิรับช่วงต่อเจ้าหนี้ +ใครเป็นคนตรวจสอบผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,นายทะเบียน ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 12 ทวิ ให้นายทะเบียนมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการจัดการกองทุนและมีอำนาจสั่งให้ผู้จัดการกองทุนชี้แจงข้อเท็จจริงและทำรายงานเกี่ยวกับการจัดการกองทุนได้ ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าผู้จัดการกองทุนใดจัดการกองทุนในลักษณะที่อาจเป็นเหตุให้เสียหายแก่กองทุน นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้จัดการกองทุนแก้ไขหรือระงับการกระทำนั้นหรือสั่งถอดถอนผู้จัดการกองทุนได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '12 ทวิ'}]",นายทะเบียน +สมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีมีกี่ปร���เภท,4 ประเภท ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 12 ได้แก่ (1) สมาชิกสามัญ (2) สมาชิกวิสามัญ (3) สมาชิกสมทบ (4) สมาชิกกิตติมศักดิ์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '12'}]",4 ประเภท ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 12 ได้แก่ (1) สมาชิกสามัญ (2) สมาชิกวิสามัญ (3) สมาชิกสมทบ (4) สมาชิกกิตติมศักดิ์ +คนไร้ความสามารถทำนิติกรรมได้ไหม,ไม่ได้ การใด ๆ อันบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นเป็นโมฆียะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '29'}]",ไม่ได้ +ใบตราส่งสินค้าโอนให้คนอื่นได้ไหม,แม้ว่าใบตราส่งจะได้ออกให้แก่บุคคลผู้ใดโดยนามก็ตาม ท่านว่าย่อมสลักหลังโอนให้กันได้ เว้นแต่จะมีข้อห้ามการสลักหลังไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '614'}]",ใบตราส่งสินค้าโอนให้คนอื่นได้ +ถ้าจะขอแยกสินสมรส ต้องมีเหตุผลอะไรประกอบในการขอศาล,ถ้าสามีหรือภริยาฝ่ายซึ่งมีอำนาจจัดการสินสมรส (1) จัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายถึงขนาด (2) ไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง (3) มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือทำหนี้เกินกึ่งหนึ่งของสินสมรส (4) ขัดขวางการจัดการสินสมรสของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือ (5) มีพฤติการณ์ปรากฏว่าจะทำความหายนะให้แก่สินสมรส อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวหรือสั่งให้แยกสินสมรสได้ ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีคำขอ ศาลอาจกำหนดวิธีคุ้มครองชั่วคราวเพื่อจัดการสินสมรสได้ตามที่เห็นสมควร และหากเป็นกรณีฉุกเฉินให้นำบทบัญญัติเรื่องคำขอในเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1484'}]",(1) จัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายถึงขนาด (2) ไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง (3) มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือทำหนี้เกินกึ่งหนึ่งของสินสมรส (4) ขัดขวางการจัดการสินสมรสของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (5) มีพฤติการณ์ปรากฏว่าจะทำความหายนะให้แก่สินสมรส +สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินทำให้อายุความสะดุดลงไหม,ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 248 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 193/27 การใช้สิทธิยึดหน่วงหาทำให้อายุความแห่งหนี้สะดุดหยุดลงไม่,"[{'law': 'ปร���มวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '248'}]",ไม่ +ต้องมีกี่คนถึงจะเปิดบริษัทได้,ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป คือ 2 คน 3 คน 4 คน การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1012'}]",ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป คือ 2 คน 3 คน 4 คน +ถ้าตั๋วเงินสำรับฉีกคู่มากกว่าฉบับเดียว จะเป็นอะไรไหม,ถ้าผู้ทรงตั๋วแลกเงินสำรับสลักหลังคู่ฉีกสองฉบับหรือกว่านั้นให้แก่บุคคลต่างคนกัน ผู้ทรงย่อมต้องรับผิดตามคู่ฉีกเช่นว่านั้นทุก ๆ ฉบับ และผู้สลักหลังภายหลังผู้ทรงทุก ๆ คนก็ต้องรับผิดตามคู่ฉีกอันตนเองได้สลักลงไปนั้น เสมือนดังว่าคู่ฉีกที่ว่านั้นแยกเป็นตั๋วเงินต่างฉบับกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '976'}]",ถ้าผู้ทรงตั๋วแลกเงินสำรับสลักหลังคู่ฉีกสองฉบับหรือกว่านั้นให้แก่บุคคลต่างคนกัน ผู้ทรงย่อมต้องรับผิดตามคู่ฉีกเช่นว่านั้นทุก ๆ ฉบับ และผู้สลักหลังภายหลังผู้ทรงทุก ๆ คนก็ต้องรับผิดตามคู่ฉีกอันตนเองได้สลักลงไปนั้น เสมือนดังว่าคู่ฉีกที่ว่านั้นแยกเป็นตั๋วเงินต่างฉบับกัน +เงินปีของคู่สมรสตามกฎหมายคืออะไร,เมื่อคู่สมรสทั้งสองฝ่ายได้ลงทุนออกเงินในการทำสัญญา และตามสัญญานั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องได้รับเงินปีในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ร่วมกัน และเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตาย ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ยังจะต้องได้รับเงินปีต่อไปตลอดอายุ ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ จำต้องชดใช้สินเดิมของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสินสมรสแล้วแต่กรณี สุดแต่ว่าได้เอาเงินสินเดิม หรือสินสมรสไปใช้ในการลงทุนนั้น เงินที่จะต้องชดใช้สินเดิมหรือสินสมรสดังว่านี้ ให้ชดใช้เท่าจำนวนเงินซึ่งผู้จ่ายเงินรายปีจะเรียกให้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อผู้จ่ายจะได้จ่ายเงินรายปีให้แก่คู่สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1638'}]",เมื่อคู่สมรสทั้งสองฝ่ายได้ลงทุนออกเงินในการทำสัญญา และตามสัญญานั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องได้รับเงินปีในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ร่วมกัน และเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตาย ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ยังจะต้องได้รับเงินปีต่อไปตลอดอายุ ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ จำต้องชดใช้สินเดิมของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสินสมรสแล้วแต่กรณี สุดแต่ว่าได้เอาเงินสินเดิม หรือสินสมรสไปใช้ในการลงทุนนั้น เงินที่จะต้องชดใช้สินเดิมหรือสินสมรสดังว่านี้ ให้ชดใช้เท่าจำนวนเงินซึ่งผู้จ่ายเงินรายปีจะเรียกให้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อผู้จ่ายจะได้จ่ายเงินรายปีให้แก่คู่สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นต่อไป +ใครมีอำนาจกำกับดูแลคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ตามพระราชบัญญัตินี้ด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '102'}]",รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. +ถ้าไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกิจการ มีความผิดไหม,มาตรา 65 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งตามมาตรา 128 วรรคหนึ่ง (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปตรวจสอบกิจการของมูลนิธิตามมาตรา 128 วรรคหนึ่ง (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '65'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +สามารถแต่งตั้งทรัสตีหลายรายต่อกองทรัสต์รวมกันได้ไหม,ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 39 ในกรณีที่มีการแต่งตั้งทรัสตีหลายราย ทรัสตีต้องจัดการกองทรัสต์ร่วมกัน เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดหน้าที่ของทรัสตีแต่ละรายไว้เป็นการเฉพาะ ในการจัดการกองทรัสต์ร่วมกันของท��ัสตี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่กองทรัสต์เป็นทรัพย์สินที่มีหลักฐานแสดงสิทธิ ต้องดำเนินการให้ปรากฏชื่อทรัสตีทุกรายเป็นผู้มีทรัพยสิทธิ หรือสิทธิใด ๆ ร่วมกันในหลักฐานแสดงสิทธิในทรัพย์สินนั้น (2) หากต้องมีมติ ต้องได้มติเอกฉันท์ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การจัดการกองทรัสต์ที่ไม่เป็นไปตามมติใน (2) หากเป็นการทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอกหรือมีความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ให้การที่ทำไปนั้นผูกพันทรัสตีที่ทำการดังกล่าวเป็นการส่วนตัวไม่ผูกพันกองทรัสต์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '39'}]",ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 39 ในกรณีที่มีการแต่งตั้งทรัสตีหลายราย ทรัสตีต้องจัดการกองทรัสต์ร่วมกัน เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดหน้าที่ของทรัสตีแต่ละรายไว้เป็นการเฉพาะ +ในการจัดการกองทรัสต์ ทรัสตีสามาถใช้สิทธิเรียกเงินคืนจากบุคคลภายนอกได้ไหม,ได้ ถ้ามาจากการได้รับมอบหมายหรือจัดการกองทรัสต์ แต่ห้ามมิให้ทรัสตีใช้สิทธิตามมาตรา 41 จนกว่าทรัสตีจะได้ชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อกองทรัสต์จนครบถ้วนแล้ว เว้นแต่เป็นหนี้ที่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 42,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '42'}]",ได้ ถ้ามาจากการได้รับมอบหมายหรือจัดการกองทรัสต์ แต่ห้ามมิให้ทรัสตีใช้สิทธิตามมาตรา 41 จนกว่าทรัสตีจะได้ชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อกองทรัสต์จนครบถ้วนแล้ว เว้นแต่เป็นหนี้ที่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +มูลนิธิ หมายความว่าอะไร,มูลนิธิได้แก่ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศล สาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยมิได้มุ่งหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน และได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ การจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิ ต้องมิใช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแ���่งและพาณิชย์', 'sections': '110'}]",มูลนิธิได้แก่ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศล สาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยมิได้มุ่งหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน และได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ การจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิ ต้องมิใช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นเอง +ใครคือผู้แทนของมูลนิธิ,คณะกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้แทนของมูลนิธิในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 123,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '123'}]",คณะกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้แทนของมูลนิธิในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก +การแจ้งคำสั่งและการลงโทษของศูนย์ซื้อขายล่วงหน้า เอามาใช้บังคับกับสมาคมได้ไหม,ได้ ทั้งนี้ ตามมาตราพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 91 ให้นำมาตรา 71 72 73 มาใช้บังคับโดยอนุโลมกับสมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '91'}]",ได้ ทั้งนี้ ตามมาตราพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 91 ให้นำมาตรา 71 72 73 มาใช้บังคับโดยอนุโลมกับสมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยอนุโลม +ถ้าลูกค้าไม่จ่ายเงินค่าของสักที สามารถบอกให้จ่ายเงินหลายๆรอบได้ไหม จะผิดกฎหมายทวงหนี้ไหม,ในฐานะเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 194 แต่อย่างไรก็ตามจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '194'}]",เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ +ถ้าส่งเงินหรือของมีค่า แล้วของหายตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องรับผิดไหม,ขนส่งต้องรับผิดชอบ ถ้าได้บอกไว้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร รวมถึงบอกราคาว่าเท่าไหร่ แต่จะรับผิดชอบไม่เกินราคาที่บอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '620'}]",ขนส่งต้องรับผิดชอบ ถ้าได้บอกไว้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร รวมถึงบอกราคาว่าเท่าไหร่ แต่จะรับผิดชอบไม่เกินราคาที่บ���ก +ถ้าไปจดทะเบียนสมรสกัน ตอนอายุไม่ถึง17ปี จะมีผลยังไง,"การสมรสมจะเป็นโมฆียะ ผู้มีส่วนได้เสียขอให้เพิกถอนการสมรสได้ แต่ถ้าบิดามารดาหรือผู้ปกครองเคยให้ความยินยอมให้สมรสไปแล้วจะมาขอให้เพิกถอนการสมรสภายหลังไม่ได้ แต่ถ้าในขณะเวลาจะขอเพิกถอน เด็กอายุครบ17 ปี บริบูรณ์ จะขอเพิกถอนไม่ได้ หรือถ้าฝ่ายหญิงท้องก่อนจะอายุครบ 17 ปี บริบูรณ์ ก็ไม่สามรถขอเพิกถอนได้ + +โดยโมฆียะนั้นถือว่าไม่สมบูรณ์มาแต่แรก แต่จะถือว่ายังมีผลสมบูรณ์จนกว่าจะได้มีการบอกล้าง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1504'}]",การสมรสมจะเป็นโมฆียะ ผู้มีส่วนได้เสียขอให้เพิกถอนการสมรสได้ แต่ถ้าบิดามารดาหรือผู้ปกครองเคยให้ความยินยอมให้สมรสไปแล้วจะมาขอให้เพิกถอนการสมรสภายหลังไม่ได้ แต่ถ้าในขณะเวลาจะขอเพิกถอน เด็กอายุครบ17 ปี บริบูรณ์ จะขอเพิกถอนไม่ได้ หรือถ้าฝ่ายหญิงท้องก่อนจะอายุครบ 17 ปี บริบูรณ์ ก็ไม่สามรถขอเพิกถอนได้ โดยโมฆียะนั้นถือว่าไม่สมบูรณ์มาแต่แรก แต่จะถือว่ายังมีผลสมบูรณ์จนกว่าจะได้มีการบอกล้าง. +ค่าหุ้นที่เรียกเก็บจากผู้ถือหุ้น ถ้าไม่ได้เก็บทีเดียวแล้วจะเรียกเก็บงวดอื่นๆ กฎหมายกำหนดว่าให้ทำยังไง,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1121 การเรียกเงินค่าหุ้นแต่ละคราวนั้น กฎหมายบังคับว่าให้ส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 21 วัน ด้วยวิธีการส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ และผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องใช้เงินตามจำนวนที่เรียกนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1121'}]",การเรียกเงินค่าหุ้นแต่ละคราวนั้น กฎหมายบังคับว่าให้ส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 21 วัน ด้วยวิธีการส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ +การส่งหนังสือนัดประชุมของตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องแจ้งในหนังสือนัดประชุมมีอะไรบ้าง,พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 129/3 การส่งหนังสือนัดประชุมหรือหนังสือขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุนข้อมูลที่ต้องแจ้งในหนังสือนัดประชุมหรือหนังสือขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุนการจัดการประชุม สิทธิในการออกเสียงลงคะแนน การมอบฉันทะและการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อน���ข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '129/3'}]",ข้อมูลที่ต้องแจ้งในหนังสือนัดประชุมหรือหนังสือขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุน ได้แก่ การจัดการประชุม สิทธิในการออกเสียงลงคะแนน การมอบฉันทะ และการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุน. +ถ้าซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้บนที่ดิน ถือเป็นส่วนควบของที่ดินไหม,ถ้าทรัพย์อะไรติดอยู่กับที่ดิน เพียงชั่วคราว ไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือโรงเรือน ดังนั้น บ้านน็อคดาวน์ไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '146'}]",บ้านน็อคดาวน์ไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน +ถ้าลูกหนี้มีหลักประกันให้ไว้ในทางธุรกิจ แล้วไม่คึนเงินยึดได้ไหม,"ไม่สามารถยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทันทีได้ เว้นแต่ลูกหนี้ค้างชำระหนี้ซึ่งเป็นต้นเงินเท่ากับหรือมากกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และไม่มีหลักประกันอย่างอื่นหรือบุริมสิทธิ์อื่นที่จดทะเบียนไว้เหนือหลักประกันที่ผู้รับหลักประกันจะยึด ถึงจะยึดได้ + +บุริสิทธิ คือ สิทธิอื่น ๆ ที่ดีกว่าสิทธิของผู้รับหลักประกัน หรือหมายถึงสิทธิอื่นๆ ที่สามารถบังคับสิทธิได้ก่อนใคร","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '37'}]",ไม่สามารถยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทันทีได้ เว้นแต่ลูกหนี้ค้างชำระหนี้ซึ่งเป็นต้นเงินเท่ากับหรือมากกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และไม่มีหลักประกันอย่างอื่นหรือบุริมสิทธิ์อื่นที่จดทะเบียนไว้เหนือหลักประกันที่ผู้รับหลักประกันจะยึด ถึงจะยึดได้. +แบบไหนที่เข้ากรณีเป็นเรื่องการสำคัญผิดได้,เรื่องความสำคัญผิด กลฉ้อฉล การข่มขู่ ศาลจะพิจารณาจากเพศ อายุ ฐานะ สุขภาพอนามัย และภาวะแห่งจิตของผู้แสดงเจตนานั้น ตลอดจนพฤติการณ์และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '167'}]",เรื่องความสำคัญผิด กลฉ้อฉล การข่มขู่ ศาลจะพิจารณาจากเพศ อายุ ฐานะ สุขภาพอนามัย และภาวะแห่งจิตของผู้แสดงเจตนานั้น ตลอดจนพฤติการณ์และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย +หลังจากผู้ตรวจสอบมาตรวจสอบบริษัทมหาชนแล้ว มีขั้นตอนดำเนินการยังไงต่อ,"เมื่อนายทะเบียนได้รับรายงานผลการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบแล้วให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ +(1) ส่งสำเนารายงานนั้นไปยังบริษัทภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน +(2) แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +(3) สั่งให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +(4) แจ้งเป็นหนังสือต่อเจ้าหนี้หรือบุคคลซึ่งอาจได้รับความเสียหายตามที่ปรากฏจากรายงานการตรวจสอบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '132'}]",เมื่อนายทะเบียนได้รับรายงานผลการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบแล้วให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) ส่งสำเนารายงานนั้นไปยังบริษัทภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน (2) แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (3) สั่งให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ (4) แจ้งเป็นหนังสือต่อเจ้าหนี้หรือบุคคลซึ่งอาจได้รับความเสียหายตามที่ปรากฏจากรายงานการตรวจสอบ. +ถ้าประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ใช้ห้องประชุมมากว่าหนึ่ง(1)ห้องได้ไหม,"ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/32 +ในการประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทอาจดำเนินการในห้องประชุมมากกว่าหนึ่งห้องก็ได้ แต่ต้องให้ผู้เข้าประชุมในห้องอื่นสามารถแสดงความคิดเห็นให้ปรากฏต่อผู้ถือหุ้นอื่นในแต่ละห้องได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/32'}]",บริษัทอาจดำเนินการในห้องประชุมมากกว่าหนึ่งห้องก็ได้ แต่ต้องให้ผู้เข้าประชุมในห้องอื่นสามารถแสดงความคิดเห็นให้ปรากฏต่อผู้ถือหุ้นอื่นในแต่ละห้องได้ +การออกกฎกระทรวงของการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สามารถกำหนดเงื่อนไขอะไรได้บ้าง,"(1) อัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต +(2) จำนวนกรรมการที่เป็นคนต่างด้าวซึ่งจะต้องมีภูมิลำเนาหรือที่อยู่ในราชอาณาจักร +(3) จำนวนและระยะเวลาการดำรงไว้ซึ่งทุนขั้นต่ำภายในประเทศ +(4) เทคโนโลยีหรือทรัพย์สิน +(5) เงื่อนไขอื่นที่จำเป็น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '18'}]","(1) อัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต +(2) จำนวนกรรมการที่เป็นคนต่างด้าวซึ่งจะต้องมีภูมิลำเนาหรือที่อยู่ในราชอาณาจักร +(3) จำนวนและระยะเวลาการดำรงไว้ซึ่งทุนขั้นต่ำภายในประเทศ +(4) เทคโนโลยีหรือทรัพย์สิน +(5) เงื่อนไขอื่นที่จำเป็น" +ถ้าสั่งของจากคนที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้า แล้วต้องการยกเลิก ตามกฎหมายต้องทำยังไง,"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 การแสดงเจตนา จะเริ่มมีผลตอนที่คำสนองไปถึงผู้เสนอ แต่ถ้าจะบอกยกเลิกต้องบอก ""ก่อน"" หรือ ""พร้อม"" กับการแสดงเจตนาเท่านั้นถึงจะเป็นการยกเลิกได้ตามกฎหมาย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '169'}]","ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 การแสดงเจตนา จะเริ่มมีผลตอนที่คำสนองไปถึงผู้เสนอ แต่ถ้าจะบอกยกเลิกต้องบอก ""ก่อน"" หรือ ""พร้อม"" กับการแสดงเจตนาเท่านั้นถึงจะเป็นการยกเลิกได้ตามกฎหมาย." +ทรัสต์เกิดขึ้นมาได้ยังไง,"ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 11 + +ทรัสต์ย่อมก่อตั้งขึ้นเมื่อมีการทำสัญญาเป็นหนังสือ และผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้โอนทรัพย์สินหรือก่อทรัพยสิทธิหรือสิทธิใด ๆ ที่จะให้เป็นกองทรัสต์แก่ทรัสตีแล้ว + +ในกรณีการก่อตั้งทรัสต์โดยผู้ก่อตั้งทรัสต์เป็นบุคคลเดียวกันกับทรัสตี ทรัสต์ย่อมก่อตั้งขึ้นเมื่อผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้ทำหนังสือแสดงเจตนาก่อตั้งทรัสต์ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '11'}]",ทรัสต์ย่อมก่อตั้งขึ้นเมื่อมีการทำสัญญาเป็นหนังสือ และผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้โอนทรัพย์สินหรือก่อทรัพยสิทธิหรือสิทธิใด ๆ ที่จะให้เป็นกองทรัสต์แก่ทรัสตีแล้ว +เมื่อผู้ให้ถอนคืนการให้แล้ว ต้องดำเนินการคืนทรัพย์สินที่ให้หรือไม่,"ต้องคืนทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยลาภมิควรได้ + +ตามมาตรา 534 เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '534'}]",ต้องคืนทรัพย์สิน +ผู้อยู่ในความปกครองสามารถทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ปกครองได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามมาตรา 1652 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้อยู่ในความปกครองนั้น จะทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกของตนให้แก่ผู้ปกครองหรือคู่สมรส บุพการี หรือผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องของผู้ปกครองไม่ได้ จนกว่าผู้ปกครองจะได้ทำคำแถลงการณ์ปกครองตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1577 และมาตราต่อ ๆ ไป แห่งประมวลกฎหมายนี้เสร็จสิ้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1652'}]",ไม่ได้ +บริษัทจำกัดสามารถเป็นสำนักหักบัญชีตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้หรือไม่,"ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 75 วรรค 1 + +พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '75'}]",ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +บุริมสิทธิในจ้างทำของบนอสังหาริมทรัพย์ย่อมมีอยู่ตลอดไปหรือไม่,มีอยู่ต่อไปได้ โดยจะต้องทำรายการประมาณราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือการทำงานบนอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 286 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์นั้น หากทำรายการประมาณราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือการทำไซร้ บุริมสิทธิก็คงให้ผลต่อไป แต่ถ้าราคาที่ทำจริงนั้นล้ำราคาที่ได้ประมาณไว้ชั่วคราว ท่านว่าบุริมสิทธิในส่วนจำนวนที่ล้ำอยู่นั้นหามีไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '286'}]",มีอยู่ต่อไปได้ โดยจะต้องทำรายการประมาณราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือการทำงานบนอสังหาริมทรัพย์ +นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารในบริษัทมหาชนหรือไม่,"มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารในระหว่างเวลาทำการของบริษัท เพื่อตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่บริษัทต้องจัดทำขึ้น + +ตามมาตรา 190 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสำนักงานและสถานที่ใด ๆ ของบริษัทในระหว่างเวลาทำการของบริษัทเพื่อตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่บริษัทต้องจัดทำขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีอำนาจเรียกบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำด้วย ในการนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลดังกล่าว และให้บุคคลเหล่านั้นช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ตามสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '190'}]",มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารในระหว่างเวลาทำการของบริษัท เพื่อตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่บริษัทต้องจัดทำขึ้น +ข้อบังคับของสมาคมต้องมีรายการอะไรบ้าง,"ข้อบังคับของสมาคมต้องมีรายการดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย +1. ชื่อสมาคม +2. วัตถุประสงค์ของสมาคม +3. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งปวง +4. วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ +5. อัตราค่าบำรุง +6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม ได้แก่ จำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ +7. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการสมาคม การบัญชี และทรัพย์สินของสมาคม 8. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ +ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 79 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '79'}]",ข้อบังคับของสมาคมต้องมีรายการดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย 1. ชื่อสมาคม 2. วัตถุประสงค์ของสมาคม 3. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งปวง 4. วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ 5. อัตราค่าบำรุง 6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม ได้แก่ จำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ 7. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการสมาคม การบัญชี และทรัพย์สินของสมาคม 8. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ +การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินที่เกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลมีสิ่งใดที่ห้ามกระทำบ้าง,"ห้ามนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือไม่ครบถ้วนซึ่งอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ และห้ามเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์นั้นแก่ประชาชนในประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล + +ทั้งนี้ ตามมาตรา 41 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใดวิเคราะห์หรือคาดการณ์ฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล หรือราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือไม่ครบถ้วนอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญ มาใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์หรือละเลยที่จะพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว หรือโดยบิดเบือนข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ และได้เปิดเผยหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือคาดการณ์นั้นต่อประชาชนโดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '41'}]",ห้ามนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือไม่ครบถ้วนซึ่งอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ และห้ามเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์นั้นแก่ประชาชนในประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล +คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจโดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีได้รับการยกเว้นในมาตราใดบ้าง ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว,"ได้รับการยกเว้นไม่นำมาตรา 5 มาตรา 8 มาตรา 15 มาตรา 17 และมาตรา 18 มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจโดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี + +ทั้งนี้ ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บทบัญญัติมาตรา 5 มาตรา 8 มาตรา 15 มาตรา 17 และมาตรา 18 ไม่ใช้บังคับแก่คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้โดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นการเฉพาะกาล คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้โดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณี ให้ได้รับยกเว้นจากการบังคับใช้บทบัญญัติแห่งมาตราต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง และให้เป็นไปตามบทบัญญัติและเงื่อนไขของสนธิสัญญานั้น ซึ่งอาจรวมถึงการให้สิทธิคนไทยและวิสาหกิจของคนไทยเข้าไปประกอบธุรกิจในประเทศสัญชาติของคนต่างด้าวนั้นเป็นการต่างตอบแทนด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '10'}]",ได้รับการยกเว้นไม่นำมาตรา 5 มาตรา 8 มาตรา 15 มาตรา 17 และมาตรา 18 มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจโดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี +กรณีผู้ที่ถูกทำละเมิดเสียชีวิตเรียกค่าสินไหมทดแทนอะไรได้บ้าง,"สามารถเรียก -ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็น - ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหาได้ กรณีไม่ได้ตายในทันที - ค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย กรณีการตายทำให้บุคคลต้องขาดไร้อุปการะ + +ทั้งนี้ ตามมาตรา 443 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ อีกด้วย ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '443'}]",- ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็น - ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหาได้ กรณีไม่ได้ตายในทันที - ค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย กรณีการตายทำให้บุคคลต้องขาดไร้อุปการะ +ถ้าบิดามารดาซึ่งเป็นทายาทถึงแก่ความตาย สามารถมีการรับมรดกแทนที่ได้หรือไม่,ไม่ได้ ห้ามมีการรับมรดกแทนที่กัน ตามมาตรา 1641 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าบุคคลใดซึ่งจะเป็นทายาทตามมาตรา 1629 (2) หรือ (5) ถึงแก่ความตาย หรือถูกกำจัดมิให้รับมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย ถ้ามีทายาทในลำดับเดียวกันยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้ส่วนแบ่งทั้งหมดตกได้แก่ทายาทนั้นเท่านั้น ห้ามมิให้มีการรับมรดกแทนที่กันต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1641'}]",ไม่ได้ ห้ามมีการรับมรดกแทนที่กัน +บริษัทมหาชนจำกัดที่ทำการควบกันแล้วกรรมการบริษัทเดิมต้องส่งมอบเอกสารให้กรรมการบริษัทที่ควบกันหรือไม่,ต้องส่งมอบเอกสาร กิจการ ทรัพย์สิน บัญชี และหลักฐานต่าง ๆ ของบริษัทให้แก่คณะกรรมการบริษัทที่ควบกัน ตามมาตรา 150 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการบริษัทเดิมต้องส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ของบริษัทให้แก่คณะกรรมการบริษัทที่ควบกันแล้วภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุมตามมาตรา 148,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '150'}]",ต้องส่งมอบเอกสาร กิจการ ทรัพย์สิน บัญชี และหลักฐานต่าง ๆ ของบริษัทให้แก่คณะกรรมการบริษัทที่ควบกัน +ใครเป็นผู้มีอำนาจรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีโทษทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 120 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีโทษทางปกครอง และให้มีอำนาจพิจารณาในเบื้องต้นเพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่เห็นว่าประเภทของโทษทางปกครองที่ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับอยู่ในอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้พิจารณาโทษในเรื่องนั้น (2) ในกรณีที่เห็นว่าประเภทของโทษทางปกครองที่ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้วแต่กรณี เป็นผู้พิจารณาโทษในเรื่องนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '120'}]",สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ทายาทที่ได้รับการให้โดยเสน่หาจากเจ้ามรดกยังมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกอยู๋หรือไม่,มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกอยู่ ทั้งนี้ ตามมาตรา 1747 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่ทายาทคนใดได��รับทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใด หรือประโยชน์อย่างอื่นใดจากเจ้ามรดกโดยการให้ หรือโดยการอย่างอื่นใด ซึ่งทำให้โดยเสน่หาในระหว่างเวลาที่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่นั้น หาทำให้สิทธิในการแบ่งปันทรัพย์มรดกของทายาทคนนั้น ต้องเสื่อมเสียไปแต่โดยประการใดไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1747'}]",มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกอยู่ +หนังสือบอกกล่าวของบริษัทที่เสนอให้ผู้ถือหุ้นซื้อหุ้นใหม่โดยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด มีความรับผิดหรือไม่,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 29 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 บริษัทจำกัดใดเสนอหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ถือหุ้นที่ซื้อหุ้นใหม่โดยฝ่าฝืนมาตรา 1223 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '29'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +เจ้าหนี้มีสิทธิปฏิเสธไม่รับชำระหนี้เพียงบางส่วนได้หรือไม่,ได้ และลูกหนี้จะบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้เพียงบางส่วนไม่ได้ ตามมาตรา 320 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจะบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน หรือให้รับชำระหนี้เป็นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำระแก่เจ้าหนี้นั้น ท่านว่าหาอาจจะบังคับได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '320'}]",ได้ และลูกหนี้จะบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้เพียงบางส่วนไม่ได้ +การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายต้องได้รับความยินยอมหรือไม่,ต้องได้รับความยินยอมจากเด็กและมารดาของเด็ก ตามมาตรา 1548 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1548'}]",ต้องได้รับความยินยอมจากเด็กและมารดาของเด็ก +การยื่นตั๋วแลกเงินให้ผู้จ่ายรับรอง ผู้ทรงต้องปล่อยตั๋วให้อยู่ในมือผู้จ่า���หรือไม่,ไม่จำเป็นต้องปล่อยตั๋วให้อยู่ในมือผู้จ่าย ตามมาตรา 930 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในการยื่นตั๋วแลกเงินเพื่อให้เขารับรองนั้น ผู้ทรงไม่จำต้องปล่อยตั๋วนั้นให้ไว้ในมือผู้จ่าย อนึ่ง ผู้จ่ายจะเรียกให้ยื่นตั๋วแลกเงินแก่ตนอีกเป็นครั้งที่สองในวันรุ่งขึ้นแต่วันที่ยื่นครั้งแรกนั้นก็ได้ ท่านห้ามมิให้คู่กรณีที่มีส่วนได้เสียยกเอาการที่มิได้อนุวัตตามคำเรียกอันนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เว้นแต่การเรียกนั้นได้ระบุไว้ในคำคัดค้าน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '930'}]",ไม่จำเป็นต้องปล่อยตั๋วให้อยู่ในมือผู้จ่าย +ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์มีฐานะเป็นนิติบุคคลหรือไม่,มีฐานะเป็นนิติบุคคล เมื่อได้รับอนุญาต ตามมาตรา 208 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '208'}]",มีฐานะเป็นนิติบุคคล +หากยังมิได้ชำระราคาในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งซื้อขายกัน บุริมสิทธิในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอยู่หรือไม่,ยังคงมีอยู่ต่อไป จนกว่าจะชำระราคา ตามมาตรา 288 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้น หากว่าเมื่อไปลงทะเบียนสัญญาซื้อขายนั้น บอกลงทะเบียนไว้ด้วยว่าราคาหรือดอกเบี้ยในราคานั้นยังมิได้ชำระไซร้ บุริมสิทธินั้นก็คงให้ผลต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '288'}]",ยังคงมีอยู่ต่อไป จนกว่าจะชำระราคา +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้าออกจากตำแหน่งได้หรือไม่,ได้ หากกระทำการฝ่าฝืนที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรา 33 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 เมื่อสมาคมการค้ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้กรรมการทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคลออกจากตำแหน่งได้ ในกรณีเช่นนี้ คณะกรรมการหรือกรรมการนั้นไม่มีสิทธิเป็นกรรมการสมาคมการค้าอีก เว้นแต่จะพ้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่ถูกรัฐมนตรีสั่งให้ออกจากตำแหน่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '33'}]",ได้ หากกระทำการฝ่าฝืนที่กฎหมายกำหนด +นายทะเบียนมีอำนาจส่งหนังสือทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังบริษัท เพื่อสอบถามว่ายังประกอบการงานอยู่ได้หรือไม่,ได้ ในกรณีที่นายทะเบียนมีมูลเหตุน่าเชื่อว่าบริษัทมิได้ประกอบการงานแล้ว ตามมาตรา 1273/1 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อใดนายทะเบียนมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดใด มิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว ให้นายทะเบียนมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท เพื่อสอบถามว่ายังทำการค้าขายหรือประกอบการงานอยู่หรือไม่ และแจ้งว่าหากมิได้รับคำตอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ส่งหนังสือจะได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์เพื่อขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นออกเสียจากทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1273/1'}]",ได้ ในกรณีที่นายทะเบียนมีมูลเหตุน่าเชื่อว่าบริษัทมิได้ประกอบการงานแล้ว +ประกันภัยค้ำจุนคืออะไร,"คือ สัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแก่บุคคลนั้น + +ตามมาตรา 887 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '887'}]",คือ สัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแก่บุคคลนั้น +กิจการที่ไม่อาจขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ ผู้ชำระบัญชีสามารถขออนุมัติจากนายทะเบียนโดยตรงได้หรือไม่,"ได้ ในกรณีที่ไม่อาจจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นได้ สามาถให้ผู้ชำระบัญชีขออนุมัติต่อนายทะเบียนได้ + +ตามมาตรา 179 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 การใดที่ต้องขออนุมัติ หรือขอความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามบทบัญญัติแห่งหมวดนี้ ถ้าไม่อาจจัดให้มีการประชุมผ��้ถือหุ้นได้ ให้ผู้ชำระบัญชีขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบต่อนายทะเบียน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '179'}]",ได้ ในกรณีที่ไม่อาจจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นได้ สามาถให้ผู้ชำระบัญชีขออนุมัติต่อนายทะเบียนได้ +การตกลงยกเว้นความรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลของลูกหนี้ทำได้หรือไม่,ไม่ได้ การตกลงนั้นเป็นโมฆะ ตามมาตรา 373 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ความตกลงทำไว้ล่วงหน้าเป็นข้อความยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉล หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้น ท่านว่าเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '373'}]",ไม่ได้ การตกลงนั้นเป็นโมฆะ +รัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชีสามารถแต่งตั้งสมาชิกเป็นกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีได้หรือไม่,"ได้ ในกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งและจำนวนกรรมการของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่พึงมี + +ตามมาตรา 64 วรรค 1 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ในกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งตามมาตรา 63 อันเป็นผลให้จำนวนกรรมการของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่พึงมี ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งสมาชิกสามัญเท่าจำนวนกรรมการที่จะมีได้ตามมาตรา 22 เป็นกรรมการชั่วคราวแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งในวันเดียวกันกับวันที่รัฐมนตรีมีคำสั่งให้กรรมการพ้นจากตำแหน่ง","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '64'}]",ได้ ในกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งและจำนวนกรรมการของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่พึงมี +ผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งยังไม่เปิดเผยแก่ประชาชนสามารถเสนอซื้อขายสัญญาล่วงหน้าได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามมาตรา 100 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ห้ามมิให้บุคคลใดซึ่งรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญ อันเนื่องมาจากการเปิดเผยตามมาตรา 99 โดยรู้หรือควรรู้ว่าข้อเท็จจริงนั้นได้รับการเปิดเผยจากบุคคลซึ่งมีฐานะตามมาตรา 99 และข้อเท็จจริงนั้นยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน กระทำการดังต่อไปนี้ (1) ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า��รือซื้อหรือขายหรือเสนอที่จะซื้อหรือขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญนั้น เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่น หรือ (2) เปิดเผยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญดังกล่าวแก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าบุคคลนั้นอาจใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือซื้อหรือขายสินค้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '100'}]",ไม่ได้ +บุตรบุญธรรมสามารถฟ้องเลิกการรับบัตรบุญธรรมได้หรือไม่,"ได้ ในกรณีที่บุตรบุญธรรมมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ถ้ายังอายุไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ต้องให้มารดาโดยกำเนิดฟ้องแทน หรือจะให้อัยการฟ้องคดีแแทนบุตรบุญธรรมก็ได้ + +ตามมาตรา 1598/35 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรม ถ้าบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์ให้บิดามารดาโดยกำเนิดเป็นผู้มีอำนาจฟ้องแทน แต่ถ้าบุตรบุญธรรมมีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์แล้วบุตรบุญธรรมฟ้องได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใด ในกรณีตามวรรคหนึ่ง อัยการจะฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/35'}]",ได้ ในกรณีที่บุตรบุญธรรมมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ถ้ายังอายุไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ต้องให้มารดาโดยกำเนิดฟ้องแทน หรือจะให้อัยการฟ้องคดีแแทนบุตรบุญธรรมก็ได้ +คู่สัญญาตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ สามารถทำการแก้ไขรายการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจได้หรือไม่,"ได้ โดยผู้รับหลักประกันจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันให้เป็นผู้ดำเนินการขอแก้ไขรายการจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ + +ตามมาตรา 20 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 คู่สัญญาอาจตกลงแก้ไขรายการจดทะเบียนเป็นประการอื่นก็ได้ ในการนี้ ให้ผู้รับหลักประกันโดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันเป็นผู้ดำเนินการขอแก้ไขรายการจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '20'}]",ได้ โดยผู้รับหลักประกันจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันให้เป็นผู้ดำเนินการขอแก้ไขรายการจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ +การจัดทำงบการเงินของกองทรัสต์ต้องปฏิบัติอย่างไร,"การจัดทำงบการเงินของกองทรัสต์ต้องปฏิบัติ ดังนี้ +1. คำนึงถึงมาตรฐานที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชีด้วย +2. ต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องมิใช่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของทรัสต์นั้น +3. ให้ยื่นงบการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. อาจเปิดเผยหรือสั่งให้ทรัสตีเปิดเผยต่อสาธารณชนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนดก็ได้ +4. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจที่จะประกาศกำหนดกรณีอันสมควรที่ไม่จำเป็นต้องมีการจัดทำงบการเงินตามวรรคหนึ่งได้ โดยจะกำหนดเงื่อนไขที่ทรัสตีต้องปฏิบัติสำหรับการไม่ดำเนินการดังกล่าวด้วยก็ได้ + +ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 59","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '59'}]",การจัดทำงบการเงินของกองทรัสต์ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1. คำนึงถึงมาตรฐานที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชีด้วย 2. ต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องมิใช่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของทรัสต์นั้น 3. ให้ยื่นงบการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. อาจเปิดเผยหรือสั่งให้ทรัสตีเปิดเผยต่อสาธารณชนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนดก็ได้ 4. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจที่จะประกาศกำหนดกรณีอันสมควรที่ไม่จำเป็นต้องมีการจัดทำงบการเงินตามวรรคหนึ่งได้ โดยจะกำหนดเงื่อนไขที่ทรัสตีต้องปฏิบัติสำหรับการไม่ดำเนินการดังกล่าวด้วยก็ได้ +การแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทโดยที่ยังไม่ได้รับการชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน สามารถทำได้หรือไม่,"ไม่สามารถแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทโดยที่ยังไม่ได้รับการชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนได้ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 15 หากฝ่าฝืนมีโทษ ดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '15'}]",ไม่สามารถแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทโดยที่ยังไม่ได้รับการชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนได้ +ผู้ประกอบพาณิชยกิจยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ต้องดำเนินการขอจดทะเบียนพาณิชย์อย่างไร,"ผู้ประกอบพาณิชยกิจ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ต้องขอจดทะเบียนพาณิชย์ ดังนี้ +1. สถานที่ ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์แห่งท้องที่ตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง +2. ระยะเวลา ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามมาตรา 8 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 + +ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 11 กรณีผู้ประกอบพาณิชยกิจผู้ใดประกอบพาณิชยกิจภายหลังวันที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามมาตรา 8 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มประกอบพาณิชยกิจนั้น กำหนดเวลาที่กล่าวในมาตรานี้ ถ้ารัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควรก็ให้มีอำนาจประกาศขยายเวลาต่อไปอีกได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '11'}]",ผู้ประกอบพาณิชยกิจ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ต้องขอจดทะเบียนพาณิชย์ ดังนี้ 1. สถานที่ ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์แห่งท้องที่ตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง 2. ระยะเวลา ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามมาตรา 8 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 +หลักเกณฑ์ในการใช้ตั๋วแลกเงิน,"หลักเกณฑ์ในการใช้ตั๋วแลกเงิน มีดังนี้ +1. ตั๋วแลกเงินจะนำไปยื่นแก่ผู้จ่าย ณ ที่อยู่ของผู้จ่าย เพื่อให้รับรองเมื่อใดก็ได้ จนกว่าจะถึงเวลากำหนดใช้เงิน ผู้ทรงหรือผู้ครอบครองจะเป็นผู้นำไปยื่นก็ได้ +2. ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อกำหนดไว้ว่าให้นำยื่นเพื่อรับรอง กำหนดเวลาหรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ +3. ผู้สั่งจ่ายจะห้ามนำตั๋วแลกเงินยื่นเพื่อรับรองก็ได้ + ข้อยกเว้น ข้อ 3 กรณีที่ตั๋วเงินได้ออกสั่งให้ใช้เงินเฉพาะสถานใดก็ได้ ที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของผู้จ่าย หรือได้ออกสั่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งนับแต่ได้เห็น อนึ่ง ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่ายังไม่ให้��ำตั๋วยื่นเพื่อให้รับรองก่อนถึงกำหนดวันใดวันหนึ่งก็ได้ +4. ผู้สลักหลังทุกคนจะลงข้อกำหนดไว้ว่า ให้นำตั๋วเงินยื่นเพื่อรับรอง โดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ยื่น หรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายจะได้ห้ามการรับรอง + +ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 927","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '927'}]","หลักเกณฑ์ในการใช้ตั๋วแลกเงิน มีดังนี้ +1. ตั๋วแลกเงินจะนำไปยื่นแก่ผู้จ่าย ณ ที่อยู่ของผู้จ่าย เพื่อให้รับรองเมื่อใดก็ได้ จนกว่าจะถึงเวลากำหนดใช้เงิน ผู้ทรงหรือผู้ครอบครองจะเป็นผู้นำไปยื่นก็ได้ +2. ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อกำหนดไว้ว่าให้นำยื่นเพื่อรับรอง กำหนดเวลาหรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ +3. ผู้สั่งจ่ายจะห้ามนำตั๋วแลกเงินยื่นเพื่อรับรองก็ได้ + ข้อยกเว้น ข้อ 3 กรณีที่ตั๋วเงินได้ออกสั่งให้ใช้เงินเฉพาะสถานใดก็ได้ ที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของผู้จ่าย หรือได้ออกสั่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งนับแต่ได้เห็น อนึ่ง ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่ายังไม่ให้นำตัวยื่นเพื่อให้รับรองก่อนถึงกำหนดวันใดวันหนึ่งก็ได้ +4. ผู้สลักหลังทุกคนจะลงข้อกำหนดไว้ว่า ให้นำตั๋วเงินยื่นเพื่อรับรอง โดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ยื่น หรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายจะได้ห้ามการรับรอง + +ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 927" +กรณีทรัพย์ชำรุดบกพร่องแบบใด ผู้ขายต้องรับผิด,"การชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ผู้ขายต้องรับผิด +1. เป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือ +2. เป็นเหตุให้เสื่อมความเหมาะสม + 2.1 แก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี + 2.2 แก่ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472 กรณีดังกล่าวรวมถึง ผู้ขายรู้อยู่แล้ว หรือ ไม่รู้ ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '472'}]",การชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ผู้ขายต้องรับผิด 1. เป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือ 2. เป็นเหตุให้เสื่อมความเหมาะสม 2.1 แก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี 2.2 แก่ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี +ข้อยกเว้นการเขียนรายการลงในตั๋วเงินมีข้อยกเว้นใดบ้าง,"ข้อยกเว้นการเขียนรายการลงในตั๋วเงิน มีดังนี้ +1. ตั๋วแลกเงินซึ่งไม่ระบุเวลาใช้เงิน ให้ถือว่าพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น +2. ถ้าสถานที่ใช้เงินมิได้แถลงไว้ในตั๋วแลกเงิน ให้ถือเอาภูมิลำเนาของผู้จ่ายเป็นสถานที่ใช้เงิน +3. ถ้าตั๋วแลกเงินไม่แสดงให้ปรากฏสถานที่ออกตั๋ว ให้ถือว่าตั๋วเงินนั้นได้ออก ณ ภูมิลำเนาของผู้สั่งจ่าย +4. ถ้ามิได้ลงวันออกตั๋ว ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ + +ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '910'}]",ข้อยกเว้นการเขียนรายการลงในตั๋วเงิน มีดังนี้ 1. ตั๋วแลกเงินซึ่งไม่ระบุเวลาใช้เงิน ให้ถือว่าพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น 2. ถ้าสถานที่ใช้เงินมิได้แถลงไว้ในตั๋วแลกเงิน ให้ถือเอาภูมิลำเนาของผู้จ่ายเป็นสถานที่ใช้เงิน 3. ถ้าตั๋วแลกเงินไม่แสดงให้ปรากฏสถานที่ออกตั๋ว ให้ถือว่าตั๋วเงินนั้นได้ออก ณ ภูมิลำเนาของผู้สั่งจ่าย 4. ถ้ามิได้ลงวันออกตั๋ว ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ +กรรมการของสมาคมห้ามกระทำการใดบ้าง,"กรรมการของสมาคมห้ามกระทำการ ดังนี้ +1. ดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของสมาคม +2. การดำเนินกิจการนั้นเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ +ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 56 กรณีฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '56'}]",กรรมการของสมาคมห้ามกระทำการ ดังนี้ 1. ดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของสมาคม 2. การดำเนินกิจการนั้นเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ +ข้อห้ามการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์มีข้อห้ามใดบ้าง,ข้อห้ามการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ คือ ห้ามมิให้นิติบุคคลเฉพาะกิจกระทำการใดนอกจากที่กำหนดไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ ทั้งนี้ ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 13 ข้อยกเว้น ได้รับการผ่อนผันจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '13'}]",ห้ามมิให้นิติบุคคลเฉพาะกิจกระทำการใดนอกจากที่กำหนดไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ +บุคคลใดที่เบียดบังเอาทรัพย์สินเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จะได้รับโทษอย่างไร,"บุคคล ดังนี้ 1 กรรมการ หรือ 2 ผู้จัดการ หรือ 3 บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา 89 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ครอบครองทรัพย์สินซึ่งเป็นของนิติบุคคล หรือซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 84 มีโทษ ดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 - 1,000,000 บาท","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '84'}]","ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 - 1,000,000 บาท" +ความผูกพันระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกต่อบุคคลภายนอกเป็นอย่างไร,"ความผูกพันระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกต่อบุคคลภายนอก มีกรณีดังนี้ +1. ผู้จัดการมรดกได้ทำไปภายในขอบอำนาจในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดก ผลคือ ทายาทผูกพันต่อบุคคลภายนอก +2. ผู้จัดการมรดกเข้าทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอก โดยเห็นแก่ทรัพย์สินอย่างใด ๆ หรือประโยชน์อย่างอื่นใด อันบุคคลภายนอกได้ให้ หรือได้ให้คำมั่นว่าจะให้เป็นลาภส่วนตัว ผลคือ ทายาทไม่ต้องผูกพัน เว้นแต่ทายาทจะได้ยินยอมด้วย + +ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1724","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1724'}]",ความผูกพันระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกต่อบุคคลภายนอก มีกรณีดังนี้ 1. ผู้จัดการมรดกได้ทำไปภายในขอบอำนาจในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดก ผลคือ ทายาทผูกพันต่อบุคคลภายนอก 2. ผู้จัดการมรดกเข้าทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอก โดยเห็นแก่ทรัพย์สินอย่างใด ๆ หรือประโยชน์อย่างอื่นใด อันบุคคลภายนอกได้ให้ หรือได้ให้คำมั่นว่าจะให้เป็นลาภส่วนตัว ผลคือ ทายาทไม่ต้องผูกพัน เว้นแต่ทายาทจะได้ยินยอมด้วย +การเสนอขายหน่วยลงทุนต่อ���ระชาชนและการฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้ดูแลผลประโยชน์ มีมาตราใดเกี่ยวข้องบ้าง,มีมาตราเกี่ยวข้อง ดังนี้ 1 มาตรา 132 2 มาตรา 47 3 มาตรา 48 4 มาตรา 80 5 มาตรา 81 6 มาตรา 82 7 มาตรา 83 8 มาตรา 84 9 มาตรา 85 10 มาตรา 86 11 มาตรา 87 12 มาตรา 89 13 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 132 ค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องบังคับคดีเพื่อประโยชน์ของกองทุนรวมใดให้เรียกร้องได้จากทรัพย์สินของกองทุนรวมนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '132'}]",มีมาตราเกี่ยวข้อง ดังนี้ 1 มาตรา 132 2 มาตรา 47 3 มาตรา 48 4 มาตรา 80 5 มาตรา 81 6 มาตรา 82 7 มาตรา 83 8 มาตรา 84 9 มาตรา 85 10 มาตรา 86 11 มาตรา 87 12 มาตรา 89 13 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องห้ามมีลักษณะใดบ้าง,"ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องห้ามมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ +1. เป็นบุคคลซึ่งถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือเป็นบุคคลล้มละลาย +2. เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ +3. มีประวัติเสียหายหรือดำเนินกิจการใดที่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดโดยต้องคำนึงถึงระดับความร้ายแรงของพฤติกรรมอันเป็นลักษณะต้องห้ามนั้น +4. เป็นข้าราชการหรือพนักงานในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสถาบันการเงิน +5. เป็นบุคคลซึ่งขาดคุณวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงานหรือคุณสมบัติอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '23'}]","ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องห้ามมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ +1. เป็นบุคคลซึ่งถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือเป็นบุคคลล้มละลาย +2. เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ +3. มีประวัติเสียหายหรือดำเนินกิจการใดที่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดโดยต้องคำนึงถึงระดับความร้ายแรงของพฤติกรรม���ันเป็นลักษณะต้องห้ามนั้น +4. เป็นข้าราชการหรือพนักงานในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสถาบันการเงิน +5. เป็นบุคคลซึ่งขาดคุณวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงานหรือคุณสมบัติอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด" +จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องมีข้อกำหนดใดบ้างเป็นอย่างน้อย,"จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องมีข้อกำหนดอย่างน้อย ดังนี้ +1. ความโปร่งใส ความเป็นอิสระ ความเที่ยงธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต +2. ความรู้ความสามารถและมาตรฐานในการปฏิบัติงาน +3. ความรับผิดชอบต่อผู้รับบริการและการรักษาความลับ +4. ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีปฏิบัติหน้าที่ให้","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '47'}]",จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องมีข้อกำหนดอย่างน้อย ดังนี้ 1. ความโปร่งใส ความเป็นอิสระ ความเที่ยงธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต 2. ความรู้ความสามารถและมาตรฐานในการปฏิบัติงาน 3. ความรับผิดชอบต่อผู้รับบริการและการรักษาความลับ 4. ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีปฏิบัติหน้าที่ให้ +กรมธรรม์ประกันภัยในการรับขนต้องระบุข้อความใดเพิ่มเติมอีก,"ต้องระบุข้อความดังนี้ไว้ด้วย +1. ระบุทางและวิธีขนส่ง +2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ขนส่ง +3. สถานที่ซึ่งกำหนดให้รับและส่งมอบของ +4. กำหนดระยะเวลาขนส่งตามแต่มี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '886'}]",ต้องระบุข้อความดังนี้ไว้ด้วย 1. ระบุทางและวิธีขนส่ง 2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ขนส่ง 3. สถานที่ซึ่งกำหนดให้รับและส่งมอบของ 4. กำหนดระยะเวลาขนส่งตามแต่มี +แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกในรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวนในสาระสำคัญ มีโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่า ของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '278'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่า ของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท" +ตลาดหลักทรัพย์มีเป้าหมายการดำเนินงานของตนเองอย่างไรบ้าง,ตลาดหลักทรัพย์มีเป้าหมายการดำเนินงานของตนเอง ดังนี้ ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ความเป็นธรรม การตรวจสอบได้ และความเรียบร้อยในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของตลาดทุนและการคุ้มครองผู้ลงทุนเป็นสำคัญ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '154/1'}]",ตลาดหลักทรัพย์มีเป้าหมายการดำเนินงานของตนเอง ดังนี้ ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ความเป็นธรรม การตรวจสอบได้ และความเรียบร้อยในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของตลาดทุนและการคุ้มครองผู้ลงทุนเป็นสำคัญ +กรณีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ ผลเป็นอย่างไร,"ผล คือ เจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นสามารถเรียกให้ชำระหนี้เฉพาะ ""ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้""","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1070'}]","เจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นสามารถเรียกให้ชำระหนี้เฉพาะ ""ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้""" +สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตคืออะไร,"สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต มีองค์ประกอบดังนี้ +1. บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น +2. ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษา หรือผู้ล้มละลาย ผลคือ บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตนั้น ไม่เสียสิทธิใดในทรัพย์นั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1330'}]",สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต มีองค์ประกอบดังนี้ 1. บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น 2. ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษา หรือผู้ล้มละลาย ผลคือ บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตนั้น ไม่เสียสิทธิใดในทรัพย์นั้น. +คว��มรับผิดของผู้ขนส่งกรณีของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า มีอายุความกี่ปี,"อายุความ มีดังนี้ +1. ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่ส่งมอบ หรือ +2. 1 ปีนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ข้อยกเว้น กรณีที่มีการทุจริต","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '624'}]",อายุความ มีดังนี้ 1. ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่ส่งมอบ หรือ 2. 1 ปีนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ +สิทธิของบุคคลที่ชำระหนี้มีสิทธิใดบ้าง,"สิทธิของบุคคลที่ชำระหนี้มีสิทธิ ดังนี้ +1. ชอบที่จะได้รับใบเสร็จเป็นสำคัญจากผู้รับชำระหนี้นั้น +2. กรณีหนี้ได้ชำระสิ้นเชิงแล้ว ผู้ชำระหนี้ชอบที่จะได้รับเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ หรือให้ขีดฆ่าเอกสารนั้น ถ้าและเอกสารนั้นสูญหาย บุคคลผู้ชำระหนี้ชอบที่จะให้จดแจ้งความข้อระงับหนี้ลงไว้ในใบเสร็จหรือในเอกสารอีกฉบับหนึ่งต่างหากก็ได้ +3. กรณีหนี้ได้ชำระบางส่วน หรือถ้าเอกสารนั้นยังให้สิทธิอย่างอื่นใดแก่เจ้าหนี้อยู่ ลูกหนี้ชอบแต่ที่จะได้รับใบเสร็จไว้เป็นคู่มือ และให้จดแจ้งการชำระหนี้นั้นลงไว้ในเอกสาร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '326'}]",สิทธิของบุคคลที่ชำระหนี้มีสิทธิ ดังนี้ 1. ชอบที่จะได้รับใบเสร็จเป็นสำคัญจากผู้รับชำระหนี้นั้น 2. กรณีหนี้ได้ชำระสิ้นเชิงแล้ว ผู้ชำระหนี้ชอบที่จะได้รับเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ หรือให้ขีดฆ่าเอกสารนั้น ถ้าและเอกสารนั้นสูญหาย บุคคลผู้ชำระหนี้ชอบที่จะให้จดแจ้งความข้อระงับหนี้ลงไว้ในใบเสร็จหรือในเอกสารอีกฉบับหนึ่งต่างหากก็ได้ 3. กรณีหนี้ได้ชำระบางส่วน หรือถ้าเอกสารนั้นยังให้สิทธิอย่างอื่นใดแก่เจ้าหนี้อยู่ ลูกหนี้ชอบแต่ที่จะได้รับใบเสร็จไว้เป็นคู่มือ และให้จดแจ้งการชำระหนี้นั้นลงไว้ในเอกสาร. +การบังคับจำนองต้องทำอย่างไร,"การบังคับจำนองต้องปฏิบัติ ดังนี้ +1. ผู้รับจำนองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 60 วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ได้รับคำบอกกล่าวนั้น + 1.1 ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าวตามข้อ 1 ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งให้ย���ดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาดก็ได้ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 กรณีผู้จำนองจำนองทรัพย์สินของตนไว้ เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นต้องชำระ (ผู้จำนองเป็นบุคคลที่ 3) +1. ผู้รับจำนองต้องส่งหนังสือบอกกล่าวดังกล่าวให้ ผู้จำนองทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ +2. ถ้าผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลา 15 วันนั้น ผู้จำนองนั้นหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาสิบห้าวันดังกล่าว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '728'}]",การบังคับจำนองต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1. ผู้รับจำนองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 60 วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ได้รับคำบอกกล่าวนั้น 1.1 ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าวตามข้อ 1 ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาดก็ได้ 2. ผู้รับจำนองต้องส่งหนังสือบอกกล่าวให้ผู้จำนองทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ 3. ถ้าผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลา 15 วันนั้น ผู้จำนองนั้นหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ. +การเพิกถอนนิติกรรม มีอายุความกี่ปี,"อายุความเพิกถอนนิติกรรม มีดังนี้ +1. ห้ามมิให้ฟ้องร้องเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่เวลาที่ ""เจ้าหนี้ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน"" หรือ +2. พ้นสิบปีนับแต่ได้ทำนิติกรรมนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '240'}]","อายุความเพิกถอนนิติกรรม มีดังนี้ 1. ห้ามมิให้ฟ้องร้องเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่เวลาที่ ""เจ้าหนี้ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน"" หรือ 2. พ้นสิบปีนับแต่ได้ทำนิติกรรมนั้น." +ใครบ้างที่สามารถทำธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับผู้ลงทุนสถาบันที่จดทะเบียนแล้ว,"ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นนิติบุคคลดังต่อไปนี้ สามารถทำธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับผู้ลงทุนสถาบันที่ได้จดทะเบียนแล้วได้ 1.ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้ว��การธนาคารพาณิชย์ +2.บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ +3.บริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ +4.นิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด + +ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 17 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเฉพาะกับผู้ลงทุนสถาบันตามมาตรา 16 วรรคสอง ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ (2) บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ (3) บริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ (4) นิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '17'}]",1. ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ 2. บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ 3. บริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ 4. นิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าผู้ดูแลผลประโยชน์ไม่จัดทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมจะมีโทษอะไร,"ผู้ดูแลผลประโยชน์ไม่จัดทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวม เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 127 (3) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 284 ผู้ดูแลผลประโยชน์ผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 127 หรือมาตรา 128 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '284'}]","ผู้ดูแลผลประโยชน์ไม่จัดทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายทรัพย์สินของกองทุนรวม เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 127 (3) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับไม่เกินวันละ 10,000 ��าทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ" +ศูนย์รับฝากทรัพย์มีหน้าที่อย่างไร,มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 223 ในการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นายทะเบียนหลักทรัพย์ ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '223'}]",มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +มูลในการได้รับชำหนี้เหนือสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างแรกสุดคืออะไร,"มูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับขน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 278 บุริมสิทธิแย้งกันหลายรายเหนือสังหาริมทรัพย์อันหนึ่งอันเดียวกัน ให้เป็นไปตามลำดับก่อนหลังดังที่เรียงไว้ต่อไปนี้ คือ (1) บุริมสิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับขน (2) บุริมสิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามีบุคคลหลายคนเป็นผู้รักษา ให้ผู้ที่รักษาภายหลังอยู่ในลำดับก่อนผู้ที่ได้รักษามาก่อน (3) บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพย์ ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย และค่าแรงงานกสิกรรมและอุตสาหกรรม + +ถ้าบุคคลผู้ใดมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับเป็นที่หนึ่ง และรู้อยู่ในขณะที่ตนได้ประโยชน์แห่งหนี้มานั้น ว่ายังมีบุคคลอื่นซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองหรือที่สาม ห้ามบุคคลผู้นั้นใช้สิทธิในการที่ตนอยู่ในลำดับก่อนนั้นต่อบุคคลอื่นเช่นว่ามา และห้ามให้ใช้สิทธินี้ต่อผู้ที่ได้รักษาทรัพย์ไว้ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย + +ในส่วนดอกผล ให้บุริมสิทธิเป็นไปตามนี้ 1.ผู้ได้ทำการงานกสิกรรม 2. ผู้ส่งเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย 3.ผู้เช่าที่ดิน + +หมายเหตุ : บุริมสิทธิ คือสิทธิที่เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '278'}]",มูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับขน +ถ้ามีคนให้ราคาสูงกว่าในการขายทอดตลาด ผลจะเป็นเช่นไร,ผู้ที่ได้สู้ราคาแต่ต่ำกว่านั้นไม่ต้องผูกพันในราคาที่ตนสู้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 514 ผู้สู้ราคาย่อมพ้นความผูกพันในราคาซึ่งตนสู้ เมื่อมีผู้อื่นสู้ราคาสูงขึ้นไป ไม่ว่าจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม และถ้ามีการถอนทรัพย์สินรายนั้นจากการทอดตลาด ผู้สู้ราคาก็พ้นความผูกพันแต่ขณะที่ถอนนั้นเช่นกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '514'}]",ผู้ที่ได้สู้ราคาแต่ต่ำกว่านั้นไม่ต้องผูกพันในราคาที่ตนสู้ +ถ้าหมดสัญญาเช่าแล้ว แต่ไม่ได้มีการทักท้วงจากผู้ให้เช่า ผลจะเป็นเช่นไร,หากสิ้นเวลาเช่าตามตกลง และผู้เช่ายังครองทรัพย์สินอยู่ ทั้งนี้ผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ถือได้ว่าเป็นการทำสัญญาเช่าใหม่แบบไม่มีกำหนดเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้นถ้าผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่ และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วง ให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '570'}]",ถือได้ว่าเป็นการทำสัญญาเช่าใหม่แบบไม่มีกำหนดเวลา +บุคคลเสมือนไร้ความสามารถคือใคร,"บุคคลเสมือนไร้ความสมารถ คือบุคคลที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ 1 บุคคลที่มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2 ประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ 3 ติดสุรายาเมา 4 มีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว + +เมื่อมีเหตุดังกล่าวแล้วบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ต้องร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ บุคคลดังกล่าวจึงจะกลายเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 32","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '32'}]",บุคคลเสมือนไร้ความสมารถ คือบุคคลที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ 1 บุคคลที่มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2 ประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ 3 ติดสุรายาเมา 4 มีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะ��สื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว. +หากเจ้าหนี้และลูกหนี้มีการตกลงให้บุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิเลือกในการชำระหนี้ บุคคลภายนอกต้องแสดงเจตนานั้นแก่ผู้ใดก่อน,ให้แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ก่อน และให้ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องแจ้งแก่เจ้าหนี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 201 เมื่อเจ้าหนี้และลูกหนี้มีการตกลงให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เลือกในการชำระหนี้ ให้บุคคลภายนอกนั้นต้องแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ก่อน และลูกหนี้นั้นต้องแจ้งแก่เจ้าหนี้ด้วย แต่ถ้าบุคคลภายนอกไม่สามารถเลือกได้ หรือไม่เต็มใจจะเลือก ให้สิทธิที่จะเลือกนั้นเป็นของฝ่ายลูกหนี้แทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '201'}]",ให้แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ก่อน และให้ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องแจ้งแก่เจ้าหนี้ด้วย +การเพิกถอนพินัยกรรมฉบับก่อนหน้าด้วยการทำพินัยกรรมฉบับหลังต้องทำอย่างไร,"ให้ทำพินัยกรรมฉบับหลังตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1694 การเพิกถอนพินัยกรรมฉบับก่อนทั้งหมดหรือบางส่วนด้วยการทำพินัยกรรมฉบับหลัง การเพิกถอนนั้นจะสมบูรณ์เมื่อพินัยกรรมฉบับหลังได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1694'}]",ให้ทำพินัยกรรมฉบับหลังตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ +ผู้รับจำนองจะบังคับเอาทรัพย์สินติดจำนองนั้นกับบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ได้รับโอนทรัพย์สินนั้นมา ผู้รับจำนองจะต้องทำอย่างไรบ้าง,ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินติดจำนองนั้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน จึงจะสามารถบังคับจำนองได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินติดจำนองนั้น ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วันด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '735'}]",ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินติดจำนองนั้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน จึงจะสามารถบังคับจำนองได้ +บัญชีงบดุลของบริษัทต้องทำเมื่อใด,ต้องทำอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุกรอบ 12 เดือน เนื่องจากเวลาสุดรอบ 12 เดือน ถือว่าเป็นขวบปีในทางบัญชีเงินของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1196 บัญชีงบดุล ต้องทำอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุกรอบ 12 เดือน คือเมื่อเวลาสุดรอบ 12 เดือนถือว่าเป็นขวบปีในทางบัญชีเงินของบริษัท โดยงบดุลนั้นต้องมีรายการย่อแสดงจำนวนสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทกับบัญชีกำไรและขาดทุนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1196'}]",ต้องทำอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุกรอบ 12 เดือน +ลูกหนี้สามารถรับช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ได้เมื่อใด,เมื่อได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายครบแล้วตามราคาทรัพย์หรือตามสิทธินั้นแก่เจ้าหนี้ เพื่อความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์หรือสิทธินั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 227 เมื่อเจ้าหนี้ได้รับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายครบถ้วนตามราคาทรัพย์หรือตามสิทธินั้นจากลูกหนี้แล้ว ให้ลูกหนี้นั้นเป็นผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '227'}]",เมื่อได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายครบแล้วตามราคาทรัพย์หรือตามสิทธินั้นแก่เจ้าหนี้ เพื่อความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์หรือสิทธินั้นแล้ว +หากทำนิติกรรมเพราะถูกหลอกโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สัญญา นิติกรรมนั้นสามารถใช้บังคับได้หรือไม่อย่างไร,นิติกรรมมีผลบังคับใช้ แต่หากคู่สัญญาอีกฝ่ายได้รู้ถึงกลฉ้อฉล นิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะซึ่งสามารถมีผลใช้บังคับได้จนกว่าคู่สัญญาที่ถูกกลฉ้อฉลจะเพิกถอน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 159 หากนิติกรรมที่ทำขึ้นเพราะถูกกลฉ้อฉล และต้องถึงขนาดที่ถ้าไม่ได้มีกลฉ้อฉลนั้นก็จะไม่มีการทำนิติกรรมนั้นขึ้น จะมีผลเป็นโมฆียะโดยนิติกรรมนั้นมีผลบังคับใช้ได้จนกว่าคู่สัญญาที่ถูกกลฉ้อฉลจะเพิกถอน นอกจากนี้ หากกลฉ้อฉลนั้นกระทำโดยบุคคลภายนอก นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะต่อเมื่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงกลฉ้อฉลนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '159'}]",นิติกรรมมีผลบังคับใช้ แต่หากคู่สัญญาอีกฝ่ายได้รู้ถึงกลฉ้อฉล นิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะซึ่งสามารถมีผลใช้บังคับได้จนกว่าคู่สัญญาที่ถูกกลฉ้อฉลจะเพิกถอน +บุคคลภายนอกสามารถเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์ที่จำนำได้หรือไม่อย่างไร,ได้ หากคู่สัญญาจำนำนั้นได้มีการตกลงให้บุคคลภายนอกสามารถเก็บรักษาทรัพย์ที่จำนำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 749 คู่สัญญาจำนำสามารถตกลงให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินที่จำนำไว้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '749'}]",ได้ หากคู่สัญญาจำนำนั้นได้มีการตกลงให้บุคคลภายนอกสามารถเก็บรักษาทรัพย์ที่จำนำได้ +หากบริษัทได้ทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้วกรรมการบริษัทนั้นจะต้องรับโทษด้วยหรือไม่อย่างไร,กรรมการบริษัทต้องรับโทษด้วย ถ้าการกระทำความผิดของบริษัทดังกล่าวเกิดจากการสั่งการหรือไม่สั่งการ หรือไม่ได้ทำตามหน้าที่ของกรรมการในการดำเนินงานของบริษัทนั้น ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 300 หากไม่ได้มีการกำหนดความรับผิดของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลเป็นการเฉพาะแล้ว เมื่อการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือไม่สั่งการ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่ต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ให้บุคคลดังกล่าวต้องรับโทษเช่นเดียวกับนิติบุคคลนั้นด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '300'}]",กรรมการบริษัทต้องรับโทษด้วย ถ้าการกระทำความผิดของบริษัทดังกล่าวเกิดจากการสั่งการหรือไม่สั่งการ หรือไม่ได้ทำตามหน้าที่ของกรรมการในการดำเนินงานของบริษัทนั้น +ผู้ใดมีอำนาจเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์,คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 171 (4) ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจหน้าที่เพิกถอนการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้ การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียนนั้น ให้ตลาดหลักทรัพย์ประกาศไว้ในที่เปิดเผยในสถานที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์ และเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบก่อนวันที่หลักทรัพย์นั้นจะถูกเพิกถอนการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '171'}]",คณะก���รมการตลาดหลักทรัพย์ +หากผู้ให้ประกันไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนดหลังจากได้รับคำวินิจฉัยให้บังคับหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ผู้บังคับหลักประกันต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ผู้บังคับหลักประกันยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันและส่งมอบให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 72 ผู้ให้หลักประกันต้องส่งมอบกิจการที่เป็นหลักประกัน ดวงตรา สมุดบัญชี และเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สิน หนี้สินตลอดจนสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน ภายใน 7 วันนับแต่ได้รับคำวินิจฉัยบังคับหลักประกันนั้น แต่หากผู้ให้หลักประกันไม่ดำเนินการดังกล่าว ให้ผู้บังคับหลักประกันยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันและส่งมอบให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน โดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บังคับหลักประกันในการจัดการกิจการที่เป็นหลักประกันของผู้ให้หลักประกันชั่วคราวในระหว่างที่ยังไม่ได้ส่งมอบกิจการนั้นให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '72'}]",ให้ผู้บังคับหลักประกันยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันและส่งมอบให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน +บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์เมื่อใด,ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 บุคคลที่ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ บุคคลนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน หากเป็นอสังหาริมทรัพย์ต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ส่วนสังหาริมทรัพย์ต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1382'}]",ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี +หากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พบว่าแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ ให้สำนักงานนั้นมีอำนาจอย่างไรบ้าง,ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจส��่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่เป็นเท็จได้ รวมถึงหากการเสนอขายหลักทรัพย์นั้นได้รับอนุญาตแล้ว ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ในทันที ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 76(1) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จหรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญซึ่งอาจทำให้ผู้เข้าซื้อหลักทรัพย์เสียหาย ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน และหากการเสนอขายหลักทรัพย์นั้นได้รับอนุญาตแล้ว ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ในทันที นอกจากนี้ การสั่งการของสำนักงานนั้นจะไม่กระทบถึงการดำเนินการใด ๆ ของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ก่อนที่จะมีการสั่งการ และไม่กระทบสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '76'}]",ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่เป็นเท็จได้ รวมถึงหากการเสนอขายหลักทรัพย์นั้นได้รับอนุญาตแล้ว ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ในทันที. +เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับภาษีอากรสามารถเปิดเผยข้อมูลกิจการของผู้เสียภาษีได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เว้นแต่เจ้าพนักงานผู้นั้นมีอำนาจให้ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 10 ห้ามเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับภาษีอากรและได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากร หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องนั้นเปิดเผยข้อมูลกิจการของผู้เสียภาษีอากรไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม เว้นแต่เจ้าพนักงานนั้นมีอำนาจที่สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '10'}]",ไม่ได้ เว้นแต่เจ้าพนักงานผู้นั้นมีอำนาจให้ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย +การฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนนิติกรรมที่คู่สมรสได้ทำไปโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่าย ต้องฟ้องภายในเวลาใด,ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุซึ่งเป็นมูลให้เพิกถอน หรือภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 การจัดการสินสมรสต้องให้คู่สมรสจัดการร่วมกัน หรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายด้วย หากคู่สมรสทำนิติกรรมไปเพียงฝ่ายเดียวหรือโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่าย คู่สมรสอีกฝ่ายนั้นสามารถฟ้องศาลให้เพิกถอนนิติกรรมได้ ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุซึ่งเป็นมูลให้เพิกถอนหรือภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรม เว้นแต่คู่สมรสอีกฝ่ายได้ให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้ว หรือในขณะทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1480'}]",ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รู้เหตุซึ่งเป็นมูลให้เพิกถอน หรือภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น +หากมีเหตุสุดวิสัยมาขัดขวางไม่ให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนที่อายุความจะครบกำหนด ให้อายุความนั้นมีผลเป็นอย่างไร,ให้ถือว่าอายุความยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะพ้น 30 วัน นับแต่วันที่เหตุสุดวิสัยได้สิ้นสุดลง เนื่องจากการที่เจ้าหนี้ฟ้องคดีนั้นจะทำให้อายุความหยุดนับต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/19 ก่อนอายุความจะครบกำหนด หากมีเหตุสุดวิสัยมาขัดขวางไม่ให้เจ้าหนี้กระทำการที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ให้ถือว่าอายุความนั้นยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะพ้น 30 วัน นับแต่วันที่เหตุสุดวิสัยนั้นได้สิ้นสุดไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/19'}]",ให้ถือว่าอายุความยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะพ้น 30 วัน นับแต่วันที่เหตุสุดวิสัยได้สิ้นสุดลง +เงินซึ่งเป็นทุนประเดิมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้แก่อะไรบ้าง,"เงินคงเหลือจากกองทุนแก้ไขปัญหาธุรกิจหลักทรัพย์จำนวน 505,642,644.60 บาทพร้อมดอกผลของเงินดังกล่าว และเงินคงเหลือจากกองทุนพัฒนาตลาดทุนจำนวน 200,000,000 บาท ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 319 ทุนประเดิมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ เงินคงเหลือจากกองทุนแก้ไขปัญหาธุรกิจหลักทรัพย์จำนวน 505,642,644.60 บาทพร้อมดอกผลของเงินดังกล่าว และเงินคงเหลือจากกองทุนพัฒนาตลาดทุนจำนวน 200,000,000 บาท โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการโอนเงินดังกล่าวให้แก่สำนักงานภายใน 30 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '319'}]","เงินคงเหลือจากกองทุนแก้ไขปัญหาธุรกิจหลักทรัพย์จำนวน 505,642,644.60 บาทพร้อมดอกผลของเงินดังกล่าว และเงินคงเหลือจากกองทุนพัฒนาตลาดทุนจำนวน 200,000,000 บาท" +หากหุ้นส่วนซึ่งไม่ได้มีชื่อในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนจะสามารถเรียกให้บุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับห้างนั้นได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เพราะบุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้นั้นเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เนื่องจากไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในห้างหุ้นส่วนนั้น จึงทำให้หุ้นส่วนผู้นั้นไม่สามารถเรียกร้องให้บุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับห้างหุ้นส่วนนั้นได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1049 บุคคลที่เป็นหุ้นส่วนซึ่งไม่ได้ปรากฏชื่อในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนนั้นไม่สามารถถือเอาสิทธิของห้างที่มีอยู่ไปเรียกร้องต่อบุคคลภายนอกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1049'}]",ไม่ได้ เพราะบุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้นั้นเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว เนื่องจากไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในห้างหุ้นส่วนนั้น จึงทำให้หุ้นส่วนผู้นั้นไม่สามารถเรียกร้องให้บุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับห้างหุ้นส่วนนั้นได้ด้วย +การเสียเงินอากรและเงินเพิ่มเนื่องจากถูกตรวจสอบต้องชำระโดยวิธีใด,ให้ชำระเป็นตัวเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 116 การเสียอากรและเงินเพิ่มให้ชำระเป็นตัวเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเมื่อได้รับชำระเงินแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินและสลักหลังตราสาร หรือทำหลักฐานขึ้นหากไม่มีตราสาร นอกจากนี้ ให้ใส่ชื่อและตำบลที่อยู่ของผู้เสียเงินนั้น พร้อมลงชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่และวันเดือนปีด้วย,"[{'law': 'ประมวล���ัษฎากร', 'sections': '116'}]",ให้ชำระเป็นตัวเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ +หากสำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนความเห็นชอบในการแต่งตั้งกรรมการหรือผู้บริหาร แล้วผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องทำอย่างไร,ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเสนอชื่อบุคคลอื่นแทนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนความเห็นชอบ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 29 ในการแต่งตั้งกรรมการหรือผู้บริหาร ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.ก่อน หากภายหลังพบว่ากรรมการหรือผู้บริหารมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนความเห็นชอบและให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเสนอชื่อบุคคลอื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนความเห็นชอบ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '29'}]",ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเสนอชื่อบุคคลอื่นแทนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนความเห็นชอบ +หากบุคคลมีการให้คำรับรองซึ่งเป็นเท็จเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่น ๆที่เกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ หากการกระทำนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 ห้ามไม่ให้บุคคลบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความที่เป็นเท็จ หรือข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ซึ่งน่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '240'}]",ไม่ได้ หากการกระทำนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ +ผู้ใดมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือทำรายงานเกี่ยวกับสภาพของตลาดทุนหรือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 262/1 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการกำกับตลาดทุน หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือทำรายงานเกี่ยวกับสภาพของตลาดทุนหรือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือแนวทางการกำกับดูแลตลาดทุนหรือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '262/1'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +กรณีใดบ้างที่ธนาคารสามารถใช้ดุลพินิจปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คได้,กรณีหากในบัญชีไม่มีเงินพอที่จะจ่ายตามเช็คนั้น หรือเช็คนั้นได้ยื่นให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันออกเช็คแล้ว หรือได้มีการแจ้งว่าเช็คนั้นสูญหายหรือถูกขโมยไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 ธนาคารสามารถใช้ดุลพินิจปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้นได้ หากในบัญชีไม่มีเงินพอที่จะจ่ายตามเช็คนั้น หรือเช็คนั้นได้ยื่นให้ใช้เงินเมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันออกเช็คแล้ว หรือได้มีการแจ้งว่าเช็คนั้นสูญหายหรือถูกขโมยไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '991'}]",กรณีหากในบัญชีไม่มีเงินพอที่จะจ่ายตามเช็คนั้น หรือเช็คนั้นได้ยื่นให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันออกเช็คแล้ว หรือได้มีการแจ้งว่าเช็คนั้นสูญหายหรือถูกขโมยไป. +ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นผู้บังคับหลักประกันเนื่องจากขาดคุณสมบัติมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในเวลาใด,ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาต โดยให้ยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานทะเบียน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 59 หากผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันนั้นขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือศาลมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่ง ให้เจ้าพนักงานทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาต โดยให้ยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานทะเบียน นอกจากนี้ ให้รัฐมนตรีนั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์และให้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตนั้นทำหน้าที่ไปพลางก่อนก็ได้เมื่อมีการร้องขอ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '59'}]",ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาต +หากบุคคลโอนทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่ไปให้แก่บุคคลอื่นจะมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 58 หากบุคคลแบ่งทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แก่สมาชิกของสมาคม หรือโอนทรัพย์สินนั้นให้แก่บุคคลอื่น ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '58'}]","ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +หากสมาคมการค้าได้แบ่งปันผลกำไรหรือรายได้ให้แก่สมาชิก หรือมีการดำเนินการในทางการเมือง มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัย และรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 48 สมาคมการค้าได้แบ่งปันผลกำไรหรือรายได้ให้แก่สมาชิก หรือมีการดำเนินการในทางการเมือง มีความผิดทางพินัยและรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '48'}]","มีความผิดทางพินัย และรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +หากบุคคลใช้คำว่าสมาคมการค้าในเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจโดยยังไม่ได้เป็นสมาคมการค้าได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ เว้นแต่จะนำไปใช้เพื่อขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 16 ห้ามไม่ให้บุคคลใช้ชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่า สมาคมการค้า หรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า สมาคมการค้า ใน��วงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจโดยไม่ได้เป็นสมาคมการค้า เว้นแต่เป็นการใช้ในการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '16'}]",ไม่ได้ เว้นแต่จะนำไปใช้เพื่อขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า +หากลูกหนี้ขอชำระหนี้กับเจ้าหนี้แล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง,ทำให้ลูกหนี้นั้นได้หลุดพ้นในความรับผิดชอบที่เกิดจากการไม่ชำระหนี้นั้น แต่ลูกหนี้ยังต้องผูกพันในหนี้นั้นอยู่จนกว่าจะได้มีการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 330 เมื่อลูกหนี้ขอปฏิบัติชำระหนี้โดยชอบแล้ว ให้ลูกหนี้หลุดพ้นในความรับผิดชอบที่เกิดจากการไม่ชำระหนี้นั้น นับแต่เวลาที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '330'}]",ทำให้ลูกหนี้นั้นได้หลุดพ้นในความรับผิดชอบที่เกิดจากการไม่ชำระหนี้นั้น แต่ลูกหนี้ยังต้องผูกพันในหนี้นั้นอยู่จนกว่าจะได้มีการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว +ในบริษัทผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่อะไรบ้าง,ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่จัดการงานของบริษัทให้เสร็จ จัดการใช้หนี้เงิน และจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1250 หน้าที่ของผู้ชำระบัญชี คือ ชำระสะสางการงานของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทให้เสร็จ กับจัดการใช้หนี้เงินและจำหน่ายสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1250'}]",ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่จัดการงานของบริษัทให้เสร็จ จัดการใช้หนี้เงิน และจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัท +หากลูกหนี้จะนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดโดยไม่บอกให้เจ้าหนี้รู้ก่อนได้หรือไม่อย่างไร,ไม่ได้ โดยลูกหนี้จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย แต่ถ้าหากการบอกกล่าวแจ้งเจ้าหนี้นั้นจะทำให้ทรัพย์สินมีความเสื่อมเสียหาย หรือจะเกิดภัยอันตรายหากการขายทอดตลาดนั้นชักช้า ลูกหนี้ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแจ้งเจ้าหนี้ก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 337 หากลูกหนี้จะเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด ต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ทราบก่อน ถ้าละเลยไม่ได้บอกกล่าว ลูกหนี้จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย เว้นแต่หากการบอกกล่าวแจ้งเจ้าหนี้นั้นจะทำให้ทรัพย์สินอาจเสื่อมลง หรือจะเกิดภัยอันตรายหากการขายทอดตลาดนั้นชักช้า หรือไม่สามารถที่จะบอกกล่าวเจ้าหนี้ได้เลย ลูกหนี้ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแก่เจ้าหนี้ก็ได้ นอกจากนี้ ให้ประกาศโฆษณาเวลาและสถานที่ที่จะขายทอดตลาด รวมถึงบรรยายลักษณะของทรัพย์นั้นให้ประชาชนทราบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '337'}]",ไม่ได้ โดยลูกหนี้จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย แต่ถ้าหากการบอกกล่าวแจ้งเจ้าหนี้นั้นจะทำให้ทรัพย์สินมีความเสื่อมเสียหาย หรือจะเกิดภัยอันตรายหากการขายทอดตลาดนั้นชักช้า ลูกหนี้ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแจ้งเจ้าหนี้ก็ได้ +หากมีพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้สามีหรือภรรยาจัดการสินสมรส สามีหรือภริยาที่ถูกจำกัดอำนาจนั้นต้องทำอย่างไรได้บ้าง,สามีหรือภริยาที่ถูกห้ามไม่ให้จัดการสินสมรสสามารถร้องขอต่อศาลให้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484/1 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งห้ามหรือจำกัดอำนาจในการจัดการสินสมรสของสามีหรือภริยา แต่ต่อมามีเหตุหรือพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สามีหรือภริยานั้นอาจร้องขอต่อศาลให้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ห้ามหรือจำกัดอำนาจจัดการสินสมรสนั้นได้ แต่อย่างไรก็ดี ศาลสามารถมีคำสั่งใด ๆตามที่เห็นสมควรก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1484/1'}]",สามีหรือภริยาที่ถูกห้ามไม่ให้จัดการสินสมรสสามารถร้องขอต่อศาลให้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ +ผู้ใดมีอำนาจออกหมายเรียกผู้อุทธรณ์มาไต่สวน หรือสั่งให้ผู้อุทธรณ์หรือพยานนำสมุดบัญชี หรือพยานหลักฐานอย่างอื่นที่เกี่ยวกับการประเมินภาษีอากร,เจ้าพนักงานประเมินภาษีอากร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32 ให้เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอำนาจออกหมายเรียกผู้อุทธรณ์มาไต่สวน ออกหมายเรียกพยาน หรือสั่งให้ผู้อุทธรณ์หรือพยานนั้นนำสมุดบัญชี หรือพยานหลักฐานอย่างอื่นมาแสดงได้ แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วันนับแต่ว��นส่งหมาย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '32'}]",เจ้าพนักงานประเมินภาษีอากร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ +หากคู่สัญญาไม่ได้กำหนดระบุทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้ให้แน่นอน แล้วลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์อย่างใดไป,ส่งมอบทรัพย์นั้นชนิดปานกลาง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 195 เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดไว้แต่ระบุไว้เพียงประเภท และถ้าตามสภาพของนิติกรรมหรือตามเจตนาของคู่กรณีไม่อาจจะกำหนดชนิดของทรัพย์นั้นได้ ให้ลูกหนี้ส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลางให้แก่เจ้าหนี้ นอกจากนี้ หากลูกหนี้ได้ทำการเพื่อส่งมอบทรัพย์นั้นแล้ว หรือลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์ที่จะส่งมอบแล้วด้วยความยินยอมของเจ้าหนี้ ให้ถือว่าทรัพย์นั้นเป็นวัตถุแห่งหนี้ตั้งแต่เวลาที่ได้กระทำการเสร็จสิ้นไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '195'}]",ส่งมอบทรัพย์นั้นชนิดปานกลาง +ผู้ขนส่งจะไม่มีบุริมสิทธิในสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเมื่อใด,เมื่อผู้ขนส่งจะได้รู้ในเวลาที่ควรรู้ว่าสังหาริมทรัพย์สินนั้นเป็นของบุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 268 ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโรงแรม หรือผู้ขนส่งจะใช้บุริมสิทธิเหนือสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่จะได้รู้ในเวลาที่ควรรู้ว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของบุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '268'}]",เมื่อผู้ขนส่งจะได้รู้ในเวลาที่ควรรู้ว่าสังหาริมทรัพย์สินนั้นเป็นของบุคคลภายนอก +หากในสัญญามีการตกลงให้ริบเบี้ยปรับที่สูงเกินไป ศาลมีอำนาจสั่งลดเบี้ยปรับได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยศาลจะต้องพิจารณาถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดเบี้ยปรับให้เป็นจำนวนพอสมควรได้ โดยให้ศาลพิจารณาถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างที่ชอบด้วยกฎหมายไม่ใช่เฉพาะในทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้น หากได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว ให้สิทธิเรียกร้องขอลดเบี้ยปรันนั้นสิ้นสุดลงด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '383'}]",ได้ โดยศาลจะต้องพิจารณาถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างด้วย +ผู้ชำระบัญชีจะร้องขอศาลให้บริษัทมหาชนนั้นล้มละลายได้เมื่อใด,เมื่อผู้ชำระบัญชีเห็นว่าทรัพย์สินของบริษัทนั้นไม่พอชำระหนี้ และไม่สามารถทำความตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 173 หากผู้ชำระบัญชีเห็นว่าทรัพย์สินของบริษัทไม่พอชำระหนี้ และไม่สามารถทำความตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ ให้ผู้ชำระบัญชีร้องขอต่อศาลมีคำสั่งให้บริษัทนั้นล้มละลาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '173'}]",เมื่อผู้ชำระบัญชีเห็นว่าทรัพย์สินของบริษัทนั้นไม่พอชำระหนี้ และไม่สามารถทำความตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ +หากคู่สมรสและญาติไม่ยอมเป็นพยานลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องในบัญชีทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ ผู้จัดการทรัพย์สินนั้นต้องทำอย่างไร,ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถให้บุคคลอื่นที่บรรลุนิติภาวะแล้วมาเป็นพยานแทนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 53 ในบัญชีทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องอย่างน้อย 2 คน โดยพยานนั้นต้องเป็นคู่สมรสหรือญาติของผู้ไม่อยู่ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ถ้าไม่มีคู่สมรสหรือหาญาติไม่ได้ หรือคู่สมรสและญาติไม่ยอมเป็นพยาน ผู้จัดการทรัพย์สินจะให้บุคคลอื่นที่บรรลุนิติภาวะแล้วมาเป็นพยานก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '53'}]",ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถให้บุคคลอื่นที่บรรลุนิติภาวะแล้วมาเป็นพยานแทนก็ได้ +การเปิดบริษัทให้บริการด้านการสอบบัญชี มีเงื่อนไขในการจดทะเบียนอย่างไร,ต้องจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ 1) ต้องจัดให้มีหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม โดยให้คำนึงถึงขนาดและรายได้ของนิติบุคคลนั้น และให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสภาวิชาชีพบัญชีมาพิจารณาประกอบด้วย 2) บุคคลซึ่งมีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลในการให้บริการการสอบบัญชีต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 11,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '11'}]",ต้องจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ 1) ต้องจัดให้มีหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม โดยให้คำนึงถึงขนาดและรายได้ของนิติบุคคลนั้น และให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสภาวิชาชีพบัญชีมาพิจารณาประกอบด้วย 2) บุคคลซึ่งมีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลในการให้บริการการสอบบัญชีต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต +ได้รถยนต์มาจากพินัยกรรม จะได้รับสิทธิในสัญญาประกันภัยที่ติดอยู่กับรถยนต์ด้วยหรือไม่,ได้รับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 ถ้าวัตถุอันได้เอาประกันภัยไว้นั้น เปลี่ยนมือไปจากผู้เอาประกันภัยโดยพินัยกรรมก็ดี หรือโดยบัญญัติกฎหมายก็ดี ท่านว่าสิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยก็ย่อมโอนตามไปด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '875'}]",ได้รับ +ในกรณีที่โดนกลอุบายเป็นเหตุให้ถูกเอาเปรียบ สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่,สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากกลฉ้อฉลนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 ถ้ากลฉ้อฉลเป็นแต่เพียงเหตุจูงใจให้คู่กรณีฝ่ายหนึ่งยอมรับข้อกำหนดอันหนักยิ่งกว่าที่คู่กรณีฝ่ายนั้นจะยอมรับโดยปกติ คู่กรณีฝ่ายนั้นจะบอกล้างการนั้นหาได้ไม่ แต่ชอบที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากกลฉ้อฉลนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '161'}]",สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากกลฉ้อฉลนั้นได้ +ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องใด,ให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1042 ระบุให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องตัวการตัวแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1042'}]",ให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทน +"ชื่อของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ มีข้อความ ""แห่งประเทศไทย"" มีโทษหรือไม่",มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพัน��าท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 293,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '293'}]",มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 293 +ที่ดินรกร้างว่างเปล่า เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่,เป็น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น (1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1304'}]",เป็น +ถ้าปรากฏว่ามีบุริมสิทธิและสิทธิตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจพร้อมกันในทรัพย์สินเดียวกัน จะเป็นไปอย่างไร,ให้ถือลำดับบุริมสิทธิ ดังนี้ 1. หากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนำตามมาตรา 282 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากมีการจดทะเบียนจำนองสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ด้วย ให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนองตามมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. หากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ ให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนองตามมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 34,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '34'}]",ให้ถือลำดับบุริมสิทธิ ดังนี้ 1. หากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนำตามมาตรา 282 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากมีการจดทะเบียนจำนองสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ด้วย ให้ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนองตามมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. หากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ ให้ผู้รับหลักประกันม��สิทธิอย่างเดียวกันกับผู้รับจำนองตามมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. +การโอนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด,เมื่อได้ส่งมอบใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ให้แก่ผู้รับโอน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 55,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '55'}]",เมื่อได้ส่งมอบใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ให้แก่ผู้รับโอน +ผู้ยืมควรรักษาทรัพย์สินที่ได้ยืมมาอย่างไร,รักษาทรัพย์สินที่ยืมมาให้เหมือนกับที่ตนรักษาทรัพย์สินอื่นๆ ของตัวเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 644 ผู้ยืมจำต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '644'}]",รักษาทรัพย์สินที่ยืมมาให้เหมือนกับที่ตนรักษาทรัพย์สินอื่นๆ ของตัวเอง +เมื่อได้รับรายงานผลการตรวจสอบจากนายทะเบียน บริษัทต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร,สรุปรายงานและส่งให้ผู้ถือหุ้นทราบภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 133 ให้บริษัทที่ได้รับรายงานตามมาตรา 132 (1) สรุปรายงานและส่งให้ผู้ถือหุ้นทราบภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน ในการนี้ บริษัทต้องจัดให้มีสำเนารายงานครบชุดไว้ที่บริษัทเพื่อให้ผู้ถือหุ้นตรวจสอบได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '133'}]",สรุปรายงานและส่งให้ผู้ถือหุ้นทราบภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน +หากห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนมีหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียว และจะลาออกต้องทำอย่างไร,ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่ง แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบ เพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1064/1 ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนมีหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบเพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ��นส่วนผู้นั้น หุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งลาออก จะแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบด้วยก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1064/1'}]",ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่ง แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบ เพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย +ลูกจ้างที่จ้างมาจากต่างประเทศและขามาเราออกเงินค่าเดินทางให้ แต่ลูกจ้างนั้นทำผิดสัญญา ถ้าเลิกจ้างแล้วเราต้องจ่ายค่าเดินทางขากลับให้หรือไม่,ไม่ต้องจ่าย เพราะสัญญาจ้างเลิกหรือระงับเพราะความผิดของลูกจ้าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 586 ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซึ่งนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโดยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้ไซร้ เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลง และถ้ามิได้กำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแล้ว ท่านว่านายจ้างจำต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้ แต่จะต้องเป็นดังต่อไปนี้ คือ (1) สัญญามิได้เลิกหรือระงับเพราะการกระทำหรือความผิดของลูกจ้าง และ (2) ลูกจ้างกลับไปยังถิ่นที่ได้จ้างเอามาภายในเวลาอันสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '586'}]",ไม่ต้องจ่าย เพราะสัญญาจ้างเลิกหรือระงับเพราะความผิดของลูกจ้าง +คณะกรรมการจรรยาบรรณมีมติสั่งยกคำกล่าวหา หมายความว่าอย่างไร,คณะกรรมการจรรยาบรรณมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 54 เมื่อคณะกรรมการจรรยาบรรณพิจารณาจากผลการสอบสวนแล้วมีมติว่าผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณ ให้มีคำสั่งลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 49 ในกรณีที่คณะกรรมการจรรยาบรรณมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้ประพฤติผิดจรรยาบรรณให้สั่งยกคำกล่าวหา การออกคำสั่งลงโทษตามวรรคหนึ่งหรือการออกคำสั่งยกคำกล่าวหาตามวรรคสอง ให้แจ้งคำสั่งให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '54'}]",คณะกรรมการจรรยาบรรณมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ +กฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำกับดูแลทรัสต์ตั้งแต่เมื่อไหร่,ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรม���นตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 77 และมาตรา 78 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '2'}]",ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป +ในการก่อตั้งทรัสต์ ผู้เป็นทรัสตีไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี มีผลอย่างไร,การก่อตั้งทรัสต์เป็นโมฆะ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 16 การก่อตั้งทรัสต์ในกรณีดังต่อไปนี้ เป็นโมฆะ (1) การก่อตั้งทรัสต์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 (2) การก่อตั้งทรัสต์ซึ่งผู้เป็นทรัสตีไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีตามพระราชบัญญัตินี้ หรือถูกพักการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีเป็นการชั่วคราว หรือถูกเพิกถอนการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี หรือถูกสั่งห้ามมิให้ทำสัญญาก่อตั้งทรัสต์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '16'}]",การก่อตั้งทรัสต์เป็นโมฆะ +ผู้รับใบอนุญาตเลิกประกอบธุรกิจตามที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ให้แจ้งการเลิกประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 22 เมื่อผู้รับใบอนุญาต ผู้รับหนังสือรับรองเลิกประกอบธุรกิจ หรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจ ให้แจ้งการเลิกหรือย้ายต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกหรือวันย้ายนั้นตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '22'}]",ให้แจ้งการเลิกประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกนั้น +หากทำลายทรัพย์สินที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน มีโทษหรือไม่,มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญั��ิสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 141 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ยึด อายัด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานตามมาตรา 103 ไม่ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะรักษาทรัพย์สินหรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '141'}]",มี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากฝ่ายหญิงมีคนอื่น ฝ่ายชายจึงบอกเลิกสัญญาหมั้น และสามารถเรียกคืนของหมั้นได้ภายในกี่เดือน,มีสิทธิเรียกคืนของหมั้น ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ได้บอกเลิกสัญญาหมั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1447/2 สิทธิเรียกคืนของหมั้นตามมาตรา 1439 ให้มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ผิดสัญญาหมั้น สิทธิเรียกคืนของหมั้นตามมาตรา 1442 ให้มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ได้บอกเลิกสัญญาหมั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1447/2'}]",6 เดือนนับแต่วันที่ได้บอกเลิกสัญญาหมั้น +กรณีใดบ้างที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือคุ้มครองผู้ลงทุน ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 10 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือคุ้มครองผู้ลงทุน ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '10'}]",กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือคุ้มครองผู้ลงทุน +สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอะไรไม่ได้อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับกับ (1) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กำหนดให้มีการชำระเงินที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรืออัตราดอกเบี้ย และการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดังกล่าวได้กระทำนอกศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) สัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีข้อตกลงว่าจะขายหรือซื้อคืนซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าว (3) สัญญาหรือการซื้อขายใด ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '4'}]",(1) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กำหนดให้มีการชำระเงินที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรืออัตราดอกเบี้ย และการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดังกล่าวได้กระทำนอกศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) สัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีข้อตกลงว่าจะขายหรือซื้อคืนซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าว (3) สัญญาหรือการซื้อขายใด ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +จ้างงานคนแล้วเขาทำงานไม่เป็น ทำยังไงได้บ้าง,ถ้าลูกจ้างรับรองโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายว่าตนเป็นผู้มีฝีมือพิเศษ หากมาปรากฏว่าไร้ฝีมือ ไม่เป็นแบบที่พูด นายจ้างชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 578,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '578'}]",นายจ้างชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 578 +ช่วงไหนของบริษัทจำกัดที่ห้ามรับโอนทะเบียนหุ้น,พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 60 ในระหว่าง 21 วัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นแต่ละครั้ง บริษัทจะงดรับลงทะเบียนการโอนหุ้นก็ได้ โดยประกาศให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้า ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาของบริษัททุกแห่ง ไม่น้อยกว่า14 วัน ก่อนวันเริ่มงดรับลงทะเบียนการโอนหุ้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '60'}]",ในระหว่าง 21 วัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นแต่ละครั้ง บริษัทจะงดรับลงทะเบียนการโอนหุ้น +ถ้าเอกสารมันจางไปแล้ว แล้วไม่รู้ว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ ต้องทำยังไง,ให้ถือเอาจำนวนเงินหรือปริมาณน้อยที่สุดเป็นประมาณ ในกรณีที่จำนวนเงินหรือปริมาณในเอกสารแสดงไว้เป็นตัวอักษรหลายแห่งหรือเป็นตัวเลขหลายแห่ง แต่ที่แสดงไว้หลายแห่งนั้นไม่ตรงกัน และไม่อาจทราบเจตนาอันแท้จริงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 13,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '13'}]",ให้ถือเอาจำนวนเงินหรือปริมาณน้อยที่สุดเป็นประมาณ +ความผิดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน มีอายุความกี่ปี,ถ้ามีโทษทางปกครองแล้วไม่ลงโทษภายใน 1 ปี นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่วินิจฉัยว่ามีการกระทำความผิด หรือภายใน 5 ปี นับแต่วันที่มีการกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '93'}]",1 ปี นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่วินิจฉัยว่ามีการกระทำความผิด หรือ 5 ปี นับแต่วันที่มีการกระทำความผิด +บริษัทจำกัดชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นได้ไหม,"ไม่ได้ มีโทษผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 43","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '43'}]","ไม่ได้ มีโทษผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 43" +หน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดการกองทุนส่วนบุคคลคืออะไร,ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคล โดยใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ นอกจากนั้นให้บริษัทหลักทรัพย์ทำสัญญาเป็นหนังสือกับบุคคลหรือคณะบุคคลที่มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคล และต้องดำเนินการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ประกาศกำหนด ในการนี้ ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจกำหนดรายการอันเป็นสาระสำคัญแห่งสัญญา อ้างจาก พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 133,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '133'}]",ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคล โดยใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ นอกจากนั้นให้บริษัทหลักทรัพย์ทำสัญญาเป็นหนังสือกับบุคคลหรือคณะบุคคลที่มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคล และต้องดำเนินการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ประกาศกำหนด. +ถ้าแต่งตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์กองทุนรวม กำหนดความรับผิดของบริษัทหลักทรัพย์เท่าไหร่,สัญญาแต่งตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมต้องไม่มีข้อจำกัดความรับผิดของบริษัทหลักทรัพย์ และผู้ดูแลผลประโยชน์ที่มีลักษณะอันไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหน่วยลงทุน ข้อความในข้อผูกพันหรือในสัญญาใดที่มีลักษณะที่ขัดกับข้างต้นให้ตกเป็นโมฆะ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '120'}]",ต้องไม่มีข้อจำกัดความรับผิดของบริษัทหลักทรัพย์ และผู้ดูแลผลประโยชน์ที่มีลักษณะอันไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหน่วยลงทุน +ถ้าผู้ถือหุ้นยังจ่ายเงินไม่ครบ ทำยังไงกับผู้ถือหุ้นคนนั้นได้บ้าง,ผู้ถือหุ้นคนใดละเลยไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนเลย ผู้ถือหุ้นคนอื่นสามารถส่งคำบอกกล่าวเป็นจดหมายจดทะเบียนไปรษณีย์ไปยังผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้น ให้ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนมาภายในเวลาอันสมควร มิฉะนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จะลงความเห็นพร้อม หรือโดยเสียงข้างมากด้วยกันสุดแต่ข้อสัญญา ให้เอาผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นออกเสียได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1031'}]",ผู้ถือหุ้นคนใดละเลยไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนเลย ผู้ถือหุ้นคนอื่นสามารถส่งคำบอกกล่าวเป็นจดหมายจดทะเบียนไปรษณีย์ไปยังผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้น ให้ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนมาภายในเวลาอันสมควร มิฉะนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จะลงความเห็นพร้อม หรือโดยเสียงข้างมากด้วยกันสุดแต่ข้อสัญญา ให้เอาผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นออกเสียได้. +ค่าจ้างการเป็นตัวแทนตามกฎหมายต้องได้ตอนไหน,ถ้าไม่มีระบุไว้ในสัญญา ตามกฎหมายจ่ายให้ต่อเมื่อการเป็นตัวแทนได้สุดสิ้นลงแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 817,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '817'}]",ตามกฎหมายจ่ายให้ต่อเมื่อการเป็นตัวแทนได้��ุดสิ้นลงแล้ว +เจอแมวแต่ไม่มีปลอกคอไม่แน่ใจว่ามีเจ้าของไหม ถ้าเราเอาไปเลี้ยงและเจ้าของมาตาม ผิดกฎหมายไหม,ไม่ผิดกฎหมายใด ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่ง หรืออาญาฐานลักทรัพย์ ก็ตาม เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1320 สัตว์ซึ่งเลี้ยงเชื่องแล้ว ถ้ามันทิ้งที่ไปเลย ท่านว่าไม่มีเจ้าของ ดังนั้น ถ้าแมวหลงมาแล้วไม่มีปลอกคอหรือมี แต่มันหายไปจากเจ้าของเราช่วยชีวิตแมวไว้ ไม่มีความผิดใดๆต่อเจ้าของแมว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1320'}]",ไม่ผิดกฎหมายใด ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่ง หรืออาญาฐานลักทรัพย์ ก็ตาม เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1320 สัตว์ซึ่งเลี้ยงเชื่องแล้ว ถ้ามันทิ้งที่ไปเลย ท่านว่าไม่มีเจ้าของ ดังนั้น ถ้าแมวหลงมาแล้วไม่มีปลอกคอหรือมี แต่มันหายไปจากเจ้าของเราช่วยชีวิตแมวไว้ ไม่มีความผิดใดๆต่อเจ้าของแมว +ผู้รับประกันภัยตามกฎหมาย คืออะไร,ผู้รับประกันภัย หมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '862'}]",ผู้รับประกันภัย หมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862 +ใครบ้างที่อาจจะถูกสงสัยได้ว่าซื้อขายโทเคนดิจิทัลที่ผิดไป,ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมการซื้อขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลที่ผิดไปจากปกติวิสัยของตนเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 42 (1) ผู้ถือโทเคนดิจิทัลเกินร้อยละห้าของโทเคนดิจิทัลที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในแต่ละรุ่นของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยให้นับรวมโทเคนดิจิทัลที่ถือโดยคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้ถือโทเคนดิจิทัล (2) กรรมการ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ พนักงาน หรือลูกจ้างของกิจการในกลุ่มของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่รับผิดชอบข้อมูลภายในหรือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในได้ (3) บุพการี ผู้สืบส��นดาน ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือบุตรบุญธรรมของบุคคลตามมาตรา 43 (4) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือพี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกันของบุคคลตามมาตรา 43 (5) คู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาของบุคคลตามมาตรา 43 หรือบุคคลตาม (3) หรือ (4) กิจการในกลุ่มของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลตาม (2) หมายความว่า บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย หรือบริษัทร่วมของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '44'}]",ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมการซื้อขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลที่ผิดไปจากปกติวิสัยของตนเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 42 (1) ผู้ถือโทเคนดิจิทัลเกินร้อยละห้าของโทเคนดิจิทัลที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในแต่ละรุ่นของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยให้นับรวมโทเคนดิจิทัลที่ถือโดยคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้ถือโทเคนดิจิทัล (2) กรรมการ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ พนักงาน หรือลูกจ้างของกิจการในกลุ่มของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่รับผิดชอบข้อมูลภายในหรือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในได้ (3) บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือบุตรบุญธรรมของบุคคลตามมาตรา 43 (4) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือพี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกันของบุคคลตามมาตรา 43 (5) คู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาของบุคคลตามมาตรา 43 หรือบุคคลตาม (3) หรือ (4) กิจการในกลุ่มของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลตาม (2) หมายความว่า บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย หรือบริษัทร่วมของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าจ้างงานและจ่ายค่าจ้างเป็นงวด ต้องจ่ายยังไงตามกฎหมาย,สินจ้างนั้นต้องจ่ายให้เมื่อรับมอบการที่ทำ ถ้าการที่ทำนั้นมีกำหนดว่าจะส่งมอบงานเป็นส่วน ๆ และได้ระบุจำนวนค่าจ้างไว้เป็นส่วน ๆ ตามกฎหมายให้จ่ายค่าสินจ้างเพื่อการแต่ละส่วนในเวลารับเอาส่วนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '602'}]",สินจ้างนั้นต้องจ่ายให้เมื่อรับมอบการที่ทำ ถ้าการที่ทำนั้นมีกำหนดว่าจะส่งมอบงานเป็นส่วน ๆ และได้ระบุจำนวนค่าจ้างไว้เป็นส่วน ๆ ตามกฎหมายให้จ่ายค่าสินจ้างเพื่อการแต่ละส่วนในเวลารับเอาส่วนนั้น +เจ้าของทรัพย์ มีสิทธิ์อะไรบ้างตามกฎหมาย,เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1336'}]",เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย. +กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร,พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 5 กองทุนจะมีขึ้นได้ต่อเมื่อลูกจ้างและนายจ้างตกลงกันจัดตั้งขึ้นและได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อเป็นหลักประกันแก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างตาย ออกจากงาน หรือลาออกจากกองทุน โดยลูกจ้างจ่ายเงินสะสมและนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของกองทุนนั้น ทั้งนี้ จะจัดตั้งเป็นกองทุนนายจ้างเดียวหรือกองทุนหลายนายจ้าง ซึ่งอาจมีนโยบายการลงทุนนโยบายเดียวหรือหลายนโยบายก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '5'}]",กองทุนจะมีขึ้นได้ต่อเมื่อลูกจ้างและนายจ้างตกลงกันจัดตั้งขึ้นและได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อเป็นหลักประกันแก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างตาย ออกจากงาน หรือลาออกจากกองทุน โดยลูกจ้างจ่ายเงินสะสมและนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของกองทุนนั้น ทั้งนี้ จะจัดตั้งเป็นกองทุนนายจ้างเดียวหรือกองทุนหลายนายจ้าง ซึ่งอาจมีนโยบายการลงทุนนโยบายเดียวหรือหลายนโยบายก็ได้. +สามีหรือภรรยาถ้าโดนสั่งให้เป็นคนไ��้ความสามารถ ศาลจะทำยังไง,ในกรณีที่ศาลสั่งให้สามีหรือภริยาเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ภริยาหรือสามีย่อมเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แต่เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการร้องขอ และถ้ามีเหตุสำคัญ ศาลจะตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1463'}]",ในกรณีที่ศาลสั่งให้สามีหรือภริยาเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ภริยาหรือสามีย่อมเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แต่เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการร้องขอ และถ้ามีเหตุสำคัญ ศาลจะตั้งผู้อื่นเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ก็ได้ +ถ้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาในสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ไว้ ต้องมีระยะเวลาให้เช่ากี่ปี,ตามกฎหมายห้ามมิให้เช่าอสังหาริมทรัพย์กันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่า 30 ปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็น 30 ปี อนึ่ง กำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกิน 30 ปี นับแต่วันต่อสัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '540'}]",ตามกฎหมายห้ามมิให้เช่าอสังหาริมทรัพย์กันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่า 30 ปี +ถ้าเลิกสมาคมแล้ว ต้องทำยังไง,ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ ถ้านายทะเบียนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบภายในเวลาอันสมควร หรือนายทะเบียนได้แจ้งเหตุผลให้ทราบแล้วแต่ผู้ร้องขอไม่พอใจในเหตุผลดังกล่าว ผู้ร้องขอนั้นจะร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั้นเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '104'}]",ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ ถ้านายทะเบียนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบภายในเวลาอันสมควร หรือนายทะเบียนได้แจ้งเหตุผลให้ทราบแล้วแต่ผู้ร้องขอไม่พอใจในเหตุผลดังกล่าว ผู้ร้องขอนั้นจะร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั้นเสียก็ได้ +ป้องกันอันตรายแล้วมันไปทำให้คนอื่นเสียหาย ต้องรับผิดยังไงตามกฎหมาย,ถ้าการป้องกันนั้นเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เช่น มีคนมาตีหัวเรา เราป้องกันตัวเองแต่มือพลาดไปโดนหัวอีกคน หากก่อให้เกิดเสียหายแก่ผู้อื่น เราไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้เสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 449,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '449'}]",ถ้าการป้องกันนั้นเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เช่น มีคนมาตีหัวเรา เราป้องกันตัวเองแต่มือพลาดไปโดนหัวอีกคน หากก่อให้เกิดเสียหายแก่ผู้อื่น เราไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน +หุ้นบุริมสิทธิที่บริษัทออกให้ มีผลตามกฎหมายยังไง,หุ้นบุรุมสิทธิ มีสิทธิดีกว่าหุ้นสามัญหรือหุ้นทั่วไป คือจะได้รับเงินปันผลมากกว่า หรืออาจจะได้สิทธิในทางออกเสียงดีกว่า แล้วแต่ข้อบังคับของบริษัทนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อบังคับกำหนดไว้แล้ว จะไม่สามารถแก้ไขหุ้นบุริมสิทธิได้อีก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1142'}]",หุ้นบุริมสิทธิ มีสิทธิดีกว่าหุ้นสามัญหรือหุ้นทั่วไป คือจะได้รับเงินปันผลมากกว่า หรืออาจจะได้สิทธิในทางออกเสียงดีกว่า แล้วแต่ข้อบังคับของบริษัทนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อบังคับกำหนดไว้แล้ว จะไม่สามารถแก้ไขหุ้นบุริมสิทธิได้อีก. +อายุความในสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้เริ่มนับตอนไหน,ถ้าตอนที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลาตามปฎิทิน เช่น กำหนดเวลา วันที่ 8 กันยายน ก่อนหน้านั้นเจ้าหนี้จะทวงถามให้ชำระหนี้ไม่ได้ อายุความในสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้จะเริ่มนับตอนหลังวันที่ 8 ไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีวันกำหนดไว้แน่ชัด อายุความจะเริ่มนับเมื่อผ่านช่วงเวลาที่ได้ทวงถามไปแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/13'}]",อายุความในสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้จะเริ่มนับตอนหลังวันที่ 8 ไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีวันกำหนดไว้แน่ชัด อายุความจะเริ่มนับเมื่อผ่านช่วงเวลาที่ได้ทวงถามไปแล้ว. +ส่งของกับคนส่งแล้ว คนรับแจ้งว่ามันพัง ใช่ความผิดของคนส่งไหม,ความรับผิดของผู้ขนส่งย่อมสุดสิ้นลงในเมื่อคนรับของได้รับเอาของไว้แล้วโดยไม่ปฎิเสธการรับ และได้จ่ายค่าขนส่งครบแล้ว แต่ความที่กล่าวนี้จะไม่ให้ใช่บังคับในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลายโดยไม่รู้ถ้าดูจากภายนอก หากว่าได้บอกกล่าวความสูญห��ยหรือบุบสลายแก่ผู้ขนส่งภายใน 8 วัน นับแต่วันส่งมอบของให้ผู้รับ บทบัญญัติทั้งหลายนี้ไม่ให้ใช้บังคับในกรณีที่มีการทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันจะปรับเอาเป็นความผิดของผู้ขนส่งได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '623'}]",ความรับผิดของผู้ขนส่งย่อมสุดสิ้นลงในเมื่อคนรับของได้รับเอาของไว้แล้วโดยไม่ปฎิเสธการรับ และได้จ่ายค่าขนส่งครบแล้ว แต่ความที่กล่าวนี้จะไม่ให้ใช่บังคับในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลายโดยไม่รู้ถ้าดูจากภายนอก หากว่าได้บอกกล่าวความสูญหายหรือบุบสลายแก่ผู้ขนส่งภายใน 8 วัน นับแต่วันส่งมอบของให้ผู้รับ. +ทรัพย์สินที่ได้มาก่อนแต่งงาน พอแต่งงานแล้วถ้าตอนหลังขายไป จะเป็นสินสมรสไหม,ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัว คือ ได้มาก่อนการสมรส เช่น ถ้าก่อนจดทะเบียนสมรสมีบ้าน มีรถ ถือได้ว่าของดังกล่าวเป็นสินส่วนตัว หากต่อมา ถ้านำบ้านและรถไปขาย เงินที่ได้รับมานั้นก็ยังถือเป็นสินส่วนตัวอยู่ แม้ตอนขายจะขายหลังจดทะเบียนสมรสก็ตาม หรือหากมีกรณีถ้าทรัพย์ดังกล่าวได้หายแล้วมีคนชดใช้ให้เป็นเงิน เงินนั้นก็เป็นสินส่วนตัว ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1472,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1472'}]",ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัว คือ ได้มาก่อนการสมรส เช่น ถ้าก่อนจดทะเบียนสมรสมีบ้าน มีรถ ถือได้ว่าของดังกล่าวเป็นสินส่วนตัว หากต่อมา ถ้านำบ้านและรถไปขาย เงินที่ได้รับมานั้นก็ยังถือเป็นสินส่วนตัวอยู่ แม้ตอนขายจะขายหลังจดทะเบียนสมรสก็ตาม หรือหากมีกรณีถ้าทรัพย์ดังกล่าวได้หายแล้วมีคนชดใช้ให้เป็นเงิน เงินนั้นก็เป็นสินส่วนตัว ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1472 +บริษัทมหาชนจำกัด จะร่างหนังสือชี้ชวนได้ยังไงบ้าง,เมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนแล้ว การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับให้กระทำได้ แต่ต้องมีสาระสำคัญของข้อมูลตามที่สำนักงานประกาศกำหนด พร้อมทั้งมีข้อความให้เห็นชัดเจนว่าการเผยแพร่ดังกล่าวมิใช่เป็นหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '77'}]",เมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนแล้ว การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับให้กระทำได้ แต่ต้องมีสาระสำคัญของข้อมูลตามที่สำนักงานประกาศกำหนด พร้อมทั้งมีข้อความให้เห็นชัดเจนว่าการเผยแพร่ดังกล่าวมิใช่เป็นหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด +ถ้าบริษัทมหาชนต้องบอกกล่าวเตือน หรือข้อความอะไรให้ประชาชนรู้ ต้องดำเนินการยังไง,ให้บอกกล่าวเตือน หรือแจ้งข้อความให้บุคคลอื่นหรือประชาชนทราบโดยทางหนังสือพิมพ์ ให้บุคคลนั้นโฆษณาข้อความนั้น ๆ ในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่จัดพิมพ์จำหน่าย ณ ท้องที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทนั้นมีกำหนดเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน ในกรณีที่ไม่มีหนังสือพิมพ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ให้บุคคลนั้นโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่จัดพิมพ์จำหน่ายในกรุงเทพมหานครแทน การดำเนินการตามวรรคหนึ่งอาจใช้วิธีการโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนกำหนด ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 6,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '6'}]",ให้บอกกล่าวเตือน หรือแจ้งข้อความให้บุคคลอื่นหรือประชาชนทราบโดยทางหนังสือพิมพ์ ให้บุคคลนั้นโฆษณาข้อความนั้น ๆ ในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่จัดพิมพ์จำหน่าย ณ ท้องที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทนั้นมีกำหนดเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน ในกรณีที่ไม่มีหนังสือพิมพ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ให้บุคคลนั้นโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่จัดพิมพ์จำหน่ายในกรุงเทพมหานครแทน การดำเนินการตามวรรคหนึ่งอาจใช้วิธีการโ��ษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนกำหนด. +ถ้าเป็นตัวแทนให้ทำสัญญาจะทำอย่างอื่น นอกจากที่กำหนดไว้ในสัญญาตัวแทนได้ไหม,ถ้าไม่ได้รับอำนาจหรือความยินยอมจากตัวการ จะทำนิติกรรมใดๆ กับบุคคลภายนอกไม่ได้เลย นอกจากนิติกรรมนั้นมีเฉพาะแต่การชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 805,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '805'}]",ถ้าไม่ได้รับอำนาจหรือความยินยอมจากตัวการ จะทำนิติกรรมใดๆ กับบุคคลภายนอกไม่ได้เลย นอกจากนิติกรรมนั้นมีเฉพาะแต่การชำระหนี้ +ถ้าซื้อของจากต่างประเทศใช้เงินไทยจ่ายได้ไหม,ใช้สกุลเงินไทยจ่ายก็ได้ การเปลี่ยนเงินนี้ ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '196'}]",ใช้สกุลเงินไทยจ่ายก็ได้ +ใครเป็นผู้ควบคุมตลาดหลักทรัพย์,"พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 262 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไป เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ +และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '262'}]",รัฐมนตรี +สัญญาก่อนสมรสมีผลบังคับกับใครบ้าง,ข้อความในสัญญาก่อนสมรสมีผลบังคับกับคู่สมรส หรือบุคคลภายนอกที่รู้อยู่แล้วว่ามีสัญญาก่อนสมรสที่ระบุเรื่องการจัดการทรัพย์สินอะไรไว้ หรือข้อตกลงอื่นใด แต่ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตซึ่งไม่รู้ว่ามีสัญญาก่อนสมรส ซึ่งนิติกรรมใดๆที่มันขัดกับสัญญาก่อนสมรสมันอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือถูกเพิกถอนโดยคำสั่งของศาล ได้ แต่ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1468'}]",ข้อความในสัญญาก่อนสมรสมีผลบังคับกับคู่สมรส หรือบุคคลภายนอกที่รู้อยู่แล้วว่ามีสัญญาก่อนสมรสที่ระบุเรื่องการจัดการทรัพย์สินอะไรไว้ หรือข้อตกลงอื่นใด แต่ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตซึ่งไม่รู้ว่ามีสัญญาก่อนสมรส. +การนับระยะเวลาตามกฎหมาย ใช้กฎหมายอะไรนับ,ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/1การนับระยะเวลาทั้งปวง ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมาย คำสั่งศาล ระเบียบข้อบังคับ หรือนิติกรรมกำหนดเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/1'}]",ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/1 +การควบรวมบริษัท ต้องจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ภายในกี่วัน,ภายใน 14 วัน นับแต่วันที่มีมติพิเศษที่ประชุมให้ควบรวมบริษัท โดยบริษัทจำกัดอันได้ตั้งขึ้นใหม่ด้วยควบเข้ากันนั้น ก็ต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1241,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1241'}]",ภายใน 14 วัน นับแต่วันที่มีมติพิเศษที่ประชุมให้ควบรวมบริษัท +ถ้าจ่ายหนี้ให้กับแม่ของเจ้าหนี้เราไป เราต้องจ่ายอีกรอบไหม,การจ่ายหนี้ ต้องจ่ายให้กับผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ของเรา ถ้าจ่ายกับคนที่ไม่มีอำนาจในการรับชำระหนี้แล้วนั้น การชำระหนี้แทนไปก็จะไร้ประโยชน์ เจ้าหนี้อาจจะเรียกให้จ่ายอีกรอบได้ นอกจากว่าเจ้าหนี้จะให้การรับรองว่ามันสมบูรณ์แล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '315'}]",การจ่ายหนี้ ต้องจ่ายให้กับผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ของเรา ถ้าจ่ายกับคนที่ไม่มีอำนาจในการรับชำระหนี้แล้วนั้น การชำระหนี้แทนไปก็จะไร้ประโยชน์ เจ้าหนี้อาจจะเรียกให้จ่ายอีกรอบได้ นอกจากว่าเจ้าหนี้จะให้การรับรองว่ามันสมบูรณ์แล้ว. +ที่ดินภาระจำยอมเราสามารถใช้ส่วนอื่นๆได้มากกว่าเดิมอีกไหม,ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้ที่ดินภาระจำยอม เรียกว่า เจ้าของสามยทรัพย์ ส่วนที่ดินที่เป็นภาระจำยอมเรียกว่า ภารยทรัพย์ ซึ่งเจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในที่ภารยทรัพย์หรือในสามยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินภาระจำยอมแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1388'}]",เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในที่ภารยทรัพย์หรือในสามยทรัพย์ซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินภาระจำยอมแล้ว. +ผู้ประกอบการธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ทำบัญชีในปัจจุบัน มีความผิดไหม,สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 27 และมาตรา 28 ซึ่งมาตรา 89 ให้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน โปรดดู พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '131'}]",ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน +ลำดับของบุริมสิทธิ์ มีอะไรบ้าง,บุริมสิทธิ คือ สิทธิ์ที่เหนือกว่าสิทธิ์อื่น เช่น ตามกฎหมายหนี้ สิทธิ์ต่อไปนี้จะมีสิทธิ์ดีกว่าหนี้สินรายอื่น ซึ่งทำให้ได้สิทธิ์ในการรับชำระหนี้ก่อนตามลำดับ ลำดับบุริมสิทธิ มีดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน (2) ค่าปลงศพ (3) ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้แก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้าง (4) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวัน บุริมสิทธิสามัญแย้งกับบุริมสิทธิพิเศษ บุริมสิทธิพิเศษย่อมอยู่ในลำดับก่อน แต่บุริมสิทธิในมูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกันนั้นย่อมอยู่ในลำดับก่อน เนื่องจากเป็นสิทธิ์ที่จะใช้สิทธินั้นต่อเจ้าหนี้ผู้ได้รับประโยชน์ จากการนั้นหมดทุกคนด้วยกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '277'}]",(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน (2) ค่าปลงศพ (3) ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้แก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้าง (4) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวัน +รายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ หลังจากนั้นยังไงต่อ,ภายหลังจากวันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญอันอาจทำให้ผู้ลงทุนเสียหาย ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน และมีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ในทันที (2) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ หรือมีเหตุการณ์ที่มีผลให้ข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ทั้งนี้ อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ลงทุน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องและดำเนินการอื่นใดตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดเพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงการแก้ไขข้อมูลดังกล่าว และหากไม่ดำเนินการตามที่กำหนด ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ (3) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนคลาดเคลื่อนในลักษณะอื่นที่มิใช่กรณีตาม (1) หรือ (2) ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ยื่นแบบดังกล่าวแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และหากไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง การสั่งการของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามวรรคหนึ่ง ไม่กระทบถึงการดำเนินการใด ๆ ของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลก่อนที่จะมีการสั่งการดังกล่าว และไม่กระทบถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายของบุคคลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '22'}]",ภายหลังจากวันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญอันอาจทำให้ผู้ลงทุนเสียหาย ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิท��ลและร่างหนังสือชี้ชวน และมีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ในทันที (2) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ หรือมีเหตุการณ์ที่มีผลให้ข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ทั้งนี้ อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ลงทุน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องและดำเนินการอื่นใดตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดเพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงการแก้ไขข้อมูลดังกล่าว และหากไม่ดำเนินการตามที่กำหนด ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้นได้ (3) ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนคลาดเคลื่อนในลักษณะอื่นที่มิใช่กรณีตาม (1) หรือ (2) ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ยื่นแบบดังกล่าวแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และหากไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง การสั่งการของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามวรรคหนึ่ง ไม่กระทบถึงการดำเนินการใด ๆ ของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลก่อนที่จะมีการสั่งการดังกล่าว และไม่กระทบถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายของบุคคลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23 +พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอะไรตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,(1) เข้าไปในสถานที่ของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสถานที่ที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าว ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของบุคคล��ังกล่าว รวมทั้งเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (2) เข้าไปในธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อทำการตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ (3) ค้นสถานที่ใด ๆ ที่มีเหตุควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น (4) อายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดีซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน (5) สั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้สอบบัญชีมาให้ถ้อยคำหรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตราหรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับกิจการ การดำเนินงาน สินทรัพย์ และหนี้สินของบุคคลข้างต้น (6) สั่งให้บุคคลใด ๆ ซึ่งซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสมาชิกของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มาให้ถ้อยคำหรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือการเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (7) สั่งให้บุคคลใด ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำ หรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อได้เข้าไปและลงมือทำการตรวจสอบตาม (1) หรือ (2) หรือทำการค้นตาม (3) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จจะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นก็ได้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม (1) หรือ (2) พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่หรือเป็นการค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญ���และในกรณีตาม (3) ต้องมีหมายค้น เว้นแต่มีเหตุอันควรเชื่อว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ เอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม ให้ดำเนินการค้น ยึด หรืออายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นแต่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการค้นและจะเริ่มการค้นในเวลากลางคืนมิได้ เว้นแต่เป็นเวลาทำการของสถานที่นั้น การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง จะต้องเป็นการกระทำต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องที่ดำเนินการตรวจสอบ และสำหรับการดำเนินการตาม (2) (3) (5) (6) หรือ (7) ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อน รวมทั้งต้องกำหนดระยะเวลาอันสมควรที่จะให้บุคคลดังกล่าวสามารถปฏิบัติตามคำสั่งที่สั่งตาม (5) (6) หรือ (7) ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '103'}]",(1) เข้าไปในสถานที่ของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสถานที่ที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าว ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (2) เข้าไปในธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อทำการตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ (3) ค้นสถานที่ใด ๆ ที่มีเหตุควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น (4) อายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดีซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน (5) สั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้�� บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้สอบบัญชีมาให้ถ้อยคำหรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตราหรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับกิจการ การดำเนินงาน สินทรัพย์ และหนี้สินของบุคคลข้างต้น (6) สั่งให้บุคคลใด ๆ ซึ่งซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสมาชิกของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มาให้ถ้อยคำหรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือการเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (7) สั่งให้บุคคลใด ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำ หรือส่งหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ +วิธีการเลิกบริษัทจำกัด ตามกฎหมายต้องทำยังไง,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1254 การเลิกหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ผู้ชำระบัญชีต้องนำบอกให้จดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่เลิกกัน และในการนี้ต้องระบุชื่อผู้ชำระบัญชีทุก ๆ คนให้จดลงทะเบียนไว้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1254'}]",ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1254 การเลิกหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ผู้ชำระบัญชีต้องนำบอกให้จดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่เลิกกัน และในการนี้ต้องระบุชื่อผู้ชำระบัญชีทุก ๆ คนให้จดลงทะเบียนไว้ด้วย +ถ้าเราได้ของมาแต่มันไม่ใช่ของของเรา แล้วมันเสียหายไป เราจะต้องคืนของยังไง,ถ้าการคืนทรัพย์ตกไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะสภาพแห่งทรัพย์สินที่ได้รับไว้นั้นเองก็ดี หรือเพราะเหตุอย่างอื่น และบุคคลได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริต ต้องคืนทรัพย์ในเรื่องการคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน แต่ถ้าได้รับทรัพย์สินนั้นไว้โดยทุจริต จะต้องใช้ราคาทรัพย์สินนั้นเต็มจำนวน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '414'}]",ถ้าการคืนทรัพย์ตกไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะสภาพแห่งทรัพย์สินที่ได้รับไว้นั้นเองก็ดี หรือเพราะเหตุอย่างอื่��� และบุคคลได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริต ต้องคืนทรัพย์ในเรื่องการคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน แต่ถ้าได้รับทรัพย์สินนั้นไว้โดยทุจริต จะต้องใช้ราคาทรัพย์สินนั้นเต็มจำนวน. +กรรมการบริษัทจำกัด คนไหนต้องออกก่อนหรือหลัง,ตัวกรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปีแรกและปีที่สองภายหลังจดทะเบียนบริษัทนั้น ถ้ากรรมการมิได้ตกลงกันไว้เองเป็นวิธีอื่นก็ให้จับสลากกัน ส่วนปีหลัง ๆ ต่อไปให้กรรมการคนที่ได้อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนั้นเป็นผู้ต้องออก กรรมการผู้ออกไปนั้นจะเลือกเข้ารับตำแหน่งอีกก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1153'}]",ตัวกรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปีแรกและปีที่สองภายหลังจดทะเบียนบริษัทนั้น ถ้ากรรมการมิได้ตกลงกันไว้เองเป็นวิธีอื่นก็ให้จับสลากกัน ส่วนปีหลัง ๆ ต่อไปให้กรรมการคนที่ได้อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนั้นเป็นผู้ต้องออก กรรมการผู้ออกไปนั้นจะเลือกเข้ารับตำแหน่งอีกก็ได้ +เงินภาษีรายได้ที่บริษัท หักไว้ ณ ที่จ่าย จะถูกตรวจสอบได้ไหม,ได้ โดย ประมวลรัษฎากร มาตรา 51 กำหนดว่า จะส่งหนังสือแจ้งให้บริษัทให้ยื่นจ่ายภาษีเงินได้ แล้วก็จะอาจจะหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบเรื่องที่บริษัท หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย และบริษัทต้องปฎิบัติตามภายใน 15 วัน หลังได้หนังสือแจ้ง,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '51'}]",ได้ โดย ประมวลรัษฎากร มาตรา 51 กำหนดว่า จะส่งหนังสือแจ้งให้บริษัทให้ยื่นจ่ายภาษีเงินได้ แล้วก็จะอาจจะหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบเรื่องที่บริษัท หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย และบริษัทต้องปฎิบัติตามภายใน 15 วัน หลังได้หนังสือแจ้ง +ถ้าโดนหลอกให้แต่งงาน ทำยังไงได้บ้าง,การสมรสโดยถูกกลฉ้อฉลนั้น ต้องถึงขนาดว่าถ้าไม่โดนหลอกหรือถูกกลฉ้อฉลจะไม่แต่งงานแน่นอน และการโดนหลอกจะต้องไม่เกิดขึ้นโดยบุคคลอื่น ที่คู่สมรสของเราไม่ได้รู้ด้วย ถ้าเข้าเงื่อนไขทั้งสองอย่างข้างต้นก็สามารถขอให้ศาลเพิกถอนการสมรสได้ โดยสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นอันระงับ เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรได้รู้ถึงกลฉ้อฉล หรือเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ปี น��บแต่วันสมรส ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1506,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1506'}]",สามารถขอให้ศาลเพิกถอนการสมรสได้ โดยสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นอันระงับเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรได้รู้ถึงกลฉ้อฉล หรือเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ปี นับแต่วันสมรส. +ผู้สอบบัญชีหลักทรัพย์ตรวจเจอบริษัทแต่งบัญชี ต้องดำเนินการยังไง,ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ได้ทำเอกสารประกอบการลงบัญชีและหรือลงบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของบัญชีที่มีผลกระทบต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น ผู้สอบบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกรณีข้างต้น ให้สำนักงานมีอำนาจเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีผู้นั้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '107'}]",ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของบัญชีที่มีผลกระทบต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น +ถ้าบริษัทขาดทุน ตามกฎหมายควรทำบัญชียังไงดี,ควรลดทุนของบริษัทลง เพื่อทำให้บัญชีงบดุลดีขึ้น โดยบริษัทจำกัดจะลดทุนของบริษัทลงด้วยลดมูลค่าแต่ละหุ้น ๆ ให้ต่ำลง หรือลดจำนวนหุ้นให้น้อยลงโดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1224'}]",ควรลดทุนของบริษัทลง เพื่อทำให้บัญชีงบดุลดีขึ้น +สมาชิกศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ต้องปฎิบัติตัวยังไงบ้าง,ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 58 ให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจัดให้สมาชิกผูกพันตนว่าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และยอมรับที่จะให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลงโทษทางวินัยหากตนฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว กฎเกณฑ์ข้างต้นต้องมีระบบที่ให้ความเป็นธรรมแก่สมาชิก รวมทั้งมีระบบการพิจารณาการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษสมาชิกโดยคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '58'}]",ให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจัดให้สมาชิกผูกพันตนว่าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และยอมรับที่จะให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลงโทษทางวินัยหากตนฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว. +หย่ากับสามีคนแรกไปแล้วพึ่งรู้ตัวว่าท้อง ลูกจะเป็นลูกใคร,กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ว่าเป็นลูกของผู้ชายที่ทำการสมรสหลังครั้งหลัง หมายถึงสามีใหม่นั่นเอง ยกเว้นว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแสดงว่าเด็กมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีซึ่งได้จดทะเบียนสมรสครั้งหลัง ก็ให้ใช้ข้อสันนิษฐานใหม่ว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ชายคนเก่า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1538'}]",กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ว่าเป็นลูกของผู้ชายที่ทำการสมรสหลังครั้งหลัง หมายถึงสามีใหม่นั่นเอง ยกเว้นว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแสดงว่าเด็กมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีซึ่งได้จดทะเบียนสมรสครั้งหลัง ก็ให้ใช้ข้อสันนิษฐานใหม่ว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ชายคนเก่า. +ถ้าไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบัญญัติไว้จะโดนโทษทางอาญาด้วยไหม,พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 155 ความผิดตามมาตรา 126 มาตรา 127 มาตรา 128 มาตรา 129 มาตรา 130 มาตรา 131 มาตรา 133 มาตรา 135 มาตรา 138 มาตรา 139 วรรคหนึ่ง มาตรา 142 มาตรา 143 และมาตรา 151 วรรคสอง ซึ่งไม่มีผลเสียหายร้ายแรงต่อลูกค้า ประชาชน ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือระบบการเงินของประเทศ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจเปรียบเทียบได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดได้ทำการเปรียบเทียบกรณีใด และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดกำหนดแล้ว ให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในกรณีแห่งความผิดนั้นเป็นอันระงับไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '155'}]","ความผิดตามมาตรา 126, 127, 128, 129, 130, 131, 133, 135, 138, 139 วรรคหนึ่ง, 142, 143 และ 151 วรรคสอง ซึ่งไม่มีผลเสียหายร้ายแรงต่อลู��ค้า ประชาชน ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือระบบการเงินของประเทศ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และหากผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในกรณีแห่งความผิดนั้นเป็นอันระงับไป." +วิธีการควบรวมห้างหุ้นส่วน ตามกฎหมายมีขั้นตอนอย่างไร,เมื่อห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างใดปลงใจจะควบเข้ากันกับห้างอื่น ห้างหุ้นส่วนนั้นต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่นั้น 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย และส่งคำบอกกล่าวความประสงค์ที่จะควบเข้ากันนั้นแก่บรรดาผู้ซึ่งห้างหุ้นส่วนรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใด ในการที่จะทำนั้นส่งคำคัดค้านไปภายใน 3 เดือน นับแต่วันบอกกล่าว ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน ถ้ามีคัดค้าน มิให้ห้างหุ้นส่วนจัดการควบเข้ากัน เว้นแต่จะได้ใช้หนี้ที่เรียกร้องหรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1074'}]",เมื่อห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างใดปลงใจจะควบเข้ากันกับห้างอื่น ห้างหุ้นส่วนนั้นต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่นั้น 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย และส่งคำบอกกล่าวความประสงค์ที่จะควบเข้ากันนั้นแก่บรรดาผู้ซึ่งห้างหุ้นส่วนรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใด ในการที่จะทำนั้นส่งคำคัดค้านไปภายใน 3 เดือน นับแต่วันบอกกล่าว ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน ถ้ามีคัดค้าน มิให้ห้างหุ้นส่วนจัดการควบเข้ากัน เว้นแต่จะได้ใช้หนี้ที่เรียกร้องหรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว +ถ้าเข้าซื้อหุ้นบริษัท แล้วจะยกเลิกการซื้อทำได้ไหม,ถ้าจะอ้างว่าสำคัญผิด หรือถูกข่มขู่ หรือถูกลวงล่อฉ้อฉลนั้น ทำไม่ได้ เพราะเมื่อบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะมีข้อมูลของบริษัทที่ครบถ้วน ในเว็ปไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ทำให้เมื่อบริษัทจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว คนเข้าซื้อหุ้นจะอ้างเหตุใดๆ เพื่อให้ศาลเพิกถอนการซื้อ ไม่ได้เลย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1114'}]",ทำไม่ได้ เพราะเมื่อบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะมีข้อมูลของบริษัทที่ครบถ้วน ในเว็ปไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ทำให้เมื่อบริษัทจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว คนเข้าซื้อหุ้นจะอ้างเหตุใดๆ เพื่อให้ศาลเพิกถอนการซื้อ ไม่ได้เลย. +ถ้าฝากของไว้แล้วมีใบรับของคลังสินค้า เราส่งสิทธิ์เราให้คนอื่นต่อได้ไหม,ได้ แต่ต้องสลักหลังโอนกรรมสิทธิ์ให้คนอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 776,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '776'}]",ได้ แต่ต้องสลักหลังโอนกรรมสิทธิ์ให้คนอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 776 +บริษัทมหาชนจำกัดให้เงินกรรมการได้ไหม นอกจากเงินเดือน,ไม่ได้ ยกเว้นแต่จะจะจ่ายเป็นค่าตอบแทนตามข้อบังคับของบริษัท แต่ถ้าข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้ ต้องใช้มติเสียงของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสาม ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุม ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 90,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '90'}]",ไม่ได้ ยกเว้นแต่จะจะจ่ายเป็นค่าตอบแทนตามข้อบังคับของบริษัท แต่ถ้าข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้ ต้องใช้มติเสียงของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสาม ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุม ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 90 +ถ้าเราจะเบิกเช็คหรือตั๋วแลกเงิน แล้วเลื่อนเวลาให้กับคนจ่าย มีผลอะไรกับคนอื่นๆไหม,สามารถเลื่อนเวลาได้ โดยไม่มีผลต่อคู่สัญญาคนก่อน แต่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินหรือเช็คสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ผู้เป็นคู่สัญญาคนก่อน ๆ ซึ่งไม่ได้ตกลงในการผ่อนเวลานั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '948'}]",สามารถเลื่อนเวลาได้ โดยไม่มีผลต่อคู่สัญญาคนก่อน แต่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินหรือเช็คสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ผู้เป็นคู่สัญญาคนก่อน ๆ ซึ่งไม่ได้ตกลงในการผ่อนเวลานั้น. +สมาคมการค้าต้องจัดทำงบดุลปีละกี่ครั้ง,"สมาคมการค้าจัดทำงบดุลอย่างน้อย1ครั้ง ทุกรอบ 12 เดือน อันจัดว่าเป็นรอบปีในทางบัญชีของสมาคมการค้านั้น + +งบดุลนั้นต้องมีรายการแสดงจำนวนสินทรัพย์และหนี้สินของสมาค���การค้า กับทั้งบัญชีรายรับรายจ่าย งบดุลต้องทำให้เสร็จและจัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติต่อที่ประชุมใหญ่ของสมาคมการค้าภายในกำหนด 120 วัน นับแต่วันที่สิ้นปีการบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '27'}]",สมาคมการค้าจัดทำงบดุลอย่างน้อย 1 ครั้ง ทุกรอบ 12 เดือน +ถ้าคนทำผิดกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชีเป็นนิติบุคคล กรรมการรับผิดไหม,ต้องพิจารณาว่าบุคคลใดมีอำนาจในการสั่งการ อาจจะเป็นกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดก็ตามที่สั่งการให้ทำหรือไม่ทำผู้นั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับโทษนั้นๆ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '72'}]",ต้องพิจารณาว่าบุคคลใดมีอำนาจในการสั่งการ อาจจะเป็นกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดก็ตามที่สั่งการให้ทำหรือไม่ทำผู้นั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับโทษนั้นๆ +ถ้าคณะกรรมการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะให้ความเห็นชอบเรื่องเกี่ยวกับเงินได้ไหม,หากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นสัญญาที่มีสินค้าเป็นหลักทรัพย์ประเภทพันธบัตรหรือตั๋วเงินคลัง หรือเป็นสัญญาที่กำหนดให้มีการชำระเงินที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรืออัตราดอกเบี้ย ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ปรึกษาหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '69'}]",ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ปรึกษาหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน +สำนักงานของตลาดหลักทรัพย์มีทุนมาจากไหน และเท่าไหร่,มีทุนมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทยโอนเงินให้สำนักงาน จำนวน 500 ล้านบาท อ้างจากมาตรา 320 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '320'}]",มีทุนมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทยโอนเงินให้สำนักงาน จำนวน 500 ล้านบาท +การทำคัดค้านของตั๋วเงิน ใครมีหน้าที่ทำ,นายอำเภอ หรือผู้แทนนายอำเภอ หรือทนายความผู้ได้รับอนุญาต,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '961'}]",นายอำเภอ หรือผู้แทนนายอำเภอ หรือทนายความผู้ได้รับอนุญาต +การโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ของผู้มีสิทธิ์ก่อนสามารถใช้กับเรื่องอื่นๆได้อีกไหม,ได้ ให้รวมถึงงการเปลี่ยนแปลง ระงับ และกลับคืนมาแห่งทรัพยสิทธิอันเก���่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วยโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1301'}]",ได้ ให้รวมถึงการเปลี่ยนแปลง ระงับ และกลับคืนมาแห่งทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วยโดยอนุโลม +ถ้าจะสลักหลังในใบประทวนสินค้า ตามกฎหมายให้ทำยังไง,ถ้าสลักหลังในครั้งแรกนั้น ต้องจดแจ้งจำนวนหนี้ที่จำนำสินค้าเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องชำระและวันที่หนี้จะถึงกำหนดชำระด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '787'}]",ต้องจดแจ้งจำนวนหนี้ที่จำนำสินค้าเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องชำระและวันที่หนี้จะถึงกำหนดชำระด้วย +นอกจากบริษัทหลักทรัพย์แล้ว มีบริษัทจำกัดอื่นๆใช้ชื่อนี้ไหม,บริษัทจำกัดทั่วๆ ไปจะใช้ชื่อ บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ ถ้าไม่ได้เป็นบริษัทหลักทรัพย์ อ้างจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 95,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '95'}]",บริษัทจำกัดทั่วๆ ไปจะใช้ชื่อ บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ ถ้าไม่ได้เป็นบริษัทหลักทรัพย์ อ้างจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 95 +มาตรฐานของผู้ทำบัญชี คืออะไร,ผู้ทำบัญชีต้องจัดทำบัญชีเพื่อให้มีการแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '20'}]",ผู้ทำบัญชีต้องจัดทำบัญชีเพื่อให้มีการแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี +ถ้าบังคับของจำนำขายได้เงิน ตามกฎหมายคนรับจำนำต้องคืนให้ผู้จำนำไหม,ลำดับแรกผู้รับจำนำต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไปก่อน และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนำ หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนค้างชำระ ตามกฎหมายลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '767'}]",ถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนำ หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น +ถ้ามีคนสองคนเอาทรัพย์ไปค้ำให้คนอื่น จะเรียกเอาเงินจากอีกคนได้ไหม,ไม่สามารถไล่เบี้ยเอาแก่ผู้จำนองคนอื่นได้ กล่าวคือ เมื่อบุคคลสองคนหรือกว่านั้นต่างได้จำนองทรัพย์สินของตนเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวที่บุคคลอื่นจะต้องชำระ ถ้าไม่ได้ระบุลำดับไว้ ว่าจะเลือกบังคับจำนองอันไหนก่อนหลัง ให้พิจารณาว่าเจ้าหนี้เลือกบังคับทรัพย์ไหนก่อน ส่วนบุคคลที่เอาทรัพย์มาจำนองไม่ว่าจะเป็นคนชำระหนี้หรือเอาทรัพย์มาค้ำแทน ไม่มีสิทธิ์เรียกเงินจากอีกคนที่เอาทรัพย์มาค้ำให้เหมือนกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '725'}]",ไม่สามารถไล่เบี้ยเอาแก่ผู้จำนองคนอื่นได้ กล่าวคือ เมื่อบุคคลสองคนหรือกว่านั้นต่างได้จำนองทรัพย์สินของตนเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวที่บุคคลอื่นจะต้องชำระ ถ้าไม่ได้ระบุลำดับไว้ ว่าจะเลือกบังคับจำนองอันไหนก่อนหลัง ให้พิจารณาว่าเจ้าหนี้เลือกบังคับทรัพย์ไหนก่อน ส่วนบุคคลที่เอาทรัพย์มาจำนองไม่ว่าจะเป็นคนชำระหนี้หรือเอาทรัพย์มาค้ำแทน ไม่มีสิทธิ์เรียกเงินจากอีกคนที่เอาทรัพย์มาค้ำให้เหมือนกัน. +ถ้ามีการโอนการครอบครองของทรัพย์ จากคนอื่นให้เรา นับเวลาการครอบครองยังไง,นับเวลาต่อจากการได้รับการโอนการครอบครองทรัพย์สินมา เช่น การครอบครองปรปักษ์ ถ้ามีคนครอบครองที่ดินมาเป็นระยะเวลา 6 ปี แล้วโอนการครอบครองให้บุคคลหนึ่งต่อ บุคคลนั้นเข้าครอบครองต่ออีก 4 ปี ก็จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นแปลงนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามหลักกฎหมายว่าด้วยลักษณะทรัพย์สิน ทั้งนี้ เรื่องการไม่เสียภาษี รวมถึงไม่แจ้งเรื่องการครอบครองปรปักษ์ ไม่ทำให้เสียสิทธิ์นั้นไป บุคคลที่ครอบครองที่ดินสามารถยกมาเป็นข้อต่อสู้ได้ว่าได้ครอบครองปรปักษ์ครบแล้ว โดยสงบและเปิดเผย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1385'}]",นับเวลาต่อจากการได้รับการโอนการครอบครองทรัพย์สินมา เช่น การครอบครองปรปักษ์ +ถ้ารับโอนสินค้ามาแต่ไม่โดนภาษีมูลค่าเพิ่ม(vat) แล้วโอนต่อต้องเสียไหม,ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/12 ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อ���ละ 0 ตามมาตรา 80/1 (5) และภายหลังได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือโอนสิทธิในบริการอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (2) เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79/3 (4) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/12'}]",ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (2) เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น. +ถ้ากำหนดเวลาในการตั้งนิติบุคคลไว้ แต่พอครบเวลาไม่อยากเลิกจะต้องไปจดทะเบียนก่อตั้งอีกรอบไหม,ไม่ต้อง ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายสามารถยังคงดำเนินการค้าของห้างหุ้นส่วนอยู่ต่อไปโดยหากไม่ได้ชำระบัญชีหรือชำระเงินกันให้เสร็จไป กฎหมายจะให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งปวงได้ตกลงคงทำการเป็นหุ้นส่วนกันสืบไปโดยไม่ได้มีกำหนดเวลา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1059'}]",ไม่ต้อง ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายสามารถยังคงดำเนินการค้าของห้างหุ้นส่วนอยู่ต่อไปโดยหากไม่ได้ชำระบัญชีหรือชำระเงินกันให้เสร็จไป กฎหมายจะให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งปวงได้ตกลงคงทำการเป็นหุ้นส่วนกันสืบไปโดยไม่ได้มีกำหนดเวลา +ถ้าบริษัทจำกัดไม่มีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น มีความผิดไหม,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '10'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +ใบหุ้นกู้ถ้าไม่มีพวกเนื้อหาข้อกำหนด อำนาจ ผลประโยชน์ มีความผิดกฎหมายไหม,"มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 270","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '270'}]","มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 270" +ถ้าจะให้ของใครสักคนนึง แล้วตกลงกันว่าจะให้ตอนที่ผู้ให้ตาย สามารถทำได้ไหม,ทำได้ โด��บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '536'}]",ทำได้ โดยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม +อำนาจของผู้ชำระบัญชีขององค์กรธุรกิจ มีอะไรบ้าง,ผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) แก้ต่างว่าต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในอรรถคดีพิพาทอันเป็นแพ่งหรืออาญา และทำประนีประนอมยอมความ (2) ดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตามแต่จำเป็น เพื่อการชำระสะสางกิจการให้เสร็จไปด้วยดี (3) ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (4) ทำการอย่างอื่น ๆ ตามแต่จำเป็น เพื่อชำระบัญชีให้เสร็จไปด้วยดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1259'}]",ผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) แก้ต่างว่าต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในอรรถคดีพิพาทอันเป็นแพ่งหรืออาญา และทำประนีประนอมยอมความ (2) ดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตามแต่จำเป็น เพื่อการชำระสะสางกิจการให้เสร็จไปด้วยดี (3) ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (4) ทำการอย่างอื่น ๆ ตามแต่จำเป็น เพื่อชำระบัญชีให้เสร็จไปด้วยดี +หน้าที่ของผู้ขายตามตัวอย่างหรือตามคำพรรณนาตามกฎหมาย คืออะไร,ในการขายตามตัวอย่างนั้น ผู้ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามตัวอย่าง ในการขายตามคำพรรณนา ผู้ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามคำพรรณนา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '503'}]",ในการขายตามตัวอย่างนั้น ผู้ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามตัวอย่าง ในการขายตามคำพรรณนา ผู้ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามคำพรรณนา +ถ้าคนที่เป็นสมาชิกในศูนย์ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าฝ่าฝืนกฎ คณะกรรมการ กลต. จะมีบทลงโทษอีกไหม,กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งเป็นสมาชิกของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนด และการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนดในเรื่องเดียวกัน และศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ดำเนินการลงโทษทางวินัยสมาชิกซึ่งฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ขอ���ตนแล้ว คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. จะไม่ลงโทษทางปกครองสมาชิกของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นอีกก็ได้ หากเห็นว่าสมาชิกดังกล่าวได้รับโทษอย่างเหมาะสมแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '72'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. จะไม่ลงโทษทางปกครองสมาชิกของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นอีกก็ได้ หากเห็นว่าสมาชิกดังกล่าวได้รับโทษอย่างเหมาะสมแล้ว +สัญญาให้ ตามกฎหมายคือยังไง,คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '521'}]",คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น +เราสามารถบังคับเอาหลักประกันทางธุรกิจ ได้ไหม,ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผู้จะทำการเป็นผู้บังคับหลักประกันต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานทะเบียน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '54'}]",ไม่สามารถทำได้ +ถ้าเป็นเด็กอยู่ ทำงานได้ไหม,"ทำงานได้ โดยที่ผู้แทนโดยชอบธรรมต้องให้ความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นงานกิจการของตัวเองหรือเป็นลูกจ้าง ผู้แทนโดยชอบธรรมต้องให้ความยินยอมก่อน แต่ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ให้ความยินยอม โดยไม่มีเหตุสมควร อาจจะร้องขอต่อศาลได้ + +ผู้แทนโดยชอบธรรม เช่น พ่อ แม่ หรือคนที่ศาลตั้งให้มีอำนาจปกครอง +ผู้เยาว์ คือบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '27'}]",ทำงานได้ โดยที่ผู้แทนโดยชอบธรรมต้องให้ความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นงานกิจการของตัวเองหรือเป็นลูกจ้าง ผู้แทนโดยชอบธรรมต้องให้ความยินยอมก่อน แต่ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ให้ความยินยอม โดยไม่มีเหตุสมควร อาจจะร้องขอต่อศาลได้ +ถ้าบริษัทจะออกหุ้นกู้ มีกำหนดขั้นต่ำไว้ไหม,หุ้นกู้ของบริษัทต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่าฉบับละ 100 บาท โดยชำระเป็นเงิน และผู้ซื้อจะขอหักกลบลบหนี้กับบริษัทไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '39'}]",หุ้นกู้ของบริษัทต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่าฉบับละ 100 บาท โดยชำระเป็นเงิน และผู้ซื้อจะขอหักกลบลบหนี้กับบริษัทไม่ได้ +ผู้รับหลักประกันทางธุรกิจควรส่งหนังสือยืนยันความถูกต้องของจำนวนหนี้ที่ยังไม่ชำระ ภายในกี่วันนับแต่ได้รับหนังสือจากผู้ให้หลักประกัน,ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือจากผู้ให้หลักประกัน พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 26 กำหนดให้ผู้รับหลักประกันต้องมีหนังสือยืนยันความถูกต้องของจำนวนหนี้ที่ยังไม่ชำระ ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือ มิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายผู้รับหลักประกันต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ให้หลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '26'}]",ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือจากผู้ให้หลักประกัน +ถ้าทรัสตีเดิมถูกถอนจากการทำหน้าที่ จะสามารถเปลี่ยนแปลงทรัสตีได้หรือไม่,กรณีนี้สามารถเปลี่ยนแปลงทรัสตีได้ การที่ทรัสตีถูกถอดถอนจากการทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเหตุที่ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงทรัสตีได้ โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 22,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '22'}]",กรณีนี้สามารถเปลี่ยนแปลงทรัสตีได้ +ถ้าผู้ตรวจสอบบริษัทมหาชนที่นายทะเบียนแต่งตั้งไม่สามารถรายงานผลการตรวจสอบและความเห็นได้ทันกำหนด 2 เดือน ต้องทำอย่างไร,ต้องรายงานการตรวจสอบต่อนายทะเบียนทุก 2 เดือน เป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 131 ที่กำหนดให้ผู้ตรวจสอบบริษัทมหาชนที่นายทะเบียนแต่งตั้งรายงานผลการตรวจสอบและความเห็นต่อนายทะเบียนภายใน 2 เดือน แต่ถ้าดำเนินการไม่เสร็จตามระยะเวลาข้างต้น จะต้องต้องรายงานการตรวจสอบต่อนายทะเบียนทุก 2 เดือน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '131'}]",ต้องรายงานการตรวจสอบต่อนายทะเบียนทุก 2 เดือน +ถ้าใช้ชื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเอกสารต่าง ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีฐานะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละ 500 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชี�� พ.ศ. 2530 มาตรา 33 กำหนดโทษสำหรับกรณีการใช้ชื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเอกสารต่าง ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีฐานะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละ 500 บาท จนกว่าจะเลิกใช้","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '33'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละ 500 บาท จนกว่าจะเลิกใช้" +กรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปหรือไม่,ยังต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปจนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นไปตามประมวลรัษฎากร มาตรา 85/18 ระบุให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มยังคงต้องงรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปจนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/18'}]",ยังต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปจนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +ถ้าหอการค้าไม่ยอมให้สมาชิกตรวจสอบกิจการและทรัพย์สิน จะมีความผิดและมีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท เป็นไปตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 53 ที่กำหนดความผิดในเรื่องดังกล่าวไว้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '53'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท +นายทะเบียนมีอำนาจดำเนินการใดถ้าสงสัยว่า บริษัทมหาชนทำให้ผู้ถือหุ้นฝ่ายข้างน้อยเสียเปรียบโดยไม่เป็นธรรม,นายทะเบียนมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตรวจสอบบริษัทมหาชนสำหรับกรณีดังกล่าว เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 129 (4) ทั้งนี้ ในคำสั่งแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ นายทะเบียนจะต้องระบุประเด็นที่จะใ��้ตรวจสอบโดยแจ้งชัดและมีหนังสือแจ้งให้บริษัททราบด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '129'}]",นายทะเบียนมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตรวจสอบบริษัทมหาชนสำหรับกรณีดังกล่าว +ถ้าผู้ขายส่งมอบที่ดินที่มีพื้นที่น้อยกว่าที่ระบุในสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิอย่างไรบ้าง,ผู้ซื้อจะรับมอบที่ดินนั้นก็ได้และจ่ายเงินตามอัตราส่วน หรือจะปฏิเสธไม่รับทั้งหมดเลยก็ได้ การซื้อขายที่ดินเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465 ระบุว่าในกรณีที่ผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินน้อยกว่าที่ได้สัญญาไว้ ผู้ซื้อจะปฏิเสธไม่รับเอาเลยก็ได้ แต่ถ้าผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้ ผู้ซื้อก็ต้องใช้ราคาตามส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '465'}]",ผู้ซื้อจะรับมอบที่ดินนั้นก็ได้และจ่ายเงินตามอัตราส่วน หรือจะปฏิเสธไม่รับทั้งหมดเลยก็ได้ +เมื่อใดที่ทรัพย์สินหายจะตกเป็นของผู้เก็บได้,เมื่อผู้เก็บได้ซึ่งทรัพย์สินหายได้ปฏิบัติที่กฎหมายกำหนดแล้ว และผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้นไม่ได้มาเรียกเอาทรัพย์สินคืนภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เก็บได้ ทรัพย์สินที่หายนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เก็บได้ ทั้งนี้กรณีเป็นโบราณวัตถุ จะตกแก่แผ่นดิน เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1325,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1325'}]",เมื่อผู้เก็บได้ซึ่งทรัพย์สินหายได้ปฏิบัติที่กฎหมายกำหนดแล้ว และผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้นไม่ได้มาเรียกเอาทรัพย์สินคืนภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เก็บได้ ทรัพย์สินที่หายนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เก็บได้ ทั้งนี้กรณีเป็นโบราณวัตถุ จะตกแก่แผ่นดิน +ใครสามารถเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม,เฉพาะธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่มีคุณสมบัติตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 121 ที่กำหนดว่า ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมต้องเป็นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่มีคุณสมบัติตา���ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '121'}]",เฉพาะธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่มีคุณสมบัติตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม +นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์หลายโครงการในขณะเดียวกันในกรณีใดบ้าง,เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจดำเนินการโดยการก่อตั้งทรัสต์เท่านั้นที่ทรัสตีสามารถดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์หลายโครงการในขณะเดียวกันได้ เป็นไปตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 11/1,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '11/1'}]",เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจดำเนินการโดยการก่อตั้งทรัสต์เท่านั้นที่ทรัสตีสามารถดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์หลายโครงการในขณะเดียวกันได้ +ผู้ปกครองทรัพย์มีสิทธิและหน้าที่เรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้รับมอบไว้เช่นเดียวกับผู้ใด,ผู้ปกครองทรัพย์มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ปกครองตามความหมายในบรรพ 5 (ครอบครัว) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1692,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1692'}]",ผู้ปกครองทรัพย์มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ปกครองตามความหมายในบรรพ 5 (ครอบครัว) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกันสามารถคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตำแหน่งในกรณีใดบ้าง,1. กรณีที่ผู้บังคับหลักประกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่และก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกัน 2. กรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระของผู้บังคับหลักประกัน 3. กรณีที่ผู้บังคับหลักประกันขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้า���ตามที่กฎหมายกำหนด เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 76,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '76'}]",1. กรณีที่ผู้บังคับหลักประกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่และก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกัน 2. กรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระของผู้บังคับหลักประกัน 3. กรณีที่ผู้บังคับหลักประกันขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด +จ้างช่างทาสีบ้าน ในระหว่างทาสีถ้าช่างทำความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ผู้จ้างต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่,ไม่ต้องรับผิดด้วย ทั้งนี้มีข้อยกเว้นบางประการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ระบุให้ผู้จ้าง (ตามกฎหมายเรียกว่าผู้จ้าง) ไม่ต้องร่วมรับผิดกับช่าง (ตามกฎหมายในที่นี้คือผู้รับจ้าง) ในกรณีที่เกิดความเสียหายกับบุคลภายนอกในระหว่างทำงานที่จ้าง เว้นแต่ถ้าผู้จ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง เช่น ผู้จ้างสั่งว่าไม่ต้องปูผ้ารองขณะทาสี ทำให้สีเลอะทรัพย์สินของคนอื่นที่วางไว้ เช่นนี้ผู้จ้างต้องรับผิดด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '428'}]",ไม่ต้องรับผิดด้วย ทั้งนี้มีข้อยกเว้นบางประการ +อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องเรียกเก็บจากผู้ซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันต้องตรวจสอบจากกฎหมายใด,ต้องตรวจสอบจากส่วน 4 ของหมวด 4 ในประมวลรัษฎากร ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/8 ระบุให้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันโดยมีอัตราภาษีตามส่วน 4 ของหมวด 4 ในประมวลรัษฎากร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/8'}]",ต้องตรวจสอบจากส่วน 4 ของหมวด 4 ในประมวลรัษฎากร +ถ้ามูลนิธิมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการแล้วไม่แจ้งนายทะเบียนในเวลาที่กำหนด จะมีความผิดและมีโทษหรือไม่ อย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 63 กำหนดความผิดและโทษ���องการไม่แจ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กำหนดไว้ ว่ามีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '63'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +การเลิกสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ต้องเป็นไปตามกฎหมายใด,ต้องนำกฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้ามาใช้โดยอนุโลม ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 237 ระบุให้ใช้กฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้ามาใช้กับการเลิกสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '237'}]",ต้องนำกฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้ามาใช้โดยอนุโลม +ยกเลิก,ยกเลิก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1147'}]",ยกเลิก +บริษัทมหาชนต้องจัดสรรกำไรจำนวนเท่าใดเพื่อเป็นทุนสำรองของบริษัท,ต้องจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรอง ไม่น้อยกว่า 5% ของกำไรสุทธิประจำปีหักด้วยยอดเงินขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 10% ของทุนจดทะเบียน ทั้งนี้ถ้ามีข้อบังคับบริษัทกำหนดให้มีทุนสำรองมากกว่านั้น ก็ให้เป็นไปตามข้อบังคับ เป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 116,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '116'}]",ต้องจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรอง ไม่น้อยกว่า 5% ของกำไรสุทธิประจำปีหักด้วยยอดเงินขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 10% ของทุนจดทะเบียน ทั้งนี้ถ้ามีข้อบังคับบริษัทกำหนดให้มีทุนสำรองมากกว่านั้น ก็ให้เป็นไปตามข้อบังคับ +กรรมการบริษัทมหาชนจำเป็นต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือไม่,จะมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ได้ แต่กฎหมายกำหนดว่าในบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีกรรมการที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด เป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 67,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '67'}]",กรรมการที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด +มอบอำนาจให้พี่ไปย้ายทะเบียนบ้านแทน พี่จะมอบให้คนอื่นทำแทนอีกทอดหนึ่งได้หรือไม่,พี่ต้องย้ายทะเบียนบ้านด้วยตัวเอง เนื่องจากมอบอำนาจให้เฉพาะพี่ แต่ถ้าการมอบอำนาจระบุให้สามารถมอบคนอื่นทำแทนอีกทอดหนึ่งได้ พี่ก็จะมอบหมายคนอื่นทำแทนได้ พี่ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจ ตามกฎหมายเรียกว่าตัวแทน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 808 ระบุให้ตัวแทนดำเนินการด้วยตัวเอง เว้นแต่จะระบุให้อำนาจตัวแทนมอบคนอื่นต่ออีกทอดหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '808'}]",พี่ต้องย้ายทะเบียนบ้านด้วยตัวเอง เนื่องจากมอบอำนาจให้เฉพาะพี่ แต่ถ้าการมอบอำนาจระบุให้สามารถมอบคนอื่นทำแทนอีกทอดหนึ่งได้ พี่ก็จะมอบหมายคนอื่นทำแทนได้ +การร้องขอให้ตลาดหลักทรัพย์รับเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ ต้องรวมผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์จำนวนเท่าใด,ต้องมีผู้ถือหุ้นจำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่า 25% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '192'}]",ต้องมีผู้ถือหุ้นจำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่า 25% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น +เกณฑ์อะไรบ้างที่ศาลจะใช้พิจารณากำหนดบำเหน็จให้ผู้ปกครอง,กฎหมายกำหนดให้ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ รายได้และฐานะความเป็นอยู่ของผู้ปกครองและผู้อยู่ในปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/14 ระบุให้ในกรณีที่ศาลจะกำหนดบำเหน็จให้ผู้ปกครองนั้น ให้ศาลพิเคราะห์จากพฤติการณ์ รายได้และฐานะความเป็นอยู่ของผู้ปกครองและผู้อยู่ในปกครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/14'}]",กฎหมายกำหนดให้ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ รายได้และฐานะความเป็นอยู่ของผู้ปกครองและผู้อยู่ในปกครอง +ถ้าจะมอบหมายให้คนอื่นเก็บทะเบียนกรรมการบริษัทมหาชน ต้องทำอย่างไรบ้าง,ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบก่อน ทั้งนี้ ต้องเก็บรักษาไว้ในท้องที่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือจังหวัดใกล้เคียง เป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 96,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '96'}]",ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบก่อน ทั้งนี้ ต้องเก็บรักษาไว้ในท้องที่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือจังหวัดใกล้เคียง +ศาลสามารถมีคำสั่งอย่างไรได้บ้าง ในกรณีที่จำเลยกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล,ศาลมีอำนาจสั่งจำเลยให้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการ 4 ประการดังนี้ 1. ชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดนั้นโดยให้ตกเป็นของแผ่นดิน 2. ห้ามเข้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง 3. ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง 4. ชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นคืนให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '74'}]",ศาลมีอำนาจสั่งจำเลยให้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการ 4 ประการดังนี้ 1. ชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดนั้นโดยให้ตกเป็นของแผ่นดิน 2. ห้ามเข้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง 3. ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง 4. ชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นคืนให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. +ถ้าเป็นนายหน้าในการซื้อขายที่ดิน จะได้รับค่าตอบแทนเมื่อใด,ได้รับเมื่อทำสัญญากันจนสำเร็จ ค่าตอบแทนในการเป็นนายหน้า กฎหมายเรียกว่าค่าบำเหน็จ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 ระบุว่านายหน้าจะได้รับค่าบำเหน็จก็ต่อ��มื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จเนื่องจาการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการให้ได้ทำสัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '845'}]",ได้รับเมื่อทำสัญญากันจนสำเร็จ +ถ้ามีคู่ฉีกตั๋วเงิน 2 ฉบับในสำรับเดียวกันเปลี่ยนมือไปที่คน 2 คนโดยชอบแล้ว ใครคือเจ้าของตั๋วเงินที่แท้จริงตามกฎหมาย,คนที่ตั๋วเงินไปถึงก่อนเป็นเจ้าของที่แท้จริง เป็นไปตามหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 977 ระบุให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทรงด้วยกัน คนที่ตั๋วเงินไปถึงก่อนเป็นเจ้าของที่แท้จริง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '977'}]",คนที่ตั๋วเงินไปถึงก่อนเป็นเจ้าของที่แท้จริง +จ้างตัดชุดแต่ช่างทำผิด ไม่สมบูรณ์ตามแบบ เมื่อบอกให้แก้ไขก็ไม่ยอมแก้ ควรทำอย่างไร,ถ้ากำหนดเวลาให้แก้ไขแล้วช่างยังไม่ยอมแก้ สามารถจ้างบุคคลหรือช่างคนอื่นแก้ไขให้สมบูรณ์ตามแบบได้ และเรียกเอาค่าใช้จ่ายจากช่างคนแรก เป็นไปตามหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 594,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '594'}]",สามารถจ้างบุคคลหรือช่างคนอื่นแก้ไขให้สมบูรณ์ตามแบบได้ และเรียกเอาค่าใช้จ่ายจากช่างคนแรก +ถ้าบริษัทเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แต่ไม่ทำสัญญากับลูกค้าเป็นหนังสือ จะมีโทษอาญาหรือไม่,มีโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง การที่บริษัทหลักทรัพย์เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 112 กำหนดให้ทำสัญญากับลูกค้าเป็นหนังสือ หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษอาญาตามมาตรา 282 คือ ปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '282'}]",มีโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +การฟ้องกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีอายุความเท่าใด,ให้ใช้อายุความเท่ากับกับการฟ้องคดีอาญาตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพ���์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/13,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '317/13'}]",ให้ใช้อายุความเท่ากับกับการฟ้องคดีอาญาตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 +ในเรื่องบุริมสิทธิของหนี้ค่าปลงศพ กฎหมายกำหนดขอบเขตอย่างไร,กฎหมายกำหนดขอบเขตว่า เป็นค่าใช้จ่ายในการปลงศพตามควรแก่ฐานานุรูปของลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 255 หนี้ค่าปลงศพจะมีบุริมสิทธิในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายในการปลงศพตามควรแก่ฐานานุรูปของลูกหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '255'}]",เป็นค่าใช้จ่ายในการปลงศพตามควรแก่ฐานานุรูปของลูกหนี้ +ถ้าผู้ถือหุ้นบริษัทขอให้เรียกประชุมวิสามัญแต่กรรมการไม่ยอมดำเนินการ ผู้ถือหุ้นมีสิทธิดำเนินการอย่างไร,ถ้ากรรมการไม่ยอมเรียกประชุมภายใน 30 วันนับแต่ผู้ถือหุ้นยื่นคำร้อง ผู้ถือหุ้นมีสิทธิเรียกประชุมวิสามัญเองได้ กรณีผู้ถือหุ้นยื่นคำร้องขอให้ประชุมวิสามัญโดยชอบแล้ว แต่กรรมการไม่ยอมเรียกประชุมและจัดประชุมภายใน 30 วันนับแต่วันที่ผู้ถือหุ้นยื่นคำร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1174 ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเรียกประชุมวิสามัญได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1174'}]",ผู้ถือหุ้นมีสิทธิเรียกประชุมวิสามัญเองได้ +ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบในความชำรุดหรือบกพร่องภายในระยะเวลาใด,ถ้าไม่ได้กำหนดในสัญญาไว้เป็นอย่างอื่น ผู้รับจ้างต้องรับผิดในความชำรุดหรือบกพร่องที่ปรากฏขึ้นดังนี้ 1. ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันส่งมอบ 2. ภายใน 5 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบ ถ้างานจ้างเป็นการทำสิ่งปลูกสร้างกับพื้นดิน 3. ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบ ถ้างานจ้างนั้นเป็นการทำโรงเรือนด้วยไม้ ทั้งนี้ระยะเวลาข้างต้นไม่ใช้กับกรณีที่ผู้รับจ้างปิดบังความชำรุดบกพร่อง เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 600,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '600'}]",1. ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันส่งมอบ 2. ภายใน 5 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบ ถ้างานจ้างเป็นการทำสิ่งปลูกสร้างกับพื้นดิน 3. ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบ ถ้างานจ้างนั้นเป็นการทำโรงเรือนด้วยไม้ +ในการจัดการมรดก หากมีผู้จัดการมรดกหลายคน แต่ความคิดเห็นไม่ตรงกันต้องทำอย่างไร,ถ้าไม่มีการกำหนดในพินัยกรรมไว้เป็นอย่างอื่น ต้องถือตามเสียงข้างมาก และถ้าเสียงเท่ากน ผู้ทีส่วนได้เสียจะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดก็ได้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1726'}]",ถ้าไม่มีการกำหนดในพินัยกรรมไว้เป็นอย่างอื่น ต้องถือตามเสียงข้างมาก และถ้าเสียงเท่ากัน ผู้ที่มีส่วนได้เสียจะร้องขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดก็ได้ +ผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีหน้าที่นำเงินสะสมของลูกจ้างไปหาประโยชน์หรือไม่,มีหน้าที่นำเงินสะสมของลูกจ้างไปหาประโยชน์ ตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 16 ในการลงทุนหรือหาผลประโยชน์ของกองทุน ให้ผู้จัดการกองทุนนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนหรือหาผลประโยชน์ตามนโยบายการลงทุนที่ลูกจ้างได้แสดงเจตนาไว้ ในกรณีที่ลูกจ้างไม่แสดงเจตนาเลือกนโยบายการลงทุน ให้ลงทุนหรือหาผลประโยชน์ตามนโยบายเดิมที่ลูกจ้างเคยลงทุนไว้ หากไม่มีนโยบายเดิม ให้ลงทุนหรือหาผลประโยชน์ตามนโยบายที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของกองทุน หากข้อบังคับของกองทุนไม่ได้กำหนดไว้ ให้ลงทุนหรือหาผลประโยชน์ตามนโยบายที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '16'}]",มีหน้าที่นำเงินสะสมของลูกจ้างไปหาประโยชน์ +มาตรา 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ว่าด้วยเรื่องอะไร,ว่าด้วยนิยามของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ตามมาตรา 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535”,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '1'}]",ว่าด้วยนิยามของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +บริษัทเอกชนที่แปรสภาพเป็นบริษัทแล้วต้องรับผิดในหนี้ก่อนแปรสภาพหรือไม่,ต้องรับผิด ตามมาตรา 185 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทแล้วย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ และความรับผิดของบริษัทเอกชนเดิมทั้งหมด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '185'}]",ต้องรับผิด +การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทต้องมีการจดทะเบียนหรือ��ม่,ต้องจดทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่มีการเปลี่ยนแปลง ตามมาตรา 1157 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ให้บริษัทนำความไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1157'}]",ต้องจดทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่มีการเปลี่ยนแปลง +ผู้มีหน้าที่จัดทำรายงานไม่ปฏิบัติงานตามวิธีการที่กำหนดมีความผิดตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามมาตรา 275 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยรายงานตามมาตรา59 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 59 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่กำหนดตามมาตรา59 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '275'}]","มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนอาจเสียไปเพราะความบกพร่องของนิติกรรมที่ทำให้ได้ทรัพย์สินมาหรือไม่,ไม่ การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมไม่เสียไป ตามมาตรา 1329 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิของบุคคลผู้ได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตนั้น ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ว่าผู้โอนทรัพย์สินให้จะได้ทรัพย์สินนั้นมาโดยนิติกรรมอันเป็นโมฆียะ และนิติกรรมนั้นได้ถูกบอกล้างภายหลัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1329'}]",ไม่ การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมไม่เสียไป +ผู้ค้ำประกันที่ไม่ยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้สามารถไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้หรือไม่,ไม่ได้ แต่ไล่เบี้ยไม่ได้เฉพาะที่ไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้เท่านั้น ตามมาตรา 695 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ค้ำประกันซึ่งละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้นั้น ท่านว่า��่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้เพียงเท่าที่ไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้รู้ว่ามีข้อต่อสู้เช่นนั้น และที่ไม่รู้นั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของตนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '695'}]",ไม่ได้ แต่ไล่เบี้ยไม่ได้เฉพาะที่ไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้เท่านั้น +ผู้รับหลักประกันมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้สามัญหรือไม่,ใช่ ผู้รับหลักประกันมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้สามัญ ตามมาตรา 29 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ผู้รับหลักประกันมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันก่อนเจ้าหนี้สามัญไม่ว่าสิทธิในทรัพย์สินจะโอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '29'}]",ใช่ +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีผลใช้บังคับเมื่อใด,ใช้บังคับเมื่อพ้น 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่ มาตรา 4 มาตรา 7 ถึงมาตรา 16 มาตรา 17 ถึงมาตรา 31 มาตรา 262 มาตรา 263 มาตรา 318 ถึงมาตรา 320 และมาตรา 332 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 2 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่มาตรา 4 มาตรา 7 ถึงมาตรา 16 มาตรา 17 ถึงมาตรา 31 มาตรา 262 มาตรา 263 มาตรา 318 ถึงมาตรา 320 และมาตรา 332 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '2'}]",ใช้บังคับเมื่อพ้น 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่ มาตรา 4 มาตรา 7 ถึงมาตรา 16 มาตรา 17 ถึงมาตรา 31 มาตรา 262 มาตรา 263 มาตรา 318 ถึงมาตรา 320 และมาตรา 332 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา +หนังสือบริคณห์สนธิในการจัดตั้งบริษัทต้องมีรายการอะไรบ้าง,"หนังสือบริคณห์สนธิต้องมีรายการต่อไปนี้ 1. ชื่อบริษัท โดยต่องมีคำว่า""จำกัด""ไว้ท้ายชื่อด้วย 2. สถานที่ซึ่งสำนักงานของบริษัทที่จดทะเบียนตั้งอยู่ 3. วัตถุประสงค์ของบริษัท 4. ถ้อยคำแสดงว่า ความรับผิดของผู้ถือหุ้นมีจำกัด 5. จำนวนทุนเรือนหุ้นซึ่งบริษัทคิดกำหนดจะจดทะเบียนแบ่งออกเป็นหุ้น มีมูลค่ากำหนดหุ้นละเท่าไร 6. ชื่อ สำนัก อาชีวะ และลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการ และจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อซื้อไว้คนละเท่าใด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1098'}]","หนังสือบริคณห์สนธิต้องมีรายการต่อไปนี้ 1. ชื่อบริษัท โดยต่องมีคำว่า""จำกัด""ไว้ท้ายชื่อด้วย 2. สถานที่ซึ่งสำนักงานของบริษัทที่จดทะเบียนตั้งอยู่ 3. วัตถุประสงค์ของบริษัท 4. ถ้อยคำแสดงว่า ความรับผิดของผู้ถือหุ้นมีจำกัด 5. จำนวนทุนเรือนหุ้นซึ่งบริษัทคิดกำหนดจะจดทะเบียนแบ่งออกเป็นหุ้น มีมูลค่ากำหนดหุ้นละเท่าไร 6. ชื่อ สำนัก อาชีวะ และลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการ และจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อซื้อไว้คนละเท่าใด" +การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองต้องฟ้องภายในกี่ปี,ภายใน 1 ปีนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครอง ตามมาตรา 1375 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1375'}]",ภายใน 1 ปีนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครอง +นายจ้างสามารถไล่ลูกจ้างออกโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าได้หรือไม่,ได้ หากเข้ากรณีต่อไปนี้ -กรณีนี้ลูกจ้างขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย -กรณีลูกจ้างละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นอาจิณ -กรณีลูกจ้างละทิ้งการงานไปเลย -กรณีลูกจ้างกระทำความผิดอย่างร้ายแรง -กรณีลูกจ้างกระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ตามมาตรา 583 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี กระทำความผิดอย่างร้ายแรงก็ดี หรือทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '583'}]",ได้ หากเข้ากรณีต่อไปนี้ -กรณีนี้ลูกจ้างขัด���ำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย -กรณีลูกจ้างละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นอาจิณ -กรณีลูกจ้างละทิ้งการงานไปเลย -กรณีลูกจ้างกระทำความผิดอย่างร้ายแรง -กรณีลูกจ้างกระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต +เมื่อมีการยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 ประมวลรัษฎากรแล้ว ห้ามดำเนินการอย่างไรต่อไป,ห้ามทำลาย ย้าย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์สินซึ่งถูกยึดหรืออายัดให้บุคคลอื่น ตามมาตรา 12ทวิ ประมวลรัษฎากร เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้วห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12 ทวิ'}]",ห้ามทำลาย ย้าย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์สินซึ่งถูกยึดหรืออายัดให้บุคคลอื่น +ใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันมีอายุกี่ปี,3 ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 57 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันมีอายุสามปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '57'}]",3 ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต +คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลในกรณีที่มีคำสั่งตาม มาตรา 317/7วรรคสอง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535หรือไม่,มีสิทธิ ตามมาตรา 317/9 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 317/7วรรคสอง หรือมาตรา 317/8 แล้ว คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นได้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้เป็นที่สุด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '317/9'}]",มีสิทธิ +ใครเป็นเจ้าพนักงานทะเบียนพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558,อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามมาตรา 15 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นเจ้าพนักงานทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '15'}]",อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า +การที่เจ้าหนี้ผิดนัดในหนี้ที่มีลูกหนี้ร่วมกันหลายคนลูกหนี้ได้ประโยชน์ทุกคนหรือไม่,ได้ประโยชน์ทุกคนจากการผิดนัดของเจ้าหนี้ ตามมาตรา 294 ���ระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่เจ้าหนี้ผิดนัดต่อลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้น ย่อมได้เป็นคุณประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '294'}]",ได้ประโยชน์ทุกคนจากการผิดนัดของเจ้าหนี้ +การฝ่าฝืนมาตรา 40 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ต้องระวางโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 54 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 40 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '54'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดสามารถเป็นผู้ชำระบัญชีได้หรือไม่,ได้ ตามมาตรา 1089 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดนั้น จะตั้งให้เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1089'}]",ได้ +การจัดการกองทุนส่วนบุคคลแทนบุคคลอื่นสามารถทำได้หรือไม่,สามารถทำได้ โดยต้องลงชื่อของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลและชื่อของบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ทำการแทน ตามมาตรา 138 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บรรดาทรัพย์สินของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลต้องลงชื่อของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลและชื่อของบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ทำการแทนไว้ด้วย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '138'}]",สามารถทำได้ โดยต้องลงชื่อของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลและชื่อของบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ทำการแทน +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องมีฐานะทางการเงินอย่างไร,ต้องมีฐานะทางการเงินตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องดำรงฐานะทางการเงินตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '49'}]",ต้องมีฐานะทางการเงินตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด +การคัดค้านตั๋วแลกเงินต้องทำภายในกำหนดเวลาหรือไม่,ต้องทำภายในกำหนดเวลา เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้เข้ามาขัดขวางทำให้ไม่สามารถทำภายในกำหนดเวลาได้ ก็ขยายเวลาออกไปได้ ตามมาตรา 974 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การยื่นตั๋วแลกเงินก็ดี การทำคำคัดค้านก็ดี ถ้ามีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้มาขัดขวางมิให้ทำได้ภายในกำหนดเวลาจำกัดสำหรับการนั้นไซร้ ท่านให้ยืดกำหนดเวลาออกไปอีกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '974'}]",ต้องทำภายในกำหนดเวลา เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้เข้ามาขัดขวางทำให้ไม่สามารถทำภายในกำหนดเวลาได้ ก็ขยายเวลาออกไปได้ +นายกสภาวิชาชีพบัญชีมีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี,คราวละ 3 ปี ตามมาตรา 23 วรรค 1 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 นายกสภาวิชาชีพบัญชี และกรรมการตามมาตรา 22 (3) และ (4) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '23'}]",คราวละ 3 ปี +บริษัทมหาชนต้องรับผิดชอบในค่าใช้ในการตรวจสอบบริษัทหรือไม่,ต้องรับผิดชอบ ในกรณีที่ผลการตรวจสอบเป็นไปตามที่ประสงค์จะต้องสอบไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ตามมาตรา 135 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 นกรณีที่ผลการตรวจสอบเป็นไปดังที่ประสงค์จะตรวจสอบทั้งหมดหรือบางส่วน ให้บริษัทรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบที่บุคคลตามมาตรา 134 ได้ออกทดรองจ่ายไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '135'}]",ต้องรับผิดชอบ ในกรณีที่ผลการตรวจสอบเป็นไปตามที่ประสงค์จะต้องสอบไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน +การลงมติในที่ประชุมบริษัทสามารถลงคะแนนโดยวิธีลับได้หรือไม่,ได้ ตามมาตรา 1192 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ามีผู้ติดใจร้องขอโดยชอบให้ลงคะแนนลับ การลงคะแนนเช่นนั้นจะทำด้วยวิธีใดสุดแล้วแต่ผู้เป็นประธานจะสั่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1192'}]",ได้ +สมาชิกสามัญไม่น้อยกว่ากี่คนจะเข้าชื่อเสนอร่างข้อบังคับต่อสภาวิชาชีพบัญชีได้,สมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 100 คน โดยพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 29 บัญญัติว่า���มาชิกสามัญไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนจะเข้าชื่อเสนอร่างข้อบังคับตามมาตรา 28 (3) ต่อสภาวิชาชีพบัญชีด้วยก็ได้ ทั้งนี้ให้คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีจัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีตามวรรคหนึ่งโดยไม่ชักช้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '29'}]",สมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 100 คน +พนักงานสามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงอันอาจใช้ประโยชน์ในการซื้อขายล่วงหน้าได้หรือไม่,"พนักงานจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ + +โดยพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 99 ห้ามมิให้กรรมการ อนุกรรมการ ผู้แทนนิติบุคคล ตัวแทน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาหรือผู้ปฏิบัติงานของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ สำนักหักบัญชีหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแลสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สินค้าหรือตัวแปร ซึ่งรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญซึ่งตนได้รู้มาในฐานะเช่นนั้นและยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน กระทำการดังต่อไปนี้ + +(1) ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือซื้อหรือขายหรือเสนอที่จะซื้อหรือขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่น หรือ +(2) เปิดเผยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญดังกล่าวแก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าบุคคลนั้นอาจใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือซื้อหรือขายสินค้า + +อนึ่ง ข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญ หมายความว่า ข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือราคาสินค้าหรือระดับตัวเลขของตัวแปรหรือต่อการตัดสินใจในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือซื้อหรือขายสินค้าของผู้ลงทุน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '99'}]",พนักงานจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ +การพ้นจากตำเเหน่งของกรรมการวิชาชีพบัญชีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อบังคับใด,"หลักเกณฑ์ของข้อบังคับสภาวิชา��ีพบัญชี + +โดย พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 32 บัญญัติว่า เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริมการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านต่าง ๆ ให้มีคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีของแต่ละด้าน ประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการอื่นมีจำนวนตามที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีกำหนด ประธานกรรมการวิชาชีพบัญชีด้านต่าง ๆ ให้มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกสามัญ โดยที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการหรือกรรมการวิชาชีพบัญชีตามวรรคหนึ่ง การแต่งตั้งหรือการเลือกตั้ง การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ และการดำเนินการอื่นของประธานกรรมการหรือกรรมการวิชาชีพบัญชี ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '32'}]",หลักเกณฑ์ของข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี +ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ต้องรับผิดชอบต่อใคร,"คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 167 ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่บริหารกิจการของตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามนโยบายและระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของตลาดหลักทรัพย์ ในการบริหารกิจการ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '167'}]",คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ +ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญา กรณีความชำรุดบกพร่องไม่เป็นเหตุให้ผู้เช่าต้องปราศจากการใช้และประโยชน์ได้หรือไม่,"ในกรณีนี้ ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 551 ถ้าความชำรุดบกพร่องแห่งทรัพย์สินที่เช่านั้นไม่เป็นเหตุถึงแก่ผู้เช่าจะต้องปราศจากการใช้และประโยชน์ และผู้ให้เช่ายังแก้ไขได้ไซร้ ผู้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้ให้เช่าให้จัดการแก้ไขความชำรุดบกพร่องนั้นก่อน ถ้าและผู้ให้เช่าไม่จัดทำให้คืนดีภายในเวลาอันสมควร ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ หากว่าความชำรุดบกพร่องนั้นร้ายแรงถึงสมควรจะทำเช่นนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '551'}]",ในกรณีนี้ ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญ���เช่าไม่ได้ +บุคคลที่ทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายจะถูกเรียกค่าทดเเทนได้หรือไม่,"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 บุคคลใดใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบไซร้ ท่านว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป ทั้งนี้ ไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน + +ดังนั้นหากบุคคลใดก็ตามทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินสมควรหรือเกินเหตุตามปกติที่คาดการณ์ได้ บุคคลนั้นสามารถถูกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เรียกค่าทดแทนได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1337'}]",บุคคลนั้นสามารถถูกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เรียกค่าทดแทนได้ +การจำนองทรัพย์จำนองซึ่งเเบ่งออกเป็นหลายส่วนจะครอบไปถึงส่วนอื่นหรือไม่,"ครอบถึง + +ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 717 แม้ว่าทรัพย์สินซึ่งจำนองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนก็ตาม ท่านว่าจำนองก็ยังคงครอบไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนด้วยกันอยู่นั่นเอง ถึงกระนั้นก็ดี ถ้าผู้รับจำนองยินยอมด้วย ท่านว่าจะโอนทรัพย์สินส่วนหนึ่งส่วนใดไปปลอดจากจำนองก็ให้ทำได้ แต่ความยินยอมดังว่านี้หากมิได้จดทะเบียน ท่านว่าจะยกเอาขึ้นเป็นข้อต่อสู้แก่บุคคลภายนอกหาได้ไม่ + +ดังนั้นแม้ทรัพย์จำนองจะถูกแบ่งเป็นหลายส่วน แต่การจำนองก็ครอบคลุมทุกส่วน อย่างไรก็ดีผู้รับจำนองอาจยินยอมให้โอนทรัพย์ส่วนใดส่วนหนึ่งออกไปให้ปลอดจำนองได้ แต่ว่าการยินยอมนี้ต้องจดทะเบียนด้วย มิฉะนั้นจะยกข้อต่อสู้เรื่องโอนทรัพย์ส่วนหนึ่งออกไปปลอดจำนองกับบุคคลภายนอกไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '717'}]",ครอบถึง +บุคคลต้องผูกพันตนในสัญญาเดียวกันจะต้องรับผิดอย่างไร,ต้องรับผิดเช่นอย่างเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 297 ถ้าในสัญญาอันหนึ่งอันใดมีบุคคลหลายคนร่วมกันผูกพันตนในอันจะทำการชำระหนี้ไซร้ หากกรณีเป็นที่สงสัย ท่าน��่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องรับผิดเช่นอย่างเป็นลูกหนี้ร่วมกัน แม้ถึงว่าเป็นการอันจะแบ่งกันชำระหนี้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '297'}]",ต้องรับผิดเช่นอย่างเป็นลูกหนี้ร่วมกัน +กรรมการบริษัทมหาชนต้องรับผิดในความเสียหายเเก่บริษัทกรณีใดบ้าง,"ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 91 กรรมการบริษัทมหาชนต้องรับผิดในความเสียหายเเก่บริษัทกรณีดังต่อไปนี้ + +(1) การเรียกให้ผู้จองหุ้นชำระเงินค่าหุ้น หรือโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินให้แก่บริษัทโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 37 หรือมาตรา 38 +(2) การนำเงินค่าหุ้นไปใช้จ่ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้รับชำระเป็นค่าหุ้นของบริษัทโดยฝ่าฝืนมาตรา 43 +(3) การดำเนินการใด ๆ โดยฝ่าฝืนมาตรา 85 +(4) การให้กู้ยืมเงินโดยฝ่าฝืนมาตรา 89 +(5) การจ่ายเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดให้แก่กรรมการโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 90 +(6) การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา 115 หรือการรับผิดตามมาตรา 118 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้กระทำการโดยสุจริตและอาศัยหลักฐาน หรือรายงานทางการเงินที่ประธานกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัท หรือผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้ว +(7) การไม่จัดทำหรือเก็บรักษาบัญชี ทะเบียน หรือเอกสารของบริษัทตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้กระทำการอันสมควรเพื่อมิให้มีการฝ่าฝืนแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '91'}]","กรรมการบริษัทมหาชนต้องรับผิดในความเสียหายแก่บริษัทกรณีดังต่อไปนี้ + +(1) การเรียกให้ผู้จองหุ้นชำระเงินค่าหุ้น หรือโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินให้แก่บริษัทโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 37 หรือมาตรา 38 +(2) การนำเงินค่าหุ้นไปใช้จ่ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้รับชำระเป็นค่าหุ้นของบริษัทโดยฝ่าฝืนมาตรา 43 +(3) การดำเนินการใด ๆ โดยฝ่าฝืนมาตรา 85 +(4) การให้กู้ยืมเงินโดยฝ่าฝืนมาตรา 89 +(5) การจ่ายเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดให้แก่กรรมการโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 90 +(6) การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา 115 หรือการรับผิดตามมาตรา 118 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้กระทำการโดยสุจริตและอาศัยหลักฐาน หรือรายงานทางการเงินที่ประธานกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัท หรือผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้ว +(7) การไม่จัดทำหรือเก็บรักษาบัญชี ทะเบียน หรือเอกสารของบริษัทตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้กระทำการอันสมควรเพื่อมิให้มีการฝ่าฝืนแล้ว" +การหักกลบลบหนี้กระทำได้เมื่อใด,"ทำได้ด้วยคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง โดยการแสดงเจตนาเช่นนี้จะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดไม่ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 หักกลบลบหนี้นั้น ทำได้ด้วยคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง การแสดงเจตนาเช่นนี้ท่านว่าจะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดอีกด้วยหาได้ไม่ การแสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านว่ามีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '342'}]",ทำได้ด้วยคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง โดยการแสดงเจตนาเช่นนี้จะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดไม่ได้ +การคาดการณ์การซื้อขายล่วงหน้าโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงทำได้หรือไม่,"จะกระทำไม่ได้ + +โดยพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 96 ระบุว่า ห้ามมิให้บุคคลใดทำการคาดการณ์เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้า หรือตัวแปร โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่ใช้ในการคาดการณ์ หรือนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จมาใช้ในการคาดการณ์หรือละเลยที่จะพิจารณาความเป็นจริงของข้อมูล และการกระทำดังกล่าว + +(1) ทำให้หรือน่าจะทำให้บุคคลอื่นซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ +(2) ทำให้หรือน่าจะทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นหรือต่ำลง หรือมีผลหรือน่าจะมีผลเป็นการรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '96'}]",จะกระทำไม่ได้ +คณะกรรมการบริษัทที่ควบกันแล้วต้องขอจดทะเบียนการควบบริษัทพร้อมยื่นเอกสารใดบ้างต่อนายทะเบียน,ยื่นหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับที่ที่ประชุมที่ได้อนุมัติแล้วต่อหน้านายทะเบียน ทั้งนี้ตาม พระราชบัญญัติบริษัท��หาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 151 คณะกรรมการบริษัทที่ควบกันแล้วต้องขอจดทะเบียนการควบบริษัทพร้อมกับยื่นหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับที่ที่ประชุมตามมาตรา 148 ได้อนุมัติแล้วต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุมตามมาตรา 148 และให้นำมาตรา 39 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '151'}]",ยื่นหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับที่ที่ประชุมที่ได้อนุมัติแล้วต่อหน้านายทะเบียน +คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ อะไรบ้าง,"พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 60 ให้อำนาจแก่คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ในการจัดการดังนี้ + +(1) กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสภาวิชาชีพบัญชี +(2) เสนอแนะให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 +(3) ให้ความเห็นชอบข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีตามมาตรา 30 วรรคสอง และมาตรฐานการบัญชีตามมาตรา 34 วรรคสาม +(4) พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามมาตรา 42 วรรคสอง +(5) พิจารณาอุทธรณ์ของผู้กล่าวหาหรือผู้ซึ่งถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษตามมาตรา 55 วรรคหนึ่ง +(6) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '60'}]","(1) กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสภาวิชาชีพบัญชี +(2) เสนอแนะให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 +(3) ให้ความเห็นชอบข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีตามมาตรา 30 วรรคสอง และมาตรฐานการบัญชีตามมาตรา 34 วรรคสาม +(4) พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามมาตรา 42 วรรคสอง +(5) พิจารณาอุทธรณ์ของผู้กล่าวหาหรือผู้ซึ่งถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษตามมาตรา 55 วรรคหนึ่ง +(6) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี" +กรณีใดที่ความยินยอมของสามีภรรยาต้องทำเป็นหนังสือ,"เมื่อความยินยอมเหล่านั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ + +โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1479 ระบุว่าการใดที่สามีหรือภริยากระทำ ซึ่งต้องรับความยินยอมร่วมกัน และถ้าการนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ความยินยอมนั้นต้องทำเป็นหนังสือ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1479'}]",เมื่อความยินยอมเหล่านั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ +หากตั๋วเงินหายไปก่อนกำหนดใช้เงินผู้ทรงตั๋วเงินต้องทำอย่างไร,"ถ้าตั๋วเงินหายไปแต่ก่อนเวลาล่วงเลยกำหนดใช้เงิน ท่านว่าบุคคลซึ่งได้เป็นผู้ทรงตั๋วเงินนั้นจะร้องขอไปยังผู้สั่งจ่ายให้ ให้ตั๋วเงินเป็นเนื้อความเดียวกันแก่ตนใหม่อีกฉบับหนึ่งก็ได้ ในการนี้ถ้าเขาประสงค์ก็วางประกันให้ไว้แก่ผู้สั่งจ่าย เพื่อไว้ทดแทนที่เขาหากจะต้องเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดในกรณีที่ตั๋วเงินซึ่งว่าหายนั้นจะกลับหาได้ + +โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1011 ระบุว่าถ้าตั๋วเงินหายไปแต่ก่อนเวลาล่วงเลยกำหนดใช้เงิน ท่านว่าบุคคลซึ่งได้เป็นผู้ทรงตั๋วเงินนั้นจะร้องขอไปยังผู้สั่งจ่ายให้ ๆ ตั๋วเงินเป็นเนื้อความเดียวกันแก่ตนใหม่อีกฉบับหนึ่งก็ได้ และในการนี้ถ้าเขาประสงค์ก็วางประกันให้ไว้แก่ผู้สั่งจ่าย เพื่อไว้ทดแทนที่เขาหากจะต้องเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดในกรณีที่ตั๋วเงินซึ่งว่าหายนั้นจะกลับหาได้ อนึ่ง ผู้สั่งจ่ายรับคำขอร้องดังว่ามานั้นแล้ว หากบอกปัดไม่ยอมให้ตั๋วเงินคู่ฉบับเช่นนั้น อาจจะถูกบังคับให้ออกให้ก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1011'}]",บุคคลซึ่งได้เป็นผู้ทรงตั๋วเงินนั้นจะร้องขอไปยังผู้สั่งจ่ายให้ตั๋วเงินเป็นเนื้อความเดียวกันแก่ตนใหม่อีกฉบับหนึ่งก็ได้ และในการนี้ถ้าเขาประสงค์ก็วางประกันให้ไว้แก่ผู้สั่งจ่าย เพื่อไว้ทดแทนที่เขาหากจะต้องเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดในกรณีที่ตั๋วเงินซึ่งว่าหายนั้นจะกลับหาได้. +ตัวเเทนจะยึดหน่วงทรัพย์สินของตัวการได้หรือไม่,"ได้ ในกรณีที่จำเป็นจนกว่าจะได้รับเงินที่ค้างชำระ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 819 ตัวแทนชอบที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินอย่างใด ๆ ของตัวการอันตกอยู่ในความครอบครองของตนเพราะเป็นตัวแทนนั้นเอาไว้ได้ จนกว่าจะได้รับเงินบรรดาค้างชำระแก่ตนเพราะการเป็นตัวแทน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '819'}]",ได้ ในกรณีที่จำเป็นจนกว่าจะได้รับเงินที่ค้างชำระ +การรับเป็นผู้จัดการมรดกต้องทำภายในกี่ปี,"1 ปีนับเเต่เจ้ามรดกตาย แต่การขอเป็นผู้จัดการมรดกต้องกระทำภายหลังจากที่เจ้ามรดกตายแล้ว 15 วัน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1717 ในเวลาใด ๆ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตาย แต่ต้องเป็นเวลาภายหลังที่เจ้ามรดกตายแล้วสิบห้าวัน ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่ง จะแจ้งความถามไปยังผู้ที่ถูกตั้งเป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ก็ได้ ถ้าผู้ที่ได้รับแจ้งความมิได้ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันรับแจ้งความนั้น ให้ถือว่าผู้นั้นปฏิเสธ แต่การรับเป็นผู้จัดการมรดกนั้น จะทำภายหลังหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1717'}]",1 ปีนับเเต่เจ้ามรดกตาย +ผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำทั้งชำรุดบกพร่องมิได้อิดเอื้อน ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดหรือไม่,"ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด + +ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำนั้นแล้วทั้งชำรุดบกพร่องมิได้อิดเอื้อนโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยาย ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นเช่นจะไม่พึงพบได้ในขณะเมื่อรับมอบ หรือผู้รับจ้างได้ปิดบังความนั้นเสีย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 598 + +ดังนั้นการที่ผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำทั้งที่ชำรุด โดยไม่ได้อิดเอื้อน ผู้รับจ้างจึงไม่ต้องรับผิด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '598'}]",ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด +เมื่อตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ว่างลง ใครมีอำนาจเเต่งตั้งผู้กระทำการเเทนชั่วคราว,"คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ + +โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 169 เมื่อตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ว่างลงหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์หรือพนักงานของตลาดหลักทรัพย์คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนเป็นการชั่วคราวได้ ในการนี้ ให้ผู้ทำการแทนมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '169'}]",คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ +ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลได้ตามเงื่อนไขใด,"ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 729 ระบุว่า ในการบังคับจำนองตามมาตรา 728 ถ้าไม่มีการจำนองรายอื่นหรือบุริมสิทธิอื่นอันได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดภายในบังคับแห่งเงื่อนไขดังนี้แทนการขายทอดตลาดก็ได้ + +(1) ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และ +(2) ผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นน้อยกว่าจำนวนเงินอันค้างชำระ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '729'}]",(1) ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และ (2) ผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นน้อยกว่าจำนวนเงินอันค้างชำระ +กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษี ใครเป็นผู้มีอำนาจสั่งเจ้าพนักงานวรรพากรเข้าอายัดบัญชี,"อธิบดีตามกฎหมายรัษฎากร + +โดยประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เบญจ ระบุว่า เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ให้อธิบดีมีอำนาจเข้าไปหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่น ที่เกี่ยวกับหรือสันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรที่จะต้องเสียได้ทั่วราชอาณาจักร ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือสรรพากรเขตมีอำนาจเช่นเดียวกับอธิบดีตามวรรคหนึ่ง สำหรับในเขตท้องที่จังหวัดหรือเขตนั้น การทำการตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ต้องทำในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 เบญจ'}]",อธิบดีตามกฎหมายรัษฎากร +ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกใครเป็นผู้มีอำนาจกระทำการเเทนสภาวิชาชีพบัญชี,"นายกสภาวิชาชีพบัญชี มีอำนาจกระทำการแทนสภาวิชาชีพบัญชี + +โดยพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 31 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจกระทำการแทนสภาวิชาชีพบัญชี ในการนี้ นายกสภาวิชาชีพบัญชีจะมอบหมายเป็นหนังสือให้กรรมการอื่นกระทำการแทนตนเฉพาะในกิจการใดก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '31'}]",นายกสภาวิชาชีพบัญชี มีอำนาจกระทำการแทนสภาวิชาชีพบัญชี +หุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดมีกี่จำพวก,ตามกฎหมาย หุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดมี 2 จำพวก โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077 ระบุว่าอันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนสองจำพวก ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งมีจำกัดความรับผิดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้นจำพวกหนึ่ง และ (2) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่มีจำกัดจำนวนอีกจำพวกหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1077'}]",หุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดมี 2 จำพวก +ผู้ชำระบัญชีจะเรียกให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นใช้เงินลงหุ้นส่วนยังค้างชำระอยู่นั้นได้หรือไม่,สามารถกระทำได้ โดย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1265 ระบุว่า ผู้ชำระบัญชีจะเรียกให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นส่งใช้เงินลงหุ้นอันเป็นส่วนยังค้างชำระอยู่นั้นก็ได้ และเงินที่ค้างชำระนี้ ถึงแม้จะได้ตกลงกันไว้ก่อนโดยสัญญาเข้าหุ้นส่วน หรือโดยข้อบังคับของบริษัทว่าจะได้เรียกต่อภายหลังก็ตาม เมื่อเรียกเช่นนี้แล้ว ท่านว่าต้องส่งใช้ทันที,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1265'}]",สามารถกระทำได้ +ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจงบดุล ของผู้สอบบัญชีของบริษัทได้หรือไม่,ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจงบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และรายงานของผู้สอบบัญชีของบริษัทได้ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 126 โดยผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจงบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และรายงานของผู้สอบบัญชีของบริษัทได้ทุกเวลาในระหว่างเวลาทำการของบริษัท และจะขอใ��้บริษัทส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้องก็ได้ ในการนี้ บริษัทอาจเรียกค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '126'}]",ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอตรวจงบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และรายงานของผู้สอบบัญชีของบริษัทได้ +ผู้ชำระบัญชีต้องดำเนินการชำระบัญชีบริษัทมหาชนจำกัดให้แล้วเสร็จภายในกี่ปีนับแต่วันจดทะเบียนเลิกบริษัท,ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันจดทะเบียนเลิกบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งนี้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 177 ระบุว่าภายใต้บังคับมาตรา 175 ผู้ชำระบัญชีต้องดำเนินการชำระบัญชีให้แล้วเสร็จภายในห้าปีนับแต่วันจดทะเบียนเลิกบริษัท ถ้าครบกำหนดห้าปีแล้วยังชำระบัญชีไม่แล้วเสร็จ ผู้ชำระบัญชีต้องทำรายงานชี้แจงเหตุผลต่อนายทะเบียนทุกสามเดือน และให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้ชำระบัญชีปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเร่งรัดการชำระบัญชีได้ตามที่เห็นสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '177'}]",ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันจดทะเบียนเลิกบริษัทมหาชนจำกัด +ถ้าหอการค้ามีเงินเหลืออยู่ โอนให้สมาชิกได้ไหม,ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใดจะแบ่งให้แก่สมาชิกของหอการค้าไม่ได้ ทรัพย์สินทั้งนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของหอการค้า หรือถ้าไม่ได้ระบุไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ว่าจะโอนไปให้แก่นิติบุคคลใดที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ ในกรณีนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ให้ทรัพย์สินที่เหลือนั้นตกเป็นของรัฐ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '47'}]",ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใดจะแบ่งให้แก่สมาชิกของหอการค้าไม่ได้ ทรัพย์สินทั้งนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของหอการค้า หรือถ้าไม่ได้ระบุไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ว่าจะโอนไปให้แก่นิติบุคคลใดที่มีวัตถุที่ประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ ในกรณีนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ให้ทรัพย์สินที่เหลือนั้นตกเป็นของรัฐ. +ถ้าจดทะเบียนบริษัทแล้วเตรียมเอกสารไปไม่ครบ ค่อยส่งไปเพิ่มทีหลังได้ไหม,ถ้าเอกสารใดซึ่งกำหนดไว้ว่าให้ส่งด้วยกันกับคำขอจดทะเบียนยังขาดอยู่ไม่ได้ส่งให้ครบ หรือถ้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้ออื่นซึ่งกฎหมายบังคับไว้ก็ดี นายทะเบียนจะไม่ยอมรับจดทะเบียน จนกว่าคำขอจดทะเบียนหรือเอกสารนั้นจะได้ทำให้บริบูรณ์หรือแก้ไขให้ถูกต้อง หรือได้ส่งเอกสารซึ่งกำหนดไว้นั้นครบทุกสิ่งอันหรือได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อนั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1019'}]",นายทะเบียนจะไม่ยอมรับจดทะเบียน จนกว่าคำขอจดทะเบียนหรือเอกสารนั้นจะได้ทำให้บริบูรณ์หรือแก้ไขให้ถูกต้อง หรือได้ส่งเอกสารซึ่งกำหนดไว้นั้นครบทุกสิ่งอันหรือได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อนั้นแล้ว +บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด สามารถการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ได้ไหม,การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้ดำเนินการโดยนิติบุคคลเฉพาะกิจ ซึ่งจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือโดยการก่อตั้งทรัสต์ และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เท่านั้น การดำเนินการของนิติบุคคลเฉพาะกิจโดยการก่อตั้งทรัสต์ ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนมาใช้บังคับ เว้นแต่พระราชกำหนดนี้จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และให้ทรัสตีมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับนิติบุคคลเฉพาะกิจ,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '9'}]",การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้ดำเนินการโดยนิติบุคคลเฉพาะกิจ ซึ่งจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือโดยการก่อตั้งทรัสต์ +ถ้าไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ แล้วตายไปตามกฎหมายใครจะได้มรดก,"ถ้ามีทายาท ก็ทายาทโดยธรรม เป็นลำดับชั้นตามกฎหมาย คือ บุตร พ่อแม่ ปู่ย่าไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าลำดับใกล้เราที่สุดยังมีชีวิตอยู่ คนที่จะได้ก็คือลำดับใกล้เรา ส่วนแบ่งคือเท่ากันถ้าเป็นทายาทในระ��ับชั้นเดียวกัน เช่นถ้ามีลูก2คน มีมรดกคือ 500,000 บาท ลูกได้คนละ 250,000 บาท ทั้งนี้เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และ1633","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1633'}]","ถ้ามีทายาท ก็ทายาทโดยธรรม เป็นลำดับชั้นตามกฎหมาย คือ บุตร พ่อแม่ ปู่ย่าไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าลำดับใกล้เราที่สุดยังมีชีวิตอยู่ คนที่จะได้ก็คือลำดับใกล้เรา ส่วนแบ่งคือเท่ากันถ้าเป็นทายาทในระดับชั้นเดียวกัน เช่นถ้ามีลูก2คน มีมรดกคือ 500,000 บาท ลูกได้คนละ 250,000 บาท." +เงินค่ามัดจำ ตามกฎหมายคนเก็บมัดจำไว้เอาไปทำอะไรได้บ้าง,"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378 มัดจำนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้กระทำได้ต่อไปนี้ คือ + +(1) ให้ส่งคืน หรือจัดเอาเป็นการใช้เงินบางส่วนในเมื่อชำระหนี้ +(2) ให้ริบ ถ้าฝ่ายที่วางมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบ หรือถ้ามีการเลิกสัญญาเพราะความผิดของฝ่ายนั้น +(3) ให้ส่งคืน ถ้าฝ่ายที่รับมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนี้ต้องรับผิดชอบ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '378'}]",(1) ให้ส่งคืน หรือจัดเอาเป็นการใช้เงินบางส่วนในเมื่อชำระหนี้ (2) ให้ริบ ถ้าฝ่ายที่วางมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบ หรือถ้ามีการเลิกสัญญาเพราะความผิดของฝ่ายนั้น (3) ให้ส่งคืน ถ้าฝ่ายที่รับมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนี้ต้องรับผิดชอบ. +ถ้าที่ดินไม่มีทางออกสู่สาธารณะเลย ต้องจ่ายเงินค่าผ่านที่ดินให้เจ้าของที่ไหม,ถ้าจะสร้างถนนผ่านก็ต้องให้ค่าเสียหาย เจ้าของที่แต่ถ้าไม่จะให้เป็นเงินทดแทนรายปีก็ได้ แล้วแต่ตกลงกับเจ้าของที่เราต้องผ่าน ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายที่ได้ใช้ และค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน กฎหมายกำหนดให้เป็นเงินรายปีก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1349'}]",ถ้าจะสร้างถนนผ่านก็ต้อง���ห้ค่าเสียหาย เจ้าของที่แต่ถ้าไม่จะให้เป็นเงินทดแทนรายปีก็ได้ แล้วแต่ตกลงกับเจ้าของที่เราต้องผ่าน ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายที่ได้ใช้ และค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน กฎหมายกำหนดให้เป็นเงินรายปีก็ได้. +ใบเสร็จรับเงินที่ได้จ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat7%) ใช้เป็นใบกำกับภาษีได้ไหม,"ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86/14 ใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออกให้สำหรับการรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ + +1.ผู้ประกอบการจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้สรรพากร แล้วเราจ่ายขอให้ผู้ประกอบการออกใบกำกับภาษีให้เรา(Vat7%) +2. ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ให้ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม +3.ภาษีนำเข้าสินค้า เราเสียภาษีให้กรมศุลกากร + +ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี ได้ทั้งสิ้น + +ดังนั้นแล้วใบเสร็จรับเงินที่ได้จ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat7%) ใช้เป็นใบกำกับภาษีได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/14'}]",ใบเสร็จรับเงินที่ได้จ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat7%) ใช้เป็นใบกำกับภาษีได้ +สัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไปเมื่อไหร่,"ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 80 ระบุว่าสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไปเมื่อ + +(1) หนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ +(2) ผู้รับหลักประกันและผู้ให้หลักประกันตกลงกันเป็นหนังสือให้ยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ +(3) มีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน +(4) มีการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันในการบังคับหลักประกันหรือเมื่อทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับหลักประกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '80'}]",สัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไปเมื่อ (1) หนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ (2) ผู้รับหลักประกันและผู้ให้หลักประกันตกลงกันเป็นหนังสือให้ยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ (3) มีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน (4) มีการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันในการบังคับหล���กประกันหรือเมื่อทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับหลักประกัน. +ถ้าให้รับรองตั๋วเงิน แต่ไม่รับรองบางส่วนตามกฎหมายต้องดำเนินการยังไงต่อ,ในกรณีใช้สิทธิไล่เบี้ยภายหลังการรับรองแต่บางส่วน คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจ่ายเงินตามจำนวนที่เขาไม่รับรองนั้น อาจจะบอกให้จดระบุความที่ใช้เงินนี้ลงไว้ในตั๋วเงิน และเรียกให้ทำใบรับให้แก่ตัวเองได้ ผู้ทรงตั๋วเงินต้องให้สำเนาตั๋วเงินอันรับรองว่าถูกต้องแก่คู่สัญญาฝ่ายนั้น พร้อมทั้งคำคัดค้านด้วย เพื่อให้เขา(คู่สัญญาฝ่ายที่จ่ายเงินที่เขาไม่รับรองไป) สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยในภายหลังได้ เป็นไปตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 972,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '972'}]",คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจ่ายเงินตามจำนวนที่เขาไม่รับรองนั้น อาจจะบอกให้จดระบุความที่ใช้เงินนี้ลงไว้ในตั๋วเงิน และเรียกให้ทำใบรับให้แก่ตัวเองได้ +กองทรัสต์จะจัดการยังไงให้มีประโยชน์ที่สุดได้บ้าง,เพื่อให้การจัดการกองทรัสต์เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้รับประโยชน์หรือเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกที่ทำนิติกรรมกับทรัสตี ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของทรัสตี การดำรงฐานะทางการเงิน การทำประกันภัยสำหรับความรับผิดที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี และการจัดส่งรายงานหรือเอกสารต่าง ๆ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '58'}]",เพื่อให้การจัดการกองทรัสต์เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้รับประโยชน์หรือเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกที่ทำนิติกรรมกับทรัสตี ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของทรัสตี การดำรงฐานะทางการเงิน การทำประกันภัยสำหรับความรับผิดที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี และการจัดส่งรายงานหรือเอกสารต่าง ๆ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. +วิธีการชำระหนี้เมื่อทรัสต์สิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน มีอะไรบ้าง,"ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 53 การชำระสะสางหนี้สินและค่าใช้จ่ายเมื่อทรัสต์สิ้นสุดลง ให้เป็นไปตามลำดับดังต่อไปนี้ + +(1) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรวบรวม จำหน่าย และจัดสรรทรัพย์สิน +(2) ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากรที่ต้องชำระและที่ค้างชำระ +(3) ค่าตอบแทนของบุคคลตามมาตรา 29 หรือมาตรา 52 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของผู้รับประโยชน์ตามมาตรา 44 วรรคสาม มาตรา 45 หรือมาตรา 46 และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องมาจากการจัดการกองทรัสต์ที่ทรัสตีมีสิทธิเรียกเอาจากกองทรัสต์ได้โดยชอบ และค่าตอบแทนทรัสตี +(4) หนี้อย่างอื่น ในกรณีที่กองทรัสต์มีไม่เพียงพอที่จะจัดสรรให้เป็นค่าใช้จ่ายหรือชำระหนี้ในลำดับใด ให้จัดสรรให้เป็นค่าใช้จ่ายหรือชำระหนี้ในลำดับนั้นโดยวิธีการเฉลี่ยตามสัดส่วนของมูลหนี้ เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายและชำระหนี้ตามวรรคหนึ่งแล้ว + +หากกองทรัสต์มีทรัพย์สินคงเหลือ ให้จัดสรรให้แก่บุคคลตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ ในกรณีที่สัญญาก่อตั้งทรัสต์มิได้กำหนดไว้ ให้บรรดาทรัพย์สินและสิทธิต่าง ๆ ที่คงเหลือตกแก่ผู้รับประโยชน์ ให้นำความในมาตรา 42 มาใช้บังคับกับการนำกองทรัสต์มาชำระหนี้ให้กับทรัสตีตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม ในการรวบรวม จำหน่าย หรือจัดสรรทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง สำนักงาน ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการให้ปฏิบัติก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '53'}]",การชำระสะสางหนี้สินและค่าใช้จ่ายเมื่อทรัสต์สิ้นสุดลง ให้เป็นไปตามลำดับดังต่อไปนี้: (1) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรวบรวม จำหน่าย และจัดสรรทรัพย์สิน (2) ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากรที่ต้องชำระและที่ค้างชำระ (3) ค่าตอบแทนของบุคคลตามมาตรา 29 หรือมาตรา 52 และ (4) หนี้อย่างอื่น. +ถ้าคนเช่าห้องไม่จ่ายค่าเช่า ตามทำยังไงตามกฎหมาย,"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน หรือส่งเป็นระยะเวลายาวกว่ารายเดือนขึ้นไป ผู้ให้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชำระค่าเช่าภายในเวลาใด ซึ่งพึงกำหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน + +ดังนั้นถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้ แต่ถ้าเช่าเป็นรายเดือนหรื���นานกว่ารายเดือน ต้องบอกให้เขาชำระเงินก่อนไม่น้อยกว่า 15 วัน เป็นขั้นต่ำ ถึงจะบอกเลิกสัญญาได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '560'}]",ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้ แต่ถ้าค่าเช่าถูกส่งเป็นรายเดือนหรือระยะเวลายาวกว่ารายเดือน ผู้ให้เช่าต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าภายในเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนที่จะบอกเลิกสัญญา. +บริษัทหลักทรัพย์ที่เลิกกิจการต้องดำเนินการที่ค้างอยู่ให้เสร็จภายในระยะเวลาที่ใครกำหนด,สำนักงาน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 151 เมื่อบริษัทหลักทรัพย์ใดเลิกกิจการหรือเลิกประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ ชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ในรายการที่ค้างอยู่ให้เสร็จภายในระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '151'}]",สำนักงาน +บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและไม่มีคู่สมรสถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถใครสามารถเป็นผู้พิทักษ์ได้บ้าง,ให้บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1569/1 ในกรณีที่ผู้เยาว์ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและศาลมีคำสั่งตั้งบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองเป็นผู้อนุบาลให้คำสั่งนั้นมีผลเป็นการถอนผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและไม่มีคู่สมรสถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ให้บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1569/1'}]",ให้บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดา +สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนกรณีสมรสเป็นโมฆะมีกำหนดอายุความกี่ปี,อายุความสองปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1499 การสมรสที่เป็นโมฆะ เพราะฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 หรือมาตรา 1458 ไม่ทำให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสื่อมสิทธิที่ได้มาเพราะการสมรสก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นโมฆะ การสมรสที่เป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืนมาตรา 1452 ไม่ทำให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสื่อมสิทธิที่ได้มา เพราะการสมรสก่อนที่ชายหรือหญิงนั้นรู้ถึงเหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆะ แต่การสมรสที่เป็นโมฆะดังกล่าว ไม่ทำให้คู่สมรสเกิดสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง การสมรสที่เป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 หรือมาตรา 1458 หรือฝ่าฝืนมาตรา 1452 ถ้าคู่สมรสฝ่ายใดได้สมรสโดยสุจริตฝ่ายนั้นมีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้ และถ้าการสมรสที่เป็นโมฆะนั้นทำให้ฝ่ายที่ได้สมรสโดยสุจริตต้องยากจนลงเพราะไม่มีรายได้พอจากทรัพย์สิน หรือจากการงานที่เคยทำอยู่ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือก่อนที่จะได้รู้ว่าการสมรสของตนเป็นโมฆะ แล้วแต่กรณี ฝ่ายนั้นมีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพได้ด้วย สิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพในกรณีนี้ให้นำมาตรา 1526 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1528 มาใช้บังคับโดยอนุโลม สิทธิเรียกร้องค่าทดแทน หรือค่าเลี้ยงชีพตามวรรคสาม มีกำหนดอายุความสองปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด สำหรับกรณีการสมรสเป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 หรือมาตรา 1458 หรือนับแต่วันที่รู้ถึงเหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆะ สำหรับกรณีการสมรสเป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืนมาตรา 1452,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1499'}]",อายุความสองปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด +ถ้าวันสุดท้ายเป็นวันหยุดจะเริ่มนับวันสุดท้ายอย่างไร,นับวันทำการถัดไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/8 ถ้าวันสุดท้ายของระยะเวลาเป็นวันหยุดทำการตามประกาศเป็นทางการหรือตามประเพณี ให้นับวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการนั้นเป็นวันสุดท้ายของระยะเวลา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/8'}]",นับวันทำการถัดไป +ข้อตกลงนอกเหนือจากบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับจำนองให้ผลอย่างไร,ไม่สมบูรณ์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 711 การที่จะตกลงกันไว้เสียแต่ก่อนเวลาหนี้ถึงกำหนดชำระเป็นข้อความอย่างใดอย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ ให้ผู้รับจำนองเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งจำนอง หรือว่าให้จัดการแก่ทรัพย์สินนั้นเป็นประการอื่นอย่างใด นอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจำนองนั้นไซร้ ข้อตกลงเช่นนั้นท่านว่าไม่สมบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '711'}]",ไม่สมบูรณ์ +ผู้ริเริ่มจัดตั้งบริษัทกระทำฝ่าฝืนบทบัญญติตามกฎหมายต้องรับโทษอย่างไร,ทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 193 ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '193'}]",ทั้งจำทั้งปรับ +ค่าอุปการะเลี้ยงดูศาลสั่งเเก้ไขได้เมื่อใด,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/39 เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกก็ได้ ในกรณีที่ศาลไม่พิพากษาให้ค่าอุปการะเลี้ยงดู เพราะเหตุแต่เพียงอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ในขณะนั้น หากพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป และพฤติการณ์รายได้หรือฐานะของผู้เรียกร้องอยู่ในสภาพที่ควรได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดู ผู้เรียกร้องอาจร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งในคดีนั้นใหม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/39'}]",เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป +คำขอจัดตั้งกองทุนรวมต้องได้รับอนุมัติจากใคร,สำนักงาน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 117 ในการจัดการกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จะจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมได้ เมื่อคำขอจัดตั้งกองทุนรวมนั้นได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '117'}]",สำนักงาน +คดีฟ้องเรียกหนี้สินจากห้างหุ้นส่วนห้ามมิให้ฟ้องภายในกี่ปี,สองปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1272 ในคดีฟ้องเรียกหนี้สินซึ่งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น หรือผู้ชำระบัญชีเป็นลูกหนี้อยู่ในฐานเช่นนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันถึงท���่สุดแห่งการชำระบัญชี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1272'}]",สองปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี +กรณีใดบ้างที่ศาลสามารถบังคับเอากับสินทรัพย์ของห้างหุ้น,(1) สินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนยังมีพอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน และ (2) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างหุ้นส่วนนั้นไม่เป็นการยากฉะนี้ไซร้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1071 ในกรณีที่กล่าวไว้ในมาตรา 1070 นั้น ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนนำพิสูจน์ได้ว่า (1) สินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนยังมีพอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน และ (2) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างหุ้นส่วนนั้นไม่เป็นการยากฉะนี้ไซร้ ศาลจะบังคับให้เอาสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนนั้นชำระหนี้ก่อนก็ได้ สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1071'}]",(1) สินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนยังมีพอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน และ (2) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างหุ้นส่วนนั้นไม่เป็นการยากฉะนี้ไซร้ +สำนักงานมีสำนักงานเเห่งใหญ่ที่ใด,ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 18 ให้สำนักงานมีสำนักงานแห่งใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง และจะตั้งสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '18'}]",ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง +สิ่งตอบเเทนของการชำระราคาคืออะไร,รับมอบทรัพย์สิน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 486 ผู้ซื้อจำต้องรับมอบทรัพย์สินที่ตนได้รับซื้อและใช้ราคาตามข้อสัญญาซื้อขาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '486'}]",รับมอบทรัพย์สิน +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องจัดทำบัญชีตามเเนวทางใด,มาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนด และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 27 ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจัดทำบัญชีแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงให้เป็นปัจจุบันโดยต้องถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนด และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ความในวรรคหนึ่ง มิ���ห้ใช้บังคับกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทที่ปรึกษาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '27'}]",มาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนด และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +หากปรากฏหลักฐานว่า บริษัทหลักทรัพย์ใดดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน สำนักงานจะต้องทำอย่างไร,สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นถอดถอนกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ผู้เป็นต้นเหตุดังกล่าวออกจากตำแหน่งได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 144 เมื่อปรากฏหลักฐานต่อสำนักงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ใดมีฐานะหรือมีการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนหรือกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของสำนักงานตามมาตรา 141 หรือมาตรา 142 ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นถอดถอนกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ผู้เป็นต้นเหตุดังกล่าวออกจากตำแหน่งได้ และให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นแต่งตั้งบุคคลอื่นโดยความเห็นชอบจากสำนักงานเข้าดำรงตำแหน่งแทนภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันถอดถอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '144'}]",สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นถอดถอนกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ผู้เป็นต้นเหตุดังกล่าวออกจากตำแหน่งได้ +การชำระค่าหุ้น ผู้จองหุ้นหรือผู้ซื้อหุ้นจะขอหักกลบลบหนี้กับบริษัทได้หรือไม่,ไม่ได้ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 54 ภายใต้บังคับมาตรา 35 (5) และมาตรา 52 หุ้นทุกหุ้นต้องใช้เป็นเงินครั้งเดียวจนเต็มมูลค่า ในการชำระค่าหุ้น ผู้จองหุ้นหรือผู้ซื้อหุ้นจะขอหักกลบลบหนี้กับบริษัทไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '54'}]",ไม่ได้ +การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์เมื่อใด,สามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1515 เมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1515'}]",สามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว +ในการชำระหนี้ของบริษัท ถ้าปรากฏว่ามีทรัพย์สินเหลืออยู่อีกผู้ชำระบัญชีต้องทำอย่างไร,"ให้ผู้ชำระบัญชีแบ่งทรัพย์สินนั้นระหว่างผู้ถือหุ้นตามส่วนของหุ้นที่แต่ละคนถือ +พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 172 เมื่อได้ชำระหนี้หรือกันเงินเพื่อการชำระหนี้ทั้งหมดของบริษัทแล้ว ถ้ายังมีทรัพย์สินเหลืออยู่อีก ให้ผู้ชำระบัญชีแบ่งทรัพย์สินนั้นระหว่างผู้ถือหุ้นตามส่วนของหุ้นที่แต่ละคนถือ เว้นแต่จะมีข้อตกลงไว้เป็นอย่างอื่นในข้อบังคับของบริษัทในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '172'}]",ให้ผู้ชำระบัญชีแบ่งทรัพย์สินนั้นระหว่างผู้ถือหุ้นตามส่วนของหุ้นที่แต่ละคนถือ +ผู้ประกอบพาณิชยกิจสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักร ให้จดทะเบียน ณ ที่ใด,สำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในท้องที่ใด ให้จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้น พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 10 การจดทะเบียนนั้น ผู้ประกอบพาณิชยกิจตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในท้องที่ใด ให้จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้น ถ้าสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ และมาประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย สำนักงานสาขาใหญ่ตั้งอยู่ในท้องที่ใด ให้จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้น ในกรณีที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับจดทะเบียนพาณิชยกิจประเภทใด ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจประเภทดังกล่าวจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในท้องที่ที่สำนักงานแห่งใหญ่หรือสำนักงานสาขาใหญ่ตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '10'}]",สำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในท้องที่ใด ให้จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้น +ที่ประชุมสามัญต้องเลือกผู้สอบบัญชีทุกกี่ปี,ทุกปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1209 ผู้สอบบัญชีนั้น ให้ที่ประชุมสามัญเลือกตั้งทุกปี ผู้สอบบัญชีคนซึ่งออกไปนั้นจะเลือกกลับเข้ารับตำแหน่งอีกก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1209'}]",ทุกปี +ค่าปรับเป็นพินัยต้องชำระไม่เกินกี่บาท,500 บาท พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 35 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 21 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '35'}]",ห้าพันบาท +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเรียกผู้เสียภาษีมาไต่สวนได้หรือไม่,ได้ ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/4 ในการดำเนินการของเจ้าพนักงานประเมินในส่วนนี้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผู้ทำการแทน หรือพยานกับมีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาตรวจสอบไต่สวนได้ หรือออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ แต่จะต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียก หรือได้รับคำสั่ง,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/4'}]",ได้ +กรณีผู้ยืมฝ่าฝืนบัทบัญญัติตามกฎหมาย ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 645 ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา 643 นั้นก็ดี หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา 644 ก็ดี ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '645'}]",ได้ +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดบ้างมีอำนาจกำหนดอัตราค่าฤชาธรรมเนียม,ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลาโหม และต่างประเทศ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลาโหม และต่างประเทศ มีอำนาจและหน้าที่เท่าที่เกี่ยวกับกระทรวงนั้น ๆ ที่จะออกกฎกระทรวง เพื่อให้การเป็นไปตามประมวลกฎหมายบรรพนี้ รวมทั้งกำหนดอัตราค่าฤชาธรรมเนียมอันเกี่ยวกับการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1672'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลาโหม และต่างประเทศ +เงินได้พึงประเมิน ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จะได้กำหนดในกฎหมายใด,โดยพระราชกฤษฎีกา ประมวลรัษฎากร มาตรา 46 เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา40 (8) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '46'}]",โดยพระราชกฤษฎีกา +จำนำตั๋วเงิน ผู้รับจำเนาเรียกเก็บเงินตามต๋วได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 766 ถ้าจำนำตั๋วเงิน ท่านให้ผู้รับจำนำเก็บเรียกเงินตามตั๋วเงินนั้นในวันถึงกำหนด ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '766'}]",ได้ +บริษัทต้องยื่นขอจดทะเบียนรายการเปลี่ยนเเปลงภายในกี่วัน,40 วัน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 40 ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการใดที่แสดงไว้ตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง ให้บริษัทขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงรายการนั้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '40'}]",สิบสี่วัน +ผู้ใช้เงินในเวลาถึงกำหนดย่อมเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิดใช่หรือไม่,ใช่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 949 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 1009 บุคคลผู้ใช้เงินในเวลาถึงกำหนดย่อมเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ตนจะได้ทำการฉ้อฉลหรือมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อนึ่งบุคคลซึ่งกล่าวนี้จำต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าได้มีการสลักหลังติดต่อกันเรียบร้อยไม่ขาดสาย แต่ไม่จำต้องพิสูจน์ลายมือชื่อของเหล่าผู้สลักหลัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '949'}]",ใช่ +ถ้าไม่มีมาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนดจำยึดถือมาตรฐานการบัญชีใด,มาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 43 ระหว่างที่ยังไม่มีมาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนด ให้ถือว่ามาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยซึ่งคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชีได้มีมติให้ประกาศใช้แล้ว เป็นมาตรฐานการบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '43'}]",มาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย +หนี้ที่มีมูลอันมิชอบด้วยกฎหมายจะนำมาหักกลับลบหนี้ได้หรือไม่,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 345 หนี้รายใดเกิดแต่การอันมิชอบด้วยกฎหมายเป็นมูล ท่านห้ามมิให้ลูกหนี้ถือเอาประโยชน์แห่งหนี้รายนั้น เพื่อหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '345'}]",���ม่ได้ +บทบัญญัติว่าด้วยการขนนำมาใช้บังคับกับการเก็บสินค้าในครั้งได้หรือไม่,"ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 772 บทบัญญัติมาตรา 616, 619, 623, 625, 630, 631 และ 632 อันว่าด้วยการรับขนนั้น ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่การเก็บของในคลังสินค้า อนุโลมตามควรแก่บท","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '772'}]",ได้ +ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้กรรมการออกก่อนวาระด้วยคะเเนนเสียงเท่าใด,ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 76 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้กรรมการคนใดออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระได้ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '76'}]",ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง +ถ้าผู้มีส่วนได้เสียร้องขอจะต้องจดทะเบียนการชำระหนี้หรือไม่,ต้องจด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 746 การชำระหนี้ไม่ว่าครั้งใด ๆ สิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนก็ดี การระงับหนี้อย่างใด ๆ ก็ดี การตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนองหรือหนี้อันจำนองเป็นประกันนั้นเป็นประการใดก็ดี ท่านว่าต้องนำความไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในเมื่อมีคำขอร้องของผู้มีส่วนได้เสีย มิฉะนั้นท่านห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '746'}]",ต้องจด +สิทธิในตั๋วเเลกเงินย่อมโอนเมื่อใด,สลักหลัง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 920 อันการสลักหลังย่อมโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่ตั๋วแลกเงิน ถ้าสลักหลังลอย ผู้ทรงจะปฏิบัติดังกล่าวต่อไปนี้ประการหนึ่งประการใดก็ได้ คือ (1) กรอกความลงในที่ว่างด้วยเขียนชื่อของตนเองหรือชื่อบุคคลอื่นผู้ใดผู้หนึ่ง (2) สลักหลังตั๋วเงินต่อไปอีกเป็นสลักหลังลอย หรือสลักหลังให้แก่บุคคลอื่นผู้ใดผู้หนึ่ง (3) โอนตั๋วเงินนั้นให้ไปแก่บุคคลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในที่ว่าง และไม่สลักหลังอย่างหนึ่งอย่างใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '920'}]",สลักหลัง +การให้สมบูรณ์เมื่อใด,ส่งมอบทรัพย์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '523'}]",ส่งมอบทรัพย์ +คนต่างด้าวอายุ 19 ปี ขอใบอนุญาตได้หรือไม่,ไม่ได้ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 16 คนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตได้ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (2) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (3) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (4) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (5) ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาหรือถูกเปรียบเทียบปรับในความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันขอรับใบอนุญาต (6) ไม่เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาในความผิดฐานฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก ความผิดเกี่ยวกับการค้าตามประมวลกฎหมายอาญาหรือในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันขอรับใบอนุญาต (7) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ในระยะเวลาห้าปีก่อนวันขอรับใบอนุญาต ในกรณีนิติบุคคลเป็นผู้ขอรับใบอนุญาต กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของนิติบุคคลนั้นที่เป็นคนต่างด้าวต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวในวรรคหนึ่งด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '16'}]",ไม่ได้ +รอบปีบัญชีของบริษัทเท่ากับกี่เดือน,12 เด��อน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 110 นอกจากการจัดทำบัญชีตามมาตรา 109 บริษัทต้องจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนอย่างน้อยครั้งหนึ่งในรอบสิบสองเดือนอันเป็นรอบปีบัญชีของบริษัทนั้น งบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนต้องมีรายการและความหมายของรายการตามที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '110'}]",12 เดือน +การโอนสิทธิเรียกร้องสิทธิจำนำโอนไปด้วยหรือไม่,โอนไปด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 305 เมื่อโอนสิทธิเรียกร้องไป สิทธิจำนอง จำนำ หรือหลักประกันทางธุรกิจที่มีอยู่เกี่ยวพันกับสิทธิเรียกร้องนั้นก็ดี สิทธิอันเกิดขึ้นแต่การค้ำประกันที่ให้ไว้เพื่อสิทธิเรียกร้องนั้นก็ดี ย่อมตกไปได้แก่ผู้รับโอนด้วย อนึ่งผู้รับโอนจะใช้บุริมสิทธิใด ๆ ที่ตนมีอยู่เกี่ยวด้วยสิทธิเรียกร้องในกรณีบังคับยึดทรัพย์หรือล้มละลายนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '305'}]",โอนไปด้วย +พินัยกรรมตามเเบบต้องมีอะไรบ้าง,ต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 พินัยกรรมนั้น จะทำตามแบบดังนี้ก็ได้ กล่าวคือต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามแบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามมาตรานี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1656'}]",ต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น +ผู้เป็นหุ้นส่วนได้รับชำระหนี้ก่อนจดทะเบียนต้องคืนหรือไม่,ไม่ต้องคืน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ���าตรา 1023 ผู้เป็นหุ้นส่วนก็ดี ห้างหุ้นส่วนก็ดี หรือบริษัทก็ดี จะถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอกเพราะเหตุที่มีสัญญาหรือเอกสาร หรือข้อความอันบังคับให้จดทะเบียนตามลักษณะนี้ยังไม่ได้ จนกว่าจะได้จดทะเบียนแล้ว แต่ฝ่ายบุคคลภายนอกจะถือเอาประโยชน์เช่นว่านั้นได้ แต่ถึงกระนั้นก็ดี ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้น ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทซึ่งได้รับชำระหนี้ก่อนจดทะเบียนนั้นย่อมไม่จำต้องคืน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1023'}]",ไม่ต้องคืน +คำวินิจฉัยหลักประกันทางธุรกิจมีลักษณะอย่างไร,คำวินิจฉัยต้องทำเป็นหนังสือและต้องประกอบด้วยสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเหตุผลในการวินิจฉัย ลายมือชื่อของผู้บังคับหลักประกัน และวันที่มีคำวินิจฉัย พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 67 เมื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จ ให้ผู้บังคับหลักประกันวินิจฉัยว่ามีเหตุบังคับหลักประกันหรือไม่ ในกรณีที่วินิจฉัยว่ามีเหตุบังคับหลักประกัน ให้ระบุจำนวนหนี้ที่ต้องชำระไว้ด้วย หากคู่สัญญาตกลงกันให้มีผู้บังคับหลักประกันหลายคน การลงมติวินิจฉัยให้เป็นไปตามเสียงข้างมาก ในกรณีที่มีเหตุบังคับหลักประกัน และผู้รับหลักประกันประสงค์ที่จะบังคับหลักประกันทันทีให้ผู้บังคับหลักประกันมีคำวินิจฉัยบังคับหลักประกัน แต่หากผู้รับหลักประกันยินยอมผ่อนผันให้แก่ผู้ให้หลักประกันเป็นหนังสือโดยให้ถือว่ายังไม่เคยมีเหตุบังคับหลักประกันดังกล่าวเกิดขึ้น ให้วินิจฉัยว่าไม่มีเหตุบังคับหลักประกันและให้บันทึกคำยินยอมของผู้รับหลักประกันไว้ในคำวินิจฉัย ในกรณีที่ไม่มีเหตุบังคับหลักประกัน ให้ผู้บังคับหลักประกันมีคำวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุบังคับหลักประกัน คำวินิจฉัยต้องทำเป็นหนังสือและต้องประกอบด้วยสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเหตุผลในการวินิจฉัย ลายมือชื่อของผู้บังคับหลักประกัน และวันที่มีคำวินิจฉัย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '67'}]",คำวินิจฉัยต้องทำเป็นหนังสือและต้องประกอบด้วยสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเหตุผลในการวินิจฉัย ลายมือชื่อของผู้บังคับหลักประกัน และวันที่มีคำวิ��ิจฉัย +การสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจยื่นรายงานหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นอำนาจของใคร,กลต พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 19 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายื่นรายงานหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามระยะเวลาหรือเป็นครั้งคราวตามที่กำหนดได้ และสำนักงาน ก.ล.ต. จะขอให้ทำคำชี้แจงเพื่ออธิบายหรือขยายความแห่งรายงานหรือเอกสารนั้นด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '19'}]",กลต +ก่อนชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีต้องดำเนินการอย่างไร,เรียกเจ้าหนี้บริษัทมาประชุมร่วมกัน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 171 ในกรณีที่ผู้ชำระบัญชีเห็นว่าจำเป็นแก่การชำระบัญชี หรือเมื่อเจ้าหนี้ของบริษัทร้องขอ ผู้ชำระบัญชีจะเรียกเจ้าหนี้ของบริษัทมาประชุมร่วมกันกับผู้ชำระบัญชีเพื่อพิจารณากิจการและฐานะการเงินของบริษัท และทำความตกลงในเรื่องที่จะชำระหนี้ก็ได้ ความตกลงในเรื่องการชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนหรือโดยวิธีอื่นใดย่อมมีผลผูกพันเฉพาะเจ้าหนี้ที่ตกลงยินยอมด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '171'}]",เรียกเจ้าหนี้บริษัทมาประชุมร่วมกัน +นิติบุคคลที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับวันละไม่เกินกี่บาท,"10,000 บาท พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 66 นิติบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '66'}]","10,000 บาท" +ผู้รับจ้างทำการชักช้าฝ่าฝืนข้อกำหนดในสัญญา ผู้ว่าจ้างจะบอกเลิกสัญญาก่อนถึงกำหนดส่งมอบงานได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 593 ถ้าผู้รับจ้างไม่เริ่มทำการในเวลาอันควร หรือทำการชักช้าฝ่าฝืนข้อกำหนดแห่งสัญญาก็ดี หรือทำการชักช้าโดยปราศจากความผิดของผู้ว่าจ้าง จนอาจคาดหมายล่วงหน้าได้ว่าการนั้นจะไม่สำเร็จภายในกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ก็ดี ผู้ว่าจ้างชอบที่จะเลิกสัญญาเสียได้ มิพักต้องรอคอยใ���้ถึงเวลากำหนดส่งมอบของนั้นเลย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '593'}]",ได้ +เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปได้หรือไม่,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 ท่านมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1390'}]",ไม่ได้ +ผลการลงคะเเนนลับถือเป็นมติที่ประชุมหรือไม่,เป็น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1191 ในการประชุมใหญ่ใด ๆ เมื่อผู้เป็นประธานแสดงว่ามติอันใดนับคะแนนชูมือเป็นอันว่าได้หรือตกก็ดี และได้จดลงไว้ในสมุดรายงานประชุมของบริษัทดังนั้นแล้ว ท่านให้ถือเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ตามนั้น ถ้ามีผู้ติดใจร้องขอให้ลงคะแนนลับไซร้ ท่านให้ถือว่าผลแห่งคะแนนลับนั้นเป็นมติของที่ประชุม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1191'}]",เป็น +ผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดโดยวิธีการจ้างจะถูกลงโทษอย่างไร,ระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 90 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติในมาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '90'}]",ระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น +บริษัทต้องลงทะเบียนเเละออกใบหุ้นใหม่ภายในกี่เดือนนับเเต่ได้รับเอกสารครบถ้วน,1 เดือน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 59 ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตายหรือล้มละลาย อันเป็นเหตุให้บุคคลใดมีสิทธิในหุ้นนั้น ถ้าบุคคลนั้นได้นำหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายมาแสดงครบถ้วนแล้วให้บริษัทลงทะเบียนและออกใบหุ้นให้ใหม่ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันได้รับหลักฐานครบถ้วน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '59'}]",1 เดือน +ผู้ที่ใช้ชื่อหรือคำเเสดงชื่อว่าเป็นทรัสตีโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หร��อทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะเลิกใช้ ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีสิทธิที่จะใช้ชื่อหรือคำดังกล่าวได้ตามกฎหมายอื่น พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 78 ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อหรือคำโฆษณาในธุรกิจว่าเป็นทรัสตี หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะเลิกใช้ ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีสิทธิที่จะใช้ชื่อหรือคำดังกล่าวได้ตามกฎหมายอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '78'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะเลิกใช้ ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีสิทธิที่จะใช้ชื่อหรือคำดังกล่าวได้ตามกฎหมายอื่น +การสมรสที่เป็นโมฆะ ศาลต้องเเจ้งไปยังนายทะเบียนหรือไม่,ต้องเเจ้ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497/1 ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ ให้ศาลแจ้งไปยังนายทะเบียนเพื่อบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรส,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1497/1'}]",ต้องเเจ้ง +ผู้ชำระบัญชีปกปิดฐานะทางการเงินต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินกี่บาท,ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท* พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 214 กรรมการหรือผู้ชำระบัญชีของบริษัทใด โดยทุจริต แสดงออกซึ่งความเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเรื่องฐานะการเงินของบริษัทนั้น มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '214'}]",ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท* +หนี้ละเมิดลูกหนี้ผิดนัดเมื่อใด,เวลาทำละเมิด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206 ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '206'}]",เวลาทำละเมิด +คู่กรณีแปลงหนี้ให��่โอนสิทธิจำนำเกินประกันวัตถุแห่งหนี้เดิมได้หรือไม่,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 352 คู่กรณีในการแปลงหนี้ใหม่อาจโอนสิทธิจำนำหรือจำนองที่ได้ให้ไว้เป็นประกันหนี้เดิมนั้นไปเป็นประกันหนี้รายใหม่ได้ เพียงเท่าที่เป็นประกันวัตถุแห่งหนี้เดิม แต่หลักประกันเช่นว่านี้ ถ้าบุคคลภายนอกเป็นผู้ให้ไว้ไซร้ ท่านว่าจำต้องได้รับความยินยอมของบุคคลภายนอกนั้นด้วยจึงโอนได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '352'}]",ไม่ได้ +การขูดลบพินัยกรรมมีผลอย่างไร,พินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และกรมการอำเภอจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1658'}]",พินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ +ข้อความในนิติกรรมจะเป็นผลเมื่อมีเหตุการณ์อันไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ในอนาคต ข้อความนี้เรียกว่า,เงื่อนไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 182 ข้อความใดอันบังคับไว้ให้นิติกรรมเป็นผลหรือสิ้นผลต่อเมื่อมีเหตุการณ์อันไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ในอนาคต ข้อความนั้นเรียกว่าเงื่อนไข,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '182'}]",เงื่อนไข +การเเสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดกจะถอนได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1609 การแสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดกนั้นจะถอนเสียก็ได้ ถ้าการตัดมิให้รับมรดกนั้นได้ทำโดยพินัยกรรม จะถอนเสียได้ก็แต่โดยพินัยกรรมเท่านั้น แต่ถ้าการตัดมิให้รับมรดกได้ทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ การถอนจะทำตามแบบใดแบบหนึ่งดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1608 (1) หรือ (2) ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1609'}]",ได้ +ข้อความในสัญญาจ้างสอบบัญชีที่ปฏิเสธความรับผิดของผู้สอบบัญชีมีผลเป็นอย่างไร,เป็นโมฆะ พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 48 ข้อความใดในสัญญาจ้างสอบบัญชีที่กำหนดให้มีผลเป็นการจำกัดหรือปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ข้อความนั้นเป็นโมฆะ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะรายงานผลการสอบบัญชีโดยระบุข้อความใดอันแสดงว่าตนไม่รับผิดชอบในผลการตรวจสอบ หรือแสดงความไ���่ชัดเจนในผลการตรวจสอบเพราะเหตุที่ตนมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วนที่พึงคาดหวังได้จากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตหรือโดยครบถ้วนตามมาตรฐานการสอบบัญชีมิได้ การกระทำตามวรรคสองถือว่าเป็นการพฤติผิดจรรยาบรรณ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '48'}]",เป็นโมฆะ +การจดทะเบียนต้องเสียค่าธรรมเนียมตามกฎข้อบังคับซึ่งผู้ใดกำหนดไว้,รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงตั้งไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1018 ในการจดทะเบียน ท่านให้เสียค่าธรรมเนียมตามกฎข้อบังคับซึ่งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงตั้งไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1018'}]",รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงตั้งไว้ +ถ้าห้างหุ้นส่วนเลิกกัน เจ้าหนี้ผู้เป็นหุ้นส่วนจะบังคับชำระหนี้อย่างไร,เจ้าหนี้ย่อมใช้สิทธิได้ตลอดจนถึงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นอันมีในสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1072 ถ้าห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังมิได้เลิกกันตราบใด เจ้าหนี้ของผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวย่อมใช้สิทธิได้แต่เพียงในผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนค้างชำระแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นเท่านั้น ถ้าห้างหุ้นส่วนนั้นเลิกกันแล้ว เจ้าหนี้ย่อมใช้สิทธิได้ตลอดจนถึงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นอันมีในสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1072'}]",เจ้าหนี้ย่อมใช้สิทธิได้ตลอดจนถึงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นอันมีในสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน +การยื่นคำขอจัดตั้งกองทุนรวมบริษัทหลักทรัพย์ต้องส่งเอกสารใดบ้าง,(1) รายละเอียดของโครงการจัดการกองทุนรวมตามรายการที่สำนักงานประกาศกำหนด (2) ร่างข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ (3) ร่างสัญญาจัดตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 118 ในการยื่นคำขอจัดตั้งกองทุนรวมตามมาตรา 117 บริษัทหลักทรัพย์ต้องส่งเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ด้วย (1) รายละเอียดของโครงการจัดการกองทุนรวมตามรายการที่สำนักงานประกาศกำหนด (2) ร่างข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ (3) ร่างสัญญาจัดตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย���และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '118'}]",(1) รายละเอียดของโครงการจัดการกองทุนรวมตามรายการที่สำนักงานประกาศกำหนด (2) ร่างข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ (3) ร่างสัญญาจัดตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม +ข้อพิพาทการโอนรายใดมีสิทธิดีกว่ารายอื่น,โอนรายได้บอกกล่าวหรือตกลงกันก่อน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 307 ถ้าพิพาทอ้างสิทธิในการโอนต่างราย โอนรายใดได้บอกกล่าวหรือตกลงกันก่อน โอนรายนั้นมีสิทธิดีกว่าโอนรายอื่น ๆ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '307'}]",โอนรายได้บอกกล่าวหรือตกลงกันก่อน +ทุนขั้นต่ำที่คนต่างด้าวใช้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยต้องไม่น้อยกว่ากี่บาท,2 ล้านบาท พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 14 ทุนขั้นต่ำที่คนต่างด้าวใช้ในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ต้องไม่น้อยกว่าสองล้านบาท ในกรณีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในวรรคแรกเป็นธุรกิจที่ต้องได้รับอนุญาตตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ ทุนขั้นต่ำที่กำหนดในกฎกระทรวงสำหรับแต่ละธุรกิจต้องไม่น้อยกว่าสามล้านบาท กฎกระทรวงที่ออกตามบทบัญญัติมาตรานี้ อาจกำหนดระยะเวลาทุนขั้นต่ำที่ต้องนำหรือส่งเข้ามาในประเทศไทยไว้ด้วยก็ได้ ความในมาตรานี้ไม่ใช้บังคับกับกรณีที่คนต่างด้าวนำเงินหรือทรัพย์สินอันเกิดจากรายได้ที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจเดิมที่เริ่มดำเนินการมาก่อนแล้วในประเทศไทยไปเริ่มประกอบธุรกิจรายอื่นหรือนำไปลงหุ้นหรือลงทุนในกิจการหรือในนิติบุคคลอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '14'}]",2 ล้านบาท +ผู้รับรองจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงคู่ฉีกหรือไม่,ต้องรับผิด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 979 ถ้าผู้รับรองตั๋วเงินซึ่งออกเป็นสำรับใช้เงินไปโดยมิได้เรียกให้ส่งมอบคู่ฉีกฉบับซึ่งมีคำรับรองของตนนั้นให้แก่ตนและในเวลาตั๋วเงินถึงกำหนด คู่ฉีกฉบับนั้นไปตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนใดคนหนึ่งไซร้ ท่านว่าผู้รับรองจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงคู่ฉีกฉบับนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '979'}]",ต้องรับผิด +ให้บริษัทหลักทรัพย์ประกาศรายการหรือเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์นั้นตามหลักเกณฑ์ที่ใครกำหนด,สำนักงาน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 108 ให้บริษัทหลักทรัพย์ประกาศรายการหรือเปิดเผยข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์นั้นตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด ประกาศรายการหรือข้อมูลดังกล่าว ให้แสดงไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้น และให้รายงานต่อสำนักงานทราบพร้อมด้วยสำเนาประกาศรายการหรือข้อเปิดเผย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '108'}]",สำนักงาน +กระทำการผิดหน้าที่ของพนักงานโดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของลูกค้าต้องระวางโทษอย่างไร,จำคุก หรือ ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 145 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใด กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) โดยทุจริต หลอกลวงลูกค้าของนิติบุคคลนั้นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรบอกให้แจ้งเกี่ยวกับกิจการที่นิติบุคคลนั้นมีหน้าที่กระทำการเพื่อประโยชน์ของลูกค้าของนิติบุคคลนั้น และการกระทำดังกล่าวทำให้ได้ไป ซึ่งทรัพย์สินของลูกค้าของนิติบุคคลนั้น หรือทำให้ลูกค้าของนิติบุคคลนั้น ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ หรือ (2) ครอบครองทรัพย์สินของลูกค้าของนิติบุคคลนั้นซึ่งนิติบุคคลนั้นได้รับไว้เนื่องจากการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ เบียดบังเอาทรัพย์สินนั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต หรือ (3) กระทำการหรือไม่กระทำการโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่ลูกค้าของนิติบุคคลนั้น หรือ (4) กระทำการผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของลูกค้าของนิติบุคคลนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซ���้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '145'}]",จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +สิทธิเป็นเจ้าของโรงเรือนเป็นสิทธิเหนือพื้นดินหรือไม่,เป็น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 เจ้าของที่ดินอาจก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่บุคคลอื่น โดยให้บุคคลนั้นมีสิทธิเป็นเจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งเพาะปลูก บนดินหรือใต้ดินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1410'}]",เป็น +กลต สามารถยกเลิกเเบบแของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้หรือไม่,ได้ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 68 ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าแบบและข้อความของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับความเห็นชอบตามมาตรา 67 ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจยกเลิกความเห็นชอบที่ให้ไว้แล้วได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '68'}]",ได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กระทำละเมิดกฎหมายจะถูกปรับไม่เกินวันละกี่บาท,หนึ่งหมื่นบาท พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 129 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 27 และมาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '129'}]",หนึ่งหมื่นบาท +ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงได้หรือไม่,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิของตนอันมีในทรัพย์สินนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอก ท่านว่าหาอาจทำได้ไม่ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเช่า ถ้าผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติอันนี้ ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '544'}]",ไม่ได้ +ข้อสันนิษฐานของบุคคลที่ยึดถือทรัพย์สินไว้คือ,ยึดถือเพื่อตน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินไว้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลนั้นยึดถือเพื่อตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1369'}]",ยึดถือเพื่อตน +หญิงคู่หมั้นเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของตนได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445 ชายหรือหญิงคู่หมั้นอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้น เมื่อได้บอกเลิกสัญญาหมั้นแล้วตามมาตรา 1442 หรือมาตรา 1443 แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1445'}]",ได้ +กรรมการที่กระทำผิดวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมการค้าต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินกี่บาท,สามหมื่นบาท* พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 49 กรรมการของสมาคมการค้าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 22 หรือกระทำการอันเป็นการผิดวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมการค้าและการกระทำนั้นเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสามหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '49'}]",สามหมื่นบาท* +ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับไม่เกินกี่บาท,ไม่เกินสามแสนบาท พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 69 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 9 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการตามมาตรา 9 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '69'}]",ไม่เกินสามแสนบาท +แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ให้มีผลใช้บังคับเมื่อใด,พ้นกำหนดสี่สิบห้าวันนับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 67 ภายใต้บังคับมาตรา 68 แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสี่สิบห้าวันนับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน เว้นแต่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจะประกาศกำหนดให้มีผลใช้บังคับก่อนครบกำหนดเวลาดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '67'}]",พ้นกำหนดสี่สิบห้าวันนับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างห��ังสือชี้ชวน +การไม่ถูกต้องตามเเบบของกฎหมายมีผลอย่างไร,เป็นโมฆะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 152 การใดมิได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การนั้นเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '152'}]",เป็นโมฆะ +กรณีเป็นข้อสงสัยจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าสิ่งซึ่งนำมาลงหุ้นด้วยกันมีค่าอย่างไร,มีค่าเท่ากัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1027 ในเมื่อมีกรณีเป็นข้อสงสัย ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าสิ่งซึ่งนำมาลงหุ้นด้วยกันนั้นมีค่าเท่ากัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1027'}]",มีค่าเท่ากัน +เจ้าหนี้กองมรดกจะคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1741 เจ้าหนี้กองมรดกคนใดคนหนึ่ง จะคัดค้านการขายทอดตลาดหรือการตีราคาทรัพย์สินดังระบุไว้ในมาตราก่อน โดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเองก็ได้ ถ้าเจ้าหนี้ได้ร้องคัดค้านแล้ว ยังได้กระทำการขายทอดตลาด หรือตีราคาไป จะยกการขายทอดตลาดหรือตีราคานั้นขึ้นยันต่อเจ้าหนี้ผู้ร้องคัดค้านแล้วนั้นหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1741'}]",ได้ +บรรดาเรื่องที่ต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีใครเป็นผู้เสนอ,รัฐมนตรี พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 263 บรรดาเรื่องที่ต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '263'}]",รัฐมนตรี +เจ้าพนักงานประเมิน หมายความว่าอย่างไร,บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ประมวลรัษฎากร มาตรา 16 “เจ้าพนักงานประเมิน” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '16'}]",บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง +ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาศาลหรือในกรณีที่สัญญาหย่ามิได้กำหนดเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไว้ ใครเป็นผู้กำหนด,ศาล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1522 ถ้าสามีภริยาหย่าโดยความยินยอม ให้ทำความตกลงกันไว้ในสัญญาหย่าว่าสามีภริยาทั้งสองฝ่าย หรือสามีหรือภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใด ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาของศาลหรือในกรณีที่สัญญา��ย่ามิได้กำหนดเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไว้ ให้ศาลเป็นผู้กำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1522'}]",ศาล +ถ้าผู้อยู่ในปกครองได้ทรัพย์สินอันมีค่ามาต้องทำอย่างไร,ให้นำมาตรา 1592 ถึงมาตรา 1597 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598 ในระหว่างปกครอง ถ้าผู้อยู่ในปกครองได้ทรัพย์สินอันมีค่ามาโดยทางมรดกหรือการให้โดยเสน่หา ให้นำมาตรา 1592 ถึงมาตรา 1597 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598'}]",ให้นำมาตรา 1592 ถึงมาตรา 1597 มาใช้บังคับโดยอนุโลม +สิทธิและหน้าที่ใด ๆ อันเกิดขึ้นตามพินัยกรรม ให้มีผลบังคับเรียกร้องกันได้เมื่อใด,ตั้งแต่ผู้ทำพินัยกรรมตาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1673 สิทธิและหน้าที่ใด ๆ อันเกิดขึ้นตามพินัยกรรม ให้มีผลบังคับเรียกร้องกันได้ตั้งแต่ผู้ทำพินัยกรรมตายเป็นต้นไป เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้กำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาให้มีผลบังคับเรียกร้องกันได้ภายหลัง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1673'}]",ตั้งแต่ผู้ทำพินัยกรรมตาย +ในการซื้อหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์จะกระทำการเป็นนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ที่มิได้เป็นสมาชิกได้หรือไม่,ได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 184 การซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้กระทำได้โดยบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ ในการซื้อหรือการขายหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง สมาชิกจะกระทำการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนของบุคคลใด ๆ หรือของบริษัทหลักทรัพย์ที่มิได้เป็นสมาชิกก็ได้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์อาจประกาศกำหนดให้บุคคลที่มิใช่บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์สามารถทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนประเภทใดประเภทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '184'}]",ได้ +ทรัพย์นอกพาณิชย์ คืออะไร,ทรัพย์นอกพาณิชย์ มี 2 ความหมาย ดังนี้ 1.ทรัพย์ที่ไม่สามารถถือเอาได้ และ 2.ทรัพย์ที่โอนแก่กันไม่ได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย���', 'sections': '143'}]",ทรัพย์นอกพาณิชย์ มี 2 ความหมาย ดังนี้ 1.ทรัพย์ที่ไม่สามารถถือเอาได้ และ 2.ทรัพย์ที่โอนแก่กันไม่ได้ตามกฎหมาย +ถ้าไม่มีการชำระหนี้จำนำตามกำหนด จะสามารถขายทอดตลาดได้หรือไม่,ผู้ทรงประทวนสินค้า (กรณีผู้รับจำนำโอนสิทธิชำระหนี้ โดยสลักหลังให้บุคคลนี้ เรียกว่า ผู้ทรงประทวนสินค้า) ต้องยื่นคำคัดค้านตามระเบียบจึงจะให้นายคลังสินค้าขายทอดตลาดได้เมื่อพ้น 8 วันนับแต่วันคัดค้าน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 790,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '790'}]",ผู้ทรงประทวนสินค้า (กรณีผู้รับจำนำโอนสิทธิชำระหนี้ โดยสลักหลังให้บุคคลนี้ เรียกว่า ผู้ทรงประทวนสินค้า) ต้องยื่นคำคัดค้านตามระเบียบจึงจะให้นายคลังสินค้าขายทอดตลาดได้เมื่อพ้น 8 วันนับแต่วันคัดค้าน +พ่อแม่สามารถทำโทษอย่างร้ายแรงได้หรือไม่,กรณีที่พ่อแม่เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองสามารถทำโทษบุตรได้เท่าที่สมควรเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อการว่ากล่าวสั่งสอน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1567'}]",พ่อแม่สามารถทำโทษบุตรได้เท่าที่สมควรเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อการว่ากล่าวสั่งสอน +ถ้าผู้อาศัยได้บำรุงรักษาทรัพย์สินแล้ว สามารถเรียกค่าใช้จ่ายจากใครได้บ้างหรือไม่,ไม่สามารถเรียกค่าใช้จ่ายในการทำให้ทรัพย์สินดีขึ้นจากผู้ให้อาศัยได้ เนื่องจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1407 กำหนดให้ผู้ให้อาศัยไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาทรัพย์สินให้อยู่ในความซ่อมแซมในสภาพดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1407'}]",ไม่สามารถเรียกค่าใช้จ่ายในการทำให้ทรัพย์สินดีขึ้นจากผู้ให้อาศัยได้ +ใครมีอำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหลักทรัพย์,"คณะกรรมการก.ล.ต.มีอำนาจวางระเบียบของคณะอนุกรรมการ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 14 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาตลอดจนกำกับดูแลในเรื่องหลักทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน การเข้าถื��หลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการและการป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อำนาจดังกล่าวให้รวมถึง + +(2) กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับคำขออนุญาต คำขอรับใบอนุญาต ใบอนุญาต หรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '14'}]",คณะกรรมการก.ล.ต.มีอำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับคำขออนุญาต คำขอรับใบอนุญาต ใบอนุญาต หรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต +ค่าใช้จ่ายในการให้ผู้อื่นจัดการกองทรัสต์ให้แทน ทรัสตีสามารถขอเงินคืนจากกองทรัสต์ได้หรือไม่,"ตอบ : ทรัสตีสามารถขอเงินคืนจากกองทรัสต์ได้ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์นั้นกำหนดให้ทรัสตีต้องรับภาระการชำระเงินเอง + +อธิบาย : ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 41 ในการจัดการกองทรัสต์และการมอบหมายให้ผู้อื่นจัดการกองทรัสต์โดยชอบตามมาตรา 37 หากมีค่าใช้จ่ายหรือทรัสตีต้องชำระเงินหรือทรัพย์สินอื่นให้กับบุคคลภายนอกด้วยเงินหรือทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตีเองตามสมควร =>ให้ทรัสตีมีสิทธิได้รับเงินหรือทรัพย์สินคืนจากกองทรัสต์ได้ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดไว้ให้การชำระเงินหรือทรัพย์สินอื่นนั้นเป็นภาระของทรัสตี + +สิทธิที่จะได้รับเงินหรือทรัพย์สินคืนข้างต้น เป็นบุริมสิทธิที่ทรัสตีมีอยู่ก่อนผู้รับประโยชน์และบุคคลภายนอกที่มีทรัพยสิทธิหรือสิทธิใด ๆ เหนือกองทรัสต์ และเป็นสิทธิที่อาจบังคับได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอให้เลิกทรัสต์ และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินในกองทรัสต์เพื่อให้มีเงินหรือทรัพย์สินคืนแก่ทรัสตี ให้ทรัสตีมีอำนาจดำเนินการดังกล่าวได้แต่ต้องกระทำโดยสุจริต เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองทรัพย์สินในกองทรัสต์ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการให้ทรัสตีปฏิบัติเกี่ยวกับการชำระเงินหรือทรัพย์สินอื่นที่เป็นส่วนตัวของทรัสตีให้กับบุคคลภายนอก หรือการใช้สิทธิของทรัสตีในการได้รับเงินหรือทรัพย์สินคืนก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '41'}]",ทรัสตีสามารถขอเงินคืนจากก���งทรัสต์ได้ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์นั้นกำหนดให้ทรัสตีต้องรับภาระการชำระเงินเอง +สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถนำทรัพย์สินของสมาชิกที่ได้มาไปใช้เพื่อวางประกันได้หรือไม่,"ตอบ : สามารถทำได้เฉพาะการวางประกันหรือการชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกหรือของลูกค้าของสมาชิกรายนั้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 83 ห้ามสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้านำทรัพย์สินที่ได้รับมาหรือมีไว้ตามมาตรา 82 ไปใช้เพื่อการอื่นใด เว้นแต่ + +(1) กรณีที่ทรัพย์สินนั้นเป็นของลูกค้าของสมาชิก หรือทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าของสมาชิก =>ให้ใช้เฉพาะเพื่อการวางประกันหรือการชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าของสมาชิกรายนั้น หรือการเบิกถอนเพื่อคืนแก่ลูกค้าของสมาชิกรายนั้น + + (2) กรณีที่ทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินของสมาชิก หรือทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิก =>ให้ใช้ได้เฉพาะเพื่อการวางประกันหรือการชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกหรือของลูกค้าของสมาชิกรายนั้น + +(3) กรณีสมาชิกนำทรัพย์สินมาวางไว้กับสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อความมั่นคงของระบบการซื้อขายและการชำระหนี้ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า => ให้นำทรัพย์สินนั้นไปใช้ได้เฉพาะเพื่อการวางประกันหรือการชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกหรือลูกค้าของสมาชิก ทั้งนี้ ตามกฎเกณฑ์ที่สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '83'}]",สามารถทำได้เฉพาะการวางประกันหรือการชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกหรือของลูกค้าของสมาชิกรายนั้น +การตั้งหอการค้าต้องมีผู้เริ่มก่อตั้งกี่คน,จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 9 การขออนุญาตนั้น ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน ย��่นคำขอต่อนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '9'}]",จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน +สัญญาค้ำประกันต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่,สัญญาสมบูรณ์ แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ แต่หากไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ก็จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '680'}]",สัญญาสมบูรณ์ แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ แต่หากไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ก็จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ +สามารถลบรอยขีดคร่อมในเช็คได้หรือไม่,ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการลบรอยขีดคร่อมเช็คนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 996,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '996'}]",ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการลบรอยขีดคร่อมเช็คนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย +การสร้างบ้านในที่ดินที่เราเป็นเจ้าของโดยมีเงื่อนไข หากเงื่อนไขนั้นสำเร็จ ผลจะเป็นเช่นไร,เมื่อเงื่อนไขสำเร็จ => ที่ดินนั้นจะตกเป็นของผู้อื่นตามเงื่อนไขนั้น => ส่วนบ้านที่สร้างในขณะที่เรามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะต้องนำเรื่องลาภมิควรได้มาใช้บังคับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1313,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1313'}]",เมื่อเงื่อนไขสำเร็จ => ที่ดินนั้นจะตกเป็นของผู้อื่นตามเงื่อนไขนั้น => ส่วนบ้านที่สร้างในขณะที่เรามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะต้องนำเรื่องลาภมิควรได้มาใช้บังคับ +มาตรฐานในการทำงานเพื่อห้างหุ้นส่วนของหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นเช่นไร,ต้องทำตามมาตรฐานของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยความระมัดระวังเสมือนทำงานของตนเอง (ไม่ใช่ตามมาตรฐานของวิญญูชน) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1039,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1039'}]",ต้องทำตามมาตรฐานของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยความระมัดระวังเสมือนทำงานของตนเอง (ไม่ใช่ตามมาตรฐานของวิญญูชน) +ถ้าสมาชิกสมาคมการค้าอยากตรวจสอบกิจการจะต้องทำยังไง,สมาชิกสมาคมการค้าต้องยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อสมาคมการค้า ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 20,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '20'}]",สมาชิกสมาคมการค้าต้องยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อสมาคมการค้า +การขออนุญาตออกหุ้นกู้มีประกันต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้ขออนุญาตต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +1.เสนอร่างเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ 2.เสนอร่างสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ +3.ขอความเห็นชอบบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนดเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ +4.ดำเนินการตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด + +ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 41","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '41'}]",ผู้ขออนุญาตต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1.เสนอร่างเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ 2.เสนอร่างสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ 3.ขอความเห็นชอบบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนดเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ 4.ดำเนินการตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +สมาคมสามารถแสวงหากำไรได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากการก่อตั้งสมาคมต้องมีการกระทำการต่อเนื่องและไม่ใช่การแสวงหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 78,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '78'}]",ไม่ได้ เนื่องจากการก่อตั้งสมาคมต้องมีการกระทำการต่อเนื่องและไม่ใช่การแสวงหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน +สามารถบอกกล่าวบุคคลอื่นเพื่อทำให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีราคาสูงขึ้นได้หรือไม่,ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากห้ามบอกกล่าวเท็จจนทำให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทำให้หรือน่าจะทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นหรือต่ำลง ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 95,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '95'}]",ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากห้ามบอกกล่าวเท็จจนทำให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทำให้หรือน่าจะทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นหรือต่ำลง ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 95 +ถ้ายืมทรัพย์สินนานเกินก���่าที่กำหนดแล้วทรัพย์สินนั้นหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้ยืมจะต้องรับผิดหรือไม่,ผู้ยืมจะต้องรับผิดในการสูญหายนั้น แม้จะเกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัยก็ตาม เว้นแต่ผู้ยืมจะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรทรัพย์สินก็ต้องสูญหายอยู่ดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 643,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '643'}]",ผู้ยืมจะต้องรับผิดในการสูญหายนั้น แม้จะเกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัยก็ตาม เว้นแต่ผู้ยืมจะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรทรัพย์สินก็ต้องสูญหายอยู่ดี +การตีความสัญญาจะต้องทำอย่างไร,การตีความสัญญาจะต้องใช้การตีความการแสดงเจตนาเข้ามาช่วย โดยจะต้องคำนึงถึงเจตนาที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงถ้อยคำหรือตัวอักษร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 171,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '171'}]",การตีความสัญญาจะต้องใช้การตีความการแสดงเจตนาเข้ามาช่วย โดยจะต้องคำนึงถึงเจตนาที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงถ้อยคำหรือตัวอักษร +สามารถร้องขอศาลให้แต่งตั้งผู้แทนนิติบุคคลชั่วคราวได้ในกรณีใด,เมื่อตำแหน่งผู้แทนนิติบุคคลว่างลง และหากปล่อยตำแหน่งว่างไว้อาจเกิดความเสียหายได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 73 วางหลักเกณฑ์ว่า ถ้ามีตำแหน่งว่างลงในจำนวนผู้แทนของนิติบุคคล และมีเหตุอันควรเชื่อว่าการปล่อยตำแหน่งว่างไว้น่าจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ => ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอศาลจะแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวขึ้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '73'}]",เมื่อตำแหน่งผู้แทนนิติบุคคลว่างลง และหากปล่อยตำแหน่งว่างไว้อาจเกิดความเสียหายได้ +การใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นอย่างไร,เป็นการใช้สิทธิที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '421'}]",เป็นการใช้สิทธิที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 +เมื่อมีบุริมสิทธิแย้งกัน ผู้รับจำนำจะมีสิทธิเป็นอย่างไร,ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 282 วางหลักเกณฑ์ไว้ว่า ผู้รับจำนำจะมีสิทธิเป็นลำดับแรกเช่นเดียวกับบุริมสิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับขน ตามมาตรา 278 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '282'}]",ผู้รับจำนำจะมีสิทธิเป็นลำดับแรกเช่นเดียวกับบุริมสิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับขน ตามมาตรา 278 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +กรรมการจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีสามารถดำรงตำแหน่งติดกันได้กี่วาระ,ไม่เกิน 2 วาระติดกันเท่านั้น เพราะพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 51 วางหลักเกณฑ์ว่า ให้กรรมการจรรยาบรรณมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '51'}]",ไม่เกิน 2 วาระติดกันเท่านั้น +ถ้าบริษัทอยากเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องดำเนินการเช่นไร,"บริษัทหลักทรัพย์ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือกับลูกค้าที่มอบหมายให้ทำการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 112 + + หมายเหตุ : คณะกรรมการกำกับตลาดทุนอาจกำหนดสาระสำคัญแห่งสัญญาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่สัญญาดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '112'}]",บริษัทหลักทรัพย์ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือกับลูกค้าที่มอบหมายให้ทำการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ +สิทธิเรียกร้องมีอายุความหรือไม่,สิทธิเรียกร้องมีอายุความ ห่ากไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้อภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เท่ากับขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/9,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/9'}]",สิทธิเรียกร้องมีอายุความ ห่ากไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้อภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เท่ากับขาดอายุความ +หลังจากทำคำเสนอแล้ว ถ้าอยากซื้อหลักทรัพย์มากกว่าจำนวนที่ผู้มีหลักทรัพย์อยากขายจะต้องทำเช่นไร,ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะต้องเสนอราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิม และต้องชำระราคาเพิ่มขึ้นด้วย พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 253 เมื่อผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ได้เสนอซื้อหลักทรัพย์ไว้ในราคาหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามีผู้ถือหลักทรัพย์แสดงเจตนาขายหลักทรัพย์น้อยกว่าคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หากผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องการจะซื้อให้ครบตามจำนวน ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะเสนอราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิมก็ได้ ในกรณีนี้ ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต้องชำระราคาค่าหลักทรัพย์ในส่วนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหลักทรัพย์ที่ได้แสดงเจตนาเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งก่อนด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '253'}]",ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะต้องเสนอราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิม และต้องชำระราคาเพิ่มขึ้นด้วย +ต้องสลักหลังเช่นไร ผู้ทรงตั๋วเงินถึงจะใช้สิทธิได้,"ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 926 กำหนดให้สลักหลังว่า “ราคาเป็นประกัน” หรือ “ราคาเป็นจำนำ” หรือข้อกำหนดโดยปริยายว่าเป็นจำนำ + +ข้อยกเว้น : หากผู้ทรงเป็นคนสลักตั๋วเอง การสลักหลังจะเป็นเพียงคำสลักหลังในฐานะตัวแทน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '926'}]",ต้องสลักหลังว่า “ราคาเป็นประกัน” หรือ “ราคาเป็นจำนำ” หรือข้อกำหนดโดยปริยายว่าเป็นจำนำ +ถ้าตั้งใจซ่อนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อไม่ให้บังคับเอาหลักประกันนั้นได้จะมีโทษอย่างไร,"ผู้ให้หลักประกันซ่อนเร้นทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกันโดยทุจริต เพื่อไม่ให้ผู้รับประกันบังคับหลักประกันได้ ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน =>ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 86","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '86'}]","ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท" +หากฝากหลักทรัพย์ไว้กับตลาดหลักทรัพย์สามารถออกใบหลักทรัพย์โดยใส่ชื่อเราได้หรือไม่,"ตอบ : สามารถยื่นคำขอตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เพื่อให้ออกใบหลักทรัพย์โดยใส่ชื่อของตนได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 227 กำหนดให้เจ้าของหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับตลาดหลักทรัพย์อาจขอให้ตลาดหลักทรัพย์ออกใบหลักทรัพย์ในชื่อของตนได้โดยยื่นคำขอตามแบบที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด + +หมายเหตุ : ถ้าเจ้าของหลักทรัพย์ไม่ได้เป็นผู้ฝากหลักทรัพย์โดยตรงกับตลาดหลักทรัพย์ ให้ยื่นคำขอผ่านผู้ฝากหลักทรัพย์นั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '227'}]",สามารถยื่นคำขอตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เพื่อให้ออกใบหลักทรัพย์โดยใส่ชื่อของตนได้ +การจ่ายเงินปันผลต้องแบ่งทุนสำรองไว้เท่าไร,"บริษัทต้องจัดสรรทุนสำรองไว้อย่างน้อยร้อยละ 5 ของกำไร จนกว่าจะมีทุนสำรองสะสม ร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน หรือมากกว่านั้นตามที่กำหนดในข้อบังคับบริษัท + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1202 การแจกเงินปันผลทุกครั้ง บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อย 1 ใน 20 ส่วนของจำนวนผลกำไรซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึง 1 ใน 10 ของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้น แล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท ถ้าได้ออกหุ้นโดยคิดเอาราคาเกินกว่าที่ปรากฏในใบหุ้นเท่าใด จำนวนที่คิดเกินนี้ท่านให้บวกทบเข้าในทุนสำรองจนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนเท่าถึงที่กำหนดไว้ในวรรคก่อน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1202'}]",บริษัทต้องจัดสรรทุนสำรองไว้อย่างน้อยร้อยละ 5 ของกำไร จนกว่าจะมีทุนสำรองสะสม ร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน หรือมากกว่านั้นตามที่กำหนดในข้อบังคับบริษัท. +ถ้าตำแหน่งผู้สอบบัญชีว่าง จะต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องเลือกตั้งใหม่ โดยให้กรรมการนัดประชุมวิสามัญ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1211 ถ้ามีตำแหน่งว่างลงในจำนวนผู้สอบบัญชี ให้กรรมการนัดเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อให้เลือกตั้งขึ้นใหม่ให้ครบจำนวน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1211'}]",ต้องเลือกตั้งใหม่ โดยให้กรรมการนัดประชุมวิสามัญ +ถ้าตัวแทนตาย สัญญาตัวแทนมีผลบังคับใช้อยู่หรือไม่,สัญญาตัวแทนสิ้นสุดลง (ไม่มีผลบังคับใช้) เว้นแต่ขัดกับข้อสัญญา หรือสภาพแห่งกิจการ ทั้งนี้ตามที่กำหนดใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 826,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '826'}]",สัญญาตัวแทนสิ้นสุดลง (ไม่มีผลบังคับใช้) เว้นแต่ขัดกับข้อสัญญา หรือสภาพแห่งกิจการ +ถ้าจะโต้แย้งว่าได้ชำระหนี้แล้ว ต้องทำยังไงถึงจะไม่โดนริบเบี้ยปรับ,"ตอบ : ลูกหนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนได้ชำระหนี้แล้ว +ข้อยกเว้น : หากเป็นหนี้งดเว้นกระทำการ ต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ + +คำอธิบาย : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 385 ถ้าลูกหนี้โต้แย้งการริบเบี้ยปรับโดยอ้างเหตุว่าตนได้ชำระหนี้แล้ว => ลูกหนี้จะต้องพิสูจน์การชำระหนี้ เว้นแต่การชำระหนี้อันตนจะต้องทำนั้นเป็นการให้งดเว้นการอันใดอันหนึ่ง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '385'}]",ลูกหนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนได้ชำระหนี้แล้ว +ประชุมตั้งบริษัททำได้เมื่อใด,"ตอบ : ประชุมตั้งบริษัท ผู้เริ่มก่อการจะนัดประชุมเมื่อได้มีผู้เข้าซื้อหุ้นชนิดลงเงินครบแล้ว + + คำอธิบาย : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1107 +1.เมื่อมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นชนิดลงเงินหมดแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องนัดบรรดาผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นมาประชุมกันเป็นการประชุมตั้งบริษัทโดยไม่ชักช้า 2.อย่างน้อย 7 วันก่อนประชุม ผู้เริ่มก่อการส่งรายงานการตั้งบริษัทมีคำรับรองของตนว่าถูกต้อง และมีข้อความที่เกี่ยวแก่กิจการอันจะพึงกระทำในที่ประชุมตั้งบริษัททุก ๆ ข้อตามความในมาตราต่อไปนี้ ไปยังผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคน + 3.เมื่อส่งรายงานตั้งบริษัทแก่ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องจัดส่งสำเนารายงานอันมีคำรับรองว่าถูกต้องตามที่บังคับไว้ในมาตรานี้ไปยังนายทะเบียนบริษัทโดยพลัน +4.ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีบัญชีแถลงรายชื่อ ฐานะ และสำนักของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นกับจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนได้ลงชื่อซื้อไว้เพื่อเสนอต่อที่ประชุมนั้นด้วย + +ทั้งนี้ บทบัญญัติทั้งหลายแห่งมาตรา 1176, 1187, 1188, 1189, 1191, 1192 และ 1195 นั้น ให้นำมาใช้บังคับแก่การประชุมตั้งบริษัทด้วยโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1107'}]",ประชุมตั้งบริษัท ผู้เริ่มก่อการจะนัดประชุมเมื่อได้มีผู้เข้าซื้อหุ้นชนิดลงเงินครบแล้ว +ถ้าคู่หมั้นฝ่ายหญิงตาย จะต้องคืนสินสอดให้แก่ฝ่ายชายหรือไม่,ไม่ว่าคู่หมั้นฝ่ายใดตาย หญิงหรือฝ่ายหญิงไม่ต้องคืนของหมั้นหรือสินสอด ตามที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1441,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1441'}]",ไม่ว่าคู่หมั้นฝ่ายใดตาย หญิงหรือฝ่ายหญิงไม่ต้องคืนของหมั้นหรือสินสอด +ถ้าฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่โอนให้กับนิติบุคคลเฉพาะกิจ ใครต้องเป็นคู่ความ,"ตอบ : นิติบุคคลต้องสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนผู้จำหน่ายสินทรัพย์ + +คำอธิบาย : พระร���ชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 19 ในกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่โอนให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ =>ให้นิติบุคคลเฉพาะกิจเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนผู้จำหน่ายสินทรัพย์ + +และถ้าหากศาลได้มีคำพิพากษาให้ผู้จำหน่ายสินทรัพย์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา =>ให้นิติบุคคลเฉพาะกิจเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนผู้จำหน่ายสินทรัพย์","[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '19'}]",นิติบุคคลต้องสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนผู้จำหน่ายสินทรัพย์ +สามารถขอแก้ไขข้อมูลเล็กๆน้อยๆในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนใช้บังคับได้หรือไม่,สามารถแก้ไขได้โดยการยื่นต่อสำนักงาน เว้นแต่หากเป็นการแก้ไขในสาระสำคัญให้มีผลเป็นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเข้ามาใหม่ และให้วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นในการนับระยะเวลา ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 74,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '74'}]",สามารถแก้ไขได้โดยการยื่นต่อสำนักงาน เว้นแต่หากเป็นการแก้ไขในสาระสำคัญให้มีผลเป็นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเข้ามาใหม่ และให้วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นในการนับระยะเวลา ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 74 +เมื่อบริษัทหลักทรัพย์ได้จัดการกองทุนรวมแล้ว ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดให้มีผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมก่อนการเสนอขายต่อประชาชน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 122,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '122'}]",ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดให้มีผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมก่อนการเสนอขายต่อประชาชน +กรรมการใช้อำนาจภายใต้อะไร,"1.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +2.ข้อบังคับของบริษัท +ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1158","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1158'}]",1.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2.ข้อบังคับของบริษัท +ใครเป็นผู้จัดการงานของนิติบุคคล,ผู้แทนของนิติบุคคลเป็นผู้แสดงความต้องการแทนนิติบุคคลนั้น ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 วางหลักไว้ว่า นิติบุคคลต้องมีผู้แทนคนหนึ่งหรือหลายคน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งจะได้กำหนดไว้ ความประสงค์ของนิติบุคคลย่อมแสดงออกโดยผู้แทนของนิติบุคคล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '70'}]",ผู้แทนของนิติบุคคลเป็นผู้แสดงความต้องการแทนนิติบุคคลนั้น +ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขในการเลิกธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะมีโทษอะไร,"ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน เว้นแต่กรณีผู้ประกอบธุรกิจเป็นบุคคลธรรมดา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 126","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '126'}]","ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน เว้นแต่กรณีผู้ประกอบธุรกิจเป็นบุคคลธรรมดา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน" +สามารถเลิกรับบุตรบุญธรรมที่อายุ 21 ปีแล้วได้หรือไม่,สามารถเลิกรับบุตรบุญธรรมที่บรรลุนิติภาวะได้โดยผู้รับบุตรบุญธรรมตกลงกับบุตรบุญธรรม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/31,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/31'}]",สามารถเลิกรับบุตรบุญธรรมที่บรรลุนิติภาวะได้โดยผู้รับบุตรบุญธรรมตกลงกับบุตรบุญธรรม +สัญญาก่อนสมรสต้องทำอย่างไร,"สัญญาก่อนสมรสสามารถทำได้ตามกรณีต่อไปนี้ +1.จดแจ้งข้อตกลงเป็นสัญญาก่อนสมรสในทะเบียนสมรสพร้อมการจดทะเบียนสมรส หรือ +2.ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อย 2 คนแนบท้ายทะเบียนสมรสและจดในทะเบียนสมรสว่าได้แนบไว้แล้ว + +ทั้งนี้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1466'}]",สัญญาก่อนสมรสสามารถทำได้ตามกรณีต่อไปนี้ 1.จดแจ้��ข้อตกลงเป็นสัญญาก่อนสมรสในทะเบียนสมรสพร้อมการจดทะเบียนสมรส หรือ 2.ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อย 2 คนแนบท้ายทะเบียนสมรสและจดในทะเบียนสมรสว่าได้แนบไว้แล้ว +สามารถริบหุ้นที่ไม่ถูกชำระได้หรือไม่,สามารถริบหุ้นได้ หากได้ส่งคำบอกกล่าวในการชำระเงินค่าหุ้น ดอกเบี้ย สถานที่ชำระ พร้อมทั้งกำหนดเวลาชำระพอสมควรแล้ว และอาจแจ้งด้วยว่าถ้าไม่ชำระ หุ้นนั้นจะถูกริบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1123,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1123'}]",สามารถริบหุ้นได้ หากได้ส่งคำบอกกล่าวในการชำระเงินค่าหุ้น ดอกเบี้ย สถานที่ชำระ พร้อมทั้งกำหนดเวลาชำระพอสมควรแล้ว และอาจแจ้งด้วยว่าถ้าไม่ชำระ หุ้นนั้นจะถูกริบ +มรดกของบุคคลธรรมดาสามารถตกเป็นของแผ่นดินได้หรือไม่,เมื่อไม่มีทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรม หรือการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรม =>มรดกผู้ตายนั้นตกทอดแก่แผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1753,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1753'}]",มรดกผู้ตายนั้นตกทอดแก่แผ่นดิน +พินัยกรรมแบบเขียนเองต้องทำยังไง,"พินัยกรรมแบบเขียนเองสามารถทำได้โดย =>ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือเองทั้งข้อความ วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน + +คำอธิบาย : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1657 +พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้ => ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือตนเองซึ่งข้อความทั้งหมด วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน +การแก้ไขพินัยกรรมโดยการขูดลบ ตก เติม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง => จะต้องทำด้วยมือตนเอง และลงลายมือชื่อกำกับไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สมบูรณ์","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1657'}]",ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือเองทั้งข้อความ วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน +การซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดจะต้องทำยังไง,ผู้ซื้อจะต้องทำตามคำโฆษณาบอกขาย และข้อความตามที่ผู้ขายทอดตลาดได้แถลงก่อนการสู้ราคาทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 510,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '510'}]",ผู้ซื้อจะต้องทำตามคำโฆษณาบอกขาย และข้อความตามที่ผู้ขายทอดตลาดได้แถลงก่อนการสู้ราคาทรัพย์สิน +สามารถยกเลิ��การแยกสินสมรสได้หรือไม่,"สามารถทำได้เมื่อสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาล และศาลมีคำสั่งให้ยกเลิก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1492/1 ในกรณีที่มีการแยกสินสมรสโดยคำสั่งศาล +1.สามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ยกเลิกการแยกสินสมรส => ยกเลิกได้เมื่อศาลมีคำสั่ง +2. สามีหรือภรรยาคัดค้านการยกเลิกการแยกสินสมรส => ศาลจะสั่งยกเลิกได้ต่อเมื่อเหตุแห่งการแยกสินสมรสได้สิ้นสุดลงแล้ว + +เมื่อมีการยกเลิกการแยกสินสมรสข้างต้น หรือการแยกสินสมรสสิ้นสุดลงเพราะสามีหรือภรรยาพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ให้ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวอยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งหรือในวันที่พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ยังคงเป็นสินส่วนตัวต่อไปตามเดิม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1492/1'}]",สามารถทำได้เมื่อสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาล และศาลมีคำสั่งให้ยกเลิก +รับผู้อายุ 18 ปีเป็นบุตรบุญธรรมได้หรือไม่,บุคคลที่จะเป็นบุตรบุญธรรมต้องให้ความยินยอมจึงจะทำได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/20 การรับบุตรบุญธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/20'}]",บุคคลที่จะเป็นบุตรบุญธรรมต้องให้ความยินยอมจึงจะทำได้ +สามารถนำทรัพย์สินที่ได้มาจากการจองหุ้นไปใช้จ่ายในบริษัทได้หรือไม่,ห้ามนำทรัพย์สินที่ได้ชำระเป็นค่าจองหุ้นไปใช้จ่ายในกิจการใดๆของบริษัทมหาชนจำกัด เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดเป็นอย่างอื่น พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 26 ห้ามผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจะจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้รับชำระเป็นค่าจองหุ้นของบริษัทหรือนำเงินค่าจองหุ้นของบริษัทไปใช้จ่ายในกิจการใด เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '26'}]",ห้ามนำทรัพย์สินที่ได้ชำระเป็นค่าจองหุ้นไปใช้จ่ายในกิจการใดๆของบริษัทมหาชนจำกัด เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดเป็นอย่างอื่น +ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมทิ้งบุตรบุญธรรมไป 6 เดือน สามารถฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรมได้หรือไม่,ไม่สามารถฟ้องได้ เนื่องจากไม่เข้ากรณีจงใจละทิ้งอีกฝ่ายเกิน 1 ปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/33 คดีฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรม (5) ฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/33'}]",ไม่สามารถฟ้องได้ เนื่องจากไม่เข้ากรณีจงใจละทิ้งอีกฝ่ายเกิน 1 ปี +ถ้าขับรถชนรถคันอื่นที่เขาเช่ามาอีกที และจ่ายค่าเสียหายให้ครบแล้ว แบบนี้หลุดพ้นจากหนี้แล้วหรือยัง,หลุดพ้นจากหนี้แล้ว เนื่องจากได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนครบจำนวนให้แก่บุคคลที่ครอบครองทรัพย์ในขณะที่ทำให้ทรัพย์บุบสลาย โดยชดใช้ให้อย่างสุจริต และไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 441,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '441'}]",หลุดพ้นจากหนี้แล้ว เนื่องจากได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนครบจำนวนให้แก่บุคคลที่ครอบครองทรัพย์ในขณะที่ทำให้ทรัพย์บุบสลาย โดยชดใช้ให้อย่างสุจริต และไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 441 +หนี้อะไรที่ต้องจัดการชำระเป็นอันดับแรก เมื่อมีการชำระบัญชี,"เมื่อมีการชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการหนี้เกี่ยวกับ +1.ค่าธรรมเนียมในการชำระบัญชี +2.ภาระติดพันในการชำระบัญชี +3.ค่าใช้จ่ายในการชำระบัญชี +=>ทั้งหมดต้องจัดการชำระก่อนหนี้สินรายอื่น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 169","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '169'}]","ค่าธรรมเนียมในการชำระบัญชี, ภาระติดพันในการชำระบัญชี, ค่าใช้จ่ายในการชำระบัญชี" +การแก้ไขข้อบังคับของสมาคมการค้าต้องนำไปจดทะเบียนภายในกี่วัน,"ต้องนำไปจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ลงมติในที่ประชุมใหญ่ + +พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 29 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมการค้าต้องทำโดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ และห้ามนายทะเบียนรับจดทะเบียนการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับที่ขัดต่อวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมการค้าหรือขัดต่อกฎหมาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '29'}]",ต้องนำไปจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ลงมติในที่ประชุมใหญ่ +สมาชิกสมาคมหลักทรัพย์เป็นใคร,สมาชิก คือบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 235 สมาชิกของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องเป็นบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '235'}]",สมาชิก คือบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น +มูลหนี้อะไรบ้างที่เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อน,"มูลหนี้ต่อไปนี้ เจ้าหนี้สามารถได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อนได้ (บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้) +1.ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน +2.ค่าปลงศพ +3.ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจัางมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ทำให้แก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้าง +4.ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคประจำวัน +ทั้งนี้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '253'}]",มูลหนี้ต่อไปนี้ เจ้าหนี้สามารถได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อนได้ (บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้) 1.ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน 2.ค่าปลงศพ 3.ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ทำให้แก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้าง 4.ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคประจำวัน +คนที่มีบ้านอยู่สลับไปมาหลายที่ให้ยึดที่ไหนเป็นภูมิลำเนา,ให้เลือกเพียงแห่งเดียวเป็นภูมิลำเนา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 ถ้าบุคคลธรรมดามีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไปหรือมีหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่ง ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของบุคคลนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '38'}]",ให้เลือกเพียงแห่งเดียวเป็นภูมิลำเนา +การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นต้องโฆษณาลงหนังสือพิมพ์หรือไม่,"ตอบ: ต้องโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมในหนังสือพิมพ์ไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนวันประชุม + + คำอธิบาย: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 101 ในการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ให้คณะกรรมการ =>จัดทำเป็นหนังสือนัดประชุม ระบุสถานที่ วัน เวลา ระเบียบวาระการประชุม และเรื่องที่จะเสนอต่อที่ประชุมพร้อมด้วยรายละเอียดตามสมควร โดยระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่จะเสนอเพื่อทราบ เพื่ออนุมัติ หรือเพื่อพิจารณา รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการในเรื่องด���งกล่าว =>จัดส่งหนังสือนั้นให้ผู้ถือหุ้นและนายทะเบียนทราบไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุม + + ทั้งนี้ ให้โฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมในหนังสือพิมพ์ไม่น้อยกว่าสามวันก่อนวันประชุมด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '101'}]",ต้องโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมในหนังสือพิมพ์ไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนวันประชุม +การตั้งผู้ชำระบัญชีทำอย่างไร,"ให้ใช้คะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว =>ให้ชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน หรือว่าห้างหุ้นส่วนนั้นศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย + +ในกรณีเลิกห้างหุ้นส่วนโดยที่เจ้าหนี้เฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้ให้คำบอกกล่าวหรือโดยที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งล้มละลาย =>ให้งดการชำระบัญชีเสียได้ต่อเมื่อเจ้าหนี้คนนั้น หรือเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ยินยอม + +วิธีการชำระบัญชี =>ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำ หรือให้บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตั้งแต่งขึ้นนั้นเป็นผู้จัดทำ + +การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี =>ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1061'}]",ให้ใช้คะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน +ค่าซ่อมแซมเล็กน้อยของทรัพย์ที่เช่าเป็นความรับผิดชอบของใคร,เป็นหน้าที่ของผู้เช่าที่ต้องรับผิดชอบในค่าซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆในทรัพย์ที่เช่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 547 ผู้เช่าต้องเสียค่าใช้จ่ายไปโดยความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่านั้นเท่าใด => ผู้ให้เช่าจำต้องชดใช้ให้แก่ผู้เช่า เว้นแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเพียงเล็กน้อย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '547'}]",เป็นหน้าที่ของผู้เช่าที่ต้องรับผิดชอบในค่าซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆในทรัพย์ที่เช่า +มติที่ประชุมสมาคมต้องเป็นไปอย่างไร,"หลัก : มติของที่ประชุมสมาคมให้เป็นไปตามเสียงข้างมาก + +ข้อยกเว้น : มีข้อบังคับสมาคมกำหนดต้องเป็นเสียงข้างมากพิเศษ ทั้งนี้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 97","[{'law': 'ประมวลกฎหมา���แพ่งและพาณิชย์', 'sections': '97'}]",มติของที่ประชุมสมาคมให้เป็นไปตามเสียงข้างมาก +คู่สัญญาสามารถตกลงว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิได้หรือไม่,สามารถตกลงได้ว่า ผู้ขายจะไม่รับผิดทั้งในเรื่องความชำรุดบกพร่องหรือการรอนสิทธิ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 483 คู่สัญญาซื้อขายจะตกลงกันว่าผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '483'}]",สามารถตกลงได้ว่า ผู้ขายจะไม่รับผิดทั้งในเรื่องความชำรุดบกพร่องหรือการรอนสิทธิ +ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีหน้าที่อย่างไร,"ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีหน้าที่ในการรักษาทรัพย์สินเหมือนมาตรฐานที่บุคคลทั่วไปรักษาทรัพย์สินของตนเอง + +อธิบาย: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1421 การใช้สิทธิเก็บกินนั้น ผู้ทรงสิทธิต้องรักษาทรัพย์สินเสมอกับที่วิญญูชนพึงรักษาทรัพย์สินของตนเอง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1421'}]",ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีหน้าที่ในการรักษาทรัพย์สินเหมือนมาตรฐานที่บุคคลทั่วไปรักษาทรัพย์สินของตนเอง +ผู้รับประกันภัยมีกำหนดจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยอย่างไร,ตามแต่คู่สัญญาจะตกลงกัน อาจจะเป็นเงินจำนวนเดียว หรือรายปีก็ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 890 จำนวนเงินอันจะพึงใช้ (ในกรณีนี้ไม่ใช่เบี้ยประกันภัย) จะชำระเป็นเงินจำนวนเดียว หรือเป็นเงินรายปีก็ได้ สุดแล้วแต่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '890'}]",อาจจะเป็นเงินจำนวนเดียว หรือรายปีก็ได้ +การลดทุนบริษัทด้วยการลดจำนวนหุ้นสามารถทำได้หรือไม่,สามารถทำได้ แต่ห้ามลดจำนวนหุ้นจนเหลือต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1225 อันทุนของบริษัทนั้นไม่ให้ลดลงไปให้ต่ำกว่าจำนวน 1 ใน 4 ของทุนทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1225'}]",สามารถทำได้ แต่ห้ามลดจำนวนหุ้นจนเหลือต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน +ถ้าสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากคำพิพากษาถึงที่สุดมีอายุความกี่ปี,มีอายุความ 10 ปี ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องเดิมจะมีกำหนดอายุความเท่าใดก็ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/32 สิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพ��พากษาของศาลที่ถึงที่สุด หรือโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี ทั้งนี้ ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องเดิมจะมีกำหนดอายุความเท่าใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/32'}]",มีอายุความ 10 ปี ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องเดิมจะมีกำหนดอายุความเท่าใดก็ตาม +ถ้ามีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนมูลนิธิจะสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่,สามารถอุทธรณ์ได้ โดยผู้ขอจดทะเบียนอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 115,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '115'}]",สามารถอุทธรณ์ได้ โดยผู้ขอจดทะเบียนอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียน +ภาระจำยอมคืออะไร,ภาระจำยอม หมายถึงการที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องยอมรับการกระทำบางอย่างซึ่งกระทบซึ่งทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธินั้น เพื่อประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์อื่น ตามที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1387'}]",ภาระจำยอม หมายถึงการที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องยอมรับการกระทำบางอย่างซึ่งกระทบซึ่งทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธินั้น เพื่อประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์อื่น +ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ได้อย่างไรบ้าง,"หลัก : ให้ลูกหนี้ชำระหนี้กับเจ้าหนี้โดยตรง +ข้อยกเว้น : กรณีเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้ หรือเจ้าหนี้ต้องทำสิ่งใดก่อนการชำระหนี้นั้น ถ้าลูกหนี้ได้บอกกล่าวเจ้าหนี้ว่าเตรียมพร้อมชำระหนี้แล้วและให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ คำบอกกล่าวเช่นนี้ให้ถือเสมือนเป็นคำขอชำระหนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 208","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '208'}]",ลูกหนี้ชำระหนี้กับเจ้าหนี้โดยตรง หรือถ้าเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้หรือเจ้าหนี้ต้องทำสิ่งใดก่อน ลูกหนี้สามารถบอกกล่าวว่าเตรียมพร้อมชำระหนี้แล้วและให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นคำขอชำระหนี้. +ถ้าจะถอนผู้จัดการมรดกต้องร้องต่อศาลภายในเมื่อใด,ต้องร้องต่อศาลก่อนที่จะมีการแบ่งมรดกเสร็จสิ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1727'}]",ต้องร้องต่อศาลก่อนที่จะมีการแบ่งมรดกเสร็จสิ้น +ผู้ที่ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจต้องรับโทษเช่นไร,"1.ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ + 2.ให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้น ทั้งนี้ กรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000 บาทถึง 50,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ตามที่กำหนกในพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 36","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '36'}]","1.ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.ให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้น ทั้งนี้ กรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000 บาทถึง 50,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่." +ถ้าพ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่พ่อได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกแต่เกิดโดยคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นลูกแท้ๆ ลูกจะสามารถฟ้องให้พ่อรับเป็นบุตรตามกฎหมายได้หรือไม่,"ตอบ: สามารถฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายได้ เนื่องจากมีพฤติการรู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร + +คำอธิบาย : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 ในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ + +(7) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร ให้พิจารณาข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตรซึ่งปรากฏในระหว่างตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่ เช่น บิดาให้การศึกษา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้น��ช้ชื่อสกุลของตนหรือโดยเหตุประการอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1555'}]",สามารถฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายได้ เนื่องจากมีพฤติการรู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร +บริษัทหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ตั้งเป็นสมาคมสามารถร่วมกันทำธุรกิจโดยไม่แสวงหาผลกำไรได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ต้องจัดตั้งเป็นสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ก่อน ทั้งนี้เป็นไปตาม มาตรา 294 ไม่อย่างนั้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '294'}]",ไม่ได้ เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ต้องจัดตั้งเป็นสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ก่อน +บุคคลภายนอกจ้างตัวเเทนทำสัญญา ผูกพันตัวการหรือไม่,ไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 825 ถ้าตัวแทนเข้าทำสัญญากับบุคคลภายนอกโดยเห็นแก่อามิสสินจ้างเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่บุคคลภายนอกได้ให้เป็นลาภส่วนตัว หรือให้คำมั่นว่าจะให้ ตัวการไม่ต้องผูกพันในสัญญาซึ่งตัวแทนของตนได้ทำ เว้นแต่ตัวการจะได้ยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '825'}]",ไม่ +ระยะเวลาบังคับจำนองมีเพียงใด,ระยะเวลาบังคับจำนอง บังคับได้ดังนี้ 1 ตลอดที่หนี้หลักยังอยู่ในอายุความ และ 2 บังคับได้แม้หนี้หลักขาดอายุความแล้ว แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปีไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '745'}]",ระยะเวลาบังคับจำนอง บังคับได้ดังนี้ 1 ตลอดที่หนี้หลักยังอยู่ในอายุความ และ 2 บังคับได้แม้หนี้หลักขาดอายุความแล้ว แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปีไม่ได้. +การตั้งชื่อสมาคมมีข้อกหนดหรือไม่,มี ดังนี้ ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “สมาคม” อยู่ด้วยกับชื่อของสมาคม เช่น สมาคมคนรักภริยาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '80'}]",มี ดังนี้ ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “สมาคม” อยู่ด้วยกับชื่อของสมาคม เช่น สมาคมคนรักภริยาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง +การจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 39 วรรคสาม และมาตรา 40 ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ต้องใช้มาตราฐานระดับใด,"ผู้รับหลักประกันต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการดังเช่น ""วิญญูชนจะพึงปฏิบัติโดยพฤติการณ์เช่นนั้น"" พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 41 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการคัดค้านการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การดำเนินการดังกล่าวโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '41'}]","ผู้รับหลักประกันต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการดังเช่น ""วิญญูชนจะพึงปฏิบัติโดยพฤติการณ์เช่นนั้น""" +การถูกกำจัดไม่ให้รับมรดกผลเป็นอย่างไร,การถูกกำจัดไม่ให้รับมรดก มีผลดังนี้ 1 เป็นการเฉพาะตัว 2 ผู้สืบสันดานของทายาทที่ถูกกำจัดสามารถสืบมรดกต่อไปเหมือนหนึ่งว่าทายาทนั้นตายแล้ว แต่ทรัพย์สินที่ผู้สืบสันดานได้รับมรดกมา ไม่มีสิทธิที่จะจัดการและใช้ดังที่ระบุไว้ในบรรพ 5 ลักษณะ 2 หมวด 3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีเช่นนั้นให้ใช้มาตรา 1548 บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1607'}]",การถูกกำจัดไม่ให้รับมรดก มีผลดังนี้ 1 เป็นการเฉพาะตัว 2 ผู้สืบสันดานของทายาทที่ถูกกำจัดสามารถสืบมรดกต่อไปเหมือนหนึ่งว่าทายาทนั้นตายแล้ว แต่ทรัพย์สินที่ผู้สืบสันดานได้รับมรดกมา ไม่มีสิทธิที่จะจัดการและใช้ดังที่ระบุไว้ในบรรพ 5 ลักษณะ 2 หมวด 3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีเช่นนั้นให้ใช้มาตรา 1548 บังคับโดยอนุโลม. +ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิมีสิทธิขอถอนการจัดตั้งมูลนิธิได้โดยอย่างไร,"ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิมีสิทธิขอถอนการจัดตั้งมูลนิธิได้โดย ""ทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียน"" โดยสิทธิที่จะขอถอนการจัดตั้งมูลนิธินี้ไม่ตกทอดไปยังทายาท ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 116 กรณีที่มีผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิหลายคน ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิคนหนึ่งคนใดใช้สิทธิถอนการจัดตั้งมูลนิธิ ให้คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นเป็นอันระงับไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '116'}]",ทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายท���เบียน +กรณีผู้รับหลักประกันบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ ผลเป็นอย่างไร,ผลคือ ให้ถือว่าหนี้ประธานและหนี้ตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไป พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 53 การตกลงใดที่แตกต่างจากความในมาตรา มาตรา 53 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ตกเป็นโมฆะ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '53'}]",ผลคือ ให้ถือว่าหนี้ประธานและหนี้ตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไป +ผู้ใดเป็นผู้ตรวจสอบบริษัทจำกัด,1 รัฐมนตรี หรือ 2 เจ้าหน้าที่โดยลำพังตนเอง จะตั้งผู้ตรวจคนเดียวหรือหลายคนให้ไปตรวจการของบริษัทเพื่อทำรายงานยื่นต่อรัฐบาลก็ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1219 การตั้งผู้ตรวจเช่นว่ามานี้จะพึงมีเมื่อใดสุดแล้วแต่รัฐมนตรีจะเห็นสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1219'}]",1 รัฐมนตรี หรือ 2 เจ้าหน้าที่โดยลำพังตนเอง จะตั้งผู้ตรวจคนเดียวหรือหลายคนให้ไปตรวจการของบริษัทเพื่อทำรายงานยื่นต่อรัฐบาลก็ได้ +องค์ประชุมและการประชุมของคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นอย่างไร,องค์ประชุม ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ก.ล.ต. ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ประธานในที่ประชุม ประธาน ก.ล.ต. เป็นธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการ ก.ล.ต. ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานให้รองประธานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานหรือมีแต่ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการ ก.ล.ต. ที่มาประชุมเลือกกรรมการ ก.ล.ต. คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการ ก.ล.ต. คนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '12'}]",องค์ประชุม ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ก.ล.ต. ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ประธานในที่ประชุม ประธาน ก.ล.ต. เป็นธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการ ก.ล.ต. ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานให้รองประธานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานหรือมีแต่ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการ ก.ล.ต. ที่มาประชุมเลือกกรรมการ ก.ล.ต. คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการ ก.ล.ต. คนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด +ต้นไม้เป็นส่วนควบที่ดินหรือไม่,1 ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ไม้นั้นขึ้นอยู่ เช่น ต้นสัก ต้นโพธิ์ 2 ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หนึ่งครั้งหรือหลายครั้งต่อปี ไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน เช่น พืชผักสวนครัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '145'}]",1 ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ไม้นั้นขึ้นอยู่ เช่น ต้นสัก ต้นโพธิ์ 2 ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หนึ่งครั้งหรือหลายครั้งต่อปี ไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน เช่น พืชผักสวนครัว. +กองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีการจัดการกองทุนอย่างไรบ้าง,การจัดการกองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีดังนี้ 1 ให้กองทุนจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของกองทุนและจัดให้มีการสอบบัญชีเป็นประจำ 2 ให้กองทุนจัดทำงบการเงินส่งผู้สอบบัญชีภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี งบการเงินนั้นต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชี 3 ในทุกรอบปีบัญชี ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งผู้สอบบัญชีซึ่งต้องเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และให้ผู้สอบบัญชีได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด 4 ให้คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คนแต่ไม่เกิน 5 คน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการกองทุน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการได้มา องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/19'}]",การจัดการกองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทร��พย์ พ.ศ. 2535 มีดังนี้ 1 ให้กองทุนจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของกองทุนและจัดให้มีการสอบบัญชีเป็นประจำ 2 ให้กองทุนจัดทำงบการเงินส่งผู้สอบบัญชีภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี งบการเงินนั้นต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชี 3 ในทุกรอบปีบัญชี ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งผู้สอบบัญชีซึ่งต้องเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และให้ผู้สอบบัญชีได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด 4 ให้คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คนแต่ไม่เกิน 5 คน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการกองทุน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการได้มา องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด +กรณีอสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระติดพันส่งผลใดบ้าง,ผู้รับประโยชน์มีสิทธิ ดังนี้ 1 ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับการชำระหนี้เป็นคราว ๆ จากทรัพย์สินนั้น หรือ 2 ได้ใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์แห่งทรัพย์สินตามที่ระบุไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1429'}]",ผู้รับประโยชน์มีสิทธิ ดังนี้ 1 ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับการชำระหนี้เป็นคราว ๆ จากทรัพย์สินนั้น หรือ 2 ได้ใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์แห่งทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ +การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งได้หรือไม่,ได้ โดยการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้ 1 ผู้ใด 2 กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย 3 ข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง(ต้องเป็นความเท็จ) 4 เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ผล ผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ตนไม่รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง(นึกว่าเป็นความจริง) แต่ควรจะรู้ได้ว่าเป็นความเท็จ ข้อยกเว้นไม่ต้องรับผิดเนื่องจากการส่งข่าวที่ตนมีส่วนได้เสีย มีองค์ประกอบดังนี้ 1 ผู้ใด 2 ส่งข่าวสาร 3 อันตนไม่รู้ว่าเป็นความเท็จ(คิดว่าเป็นความจริง) ซึ่งตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้��สียโดยชอบในการนั้นด้วย ผู้นั้นไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '423'}]",ได้ โดยการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้ 1 ผู้ใด 2 กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย 3 ข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง(ต้องเป็นความเท็จ) 4 เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี. +การที่ทรัสตีเข้าทำนิติกรรมหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบุคคลภายนอกต้องทำอย่างไร,ทรัสตีที่เข้าทำนิติกรรมหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบุคคลภายนอก ต้องทำดังนี้ 1 ทรัสตีต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลภายนอกทราบว่าเป็นการกระทำในฐานะทรัสตี 2 ต้องระบุในเอกสารหลักฐานของนิติกรรมหรือธุรกรรมนั้นให้ชัดแจ้งว่าเป็นการกระทำในฐานะทรัสตี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '33'}]",ทรัสตีที่เข้าทำนิติกรรมหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบุคคลภายนอก ต้องทำดังนี้ 1 ทรัสตีต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลภายนอกทราบว่าเป็นการกระทำในฐานะทรัสตี 2 ต้องระบุในเอกสารหลักฐานของนิติกรรมหรือธุรกรรมนั้นให้ชัดแจ้งว่าเป็นการกระทำในฐานะทรัสตี +กรรมการตลาดหลักทรัพย์นอกจากผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ดำรงตำแหน่งกี่ปี,กรรมการตลาดหลักทรัพย์นอกจากผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ดำรงตำแหน่งครั้งละ 3 ปีและอาจได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้อีก ข้อยกเว้น ไม่สามารถแต่งตั้งหรือเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '161'}]",กรรมการตลาดหลักทรัพย์นอกจากผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ดำรงตำแหน่งครั้งละ 3 ปีและอาจได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้อีก +กรณีผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ในการทำงาน ต้องใช้อุปกรณ์คุณภาพระดับใด,ผู้รับจ้างต้องหาอุปกรณ์ชนิดที่ดี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '589'}]",ผู้รับจ้างต้องหาอุปกรณ์ชนิดที่ดี +กรณีที่มีข้อสงสัยในมูลหนี้ต้องทำอย่างไร,ให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '11'}]",ให้ตีความไปในทาง���ี่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น +การขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันต้องทำอย่างไร,การขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน ต้องทำดังนี้ 1 ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานทะเบียนตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด 2 หากเจ้าพนักงานทะเบียนตรวจสอบแล้ว 2.1 กรณีออกใบอนุญาตเป็นผู้รับหลักประกัน ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 55 ให้เจ้าพนักงานทะเบียนออกใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันให้ 2.2 กรณีไม่ออกใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน ผู้ขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการไม่อนุญาต โดยให้ผู้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานทะเบียน ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ และให้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด 3 ให้เจ้าพนักงานทะเบียนแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบถึงการอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามวรรคสองภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอตามข้อ 1,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '56'}]",การขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน ต้องทำดังนี้ 1. ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานทะเบียนตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด 2. หากเจ้าพนักงานทะเบียนตรวจสอบแล้ว 2.1 กรณีออกใบอนุญาต ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 55 2.2 กรณีไม่ออกใบอนุญาต ผู้ขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวัน 3. เจ้าพนักงานทะเบียนแจ้งให้ผู้ขอทราบการอนุญาตหรือไม่อนุญาตภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ. +บุคคลใดเป็นออกกฎบังคับจัดตั้งของสำนักงานสำหรับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท,รัฐมนตรีกระทรวงซึ่งบัญชาการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทเป็นผู้ออกกฎข้อบังคับจัดตั้งขึ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1014'}]",รัฐมนตรีกระทรวงซึ่งบัญชาการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทเป็นผู้ออกกฎข้อบังคับจัดตั้งขึ้น +ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือเปลี่ยนเป็นใบหุ้นชนิดระบุชื่อได้หรือไม่,ได้ และเมื่อเปลี่ยนเป็นใบหุ้นระบุชื่อแล้ว ให้ขีดฆ่าใบหุ้นฉบับออกให้แก่ผู้ถือด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1136'}]",ได้ และเมื่อเปลี่ยนเป็นใบหุ้น��ะบุชื่อแล้ว ให้ขีดฆ่าใบหุ้นฉบับออกให้แก่ผู้ถือด้วย +การเรียกร้องของผู้ให้เช่า กรณีผู้ให้เช่าได้รับเงินประกันไว้ผู้ให้เช่ามีสิทธิใดบ้าง,ผู้ให้เช่ามีบุริมสิทธิในส่วนที่ไม่มีเงินประกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '264'}]",ผู้ให้เช่ามีบุริมสิทธิในส่วนที่ไม่มีเงินประกัน +บุคคลต้องปฏิบัติตามมาตราใดบ้าง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535,"บุคคลต้องปฏิบัติตามมาตรา ดังนี้ 1 มาตรา 246 2 มาตรา 247 3 มาตรา 248 4 มาตรา 249 5 มาตรา 251 6 มาตรา 252 7 มาตรา 253 8 มาตรา 254 9 มาตรา 255 10 มาตรา 256 11 มาตรา 247 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 298 หากไม่กระทำตามหรือฝ่าฝืนมาตราดังกล่าว มีโทษดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '298'}]",บุคคลต้องปฏิบัติตามมาตรา ดังนี้ 1 มาตรา 246 2 มาตรา 247 3 มาตรา 248 4 มาตรา 249 5 มาตรา 251 6 มาตรา 252 7 มาตรา 253 8 มาตรา 254 9 มาตรา 255 10 มาตรา 256 11 มาตรา 247 +กรณีลูกหนี้ไสัญญาไว้ว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิใดบ้าง,เจ้าหนี้มีสิทธิ ดังนี้ 1 เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับที่ลูกหนี้สัญญาไว้ได้ แต่ถ้าเจ้าหนี้เรียกเอาเบี้ยปรับจะไม่มีสิทธิเรียกร้องชำระหนี้อีกต่อไป 2 ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ จะเรียกเอาเบี้ยปรับในฐานจำนวนน้อยสุดในค่าเสียหายก็ได้ การพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้น ท่านก็อนุญาตให้พิสูจน์ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '380'}]",เจ้าหนี้มีสิทธิ ดังนี้ 1 เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับที่ลูกหนี้สัญญาไว้ได้ แต่ถ้าเจ้าหนี้เรียกเอาเบี้ยปรับจะไม่มีสิทธิเรียกร้องชำระหนี้อีกต่อไป 2 ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ จะเรียกเอาเบี้ยปรับในฐานจำนวนน้อยสุดในค่าเสียหายก็ได้ การพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้น ท่านก็อนุญาตให้พิสูจน์ได้. +การขายฝากผู้ซื้อสามารถขายทรัพย์สินที่ขายฝากได้หรือไม่,ผู้ซื้อสามารถขายทรัพย์สินที่ขายฝากได้ หรือตกลง��ม่ให้ขายก็ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 493 ถ้าผู้ซื้อขายทรัพย์สินโดยฝ่าฝืนสัญญา ต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '493'}]",ผู้ซื้อสามารถขายทรัพย์สินที่ขายฝากได้ หรือตกลงไม่ให้ขายก็ได้ +บุคคลใดมีหน้าที่ไม่เปิดเผยข้อมูลตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546,"บุคลลดังนี้ มีหน้าที่ไม่เปิดเผยข้อมูล 1 บุคคลที่ล่วงรู้กิจการของบุคคลใดเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 2 บุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลใดจากการเปิดเผยของบุคคลที่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 โดยทั้ง 2 กรณีนั้น อันเป็นกิจการหรือข้อมูลที่เป็นความลับของทางราชการ หรือตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 153 โทษ ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อยกเว้น ความในวรรคหนึ่ง มิให้นำมาใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณีดังต่อไปนี้ 1 การเปิดเผยตามอำนาจหรือหน้าที่ 2 การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี 3 การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ 4 การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 5 การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6 การเปิดเผยแก่ทางการหรือหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สินค้า ตัวแปร หรือสถาบันการเงิน 7 การเปิดเผยแก่ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือสำนักหักบัญชีหลักทรัพย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สินค้า หรือตัวแปร 8 การเปิดเผยเมื่อได้รับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวเป��นลายลักษณ์อักษร","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '153'}]",1. บุคคลที่ล่วงรู้กิจการของบุคคลใดเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 2. บุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลใดจากการเปิดเผยของบุคคลที่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 +การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องได้รับอนุญาตหรือต้องจดทะเบียนหรือไม่,"การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องได้รับอนุญาตหรือต้องจดทะเบียนตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 125 โทษหากไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '125'}]",การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องได้รับอนุญาตหรือต้องจดทะเบียนตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 +บุคคลใดเป็นประธานการประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี,การประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี มีนายกสภาวิชาชีพบัญชีเป็นประธานในที่ประชุม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 21 กรณีประธานไม่อยู่ 1 กรณีที่นายกสภาวิชาชีพบัญชีไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ อุปนายกสภาวิชาชีพบัญชีคนที่หนึ่งหรือคนที่สองตามลำดับเป็นประธานในที่ประชุม 2 กรณีนายกสภาวิชาชีพบัญชีและอุปนายกสภาวิชาชีพบัญชีไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ให้สมาชิกสามัญที่มาประชุมเลือกสมาชิกสามัญคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '21'}]",นายกสภาวิชาชีพบัญชีเป็นประธานในที่ประชุม +ผลของการแสดงเจตนาที่ไม่ได้ตรงกับใจเป็นอย่างไร,การแสดงเจตนานั้นไม่เป็นโมฆะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 154 ข้อยกเว้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ถึงเจตนาในใจของผู้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '154'}]",การแสดงเจตนานั้นไม่เป็นโมฆะ +สินส่วนตัวสามีหรือภริยาเป็นผู้จัดการ,ทรัพย์สินส่วนตั���เป็นของฝ่ายใด ฝ่ายนั้นเป็นคนจัดการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1473'}]",ทรัพย์สินส่วนตัวเป็นของฝ่ายใด ฝ่ายนั้นเป็นคนจัดการ +ผู้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีสิทธิใดบ้าง,ผู้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีสิทธิ ดังนี้ 1 มีสิทธิตรวจดูสำเนาบัญชีของกองทรัสต์หรือเอกสารอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดได้ในเวลาทำการของทรัสตี 2 มีสิทธิขอคัดสำเนาบัญชีของกองทรัสต์หรือเอกสารอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดได้ในเวลาทำการของทรัสตี พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 ทรัสตีอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการคัดสำเนาเอกสารได้เท่าที่จำเป็น และใช้จ่ายไปจริงแต่ไม่เกินอัตราที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '47'}]",ผู้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีสิทธิ ดังนี้ 1 มีสิทธิตรวจดูสำเนาบัญชีของกองทรัสต์หรือเอกสารอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดได้ในเวลาทำการของทรัสตี 2 มีสิทธิขอคัดสำเนาบัญชีของกองทรัสต์หรือเอกสารอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดได้ในเวลาทำการของทรัสตี +การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องกระทำด้วยรูปแบบใด,การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องกระทำ ดังนี้ 1 จัดตั้งในรูปบริษัทจำกัดหรือ 2 บริษัทมหาชนจำกัดหรือ 3 เมื่อเป็นสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่น ทั้งนี้ ตั้ง 3 กรณีโดยได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 90 การควบบริษัทหลักทรัพย์เข้ากันให้ถือว่าเป็นการจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี การขอรับใบอนุญาต การขอความเห็นชอบ การออกใบอนุญาต และการให้ความเห็นชอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการ ตลอดจนเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '90'}]",การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องกระทำ ดังนี้ 1 จัดตั้งในรูปบริษัทจำกัดหรือ 2 บริษัทมหาชนจำกัดหรือ 3 เมื่อเป็นสถาบันการเงินที่จั��ตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่น +การทำคำคัดค้านตั๋วเงินต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง,1 ชื่อ ตำแหน่ง และลายมือชื่อของผู้ทำคำคัดค้าน 2 ต้องมีสำเนาตั๋วเงินกับรายการสลักหลังทั้งหมดตรงถ้อยตรงคำกับระบุข้อความ ดังนี้ 2.1 ชื่อ หรือยี่ห้อของบุคคลผู้คัดค้านและผู้ถูกคัดค้าน 2.2 มูล หรือเหตุที่ต้องทำคำคัดค้านตั๋วเงิน การทวงถามและคำตอบ ถ้ามี หรือข้อที่ว่าหาตัวผู้จ่ายหรือผู้รับรองไม่พบ 2.3 ถ้ามีการรับรอง หรือใช้เงินเพื่อแก้หน้า ให้แถลงลักษณะแห่งการเข้าแก้หน้าทั้งชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับรองหรือผู้ใช้เงินเพื่อแก้หน้าและชื่อบุคคลซึ่งเขาเข้าแก้หน้านั้นด้วย 2.4 สถานที่และวันทำคำคัดค้าน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 962 หน้าที่ของผู้ทำคำคัดค้าน 1 ให้ผู้ทำคำคัดค้านส่งมอบคำคัดค้านแก่ผู้ร้องขอให้ทำ 2 ให้ผู้ทำคำคัดค้านรีบส่งคำบอกกล่าวการคัดค้านนั้นไปยังผู้ถูกคัดค้าน ถ้าทราบภูมิลำเนาก็ให้ส่งโดยจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ หรือส่งมอบไว้ ณ ภูมิลำเนาของผู้นั้นก็ได้ ถ้าไม่ทราบภูมิลำเนาก็ให้ปิดสำเนาคำคัดค้านไว้ยังที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่ว่าการอำเภอประจำท้องที่อันผู้ถูกคัดค้านมีถิ่นที่อยู่ครั้งหลังที่สุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '962'}]",1. ชื่อ ตำแหน่ง และลายมือชื่อของผู้ทำคำคัดค้าน 2. ต้องมีสำเนาตั๋วเงินกับรายการสลักหลังทั้งหมดตรงถ้อยตรงคำกับระบุข้อความ ดังนี้ 2.1 ชื่อ หรือยี่ห้อของบุคคลผู้คัดค้านและผู้ถูกคัดค้าน 2.2 มูล หรือเหตุที่ต้องทำคำคัดค้านตั๋วเงิน การทวงถามและคำตอบ ถ้ามี หรือข้อที่ว่าหาตัวผู้จ่ายหรือผู้รับรองไม่พบ 2.3 ถ้ามีการรับรอง หรือใช้เงินเพื่อแก้หน้า ให้แถลงลักษณะแห่งการเข้าแก้หน้าทั้งชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับรองหรือผู้ใช้เงินเพื่อแก้หน้าและชื่อบุคคลซึ่งเขาเข้าแก้หน้านั้นด้วย 2.4 สถานที่และวันทำคำคัดค้าน +ผู้ให้หลักประกันต้องปฏิบัติตามมาตราใดบ้างของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558,"ผู้ให้หลักประกันต้องปฏิบัติตามมาตรา ดังนี้ 1 มาตรา 20 วรรคสอง 2 มาตรา 24 3 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง 4 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง 5 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง 6 มาตรา 65 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 84 หากไม่ปฏิบัติตามมาตราดังกล่าวมีโทษ ดังนี้ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 100,000 บาท กรณีผู้ให้หลักประกันกระทำความผิดโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '84'}]",1. มาตรา 20 วรรคสอง 2. มาตรา 24 3. มาตรา 25 วรรคหนึ่ง 4. มาตรา 72 วรรคหนึ่ง 5. มาตรา 38 วรรคหนึ่ง 6. มาตรา 65 +ถ้าใบทะเบียนพาณิชย์หายต้องทำยังไง,ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่สูญหาย พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 14 เมื่อนายทะเบียนพาณิชย์ได้รับคำขอจดทะเบียน และเห็นว่าคำขอนั้นถูกต้องตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง และประกาศซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้รับจดทะเบียนไว้และให้ออกใบทะเบียนพาณิชย์ให้แก่ผู้ขอ กรณีใบทะเบียนพาณิชย์สูญหาย ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่สูญหาย ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจแสดงใบทะเบียนพาณิชย์ หรือใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ไว้ ณ สำนักงานในที่เปิดเผยซึ่งอาจเห็นได้ง่าย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '14'}]",ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่สูญหาย +คนจีนที่ถูกเนรเทศออกจากไทยจะเข้ามาทำธุรกิจในไทยได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากห้ามต่างด้าวที่ถูกเนรเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในราชอาณาจักร พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 6 ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจในราชอาณาจักร ในกรณีนี้ (1) คนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศหรือรอการเนรเทศตามกฎหมาย (2) คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือกฎหมายอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '6'}]",ไม่ได้ เนื่องจากห้ามต่างด้าวที่ถูกเนรเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในราชอาณาจักร +ผู้ค้ำประกันตกลงรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วมได้หรือไม่,ผู้ค้ำประกันไม่สามารถรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมได้ หากกำหนดในข้อตกลงไว้ ให้ตกเป็นโมฆะ เว้นแต่เป็นผู้ค้ำประกันที่เป็นนิติบุคคล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681/1 ข้อตกลงใดที่กำหนดให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดอย่างเดียวกับลูกหนี้ร่วมหรือในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ ยกเว้นในกรณีผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นนิติบุคคลและยินยอมเข้าผูกพันตนเพื่อรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมหรือในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม แต่ผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นนิติบุคคลนั้นจะไม่มีสิทธิตามมาตรา 688 มาตรา 689 และมาตรา 690,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '681/1'}]",ผู้ค้ำประกันไม่สามารถรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมได้ หากกำหนดในข้อตกลงไว้ ให้ตกเป็นโมฆะ เว้นแต่เป็นผู้ค้ำประกันที่เป็นนิติบุคคล +บริษัทหลักทรัพย์จะสามารถตั้งสาขาใหม่ได้เลยไหม,สามารถตั้งสำนักงานสาขาได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานก่อน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 92 บริษัทหลักทรัพย์อาจมีสำนักงานสาขาได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด การจัดตั้งสำนักงานสาขาของสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่นให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '92'}]",สามารถตั้งสำนักงานสาขาได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานก่อน +กองทุนมีอำนาจหน้าที่อะไร,กองทุนมีอำนาจหน้าที่ในการกระทำการภายในขอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 218/2 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/4 ให้กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 218/2 การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุน การจัดตั้งนิติบุคคล การเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือการถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/4'}]",กองทุนมีอำนาจหน้าที่ในการกระทำการภายในขอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 218/2 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน +ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่อะไร,ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1.ตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวกับรายได้รายจ่าย และทรัพย์สินหนี้สินของบริษัทในเวลาทำการของบริษัท 2.สอบถามกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท ตัวแทนบริษัท และให้ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 122 ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบบัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวกับรายได้รายจ่าย ตลอดจนทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทได้ในระหว่างเวลาทำการของบริษัท ในการนี้ให้มีอำนาจสอบถามกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ของบริษัท และตัวแทนของบริษัท รวมทั้งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัทได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '122'}]",ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1.ตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวกับรายได้รายจ่าย และทรัพย์สินหนี้สินของบริษัทในเวลาทำการของบริษัท 2.สอบถามกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท ตัวแทนบริษัท และให้ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท +หลักประกันที่เป็นกิจการให้บังคับตามใด,บังคับไปตามกระบวนการบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 61 ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน การบังคับหลักประกันให้เป็นไปตามบทบัญญัติในหมวดนี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '61'}]",บังคับไปตามกระบวนการบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดของพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 +ประกันภัยจะผูกพันคู่สัญญากรณีใด,เมื่อผู้เอาประกันภัย (ผู้ทำประกันภัย) มีส่วนได้เสียในเหตุประกันภัยนั้น =>ผูกพันคู่สัญญาตามสัญญาประกันภัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863 สัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่ได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ ย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '863'}]",เมื่อผู้เอาประกันภัย (ผู้ทำประกันภัย) มีส่วนได้เสียในเหตุประกันภัยนั้น +การที่ลงหุ้นเป็นทรัพย์โดยที่กรรมสิทธิ์ยังอยู่ที่เจ้าของทรัพย์สามารถ��ำได้โดยวิธีใด,กรณีที่ลงหุ้นเป็นทรัพย์โดยที่กรรมสิทธิ์ยังอยู่ที่เจ้าของ สามารถทำได้โดย => ลงหุ้นโดยเอาทรัพย์สินมาให้ใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1029 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งเอาทรัพย์สินมาให้ใช้เป็นการลงหุ้น ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นกับห้างหุ้นส่วนในเรื่อง -ส่งมอบและซ่อมแซม -ความรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง -ความรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ -ข้อยกเว้นความรับผิด =>ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยเช่าทรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1029'}]",ลงหุ้นโดยเอาทรัพย์สินมาให้ใช้ +สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่อะไร,มีหน้าที่ ดังนี้ 1. จัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของสำนักงาน 2. จัดให้มีการสอบบัญชีภายในเป็นประจำ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 30 ให้สำนักงานจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของสำนักงานและจัดให้มีการสอบบัญชีภายในเป็นประจำ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '30'}]",1. จัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของสำนักงาน 2. จัดให้มีการสอบบัญชีภายในเป็นประจำ +การแต่งงานกับคนวิกลจริตจะตกเป็นโมฆะเมื่อใด,กรณีนี้เป็นการสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา 1449 กล่าวคือห้ามสมรสกับบุคคลวิกลจริต และการสมรสนี้จะตกเป็นโมฆะเมื่อมีคำพิพากษาของศาล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 การสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 และมาตรา 1458 เป็นโมฆะต่อเทื่อมีคำพิพากษาของศาล ผู้ที่สามารถร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ ได้แก่ -คู่สมรส -บิดามารดา -ผู้สืบสันดานของคู่สมรส หรือ -ถ้าไม่มีบุคคลข้างต้น ผู้มีส่วนได้เสียจะร้องขอให้อัยการเป็นผู้ร้องขอต่อศาลก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1496'}]",การสมรสนี้จะตกเป็นโมฆะเมื่อมีคำพิพากษาของศาล +หย่าแล้วแบ่งสินสมรสยังไง,เมื่อหย่าแล้ว ให้แบ่งสินสมรสเป็นส่วนเท่ากันให้แต่ละฝ่าย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1533'}]",เมื่อหย่าแล้ว ให้แบ่งสินสมรสเป็นส่วนเท่ากันใ���้แต่ละฝ่าย +แปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ต้องดำเนินการเช่นไร,แปลงตัวใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ทำได้ดังนี้ => ทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ โดยต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้เดิม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 แปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้น จะทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ก็ได้ แต่ห้ามทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '350'}]",ทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ โดยต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้เดิม +ถ้าไม่ส่งหนังสือนัดประชุมจัดตั้งบริษัท 14 วันก่อนวันประชุมให้ผู้จองหุ้น จะมีความผิดอะไร,"ผู้เริ่มจัดตั้งต้องส่งหนังสือนัดประชุมจัดตั้งบริษัทให้แก่ผู้จองหุ้นไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันประชุม ตามมาตรา 28 ไม่เช่นนั้น => มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 192 ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20 วรรคสาม มาตรา 28 หรือมาตรา 37 วรรคหนึ่ง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '192'}]","มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +สามารถตัดรั้วต้นไม้ที่อยู่ระหว่างที่ดินของเจ้าของต่างรายได้หรือไม่,สามารถตัดได้ เนื่องจากเป็นของเจ้าของสองข้างร่วมกัน แต่อย่างไรก็ดีเจ้าของที่ตัดจะต้องก่อกำแพง หรือทำรั้วตามแนวเขตนั้นด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1345 เมื่อรั้วต้นไม้ หรือคูซึ่งไม่ได้ใช้เป็นทางระบายน้ำ เป็นของเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างรวมกัน =>เจ้าของข้างใดข้างหนึ่งมีสิทธิที่จะตัดรั้วต้นไม้ หรือถมคูนั้นได้ถึงแนวเขตที่ดินของตน แต่ต้องก่อกำแพง หรือทำรั้วตามแนวเขตนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1345'}]",สามารถตัดได้ เนื่องจากเป็นของเจ้าของสองข้างร่วมกัน แต่อย่างไรก็ดีเจ้าของที่ตัดจะต้องก่อกำแพง หรือทำรั้วตามแนวเขตนั้นด้วย +ผลของการใช้ผู้ไร้ความสามารถเป็นตัวแทน คืออะไร,ตัวการต้องผูกพันในสิ่งที่ตัวแทนกระทำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 799 ตัวการคนใดใช้บุคคลผู้ไร้ความสามารถเป็นตัวแทน ตัวการคนนั้นย่อมต้องผูกพันในกิจการที่ตัวแทนกระทำ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '799'}]",ตัวการต้องผูกพันในสิ่งที่ตัวแทนกระทำ +หากกรรมการทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายในทรัพย์สินของนิติบุคคลจะมีโทษอย่างไร,"ต้องเป็นกรรมการที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคล หรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลเป็นเจ้าของรวม ได้กระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในทรัพย์สินของนิติบุคคล =>ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 83 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา 89 ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลหรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000บาท","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '83'}]","ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท" +บัญชีและเอกสารที่ใช้ในการลงบัญชีต้องเก็บไว้กี่ปี,ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันปิดบัญชี หรือจนกว่าจะส่งมอบบัญชีและเอกสารตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 14 กรณีปกติ : ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันปิดบัญชีหรือจนกว่าจะมีการส่งมอบบัญชีและเอกสารตามมาตรา 17 กรณีพิเศษ : ให้อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้เกิน 5 ปีแต่ต้องไม่เกิน 7 ปีได้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชีของกิจการประเภทใดประเภทหนี่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '14'}]",ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันปิดบัญชี หรือจนกว่าจะส่งมอบบัญชีและเอกสารตามมาตรา 17 +สัญญายืมใช้คงรูปคืออะไร,สัญญายืมใช้คงรูป คือสัญญาที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินสิ่งหนึ่งแบบไม่มีค่าตอบแทน โดยผู้ยืมตกลงคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อใช้เสร็จแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 640 สัญญายืมใช้คงรูปเป็นสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้น เมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '640'}]",สัญญายืมใช้คงรูป คือสัญญาที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินสิ่งหนึ่งแบบไม่มีค่าตอบแทน โดยผู้ยืมตกลงคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อใช้เสร็จแล้ว. +ในสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ลูกหนี้สามารถยกข้อต่อสู้ขึ้นอ้างบุคคลภายนอกได้หรือไม่,สามารถยกข้อต่อสู้ขึ้นอ้างบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์จากสัญญานั้นได้ แต่เฉพาะข้อต่อสู้อันเป็นมูลสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376 ข้อต่อสู้อันเกิดแต่มูลสัญญาดังกล่าวมาในมาตรา 374 นั้น ลูกหนี้อาจจะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้จะได้รับประโยชน์จากสัญญานั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '376'}]",สามารถยกข้อต่อสู้ขึ้นอ้างบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์จากสัญญานั้นได้ แต่เฉพาะข้อต่อสู้อันเป็นมูลสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก +การออกจากตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องดำเนินการอย่างไร,เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดได้ยินยอม หุ้นส่วนผู้จัดการถึงจะออกจากตำแหน่งได้ เว้นแต่กำหนดเป็นอย่างอื่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1036 อันหุ้นส่วนผู้จัดการนั้น จะเอาออกจากตำแหน่งได้ต่อเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายอื่นยินยอมพร้อมกัน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1036'}]",เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดได้ยินยอม หุ้นส่วนผู้จัดการถึงจะออกจากตำแหน่งได้ เว้นแต่กำหนดเป็นอย่างอื่น +ตั๋วเงินแบบสั่งให้ใช้เงินเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ผู้จ่ายเห็นเฉยๆใช่ไหม,ไม่ใช่ ระยะเวลาต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้จ่ายเห็นและรับรอง หรือวันคัดค้าน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 943 เมื่อถึงกำหนดแห่งตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลาอันใดอันหนึ่งนับแต่วันได���เห็นนั้น ให้กำหนดนับแต่วันรับรอง หรือวันคัดค้าน ถ้าไม่มีคำคัดค้าน และคำรับรองไม่ได้ลงวัน ให้ถือว่าผู้รับรองได้ให้คำรับรองนั้นในวันท้ายแห่งกำหนดเวลาซึ่งจำกัดไว้ตามกฎหมาย หรือตามสัญญาเพื่อการยื่นตั๋วนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '943'}]",ไม่ใช่ ระยะเวลาต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้จ่ายเห็นและรับรอง หรือวันคัดค้าน +แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายทรัพย์เป็นเอกสารที่ได้รับรองความถูกต้องแล้วหรือไม่,แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายทรัพย์ไม่ได้แสดงว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับรองความถูกต้องแล้ว พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 87 การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนไม่ได้เป็นการแสดงว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานได้รับรองถึงความถูกต้องของข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และในหนังสือชี้ชวนดังกล่าว หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานได้ประกันราคาของหลักทรัพย์ที่เสนอขายนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '87'}]",แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายทรัพย์ไม่ได้แสดงว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับรองความถูกต้องแล้ว +จะสามารถแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิก่อนการจดทะเบียนบริษัทได้หรือไม่,หากนายทะเบียนรับจดหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว แต่ต้องการแก้ไขหนังสือนั้นก่อนจะจดทะเบียนบริษัท =>สามารถทำได้ แต่ต้องทำก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 19 หนังสือบริคณห์สนธินั้น ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนลงลายมือชื่อและนำไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน การแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนแล้วก่อนการขอจดทะเบียนเป็นบริษัท จะต้องกระทำก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆโดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนและนำไปขอจดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียน,"[{'law': 'พร���ราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '19'}]",สามารถทำได้ แต่ต้องทำก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชน และต้องได้รับความยินยอมจากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคน +สามารถใช้บุริมสิทธิก่อนสิทธิจำนองได้ในกรณีใด,บุริมสิทธิที่ได้จดลงทะเบียนแล้วอาจใช้ได้ก่อนสิทธิจำนอง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 287 บุริมสิทธิใดได้ไปจดลงทะเบียนแล้วตามบทบัญญัติแห่งมาตราทั้งสองข้างบนนี้ บุริมสิทธินั้นท่านว่าอาจจะใช้ได้ก่อนสิทธิจำนอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '287'}]",บุริมสิทธิที่ได้จดลงทะเบียนแล้วอาจใช้ได้ก่อนสิทธิจำนอง +กรรมการจำเป็นต้องรายงานถึงการมีส่วนได้เสียของตนในบริษัทหรือไม่,จำเป็น เนื่องจากกรรมการต้องรายงานให้บริษัททราบถึงส่วนได้เสียในการบริหารจัดการบริษัทของตนหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/14 1.กรรมการ 2.ผู้บริหาร =>ต้องรายงานให้บริษัททราบถึงการมีส่วนได้เสียของตนหรือของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อยทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/14'}]",จำเป็น เนื่องจากกรรมการต้องรายงานให้บริษัททราบถึงส่วนได้เสียในการบริหารจัดการบริษัทของตนหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง +หากพึ่งทราบภายหลังว่ากรรมการบกพร่องในคุณสมบัติ กิจการบริษัทที่ดำเนินการไปก่อนหน้าจะยังมีผลหรือไม่,หากปรากฏในภายหลังว่ากรรมการบกพร่องในคุณสมบัติ กิจการที่กรรมการได้ทำในนามบริษัทยังคงมีผลสมบูรณ์และผูกพันอยู่ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 84 บรรดากิจการของบริษัทที่คณะกรรมการ หรือกรรมการ หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการได้กระทำไปในนามของบริษัท ย่อมมีผลสมบูรณ์และผูกพันบริษัทแม้จะปรากฏในภายหลังว่ามีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่งตั้ง หรือคุณสมบัติของกรรมการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '84'}]",กิจการที่กรรมการได้ทำในนามบริษัทยังคงมีผลสมบูรณ์และผูกพันอยู่ +บัญชีเดินสะพัดสามารถบอกเลิกในทันทีได้หรือไม่,สามารถบอกเลิกได้ทันที กล่าวคือจะบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดในเวลาใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 859 คู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัด และให้หักทอนบัญชีกันเสียในเวลาใด ๆ ก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรปรากฏเป็นข้อขัดกับที่กล่าวมานี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '859'}]",สามารถบอกเลิกได้ทันที กล่าวคือจะบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดในเวลาใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย +เมื่อสอดเข้าแก้หน้าแล้วต้องรับผิดต่อใคร,ผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าจะต้องรับผิดต่อ 1.ผู้ทรงตั๋วเงิน 2.ผู้สลักหลังภายหลังการสอดเข้าแก้หน้า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 953 ผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าย่อมต้องรับผิดต่อ 1.ผู้ทรงตั๋วเงินนั้น 2.ผู้สลักหลังทั้งหลายภายหลังคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตนเข้าแก้หน้า โดยต้องรับผิดอย่างเดียวกันกับที่คู่สัญญาฝ่ายนั้นต้องรับผิดอยู่เอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '953'}]",ผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าจะต้องรับผิดต่อ 1.ผู้ทรงตั๋วเงิน 2.ผู้สลักหลังภายหลังการสอดเข้าแก้หน้า +สามารถร้องขอให้ถอดตัวแทนในกรณีใดได้,กรณีตัวแทนได้รับมอบอำนาจเฉพาะการ แต่ตัวแทนได้จัดทำการซึ่งอาจเสียหายแก่ผู้ไม่อยู่ =>ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถร้องขอศาลให้ถอนตัวแทนนั้นได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 55 ถ้าผู้ไม่อยู่ได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจเฉพาะการอันใดไว้ 1.ผู้จัดการทรัพย์สินจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการอันเป็นอำนาจเฉพาะการนั้นไม่ได้ 2.ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอให้ศาลถอดถอนตัวแทนก็ได้ ถ้าการที่ตัวแทนจัดทำอยู่นั้นอาจจะเสียหายแก่ผู้ไม่อยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '55'}]",กรณีตัวแทนได้รับมอบอำนาจเฉพาะการ แต่ตัวแทนได้จัดทำการซึ่งอาจเสียหายแก่ผู้ไม่อยู่ =>ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถร้องขอศาลให้ถอนตัวแทนนั้นได้ +การโอนสิทธิเก็บกินทำได้หรือไม่,ไม่สามารถโอนสิทธิเก็บกินได้ แต่สามารถโอนการใช้สิทธิเก็บกินได้ เว้นแต่จะมีนิติกรรมอันก่อให้เกิดสิทธิเก็บกินกำหนดห้ามโอนไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1422 ผู้ทรงสิท��ินั้นจะโอนการใช้สิทธิของตนให้บุคคลภายนอกก็ได้ หากไม่ได้กำหนดเป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดสิทธิเก็บกิน ในกรณีเช่นนั้นเจ้าของทรัพย์สินอาจฟ้องร้องผู้รับโอนโดยตรง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1422'}]",ไม่สามารถโอนสิทธิเก็บกินได้ แต่สามารถโอนการใช้สิทธิเก็บกินได้ เว้นแต่จะมีนิติกรรมอันก่อให้เกิดสิทธิเก็บกินกำหนดห้ามโอนไว้ +หากจะค้าหลักทรัพย์ต้องดำเนินการอย่างไร,บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการค้าหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 114 ในการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการค้าหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '114'}]",บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการค้าหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ตัวการต้องใช้เงินคืนแก่ผู้จัดการงานนอกสั่งหรือไม่,ผู้จัดการงานนอกสั่งที่ได้ออกค่าใช้จ่ายไปก่อน ในกรณีเข้าจัดการงานที่สมประโยชน์แก่ตัวการ และสมประสงค์ความแท้จริงของตัวการ หรือตามที่สันนิษฐานไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 401 การใช้เงินคืนแก่ผู้จัดการงานนอกสั่ง ถ้าการที่เข้าจัดการงานนั้นเป็นการสมประโยชน์ของตัวการ และต้องตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือความประสงค์ตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ => ผู้จัดการจะเรียกให้ชดใช้เงินคืนแก่ตนได้ และบทบัญญัติมาตรา 816 วรรค 2 (การชำระหนี้ หรือหาประกันก่อนหนี้ถึงกำหนด)ให้นำมาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม =>ในกรณีที่กล่าวมาในมาตรา 397 (การทำเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือบำรุงรักษาผู้อื่นตามกฎหมาย) แม้ถึงว่าที่เข้าจัดการงานนั้นจะเป็นการขัดกับความประสงค์ของตัวการก็ดี ผู้จัดการก็ยังคงมีสิทธิเรียกร้องเช่นนั้นอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '401'}]",ผู้จัดการจะเรียกให้ชดใช้เงินคืนแก่ตนได้ +ใครมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น,กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยต้องไ���่มีส่วนได้เสียในเรื่องที่จะวินิจฉัย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 อัฏฐ กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใดที่ต้องวินิจฉัยปัญหาภาษีอาการที่กรมสรรพากรขอความเห็นตามมาตรา 13 สัตต (3) => จะไม่สามารถเข้าร่วมประชุมหรือลงมติในเรื่องนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 อัฏฐ'}]",กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยต้องไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องที่จะวินิจฉัย +หากไม่จัดทำหนังสือบอกกล่าวลดทุนไปยังเจ้าหนี้จะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 22 บริษัทจำกัดใด 1.ไม่โฆษณา หรือ 2.ไม่มีหนังสือบอกกล่าวความประสงค์จะลดทุนตามมาตรา 1226 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ 3.จัดการลดทุนโดยฝ่าฝืนมาตรา 1226 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ => มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '22'}]","มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +คุณสมบัติของผู้บังคับหลักประกัน คืออะไร,ผู้บังคับหลักประกันต้องมีความเป็นกลางและเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 75 คุณสมบัติในการปฏิบัติหน้าที่ => ผู้บังคับหลักประกันต้องมีความเป็นกลางและเป็นอิสระ กรณีมีเหตุอันควรสงสัยถึงความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระ =>ผู้บังคับหลักประกันต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น กรณีนับแต่วันที่ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจใด => ผู้บังคับหลักประกันต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้นต่อคู่สัญญาโดยไม่ชักช้า เว้นแต่จะได้แจ้งให้คู่สัญญาทราบล่วงหน้าแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '75'}]",ผู้บังคับหลักประกันต้องมีความเป็นกลางและเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ +เงินได้จากการปล่อยเช่าทรัพย์จะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ไหม,สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากเป็นเงินได้จากการปล่อยเช่าทรัพย์สิน ตามมาตรา 40(5) ประมวลรัษฎากร ประมวลรัษฎากร มาตรา 43 เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (5) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '43'}]",สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากเป็นเงินได้จากการปล่อยเช่าทรัพย์สิน ตามมาตรา 40(5) ประมวลรัษฎากร +สัญญาเช่าเป็นอย่างไร,สัญญาเช่า คือสัญญาที่ผู้ให้เช่าตกลงให้ผู้เช่าได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินในระยะเวลาจำกัด โดยที่ผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าในทรัพย์สินนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 537 เช่าทรัพย์สินนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '537'}]",สัญญาเช่า คือสัญญาที่ผู้ให้เช่าตกลงให้ผู้เช่าได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินในระยะเวลาจำกัด โดยที่ผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าในทรัพย์สินนั้น +หากลงมติฝ่าฝืนกฎหมายในที่ประชุมใหญ่หอการค้า จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ดำเนินการโดยให้ผู้ร้องขอศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กรณี 1.สมาชิก =>ต้องทำภายใน 30 วันนับแต่ลงมติ 2.พนักงานเจ้าหน้าที่ =>ไม่ได้กำหนดระยะเวลา พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 42 ถ้าที่ประชุมใหญ่ของหอการค้าลงมติอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หรือข้อบังคับของหอการค้า เมื่อสมาชิกคนหนึ่งคนใดร้องขอภายใน 30 วันนับแต่ได้ลงมตินั้น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '42'}]",ดำเนินการโดยให้ผู้ร้องขอศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กรณี 1.สมาชิก =>ต้องทำภายใน 30 วันนับแต่ลงมติ 2.พนักงานเจ้าหน้าที่ =>ไม่ได้กำหนดระยะเวลา +หนี้เกลื่อนกลืนกัน คืออะไร,หนี้เกลื่อนกลืนกัน คือการที่หนี้ระงับสิ้นไปเมื่อสิทธิและความรับผิดในหนี้ตกอยู่กับบุคคลเดียวกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 353 ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้รายใดตกอยู่แก่บุคคลคนเดียวกัน =>หนี้รายน���้นเป็นอันระงับสิ้นไป เว้นแต่เมื่อหนี้นั้นตกไปอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามความในมาตรา 917 วรรค 3,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '353'}]",หนี้เกลื่อนกลืนกัน คือการที่หนี้ระงับสิ้นไปเมื่อสิทธิและความรับผิดในหนี้ตกอยู่กับบุคคลเดียวกัน +จำนองร่วมหลายคนในหนี้เดียวกัน จะปลดหนี้เช่นไร,การจำนองทรัพย์สินของบุคคลอื่นหลายคนเพื่อประกันหนี้รายเดียว =>ผู้รับจำนองจะต้องชำระตามลำดับที่ระบุไว้ เช่น เมื่อผู้รับจำนองลำดับแรกยอมปลดหนี้ให้ผู้จำนองแล้ว ผู้รับจำนองลำดับถัดไปก็จะรับผิดชอบในหนี้เท่าที่เหลือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 726 เมื่อบุคคลหลายคนต่างได้จำนองทรัพย์สินแห่งตนเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวอันบุคคลอื่นจะต้องชำระและได้ระบุลำดับไว้ด้วย การที่ผู้รับจำนองยอมปลดหนี้ให้แก่ผู้จำนองคนหนึ่งนั้น ย่อมทำให้ผู้จำนองคนหลัง ๆ ได้หลุดพ้นด้วยเพียงขนาดที่เขาต้องรับความเสียหายแต่การนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '726'}]",ผู้รับจำนองจะต้องชำระตามลำดับที่ระบุไว้ เช่น เมื่อผู้รับจำนองลำดับแรกยอมปลดหนี้ให้ผู้จำนองแล้ว ผู้รับจำนองลำดับถัดไปก็จะรับผิดชอบในหนี้เท่าที่เหลือ. +ผู้รับจำนองจะต้องดำเนินการเช่นไร ในกรณีไม่รับคำเสนอไถ่ถอนจำนอง,ต้องดำเนินการต่อไปนี้ 1.ผู้รับจำนองจะต้องฟ้องคดีต่อศาลให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์นั้น โดยต้องฟ้องคดีภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่มีคำเสนอนั้น 2.ผู้รับจำนองออกเงินทดรองค่าฤชาธรรมเนียมการขายทอดตลาด 3.ผู้รับจำนองจะต้องเข้าสู้ราคาเอง หรือตั้งคนเข้าสู้ราคาแทน โดยจะต้องเสนอราคาสูงกว่าที่ผู้รับโอนเสนอ 4.บอกกล่าวกับผู้รับโอน เจ้าหนี้คนอื่นที่จดทะเบียน เจ้าของทรัพย์คนก่อน และลูกหนี้ชั้นต้น ว่าตนไม่ยอมรับคำเสนอนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 739 ถ้าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดไม่ยอมรับคำเสนอ เจ้าหนี้คนนั้นต้องฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำเสนอเพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้น แต่ว่าเจ้าหนี้นั้นจะต้องปฏิบัติการดังจะกล่าวต่อไปนี้ด้วย คือ (1) ออกเงินทดรองค่าฤช��ธรรมเนียมการขายทอดตลาด (2) ต้องเข้าสู้ราคาเอง หรือแต่งคนเข้าสู้ราคาเป็นจำนวนเงินสูงกว่าที่ผู้รับโอนเสนอจะใช้ (3) บอกกล่าวการที่ตนไม่ยอมนั้นให้ผู้รับโอนและเจ้าหนี้คนอื่น ๆ บรรดาได้จดทะเบียน กับทั้งเจ้าของทรัพย์คนก่อนและลูกหนี้ชั้นต้นทราบด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '739'}]",ต้องดำเนินการต่อไปนี้ 1.ผู้รับจำนองจะต้องฟ้องคดีต่อศาลให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์นั้น โดยต้องฟ้องคดีภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่มีคำเสนอนั้น 2.ผู้รับจำนองออกเงินทดรองค่าฤชาธรรมเนียมการขายทอดตลาด 3.ผู้รับจำนองจะต้องเข้าสู้ราคาเอง หรือตั้งคนเข้าสู้ราคาแทน โดยจะต้องเสนอราคาสูงกว่าที่ผู้รับโอนเสนอ 4.บอกกล่าวกับผู้รับโอน เจ้าหนี้คนอื่นที่จดทะเบียน เจ้าของทรัพย์คนก่อน และลูกหนี้ชั้นต้น ว่าตนไม่ยอมรับคำเสนอนั้น +ตัวแทนรับมอบอำนาจเฉพาะการมีหน้าที่อะไร,มีหน้าที่ทำตามที่ตัวการมอบหมายโดยเฉพาะสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้งานนั้นสำเร็จ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 800 ถ้าตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการ จะทำการแทนตัวการได้แต่เพียงในสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้กิจอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสำเร็จลุล่วงไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '800'}]",มีหน้าที่ทำตามที่ตัวการมอบหมายโดยเฉพาะสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้งานนั้นสำเร็จ +ถ้าผู้รับหลักประกันปกปิดความจริงเพื่อให้มีเหตุในการบังคับหลักประกันจะมีโทษอย่างไร,"ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 87 ผู้รับหลักประกันผู้ใด -แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ -ปกปิดความจริง ในการร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาบังคับหลักประกันตามมาตรา 46 หรือในการแจ้งผู้บังคับหลักประกัน เพื่อมีคำวินิจฉัยบังคับหลักประกันตามมาตรา 63 => ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '87'}]","ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +ถ้าผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทตายต้องหาคนมาแทนที่ภายในกี่วัน,ต้องหาคนมาแทนที่ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ผู้เริ่���จัดตั้งตาย เว้นแต่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทที่เหลือไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ตกลงกันไม่หาคนแทนที่ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 20 ในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดตาย หรือถอนตัวก่อนประชุมจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้น 1.กรณีผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทที่เหลือประสงค์จะดำเนินการต่อไป ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้ -หาคนแทนที่ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทตายหรือถอนตัว เว้นแต่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทที่เหลือซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 16 ได้ตกลงกันไม่หาคนแทนที่ -แจ้งให้ผู้จองหุ้นทราบเป็นหนังสือภายใน 14 วันนับแต่วันที่หาคนแทนที่ได้หรือวันที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทที่เหลือตกลงกันไม่หาคนแทนที่ -ขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการเกี่ยวกับจำนวนและบุคคลผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทในหนังสือบริคณห์สนธิภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทตายหรือถอนตัว หมายเหตุ : การถอนตัวจากการเป็นผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคน 2.กรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทที่เหลือไม่ประสงค์จะดำเนินการหาคนมาแทนที่ -ให้หนังสือบริคณห์สนธิที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนไว้แล้วสิ้นผล นับแต่วันที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทตายหรือถอนตัว หรือวันที่พ้นกำหนดเวลาในการหาคนแทนที่หรือวันที่พ้นกำหนดขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการเกี่ยวกับจำนวนและบุคคลผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทในหนังสือบริคณห์สนธิ -ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทแจ้งต่อนายทะเบียนและผู้จองหุ้นภายใน 14 วันนับแต่วันที่หนังสือบริคณห์สนธินั้นสิ้นผล,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '20'}]",ต้องหาคนมาแทนที่ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ผู้เริ่มจัดตั้งตาย +การฟ้องหย่ากรณีใดที่สามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้,ต้องเป็นการฟ้องหย่าที่ฝ่ายที่ต้องรับผิดจงใจมุ่งให้อีกฝ่ายไม่สามารถทนได้จนขอฟ้องหย่า ตามกรณีดังต่อไปนี้ -สามีหรือภริยาทำร้ายร่างกาย หรือทรมาณร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีฝ่ายหนึ่งเป็นการร้ายแรง หรือ -สามีหรือภริยาจงใจทิ้งอีกฝ่ายไปเกิน 1 ปี หรือ -สามีหรือภริยาไม่���ห้ความช่วยเหลือในการอุปการะอีกฝ่ายตามควร หรือทำการปฏิปักษ์ต่อกันอย่างร้ายแรง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1524 ถ้าเหตุแห่งการหย่าตามมาตรา 1516 (3) (4) หรือ (6) เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้ต้องรับผิดชอบก่อให้เกิดขึ้นโดยมุ่งประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนได้ จึงต้องฟ้องหย่า อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากฝ่ายที่ต้องรับผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1524'}]",ต้องเป็นการฟ้องหย่าที่ฝ่ายที่ต้องรับผิดจงใจมุ่งให้อีกฝ่ายไม่สามารถทนได้จนขอฟ้องหย่า ตามกรณีดังต่อไปนี้ -สามีหรือภริยาทำร้ายร่างกาย หรือทรมาณร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีฝ่ายหนึ่งเป็นการร้ายแรง หรือ -สามีหรือภริยาจงใจทิ้งอีกฝ่ายไปเกิน 1 ปี หรือ -สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลือในการอุปการะอีกฝ่ายตามควร หรือทำการปฏิปักษ์ต่อกันอย่างร้ายแรง. +การแปรสภาพห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัด ต้องส่งมอบกิจการให้คณะกรรมการบริษัทภายในกี่วัน,หุ้นส่วนผู้จัดการต้องส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชีเอกสารและหลักฐานต่างๆภายใน 14 วันนับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามมาตรา 1246/2 เสร็จสิ้นแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246/3 หุ้นส่วนผู้จัดการเดิมต้องส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน บัญชีเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ของห้างหุ้นส่วนให้แก่คณะกรรมการบริษัท ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามมาตรา 1246/2 เสร็จสิ้นแล้ว ในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้นหรือชำระเงินค่าหุ้นไม่ครบร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น หรือยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน หรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่คณะกรรมการ => ให้คณะกรรมการบริษัทมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนชำระเงินค่าหุ้น โอนกรรมสิทธิ์หรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่คณะกรรมการภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/3'}]",ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ให้ความยินยอมและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามมาตรา 1246/2 เสร็จสิ้นแล้ว +ห��ามนำข้อสันนิษฐานในนิติกรรมการเพิกถอนการฉ้อฉลที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบมาใช้ในกรณีใด,ห้ามนำข้อสันนิษฐานในนิติกรรมการเพิกถอนการฉ้อฉลที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ตามมาตรา 114 พระราชบัญญํติล้มละลาย พ.ศ.2483 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สมาชิก และ -ได้ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ -ได้รับมาหรือมีไว้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ -ได้ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกรายนั้น เว้นแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิสูจน์ได้ว่าสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารู้ว่าสมาชิกกระทำการหรือยินยอมให้กระทำการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้อื่นของสมาชิกได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้กระทำการดังกล่าวตามประเพณีธุรกิจ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 86 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สมาชิกรายใด ไม่ให้นำความในมาตรา 114 และมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาใช้บังคับแก่ -การชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า -การได้รับมาหรือมีไว้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ -การล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกรายนั้น ข้อยกเว้น : เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิสูจน์ได้ว่าสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารู้ว่าสมาชิกกระทำการหรือยินยอมให้กระทำการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้อื่นของสมาชิกได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเป็นกรณีที่สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้กระทำการดังกล่าวตามประเพณีธุรกิจ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '86'}]",ห้ามนำข้อสันนิษฐานในนิติกรรมการเพิกถอนการฉ้อฉลที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ตามมาตรา 114 พระราชบัญํติล้มละลาย พ.ศ.2483 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สมาชิก และ -ได้ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ -ได้รับมาหรือมีไว้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ -ได้ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสมาชิกรายนั้น เว้นแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิสูจน์ได้ว่าสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารู้ว่าสมาชิกกระทำการหรือยินยอมให้กระทำการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้อื่นของสมาชิกได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้กระทำการดังกล่าวตามประเพณีธุรกิจ. +ข้อห้ามการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษมหาชนจำกัดมีข้อใดบ้าง,ข้อห้ามการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษมหาชนจำกัด มีดังนี้ 1 ห้ามเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 32 ข้อยกเว้น ได้รับอนุญาตจากสำนักงานและปฏิบัติตามมาตรา 65 และการขออนุญาต จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '32'}]",ห้ามเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ +มาตรฐานการบัญชีมีหลักการอย่างไรบ้าง,มาตรฐานการบัญชีมีหลักการ ดังนี้ 1 มีคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี มีอำนาจหน้าที่กำหนดและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการจัดทำบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีและกฎหมายอื่น 2 มาตรฐานการบัญชีต้องจัดทำขึ้นเป็นภาษาไทย 3 การบังคับใช้ มาตรฐานการบัญชีที่คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีกำหนดและปรับปรุงเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ เมื่อได้รับแจ้งจากผู้ทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ผู้ใช้ข้อมูลทางการเงิน กรมการประกันภัย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานอื่นใด ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดไว้ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือการปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบกิจการ คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีต้องดำเนินการตรวจสอบและรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง และกำหนด ปรับปรุง หรือพัฒนามาตรฐานการบัญชีโดยพลัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '34'}]",มาตรฐานการบัญชีมีหลักการ ดังนี้ 1 มีคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี มีอำนาจหน้าที่กำหนดและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการจัดทำบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีและกฎหมายอื่น 2 มาตรฐานการบัญชีต้องจัดทำขึ้นเป็นภาษาไทย 3 การบังคับใช้ มาตรฐานการบัญชีที่คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีกำหนดและปรับปรุงเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ เมื่อได้รับแจ้งจากผู้ทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ผู้ใช้ข้อมูลทางการเงิน กรมการประกันภัย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานอื่นใด ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดไว้ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือการปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบกิจการ คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีต้องดำเนินการตรวจสอบและรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง และกำหนด ปรับปรุง หรือพัฒนามาตรฐานการบัญชีโดยพลัน +ข้อสันนิษฐานต้นไม้อยู่แนวเขตที่ดินเดียวกันเป็นอย่างไร,ข้อสันนิษฐาน มีดังนี้ 1 เจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของต้นไม้รวมกัน 2 ดอกผลเป็นของเจ้าของที่ดินคนละครึ่งเท่ากัน 3 ถ้าตัดต้นไม้ลง ไม้นั้นเป็นของเจ้าของที่ดินคนละส่วนเท่ากัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1346 กรณีเพิ่มเติมต่าง ๆ 1 กรณีเจ้าของแต่ละฝ่ายจะต้องการให้ขุดหรือตัดต้นไม้ ค่าใช้จ่ายในการนั้นต้องเสียเท่ากันทั้งสองฝ่าย ถ้าเจ้าของอีกฝ่ายหนึ่งสละสิทธิในต้นไม้ไซร้ ฝ่ายที่ต้องการขุดหรือตัดต้องเสียค่าใช้จ่ายฝ่ายเดียว 2 กรณีต้นไม้นั้นเป็นหลักเขตและจะหาหลักเขตอื่นไม่ได้ ท่านว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องการให้ขุดหรือตัดไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1346'}]",1 เจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของต้นไม้รวมกัน 2 ดอกผลเป็นของเจ้าของที่ดินคนละครึ่งเท่ากัน 3 ถ้าตัดต้นไม้ลง ไม��นั้นเป็นของเจ้าของที่ดินคนละส่วนเท่ากัน +มรดกของพระภิกษุตกเป็นของบุคคลใด,กรณีทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ(ได้มาระหว่างบวช) เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น ข้อยกเว้น พระภิกษุได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1623'}]",เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น +กรณีคู่กรณีสามารถหักกลบหนี้กันได้ต้องปฏิบัติอย่างไร,ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ฝ่ายผู้ที่ขอหักหนี้จะระบุก็ได้ว่าพึงเอาสิทธิเรียกร้องรายใดบ้างเข้าหักกลบลบหนี้ 2 ถ้าการหักกลบลบหนี้ได้แสดงโดยมิได้ระบุตามข้อ 1 หรือถ้าระบุ แต่อีกฝ่ายหนึ่งท้วงโดยไม่ชักช้า ให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 328 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 348 ถ้าฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้ยังเป็นหนี้ค่าดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ นอกจากการชำระหนี้อันเป็นประธานนั้นด้วยไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 329 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '348'}]",ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ฝ่ายผู้ที่ขอหักหนี้จะระบุก็ได้ว่าพึงเอาสิทธิเรียกร้องรายใดบ้างเข้าหักกลบลบหนี้ 2 ถ้าการหักกลบลบหนี้ได้แสดงโดยมิได้ระบุตามข้อ 1 หรือถ้าระบุ แต่อีกฝ่ายหนึ่งท้วงโดยไม่ชักช้า ให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 328 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับโดยอนุโลม +หน้าที่ของผู้สอบบัญชีเมื่อพบว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 จัดทำงบการเงินไม่ตรงตามความเป็นจริง มีอะไรบ้าง,หน้าที่ของผู้สอบบัญชีเมื่อพบว่าบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 จัดทำงบการเงินไม่ตรงตามความเป็นจริง มีดังนี้ 1 ให้ผู้สอบบัญชีรายงานข้อสังเกตหรือเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของงบการเงิน 2 แจ้งพฤติการณ์ไว้ในรายงานการสอบทานหรือรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น พร้อมทั้งแจ้งให้สำนักงานทราบ พระราชบัญญัติ���ลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 62 กรณีไม่ทำตามข้อ 1 และ 2 ในการแสดงความเห็นต่องบการเงินประจำงวดการบัญชี ผู้สอบบัญชีใดไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 และ 2 ให้สำนักงานมีอำนาจเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีนั้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '62'}]",1 ให้ผู้สอบบัญชีรายงานข้อสังเกตหรือเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของงบการเงิน 2 แจ้งพฤติการณ์ไว้ในรายงานการสอบทานหรือรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น พร้อมทั้งแจ้งให้สำนักงานทราบ +สิทธิเรียกร้องใดบ้างมีอายุความ 5 ปี,สิทธิเรียกร้องที่มีอายุความ 5 ปี มีดังนี้ 1 ดอกเบี้ยค้างชำระ 2 เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ 3 ค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34 (6) 4 เงินค้างจ่าย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา 5 สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/33'}]",สิทธิเรียกร้องที่มีอายุความ 5 ปี มีดังนี้ 1 ดอกเบี้ยค้างชำระ 2 เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ 3 ค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34 (6) 4 เงินค้างจ่าย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา 5 สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี +นิติกรรมที่มีเงื่อนไขและพ้นวิสัยผลเป็นอย่างไร,นิติกรรมที่มีเงื่อนไขแบ่งผลออกเป็น 2 เงื่อนไขและผล ดังนี้ 1 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขนั้นเป็นการพ้นวิสัย นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ 2 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับหลังและเงื่อนไขนั้นเป็นการพ้นวิสัย ให้ถือว่านิติกรรมนั้นไม่มีเงื่อนไข,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '189'}]",นิติกรรมที่มีเงื่อนไขแบ่งผลออกเป็น 2 เงื่อนไขและผล ดังนี้ 1 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขนั้นเป็นการพ้นวิสัย นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ 2 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับหลังและเงื่���นไขนั้นเป็นการพ้นวิสัย ให้ถือว่านิติกรรมนั้นไม่มีเงื่อนไข +การจ่ายเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่ลูกจ้างมีเงื่อนไขใดบ้าง,เงื่อนไขของลูกจ้าง 1 เมื่อลูกจ้างรายใดสิ้นสมาชิกภาพตามข้อบังคับของกองทุนด้วยเหตุเกษียณอายุหรือออกจากงาน 2 มีอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบห้าปีบริบูรณ์ การรับเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีลูกจ้างแสดงเจตนาขอรับเงินจากกองทุนเป็นงวด ให้ผู้จัดการกองทุนจ่ายเงินจากกองทุนตามเจตนาของลูกจ้าง โดยลูกจ้างรายนั้นยังคงเป็นสมาชิกของกองทุนต่อไปได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุน แต่ลูกจ้างรายและนายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินสะสมหรือเงินสมทบสำหรับลูกจ้างรายนั้นอีก ทั้งนี้ การรับเงินจากกองทุนเป็นงวดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '23/2'}]",1. เมื่อลูกจ้างรายใดสิ้นสมาชิกภาพตามข้อบังคับของกองทุนด้วยเหตุเกษียณอายุหรือออกจากงาน 2. มีอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบห้าปีบริบูรณ์. +การออกค่าใช้จ่ายในบ้านของสามีภริยาต้องใช้เงินของฝ่ายใด,การออกค่าใช้จ่าย ให้ใช้สินสมรส กรณีไม่มีสินสมรส ให้ใช้สินส่วนตัวตามส่วนของแต่ละฝ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1493'}]",การออกค่าใช้จ่าย ให้ใช้สินสมรส กรณีไม่มีสินสมรส ให้ใช้สินส่วนตัวตามส่วนของแต่ละฝ่าย +การรับรองตั๋วเงินมีกรณีใดบ้าง,อันการรับรองตั๋วเงินมี 2 กรณี ดังนี้ 1 การรับรองตลอดไป คือ ยอมตกลงโดยไม่แก้ ไม่แย้งคำสั่งของผู้สั่งจ่ายเลย 2 การรับรองเบี่ยงบ่าย คือ การกล่าวเป็นเนื้อความทำผลแห่งตั๋วเงินให้แยกไปจากที่เขียนสั่งไว้ 2.1 ถ้าคำรับรองมีเงื่อนไข หรือรับรองแต่เพียงบางส่วน ท่านว่าเป็นรับรองเบี่ยงบ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '935'}]",การรับรองตั๋วเงินมี 2 กรณี ดังนี้ 1 การรับรองตลอดไป คือ ยอมตกลงโดยไม่แก้ ไม่แย้งคำสั่งของผู้สั่งจ่ายเลย 2 การรับรองเบี่ยงบ่าย คือ การกล่าวเป็นเนื้อความทำผลแห่งตั๋วเงินให้แยกไปจากที่เขียนสั่งไว้ +สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีมีอำนาจใดบ้าง,สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีมีอำนาจ ดังนี้ 1 มีอำนาจตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบ���ญชีเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ 1.1 มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ทำการหรือสถานที่เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือผู้ทำบัญชีหรือสถานที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้ในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น 2 ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเข้าไปในสถานที่ตามข้อ 1.1 เพื่อยึด หรืออายัดบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บัญชีเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี หรือเอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับความผิดดังกล่าวนั้นจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '22'}]",สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีมีอำนาจ ดังนี้ 1 มีอำนาจตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ 1.1 มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ทำการหรือสถานที่เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือผู้ทำบัญชีหรือสถานที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้ในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น 2 ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเข้าไปในสถานที่ตามข้อ 1.1 เพื่อยึด หรืออายัดบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บัญชีเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี หรือเอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับความผิดดังกล่าวนั้นจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม. +บุคคลใดเป็นเจ้าของที่งอกริมตลิ่ง,บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ที่งอกริมนั้น���ึ้นเป็นเจ้าของ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1308'}]",บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ที่งอกริมนั้นขึ้นเป็นเจ้าของ +การขอจดทะเบียนมูลนิธิต้องทำอย่างไร,ผู้ขอตั้งมูลนิธิต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิจะตั้งขึ้น 2 ในคำขออย่างน้อยต้องระบุเจ้าของทรัพย์สินและรายการทรัพย์สินที่จะจัดสรรสำหรับมูลนิธิ รายชื่อ ที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธิทุกคน 3 แนบข้อบังคับของมูลนิธิมากับคำขอด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '114'}]",ผู้ขอตั้งมูลนิธิต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิจะตั้งขึ้น 2 ในคำขออย่างน้อยต้องระบุเจ้าของทรัพย์สินและรายการทรัพย์สินที่จะจัดสรรสำหรับมูลนิธิ รายชื่อ ที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธิทุกคน 3 แนบข้อบังคับของมูลนิธิมากับคำขอด้วย +เมื่อของถึงที่หมายผู้ขนส่งต้องแจ้งผู้รับตราส่งหรือไม่,เมื่อของถึงที่หมายแล้วผู้ขนส่งต้องแจ้งผู้รับตราส่งด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '622'}]",เมื่อของถึงที่หมายแล้วผู้ขนส่งต้องแจ้งผู้รับตราส่งด้วย +หนี้ใดบ้างที่เจ้าหนี้จะมีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้,หนี้ดังนี้ ที่เจ้าหนี้จะมีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้ 1 รักษาอสังหาริมทรัพย์ 2 จ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์ 3 ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '273'}]",หนี้ดังนี้ ที่เจ้าหนี้จะมีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้ 1 รักษาอสังหาริมทรัพย์ 2 จ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์ 3 ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ +กรณีทรัพย์สินของสมาคมเหลือภายหลังจากชำระบัญชีต้องจัดการอย่างไร,สมาคมต้องจัดการ ดังนี้ ทรัพย์สินที่เหลือนั้นต้องโอนให้แก่สมาคมหรือมูลนิธิ หรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการสาธารณกุศล ตามที่ได้ระบุชื่อไว้ในข้อบังคับของสมาคม หรือถ้าข้อบังคับไม่ได้ระบุชื่อไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ แต่ถ้าข้อบังคับข��งสมาคมหรือที่ประชุมใหญ่มิได้ระบุผู้รับโอนทรัพย์สินดังกล่าวไว้ หรือระบุไว้แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้ทรัพย์สินที่เหลืออยู่นั้นตกเป็นของแผ่นดิน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ข้อห้ามการแบ่งทรัพย์สินของสมาคม ห้ามแบ่งให้แก่สมาชิกของสมาคมนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '107'}]",ทรัพย์สินที่เหลือนั้นต้องโอนให้แก่สมาคมหรือมูลนิธิ หรือนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการสาธารณกุศล ตามที่ได้ระบุชื่อไว้ในข้อบังคับของสมาคม หรือถ้าข้อบังคับไม่ได้ระบุชื่อไว้ก็ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมใหญ่ แต่ถ้าข้อบังคับของสมาคมหรือที่ประชุมใหญ่มิได้ระบุผู้รับโอนทรัพย์สินดังกล่าวไว้ หรือระบุไว้แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้ทรัพย์สินที่เหลืออยู่นั้นตกเป็นของแผ่นดิน. +การเข้าป่า หรือในที่มีหญ้าเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นที่ดินของผู้อื่น เพื่อเก็บฟืน หรือผลไม้ป่า ผัก เห็ดสามารถทำได้หรือไม่,ทำได้ หากมีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้ทำได้และถ้าเจ้าของไม่ห้าม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1354'}]",ทำได้ หากมีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้ทำได้และถ้าเจ้าของไม่ห้าม +หากบริษัท จำกัดต้องการเสนอขายหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนต้องทำอย่างไร,บริษ จำกัดต้องกระทำดังนี้ 1 บริษัทต้องดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี 2 มีการขาดทุน 3 ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 4 กำหนดอัตราส่วนลดไว้แน่นอน และระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย และ 5 ปฏิบัติตามมาตรา 137 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '52'}]",1 บริษัทต้องดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี 2 มีการขาดทุน 3 ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 4 กำหนดอัตราส่วนลดไว้แน่นอน และระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย และ 5 ปฏิบัติตามมาตรา 137 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โดยอนุโลม +กรณีใบอนุญาตหอการค้าสูญหายหรือถูกทำลายต้องทำอย่างไร,ให้หอการค้ายื่นคำขอรับใบแทน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '12'}]",ให้หอการค้ายื่นคำขอรับใบแทน +ผลของเจ้าหนี้ร่วมเป็นอย่างไร,"ผลของเจ้าหนี้ร่วม มีดังนี้ 1 การที่เจ้าหนี้ร่วมคนใ���คนหนึ่งผิดนัด เป็นโทษแก่เจ้าหนี้คนอื่น ๆ ด้วย 2 ถ้าสิทธิเรียกร้องและหนี้นั้นเกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่ง สิทธิของเจ้าหนี้คนอื่น ๆ อันมีต่อลูกหนี้ก็ย่อมเป็นอันระงับสิ้นไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 299 นอกจากนี้ ให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 292, 293 และ 295 มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม คือ แม้เจ้าหนี้ร่วมกันคนหนึ่งจะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่บุคคลอื่นไปก็หากระทบกระทั่งถึงสิทธิของเจ้าหนี้คนอื่น ๆ ด้วยไม่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '299'}]",1 การที่เจ้าหนี้ร่วมคนใดคนหนึ่งผิดนัด เป็นโทษแก่เจ้าหนี้คนอื่น ๆ ด้วย 2 ถ้าสิทธิเรียกร้องและหนี้นั้นเกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่ง สิทธิของเจ้าหนี้คนอื่น ๆ อันมีต่อลูกหนี้ก็ย่อมเป็นอันระงับสิ้นไป +เมื่อบริษัทหลักทรัพย์เลิกบริษัทต้องกระทำอย่างไรต่อไป,การเลิกบริษัทหลักทรัพย์ตามมาตรา 148 ต้องปฏิบัติดังนี้ 1 ให้มีการชำระบัญชีและให้สำนักงานแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี 2 การชำระบัญชีให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการชำระบัญชีบริษัทจำกัด หรือกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดว่าด้วยการชำระบัญชี แล้วแต่กรณี เว้นแต่การใดที่เป็นอำนาจและหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงาน 3 ค่าใช้จ่ายในการชำระบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ใดให้จ่ายจากทรัพย์สินของบริษัทหลักทรัพย์นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '152'}]",การเลิกบริษัทหลักทรัพย์ตามมาตรา 148 ต้องปฏิบัติดังนี้ 1 ให้มีการชำระบัญชีและให้สำนักงานแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี 2 การชำระบัญชีให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการชำระบัญชีบริษัทจำกัด หรือกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดว่าด้วยการชำระบัญชี แล้วแต่กรณี เว้นแต่การใดที่เป็นอำนาจและหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงาน 3 ค่าใช้จ่ายในการชำระบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ใดให้จ่ายจากทรัพย์สินของบริษัทหลักทรัพย์นั้น +กรณีผู้เขียนพินัยกรรมให้เป็นบุคคลอื่นและพยานด้วยต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรมอย่างไร,"บุคคลนั้นต้องลงลายม��อชื่อของตนระบุว่าเป็น ""ผู้เขียน"" และลงลายมือชื่อว่าเป็น ""พยาน"" ทั้งสองสถานะ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1671'}]","บุคคลนั้นต้องลงลายมือชื่อของตนระบุว่าเป็น ""ผู้เขียน"" และลงลายมือชื่อว่าเป็น ""พยาน"" ทั้งสองสถานะ" +เมื่ออายุความครบกำหนดมีผลอย่างไร,ให้มีผลย้อนหลังขึ้นไปถึงวันที่เริ่มนับอายุความ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/25'}]",ให้มีผลย้อนหลังขึ้นไปถึงวันที่เริ่มนับอายุความ +ข้อบังคับของมูลนิธิต้องมีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง,1 ชื่อมูลนิธิ 2 วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ 3 ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งปวง 4 ทรัพย์สินของมูลนิธิขณะจัดตั้ง 5 ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของมูลนิธิ ได้แก่ จำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ 6 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการมูลนิธิ การจัดการทรัพย์สินและบัญชีของมูลนิธิ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '112'}]",1 ชื่อมูลนิธิ 2 วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ 3 ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งปวง 4 ทรัพย์สินของมูลนิธิขณะจัดตั้ง 5 ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของมูลนิธิ ได้แก่ จำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ 6 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการมูลนิธิ การจัดการทรัพย์สินและบัญชีของมูลนิธิ +เมื่อสมาคมเลิกกันต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป,เมื่อเลิกสมาคมต้องปฏิบัติต่อไปนี้ 1 ให้มีการชำระบัญชีสมาคมและให้นำบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 22 ว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับแก่การชำระบัญชีสมาคมโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '106'}]",เมื่อเลิกสมาคมต้องปฏิบัติต่อไปนี้ 1 ให้มีการชำระบัญชีสมาคมและให้นำบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 22 ว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับแก่การชำระบัญชีสมาคมโดยอนุโลม +กรณีฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ ยังคงได้รับค่าเลี้ยงชีพได้หรือไม่,ไม่ได้ สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพย่อมหมดไปเมื่��สมรสใหม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1528'}]",ไม่ได้ สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพย่อมหมดไปเมื่อสมรสใหม่ +พินัยกรรมแบบเอกสารลับต้องทำอย่างไร,1 ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรม 2 ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรมนั้น แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึกนั้น 3 ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อกรมการอำเภอ และพยานอีกอย่างน้อยสองคน และให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดเหล่านั้นว่าเป็นพินัยกรรมของตน ถ้าพินัยกรรมนั้นผู้ทำพินัยกรรมมิได้เป็นผู้เขียนเองโดยตลอด ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งนามและภูมิลำเนาของผู้เขียนให้ทราบด้วย 4 เมื่อกรมการอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมและวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้บนซองนั้นและประทับตราตำแหน่งแล้ว ให้กรมการอำเภอผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1660'}]",1 ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรม 2 ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรมนั้น แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึกนั้น 3 ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อกรมการอำเภอ และพยานอีกอย่างน้อยสองคน และให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดเหล่านั้นว่าเป็นพินัยกรรมของตน ถ้าพินัยกรรมนั้นผู้ทำพินัยกรรมมิได้เป็นผู้เขียนเองโดยตลอด ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งนามและภูมิลำเนาของผู้เขียนให้ทราบด้วย 4 เมื่อกรมการอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมและวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้บนซองนั้นและประทับตราตำแหน่งแล้ว ให้กรมการอำเภอผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ +หน้าที่ของผู้ที่รู้กิจการของบริษัทใดเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มีหน้าที่ใดบ้าง,"มีหน้าที่ ดังนี้ ไม่เปิดเผยความลับซึ่งตามปกติวิสัยของบริษัทจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 22 ข้อยกเว้น ที่สามารถเปิดเผยได้ 1 เปิดเผยนอกจากตามอำนาจหน้าที่ หรือ 2 เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี มีโทษ ดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '220'}]",มีหน้าที่ ดังนี้ ไม่เปิดเผยความลับซึ่งตามปกติวิสัยของบริษัทจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย +กรณีที่ต้องมีการส่งมอบ การโอนการยึดถือหรือส่งคืนหลักทรัพย์จดทะเบียนต้องปฏิบัติอย่างไร,ให้ใช้หลักทรัพย์ของนิติบุคคลเดียวกันหรือของโครงการจัดการกองทุนรวมเดียวกันประเภทและชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่ากันแทนกันได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '190'}]",ให้ใช้หลักทรัพย์ของนิติบุคคลเดียวกันหรือของโครงการจัดการกองทุนรวมเดียวกันประเภทและชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่ากันแทนกันได้ +นับแต่วันที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ประกาศใช้ ต้องยกเลิกกฎหมายใด หรือไม่,ต้องยกเลิกบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '3'}]",ต้องยกเลิกบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การรับช่วงสิทธิเป็นประโยชน์แก่บุคคลใดบ้าง,การรับช่วงสิทธิเป็นประโยชน์แก่บุคคล ดังนี้ 1 บุคคลซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่เอง และมาใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งผู้มีสิทธิจะได้รับใช้หนี้ก่อนตน เพราะเขามีบุริมสิทธิ หรือมีสิทธิจำนำจำนอง 2 บุคคลผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใด และเอาเงินราคาค่าซื้อใช้ให้แก่ผู้รับจำนองทรัพย์นั้นเสร็จไป 3 บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อื่น หรือเพื่อผู้อื่นในอันจะต้องใช้หนี้ มีส่วนได้เสียด้วยในการใช้หนี้นั้น และเข้าใช้หนี้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '229'}]",การรับช่วงสิทธิเป็นประโยชน์แก่บุคคล ดังนี้ 1 บุคคลซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่เอง และมาใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งผู้มีสิทธิจะได้รับใช้หนี้ก่อนตน เพราะเขามีบุริมสิทธิ หรือมีสิทธิจำนำจำนอง 2 บุคคลผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใด และเอาเงินราคาค่าซื้อใช้ให้แก่ผู้รับจำนองทรัพย์นั้นเสร็จไป 3 บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อื่น หรือเพื่อผู้อื่นในอันจะต้องใช้หนี้ มีส่วนได้เสียด้วยในการใช้หนี้นั้น และเข้าใช้หนี้นั้น +อายุความฟ้องเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณกี่ปี,ห้ามฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลา 10 ปีภายหลังเหตุการณ์ประพฤติเนรคุณ ข้อยกเว้น กรณีดังต่อไปนี้ห้ามฟ้องเพิกถอนการให้ 1 ผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้ว หรือ 2 เมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้ว 6 เดือนนับแต่เหตุเนรคุณ และได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '533'}]",ห้ามฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลา 10 ปีภายหลังเหตุการณ์ประพฤติเนรคุณ +ทายาทการรับมรดกมีประเภทใดบ้าง,ทายาทการรับมรดกมี 2 ประเภท ดังนี้ 1 ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม” 2 ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม”,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1603'}]",ทายาทการรับมรดกมี 2 ประเภท ดังนี้ 1 ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม” 2 ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม” +หน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับการยื่นตราสารที่ไม่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรมีหน้าที่ใดบ้าง,พนักงานเจ้าหน้าที่ มีหนน้าที่ดังนี้ 1 ถ้าตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น เป็นตราสารที่กระทำขึ้นในประเทศไทย เมื่อผู้ขอเสียอากรได้ยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเสียอากรภายใน 15 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ก็ให้อนุมัติให้เสียเพียงอากรตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ 2 ถ้ากรณีเป็นอย่างอื่น ก็ให้อนุมัติให้เสียอากร และให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากร ดังต่อไปนี้อีกด้วย 2.1 ถ้าปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นเวลาไม่พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 2 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 4 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า 2.2 ถ้าปรากฏต่อพ��ักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นเวลาพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 5 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 113 ผู้มีหน้าที่ยื่น คือ 1 ผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือ 2 ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '113'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่ มีหนน้าที่ดังนี้ 1 ถ้าตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น เป็นตราสารที่กระทำขึ้นในประเทศไทย เมื่อผู้ขอเสียอากรได้ยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเสียอากรภายใน 15 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ก็ให้อนุมัติให้เสียเพียงอากรตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ 2 ถ้ากรณีเป็นอย่างอื่น ก็ให้อนุมัติให้เสียอากร และให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากร ดังต่อไปนี้อีกด้วย 2.1 ถ้าปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นเวลาไม่พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 2 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 4 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า 2.2 ถ้าปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นเวลาพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 5 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า. +ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในสัญญาซื้อขายกรณีใดบ้าง,ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในกรณีดังนี้ 1 ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่องหรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน 2 ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน 3 ถ้าทรัพย์สินนั้นได้ขายทอดตลาด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '473'}]",ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในกรณีดังนี้ 1 ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่องหรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน 2 ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สิ���นั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน 3 ถ้าทรัพย์สินนั้นได้ขายทอดตลาด +กรณีอสังหาริมทรัพย์ต้องศาลแสดงว่าตกอยู่ในบังคับแห่งภาระจำยอมโดยกฎหมาย ผลเป็นอย่างไร,ผลเป็นดังนี้ ผู้ขายไม่ต้องรับผิด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 480 ข้อยกเว้น ผู้ขายจะได้รับรองไว้ในสัญญาว่าทรัพย์สินนั้นปลอดจากภาระจำยอมอย่างใด ๆ ทั้งสิ้น หรือปลอดจากภาระจำยอมอันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '480'}]",ผู้ขายไม่ต้องรับผิด +การโอนสิทธิเรียกร้องใด ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 306 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,การโอนสิทธิเรียกร้อง ดังนี้ 1 การโอนสินทรัพย์ที่ผู้รับชำระหนี้เดิมเป็นตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ 2 การโอนสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้โดยผลของกฎหมายอันเนื่องมาจากการควบกิจการของนิติบุคคลดังกล่าว แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ตามบทบัญญัติมาตรา 308 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 กรณีที่ผู้รับชำระหนี้เดิมเป็นตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้แล้ว และได้มีการเปลี่ยนตัวแทนดังกล่าวเป็นบุคคลอื่นในภายหลัง และมิใช่เป็นกรณีตาม ข้อ 2 ผล คือ ให้นิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับโอนสินทรัพย์ที่เป็นสิทธิเรียกร้องนั้นและการเปลี่ยนตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ไปยังลูกหนี้นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับกับการรับสินทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '15'}]",การโอนสิทธิเรียกร้อง ดังนี้ 1 การโอนสินทรัพย์ที่ผู้รับชำระหนี้เดิมเป็นตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ 2 การโอนสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้โดยผลของกฎหมายอันเนื่องมาจากการควบกิจการของนิติบุคคลดังกล่าว +ประ���านกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ได้รับเงินเดือนหรือไม่เท่าใด,ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '177'}]",ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์กำหนด +ศาลสามารถมีคำสั่งให้มูลนิธิเลิกได้ด้วยเหตุใดบ้าง,ศาลสามารถมีคำสั่งให้มูลนิธิเลิกกันด้วยเหตุ ดังนี้ 1 เมื่อปรากฏว่าวัตถุประสงค์ของมูลนิธิขัดต่อกฎหมาย 2 เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิกระทำการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ 3 เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ หรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป โดยต้องมี นายทะเบียน พนักงานอัยการ หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดร้องขอต่อศาลให้สั่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '131'}]",1 เมื่อปรากฏว่าวัตถุประสงค์ของมูลนิธิขัดต่อกฎหมาย 2 เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิกระทำการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ 3 เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ หรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป +การที่บุคคลหนึ่งแสดงหรือยอมว่าอีกบุคคลหนึ่งเป็นตัวแทนของตนเอง มีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอย่างไร,ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '821'}]",ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน +ค่าทดแทนการหมั้นสามารถเรียกได้กรณีใดบ้าง,ค่าทดแทนการหมั้นสามารถเรียกได้กรณี ดังนี้ 1 ทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงแห่งชายหรือหญิงนั้น 2 ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น บิดามารดา หรือบุคคลผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดาได้ใช้จ่ายหรือต้องตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควร 3 ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้นได้จัดการทรัพย์สินหรือการอื่นอันเ���ี่ยวแก่อาชีพหรือทางทำมาหาได้ของตนไปโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1440 กรณีที่หญิงเป็นผู้มีสิทธิได้ค่าทดแทน ศาลอาจชี้ขาดว่า ของหมั้นที่ตกเป็นสิทธิแก่หญิงนั้นเป็นค่าทดแทนทั้งหมดหรือเป็นส่วนหนึ่งของค่าทดแทนที่หญิงพึงได้รับ หรือศาลอาจให้ค่าทดแทนโดยไม่คำนึงถึงของหมั้นที่ตกเป็นสิทธิแก่หญิงนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1440'}]",ค่าทดแทนการหมั้นสามารถเรียกได้กรณี ดังนี้ 1 ทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงแห่งชายหรือหญิงนั้น 2 ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น บิดามารดา หรือบุคคลผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดาได้ใช้จ่ายหรือต้องตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควร 3 ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้นได้จัดการทรัพย์สินหรือการอื่นอันเกี่ยวแก่อาชีพหรือทางทำมาหาได้ของตนไปโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส +การครอบครองสิ้นสุดลงเมื่อใด,การครอบครองสิ้นสุดลงในกรณี ดังนี้ 1 ผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง 2 ผู้ครอบครองไม่ยึดถือทรัพย์สินที่ครอบครองต่อไป ข้อยกเว้นไม่ถือว่าการครอบครองสิ้นสุด มีเหตุชั่วคราวมาขัดขวางไม่ให้ให้ผู้ครอบครองยึดถือทรัพย์สิน ท่านว่าการครอบครองไม่สุดสิ้นลง เช่น น้ำท่วมใหญ่ทำให้เจ้าของบ้านต้องย้ายออกจากบ้านชั่วคราว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1377'}]",การครอบครองสิ้นสุดลงในกรณี ดังนี้ 1 ผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง 2 ผู้ครอบครองไม่ยึดถือทรัพย์สินที่ครอบครองต่อไป +ผู้รับประกันภัยสามารถลดค่าสินไหมทดแทนได้ในกรณีใด,ผู้รับประกันภัยสามารถลดค่าสินไหมทดแทนได้ในกรณี ดังนี้ เมื่อคู่สัญญาได้กำหนดราคาแห่งมูลประกันภัยไว้ และพิสูจน์ได้ว่าราคาแห่งมูลประกันภัยตามที่ได้ตกลงกันไว้จำนวนสูงเกินไป และให้คืนจำนวนเบี้ยประกันภัยให้ตามส่วนกับทั้งดอกเบี้ย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '874'}]",ผู้รับประกันภัยสามารถลดค่าสินไหมทดแทนได้ในกรณี ดังนี้ เมื่อคู่สัญญาได้กำหนดราคาแห่งมูลประกันภัยไว้ และพิสูจน์ได้ว่าราคาแห่งมูลประกันภัยตามที่ได้ตกลงกันไว้จำนวนสูงเกิ���ไป และให้คืนจำนวนเบี้ยประกันภัยให้ตามส่วนกับทั้งดอกเบี้ย. +คณะกรรมการสามารถเปรียบเทียบความผิดซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจเปรียบเทียบได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ได้ในความผิดใดบ้าง,ความผิดตาม มาตราดังนี้ แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 1 มาตรา 78 2 มาตรา 80 วรรคหนึ่ง 3 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง 4 มาตรา 84 5 มาตรา 91 วรรคสอง ซึ่งไม่มีผลเสียหายร้ายแรงต่อกองทรัสต์ หรือในกรณีที่ผู้รับประโยชน์ได้รับความเสียหายด้วยแต่ผู้กระทำผิดได้แก้ไขเยียวยาความเสียหายจนเป็นที่พอใจแก่ผู้รับประโยชน์แล้ว พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 94 เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดได้ทำการเปรียบเทียบกรณีใด และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดกำหนดแล้ว ให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในกรณีแห่งความผิดนั้นเป็นอันระงับไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '94'}]",ความผิดตาม มาตราดังนี้ แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 1 มาตรา 78 2 มาตรา 80 วรรคหนึ่ง 3 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง 4 มาตรา 84 5 มาตรา 91 วรรคสอง +ทรัพย์สินหลายสิ่งมีเจ้าของคนเดียวหรือหลายคน สามารถจำนองได้หรือไม่,"ทรัพย์สินหลายสิ่งมีเจ้าของคนเดียวหรือหลายคน ""สามารถนำไปจำนองได้"" ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 710 คู่สัญญาจะตกลงกันดังต่อไปนี้ก็ได้ 1 ให้ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับเอาแก่ทรัพย์สินซึ่งจำนองตามลำดับอันระบุไว้ 2 ให้ถือเอาทรัพย์สินแต่ละสิ่งเป็นประกันหนี้เฉพาะแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดที่ระบุไว้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '710'}]",สามารถนำไปจำนองได้ +กรณีใดบ้างที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ได้กระทำตามและจะมีโทษ,1 ไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ หรือ 1.1 มิได้ทำบัญชีหรือทำไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 17 หรือมาตรา 68 ทวิ หรือ 1.2 ไม่นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนตามมาตรา 19 หรือมาตรา 23 ผล คือ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมิ���ภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ถ้ายอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายดังกล่าวไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยอาศัยเทียบเคียงกับยอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไป ถ้ายอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไปไม่ปรากฏให้ประเมินได้ตามที่เห็นสมควร 2 มิได้ลงรายการหรือ 2.1 ลงรายการไม่ครบถ้วน หรือ 2.2 ไม่ตรงตามความจริงในบัญชีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 17 หรือมาตรา 68 ทวิ เป็นเหตุให้ไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยลง ผล คือ เจ้าพนักประเมินมีอำนาจประเมินภาษีที่ขาดตามอัตราภาษีในมาตรา 67 และอาจสั่งให้ผู้ต้องเสียภาษีเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าของจำนวนภาษีที่ขาดก็ได้ 3 มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีซึ่งสั่งตามมาตรา 17 ผล คือ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรือสั่งให้จัดบุคคลมาปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี ณ สำนักงานของเจ้าพนักงานประเมินให้เสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ได้ ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราและตามวิธีการดังที่กล่าวใน ข้อ 1 ประมวลรัษฎากร มาตรา 71 บทบัญญัติมาตรานี้ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินให้เสียภาษีตามบทบัญญัติในมาตราอื่น การประเมินตามความในมาตรานี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '71'}]",1. ไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ 2. มิได้ลงรายการหรือ ลงรายการไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงตามความจริงในบัญชี 3. มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีซึ่งสั่งตามมาตรา 17 +การออกของกรรมการสมาคมการค้ามีเหตุใดบ้าง,การออกจากกรรมการสมาคมการค้ามีเหตุ ดังนี้ 1 ตามข้อบังคับของสมาคมการค้า 2 เป็นบุคคลล้มละลาย 3 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้ และไม่มีสิทธิเป็นกรรมการสมาคมการค้าใด ๆ อีก ���ระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 19 ข้อยกเว้น พ้นกำหนด 3 ปีนับแต่ได้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายหรือนับแต่วันพ้นโทษ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '19'}]",การออกจากกรรมการสมาคมการค้ามีเหตุ ดังนี้ 1 ตามข้อบังคับของสมาคมการค้า 2 เป็นบุคคลล้มละลาย 3 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้ และไม่มีสิทธิเป็นกรรมการสมาคมการค้าใด ๆ อีก +กรณีที่มีข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1676 ต้องปฏิบัติอย่างไร,กรณีที่มีข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1676 ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ให้บุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1677 วรรคหนึ่ง ดำเนินการตามมาตรา 114 มาตรา 118 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 กรณีเพิ่มเติมต่าง ๆ 1 กรณี บุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิ มิได้ขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิภายใน 120 วันนับแต่วันที่บุคคลดังกล่าวได้รู้หรือควรรู้ข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิ ผล คือ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจดทะเบียนมูลนิธิก็ได้ 2 กรณี ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมูลนิธิไม่ดำเนินการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 115 จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนมูลนิธิเพราะเหตุดังกล่าว ผล คือ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจดทะเบียนมูลนิธินั้นอีกก็ได้ 3 ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 118 จะขอถอนการก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 116 ไม่ได้ 4 กรณี ที่มีผู้คัดค้านต่อนายทะเบียนว่าพินัยกรรมนั้นมิได้กำหนดให้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิ ให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้คัดค้านไปร้องต่อศาลภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน และให้นายทะเบียนรอการพิจารณาการจดทะเบียนไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล ถ้าผู้คัดค้านไม่ยื่นคำร้องต่อศาลภายในเวลาที่กำหนด ให้นายทะเบียนพิจารณาการจดทะเบียนมูลนิธินั้นต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '118'}]",กรณีที่มีข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1676 ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 ให้บุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1677 วรรคหนึ่ง ดำเนินการตามมาตรา 114 มาตรา 118 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 กรณีเพิ่มเติมต่าง ๆ 1 กรณี บุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิ มิได้ขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิภายใน 120 วันนับแต่วันที่บุคคลดังกล่าวได้รู้หรือควรรู้ข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิ ผล คือ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจดทะเบียนมูลนิธิก็ได้ 2 กรณี ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมูลนิธิไม่ดำเนินการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 115 จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนมูลนิธิเพราะเหตุดังกล่าว ผล คือ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจดทะเบียนมูลนิธินั้นอีกก็ได้ 3 ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 118 จะขอถอนการก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรา 116 ไม่ได้ 4 กรณี ที่มีผู้คัดค้านต่อนายทะเบียนว่าพินัยกรรมนั้นมิได้กำหนดให้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิ ให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้คัดค้านไปร้องต่อศาลภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน และให้นายทะเบียนรอการพิจารณาการจดทะเบียนไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล ถ้าผู้คัดค้านไม่ยื่นคำร้องต่อศาลภายในเวลาที่กำหนด ให้นายทะเบียนพิจารณาการจดทะเบียนมูลนิธินั้นต่อไป. +การจัดการงานของคนอื่นโดยตนไม่มีหน้าที่และเป็นผลเสีย ผลเป็นอย่างไร,ผลเสีย มีกรณีดังนี้ 1 ขัดกับความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือ 2 ขัดกับความประสงค์ตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ และผู้จัดการก็ควรจะได้รู้สึกเช่นนั้นแล้วด้วย ผลการจัดการเป็นผลเสีย คือ ผู้จัดการ(คนที่ไปทำงานของคนอื่น) ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตัวการเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่ที่ได้เข้าจัดการนั้น แม้ผู้จัดการจะมิได้มีความผิดประการอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '396'}]",ผู้จัดการ(คนที่ไปทำงานของคนอื่น) ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตัวการเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่ที่ได้เข้าจัดการนั้น แม้ผู้จัดการจะมิได้มีความผิดประการอื่น. +สัญญาประกันชีวิตคืออะไร,สัญญาประกันชีวิต คือ การใช้จำนวนเงินที่อาศัยความทรงชีพ(การมีชีวิต)หรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '889'}]",สัญญาประกันชีวิต คือ การใช้จำนวนเงินที่อาศัยความทรงชีพ(การมีชีวิต)หรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง +กรณีผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบแทนใบเสร็จที่เจ้าพนักงานได้ออกให้ไปแล้วต้องทำอย่างไร,ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 50 สตางค์,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '11 ทวิ'}]",ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 50 สตางค์ +การใช้มูลค่าหุ้นต้องใช้อย่างไร,หุ้นต้องใช้จนเต็มมูลค่า และไม่สามารถหักลบกลบหนี้ได้ ข้อยกเว้นไม่ต้องใช้หุ้นเต็มมูลค่า มาตรา 1108(5) และมาตรา 1221,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1119'}]",หุ้นต้องใช้จนเต็มมูลค่า และไม่สามารถหักลบกลบหนี้ได้ ข้อยกเว้นไม่ต้องใช้หุ้นเต็มมูลค่า มาตรา 1108(5) และมาตรา 1221 +การกระทำใดที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์แห่งท้องที่,การกระทำ ดังนี้ ที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์แห่งท้องที่ 1 การเปลี่ยนแปลงรายการใด ๆ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 12 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 2 การเลิกประกอบพาณิชยกิจโดยเหตุใด ๆ พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 13 โดยต้องทำตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงภายใน 30 วันนับแต่วันเปลี่ยนแปลงหรือเลิก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '13'}]",การเปลี่ยนแปลงรายการใด ๆ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 12 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 2 การเลิกประกอบพาณิชยกิจโดยเหตุใด ๆ +สมาชิกสมาคมสามารถออกจากสมาคมได้เมื่อใด,สมาชิกสมาคมสามารถออกจากสมาคมได้ทุกเมื่อ ข้อยกเว้น เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '91'}]",สมาชิกสมาคมสามารถออกจากสมาคมได้ทุกเมื่อ +อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละเท่าใด,ห้ามคิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ให้ลดลงมาเป็นร้อยละ 15 ต่อปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '654'}]",ห้ามคิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี +ข้อสันนิษฐานที่เจ้าหนี้ได้รับชำระเเล้วมีกรณีใดบ้าง,ข้อสันนิษฐานการชำระหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ออกใบเสร็จให้เพื่อระยะหนึ่งแล้วโดยมิได้อิดเอื้อน ข้อสันนิษฐานการชำระดอกเบี้ย ถ้าเจ้าหนี้ออกใบเสร็จให้เพื่อการชำระต้นเงิน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้ได้รับดอกเบี้ยแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 327 ถ้าเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ได้เวนคืนแล้วไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '327'}]",1. ข้อสันนิษฐานการชำระหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ออกใบเสร็จให้เพื่อระยะหนึ่งแล้วโดยมิได้อิดเอื้อน 2. ข้อสันนิษฐานการชำระดอกเบี้ย ถ้าเจ้าหนี้ออกใบเสร็จให้เพื่อการชำระต้นเงิน 3. ถ้าเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ได้เวนคืนแล้วไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปแล้ว. +คณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ต้องมีจำนวนกี่คน,จำนวนไม่น้อยกว่าสามคนแต่ไม่เกินห้าคน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/20 ให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของกองทุน ทุกหนึ่งปี โดยให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน จำนวนไม่น้อยกว่าสามคนแต่ไม่เกินห้าคน เพื่อทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) ประเมินผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกองทุน (2) รายงานข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการดำเนินกิจการของกองทุน (3) รายงานผลการปฏิบัติงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการกองทุน ให้คณะกรรมการประเมินผลรายงานผลการประเมินให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ทราบภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นรอบการประเมิน และให้กองทุนเผยแพร่รายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อสาธารณชน เมื่อคณะกรรมการประเมินผลได้ดำเนินการตามวรรคสองเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการประเมินผลพ้นจากหน้าที่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/20'}]",จำนวนไม่น้อยกว่าสามคนแต่ไม่เกินห้าคน +บุตรบุญธรรมถือเป็นผู้สืบสันดานหรือไม่,เป็น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้น ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความหมายแห่��ประมวลกฎหมายนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1627'}]",เป็น +ผู้ถือหุ้นในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะได้รับเงินปันผลในส่วนที่เกินร้อยละห้าหรือไม่,ไม่ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 59 ในกรณีที่บุคคลใดถือหุ้นในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ห้ามมิให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจ่ายเงินปันผลหรือผลประโยชน์อื่นใด สำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละห้าให้แก่บุคคลนั้น หรือยอมให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละห้า เว้นแต่คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะผ่อนผันในเรื่องการถือหุ้นเป็นประการอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '59'}]",ไม่ +หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้เเปรสภาพเป็นบริษัท คณะกรรมการต้องพิจารณาเรื่องใดบ้าง,(1) หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทเอกชนที่จำเป็นต้องแก้ไข ทั้งนี้ จะมีการแก้ไขเพิ่มทุนของบริษัทเอกชนภายหลังการแปรสภาพแล้วด้วยก็ได้ (2) ข้อบังคับของบริษัท (3) เลือกตั้งกรรมการ (4) เลือกตั้งผู้สอบบัญชีบริษัท (5) เรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นในการแปรสภาพ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 181 ในการประชุมผู้ถือหุ้นตามมาตรา 180 หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้แปรสภาพเป็นบริษัทตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการต้องจัดให้มีการพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย (1) หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทเอกชนที่จำเป็นต้องแก้ไข ทั้งนี้ จะมีการแก้ไขเพิ่มทุนของบริษัทเอกชนภายหลังการแปรสภาพแล้วด้วยก็ได้ (2) ข้อบังคับของบริษัท (3) เลือกตั้งกรรมการ (4) เลือกตั้งผู้สอบบัญชีบริษัท (5) เรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นในการแปรสภาพ ในการพิจารณาเรื่องตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับบริษัทว่าด้วยการนั้น ๆ มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '181'}]",(1) หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทเอกชนที่จำเป็นต้องแก้ไข ทั้งนี้ จะมีการแก้ไขเพิ่มทุนของบริษัทเอกชนภายหลังการแปรสภาพแล้วด้วยก็ได้ (2) ข้อบังคับของบริษัท (3) เลือกตั้งกรรมการ (4) เลือกตั้งผู้สอบบัญชีบริษัท (5) เร��่องอื่น ๆ ที่จำเป็นในการแปรสภาพ +กรณีใดสามารถร้องให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งนั้น,ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าห้าคนและมีหน่วยลงทุนนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของโครงการจัดการกองทุนรวมนั้น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 129/4 ในการขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งใดไม่ว่าจะโดยการจัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนหรือโดยการส่งหนังสือขอมติของผู้ถือหน่วยลงทุนหากผู้ถือหน่วยลงทุนเห็นว่ามติของผู้ถือหน่วยลงทุนในครั้งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือบริษัทหลักทรัพย์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา129/2 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือวิธีการที่กำหนดตามมาตรา129/3ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าห้าคนและมีหน่วยลงทุนนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของโครงการจัดการกองทุนรวมนั้นจะร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งนั้นก็ได้ แต่ต้องร้องขอต่อศาลภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้ถือหน่วยลงทุนมีมติให้แก้ไข,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '129/4'}]",ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าห้าคนและมีหน่วยลงทุนนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของโครงการจัดการกองทุนรวมนั้น +หากการโอนกระทำด้วยกลฉ้อฉล ผู้ถูกฟ้องในมูลตั๋วเเลกเงินจะยกเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงคนก่อนได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 บุคคลทั้งหลายผู้ถูกฟ้องในมูลตั๋วแลกเงินหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือกับผู้ทรงคนก่อน ๆ นั้นได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '916'}]",ได้ +การสมรสที่เป็นโมฆียะสิ้นสุดลงเมื่อ,ศาลพิพากษาให้เพิกถอน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1502 การสมรสที่เป็นโมฆียะสิ้นสุดลงเมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1502'}]",ศาลพิพากษาให้เพิกถอน +ผู้เสนอโครงการโดยเเสด��ข้อความเท็จต้องระวางโทษเเบบใด,ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าแสนบาท* พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 33 ผู้ใดเสนอโครงการตามมาตรา 10 โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าแสนบาท*,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '33'}]",ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าแสนบาท* +บัตรประจำตัวของสารวัตรบัญชีต้องเป็นไปตามเเบบที่ใครกำหนด,อธิบดี พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 23 ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ สารวัตรใหญ่บัญชีและสารวัตรบัญชีต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัว ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '23'}]",อธิบดี +คณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมีหน้าที่อะไรบ้าง,(1) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้หรือการกำหนดประเภทธุรกิจและท้องที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามมาตรา 7 หรือการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 8 (2) (2) ศึกษา รวบรวม และจัดทำรายงานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร รวมถึงผลกระทบและความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว แต่ต้องไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งครั้ง (3) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 26 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้และให้มีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้หรือการกำหนดประเภทธุรกิจและท้องที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามมาตรา 7 หรือการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 8 (2) (2) ศึกษา รวบรวม และจัดทำรายงานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร รวมถ���งผลกระทบและความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว แต่ต้องไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งครั้ง (3) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '26'}]",(1) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้หรือการกำหนดประเภทธุรกิจและท้องที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามมาตรา 7 หรือการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 8 (2) ศึกษา รวบรวม และจัดทำรายงานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในราชอาณาจักร รวมถึงผลกระทบและความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว แต่ต้องไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งครั้ง (3) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ หรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย. +การชำระบัญชีของสมาคมการค้าใช้หลักการเดียวกับบริษัทจำกัดได้หรือไม่,ได้ พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 39 การชำระบัญชีสมาคมการค้าซึ่งเลิกตามมาตรา 37 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '39'}]",ได้ +หากบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ชี้เเจงหรือเเก้ไขเรื่องการถือหลักทรัพย์จะมีผลอย่างไร,ถือเป็นหลักทรัพย์บุคคลเดียวกัน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 259 ในกรณีเป็นที่สงสัยว่ามีการถือหลักทรัพย์อันมีลักษณะที่นับรวมเป็นหลักทรัพย์ของบุคคลเดียวกันตามมาตรา 258 ให้สำนักงานแจ้งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวชี้แจงหรือดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง หากบุคคลดังกล่าวมิได้ชี้แจงหรือดำเนินการแก้ไขภายในกำหนดเวลาที่สำนักงานกำหนด ให้ถือว่าเป็นการถือหุ้นอันเข้าลักษณะที่กำหนดไว้ตามมาตรา 258,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '259'}]",ถือเป็นหลักทรัพย์บุคคลเดียวกัน +บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จะออกใบรับแทนการออกใบหลักทรัพย์ก็ได้หรือไม่,ได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย��� พ.ศ. 2535 มาตรา 226 เมื่อตลาดหลักทรัพย์ยื่นคำขอต่อบริษัทที่ออกหลักทรัพย์พร้อมทั้งส่งมอบใบหลักทรัพย์เพื่อให้ลงทะเบียนการโอนว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ถือหลักทรัพย์แทนบุคคลตามมาตรา 225 วรรคหนึ่งแล้ว ตลาดหลักทรัพย์จะขอให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ออกใบรับโดยมีรายการตามแบบที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดแทนการออกใบหลักทรัพย์ก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้ถือเสมือนว่าบริษัทดังกล่าวได้ออกใบหลักทรัพย์แล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '226'}]",ได้ +ขายเผื่อชอบคืออะไร,คือการซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขว่าให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสตรวจดูทรัพย์สินก่อนรับซื้อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 505 อันว่าขายเผื่อชอบนั้น คือการซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขว่าให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสตรวจดูทรัพย์สินก่อนรับซื้อ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '505'}]",คือการซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขว่าให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสตรวจดูทรัพย์สินก่อนรับซื้อ +ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลก่อนหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ต้องระวางโทษอย่างไร,ระวางโทษทั้งจำเเละปรับ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 61 ผู้ใดเสนอขายหรือขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนก่อนที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 19 มีผลใช้บังคับ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '61'}]",ระวางโทษทั้งจำเเละปรับ +นำกฎหมายหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์มาใช้บังคับในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลได้หรือไม่,ได้ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 23 ให้นำความในมาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 และมาตรา 86 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 89/20 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาใช��บังคับกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '23'}]",ได้ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 23 ให้นำความในมาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 และมาตรา 86 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 89/20 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาใช้บังคับกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยอนุโลม +การออกหนังสือรับรองต้องไม่เกินกี่วันนับเเต่ได้รับเเจ้ง,30 วัน พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ในกรณีที่ธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือประกอบการค้าเพื่อส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือตามกฎหมายอื่น เป็นธุรกิจตามบัญชีสองหรือบัญชีสามท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้คนต่างด้าวดังกล่าวแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอหนังสือรับรอง เมื่ออธิบดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบความถูกต้องของบัตรส่งเสริมการลงทุนหรือหนังสืออนุญาตดังกล่าวแล้ว ให้อธิบดีออกหนังสือรับรองโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนหรือหนังสืออนุญาต แล้วแต่กรณี ในกรณีนี้ให้คนต่างด้าวดังกล่าวนั้น ได้รับยกเว้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 39 มาตรา 40 และมาตรา 42 ตลอดระยะเวลาที่ธุรกิจนั้นได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือประกอบการค้าเพื่อส่งออก แล้วแต่กรณี การออกหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '12'}]",30 วัน +การเเบ่งปันทรัพย์มรดกทำอย่างไรได้บ้าง,"1.ทายาทครอบครองเป็นส่วนสัด 2.นำทรัพย์ออกขายเเละเเบ่งปันระหว่างทายาท ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 การแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้น อาจทำได้โดยทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด หรือโดยการขายทรัพย์มรดกแล้วเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งปันกันระหว่างทายาท ถ้าการแบ่งปันมิได้เป็นไปตามวรรคก่อน แต่ได้ทำโดยสัญญา จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ เว้นแต่จะมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ในกรณีเช่นนี้ให้นำมาตรา 850, 852 แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยประนีประนอมยอมความมาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1750'}]",1.ทายาทครอบครองเป็นส่วนสัด 2.นำทรัพย์ออกขายเเละเเบ่งปันระหว่างทายาท +ในกรณีทั่วไปทรัพย์จำนองครอบไปถึงดอกผลของทรัพย์จำนองหรือไม่,ไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 721 จำนองไม่ครอบไปถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินซึ่งจำนอง เว้นแต่ในเมื่อผู้รับจำนองได้บอกกล่าวแก่ผู้จำนองหรือผู้รับโอนแล้วว่าตนจำนงจะบังคับจำนอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '721'}]",ไม่ +บุคคลใดบ้างที่ทดรองจ่ายค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบบริษัทได้,(1) ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ขอให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ (2) นายทะเบียน ในกรณีที่มีการตรวจสอบตามมาตรา 129 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 134 ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบบริษัทนั้น ให้บุคคลดังต่อไปนี้ทดรองจ่ายไปก่อน คือ (1) ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ขอให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ (2) นายทะเบียน ในกรณีที่มีการตรวจสอบตามมาตรา 129,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '134'}]",(1) ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ขอให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ (2) นายทะเบียน ในกรณีที่มีการตรวจสอบตามมาตรา 129 +ถ้าคู่กรณีได้ทำสัญญาเปลี่ยนสาระสำคัญของหนี้มีผลอย่างไร,หนี้ระงับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 เมื่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ไซร้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปด้วยแปลงหนี้ใหม่ ถ้าทำหนี้มีเงื่อนไขให้กลายเป็นหนี้ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติมเงื่อนไขเข้าในหนี้อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ท่านถือว่าเป็นอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้นั้น ถ้าแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้ง��ลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยโอนสิทธิเรียกร้อง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '349'}]",หนี้ระงับ +ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของอธิบดีต้องระวางโทษอย่างไร,ชำระค่าปรับ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 27 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของอธิบดีที่ออกตามมาตรา 7 (1) (2) (3) (4) หรือ (6) มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท กรณีที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของอธิบดีที่ออกตามมาตรา 7 (1) (2) (3) หรือ (4) ให้ชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าร้อยบาท*จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '27'}]",ชำระค่าปรับ +การเเจกเงินปันผลคิดตามเงื่อนไขใด,คิดตามส่วนจำนวนซึ่งผู้ถือหุ้นได้ส่งเงินแล้วในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1200 การแจกเงินปันผลนั้น ต้องคิดตามส่วนจำนวนซึ่งผู้ถือหุ้นได้ส่งเงินแล้วในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1200'}]",คิดตามส่วนจำนวนซึ่งผู้ถือหุ้นได้ส่งเงินแล้วในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ +ผู้เยาว์กระทำการการเพื่อให้ได้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่,ได้ ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '22'}]",ได้ ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง +บุคคลใดต้องร้องขอให้รัฐบาลให้อำนาจจัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลตามพินัยกรรม,ทายาทหรือผู้จัดการมรดก แล้วแต่กรณี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1677 เมื่อมีพินัยกรรมก่อตั้งมูลนิธิขึ้นตามมาตราก่อน ให้เป็นหน้าที่ของทายาทหรือผู้จัดการมรดก แล้วแต่กรณี ที่จะต้องร้องขอให้รัฐบาลให้อำนาจจัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลตามมาตรา 114 แห่งประมวลกฎหมายนี้ เว้นแต่จะได้มีข้อกำหนดไว้ในพิ��ัยกรรมเป็นอย่างอื่น ถ้าบุคคลดังกล่าวแล้วมิได้ร้องขอให้รัฐบาลให้อำนาจ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ร้องขอก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1677'}]",ทายาทหรือผู้จัดการมรดก แล้วแต่กรณี +สิทธิเรียกค่าทดเเทนกรณีผิดสัญญาหมั้นมีอายุความกี่เดือน,มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ผิดสัญญาหมั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1447/1 สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนตามมาตรา 1439 ให้มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ผิดสัญญาหมั้น สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนตามมาตรา 1444 ให้มีอายุความหกเดือนนับแต่วันรู้หรือควรรู้ถึงการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้บอกเลิกสัญญาหมั้น แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันกระทำการดังกล่าว สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนตามมาตรา 1445 และมาตรา 1446 ให้มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ชายหรือหญิงคู่หมั้นรู้หรือควรรู้ถึงการกระทำของผู้อื่นอันจะเป็นเหตุให้เรียกค่าทดแทนและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าทดแทนนั้น แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ผู้อื่นนั้นได้กระทำการดังกล่าว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1447/1'}]",มีอายุความหกเดือนนับแต่วันที่ผิดสัญญาหมั้น +ใครเป็นเจ้าของกำเเพงที่อยู่บนที่ดินทั้งสองข้าง,เจ้าของที่ดินทั้งสองข้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 รั้ว กำแพง รั้วต้นไม้ คู ซึ่งหมายเขตที่ดินนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของรวมกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1344'}]",เจ้าของที่ดินทั้งสองข้าง +คณะกรรมการมูลนิธิไม่เเจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดต้องระวางโทษอย่างไร,ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินคนละหนึ่งหมื่นบาท พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 67 ในกรณีที่คณะกรรมการของมูลนิธิไม่แจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา 132 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการของมูลนิธินั้นมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินคนละหนึ่งหมื่นบาท*เว้นแต่กรรมการผู้ใดของมูลนิธินั้นจะพิสูจน์ได้ว่าการที่มิได้แจ้งนั้น มิได้เกิดจากการกระทำของตน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '67'}]",ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินคนละหนึ่งหมื่นบาท +การชำระหนี้ที่ไม่ใช่กรณีส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง ต้องชำระ ณ ที่ใด,ภูมิลำเนาเจ้าหนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324 เมื่อมิได้มีแสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะพึงชำระหนี้ ณ สถานที่ใดไซร้ หากจะต้องส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง ท่านว่าต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้น ส่วนการชำระหนี้โดยประการอื่น ท่านว่าต้องชำระ ณ สถานที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '324'}]",ภูมิลำเนาเจ้าหนี้ +บุคคลใดสามารถร้องขอให้เจ้าหนี้ชำระหนี้จากทรัพย์ที่เป็นประกัน,ผู้ค้ำประกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 690 ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '690'}]",ผู้ค้ำประกัน +หากไม่ใช่ความผิดของตนตัวเเทนต้องเสียหายเพราะการจัดทำกิจการเเทนตัวการ ตัวเเทนจะเรียกค่าสินไหมทดเเทนได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 ถ้าในการจัดทำกิจการอันเขามอบหมายแก่ตนนั้น ตัวแทนได้ออกเงินทดรองหรือออกเงินค่าใช้จ่ายไป ซึ่งพิเคราะห์ตามเหตุควรนับว่าเป็นการจำเป็นได้ไซร้ ท่านว่าตัวแทนจะเรียกเอาเงินชดใช้จากตัวการ รวมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันที่ได้ออกเงินไปนั้นด้วยก็ได้ ถ้าในการจัดทำกิจการอันเขามอบหมายแก่ตนนั้น ตัวแทนต้องรับภาระเป็นหนี้ขึ้นอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งพิเคราะห์ตามเหตุควรนับว่าเป็นการจำเป็นได้ไซร้ ท่านว่าตัวแทนจะเรียกให้ตัวการชำระหนี้แทนตนก็ได้ หรือถ้ายังไม่ถึงเวลากำหนดชำระหนี้ จะให้ตัวการให้ประกันอันสมควรก็ได้ ถ้าในการจัดทำกิจการอันเขามอบหมายแก่ตนนั้น เป็นเหตุให้ตัวแทนต้องเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใด มิใช่เป็นเพราะความผิดของตนเองไซร้ ท่านว่าตัวแทนจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากตัวการก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '816'}]",ได้ +การเเจ้งการเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ใครกำหนด,คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 248 ให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ประกาศหรือแจ้งการเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '248'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +สมาคมใดไม่ยอมให้สมาชิกของสมาคมตรวจตรากิจการและทรัพย์สินต้องรับโทษอย่างไร,ชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท* พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 55 สมาคมใดไม่ยอมให้สมาชิกของสมาคมตรวจตรากิจการและทรัพย์สินของสมาคมตามมาตรา 89 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '55'}]",ชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท* +หลักกฎหมายที่ใช้บังคับกับผู้ค้ำประกันสามารถนำมาใช้บังคับกับบุคคลจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 727 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 691 มาตรา 697 มาตรา 700 และมาตรา 701 มาใช้บังคับกับกรณีที่บุคคลจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระด้วยโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '727'}]",ได้ +เมื่อบริษัทล้มละลายก่อให้เกิดผลทางกฎหมายอย่างไร,ถือว่าเป็นการเลิกบริษัท พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 154 เมื่อมีเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ดำเนินการเลิกบริษัท (1) เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้เลิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน (2) เมื่อบริษัทล้มละลาย (3) เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกบริษัทตามมาตรา 155 และคำสั่งนั้นถึงที่สุดแล้ว,"[{'law': 'พระราช��ัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '154'}]",ถือว่าเป็นการเลิกบริษัท +กรณีใดบ้างถือว่าการจำนองสิ้นไป,(1) เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใช่เหตุอายุความ (2) เมื่อปลดจำนองให้แก่ผู้จำนองด้วยหนังสือเป็นสำคัญ (3) เมื่อผู้จำนองหลุดพ้น (4) เมื่อถอนจำนอง (5) เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองตามคำสั่งศาลอันเนื่องมาแต่การบังคับจำนองหรือถอนจำนอง หรือเมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 729/1 (6) เมื่อเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 อันจำนองย่อมระงับสิ้นไป (1) เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใช่เหตุอายุความ (2) เมื่อปลดจำนองให้แก่ผู้จำนองด้วยหนังสือเป็นสำคัญ (3) เมื่อผู้จำนองหลุดพ้น (4) เมื่อถอนจำนอง (5) เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองตามคำสั่งศาลอันเนื่องมาแต่การบังคับจำนองหรือถอนจำนอง หรือเมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 729/1 (6) เมื่อเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '744'}]",(1) เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใช่เหตุอายุความ (2) เมื่อปลดจำนองให้แก่ผู้จำนองด้วยหนังสือเป็นสำคัญ (3) เมื่อผู้จำนองหลุดพ้น (4) เมื่อถอนจำนอง (5) เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนองตามคำสั่งศาลอันเนื่องมาแต่การบังคับจำนองหรือถอนจำนอง หรือเมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 729/1 (6) เมื่อเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุด +เมื่อมีการควบรวมกิจการ ใครเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นรายการเเละเสียภาษี,บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่ ประมวลรัษฎากร มาตรา 73 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่า แต่ละบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งควบเข้ากันนั้นได้เลิกกันและให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่อันได้ควบเข้ากันมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีแทนแต่ละบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งให้ถือว่าเลิกกันนั้นในกรณีดังกล่าวนี้ให้นำบทบัญญัติมาตรา 72 มาใช้บังคับโดยอนุโลมและสำหรับกรณีบริษัทนิติบุคคลให้กรรม��ารของบริษัทนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา72,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '73'}]",บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่ +คณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นทราบภายในกี่วันนับเเต่เอกสารครบถ้วนถูกต้อง,สี่สิบห้าวัน พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 64 เมื่อศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้เสนอกฎเกณฑ์เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นทราบภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับกฎเกณฑ์และเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะไม่ให้ความเห็นชอบกฎเกณฑ์ของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้ (1) กฎเกณฑ์นั้นไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 57 หรือไม่เพียงพอที่จะทำให้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 57 บรรลุผล หรือ (2) กฎเกณฑ์นั้นไม่เป็นธรรมต่อสมาชิก ผู้ลงทุน หรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว หากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาหรือไม่ได้แจ้งให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าวไปยังศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้ถือว่ากฎเกณฑ์นั้นได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '64'}]",สี่สิบห้าวัน +คณะกรรมการบริษัทใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต้องระวางโทษอย่างไร,ความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 195 คณะกรรมการบริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 37 วรรคสอง มาตรา 74 มาตรา 79 มาตรา 83 วรรคสอง มาตรา 96 วรรคสาม มาตรา 98 วรรคหนึ่ง มาตรา 100 มาตรา 101 มาตรา 105 วรรคสาม มาตรา 112 มาตรา 113 มาตรา 115 วรรคสี่ มาตรา 151 หรือมาตรา 183 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '195'}]",ความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เก���นสองหมื่นบาท +ความบกพร่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการของสมาคม มีผลต่อความสมบูรณ์ของคณะกรรมการของสมาคมที่ได้กระทำไปเเล้วหรือไม่,ไม่มีผล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 88 บรรดากิจการที่คณะกรรมการของสมาคมได้กระทำไป แม้จะปรากฏในภายหลังว่ามีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการตั้งหรือคุณสมบัติของกรรมการของสมาคม กิจการนั้นย่อมมีผลสมบูรณ์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '88'}]",ไม่มีผล +บริษัทมหาชนจำกัดคือ,คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยผู้ถือหุ้นมีความรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ต้องชำระและบริษัทดังกล่าวได้ระบุความประสงค์เช่นนั้นไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 15 บริษัทมหาชนจำกัด คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยผู้ถือหุ้นมีความรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ต้องชำระและบริษัทดังกล่าวได้ระบุความประสงค์เช่นนั้นไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '15'}]",บริษัทมหาชนจำกัด คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยผู้ถือหุ้นมีความรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ต้องชำระและบริษัทดังกล่าวได้ระบุความประสงค์เช่นนั้นไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ +ผลเเห่งบุริมสิทธินำหลักกฎหมายลักษณะจำนองมาบังคับใช้ได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 ว่าถึงผลแห่งบุริมสิทธิ นอกจากที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 281 ถึง 288 นี้แล้ว ท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งลักษณะจำนองมาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '289'}]",ได้ +กรรมการจรรยาบรรณพ้นจากตำเเหน่งเมื่อ,(1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 50 (4) ที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชีมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกสามัญที่มาประชุม แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองร้อยคะแนนเสียง ในกรณีที่ตำแหน่งว่างลงก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งกรรมการ พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 52 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการจรรยาบรรณพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 50 (4) ที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชีมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกสามัญที่มาประชุม แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองร้อยคะแนนเสียง ในกรณีที่ตำแหน่งว่างลงก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งกรรมการจรรยาบรรณแทนตำแหน่งที่ว่างไปพลางก่อน และให้กรรมการจรรยาบรรณซึ่งได้รับแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงการประชุมใหญ่คราวต่อไปจรรยาบรรณแทนตำแหน่งที่ว่างไปพลางก่อน และให้กรรมการจรรยาบรรณซึ่งได้รับแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงการประชุมใหญ่คราวต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '52'}]",(1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 50 (4) ที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชีมีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกสามัญที่มาประชุม แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองร้อยคะแนนเสียง +พระราชบัญญัติพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ใช้บังคับเมื่อพ้นกี่วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา,60 วัน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '2'}]",60 วัน +สัญญาไม่กำหนดเงื่อนเวลาให้ใช้ราคา ผู้ขายสามารถยึดหน่วงทรัพย์สินได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 468 ถ้าในสัญญาไม่มีกำหนดเงื่อนเวลาให้ใช้ราคาไซร้ ผู้ขายชอบที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขายไว้ได้จนกว่าจะใช้ราคา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '468'}]",ได้ +การคืนภาษีกรณีนิติบุคคลใช้เงินสกุลอื่นในการดำเนินงานมีวิธีอย่างไร,โดยให้คำนวณค่าตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษีหรือก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ฉ การชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ และมาตรา 68 และการคืนเงินภาษีในกรณีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล��ี่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรา 76 ตรี ให้ใช้เงินตราไทย โดยให้คำนวณค่าตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษีหรือก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 ฉ'}]",โดยให้คำนวณค่าตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษีหรือก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี +ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนนั้นต่อใคร,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอจดทะเบียนพร้อมทั้งข้อบังคับแล้วเห็นว่าคำขอนั้นถูกต้องตามมาตรา 81 และข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 79 และวัตถุประสงค์ของสมาคมไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ และรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อบังคับสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคม และผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมนั้นมีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่สมาคมนั้น และประกาศการจัดตั้งสมาคมในราชกิจจานุเบกษา ถ้านายทะเบียนเห็นว่าคำขอหรือข้อบังคับไม่ถูกต้องตามมาตรา 81 หรือมาตรา 79 หรือรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อบังคับไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคม หรือผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมมีฐานะหรือความประพฤติไม่เหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม ให้มีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง เมื่อแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงถูกต้องแล้ว ให้รับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่สมาคมนั้น ถ้านายทะเบียนเห็นว่าไม่อาจรับจดทะเบียนได้เนื่องจากวัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ หรือผู้ยื่นคำขอจดทะ���บียนไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนและแจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนไปยังผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนโดยมิชักช้า ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนนั้นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับการจดทะเบียน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยอุทธรณ์ และแจ้งคำวินิจฉัยให้ผู้อุทธรณ์ทราบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนได้รับหนังสืออุทธรณ์ คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่สุด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '82'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย +ถ้าอายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์หรือของบุคคลวิกลจริตนั้นมีระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งปีสามารถนำระยะเวลาที่สั้นกว่ามาใช้ได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/20 อายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์หรือของบุคคลวิกลจริตอันศาลจะสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือไม่ก็ตาม ถ้าจะครบกำหนดลงในขณะที่บุคคลดังกล่าวยังไม่ลุถึงความสามารถเต็มภูมิ หรือในระหว่างหนึ่งปีนับแต่วันที่บุคคลดังกล่าวไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล อายุความนั้นยังไม่ครบกำหนดจนกว่าจะครบหนึ่งปีนับแต่วันที่บุคคลนั้นได้ลุถึงความสามารถเต็มภูมิหรือได้มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล แล้วแต่กรณี แต่ถ้าอายุความสิทธิเรียกร้องนั้นมีระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งปีก็ให้นำกำหนดระยะเวลาที่สั้นกว่านั้นมาใช้แทนกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีดังกล่าว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/20'}]",ได้ +เงินส่วนใดที่ถือเป็นรายได้รัฐ,เงินที่ได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรอง เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 27 บรรดาค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงและค่าธรรมเนียมอื่นที่สำนักงานได้รับและรายได้อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ให้ตกเป็นของสำนักงาน และเมื่อได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรองตามมาตรา 26 แล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '27'}]",เงินที่ได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรอง เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ +กรณีใช้เงินตามเช็คขีดคร่อมโดยชอบ ธนาคารมีสิทธิเหมือนเจ้าของอันเเท้จริงหรือไม่,เหมือน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 998 ธนาคารใดซึ่งเขานำเช็คขีดคร่อมเบิกเงิน ใช้เงินไปตามเช็คนั้นโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ กล่าวคือว่าถ้าเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไปก็ใช้เงินให้แก่ธนาคารอันใดอันหนึ่ง ถ้าเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะก็ใช้ให้แก่ธนาคารซึ่งเขาเจาะจงขีดคร่อมให้โดยเฉพาะ หรือใช้ให้แก่ธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินของธนาคารนั้นไซร้ ท่านว่าธนาคารซึ่งใช้เงินไปตามเช็คนั้นฝ่ายหนึ่ง กับถ้าเช็คตกไปถึงมือผู้รับเงินแล้ว ผู้สั่งจ่ายอีกฝ่ายหนึ่งต่างมีสิทธิเป็นอย่างเดียวกัน และเข้าอยู่ในฐานะอันเดียวกันเสมือนดังว่าเช็คนั้นได้ใช้เงินให้แก่ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '998'}]",เหมือน +ข้อสันนิษฐานว่าผู้ให้คำมั่นได้สละสิทธิที่จะถอนคำมั่นนั้นเสียคืออะไร,ผู้ให้คำมั่นได้กำหนดระยะเวลาให้ด้วยเพื่อทำการอันบ่งนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 363 ในกรณีที่กล่าวมาในมาตราก่อนนี้ เมื่อยังไม่มีใครทำการสำเร็จดังบ่งไว้นั้นอยู่ตราบใด ผู้ให้คำมั่นจะถอนคำมั่นของตนเสียโดยวิธีเดียวกับที่โฆษณานั้นก็ได้ เว้นแต่จะได้แสดงไว้ในโฆษณานั้นว่าจะไม่ถอน ถ้าคำมั่นนั้นไม่อาจจะถอนโดยวิธีดังกล่าวมาก่อน จะถอนโดยวิธีอื่นก็ได้ แต่ถ้าเช่นนั้นการถอนจะเป็นอันสมบูรณ์ใช้ได้เพียงเฉพาะต่อบุคคลที่รู้ ถ้าผู้ให้คำมั่นได้กำหนดระยะเวลาให้ด้วยเพื่อทำการอันบ่งนั้นไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ให้คำมั่นได้สละสิทธิที่จะถอนคำมั่นนั้นเสียแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '363'}]",ผู้ให้คำมั่นได้กำหนดระยะเวลาให้ด้วยเพื่อทำการอันบ่งนั้น +ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดต้องรับโทษใด,โทษปรับ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.��. 2546 มาตรา 127 ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 20 วรรคสอง ซึ่งมาตรา 74 ให้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '127'}]",โทษปรับ +กรรมการต้องมีอย่างน้อยกี่คนถือว่าครบองค์ประชุม,3 คน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1160 กรรมการจะวางกำหนดไว้ก็ได้ว่า จำนวนกรรมการเข้าประชุมกี่คนจึงจะเป็นองค์ประชุมทำกิจการได้ ถ้าและมิได้กำหนดไว้ดังนั้นไซร้ (เมื่อจำนวนกรรมการเกินกว่าสามคน) ท่านว่าต้องมีกรรมการเข้าประชุมสามคนจึงจะเป็นองค์ประชุมได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1160'}]",3 คน +หากพบว่าบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทยื่นไม่ถูกต้อง นายทะเบียนจะทำอย่างไร,มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือเเก้ไขให้ถูกต้อง พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 188 ในกรณีที่นายทะเบียนตรวจพบว่าบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทยื่นตามมาตรา 64 ไม่ถูกต้อง ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้บริษัทแก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาอันสมควรตามที่นายทะเบียนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '188'}]",มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือเเก้ไขให้ถูกต้อง +หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดสอดเข้าไปในกิจการของห้างมีผลต้องรับผิดอย่างไร,รับผิดไม่จำกัด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน แต่การออกความเห็นและแนะนำก็ดี ออกเสียงเป็นคะแนนนับในการตั้งและถอดถอนผู้จัดการตามกรณีที่มีบังคับไว้ในสัญญาหุ้นส่วนนั้นก็ดี ท่านหานับว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนนั้นไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1088'}]",รับผิดไม่จำกัด +ถ้าเจ้าหนี้มิได้คัดค้านการลดต้นทุนของบริษัทเพราะไม่ทราบความ ผู้ถือหุ้นต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้นั้นหรือไม่,ต้องรับผิด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1227 ถ้ามีเจ้าหนี้คนหนึ่��คนใดละเลยเสียมิได้คัดค้านในการที่บริษัทจะลดทุนลง เพราะเหตุว่าตนไม่ทราบความ และเหตุที่ไม่ทราบนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของเจ้าหนี้คนนั้นแต่อย่างใดไซร้ ท่านว่าผู้ถือหุ้นจทั้งหลายบรรดาที่ได้รับเงินคืนไปตามส่วนที่ลดหุ้นลงนั้น ยังคงจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้เช่นนั้นเพียงจำนวนที่ได้รับทุนคืนไปชั่วเวลาสองปี นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนการลดทุนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1227'}]",ต้องรับผิด +กรรมการซื้อขายทรัพย์สินให้แก่บริษัท โดยมิได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการแล้ว การขายนั้นผูกพันบริษัทหรือไม่,ไม่ผูกพัน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 87 กรรมการคนใดซื้อทรัพย์สินของบริษัท หรือขายทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือกระทำธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งกับบริษัท ไม่ว่าจะกระทำในนามของตนหรือของบุคคลอื่น ถ้ามิได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการแล้ว การซื้อขายหรือกระทำธุรกิจนั้นไม่มีผลผูกพันบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '87'}]",ไม่ผูกพัน +ถ้าเหตุที่ศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถได้สิ้นสุดไปแล้ว ผู้นั้นจะร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 36 ถ้าเหตุที่ศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถได้สิ้นสุดไปแล้ว ให้นำบทบัญญัติมาตรา 31 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '36'}]",ได้ +ศาลจะสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจทางปกครองได้หรือไม่,ได้ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1521 ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา 1520 ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1521'}]",ได้ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป +ไม่บอกข้อมูลทั้งหมดให้บริษัทประกันมีความผิดไหม,ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ ถ้ามิได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดเดือน 1 นับแต่วันที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ก็ดี หรือมิได้ใช้สิทธินั้นภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันทำสัญญาก็ดี ท่านว่าสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ ถ้ามิได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ก็ดี หรือมิได้ใช้สิทธินั้นภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันทำสัญญาก็ดี ท่านว่าสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '865'}]",ถ้าผู้เอาประกันภัยรู้แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา สัญญานั้นเป็นโมฆียะ +ข้อยกเว้นให้เปิดเผยความลับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้,ผู้ใดล่วงรู้กิจการของบุคคลใดเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้หรือเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้ อันเป็นกิจการที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่การเปิดเผยในกรณี ดังต่อไปนี้ (1) การเปิดเผยตา���หน้าที่ (2) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี (3) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้ (4) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (5) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลตามพระราชกำหนดนี้ (6) การเปิดเผยแก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่กำกับดูแลในด้านตลาดเงิน ตลาดทุน สินทรัพย์ดิจิทัล ผู้สอบบัญชี สินค้าหรือตัวแปรของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือหน่วยงานอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด (7) การเปิดเผยเมื่อได้รับความเห็นชอบจากบุคคลดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 92 ผู้ใดล่วงรู้กิจการของบุคคลใดเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้หรือเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดนี้ อันเป็นกิจการที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณี ดังต่อไปนี้ (1) การเปิดเผยตามหน้าที่ (2) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี (3) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้ (4) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (5) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลตามพระราชกำหนดนี้ (6) การเปิดเผยแก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่กำกับดูแลในด้านตลาดเงิน ตลาดทุน สินทรัพย์ดิจิทัล ผู้สอบบัญชี สินค้าหรือตัวแปรของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือหน่วยงานอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด (7) การเปิดเผยเมื่อได้รับความเห็นชอบจากบุคคลดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '92'}]",(1) การเปิดเผ���ตามหน้าที่ (2) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี (3) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้ (4) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (5) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลตามพระราชกำหนดนี้ (6) การเปิดเผยแก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่กำกับดูแลในด้านตลาดเงิน ตลาดทุน สินทรัพย์ดิจิทัล ผู้สอบบัญชี สินค้าหรือตัวแปรของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือหน่วยงานอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด (7) การเปิดเผยเมื่อได้รับความเห็นชอบจากบุคคลดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร +ผู้รับหลักประกันมีสิทธิอะไรบ้างแก่ทรัพย์สินแทนหลักประกัน,ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามกฎหมาย เหนือทรัพย์สินที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเมื่อได้แก้ไขรายการจดทะเบียนเพื่อให้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นหลักประกันต่อเจ้าพนักงานทะเบียนแล้ว และในกรณีที่ทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้อง ผู้รับหลักประกันจะยกสิทธิดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้แห่งสิทธิได้ต่อเมื่อได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยแล้ว และใช้บังคับแก่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่ายจ่ายโอน แลกเปลี่ยนหรือทรัพย์สินที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวสูญหายหรือเสียหายด้วย พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันได้ทรัพย์สินมาจากการจำหน่ายจ่ายโอน แลกเปลี่ยน หรือได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือที่มีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมอยู่ด้วย รวมทั้งค่าสินไหมทดแทนที่ได้มาเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวสูญหายหรือเสียหาย ให้ถือว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้นเป็นหลักประกันด้วย ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามมาตรา 29 เหนือทรัพย์สินที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามวรรคหนึ่งเมื่อได้แก้ไขรายการจดทะเบียนเพื่อให้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นหลักประกันต่อเจ้าพนักงานทะเบียนแล้ว และในกรณีที่ทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้อง ผู้รับหลักประกันจะยกสิทธิดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้แห่งสิทธิได้ต่อเมื่อได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยแล้ว บทบัญญัติมาตรานี้ให้ใช้บังคับแก่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่ายจ่ายโอน แลกเปลี่ยนหรือทรัพย์สินที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวสูญหายหรือเสียหายด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '31'}]",ผู้รับหลักประกันมีสิทธิตามกฎหมายเหนือทรัพย์สินที่ได้มาแทนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเมื่อได้แก้ไขรายการจดทะเบียนเพื่อให้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นหลักประกันต่อเจ้าพนักงานทะเบียนแล้ว และในกรณีที่ทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้อง ผู้รับหลักประกันจะยกสิทธิดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้แห่งสิทธิได้ต่อเมื่อได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยแล้ว. +ใครเป็นผู้ครอบครองข้อมูลภายในตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล,ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน (1) กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจควบคุมกิจการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (2) พนักงานหรือลูกจ้างของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่รับผิดชอบข้อมูลภายในหรือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน (3) บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะที่สามารถรู้ข้อมูลภายในอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือบุคคลอื่นใดที่ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในนั้น และให้รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ร่วมงานของบุคคลดังกล่าวที่อยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในนั้น (4) กรรมการ อนุกรรมการ ผู้แทนนิติบุคคล ตัวแทน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ สำนักงาน ก.ล.ต. หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่สามารถรู้ข้อมูลภายในอันได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ของตน (5) นิติบุคคลซึ่งบุคคลตาม (1) (2) (3) หรือ (4) มีอำนาจควบคุมกิจการ พระร���ชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 43 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 42 (1) กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจควบคุมกิจการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (2) พนักงานหรือลูกจ้างของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่รับผิดชอบข้อมูลภายในหรือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน (3) บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะที่สามารถรู้ข้อมูลภายในอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือบุคคลอื่นใดที่ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในนั้น และให้รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ร่วมงานของบุคคลดังกล่าวที่อยู่ในตำแหน่งหรือสายงานที่มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในนั้น (4) กรรมการ อนุกรรมการ ผู้แทนนิติบุคคล ตัวแทน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ สำนักงาน ก.ล.ต. หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่สามารถรู้ข้อมูลภายในอันได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ของตน (5) นิติบุคคลซึ่งบุคคลตาม (1) (2) (3) หรือ (4) มีอำนาจควบคุมกิจการ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '43'}]",บุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้แก่ (1) กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจควบคุมกิจการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (2) พนักงานหรือลูกจ้างของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่รับผิดชอบข้อมูลภายใน (3) บุคคลที่สามารถรู้ข้อมูลภายในจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (4) กรรมการ อนุกรรมการ ผู้แทนนิติบุคคล ที่สามารถรู้ข้อมูลภายใน (5) นิติบุคคลที่มีอำนาจควบคุมกิจการ. +เอาของที่รับจำนำไปใช้ได้ไหม,ถ้าผู้รับจำนำเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกใช้เอง หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเก็บรักษาโดยผู้จำนำมิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าผู้รับจำนำจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจำนำนั้นสูญหาย หรือบุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะต้องสูญหาย หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 760 ถ้าผู้รับจำน���เอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกใช้เอง หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเก็บรักษาโดยผู้จำนำมิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าผู้รับจำนำจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจำนำนั้นสูญหาย หรือบุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะต้องสูญหาย หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '760'}]",ไม่สามารถเอาทรัพย์สินที่รับจำนำไปใช้ได้ +ใครมีหน้าที่หาว่ามรดกอยู่ไหน,ผู้จัดการมรดกต้องสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผู้มีส่วนได้เสียและแจ้งไปให้ทราบถึงข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียนั้นภายในเวลาอันสมควร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1725 ผู้จัดการมรดกต้องสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผู้มีส่วนได้เสียและแจ้งไปให้ทราบถึงข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียนั้นภายในเวลาอันสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1725'}]",ผู้จัดการมรดกต้องสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผู้มีส่วนได้เสียและแจ้งไปให้ทราบถึงข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียนั้นภายในเวลาอันสมควร +ยินยอมให้ใช้ชื่อตนเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนมีผลเสียไหม,ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อห้างไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่าเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดฉะนั้น แต่ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกันเองนั้น ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนเช่นนี้ ท่านให้คงบังคับตามสัญญาหุ้นส่วน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1082 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อห้างไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่าเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดฉะนั้น แต่ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกันเองนั้น ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนเช่นนี้ ท่านให้คงบังคับตามสัญญาหุ้นส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1082'}]",ผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่าเป็นหุ้��ส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด +ผู้รับสลักหลังต้องแจ้งนายคลังสินค้าเมื่อใด,เมื่อใดผู้ฝากจำนำสินค้าและส่งมอบประทวนสินค้าแก่ผู้รับสลักหลังแล้ว ผู้รับสลักหลังเช่นนั้นต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่นายคลังสินค้าให้ทราบจำนวนหนี้ซึ่งจำนำสินค้านั้นเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยและวันอันหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระ เมื่อนายคลังสินค้าได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้นแล้วต้องจดรายการทั้งนั้นลงในต้นขั้ว ถ้าและมิได้จดในต้นขั้วเช่นนั้น ท่านว่าการจำนำนั้นหาอาจจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ทั้งหลายของผู้ฝากได้ไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 782 เมื่อใดผู้ฝากจำนำสินค้าและส่งมอบประทวนสินค้าแก่ผู้รับสลักหลังแล้ว ผู้รับสลักหลังเช่นนั้นต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่นายคลังสินค้าให้ทราบจำนวนหนี้ซึ่งจำนำสินค้านั้นเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยและวันอันหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระ เมื่อนายคลังสินค้าได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้นแล้วต้องจดรายการทั้งนั้นลงในต้นขั้ว ถ้าและมิได้จดในต้นขั้วเช่นนั้น ท่านว่าการจำนำนั้นหาอาจจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ทั้งหลายของผู้ฝากได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '782'}]",เมื่อใดผู้ฝากจำนำสินค้าและส่งมอบประทวนสินค้าแก่ผู้รับสลักหลังแล้ว ผู้รับสลักหลังเช่นนั้นต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่นายคลังสินค้าให้ทราบจำนวนหนี้ซึ่งจำนำสินค้านั้นเป็นประกัน ทั้งจำนวนดอกเบี้ยและวันอันหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระ เมื่อนายคลังสินค้าได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้นแล้วต้องจดรายการทั้งนั้นลงในต้นขั้ว +มูลนิธิเป็นนิติบุคคลไหม,มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 122 มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '122'}]",มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล +ใครมีอำนาจกำหนดประเภทโทเคนดิจิทัล,คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดประเภทของโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามกฎหมาย พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 20 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดประเภทของโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '20'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดประเภทของโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามกฎหมาย +ผู้สอบบัญชีไม่รายงานการกระทำของกรรมการทรัสตีที่ทุจริตจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองทรัสต์เป็นความผิดไหม,เมื่อสอบบัญชีของทรัสตี ไม่ว่าการสอบบัญชีนั้นจะกระทำในฐานะเป็นผู้สอบบัญชีของทรัสตีหรือในฐานะอื่นซึ่งทรัสตียินยอมให้สอบบัญชี ถ้าผู้สอบบัญชีพบพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ากรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ ได้กระทำความผิดตามกฎหมาย ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ ผู้สอบบัญชีผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 91 ในการสอบบัญชีของทรัสตี ไม่ว่าการสอบบัญชีนั้นจะกระทำในฐานะเป็นผู้สอบบัญชีของทรัสตีหรือในฐานะอื่นซึ่งทรัสตียินยอมให้สอบบัญชี ถ้าผู้สอบบัญชีพบพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ากรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ ได้กระทำความผิดตามมาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ ผู้สอบบัญชีผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '91'}]","ใช่, ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ." +ตัวแทนค้าต่างใช้กฎหมายอะไรบังคับ,บทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นี้อันว่าด้วยตัวแทนนั้นให้ใช้บังคับถึงตัวแทนค้าต่างด้วย เพียงที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติในหมวดตัวแทนค้าต่าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 835 บทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยตัวแทนนั้นท่านให้ใช้บังคับถึงตัวแทนค้าต่างด้วย เพียงที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติในหมวดนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '835'}]",บทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นี้อันว่าด้วยตัวแทนให้ใช้บังคับถึงตัวแทนค้าต่างด้วย เพียงที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติในหมวดตัวแทนค้าต่าง. +บริษัทมหาชนไม่ทำงบดุลมีความผิดไหม,มีความผิดตามกฎหมายต้องรับโทษเป็นความผิดทางพินัยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 206 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 110 มาตรา 111 หรือมาตรา 137 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '206'}]",มีความผิดตามกฎหมายต้องรับโทษเป็นความผิดทางพินัยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +บริษัทหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนยกเลิกคำสั่งซื้อหลักทรัพย์ได้ไหม,กฎหมายห้ามมิให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนและพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกองทุนหรือกิจการอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกับกองทุนซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นรับจัดการทรัพย์สินหรือการลงทุนให้ด้วย เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ในประการที่น่าจะทำ ใหลูกค้ารายดังกล่าวเสียประโยชน์ ด้วยการส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์นั้น โดยใช้โอกาสดำเนินการก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดั���กล่าวแล้วเสร็จ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/2 ให้นำความในมาตรา 244/1มาใช้บังคับแก่บริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนและพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกองทุนหรือกิจการอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกับกองทุนซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นรับจัดการทรัพย์สินหรือการลงทุนให้ด้วยโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '244/2'}]",กฎหมายห้ามมิให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนและพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกองทุนหรือกิจการอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกับกองทุนซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นรับจัดการทรัพย์สินหรือการลงทุนให้ด้วย เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ในประการที่น่าจะทำ ใหลูกค้ารายดังกล่าวเสียประโยชน์ ด้วยการส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์นั้น โดยใช้โอกาสดำเนินการก่อนที่ตนจะดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้ารายดังกล่าวแล้วเสร็จ. +ผ่อนเวลาชำระหนี้แล้วยังค้ำประกันได้ไหม,ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนและเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น ข้อตกลงที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ล่วงหน้าก่อนเจ้าหนี้ผ่อนเวลาอันมีผลเป็นการยินยอมให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลา ข้อตกลงนั้นใช้บังคับมิได้ กรณีดังกล่าวไม่ให้ใช้บังคับแก่กรณีผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือค้ำประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนและเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น ข้อ���กลงที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ล่วงหน้าก่อนเจ้าหนี้ผ่อนเวลาอันมีผลเป็นการยินยอมให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลา ข้อตกลงนั้นใช้บังคับมิได้ ความในวรรคสอง มิให้ใช้บังคับแก่กรณีผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือค้ำประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '700'}]",ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น +ถ้าเลิกบริษัทมหาชนจำกัดต้องทำอะไรเพิ่มไหม,ในการเลิกหรือสั่งเลิกบริษัท ที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาล แล้วแต่กรณี ต้องแต่งตั้งและกำหนดค่าตอบแทนผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีในคราวเดียวกันด้วย พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 156 ในการเลิกหรือสั่งเลิกบริษัท ที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือศาล แล้วแต่กรณี ต้องแต่งตั้งและกำหนดค่าตอบแทนผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีในคราวเดียวกันด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '156'}]",ต้องแต่งตั้งและกำหนดค่าตอบแทนผู้ชำระบัญชีและผู้สอบบัญชีในคราวเดียวกันด้วย +ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่อะไรภายหลังได้รับการแต่งตั้ง,ภายใน 1 เดือนนับแต่วันได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้อง (1) แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้ที่ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2) แจ้งเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทชำระหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 162 ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้อง (1) แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้ที่ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2) แจ้งเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทชำระหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '162'}]",ภายใน 1 เดือนนับแต่วันได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้อง (1) แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้ที่ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2) แจ้งเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีและเอกสารของบริษัทชำระหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี +รับมรดกแทนที่ยังไง,สิทธิที่จะรับมรดกแทนที่กันนั้นได้เฉพาะแก่ผู้สืบสันดานโดยตรง ผู้บุพการีหาไม่มีสิทธิ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1643 สิทธิที่จะรับมรดกแทนที่กันนั้นได้เฉพาะแก่ผู้สืบสันดานโดยตรง ผู้บุพการีหามีสิทธิดังนั้นไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1643'}]",สิทธิที่จะรับมรดกแทนที่กันนั้นได้เฉพาะแก่ผู้สืบสันดานโดยตรง ผู้บุพการีหาไม่มีสิทธิ +องค์การรัฐบาลต้องเสียภาษีไหม,ต้องเสียภาษีในกรณีที่องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใด หรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น ภาษีที่เสียแทนตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี ประมวลรัษฎากร มาตรา 48 ทวิ ให้องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใด หรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น ภาษีที่เสียแทนตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '48 ทวิ'}]",ต้องเสียภาษีในกรณีที่องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใด หรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น +กิจการพาณิชย์คืออะไร,กิจการดังต่อไปนี้เป็นพาณิชยกิจตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้ (1) การซื้อ การขาย การขายทอดตลาด การแลกเปลี่ยน (2) การให้เช่า การให้เช่าซื้อ (3) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนค้าต่าง (4) การขนส่ง (5) การหัตถกรรม การอุตสาหกรรม (6) การรับจ้างทำของ (7) การให้กู้ยืมเงิน การรับจำนำ การรับจำนอง (8) การคลังสินค้า (9) การรับแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อ หรือขายตั๋วเงิน การธนาคาร การเครดิตฟองซิเอร์ การโพยก๊วน (10) การรับประกันภัย (11) กิจการอื่นซึ่งกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 6 ให้ถือกิจการดังต่อไปนี้เป็นพาณิชยกิจตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้ (1) การซื้อ การขาย การขายทอดตลาด การแลกเปลี่ยน (2) การให้เช่า การให้เช่าซื้อ (3) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนค้าต่าง (4) การขนส่ง (5) การหัตถกรรม การอุตสาหกรรม (6) การรับจ้างทำของ (7) การให้กู้ยืมเงิน การรับจำนำ การรับจำนอง (8) การคลังสินค้า (9) การรับแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อ หรือขายตั๋วเงิน การธนาคาร การเครดิตฟองซิเอร์ การโพยก๊วน (10) การรับประกันภัย (11) กิจการอื่นซึ่งกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '6'}]",กิจการดังต่อไปนี้เป็นพาณิชยกิจตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้ (1) การซื้อ การขาย การขายทอดตลาด การแลกเปลี่ยน (2) การให้เช่า การให้เช่าซื้อ (3) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนค้าต่าง (4) การขนส่ง (5) การหัตถกรรม การอุตสาหกรรม (6) การรับจ้างทำของ (7) การให้กู้ยืมเงิน การรับจำนำ การรับจำนอง (8) การคลังสินค้า (9) การรับแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อ หรือขายตั๋วเงิน การธนาคาร การเครดิตฟองซิเอร์ การโพยก๊วน (10) การรับประกันภัย (11) กิจการอื่นซึ่งกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +กรณีใดที่กองทรัสต์ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กองทรัสต์,ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ทรัสตีต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กองทรัสต์ ในกรณีที่มีความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควรเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ ทรัสตีอาจขอความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนที่จะจัดการกองทรัสต์เป็นอย่างอื่นให้ต่างไปจากที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ได้ และหากทรัสตีได้จัดการตามที่ได้รับความเห็นชอบนั้นด้วยความสุจริตและเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของกองทรัสต์แล้ว ทรัสตีไม่จำต้องรับผิด ในกรณีที่เป็นการจัดการกองทรัสต์ร่วมกันของทรัสตีหลายรายตามกฎหมาย ให้ทรัสตีทุกรายรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม โดยความรับผิดระหว่างทรัสตีด้วยกันเองมิ���ห้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ แต่ให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกันของทรัสตีนั้นเองและไม่ว่าจะตกลงกันไว้เช่นใด ทรัสตีรายที่พิสูจน์ได้ว่าตนได้คัดค้านหรือถูกกลฉ้อฉลในการไม่ปฏิบัติตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ ไม่จำต้องรับผิดต่อทรัสตีรายอื่น พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 43 ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ ทรัสตีต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กองทรัสต์ ในกรณีที่มีความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควรเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ ทรัสตีอาจขอความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนที่จะจัดการกองทรัสต์เป็นอย่างอื่นให้ต่างไปจากที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ได้ และหากทรัสตีได้จัดการตามที่ได้รับความเห็นชอบนั้นด้วยความสุจริตและเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของกองทรัสต์แล้ว ทรัสตีไม่จำต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่เป็นการจัดการกองทรัสต์ร่วมกันของทรัสตีหลายรายตามมาตรา 39 ให้ทรัสตีทุกรายรับผิดตามวรรคหนึ่งอย่างลูกหนี้ร่วม โดยความรับผิดระหว่างทรัสตีด้วยกันเองมิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ แต่ให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกันของทรัสตีนั้นเองและไม่ว่าจะตกลงกันไว้เช่นใด ทรัสตีรายที่พิสูจน์ได้ว่าตนได้คัดค้านหรือถูกกลฉ้อฉลในการไม่ปฏิบัติตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ ไม่จำต้องรับผิดต่อทรัสตีรายอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '43'}]",ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ทรัสตีต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กองทรัสต์ +ภาษีมูลค่าเพิ่มรัฐเป็นคนคิดให้ไหม,ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอากรประเมินที่ผู้ต้องต้องเสียภาษีอากรมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการประเมินตนเอง ประมวลรัษฎากร มาตรา 77 ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอากรประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77'}]",ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอากรประเมินที่ผู้ต้องต้องเสียภาษีอากรมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการประเมิน��นเอง +ธุรกิจหลักทรัพย์ที่ใช้กฎหมายเก่าอยู่จะต้องทำยังไงเมื่อมีกฎหมายใหม่ออก,ให้บรรดากฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง หรือประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ที่ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ บรรดาซึ่งยังใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีกฎกระทรวง ประกาศ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ออกใช้บังคับ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 328 ให้บรรดากฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง หรือประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ที่ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ บรรดาซึ่งยังใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีกฎกระทรวง ประกาศ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ออกใช้บังคับ การใดที่กฎกระทรวงและประกาศตามวรรคหนึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ยังคงเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป แล้วแต่กรณี จนกว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ก.ล.ต. และเลขาธิการแล้ว ให้อำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '328'}]",ให้บรรดากฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง หรือประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ที่ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ บรรดาซึ่งยังใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีกฎกระทรวง ประกาศ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ออกใช้บังคับ. +ใครมีหน้าที่แต่งตั้งนายทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับ (1) การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน (2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัดสำเนาเอกสารและค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับมูลนิธิรวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว (3) แบบบัตรประจำตัวของนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ (4) การดำเนินกิจการของมูลนิธิและการทะเบียนมูลนิธิ (5) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติในส่วนนี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามบทบัญญัติในส่วนนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับ (1) การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน (2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัดสำเนาเอกสารและค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับมูลนิธิรวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว (3) แบบบัตรประจำตัวของนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ (4) การดำเนินกิจการของมูลนิธิและการทะเบียนมูลนิธิ (5) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติในส่วนนี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '136'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียน +ใครมีอำนาจพิจารณาสนับสนุนเงินเข้าตลาดหลักทรัพย์,กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์หรือกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ และตลาดหลักทรัพย์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน คณะกรรมการกองทุนอาจพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์โดยอาจกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/6 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์หรือกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ และตลาดหลักทรัพย์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงิน���ากกองทุน คณะกรรมการกองทุนอาจพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์โดยอาจกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/6'}]",คณะกรรมการกองทุนอาจพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์ +สังหาริมทรัพย์ คืออะไร,สังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และหมายความรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 140 สังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และหมายความรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '140'}]",สังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และหมายความรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย +เบียดบังเอาทรัพย์บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีโทษไหม,กรณีที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของนิติบุคคลดังกล่าว หรือซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 308 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของนิติบุคคลดังกล่าว หรือซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '308'}]",ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +โดนผิดนัดจนต้องเรียกให้คนอื่นมาทำแทนแล้ว ทำอะไรได้ไหมกับคนที่ผิดนัด,ถ้าโดยเหตุผิดนัด การชำระหนี้กลายเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ และจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ก็ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 216 ถ้าโดยเหตุผิดนัด การชำระหนี้กลายเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ และจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '216'}]",เจ้าหนี้จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ และจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ก็ได้ +จ่ายปันผลคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ถือหลักทรัพย์ได้ไหม,ไม่ได้ กฎหมายห้ามมิให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนจ่ายเงินปันผลหรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นแก่บุคคลที่มิได้ลงทะเบียนเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ และในกรณีที่หลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหุ้น ห้ามมิให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนดังกล่าวยอมให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 194 ห้ามมิให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนจ่ายเงินปันผลหรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นแก่บุคคลที่มิได้ลงทะเบียนเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ และในกรณีที่หลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหุ้น ห้ามมิให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนดังกล่าวยอมให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '194'}]",ไม่ได้ +ถ้ายอมชำระเงินเพิ่มภาษีแล้วจะยังต้องรับผิดไหม,ถ้าจะต้องเสียเงินเพิ่มภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรและบุคคลนั้นยินยอมและชำระเงินเพิ่มภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันคุ้มบุคคลนั้นมิให้ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากร ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 ตรี บุคคลใดจะต้องเสียเงินเพิ่มภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ และบุคคลนั้นยินยอมและชำระเงินเพิ่มภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันคุ้มบุคคลนั้นมิให้ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ตรี'}]",ให้ถือว่าเป็นอันคุ้มบุคคลนั้นมิให้รับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากร +ลูกจ้างทำความผิดตามหน้าที่ที่นายจ้างสั่ง นายจ้างต้องรับผิดด้วยไหม,นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '425'}]",นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น +ต้องทำบัญชีมรดกไหมถ้าศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกเป็นการเฉพาะ,เมื่อศาลตั้งให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อการใดโดยเฉพาะ ผู้นั้นไม่จำต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก เว้นแต่จะจำเป็นเพื่อการนั้น หรือศาลสั่งให้ทำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1714 เมื่อศาลตั้งให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อการใดโดยเฉพาะ ผู้นั้นไม่จำต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก เว้นแต่จะจำเป็นเพื่อการนั้น หรือศาลสั่งให้ทำ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1714'}]",ไม่จำต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก เว้นแต่จะจำเป็นเพื่อการนั้น หรือศาลสั่งให้ทำ +ทรัพย์สินระหว่างสมรสที่ไม่ได้ทำข้อตกลงไว้มีผลยังไง,ถ้าสามีภริยามิได้ทำสัญญากันไว้ในเรื่องทรัพย์สินเป็นพิเศษก่อนสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในเรื่องทรัพย์สินนั้น ให้บังคับตามกฎหมาย ถ้าข้อความใดในสัญญาก่อนสมรสขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือระบุให้ใช้กฎหมายประเทศอื่นบังคับเรื่องทรัพย์สินนั้น ข้อความนั้น ๆ เป็นโมฆะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1465 ถ้าสามีภริยามิได้ทำสัญญากันไว้ในเรื่องทรัพย์สินเป็นพิเศษก่อนสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในเรื่องทรัพย์สินนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติในหมวดนี้ ถ้าข้อความใดในสัญญาก่อนสมรสขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือระบุให้ใช้กฎหมายประเทศอื่นบังคับเรื่องทรัพย์สินนั้น ข้อความนั้น ๆ เป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1465'}]",ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในเรื่องทรัพย์สินนั้น ให้บังคับตามกฎหมาย +เป็นทายาทตามพินัยกรรมรับมรดกแทนที่ได้ไหม,การรับมรดกแทนที่กันนั้น ให้ใช้บังคับแต่ในระหว่างทายาทโดยธรรม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1642 การรับมรดกแทนที่กันนั้น ให้ใช้บังคั��แต่ในระหว่างทายาทโดยธรรม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1642'}]",ไม่สามารถรับมรดกแทนที่ได้ เนื่องจากการรับมรดกแทนที่กันนั้นใช้บังคับแต่ในระหว่างทายาทโดยธรรม. +การใช้สิทธิที่ตนมีนั้นมีข้อจำกัดไหม,ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '5'}]",บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต +โทษเมื่อไม่เสียอากรแสตมป์,ผู้ใดมีหน้าที่เสียอากร หรือขีดฆ่าแสตมป์ เพิกเฉยหรือปฏิเสธไม่เสียอากร หรือไม่ขีดฆ่าแสตมป์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ประมวลรัษฎากร มาตรา 124 ผู้ใดมีหน้าที่เสียอากร หรือขีดฆ่าแสตมป์ เพิกเฉยหรือปฏิเสธไม่เสียอากร หรือไม่ขีดฆ่าแสตมป์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '124'}]",ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท +จดทะเบียนพาณิชย์ต้องมีรายการอะไรบ้าง,การจดทะเบียนพาณิชย์นั้น ให้มีรายการ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (2) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ (3) ชนิดแห่งพาณิชยกิจ (4) จำนวนเงินทุนซึ่งนำมาใช้ในการประกอบพาณิชยกิจเป็นประจำ (5) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ สาขา โรงเก็บสินค้า และตัวแทนค้าต่าง (6) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ตำบลที่อยู่ และจำนวนทุนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน และจำนวนเงินทุนของห้างหุ้นส่วน (7) จำนวนเงินทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทจำกัด จำนวน และมูลค่าหุ้นที่บุคคลแต่ละสัญชาติถืออยู่ (8) วันที่เริ่มต้นประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย (9) วันขอจดทะเบียนพาณิชย์ (10) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ ชื่อ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้โอนพาณิชยกิจให้ วันที่ และเหตุที่ได้รับโอน พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 12 การจดทะเบียนพาณิชย์นั้น ให้มีรายการ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (2) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ (3) ชนิดแห่งพาณิชยกิจ (4) จำนวนเงินทุนซึ่งนำมาใช้ในการประกอบพาณิชยกิจเป็นประจำ (5) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ สาขา โรงเก็บสินค้า และตัวแทนค้าต่าง (6) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ตำบลที่อยู่ และจำนวนทุนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน และจำนวนเงินทุนของห้างหุ้นส่วน (7) จำนวนเงินทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทจำกัด จำนวน และมูลค่าหุ้นที่บุคคลแต่ละสัญชาติถืออยู่ (8) วันที่เริ่มต้นประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย (9) วันขอจดทะเบียนพาณิชย์ (10) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ ชื่อ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้โอนพาณิชยกิจให้ วันที่ และเหตุที่ได้รับโอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '12'}]",การจดทะเบียนพาณิชย์นั้น ให้มีรายการ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (2) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ (3) ชนิดแห่งพาณิชยกิจ (4) จำนวนเงินทุนซึ่งนำมาใช้ในการประกอบพาณิชยกิจเป็นประจำ (5) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ สาขา โรงเก็บสินค้า และตัวแทนค้าต่าง (6) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ตำบลที่อยู่ และจำนวนทุนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน และจำนวนเงินทุนของห้างหุ้นส่วน (7) จำนวนเงินทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทจำกัด จำนวน และมูลค่าหุ้นที่บุคคลแต่ละสัญชาติถืออยู่ (8) วันที่เริ่มต้นประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย (9) วันขอจดทะเบียนพาณิชย์ (10) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ ชื่อ สัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้โอนพาณิชยกิจให้ วันที่ และเหตุที่ได้รับโอน +ผู้ถือหุ้นเรียกบริษัทมหาชนจำกัดประชุมผู้ถือหุ้นได้ไหม,เมื่อมีเหตุอันสมควร ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้น และขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นถอดถอนผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งไว้แล้วและแต่งตั้งผู้อื่นแทนเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้าผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีนั้นเป็นผู้ซึ่งศาลเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งจะร้องขอให้ศาลถอดถอนก็ได้ เมื่อผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งร้องขอและนายทะเบียนเห็นว่าผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ นายทะเบียนจะร้องขอให้ศาลถอดถอน���ู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชี และแต่งตั้งผู้อื่นแทนเมื่อใดก็ได้ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 164 เมื่อมีเหตุอันสมควร ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้น และขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นถอดถอนผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งไว้แล้วและแต่งตั้งผู้อื่นแทนเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้าผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีนั้นเป็นผู้ซึ่งศาลเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งจะร้องขอให้ศาลถอดถอนก็ได้ เมื่อผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งร้องขอและนายทะเบียนเห็นว่าผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชีไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ นายทะเบียนจะร้องขอให้ศาลถอดถอนผู้ชำระบัญชีหรือผู้สอบบัญชี และแต่งตั้งผู้อื่นแทนเมื่อใดก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '164'}]",ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้เมื่อมีเหตุอันสมควร. +ผู้รับหลักประกันไม่ยกเลิกการจดทะเบียนหลักประกันภายในระยะเวลาที่กำหนดเมื่อมีหนังสือตกลงกันให้ยกเลิกแล้วมีความผิดไหม,มีความผิดตามกฎหมาย เป็นความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 85 ผู้ให้หลักประกันผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '85'}]",มีความผิดตามกฎหมาย เป็นความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท +ตัวแทนทำเกินอำนาจตัวเองแต่มีเหตุให้บุคคลภายนอกเชื่อว่ากอยู่นนอำนาจของตัวแทน ตัวการต้องรับผิดในการกระทำนั้นไหม,ถ้ารู้และยอมให้แสดงเป็นตัวแทนของตน ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลนั้นเป็นตัวแทนของตน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 ถ้าตัวแทนทำการอันใดเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทนไซ���้ ท่านให้ใช้บทบัญญัติมาตราก่อนนี้เป็นบทบังคับ แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '822'}]",ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลนั้นเป็นตัวแทนของตน +ผู้ชำระบัญชีไม่ทำหน้าที่ตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดมีความผิดทางพินัยไหม,ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่กระทำตามมาตรา 1253 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินแปดหมื่นบาท พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 32 ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่กระทำตามมาตรา 1253 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินแปดหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '32'}]",ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่กระทำตามมาตรา 1253 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินแปดหมื่นบาท +ตั๋วเงินถูกคัดค้านไม่รับรองก่อนสลักหลัง ผู้รับสลักหลังมีสิทธิอย่างไร,ถ้าตั๋วเงินได้มีคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินมาแต่ก่อนสลักหลัง ผู้รับสลักหลังย่อมได้ไปแต่เพียงสิทธิของผู้ซึ่งสลักหลังให้แก่ตนอันมีต่อผู้รับรองต่อผู้สั่งจ่าย และต่อบรรดาผู้ที่สลักหลังตั๋วเงินนั้นมาก่อนย้อนขึ้นไปจนถึงเวลาคัดค้านเท่านั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 924 ถ้าตั๋วแลกเงินสลักหลังต่อเมื่อสิ้นเวลาเพื่อคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินนั้นแล้วไซร้ ท่านว่าผู้รับสลักหลังย่อมได้ไปซึ่งสิทธิแห่งการรับรองตามแต่มีต่อผู้จ่าย กับสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บรรดาผู้ซึ่งสลักหลังตั๋วเงินนั้นภายหลังที่สิ้นเวลาเช่นนั้น แต่ถ้าตั๋วเงินนั้นได้มีคัดค้านการไม่รับรองหรือการไม่ใช้เงินมาแต่ก่อนสลักหลังแล้วไซร้ ท่านว่าผู้รับสลักหลังย่อมได้ไปแต่เพียงสิท���ิของผู้ซึ่งสลักหลังให้แก่ตนอันมีต่อผู้รับรองต่อผู้สั่งจ่าย และต่อบรรดาผู้ที่สลักหลังตั๋วเงินนั้นมาก่อนย้อนขึ้นไปจนถึงเวลาคัดค้านเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '924'}]",ผู้รับสลักหลังย่อมได้ไปแต่เพียงสิทธิของผู้ซึ่งสลักหลังให้แก่ตนอันมีต่อผู้รับรองต่อผู้สั่งจ่าย และต่อบรรดาผู้ที่สลักหลังตั๋วเงินนั้นมาก่อนย้อนขึ้นไปจนถึงเวลาคัดค้านเท่านั้น +บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นส่วนไหม,ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเมื่อได้จดทะเบียนตามบัญญัติแห่งลักษณะนี้แล้วจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1015 ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเมื่อได้จดทะเบียนตามบัญญัติแห่งลักษณะนี้แล้ว ท่านจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1015'}]",บริษัทจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น +ความผิดทางพินัยของผู้ชำระบัญชีที่ไม่ขอให้ศาลสั่งให้ล้มละลายเมื่อสินทรัพย์ไม่พอชำระหนี้,ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่ร้องขอต่อศาลตามกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 34 ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่ร้องขอต่อศาลตามมาตรา 1266 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '34'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท +อำนาจปกครองสิทธิสิ้นสุดเมื่อใด,ความปกครองสิ้นสุดลงเมื่อผู้อยู่ในปกครองตายหรือบรรลุนิต��ภาวะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/6 ความปกครองสิ้นสุดลงเมื่อผู้อยู่ในปกครองตายหรือบรรลุนิติภาวะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/6'}]",ความปกครองสิ้นสุดลงเมื่อผู้อยู่ในปกครองตายหรือบรรลุนิติภาวะ +สัญญาตัวแทนคืออะไร,สัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ย่อมได้ กิจการอันใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย กิจการอันใดท่านบังคับไว้ว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ย่อมได้ มาตร 798 กิจการอันใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย กิจการอันใดท่านบังคับไว้ว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '797'}]",สัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ย่อมได้. +แต่งงานกับคนใหม่ขณะที่ยังไม่หย่าคนเดิมได้ไหม,ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1452'}]",ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้ +ผลของการแก้ไขข้อความในตั๋วเงินที่ไม่ได้รับการยินยอม,ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่���นแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินไม่ได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ตั๋วเงินนั้นเป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง แต่หากตั๋วเงินใดได้มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ ผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่าไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วนั้นก็ได้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ คือ (1) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใด ๆ แก่วันที่ลง จำนวนเงินอันจะพึงใช้ เวลาใช้เงิน สถานที่ใช้เงิน (2) เมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงิน ไปเติมความระบุสถานที่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองไม่ได้ยินยอมด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1007 ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ท่านว่าตั๋วเงินนั้นก็เป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง แต่หากตั๋วเงินใดได้มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่ามิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วนั้นก็ได้ กล่าวโดยเฉพาะ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ คือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใด ๆ แก่วันที่ลง จำนวนเงินอันจะพึงใช้ เวลาใช้เงิน สถานที่ใช้เงิน กับทั้งเมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงิน ไปเติมความระบุสถาน���ี่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองมิได้ยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1007'}]",ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินไม่ได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ตั๋วเงินนั้นเป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง แต่หากตั๋วเงินใดได้มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ ผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่าไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วนั้นก็ได้. +ผลของการเปลี่ยนแปลงข้อสำคัญในตั๋วเงิน,ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ตั๋วเงินนั้นเป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง แต่หากตั๋วเงินใดได้มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ท่านว่าผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่ามิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วนั้นก็ได้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ คือ (1) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใด ๆ แก่วันที่ลง จำนวนเงินอันจะพึงใช้ เวลาใช้เงิน สถานที่ใช้เงิ (2) เมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงิน ไปเติมความระบุสถานที่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองมิได้ยินยอมด้วย ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋ว���งินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ท่านว่าตั๋วเงินนั้นก็เป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง แต่หากตั๋วเงินใดได้มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่ามิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วนั้นก็ได้ กล่าวโดยเฉพาะ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ คือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใด ๆ แก่วันที่ลง จำนวนเงินอันจะพึงใช้ เวลาใช้เงิน สถานที่ใช้เงิน กับทั้งเมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงิน ไปเติมความระบุสถานที่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองมิได้ยินยอมด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1698'}]",ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด หรือในคำรับรองตั๋วเงินรายใด มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ตั๋วเงินนั้นเป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง. +บุริมสิทธิสังหาริมทรัพย์คืออะไร,บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพย์นั้น คือสิทธิสำหรับเอาราคาซื้อขายและดอกเบี้ยในราคาที่มีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 270 บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพย์นั้น ใช้สำหรับเอาราคาซื้อขายและดอกเบี้ยในราคานั้น และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์อันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '270'}]",บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพย์นั้น คือสิทธิสำหรับเอาราคาซื้อขายและดอกเบี้ยในราคาที่มีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์นั้น +เกณฑ์การขอให้ก.ล.ต. ตรวจสอบข้อมูลการทำผิดกฎหมายของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,เมื่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด��วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกันของต่างประเทศร้องขอ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจให้ความช่วยเหลือในการรวบรวมหรือตรวจสอบข้อมูลหรือพยานหลักฐานที่จำเป็นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกันของประเทศผู้ร้องขอ ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) การให้ความช่วยเหลือนั้นต้องไม่ขัดต่อประโยชน์สาธารณชนหรือการรักษาความลับของประเทศ (2) การกระทำซึ่งเป็นมูลกรณีของความช่วยเหลือนั้นเข้าลักษณะประเภทความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (3) หน่วยงานต่างประเทศที่ร้องขอความช่วยเหลือตกลงหรือยินยอมที่จะให้ความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันเป็นการตอบแทนหากได้รับคำร้องขอจากสำนักงาน ก.ล.ต. พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 105 เมื่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกันของต่างประเทศร้องขอ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจให้ความช่วยเหลือในการรวบรวมหรือตรวจสอบข้อมูลหรือพยานหลักฐานที่จำเป็นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกันของประเทศผู้ร้องขอ ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) การให้ความช่วยเหลือนั้นต้องไม่ขัดต่อประโยชน์สาธารณชนหรือการรักษาความลับของประเทศ (2) การกระทำซึ่งเป็นมูลกรณีของความช่วยเหลือนั้นเข้าลักษณะประเภทความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (3) หน่วยงานต่างประเทศที่ร้องขอความช่วยเหลือตกลงหรือยินยอมที่จะให้ความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันเป็นการตอบแทนหากได้รับคำร้องขอจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้นำความในมาตรา 103 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '105'}]",(1) การให้ความช่วยเหลือนั้นต้องไม่ขัดต่อประโยชน์สาธารณชนหรือการรักษาความลับของประเทศ (2) การกระทำซึ่งเป็นมูลกรณีของความช่วยเหลือนั้นเข้าลักษณะประเภทความผิดตามพระราชบัญญัติ��ี้ (3) หน่วยงานต่างประเทศที่ร้องขอความช่วยเหลือตกลงหรือยินยอมที่จะให้ความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันเป็นการตอบแทนหากได้รับคำร้องขอจากสำนักงาน ก.ล.ต. +ไม่ไปตามคำสั่งนายทะเบียนสมาคมการค้าที่เรียกตัวได้ไหม,ไม่ได้ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 46 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 17 หรือมาตรา 24 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 25 วรรคสี่ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '46'}]",ไม่ได้ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท +ต้องรับผิดในเงินที่ขาดจากทรัพย์หลุดจำนองไหม,ถ้าเอาทรัพย์จำนองหลุดและราคาทรัพย์สินนั้นมีประมาณต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ก็ดี หรือถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่นั้นก็ดี เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ถ้าเอาทรัพย์จำนองหลุดและราคาทรัพย์สินนั้นมีประมาณต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ก็ดี หรือถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่นั้นก็ดี เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '733'}]",ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น +นำกิจการเป็นหลักประกันได้ไหม,ได้ ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน ให้คู่สัญญาตกลงกันเลือกผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้บังคับหลักประกัน ผู้รับใบอนุญาตซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันต้องมีหนังสือแจ้งให้คู่สัญญาทราบ พร้อมทั้งระบุอัตราหรือจำนวนค่าตอบแทนในการดำเนินการไว้ด้วย พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 12 ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน ให้คู่สัญญาตกลงกันเลือกผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้บังคับหลักประกัน ผู้ร���บใบอนุญาตซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันต้องมีหนังสือแจ้งให้คู่สัญญาทราบ พร้อมทั้งระบุอัตราหรือจำนวนค่าตอบแทนในการดำเนินการไว้ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '12'}]",ได้ ในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน ให้คู่สัญญาตกลงกันเลือกผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้บังคับหลักประกัน. +ภูมิลำเนาคนทั่วไปคือที่ไหน,ภูมิลำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่ถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 37 ภูมิลำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่ถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '37'}]",ถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ +ดูยังไงว่าจำนองสามารถไถ่ถอนได้ด้วยเงิน,เมื่อเจ้าหนี้ทั้งหลายได้สนองรับคำเสนอไถ่ถอนทั่วทุกคนแล้ว โดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ดี จำนองหรือบุริมสิทธิสามารถไถ่ถอนได้ด้วยผู้รับโอนใช้เงิน หรือวางเงินตามจำนวนที่เสนอจะใช้แทนการชำระหนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 741 เมื่อเจ้าหนี้ทั้งหลายได้สนองรับคำเสนอทั่วทุกคนแล้ว โดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ดี ท่านว่าจำนองหรือบุริมสิทธิก็เป็นอันไถ่ถอนได้ด้วยผู้รับโอนใช้เงิน หรือวางเงินตามจำนวนที่เสนอจะใช้แทนการชำระหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '741'}]",เมื่อเจ้าหนี้ทั้งหลายได้สนองรับคำเสนอไถ่ถอนทั่วทุกคนแล้ว โดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ดี จำนองหรือบุริมสิทธิสามารถไถ่ถอนได้ด้วยผู้รับโอนใช้เงิน หรือวางเงินตามจำนวนที่เสนอจะใช้แทนการชำระหนี้ +เมื่อออกหุ้นกู้ บริษัทมีหน้าที่อะไรอีก,บริษัทที่ออกหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ตามกฎหมาย จัดให้มีทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 50 ให้บริษัทที่ออกหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ตามมาตรา 33 จัดให้มีทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พ��ะราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '50'}]",บริษัทที่ออกหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ตามกฎหมาย จัดให้มีทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด +คุณสมบัติคนต่างด้าวที่สามารถประกอบธุรกิจในไทยได้,คนต่างด้าว จะประกอบธุรกิจได้เมื่อได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี และจะประกอบธุรกิจได้เฉพาะประเภทธุรกิจและในท้องที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในประกาศดังกล่าวรัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดไว้ก็ได้ตามที่เห็นสมควร (1) คนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักร แต่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติหรือตามกฎหมายอื่น (2) คนต่างด้าวโดยผลของการถูกถอนสัญชาติตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติหรือตามกฎหมายอื่น การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และระยะเวลาการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่อธิบดีไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ คนต่างด้าวนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 7 คนต่างด้าวต่อไปนี้ จะประกอบธุรกิจได้เมื่อได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี และจะประกอบธุรกิจได้เฉพาะประเภทธุรกิจและในท้องที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในประกาศดังกล่าวรัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดไว้ก็ได้ตามที่เห็นสมควร (1) คนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักร แต่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติหรือตามกฎหมายอื่น (2) คนต่างด้าวโดยผลของการถูกถอนสัญชาติตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติหรือตามกฎหมายอื่น การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และระยะเวลาการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่อธิบดีไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งประกอบธุรกิจ คนต่างด้าวนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ และให้นำความในมาตรา 20 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '7'}]",คนต่างด���าวจะประกอบธุรกิจได้เมื่อได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี และจะประกอบธุรกิจได้เฉพาะประเภทธุรกิจและในท้องที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยเฉพาะ (1) คนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักร แต่ไม่ได้รับสัญชาติไทย (2) คนต่างด้าวที่ถูกถอนสัญชาติตามกฎหมาย. +เรียกประชุมวิสามัญได้เมื่อใด,กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร ถ้าบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการต้องเรียกประชุมวิสามัญทันทีเพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบการที่ขาดทุนนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1172 กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร ถ้าบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการต้องเรียกประชุมวิสามัญทันทีเพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบการที่ขาดทุนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1172'}]",กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร ถ้าบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการต้องเรียกประชุมวิสามัญทันทีเพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบการที่ขาดทุนนั้น +งบดุลต้องมีผู้สอบบัญชีกี่คน,งบดุลต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคน 1 หรือหลายคนตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายใน 4 เดือนนับแต่วันที่ลงในงบดุลนั้น อนึ่ง ให้ส่งสำเนางบดุลไปยังบุคคลทุกคนบรรดามีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่ก่อนวันนัดประชุมใหญ่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน นอกจากนั้นให้มีสำเนางบดุลเปิดเผยไว้ในสำนักงานของบริษัทในระหว่างเวลาเช่นว่านั้น เพื่อให้ผู้ทรงใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือนั้นตรวจดูได้ด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1197 งบดุลนั้นต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคนตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ลงในงบดุลนั้น อนึ่ง ให้ส่งสำเนางบดุลไปยังบุคคลทุกคนบรรดามีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่ก่อนวันนัดประชุมใหญ่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน นอกจากนั้นให้มีสำเนางบดุลเปิดเผยไว้ในสำนักงานของบริษัทในระหว่างเวลาเช่นว่านั้น เพื่อให้ผู้ทรงใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือนั้นตรวจดูได้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1197'}]",ผู้สอบบัญชีคน 1 หร���อหลายคน +หนี้ระหว่างสมรสคืออะไร,หนี้ระหว่างสมรสคือหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส ดังต่อไปนี้ (1) หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ (2) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส (3) หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน (4) หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส ดังต่อไปนี้ (1) หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ (2) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส (3) หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน (4) หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1490'}]",หนี้ระหว่างสมรสคือหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส ดังต่อไปนี้ (1) หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ (2) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส (3) หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน (4) หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน +ขอดูพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองที่คนอื่นทำได้ไหม,พินัยกรรมซึ่งได้ทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับนั้น กรมการอำเภอจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่ และผู้ทำพินัยกรรมจะเรียกให้กรมการอำเภอส่งมอบพินัยกรรมนั้นแก่ตนในเวลาใด ๆ กรมการอำเภอจำต้องส่งมอบให้ ถ้าพินัยกรรม��ั้นทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมือง ก่อนส่งมอบพินัยกรรม ให้กรมการอำเภอคัดสำเนาพินัยกรรมไว้แล้วลงลายมือชื่อประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ สำเนาพินัยกรรมนั้นจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1662 พินัยกรรมซึ่งได้ทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับนั้น กรมการอำเภอจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่ และผู้ทำพินัยกรรมจะเรียกให้กรมการอำเภอส่งมอบพินัยกรรมนั้นแก่ตนในเวลาใด ๆ กรมการอำเภอจำต้องส่งมอบให้ ถ้าพินัยกรรมนั้นทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมือง ก่อนส่งมอบพินัยกรรม ให้กรมการอำเภอคัดสำเนาพินัยกรรมไว้แล้วลงลายมือชื่อประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ สำเนาพินัยกรรมนั้นจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1662'}]",พินัยกรรมซึ่งได้ทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับนั้น กรมการอำเภอจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่. +ถ้าต้องเรียกประชุมวิสามัญแต่กรรมการบริษัทไม่เรียกประชุม มีความผิดไหม,กรรมการใดของบริษัทจำกัดไม่เรียกประชุมวิสามัญตามกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 27 กรรมการใดของบริษัทจำกัดไม่เรียกประชุมวิสามัญตามมาตรา 1172 วรรคสอง หรือมาตรา 1174 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '27'}]",กรรมการใดของบริษัทจำกัดไม่เรียกประชุมวิสามัญตามกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +แฟนป่วยติดเตียงไม่สามารถเดินทางได้แต่อยากสมรสต้องทำยังไง,เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่อาจทำการจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนได้เพราะชายหรือหญิ��ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรืออยู่ในภาวะการรบหรือสงคราม ถ้าชายและหญิงนั้นได้แสดงเจตนาจะสมรสกันต่อหน้าบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะที่อยู่ ณ ที่นั้น แล้วให้บุคคลดังกล่าวจดแจ้งการแสดงเจตนาขอทำการสมรสของชายและหญิงนั้นไว้เป็นหลักฐาน และต่อมาชายหญิงได้จดทะเบียนสมรสกันภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่อาจทำการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนได้ โดยแสดงหลักฐานต่อนายทะเบียนและให้นายทะเบียนจดแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่แสดงเจตนาขอทำการสมรส และพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ในทะเบียนสมรส ให้ถือว่าวันแสดงเจตนาขอทำการสมรสต่อบุคคลดังกล่าวเป็นวันจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนแล้ว แต่ไม่ให้ใช้บังคับถ้าหากจะมีการสมรสในวันแสดงเจตนาขอทำการสมรส การสมรสนั้นจะตกเป็นโมฆะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1460 เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่อาจทำการจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนได้เพราะชายหรือหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรืออยู่ในภาวะการรบหรือสงคราม ถ้าชายและหญิงนั้นได้แสดงเจตนาจะสมรสกันต่อหน้าบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะที่อยู่ ณ ที่นั้น แล้วให้บุคคลดังกล่าวจดแจ้งการแสดงเจตนาขอทำการสมรสของชายและหญิงนั้นไว้เป็นหลักฐาน และต่อมาชายหญิงได้จดทะเบียนสมรสกันภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่อาจทำการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนได้ โดยแสดงหลักฐานต่อนายทะเบียนและให้นายทะเบียนจดแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่แสดงเจตนาขอทำการสมรส และพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ในทะเบียนสมรส ให้ถือว่าวันแสดงเจตนาขอทำการสมรสต่อบุคคลดังกล่าวเป็นวันจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนแล้ว ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับถ้าหากจะมีการสมรสในวันแสดงเจตนาขอทำการสมรส การสมรสนั้นจะตกเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1460'}]",เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่อาจทำการจดทะเบียนสมรสได้ ให้ชายและหญิงแสดงเจตนาจะสมรสกันต่อหน้าบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ และให้บุคคลนั้นจดแจ้งการแสดงเจตนาขอทำการสมรสไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจดทะเบียนสมรสภายใน 90 วัน โดยแสดงหลักฐานต่อนายทะเบียน. +กรณีลูกหนี้รับสภาพความผิดโดยมีหลักฐ��นเป็นหนังสือหรือให้ประกันมีอายุความสิทธิเรียกร้องเท่าใด,กรณีลูกนี้รับสภาพความผิดโยมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือให้ประกันมีอายุความสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/28 วรรคสอง คือ 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสารภาพความรับผิดหรือให้รปะกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35 มาตรา 193/35 ต้องอยู่ใต้บังคับ(ต้องทำตาม) มาตรา 193/27 ก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/35'}]",2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสารภาพความรับผิดหรือให้ประกัน +ผู้เสียภาษีอากรเเละผู้ขีดฆ่ามีหน้าที่ใด,ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรเเละผู้มีหน้าที่ขีดฆ่ามีหน้าที่ ดังนี้ 1 มีหน้าที่เป็นไปตามบัญชีท้ายประมวลรัษฎากร ประมวลรัษฎากร มาตรา 107 ข้อยกเว้นกรณีต่าง ๆ กรณีผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าเขียนหนังสือไม่เป็น ผล ให้ผู้อื่นเขียนวัน เดือน ปีแทนก็ได้ กรณีผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าไม่ยอมขีดฆ่า หรือไม่มีตัวอยู่ที่จะทำการขีดฆ่าได้ ผล ให้ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้ ข้อยกเว้นมาตรา 107 เว้นแต่ที่บัญญัติในมาตรา 111(มาตรา 111 จะไม่ถูกปรับใช้กับมาตรา 107),"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '107'}]",ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรเเละผู้มีหน้าที่ขีดฆ่ามีหน้าที่ ดังนี้ 1 มีหน้าที่เป็นไปตามบัญชีท้ายประมวลรัษฎากร ประมวลรัษฎากร มาตรา 107 ข้อยกเว้นกรณีต่าง ๆ กรณีผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าเขียนหนังสือไม่เป็น ผล ให้ผู้อื่นเขียนวัน เดือน ปีแทนก็ได้ กรณีผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าไม่ยอมขีดฆ่า หรือไม่มีตัวอยู่ที่จะทำการขีดฆ่าได้ ผล ให้ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้. +ข้อห้ามการวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์มีอะไรบ้าง,ห้ามวิเคราะห์กรณี ดังต่อไปนี้ 1 ฐานะทางการเงิน 2 ผลการดำเนินงาน 3 ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ 4 ข้อมูลอื่นใด ของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ห้ามนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือข้อมูลไม่ครบถ้วน มากระทำ ดังต่อไปนี้ 1 อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ 2 คาดการณ์ 3 ละเลยที่จะพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว 4 บิดเบือนข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ ได้เปิดเผยหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์หรือคาดการณ์นั้นต่อประชาชนโดยประการที่น่าจะมีผลกระทบต่อ��าคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '241'}]",ห้ามวิเคราะห์กรณี ดังต่อไปนี้ 1 ฐานะทางการเงิน 2 ผลการดำเนินงาน 3 ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ 4 ข้อมูลอื่นใด ของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ห้ามนำข้อมูลที่รู้ว่าเป็นเท็จหรือข้อมูลไม่ครบถ้วน มากระทำ ดังต่อไปนี้ 1 อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ 2 คาดการณ์ 3 ละเลยที่จะพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว 4 บิดเบือนข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ +บุคคลใดที่สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินได้,บุคคลดังนี้ สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนทรัพย์สินได้ 1 ผู้ซื้อเดิม หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ 2 ผู้รับโอนทรัพย์สิน หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น ข้อยกเว้นข้อ 2 กรณีเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอน ว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '498'}]",บุคคลดังนี้ สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนทรัพย์สินได้ 1 ผู้ซื้อเดิม หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ 2 ผู้รับโอนทรัพย์สิน หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น +กิจการร่วมค้าใดไม่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543,กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากรที่เริ่มประกอบกิจการอยู่ก่อน พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 เริ่มใช้บังคับ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 44 ข้อยกเว้น จนกว่ารอบระยะเวลาบัญชีเริ่มใหม่หลังจากวันที่ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ใช้บังคับแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '44'}]",กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากรที่เริ่มประกอบกิจการอยู่ก่อน พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 เริ่มใช้บังคับ +ศูนย์บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตหรือไม่,ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น บุคคลใดไม่สามารถให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '209'}]",ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น +สมาคมการค้าเป็นนิติบุคคลหรือไม่,สมาคมการค้าเป็นนติบุคคลเมื่อ จดทะเบียนและได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัต���สมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '11'}]",สมาคมการค้าเป็นนิติบุคคลเมื่อ จดทะเบียนและได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น +การฟ้องคดีขอรับเด็กเป็นบุตรต้องทำโดยผู้ใด,1 กรณีเด็กเป็นผู้เยาว์ 1.1 เด็กมีอายุยังไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ 1.1.1 ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผู้ฟ้องแทน 1.1.2 ในกรณีที่เด็กไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือมีแต่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ญาติสนิทของเด็กหรืออัยการอาจร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็กก็ได้ 1.2 เด็กมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ เด็กต้องฟ้องเอง ทั้งนี้ โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม 2 กรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันบรรลุนิติภาวะ 3 กรณีที่เด็กตายในระหว่างที่เด็กนั้นยังมีสิทธิฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรอยู่ ผู้สืบสันดานของเด็กจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรก็ได้ 3.1 ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรมาก่อนวันที่เด็กนั้นตาย ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย 3.2 ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรภายหลังที่เด็กนั้นตาย ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รู้เหตุดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ต้องไม่พ้น 10 ปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่ผู้สืบสันดานของเด็กเป็นผู้เยาว์ ให้นำกรณีข้อ 1 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1556'}]",1. กรณีเด็กเป็นผู้เยาว์: 1.1 เด็กมีอายุยังไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์: ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผู้ฟ้องแทน หรือญาติสนิทของเด็กหรืออัยการร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดี 1.2 เด็กมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์: เด็กต้องฟ้องเอง 2. กรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว: ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันบรรลุนิติภาวะ 3. กรณีที่เด็กตาย: ผู้สืบสันดานของเด็กสามารถฟ้องได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เด็กตาย หรือ 1 ปีนับแต่วันที่รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตร. +ผู้ทรงตั๋วเงินไล่เบี้ยใครและในกรณีใดได้บ้าง,ผู้ทรงตั๋วแลกเงินสามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยแก่บุคคล ดังนี้ 1 บรรดาผู้สลักหลัง 2 ผู้สั่งจ่าย 3 บุคคลอื่น ๆ ซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้นก็ได้ โดยมีกรณีดังนี้ที่ใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ 1 เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดในกรณีผู้จ่ายไม่ใช้เงิน 2 ไล่เบี้ยได้แม้ทั้งตั๋วเงินยังไม่ถึงกำหนด ในกรณีดังนี้ 2.1 ผู้จ่ายบอกปัดไม่รับรองตั๋วเงิน 2.2 ผู้จ่ายตกเป็นคนล้มละลาย(แม้จะรับรองหรือไม่รับรองตั๋วก็ตาม) หรือได้งดเว้นการใช้หนี้ แม้การงดเว้นใช้หนี้นั้นจะมิได้มีคำพิพากษาเป็นหลักฐานก็ตาม หรือถ้าผู้จ่ายถูกยึดทรัพย์และการยึดทรัพย์นั้นไร้ผล 2.3 ถ้าผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินชนิดไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดรับรองนั้นตกเป็นคนล้มละลาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '959'}]",ผู้ทรงตั๋วแลกเงินสามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยแก่บุคคล ดังนี้ 1 บรรดาผู้สลักหลัง 2 ผู้สั่งจ่าย 3 บุคคลอื่น ๆ ซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้นก็ได้ โดยมีกรณีดังนี้ที่ใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ 1 เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดในกรณีผู้จ่ายไม่ใช้เงิน 2 ไล่เบี้ยได้แม้ทั้งตั๋วเงินยังไม่ถึงกำหนด ในกรณีดังนี้ 2.1 ผู้จ่ายบอกปัดไม่รับรองตั๋วเงิน 2.2 ผู้จ่ายตกเป็นคนล้มละลาย(แม้จะรับรองหรือไม่รับรองตั๋วก็ตาม) หรือได้งดเว้นการใช้หนี้ แม้การงดเว้นใช้หนี้นั้นจะมิได้มีคำพิพากษาเป็นหลักฐานก็ตาม หรือถ้าผู้จ่ายถูกยึดทรัพย์และการยึดทรัพย์นั้นไร้ผล 2.3 ถ้าผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินชนิดไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดรับรองนั้นตกเป็นคนล้มละลาย +นักบัญชีต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการจรรยาบรรณตามมาตราใดบ้าง,"นักบัญชีต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการจรรยาบรรณตามมาตรา ดังนี้ 1 มาตรา 53 วรรคห้า 2 มาตรา 61(2) 3 มาตรา 61(3) พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 71 หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษ ดังนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '71'}]",นักบัญชีต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการจรรยาบรรณตามมาตรา ดังนี้ 1 มาตรา 53 วรรคห้า 2 มาตรา 61(2) 3 มาตรา 61(3) +กรณีผู้จัดการทำแทนผู้หนึ่งโดยสำคัญว่าทำแทนผู้อื่นอีกคนหนึ่งผลเป็นอย่างไร,ผล คือ ผู้เป็นตัวการคนก่อนผู้เดียวมีสิทธิและหน้าที่อันเกิดแต่การที่ได้จัดทำไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '404'}]",ผู้เป็นตัวการคนก่อนผู้เดียวมีส��ทธิและหน้าที่อันเกิดแต่การที่ได้จัดทำไป +บุคคลใดเป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคม,บุคคลทีดำเนินกิจการของสมาคม คือ คณะกรรมการของสมาคม ดำเนินตามกฎหมายและข้อบังคับ โดยมีที่ประชุมใหญ่ควบคุมดูแลคณะกรรมการอีกทีนึง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '86'}]",บุคคลทีดำเนินกิจการของสมาคม คือ คณะกรรมการของสมาคม ดำเนินตามกฎหมายและข้อบังคับ โดยมีที่ประชุมใหญ่ควบคุมดูแลคณะกรรมการอีกทีนึง +การประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และคณะอนุกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีแต่งตั้ง มีมาตราใดมาบังคับโดยอนุโลมบ้าง,มาตรา 26 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '62'}]",มาตรา 26 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 +พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เป็นเจ้าพนักงานตามความประมวลกฎหมายอาญาด้วยหรือไม่,พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ถือเป็นเจ้าพนักงานตามความประมวลกฎหมายอาญาด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '107'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ถือเป็นเจ้าพนักงานตามความประมวลกฎหมายอาญาด้วย +สมาคมการค้าเลิกกันด้วยเหตุใด,สมาคมการค้าเลิกกันด้วเหตุ ดังต่อไปนี้ 1 ถ้ามีข้อบังคับกำหนดให้เลิกในกรณีใด เมื่อมีกรณีนั้น 2 ถ้าตั้งโดยมีกำหนดเวลา เมื่อสิ้นกำหนดเวลานั้น 3 เมื่อที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก 4 เมื่อล้มละลาย 5 เมื่อรัฐมนตรีสั่งให้เลิกตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 37 ให้สมาคมการค้าที่เลิกตาม 1 2 3 4 แจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในกำหนดเวลา 15 วันนับแต่วันที่เกิดมีเหตุที่ทำให้เลิก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '37'}]",สมาคมการค้าเลิกกันด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ 1 ถ้ามีข้อบังคับกำหนดให้เลิกในกรณีใด เมื่อมีกรณีนั้น 2 ถ้าตั้งโดยมีกำหนดเวลา เมื่อสิ้นกำหนดเวลานั้น 3 เมื่อที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก 4 เมื่อล้มละลาย 5 เมื่อรัฐมนตรีสั่งให้เลิกตามมาตรา 36 +เหตุสุดวิสัย คืออะไร,เหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันโดยไม่มีบุคคลใดคาดหมายหรือคาดคิดว่าจะเกิ��ขึ้น และไม่อาจที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ แม้ว่าต้นเองจะได้ใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '8'}]",เหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันโดยไม่มีบุคคลใดคาดหมายหรือคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่อาจที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ แม้ว่าต้นเองจะได้ใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม +บริษัทไม่จัดให้มีระบบการเก็บรักษาเอกสารและหลักฐานให้สามารถตรวจสอบได้ มีโทษหรือไม่,มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/6 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/17 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '281/6'}]",มี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +หากผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์เด็ก ต้องการรับเด็กในสถานสงเคราะห์ที่ตนดูแลเป็นบุตรบุญธรรม ต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์เด็กต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลอนุญาตตามคำขอของผู้นั้นแทนการให้ความยินยอมของสถานสงเคราะห์เด็ก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/24,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/24'}]",ผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์เด็กต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลอนุญาตตามคำขอของผู้นั้นแทนการให้ความยินยอมของสถานสงเคราะห์เด็ก +ในการขอจดทะเบียนแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัด ต้องยื่นอะไรบ้าง,"คณะกรรมการบริษัทต้องยื่น +1) รายงานการประชุมที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ร่วมกันพิจารณาให้ความยินยอม และดำเนินการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดตามที่กฎหมายกำหนด +2) หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น พร้อมกับการขอจดทะเบียน +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246/4 คณะกรรมการบริษัทต้องขอจดทะเบียนการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดต่อนายทะเบียน ภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการตามมาตรา 1246/3 ครบถ้วนแล้ว ในการขอจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด คณะกรรมการต้องยื่นรายงานการประชุมที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ร่วมกันพิจารณาให้ความยินยอมและดำเนินการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดตามมาตรา 1246/2 หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น พร้อมกับการขอจดทะเบียนด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1246/4'}]",1) รายงานการประชุมที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ร่วมกันพิจารณาให้ความยินยอม และดำเนินการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัดตามที่กฎหมายกำหนด 2) หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น พร้อมกับการขอจดทะเบียน +ในการโอนและการจัดทำทะเบียนหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนอันไม่ใช่ตั๋วเงิน ต้องนำหลักกฎหมายใดมาบังคับใช้,ต้องนำหลักกฎหมายในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 และมาตรา 55 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 199 ให้นำความในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 และมาตรา 55 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับแก่การโอนและการจัดทำทะเบียนหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนอันมิใช่ตั๋วเงินโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '199'}]",ต้องนำหลักกฎหมายในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 และมาตรา 55 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับโดยอนุโลม +ผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลกระทำการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น นิติบุคคลต้องรับผิดชอบหรือไม่,"ถ้าความเสียหายเกิดจากการกระทำที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์หรืออำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล นิติบุคคลต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น แต่ไม่สูญเสียสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอากับผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล +แต่ถ้าถ้าความเสียหายแก่บุคคลอื่นเกิดจากการกระทำที่ไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์หรืออำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล บรรดาผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลที่ได้เห็นชอบให้กระทำการนั้นหรือ��ด้เป็นผู้กระทำการดังกล่าว ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '76'}]",ถ้าความเสียหายเกิดจากการกระทำที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์หรืออำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล นิติบุคคลต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น แต่ถ้าความเสียหายแก่บุคคลอื่นเกิดจากการกระทำที่ไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์หรืออำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล บรรดาผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลที่ได้เห็นชอบให้กระทำการนั้นหรือได้เป็นผู้กระทำการดังกล่าว ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายนั้น. +คู่สัญญาอีกฝ่ายไม่ชำระหนี้ จึงต้องการบอกเลิกสัญญาต้องทำอย่างไร,กำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และถ้าฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด สามารถบอกเลิกสัญญาได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ไซร้ อีกฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '387'}]",กำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และถ้าฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด สามารถบอกเลิกสัญญาได้ +กรณีที่วัตถุแห่งหนี้มีหลายอย่างและต้องเลือกชำระอย่างใดอย่างหนึ่ง ฝ่ายใดมีสิทธิเลือก,โดยหลัก สิทธิในการเลือกเป็นของลูกหนี้ เว้นแต่จะตกลงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 ถ้าการอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกทำการอย่างใดนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตัวอย่างเช่น เอ มีลูกแมว 3 ตัว ได้ทำสัญญาขายลูกแมวตัวใดตัวหนึ่งให้แก่ บี สิทธิในการเลือกตกอยู่แก่ เอ ซึ่งเป็นลูกหนี้ในการส่งมอบลูกแมว อย่างไรก็ตาม เอ และ บี อาจตกลงกันว่าให้ บี เจ้าหนี้เป็นผู้เลือกหรือให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เลือกก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '198'}]",โดยหลัก สิทธิในการเลือกเป็นของลูกหนี้ เว้นแต่จะตกลงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น +บริษัทต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ในวันประชุมสามัญประจำปีต่อนายทะเบียนภายในกี่เดือน,ภายใน 1 เดือนนับแต่วันเสร็จการประชุม ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 64 บริษัทต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ในวันประชุมสามัญประจำปีโดยมีรายการ ตามมาตรา 39 วรรคสอง ต่อนายทะเบียนภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันเสร็จการประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '64'}]",ภายใน 1 เดือนนับแต่วันเสร็จการประชุม +ผู้เริ่มก่อการต้องเข้าชื่อซื้อหุ้นอย่างน้อยคนละกี่หุ้น,อย่างน้อยคนละ 1 หุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1100 ผู้เริ่มก่อการทุกคนต้องลงชื่อซื้อหุ้น ๆ หนึ่งเป็นอย่างน้อย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1100'}]",อย่างน้อยคนละ 1 หุ้น +หากเก็บโทรศัพท์มือถือได้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของต้องดำเนินการอย่างไร,ส่งมอบโทรศัพท์มือถือนั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นภายใน 3 วัน และแจ้งพฤติการณ์ตามที่ทราบอันอาจเป็นเครื่องช่วยในการสืบหาตัวบุคคลผู้มีสิทธิจะรับโทรศัพท์มือถือนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1323 บุคคลเก็บได้ซึ่งทรัพย์สินหาย ต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (1) ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ของหายหรือเจ้าของ หรือบุคคลอื่นผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้น หรือ (2) แจ้งแก่ผู้ของหายหรือเจ้าของ หรือบุคคลอื่นผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้นโดยมิชักช้า หรือ (3) ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นภายในสามวันและแจ้งพฤติการณ์ตามที่ทราบอันอาจเป็นเครื่องช่วยในการสืบหาตัวบุคคลผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินนั้น แต่ถ้าไม่ทราบตัวผู้ของหาย เจ้าของ หรือบุคคลอื่นผู้มีสิทธิจะรับทรัพย์สินก็ดี หรือบุคคลดังระบุนั้นไม่รับมอบทรัพย์สินก็ดี ท่านให้ดำเนินการตามวิธีอันบัญญัติไว้ในอนุมาตรา (3) ทั้งนี้ ท่านว่าผู้เก็บได้ซึ่งทร���พย์สินหายต้องรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ด้วยความระมัดระวังอันสมควรจนกว่าจะส่งมอบ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1323'}]",ส่งมอบโทรศัพท์มือถือนั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นภายใน 3 วัน และแจ้งพฤติการณ์ตามที่ทราบอันอาจเป็นเครื่องช่วยในการสืบหาตัวบุคคลผู้มีสิทธิจะรับโทรศัพท์มือถือนั้น +การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน ถือว่าได้รับรองความถูกต้องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือไม่,ไม่ เนื่องจากตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 24 การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน มิได้เป็นการแสดงว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรองถึงความถูกต้องของข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและในหนังสือชี้ชวนดังกล่าวหรือได้ประกันราคาของโทเคนดิจิทัลที่เสนอขายนั้น,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '24'}]",ไม่ +กรณีที่ผู้ชำระบัญชีแบ่งคืนทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยไม่แบ่งไปชำระหนี้ของบริษัท มีความผิดหรือไม่,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 37 ผู้ชำระบัญชีใดของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด แบ่งคืนทรัพย์สินโดยฝ่าฝืนมาตรา 1269 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '37'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +แบบของบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นอย่างไร,เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 106 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพ���ักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '106'}]",เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด +ในการสั่งลงโทษทางปกครองผู้มีอำนาจสั่งลงโทษต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง,ต้องคำนึงถึง 1) พฤติการณ์แห่งการกระทำ 2) ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น 3) ความหนักเบาของโทษที่จะใช้กับผู้ถูกลงโทษ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 121 ในการสั่งลงโทษทางปกครองตามมาตรา 111 ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษต้องคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำ ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น ตลอดจนความหนักเบาของโทษที่จะใช้กับผู้ถูกลงโทษ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '121'}]",ต้องคำนึงถึง 1) พฤติการณ์แห่งการกระทำ 2) ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น 3) ความหนักเบาของโทษที่จะใช้กับผู้ถูกลงโทษ +หากในการประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้นทั่วไปไม่มีผู้เป็นประธาน ต้องทำอย่างไร,ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งอยู่ในที่นั้น เลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในจำนวนซึ่งมาประชุมขึ้นนั่งเป็นประธาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1180 ในการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประชุมใหญ่ทุก ๆ ครั้ง ให้ผู้เป็นประธานในสภากรรมการนั่งเป็นประธาน ถ้าประธานกรรมการเช่นว่านี้ไม่มีตัวก็ดี หรือไม่มาเข้าประชุมจนล่วงเวลานัดไปแล้วสิบห้านาทีก็ดี ให้ผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งอยู่ในที่นั้นเลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในจำนวนซึ่งมาประชุมขึ้นนั่งเป็นประธาน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1180'}]",ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งอยู่ในที่นั้น เลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในจำนวนซึ่งมาประชุมขึ้นนั่งเป็นประธาน +ผู้โดยสารมอบกระเป๋าเดินทางแก่ผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งต้องส่งมอบกระเป๋าเดินทางเมื่อใด,ส่งมอบในขณะที่ผู้โดยสารถึงปลายทาง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 635 เครื่องเดินทางหากได้มอบหมายแก่ผู้ขนส่งทันเวลา ท่านว่าต้องส่งมอบในขณะคนโดยสารถึง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '635'}]",ส่งมอบในขณะที่ผู้โดยสารถึงปลายทาง +หากผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล แต่การกระทำความผิดนั้นเกิดจากการสั่งการขอ��กรรมการ กรรมการต้องรับผิดด้วยหรือไม่,ต้องรับผิด ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 94 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '94'}]",ต้องรับผิด +ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ต้องมีสมาชิกมาประชุมเท่าใดถึงจะครบองค์ประชุม,ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดองค์ประชุมไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 96 การประชุมใหญ่ของสมาคมต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดองค์ประชุมไว้เป็นอย่างอื่น ...,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '96'}]",ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดองค์ประชุมไว้เป็นอย่างอื่น +สามารถซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไปจากสภาพปกติของตลาดได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 46 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้ ... (2) ส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '46'}]",ไม่ได้ +หากเอาทรัพย์สินที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ส่งเป็นพยานหลักฐานไปซ่อน มีความผิดหรือไม่,มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หร��อปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 83 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อายัดหรือรักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานตามมาตรา 62 ไม่ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะรักษาทรัพย์สินหรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '83'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากได้ส่วนแบ่งสินสมรสไม่ครบตามจำนวนได้ควรจะได้ เนื่องจากคู่สมรสอีกฝ่ายเอาสินสมรสไปขายเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวแล้ว ต้องทำอย่างไร,ให้คู่สมรสฝ่ายที่ได้จำหน่ายสินสมรสนั้นชดใช้จากสินสมรสส่วนของตนหรือสินส่วนตัว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534 สินสมรสที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำหน่ายไปเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวก็ดี จำหน่ายไปโดยเจตนาทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเสียหายก็ดี จำหน่ายไปโดยมิได้รับความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่กฎหมายบังคับว่าการจำหน่ายนั้นจะต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยก็ดี จงใจทำลายให้สูญหายไปก็ดี ให้ถือเสมือนว่าทรัพย์สินนั้นยังคงมีอยู่เพื่อจัดแบ่งสินสมรสตามมาตรา 1533 และถ้าคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้รับส่วนแบ่งสินสมรสไม่ครบตามจำนวนที่ควรจะได้ ให้คู่สมรสฝ่ายที่ได้จำหน่ายหรือจงใจทำลายสินสมรสนั้นชดใช้จากสินสมรสส่วนของตนหรือสินส่วนตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1534'}]",ให้คู่สมรสฝ่ายที่ได้จำหน่ายสินสมรสนั้นชดใช้จากสินสมรสส่วนของตนหรือสินส่วนตัว +ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ต้องเป็นไปตามกฎหมายใด,ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 24 การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '24'}]",ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ถ้าคำสนองไปถึงผู้เสนอเมื่อสิ้นระยะเวลาตอบรับคำเสนอแล้ว ถือว่าคำสนองนั้นเป็นอย่างไร,ถือว่าคำสนองนั้นกลายเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 359 ถ้าคำสนองมาถึงล่วงเวลา ท่านให้ถือว่าคำสนองนั้นกลายเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ คำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัด หรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วยนั้น ท่านให้ถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '359'}]",ถือว่าคำสนองนั้นกลายเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ +ประธานกรรมการต้องตรวจสอบสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียที่เลขานุการบริษัทส่งให้ภายในกี่วัน,ภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่บริษัทได้รับรายงานนั้น ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/16 ให้เลขานุการบริษัทจัดส่งสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียตามมาตรา 89/14ให้ประธานกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบทราบภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่บริษัทได้รับรายงานนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/16'}]",ภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่บริษัทได้รับรายงานนั้น +หากนายทะเบียนมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จดทะเบียนสมาคมการค้า ผู้ขออนุญาตจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นอย่างไรได้บ้าง,สามารถยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรี ภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และให้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 10 เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขออนุญาตและพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อบังคับไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และผู้เริ่มก่อการจัดตั้งเป็นผู้ซึ่งมีความประพฤติดี ให้นายทะเบียนสั่งอนุญาตและออกใบอนุญาตสมาคมการค้าให้แก่ผู้ขออนุญาต พร้อมทั้งจดทะเบียนสมาคมการค้าให้ด้วย ถ้านายทะเบียนมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือไปยังผู้ขออนุญาตโดยมิชักช้า ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ โดยยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรี ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด การอนุญาตให้ตั้งสมาคมการค้าและการเลิกสมาคมการค้า ให้นายทะเบียนกลางสมาคมการค้าประกาศในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '10'}]",สามารถยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรี ภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และให้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด +หากเจ้าหนี้ไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทน สามารถคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่เจ้าหนี้ไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทนนี้ได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 221 หนี้เงินอันต้องเสียดอกเบี้ยนั้น ท่านว่าจะคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่เจ้าหนี้ผิดนัดหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '221'}]",ไม่ได้ +หากลูกหนี้คนที่สามได้รับคำสั่งศาลไม่ให้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของตนแล้ว จะยกเอาหนี้ที่ได้มาภายหลังขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ได้หรือไม่,ไม่ได้ กล่าวคือ หนี้ที่ลูกหนี้ได้มาภายหลังที่ได้รับคำสั่งห้ามไม่ให้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้นั้น ไม่ให้นำมาหักกลบลบหนี้กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 347 ลูกหนี้คนที่สามหากได้รับคำสั่งศาลห้ามมิให้ใช้เงินแล้ว จะยกเอาหนี้ซึ่งตนได้มาภายหลังแต่นั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ผู้ที่ขอให้ยึดทรัพย์นั้น ท่านว่าหาอาจจะยกได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '347'}]",ไม่ได้ กล่าวคือ หนี้ที่ลูกหนี้ได้มาภายหลังที่ได้รับคำสั่งห้ามไม่ให้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้นั้น ไม่ให้นำมาหักกลบลบหนี้กัน +หากห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน เจ้าหนี้ของห้างมีสิทธิฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1095 ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ ...,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1095'}]",ไม่ได้ +การขอจดทะเบียนสมาคมต้องทำอย่างไร,ให้ผู้จะเป็นสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ร่วมกันยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมจะตั้งขึ้น พร้อมกับแนบข้อบังคับของสมาคม รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบคน และรายชื่อ ที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมมากับคำขอด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '81'}]",ให้ผู้จะเป็นสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ร่วมกันยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมจะตั้งขึ้น พร้อมกับแนบข้อบังคับของสมาคม รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบคน และรายชื่อ ที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมมากับคำขอด้วย +ผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้งสามารถเริ่มทำหน้าที่ได้วันไหน,ให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ฟังหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1716 หน้าที่ผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้ง ให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ฟังหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1716'}]",ให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ฟังหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว +ถ้าผู้ทรงสิทธิเหนือพื้นดินต้องการยกเลิกสัญญาเช่า ต้องทำอย่างไร,ต้องบอกล่วงหน้าปีหนึ่ง หรือให้ค่าเช่าปีหนึ่งแก่เจ้าของที่ดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1413 ถ้าสิทธิเหนือพื้นดินนั้นไม่มีกำหนดเวลาไซร้ ท่านว่าคู่กรณีฝ่ายใดจะบอกเลิกเสียในเวลาใดก็ได้ แต่ต้องบอกล่วงหน้าแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร ถ้ามีค่าเช่าซึ่งจำต้องให้แก่กันไซร้ ท่านว่าต้องบอกล่วงหน้าปีหนึ่ง หรือให้ค่าเช่าปีหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1413'}]",ต้องบอกล่วงหน้าปีหนึ่ง หรือให้ค่าเช่าปีหนึ่งแก่เจ้าของที่ดิน +กรณีใดที่ฝ่ายชายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นและให้ฝ่ายหญิงคืนของหมั้นแก่ฝ่ายชายได้บ้าง,กรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้นทำให้ชายไม่สมควรสมรสกับหญิงนั้น เช่น ฝ่ายหญิงมีสัมพันธ์กับชายอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1442 ในกรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้นทำให้ชายไม่สมควรสมรสกับหญิงนั้น ชายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้และให้หญิงคืนของหมั้นแก่ชาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1442'}]",กรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้นทำให้ชายไม่สมควรสมรสกับหญิงนั้น เช่น ฝ่ายหญิงมีสัมพันธ์กับชายอื่น +สำนักหักบัญชีเข้าแทนที่เป็นคู่สัญญาในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีจะมีสิทธิและหน้าที่อย่างไร,มีความผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ตนให้บริการในการชำระหนี้เฉพาะกับสมาชิกของตนเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 81 ในกรณีที่สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเข้าผูกพันหรือแทนที่เป็นคู่สัญญาในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ตนให้บริการในการชำระหนี้เฉพาะกับสมาชิกของตนเท่านั้น ไม่ว่าสมาชิกดังกล่าวจะดำเนินการเพื่อตนเองหรือเพื่อบุคคลอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '81'}]",มีความผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ตนให้บริการในการชำระหนี้เฉพาะกับสมาชิกของตนเท่านั้น +ผู้รับจำนำสามารถยึดของจำนำไว้ได้นานเท่าใด,จนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 758 ผู้รับจำนำชอบที่จะยึดของจำนำไว้ได้ทั้งหมดจนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '758'}]",จนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วน +หากทรัพย์ที่ต้องส่งมอบถูกทำลายลงในระหว่างที่เงื่อนไขในสัญญายังไม่สำเร็จ จะมีผลอย่างไร,ลูกหนี้ไม่มีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทน (ลูกหนี้เป็นผู้รับภัย) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 371 บทบัญญัติที่กล่าวมาในมาตราก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีเงื่อนไขบังคับก่อน และทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั้นสูญหรือทำลายลงในระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ (กล่าวคือ ไม่ให้นำข้อยกเว้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 370 มาใช้บังคับ ซึ่งต้องบังคับตามหลักทั่วไปใน ป.พ.พ. มาตรา 372 วรรคหนึ่ง),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '371'}]",ลูกหนี้ไม่มีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทน (ลูกหนี้เป็นผู้รับภัย) +หากมีข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนได้ต��อเมื่อมีหุ้นถึงกำหนดขึ้นไป ผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นไม่ถึงกำหนดจะออกเสียงได้หรือไม่,ได้ โดยผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นไม่ถึงจำนวนที่กำหนด มีสิทธิรวมกันให้จำนวนหุ้นถึงกำหนด แล้วตั้งคนหนึ่งในพวกของตนให้เป็นผู้รับฉันทะออกเสียงแทนในการประชุมใหญ่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1183 ถ้ามีข้อบังคับของบริษัทวางเป็นกำหนดไว้ว่า ต่อเมื่อผู้ถือหุ้นเป็นผู้มีหุ้นแต่จำนวนเท่าใดขึ้นไปจึงให้ออกเสียงเป็นคะแนนได้ไซร้ ท่านว่าผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งไม่มีหุ้นถึงจำนวนเท่านั้นย่อมมีสิทธิที่จะเข้ารวมกันให้ได้จำนวนหุ้นดังกล่าว แล้วตั้งคนหนึ่งในพวกของตนให้เป็นผู้รับฉันทะออกเสียงแทนในการประชุมใหญ่ใด ๆ ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1183'}]",ได้ โดยผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นไม่ถึงจำนวนที่กำหนด มีสิทธิรวมกันให้จำนวนหุ้นถึงกำหนด แล้วตั้งคนหนึ่งในพวกของตนให้เป็นผู้รับฉันทะออกเสียงแทนในการประชุมใหญ่ได้ +หากผู้รับหลักประกันต้องการเข้าตรวจดูทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันต้องแจ้งผู้ให้หลักประกันอย่างไร,ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ให้หลักประกันทราบ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้ให้หลักประกันได้รับหนังสือแล้วก่อนเข้าดำเนินการไม่น้อยกว่า 3 วัน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 25,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '25'}]",ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ให้หลักประกันทราบ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้ให้หลักประกันได้รับหนังสือแล้วก่อนเข้าดำเนินการไม่น้อยกว่า 3 วัน +กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อใด,14 พฤษภาคม 2561 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 2 ระบุว่า พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาคือ 13 พฤษภาคม 2561 ดังนั้นพระราชกำหนดนี้จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '2'}]",14 พฤษภาคม 2561 +มีวิธีการใดที่ลูกค้าจะระงับข้อพิพา��เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว,ลูกค้าสามารถขอให้ระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีขึ้นได้ โดยดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อความรวดเร็ว พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 47 เปิดช่องให้ลูกค้าสามารถขอให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยอนุญาโตตุลาการซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีขึ้นได้ ภายใต้เงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '47'}]",ลูกค้าสามารถขอให้ระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีขึ้นได้ โดยดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด +ต้องมีบุคคลร่วมกันกี่คนจึงจะขอใบอนุญาตสมาคมการค้าได้,ไม่น้อยกว่า 3 คน ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 9 กำหนดให้มีผู้ร่วมก่อการจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คนจึงจะยื่นขอใบอนุญาตสมาคมการค้าต่อนายทะเบียนได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '9'}]",ไม่น้อยกว่า 3 คน +การแก้ไขข้อบังคับสมาคมต้องใช้มติของใคร,ต้องใช้มติที่ประชุมใหญ่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 84 กำหนดให้การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมจะกระทำได้ก็แต่โดยมติของที่ประชุมใหญ่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '84'}]",ต้องใช้มติที่ประชุมใหญ่ +ถ้าสมรสแล้วต่อมาเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้วและยังไม่หย่า สามารถขอศาลดำเนินการอย่างไร,สามารถขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสครั้งใหม่เป็นโมฆะก็ได้ การสมรสโดยที่อีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้วเป็นข้อห้ามตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 ซึ่งตามมาตรา 1497 ระบุให้บุคคลผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1497'}]",สามารถขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสครั้งใหม่เป็นโมฆะก็ได้ +ในการยื่นรายการภาษี อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้เสียภาษียื่นเอกสารอะไรเพิ่มเติมบ้าง,มีอำนาจสั่งให้ยื่นรายงานประจำปี บัญชีงบดุล หรือบัญชีอื่น ๆ รวมถึงสมุดบัญชีพิเศษ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 17 ได้ให้อำนาจอธิบดีในการสั่งผู้ต้องเสียภาษีให้ยื่นรายงานประจำปี บัญชีงบดุล หรือบัญชีอื่น ๆ รวมถึงสมุ���บัญชีพิเศษ เพื่อใช้ประกอบการยื่นรายการภาษีได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '17'}]",มีอำนาจสั่งให้ยื่นรายงานประจำปี บัญชีงบดุล หรือบัญชีอื่น ๆ รวมถึงสมุดบัญชีพิเศษ +ถ้ามีการใช้ชื่อหอการค้าไทยโดยยังไม่ได้มีฐานะเป็นหอการค้าตามกฎหมายจะมีความผิดและมีโทษอย่างไร,"มีต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละ 50 บาทจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 16 กำหนดห้ามมิให้ใช้ข้อความว่าหอการค้าไทย โดยยังไม่ได้มีฐานะเป็นหอการค้าตามกฎหมาย และมาตรา 50 กำหนดโทษของการฝ่าฝืนมาตรา 16 ว่ามีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละ 50 บาทจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '50'}]","มีต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละ 50 บาทจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง" +ก่อนที่หอการค้าจะมีฐานะเป็นนิติบุคคล ต้องดำเนินการอะไรบ้าง,ต้องมีการได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนแล้วจึงจะมีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 11 ระบุให้หอการค้าที่ได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '11'}]",ต้องมีการได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนแล้วจึงจะมีฐานะเป็นนิติบุคคล +ภูมิลำเนาของคนที่ถูกจำคุกในเรือนจำคือที่ไหน,คือเรือนจำหรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ที่กำหนดให้ภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย คือเรือนจำหรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '47'}]",คือเรือนจำหรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว +ถ้ามีการนำประทวนสินค้าไปจำนำแล้ว จะรับสินค้าจากคลังสินค้าต้องทำอย่างไร,ต้องนำเอกสาร 2 ประการดังนี้ไปเวนคืนต่อนายคลังสินค้า 1. ใบรับของคลังสินค้า 2. ประทวนสินค้า เป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 789 กำหนดไว้,"[{'law': 'ประมวลก��หมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '789'}]",ต้องนำเอกสาร 2 ประการดังนี้ไปเวนคืนต่อนายคลังสินค้า 1. ใบรับของคลังสินค้า 2. ประทวนสินค้า +ที่ดินที่มีเจ้าของรวมคนอื่นอยู่ด้วยจะนำไปจำนองได้หรือไม่ อย่างไร,1. ถ้าจำนองเฉพาะส่วนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ สามารถจำนองได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่น 2. ถ้าจำนองทั้งแปลง ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นทั้งหมดก่อน เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1361'}]",1. ถ้าจำนองเฉพาะส่วนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ สามารถจำนองได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่น 2. ถ้าจำนองทั้งแปลง ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นทั้งหมดก่อน +ผู้เยาว์ที่ถูกรับมาเป็นบุตรบุญธรรมจะทำการหมั้นอย่างไรจึงจะสมบูรณ์,ต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับบุตรบุญธรรมก่อน การหมั้นจึงจะสมบูรณ์ เพราะถ้าไม่ได้รับความยินยอม การหมั้นจะตกเป็นโมฆียะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 (3) กำหนดว่า ผู้เยาว์ที่ถูกรับมาเป็นบุตรบุญธรรมจะทำการหมั้นได้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับบุตรบุญธรรมก่อน ถ้าไม่ได้รับความยินยอม การหมั้นจะตกเป็นโมฆียะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1436'}]",ต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับบุตรบุญธรรมก่อน การหมั้นจึงจะสมบูรณ์ เพราะถ้าไม่ได้รับความยินยอม การหมั้นจะตกเป็นโมฆียะ +กฎหมายระดับพระราชบัญญัติเกี่ยวกับหอการค้ามีชื่อเรียกว่าอะไร,เรียกว่าพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '1'}]",เรียกว่าพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 +ซื้อกล้องรุ่นที่ใช้สายชาร์จ จะได้รับสายชาร์จมาด้วยหรือไม่,ได้สายชาร์จด้วย เว้นแต่มีการกำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่น สายชาร์จกล้องเป็นทรัพย์ที่เป็นอุปกรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 147 เป็นของใช้ประจำอยู่กับทรัพย์ที่เป็นประธานเป็นอาจิณเพื่อประโยชน์แก่การจัดดูแล ใช้สอย หรือรักษาทรัพย์ที่เป็นประธาน (ในที่นี้คือกล้อง) ซึ่งตามมาตรา 147 วรรคสาม ระบุว่าทรัพย์ที่เป็นอุปกรณ์ย่อมตกติดไปกับทรัพย์ที่เป็นประธานด้วย เว้นแต่จะมีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น หากไม่ได้ก��หนดกันเป็นอย่างอื่น การซื้อกล้องนี้จะได้สายชาร์จด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '147'}]",ได้สายชาร์จด้วย เว้นแต่มีการกำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่น +โทษของการขัดขวางเจ้าพนักงานสรรพากรซึ่งเข้าไปตรวจค้นกรณีสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีคืออะไร,"มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 3 นว กำหนดโทษของการขัดขวางเจ้าพนักงานสรรพากรซึ่งเข้าไปตรวจค้นกรณีสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษี ว่าต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 นว'}]","ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ" +โทษทางอาญากรณีผู้สอบบัญชีกองทรัสต์ทำรายงานเท็จคืออะไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 84 กำหนดโทษทางอาญาของผู้สอบบัญชีกองทรัสต์ในกรณีทำรายงานเท็จว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '84'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ซื้อของมาจากเพื่อนแต่เพื่อนไม่ใช่เจ้าของตัวจริง เมื่อเจ้าของตัวจริงมาเรียกคืน จึงต้องส่งคืน เช่นนี้เรียกให้เพื่อนรับผิดได้หรือไม่,เรียกให้เพื่อนรับผิดได้ การที่เจ้าของตัวจริงมาเรียกเอาของคืนเป็นการที่มีบุคคลผู้ใดมาก่อการรบกวนขัดสิทธิของผู้ซื้อในอันจะครองทรัพย์สินโดยปกติสุข เพราะบุคคลผู้นั้นมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายกัน ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 ระบุให้ผู้ขาย (ในที่นี้คือเพื่อน) ต้องรับผิดสำหรับกรณีดังกล่าว ดังนั้นจึงเรียกให้เพื่อนรับผิดได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '475'}]",เรียกให้เพื่อนรับผิดได้ +เงินอากรแสตมป์และเงินเพิ่มอากรจะเรียกเก็บจากผู้ใด,โดยหลักแล้วให้เรียกเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียอากรก่อน ถ้าไม่ได้เงินจากบุคคลดังกล่าวให้เรียกเก็บจากผู้ทรงตราส���รหรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสาร ตามประมวลรัษฎากรหมวด 6 ตราสารคือเอกสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์ ซึ่งมาตรา 115 ระบุให้เรียกเก็บเงินอากรแสตมป์และเงินเพิ่มอากรจากผู้มีหน้าที่เสียอากรก่อน ถ้าไม่ได้เงินจากบุคคลดังกล่าวจึงให้เรียกเก็บจากผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสาร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '115'}]",โดยหลักแล้วให้เรียกเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียอากรก่อน ถ้าไม่ได้เงินจากบุคคลดังกล่าวให้เรียกเก็บจากผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสาร +โทษทางพินัยของผู้ทุจริตต่อบริษัทมหาชนคืออะไร,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 215","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '215'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +ผู้ถือหุ้นต้องรวมหุ้นจำนวนเท่าใดจึงจะเรียกประชุมวิสามัญได้,ต้องรวมหุ้นไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1173 กำหนดไว้ว่า ผู้ถือหุ้นจะเรียกประชุมวิสามัญได้ต่อเมื่อ ผู้ถือหุ้นรวมกันเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1173'}]",ต้องรวมหุ้นไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท +ใครคือผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี,ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีได้แก่ 1. ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน 2. บริษัทจำกัด 3. บริษัทมหาชนจำกัด 4. นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย 5. กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 8 ได้กำหนดผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีไว้ 5 ประเภทข้างต้น โดยผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีการทำบัญชีสำหรับการประกอบธุรกิจของตน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '8'}]",1. ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน 2. บริษัทจำกัด 3. บริษัทมหาชนจำกัด 4. นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย 5. กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร +ในสัญญายืม ค่าส่งคืนทรัพย์สินต้องให้ใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย,ผู้ยืมต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ตามประมวลก��หมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 642 ระบุให้ผู้ยืมต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการส่งคืนทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '642'}]",ผู้ยืมต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย +ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจหรือไม่,ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 8 (5),"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '8'}]",ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 8 (5) +เมื่อเสร็จสิ้นงานที่ตัวการมอบหมาย ตัวแทนต้องทำอย่างไร,ตัวแทนมีหน้าที่ต้องแถลงบัญชีกับตัวการด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 809 กำหนดว่า เมื่อการเป็นตัวแทนนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ตัวแทนต้องแถลงบัญชีด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '809'}]",ตัวแทนมีหน้าที่ต้องแถลงบัญชีกับตัวการด้วย +ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ต้องยื่นรายงานหรือคำชี้แจงตามคำสั่งของผู้ใด,ตามการกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 109 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ยื่นรายงานหรือคำชี้แจงได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '109'}]",ตามการกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง สามารถทำขึ้นที่อื่นนอกจากที่ว่าการอำเภอได้หรือไม่,สามารถทำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1659 ระบุเปิดช่องว่า พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองสามารถทำนอกที่ว่าการอำเภอก็ได้ เมื่อมีการร้องขอเช่นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1659'}]",สามารถทำได้ +ถ้าสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด จะมีโทษหรือไม่,มีโทษทางปกครองตามที่กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนด เนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให���สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติตามได้ ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ซึ่งหากสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ปฏิบัติตามนั้น มาตรา 116 ระบุว่าต้องรับโทษทางปกครองตามมาตรา 111,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '116'}]",มีโทษทางปกครองตามที่กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำหนด +ถ้ามีคนใดแพร่ข้อความซึ่งแสดงว่าราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดที่มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะหรือน่าจะสูงขึ้นหรือต่ำลง หรือมีผลหรือน่าจะมีผลเป็นการรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทำได้หรือไม่,ทำไม่ได้ ห้ามไม่ให้บุคคลใดแพร่ข้อความซึ่งแสดงว่าราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดที่มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะหรือน่าจะสูงขึ้นหรือต่ำลง หรือมีผลหรือน่าจะมีผลเป็นการรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '97'}]",ทำไม่ได้ ห้ามไม่ให้บุคคลใดแพร่ข้อความซึ่งแสดงว่าราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดที่มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะหรือน่าจะสูงขึ้นหรือต่ำลง หรือมีผลหรือน่าจะมีผลเป็นการรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +คดีฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมไม่ให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดอย่างไรบ้าง,"(1) สามเดือนภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมตาย ในกรณีที่โจทก์รู้เหตุแห่งการที่จะขอให้เพิกถอนได้ ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมมีชีวิตอยู่ หรือ (2) สามเดือนภายหลังที่โจทก์ได้รู้แห่งการที่จะขอให้เพิกถอนได้ ในช่วงเวลาหลังจากผู้ทำพินัยกรรมเสียชีวิต + +เว้นแต่ ถ้าโจทก์ไม่รู้ว่ามีข้อกำหนดพินัยกรรมอันกระทบกระทั่งถึงส่วนได้เสียของตน แม้ว่าโจทก์จะได้รู้เหตุแห่งการที่จะขอให้เพิกถอนได้ก็ดี อายุความสามเดือนให้เริ่มนับแต่ขณะที่โจทก์รู้หรือควรจะได้รู้ว่ามีข้อกำหนดพินัยกรรมนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1710'}]",(1) สามเดือนภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมตาย ในกรณีที่โจทก์รู้เหตุแห่งการที่จะขอให้เพิกถอนได้ ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมมีชีวิตอยู่ หรือ (2) สามเดือนภายหลังที่โจทก์ได้รู้เหตุแห่งกา���ที่จะขอให้เพิกถอนได้ ในช่วงเวลาหลังจากผู้ทำพินัยกรรมเสียชีวิต +พระภิกษุจะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกได้หรือไม่,พระภิกษุนั้นจะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมไม่ได้ เว้นแต่จะได้สึก จากสมณเพศมาเรียกร้องภายในกำหนดอายุความ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1622'}]",พระภิกษุนั้นจะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมไม่ได้ เว้นแต่จะได้สึก จากสมณเพศมาเรียกร้องภายในกำหนดอายุความ +ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ลูกหนี้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดจากการไม่ชำระหนี้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '218'}]",ลูกหนี้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดจากการไม่ชำระหนี้นั้น +ผู้รับจ้างจะเอาการที่รับจ้างทั้งหมดหรือแบ่งการแต่บางส่วนไปให้ผู้รับจ้างช่วงทำอีกทอดหนึ่งได้ ยกเว้นกรณีใด,เว้นแต่สาระสำคัญแห่งสัญญานั้นจะอยู่ที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้รับจ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '607'}]",เว้นแต่สาระสำคัญแห่งสัญญานั้นจะอยู่ที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้รับจ้าง +เกาะที่เกิดในทะเลสาบคืออะไรในทางกฎหมาย,เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1309'}]",เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน +ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิของตนแก่ทรัพย์สินทั้งหมดที่ยึดหน่วงไว้จนถึงตอนไหน,มีสิทธิยึหน่วงไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '244'}]",มีสิทธิยึหน่วงไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ทั้งหมด +ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดล้มละลายผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ต้องเอาหุ้นของผู้นั้นในห้างหุ้นส่วนออกขายเป็นสินทรัพย์ในกองล้มละลาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1094'}]",ต้องเอาหุ้นของผู้นั้นในห้างหุ้นส่วนออกขายเป็นสินทรัพย์ในกองล้มละลาย +ถ้าเมื่อบังคับตามสัญญาค้ำประกันนั้น ผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน และอุปกรณ์ด้��ยหนี้ยังเหลือที่ต้องใช้ลูกหนี้ต้องทำอย่างไรตามกฎหมาย,ลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อเจ้าหนี้ในส่วนที่เหลือนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '685'}]",ลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อเจ้าหนี้ในส่วนที่เหลือนั้น +หอการค้าต้องมีคณะกรรมการหรือไม่,ให้หอการค้ามีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินกิจการของหอการค้า และเป็นผู้แทนของหอการค้าในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '25'}]",ให้หอการค้ามีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินกิจการของหอการค้า และเป็นผู้แทนของหอการค้าในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก +ภาระจำยอมได้มาโดยอายุความได้หรือไม่,ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1401'}]",ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ +ทรัพย์สินซึ่งจำนองเป็นประกันค่าอุปกรณ์อะไรบ้าง,(1) ดอกเบี้ย (2) ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ (3) ค่าธรรมเนียมในการบังคับจำนอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '715'}]",(1) ดอกเบี้ย (2) ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ (3) ค่าธรรมเนียมในการบังคับจำนอง +บริษัทจำกัดสามารถถือหุ้นบริษัทตนเองได้ไหม,ไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามมิให้บริษัทจำกัดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองหรือรับจำนำหุ้นของตนเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1143'}]",ไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามมิให้บริษัทจำกัดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองหรือรับจำนำหุ้นของตนเอง +ตัวแทนสามารถรับบำเหน็จได้ไหม,ตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จ เว้นแต่จะได้มีข้อตกลงกันไว้ในสัญญาว่ามีบำเหน็จ หรือทางการที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันนั้นเป็นปริยายว่ามีบำเหน็จ หรือเคยเป็นธรรมเนียมมีบำเหน็จ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '803'}]",ตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จ เว้นแต่จะได้มีข้อตกลงกันไว้ในสัญญาว่ามีบำเหน็จ หรือทางการที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันนั้นเป็นปริยายว่ามีบำเหน็จ หรือเคยเป็นธรรมเนียมมีบำเหน็จ +กรรมการที่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของบริษัทมหาชนจำกัดจะต้องรับผิดด้วยไหม,กรณีที่บริษัทเป็นผู้กระทำความผิดและถูกลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้กรรมการซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น หรือซึ่งมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '222'}]",กรรมการซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย +เป็นผู้ค้ำประกันต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมของลูกหนี้ไหม,ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมของลูกหนี้ที่จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ แต่ถ้าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อน ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเช่นนั้นไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '684'}]",ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมของลูกหนี้ที่จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ แต่ถ้าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อน ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเช่นนั้นไม่ +เมื่อมีประกาศใช้พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 แล้ว พระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 จะยังคงมีผลใช้บังคับต่อไหม,ให้บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องเดียวกันออกใช้บังคับ ในกรณีที่มีปัญหาไม่อาจปฏิบัติตามกฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 ได้ในเรื่องใด ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีกำหนดวิธีปฏิบัติหรือยกเว้นการปฏิบัติในเรื่องนั้นขึ้นเป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไปได้ พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 76 ให้บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องเดียวกันออกใช้บังคับ ในกรณีที่มีปัญหาไม่อาจปฏิบัติตามกฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 ได้ในเรื่องใด ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีกำหนดวิธีปฏิบัติหรือยกเว้นการปฏิบัติในเรื่องนั้นขึ้นเป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไปได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '76'}]",ให้บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องเดียวกันออกใช้บังคับ +สิทธิหน้าที่ภริยาหรือสามีที่เป็นผู้อนุบาลบุคคลซึ่งเป็นสามีหรือภริยาที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ,ในกรณีที่ศาลสั่งให้สามีหรือภริยาเป็นคนไร้ความสามารถและภริยาหรือสามีเป็นผู้อนุบาล ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่สิทธิตามกฎหมายบางอย่างที่กฎหมายกำหนดข้อยกเว้นไว้ไม่ให้นำเรื่องด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/15'}]",ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่สิทธิตามมาตรา 1567 (2) และ (3) +ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของนิติบุคคลต้องคำนวณเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธฺหรือขาดทุนสุทธิไหม,ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือจากการคำนวณค่าของสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานเป็นเงินตราไทย เพื่อชำระภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามกฎหมาย ไม่ให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 สัตต'}]",ไม่ให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ +ของตกจากบ้านไปใส่คนอื่นจะต้องรับผิดไหม,ต้องรับผิดชอบ เพราะตามกฎหมายบุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '436'}]",ต้องรับผิดชอบ เพราะตามกฎหมายบุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร +สิทธิเหนือพื้นดินโอนให้กันได้ไหม,"ถ้าไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเหนือพื้นดินอาจโอนได้และรับมรดกกันได้ + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1411 ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินไซร้ ท่านว่าสิทธินั้นอาจโอนได้และรับมรดกกันได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1411'}]",สิทธิเหนือพื้นดินอาจโอนได้และรับมรดกกันได้ +ถ้าสละเจตนาครอบครองสิ่งของ ใครจะเป็นเจ้าของสิ่งของนั้น,"ถ้าเจ้าของสังหาริมทรัพย์เลิกครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาสละกรรมสิทธิ์ไซร้ ท่านว่าสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีเจ้าของ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1319 ถ้าเจ้าของสังหาริมทรัพย์เลิกครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาสละกรรมสิทธิ์ไซร้ ท่านว่าสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีเจ้าของ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1319'}]",สังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีเจ้าของ +ถ้าไม่เสียภาษี นอกจากค่าปรับแล้วจะโดนอะไรอีกไหม,"ถ้าบุคคลไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในหมวดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษีอากรประเมิน ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีและได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน การคำนวณเงินเพิ่มให้เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการหรือนำส่งภาษีจนถึงวันชำระหรือนำส่งภาษี แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่ง ไม่ว่าภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งนั้นจะเกิดจากการประเมินหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาของศาล + + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 บุคคลใดไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในหมวดต่าง ๆ แห่งลักษณะนี้เกี่ยวกับภาษีอากรประเมิน ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีและได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน การคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการหรือนำส่งภาษีจนถึงวันชำระหรือนำส่งภาษี แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่ง ไม่ว่าภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งนั้นจะเกิดจากการประเมินหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาของศาล","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27'}]",ถ้าบุคคลไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในหมวดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษีอากรประเมิน ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ. +ขโมยของมาจะได้กรรมสิทธิ์ของที่ขโมยไหม,"ทรัพย์สินได้มาโดยการกระทำผิด ผู้กระทำผิดหรือผู้รับโอนไม่สุจริตจะได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความก็แต่เมื่อพ้นกำหนดอายุความอาชญา หรือพ้นเวลาที่กำหนดไว้ในมาตราก่อน ถ้ากำหนดไหนยาวกว่า ท่านให้ใช้กำหนดนั้น + + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1383 ทรัพย์สินอันได้มาโดยการกระทำผิดนั้น ท่านว่าผู้กระทำผิดหรือผู้รับโอนไม่สุจริตจะได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความก็แต่เมื่อพ้นกำหนดอายุความอาชญา หรือพ้นเวลาที่กำหนดไว้ในมาตราก่อน ถ้ากำหนดไหนยาวกว่า ท่านให้ใช้กำหนดนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1383'}]",ผู้กระทำผิดหรือผู้รับโอนไม่สุจริตจะได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความก็แต่เมื่อพ้นกำหนดอายุความอาชญา หรือพ้นเวลาที่กำหนดไว้ในมาตราก่อน +อายุความสิทธิกล่าวหาผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี,สิทธิการกล่าวหาสิ้นสุดลงเมื่อพ้น1 ปีนับแต่วันที่ผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้กล่าวหารู้เรื่องการประพฤติผิดจรรยาบรรณและรู้ตัวผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ทั้งนี้ ไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่มีการประพฤติผิดจรรยาบรรณนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '53'}]",สิทธิการกล่าวหาสิ้นสุดลงเมื่อพ้น1 ปีนับแต่วันที่ผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้กล่าวหารู้เรื่องการประพฤติผิดจรรยาบรรณและรู้ตัวผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ทั้งนี้ ไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่มีการประพฤติผิดจรรยาบรรณนั้น +ของที่จะให้เช่าหายไปจนหมดจะบังคับตามสัญญา���ช่าจะยังคงอยู่ไหม,"สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดไซร้ ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '567'}]",สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย +คำนวณหุ้นลงแรงเป็นเงินยังไง,"ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดได้ลงแต่แรงงานของตนเข้าเป็นหุ้น และในสัญญาเข้าหุ้นส่วนมิได้ตีราคาค่าแรงไว้ ให้คำนวณส่วนกำไรของผู้ที่เป็นหุ้นส่วนด้วยลงแรงงานเช่นนั้น เสมอด้วยส่วนถัวเฉลี่ยของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งได้ลงเงินหรือลงทรัพย์สินเข้าหุ้นในการนั้น + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1028","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1028'}]",ให้คำนวณส่วนกำไรของผู้ที่เป็นหุ้นส่วนด้วยลงแรงงานเช่นนั้น เสมอด้วยส่วนถัวเฉลี่ยของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งได้ลงเงินหรือลงทรัพย์สินเข้าหุ้นในการนั้น +ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องทรัสตีไหม,"ผู้รับประโยชน์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ทรัสตีปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ อันเป็นผลให้ทรัพย์สินในกองทรัสต์ถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบุคคลภายนอก ผู้รับประโยชน์มีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลนั้นเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ได้ไม่ว่าบุคคลนั้นจะได้ทรัพย์สินมาโดยตรงจากทรัสตีหรือไม่ และไม่ว่าทรัพย์สินในกองทรัสต์จะถูกเปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนสภาพไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นก็ตาม เว้นแต่เป็นการได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาจากการจัดการกองทรัสต์โดยมิชอบ บรรดาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้สิทธิตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกคืนจากกองทรัสต์ได้เท่าที่จ่ายจริงตามที่ศาลเห็นสมควร + + +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 44 ภาย���ต้บังคับมาตรา 40 และมาตรา 43 วรรคสอง ผู้รับประโยชน์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ทรัสตีปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ อันเป็นผลให้ทรัพย์สินในกองทรัสต์ถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบุคคลภายนอก ผู้รับประโยชน์มีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลนั้นเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ได้ไม่ว่าบุคคลนั้นจะได้ทรัพย์สินมาโดยตรงจากทรัสตีหรือไม่ และไม่ว่าทรัพย์สินในกองทรัสต์จะถูกเปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนสภาพไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นก็ตาม เว้นแต่เป็นการได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาจากการจัดการกองทรัสต์โดยมิชอบ บรรดาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้สิทธิตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกคืนจากกองทรัสต์ได้เท่าที่จ่ายจริงตามที่ศาลเห็นสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '44'}]",ผู้รับประโยชน์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ทรัสตีปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้. +ตัวแทนขอรับบำเหน็จในการกระทำที่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ได้ไหม,การในหน้าที่ตัวแทนส่วนใดตัวแทนได้ทำไม่ชอบในส่วนนั้น ท่านว่าตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้บำเหน็จ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 818 การในหน้าที่ตัวแทนส่วนใดตัวแทนได้ทำมิชอบในส่วนนั้น ท่านว่าตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้บำเหน็จ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '818'}]",ตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้บำเหน็จ +ภายหลังจากการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มีระยะเวลากี่ปีให้ผู้ทำบัญชีทำตามกฎหมาย,"ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจัดให้���ีผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ กำหนดระยะเวลานี้ อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จะขยายออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหนึ่งปี + + +พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 45 ให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจัดให้มีผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องตามมาตรา 19 ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ กำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี จะขยายออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหนึ่งปี ในระหว่างระยะเวลาตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 29 มาใช้บังคับแก่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่มิได้จัดให้มีผู้ทำบัญชีตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '45'}]",ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ +รายงานประจำปีของบริษัทมหาชนจำกัดประกอบด้วยอะไรบ้าง,"รายงานประจำปีของบริษัทมหาชนจำกัดประกอบด้วยอะไรบ้าง 1) สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว 2) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบดุล การจัดสรรกำไร และการแบ่งเงินปันผล โดยมีผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทลงลายมือชื่อรับรองว่าถูกต้องไปยังนายทะเบียน งบดุลนั้นบริษัทต้องโฆษณาให้ประชาชนทราบทางหนังสือพิมพ์มีกำหนดเวลาอย่างน้อย 1 วันด้วย ทั้งนี้ ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ + +พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 127 บริษัทต้องจัดส่งรายงานประจำปี พร้อมกับสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว และสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบดุล การจัดสรรกำไร และการแบ่งเงินปันผล โดยมีผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทลงลายมือชื่อรับรองว่าถูกต้องไปยังนายทะเบียน สำหรับงบดุลนั้นบริษัทต้องโฆษณาให้ประชาชนทราบทางหนังสือพิมพ์มีกำหนดเวลาอย่างน้อยหนึ่งวันด้วย ทั้งนี้ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ","[{'law': 'พระราชบัญญัต��บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '127'}]",1) สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว 2) สำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบดุล การจัดสรรกำไร และการแบ่งเงินปันผล โดยมีผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทลงลายมือชื่อรับรองว่าถูกต้องไปยังนายทะเบียน +ลูกหนี้ร่วมต้องรับผิดระหว่างกันเองยังไง,ระหว่างลูกหนี้ร่วมกันทั้งหลายนั้น ต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ถ้าส่วนที่ลูกหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่งจะชำระหนี้ แต่ยังขาดอยู่เท่าไร ลูกหนี้คนอื่น ๆ ซึ่งจำต้องออกส่วนด้วยนั้นก็ต้องรับในหนี้ส่วนที่เหลือ แต่ถ้าลูกหนี้ร่วมกันคนใดเจ้าหนี้ได้ปลดให้หลุดพ้นจากหนี้อันร่วมกันนั้นแล้ว ส่วนที่ลูกหนี้คนนั้นจะต้องชำระหนี้ก็ไม่ต้องชำระแก่เจ้าหนี้อีก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 ในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันทั้งหลายนั้น ท่านว่าต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ถ้าส่วนที่ลูกหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่งจะพึงชำระนั้น เป็นอันจะเรียกเอาจากคนนั้นไม่ได้ไซร้ ยังขาดจำนวนอยู่เท่าไรลูกหนี้คนอื่น ๆ ซึ่งจำต้องออกส่วนด้วยนั้นก็ต้องรับใช้ แต่ถ้าลูกหนี้ร่วมกันคนใดเจ้าหนี้ได้ปลดให้หลุดพ้นจากหนี้อันร่วมกันนั้นแล้ว ส่วนที่ลูกหนี้คนนั้นจะพึงต้องชำระหนี้ก็ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '296'}]",ต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ถ้าส่วนที่ลูกหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่งจะชำระหนี้ แต่ยังขาดอยู่เท่าไร ลูกหนี้คนอื่น ๆ ซึ่งจำต้องออกส่วนด้วยนั้นก็ต้องรับในหนี้ส่วนที่เหลือ แต่ถ้าลูกหนี้ร่วมกันคนใดเจ้าหนี้ได้ปลดให้หลุดพ้นจากหนี้อันร่วมกันนั้นแล้ว ส่วนที่ลูกหนี้คนนั้นจะต้องชำระหนี้ก็ไม่ต้องชำระแก่เจ้าหนี้อีก. +ไม่ได้รายงานผลการขายหลักทรัพย์ บริษัทมีความผิดไหม,มีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และต���าดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 279 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 64 วรรคสอง มาตรา 66 วรรคสอง หรือมาตรา 81 วรรคหนึ่ง หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 81 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '279'}]",มีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะมีโทษอย่างไรหากพ้นจากตำแหน่งไม่เกิน 2 ปีแล้วประกอบธุรกิจหลักทรัพย์,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 267/1 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 22/1 วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '267/1'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ใครรักษาการหากกรรมการบริษัทมหาชนจำกัดออกจากตำแหน่ง,"คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งยังคงต้องอยู่รักษาการในตำแหน่งเพื่อดำเนินกิจการของบริษัทต่อไปเพียงเท่าที่จำเป็นจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งตามกฎหมาย คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ภายใน 1 เดือนนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง โดยส่งหนังสือนัดประชุมให้ผู้ถือหุ้นทราบไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันประชุม + +พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 74 ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ให้คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งยังคงต้องอยู่รักษาการในตำแหน่งเพื่อดำเนินกิจการของบริษัทต่อไปเพียงเท่าที่จำเป็นจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 72 (5) คณะกรรมการที่พ้��จากตำแหน่งต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง โดยส่งหนังสือนัดประชุมให้ผู้ถือหุ้นทราบไม่น้อยกว่าสิบสี่วันก่อนวันประชุม","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '74'}]",คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งยังคงต้องอยู่รักษาการในตำแหน่งเพื่อดำเนินกิจการของบริษัทต่อไปเพียงเท่าที่จำเป็นจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ +ทำรางน้ำตกใส่ข้างบ้านได้ไหม,ไม่ได้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน ท่านมิให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1341'}]",ไม่ได้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน +ถอนคำขอจองหุ้นได้ไหม,ผู้จองหุ้นจะถอนคำขอการจองหุ้นก็ได้ ในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนหนึ่งคนใดตายหรือถอนตัว โดยทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามกฎหมาย พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 21 ในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนหนึ่งคนใดตายหรือถอนตัว ผู้จองหุ้นจะถอนคำขอการจองหุ้นก็ได้ โดยมีหนังสือแจ้งให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามมาตรา 20 (2),"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '21'}]",ผู้จองหุ้นจะถอนคำขอการจองหุ้นก็ได้ ในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนหนึ่งคนใดตายหรือถอนตัว โดยทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามกฎหมาย +"ไม่ได้เป็นบริษัทจำกัดแต่ใช้ชื่อที่มีคำว่า ""บริษัทจำกัด"" ได้ไหม",ไม่ได้ ผู้ใดใช้ชื่อหรือยี่ห้อซึ่งมีอักษรไทยประกอบว่า “บริษัทจำกัด” “บริษัท” หรือ “จำกัด” หรืออักษรต่างประเทศซึ่งมีความหมายดังกล่าวประกอบในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจโดยมิได้เป็นบริษัทจำกัด เ���้นแต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งบริษัท หนังสือชี้ชวนให้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือหนังสือบอกกล่าวป่าวร้อง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท จนกว่าจะได้เลิกใช้หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 6 ผู้ใดใช้ชื่อหรือยี่ห้อซึ่งมีอักษรไทยประกอบว่า “บริษัทจำกัด” “บริษัท” หรือ “จำกัด” หรืออักษรต่างประเทศซึ่งมีความหมายดังกล่าวประกอบในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจโดยมิได้เป็นบริษัทจำกัด เว้นแต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งบริษัท หนังสือชี้ชวนให้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือหนังสือบอกกล่าวป่าวร้อง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้เลิกใช้หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '6'}]",ไม่ได้ +การเปลี่ยนตัวแทนนิติบุคคลมมีผลเมื่อใด,การเปลี่ยนตัวผู้แทนของนิติบุคคล หรือการจำกัดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจของผู้แทนของนิติบุคคล ให้มีผลต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งแล้ว แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตมิได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 การเปลี่ยนตัวผู้แทนของนิติบุคคล หรือการจำกัดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจของผู้แทนของนิติบุคคล ให้มีผลต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งแล้ว แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตมิได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '72'}]",การเปลี่ยนตัวผู้แทนของนิติบุคคล หรือการจำกัดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจของผู้แทนของนิติบุคคล ให้มีผลต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งแล้�� แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตมิได้ +ถ้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาห้ามโอนไว้แค่บอกว่าห้ามโอน การห้ามโอนนั้นมีระยะเวลาเท่าใด,ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาห้ามโอนไว้ ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลธรรมดา ให้ถือว่าข้อกำหนดห้ามโอนมีระยะเวลาอยู่ตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ แต่ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นนิติบุคคล ให้มีระยะเวลาเพียง 30 ปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1701 ข้อกำหนดห้ามโอนตามมาตราก่อนนั้นจะให้มีกำหนดเวลาหรือตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ก็ได้ ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาห้ามโอนไว้ ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลธรรมดา ให้ถือว่าข้อกำหนดห้ามโอนมีระยะเวลาอยู่ตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ แต่ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นนิติบุคคล ให้มีระยะเวลาเพียงสามสิบปี ถ้าได้กำหนดเวลาห้ามโอนไว้ กำหนดนั้นมิให้เกินสามสิบปี ถ้ากำหนดไว้นานกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1701'}]",ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาห้ามโอนไว้ ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลธรรมดา ให้ถือว่าข้อกำหนดห้ามโอนมีระยะเวลาอยู่ตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ แต่ในกรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นนิติบุคคล ให้มีระยะเวลาเพียง 30 ปี +ผู้สอบบัญชีไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดก.ล.ต. มีโทษอย่างไร,"ผู้สอบบัญชีผู้ใดของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามกฎหมาย บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือบริษัทที่มีหลักทรัพย์ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ปฏิบัติงานสอบบัญชี เพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือทำรายงานเท็จ หรือฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + + พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 287 ผู้สอบบัญชีผู้ใดของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือบริษัทที่มีหลักทรัพย์ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ปฏิบัติงานสอบบัญชี เพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือทำรายงานเท็จ หรือฝ่าฝืนมาตรา 62 วรรคหนึ่ง มาตรา 107 หรือมาตรา 140 วรรคสี่ หรือวรรคห้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '287'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +บริษัทหลักทรัพย์ไม่ดำเนินการให้มีทุนจดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดมีโทษไหม,"บริษัทหลักทรัพย์ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการกระทำความผิดของบริษัทหลักทรัพย์นั้นเกิดจากการสั่งการ การกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้นผู้ใด ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + + พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 343 บริษัทหลักทรัพย์ใดฝ่าฝืนมาตรา 322 หรือไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรา 324 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการกระทำความผิดของบริษัทหลักทรัพย์นั้นเกิดจากการสั่งการ การกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้นผู้ใด ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '343'}]",บริษัทหลักทรัพย์ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง +ใครเป็นผู้ตรวจสอบงบดุล,"งบดุลนั้นต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในรอบปีบัญชีนั้นและผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องมิใช่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์นั้น โดยที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนทุกงวด การบัญชีในรอบระยะเวลาหกเดือนตามแบบที่สำนักงานประกาศกำหนด บริษัทหลักทรัพย์ประกาศงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่จัดทำขึ้นทุกงวดการบัญชีในรอบระยะเวลา 6 เดือน โดยให้ปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้น ลงประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันแห่งท้องถิ่นอย่างน้อยหนึ่งฉบับ และเสนอต่อสำนักงาน 1 ฉบับ การจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนสำหรับงวดการบัญชีรอบระยะเวลาหกเดือนแรกของปีบัญชี ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนับแต่วันสิ้นงวดการบัญชี และสำหรับงวดประจำปีบัญชี ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 21 วันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ แต่ระยะเวลาทั้งหมดต้องไม่เกิน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชีนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่สำนักงานจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น + + พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 106 ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนทุกงวด การบัญชีในรอบระยะเวลาหกเดือนตามแบบที่สำนักงานประกาศกำหนด งบดุลนั้นต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในรอบปีบัญชีนั้นและผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องมิใช่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์นั้น ให้บริษัทหลักทรัพย์ประกาศงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่จัดทำขึ้นตามวรรคหนึ่งทุกงวดการบัญชีในรอบระยะเวลาหกเดือน โดยให้ปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้น ลงประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันแห่งท้องถิ่นอย่างน้อยหนึ่งฉบับ และเสนอต่อสำนักงานหนึ่งฉบับ การจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนสำหรับงวดการบัญชีรอบระยะเวลาหกเดือนแรกของปีบัญชีตามวรรคหนึ่งและการประกาศตามวรรคสอง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภาย��นสามเดือนนับแต่วันสิ้นงวดการบัญชี และสำหรับงวดประจำปีบัญชี ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในยี่สิบเอ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ แต่ระยะเวลาทั้งหมดต้องไม่เกินสี่เดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชีนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่สำนักงานจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '106'}]",ผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในรอบปีบัญชีนั้นและผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องมิใช่กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทหลักทรัพย์นั้น +ริบหุ้นแล้วต้องทำยังไงต่อ,หุ้นซึ่งริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า ได้จำนวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ ถ้ายังมีเงินเหลือเท่าใดต้องส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1125 หุ้นซึ่งริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า ได้จำนวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ ถ้ายังมีเงินเหลือเท่าใดต้องส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1125'}]",หุ้นซึ่งริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า ได้จำนวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ ถ้ายังมีเงินเหลือเท่าใดต้องส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น +ผู้รับหลักประกันรู้ความลับและใช้ความลับนั้นหาผลประโยชน์ได้ไหม,"ผู้รับหลักประกันหรือผู้บังคับหลักประกันผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลหรือความลับในการประกอบธุรกิจหรือข้อมูลอื่นใดของผู้ให้หลักประกันอันเป็นข้อมูลหรือความลับที่ตามปกติวิสัยของผู้ให้หลักประกันจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย และเปิดเผยหรือใช้ข้อมูลหรือความลับนั้นเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี หรือเป็นการเปิดเผยโดยผู้ให้หลักประกันได้ให้ความยินยอมแล้ว ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลหรือความลับจากบุคคลงเน���่องในการปฏิบัติราชการหรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี แล้วเปิดเผยข้อมูลหรือความลับนั้นในประการที่น่าจะเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน + + +พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 89 ผู้รับหลักประกันหรือผู้บังคับหลักประกันผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลหรือความลับในการประกอบธุรกิจหรือข้อมูลอื่นใดของผู้ให้หลักประกันอันเป็นข้อมูลหรือความลับที่ตามปกติวิสัยของผู้ให้หลักประกันจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย และเปิดเผยหรือใช้ข้อมูลหรือความลับนั้นเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี หรือเป็นการเปิดเผยโดยผู้ให้หลักประกันได้ให้ความยินยอมแล้ว ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลหรือความลับจากบุคคลตามวรรคหนึ่งเนื่องในการปฏิบัติราชการหรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี แล้วเปิดเผยข้อมูลหรือความลับนั้นในประการที่น่าจะเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '89'}]",ผู้รับหลักประกันไม่สามารถใช้ข้อมูลหรือความลับนั้นเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นได้ หากทำเช่นนั้นจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะมีการเปิดเผยโดยผู้ให้หลักประกันได้ให้ความยินยอม. +เป็นผู้จัดการทรัพย์สินจะได้ค่าตอบแทนไหม,"คำสั่งตั้งผู้จัดการทรัพย์สิน ศาลจะกำหนดบำเหน็จให้แก่ผู้จัดการทรัพย์สินโดยจ่ายจากทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้ ถ้าศาลมิได้กำหนด ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอต่อศาลให้กำหนดบำเหน็จในภายหลังก็ได้ ถ้าผู้จัดการทรัพย์สิน หรือผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการร้องขอ หรือเมื่อมีกรณีปรากฏแก่ศาลว่า พฤติการณ์เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งกำหนดบำเหน็จ งด ลด เพิ่ม หรือกลับให้บำเหน็จแก่ผู้จัดการทรัพย์สินอีกก็ได้ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 57 ใ��คำสั่งตั้งผู้จัดการทรัพย์สิน ศาลจะกำหนดบำเหน็จให้แก่ผู้จัดการทรัพย์สินโดยจ่ายจากทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้ ถ้าศาลมิได้กำหนด ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอต่อศาลให้กำหนดบำเหน็จในภายหลังก็ได้ ถ้าผู้จัดการทรัพย์สิน หรือผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการร้องขอ หรือเมื่อมีกรณีปรากฏแก่ศาลว่า พฤติการณ์เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งกำหนดบำเหน็จ งด ลด เพิ่ม หรือกลับให้บำเหน็จแก่ผู้จัดการทรัพย์สินอีกก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '57'}]",ศาลจะกำหนดบำเหน็จให้แก่ผู้จัดการทรัพย์สินโดยจ่ายจากทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้ ถ้าศาลมิได้กำหนด ผู้จัดการทรัพย์สินจะร้องขอต่อศาลให้กำหนดบำเหน็จในภายหลังก็ได้. +อายุความนับยังไง,"อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้งดเว้นกระทำการอย่างใด ให้เริ่มนับแต่เวลาแรกที่ฝ่าฝืนกระทำการนั้น + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/12 อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้งดเว้นกระทำการอย่างใด ให้เริ่มนับแต่เวลาแรกที่ฝ่าฝืนกระทำการนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/12'}]",อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้งดเว้นกระทำการอย่างใด ให้เริ่มนับแต่เวลาแรกที่ฝ่าฝืนกระทำการนั้น +สละมรดกยังไง,"การสละมรดกนั้น ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 การสละมรดกนั้น ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1612'}]",การสละมรดกนั้น ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ +กองทุนจ่ายเงินกองทุนได้ในกรณีใด,"กองทุนจ่ายเงินกองทุนได้ในกรณี (1) การดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน (2) การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพ��์ตามกฎหมาย (3) ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุน (4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด + +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/5 ให้กองทุนมีอำนาจจ่ายเงินจากกองทุนในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) การดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน (2) การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรา 218/6 (3) ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุน (4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/5'}]",(1) การดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน (2) การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมาย (3) ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุน (4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด +เสนอขายหุ้นบริษัทจำกัดต้องทำยังไง,"การเสนอขายหุ้นของบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ว่าจะกระทำโดยบริษัทจำกัดที่ออกหุ้นนั้นหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมิให้กระทำเป็นการทั่วไปหรือต่อบุคคลในวงกว้างเว้นแต่จะได้รับยกเว้นหรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด + +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 34 การเสนอขายหุ้นของบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ว่าจะกระทำโดยบริษัทจำกัดที่ออกหุ้นนั้นหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมิให้กระทำเป็นการทั่วไปหรือต่อบุคคลในวงกว้างเว้นแต่จะได้รับยกเว้นหรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '34'}]",การเสนอขายหุ้นของบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ว่าจะกระทำโดยบริษัทจำกัดที่ออกหุ้นนั้นหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมิให้กระทำเป็นการทั่วไปหรือต่อบุคคลในวงกว้างเว้นแต่จะได้รับยกเว้นหรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +ถูกตั้งให้เป็นตัวแทนแต่ผู้ตั้งตัวแทนไม่อยู่และสัญญาหมดลงแต่ต้องจัดการทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพดีจะสามารถทำได้ไหม,"ในกรณี��ี่ผู้ไม่อยู่ได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้ และสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไป หรือปรากฏว่าตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปได้จัดการทรัพย์สินนั้นในลักษณะที่อาจเสียหายแก่บุคคลดังกล่าว ศาลจะสั่งให้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งไปพลางเพื่อจัดการทรัพย์สินผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49 ในกรณีที่ผู้ไม่อยู่ได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้ และสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไป หรือปรากฏว่าตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปได้จัดการทรัพย์สินนั้นในลักษณะที่อาจเสียหายแก่บุคคลดังกล่าว ให้นำมาตรา 48 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '49'}]",ศาลจะสั่งให้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งไปพลางเพื่อจัดการทรัพย์สินผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้ +สิทธิเจ้าหนี้เหนือทรัพย์สินระงับเมื่อใด,"สิทธิของเจ้าหนี้เหนือทรัพย์ที่วางไว้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปเมื่อพ้นเวลาสิบปี นับแต่ได้รับคำบอกกล่าวการวางทรัพย์ อนึ่ง เมื่อสิทธิของเจ้าหนี้ระงับสิ้นไปแล้ว ถึงแม้ลูกหนี้จะได้ละสิทธิถอนทรัพย์ก็ยังชอบที่จะถอนทรัพย์นั้นได้ + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 339 สิทธิของเจ้าหนี้เหนือทรัพย์ที่วางไว้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปเมื่อพ้นเวลาสิบปี นับแต่ได้รับคำบอกกล่าวการวางทรัพย์ อนึ่ง เมื่อสิทธิของเจ้าหนี้ระงับสิ้นไปแล้ว ถึงแม้ลูกหนี้จะได้ละสิทธิถอนทรัพย์ก็ยังชอบที่จะถอนทรัพย์นั้นได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '339'}]",สิทธิของเจ้าหนี้เหนือทรัพย์ที่วางไว้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปเมื่อพ้นเวลาสิบปี นับแต่ได้รับคำบอกกล่าวการวางทรัพย์ +ผู้ทรงบุริมสิทธิบนทรัพย์สินจะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินนั้นไหม,"ผู้ทรงบุริมสิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตน จากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยนัยดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ หรือบทกฎหมายอื่น + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 251 ผู้ทรงบุริมสิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตน จากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยนัยดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ หรือบทกฎหมายอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '251'}]",ผู้ทรงบุริมสิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตน จากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยนัยดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ หรือบทกฎหมายอื่น +เพิกถอนพินัยกรรมยังไง,"ถ้าพินัยกรรมได้ทำเป็นต้นฉบับแต่ฉบับเดียว ผู้ทำพินัยกรรมอาจเพิกถอนพินัยกรรมนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ โดยทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจ ถ้าพินัยกรรมได้ทำเป็นต้นฉบับหลายฉบับ การเพิกถอนนั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่จะได้กระทำแก่ต้นฉบับเหล่านั้นทุกฉบับ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1695 ถ้าพินัยกรรมได้ทำเป็นต้นฉบับแต่ฉบับเดียว ผู้ทำพินัยกรรมอาจเพิกถอนพินัยกรรมนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ โดยทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจ ถ้าพินัยกรรมได้ทำเป็นต้นฉบับหลายฉบับ การเพิกถอนนั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่จะได้กระทำแก่ต้นฉบับเหล่านั้นทุกฉบับ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1695'}]",ผู้ทำพินัยกรรมอาจเพิกถอนพินัยกรรมนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ โดยทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจ หากมีต้นฉบับหลายฉบับ การเพิกถอนนั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่จะได้กระทำแก่ต้นฉบับเหล่านั้นทุกฉบับ. +ลูกคิดจากภรรยาใหม่ อำนาจปกครองลูกคนนั้นอยู่กับใคร,"เมื่อบุคคลใดมีบุตรติดมาได้สมรสกับบุคคลอื่น อำนาจปกครองที่มีต่อบุตรอยู่กับผู้ที่บุตรนั้นติดมา + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1568 เมื่อบุคคลใดมีบุตรติดมาได้สมรสกับบุคคลอื่น อำนาจปกครองที่มีต่อบุตรอยู่กับผู้ที่บุตรนั้นติดมา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1568'}]",อำนาจปกครองที่มีต่อบุตรอยู่กับผู้ที่บุตรนั้นติดมา +จ่ายเงินปันผลระหว่างการได้ไหม,"กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ถ้าหากบริษัทขาดทุน ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนเช่นนั้น + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1201 ห้ามมิให้ประกาศอนุญาตเงินปันผล นอกจากโดยมติของที่ประชุมใหญ่ กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ถ้าหากบริษัทขาดทุน ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนเช่นนั้น การจ่ายเงินปันผลนั้นให้กระทำภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่หรือกรรมการลงมติ แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1201'}]",กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น +สลักหลังตั๋วมีผลอย่างไร,"การสลักหลังตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 การสลักหลังตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '921'}]",การสลักหลังตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย +ใครเป็นคนกำหนดเงื่อนไขประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตัล,"กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศหรือเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ + +พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 27 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศหรือเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่งได้","[{'law': 'พระราชก��หนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '27'}]",รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ +ชำระบัญชีแล้วไม่พอใช้หนี้ต้องทำยังไง,"ถ้าผู้ชำระบัญชีมาพิจารณาเห็นว่า เมื่อเงินลงทุนหรือเงินค่าหุ้นได้ใช้เสร็จหมดแล้ว สินทรัพย์ก็ยังไม่พอกับหนี้สินไซร้ ผู้ชำระบัญชีต้องร้องขอต่อศาลทันที เพื่อให้ออกคำสั่งว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นล้มละลาย + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1266 ถ้าผู้ชำระบัญชีมาพิจารณาเห็นว่า เมื่อเงินลงทุนหรือเงินค่าหุ้นได้ใช้เสร็จหมดแล้ว สินทรัพย์ก็ยังไม่พอกับหนี้สินไซร้ ผู้ชำระบัญชีต้องร้องขอต่อศาลทันที เพื่อให้ออกคำสั่งว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นล้มละลาย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1266'}]",ผู้ชำระบัญชีต้องร้องขอต่อศาลทันที เพื่อให้ออกคำสั่งว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นล้มละลาย +เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนก่อนแบบแสดงรายการโฆษณาได้ไหม,"ไม่ได้ ผู้ใดเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ก่อนที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงานตามกฎหมายมีผลใช้บังคับ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งเท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 277 ผู้ใดเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ก่อนที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงานตามมาตรา 65 มีผลใช้บังคับ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งเท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '277'}]",ไม่ได้ +พนักงานเจ้าหน้าที่ทรัสต์ขอให้ช่วยเหลือจะต้องทำยังไง,"ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักง��นเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร + +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 64 ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '64'}]",ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร +ใครเป็นผู้แทนตลาดหลักทรัพย์,"ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเพื่อการนี้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์จะมอบหมายให้บุคคลใด ๆ ปฏิบัติกิจการบางอย่างแทนโดยไม่ขัดต่อระเบียบหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ก็ได้ การมอบหมายต้องทำเป็นหนังสือ + +พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 168 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อการนี้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์จะมอบหมายให้บุคคลใด ๆ ปฏิบัติกิจการบางอย่างแทนโดยไม่ขัดต่อระเบียบหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ก็ได้ การมอบหมายตามวรรคหนึ่งให้ทำเป็นหนังสือ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '168'}]",ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก +ใครใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสัญญาเช่า,คู่สัญญาพึงออกใช้เสมอกันทั้งสองฝ่าย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 539 ค่าฤชาธรรมเนียมทำสัญญาเช่านั้น คู่สัญญาพึงออกใช้เสมอกันทั้งสองฝ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '539'}]",คู่สัญญาพึงออกใช้เสมอกันทั้งสองฝ่าย +ตั๋วเงินไม่ได้ติดอากรแสตมป์ให้สมบูรณ์ต้องทำยังไง,"ถ้าตั๋วเงินที่ยื่นให้ชำระเงินมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้รับตั๋วจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่า และใช้สิทธิไล่เบี้ยจากผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 112 ถ้าตั๋วเงินที่ยื่นให้ชำระเงินมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้รับตั๋วจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่า และใช้สิทธิไล่เบี้ยจากผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '112'}]",ผู้รับตั๋วจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่า และใช้สิทธิไล่เบี้ยจากผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้ +คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีกี่คน,"คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์เกี่ยวกับการบัญชี มีจำนวนไม่น้อยกว่า 7 คนแต่ไม่เกิน 11 คน และผู้แทนกรมการประกันภัย ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้แทนกรมสรรพากร ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ และเลือกกรรมการอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การคัดเลือก และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี + + +พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 33 ให้มีคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์เกี่ยวกับการบัญชี มีจำนวนไม่น้อยกว่าเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบเอ็ดคน และผู้แทนกรมการประกันภัย ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้แทนกรมสรรพากร ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี ให้กรรมการตามวรรคหนึ่งเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ และเลือกกรรมการอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การคัดเลือก และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '33'}]",มีจำนวนไม่น้อยกว่า 7 คนแต่ไม่เกิน 11 คน +ขอให้ทำตามสัญญาก่อนถึงระยะเวลาล่วงหน้าตามสัญญาได้ไหม,"นิติกรรมใดมีเงื่อนเวลาเริ่มต้นกำหนดไว้ ห้ามไม่ให้ทวงถา���ให้ปฏิบัติการตามนิติกรรมนั้นก่อนถึงเวลาที่กำหนด + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191 นิติกรรมใดมีเงื่อนเวลาเริ่มต้นกำหนดไว้ ห้ามมิให้ทวงถามให้ปฏิบัติการตามนิติกรรมนั้นก่อนถึงเวลาที่กำหนด นิติกรรมใดมีเงื่อนเวลาสิ้นสุดกำหนดไว้ นิติกรรมนั้นย่อมสิ้นผลเมื่อถึงเวลาที่กำหนด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '191'}]",ห้ามไม่ให้ทวงถามให้ปฏิบัติการตามนิติกรรมนั้นก่อนถึงเวลาที่กำหนด +บอกเลิกสัญญาประกันภัยจะได้เงินคืนไหม,"กรณีบอกเลิกสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องคืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือทายาทของผู้นั้น + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 892 ในกรณีบอกล้างสัญญาตามความในมาตรา 865 ผู้รับประกันภัยต้องคืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือทายาทของผู้นั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '892'}]",ผู้รับประกันภัยต้องคืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือทายาทของผู้นั้น +ระยะเวลาส่งหนังสือนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทมหาชน,"การเรียกประชุมคณะกรรมการ ให้ส่งหนังสือนัดประชุมไปยังกรรมการไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนประชุม เว้นแต่ในกรณีจำเป็นรีบด่วนเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัทจะแจ้งการนัดประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดและกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้นก็ได้ + +พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 82 ในการเรียกประชุมคณะกรรมการ ให้ส่งหนังสือนัดประชุมไปยังกรรมการไม่น้อยกว่าสามวันก่อนประชุม เว้นแต่ในกรณีจำเป็นรีบด่วนเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัทจะแจ้งการนัดประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดและกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '82'}]",การเรียกประชุมคณะกรรมการ ให้ส่งหนังสือนัดประชุมไปยังกรรมการไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนประชุม +คำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะออกมาแล้วเดือนนั้นต้องเสียน้อย จะต้องจ่ายไหม,"ถ้าในเดือนภาษีใดมีจำนวนไม่ถึง 100 บาทเป็นอันไม่ต้องเสียสำหรับเดือนภาษีนั้น + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/17 ภาษีตามหมวดนี้ ถ้าในเดือนภาษีใดมีจำน��นไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทเป็นอันไม่ต้องเสียสำหรับเดือนภาษีนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/17'}]",ถ้าในเดือนภาษีใดมีจำนวนไม่ถึง 100 บาทเป็นอันไม่ต้องเสียสำหรับเดือนภาษีนั้น +รับมรดกมาแล้วมีหนี้ติดมาด้วย จะต้องใช้หนี้ไหม,"ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1601'}]",ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน +ใครสามารถขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก,"ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์ (2) เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการ หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก (3) เมื่อข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใด ๆ การตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งตามข้อกำหนดพินัยกรรม และถ้าไม่มีข้อกำหนดพินัยกรรม ก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาของเจ้ามรดก แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์ (2) เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการ หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก (3) เมื่อข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใด ๆ การตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งตามข้อกำหนดพินัยกรรม และถ้าไม่มีข้อกำหนดพินัยกรรม ก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาของเจ้ามรดก แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งแ��ะพาณิชย์', 'sections': '1713'}]",ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ +ถ้ามีคำสั่งให้พักการประกอบกิจการทรัสต์แต่ยังคงทำต่อ มีโทษไหม,"ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งลงโทษทางปกครองที่สั่งให้พักการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอาจสั่งพักการเป็นทรัสตีเฉพาะสัญญาก่อตั้งทรัสต์ใดหรือทุกสัญญาก็ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน + + พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 79 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งลงโทษทางปกครองตามมาตรา 67 (4) หรือ (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '79'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน +กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ต่อทรัพย์สินในกองทรัสต์ต้องได้รับโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 + +มาตรา 87 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ต่อทรัพย์สินในกองทรัสต์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '87'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +กฎหมาย กฎและข้อบังคับซึ่งขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้าสามารถบังคับใช้ได้อยู่หรือไม่,"ใช่ไม่ได้แล้ว ให้ใช้บังคับตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้าแทน + +ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 3 บรรดาบทกฎหมาย กฎและข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '3'}]",ใช่ไม่ได้แล้ว ให้ใช้บังคับตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้าแทน +ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 80 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่กำหนดมาตรการลงโทษตามมาตรา 74 (2) หรือ (3) หรือมาตรา 98 (3) หรือ (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '80'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาได้เมื่อใด,"ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาได้ ในบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ให้ริบเป็นของเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '574'}]",ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ +ในระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่ได้สำเร็จ สิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ของคู่กรณีมีอย่างไรบ้าง,"คู่กรณีจะจำหน่าย จะรับมรดก จะจัดการป้องกันรักษา หรือจะทำประกันไว้ประการใดตามกฎหมายก็ย่อมทำได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 ในระหว่างที่เงื่อนไขยังมิได้สำเร็จนั้น สิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ของคู่กรณีมีอย่างไร จะจำหน่าย จะรับมรดก จะจัดการป้องกันรักษา หรือจะทำประกันไว้ประการใดตามกฎหมายก็ย่อมทำได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '185'}]",คู่กรณีจะจำหน่าย จะรับมรดก จะจัดการป้องกันรักษา หรือจะทำประกันไว้ประการใดตามกฎหมายก็ย่อมทำได้ +ใครมีหน้าที่รับผิดชอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลในการจดทะเบียน แก้ไข หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ,"ผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียน เป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลที่ตนแจ้งในการจดทะเบียน แก้ไข หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ + + +ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 16 ให้เจ้าพนักงานทะเบียนรับจดทะเบียน แก้ไขรายการจดทะเบียน หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนตามหมวดนี้ โดยผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลที่ตนเป็นผู้แจ้งนั้น ในกรณีข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนมีรายการไม่ครบถ้วนตามมาตรา 18 เจ้าพนักงานทะเบียนต้องไม่รับจดทะเบียน แก้ไขรายการจดทะเบียน หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '16'}]",ผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียน เป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลที่ตนแจ้งในการจดทะเบียน แก้ไข หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ +สำนักงานด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจอย่างไร,"ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ถอดถอนบุคคล ให้สำนักงานด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจสั่งถอดถอนกรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นไม่ถอดถอน และ แต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดไปดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งถูกถอดถอนเป็นเวลาไม่เกินสามปี + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 145 บริษัทหลักทรัพย์ใดไม่ถอดถอนบุคคลหรือถอดถอนแล้วไม่แต่งตั้งบุคคลอื่นเข้าดำรงตำแหน่งแทนภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันถอดถอน ให้สำนักงานด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการก���กับตลาดทุนมีอำนาจสั่งดังต่อไปนี้ (1) ถอดถอนกรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นไม่ถอดถอน (2) แต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดไปดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งถูกถอดถอนเป็นเวลาไม่เกินสามปี และให้บุคคลนั้นได้รับค่าตอบแทนตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนดโดยให้จ่ายจากทรัพย์สินของบริษัทหลักทรัพย์นั้น และในระหว่างเวลาที่บุคคลดังกล่าวดำรงตำแหน่งอยู่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์จะมีมติเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งของสำนักงานมิได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '145'}]",สำนักงานด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจสั่งถอดถอนกรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์นั้นไม่ถอดถอน และแต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดไปดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งถูกถอดถอนเป็นเวลาไม่เกินสามปี. +ศาลอาจกำหนดวิธีการชั่วคราวเกี่ยวกับการคุ้มครองคู่สมรสฝ่ายที่วิกลจริตได้ในกรณีใด,"ได้ในกรณีถ้ามีคำระหว่างการพิจารณาคดีตามมาตรา 1464 + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1464/1 ในระหว่างการพิจารณาคดีตามมาตรา 1464 ถ้ามีคำขอศาลอาจกำหนดวิธีการชั่วคราวเกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยงดูหรือการคุ้มครองคู่สมรสฝ่ายที่วิกลจริตได้ตามที่เห็นสมควร และหากเป็นกรณีฉุกเฉินให้นำบทบัญญัติเรื่องคำขอในเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1464/1'}]",ได้ในกรณีถ้ามีคำระหว่างการพิจารณาคดีตามมาตรา 1464 +ในกรณีการรับฝากทรัพย์เป็นการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ผู้รับฝากมีหน้าที่อย่างไร,"ผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 ถ้าการรับฝากทรัพย์เป็นการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง ถ้าการรับฝากทรัพย์นั้นมีบำเหน็จค่าฝาก ผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '659'}]",ผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง +เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ลูกหนี้ ย่อมเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วยหรือไม่,"เป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 692 อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ลูกหนี้นั้น ย่อมเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '692'}]",เป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย +หากคู่สัญญาแสดงข้อความใดว่าเป็นสาระสำคัญและต้องตกลงกันหมดทุกข้อ แต่ยังไม่ตกลงกันได้หมดทุกข้อ สัญญาจะเกิดขึ้นหรือไม่,"ถือว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกัน การที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้เฉพาะบางสิ่งบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะได้จดลงไว้ก็ยังไม่มีการผูกพัน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 ข้อความใด ๆ แห่งสัญญาอันคู่สัญญาแม้เพียงฝ่ายเดียวได้แสดงไว้ว่าเป็นสาระสำคัญอันจะต้องตกลงกันหมดทุกข้อนั้น หากคู่สัญญายังไม่ตกลงกันได้หมดทุกข้ออยู่ตราบใด เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย นับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกัน การที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้เฉพาะบางสิ่งบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะได้จดลงไว้ก็หาเป็นการผูกพันไม่ ถ้าได้ตกลงกันว่าสัญญาอันมุ่งจะทำนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย นับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '366'}]",ถือว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกัน การที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้เฉพาะบางสิ่งบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะได้จดลงไว้ก็ยังไม่มีการผูกพัน +ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่รับซื้อหุ้นของผู้ที่ออกจากหุ้นส่วนไป สัญญาหุ้นส่วนยังใช้ได้ต่อไปได้หรือไม่,"สัญญาหุ้นส่วนยังคงใช้ได้ต่อไปในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่ด้วยกัน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1060 ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 1055 อนุมาตรา 4 หรืออนุมาตรา 5 นั้น ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่รับซื้อหุ้นของผู้ที่ออกจากหุ้นส่วนไป สัญญาหุ้นส่วนนั้นก็ยังคงใช้ได้ต่อไปในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่ด้วยกัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1060'}]",สัญญาหุ้นส่วนยังคงใช้ได้ต่อไปในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่ด้วยกัน +เงินปันผลที่ยังค้างจ่ายอยู่ สามารถคิดเอาดอกเบี้ยแก่ได้หรือไม่,"คิดเอาดอกเบี้ยแก่บริษัทไม่ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1205 เงินปันผลนั้น แม้จะค้างจ่ายอยู่ หาอาจจะคิดเอาดอกเบี้ยแก่บริษัทไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1205'}]",คิดเอาดอกเบี้ยแก่บริษัทไม่ได้ +ถ้าตามพฤติการณ์ไม่อาจจะคาดหมายได้ว่างานนั้นจะทำให้เปล่า จะถือว่าอย่างไร,"จะถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 576 ถ้าตามพฤติการณ์ไม่อาจจะคาดหมายได้ว่างานนั้นจะพึงทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '576'}]",จะถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง +การขอรับใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง,"ชื่อของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตั้งสำนักงาน บริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง ทุนและที่มาของทุนในการดำเนินงาน ข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และรายละเอียดอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 205 การขอรับใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ตามมาตรา 204 ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ (1) ชื่อของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ (2) ที่ตั้งสำนักงาน (3) บริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง (4) ทุนและที่มาของทุนในการดำเนินงาน (5) ข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ (6) รายละเอียดอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด คำขอตามวรรคหนึ่งให้แนบเอกสารหลักฐานข้อตกลงในการจัดตั้ง ข้อบังคับที่ใช้บังคับกับสมาชิก และหลักฐานอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '205'}]",ชื่อของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตั้งสำนักงาน บริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง ทุนและที่มาของทุนในการดำเนินงาน ข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และรายละ��อียดอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุเท่าใด,"การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1448'}]",การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว +ในระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมและในระหว่างศาลกับผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้งให้นำกฎหมายใดมาใช้บังคับ,"ให้นำมาตรา 1563, 1564 วรรค 1 และ 2 และ 1565 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1730 ให้นำมาตรา 1563, 1564 วรรค 1 และ 2 และ 1565 แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมและในระหว่างศาลกับผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้ง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1730'}]","ให้นำมาตรา 1563, 1564 วรรค 1 และ 2 และ 1565 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม" +ถ้าบุคคลที่มีสิทธิเป็นทายาทถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดกตาย มรดกจะตกทอดแก่ใคร,"บุคคลซึ่งจะเป็นทายาทตามมาตรา 1629 (1) (3) (4) หรือ (6) ถึงแก่ความตาย หรือถูกกำจัดมิให้รับมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย ถ้าบุคคลนั้นมีผู้สืบสันดานก็ให้ผู้สืบสันดานรับมรดกแทนที่ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1639 ถ้าบุคคลใดซึ่งจะเป็นทายาทตามมาตรา 1629 (1) (3) (4) หรือ (6) ถึงแก่ความตาย หรือถูกกำจัดมิให้รับมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย ถ้าบุคคลนั้นมีผู้สืบสันดานก็ให้ผู้สืบสันดานรับมรดกแทนที่ ถ้าผู้สืบสันดานคนใดของบุคคลนั้นถึงแก่ความตายหรือถูกกำจัดมิให้รับมรดกเช่นเดียวกัน ก็ให้ผู้สืบสันดานของผู้สืบสันดานนั้นรับมรดกแทนที่ และให้มีการรับมรดกแทนที่กันเฉพาะส่วนแบ่งของบุคคลเป็นราย ๆ สืบต่อกันเช่นนี้ไปจนหมดสาย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1639'}]",ผู้สืบสันดานรับมรดกแทนที่ +เจ้าของรวมสามารถใช้สิทธิอันเกิดจากกรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกได้หรือไม่,"เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ ส���มารถใช้สิทธิอันเกิดจากกรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ อาจใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก แต่ในการเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืนนั้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 302 แห่งประมวลกฎหมายนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1359'}]",เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ สามารถใช้สิทธิอันเกิดจากกรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกได้ +กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามประมวลรัษฎากรมีวาระคราวละกี่ปี,"มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี + +ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 13 ตรี ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 13 ทวิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 ตรี'}]",มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี +การคำนวณราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินไทยมีหลักเกณฑ์อย่างไร,"เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด + +ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 8 ในกรณีที่จำเป็นต้องคำนวณราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินไทย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '8'}]",เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +เมื่อกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้นต้องได้รับโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 41 ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดค��ามผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '41'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หน่วยงานใดมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. + +ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 76 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ลงทุน การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '76'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. +ผู้ที่ลงรายการเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรืองบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อให้ผิดความเป็นจริงต้องได้รับโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 39 ผู้ใดลงรายการเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรืองบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อให้ผิดความเป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามที่กล่าวมาในข้างต้นเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '39'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ถ้าทรัสตีไม่ได้ดำเนินการให้ทรัสตีจัดทําบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แยกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ของทรัสตีจนทำให้กองทรัสต์แต่ละกองปะปนกันจนไม่อาจแยกได้ว่าทรัพย์สินใดเป็นของกองทรัสต์ใด ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ให้สันนิษฐานว่าทรัพย์สินนั้นรวมทั้งทรัพย์สินที่ถูกเปลี่ยนรูปหรือถูกเปลี่ยนสภาพไปจากทรัพย์สินนั้นและประโยชน์ใด ๆ หรือหนี้ส���นที่เกิดขึ้นจากการจัดการทรัพย์สินดังกล่าว เป็นของกองทรัสต์แต่ละกองตามสัดส่วนของทรัพย์สินที่นำมาเป็นต้นทุนที่ปะปนกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '36'}]",ให้สันนิษฐานว่าทรัพย์สินนั้นรวมทั้งทรัพย์สินที่ถูกเปลี่ยนรูปหรือถูกเปลี่ยนสภาพไปจากทรัพย์สินนั้นและประโยชน์ใด ๆ หรือหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการจัดการทรัพย์สินดังกล่าว เป็นของกองทรัสต์แต่ละกองตามสัดส่วนของทรัพย์สินที่นำมาเป็นต้นทุนที่ปะปนกัน +เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มให้แจ้งการประเมินไปยังใคร,"แจ้งการประเมินไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88/5 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 88 หรือมาตรา 88/1 แล้ว ให้แจ้งการประเมินเป็นหนังสือไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือบุคคลตามมาตรา 88/1","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/5'}]",แจ้งการประเมินไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี +เวลาพนักงานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงอะไร,แสดงบัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่แก่คนที่เกี่ยวข้อง คำอธิบายเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 31 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '31'}]",แสดงบัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่แก่คนที่เกี่ยวข้อง +ผู้บังคับหลักประกันมีอำนาจหน้าที่อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับหลักประกัน,"ให้ผู้บังคับหลักประกันมีอำนาจหน้าที่บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการที่เป็นหลักประกันจนกว่าจะจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันได้ ตรวจสอบและประเมินราคากิจการที่เป็นหลักประกัน กำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน จำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน และจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 73 ให้ผู้บังคับหลักประกันมีอำนาจหน้าที่บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการที่เป็นหลักประกันจนกว่าจะจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันได้ ตรวจสอบและประเมินราคากิจการที่เป็นหลักประกัน กำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน ดำเนินการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน และจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันตามมาตรา 74 เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ผู้บังคับหลักประกันอาจจำหน่ายจ่ายโอน เช่า ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในกิจการที่เป็นหลักประกันได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อให้กิจการสามารถดำเนินการต่อไปได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '73'}]",ให้ผู้บังคับหลักประกันมีอำนาจหน้าที่บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการที่เป็นหลักประกันจนกว่าจะจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันได้ ตรวจสอบและประเมินราคากิจการที่เป็นหลักประกัน กำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน จำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน และจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน +เมื่อการขอจดทะเบียนค่าหุ้นไม่ได้จดภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและกรรมการไม่ได้คืนเงินค่าหุ้นให้แก่ผู้จ้องหุ้นต้องรับผิดอย่างไร,"กรรมการต้องร่วมกันรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนเงินพร้อมกับจ่ายค่าดอกเบี้ย + +อธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 45 กรรมการต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 44 พร้อมกับจ่ายค่าดอกเบี้ย นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาตามมาตรา 44","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '45'}]",กรรมการต้องร่วมกันรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนเงินพร้อมกับจ่ายค่าดอกเบี้ย +การค้าเร่ การค้าแผงลอยอยู่ภายใต้การบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์หรือไม่,"การค้าเร่ การค้าแผงลอยไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ + +ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้ไม่ให้ใช้บังคับแก่ (1) การค้าเร่ การค้าแผงลอย","[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '7'}]",การค้าเร่ การค้าแผงลอยไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ +ผู้ชำระบัญชีที่ศา���ไม่ได้ตั้งขึ้นจะถูกถอนออกจากตำแหน่งได้อย่างไร,"ผู้ชำระบัญชีที่ศาลไม่ได้ตั้งขึ้นจะถูกถอนออกจากตำแหน่งได้เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายออกเสียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้นได้ลงมติถอดถอน + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1257 ผู้ชำระบัญชีซึ่งมิใช่เป็นขึ้นเพราะศาลตั้งนั้น จะถอนจากตำแหน่งและตั้งผู้อื่นแทนที่ก็ได้ เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายออกเสียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หรือที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้นได้ลงมติดังนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1257'}]",ผู้ชำระบัญชีที่ศาลไม่ได้ตั้งขึ้นจะถูกถอนออกจากตำแหน่งได้เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายออกเสียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้นได้ลงมติถอดถอน +คนที่ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติมีผลใช้บังคับต้องยื่นขอจดทะเบียนภายในกี่วัน,"ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายในหกสิบวันตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 156 ให้บุคคลซึ่งประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ยื่นขออนุญาตหรือขอจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ สรุปต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภายในหกสิบวัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '156'}]",ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายในหกสิบวันตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ +หลังเลิกประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจควรทำอะไร,ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดต้องทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ชำระราคาส่งมอบรายการที่ค้างอยู่ หรือดำเนินการใดๆตามหลักเกณฑ์และเวลาที่ก.ล.ต.กำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '33'}]",ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดต้องทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ชำระราคาส่งมอบรายการที่ค้างอยู่ หรือดำเนินการใดๆตามหลักเกณฑ์และเวลาที่ก.ล.ต.กำหนด +ทรัสตีต้องเลือกผู้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์อย่างไร,"ทรัสตีต้องเลือกผู้มอบหมายด้วยความรอบคอบและระมัดระวังรวมทั้งต้องกำกับและตรวจสอบการจัดการแทนอย่างเพียงพอ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 38 ในกรณีที่ทรัสตีมอบหมายให้ผู้อื่นจัดการกองทรัสต์โดยชอบตามมาตรา 37 ทรัสตีต้องเลือกผู้รับมอบหมายด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง รวมทั้งต้องกำกับและตรวจสอบการจัดการแทนอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดรายละเอียดในการปฏิบัติของทรัสตีในกรณีดังกล่าวได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '38'}]",ทรัสตีต้องเลือกผู้มอบหมายด้วยความรอบคอบและระมัดระวังรวมทั้งต้องกำกับและตรวจสอบการจัดการแทนอย่างเพียงพอ +บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นที่ไม่ใช่กำไรในขณะที่บริษัทมีการขาดสะสมอยู่จนทำให้เจ้าหนี้ของบริษัทเสียเปรียบเจ้าหนี้สามารถทำอย่างไรได้บ้าง,"เจ้าหนี้สามารถฟ้องผู้ถือหุ้นให้คืนเงินปันผลที่ได้รับไปแล้ว + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 118 ในกรณีที่บริษัทจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา 115 มาตรา 116 หรือมาตรา 117 เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของบริษัทเสียเปรียบ เจ้าหนี้จะฟ้องผู้ถือหุ้นให้คืนเงินปันผลที่ได้รับไปแล้วก็ได้โดยต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติ แต่ผู้ถือหุ้นคนใดได้รับเงินปันผลไปแล้วโดยสุจริตจะบังคับให้คืนเงินไม่ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '118'}]",เจ้าหนี้สามารถฟ้องผู้ถือหุ้นให้คืนเงินปันผลที่ได้รับไปแล้ว +ถ้าจะโอนทรัพย์สินให้ผู้เยาว์โดยพินัยกรรมใครเป็นผู้จัดการจนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ,"ผู้ใช้อำนาจปกครอง + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1577 บุคคลใดจะโอนทรัพย์สินให้ผู้เยาว์โดยพินัยกรรมนอกจากผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้จัดการจนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะก็ได้ ผู้จัดการนั้นต้องเป็นผู้ซึ่งผู้โอนระบุชื่อไว้ หรือถ้ามิได้ระบุไว้ก็ให้ศาลสั่ง แต่การจัดการทรั���ย์สินนั้นต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 60","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1577'}]",ผู้ใช้อำนาจปกครอง +ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์สามารถนำกฎหมายว่าด้วยการบังคับจำนำมาใช้ได้หรือไม่,"ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์สามารถนำกฎหมายว่าด้วยการบังคับจำนำมาใช้บังคับได้โดยอนุโลม + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 266 ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ จะใช้สิทธิที่ตนมีสิทธิจะได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้คนอื่นๆบังคับทำนองเดียวกับผู้รับจำนำก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '266'}]",ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์สามารถนำกฎหมายว่าด้วยการบังคับจำนำมาใช้บังคับได้โดยอนุโลม +หนี้อันพึงต้องชำระตามเขาสั่ง ลูกหนี้มีสิทธิที่จะสอบสวนถึง ตัวผู้ทรงตราสารใช้บังคับถึงกรณีใดได้บ้าง,ใช้บังคับตลอดถึงกรณีที่มีกำหนดตัวเจ้าหนี้ระบุไว้ในตราสาร ซึ่งมีข้อความจดไว้ด้วยว่าให้ชำระหนี้แก่ผู้ทรงตราสาร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '311'}]",ใช้บังคับตลอดถึงกรณีที่มีกำหนดตัวเจ้าหนี้ระบุไว้ในตราสาร ซึ่งมีข้อความจดไว้ด้วยว่าให้ชำระหนี้แก่ผู้ทรงตราสาร +หากคู่สัญญาไม่ตกลงกันเป็นอย่างอื่น ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิในการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือไม่,"ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิแลกเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน + +คำอธิบายขยายความตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิแลกเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน รวมทั้งใช้เป็นหลักประกัน ใช้ในการผลิต นำไปรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่นใช้ไปสิ้นไปในกรณีที่ครอบครองเพื่อการใช้สิ้นเปลือง และได้ดอกผลของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน เว้นแต่คู่สัญญาจะตกลงกันเป็นอย่างอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '22'}]",ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิแลกเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน +ผู้ทรงต้องให้คำบอกกล่าวการที่เขาไม่รับรองตั๋วเงินไปยังผู้สลักหลังถัดจากตนขึ้นไปรวมทั้งผู้สั่งจ่ายภายในเวลากี่วันต่อจากวันคัดค้าน,"[""ผู้ทรงต้องบอกกล่าวการที่ไม่รับรองตั๋วเงินภายใน4วันต่อจากวันคัดค้าน + +คำอธิบาย���ยายความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 963 ผู้ทรงต้องให้คำบอกกล่าวการที่เขาไม่รับรองตั๋วแลกเงินไปยังผู้สลักหลังถัดตนขึ้นไปกับทั้งผู้สั่งจ่ายด้วยภายในเวลาสี่วันต่อจากวันคัดค้าน หรือต่อจากวันยื่นตั๋วในกรณีที่มีข้อกำหนดว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน''""]","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '963'}]",4 วัน +หากผู้ปกครองทำบัญชีทรัพย์สินของผู้อยู้ในปกครองไม่เสร็จภายใน3เดือนตั้งแต่วันที่ทราบคำสั่งของศาลสามารถขอขยายเวลาในการทำบัญชีทรัพย์สินได้หรือไม่,"ผู้ปกครองสามารถขอขยายระยะเวลาโดยการร้องขอต่อศาลก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลา3เดือนได้ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1592 ให้ผู้ปกครองรีบทำบัญชีทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองให้เสร็จภายในสามเดือนนับแต่วันที่ทราบคำสั่งตั้งของศาล แต่ผู้ปกครองจะร้องต่อศาลก่อนสิ้นกำหนดขอให้ยืดเวลาก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1592'}]",ผู้ปกครองสามารถขอขยายระยะเวลาโดยการร้องขอต่อศาลก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลา3เดือนได้ +การเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนจะกระทำได้เมื่อไร,"การเสนอขายหน่วยลงทุนจะกระทำได้ต่อเมื่อบริษัทหลักทรัพย์ได้จัดส่งหรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวนพร้อมระบุวันที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมไว้ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 123 การเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนจะกระทำได้ต่อเมื่อบริษัทหลักทรัพย์ได้จัดส่งหรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวนพร้อมทั้งระบุวันที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมไว้ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '123'}]",การเสนอขายหน่วยลงทุนจะกระทำได้ต่อเมื่อบริษัทหลักทรัพย์ได้จัดส่งหรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวนพร้อมระบุวันที่ที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมไว้ +ถ้ามีผู้ขัดขวางพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฎิบัติหน้าที่จากการเข้าไปค้นสถานที่ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดมีโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 81 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 62 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '81'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +พ่อแม่โดยกำเนิดกลับมามีอำนาจปกครองเมื่อไร,"นับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมตาย หรือนับแต่เวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตรบุญธรรมหรือนับแต่เวลาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม เว้นแต่ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/37 เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมตายหรือมีการเลิกรับบุตรบุญธรรม ถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ให้บิดามารดาโดยกำเนิดกลับมีอำนาจปกครองนับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมตาย หรือนับแต่เวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตรบุญธรรมตามมาตรา 1598/31 หรือนับแต่เวลาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม เว้นแต่ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นประการอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/37'}]",นับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมตาย หรือนับแต่เวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตรบุญธรรมหรือนับแต่เวลาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม เว้นแต่ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น +เมื่อหนี้ถึงเวลาที่มีกำหนดชำระและฝ่ายที่มีสิทธิจะเลือกระยะเวลาในการกำหนดชำระหนี้ไม่ได้เลือกภายในระยะเวลาที่กำหนดผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร,"สิทธิที่จะเลือกระยะเวลาที่มีกำหนดจะต้องชำระหนี้ย่อมตกไปอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 200 ถ้าจะต้องเลือกภายในระยะเวลาอันมีกำหนด และฝ่ายที่มีสิทธิจะเลือกมิได้เลือกภายในระยะเวลานั้น สิทธิที่จะเลือกนั้นย่อมตกไปอยู่แก่อีกฝ่ายหนึ่ง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '200'}]",สิทธิที่จะเลือกระยะเวลาที่มีกำหนดจะต้องชำระหนี้ย่อมตกไปอยู่��ับอีกฝ่ายหนึ่ง +ถ้าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนายทะเบียนมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง,"นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอดชื่อออกจากสมาคมออกจากทะเบียน + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 102 ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ในกรณีดังต่อไปนี้ 2. เมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '102'}]",นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอดชื่อออกจากสมาคมออกจากทะเบียน +เงื่อนไขในการยื่นขอจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีของนิติบุคคลที่ให้บริการการสอบบัญชีมีอะไรบ้าง,"1. นิติบุคคลนั้นต้องจัดให้มีหลักประกันตามมาตรา 11 (1) ให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องไม่เกินกว่าสามปี 2.ดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรา 11 (2) ให้ครบถ้วนภายในสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 78 นิติบุคคลใดให้บริการการสอบบัญชีหรือการทำบัญชีอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยื่นขอจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) นิติบุคคลนั้นต้องจัดให้มีหลักประกันตามมาตรา 11 (1) ให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องไม่เกินกว่าสามปี (2) ดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรา 11 (2) ให้ครบถ้วนภายในสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '78'}]",1. นิติบุคคลนั้นต้องจัดให้มีหลักประกันตามมาตรา 11 (1) ให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องไม่เกินกว่าสามปี 2. ดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรา 11 (2) ให้ครบถ้วนภายในสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +ใบรับซึ่งผู้ขนส่งได้ส่งมอบแก่คนโดยสารถ้ามีข้อความจำกัดความรับผิดชอบของผู้ขนส่งผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,เป็นโมฆะหมายความว่าใบรับซึ่งผู้ขนส่งได้ส่งมอบแก่คนโดยสารถ้ามีข้อความจำกัดความรับผิดชอบของผู้ขนส่งข้อความนี้จะไม่สมบูรณ์และไม่มีผลบังคับแก่ค���โดยสาร คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 639 ใบรับซึ่งผู้ขนส่งได้ส่งมอบแก่คนโดยสารนั้น หากมีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งอย่างใด ๆ ข้อความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่คนโดยสารจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '639'}]",เป็นโมฆะหมายความว่าใบรับซึ่งผู้ขนส่งได้ส่งมอบแก่คนโดยสารถ้ามีข้อความจำกัดความรับผิดชอบของผู้ขนส่งข้อความนี้จะไม่สมบูรณ์และไม่มีผลบังคับแก่คนโดยสาร +สินค้าที่เก็บรักษาไว้อาจจะนำไปจำนำด้วยวิธีการอย่างไร,จำนำด้วยการสลักหลังประทวนสินค้า คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 785 สินค้าซึ่งเก็บรักษาไว้นั้นอาจจำนำได้แต่ด้วยสลักหลังประทวนสินค้า เมื่อประทวนสินค้าได้สลักหลังแล้ว สินค้านั้นจะจำนำแก่ผู้อื่นอีกชั้นหนึ่งด้วยสลักหลังใบรับของคลังสินค้าอย่างเดียวกับสลักหลังประทวนสินค้านั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '785'}]",จำนำด้วยการสลักหลังประทวนสินค้า +ถ้าพ่ออาจใช้อำนาจปกครองเพื่อความสุขและประโยชน์ของเด็กได้ดีกว่าผู้ปกครองศาลมีแนวโน้มที่จะมีคำสั่งอย่างไร,ศาลจะมีคำสั่งถอนความเป็นผู้ปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดของผู้ปกครองและให้พ่อเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1552'}]",ศาลจะมีคำสั่งถอนความเป็นผู้ปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดของผู้ปกครองและให้พ่อเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองก็ได้ +นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เลิกกองทุนได้ในกรณีใดบ้าง,"2 กรณี (1) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินงานของกองทุนขัดต่อวัตถุประสงค์ หรือขัดต่อกฎหมาย (2) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่ากิจการของกองทุนไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ไม่ว่าเพราะเหตุใด เมื่อนายทะเบียนสั่งให้เลิกกองทุนตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้มีการชำระบัญชีและให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 27 นายทะเบียน โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้เลิกกองทุนได้ในกรณี ดังต่อไปนี้ (1) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินงานของกองทุนขัดต่อวัตถุประสงค์ หรือขัดต่อกฎหมาย (2) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่ากิจการของกองทุนไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ไม่ว่าเพราะเหตุใด เมื่อนายทะเบียนสั่งให้เลิกกองทุนตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้มีการชำระบัญชีและให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '27'}]",2 กรณี (1) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินงานของกองทุนขัดต่อวัตถุประสงค์ หรือขัดต่อกฎหมาย (2) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่ากิจการของกองทุนไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ไม่ว่าเพราะเหตุใด +บริษัทที่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีต้องชำระภาษีที่ไหน,"ชำระภาษีที่อำเภอ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลรัษฎากร มาตรา 68 ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '68'}]",ชำระภาษีที่อำเภอ +สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้คนอื่นจากงานจ้างทำของเป็นงานที่ทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์เป็นงานเกี่ยวกับอะไร,ค่าทำของเป็นการงานที่ผู้ก่อสร้าง สถาปนิก หรือผู้รับจ้างได้ทำลงบนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์อันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '275'}]",ค่าทำของเป็นการงานที่ผู้ก่อสร้าง สถาปนิก หรือผู้รับจ้างได้ทำลงบนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์อันนั้น +ใบหุ้นกู้ต้องมีอะไรบ้าง,"อย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ +(1) ชื่อบริษัท (2) เลขทะเบียนบริษัท และวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท (3) จำนวนเงินที่ออกหุ้นกู้ (4) ชื่อผู้ถือหุ้นกู้ หรือคำแถลงว่าได้ออกหุ้นกู้นั้นให้แก่ผู้ถือ (5) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้นกู้ จำนวนหุ้นกู้และจำนวนเงิน อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการชำระคืน (6) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ และการไถ่ถอนหุ้นกู้ (7) สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ในกรณีที่บริษัทมีหนี้ก่อนการออกหุ้นกู้ (8) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี) (9) ลายมือชื่อก��รมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ (10) วันเดือนปีที่ออกหุ้นกู้ (11) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '40'}]",อย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) ชื่อบริษัท (2) เลขทะเบียนบริษัท และวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท (3) จำนวนเงินที่ออกหุ้นกู้ (4) ชื่อผู้ถือหุ้นกู้ หรือคำแถลงว่าได้ออกหุ้นกู้นั้นให้แก่ผู้ถือ (5) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้นกู้ จำนวนหุ้นกู้และจำนวนเงิน อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการชำระคืน (6) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ และการไถ่ถอนหุ้นกู้ (7) สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ในกรณีที่บริษัทมีหนี้ก่อนการออกหุ้นกู้ (8) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี) (9) ลายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ (10) วันเดือนปีที่ออกหุ้นกู้ (11) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +สิทธิยึดหน่วงถ้าไม่เหมาะสมกับคำสั่งที่ลูกหนี้ได้ให้ไว้ในเวลาที่ส่งมอบทรัพย์สินผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร,"สิทธิยึดหน่วงในทรัพย์สินถือว่าไม่มีเลย + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 242 สิทธิยึดหน่วงถ้าไม่เหมาะสมกับลักษณะที่เจ้าหนี้รับภาระในมูลหนี้ ไม่เหมาะสมกับคำสั่งอันลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนหรือให้ในเวลาที่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นหรือเป็นการขัดกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน สิทธิยึดหน่วงเช่นนั้นถือว่าไม่มีเลย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '242'}]",สิทธิยึดหน่วงในทรัพย์สินถือว่าไม่มีเลย +ประธานกรรมการก.ล.ต.ถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอะไร,"ถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 29/1 ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้ประธานกรรมการ ก.ล.ต.เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '29/1'}]",ถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +กฎหมายว่าด้วยวิธีปฎิบัติราชการทางปกครองต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานใด,ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณ��กรรมการ ก.ล.ต.กำหนด คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 75 ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '75'}]",ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด +พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชีพ.ศ.2547.ใช้บังคับตั้งแต่วันไหน,"พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '2'}]",พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป +ใบหุ้นคืออะไร,"ใบสำคัญสำหรับหุ้นใบหนึ่งหรือหลายใบ มอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้นทุกๆคน + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1127 ให้บริษัททำใบหุ้น คือใบสำคัญสำหรับหุ้นใบหนึ่งหรือหลายใบ มอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้นทุก ๆ คน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1127'}]",ใบสำคัญสำหรับหุ้นใบหนึ่งหรือหลายใบ มอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้นทุกๆคน +ทรัสตีสามารถนำหนี้ที่ตนเองเป็นลูกหนี้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่เป็นทรัสตีไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ของลูกหนี้ทรัสตีได้หรือไม่,"ทรัสตีนำหนี้ที่ตนเป็นลูกหนี้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่เป็นทรัสตีไปหักกลบหนี้กับหนี้ที่บุคคลภายนอกเป็นลูกหนี้ทรัสตีเพราะการจัดการกองทรัสต์ + +คำอธิบายขยายเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 32 ห้ามทรัสตีนำหนี้ที่ตนเป็นลูกหนี้บุคคลภายนอกอันไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นทรัสตีไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่บุคคลภายนอกเป็นลูกหนี้ทรัสตีเพราะการจัดการกองทรัสต์","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '32'}]",ไม่สามารถนำหนี้ที่ตนเป็นลูกหนี้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นทรัสตีไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่บุคคลภายนอกเป็นลูกหนี้ทรัสตีได้. +กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังใช้บังคับต่อไปได้หรือไม่,"ยังคงใช้ได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 225 บรรดากฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '225'}]",ยังคงใช้ได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +เมื่อได้เสนองบดุล กรรมการต้องเสนอรายงานต่อที่ประชุมใหญ่เพื่ออะไร,"เพื่อแสดงว่าภายในรอบปีซึ่งพิจารณากันอยู่นั้นงานของบริษัทได้จัดทำไปอย่างไรบ้าง + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1198 ในเมื่อเสนองบดุล กรรมการต้องเสนอรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ แสดงว่าภายในรอบปีซึ่งพิจารณากันอยู่นั้นการงานของบริษัทได้จัดทำไปอย่างไร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1198'}]",เพื่อแสดงว่าภายในรอบปีซึ่งพิจารณากันอยู่นั้นงานของบริษัทได้จัดทำไปอย่างไรบ้าง +การแต่งย่อรายการซึ่งได้ลงทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเป็นคราวๆเป็นหน้าที่ของใคร,"นายทะเบียน + +คำอธิบายขยายความเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1021 นายทะเบียนทุกคนจะต้องแต่งย่อรายการซึ่งได้ลงทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือ ราชกิจจานุเบกษาเป็นคราว ๆ ตามแบบซึ่งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะได้กำหนดให้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1021'}]",นายทะเบียน +เจ้าหนี้จะผิดนัดในการรับชำระหนี้หรือไม่ในเวลาที่ลูกหนี้ขอรับชำระหนี้ถ้าลูกหนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำระหนี้���ด้,"เจ้าหนี้ไม่ได้ผิดนัดในการรับชำระหนี้ + +คำอธิบายขยายความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 211 ในเวลาที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้นั้นหรือในเวลาที่กำหนดไว้ให้เจ้าหนี้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 209 นั้น ถ้าลูกหนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำระหนี้ได้เจ้าหนี้ยังไม่ผิดนัด","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '211'}]",เจ้าหนี้ไม่ได้ผิดนัดในการรับชำระหนี้ +ผู้มีหน้าที่ออกใบรับได้ทันทีจะต้องออกใบรับในทันทีกรณีใด,"กรณีที่ใบรับที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แม้ไม่อยู่ในบังคับให้จำต้องออกใบรับตามกฎหมาย เมื่อผู้มีส่วนได้เสียเรียกร้อง ผู้มีหน้าที่ออกใบรับต้องออกให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้อง + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 106 ใบรับที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แม้ไม่อยู่ในบังคับให้จำต้องออกใบรับตามความในมาตรา 105 เมื่อผู้มีส่วนได้เสียเรียกร้อง ผู้มีหน้าที่ออกใบรับต้องออกให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้อง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '106'}]",กรณีที่ใบรับที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แม้ไม่อยู่ในบังคับให้จำต้องออกใบรับตามกฎหมาย เมื่อผู้มีส่วนได้เสียเรียกร้อง ผู้มีหน้าที่ออกใบรับต้องออกให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้อง +จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้เจ้าหนี้,"พินัยกรรมที่บุคคลทำให้แก่เจ้าหนี้คนใดของตนถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อชำระหนี้อันค้างชำระแก่เจ้าหนี้คนนั้น + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1683 พินัยกรรมที่บุคคลทำให้แก่เจ้าหนี้คนใดของตนนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มิได้ทำขึ้นเพื่อชำระหนี้อันค้างชำระแก่เจ้าหนี้คนนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1683'}]",พินัยกรรมที่บุคคลทำให้แก่เจ้าหนี้คนใดของตนถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อชำระหนี้อันค้างชำระแก่เจ้าหนี้คนนั้น +เจ้าหนี้ผู้ตายใช้สิทธิบังคับแก่ทายาทได้ไหม,"ถ้าเจ้าหนี้ผู้ตายเป็นเจ้าหนี้กองมรด สามารถบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ แต่ถ้ามีผู้จัดการมรดก ให้เจ้าหนี้เรียกเข้ามาในคดีด้วย + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737 เจ้าหนี้กองมร��กจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ แต่ถ้ามีผู้จัดการมรดก ให้เจ้าหนี้เรียกเข้ามาในคดีด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1737'}]",ถ้าเจ้าหนี้ผู้ตายเป็นเจ้าหนี้กองมรด สามารถบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ แต่ถ้ามีผู้จัดการมรดก ให้เจ้าหนี้เรียกเข้ามาในคดีด้วย +จำนองทรัพย์สินหลายชิ้นประกันหนี้เดียวและไม่ได้จัดลำดับบังคับจำนอง จะจัดลำดับยังไง,"ถ้าจำนองทรัพย์สินหลายสิ่งเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวและไม่ได้ระบุลำดับไว้ไซร้ ผู้รับจำนองจะใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินนั้น ๆ ทั้งหมด หรือแต่เพียงบางสิ่งก็ได้ แต่ท่านห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นแก่ทรัพย์สินมากสิ่งกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้หนี้ตามสิทธิแห่งตน + +ถ้าผู้รับจำนองใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินทั้งหมดพร้อมกัน ท่านให้แบ่งภาระแห่งหนี้นั้นกระจายไปตามส่วนราคาแห่งทรัพย์สินนั้น ๆ เว้นแต่ในกรณีที่ได้ระบุจำนวนเงินจำนองไว้เฉพาะทรัพย์สินแต่ละสิ่ง ๆ เป็นจำนวนเท่าใด ท่านให้แบ่งกระจายไปตามจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้เฉพาะทรัพย์สิ่งนั้น ๆ + +แต่ถ้าผู้รับจำนองใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินอันใดอันหนึ่งแต่เพียงสิ่งเดียวไซร้ ผู้รับจำนองจะให้ชำระหนี้อันเป็นส่วนของตนทั้งหมดจากทรัพย์สินอันนั้นก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ท่านให้ถือว่าผู้รับจำนองคนถัดไปโดยลำดับย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้รับจำนองคนก่อนและจะเข้าบังคับจำนองแทนที่คนก่อนก็ได้แต่เพียงเท่าจำนวนซึ่งผู้รับจำนองคนก่อนจะพึงได้รับจากทรัพย์สินอื่น ๆ + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 734 ถ้าจำนองทรัพย์สินหลายสิ่งเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวและมิได้ระบุลำดับไว้ไซร้ ท่านว่าผู้รับจำนองจะใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินนั้น ๆ ทั้งหมด หรือแต่เพียงบางสิ่งก็ได้ แต่ท่านห้ามมิให้ทำเช่นนั้นแก่ทรัพย์สินมากสิ่งกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้หนี้ตามสิทธิแห่งตน ถ้าผู้รับจำนองใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินทั้งหมดพร้อมกัน ท่านให้แบ่งภาระแห่งหนี้นั้นกระจายไปตามส่วนราคาแห่งทรัพย์สินนั้น ๆ เว้นแต่ในกรณีที่ได้ระบุจำนวนเงินจำนองไว้เฉพาะทรัพย์สิน��ต่ละสิ่ง ๆ เป็นจำนวนเท่าใด ท่านให้แบ่งกระจายไปตามจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้เฉพาะทรัพย์สิ่งนั้น ๆ แต่ถ้าผู้รับจำนองใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินอันใดอันหนึ่งแต่เพียงสิ่งเดียวไซร้ ผู้รับจำนองจะให้ชำระหนี้อันเป็นส่วนของตนทั้งหมดจากทรัพย์สินอันนั้นก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ท่านให้ถือว่าผู้รับจำนองคนถัดไปโดยลำดับย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้รับจำนองคนก่อนและจะเข้าบังคับจำนองแทนที่คนก่อนก็ได้แต่เพียงเท่าจำนวนซึ่งผู้รับจำนองคนก่อนจะพึงได้รับจากทรัพย์สินอื่น ๆ ตามบทบัญญัติดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '734'}]",ผู้รับจำนองจะใช้สิทธิของตนบังคับแก่ทรัพย์สินนั้น ๆ ทั้งหมด หรือแต่เพียงบางสิ่งก็ได้ แต่ท่านห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นแก่ทรัพย์สินมากสิ่งกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้หนี้ตามสิทธิแห่งตน +หากคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งคนที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการกองทุน ใครต้องรับผิดชอบ,"หากคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งบุคคลซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 34 คณะกรรมการกองทุนใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคสอง มาตรา 21 มาตรา 25 วรรคสาม หรือมาตรา 26 หรือแต่งตั้งบุคคลซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามมาตรา 13 เป็นผู้จัดการกองทุน มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*","[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '34'}]",คณะกรรมการกองทุนต้องรับผิดชอบและชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท +คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประโยชน์ของประชาชนหรือเศรษฐกิจของประเทศ,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประโยชน์ของประชาชนหรือเศรษฐกิจของประเทศ คือ (1) ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดระยะเวลาตามที่เห็นสมควร (2) สั่งให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอื่นใดตามที่เห็นสมควร การดำเนินการตาม (1) ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำเป็นหนังสือและประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์ พร้อมทั้งรายงานให้รัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ในการนี้ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงการสั่งการดังกล่าวได้ + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 186 เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประโยชน์ของประชาชนหรือเศรษฐกิจของประเทศ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจ (1) ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดระยะเวลาตามที่เห็นสมควร (2) สั่งให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอื่นใดตามที่เห็นสมควร การดำเนินการตาม (1) ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำเป็นหนังสือและประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์ พร้อมทั้งรายงานให้รัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ในการนี้ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงการสั่งการดังกล่าวได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '186'}]",(1) ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดระยะเวลาตามที่เห็นสมควร (2) สั่งให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอื่นใดตามที่เห็นสมควร +กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งจะต้องทำยังไง,"กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งโดยยังไม่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการกองทุนขึ้นใหม่ + +ต้องดำเนินการตาม 2 กรณี ดังนี้ คือ (1) กรณีที่กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งตามวาระและยังไม่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการกองทุนขึ้นใหม่ ให้กรรมการกองทุนที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการกองทุนที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ + +(2) กรณีที่กรรมการกองทุนตามพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการกองทุนประกอบด้วยกรรมการกองทุนเท่าที่เหลืออยู่ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการกองทุนแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่��ว่างลง + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218/11 ในกรณีที่กรรมการกองทุนตามมาตรา 218/7 (4) พ้นจากตำแหน่งตามวาระและยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการกองทุนขึ้นใหม่ ให้กรรมการกองทุนที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการกองทุนที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ในกรณีที่กรรมการกองทุนตามมาตรา 218/7 (4) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการกองทุนประกอบด้วยกรรมการกองทุนเท่าที่เหลืออยู่ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการกองทุนตามมาตรา 218/7 (4) แทนตำแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/11'}]",กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งต้องดำเนินการตาม 2 กรณี ดังนี้ คือ (1) กรณีที่กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการกองทุนที่พ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการกองทุนที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ (2) กรณีที่กรรมการกองทุนพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการกองทุนประกอบด้วยกรรมการกองทุนเท่าที่เหลืออยู่ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน และให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการกองทุนแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง. +อำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เป็นอำนาจของใคร,"อำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ก.ล.ต. + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 207 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '207'}]",อำนาจกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ก.ล.ต. +เงินอะไรบ้างที่ผู้ทรงจะเรียกร้องเอาจากบุคคลซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ย,"เงินที่ผู้ทรงส��มารถเรียกร้องจากบุคคลซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ คือ (1) จำนวนเงินในตั๋วแลกเงินซึ่งเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้กับทั้งดอกเบี้ยด้วย หากว่ามีข้อกำหนดไว้ว่าให้คิดดอกเบี้ย (2) ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันถึงกำหนด (3) ค่าใช้จ่ายในการคัดค้าน และในการส่งคำบอกกล่าวของผู้ทรงไปยังผู้สลักหลังถัดจากตนขึ้นไปและผู้สั่งจ่าย กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (4) ค่าชักส่วนลดซึ่งถ้าไม่มีข้อตกลงกันไว้ ท่านให้คิดร้อยละ 1/6 ในต้นเงินอันจะพึงใช้ตามตั๋วเงิน และไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร ท่านมิให้คิดสูงกว่าอัตรานี้ ถ้าใช้สิทธิไล่เบี้ยก่อนถึงกำหนด ท่านให้หักลดจำนวนเงินในตั๋วเงินลงให้ร้อยละ 5 + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968 ผู้ทรงจะเรียกร้องเอาเงินใช้จากบุคคลซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ยนั้นก็ได้ คือ (1) จำนวนเงินในตั๋วแลกเงินซึ่งเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้กับทั้งดอกเบี้ยด้วย หากว่ามีข้อกำหนดไว้ว่าให้คิดดอกเบี้ย (2) ดอกเบี้ยอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันถึงกำหนด (3) ค่าใช้จ่ายในการคัดค้าน และในการส่งคำบอกกล่าวของผู้ทรงไปยังผู้สลักหลังถัดจากตนขึ้นไปและผู้สั่งจ่าย กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (4) ค่าชักส่วนลดซึ่งถ้าไม่มีข้อตกลงกันไว้ ท่านให้คิดร้อยละ 1/6 ในต้นเงินอันจะพึงใช้ตามตั๋วเงิน และไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร ท่านมิให้คิดสูงกว่าอัตรานี้ ถ้าใช้สิทธิไล่เบี้ยก่อนถึงกำหนด ท่านให้หักลดจำนวนเงินในตั๋วเงินลงให้ร้อยละห้า","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '968'}]",(1) จำนวนเงินในตั๋วแลกเงินซึ่งเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้กับทั้งดอกเบี้ยด้วย หากว่ามีข้อกำหนดไว้ว่าให้คิดดอกเบี้ย (2) ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันถึงกำหนด (3) ค่าใช้จ่ายในการคัดค้าน และในการส่งคำบอกกล่าวของผู้ทรงไปยังผู้สลักหลังถัดจากตนขึ้นไปและผู้สั่งจ่าย กับทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (4) ค่าชักส่วนลดซึ่งถ้าไม่มีข้อตกลงกันไว้ ท่านให้คิดร้อยละ 1/6 ในต้นเงินอันจะพึงใช้ตามตั๋วเงิน และไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร ท่านมิให้คิดสูงกว่าอัตรานี้ ถ้าใช้สิทธิไล่เบี้ยก่อนถึงกำหนด ท่านให้หักลดจำนวนเงินในตั๋วเงินลงให้ร้อยละ 5 +บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ช���ระแล้วเท่าใด,"บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเท่าใดจำนวนตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดสำหรับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แต่ละประเภทหรือแต่ละลักษณะก็ได้ + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 96 คณะกรรมการก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วตามจำนวนที่กำหนดสำหรับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แต่ละประเภทหรือแต่ละลักษณะก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '96'}]",บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วตามจำนวนที่คณะกรรมการก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดสำหรับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แต่ละประเภทหรือแต่ละลักษณะก็ได้ +ตกลงชำระหนี้กันแต่สุดท้ายได้รับการชำระหนี้อย่างอื่นแต่สามารถยอมรับการชำระหนี้นั้นได้ จะยอมรับการชำระหนี้อื่นนั้นได้ไหม,"ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป ถ้าเพื่อที่จะทำให้พอแก่ใจเจ้าหนี้นั้น ลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อเจ้าหนี้ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ไม่ให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้ได้ก่อหนี้นั้นขึ้นแทนการชำระหนี้ ถ้าชำระหนี้ด้วยออก-ด้วยโอน-หรือด้วยสลักหลังตั๋วเงินหรือประทวนสินค้า หนี้จะระงับสิ้นไปต่อเมื่อตั๋วเงินหรือประทวนสินค้านั้นได้ใช้เงินแล้ว + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป ถ้าเพื่อที่จะทำให้พอแก่ใจเจ้าหนี้นั้น ลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อเจ้าหนี้ไซร้ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ท่านมิให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้ได้ก่อหนี้นั้นขึ้นแทนการชำระหนี้ ถ้าชำระหนี้ด้วยออก-ด้วยโอน-หรือด้วยสลักหลังตั๋วเงินหรือประทวนสินค้า ท่านว่าหนี้นั้นจะระงับสิ้นไปต่อเมื่อตั๋วเงินหรือประทวนสินค้านั้นได้ใช้เงินแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '321'}]",ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว�� ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป +สัญญาจ้างแรงงานคืออะไร,"สัญญาจ้างแรงงาน คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '575'}]",สัญญาจ้างแรงงาน คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ +ถ้าการสอบบัญชีผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพบพฤติการณ์น่าสงสัยจะเกิดอะไรขึ้น,"การสอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่ว่าการสอบบัญชีนั้นจะกระทำในฐานะเป็นผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลดังกล่าว หรือในฐานะอื่นซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวยินยอมให้สอบบัญชีก็ตาม ถ้าผู้สอบบัญชีพบพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ากรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่นิติบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดตามกำหมาย ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ ผู้สอบบัญชีผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 151 ในการสอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่ว่าการสอบบัญชีนั้นจะกระทำในฐานะเป็นผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลดังกล่าว หรือในฐานะอื่นซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวยินยอมให้สอบบัญชีก็ตาม ถ้าผู้สอบบัญชีพบพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ากรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่นิติบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดตามมาตรา 145 มาตรา 147 หรือมาตรา 148 ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ ผู้สอบบัญชีผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '151'}]",ผู้สอบบัญชีแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดที่พบให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบ และผู้สอบบัญชีผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. +ถ้าหาแมวตามประกาศเจอพร้อมกันหลายคนจะแบ่งเงินรางวัลยังไง,"แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ (1) ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการตามที่ประกาศไว้ในโฆษณา เฉพาะคนที่ทำได้ก่อนใครเท่านั้น มีสิทธิจะได้รับรางวัล (2) ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการอันนั้นได้พร้อมกัน ท่านว่าแต่ละคนมีสิทธิจะได้รับรางวัลเป็นส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน แต่ถ้ารางวัลนั้นมีสภาพแบ่งไม่ได้ก็ดี หรือถ้าตามข้อความแห่งคำมั่นนั้น บุคคลแต่คนเดียวจะพึงรับรางวัลก็ดี ให้วิธีจับสลาก (3) ข้อยกเว้นไม่บังคับตาม (1) (2) เมื่อโฆษณาแสดงเจตนาไว้เป็นอย่างอื่นนอกจาก (1) (2) + + คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 364 ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการอันบ่งไว้ในโฆษณา ท่านว่าเฉพาะแต่คนที่ทำได้ก่อนใครหมดเท่านั้น มีสิทธิจะได้รับรางวัล ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการอันนั้นได้พร้อมกัน ท่านว่าแต่ละคนมีสิทธิจะได้รับรางวัลเป็นส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน แต่ถ้ารางวัลนั้นมีสภาพแบ่งไม่ได้ก็ดี หรือถ้าตามข้อความแห่งคำมั่นนั้น บุคคลแต่คนเดียวจะพึงรับรางวัลก็ดี ท่านให้วินิจฉัยด้วยวิธีจับสลาก บทบัญญัติดังกล่าวมาในวรรคทั้งสองข้างต้นนั้น ท่านมิให้ใช้บังคับถ้าในโฆษณานั้นแสดงเจตนาไว้เป็นอย่างอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '364'}]",แบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ (1) ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการตามที่ประกาศไว้ในโฆษณา เฉพาะคนที่ทำได้ก่อนใครเท่านั้น มีสิทธิจะได้รับรางวัล (2) ถ้าบุคคลหลายคนกระทำการอันนั้นได้พร้อมกัน ท่านว่าแต่ละคนมีสิทธิจะได้รับรางวัลเป็นส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน แต่ถ้ารางวัลนั้นมีสภาพแบ่งไม่ได้ก็ดี หรือถ้าตามข้อความแห่งคำมั่นนั้น บุคคลแต่คนเดียวจะพึงรับรางวัลก็ดี ให้วิธีจับสลาก (3) ข้อยกเว้นไม่บังคับตาม (1) (2) เมื่อโฆษณาแสดงเจตนาไว้เป็นอย่างอื่นนอกจาก (1) (2) +ถ้าไม่มีพ่อใช้นามสกุลแม่ได้ไหม,"กรณีที่ไม่ปรากฏบิดาบุตรมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของมารดา + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1561 บุตรมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของบิดา ในกรณีที่บิดาไม่ปรากฏ บุตรมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของมารดา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1561'}]",บุตรมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของมารดา +รับบุตรบุญธรรมมาและจะต้องรับเงินของบุตรบุญธรรมจากผู้ปกครองเดิมจะคิดดอกเบี้ยจากเงินนั้นได้ไหมในระหว่างที่ผู้ปกครองเดิมยังไม่ให้เงิน,"นับแต่วันส่งมอบบัญชี ให้เริ่มคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินซึ่งผู้ปกครองหรือผู้อยู่ในปกครองจะต้องคืนให้แก่กัน + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/12 นับแต่วันส่งมอบบัญชี ให้เริ่มคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินซึ่งผู้ปกครองหรือผู้อยู่ในปกครองจะต้องคืนให้แก่กัน ถ้าผู้ปกครองใช้เงินของผู้อยู่ในปกครองนอกจากเพื่อประโยชน์ของผู้อยู่ในปกครองแล้ว ให้เสียดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีในจำนวนเงินนั้นตั้งแต่วันใช้เป็นต้นไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/12'}]",นับแต่วันส่งมอบบัญชี ให้เริ่มคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินซึ่งผู้ปกครองหรือผู้อยู่ในปกครองจะต้องคืนให้แก่กัน +ต้องทำอะไรจึงจะโอนทุนสำรองเพื่อชดเชยการขาดทุนของบริษัทได้,"เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทอาจโอนทุนสำรองตามกฎหมาย เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัท การชดเชยผลขาดทุนสะสมดะงกล่าวให้หักชดเชยจากเงินสำรองอื่นก่อนแล้วจึงหักจากทุนสำรองตามลำดับ + + คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 119 เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทอาจโอนทุนสำรองตามมาตรา 51 ทุนสำรองตามมาตรา 116 หรือเงินสำรองอื่น เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทก็ได้ การชดเชยผลขาดทุนสะสมตามวรรคหนึ่ง ให้หักชดเชยจากเงินสำรองอื่นก่อน แล้วจึงหักจากทุนสำรองตามมาตรา 116 และทุนสำรองตามมาตรา 51 ตามลำดับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '119'}]",เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทอาจโอนทุนสำรองตามกฎหมาย เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัท +ผู้ตรวจขอให้สาบานตัวก่อนสอบถามข้อมูลสามารถเป็นเรื่องปกติไหม,ผู้ตรวจขอให้สาบานตัวก่อนสอบถามข้อมูลเป็นสิ่งที่กฎหมายบัญญัติให้ทำได้ ผู้ตรวจอาจให้กรรมการ ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทสาบานตัวแล้วสอบถามคำให้การในเรื่องอันเนื่องด้วยการงานของบริษัทนั้น คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1216 กรรมการก็ดี ลูกจ้างและตัวแทนของบริษัทก็ดี จำต้องส่งสรรพสมุดและเอกสารทั้งปวงซึ่งตนเก็บรักษาหรืออยู่ในอำนาจแห่งตนนั้นให้แก่ผู้ตรวจ ผู้ตรวจคนหนึ่งคนใดจะให้กรรมการ ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทสาบานตัวแล้วสอบถามคำให้การในเรื่องอันเนื่องด้วยการงานของบริษัทนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1216'}]",ผู้ตรวจขอให้สาบานตัวก่อนสอบถามข้อมูลเป็นสิ่งที่กฎหมายบัญญัติให้ทำได้ +หนังสือชี้ชวนมีรายการที่เป็นเท็จและก่อให้เกิดความเสียหาย จะเรียกค่าเสียหายได้ไหม,กรณีที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนมีข้อความหรือรายการที่เป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญให้บุคคลใด ๆ ที่ซื้อหลักทรัพย์จากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์และยังเป็นเจ้าของหลักทรัพย์อยู่และได้รับความเสียหายจากการนั้น มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ บุคคลผู้ซื้อหลักทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต้องเป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์ก่อนที่จะปรากฏข้อเท็จจริงแต่ต้องไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 82 ในกรณีที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนมีข้อความหรือรายการที่เป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญให้บุคคลใด ๆ ที่ซื้อหลักทรัพย์จากผู้เริ่มจัดตั้งบริ��ัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์และยังเป็นเจ้าของหลักทรัพย์อยู่และได้รับความเสียหายจากการนั้น มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ บุคคลผู้ซื้อหลักทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์ก่อนที่จะปรากฏข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่ง แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '82'}]",มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ +ใครเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานสมาคมการค้า,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และกำหนดกิจการอื่น เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดกิจการอื่น เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '5'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และกำหนดกิจการอื่น เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 +นายกสภาวิชาชีพบัญชีและกรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด,"นายกสภาวิชาชีพบัญชีและกรรมการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) เมื่อครบวาระ (2) ตาย (3) ลาออก (4) พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (5) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (6) รัฐมนตรีมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามกฎหมาย + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 24 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีและกรรมการตามมาตรา 22 (3) และ (4) พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (4) ขาดคุณสมบัติหรือม���ลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (5) รัฐมนตรีมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 63","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '24'}]",นายกสภาวิชาชีพบัญชีและกรรมการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) เมื่อครบวาระ (2) ตาย (3) ลาออก (4) พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (5) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (6) รัฐมนตรีมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามกฎหมาย +กรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลาที่กำหนดจะเกิดอะไรขึ้น,"กรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองดำเนินการให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนอง ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว + + คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 729/1 เวลาใด ๆ หลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระ ถ้าไม่มีการจำนองรายอื่นหรือบุริมสิทธิอื่นอันได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ ผู้จำนองมีสิทธิแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองดำเนินการให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองโดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาล โดยผู้รับจำนองต้องดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น ทั้งนี้ ให้ถือว่าหนังสือแจ้งของผู้จำนองเป็นหนังสือยินยอมให้ขายทอดตลาด ในกรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว เมื่อผู้รับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิจำนวนเท่าใด ผู้รับจำนองต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์ให้เสร็จสิ้นไป ถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนอง หร���อแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น แต่ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่ค้างชำระ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 733 และในกรณีที่ผู้จำนองเป็นบุคคลซึ่งจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ผู้จำนองย่อมรับผิดเพียงเท่าที่มาตรา 727/1 กำหนดไว้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '729/1'}]",ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว +ใครถอนกรรมการบริษัทจำกัดออกได้บ้าง,"เฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่านั้นอาจจะตั้งหรือถอนกรรมการบริษัทจำกัดได้ + + คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1151 อันผู้เป็นกรรมการนั้น เฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่านั้นอาจจะตั้งหรือถอนได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1151'}]",เฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่านั้นอาจจะตั้งหรือถอนกรรมการบริษัทจำกัดได้ +โอนทรัพย์สินของมูลนิธิหลังจากชำระบัญชีได้ไหม,"ไม่ได้ โอนทรัพย์สินของมูลนิธิที่เหลืออยู่เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แก่บุคคลอื่นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + + คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 68 ผู้ใดโอนทรัพย์สินของมูลนิธิที่เหลืออยู่เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แก่บุคคลอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 134 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '68'}]",ไม่ได้ +การลดทุนบริษัทมหาชนจำกัดต้องทำยังไง,"การลดทุนบริษัทมหาชนจำกัดต้องทำยังไง ทำโดยให้ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ลดทุนโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายได้ เมื่อที่ประชุมมีมติแล้ว ให้บริษัทขอจดทะเบียนลดทุนภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ + +คำอธิบายขยายความ: พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 140 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้ลดทุนโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายได้ เมื่อที่ประชุมมีมติแล้ว ให้บริษัทขอจดทะเบียนลดทุนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '140'}]",การลดทุนบริษัทมหาชนจำกัดต้องทำโดยให้ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ลดทุนโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายได้ เมื่อที่ประชุมมีมติแล้ว ให้บริษัทขอจดทะเบียนลดทุนภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ +รับฝากต้นไม้แต่ต้นไม้มีผล ถ้าคืนต้นไม้ต้องคืนผลไม้จากต้นนั้นด้วยไหม,"เมื่อคืนทรัพย์ ถ้ามีดอกผลเกิดแต่ทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเท่าใด ผู้รับฝากจำต้องส่งมอบพร้อมไปกับทรัพย์สินนั้นด้วย + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 666 เมื่อคืนทรัพย์ ถ้ามีดอกผลเกิดแต่ทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเท่าใด ผู้รับฝากจำต้องส่งมอบพร้อมไปกับทรัพย์สินนั้นด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '666'}]",ผู้รับฝากจำต้องส่งมอบพร้อมไปกับทรัพย์สินนั้นด้วย +ทายาทลำดับท้ายมีโอกาสได้รับมรดกไหม,"ตราบใดที่มีทายาทซึ่งยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ยังไม่ขาดสาย แล้วแต่กรณี ในลำดับหนึ่ง ๆ ที่ระบุไว้ตามกฎหมาย ทายาทผู้ที่อยู่ในลำดับถัดลงไปไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย แต่ไม่ให้ใช้บังคับในกรณีเฉพาะที่มีผู้สืบสันดานคนใดยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่กัน แล้วแต่กรณี และมีบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ ในกรณีเช่นนั้นให้บิดามารดาได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร + + คำอธิบายขยายความ: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1630 ตราบใดที่มีทายาทซึ่งยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ยังไม่ขาดสาย แล้วแต่กรณี ในลำดับหนึ่ง ๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 1629 ทายาทผู้ที่อยู่ในลำดับถัดลงไปไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายเลย แต่ความในวรรคก่อนนี้มิให้ใช้บังคับในกรณีเฉพาะที่มีผู้สืบสันดานคนใดยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่กัน แล้วแต่กรณี และมีบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ ในกรณีเช่นนั้นให้บิดามารดาได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1630'}]",ทายาทผู้ที่อยู่ในลำดับถัดไปไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายเลย +แอบปลอมอากรสแตมป์มีโทษไหม,"มีโทษตามกฎหมาย หากผู้ใดโดยเจตนาทุจริตมีแสตมป์ซึ่งรู้อยู่ว่า เป็นแสตมป์ปลอมก็ดี หรือค้าแสตมป์ที่ใช้แล้วหรือที่มีกฎกระทรวงประกาศให้เลิกใช้เสียแล้วก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ + +คำอธิบายขยายความ: ประมวลรัษฎากร มาตรา 129 ผู้ใดโดยเจตนาทุจริตมีแสตมป์ซึ่งรู้อยู่ว่า เป็นแสตมป์ปลอมก็ดี หรือค้าแสตมป์ที่ใช้แล้วหรือที่มีกฎกระทรวงประกาศให้เลิกใช้เสียแล้วก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '129'}]",มีโทษตามกฎหมาย หากผู้ใดโดยเจตนาทุจริตมีแสตมป์ซึ่งรู้อยู่ว่า เป็นแสตมป์ปลอมก็ดี หรือค้าแสตมป์ที่ใช้แล้วหรือที่มีกฎกระทรวงประกาศให้เลิกใช้เสียแล้วก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ +คำพิพากษาให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นตำแหน่ง กระทบถึงการกระทำใดบ้าง,ไม่กระทบถึงการกระทำที่ผู้บังคับหลักประกันได้กระทำไปแล้วก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '79'}]",ไม่กระทบถึงการกระทำที่ผู้บังคับหลักประกันได้กระทำไปแล้วก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา +คนต่างด้าวต้องเสียภาษีหรือไม่,"บุคคลต้องต่างด้าวต้องเสียภาษี ยกเว้นบุคคลต่างด้าวต่อไปนี้ + +1 ต่างด้าวที่มีเงื่อนไข ดังนี้ +1.1 ต่างด้าวที่เดินทางผ่าน หรือ เข้าประเทศไทย +1.2 อยู่ในประเทศไทย ระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 90 วันในปีภาษีนั้น ๆ + +2 ต่างด้าวที่อธิบดีกำหนดให้ไม่ต้องเสียภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 จัตวา'}]",บุคคลต้องต่างด้าวต้องเสียภาษี ยกเว้นบุคคลต่างด้าวต่อไปนี้ 1. ต่างด้าวที่มีเงื่อนไข ดังนี้ 1.1 ต่างด้าวที่เดินทางผ่าน หรือ เข้าประเทศไทย 1.2 อยู่ในประเทศไทย ระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมกันแล้วต้องไ��่เกิน 90 วันในปีภาษีนั้น ๆ 2. ต่างด้าวที่อธิบดีกำหนดให้ไม่ต้องเสียภาษี. +ความรับผิดในสัญญาเช่ามีอะไรบ้าง,กรณีความรับผิดสัญญาเช่าดังต่อไปนี้ ให้ใช้บทบัญญัติว่าด้วย “การซื้อขายบังคับโดยอนุโลม” 1 การส่งมอบทรัพย์สินที่เช่า 2 ความรับผิดของผู้ใช้เช่ากรณีชำรุดบกพร่อง 3 ความรับผิดของผู้ให้เช่ากรณีรอนสิทธิ 4 ผลแห่งสัญญาว่าไม่ต้องรับผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '549'}]",1 การส่งมอบทรัพย์สินที่เช่า 2 ความรับผิดของผู้ใช้เช่ากรณีชำรุดบกพร่อง 3 ความรับผิดของผู้ให้เช่ากรณีรอนสิทธิ 4 ผลแห่งสัญญาว่าไม่ต้องรับผิด +ผลของการช่วงสิทธิและช่วงทรัพย์เป็นอย่างไร,"ผลการช่วงสิทธิ คือ บุคคลที่ได้รับการช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ สามารถใช้สิทธิได้ทุกอย่างที่เจ้าหนี้คนนั้นมีต่อลูกหนี้ (เปรียบเสมือนตนเป็นเจ้าหนี้แทน) + +ผลการช่วงทรัพย์ คือ การเอาทรัพย์อย่างหนึ่งแทนทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง ในฐานะนิตินัย + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 ตัวอย่างการช่วงสิทธิ นาย ก เป็นเจ้าหนี้ นาย ข เป็นลูกหนี้ นาย ค เป็นบุคคลภายนอกจ่ายหนี้ให้ ข นาย ค จึงช่วงสิทธิ “ความเป็นเจ้าหนี้” แทนนาย ก ดังนี้ นาย ค จึงเป็นเจ้าหนี้ นาย ข เป็นลูกหนี้ ตัวอย่างการช่วงทรัพย์ ก เป็นบริษัทประกันภัย นาย ข เป็นผู้ทำประกันโดยทำประกันอัคคีภัยบ้านไว้, นาย ค เป็นเจ้าหนี้ นาย ข เป็นลูกหนี้ โดยนำบ้านจำนองไว้ หากไฟไหม้บ้านนาย ข ทั้งหลัง บริษัทประกัน ก ต้องจ่ายเงินให้นาย ข ดังนั้นเงินค่าประกันที่ได้รับมาจึง “ช่วงทรัพย์” บ้านที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว หากนาย ข ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ นาย ค เจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้กับเงินดังกล่าวได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '226'}]",ผลการช่วงสิทธิ คือ บุคคลที่ได้รับการช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ สามารถใช้สิทธิได้ทุกอย่างที่เจ้าหนี้คนนั้นมีต่อลูกหนี้ (เปรียบเสมือนตนเป็นเจ้าหนี้แทน) ผลการช่วงทรัพย์ คือ การเอาทรัพย์อย่างหนึ่งแทนทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง ในฐานะนิตินัย. +วิธีจัดการกองทุนรวมของบริษัทหลักทรัพย์ต้องทำอย่างไร,การจัดการกองทุนต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 จัดการให้เป็นไปตามโครงการจัดการกองทุนรวมที่ได้รับอนุมัติ ต��อดจนข้อผูกพันที่ทำไว้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเคร่งครัด 2 จัดให้มีการฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3 จัดทำบัญชีแสดงการลงทุนของกองทุนรวมไว้โดยถูกต้องครบถ้วน 4 จัดทำรายงานการลงทุนของกองทุนรวมให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมทราบ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด 5 จัดให้มีทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน 6 จัดให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากการนำทรัพย์สินของกองทุนรวมไปลงทุนและนำผลประโยชน์ดังกล่าวฝากไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '125'}]",การจัดการกองทุนต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1 จัดการให้เป็นไปตามโครงการจัดการกองทุนรวมที่ได้รับอนุมัติ ตลอดจนข้อผูกพันที่ทำไว้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเคร่งครัด 2 จัดให้มีการฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3 จัดทำบัญชีแสดงการลงทุนของกองทุนรวมไว้โดยถูกต้องครบถ้วน 4 จัดทำรายงานการลงทุนของกองทุนรวมให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมทราบ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนด 5 จัดให้มีทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน 6 จัดให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากการนำทรัพย์สินของกองทุนรวมไปลงทุนและนำผลประโยชน์ดังกล่าวฝากไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์ +วิธีการขายหุ้นภายหลังจากการเพิ่มทุนของบริษัทจำกัดต้องทำอย่างไร,วิธีการขายหุ้นภายหลังการเพิ่มทุนของบริษัทจำกัด ต้องกระทำดังนี้ 1 เสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนที่เขาถืออยู่ 2 คำเสนอต้องทำเป็นหนังสือบอกกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นทุก ๆ คน 3 คำเสนอนั้นต้องระบุจำนวนหุ้นให้ทราบว่าเขาชอบที่จะซื้อได้กี่หุ้น 4 กำหนดวันว่าถ้าพ้นวันนั้นและไม่มีคำสนองจะถือว่าไม่รับซื้อ 5 เมื่อพ้นกำหนดวันดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นบอกไม่รับซื้อ กรรมการจะขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นคนอื่นหรือรับซื้อไว้เองก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย���', 'sections': '1222'}]",วิธีการขายหุ้นภายหลังการเพิ่มทุนของบริษัทจำกัด ต้องกระทำดังนี้ 1 เสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนที่เขาถืออยู่ 2 คำเสนอต้องทำเป็นหนังสือบอกกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นทุก ๆ คน 3 คำเสนอนั้นต้องระบุจำนวนหุ้นให้ทราบว่าเขาชอบที่จะซื้อได้กี่หุ้น 4 กำหนดวันว่าถ้าพ้นวันนั้นและไม่มีคำสนองจะถือว่าไม่รับซื้อ 5 เมื่อพ้นกำหนดวันดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นบอกไม่รับซื้อ กรรมการจะขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นคนอื่นหรือรับซื้อไว้เองก็ได้ +ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันได้อย่างไร,เงื่อนไขการบังคับหลักประกัน ดังนี้ 1 ผู้ให้หลักประกันไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือตามมาตรา 39 วรรคสอง 2 ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันโดยการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ วิธีการบังคับหลักประกัน 1 ให้ผู้รับหลักประกันดำเนินการจำหน่ายหลักประกันโดยวิธีการประมูลโดยเปิดเผย 2 ผู้รับหลักประกันต้องมีหนังสือแจ้งวัน เวลา สถานที่ และวิธีการจำหน่ายหลักประกันให้ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับหลักประกันอื่น และเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนดำเนินการจำหน่ายหลักประกันโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 40 ภายใต้บังคับมาตรา 43 หมายถึง มาตรา 40 ต้องทำตามมาตรา 43 ก่่อน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '40'}]",เงื่อนไขการบังคับหลักประกัน ดังนี้ 1 ผู้ให้หลักประกันไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือตามมาตรา 39 วรรคสอง 2 ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันโดยการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ วิธีการบังคับหลักประกัน 1 ให้ผู้รับหลักประกันดำเนินการจำหน่ายหลักประกันโดยวิธีการประมูลโดยเปิดเผย 2 ผู้รับหลักประกันต้องมีหนังสือแจ้งวัน เวลา สถานที่ และวิธีการจำหน่ายหลักประกันให้ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับหลักประกันอื่น และเจ้าหนี้อื่นซึ่งม��บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนดำเนินการจำหน่ายหลักประกันโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว +วิธีจ่ายเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูต้องทำอย่างไร,ค่าอุปการะเลี้ยงดู ให้ชำระเป็นเงิน วิธีการชำระ ให้ชำระเป็นครั้งคราวตามกำหนด ข้อยกเว้น 1 คู่กรณีจะตกลงกันให้ชำระเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น 2 ถ้าไม่มีการตกลงกันและมีเหตุพิเศษ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอและศาลเห็นสมควร จะกำหนดให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น โดยจะให้ชำระเป็นเงินด้วยหรือไม่ก็ได้ คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/40 กรณีการขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร เมื่อมีเหตุพิเศษและศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์แก่บุตร จะกำหนดให้บุตรได้รับการอุปการะเลี้ยงดูโดยประการใด ๆ นอกจากที่คู่กรณีตกลงกัน หรือนอกจากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอก็ได้ เช่นให้ไปอยู่ในสถานการศึกษาหรือวิชาชีพ โดยให้ผู้ที่มีหน้าที่ต้องชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูออกค่าใช้จ่ายในการนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/40'}]",ค่าอุปการะเลี้ยงดู ให้ชำระเป็นเงิน วิธีการชำระ ให้ชำระเป็นครั้งคราวตามกำหนด ข้อยกเว้น 1 คู่กรณีจะตกลงกันให้ชำระเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น 2 ถ้าไม่มีการตกลงกันและมีเหตุพิเศษ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอและศาลเห็นสมควร จะกำหนดให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น โดยจะให้ชำระเป็นเงินด้วยหรือไม่ก็ได้ +หน้าที่ของผู้รับประโยชน์ตามสัญญาคืออะไร,ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามนิติกรรม โดยเฉพาะเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญในนิติกรรม ผลหากไม่ทำตาม คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสิทธิของผู้รับประโยชน์ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1432'}]",ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามนิติกรรม โดยเฉพาะเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญในนิติกรรม ผลหากไม่ทำตาม คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสิทธิของผู้รับประโยชน์ได้ +ผู้ทำบัญชีมาก่อนพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ใช้บังคับต้องการเป็นผู้ทำ���ัญชีต่อต้องทำอย่างไร,เงื่อนไขของผู้ทำบัญชีก่อนพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ใช้บังคับ มีดังนี้ 1 ต้องเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 5 ปี 2 ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้ทำบัญชีตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 7 (6) วิธีการจะเป็นผู้ทำบัญชีต่อไป มีดังนี้ 1 ให้แจ้งต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด 2 ภายใน 60 สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ 3 เมื่อผู้นั้นเข้ารับการอบรมและสำเร็จการอบรมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่อธิบดีประกาศกำหนดแล้ว ให้ผู้นั้นเป็นผู้ทำบัญชีต่อไปได้เป็นเวลา 8 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คำอธิบายขยายความ : ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 บังคับใช้เมื่อ 10 สิงหาคม 2543,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '42'}]",1. ต้องเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 5 ปี 2. ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้ทำบัญชีตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 7 (6) 3. แจ้งต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดภายใน 60 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ 4. เข้ารับการอบรมและสำเร็จการอบรมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่อธิบดีประกาศกำหนดแล้ว จะเป็นผู้ทำบัญชีต่อไปได้เป็นเวลา 8 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ. +หากไม่มีกฎหมายที่สามารถปรับใช้ต่อข้อเท็จจริงได้ต้องทำอย่างไร,"เมื่อไม่มีกฎหมายสามารถปรับใช้ได้ ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้เป็นลำดับ เพื่อปรับใช้กับข้อเท็จจริง จารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น เมื่อไม่มีพิจารณาลำดับถัดไป อาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง เมื่อไม่มีพิจารณาลำดับถัดไป หลักกฎหมายทั่วไป + +คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ลำดับการปรับใช้ต่อข้อเท็จจริง 1 กฎหมายลายลักษณ์อักษร 2 จารีตประเพณีแหงท้องถิ่น 3 อาศัยเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง 4 หลักกฎหมายทั่วไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '4'}]",เมื่อไม่มีกฎหมายสามารถปรับใช้ได้ ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้เป็นลำดับ เพื่อปรับใช��กับข้อเท็จจริง จารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น เมื่อไม่มีพิจารณาลำดับถัดไป อาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง เมื่อไม่มีพิจารณาลำดับถัดไป หลักกฎหมายทั่วไป +ผลของอายุความหยุดลงแก่คู่สัญญาตั๋วเงินคืออะไร,ผลของอายุความหยุดลงแก่คู่สัญญาตั๋วเงิน คือ ผลการที่อายุความหยุดลงมีผลต่อคู่สัญญาฝ่ายนั้นเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1004'}]",ผลของอายุความหยุดลงแก่คู่สัญญาตั๋วเงิน คือ ผลการที่อายุความหยุดลงมีผลต่อคู่สัญญาฝ่ายนั้นเท่านั้น. +ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรมโดยลักษณะทั่วไปมีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้าง,กรณีพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรมโดยลักษณะทั่วไป ต้องปฏิบัติตามพินัยเท่าที่ตนจะได้รับทรัพย์มรดก (ไม่ต้องปฏิบัติเกินเงื่อนไข),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1743'}]",ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรมโดยลักษณะทั่วไป ต้องปฏิบัติตามพินัยเท่าที่ตนจะได้รับทรัพย์มรดก (ไม่ต้องปฏิบัติเกินเงื่อนไข) +เหตุใดที่หญิงสามารถบอกเลิกสัญญาหมั้นได้,เหตุบอกเลิกสัญญาหมั้นของหญิง คือ มีเหตุสำคัญเกิดแก่ชายคู่หมั้นทำให้หญิงไม่สมควรสมรสกับชายนั้น คำอธิบายขยายความ : ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1443 ผลของการบอกเลิกสัญญาหมั้นด้วยเหตุดังกล่าว หญิงไม่ต้องคืนของหมั้นแก่ชาย ตัวอย่างเหตุสำคัญที่เกิดกับชายคู่หมั้น เช่น การทำร้ายร่างกาย มีโรคติดต่อ โดยพิจารณาว่าเหตุนั้นจะทำให้การอยู่กินฉันสามีภริยาไม่สงบสุข,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1443'}]",เหตุบอกเลิกสัญญาหมั้นของหญิง คือ มีเหตุสำคัญเกิดแก่ชายคู่หมั้นทำให้หญิงไม่สมควรสมรสกับชายนั้น. +การโอนการครอบครองต้องทำอย่างไร,"การโอนการครอบครอง ทำโดย ""ส่งมอบ"" ทรัพย์สินที่ครอบครอง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1378'}]","การโอนการครอบครอง ทำโดย ""ส่งมอบ"" ทรัพย์สินที่ครอบครอง" +บุคคลใดบ้างที่ห้ามเป็นผู้ปกครอง,บุคคลดังนี้ห้ามเป็นผู้ปกครอง 1 ผู้ซึ่งศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ 2 ผู้ซึ่งเป็นบุคคลล้มละลาย 3 ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของผู้เยาว์ 4 ผู้ซึ่งมีหรือเคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ ผู้บุพการีหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดากับผู้เยาว์ 5 ผู้ซึ่งบิดาหรือมารดาที่ตายได้ทำหนังสือระบุชื่อห้ามไว้มิให้เป็นผู้ปกครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1587'}]",บุคคลดังนี้ห้ามเป็นผู้ปกครอง 1 ผู้ซึ่งศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ 2 ผู้ซึ่งเป็นบุคคลล้มละลาย 3 ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของผู้เยาว์ 4 ผู้ซึ่งมีหรือเคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ ผู้บุพการีหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดากับผู้เยาว์ 5 ผู้ซึ่งบิดาหรือมารดาที่ตายได้ทำหนังสือระบุชื่อห้ามไว้มิให้เป็นผู้ปกครอง +หน้าที่ของนายคลังเมื่อการขายทอดตลาดได้ไม่พอชำระหนี้แก่ผู้ทรงประทวนสินค้าเป็นอย่างไร,หน้าที่ของนายคลังเมื่อการขายทอดตลาดได้ไม่พอชำระหนี้แก่ผู้ทรงประทวนสินค้า มีดังนี้ 1 นายคลังสินค้าต้องคืนประทวนสินค้า 2 จดจำนวนเงินที่ได้ชำระลงไว้ในประทวนสินค้า 3 จดลงไว้ในสมุดบัญชีของตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '793'}]",1 นายคลังสินค้าต้องคืนประทวนสินค้า 2 จดจำนวนเงินที่ได้ชำระลงไว้ในประทวนสินค้า 3 จดลงไว้ในสมุดบัญชีของตน +ผลของการใช้เงินค่าหุ้นล่าช้าเป็นอย่างไร,ผู้ถือหุ้นคนนั้นต้องเสียดอกเบี้ย นับแต่วันที่กำหนดให้ส่งใช้จนถึงวันที่ได้ส่งเสร็จ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1122'}]",ผู้ถือหุ้นคนนั้นต้องเสียดอกเบี้ย นับแต่วันที่กำหนดให้ส่งใช้จนถึงวันที่ได้ส่งเสร็จ +หน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเมื่อถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการคืออะไร,หน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเมื่อถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ มีดังนี้ 1 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแจ้งให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบโดยไม่ชักช้า คำอธิบายขยายความ : พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 46 ผลการถูกระงับกิจการ คือ ให้ทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าได้รับการคุ้มครองโดยไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การห้ามจำหน่าย จ่าย หรือโอน ตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายที่ให้ระงับการดำเนินกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '46'}]",ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแจ้งให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบโดยไม่ชักช้า +เมื่อพระภิกษุมรณภาพทรัพย์ของพระภิกษุจะตกเป็นของผู้ใด,กรณี ทรัพย์ได้มาก่อนอุปสมบท ทรัพย์สินนั้นไม่ตกเป็นสมบัติของวัด ให้เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของบุคคลนั้น หรือบุคคลนั้นจะจำหน่ายโดยประการใดตามกฎหมายก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1624'}]",ทรัพย์สินนั้นไม่ตกเป็นสมบัติของวัด ให้เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของบุคคลนั้น หรือบุคคลนั้นจะจำหน่ายโดยประการใดตามกฎหมายก็ได้. +คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถกำหนดให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติจากบทบัญญัติในหมวดใดบ้าง,ได้รับยกเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติแตกต่างไปจากบทบัญญัติในส่วนที่ 2 หุ้นกู้ ส่วนที่ 3 การออกหุ้นกู้มีประกัน ส่วนที่ 4 การจัดทำทะเบียนและการโอนหรือส่วนที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลและผู้สอบบัญชี ของหมวดนี้ หรือตามหมวด 3 การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 35/1 ภายใต้บังคับมาตรา 33 คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจกำหนดให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายต่างประเทศที่มีมาตรการคุ้มครองผู้ลงทุนในทำนองเดียวกันกับที่คณะกรรมการก.ล.ต. ประกาศกำหนด ได้รับยกเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติแตกต่างไปจากบทบัญญัติในส่วนที่2 หุ้นกู้ ส่วนที่ 3 การออกหุ้นกู้มีประกัน ส่วนที่ 4 การจัดทำทะเบียนและการโอนหรือส่วนที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลและผู้สอบบัญชี ของหมวดนี้ หรือตามหมวด 3การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของหลักทรัพย์ บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ผู้ลงทุนและการเสนอขายหลักทรัพย์นั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '35/1'}]",ได้รับยกเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติแตกต่างไปจากบทบัญญัติในส่วนที่ 2 หุ้นกู้ ส่วนที่ 3 การออกหุ้นกู้มีประกัน ส่วนที่ 4 การจัดทำทะเบียนและการโอนหรือส่วนที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลและผู้สอบบัญชี ของหมวดนี้ หรือตามหมวด 3 การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้ +ผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตต้องดำเนินการอย่างไรต่อเจ้าของที่ดิน,บุคคลผู้นั้นจะเป็นเจ้าของโรงเรือนที่สร้างขึ้น แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดินนั้น และจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 บุคคลใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต บุคคลนั้นเป็นเจ้าของโรงเรือนที่สร้างขึ้น แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดินนั้น และจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม ต่อภายหลังถ้าโรงเรือนนั้นสลายไปทั้งหมด เจ้าของที่ดินจะเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1312'}]",บุคคลผู้นั้นจะเป็นเจ้าของโรงเรือนที่สร้างขึ้น แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดินนั้น และจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม +การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผู้ได้รับผลประโยชน์เป็นคนเดียวกันเป็นการกระทำที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อใช่หรือไม่,ใช่ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการกระทำดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำอันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 46 (1) หรือเป็นการกระทำที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาดตามมาตรา 46 (2) แล้วแต่กรณี (1) ซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งในที่สุดบุคคลที่ได้ประโยชน์จากการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นบุคคลคนเดียวกัน (2) ส่งคำสั่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเองหรือบุคคลซึ่งร่วมกันกระทำการ ได้สั่งขายหรือจะสั่งขายสินทรัพย์ดิจิทัลเดียวกัน ในจำนวนใกล้เคียงกัน ราคาใกล้เคียงกัน และภายในเวลาใกล้เคียงกัน (3) ส่งคำสั่งขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเองหรือบุคคลซึ่งร่วมกันกระทำการ ได้สั่งซื้อหรือจะสั่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเดียวกัน ในจำนวนใกล้เคียงกัน ราคาใกล้เคียงกัน และภา��ในเวลาใกล้เคียงกัน (4) ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงก่อนเปิดหรือช่วงก่อนปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมุ่งหมายให้ราคาเปิดหรือราคาปิดของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นสูงหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (5) ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบุคคลอื่น ซึ่งมีผลทำให้บุคคลอื่นต้องส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในราคาที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็น,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '48'}]",ใช่ +การล้มละลายของตัวเเทนจะทำให้สัญญาตัวเเทนสิ้นผลหรือไม่,สิ้นผล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 829 เมื่อสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตัวแทนตายก็ดี ตัวแทนตกเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือล้มละลายก็ดี ท่านว่าทายาทหรือบุคคลผู้รับหน้าที่ดูแลทรัพย์มรดกของตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายต้องบอกกล่าวแก่ตัวการและจัดการเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของตัวการไปตามสมควรแก่พฤติการณ์ จนกว่าตัวการอาจเข้าปกปักรักษาประโยชน์นั้น ๆ ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '829'}]",สิ้นผล +ยกตัวอย่างการจัดการทรัพย์สินกรณีที่ถือว่า ผู้ปกครองหย่อนความสามารถ,1. ไม่ทำบัญชีทรัพย์สินหรือยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องครบถ้วน 2. ทำบัญชีทรัพย์สินขึ้นด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายเเรง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1594 ถ้าผู้ปกครองไม่ปฏิบัติเกี่ยวแก่การทำบัญชีทรัพย์สินหรือการยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1592 หรือมาตรา 1593 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลซึ่งสั่งตามมาตรา 1593 หรือศาลไม่พอใจในบัญชีทรัพย์สินเพราะทำขึ้นด้วยความเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่สุจริต หรือเห็นได้ชัดว่าผู้ปกครองหย่อนความสามารถ ศาลจะสั่งถอนผู้ปกครองนั้นเสียก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1594'}]",1. ไม่ทำบัญชีทรัพย์สินหรือยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องครบถ้วน 2. ทำบัญชีทรัพย์สินขึ้นด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายเเรง +ผู้รับจำนำจะเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด กรณีไม่สามารถบอกกล่าวก่อนได้หรือไม่,ได้หากหนี้ค้างชำระเกิน 1 เดือน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 765 ถ้าไม่สามารถจะบอกกล่าวก่อนได้ ผู้รับจำนำจะเอาทรัพย์สินจำนำออกขายทอดตลาดเสียในเมื่อหนี้ค้างชำระมาล่วงเวลาเดือนหนึ่งแล้วก็ให้ทำได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '765'}]",ได้หากหนี้ค้างชำระเกิน 1 เดือน +คนไร้ความสามารถทำพินัยกรรมจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร,เป็นโมฆะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1704 พินัยกรรมซึ่งบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำขึ้นนั้น เป็นโมฆะ พินัยกรรมซึ่งบุคคลผู้ถูกอ้างว่าเป็นคนวิกลจริต แต่ศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำขึ้นนั้น จะเป็นอันเสียเปล่าก็แต่เมื่อพิสูจน์ได้ว่าในเวลาที่ทำพินัยกรรมนั้นผู้ทำจริตวิกลอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1704'}]",เป็นโมฆะ +กรรมการผู้จัดการละเว้นการจัดการในการดำเนินงานของนิติบุคคล กรรมการนั้นต้องรับผิดร่วมกับนิติบุคคลหรือไม่,ต้องร่วมรับผิดด้วย พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 37 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 36 เป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการ การกระทำการ การไม่สั่งการ หรือการไม่กระทำการ อันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น บุคคลนั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '37'}]",ต้องร่วมรับผิดด้วย +ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ยึดหน่วงไว้ได้หรือไม่,ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 245 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ยึดหน่วงไว้ และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำระหนี้แก่ตนก่อนเจ้าหนี้คนอื่นก็ได้ ดอกผลเช่นว่านี้จะต้องจัดสรรเอาชำระดอกเบี้ยแห่งหนี้นั้นก่อน ถ้ายังมีเหลือจึงให้จัดสรรใช้ต้นเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '245'}]",ได้ +ตลาดหลักทรัพย์สามารถจัดทำทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ได้หรือไม่,ได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 191 ให้บริษัทที่ออกหล��กทรัพย์จดทะเบียนจัดให้มีทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด การจัดให้มีทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จะมอบให้ตลาดหลักทรัพย์ หรือผู้ได้รับใบอนุญาตให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ตามมาตรา 221 เป็นผู้ดำเนินการแทนก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '191'}]",ได้ +ผู้ใดจะกระทำการแทนบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายต่างประเทศ กระทำการนอกจากสำนักงานกำหนดได้หรือไม่,ไม่ได้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 93 ผู้ใดจะกระทำการแทนบริษัทซึ่งจัดตั้งและประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายต่างประเทศ โดยมีสำนักงานติดต่อกับบุคคลทั่วไปในราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ให้ผู้กระทำการแทนตามวรรคหนึ่งทำกิจการได้เฉพาะที่ระบุไว้ในการอนุญาต มิให้นำความในมาตรา 95 มาใช้บังคับแก่ผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรานี้ แต่ผู้ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '93'}]",ไม่ได้ +มติพิเศษต้องมีคะเเนนเสียงเท่าไหร่,ไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194 การใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำโดยมติพิเศษ ที่ประชุมใหญ่ต้องลงมติในเรื่องนั้นโดยคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1194'}]",ไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +ผู้กำหนดหลักเกณฑ์ในการขอเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่คือใคร,คณะกรรมการกำกับตลาดทุน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 35 การขอเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่และการอนุญาตตามมาตรา 32 และมาตรา 33 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ประกาศกำหนด ในการนี้ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนอาจประกาศกำหนดรายละเอียดในเรื่องดังต่อไปนี��ไว้ด้วยก็ได้ (1) สัดส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (2) ระยะเวลาในการเสนอขายหลักทรัพย์ (3) การจอง การจัดจำหน่าย และการจัดสรรหลักทรัพย์ (4) การรับชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ (5) การเก็บรักษาและการปฏิบัติเกี่ยวกับเงินค่าจองหลักทรัพย์ (6) เงื่อนไขอื่นที่จำเป็นในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนผู้ลงทุน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '35'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +คนต่างด้าวมีข้อจำกัดเรื่องการถือหุ้นหรือไม่,มีเเละบังคับตามกฎหมายที่มีบทบัญญัติเฉพาะ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 13 ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นกำหนดเรื่องการถือหุ้น การเป็นหุ้นส่วนหรือการลงทุนของคนต่างด้าว การอนุญาตหรือการห้ามคนต่างด้าวในการประกอบธุรกิจบางประเภท หรือกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไว้เป็นประการใด ให้ใช้บังคับตามกฎหมายดังกล่าวและมิให้นำความในพระราชบัญญัตินี้ไปใช้บังคับในส่วนที่มีกฎหมายอื่นกำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '13'}]",มีเเละบังคับตามกฎหมายที่มีบทบัญญัติเฉพาะ +นายจ้างเลิกกิจการมีผลต่อกองทุนอย่างไร,กองทุนย่อมเลิก พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 25 กองทุนย่อมเลิก เมื่อ (1) นายจ้างเลิกกิจการ (2) ที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก (3) มีกรณีที่ข้อบังคับของกองทุนกำหนดให้เลิก หรือ (4) นายทะเบียนสั่งให้เลิกกองทุนตามมาตรา 27 ในกรณีที่กองทุนจัดตั้งขึ้นโดยมีนายจ้างมากกว่าหนึ่งราย การที่นายจ้างบางรายเลิกกิจการหรือถอนตัวจากกองทุนไม่เป็นเหตุให้กองทุนต้องเลิก เว้นแต่ข้อบังคับของกองทุนกำหนดให้เลิก เมื่อมีกรณีตามวรรคสองเกิดขึ้น ให้คณะกรรมการกองทุนแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่นายจ้างบางรายเลิกกิจการหรือถอนตัว และจัดให้มีการชำระบัญชีกองทุนเฉพาะส่วนทรัพย์สินของนายจ้างและลูกจ้างของนายจ้างนั้นตามวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุน เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันเสร็จการชำระบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '25'}]",กองทุนย่อมเลิก +หนังสือมอบฉันทะต้องมีรายการหลักอะไรบ้าง,(1) จำนวนหุ้นที่ผู้มอบฉันทะถืออยู่ (2) ชื่อผู้รับมอบฉันทะ (3) ครั้งที่ของการประชุมที่มอบฉันทะให้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 34 ในการประชุมผู้จองหุ้น ผู้จองหุ้นจะมอบฉันทะให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนตนก็ได้ การมอบฉันทะต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้มอบฉันทะ และมอบแก่บุคคลซึ่งผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทกำหนดไว้ ณ สถานที่ที่ประชุมก่อนผู้รับมอบฉันทะเข้าประชุม หนังสือมอบฉันทะให้เป็นไปตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) จำนวนหุ้นที่ผู้มอบฉันทะถืออยู่ (2) ชื่อผู้รับมอบฉันทะ (3) ครั้งที่ของการประชุมที่มอบฉันทะให้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน ในการออกเสียงลงคะแนน ให้ถือว่าผู้รับมอบฉันทะมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนคะแนนเสียงที่ผู้จองหุ้นมอบฉันทะมีรวมกัน เว้นแต่ผู้รับมอบฉันทะจะแถลงต่อที่ประชุมก่อนลงคะแนนว่าตนจะออกเสียงแทนผู้ซึ่งมอบฉันทะเพียงบางคน โดยระบุชื่อผู้มอบฉันทะและจำนวนหุ้นที่ผู้มอบฉันทะถืออยู่ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '34'}]",(1) จำนวนหุ้นที่ผู้มอบฉันทะถืออยู่ (2) ชื่อผู้รับมอบฉันทะ (3) ครั้งที่ของการประชุมที่มอบฉันทะให้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน +สามีล้มละลายมีผลต่อสินสมรสอย่างไร,สินสมรสเเยกจากกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1491 ถ้าสามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย สินสมรสย่อมแยกจากกันโดยอำนาจกฎหมายนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1491'}]",สินสมรสเเยกจากกัน +กรณีใดบ้างที่ถือเป็นการลวงให้ลูกค้าของนิติบุคคลขาดประโยชน์,(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (3) ทำบั���ชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 148 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคคล ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใด กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้ เพื่อลวงให้ลูกค้าของนิติบุคคลนั้นขาดประโยชน์อันควรได้ (1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '148'}]",(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลนั้น หรือที่นิติบุคคลนั้นจัดทำขึ้นตามหน้าที่ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง +วันหมายถึง,วัน หมายความว่า เวลาทำการตามที่ได้กำหนดขึ้นโดยกฎหมาย คำสั่งศาล หรือระเบียบข้อบังคับ หรือเวลาทำการตามปกติของกิจการนั้น แล้วแต่กรณี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/4 ในทางคดีความ ในทางราชการ หรือทางธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม วัน หมายความว่า เวลาทำการตามที่ได้กำหนดขึ้นโดยกฎหมาย คำสั่งศาล หรือระเบียบข้อบังคับ หรือเวลาทำการตามปกติของกิจการนั้น แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/4'}]",วัน หมายความว่า เวลาทำการตามที่ได้กำหนดขึ้นโดยกฎหมาย คำสั่งศาล หรือระเบียบข้อบังคับ หรือเวลาทำการตา��ปกติของกิจการนั้น แล้วแต่กรณี +ผู้ทอดตลาดเข้าสู้ราคาได้หรือไม่,ไม่ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 511 ท่านห้ามมิให้ผู้ทอดตลาดเข้าสู้ราคา หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคาในการทอดตลาดซึ่งตนเป็นผู้อำนวยการเอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '511'}]",ไม่ได้ +พระราชบัญญัตินี้มีชื่อเรียกว่าอะไร,พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543” พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543”,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '1'}]",พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 +บุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายต้องวินิจฉัยอย่างไร,"กรณีบุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 สามารถวินิจฉัยได้ดังนี้ +(1) ถ้าการเช่านั้นเป็นประเภทซึ่งไม่ได้บังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องจดทะเบียน ให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้ทรัพย์สินไปไว้ในครอบครองก่อนด้วยสัญญาเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ +(2) ถ้าการเช่าทุก ๆ รายเป็นประเภทซึ่งบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องจดทะเบียน ให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้จดทะเบียนการเช่าของตนก่อนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ +(3) ถ้าการเช่ามีทั้งประเภทซึ่งต้องจดทะเบียนและประเภทซึ่งไม่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย. ให้ผู้เช่าคนที่ได้จดทะเบียนการเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่า เว้นแต่ผู้เช่าคนอื่นจะได้ทรัพย์สินนั้นไปไว้ในครอบครองด้วยการเช่าของตนเสียก่อนวันจดทะเบียนนั้นแล้ว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '543'}]",กรณีบุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 สามารถวินิจฉัยได้ดังนี้ (1) ถ้าการเช่านั้นเป็นประเภทซึ่งไม่ได้บังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องจดทะเบียน ให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้ทรัพย์สินไปไว้ในครอบครองก่อนด้วยสัญญาเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ (2) ถ้าการเช่าทุก ๆ รายเป็นประเภทซึ่งบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องจดทะเบียน ให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้จดทะเบียนการเช่าของตนก่อนนั้นมีสิทธิ��ิ่งกว่าคนอื่น ๆ (3) ถ้าการเช่ามีทั้งประเภทซึ่งต้องจดทะเบียนและประเภทซึ่งไม่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย. ให้ผู้เช่าคนที่ได้จดทะเบียนการเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่า เว้นแต่ผู้เช่าคนอื่นจะได้ทรัพย์สินนั้นไปไว้ในครอบครองด้วยการเช่าของตนเสียก่อนวันจดทะเบียนนั้นแล้ว. +กรณีที่ผู้จัดการกองทุนพ้นจากการเป็นผู้จัดการกองทุนคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนใหม่ภายในกี่วัน,ให้คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนใหม่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้จัดการกองทุนเดิมพ้นตำแหน่งและให้แจ้งการแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนใหม่แก่นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่แต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 21,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '21'}]",ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้จัดการกองทุนเดิมพ้นตำแหน่ง +กรรมการคนใดกระทำการใดที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้อำนาจอนุมัติหรือให้สัตยาบันแล้ว แม้ต่อมาจะมีการเพิกถอนมตินั้นผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,กรรมการคนนั้นไม่ต้องรับผิดในการกระทำนั้นต่อบริษัท ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้ของบริษัท ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 95,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '95'}]",กรรมการคนนั้นไม่ต้องรับผิดในการกระทำนั้นต่อบริษัท ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้ของบริษัท ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 95 +การให้ในกรณีใดที่จถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณไม่ได้,(1) ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ (2) ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน (3) ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา (4) ให้ในการสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '535'}]",(1) ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ (2) ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน (3) ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา (4) ให้ในการสมรส +ถ้าจะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจากใคร,ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 26,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '26'}]",ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมกา�� ก.ล.ต. +ถ้าบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลในขณะที่บริษัทยังขาดทุนได้หรือไม่,กรณีที่บริษัทยังมียอดขาดทุนสะสมอยู่ ห้ามไม่ให้จ่ายเงินปันผล,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '115'}]",กรณีที่บริษัทยังมียอดขาดทุนสะสมอยู่ ห้ามไม่ให้จ่ายเงินปันผล +ถ้าเกิดผู้ไร้ความสามารถไปกระทำละเมิดใครต้องร่วมรับผิดด้วย,ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นประจำหรือชั่วครั้งคราว จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '430'}]",ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นประจำหรือชั่วครั้งคราว จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด +การใช้เงินเพื่อแก้หน้าใช้ในกรณีไหน,ใช้ในกรณีซึ่งผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยเมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดหรือก่อนถึงกำหนด โดยอย่างช้าที่สุดต้องทำในวันรุ่งขึ้น แต่วันท้ายแห่งกำหนดเวลาซึ่งจำกัดอนุญาตไว้ให้ทำคำคัดค้านการไม่ใช้เงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '954'}]",ใช้ในกรณีซึ่งผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยเมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดหรือก่อนถึงกำหนด โดยอย่างช้าที่สุดต้องทำในวันรุ่งขึ้น แต่วันท้ายแห่งกำหนดเวลาซึ่งจำกัดอนุญาตไว้ให้ทำคำคัดค้านการไม่ใช้เงิน. +บริษัทจะกำหนดข้อจำกัดใด ๆ ในการโอนหุ้นไม่ได้ ยกเว้นเรื่องอะไร,เว้นแต่ข้อจำกัดนั้น ๆ จะเป็นไปเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับตามกฎหมายหรือเพื่อเป็นการรักษาอัตราส่วนการถือหุ้นของคนไทยกับคนต่างด้าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '57'}]",เว้นแต่ข้อจำกัดนั้น ๆ จะเป็นไปเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับตามกฎหมายหรือเพื่อเป็นการรักษาอัตราส่วนการถือหุ้นของคนไทยกับคนต่างด้าว +ถ้าผู้จ่ายเงินภาษีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือนไม่ได้หักภาษีเงินได้และนำเงินส่ง ผู้จ่ายต้องรับผิดอย่างไร,ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่งหรือตามจำนวนที่ขาดไป,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '54'}]",ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมก���บผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่งหรือตามจำนวนที่ขาดไป +เมื่อลูกจ้างทำงานจนสิ้นสุดสัญญาจ้างจะได้รับใบอะไร,เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลงแล้ว ลูกจ้างต้องที่จะได้รับใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไร่และงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '585'}]",ใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไร่และงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไร +คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจอะไร ตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลในเรื่องสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และการป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า อำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้รวมถึง +(1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการขออนุญาต การขอจดทะเบียน การขอความเห็นชอบ การออกใบอนุญาต การรับจดทะเบียน การให้ความเห็นชอบ หรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต ที่ได้จดทะเบียน หรือที่ได้รับความเห็นชอบ +(3) กำหนดขอบเขตและวิธีปฏิบัติในการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ +(4) กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '9'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลในเรื่องสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงการออกระเบียบ ข้อบังคับ กำหนดค่าธรรมเนียม กำหนดขอบเขตและวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้. +การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของบุคคลผู้แสดงเจตนา ผลทางกฎ��มายเป็นอย่างไร,บุคคลนั้นจะถือเอาความสำคัญผิดนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนเองไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '158'}]",บุคคลนั้นจะถือเอาความสำคัญผิดนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนเองไม่ได้ +สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเริ่มแต่วันจดทะเบียนบริษัทให้เก็บรักษาไว้ที่ไหน,ให้รักษาไว้ ณ สำนักงานของบริษัทแห่งที่ได้บอกทะเบียนไว้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1139'}]",ให้รักษาไว้ ณ สำนักงานของบริษัทแห่งที่ได้บอกทะเบียนไว้ +เงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเงื่อนเวลาสิ้นสุดมีข้อสันนิษฐานไว้ว่าอย่างไร,ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ากำหนดไว้เพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะปรากฏโดยเนื้อความแห่งตราสารหรือโดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่าได้ตั้งใจจะให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเจ้าหนี้หรือแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายด้วยกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '192'}]",ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ากำหนดไว้เพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะปรากฏโดยเนื้อความแห่งตราสารหรือโดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่าได้ตั้งใจจะให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเจ้าหนี้หรือแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายด้วยกัน +คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจอะไร ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน อำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้รวมถึง +(1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการขออนุญาต การอนุญาต หรือการประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '8'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน อำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้รวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ (2) กำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการขออนุญาต การอนุญาต หรือการประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัตินี้ (3) กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้. +ถ้าสัมภาระนั้นผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหามาส่ง ผู้รับจ้างต้องใช้สัมภาระอย่างไร,ให้ผู้รับจ้างใช้สัมภาระด้วยความระมัดระวังและประหยัดอย่าให้เปลืองเสียเปล่า เมื่อทำการงานสำเร็จแล้ว มีสัมภาระเหลืออยู่ก็ให้คืนแก่ผู้ว่าจ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '590'}]",ให้ผู้รับจ้างใช้สัมภาระด้วยความระมัดระวังและประหยัดอย่าให้เปลืองเสียเปล่า เมื่อทำการงานสำเร็จแล้ว มีสัมภาระเหลืออยู่ก็ให้คืนแก่ผู้ว่าจ้าง +การสมรสที่ได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิ้นสุดลงเมื่อไร,ถือว่าสิ้นสุดลงในวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนการเพิกถอนการสมรสนั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1511'}]",ถือว่าสิ้นสุดลงในวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด +ถ้าต้องการแบ่งเงินปันผลให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทำได้หรือไม่,ห้ามแบ่งเงินปันผลให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด นอกจากผลกำไรซึ่งห้างหุ้นส่วนทำมาค้าได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1084'}]",ห้ามแบ่งเงินปันผลให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด นอกจากผลกำไรซึ่งห้างหุ้นส่วนทำมาค้าได้ +ถ้าต้องการสำเนางบดุลฉบับหลังที่สุดจากบริษัทจะต้องซื้อในราคาฉบับละกี่บาท,จะต้องซื้อเอาได้โดยราคาไม่เกินฉบับละยี่สิบบาท,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1199'}]",จะต้องซื้อเอาได้โดยราคาไม่เกินฉบับละยี่สิบบาท +ถ้าผู้ทรงเช็คต้องการยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินและเป็นเช็คให้ใช้เงินในเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็คต้องยื่นภายในกี่เดือน,ต้องยื่นภายในเดือนหนึ่งนับแต่วันออกเช็ค,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '990'}]",ต้องยื่นภายในเดือนหนึ่งนับแต่วันออกเช็ค +ค่าคืนทรัพย์สินที่ฝาก ใครเป็นคนจ่าย,ผู้ฝากทรัพย์สินเป็นผู้จ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '667'}]",ผู้ฝากทรัพย์สินเป็นผู้จ่าย +ลาภมิควรกำหนดเรื่องอายุความไว้อย่างไร,ห้���มฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '419'}]",ห้ามฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น. +ถ้าต้องใช้เงินในกรณีที่มีคนตาย ผู้รับประกันต้องทำอะไร,"ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อความตายเกิดขึ้น เว้นแต่ +(1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญาหรือ +(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '895'}]",ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อความตายเกิดขึ้น เว้นแต่ (1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญาหรือ (2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา. +ตั๋วแลกเงินซึ่งให้ใช้เงินเมื่อได้เห็นจะใช้เงินได้เมื่อไร,ตั๋วแลกเงินซึ่งให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น ย่อมจะพึงใช้เงินในวันเมื่อยื่นตั๋ว ทั้งนี้ ต้องยื่นให้ใช้เงินภายในกำหนดเวลา ซึ่งบังคับไว้เพื่อการยื่นให้รับรองตั๋วเงินชนิดให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังได้เห็นนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '944'}]",ตั๋วแลกเงินซึ่งให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น ย่อมจะพึงใช้เงินในวันเมื่อยื่นตั๋ว ทั้งนี้ ต้องยื่นให้ใช้เงินภายในกำหนดเวลา ซึ่งบังคับไว้เพื่อการยื่นให้รับรองตั๋วเงินชนิดให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังได้เห็นนั้น +ความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนกฎหมายใดที่ต้องการเพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆที่มีคนฝ่าฝืนผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ถ้าความเสียหายเกิดแต่การฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายใดอันมีที่ประสงค์เพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆ ผู้ใดทำการฝ่าฝืนเช่นนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นผู้ผิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '422'}]",ถ้าความเสียหายเกิดแต่การฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายใดอันมีที่ประสงค์เพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆ ผู้ใดทำการฝ่าฝืนเช่นนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นผู้ผิด +ทรัพย์สินซึ่งถูกไถ่ผู้ไถ่จะได้รับสิทธิทางกฎหมายอะไรคืนกลับมา,บุคคลผู้ไถ่จะได้รับคืนทรัพย์สินซึ่งไถ่ไปโดยปลอดจากสิทธิใด ๆ ซึ่งผู้ซื้อเดิม หรือทายาท หรือผู้รับโอนจากผู้ซื้อเดิมก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาไถ่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '502'}]",บุคคลผู้ไถ่จะได้รับคืนทรัพย์สินซึ่งไถ่ไปโดยปลอดจากสิทธิใด ๆ ซึ่งผู้ซื้อเดิม หรือทายาท หรือผู้รับโอนจากผู้ซื้อเดิมก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาไถ่ +ถ้าเจ้าพนักงานเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรต้องได้รับโทษจำคุกหรือถูกฟ้องร้อง ให้มีอำนาจเปรียบเทียบโดยกำหนดค่าปรับแต่สถานเดียวในความผิดใดบ้าง,"(1) ความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำซึ่งโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ให้เป็นอำนาจของอธิบดี ถ้าเกิดขึ้นในจังหวัดอื่นให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด +(2) ความผิดที่มีโทษปรับหรือโทษจำคุกเกินหกเดือน แต่ไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ซึ่งโทษจำคุกเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยอธิบดี อธิบดีกรมการปกครองและอธิบดีกรมตำรวจ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ทวิ'}]",(1) ความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำซึ่งโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ให้เป็นอำนาจของอธิบดี ถ้าเกิดขึ้นในจังหวัดอื่นให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด (2) ความผิดที่มีโทษปรับหรือโทษจำคุกเกินหกเดือน แต่ไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ซึ่งโทษจำคุกเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยอธิบดี อธิบดีกรมการปกครองและอธิบดีกรมตำรวจ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย +บริษัทจำกัดใดไม่บอกกล่าวว่าจะปันผลอย่างใด ๆ ที่ได้อนุญาตให้จ่ายมีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '20'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +พฤติการณ์ซึ่งทำให้การชำระหนี้เป็นอันพ้นวิสัยเป็นผลให้ลูกหนี้ได้มาซึ่งของแทนผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,เจ้าหนี้จะเรียกให้ส่งมอบของแทนที่ได้รับไว้หรือจะเข้าเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเสียเองก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '228'}]",เจ้าหนี้จะเรียกให้ส่งมอบของแทนที่ได้รับไว้หรือจะเข้าเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเสียเองก็ได้ +บริษัทต้องจัดให้มีการสอบบัญชีหรือไม่,บริษัทต้องจัดให้มีการทำและเก็บรักษาบัญชี ตลอดจนการสอบบัญชีตามกฎหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '109'}]",บริษัทต้องจัดให้มีการทำและเก็บรักษาบัญชี ตลอดจนการสอบบัญชีตามกฎหมาย +ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ผลทางกฎหมายคืออะไร,"บุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น และให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย +บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย +ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น บุคคลทั้งหลายต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '432'}]",บุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น และให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย +ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่สามารถชำระหนี้จากกองมรดกได้,"(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันของกองมรดก +(2) ค่าใช้จ่ายในการทำศพเจ้ามรดก +(3) ค่าภาษีอากรซึ่งกองมรดกค้างชำระอยู่ +(4) ค่าจ้างซึ่งเจ้ามรดกค้างชำระแก่เสมียน คนใช้และคนงาน +(5) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันซึ่งส่งให้แก่เจ้ามรดก +(6) หนี้สินสามัญของเจ้ามรดก +(7) บำเหน็จของผู้จัดการมรดก +ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยบุริมสิทธิ โดยต้องไม่เป็นที่เสื่อมเสียแก่บรรดาเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิ���ธิพิเศษตามประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น และบรรดาเจ้าหนี้ที่มีประกันโดยการจำนำหรือการจำนอง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1739'}]","(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันของกองมรดก +(2) ค่าใช้จ่ายในการทำศพเจ้ามรดก +(3) ค่าภาษีอากรซึ่งกองมรดกค้างชำระอยู่ +(4) ค่าจ้างซึ่งเจ้ามรดกค้างชำระแก่เสมียน คนใช้และคนงาน +(5) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันซึ่งส่งให้แก่เจ้ามรดก +(6) หนี้สินสามัญของเจ้ามรดก +(7) บำเหน็จของผู้จัดการมรดก" +ถ้าใครต้องการคัดเอกสารเกี่ยวกับสมาคมการค้าให้ยื่นคำขอกับใคร,ให้ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางสมาคมการค้ากำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '31'}]",ให้ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางสมาคมการค้ากำหนด +การพนัน ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,"อันการพนันหรือขันต่อนั้น ท่านว่าหาก่อให้เกิดหนี้ไม่ สิ่งที่ได้ให้กันไปในการพนันหรือขันต่อก็จะทวงคืนไม่ได้ เพราะเหตุหามูลหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดมิได้ +ข้อบัญญัติที่กล่าวนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงข้อตกลงเป็นมูลหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดอันฝ่ายข้างเสียพนันขันต่อหากทำให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะใช้หนี้เงินพนันหรือขันต่อนั้นด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '853'}]",อันการพนันหรือขันต่อนั้น ท่านว่าหาก่อให้เกิดหนี้ไม่ สิ่งที่ได้ให้กันไปในการพนันหรือขันต่อก็จะทวงคืนไม่ได้ เพราะเหตุหามูลหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดมิได้ ข้อบัญญัติที่กล่าวนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงข้อตกลงเป็นมูลหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดอันฝ่ายข้างเสียพนันขันต่อหากทำให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะใช้หนี้เงินพนันหรือขันต่อนั้นด้วย +เมื่อมีการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ต้องมีคณะกรรมการอะไร,ให้มีคณะกรรมการศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์คณะหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการที่สมาชิกผู้ก่อตั้งเลือกเข้ามาจำนวนไม่เกินเก้าคน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '210'}]",ให้มีคณะกรรมการศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์คณะหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการที่สมาชิกผู้ก่อตั้งเลือกเข้ามาจำนวนไม่เกินเก้าคน +การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบต้องจ่ายร้อยละเท่าไร,การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบต้องไม่ต่ำกว่า���้อยละสองแต่ไม่เกินร้อยละสิบห้าของค่าจ้าง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '10'}]",การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละสองแต่ไม่เกินร้อยละสิบห้าของค่าจ้าง +การกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไปถ้าไม่มีหลักฐานการยืมเแป็นหนังสือจะฟ้องได้หรือไม่,การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้าไม่ได้มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '653'}]",การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้าไม่ได้มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ +ถ้ามีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการกับผู้กระทำความผิด โดยรู้หรือควรรู้ว่ามีการกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งตามบันทึกการยินยอม มีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '81'}]",ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท +กรณีที่สำนักงานเห็นว่าเอกสารที่บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จัดส่งให้มีข้อมูลไม่ครบถ้วน สำนักงานมีอำนาจที่จะดำเนินการอะไรบ้าง,"สำนักงานมีอำนาจที่จะดำเนินการประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ ดังนี้ +(1) ให้บริษัทรายงานหรือส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม +(2) ให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการของบริษัทชี้แจงเพิ่มเติม +(3) ให้บริษัทจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชี และรายงานผลการสอบบัญชีนั้นให้สำนักงานทราบ และเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชนทั่วไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '58'}]",สำนักงานมีอำนาจที่จะดำเนินการประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ ดังนี้ (1) ให้บริษัทรายงานหรือส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม (2) ให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการของบริษัทชี้แจงเพิ่มเติม (3) ให้บริษัทจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชี และรายงานผลการสอบบัญชีนั้นให้สำนักงานทราบ และเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชนทั่วไป +กรรมการของบริษัทแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองแล้วเสียหายแก่บริษัท มีโทษอย่างไร,กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา 89 กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่นิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '87'}]",ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดฝ่าฝืนกฎหมายโดยการโอนหุ้นก่อนครบกำหนดสองปีตั้งแต่วันจดทะเบียนบริษัทมีโทษอย่างไร,ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดฝ่าฝืนมาตรา 57 วรรคสอง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*หรือสองเท่าของมูลค่าหุ้นที่โอน สุดแต่จำนวนใดจะมากกว่า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '199'}]",ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทคนใดฝ่าฝืนมาตรา 57 วรรคสอง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*หรือสองเท่าของมูลค่าหุ้นที่โอน สุดแต่จำนวนใดจะมากกว่า +ถ้าผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระและการจ้างทำนั้นพังทลาย ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ความวินาศนั้นผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบ หากความวินาศนั้นไม่ได้เป็นเพราะการกระทำของผู้รับจ้าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '604'}]",ความวินาศนั้นผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบ หากความวินาศนั้นไม่ได้เป็นเพราะการกระทำของผู้รับจ้าง +สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ย่อมเป็นโมฆะ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '572'}]",สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ย่อมเป็นโมฆะ +กรณีที่สำนักหักบัญชีเข้าผูกพันในสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ให้สำนักหักบัญชีมีความผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์ที่ตนให้บริการในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เฉพาะกับสมาชิกของตนเท่านั้นไม่ว่าสมาชิกดังกล่าวจะดำเนินการเพื่อตนเองหรือเพื่อบุคคลอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดห��ักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '223/2'}]",ให้สำนักหักบัญชีมีความผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์ที่ตนให้บริการในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เฉพาะกับสมาชิกของตนเท่านั้นไม่ว่าสมาชิกดังกล่าวจะดำเนินการเพื่อตนเองหรือเพื่อบุคคลอื่น +ถ้าตัวแทนค้าต่างได้ทำการขายได้ราคาสูงกว่าที่ตัวการกำหนดผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ตัวแทนจะถือเอาเป็นประโยชน์ของตนไม่ได้ ต้องคิดให้แก่ตัวการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '840'}]",ตัวแทนจะถือเอาเป็นประโยชน์ของตนไม่ได้ ต้องคิดให้แก่ตัวการ +ถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจทรัสตีจะประกอบธุรกิจได้ไหม,ไม่ได้ เพราะห้ามบุคคลใดประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '54'}]",ไม่ได้ เพราะห้ามบุคคลใดประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. +สัญญาระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทางเกิดเป็นสัญญาเมื่อไร,"สัญญาระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทางนั้น เกิดเป็นสัญญาขึ้นแต่เวลาเมื่อคำบอกกล่าวสนองไปถึงผู้เสนอ +ถ้าตามเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง หรือตามปรกติประเพณีไม่จำเป็นจะต้องมีคำบอกกล่าวสนองไซร้ สัญญานั้นเกิดเป็นสัญญาขึ้นในเวลาเมื่อมีการอันใดอันหนึ่งขึ้น อันจะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาสนองรับ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '361'}]",สัญญาระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทางนั้น เกิดเป็นสัญญาขึ้นแต่เวลาเมื่อคำบอกกล่าวสนองไปถึงผู้เสนอ +ข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญอะไรบ้าง,(1) สิทธิและเงื่อนไขตามหุ้นกู้ (2) ผลประโยชน์ตอบแทน (3) ทรัพย์สินที่เป็นประกันหรือหลักประกันอื่น (4) การแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (5) เงื่อนไขการเปลี่ยนตัวผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (6) คำยินยอมของผู้ถือหุ้นกู้ที่จะให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่ได้รับความเห็นชอบไว้ตามมาตรา 41 (3) (7) คำรับรองของผู้ออกหุ้นกู้มีประกันที่จะจำนอง จำนำ หรือให้หลักประกันอย่างอื่นเพื่��เป็นประกันหุ้นกู้ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามมาตรา 44 (8) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระหนี้ (9) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี) (10) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '42'}]",(1) สิทธิและเงื่อนไขตามหุ้นกู้ (2) ผลประโยชน์ตอบแทน (3) ทรัพย์สินที่เป็นประกันหรือหลักประกันอื่น (4) การแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (5) เงื่อนไขการเปลี่ยนตัวผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (6) คำยินยอมของผู้ถือหุ้นกู้ที่จะให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่ได้รับความเห็นชอบไว้ตามมาตรา 41 (3) (7) คำรับรองของผู้ออกหุ้นกู้มีประกันที่จะจำนอง จำนำ หรือให้หลักประกันอย่างอื่นเพื่อเป็นประกันหุ้นกู้ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามมาตรา 44 (8) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระหนี้ (9) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี) (10) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด +กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์สามารถนำมาใช้บังคับกับเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะ กฎหมายกำหนดให้ไม่ให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยและการจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับกับเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '29'}]",ไม่ได้ เพราะ กฎหมายกำหนดให้ไม่ให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยและการจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับกับเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน +เช็คไม่มีขีดคร่อมผู้สั่งจ่ายจะขีดคร่อมได้ไหม,เช็คไม่มีขีดคร่อม ผู้สั่งจ่ายจะขีดคร่อมก็ได้และจะทำเป็นขีดคร่อมทั่วไปหรือขีดคร่อมเฉพาะก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '995'}]",เช็คไม่มีขีดคร่อม ผู้สั่งจ่ายจะขีดคร่อมก็ได้และจะทำเป็นขีดคร่อมทั่วไปหรือขีดคร่อมเฉพาะก็ได้ +รัฐมนตรีสั่งเพิกถอนใบอนุญ��ตที่เป็นการสั่งเพิกถอนการประกอบกิจการทุกประเภท ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นอันเลิกบริษัท ทั้งนี้ ไม่ให้ใช้บังคับแก่สถาบันการเงินที่อาจประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้ตามกฎหมายอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '148'}]",ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นอันเลิกบริษัท ทั้งนี้ ไม่ให้ใช้บังคับแก่สถาบันการเงินที่อาจประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้ตามกฎหมายอื่น +เจ้าหนี้ของผู้ทำพินัยกรรมมีสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมได้หรือไม่,เจ้าหนี้ของผู้ทำพินัยกรรมมีสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งก่อตั้งมูลนิธินั้นได้เท่าที่ตนต้องเสียประโยชน์เพราะการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1680'}]",เจ้าหนี้ของผู้ทำพินัยกรรมมีสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งก่อตั้งมูลนิธินั้นได้เท่าที่ตนต้องเสียประโยชน์เพราะการนั้น +ถ้าหอการค้าไม่จัดทำทะเบียนสมาชิกเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานของหอการค้าและให้ส่ง สำเนาทะเบียนสมาชิกนั้นแก่นายทะเบียนภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนเป็นหอการค้า มีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '56'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท +ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นสัปดาห์คำนวณอย่างไร,"ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นสัปดาห์ เดือนหรือปี ให้คำนวณตามปีปฏิทิน +ถ้าระยะเวลามิได้กำหนดนับแต่วันต้นแห่งสัปดาห์ วันต้นแห่งเดือนหรือปี ระยะเวลาย่อมสิ้นสุดลงในวันก่อนหน้าจะถึงวันแห่งสัปดาห์ เดือนหรือปีสุดท้ายอันเป็นวันตรงกับวันเริ่มระยะเวลานั้น ถ้าในระยะเวลานับเป็นเดือนหรือปีนั้นไม่มีวันตรงกันในเดือนสุดท้าย ให้ถือเอาวันสุดท้ายแห่งเดือนนั้นเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลา","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/5'}]",ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นสัปดาห์ เดือนหรือปี ให้คำนวณตามปีปฏิทิน +ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลทางกฎหมายอย่างไร,ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าเป็นของตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '852'}]",ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าเป็นของตน +ผู้ถือหุ้นมีสิทธิเข้าประชุมหรือไม่,ผู้ถือหุ้นทั่วทุกคนมีสิทธิจะเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุมชนิดใดครั้งไหน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1176'}]",ผู้ถือหุ้นทั่วทุกคนมีสิทธิจะเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุมชนิดใดครั้งไหน +คนที่มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายในกี่เดือน,"คนที่มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายในสิบสองเดือนนับแต่วันเริ่มทำบัญชีที่กำหนดตามมาตรา 8 วรรคหก หรือวันเริ่มทำบัญชีตามมาตรา 9 แล้วแต่กรณี และปิดบัญชีทุกรอบสิบสองเดือนนับแต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน เว้นแต่ +(1) เมื่อได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีให้เปลี่ยนรอบปีบัญชีแล้วอาจปิดบัญชีก่อนครบรอบสิบสองเดือนได้ +(2) ในกรณีมีหน้าที่จัดทำบัญชีตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้ปิดบัญชีพร้อมกับสำนักงานใหญ่","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '10'}]",สิบสองเดือน +สมาคมที่จดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นอะไร,สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '83'}]",สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล +ชายหญิงซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา สมรสกันได้หรือไม่,สมรสกันไม่ได้ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1450 ชายหญิงซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมาก็ดี จะทำการสมรสกันไม่ได้ ความเป็นญาติดังกล่าวมานี้ให้ถือตามสายโลหิต โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1450'}]",สมรสกันไม่ได้ +ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้นั้นมีค่าภาระติดพัน และผู้รับละเลยไม่ชำระค่าภาระติดพัน ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,"เงื่อนไขอันระบุไว้ในกรณีสิทธิเลิกสัญญาต่าง���อบแทนกันนั้น ผู้ให้จะเรียกให้ส่งทรัพย์สินที่ให้นั้นคืนตามบทบัญญัติว่าด้วยคืนลาภมิควรได้นั้นก็ได้เท่าที่ควรจะเอาทรัพย์นั้นไปใช้ชำระค่าภาระติดพันนั้น +แต่สิทธิเรียกคืนอันนี้ย่อมเป็นอันขาดไป ถ้าบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิจะเรียกให้ชำระค่าภาระติดพันนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '528'}]",ผู้ให้จะเรียกให้ส่งทรัพย์สินที่ให้นั้นคืนตามบทบัญญัติว่าด้วยคืนลาภมิควรได้นั้นก็ได้เท่าที่ควรจะเอาทรัพย์นั้นไปใช้ชำระค่าภาระติดพันนั้น แต่สิทธิเรียกคืนอันนี้ย่อมเป็นอันขาดไป ถ้าบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิจะเรียกให้ชำระค่าภาระติดพันนั้น. +ข้อจำกัดสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องจดทะเบียนหรือไม่,"ข้อจำกัดสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้นั้นไม่ต้องจดทะเบียน +ข้อจำกัดเช่นนี้ ท่านว่าจะถอนหรือแก้ให้หย่อนลงโดยนิติกรรมไม่ได้ นอกจากจะได้ทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1338'}]",ข้อจำกัดสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้นั้นไม่ต้องจดทะเบียน +ทรัพย์สินของแผ่นดินยึดได้หรือไม่,ยึดไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้ยึดทรัพย์สินของแผ่นดินไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1307'}]",ยึดไม่ได้ +หุ้นแบ่งแยกได้หรือไม่,"หุ้นนั้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ +ถ้าบุคคลมีจำนวนแต่สองคนขึ้นไปถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน จะต้องตั้งให้คนใดคนหนึ่งในจำนวนนั้นแต่คนเดียวเป็นผู้ใช้สิทธิในฐานเป็นผู้ถือหุ้น +อนึ่ง บุคคลทั้งหลายซึ่งถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน ต้องร่วมกันรับผิดต่อบริษัทในการส่งใช้มูลค่าของหุ้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1118'}]",หุ้นนั้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ +ถ้านายกสภาวิชาชีพบัญชีกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงแก่สภาวิชาชีพบัญชี คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีต้องทำอย่างไร,ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีทำการสอบสวนโดยเร็ว และเสนอผลการพิจารณาเพื่อให้รัฐมนตรีมีคำสั่งให้นายกสภาวิชาชีพบัญชี พ้นจากตำแหน่ง,"[{'law': 'พ��ะราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '63'}]",ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีทำการสอบสวนโดยเร็ว และเสนอผลการพิจารณาเพื่อให้รัฐมนตรีมีคำสั่งให้นายกสภาวิชาชีพบัญชี พ้นจากตำแหน่ง +ถ้ามีคนซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์สินอันนิติบุคคลดังกล่าวจำนำไว้ ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำมีโทษอย่างไร,ต้องระวางจำคุกไม่เกินสามปี หรือโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '39'}]",ต้องระวางจำคุกไม่เกินสามปี หรือโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การเลิกรับบุตรบุญธรรมโดยคำพิพากษาของศาล มีผลใช้บังคับตอนไหน,ย่อมมีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่ได้จดทะเบียนแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/36'}]",ย่อมมีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่ได้จดทะเบียนแล้ว +ชื่อบริษัทซึ่งตั้งไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิพ้องกับชื่อบริษัทอื่นซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วจนน่าจะลวงให้มหาชนหลงไปได้ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,"บุคคลผู้ที่มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เริ่มก่อการบริษัทก็ได้ และจะร้องขอให้ศาลสั่งบังคับให้เปลี่ยนชื่อนั้นใหม่ก็ได้ +เมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนั้นแล้ว ก็ต้องบอกชื่อซึ่งเปลี่ยนใหม่นั้นจดลงทะเบียนแทนชื่อเก่า และต้องแก้ใบสำคัญการจดทะเบียนด้วยตามกันไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1115'}]",บุคคลผู้ที่มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เริ่มก่อการบริษัทก็ได้ และจะร้องขอให้ศาลสั่งบังคับให้เปลี่ยนชื่อนั้นใหม่ก็ได้ เมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนั้นแล้ว ก็ต้องบอกชื่อซึ่งเปลี่ยนใหม่นั้นจดลงทะเบียนแทนชื่อเก่า และต้องแก้ใบสำคัญการจดทะเบียนด้วยตามกันไป. +ผู้ชำระบัญชีต้องจัดทำรายงานการชำระบัญชีพร้อมกับบัญชีรับจ่ายในการชำระบัญชีเสนอต่อนายทะเบียนทุกๆกี่เดือน,ทุกระยะสามเดือนนับแต่วันได้รับการแต่งตั้งจนกว่าจะเสร็จการชำระบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '174'}]",ทุกระยะสามเดือนนับแต่วันได้รับการแต่งตั้งจนกว่าจะเสร็จการชำระบัญชี +ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันเมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความได้หรือไม่,ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันเมื่อหนี้ที่ประกันนั้น ขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเกินกว่าห้าปีไม่ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '81'}]",ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันเมื่อหนี้ที่ประกันนั้น ขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเกินกว่าห้าปีไม่ได้ +คดีฟ้องหย่าอยู่ในระหว่างพิจารณา ถ้าฝ่ายใดร้องขอ ศาลสามารถสั่งอะไรได้บ้าง,ศาลอาจสั่งชั่วคราวให้จัดการตามที่เห็นสมควร เช่น ในเรื่องสินสมรส ที่พักอาศัย การอุปการะเลี้ยงดูสามีภริยา และการพิทักษ์อุปการะเลี้ยงดูบุตร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1530'}]",ศาลอาจสั่งชั่วคราวให้จัดการตามที่เห็นสมควร เช่น ในเรื่องสินสมรส ที่พักอาศัย การอุปการะเลี้ยงดูสามีภริยา และการพิทักษ์อุปการะเลี้ยงดูบุตร +การลงทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีรายการอะไรบ้าง,การลงทะเบียนนั้น ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ คือ (1) ชื่อห้างหุ้นส่วน (2) ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วนนั้น (3) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง (4) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำนวนเงินซึ่งเขาเหล่านั้นได้ลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นส่วน (5) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะข องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด (6) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ (7) ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการอันจะผูกพันห้างหุ้นส่วนนั้นประการใดให้ลงไว้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1078'}]",การลงทะเบียนนั้น ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ คือ (1) ชื่อห้างหุ้นส่วน (2) ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วนนั้น (3) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง (4) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำนวนเงินซึ่งเขาเหล่านั้นได้ลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นส่วน (5) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด (6) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ (7) ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการอันจะผูกพันห้างหุ้นส่วนนั้นประการใดให้ลงไว้ด้วย +สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุผลอะไรได้บ้าง,"สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ +(1) เมื่อมีเหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ (2) ถ้าสมาคมตั้งขึ้นไว้เฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิ้นระยะเวลานั้น (3) ถ้าสมาคมตั้งขึ้นเพื่อกระทำกิจการใด เมื่อกิจการนั้นสำเร็จแล้ว (4) เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก (5) เมื่อสมาคมล้มละลาย (6) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา 102 (7) เมื่อศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 104","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '101'}]",สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (1) เมื่อมีเหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ (2) ถ้าสมาคมตั้งขึ้นไว้เฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิ้นระยะเวลานั้น (3) ถ้าสมาคมตั้งขึ้นเพื่อกระทำกิจการใด เมื่อกิจการนั้นสำเร็จแล้ว (4) เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก (5) เมื่อสมาคมล้มละลาย (6) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา 102 (7) เมื่อศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 104 +ตั๋วสัญญาใช้เงินคืออะไร,ตั๋วสัญญาใช้เงิน คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับเงิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '982'}]",ตั๋วสัญญาใช้เงิน คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับเงิน +อำนาจปกครองและการจัดการทรัพย์สินของลูก ควรระมัดระวังอย่างไร,อำนาจปกครองนั้น รวมทั้งการจัดการทรัพย์สินของบุตรด้วย และให้จัดการทรัพย์สินนั้นด้วยความระมัดระวังเช่นวิญญูชนจะก��ะทำ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1571'}]",อำนาจปกครองนั้น รวมทั้งการจัดการทรัพย์สินของบุตรด้วย และให้จัดการทรัพย์สินนั้นด้วยความระมัดระวังเช่นวิญญูชนจะกระทำ +คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจอย่างไร,คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการในการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 46,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '46'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการในการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 46 +ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตและมีบุตรที่เกิดด้วยกัน และคู่สมรสอีกฝ่ายต้องการสมรสใหม่ คู่สมรสที่เหลือจะต้องจัดการทรัพย์สินที่เป็นสัดส่วนของบุตรอย่างไรบ้าง,"หากต้องการสมรสใหม่ คู่สมรสที่เหลือจะต้องจัดการทรัพย์สินที่เป็นสัดส่วนของบุตรดังนี้ +1. ส่งมอบทรัพย์สินส่วนนั้นให้แก่บุตร หรือ +2. เก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรเมื่อถึงเวลาที่สมควรก็ได้ +ถ้าทรัพย์สินใดเป็นจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา 456 หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญ ให้ลงชื่อบุตรเป็นเจ้าของรวมในเอกสารนั้น มิเช่นนั้นจะสมรสใหม่ไม่ได้ + +ถ้ามีเหตุอันสมควร ศาลอาจสั่งให้สมรสไปก่อนได้ แต่ต้องระบุและกำหนดระยะเวลาให้คู่สมรสแบ่งแยกทรัพย์สินและทำบัญชีทรัพย์สินในส่วนของบุตรหลังการสมรสนั้นด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1579'}]",1. ส่งมอบทรัพย์สินส่วนนั้นให้แก่บุตร หรือ 2. เก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้แก่บุตรเมื่อถึงเวลาที่สมควรก็ได้ ถ้าทรัพย์สินใดเป็นจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา 456 หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญ ให้ลงชื่อบุตรเป็นเจ้าของรวมในเอกสารนั้น มิเช่นนั้นจะสมรสใหม่ไม่ได้ +ในการประชุมใหญ่ต้องมีผู้ถือหุ้นมาเข้าร่วมประชุมเท่าใด,มีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุมอย่างน้อยรวมกันแทนหุ้นได้ถึงจำนวนหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1178 ในการประชุมใหญ่ ถ้าไม่มีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุมรวมกันแทนหุ้นไ���้ถึงจำนวนหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัทเป็นอย่างน้อยแล้ว ที่ประชุมอันนั้นจะปรึกษากิจการอันใดไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1178'}]",มีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุมอย่างน้อยรวมกันแทนหุ้นได้ถึงจำนวนหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัท +สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจอย่างไรเมื่อเห็นว่านิติบุคคลเฉพาะกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดไม่มีผู้มีอำนาจดำเนินการแทนนิติบุคคลเฉพาะกิจ,ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจแต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งหรือหลายคนตามที่เห็นสมควรเป็นผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ตามพระราชกำหนดพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 25 ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่านิติบุคคลเฉพาะกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดใดไม่มีผู้มีอำนาจดำเนินการแทนนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือมีแต่ไม่อาจดำเนินการได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดอันจะเป็นผลทำให้การดำเนินการตามโครงการที่ได้รับอนุมัติต้องหยุดชะงักลง,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '25'}]",ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจแต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งหรือหลายคนตามที่เห็นสมควรเป็นผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจ +สถานสงเคราะห์เด็กจะเป็นผู้ให้ความยินยอมแทนบิดาและมารดาได้เมื่อใด,ในกรณีการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม ถ้าผู้เยาว์เป็นผู้ถูกทอดทิ้งและอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก ให้สถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมแทนบิดาและมารดา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/22 ถ้าสถานสงเคราะห์เด็กไม่ให้ความยินยอม ให้นำความในมาตรา 1598/21 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/22'}]",สถานสงเคราะห์เด็กจะเป็นผู้ให้ความยินยอมแทนบิดาและมารดาได้เมื่อผู้เยาว์เป็นผู้ถูกทอดทิ้งและอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก. +บุริมสิทธิในมูลค่าภาษีอากรใช้สำหรับอะไร,ใช้สำหรับเอาบรรดาค่าภาษีอากรในที่ดิน ทรัพย์สิน หรือค่าภาษีอากรอย่างอื่นที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่ในปีป���จจุบันและก่อนนั้นขึ้นไปอีกปีหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 256,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '256'}]",ใช้สำหรับเอาบรรดาค่าภาษีอากรในที่ดิน ทรัพย์สิน หรือค่าภาษีอากรอย่างอื่นที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่ในปีปัจจุบันและก่อนนั้นขึ้นไปอีกปีหนึ่ง +บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจัดการกองทุนรวม มีหุ้นเป็นของตนเองโดยมิใช่เพื่อประโยชน์ของโครงการลงทุนอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งไม่อาจกระทำได้ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,ให้บริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวคงมีสิทธิถือหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นต่อไปได้ แต่ถ้าจำหน่ายหุ้นไปเท่าใด ก็ให้มีสิทธิถือหรือมีไว้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 325,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '325'}]",ให้บริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวคงมีสิทธิถือหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นต่อไปได้ แต่ถ้าจำหน่ายหุ้นไปเท่าใด ก็ให้มีสิทธิถือหรือมีไว้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น +ถ้าบุคคลทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาโดยฉุกเฉินต้องมีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือไม่,"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 450 +- ถ้าบุคคลทำเพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุภยันตราย +- ถ้าเพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผู้นั้นจะต้องใช้คืนทรัพย์นั้น +- เพื่อจะป้องกันสิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉิน เพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ ไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้ว บุคคลนั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '450'}]",ไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุภยันตราย ในกรณีที่ทำเพื่อบำบัดปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน แต่ถ้าเป็นภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผู้นั้น��ะต้องใช้คืนทรัพย์นั้น +ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินได้อย่างไร,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 56 เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควรศาลอาจสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (1) ให้ผู้จัดการทรัพย์สินหาประกันอันสมควรในการจัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ตลอดจนการมอบคืนทรัพย์สินนั้น (2) ให้ผู้จัดการทรัพย์สินแถลงถึงความเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ (3) ถอดถอนผู้จัดการทรัพย์สิน และตั้งผู้อื่นให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สินแทนต่อไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '56'}]",(1) ให้ผู้จัดการทรัพย์สินหาประกันอันสมควรในการจัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ตลอดจนการมอบคืนทรัพย์สินนั้น (2) ให้ผู้จัดการทรัพย์สินแถลงถึงความเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ (3) ถอดถอนผู้จัดการทรัพย์สิน และตั้งผู้อื่นให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สินแทนต่อไป +การแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคมต้องกระทำการอย่างไร,ให้กระทำตามข้อบังคับของสมาคม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 85 การแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคม ให้กระทำตามข้อบังคับของสมาคม และสมาคมต้องนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '85'}]",ให้กระทำตามข้อบังคับของสมาคม +การให้ยืมใช้คงรูปจะบริบูรณ์เมื่อใด,ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้ยืม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 641,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '641'}]",ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้ยืม +เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของสัตว์มีหน้าที่อย่างไร,เจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการร���กษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '433'}]",เจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 +การส่งมอบทรัพย์สินย่อมสำเร็จเมื่อใด,ถ้าในสัญญากำหนดว่าให้ส่งทรัพย์สินซึ่งขายนั้นจากที่แห่งหนึ่งไปถึงอีกแห่งหนึ่ง การส่งมอบย่อมสำเร็จเมื่อได้ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขนส่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 463,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '463'}]",การส่งมอบย่อมสำเร็จเมื่อได้ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขนส่ง +การโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้รับโอนสินค้าที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร,เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นโดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79/2 (2) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/15'}]",เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นโดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79/2 (2) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80 +ผู้ขนส่งมีสิทธิจะยึดหน่วงเอาของไว้ก่อนหรือไม่,ผู้ขนส่งชอบที่จะยึดหน่วงเอาของไว้ก่อนได้ตามที่จำเป็นเพื่อประกันการใช้เงินค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 630,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '630'}]",ผู้ขนส่งชอบที่จะยึดหน่วงเอาของไว้ก่อนได้ตามที่จำเป็นเพื่อประกันการใช้เงินค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์ +ถ้าไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ จะเรียกให้ชำระหนี้ได้เมื่อใด,เจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก���ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันเช่นกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '203'}]",เจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันเช่นกัน +ผู้ที่รู้อยู่แล้วไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือนายตรวจ ในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรต้องได้รับโทษอย่างไร,มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 128,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '128'}]",มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 128 +ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจอย่างไรในกรณีที่มีเหตุขัดข้องอันเนื่องมาแต่เครื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบซื้อขายหลักทรัพย์,ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 187 ให้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจสั่งหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวได้ แต่ต้องรายงานเหตุดังกล่าวโดยละเอียดต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในทันที,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '187'}]",ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 187 ให้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจสั่งหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวได้ แต่ต้องรายงานเหตุดังกล่าวโดยละเอียดต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในทันที +ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการใด,ให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับกับการระงับข้อพิพาทได้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 48,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '48'}]",ให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับกับการระงับข้อพิพาทได้ +วันถึงกำหนดของตั๋วแลกเงินอาจเป็นอย่างใดได้บ้าง,ในวันใดวันหนึ่งที่กำหนดไว้ หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่วันที่ลงในตั๋วนั้น หรือเมื่อทวงถาม หรือเมื่อได้เห็น หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่ได้เห็น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '913'}]",ในวันใดวันหนึ่งที่กำหนดไว้ หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว���นับแต่วันที่ลงในตั๋วนั้น หรือเมื่อทวงถาม หรือเมื่อได้เห็น หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่ได้เห็น +การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญต้องมีรายการใดบ้าง,ชื่อห้างหุ้นส่วน วัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง ชื่อและที่สำนักกับทั้งอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนทุก ๆ คน ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดมีชื่อยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทั้งชื่อและยี่ห้อด้วย ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ในเมื่อได้ตั้งแต่งให้เป็นผู้จัดการแต่เพียงบางคน เป็นต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1064 อันห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น จะจดทะเบียนก็ได้ การลงทะเบียนนั้นบังคับให้มีรายการดังนี้ คือ (1) ชื่อห้างหุ้นส่วน (2) วัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน (3) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง (4) ชื่อและที่สำนักกับทั้งอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนทุก ๆ คน ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดมีชื่อยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทั้งชื่อและยี่ห้อด้วย (5) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ในเมื่อได้ตั้งแต่งให้เป็นผู้จัดการแต่เพียงบางคน (6) ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการประการใดให้ลงไว้ด้วย (7) ตราซึ่งใช้เป็นสำคัญของห้างหุ้นส่วน ข้อความซึ่งลงทะเบียนนั้น จะลงรายการอื่น ๆ อีกอันคู่สัญญาเห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบด้วยก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1064'}]","ชื่อห้างหุ้นส่วน, วัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน, ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง, ชื่อและที่สำนักกับทั้งอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนทุก ๆ คน, ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ, ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ, ตราซึ่งใช้เป็นสำคัญของห้างหุ้นส่วน." +หากลูกหนี้มีหนี้สินหลายรายและการชำระหนี้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้หมดทุกราย ลูกหนี้สามารถดำเนินการอย่างไร,ลูกหนี้สามารถระบุว่าชำระหนี้สินรายใด ก็ให้หนี้สินรายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ถ้าลูกหนี้ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ในอันจะกระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย และถ้าการที่ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นไม่เพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้หมดทุกราย เมื่อทำการชำระหนี้ ลูกหนี้ระบุว่าชำระหนี้���ินรายใด ก็ให้หนี้สินรายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไป ถ้าลูกหนี้ไม่ระบุ หนี้สินรายไหนถึงกำหนด ก็ให้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ในระหว่างหนี้สินหลายรายที่ถึงกำหนดนั้น รายใดเจ้าหนี้มีประกันน้อยที่สุด ก็ให้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ในระหว่างหนี้สินหลายรายที่มีประกันเท่า ๆ กัน ให้รายที่ตกหนักที่สุดแก่ลูกหนี้เป็นอันได้เปลื้องไปก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '328'}]",ลูกหนี้สามารถระบุว่าชำระหนี้สินรายใด ก็ให้หนี้สินรายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไป +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจอย่างไร,ให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับ การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัดสำเนาเอกสารและค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสมาคม รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามบทบัญญัติในส่วนนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับ (1) การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน (2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัดสำเนาเอกสารและค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสมาคม รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว (3) การดำเนินกิจการของสมาคมและการทะเบียนสมาคม (4) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติในส่วนนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '109'}]",ให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับ การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัดสำเนาเอกสารและค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสมาคม รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นต้น +บุคคลประเภทใดที่จะเป็นพยานในการทำพินัยกรรมไม่ได้,ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ บุคคลที่หูหนวก เป็นใบ้ หรือจักษุบอดทั้งสองข้าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1670,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1670'}]",ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ บุคคลที่หูหนวก เป็นใบ้ หรือจักษุบอดทั้งสองข้าง +การส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งต้องดำเนินการอย่างไร,ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง บุคคลผู้ชำระหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลาที่จะพึงส่งมอบ ลูกหนี้จำต้องรักษาทรัพย์นั้นไว้ด้วยความระมัดระวังเช่นอย่างวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง จนกว่าจะได้ส่งมอบทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 323,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '323'}]",บุคคลผู้ชำระหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลาที่จะพึงส่งมอบ ลูกหนี้จำต้องรักษาทรัพย์นั้นไว้ด้วยความระมัดระวังเช่นอย่างวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง จนกว่าจะได้ส่งมอบทรัพย์นั้น +บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในทรัพย์สินโดยวิธีใด,บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1368,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1368'}]",บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1368 +ผู้ที่ดำเนินกิจการโดยกระทำการให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 61,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '61'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากสินทรัพย์ที่เหลือหลังจากชำระหนี้และชดใช้ค่าใช้จ่ายแล้วไม่พอจะคืนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนให้ครบจำนวนที่ลงหุ้นต้องดำเนินการอย่างไร,ต้องคิดเฉลี่ยช่วยกันขาด โดยผู้เป็นหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบร่วมกันในการเฉลี่ยขาดทุนนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1063,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่ง���ละพาณิชย์', 'sections': '1063'}]",ต้องคิดเฉลี่ยช่วยกันขาด โดยผู้เป็นหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบร่วมกันในการเฉลี่ยขาดทุนนั้น +บุคคลใดบ้างที่ต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรงตั๋วแลกเงิน,บรรดาบุคคลผู้สั่งจ่าย รับรอง สลักหลัง หรือรับประกันด้วยอาวัลต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรงตั๋วแลกเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 ใ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '967'}]",บรรดาบุคคลผู้สั่งจ่าย รับรอง สลักหลัง หรือรับประกันด้วยอาวัลต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรงตั๋วแลกเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 ใ +ตัวแทนช่วงต้องรับผิดต่อตัวการหรือไม่,ตัวแทนช่วงย่อมรับผิดโดยตรงต่อตัวการ และตัวการย่อมรับผิดโดยตรงต่อตัวแทนช่วง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 814,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '814'}]",ตัวแทนช่วงย่อมรับผิดโดยตรงต่อตัวการ +พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไรให้ได้มาซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่,ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 63,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '63'}]",ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าว +ในกรณีที่มีการนำทรัพย์สินสิ่งหนึ่งตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้ ลำดับของผู้รับหลักประกันถูกจัดเรียงอย่างไร,ให้ถือลำดับผู้รับหลักประกันเรียงตามวันและเวลาที่ได้รับการจดทะเบียนโดยผู้รับหลักประกันที่ได้รับการจดทะเบียนก่อนมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนผู้รับหลักประกันที่ได้รับการจดทะเบียนภายหลัง ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 33,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '33'}]",ให้ถือลำดับผู้รับหลักประกันเรียงตามวันและเวลาที่ได้รับการจดทะเบียนโดยผู้รับหลักประกันที่ได้รับการจดทะเบียนก่อนมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนผู้รับหลักประกันที่ได้รับการจดทะเบี���นภายหลัง +ผู้จ่ายได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้วมีหน้าที่อย่างไร,ผู้จ่ายได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้วต้องผูกพันในอันจะจ่ายเงินจำนวนที่รับรองตามเนื้อความแห่งคำรับรองของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 937,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '937'}]",ต้องผูกพันในอันจะจ่ายเงินจำนวนที่รับรองตามเนื้อความแห่งคำรับรองของตน +ในคดีหย่า หากเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพียงฝ่ายเดียวและการหย่านั้นทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง อีกฝ่ายหนึ่งสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง,อีกฝ่ายหนึ่งสามารถเรียกร้องให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ ค่าเลี้ยงชีพนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้ให้และฐานะของผู้รับและให้นำบทบัญญัติมาตรา 1598/39 มาตรา 1598/40 และมาตรา 1598/41 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1526'}]",อีกฝ่ายหนึ่งสามารถเรียกร้องให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ +ในกรณีใดที่สำนักงานมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์แก้ไขการกระทำหรือกระทำการตามที่สำนักงานเห็นสมควร,ในกรณีที่จัดทำบัญชีไม่เรียบร้อยหรือไม่ทำให้แล้วเสร็จภายในเวลาอันสมควร หรือ กระทำการหรือไม่กระทำการตามที่สำนักงานประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 141 ในกรณีที่สำนักงานเห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์ใด (1) จัดทำบัญชีไม่เรียบร้อยหรือไม่ทำให้แล้วเสร็จภายในเวลาอันสมควร (2) กระทำการหรือไม่กระทำการตามที่สำนักงานประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นแก้ไขการกระทำดังกล่าวหรือกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการตามที่สำนักงานเห็นสมควรภายในเวลาที่กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '141'}]",ในกรณีที่จัดทำบัญชีไม่เรียบร้อยหรือไม่ทำให้แล้วเสร็จภายในเวลาอันสมควร หรือ กระทำการหรือไม่กระทำการตามที่สำนักงานประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน +การเรียกค่า���ะวางพาหนะและอุปกรณ์ในการขนส่งหลายทอดทำได้อย่างไร,"ถ้าของได้ขนส่งไปโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด ผู้ขนส่งทอดหลังที่สุดอาจใช้สิทธิดังกล่าวไว้ในมาตรา 630, 631, 632 นั้น ในการเรียกค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์อันค้างชำระแก่ผู้ขนส่งทั่วทุกคนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 633","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '633'}]","ผู้ขนส่งทอดหลังที่สุดอาจใช้สิทธิดังกล่าวไว้ในมาตรา 630, 631, 632 นั้น ในการเรียกค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์อันค้างชำระแก่ผู้ขนส่งทั่วทุกคนได้" +สัญญาแลกเปลี่ยนคืออะไร,สัญญาแลกเปลี่ยน คือสัญญาซึ่งคู่กรณีต่างโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้กันและกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 518,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '518'}]",สัญญาแลกเปลี่ยน คือสัญญาซึ่งคู่กรณีต่างโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้กันและกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 518 +การเรียกประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมทำได้เมื่อใด,คณะกรรมการของสมาคมจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็สุดแต่จะเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 94,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '94'}]",คณะกรรมการของสมาคมจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็สุดแต่จะเห็นสมควร +อาวัลคืออะไร,ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 938 ตั๋วแลกเงินจะมีผู้ค้ำประกันรับประกันการใช้เงินทั้งจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้ ซึ่งเรียกว่า “อาวัล” โดยอาวัลนั้นบุคคลภายนอกคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้รับ หรือแม้คู่สัญญาแห่งตั๋วเงินนั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้รับก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '938'}]",ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 938 ตั๋วแลกเงินจะมีผู้ค้ำประกันรับประกันการใช้เงินทั้งจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้ ซึ่งเรียกว่า “อาวัล” โดยอาวัลนั้นบุคคลภายนอกคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้รับ หรือแม้คู่สัญญาแห่งตั๋วเงินนั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้รับก็ได้. +เมื่อไม่มีที่ว่างในตั๋วเงินสำหรับการสลักหลังเพิ่มเติม ให้ทำอย่างไรเพื่อดำเนินการสลักหลังต่อไปได้,ให้เอากระดาษแผ่นหนึ่งผนึกต่อเข้ากับตั๋วเงินเรียกว่าใบประจำต่อ นับเป็นส่วนหนึ่งแห่งตั๋วเงินนั้น โดยการสลักหลังในใบประจำต่อ���รั้งแรกต้องเขียนคาบบนตั๋วเงินเดิมหรือบนใบประจำต่อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 907,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '907'}]",ให้เอากระดาษแผ่นหนึ่งผนึกต่อเข้ากับตั๋วเงินเรียกว่าใบประจำต่อ นับเป็นส่วนหนึ่งแห่งตั๋วเงินนั้น โดยการสลักหลังในใบประจำต่อครั้งแรกต้องเขียนคาบบนตั๋วเงินเดิมหรือบนใบประจำต่อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 907 +การส่งมอบทรัพย์สินทำได้อย่างไร,การส่งมอบนั้นจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้แต่ว่าเป็นผลให้ทรัพย์สินนั้นไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ซื้อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 462,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '462'}]",การส่งมอบนั้นจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้แต่ว่าเป็นผลให้ทรัพย์สินนั้นไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ซื้อ +กรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอย่างไร,ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 61 นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว กรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) มีประวัติเสียหายหรือดำเนินกิจการใดที่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด (2) เป็นข้าราชการการเมือง (3) เป็นข้าราชการหรือพนักงานในหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสถาบันการเงิน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '61'}]",กรรมการของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) มีประวัติเสียหายหรือดำเนินกิจการใดที่มีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด (2) เป็นข้าราชการการเมือง (3) เป็นข้าราชการหรือพนักงานในหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสถาบันการเงิน +พนักงานสอบสวนมีหน้าที่อย่างไรเมื่อมีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพ���ะราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล,ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 97,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '97'}]",ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป +ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่อย่างไรเมื่อชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว,เมื่อการชำระบัญชีเสร็จสิ้นให้ผู้ชำระบัญชีขอจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมกับสำนักงาน ภายหลังจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมแล้ว หากปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินคงค้างอยู่ให้ผู้ชำระบัญชีจัดการโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 131,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '131'}]",เมื่อการชำระบัญชีเสร็จสิ้นให้ผู้ชำระบัญชีขอจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมกับสำนักงาน ภายหลังจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมแล้ว หากปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินคงค้างอยู่ให้ผู้ชำระบัญชีจัดการโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน +เจ้าของที่ดินริมทางน้ำมีสิทธิจะชักน้ำเอาไว้ใช้หรือไม่,เจ้าของที่ดินริมทางน้ำมีสิทธิจะชักน้ำเอาไว้ใช้แต่ไม่มีสิทธิจะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1355'}]",เจ้าของที่ดินริมทางน้ำมีสิทธิจะชักน้ำเอาไว้ใช้แต่ไม่มีสิทธิจะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร +ใครออกใบรับไม่ถึงสิบบาท สำหรับมูลค่าตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไปเพื่อเลี่ยงภาษีมีโทษอย่างไร,มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '125'}]",มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท +ถ้าไม่มีการชำระหนี้เพราะเพราะพฤติการณ์ซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ผลทางกฎหมายคืออะไร,ลูกหนี้ไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '205'}]",ลูกหนี้ไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ +ก่อนเริ่มเสี่ยงภัยผู้เอาประกันภัยบอกเลิกสัญญา ผู้รับประกันภัยจะได้รับเบี้ยประกันภัยเท่าไร,ผู้รับประกันภัยชอบที่จะได้เบี้ยประกันภัยครึ่งหนึ่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '872'}]",ผู้รับประกันภัยชอบที่จะได้เบี้ยประกันภัยครึ่งหนึ่ง +ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันได้ไหม,ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1451'}]",ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้ +ถ้ามีการดำเนินงานที่มีลักษณะอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้าสำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างไรบ้าง,(1) งดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เว้นแต่การซื้อขายเพื่อล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) โอนฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นดำเนินการแทน (3) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถโอนให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นได้ (4) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีไว้เพื่อประโยชน์ของตนเอง (5) กระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่ปรากฏเหตุการณ์ตามวรรคหนึ่ง และมีความจำเป็นรีบด่วนที่ต้องป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งระงับการดำเนินกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและมีอำนาจดำเนินการตาม (2) (3) หรือ (4) ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '50'}]",(1) งดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เว้นแต่การซื้อขายเพื่อล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (2) โอนฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นดำเนินการแทน (3) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถโอนให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นได้ (4) ล้���งฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีไว้เพื่อประโยชน์ของตนเอง (5) กระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ตามที่เห็นสมควร +ตั๋วแลกเงินต้องมีรายการอะไรบ้าง,ตั๋วแลกเงินนั้น ต้องมีรายการดังกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน (2) คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนแน่นอน (3) ชื่อ หรือยี่ห้อผู้จ่าย (4) วันถึงกำหนดใช้เงิน (5) สถานที่ใช้เงิน (6) ชื่อ หรือยี่ห้อผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ (7) วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน (8) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '909'}]",ตั๋วแลกเงินนั้น ต้องมีรายการดังกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน (2) คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนแน่นอน (3) ชื่อ หรือยี่ห้อผู้จ่าย (4) วันถึงกำหนดใช้เงิน (5) สถานที่ใช้เงิน (6) ชื่อ หรือยี่ห้อผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ (7) วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน (8) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย +ในการปฎิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรอะไร,พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '65'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง +นิติกรรมที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ,นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1299'}]",นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ +กรรมการสามารถประกอบกิจการแข่งขันกับกิจการของบริษัทได้หรือไม่,ห้ามกรรมการประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '86'}]",ห้ามกรรมการประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัท +ตัวแทนค้าต่างทำการอะไรไปต้องแถลงอะไร,ให้แถลงรายงานแก่ตัวการและเมื่อได้ทำการค้าต่างเสร็จลงแล้ว ก็ให้แจ้งแก่ตัวการทราบโดยไม่ชักช้า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '841'}]",ให้แถลงรายงานแก่ตัวกา���และเมื่อได้ทำการค้าต่างเสร็จลงแล้ว ก็ให้แจ้งแก่ตัวการทราบโดยไม่ชักช้า +ถ้ามีบุคคลถือหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจ่ายเงินปันผลหรือผลประโยชน์อื่นใด สำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละสิบให้แก่บุคคลนั้น หรือยอมให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละสิบ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '26'}]",ไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจ่ายเงินปันผลหรือผลประโยชน์อื่นใด สำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละสิบให้แก่บุคคลนั้น หรือยอมให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละสิบ +ทรัพย์คืออะไร,วัตถุมีรูปร่าง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '137'}]",วัตถุมีรูปร่าง +ลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากความประมาทเลินเล่อในระหว่างที่ตนผิดนัดและต้องรับผิดชอบอะไรอีกบ้าง,ต้องรับผิดชอบในการที่ไม่สามารถชำระหนี้เพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '217'}]",ต้องรับผิดชอบในการที่ไม่สามารถชำระหนี้เพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วย +ถ้าที่ดินแบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันเป็นเหตุให้แปลงหนึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,เจ้าของที่ดินแปลงนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกและไม่ต้องเสียค่าทดแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1350'}]",เจ้าของที่ดินแปลงนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกและไม่ต้องเสียค่าทดแทน +บุคคลมีหน้าที่หักภาษีกรณีเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือนต้องจ่ายเงินภาษีที่ไหน,ต้องนำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักไปส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่จ่ายเงิน ไม่ว่าตนจะได้หักภ���ษีไว้แล้วหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '52'}]",ต้องนำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักไปส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่จ่ายเงิน ไม่ว่าตนจะได้หักภาษีไว้แล้วหรือไม่ +เมื่อหอการค้าล้มละลายการชำระบัญชีหอการค้าต้องบังคับใช้ตามกฎหมายใด,ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '46'}]",ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับโดยอนุโลม +ถ้าผู้ถูกสั่งถอนใบทะเบียนพาณิชย์ประกอบพาณิชยกิจ มีโทษอย่างไร,มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '21'}]",มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ +คณะกรรมการต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อไร,การประชุมสามัญประจำปีภายในสี่เดือนนับแต่วันสิ้นสุดของรอบปีบัญชีของบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '98'}]",การประชุมสามัญประจำปีภายในสี่เดือนนับแต่วันสิ้นสุดของรอบปีบัญชีของบริษัท +สัญญาการชำระหนี้อย่างอื่นให้เป็นเบี้ยปรับ ถ้าเจ้าหนี้เรียกเอาเบี้ยปรับผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนก็หมดไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '382'}]",สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนก็หมดไป +ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีอำนาจทำอะไรกับทรัพย์สิน,ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีอำนาจจัดการทรัพย์สิน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1417'}]",ผู้ทรงสิทธิเก็บกินมีอำนาจจัดการทรัพย์สิน +หนังสือบริคณห์สนธิต้องมีรายการอะไรบ้าง,(1) ชื่อบริษัทตามมาตรา 11 (1) (2) ความประสงค์ของบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (3) วัตถุประสงค์ของบริษัทซึ่งต้องระบุประเภทของธุรกิจโดยชัดแจ้ง (4) ทุนจดทะเบียนซึ่งต้องแสดงชนิด จำนวน และมูลค่าของหุ้น (5) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ซึ่งต้องระบุว่าจะตั้งอยู่ ณ ท้องที่ใดในราชอาณ���จักร (6) ชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ และที่อยู่ของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท และจำนวนหุ้นที่แต่ละคนจองไว้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '18'}]",(1) ชื่อบริษัทตามมาตรา 11 (1) (2) ความประสงค์ของบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (3) วัตถุประสงค์ของบริษัทซึ่งต้องระบุประเภทของธุรกิจโดยชัดแจ้ง (4) ทุนจดทะเบียนซึ่งต้องแสดงชนิด จำนวน และมูลค่าของหุ้น (5) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ซึ่งต้องระบุว่าจะตั้งอยู่ ณ ท้องที่ใดในราชอาณาจักร (6) ชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ และที่อยู่ของผู้เริ่มจัดตั้งบริษัท และจำนวนหุ้นที่แต่ละคนจองไว้ +ในการกำกับและควบคุมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลณะกรรมการ ก.ล.ต. มีหน้าที่และอำนาจอะไร,วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนด คำอธิบายขยายความตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 10 เพื่อประโยชน์ในการกำกับและควบคุมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีหน้าที่และอำนาจวางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '10'}]",วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนด +ผู้เริ่มก่อการบริษัทต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำกัดในเรื่องอะไร,หนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทไม่ได้อนุมัติ และแม้จะได้มีอนุมัติก็ยังคงต้องรับผิดอยู่เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1113'}]",หนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทไม่ได้อนุมัติ และแม้จะได้มีอนุมัติก็ยังคงต้องรับผิดอยู่เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท +ถ้ามีผู้ชำระบัญชีหลายคน การใด ๆ ที่ผู้ชำระบัญชีกระทำย่อมไม่สมบูรณ์ยกเว้นอะ��ร,ผู้ชำระบัญชีทั้งหลายจะได้ทำร่วมกัน หรือ ที่ประชุมใหญ่หรือศาลจะได้กำหนดอำนาจไว้เป็นอย่างอื่นในเวลาตั้งผู้ชำระบัญชี,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1261'}]",ผู้ชำระบัญชีทั้งหลายจะได้ทำร่วมกัน หรือ ที่ประชุมใหญ่หรือศาลจะได้กำหนดอำนาจไว้เป็นอย่างอื่นในเวลาตั้งผู้ชำระบัญชี +การโอนสินทรัพย์ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ ถ้าเป็นสินทรัพย์ที่มีหลักประกันอย่างอื่นที่ไม่ใช่สิทธิจำนองผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ให้สิทธิในสินทรัพย์ที่โอนนั้นตกแก่ผู้รับโอนทุกช่วงจนถึงนิติบุคคลเฉพาะกิจ,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '16'}]",ให้สิทธิในสินทรัพย์ที่โอนนั้นตกแก่ผู้รับโอนทุกช่วงจนถึงนิติบุคคลเฉพาะกิจ +ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกจากการรักษาทรัพย์สินถ้าต้องการจะคืนทรัพย์สินจะเรียกร้องอะไรได้บ้าง,ค่าใช้จ่ายเฉพาะที่เสียไปในระหว่างที่ตนทำการโดยสุจริต และเมื่อทรัพย์สินนั้นได้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายนั้นในเวลาที่คืน และจะเรียกได้ก็แต่เพียงเท่าราคาที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '417'}]",ค่าใช้จ่ายเฉพาะที่เสียไปในระหว่างที่ตนทำการโดยสุจริต และเมื่อทรัพย์สินนั้นได้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายนั้นในเวลาที่คืน และจะเรียกได้ก็แต่เพียงเท่าราคาที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น +เวลาเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดต้องรายงานเรื่องอะไร,ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดต้องรายงานผลการขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน และในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแจ้งจำนวนหลักทรัพย์ และจำนวนเงินส่วนที่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ได้รับซื้อไว้เองด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '81'}]",ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดต้องรายงานผลการขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน และในกรณีที่ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแจ้งจำนวนหลักทรัพย์ และจำนวนเงินส่วนที่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ได้รับซื้อไว้เองด้วย. +ถ้าข้อความข้อใดข้อหนึ่งอาจตีความได้สองนัยจะตีความอย่างไร,นัยไหนจะทำให้เป็นผลบังคับได้ ให้ถือเอาตามนัยนั้นดีกว่าที่จะถือเอานัยที่ทำให้การตีความไร้ผล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '10'}]",นัยไหนจะทำให้เป็นผลบังคับได้ ให้ถือเอาตามนัยนั้นดีกว่าที่จะถือเอานัยที่ทำให้การตีความไร้ผล +ถ้าผู้ทอดตลาดเห็นว่าราคาซึ่งมีผู้สูงสุดยังไม่พอ ผู้ทอดตลาดสามารถทำอะไรได้บ้าง,ผู้ทอดตลาดอาจถอนทรัพย์สินจากการทอดตลาดได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '513'}]",ผู้ทอดตลาดอาจถอนทรัพย์สินจากการทอดตลาดได้ +ถ้ามีผู้ทำให้เครื่องหมายเสียหายซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้หมายไว้ที่สิ่งใด ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อยึดหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมีโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสามแสนบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '304'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสามแสนบาท +คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เสนองบดุลและบัญชีรายได้รายจ่ายประจำปีซึ่งผู้สอบบัญชีรับรองต่อที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ภายในกี่วัน,ภายในสี่เดือนนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '178'}]",ภายในสี่เดือนนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน +ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบนั้นผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '219'}]",ลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้น +การแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนคณะกรรมการกองทุนต้องนำไปจดทะเบียนภายในกี่วัน,จดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันแต่งตั้งผู้จัดการกองทุน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '11'}]",จดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันแต่งตั้งผู้จัดการกองทุน +ตั๋วเงินภายในประเทศ ถ้าผู้จ่ายบันทึกลงไว้ในตั๋วแลกเงินเป็นข้อความบอกปัดไม่รับรองทั้งลงวันที่บอกปัดลงลายมือชื่อไว้ด้วยแล้วผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,คำคัดค้านนั้นก็เป็นอันไม่จำเป็นต้องทำ และผู้ทรงต้องส่งคำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือไปยังบุคคลซึ่งตนจำนงจะไล่เบี้ยภายในสี่วันต่อจากวันเขาบอกปัดไม่รับรองนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '965'}]",คำคัดค้านนั้นก็เป็นอันไม่จำเป็นต้องทำ และผู้ทรงต้องส่งคำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือไปยังบุคคลซึ่งตนจำนงจะไล่เบี้ยภายในสี่วันต่อจากวันเขาบอกปัดไม่รับรองนั้น +ถ้าเพราะการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เอง เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ในสิทธิที่ได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกันเพื่อชำระหนี้นั้นผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร,ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '697'}]",ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น +กรณีที่ศาลเห็นว่ามีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจและข้อตกลงเกี่ยวกับเหตุบังคับหลักประกันที่ผู้รับหลักประกันยกขึ้นเป็นเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนศาลต้องทำอะไร,ให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '48'}]",ให้ศาลพิพากษาบังคับหลักประกันตามวิธีการที่ผู้รับหลักประกันร้องขอ +ถ้าผู้ฝากต้องการ นายคลังสินค้าต้องส่งมอบอะไร,ส่งมอบเอกสารซึ่งเอาออกจากทะเบียนมีต้นขั้วเฉพาะการอันมีใบรับของคลังสินค้าฉบับหนึ่ง และประทวนสินค้าฉบับหนึ่งให้แก่ผู้ฝาก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '775'}]",ส่งมอบเอกสารซึ่งเอาออกจากทะเบียนมีต้นขั้วเฉพาะการอันมีใบรับของคลังสินค้าฉบับหนึ่ง และประทวนสินค้าฉบับหนึ่งให้แก่ผู้ฝาก +ถ้าฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้นต้องคืนของหมั้นหรือไม้,กรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นให้คืนของหมั้นแก่ฝ่ายชายด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1439'}]",ให้คืนของหมั้��แก่ฝ่ายชายด้วย +เมื่อได้รับชำระเงินค่าหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนด คณะกรรมการดำเนินการขอจดทะเบียนบริษัทภายในกี่วัน,ให้คณะกรรมการดำเนินการขอจดทะเบียนบริษัทภายในสามเดือนนับแต่วันประชุมจัดตั้งบริษัทเสร็จ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '39'}]",ให้คณะกรรมการดำเนินการขอจดทะเบียนบริษัทภายในสามเดือนนับแต่วันประชุมจัดตั้งบริษัทเสร็จ +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีอำนาจหน้าที่อย่างไรตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ,"มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่น + +ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่น หรือออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของตน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '4'}]",มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่น +ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์นั้นจะโอนให้แก่กันได้หรือไม่,"ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์จะโอนไม่ได้แม้แต่ในทางมรดกก็ตาม ถ้าไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดภาระติดพันนั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1431 ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดภาระติดพันไซร้ ท่านว่าภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์นั้นจะโอนกันไม่ได้แม้โดยทางมรดก","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1431'}]",ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์จะโอนไม่ได้แม้แต่ในทางมรดกก็ตาม ถ้าไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในนิติกรรมอันก่อให้เกิดภาระติดพันนั้น +ในกรณีใดที่สมาชิกอาจเลือกบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้,"สมาชิกอาจเลือกบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นกรร���การตลาดหลักทรัพย์ได้ในกรณีที่สมาชิกเห็นว่าการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์เฉพาะด้านของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 160/1 ในกรณีที่สมาชิกตามมาตรา 158 เห็นว่า การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์เฉพาะด้านของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยสมาชิกตามมาตรา 158 อาจเลือกบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยจำนวนไม่เกินสองคนเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '160/1'}]",สมาชิกอาจเลือกบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้ในกรณีที่สมาชิกเห็นว่าการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์เฉพาะด้านของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย +ถ้าผู้จัดการไม่มีบุรพเจตนาจะเรียกให้ตัวการชดใช้คืน ผู้จัดการจะมีสิทธิเรียกร้องชดใช้คืนต่อผู้รับประโยชน์ได้หรือไม่,"ถ้าผู้จัดการมิได้มีบุรพเจตนาจะเรียกให้ตัวการชดใช้คืน ผู้จัดการก็ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเช่นนั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 403 ถ้าผู้จัดการมิได้มีบุรพเจตนาจะเรียกให้ตัวการชดใช้คืน ผู้จัดการก็ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเช่นนั้น การที่บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย บำรุงรักษาผู้สืบสันดานเป็นทางอุปการะ หรือกลับกันเป็นทางปฏิการะ เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าไม่มีเจตนาจะเรียกให้ผู้รับประโยชน์ชดใช้คืน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '403'}]",ผู้จัดการก็ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเช่นนั้น +การเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีลักษณะ ประเภท หรือจำนวนของผู้ลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องรายงานผลการขายอย่างไร,"การเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีลักษณะ ประเภท หรือจำนวนของผู้ลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องรายงานผลการขายให้สำนักงานทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันปิดการเสนอขาย + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 64 การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ที่มีมูลค่าของหลักทรัพย์ทั้งหมดน้อยกว่าจำนวนเงินที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด รวมทั้งการเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีลักษณะ ประเภท หรือจำนวนของผู้ลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องรายงานผลการขายให้สำนักงานทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันปิดการเสนอขาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '64'}]",ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ต้องรายงานผลการขายให้สำนักงานทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันปิดการเสนอขาย +ผู้จัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชีมีหน้าที่อย่างไรบ้าง,"ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีผู้ทำบัญชีซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกำหนดเพื่อจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชีทและมีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ทำบัญชีให้จัดทำบัญชีให้ตรงต่อความเป็นจริงและถูกต้อง + +ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 19 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีผู้ทำบัญชีซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 7 (6) เพื่อจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ และมีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ทำบัญชีให้จัดทำบัญชีให้ตรงต่อความเป็นจริงและถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาจะเป็นผู้ทำบัญชีสำหรับกิจการของตนเองก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '19'}]",ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีผู้ทำบัญชีซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกำหนดเพื่อจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชีและมีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ทำบัญชีให้จัดทำบัญชีให้ตรงต่อความเป็นจริงและถูกต้อง +ถ้ามีบุริมสิทธิพิเศษแย้งกันหลายรายเหนืออสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันให้ดำเนินการอย่างไร,"เมื่อมีบุริมสิทธิพิเศษแย้งกันหลายรายเหนืออสังหาริมทรัพย์อันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ถือลำดับก่อนหลังดังที่ได้เรียงลำดับไว้ในมาตรา 273 + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 279 เมื่อมีบุริมสิทธิพิเศษแย้งกันหลายรายเหนืออสังหาริมทรัพย์อันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ถือลำดับก่อนหลังดังที่ได้เรียงลำดับไว้ในมาตรา 273 ถ้าได้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นสืบต่อกันไปอีก ลำดับก่อนหลังในระหว่างผู้ขายด้วยกันนั้น ให้เป็นไปตามลำดับที่ได้ซื้อขายก่อนและหลัง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '279'}]",ให้ถือลำดับก่อนหลังดังที่ได้เรียงลำดับไว้ในมาตรา 273 +เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง แบ่งความรับผิดในหนี้อย่างไร,"ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกันเป็นสัดส่วนเท่ากัน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1535 เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกันตามส่วนเท่ากัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1535'}]",ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกันเป็นสัดส่วนเท่ากัน +การดำเนินการตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของบริษัท รวมทั้งการดำเนินงานของคณะกรรมการสามารถทำได้อย่างไร,"ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งหรือหลายคนซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเข้าชื่อกันทำคำขอเป็นหนังสือให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของบริษัท ตลอดจนตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการด้วยก็ได้ + +ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 128 ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งหรือหลายคนซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเข้าชื่อกันทำคำขอเป็นหนังสือให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของบริษัท ตลอดจนตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการด้วยก็ได้ โดยในคำขอ ผู้ขอต้องระบุเหตุและประเด็นที่จะให้ตรวจสอบโดยแจ้งชัด พร้อมกับแจ้งชื่อและสถานที่อยู่ของผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเป็นตัวแทน ถ้านายทะเบียนเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ให้นายทะเบียนมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้ตรวจสอบ และในคำสั่งแต่งตั้งผู้ตรวจสอบ นายทะเบียนต้องระบุประเด็นที่จะให้ตรวจสอบโดยแจ้งชัด","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '128'}]",ผู้ถือหุ���นคนหนึ่งหรือหลายคนซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะเข้าชื่อกันทำคำขอเป็นหนังสือให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของบริษัท ตลอดจนตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการด้วยก็ได้ +ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อหลักทรัพย์ไว้มีหน้าที่อย่างไร,"ห้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว รายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ต่อสำนักงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 256 ให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว รายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ต่อสำนักงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด โดยการรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '256'}]",ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว รายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ต่อสำนักงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด +คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี ประกอบด้วยบุคคลใดบ้าง,นายกสภาวิชาชีพบัญชี กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ประธานคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีทุกด้าน ประธานคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี และประธานคณะกรรมการจรรยาบรรณ เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 22 ให้มีคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี ประกอบด้วย (1) นายกสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิกสามัญ (2) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ประธานคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีทุกด้าน ประธานคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี และประธานคณะกรรมการจรรยาบรรณ (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งนายกสภาวิชาชีพบัญชีและกรรมการโดยตำแหน่งตาม (2) มีมติแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับวิชาการบัญชีสองคน และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายหนึ่งคน (4) กรรมการซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิกสามัญ มีจำนวนไม่เกินห้าคน ให้เลขาธิการสภาวิชาชีพบัญชีเป็นกรรมการและเลขานุการ และจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการก��ได้ตามความจำเป็นและตามมติของคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '22'}]","นายกสภาวิชาชีพบัญชี, กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ประธานคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีทุกด้าน, ประธานคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี, ประธานคณะกรรมการจรรยาบรรณ, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ, กรรมการซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิกสามัญ" +ในกรณีที่เจ้ามรดกมีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 หลายคนยังมีชีวิตอยู่ ต้องดำเนินการแบ่งมรดกอย่างไร,ภริยาเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันมีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับชั้นและส่วนแบ่งดังระบุไว้ในมาตรา 1635 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1636 ถ้าเจ้ามรดกมีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 หลายคนยังมีชีวิตอยู่ ภริยาเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันมีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับชั้นและส่วนแบ่งดังระบุไว้ในมาตรา 1635 แต่ในระหว่างกันเองให้ภริยาน้อยแต่ละคนมีสิทธิได้รับมรดกกึ่งส่วนที่ภริยาหลวงจะพึงได้รับ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1636'}]",ภริยาเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันมีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับชั้นและส่วนแบ่งดังระบุไว้ในมาตรา 1635 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1636 ถ้าเจ้ามรดกมีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 หลายคนยังมีชีวิตอยู่ ภริยาเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันมีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับชั้นและส่วนแบ่งดังระบุไว้ในมาตรา 1635 แต่ในระหว่างกันเองให้ภริยาน้อยแต่ละคนมีสิทธิได้รับมรดกกึ่งส่วนที่ภริยาหลวงจะพึงได้รับ. +ถ้าผู้จัดการเป็นผู้ไร้ความสามารถต้องรับผิดชอบอย่างไร,จะต้องรับผิดชอบแต่เพียงตามบทบัญญัติว่าด้วยค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด และว่าด้วยการคืนลาภมิควรได้เท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 400,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '400'}]",จะต้องรับผิดชอบแต่เพียงตามบทบัญญัติว่าด้วยค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด และว่าด้วยการคืนลาภมิควรได้เท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 400 +ตัวการต้องคืนสิ่งที่ได้มาให้แก่ผู้จัดการหรือไม่ อย่างไร,"ตัวการจำต้องคืนสิ่งทั้งหลายบรรดาที่ได้มาเ��ราะเข้าจัดการงานนั้นให้แก่ผู้จัดการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการคืนลาภมิควรได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 402 ถ้าไม่มีเงื่อนไขมาในมาตราก่อน ตัวการจำต้องคืนสิ่งทั้งหลายบรรดาที่ได้มาเพราะเขาเข้าจัดการงานนั้นให้แก่ผู้จัดการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการคืนลาภมิควรได้ ถ้าตัวการให้สัตยาบันแก่การที่จัดทำนั้น ให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยตัวแทนมาใช้บังคับ แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '402'}]",ตัวการจำต้องคืนสิ่งทั้งหลายบรรดาที่ได้มาเพราะเข้าจัดการงานนั้นให้แก่ผู้จัดการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการคืนลาภมิควรได้ +ตัวแทนต้องดำเนินการอย่างไรกับเงินและทรัพย์สินที่ได้รับไว้,"หากตัวแทนรับเงินและทรัพย์สินไว้ด้วยการเป็นตัวแทน ตัวแทนต้องส่งให้แก่ตัวการ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 810 เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นบรรดาที่ตัวแทนได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนนั้นต้องส่งให้แก่ตัวการ อนึ่ง สิทธิทั้งหลายซึ่งตัวแทนขวนขวายได้มาในนามของตนเองแต่โดยฐานที่ทำการแทนตัวการนั้น ตัวแทนก็ต้องโอนให้แก่ตัวการ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '810'}]",ตัวแทนต้องส่งให้แก่ตัวการ +กรรมการตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์มีอำนาจหน้าที่อย่างไร,มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการถอนใบทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งกระทำการฉ้อโกงประชาชนปนสินค้าโดยเจตนาทุจริต ปลอมสินค้า หรือกระทำการทุจริตอื่นใดอย่างร้ายแรงในการประกอบพาณิชยกิจ ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มาตรา 16 ให้มีกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการถอนใบทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งกระทำการฉ้อโกงประชาชนปนสินค้าโดยเจตนาทุจริต ปลอมสินค้า หรือกระทำการทุจริตอื่นใดอย่างร้ายแรงในการประกอบพาณิชยกิจ และให้มีอำนาจพิจารณาและให้คำแนะนำในการรับจดทะเบียนพาณิชย์ใหม่ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '16'}]",มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและให้คำแนะนำแก่รัฐมนต���ีในการถอนใบทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งกระทำการฉ้อโกงประชาชนปนสินค้าโดยเจตนาทุจริต ปลอมสินค้า หรือกระทำการทุจริตอื่นใดอย่างร้ายแรงในการประกอบพาณิชยกิจ +ในกรณีคู่สมรสฝ่ายใดที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต คู่สมรสฝ่ายนั้นมีสิทธิรับจำนวนเงินอย่างไร,คู่สมรสฝ่ายนั้นมีสิทธิรับจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้ตกลงไว้กับผู้รับประกันภัย แต่จำต้องเอาจำนวนเบี้ยประกันภัย เพียงเท่าที่พิสูจน์ได้ว่าสูงกว่าจำนวนเงินที่ผู้ตายจะพึงส่งใช้เป็นเบี้ยประกันภัยได้ ตามรายได้หรือฐานะของตนโดยปกติไปชดใช้สินเดิมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสินสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1637 ถ้าคู่สมรสฝ่ายใดที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต คู่สมรสฝ่ายนั้นมีสิทธิรับจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้ตกลงไว้กับผู้รับประกันภัย แต่จำต้องเอาจำนวนเบี้ยประกันภัย เพียงเท่าที่พิสูจน์ได้ว่าสูงกว่าจำนวนเงินที่ผู้ตายจะพึงส่งใช้เป็นเบี้ยประกันภัยได้ ตามรายได้หรือฐานะของตนโดยปกติไปชดใช้สินเดิมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสินสมรส อย่างไรก็ดี จำนวนเงินเบี้ยประกันภัยซึ่งจะพึงส่งคืนนั้น รวมทั้งสิ้นต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยได้ชำระให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1637'}]",คู่สมรสฝ่ายนั้นมีสิทธิรับจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้ตกลงไว้กับผู้รับประกันภัย แต่จำต้องเอาจำนวนเบี้ยประกันภัย เพียงเท่าที่พิสูจน์ได้ว่าสูงกว่าจำนวนเงินที่ผู้ตายจะพึงส่งใช้เป็นเบี้ยประกันภัยได้ ตามรายได้หรือฐานะของตนโดยปกติไปชดใช้สินเดิมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสินสมรส. +ถ้าบุคคลภายนอกอ้างว่ามีสิทธิเหนือทรัพย์สินซึ่งฝากและยื่นฟ้องผู้รับฝาก หรือยึดทรัพย์สิน ผู้รับฝากต้องดำเนินการอย่างไร,"ถ้าบุคคลภายนอกอ้างว่ามีสิทธิเหนือทรัพย์สินหรือยึดทรัพย์ซึ่งฝากไว้และยื่นฟ้องผู้รับฝากผู้รับฝากต้องรีบบอกกล่าวแก่ผู้ฝากทันที + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 661 +ถ้าบุคคลภายนอกอ้างว่ามีสิทธิเหนือทรัพย์สินซึ่งฝากและยื่นฟ้องผู้รับฝากก็ดี หรือยึดทรัพย์สินนั้นก็ดี ผู้รับฝากต��องรีบบอกกล่าวแก่ผู้ฝากโดยพลัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '661'}]",ผู้รับฝากต้องรีบบอกกล่าวแก่ผู้ฝากทันที +นิติบุคคลเฉพาะกิจตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์สิ้นสุดลงเมื่อใด,เมื่อนิติบุคคลเฉพาะกิจได้ชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจจนครบถ้วนและได้โอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เหลืออยู่ทั้งหมดคืนให้แก่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์หรือปลดสินทรัพย์จากการเป็นหลักประกันแล้ว ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 24 นิติบุคคลเฉพาะกิจสิ้นสุดลงเมื่อ (1) นิติบุคคลเฉพาะกิจได้ชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจจนครบถ้วนและได้โอนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เหลืออยู่ทั้งหมดคืนให้แก่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์หรือปลดสินทรัพย์จากการเป็นหลักประกันแล้ว (2) มีเหตุสิ้นสุดตามที่กำหนดไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ (3) สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการจดทะเบียนตามมาตรา 22 หรือมาตรา 29,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '24'}]",นิติบุคคลเฉพาะกิจสิ้นสุดลงเมื่อ (1) ชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหลักทรัพย์ครบถ้วนและโอนสินทรัพย์คืนให้แก่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์ (2) มีเหตุสิ้นสุดตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ (3) สำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการจดทะเบียนตามมาตรา 22 หรือ 29. +ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการ ในทางภาษี ใครเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย,"ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการ ให้อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัย ของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด + + ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77/5 ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการ ให้อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัย ของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/5'}]",อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด +หลักทรัพย์จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คืออะไร,หลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพ��์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 334 ให้หลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ในกรณีที่บริษัทที่มีหลักทรัพย์ดังกล่าวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้บริษัทนั้นแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '334'}]",หลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 +ชายหรือหญิงคู่หมั้นเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราคู่หมั้นของตนได้หรือไม่,ชายหรือหญิงคู่หมั้นอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้นได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาหมั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1446,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1446'}]",ชายหรือหญิงคู่หมั้นอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้นได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาหมั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1446 +เมื่อผู้ฝากสลักหลังประทวนสินค้าให้แก่ผู้รับจำนำ คู่สัญญามีหน้าที่อย่างไร,เมื่อใดผู้ฝากสลักหลังประทวนสินค้าให้แก่ผู้รับจำนำ คู่สัญญาต้องจดแจ้งการที่สลักหลังนั้นลงไว้ในใบรับของคลังสินค้าด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 780 เมื่อผู้ฝากสลักหลังประทวนสินค้าให้แก่ผู้รับจำนำ คู่สัญญาต้องจดแจ้งการที่สลักหลังนั้นลงไว้ในใบรับของคลังสินค้าด้วย ถ้ามิได้จดแจ้งไว้ดังนั้น การจำนำนั้นหาอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ซื้อสินค้าสืบไปนั้นไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '780'}]",คู่สัญญาต้องจดแจ้งการที่สลักหลังนั้���ลงไว้ในใบรับของคลังสินค้าด้วย +หุ้นที่เพิ่มขึ้นของบริษัทมหาชนจำกัดจะเสนอขายอย่างไร,"จะเสนอขายทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้และจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนจำนวนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีอยู่แล้วก่อน หรือจะเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ + +ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 137 หุ้นที่เพิ่มขึ้นตามมาตรา 136 จะเสนอขายทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้และจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนจำนวนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีอยู่แล้วก่อน หรือจะเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ ตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นและให้นำมาตรา 38 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '137'}]",จะเสนอขายทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้และจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนจำนวนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีอยู่แล้วก่อน หรือจะเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ +สภาวิชาชีพบัญชีมีวัตถุประสงค์อย่างไร,สภาวิชาชีพบัญชีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 6 ให้มีสภาวิชาชีพบัญชี มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '6'}]",สภาวิชาชีพบัญชีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพบัญชี +การรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า ย่อมเกิดขึ้นในกรณีใด,เกิดได้ในบรรดากรณีซึ่งผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยได้ก่อนถึงกำหนดตามตั๋วเงินอันเป็นตั๋วสามารถจะรับรองได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 951 การรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า ย่อมมีได้ในบรรดากรณีซึ่งผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยได้ก่อนถึงกำหนดตามตั๋วเงินอันเป็นตั๋วสามารถจะรับรองได้ การรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้านั้น ผู้ทรงจะบอกปัดก็ได้ แม้ถึงว่าบุคคลผู้ซึ่งบ่งไว้ว่าจะเป็นผู้รับรอง หรือใช้เงินยามประสงค์นั้นจะเป็นผู้เสนอเข้ารับรองก็บอกปัดได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '951'}]",เกิดได้ในบรรดากรณีซึ่งผู้ทรงมีสิทธิไล่เบี้ยได้ก่อนถึงกำหนดตามตั๋วเงินอันเป็นตั๋วสา���ารถจะรับรองได้ +ถ้าสิทธิจำนำถึงกำหนดชำระก่อนหนี้ซึ่งประกันไว้ ลูกหนี้มีหน้าที่อย่างไร,"ลูกหนี้แห่งสิทธิต้องส่งมอบทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งสิทธิให้แก่ผู้รับจำนำ และทรัพย์สินนั้นก็กลายเป็นของจำนำแทนสิทธิซึ่งจำนำ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 754 ถ้าสิทธิซึ่งจำนำนั้นถึงกำหนดชำระก่อนหนี้ซึ่งประกันไว้นั้น ลูกหนี้แห่งสิทธิต้องส่งมอบทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งสิทธิให้แก่ผู้รับจำนำ และทรัพย์สินนั้นก็กลายเป็นของจำนำแทนสิทธิซึ่งจำนำ ถ้าสิทธิซึ่งจำนำนั้นเป็นมูลหนี้ซึ่งต้องชำระเป็นเงิน และถึงกำหนดชำระก่อนหนี้ซึ่งประกันไว้นั้น ต้องใช้เงินให้แก่ผู้รับจำนำและผู้จำนำร่วมกัน ถ้าและเขาทั้งสองนั้นไม่ปรองดองตกลงกันได้ แต่ละคนชอบที่จะเรียกให้วางเงินจำนวนนั้นไว้ ณ สำนักงานฝากทรัพย์ได้เพื่อประโยชน์อันร่วมกัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '754'}]",ลูกหนี้แห่งสิทธิต้องส่งมอบทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งสิทธิให้แก่ผู้รับจำนำ และทรัพย์สินนั้นก็กลายเป็นของจำนำแทนสิทธิซึ่งจำนำ +ตั๋วแลกเงินคืออะไร,ตั๋วแลกเงินนั้น คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 908,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '908'}]",ตั๋วแลกเงินนั้น คือหนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับเงิน +คู่สัญญาฝ่ายซึ่งเข้าถือเอาและใช้เงินตามตั๋วแลกเงิน อาจจะเรียกเอาเงินใช้จากคู่สัญญาทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดต่อตนได้อย่างไร,อาจจะเรียกเอาเงินใช้จากคู่สัญญาทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดต่อตนได้ คือ เงินเต็มจำนวนซึ่งตนได้ใช้ไป ดอกเบี้ยในจำนวนเงินนั้น คิดอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ได้ใช้เงินไป ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันตนต้องออกไป ค่าชักส่วนลดจากต้นเงินจำนวนในตั๋วแลกเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม��ตรา 969 คู่สัญญาฝ่ายซึ่งเข้าถือเอาและใช้เงินตามตั๋วแลกเงิน อาจจะเรียกเอาเงินใช้จากคู่สัญญาทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดต่อตนได้ คือ (1) เงินเต็มจำนวนซึ่งตนได้ใช้ไป (2) ดอกเบี้ยในจำนวนเงินนั้น คิดอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ได้ใช้เงินไป (3) ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันตนต้องออกไป (4) ค่าชักส่วนลดจากต้นเงินจำนวนในตั๋วแลกเงินตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 968 อนุมาตรา (4),"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '969'}]",อาจจะเรียกเอาเงินใช้จากคู่สัญญาทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดต่อตนได้ คือ เงินเต็มจำนวนซึ่งตนได้ใช้ไป ดอกเบี้ยในจำนวนเงินนั้น คิดอัตราร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ได้ใช้เงินไป ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันตนต้องออกไป ค่าชักส่วนลดจากต้นเงินจำนวนในตั๋วแลกเงิน. +บริษัทจำกัดใดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเองมีความผิดหรือไม่,"บริษัทจำกัดใดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง โดยฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท + +ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 12 บริษัทจำกัดใดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง โดยฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '12'}]",บริษัทจำกัดใดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง โดยฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งแสนบาท +ทรัสต์อาจก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนในเรื่องใดบ้าง,"ทรัสต์อาจก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ในเรื่องดังต่อไปนี้ (1)ในเรื่องการออกหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (3) ธุรกรรมอื่นใดที่เป็นการส่งเสริมหรือเอื้ออำนวยต่อตลาดทุน เป็นต้น + +ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 4 ทรัสต์อาจก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) การออกหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (3) ธุรกรรมอื่นใดที่เป็นการส่งเสริมหรือเอื้ออำนวยต่อตลาดทุน","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '4'}]",ทรัสต์อาจก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) การออกหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (3) ธุรกรรมอื่นใดที่เป็นการส่งเสริมหรือเอื้ออำนวยต่อตลาดทุน +ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่านอกจากที่กำหนดไว้ในสัญญาได้หรือไม่,ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ หรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 552 อันผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ หรือการดังกำหนดไว้ในสัญญานั้น หาอาจจะทำไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '552'}]",ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ หรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาไม่ได้ +ผู้ทำพินัยกรรมจะตั้งผู้จัดการมรดกได้จำนวนเท่าใด,"ผู้ทำพินัยกรรมจะตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนให้เป็นผู้จัดการมรดกก็ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1715 ผู้ทำพินัยกรรมจะตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนให้เป็นผู้จัดการมรดกก็ได้ เว้นแต่จะมีข้อกำหนดไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น ถ้ามีผู้จัดการมรดกหลายคน แต่ผู้จัดการเหล่านั้นบางคนไม่สามารถ หรือไม่เ��็มใจที่จะจัดการ และยังมีผู้จัดการมรดกเหลืออยู่แต่คนเดียว ผู้นั้นมีสิทธิที่จะจัดการมรดกได้โดยลำพัง แต่ถ้ามีผู้จัดการมรดกเหลืออยู่หลายคน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้จัดการเหล่านั้นแต่ละคนจะจัดการโดยลำพังไม่ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1715'}]",ผู้ทำพินัยกรรมจะตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนให้เป็นผู้จัดการมรดกก็ได้ +หากปรากฏว่าบุคคลที่ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองเป็นผู้ต้องห้ามมิให้เป็นผู้ปกครองอยู่ในขณะที่ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครอง ศาลต้องดำเนินการอย่างไร,ให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองนั้นเสียและมีคำสั่งเกี่ยวกับผู้ปกครองต่อไปตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1588 หากปรากฏว่าบุคคลที่ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองเป็นผู้ต้องห้ามมิให้เป็นผู้ปกครองตามมาตรา 1587 อยู่ในขณะที่ศาลตั้งให้เป็นผู้ปกครองโดยปรากฏแก่ศาลเองหรือผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการร้องขอ ให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองนั้นเสียและมีคำสั่งเกี่ยวกับผู้ปกครองต่อไปตามที่เห็นสมควร การเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองนั้นไม่กระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต เว้นแต่ในกรณีการเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองที่ต้องห้ามตามมาตรา 1587 (1) หรือ (2) การกระทำของผู้ปกครองไม่ผูกพันผู้เยาว์ไม่ว่าบุคคลภายนอกจะได้กระทำการโดยสุจริตหรือไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1588'}]",ให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองนั้นเสียและมีคำสั่งเกี่ยวกับผู้ปกครองต่อไปตามที่เห็นสมควร +บริษัทจะลงพิมพ์หรือแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทในหนังสือได้อย่างไร,"เมื่อหุ้นยังมิได้ชำระเงินเต็มจำนวน บริษัทจะลงพิมพ์หรือแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทในหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดเช่นในคำบอกกล่าวป่าวร้อง ในตั๋วเงินและบัญชีสิ่งของ ในจดหมาย ต้องแสดงไว้ให้ชัดเจนด้วยในที่เดียวกันว่า จำนวนเงินต้นทุนได้ชำระแล้วเพียงกี่ส่วน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1149 +ตราบใดหุ้นทั้งหลายยังมิได้ชำระเงินเต็มจำนวน ท่านว่าตราบนั้นบริษัทจะลงพิมพ์หรือแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทในหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดเช่นในคำบอกกล่าวป่าวร้องก็ดี ในตั๋วเงินและบัญชีสิ่งของก็ดี ในจดหมายก็ดี ต้องแสดงไว้ให้ชัดเจนด้วยในที่เดียวกันว่า จำนวนเงินต้นทุนได้ชำระแล้วเพียงกี่ส่วน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1149'}]",บริษัทจะลงพิมพ์หรือแสดงจำนวนต้นทุนของบริษัทในหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดเช่นในคำบอกกล่าวป่าวร้อง ในตั๋วเงินและบัญชีสิ่งของ ในจดหมาย ต้องแสดงไว้ให้ชัดเจนด้วยในที่เดียวกันว่า จำนวนเงินต้นทุนได้ชำระแล้วเพียงกี่ส่วน +ในการจำนำทรัพย์สินหลายสิ่งเพื่อประกันหนี้รายเดียว ผู้รับจำนำจะเลือกเอาทรัพย์สินอย่างไร,"ผู้รับจำนำจะเลือกเอาทรัพย์สินสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกขายก็ได้ แต่จะขายจนเกินกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้เงินตามสิทธิแห่งตนนั้นไม่ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 768 ถ้าจำนำทรัพย์สินหลายสิ่งเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียว ผู้รับจำนำจะเลือกเอาทรัพย์สินสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกขายก็ได้ แต่จะขายจนเกินกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้เงินตามสิทธิแห่งตนนั้นหาได้ไม่","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '768'}]",ผู้รับจำนำจะเลือกเอาทรัพย์สินสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกขายก็ได้ แต่จะขายจนเกินกว่าที่จำเป็นเพื่อใช้เงินตามสิทธิแห่งตนนั้นไม่ได้ +ผู้ถือหุ้นจะเรียกให้บริษัทส่งมอบสำเนาทะเบียนได้เมื่อใด,ผู้ถือหุ้นชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบสำเนาทะเบียนเช่นว่านั้นหรือแต่ตอนหนึ่งตอนใดแก่ตนได้ เมื่อเสียค่าสำเนาแต่ไม่เกินหน้าละห้าบาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1140,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1140'}]",ผู้ถือหุ้นชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบสำเนาทะเบียนเช่นว่านั้นหรือแต่ตอนหนึ่งตอนใดแก่ตนได้ เมื่อเสียค่าสำเนาแต่ไม่เกินหน้าละห้าบาท +ใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือจะออกได้เมื่อใด,ใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้นจะออกได้ก็แต่เมื่อมีข้อบังคับของบริษัทอนุญาตไว้ และจะออกให้ได้แต่เฉพาะเพื่อหุ้นซึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1134 ใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้น จะออกได้ก็แต่เมื่อมีข้อบังคับของบริษัทอนุญาตไว้ และจะออกให้ได้แต่เฉพาะเพื่อหุ้นซึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ทรงใบหุ้นชนิดระบุชื่อย่อมมีสิทธิจะได้รับใบหุ้น���นิดออกให้แก่ผู้ถือ เมื่อเวนคืนใบหุ้นชนิดระบุชื่อนั้นให้ขีดฆ่าเสีย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1134'}]",ใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้นจะออกได้ก็แต่เมื่อมีข้อบังคับของบริษัทอนุญาตไว้ และจะออกให้ได้แต่เฉพาะเพื่อหุ้นซึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว +บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามสามารถทำอย่างไรได้ถ้าต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้,"บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้ + + ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 สิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้นั้นถ้ามีบุคคลอื่นโต้แย้งก็ดี หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของนามนั้นต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้ได้ก็ดี บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '18'}]",บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้ +เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้ต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในกี่วัน,"ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 เมื่อลูกหนี้ผิดนัด ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดเจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่หนังสือบอกกล่าวจะไปถึงผู้ค้ำประกันมิได้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ค้ำประกันที่จะชำระหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '686'}]",ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด +ในระหว่างเจ้าหนี้ร่วมกันจะได้รับชำระหนี้อย่างใด,ในระหว่างเจ้าหนี้ร่วมกันนั้น ต่างคนชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 300 ในระหว่างเจ้าหนี้ร่วมกันนั้น ต่างคนชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '300'}]",ต่างคนชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน +ใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม,"ผู้ยืมต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายอันเป็นปกติแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 647 +ค่าใช้จ่ายอันเป็นปกติแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ผู้ยืมต้องเป็นผู้เสีย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '647'}]",ผู้ยืมต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายอันเป็นปกติแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม +ผู้ใดมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนของบริษัทมหาชน,"บริษัทต้องเก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท + +ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 62 บริษัทต้องเก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่บริษัทจะมอบหมายให้บุคคลใดทำหน้าที่เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนแทนบริษัทไว้ ณ ที่ใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและนายทะเบียนทราบถึงผู้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '62'}]",บริษัทต้องเก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท +พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างไรตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล,เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจหรือสถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือด้วยเครื่องมืออื่นใด ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจหรือสถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือด้วยเครื่องมืออื่นใด ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (2) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าวด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือด้วยเครื่องมืออื่นใด ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง (3) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล เพื่อตรวจสอบหลักฐานหรือข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือกิจการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (4) เข้าไปในสถาบันการเงินหรือสถานที่ใดในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อทำการตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดนี้ (5) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หลักฐาน หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี ทั้งนี้ การออกคำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวต้องระบุเหตุผล ความจำเป็น และสิทธิของผู้ถูกยึดหรืออายัดนั้น (6) สั่งให้กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้สอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือผู้รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของบุคคลดังกล่าวด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมืออื่นใด มาให้ถ้อยคำ หรือส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับกิจการ การดำเนินงาน สินทรัพย์และหนี้สินของบุคคลดังกล่าว หรือสั่งให้บุคคลดังกล่าวส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องด้วยก็ได้ (7) สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มาให้ถ้อยคำ หรือส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว (8) สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำ หรือส่งสำเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '51'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้: 1. เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจหรือสถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์และหนี้สิน รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น. +การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนจะกระทำได้เมื่อใด,"การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนจะกระทำได้ต่อเมื่อได้มีการจัดส่ง หรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวน หลังจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 79 เมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนจะกระทำได้ต่อเมื่อได้มีการจัดส่ง หรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวน พร้อมทั้งระบุวันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนไว้ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '79'}]",การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนจะกระทำได้ต่อเมื่อได้มีการจัดส่ง หรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวน หลังจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ +ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งตามประมวลรัษฎากร ของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของอำเภอจะเกิดผลอย่างไร,ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน หรือไม่ปฏิบัติตามหมาย คำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 25 ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 23 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนภาษีอากรไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '25'}]",ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดมีอำนาจอย่างไร,ให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดแบบพิมพ์ต่าง ๆ และออกกฎกระทรวงในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนการรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 14 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดแบบพิมพ์ต่าง ๆ และออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ (2) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ (3) ยกเว้นค่าธรรมเนียม (4) กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '14'}]",ให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดแบบพิมพ์ต่าง ๆ และออกกฎกระทรวงในการกำหนดหลั���เกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนการรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ เป็นต้น +การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีต้องฟ้องภายในกี่ปี,ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันรู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันเกิดของเด็ก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1542,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1542'}]",ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันรู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันเกิดของเด็ก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1542 +ผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างมีหน้าที่อย่างไรเมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างชำรุดบกพร่อง,ผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี หรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี ผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อปัดป้องมิให้เกิดเสียหายฉะนั้นแล้ว ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '434'}]",ผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน +คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจอย่างไรในการคุ้มครองลูกค้า หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองลูกค้า การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า + +ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 18 +เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองลูกค้า การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำห��ดหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '18'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองลูกค้า การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า. +เมื่อบอกล้างโมฆียะกรรมแล้วจะเกิดอะไรขึ้น,"ให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก และให้ผู้เป็นคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม ถ้าเป็นการพ้นวิสัยจะให้กลับคืนเช่นนั้นได้ ก็ให้ได้รับค่าเสียหายชดใช้ให้แทน + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 โมฆียะกรรมเมื่อบอกล้างแล้ว ให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก และให้ผู้เป็นคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม ถ้าเป็นการพ้นวิสัยจะให้กลับคืนเช่นนั้นได้ ก็ให้ได้รับค่าเสียหายชดใช้ให้แทน ถ้าบุคคลใดได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าการใดเป็นโมฆียะ เมื่อบอกล้างแล้ว ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รู้ว่าการนั้นเป็นโมฆะ นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าเป็นโมฆียะ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '176'}]",ให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก และให้ผู้เป็นคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม ถ้าเป็นการพ้นวิสัยจะให้กลับคืนเช่นนั้นได้ ก็ให้ได้รับค่าเสียหายชดใช้ให้แทน +ข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าของโรงแรม โฮเต็ลสามารถบังคับใช้ได้หรือไม่,"ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้ เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนัก ความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 677 ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้ เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนัก ความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '677'}]",ข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักเป็นโมฆะ เว้นแต่คนเ��ินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น. +ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนเด็กรับเป็นบุตรได้อย่างไร,"ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนเด็กรับเป็นบุตร เพราะเหตุว่าผู้ขอให้จดทะเบียนนั้นมิใช่บิดาก็ได้ แต่ต้องฟ้องภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้การจดทะเบียนนั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1554 ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนเด็กรับเป็นบุตร เพราะเหตุว่าผู้ขอให้จดทะเบียนนั้นมิใช่บิดาก็ได้ แต่ต้องฟ้องภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้การจดทะเบียนนั้น อนึ่ง ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันจดทะเบียน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1554'}]",ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนเด็กรับเป็นบุตร เพราะเหตุว่าผู้ขอให้จดทะเบียนนั้นมิใช่บิดาก็ได้ แต่ต้องฟ้องภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้การจดทะเบียนนั้น +การใด ๆ ที่บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลงจะตกเป็นโมฆียะหรือไม่,"จะเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 30 การใด ๆ อันบุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นจะเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '30'}]",จะเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต +ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเลิกกันแล้วและอยู่ระหว่างการชำระบัญชี หากนายทะเบียนมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ นายทะเบียนต้องดำเนินการอย่างไร,ให้นายทะเบียนมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท และผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่อันปรากฏเป็นสำนักงานสุดท้าย แจ้งให้ดำเนินการเพื่อให้มีตัวผู้ชำระบัญชี หรือยื่นรายงานการชำระบัญช��� หรือจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี แล้วแต่กรณี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1273/2 ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเลิกกันแล้วและอยู่ระหว่างการชำระบัญชี หากนายทะเบียนมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ หรือการงานของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้ชำระสะสางตลอดแล้ว แต่ผู้ชำระบัญชีมิได้ทำรายงานการชำระบัญชี หรือมิได้ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท และผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่อันปรากฏเป็นสำนักงานสุดท้าย แจ้งให้ดำเนินการเพื่อให้มีตัวผู้ชำระบัญชี หรือยื่นรายงานการชำระบัญชี หรือจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี แล้วแต่กรณี และแจ้งว่าหากมิได้ดำเนินการดังกล่าวภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ส่งหนังสือนั้นแล้ว จะได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์เพื่อขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นออกเสียจากทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1273/2'}]",ให้นายทะเบียนมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท และผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่อันปรากฏเป็นสำนักงานสุดท้าย แจ้งให้ดำเนินการเพื่อให้มีตัวผู้ชำระบัญชี หรือยื่นรายงานการชำระบัญชี หรือจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี แล้วแต่กรณี +ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิจะได้เงินค่าระวางพาหนะในกรณีใด,"ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิจะได้เงินค่าระวางพาหนะในกรณีของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย + ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 628 ถ้าว่าของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิจะได้เงินค่าระวางพาหนะ ถ้าและได้รับไปไว้ก่อนแล้วเท่าใดต้องส่งคืนจงสิ้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '628'}]",ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิจะได้เงินค่าระวางพาหนะในกรณีของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย +กรรมการตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีคุณสมบัติอย่างไร,กรรมการต้องเป็นบุคคลธรรมดา บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ได้กระทำโดยทุจริต เป็นต้น ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 68 กรรมการต้องเป็นบุคคลธรรมดา และ (1) บรรลุนิติภาวะ (2) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (3) ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ได้กระทำโดยทุจริต (4) ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ฐานทุจริตต่อหน้าที่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '68'}]",กรรมการต้องเป็นบุคคลธรรมดา บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ได้กระทำโดยทุจริต และไม่เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ฐานทุจริตต่อหน้าที่. +เมื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเสร็จการชำระบัญชีแล้วให้ดำเนินการอย่างไร,เมื่อเสร็จการชำระบัญชีแล้ว ให้มอบบรรดาสมุดและบัญชี และเอกสารทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทซึ่งได้ชำระบัญชีนั้นไว้แก่นายทะเบียนภายในกำหนด 14 วัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1271 เมื่อเสร็จการชำระบัญชีแล้ว ให้มอบบรรดาสมุดและบัญชี และเอกสารทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทซึ่งได้ชำระบัญชีนั้นไว้แก่นายทะเบียนภายในกำหนดสิบสี่วันดังกล่าว และให้นายทะเบียนรักษาสมุดและบัญชี และเอกสารเหล่านั้นไว้สิบปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี สมุดและบัญชีและเอกสารเหล่านี้ ให้เปิดให้แก่บรรดาบุคคลผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้โดยไม่เรียกค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งอย่างใด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1271'}]",ให้มอบบรรดาสมุดและบัญชี และเอกสารทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทซึ่งได้ชำระบัญชีนั้นไว้แก่นายทะเบียนภายในกำหนด 14 วัน +ผู้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 40 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '40'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +บริษัทจำกัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทขึ้นได้ด้วยวิธีการใด,การออกหุ้นใหม่โดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1220,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1220'}]",การออกหุ้นใหม่โดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น +ภูมิลำเนาเฉพาะการคืออะไร,ภูมิลำเนาซึ่งบุคคลได้เลือกเอาถิ่นใด โดยมีเจตนาปรากฏชัดแจ้งว่าจะให้เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการเพื่อทำการใด ให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '42'}]",ภูมิลำเนาซึ่งบุคคลได้เลือกเอาถิ่นใด โดยมีเจตนาปรากฏชัดแจ้งว่าจะให้เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการเพื่อทำการใด ให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42 +จำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัทใหม่หลังควบรวมต้องมีจำนวนเท่าใด,ต้องเท่ากับยอดรวมจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัทเดิมอันมาควบเข้ากัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1242,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1242'}]",ต้องเท่ากับยอดรวมจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัทเดิมอันมาควบเข้ากัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1242 +การสมรสในต่างประเทศระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยจะต้องทำตามแบบในกฎหมายใด,"การสมรสในต่างประเทศระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยจะทำตามแบบที่กำหนดไว้ตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายแห่งประเทศนั้นก็ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1459 การสมรสในต่างประเทศระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย จะทำตามแบบที่กำหนดไว้ตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายแห่งประเทศนั���นก็ได้ ในกรณีที่คู่สมรสประสงค์จะจดทะเบียนตามกฎหมายไทย ให้พนักงานทูตหรือกงสุลไทยเป็นผู้รับจดทะเบียน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1459'}]",การสมรสในต่างประเทศระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยจะทำตามแบบที่กำหนดไว้ตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายแห่งประเทศนั้นก็ได้ +การใดซึ่งเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายจะตกเป็นโมฆะหรือไม่,การใดเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย ถ้ามิใช่กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นไม่เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 151,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '151'}]",การนั้นไม่เป็นโมฆะ +คณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ ต้องขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลากี่วัน,ภายใน 14 วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุม ตามมาตรา 183 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ต้องขอจดทะเบียนการแปรสภาพบริษัทเอกชนพร้อมกับยื่นรายงานการประชุม หนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับที่ที่ประชุมตามมาตรา 181 ได้อนุมัติแล้วต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุมตามมาตรา 179 และให้นำมาตรา 39 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '183'}]",ภายใน 14 วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการประชุม +การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล จะต้องจัดการในส่วนทรัพย์สินของสามีภรรยาอย่างไร,การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยา โดยคำพิพากษาส่วนที่บังคับทรัพย์สินระหว่างสามีภริยานั้น มีผลย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า ตามมาตรา 1532 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อหย่ากันแล้วให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยา แต่ในระหว่างสามีภริยา (ก) ถ้าเป็นการหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนการหย่า (ข) ถ้าเป็นการหย่าโดยคำพิพากษาของศาล คำพิพากษาส่วนที่บังคับทรัพย์สินระหว่างสามีภริยานั้น มีผลย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1532'}]",การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ใ���้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยา โดยคำพิพากษาส่วนที่บังคับทรัพย์สินระหว่างสามีภริยานั้น มีผลย้อนหลังไปถึงวันฟ้องหย่า. +หากตนมีสิทธิเอาราคาค่าไม้พันธุ์รวมถึงค่าปุ๋ยให้ได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น จะสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ภายในระยะเวลากี่ปี,ภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ใช้ มาตรา 271 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ยนั้น ใช้สำหรับเอาราคาค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย และดอกเบี้ยในราคานั้น และมีอยู่เหนือดอกผลอันเกิดงอกในที่ดินเพราะใช้สิ่งเหล่านั้นภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ใช้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '271'}]",ภายใน 1 ปี +เจ้าของที่ดินที่ต้องยอมให้เจ้าของที่ดินอื่นใช้ทางเดินผ่านที่ดินของตน จะสามารถพ้นจากภาระจำยอมได้ยังไงบ้าง,ในกรณีที่ภาระจำยอมนั้นไม่ใช้และใช้ไม่ได้ตามรูปการเพื่อประโยชน์ในส่วนของการใช้ทางผ่าน ตามมาตรา 1395 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ามีการแบ่งแยกสามยทรัพย์ ท่านว่าภาระจำยอมยังคงมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ทุกส่วนที่แยกออกนั้น แต่ถ้าภาระจำยอมนั้นไม่ใช้และใช้ไม่ได้ตามรูปการเพื่อประโยชน์แก่ส่วนใดไซร้ ท่านว่าเจ้าของภารยทรัพย์จะเรียกให้พ้นจากภาระจำยอมอันเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1395'}]",เจ้าของภารยทรัพย์จะเรียกให้พ้นจากภาระจำยอมอันเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนนั้นได้ +การชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญ มีลำดับในการชำระบัญชีอย่างไร,การชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ให้ทำโดยลำดับ ดังนี้ 1. ให้ชำระหนี้ทั้งหลายซึ่งค้างชำระแก่บุคคลภายนอก 2. ให้ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกของตนไปเพื่อจัดการค้าของห้าง 3. ให้คืนทุนทรัพย์ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนได้ลงเป็นหุ้น ถ้ายังมีทรัพย์เหลืออยู่ ก็ให้เฉลี่ยแจกเป็นกำไรในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วน มาตรา 1062 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การชำระบัญชี ให้ทำโดยลำดับดังนี้ คือ (1) ให้ชำระหนี้ทั้งหลายซึ่งค้างชำระแก่บุคคลภายนอก (2) ให้ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกของตนไปเพื่อจัดการค้าของห���าง (3) ให้คืนทุนทรัพย์ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนได้ลงเป็นหุ้น ถ้ายังมีทรัพย์เหลืออยู่อีกเท่าไร ก็ให้เฉลี่ยแจกเป็นกำไรในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1062'}]",การชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ให้ทำโดยลำดับ ดังนี้ 1. ให้ชำระหนี้ทั้งหลายซึ่งค้างชำระแก่บุคคลภายนอก 2. ให้ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกของตนไปเพื่อจัดการค้าของห้าง 3. ให้คืนทุนทรัพย์ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนได้ลงเป็นหุ้น +ทรัพย์แบ่งได้คืออะไร ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้มั้ย,ทรัพย์แบ่งได้ คือทรัพย์ที่สามารถแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ได้จริง เช่น ข้าวสาร น้ำตาล เป็นต้น ตามมาตรา 141 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทรัพย์แบ่งได้ หมายความว่า ทรัพย์อันอาจแยกออกจากกันเป็นส่วน ๆ ได้จริงถนัดชัดแจ้ง แต่ละส่วนได้รูปบริบูรณ์ลำพังตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '141'}]",ทรัพย์แบ่งได้ คือทรัพย์ที่สามารถแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ได้จริง เช่น ข้าวสาร น้ำตาล เป็นต้น +หากมีเหตุสมควร พนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรสามารถเข้าไปในสถานการค้า หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องได้ ตั้งแต่ช่วงเวลาใด,ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดทำการของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น ตามมาตรา 123 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อมีเหตุสมควร พนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายตรวจมีอำนาจเข้าไปในสถานการค้า หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดทำการของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น เพื่อทำการตรวจสอบตราสารว่า ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือไม่ หรือทำการตรวจสอบเพื่อทราบว่าได้ออกใบรับตามความในมาตรา 105 มาตรา 106 หรือทำหรือเก็บต้นขั้ว สำเนาใบรับ ใบรับตามความในมาตรา 105 ทวิ หรือทำ หรือเก็บบันทึกตามความในมาตรา 105 ตรี หรือไม่ กับมีอำนาจเรียกและยึดตราสาร หรือเอกสาร และออกหมายเรียกตัวผู้มีหน้าที่เสียอากร ผู้ทรงตราสาร หรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสาร และพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาไต่สวนได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '123'}]",ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดท���การของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น +ที่ดินที่มีเจ้าของ 2 คน ใครจะเป็นผู้มีสิทธิในการจัดการที่ดินดังกล่าว,"ในกรณีที่ดินแปลงดังกล่าวมีเจ้าของตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะถือเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ดังนั้นเจ้าของที่ดินทั้ง 2 คน หรือเจ้าของรวมจึงมีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินรวมกัน ตามมาตรา 1358 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของรวมมีสิทธิจัดการทรัพย์สินรวมกัน ในเรื่องจัดการตามธรรมดา ท่านว่าพึงตกลงโดยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม แต่เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ อาจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทางจัดการตามธรรมดาได้ เว้นแต่ฝ่ายข้างมากได้ตกลงไว้เป็นอย่างอื่น แต่เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ อาจทำการเพื่อรักษาทรัพย์สินได้เสมอ + +ทั้งนี้ ในเรื่องจัดการอันเป็นสาระสำคัญ มาตรา 1358 วรรคสอง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้กำหนดให้ เจ้าของรวมต้องตกลงกันโดยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม และคะแนนข้างมากนั้นต้องมีส่วนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งแห่งค่าทรัพย์สิน การเปลี่ยนแปลงวัตถุที่ประสงค์นั้น ท่านว่าจะตกลงกันได้ก็แต่เมื่อเจ้าของรวมเห็นชอบทุกคน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1358'}]",เจ้าของที่ดินทั้ง 2 คน หรือเจ้าของรวมจึงมีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินรวมกัน ตามมาตรา 1358 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. +การที่เจ้าหนี้บอกว่าจะปลดหนี้ให้กับเรา ถือว่าเราไม่มีหนี้ต่อกันแล้วใช่มั้ย,ไม่เสมอไป หนี้โดยทั่วไปสามารถระงับได้ในกรณีที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาต่อท่านที่เป็นลูกหนี้ว่าจะปลดหนี้ให้ แต่หากหนี้มีหนังสือเป็นหลักฐาน การบอกกล่าวยังไม่เพียงพอต่การระงับหนี้ ตามมาตรา 340 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าเจ้าหนี้แสดงเจตนาต่อลูกหนี้ว่าจะปลดหนี้ให้ ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป ถ้าหนี้มีหนังสือเป็นหลักฐาน การปลดหนี้ก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย หรือต้องเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ลูกหนี้ หรือขีดฆ่าเอกสารนั้นเสีย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '340'}]",ไม่เสมอไป หนี้โดยทั่วไปสามารถระงับได้ในกรณีที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาต่อท่านที่เป็นลูกหนี้ว่าจะปลดหนี้ให้ แต่หากหนี้มีหนังสือเป็นหลักฐาน การบอกกล่าวยังไม่เพียงพอต่การระงับหนี้. +สิทธิในการจำนองครอบไปถึงเพียงใด,ครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน ตามมาตรา 716 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '716'}]",ครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน +ใครสามารถกำหนดรายการและข้อความที่ต้องมีในสัญญาก่อตั้งทรัสต์เพิ่มเติมได้,สำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 สำนักงาน ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดรายการและข้อความที่ต้องมีในสัญญาก่อตั้งทรัสต์เพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 14 ก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '15'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +ในการมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น จะต้องทำอย่างไร,ต้องแสดงเจตนาโดยทำเป็นหนังสือ ตามมาตรา 1187 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถือหุ้นทุกคนจะมอบฉันทะให้ผู้อื่นออกเสียงแทนตนก็ได้ แต่การมอบฉันทะเช่นนี้ต้องทำเป็นหนังสือ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1187'}]",ต้องแสดงเจตนาโดยทำเป็นหนังสือ +ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนได้เมื่อใด,เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ภายใต้บังคับมาตรา 24 เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจึงจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '23'}]",เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว +กรณีของการควบบริษัท ถ้ามีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ร่วมกัน จะต้องมีผู้ถือหุ้นจำนวนเท่าใด จึงจะเป็นองค์ประชุม,ต้องมีผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทที่จะควบกันมาประชุม จึงจะเป็นองค์ประชุม ตามมาตรา 149 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ร่วมกันตามมาตรา 148 ให้นำบทบัญญัติว่า��้วยการนั้น ๆ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ดังต่อไปนี้ (1) สถานที่ที่จะใช้เป็นที่ประชุมต้องอยู่ในท้องที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ หรือจังหวัดใกล้เคียงของบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่จะควบกัน (2) ต้องมีผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทที่จะควบกันมาประชุม จึงจะเป็นองค์ประชุม (3) ให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมเลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม (4) การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมตาม (2),"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '149'}]",ต้องมีผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทที่จะควบกันมาประชุม จึงจะเป็นองค์ประชุม +เราสามารถทำสัญญาเช่าโดยกำหนดระยะเวลาในการสิ้นสุดสัญญาเป็นอายุของผู้เช่าได้มัั้ย,สามารถทำได้ ตามมาตรา 541 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาเช่านั้นจะทำกันเป็นกำหนดว่าตลอดอายุของผู้ให้เช่าหรือของผู้เช่าก็ให้ทำได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '541'}]",สามารถทำได้ ตามมาตรา 541 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาเช่านั้นจะทำกันเป็นกำหนดว่าตลอดอายุของผู้ให้เช่าหรือของผู้เช่าก็ให้ทำได้ +ในส่วนของตั๋วแลกเงิน ผู้สอดเข้าแก้หน้านั้นเป็นบุคคลภายนอกได้มั้ย,"ได้ ห้ามแต่ผู้รับรองเท่านั้น ตามมาตรา 950 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 950 ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังจะระบุบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดไว้ก็ได้ว่าเป็นผู้จะรับรอง หรือใช้เงินยามประสงค์ ณ สถานที่ใช้เงิน +ภายในเงื่อนบังคับดังจะกล่าวต่อไปข้างหน้า บุคคลผู้หนึ่งผู้ใดจะรับรองหรือใช้เงินตามตั๋วแลกเงินในฐานเป็นผู้สอดเข้าแก้หน้าบุคคลใดผู้ลงลายมือชื่อในตั๋วนั้นก็ได้ +ผู้สอดเข้าแก้หน้านั้นจะเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ แม้จะเป็นผู้จ่ายหรือบุคคลซึ่งต้องรับผิดโดยตั๋วเงินนั้นอยู่แล้วก็ได้ ห้ามแต่ผู้รับรองเท่านั้น +ผู้สอดเข้าแก้หน้าจำต้องให้คำบอกกล่าวโดยไม่ชักช้า เพื่อให้คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตนเข้าแก้หน้านั้นทราบการที่ตนเข้าแก้หน้า (1) การรับรองเพื่อแก้หน้า","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '950'}]",ได้ ห้ามแต่ผู้รับรองเท่านั้น ตามมาตรา 950 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +ถ้าเราไปชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ทั้งที่รู้ดีว่าหนี้นั้นหมดอายุความแล้ว เราจะสามารถเรียกคืนทรัพย์สินที่นำไปใช้หนี้ดังกล่าวได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นลาภมิควรที่ไม่สามารถเรียกทรัพย์คืนได้ ตามมาตรา 408 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +มาตรา 408 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ไม่มีสิทธิจะได้รับคืนทรัพย์ คือ +(1) บุคคลผู้ชำระหนี้อันมีเงื่อนเวลาบังคับเมื่อก่อนถึงกำหนดเวลานั้น +(2) บุคคลผู้ชำระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้ว +(3) บุคคลผู้ชำระหนี้ตามหน้าที่ศีลธรรม หรือตามควรแก่อัธยาศัยในสมาคม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '408'}]",ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นลาภมิควรที่ไม่สามารถเรียกทรัพย์คืนได้ ตามมาตรา 408 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การหักกลบลบหนี้ของลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่ง จะส่งผลอย่างไรแก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ,หากลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งได้รับการหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ ย่อมได้ประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย ตามมาตรา 292 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งชำระหนี้นั้น ย่อมได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่การใด ๆ อันพึงกระทำแทนชำระหนี้ วางทรัพย์สินแทนชำระหนี้ และหักกลบลบหนี้ด้วย ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งมีสิทธิเรียกร้องอย่างไร ลูกหนี้คนอื่น ๆ จะเอาสิทธิอันนั้นไปใช้หักกลบลบหนี้หาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '292'}]",หากลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งได้รับการหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ ย่อมได้ประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย ตามมาตรา 292 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +พรก.นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินฯ ใช้บังคับตั้งแต่วันไหน,ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็คือวันที่ 29 มิถุนายน 2540 มาตรา 2 แห่งพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พระราชกำหนดนี้ใ���้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '2'}]",ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็คือวันที่ 29 มิถุนายน 2540 +คนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หากยังคงมีการประกอบธุรกิจดังกล่าวต่อไป จะต้องได้รับโทษอย่างไร,"จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองผู้ใดถูกสั่งพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือถูกสั่งระงับการประกอบธุรกิจตามหนังสือรับรองและหมดสิทธิอุทธรณ์ หรือรัฐมนตรีมีคำวินิจฉัยเป็นที่สุดให้พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือให้ระงับการประกอบธุรกิจแล้ว แต่คนต่างด้าวนั้นยังคงประกอบธุรกิจนั้นต่อไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '34'}]","จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่" +ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์หลายกอง จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง,"ทรัสตีต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แต่ละกองแยกต่างหากออกจากกัน ทั้งนี้ โดยต้องบันทึกบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย ตามมาตรา 34 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 + +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 34 ให้ทรัสตีจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แยกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ของทรัสตี ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์หลายกอง ทรัสตีต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แต่ละกองแยกต่างหากออกจากกัน ทั้งนี้ โดยต้องบันทึกบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย +ในการจัดการกองทรัสต์ ทรัสตีต้องแยกกองทรัสต์ไว้ต่างหากจากทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตีและทรัพย์สินอื่นที่ทรัสตีครอบครองอยู่ และในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์หลายกอง ทรัสตีต้องแยกกองทรัสต์แต่ละกองออกจากกันด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '34'}]",ทรัสตีต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แต่ละกองแยกต่างหากออกจากกัน ทั้งนี้ โดยต้องบันทึกบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย +ในกรณีที่มีคนอื่นฟ้องเราให้ชำระหนี้แทนเจ้าหนี้ของตนที่ไม่ยอมบังคับให้ชำระหนี้ และเรามีข้อต่อสู้ใหม่ต่อเจ้าหนี้ในระหว่างที่กำลังต่อสู้คดีกับผู้ที่ยื่นฟ้องเรา เราจะอ้างข้อต่อสู้ดังกล่าวในคดีนี้ได้ไหม,ไม่ได้ เพราะกฎหมายกำหนดให้สามารถยกเฉพาะข้อต่อสู้ลูกหนี้เดิมอยู่อย่างใด ๆ ก่อนจะมีการยื่นฟ้องแล้ว ตามมาตรา 236 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมีข้อต่อสู้ลูกหนี้เดิมอยู่อย่างใด ๆ ท่านว่าจะยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้ทั้งนั้น เว้นแต่ข้อต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยื่นฟ้องแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '236'}]",ไม่ได้ เพราะกฎหมายกำหนดให้สามารถยกเฉพาะข้อต่อสู้ลูกหนี้เดิมอยู่อย่างใด ๆ ก่อนจะมีการยื่นฟ้องแล้ว ตามมาตรา 236 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การโอนหุ้นนั้นจะใช้ยันบริษัทได้เมื่อใด,"เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว ตามมาตรา 58 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 + +มาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 การโอนหุ้นย่อมสมบูรณ์เมื่อผู้โอนได้สลักหลังใบหุ้น โดยระบุชื่อผู้รับโอนและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอนและส่งมอบใบหุ้นให้แก่ผู้รับโอน การโอนหุ้นนั้นจะใช้ยันบริษัทได้เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว ในการนี้หากบริษัทเห็นว่า การโอนหุ้นนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริษัทลงทะเบียนการโอนหุ้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันได้รับคำร้องขอนั้นหรือหากบริษัทเห็นว่าการโอนหุ้นนั้นไม่ถูกต้องสมบูรณ์ให้บริษัทแจ้งแก่ผู้ยื่นคำร้องภายในเจ็ดวัน +ในกรณีที่ผู้รับโอนหุ้นประสงค์จะได้ใบหุ้นใหม่ ให้ร้องขอต่อบริษัทโดยทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของผู้รับโอนหุ้นและมีพยานหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อนั้น พร้อมทั้งเวนคืนใบหุ้นเดิมหรือหลักฐานอื่นให้แก่บริษัท ในการนี้หากบริษัทเห็นว่าการโอนหุ้นนั้นถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้บริษัทลงทะเบียนการโอนหุ้นภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับคำร้องขอ และให้บริษัทออกใบหุ้นให้ใหม่ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันได้รับคำร้องขอนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '58'}]",เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว +ใครเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในเรื่องกองทุนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,คณะกรรมการกองทุน ตามมาตรา 218/15 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ให้คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการกองทุนมอบหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/15'}]",คณะกรรมการกองทุน +ทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา หากทำการหย่าและได้แยกสินสมรสแล้ว ดอกผลในส่วนของสินส่วนตัวที่ได้มาจากการแยกสินสมรสดังกล่าว ให้ถือเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว,สินส่วนตัว ตามมาตรา 1492 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อได้แยกสินสมรสตามมาตรา 1484 วรรคสอง มาตรา 1491 หรือมาตรา 1598/17 วรรคสอง แล้ว ให้ส่วนที่แยกออกตกเป็นสินส่วนตัวของสามีหรือภริยา และบรรดาทรัพย์สินที่ฝ่ายใดได้มาในภายหลังไม่ให้ถือเป็นสินสมรส แต่ให้เป็นสินส่วนตัวของฝ่ายนั้น และสินสมรสที่คู่สมรสได้มาโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือตามมาตรา 1474 (2) ในภายหลัง ให้ตกเป็นสินส่วนตัวของสามีและภริยาฝ่ายละครึ่ง ดอกผลของสินส่วนตัวที่ได้มาหลังจากที่ได้แยกสินสมรสแล้วให้เป็นสินส่วนตัว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1492'}]",สินส่วนตัว +การจำนำเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ รวมในส่วนของดอกเบี้ยด้วยหรือไม่,"รวมด้วย ตามมาตรา 748 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณ��ชย์ มาตรา 748 การจำนำนั้นย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้กับทั้งค่าอุปกรณ์ต่อไปนี้ด้วย คือ +(1) ดอกเบี้ย +(2) ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ +(3) ค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจำนำ +(4) ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งจำนำ +(5) ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่ความชำรุดบกพร่องแห่งทรัพย์สินจำนำซึ่งไม่เห็นประจักษ์","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '748'}]",รวมด้วย ตามมาตรา 748 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +การดำเนินการทางศาลสำหรับมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ยื่นต่อศาลใด และใช้กฎหมายใดในการพิจารณาคดี,ศาลแพ่ง และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การพิจารณาการพิพากษาและการบังคับคดีด้วยโดยอนุโลม ตามมาตรา 317/14 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 การดำเนินการทางศาลตามหมวดนี้ให้ยื่นต่อศาลแพ่งและให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การพิจารณาการพิพากษา และการบังคับคดีด้วย โดยอนุโลม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '317/14'}]",ศาลแพ่ง และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การพิจารณาการพิพากษาและการบังคับคดีด้วยโดยอนุโลม +ประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีหน้าที่อะไรในการประชุม,"ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทว่าด้วยการประชุม ตามมาตรา 105 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 + +มาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทว่าด้วยการประชุม ในการนี้ต้องดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามลำดับระเบียบวาระที่กำหนดไว้ในหนังสือนัดประชุม เว้นแต่ที่ประชุมจะมีมติให้เปลี่ยนลำดับระเบียบวาระด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุม เมื่อที่ประชุมพิจารณาเสร็จตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จะขอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในหนังสือนัดประชุมอีกก็ได้ + +ในกรณีที่ที่ประชุมพิจารณาเรื่องตามลำดับระเบียบวาระไม่เสร็จตามวรรคหนึ่งหรือพิจารณาเรื่องที่ผู้ถือหุ้นเสนอไม่เสร็จตามวรรคสอง แล้วแต่กรณี และจำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณา ให้ที่ประชุมกำหนดสถานที่ วัน และเวลาที่จะประชุมครั้งต่อไป และให้คณะกรรมการส่งหนังสือนัดประชุมระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระการประชุมไปยังผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันประชุม ทั้งนี้ ให้โฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมในหนังสือพิมพ์ไม่น้อยกว่าสามวันก่อนวันประชุมด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '105'}]",ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทว่าด้วยการประชุม +การจัดการกองทรัสต์ในกรณีที่ทรัสตีลาออก ต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้ทรัสตีรายเดิมทำหน้าที่ทรัสตีต่อไปจนกว่าทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ ตามมาตรา 25 (1) แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 + +พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 25 ในกรณีที่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดให้มีทรัสตีรายเดียว หรือในกรณีที่สัญญาก่อตั้งทรัสต์กำหนดให้มีทรัสตีหลายรายโดยกำหนดให้ทรัสตีแต่ละรายแยกกันจัดการกองทรัสต์ หากมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงทรัสตีแต่ยังมิอาจแต่งตั้งทรัสตีรายใหม่ได้และสัญญาก่อตั้งทรัสต์มิได้กำหนดไว้เป็นประการใด ให้การจัดการกองทรัสต์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) ในกรณีที่ทรัสตีลาออก ให้ทรัสตีรายเดิมทำหน้าที่ทรัสตีต่อไปจนกว่าทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ +(2) ในกรณีที่ทรัสตีเลิกกิจการ ชำระบัญชี ถูกระงับการดำเนินกิจการหรือล้มละลาย ให้ผู้ชำระบัญชี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือบุคคลอื่นใดที่มีอำนาจตามกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกับบุคคลดังกล่าว แล้วแต่กรณี ดำเนินการเกี่ยวกับกองทรัสต์เท่าที่จำเป็นและสมควร จนกว่าทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ +(3) ในกรณีที่ทรัสตีถูกถอดถอนหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. สั่งพักการประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีเป็นการชั่วคราวหรือเพิกถอนการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี ให้ทรัสตีรายเดิมทำหน้าที่ทรัสตีต่อไปแต่เฉพาะการดูแลรักษาประโ��ชน์หรือการใช้สิทธิในกองทรัสต์เพื่อมิให้กองทรัสต์เสียหาย เสื่อมค่า หรือไร้ประโยชน์ จนกว่าทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '25'}]",ให้ทรัสตีรายเดิมทำหน้าที่ทรัสตีต่อไปจนกว่าทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์ ตามมาตรา 25 (1) แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 +ใครเป็นผู้มีอำนาจประกาศกำหนดประเภทหรือรายละเอียดของข้อมูลที่คณะกรรมการต้องแจ้งต่อผู้ถือหุ้นในหนังสือนัดประชุมและระยะเวลาในการจัดส่งหนังสือนัดประชุม,คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ตามมาตรา 89/27 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจประกาศกำหนดประเภทหรือรายละเอียดของข้อมูลที่คณะกรรมการต้องแจ้งต่อผู้ถือหุ้นในหนังสือนัดประชุมและระยะเวลาในการจัดส่งหนังสือนัดประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '89/27'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +หากบริษัทจะเสนอขายหุ้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้ จะต้องดำเนินการอย่างไร,บริษัทต้องให้ผู้จองหุ้นส่งใช้จำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่าหุ้นพร้อมกับเงินค่าหุ้น และนำค่าหุ้นส่วนที่เกินนี้ตั้งเป็นทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้นแยกต่างหากจากทุนสำรอง ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในกรณีที่บริษัทจะเสนอขายหุ้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้ บริษัทต้องให้ผู้จองหุ้นส่งใช้จำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่าหุ้นพร้อมกับเงินค่าหุ้น และนำค่าหุ้นส่วนที่เกินนี้ตั้งเป็นทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้นแยกต่างหากจากทุนสำรองตามมาตรา 116,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '51'}]",บริษัทต้องให้ผู้จองหุ้นส่งใช้จำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่าหุ้นพร้อมกับเงินค่าหุ้น และนำค่าหุ้นส่วนที่เกินนี้ตั้งเป็นทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้นแยกต่างหากจากทุนสำรอง +สมาคมที่ไม่ได้จดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีความรับผิดอย่างไร,"ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห��างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 สมาคมใดมิได้จดทะเบียนการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคมต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา 85 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '54'}]","ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท" +ในการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในการให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตำแหน่ง ต้องอุทธรณ์ภายในระยะเวลากี่วัน,"ภายใน 15 วันนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด มาตรา 77 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 + +พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 77 หากศาลเห็นว่ามีเหตุคัดค้านผู้บังคับหลักประกันตามมาตรา 76 วรรคหนึ่งให้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตำแหน่ง แต่หากศาลเห็นว่าไม่มีเหตุดังกล่าว ให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง +คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด +ในกรณีที่ไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง หรือเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง แล้วแต่กรณี ให้ศาลสั่งคืนประกันหรือหลักประกันแก่ผู้วางประกันหรือหลักประกันต่อศาลตามมาตรา 76 วรรคสอง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '77'}]",ภายใน 15 วันนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล +ใครเป็นผู้พิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 99 วรรคแรก แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 + +พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 99 ให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นคณะกรรมการพิจารณามา���รการลงโทษทางแพ่งตามพระราชกำหนดนี้ + +ให้นำบทบัญญัติมาตรา 317/5 มาตรา 317/6 มาตรา 317/7 มาตรา 317/8 มาตรา 317/9 มาตรา 317/10 มาตรา 317/11 มาตรา 317/12 มาตรา 317/13 และมาตรา 317/14 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มาใช้บังคับกับมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชกำหนดนี้โดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '99'}]",คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 99 วรรคแรก แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 +การออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการไม่ถูกต้องตามความจริง ต้องกระทำภายในระยะเวลาเท่าใด,"ภายในเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการไม่ว่าการยื่นรายการนั้นจะได้กระทำภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ ทั้งนี้ แล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง เว้นแต่ กรณีปรากฏหลักฐานหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่า 2 ปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร + +มาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น กรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวน และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันส่งหมาย ทั้งนี้ การออกหมายเรียกดังกล่าวจะต้องกระทำภายในเวลาสองปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการไม่ว่าการยื่นรายการนั้นจะได้กระทำภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ ทั้งนี้ แล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง เว้นแต่ กรณีปรากฏหลักฐานหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่าสองปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ แต่กรณีขยายเวลาเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากรให้ขยายได้ไม่เกินกำหนดเวลาตามที่มีสิทธิขอคืนภาษีอากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '19'}]",ภายในเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ +หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า ผู้เช่าสามารถต่อเติมทรัพย์สินที่ตนเช่าได้หรือไม่,ไม่ได้ มาตรา 558 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันทรัพย์สินที่เช่านั้น ถ้ามิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่าก่อน ผู้เช่าจะทำการดัดแปลงหรือต่อเติมอย่างหนึ่งอย่างใดหาได้ไม่ ถ้าและผู้เช่าทำไปโดยมิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่าเช่นนั้นไซร้ เมื่อผู้ให้เช่าเรียกร้อง ผู้เช่าจะต้องทำให้ทรัพย์สินนั้นกลับคืนคงสภาพเดิม ทั้งจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การดัดแปลงต่อเติมนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '558'}]",ไม่ได้ +ทรัพย์สินที่มีเจ้าของหลายคนรวมกัน ให้ใช้บทบัญญัติในหมวดใดมาใช้บังคับ,"หมวด 3 กรรมสิทธิ์รวม เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ตามมาตรา 1356 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +มาตรา 1356 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินเป็นของบุคคลหลายคนรวมกัน ท่านให้ใช้บทบัญญัติในหมวดนี้บังคับ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1356'}]",หมวด 3 กรรมสิทธิ์รวม +ถ้าไม่มีบทกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ให้ใช้ประมวลรัษฎากรหมวดใดในการบังคับแก่ภาษีอากรทุกประเภท,"หมวด 2 วิธีการเกี่ยวแก่ภาษีอากรประเมิน ตามมาตรา 15 แห่งประมวลรัษฎากร + +มาตรา 15 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในหมวดต่าง ๆ แห่งลักษณะนี้ ให้ใช้บทบัญญัติในหมวดนี้บังคับแก่การภาษีอากรประเมินทุกประเภท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '15'}]",หมวด 2 วิธีการเกี่ยวแก่ภาษีอากรประเมิน ตามมาตรา 15 แห่งประมวลรัษฎากร +ใครจะต้องลงลายมือชื่อในหนังสือบอกกล่าวที่เสนอให้แก่ผู้ถือหุ้นซื้อหุ���นใหม่,กรรมการบริษัท ตามมาตรา 1223 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หนังสือบอกกล่าวที่เสนอให้ผู้ถือหุ้นซื้อหุ้นใหม่นั้น ต้องลงวันเดือนปีและลายมือชื่อของกรรมการ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1223'}]",กรรมการบริษัท +อยากทราบว่าในการจัดทำความเห็นของกิจการเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หากไม่ได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. จะได้รับโทษอย่างไร,"โทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ตามมาตรา 299 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 250 หรือมาตรา 250/1 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '299'}]","โทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ได้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง" +ในกรณีที่หนี้ที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกค้าในธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้พิจารณา และลูกค้ามีอยู่ต่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นหนี้ที่อยู่ในเงื่อนไขบังคับก่อน เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขอหักกลบลบหนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องให้ประกันสำหรับจำนวนที่ขอหักกลบลบหนี้นั้นแก่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามกฎหมายใด,"กฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 + +มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกค้าไว้เพื่อพิจารณาหรือศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสำนักงาน ก.ล.ต. ทราบโดยไม่ชักช้า และให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดำเนินการดังต่อไปนี้ +(1) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าที่คงค้างอยู่ ณ วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในกฎเกณฑ์ของสำนักหักบ��ญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +(2) บังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินของลูกค้าไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเก็บรักษาโดยผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเอง หรือผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้นำไปวางหรือฝากไว้กับบุคคลอื่น สำหรับหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ทำก่อนหรือในวันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าตาม (1) ในการนำทรัพย์สินของลูกค้าออกขายเพื่อการชำระหนี้ หากทรัพย์สินนั้นเป็นหลักทรัพย์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขายในตลาดที่ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเป็นปกติ หากไม่สามารถขายในตลาดนั้นได้ ให้นำออกขายโดยวิธีการอื่นที่สามารถทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรมแก่ลูกค้า +(3) นำหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าที่ทำขึ้นก่อนหรือในวันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าตาม (1) มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นหนี้ลูกค้าอยู่ในเวลาที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่ามูลแห่งหนี้ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน หรือเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา หรือผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ +ในกรณีที่หนี้ที่ลูกค้ามีอยู่ต่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นหนี้ที่อยู่ในเงื่อนไขบังคับก่อน เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขอหักกลบลบหนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องให้ประกันสำหรับจำนวนที่ขอหักกลบลบหนี้นั้นแก่บุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '37'}]",กฎหมายว่าด้วยล้มละลาย +ข้อตกลงระหว่างผู้ซึ่งเป็นหุ้นส่วนเพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเภททรัพย์สินที่ลงหุ้น จะมีผลแก่บุคคลภายนอกเมื่อใด,เมื่อได้จดทะเบียน ตามมาตรา 1086 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อซึ่งตกลงกันในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลาย เพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเภททรัพย์สินที่ลงหุ้น หรือเพื่อจะลดจำนวนลงหุ้นแห่งผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนหนึ่งคนใดนั้น ท่านว่ายังไม่เป็นผลแก่บุคคลภายนอกจนกว่าจะได้จดทะเบียน เมื่อได้จดทะเบียนแล้วไซร้ ข้อตกลงนั้น ๆ ก็ย่อมมีผลแต่เพียงเฉพาะแก่หนี้อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังเวลาที่ได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1086'}]",เมื่อได้จดทะเบียน +ผู้ที่ประกอบวิชาชีพบัญชี มีหน้าที่อย่างไร,"มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนตามมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 + +มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีหรือผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนตามมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ บุคคลตามวรรคหนึ่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณหรือมาตรฐานที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าผู้นั้นประพฤติผิดจรรยาบรรณ","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '46'}]",มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนตามมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ +หากคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งพิจารณา เห็นว่าไม่ควรนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ จะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่กระทำผิด,ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดนั้นต่อไป มาตรา 317/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในกรณีที่มีการกระทำความผิดที่อาจดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา317/1 ได้ หากสำนักงานเห็นว่าควรใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดนั้น ให้สำนักงานเสนอเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งพิจารณาว่าควรดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดนั้นหรือไม่อย่างไร หากคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ควรนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดนั้นต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '317/6'}]",ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดนั้นต่อไป +อยากทราบว่าการทำประกันภัยในการรับขน จะได้รับความคุ้มครองตั้งแต่ช่วงไหนไปจนถึงช่วงไหน,"จะได้รับความคุ้มครอง ในระหว่างเวลาตั้งแต่ผู้ขนส่งได้รับของไป จนได้ส่งมอบของนั้นแก่ผู้รับตราส่ง ตามมาตรา 883 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +มาตรา 883 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันสัญญาประกันภัยในการรับขนนั้น ย่อมคุ้มถึงความวินาศภัยทุกอย่างซึ่งอาจเกิดแก่ของที่ขนส่งในระหว่างเวลาตั้งแต่ผู้ขนส่งได้รับของไป จนได้ส่งมอบของนั้นแก่ผู้รับตราส่ง และจำนวนค่าสินไหมทดแทนนั้น ย่อมกำหนดตามที่ของซึ่งขนส่งนั้นจะได้มีราคาเมื่อถึงตำบลอันกำหนดให้ส่ง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '883'}]",จะได้รับความคุ้มครอง ในระหว่างเวลาตั้งแต่ผู้ขนส่งได้รับของไป จนได้ส่งมอบของนั้นแก่ผู้รับตราส่ง +ในกรณีที่ไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัท ต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นกี่คนจึงจะสามารถร้องต่อศาลให้สั่งตั้งผู้สอบบัญชีได้,จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน มาตรา 1212 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ามิได้เลือกตั้งผู้สอบบัญชีโดยวิธีดังกล่าวมา เมื่อผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าห้าคนร้องขอ ก็ให้ศาลตั้งผู้สอบบัญชีประจำปีนั้น และกำหนดสินจ้างให้ด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1212'}]",จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน +ใครเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่บริษัทหลักทรัพย์จะเรียกกับลูกค้าในการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน,คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนจะกำหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่บริษัทหลักทรัพย์อาจเรียกจากลูกค้าในการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '115'}]",คณะกรรมการกำกับตลาดทุน +การยอมรับเอาสิ่งของแทนจำนวนเงินกับการยอมรับเอาสิ่งของเป็นการชำระหนี้แทนเงินในสัญญากู้ยืมเงินมีความแตกต่างไหม,"มีความแตกต่าง เพราะการยอมรับเอาสิ่งของแทนจำนวนเงินย่อมทำให้หนี้ได้รับการชำระตามจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ แต่การยอมรับเอาสิ่งของเป็นการชำระหนี้แทนเงินย่อมส่งผลให้หนี้ระงับทันที ตามมาตรา 656 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +มาตรา 656 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงินนั้นไซร้ ท่านให้คิดเป็นหนี้เงินค้างชำระโดยจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ +ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้ หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น +ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ ความตกลงกันอย่างใด ๆ ขัดกับข้อความดังกล่าวมานี้ ท่านว่าเป็นโมฆะ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '656'}]",มีความแตกต่าง เพราะการยอมรับเอาสิ่งของแทนจำนวนเงินย่อมทำให้หนี้ได้รับการชำระตามจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ แต่การยอมรับเอาสิ่งของเป็นการชำระหนี้แทนเงินย่อมส่งผลให้หนี้ระงับทันที. +ใครเป็นผู้แจ้งคำสั่งในการเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทหลักทรัพย์,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาตรา 149 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในการเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทหลักทรัพย์ ให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้บริษัทหลักทรัพย์นั้นทราบและปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ ���ำนักงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้น กับทั้งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในหนังสือพิมพ์รายวันแห่งท้องถิ่นอย่างน้อยหนึ่งฉบับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '149'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ถ้าเราทำสัญญาเช่าห้องรายเดือนแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการชำระไว้ เราจะต้องจ่ายค่าเช่าตอนไหน,หากท่านเช่าเป็นรายเดือน ก็ให้ชำระค่าเช่าเมื่อถึงเวลาสิ้นเดือน มาตรา 559 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าไม่มีกำหนดโดยสัญญาหรือโดยจารีตประเพณีว่าจะพึงชำระค่าเช่า ณ เวลาใด ท่านให้ชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาอันได้ตกลงกำหนดกันไว้ทุกคราวไป กล่าวคือว่าถ้าเช่ากันเป็นรายปีก็พึงชำระค่าเช่าเมื่อสิ้นปี ถ้าเช่ากันเป็นรายเดือนก็พึงชำระค่าเช่าเมื่อสิ้นเดือน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '559'}]",หากท่านเช่าเป็นรายเดือน ก็ให้ชำระค่าเช่าเมื่อถึงเวลาสิ้นเดือน +การที่คู่กรณีมาชนรถเรา ทำให้รถพังเสียหาย เราจะสามารถเรียกเงินค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ยได้มั้ย,สามารถทำได้ ตามมาตรา 440 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่ต้องใช้ราคาทรัพย์อันได้เอาของเขาไปก็ดี ในกรณีที่ต้องใช้ราคาทรัพย์อันลดน้อยลงเพราะบุบสลายก็ดี ฝ่ายผู้ต้องเสียหายจะเรียกดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่จะต้องใช้ คิดตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการประมาณราคานั้นก็ได้ คำถาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '440'}]",สามารถทำได้ +ในการประชุมจัดตั้งบริษัทนั้น อย่างแรกที่ควรจะทำคืออะไร,"ทำความตกลงตั้งข้อบังคับต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งนี้ อาจกำหนดวิธีการแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่ไม่สามารถหาข้อยุติระหว่างกรรมการหรือผู้ถือหุ้นไว้ด้วยก็ได้ ตามมาตรา 1108 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + +ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1108 +กิจการอันจะพึงทำในที่ประชุมตั้งบริษัทนั้น คือ +(1) ทำความตกลงตั้งข้อบังคับต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งนี้ อาจกำหนดวิธีการแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่ไม่สามารถหาข้อยุติระหว่างกรรมการหรือผู้ถือหุ้นไว้ด้วยก็ได้ +(2) ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้ และค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเขาต้องออกไปใน���ารเริ่มก่อบริษัท +(3) วางกำหนดจำนวนเงินซึ่งจะให้แก่ผู้เริ่มก่อการ ถ้าหากมีเจตนาว่าจะให้ +(4) วางกำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ ทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิแห่งหุ้นนั้น ๆ ว่าเป็นสถานใดเพียงใด ถ้าหากจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัท +(5) วางกำหนดจำนวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว เพราะใช้ให้ด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน และกำหนดว่าเพียงใดซึ่งจะถือเอาเป็นว่าได้ใช้เงินแล้ว ถ้าหากจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัท +ให้แถลงในที่ประชุมโดยเฉพาะว่า ซึ่งจะออกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เงินแล้วเช่นนั้น เพื่อแทนคุณแรงงานหรือตอบแทนทรัพย์สินอย่างใด ให้พรรณนาจงชัดเจนทุกประการ +(6) เลือกตั้งกรรมการและพนักงานสอบบัญชีอันเป็นชุดแรกของบริษัท และวางกำหนดอำนาจของคนเหล่านี้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1108'}]",ทำความตกลงตั้งข้อบังคับต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งนี้ อาจกำหนดวิธีการแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่ไม่สามารถหาข้อยุติระหว่างกรรมการหรือผู้ถือหุ้นไว้ด้วยก็ได้ ตามมาตรา 1108 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ +อยากทราบว่าในส่วนของวิธีจัดการบริษัทจำกัด จะสามารถมีกรรมการบริษัทได้กี่คน,จะมีกรรมการหนึ่งคน หรือหลายคนก็ได้ ตามมาตรา 1144 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรดาบริษัทจำกัด ให้มีกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนด้วยกันจัดการตามข้อบังคับของบริษัท และอยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นทั้งปวง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1144'}]",จะมีกรรมการหนึ่งคน หรือหลายคนก็ได้ +ผู้สอบบัญชีตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจตรวจสอบในส่วนไหนได้บ้าง,ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบ ดังนี้ 1. ตรวจสอบสรรพสมุดบัญชี 2. เอกสารหลักฐานของตลาดหลักทรัพย์ และ 3. สามารถขอคำชี้แจงจากกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ พนักงานหรือลูกจ้างของตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วย ตามมาตรา 180 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชี และเอกสารหลักฐานของตลาดหลักทรัพย์ และขอคำชี้แจงจากกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ พนักงานหรือลูกจ้างของตลาดหลักทรัพย์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '180'}]",ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบ ดังนี้ 1. ตรวจสอบสรรพสมุดบัญชี 2. เอกสารหลักฐานของตลาดหลักทรัพย์ และ 3. สามารถขอคำชี้แจงจากกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ พนักงานหรือลูกจ้างของตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วย. +การกำหนดข้อจำกัดของบริษัทมหาชนจำกัดในลักษณะแบบไหนที่ไม่สามารถทำได้,ลักษณะเป็นการกีดกันมิให้ผู้ถือหุ้นเป็นกรรมการ ตามมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 การกำหนดข้อจำกัดใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการกีดกันมิให้ผู้ถือหุ้นเป็นกรรมการนั้น จะกระทำมิได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '69'}]",ลักษณะเป็นการกีดกันมิให้ผู้ถือหุ้นเป็นกรรมการ +ใครเป็นผู้จัดทำรายงานเกี่ยวกับการกำกับดูแลการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต้องจัดทำปีละกี่ครั้ง,นายทะเบียน โดยเสนอต่อรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ตามมาตรา 12 ตรี แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ให้นายทะเบียนจัดทำรายงานเกี่ยวกับการกำกับดูแลการจัดการกองทุนเสนอต่อรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและควบคุมให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รัฐมนตรีอาจสั่งให้นายทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานหรือชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเพิ่มเติมก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '12 ตรี'}]",นายทะเบียน โดยเสนอต่อรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง +กองมรดกของผู้ตายคืออะไร,กองมรดกของผู้ตาย หมายถึงทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย นอกจากนี้ยังรวมถึงสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ของผู้ตาย ซึ่งจะตกทอดแก่ทายาททั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตาย ตามมาตรา 1600 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1600'}]",กองมรดกของผู้ตาย หมายถึงทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย นอกจากนี้ยังรวมถึงสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ของผู้ตาย ซึ่งจะตกทอดแก่ทายาททั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตาย. +ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามที่อธิบดีมีหนังสือแจ้งดังกล่าวโดยไม่มีเหตุสมควร จะมีผลเป็นอย่างไร,"อธิบดีมีอำนาจสั่งพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราวหรือสั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวได้ในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกิน 60 วันนับแต่วันมีคำสั่ง เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วคนต่างด้าวยังมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ให้อธิบดีพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองดังกล่าวหรือเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 19 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 + +พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 19 เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับรองผู้ใด +(1) ฝ่าฝืนเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 7 วรรคหนึ่ง +(2) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 11 วรรคสอง หรือมาตรา 17 วรรคสาม +(3) ฝ่าฝืนมาตรา 15 +(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 +(5) กระทำความผิดตามมาตรา 35 +ในกรณีตาม (1) (2) และ (3) ให้อธิบดีมีหนังสือแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับหนังสือรับรองปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา 7 วรรคหนึ่ง มาตรา 11 วรรคสอง หรือมาตรา 17 วรรคสาม หรือปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรา 15 แล้วแต่กรณี ภายในเวลาที่อธิบดีเห็นสมควร ถ้าผู้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองไม่ปฏิบัติตามที่อธิบดีมีหนังสือแจ้งดังกล่าวโดยไม่มีเหตุสมควร ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราวหรือสั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวได้ในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันมีคำสั่ง เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วคนต่างด้าวยังมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ให้อธิบดีพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองดังกล่าวหรือเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ในกรณีตาม (4) และ (5) ให้อธิบ���ีพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '19'}]",อธิบดีมีอำนาจสั่งพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราวหรือสั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวได้ในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกิน 60 วันนับแต่วันมีคำสั่ง เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วคนต่างด้าวยังมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ให้อธิบดีพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองดังกล่าวหรือเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี. +การให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จ เช่นรับรองว่าราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ลงทุนไปยังไงก็ไม่ขาดทุน กรณีแบบนี้สามารถทำได้หรือไม่,ไม่ได้ เพราะอาจมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มาตรา 40 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใดบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล หรือราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '40'}]",ไม่ได้ เพราะอาจมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล +ในการประชุมผู้ถือหุ้น หากมีลงมติโดยฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทมหาชนจำกัด ต้องมีผู้ถือหุ้นจำนวนกี่คนจึงจะสามารถร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติในการประชุมครั้งนั้นได้,ไม่น้อยกว่า 5 คนหรือผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ตามมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใด ถ้าได้มีการนัดประชุม หรือลงมติโดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัท หรือบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าห้าคนหรือผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจะร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติในการประชุมครั้งนั้นก็ได้ แต่ต้องร้องขอต่อศาลภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมลงมติ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามวรรคหนึ่งให้บริษัทแจ้งไปยังผู้ถือหุ้นภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '108'}]",ไม่น้อยกว่า 5 คนหรือผู้ถือหุ้นซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด +บุริมสิทธิในมูลหนี้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถือว่ามีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์นั้นด้วยหรือไม่,ใช่ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นใช้สำหรับเอาราคาอสังหาริมทรัพย์และดอกเบี้ยในราคานั้น และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์อันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '276'}]",ใช่ +กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ทดรองจ่ายทรัพย์สินของตนเพื่อเป็นประกันเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแทนลูกค้า ให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการอย่างไรต่อไป,"จัดทำและเก็บรักษาบัญชีทดรองจ่ายของตนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ตามมาตรา 33 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 + +มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องจัดเก็บทรัพย์สินของลูกค้าแยกออกจากทรัพย์สินของตน และต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแต่ละรายแยกออกจากบัญชีทรัพย์สินของตน รวมทั้งเก็บรักษาบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ทดรองจ่ายทรัพย์สินของตนเพื่อเป็นประกันหรือชำระหนี้ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแทนลูกค้า ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจัดทำและเก็บรักษาบัญชีทดรองจ่ายของตนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ให้สันนิษฐ��นว่ารายการและจำนวนทรัพย์สินในบัญชีตามวรรคหนึ่งและวรรคสองถูกต้อง เว้นแต่จะพิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '33'}]",จัดทำและเก็บรักษาบัญชีทดรองจ่ายของตนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นว่าการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ อาจกระทบต่อความมั่นคง อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะดำเนินการอย่างไรต่อไป,"สั่งให้ตลาดหลักทรัพย์ ปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกการดำเนินงานนั้น ตามมาตรา 154/2 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 + +มาตรา 154/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อให้การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์เป็นไปตามมาตรา 153 และมาตรา 154/1 ตลาดหลักทรัพย์ต้องดำเนินการอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) มีแหล่งเงินทุนและระบบงานที่เพียงพอต่อการประกอบกิจการ สามารถรองรับความเสี่ยงจากการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งมีมาตรการรองรับในสถานการณ์ฉุกเฉิน +(2) มีระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ ระบบบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายหลักทรัพย์ ระบบกำกับตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ และระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ที่ส่งเสริมและรักษาความมั่นคง ความมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความเป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ +(3) มีหลักเกณฑ์การรับสมาชิกที่เป็นธรรม มีหลักเกณฑ์ที่สมาชิกต้องปฏิบัติในการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งมีมาตรการกำกับดูแลและลงโทษสมาชิกที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว +(4) มีหลักเกณฑ์การรับจดทะเบียนหลักทรัพย์ การดำรงสถานะ และการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน ตลอดจนการสร้างหลักธรรมาภิบาลและการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียน +(5) มีมาตรการในการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ +(6) มีการจัดการข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม +ในกรณีที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นว่า การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่งในเรื่องใดอาจกระทบต่อความมั่นคง อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม หรืออาจนำมาซึ่งความไม่เรียบร้อยในการซื้���ขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะสั่งให้ตลาดหลักทรัพย์ ปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกการดำเนินงานนั้นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '154/2'}]",สั่งให้ตลาดหลักทรัพย์ ปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกการดำเนินงานนั้น ตามมาตรา 154/2 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 +ใครเป็นผู้มีอำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิ,คณะกรรรมการของมูลนิธิ ตามมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภายใต้บังคับมาตรา 127 ให้คณะกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้มีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิ แต่ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมไว้ การแก้ไขเพิ่มเติมต้องเป็นไปตามที่ข้อบังคับกำหนด และให้มูลนิธินำข้อบังคับที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการของมูลนิธิได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิและให้นำความในมาตรา 115 มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '126'}]",คณะกรรมการของมูลนิธิ +กฎหมายเกี่ยวกับสมาคมการค้า เริ่มใช้บังคับตั้งแต่เมื่อไหร่,ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจการนุเบกษา ตามมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '2'}]",ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจการนุเบกษา +ในการประชุมใหญ่ของบริษัท หากระบุวันเวลาในการประชุมแล้ว สามารถเลื่อนการประชุมได้หรือไม่,สามารถเลื่อนได้ โดยผู้เป็นประธานในผู้ประชุมเป็นผู้เลื่อน แต่ต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมด้วย มาตรา 1181 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้นั่งเป็นประธานจะเลื่อนการประชุมใหญ่ใด ๆ ไปเวลาอื่นโดยความยินยอมของที่ประชุมก็ได้ แต่ในที่ประชุมซึ่งได้เลื่อนมานั้น ท่านมิให้ปรึกษากิจการอันใดนอกไปจากที่ค้างมาแต่วันประชุมก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1181'}]",สามารถเลื่อนได้ โดยผู้เป็นประธานในผู้ประชุมเป็นผู้เลื่อน แต่ต้องได้รับความ���ินยอมของที่ประชุมด้วย +ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ให้ผู้จำหน่ายสินทรัพย์เสนอโครงการต่อผู้ใด,เสนอโครงการต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยต้องระบุรายละเอียดของโครงการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด มาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ให้ผู้จำหน่ายสินทรัพย์หรือบุคคลที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด เสนอโครงการต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยต้องระบุรายละเอียดของโครงการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด การเสนอโครงการตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มาพร้อมกันด้วย,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '10'}]",เสนอโครงการต่อสำนักงาน ก.ล.ต. +ผู้ที่ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดตัวตนของบุคคลที่ใช้บัญชีดังกล่าวต้องได้รับโทษอย่างไร,ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 73 ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีธนาคาร บัญชีที่เปิดไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีอื่นใดที่ใช้ชำระราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เพื่อปกปิดตัวตนของบุคคลที่ใช้บัญชีดังกล่าว ในประการที่บุคคลนั้นอาจนำบัญชีไปใช้ในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามหมวด 6 การป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '73'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +บุคคลภายนอกมีสิทธิอย่างไร หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งทำสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก,"บุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้โ��ยตรงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 วรรคแรก + + ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 +ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งทำสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกไซร้ ท่านว่าบุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้โดยตรงได้ +ในกรณีดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น สิทธิของบุคคลภายนอกย่อมเกิดมีขึ้นตั้งแต่เวลาที่แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '374'}]",บุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้โดยตรงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 วรรคแรก +ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทอย่างไร,ผู้จัดการมรดกไม่จำต้องส่งมอบทรัพย์มรดกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทก่อนปีหนึ่งนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เว้นแต่เจ้าหนี้กองมรดกและผู้รับพินัยกรรมที่ปรากฏตัวได้รับชำระหนี้และส่วนได้ตามพินัยกรรมแล้วทุกคน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1744 ผู้จัดการมรดกไม่จำต้องส่งมอบทรัพย์มรดกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทก่อนปีหนึ่งนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เว้นแต่เจ้าหนี้กองมรดกและผู้รับพินัยกรรมที่ปรากฏตัวได้รับชำระหนี้และส่วนได้ตามพินัยกรรมแล้วทุกคน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1744'}]",ผู้จัดการมรดกไม่จำต้องส่งมอบทรัพย์มรดกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทก่อนปีหนึ่งนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เว้นแต่เจ้าหนี้กองมรดกและผู้รับพินัยกรรมที่ปรากฏตัวได้รับชำระหนี้และส่วนได้ตามพินัยกรรมแล้วทุกคน +สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่สั่งยึดไม่ได้ จะโอนกันได้หรือไม่,ไม่ได้ ในกรณีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายศาลจะสั่งยึดไม่ได้ สิทธิเรียกร้องนั้นจะโอนกันไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 304 สิทธิเรียกร้องเช่นใด ตามกฎหมายศาลจะสั่งยึดไม่ได้ สิทธิเรียกร้องเช่นนั้น จะโอนกันหาได้ไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '304'}]",ไม่ได้ +บริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่อย่างไรกับทรัพย์สินของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุน,บริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่แยกทรัพย์สินของ���ู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลออกจากทรัพย์สินของตน ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 136 ให้บริษัทหลักทรัพย์แยกทรัพย์สินของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลออกจากทรัพย์สินของตนและในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์มิได้เป็นผู้รับฝากทรัพย์สินของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการให้บริษัทหลักทรัพย์นำทรัพย์สินนั้นไปฝากไว้กับผู้รับฝากทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบภายในวันทำการถัดจากวันที่บริษัทหลักทรัพย์ได้รับทรัพย์สินนั้นมาหรือภายในระยะเวลาตามที่สำนักงานประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '136'}]",บริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่แยกทรัพย์สินของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคลออกจากทรัพย์สินของตน +ถ้าในสัญญามีกำหนดเวลาไถ่จะกำหนดได้เท่าใด,กำหนดได้สิบปีและสามปีตามประเภททรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 495 ถ้าในสัญญามีกำหนดเวลาไถ่เกินไปกว่านั้น ให้ลดลงมาเป็นสิบปีและสามปีตามประเภททรัพย์,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '495'}]",กำหนดได้สิบปีและสามปีตามประเภททรัพย์ +ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนหรือไม่ อย่างไร,ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนกับทั้งของบุคคลที่ตนใช้ในการชำระหนี้นั้นโดยขนาดเสมอกับว่าเป็นความผิดของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220 ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนกับทั้งของบุคคลที่ตนใช้ในการชำระหนี้นั้นโดยขนาดเสมอกับว่าเป็นความผิดของตนเอง แต่บทบัญญัติแห่งมาตรา 373 หาใช้บังคับแก่กรณีเช่นนี้ด้วยไม่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '220'}]",ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนกับทั้งของบุคคลที่ตนใช้ในการชำระหนี้นั้นโดยขนาดเสมอกับว่าเป็นความผิดของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220 +ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการในบริษัทมหาชนจำกัดอย่างไร,ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้ (1) ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือคูณด้วยจำนวนกรร���การที่จะเลือกตั้ง (2) ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม (1) เลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดก็ได้ (3) บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ให้เลือกโดยวิธีจับสลากเพื่อให้ได้จำนวนกรรมการที่จะพึงมี ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 70,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '70'}]",ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้ (1) ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือคูณด้วยจำนวนกรรมการที่จะเลือกตั้ง (2) ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม (1) เลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดก็ได้ (3) บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ให้เลือกโดยวิธีจับสลากเพื่อให้ได้จำนวนกรรมการที่จะพึงมี ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 70 +กรรมการจรรยาบรรณและอนุกรรมการจรรยาบรรณตามกฎหมายการบัญชีที่คณะกรรมการจรรยาบรรณแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายใด,เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 56 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการจรรยาบรรณและอนุกรรมการจรรยาบรรณที่คณะกรรมการจรรยาบรรณแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '56'}]",เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +การใช้สัมภาระของผู้อื่นเพื่อทำบางอย่างขึ้นใหม่ ใครเป็นเจ้าของสิ่งที่ทำขึ้นใหม่,เจ้าของสัมภาระเป็นเจ้าของสิ่��ที่ทำขึ้นใหม่ แต่ต้องใช้ค่าแรงงานให้แก่ผู้ทำสิ่งของขึ้นใหม่ ตามมาตรา 1317 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดใช้สัมภาระของบุคคลอื่นทำสิ่งใดขึ้นใหม่ไซร้ ท่านว่าเจ้าของสัมภาระเป็นเจ้าของสิ่งนั้นโดยมิต้องคำนึงว่าสัมภาระนั้นจะกลับคืนตามเดิมได้หรือไม่ แต่ต้องใช้ค่าแรงงาน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1317'}]",เจ้าของสัมภาระเป็นเจ้าของสิ่งที่ทำขึ้นใหม่ แต่ต้องใช้ค่าแรงงานให้แก่ผู้ทำสิ่งของขึ้นใหม่ +การเลือกประธานในที่ประชุมกรรมการบริษัทต้องดำเนินการอย่างไร,ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน และจะกำหนดเวลาให้อยู่ในตำแหน่งเพียงใดก็ได้ ตามมาตรา 1163 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการจะเลือกกรรมการคนหนึ่งขึ้นเป็นประธานที่ประชุม และจะกำหนดเวลาว่าให้อยู่ในตำแหน่งเพียงใดก็ได้ แต่ถ้าหากมิได้เลือกกันไว้เช่นนั้น หรือผู้เป็นประธานไม่มาประชุมตามเวลาที่ได้นัดหมายไซร้ กรรมการที่มาประชุมนั้นจะเลือกกันคนหนึ่งขึ้นเป็นประธานในการประชุมเช่นนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1163'}]",ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน และจะกำหนดเวลาให้อยู่ในตำแหน่งเพียงใดก็ได้ +ในกรณีที่บิดามารดาไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ย่อมมีสิทธิติดต่อกับบุตรได้หรือไม่,มีสิทธิติดต่อกับบุตรได้ ตามมาตรา 1584/1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดาหรือมารดาย่อมมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ตาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1584/1'}]",มีสิทธิติดต่อกับบุตรได้ +ธนาคารพาณิชย์สามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีได้หรือไม่,ได้ สามารถยื่นคำขอต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 55 (1) พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 55 ผู้ที่อาจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจเป็นทรัสตีต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ต้องเป็น (1) ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '55'}]",ได้ สามารถยื่นคำขอต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +ใบหุ้นของบ��ิษัทมหาชนจำกัดต้องมีรายการอะไรบ้าง,"ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย -ชื่อบริษัท -เลขทะเบียนบริษัท และวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท -ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้นและ จำนวนหุ้น -ชื่อผู้ถือหุ้น -ลายมือชื่อกรรมการซึ่งลงหรือพิมพ์ไว้อย่างน้อย 1 คน แต่กรรมการจะมอบหมายให้นายทะเบียนหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลงหรือพิมพ์ลายมือชื่อแทนก็ได้ -วันเดือนปีที่ออกใบหุ้น +ตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ใบหุ้นนั้นอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) ชื่อบริษัท (2) เลขทะเบียนบริษัท และวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท (3) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้นและ จำนวนหุ้น (4) ชื่อผู้ถือหุ้น (5) ลายมือชื่อกรรมการซึ่งลงหรือพิมพ์ไว้อย่างน้อยหนึ่งคน แต่กรรมการจะมอบหมายให้นายทะเบียนหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลงหรือพิมพ์ลายมือชื่อแทนก็ได้ (6) วันเดือนปีที่ออกใบหุ้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '56'}]","- ชื่อบริษัท +- เลขทะเบียนบริษัท และวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท +- ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้นและ จำนวนหุ้น +- ชื่อผู้ถือหุ้น +- ลายมือชื่อกรรมการซึ่งลงหรือพิมพ์ไว้อย่างน้อย 1 คน แต่กรรมการจะมอบหมายให้นายทะเบียนหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลงหรือพิมพ์ลายมือชื่อแทนก็ได้ +- วันเดือนปีที่ออกใบหุ้น" +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษของสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่,มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ตามมาตรา 124 วรรค 1 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ���.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '124'}]",มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง +ในสัญญารับขนที่กำหนดให้ส่งที่ตำบล สิทธิไปถึงผู้รับตราส่งเมื่อใด,เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง และผู้รับตราส่งเรียกให้ส่งมอบ สิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นย่อมตกไปได้แก่ผู้รับตราส่ง ตามตามมาตรา 627 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว ท่านว่าแต่นั้นไปสิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นย่อมตกไปได้แก่ผู้รับตราส่ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '627'}]",เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง และผู้รับตราส่งเรียกให้ส่งมอบ +ห้างหุ้นส่วนจำกัดยังไม่ได้จดทะเบียนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดในหนี้ของห้างร่วมกันหรือไม่,ต้องร่วมรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน ตามมาตรา 1079 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ตราบใด ท่านให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน จนกว่าจะได้จดทะเบียน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1079'}]",ต้องร่วมรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน +พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นเจ้าหนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่,เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 266 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '266'}]",เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +องค์ประชุมกรรมการของบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีกรรมการมาประชุมกี่คนจึงจะเป็นองค์ประชุม,ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุ��� ตามมาตรา 80 วรรค 1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ในการประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานกรรมการ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธาน ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '80'}]",ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม +บุคคลสามารถเข้าค้ำประกันให้ผู้ค้ำประกันได้หรือไม่,ได้ โดยเป็นผู้รับเรือน คือเป็นผู้ประกันของผู้ค้ำประกัน ตามมาตรา 682 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านว่าบุคคลจะยอมเข้าเป็นผู้รับเรือน คือเป็นประกันของผู้ค้ำประกันอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '682'}]",ได้ โดยเป็นผู้รับเรือน คือเป็นผู้ประกันของผู้ค้ำประกัน +ผู้ปกครองที่จัดทำบัญชีทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองแล้ว ต้องยื่นสำเนาบัญชีแก่ศาลภายในกี่วัน,ภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้ทำบัญชีทรัพย์สินแล้ว ตามมาตรา 1593 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ผู้ปกครองยื่นสำเนาบัญชีทรัพย์สินที่ตนรับรองว่าถูกต้องต่อศาลฉบับหนึ่งภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้ทำบัญชีทรัพย์สินแล้ว และศาลจะสั่งให้ผู้ปกครองชี้แจงเพิ่มเติมหรือให้นำเอกสารมาประกอบเพื่อแสดงให้เห็นว่าบัญชีนั้นถูกต้องแล้วก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1593'}]",ภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้ทำบัญชีทรัพย์สินแล้ว +ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดตามตั๋วเงิน,บุคคลที่ลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน ตามมาตรา 900 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '900'}]",บุคคลที่ลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน +ผู้เยาว์สามารถสละมรดกได้หรือไม่,ไม่ได้ หากจะสละมรดกต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองก่อน ตามมาตรา 1611 ประมวลกฎหมายแพ่งและ���าณิชย์ ทายาทซึ่งเป็นผู้เยาว์ บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลผู้ไม่สามารถจะจัดทำการงานของตนเองได้ตามความหมายแห่งมาตรา 32 แห่งประมวลกฎหมายนี้ จะทำการดังต่อไปนี้ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมของบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี และได้รับอนุมัติจากศาลแล้วคือ (1) สละมรดก (2) รับมรดกอันมีค่าภาระติดพันหรือเงื่อนไข,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1611'}]",ไม่ได้ หากจะสละมรดกต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองก่อน +กรณีที่สิ่งปลูกสร้างพังทลายไปย่อมทำให้สิทธิเหนือพื้นดินสิ้นไปหรือไม่,ไม่ทำให้สิทธิเหนือพื้นดินสิ้นไป ตามมาตรา 1415 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเหนือพื้นดินนั้นไม่สิ้นไปโดยเหตุที่โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งเพาะปลูกสลายไป แม้การสลายนั้นจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1415'}]",ไม่ทำให้สิทธิเหนือพื้นดินสิ้นไป +กรรมการบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำการย้ายทรัพย์สินเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้มีความผิดหรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 1,000,000 บาท ตามมาตรา 86 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา 89 รู้ว่าเจ้าหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าว หรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้นิติบุคคลนั้นบังคับการชำระหนี้จากนิติบุคคล ใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ (1) ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น หรือ (2) แกล้งให้นิติบุคคลนั้นเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้าได้กระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '86'}]","มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 1,000,000 บาท" +สิทธิครอบครองได้เมื่อใด,เมื่อบุคคลยึดถือทรัพย์สิน โดยมีเจตนายึดถือเพื่อตน ตามมาตรา 1367 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1367'}]",เมื่อบุคคลยึดถือทรัพย์สิน โดยมีเจตนายึดถือเพื่อตน +สมาชิกสมาคมสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนตนได้หรือไม่,สามารถทำได้ ยกเว้นในกรณีที่ข้อบังคับของสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามมาตรา 98 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สมาชิกจะมอบอำนาจให้สมาชิกผู้ใดมาเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนตนก็ได้ เว้นแต่ข้อบังคับของสมาคมจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '98'}]",สามารถทำได้ ยกเว้นในกรณีที่ข้อบังคับของสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น +ผู้ขนส่งต้องส่งใบตราส่งให้ผู้ส่งทุกกรณีหรือไม่,"ในกรณีที่ผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งก็ต้องส่งให้ ตามมาตรา 613 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งก็ต้องทำให้ ใบตราส่งนั้นต้องแสดงรายการต่อไปนี้ คือ (1) รายการดังกล่าวไว้ในมาตรา 612 อนุมาตรา 1, 2 และ 3 (2) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ส่ง (3) จำนวนค่าระวางพาหนะ (4) ตำบลและวันที่ออกใบตราส่ง อนึ่งใบตราส่งนั้นต้องลงลายมือชื่อผู้ขนส่งเป็นสำคัญ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '613'}]",ในกรณีที่ผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งก็ต้องส่งให้ +ใครบ้างที่มีอำนาจในการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์,ผู้ที่มีอำนาจในการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไป มีดังนี้ 1. ตลาดหลักทรัพย์ 2. บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 183 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ตลาดหลักทรัพย์หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ มีอำนาจเปิดเผยข้อมูลของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ ให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ทราบเพื่อคุ้มครองประโยชน์หรือส่วนได้เสียของประชาชน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพ���์กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '183'}]",1. ตลาดหลักทรัพย์ 2. บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ +ถ้าเรายินยอมให้สามีมีเมียน้อย ต่อมาอยากที่จะฟ้องหย่าเพราะไม่โอเคกับเมียน้อยของสามีที่ทำตัวก้าวก่ายเรื่องครอบครัวเรามากเกินไป กรณีนี้อยากทราบว่าเราจะเรียกเงินกับทั้งสามีและเมียน้อยได้หรือไม่,เนื่องจากท่านยินยอมให้สามีท่านมีหญิงอื่น ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีท่านได้ มาตรา 1523 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้ ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1523'}]",ท่านจึงไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีท่านได้ +ถ้าผมไม่อยากจดทะเบียนรับรองว่าลูกของแฟนเป็นลูกของผม เพราะผมคิดว่าเขาท้องกับคนอื่น ผมพอจะทำอะไรได้บ้างมั้ย,ท่านสามารถที่จะไม่รับเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกของท่านก็ได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาเด็กร่วมกันเป็นจำเลย และพิสูจน์ว่าท่านไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระยะเวลาตั้งครรภ์ ซึ่งก็คือช่วงระยะเวลาระหว่าง 180 - 310 วันก่อนเด็กเกิด มาตรา 1539 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่สันนิษฐานว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีตามมาตรา 1536 มาตรา 1537 หรือมาตรา 1538 ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะไม่รับเด็กเป็นบุตรของตนก็ได้ โดยฟ้องเด็กกับมารดาเด็กร่วมกันเป็นจำเลยและพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระยะเวลาตั้ง��รรภ์คือระหว่างหนึ่งร้อยแปดสิบวันถึงสามร้อยสิบวันก่อนเด็กเกิด หรือตนไม่สามารถเป็นบิดาของเด็กได้เพราะเหตุอย่างอื่น แต่ถ้าในขณะยื่นฟ้องมารดาเด็กไม่มีชีวิตอยู่ จะฟ้องเด็กแต่ผู้เดียวเป็นจำเลยก็ได้ ถ้าเด็กไม่มีชีวิตอยู่ไม่ว่ามารดาของเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ จะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าเด็กนั้นไม่เป็นบุตรก็ได้ ในกรณีที่มารดาของเด็กหรือทายาทของเด็กยังมีชีวิตอยู่ ให้ศาลส่งสำเนาคำร้องนี้ไปให้ด้วย และถ้าศาลเห็นสมควร จะส่งสำเนาคำร้องไปให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินคดีแทนเด็กด้วยก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1539'}]",ท่านสามารถที่จะไม่รับเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกของท่านก็ได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาเด็กร่วมกันเป็นจำเลย และพิสูจน์ว่าท่านไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระยะเวลาตั้งครรภ์ ซึ่งก็คือช่วงระยะเวลาระหว่าง 180 - 310 วันก่อนเด็กเกิด. +กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มีชื่อเต็มว่าอะไร,พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 1 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542”,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '1'}]",พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 +ในกรณีที่มีเหตุให้บังคับประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ และผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งการบังคับหลักประกันให้กับผู้ให้หลักประกันแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จะสามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้หรือไม่,"ไม่ได้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะไม่สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้ +แต่เมื่อมีเหตุให้บังคับหลักประกันดังกล่าว และผู้รับหลักประกันได้มีหนังสือแจ้งเหตุบังคับหลักประกันแล้ว ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในหนี้ดังกล่าวมีหนังสือแจ้งไปยังผู้รับหลักประกัน เพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินนั้น +มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เมื่อมีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ และผู้รับหลักประกันได้มีหนังสือแ���้งเหตุบังคับหลักประกันแล้ว หากผู้ให้หลักประกันหรือผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันยินยอมส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันแก่ผู้รับหลักประกันและมีหนังสือยินยอมให้นำหลักประกันไปจำหน่าย ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันแต่ให้เจ้าหนี้ดังกล่าวมีหนังสือแจ้งไปยังผู้รับหลักประกัน เพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินนั้น ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้และผู้ให้หลักประกันชำระหนี้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าวและให้แจ้งไปด้วยว่าหากไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับหลักประกันจะบังคับหลักประกันโดยให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิ หรือโดยจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ และให้ส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวให้ผู้รับหลักประกันอื่นและเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนทราบด้วย ถ้าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันมีสภาพเป็นของสดเสียได้ หรือหากหน่วงช้าไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาจะเกินส่วนกับค่าของทรัพย์สิน ผู้รับหลักประกันอาจจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันโดยวิธีที่เห็นสมควรเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องดำเนินการตามวรรคสอง ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นสิทธิเรียกร้องเมื่อผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งเหตุบังคับหลักประกันไปยังลูกหนี้แห่งสิทธิแล้ว ห้ามมิให้ลูกหนี้แห่งสิทธิชำระหนี้แก่ผู้ให้หลักประกันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว เมื่อหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องถึงกำหนดชำระให้ลูกหนี้แห่งสิทธิชำระหนี้แก่ผู้รับหลักประกัน การส่งหนังสือตามมาตรานี้ให้ทำโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '39'}]",ไม่ได้ +ถ้าเอกสารสัญญาระบุจำนวนเ��ินไว้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร แต่ข้อความดังกล่าวไม่ตรงกัน เราจะยึดจำนวนเงินตามตัวเลขหรือตัวอักษร,ยึดตามจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษร มาตรา 12 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่จำนวนเงินหรือปริมาณในเอกสารแสดงไว้ทั้งตัวอักษรและตัวเลข ถ้าตัวอักษรกับตัวเลขไม่ตรงกัน และมิอาจหยั่งทราบเจตนาอันแท้จริงได้ ให้ถือเอาจำนวนเงินหรือปริมาณที่เป็นตัวอักษรเป็นประมาณ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '12'}]",ยึดตามจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษร +ถ้าผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะไม่จัดทำรายงานแสดงรายรับ จะมีโทษอย่างไร,"โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 91/19 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะผู้ใด ไม่จัดทำรายงานตามมาตรา 91/14 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/19'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +ใครเป็นผู้กำหนดได้ว่ากรรมการบริษัทควรมีกี่คน และจะได้รับบำเหน็จในจำนวนเท่าใด,ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น มาตรา 1150 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เป็นกรรมการจะพึงมีจำนวนมากน้อยเท่าใด และจะพึงได้บำเหน็จเท่าใด ให้สุดแล้วแต่ที่ประชุมใหญ่จะกำหนด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1150'}]",ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น +ผู้ใดบ้างที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนของกองทุน ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด,ผู้ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนของกองทุน มีดังนี้ 1. กรรมการกองทุน 2. อนุกรรมการ 3. กรรมการการตรวจสอบ 4. กรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน มาตรา 218/16 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้กรรมการกองทุน อนุกรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/16'}]",ผู้ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนของกองทุน มีดังนี้ 1. กรรมการกองทุน 2. อนุกรรมการ 3. กรรมการการตรวจสอบ 4. กรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน +ถ้าเจ้าของห��อยากจะเข้ามาตรวจดูห้องที่เราเช่า แต่ตอนนั้นเราไม่สะดวก จะสามารถปฏิเสธได้มั้ย,ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่และความรับผิดของผู้เช่า ที่จะต้องยอมให้เจ้าของหอหรือผู้ให้เช่าเข้าตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าเป็นครั้งคราว ในเวลาและระยะอันสมควร มาตรา 555 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เช่าจำต้องยอมให้ผู้ให้เช่าหรือตัวแทนของผู้ให้เช่าเข้าตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าเป็นครั้งคราว ในเวลาและระยะอันสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '555'}]",ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่และความรับผิดของผู้เช่า ที่จะต้องยอมให้เจ้าของหอหรือผู้ให้เช่าเข้าตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าเป็นครั้งคราว ในเวลาและระยะอันสมควร +ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถกระทำการอะไรที่เกินขอบอำนาจที่ตนมีได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไรหากจะดำเนินการเช่นว่านั้น,ในกรณีที่จำเป็นจะต้องทำการใดที่เกินขอบอำนาจที่ตนได้รับมอบมา ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถทำได้ แต่ต้องขออนุญาตจากศาลก่อน และเมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะกระทำการนั้นได้ มาตรา 54 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้จัดการทรัพย์สินมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปตามมาตรา 801 และมาตรา 802 ถ้าผู้จัดการทรัพย์สินเห็นเป็นการจำเป็นจะต้องทำการอันใดอันหนึ่งเกินขอบอำนาจ ต้องขออนุญาตต่อศาล และเมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะกระทำการนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '54'}]",ผู้จัดการทรัพย์สินสามารถทำได้ แต่ต้องขออนุญาตจากศาลก่อน และเมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะกระทำการนั้นได้ +ถ้ามีมูลนิธิที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมได้ตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลแล้ว ทรัพย์สินของผู้ทำพินัยกรรมจะตกเป็นของใคร,ตกเป็นของมูลนิธิซึ่งได้ตั้งเป็นนิติบุคคลนั้น ตั้งแต่เวลาที่พินัยกรรมมีผล มาตรา 1678 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมูลนิธิใดซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมได้ตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลแล้ว ให้ถือว่าทรัพย์สินซึ่งผู้ทำพินัยกรรมจัดสรรไว้เพื่อการนั้น ตกเป็นของนิติบุคคลนั้นตั้งแต่เวลาซึ่งพินัยกรรมมีผล เว้นแต่จะมีข้อกำหนดไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น คำถาม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1678'}]",ตกเป็นของมูลนิธิซึ่งได้ตั้งเป็นนิติบุคคลนั้น ตั้งแต่เวลาที่พินัยกรรมมีผล +ในส่วนของที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างเรากับสามี กรณีนี้เราจะขอลงชื่อตัวเองเป็นเจ้าของรวมด้วยได้มั้ย,สามารถทำได้ เนื่องจากที่ดินถือเป็นสินสมรสที่ระบุไว้ในมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สามีหรือภริยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันก็ได้ มาตรา 1475 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าสินสมรสใดเป็นจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญ สามีหรือภริยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1475'}]",สามารถทำได้ เนื่องจากที่ดินถือเป็นสินสมรสที่ระบุไว้ในมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สามีหรือภริยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันก็ได้ +ตั๋วแลกเงินเป็นสำรับ จำเป็นจะต้องออกเป็นคู่ฉีกแค่สองฉบับมั้ย แล้วจะต้องระบุข้อความตรงกันทุกฉบับรึเปล่า,ไม่จำเป็น สามารถออกเป็นคู่ฉีกสองฉบับหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่จะต้องระบุข้อความให้ตรงกันทุกฉบับ มาตรา 975 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันตั๋วแลกเงินนั้น นอกจากชนิดที่สั่งจ่ายแก่ผู้ถือแล้ว จะออกไปเป็นคู่ฉีกความต้องกันสองฉบับหรือกว่านั้นก็อาจจะออกได้ คู่ฉีกเหล่านี้ต้องมีหมายลำดับลงไว้ในตัวตราสารนั้นเอง มิฉะนั้นคู่ฉีกแต่ละฉบับย่อมใช้ได้เป็นตั๋วแลกเงินฉบับหนึ่ง ๆ แยกเป็นตั๋วเงินต่างฉบับกัน บุคคลทุกคนซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วเงินอันมิได้ระบุว่าได้ออกเป็นตั๋วเดี่ยวนั้น จะเรียกให้ส่งมอบคู่ฉีกสองฉบับหรือกว่านั้นแก่ตนก็ได้ โดยยอมให้คิดค่าใช้จ่ายเอาแก่ตน ในการนี้ผู้ทรงต้องว่ากล่าวไปยังผู้สลักหลังคนถัดตนขึ้นไป และผู้สลักหลังคนนั้นก็จำต้องช่วยผู้ทรงว่ากล่าวไปยังผู้ที่สลักหลังให้แก่ตนต่อไปอีก สืบเนื่องกันไปเช่นนี้ตลอดสายจนกระทั่งถึงผู้สั่งจ่าย อนึ่งผู้สลักหลังทั้งหลายจำต้องเขียนคำสลักหลังของตนเป็นความเดียวกันลงในฉบับคู่ฉีกใหม่แห่งตั๋วสำรับนั้นอีกด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '975'}]",ไม่จำเป็น สามารถออกเป็นคู่ฉีกสองฉบับหรือมา��กว่านั้นก็ได้ แต่จะต้องระบุข้อความให้ตรงกันทุกฉบับ +การรับบุตรบุญธรรมจะมีผลตามกฎหมายตอนไหน,การรับบุตรบุญธรรมจะมีผลสมบูรณ์ หรือมีผลตามกฎหมาย เมื่อได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมแล้ว มาตรา 1598/27 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมนั้นเป็นผู้เยาว์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/27'}]",การรับบุตรบุญธรรมจะมีผลสมบูรณ์ หรือมีผลตามกฎหมาย เมื่อได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมแล้ว +การระบุจำนวนเงินที่จำนองเป็นประกัน สามารถระบุเป็นเงินสกุลอื่นนอกจากเงินสกุลไทยได้มั้ย,ไม่สามารถทำได้ มาตรา 708 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาจำนองนั้นต้องมีจำนวนเงินระบุไว้เป็นเรือนเงินไทยเป็นจำนวนแน่ตรงตัว หรือจำนวนขั้นสูงสุดที่ได้เอาทรัพย์สินจำนองนั้นตราไว้เป็นประกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '708'}]",ไม่สามารถทำได้ +ผู้ที่ประกอบกิจการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จะได้รับโทษยังไงบ้าง,"โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ทำการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามมาตรา 134 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ผู้ใดประกอบกิจการในลักษณะเป็นสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ได้จดทะเบียนตามมาตรา 75 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '134'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ทำการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย" +ถ้าผู้บังคับหลักประกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทำให้ผู้ให้หลักประกันได้รับความเสียหาย จะได้รับโทษยังไงบ้าง,"โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท มาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ผ��้บังคับหลักประกันผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้โดยมุ่งหมายให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '90'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท" +อยากทราบว่าบุคคลอื่นจะสามารถประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์ นอกจากตลาดหลักทรัพย์ที่ได้จัดตั้งขึ้นหรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากมาตรา 155 แห่งพระบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นอกจากตลาดหลักทรัพย์ที่ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '155'}]",ไม่ได้ +รัฐมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าภาษีอากรได้ภายในอายุความกี่ปี,10 ปี มาตรา 193/31 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเรียกร้องของรัฐที่จะเรียกเอาค่าภาษีอากรให้มีกำหนดอายุความสิบปี ส่วนสิทธิเรียกร้องของรัฐที่จะเรียกเอาหนี้อย่างอื่นให้บังคับตามบทบัญญัติในลักษณะนี้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/31'}]",10 ปี +บริษัทกิจการเจริญดีจำกัด มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่หลายที่ กรณีนี้จะถือว่าที่ไหนเป็นภูมิลำเนาของบริษัท,กรณีที่บริษัทกิจการเจริญดีจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล มีที่ตั้งสำนักงานสาขาหลายแห่ง ให้ถือว่าที่ตั้งของสำนักงานสาขาเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันที่กระทำ ณ ที่นั้นด้วย มาตรา 69 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่นิติบุคคลมีที่ตั้งที่ทำการหลายแห่งหรือมีสำนักงานสาขา ให้ถือว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งของที่ทำการหรือของสำนักงานสาขาเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันได้กระทำ ณ ที่นั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '69'}]",ให้ถือว่าที่ตั้งของสำนักงานสาขาเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันที่กระทำ ณ ที่นั้นด้วย +คำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือในกรณีไม่ใช้เงินนั้น จะต้องระบุรายการลงไปอะไรบ้าง,คำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือในกรณีไม่ใช้เงิน ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ 1. วันที่ลงในตั๋วแลกเงิน 2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้สั่งจ่ายและของผู้จ่าย 3. จำนวนในตั๋วเงิน 4. วันถึงกำหนดใช้เงิน 5. ชื่อหรือยี่ห้อและสำนักของผู้ทรงตั่วเงิน 7. วันที่คัดค้านหรือบอกปัอไม่ใช้เงิน 8. ข้อความว่าเขาไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น มาตรา 966 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือในกรณีไม่รับรองหรือไม่ใช้เงินนั้น ต้องมีรายการคือ วันที่ลงในตั๋วแลกเงิน ชื่อหรือยี่ห้อของผู้สั่งจ่ายและของผู้จ่าย จำนวนเงินในตั๋วเงิน วันถึงกำหนดใช้เงิน ชื่อหรือยี่ห้อและสำนักของผู้ทรงตั๋วเงิน วันที่คัดค้านหรือวันที่บอกปัดไม่รับรองหรือไม่ใช้เงิน กับข้อความว่าเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '966'}]",คำบอกกล่าวขาดความเชื่อถือในกรณีไม่ใช้เงิน ต้องมีรายการดังต่อไปนี้ 1. วันที่ลงในตั๋วแลกเงิน 2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้สั่งจ่ายและของผู้จ่าย 3. จำนวนในตั๋วเงิน 4. วันถึงกำหนดใช้เงิน 5. ชื่อหรือยี่ห้อและสำนักของผู้ทรงตั่วเงิน 6. วันที่คัดค้านหรือบอกปัดไม่ใช้เงิน 7. ข้อความว่าเขาไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น +บทลงโทษของผู้ที่ออกใบรับเป็นจำนวนเงินน้อยกว่าที่รับจริงคืออะไร,โทษปรับไม่เกิน 500 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ มาตรา 127 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ใดโดยตนเองหรือโดยสมคบกับผู้อื่นทำให้ไม่มีการออกใบรับ หรือไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่รับเงินหรือรับชำระราคาตามมาตรา 105 หรือออกใบรับเป็นจำนวนเงินน้อยกว่าที่รับเงินหรือรับชำระราคาจริง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '127 ทวิ'}]",โทษปรับไม่เกิน 500 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ +ตั๋วแลกเงินที่ไม่ยื่นเพื่อให้ใช้เงินตามวันที่กำหนด จะส่งผลกับผู้รับรองตั่วแลกเงินนั้นอย่างไร,หากไม่ได้ยื่นตัวแลกเงินเพื่อให้ใช้เงินตามวันที่กำหนด ผู้รับรองจะพ้นจากความรับผิดโดยการวางจำนวนเงินที่ค้างชำระตามตั๋วนั้นไว้ก็ได้ มาตรา 947 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าตั๋วแลกเงินมิได้ยื่นเพื่อให้ใช้เงินในวันถึงกำหนดไซร้ ท่านว่าผู้รับรองจะเปลื้องตนให้พ้นจากความรับผิดโดยวางจำนวนเงินที่ค้างชำระตามตั๋วนั้นไว้ก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '947'}]",ผู้รับรองจะพ้นจากความรับผิดโดยการวางจำนวนเงินที่ค้างชำระตามตั๋วนั้นไว้ก็ได้ +ถ้าสามีเราเป็นผู้ที่มีอำนาจในการจัดการสินสมรสเพียงฝ่ายเดียว แล้วเขาจะนำเงินที่เป็นสินสมรสดังกล่าวไปลงทุนทำธุรกิจ แต่เราเห็นว่าธุรกิจที่เขาจะนำเงินไปลงทุนนั้นอาจเกิดความเสียหายต่อครอบครัวในอนาคต กรณีเราสามารถทำอะไรได้บ้าง,ท่านสามารถร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้สามีของท่านกระทำการในการจัดการสินสมรสที่พึงเห็นได้ว่าจะเกิดความเสียหายถึงขนาดได้ มาตรา 1483 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่สามีหรือภริยามีอำนาจจัดการสินสมรสแต่ฝ่ายเดียว ถ้าสามีหรือภริยาจะกระทำ หรือกำลังกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการจัดการสินสมรสอันพึงเห็นได้ว่าจะเกิดความเสียหายถึงขนาด อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้กระทำการนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1483'}]",ท่านสามารถร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้สามีของท่านกระทำการในการจัดการสินสมรสที่พึงเห็นได้ว่าจะเกิดความเสียหายถึงขนาดได้ +หากผู้รับหลักประกันจะนำเงินฝากหักชำระหนี้เมื่อมีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญา จะต้องมีการดำเนินการอย่างไรก่อน,"ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นสิทธิในเงินฝากในสถาบันการเงินและผู้รับหลักประกันเป็นสถาบันการเงินที่รับฝากเงินนั้นไว้เองหรือเป็นผู้รับฝากเงินเพื่อประโยชน์ของผู้รับหลักประกันทั้งหมด ผู้รับหลักประกันจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ให้หลักประกันทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ดำเนินการดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว +มาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นสิทธิในเงินฝากในสถาบันการเงินและผู้รับหลักประกันเป็นสถาบันการเงินที่รับฝากเงินนั้นไว้เองหรือเป็นผู้รับฝากเงินเพื่อประโยชน์ของผู้รับหลักประกันทั้งหมด ผู้รับหลักประกันอาจนำเงินฝากดังกล่าวหักชำระหนี้ได้ทันทีเมื่อมีเหต���บังคับหลักประกันตามสัญญา แต่ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ให้หลักประกันทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ดำเนินการดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว หากผู้ให้หลักประกันและผู้รับหลักประกันตกลงกันให้สถาบันการเงินผู้รับฝากเงินนำเงินฝากดังกล่าวหักชำระหนี้ตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแทนผู้รับหลักประกัน สถาบันการเงินผู้รับฝากเงินอาจนำเงินฝากดังกล่าวหักชำระหนี้ได้ทันทีเมื่อได้รับหนังสือแจ้งจากผู้รับหลักประกันว่ามีเหตุบังคับหลักประกันตามสัญญา ให้นำบทบัญญัติมาตรา 52 มาใช้บังคับแก่การนำเงินฝากมาหักชำระหนี้ตามมาตรานี้โดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '43'}]",ผู้รับหลักประกันจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ให้หลักประกันทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ดำเนินการดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือวิธีการอื่นที่แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว +มะม่วงที่หล่นจากต้นในแปลงที่ดินของเรา ถือว่ามะม่วงนั้นเป็นดอกผลของแปลงที่ดินเราใช่มั้ย,ใช่ มาตรา 1348 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดอกผลแห่งต้นไม้ที่หล่นตามธรรมดาลงในที่ดินติดต่อแปลงใด ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นดอกผลของที่ดินแปลงนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1348'}]",ใช่ +ในกรณีที่เอกสารในการจัดทำบัญชีสูญหาย ผู้จัดทำบัญชีต้องดำเนินการอย่างไร,แจ้งต่อสารวัตรใหญ่บัญชี หรือสารวัตรบัญชีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายนั้น มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ถ้าบัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสียหาย ให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีแจ้งต่อสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนดภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '15'}]",แจ้งต่อสารวัตรใหญ่บัญชี หรือสารวัตรบัญชีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายนั้น +มาต��าการลงโทษทางแพ่ง ของพรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลฯ ห้ามผู้ที่ฝ่าฝืน เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลภายในระยะเวลากี่ปี,ภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 10 ปี มาตรา 98 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ (1) ค่าปรับทางแพ่ง (2) ชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 96 (3) ห้ามเข้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินห้าปี (4) ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบปี (5) ชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นคืนให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต.,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '98'}]",ภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 10 ปี +การที่นายทะเบียนขีดชื่อบริษัทจำกัด ออกจากทะเบียน จะมีผลเป็นอย่างไร,บริษัทจำกัดนั้น สิ้นสภาพนิติบุคลตั้งแต่เมื่อนายทะเบียนขีดชื่อบริษัทดังกล่าวออกจากทะเบียน มาตรา 1273/3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามที่แจ้งในหนังสือบอกกล่าวตามมาตรา 1273/1 หรือมาตรา 1273/2 แล้ว และห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือผู้ชำระบัญชีมิได้แสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น นายทะเบียนจะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นออกเสียจากทะเบียนก็ได้ ในการนี้ ให้ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลตั้งแต่เมื่อนายทะเบียนขีดชื่อห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทออกเสียจากทะเบียน แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นมีอยู่เท่าไรก็ให้คงมีอยู่อย่างนั้นและพึงเรียกบังคับได้เสมือนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นยังมิได้สิ้นสภาพนิติบุคคล,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1273/3'}]",บริษัทจำกัดนั้น สิ้นสภาพนิติบุคลตั้งแต่เมื่อนายทะเบียนขีดชื่อบริษัทดังกล่าวออก���ากทะเบียน +ผู้ที่ไม่ส่งเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. จะมีโทษอย่างไร,"โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท มาตรา 295 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของสำนักงานตามมาตรา 232 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '295'}]","โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท" +ห้างหุ้นส่วน C ซึ่งเกิดจากการควบกันของห้างหุ้นส่วน A และ B จะได้รับอะไรจากการควบห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเข้ากันบ้าง,ห้างหุ้นส่วน C ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนใหม่ ย่อมได้ไปทั้งสิทธิ และความรับผิดของห้างหุ้นส่วนเดินที่ได้เข้าควบกันนั้น มาตรา 1076 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ห้างหุ้นส่วนใหม่นี้ย่อมได้ไปทั้งสิทธิ ทั้งต้องอยู่ในความรับผิดของห้างหุ้นส่วนเดิมที่ได้ควบเข้ากันนั้นทั้งสิ้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1076'}]",ห้างหุ้นส่วน C ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนใหม่ ย่อมได้ไปทั้งสิทธิ และความรับผิดของห้างหุ้นส่วนเดินที่ได้เข้าควบกันนั้น +ถ้าเราในฐานะบุคคลทั่วไปไม่ใช่ผู้ที่มีส่วนได้เสีย จะสามารถขอดูหรือขอถ่ายสำเนางบการเงินได้มั้ย,สามารถทำได้ มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 งบการเงิน บัญชี และเอกสารที่สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีได้รับและเก็บรักษาไว้ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 17 ผู้มีส่วนได้เสียหรือบุคคลทั่วไปอาจขอตรวจดูหรือขอภาพถ่ายสำเนาได้โดยเสียค่าใช้จ่ายตามที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '18'}]",สามารถทำได้ +ผู้ที่ประกอบธุรกิจทรัสตีโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะได้รับโทษอะไร,"โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน มาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ผู้ใดประกอบธุรกิจในลักษณะเป็นทรัสตีโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 54 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบ���ญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '77'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน" +การปรับปรุงแก้ไขประเภทธุรกิจตามบัญชีท้ายพรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ ให้ทำเป็นกฎหมายใด,"ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เว้นแต่ธุรกิจตามบัญชีหนึ่งหรือตามบัญชีสอง หมวด 1 ให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ +ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 การปรับปรุงหรือแก้ไขประเภทธุรกิจตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ให้ทำเป็นพระราชกฤษฎีกา เว้นแต่ธุรกิจตามบัญชีหนึ่งหรือตามบัญชีสอง หมวด 1 ให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนประเภทธุรกิจตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในทุกรอบระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้วทำความเห็นเสนอรัฐมนตรี คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจที่มิได้กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้อยู่ก่อนการปรับปรุงหรือแก้ไขประเภทธุรกิจตามวรรคหนึ่ง หากต่อมาธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้และคนต่างด้าวนั้นประสงค์จะประกอบธุรกิจนั้นต่อไป ให้ดำเนินการแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอหนังสือรับรองตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในมาตรา 11 ในระหว่างระยะเวลาที่ปฏิบัติตามวรรคสามและยังไม่ได้รับหนังสือรับรอง มิให้ถือว่าคนต่างด้าวนั้นเป็นผู้ประกอบธุรกิจโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '9'}]",ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เว้นแต่ธุรกิจตามบัญชีหนึ่งหรือตามบัญชีสอง หมวด 1 ให้ทำเป็นพระราชบัญญัติ +ทรัสตีที่ให้การเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะได้รับโทษอย่างไร,"โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น ตามมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งเป็นทรัสตี กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานของทรัสตีนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '80'}]","โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น" +อยากทราบว่าในการขายที่ดินซึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็มีเจตนาที่จะใช้กลอุบายในการปกปิดความจริงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง หากมีฝ่ายหนึ่งรู้ถึงเจตนาดังกล่าวของอีกฝ่าย จะสามารถบอกล้างการซื้อขายที่ดินนั้นได้มั้ย,ไม่ได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้อีกด้วย มาตรา 163 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าคู่กรณีต่างได้กระทำการโดยกลฉ้อฉลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะกล่าวอ้างกลฉ้อฉลของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อบอกล้างการนั้นหรือเรียกค่าสินไหมทดแทนมิได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '163'}]",ไม่ได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนได้อีกด้วย +ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดที่จะควบกัน ต้องดำเนินการประชุมให้เสร็จสิ้นภายในระยะเท่าใด,"ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ลงมติให้ควบกันเป็นรายหลังสุด เว้นแต่ที่ประชุมตามมาตรา 148 ลงมติให้ขยายเวลาออกไป แต่เมื่อรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 1 ปี +มาตรา 148 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 147 แล้ว ให้ประธานกรรมการของบริษัทที่จะควบกันเรียกประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้น ๆ ให้มาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) จัดสรรหุ้นของบริษัทที่ควบกันให้แก่ผู้ถือหุ้น (2) ชื่อของบริษัทที่ควบกัน โดยจะใช้ชื่อใหม่หรือจะใช้ชื่อเดิมของบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่จะควบกันก็ได้ (3) วัตถุประสงค์ของบริษัทที่ควบกัน (4) ทุนของบริษัทที่ควบกัน โดยจะต้องมีทุนไม่น้อ��กว่าทุนชำระแล้วของบริษัทที่จะควบกันทั้งหมดรวมกัน และถ้าบริษัทที่จะควบกันได้นำหุ้นออกจำหน่ายครบตามจำนวนที่จดทะเบียนไว้แล้วจะเพิ่มทุนในคราวเดียวกันนี้ก็ได้ (5) หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทที่ควบกัน (6) ข้อบังคับของบริษัทที่ควบกัน (7) เลือกตั้งกรรมการบริษัทที่ควบกัน (8) เลือกตั้งผู้สอบบัญชีบริษัทที่ควบกัน (9) เรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นในการควบบริษัท (ถ้ามี) ทั้งนี้ ต้องดำเนินการประชุมให้เสร็จสิ้นภายในหกเดือนนับแต่วันที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ลงมติให้ควบกันเป็นรายหลังสุด เว้นแต่ที่ประชุมตามมาตรานี้ลงมติให้ขยายเวลาออกไป แต่เมื่อรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหนึ่งปี","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '148'}]",ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ลงมติให้ควบกันเป็นรายหลังสุด เว้นแต่ที่ประชุมตามมาตรา 148 ลงมติให้ขยายเวลาออกไป แต่เมื่อรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 1 ปี +กรณีศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไว้เป็นการชั่วคราว หากผู้ให้หลักประกันมีความจำเป็นต้องจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามสัญญาที่ทำไว้กับบุคคลภายนอก จะสามารถดำเนินการดังกล่าวได้หรือไม่ แล้วมีเงื่อนไขอะไรมั้ย,สามารถทำได้ เมื่อผู้ให้หลักประกันร้องขอและวางเงินประกันหรือให้หลักประกันตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้ มาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไว้เป็นการชั่วคราวแต่ผู้ให้หลักประกันมีความจำเป็นต้องจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามสัญญาที่ทำไว้ต่อบุคคลภายนอก เมื่อผู้ให้หลักประกันร้องขอและวางเงินประกันหรือให้หลักประกันตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควรศาลอาจอนุญาตให้ผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '50'}]",สามารถทำได้ เมื่อผู้ให้หลักประกันร้องขอและวางเงินประกันหรือให้หลักประกันตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ผู้ให้หลักประกันจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้ +สิทธิอาศัยสามารถโอนโดยทางมรดกได้มั้ย,ไม่ได้ มาตรา 1404 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิอาศัยนั้นจะโอนกันไม่ได้แม้โดยทางมรดก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1404'}]",ไม่ได้ +ใครต้องรับผิดในกรณีที่ทรัพย์สินที่ได้มาจากสิทธิเก็บกินสลายไปหรือเสื่อมราคาลง,ผู้ทรงสิทธิเก็บกิน มาตรา 1420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อสิทธิเก็บกินสิ้นลง ผู้ทรงสิทธิต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่เจ้าของ ถ้าทรัพย์สินสลายไป หรือเสื่อมราคาลง ผู้ทรงสิทธิเก็บกินต้องรับผิด เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าผู้ทรงสิทธิเก็บกินใช้ทรัพย์สินสิ้นเปลืองไปโดยมิชอบ ท่านว่าต้องทำให้มีมาแทน ถ้าทรัพย์สินเสื่อมราคาเพราะการใช้ตามควรไซร้ ท่านว่าผู้ทรงสิทธิเก็บกินไม่จำต้องให้ค่าทดแทน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1420'}]",ผู้ทรงสิทธิเก็บกิน +หากผู้จองหุ้นคนใดไม่ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่บริษัทมหาชน คณะกรรมการบริษัทมหาชนจะต้องดำเนินการอย่างไร,คณะกรรมการบริษัทมหาชนจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. มีหนังสือเตือนให้ผู้จองหุ้นคนดังกล่าวชำระค่าหุ้นให้เสร็จสิ้น 2. หากผู้จองหุ้นคนดังกล่าวยังไม่ชำระค่าหุ้นภายในกำหนดระยะเวลาตามที่มีหนังสือเตือนแจ้งไปอีก ให้คณะกรรมการนำหุ้นนั้นออกขายทอดตลาด มาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ถ้าผู้จองหุ้นคนใดไม่ชำระเงินค่าหุ้นหรือไม่โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินให้แก่บริษัทตามมาตรา 37 วรรคสอง ให้คณะกรรมการมีหนังสือเตือนให้ชำระค่าหุ้นให้เสร็จสิ้น หรือดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่บริษัทภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีหนังสือเตือนพร้อมกับแจ้งไปด้วยว่าถ้าไม่ดำเนินการตามวิธีการ และภายในกำหนดเวลาดังกล่าวคณะกรรมการจะนำหุ้นนั้นออกขายทอดตลาดต่อไป เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้าผู้จองหุ้นดังกล่าวยังไม่ชำระค่าหุ้นให้เสร็จสิ้นหรือไม่ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหรือทำเอกสารหลักฐานการใช้สิทธิต่าง ๆ ให้แก่บริษัท ให้คณะกรรมการนำหุ้นนั้นออกขายทอดตลาดภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น ถ้านำหุ้นออกขายตามวรรคสองแล้ว ได้เงินค่าหุ้นไม่ครบมูลค่าของหุ้นให้คณะกรรมการเรียกเก็บเงินค่าหุ้นที่ยังขาดอยู่จากผู้จองหุ้นโดยไม่ชักช้า,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '38'}]",คณะกรรมการบริษัทมหาชนจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. มีหนังสือเตือนให้ผู้จองหุ้นคนดังกล่าวชำระค่าหุ้นให้เสร็จสิ้น 2. หากผู้จองหุ้นคนดังกล่าวยังไม่ชำระค่าหุ้นภายในกำหนดระยะเวลาตามที่มีหนังสือเตือนแจ้งไปอีก ให้คณะกรรมการนำหุ้นนั้นออกขายทอดตลาด. +ถ้าบริษัทจำกัดได้มีการเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีใหม่ ผู้ชำระบัญชีจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ,ผู้ชำระบัญชีคนเดิมต้องนำความไปจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนตัวกันนั้น มาตรา 1258 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีใหม่ครั้งใด ผู้ชำระบัญชีต้องนำความจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้เปลี่ยนตัวกันนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1258'}]",ผู้ชำระบัญชีคนเดิมต้องนำความไปจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนตัวกันนั้น +ถ้าผู้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนไม่ครบถ้วน ใครเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งให้ผู้ยื่นแบบแก้ไขเพิ่มเติมให้ครบถ้วน,สำนักงาน ก.ล.ต. มาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในกรณีที่สำนักงานเห็นว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วน ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งให้ผู้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนยื่นรายการหรือแก้ไขเพิ่มเติมให้ครบถ้วน แต่สำนักงานจะสั่งภายหลังจากที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับตามมาตรา 67 หรือมาตรา 68 แล้ว มิได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '73'}]",สำนักงาน ก.ล.ต. +ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไปแล้ว จะต้องรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนต่อหรือไม่,ยังคงต้องรับผิด หากหนี้ซึ่งห้างหุ้��ส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นนั้นมีอยู่ก่อนที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกจากหุ้นส่วนไป มาตรา 1051 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไปแล้วยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไป,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1051'}]",ยังคงต้องรับผิด หากหนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นนั้นมีอยู่ก่อนที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกจากหุ้นส่วนไป +ถ้าไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ในสัญญาจ้าง จะสามารถนำเอกสารสัญญาดังกล่าวไปใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้หรือไม่,ไม่ได้ มาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากร ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว แต่ทั้งนี้ ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากรตามมาตรา 113 และมาตรา 114,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '118'}]",ไม่ได้ +หากมีมติธรรมดา บริษัทเอกชนจะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนได้มั้ย,ไม่ได้ บริษัทเอกชนจะแปรสภาพเป็นบริษัทได้ เมื่อมีมติพิเศษเท่านั้น มาตรา 180 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทเอกชนอาจแปรสภาพเป็นบริษัทได้เมื่อมีมติพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้กระทำได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '180'}]",ไม่ได้ บริษัทเอกชนจะแปรสภาพเป็นบริษัทได้ เมื่อมีมติพิเศษเท่านั้น +ใครเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ในส่วนของการกำหนดค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นใดของผู้จัดการกองทุน,คณะกรรมการกองทุน มาตรา 218/17 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้กองทุนมีผู้จัดการคนหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้จัดการกองทุนต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การปฏิบัติงาน การกำหนดค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นใดของผู้จัดการกองทุน ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218/17'}]",คณะกรรมการกองทุน +การประชุมใหญ่สามัญของส���าคมต้องจัดขึ้นปีละกี่ครั้ง,อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตามมาตรา 93 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คณะกรรมการของสมาคมต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญอย่างน้อยปีละครั้ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '93'}]",อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง +การประชุมจัดตั้งบริษัทมหาชนต้องมีขึ้นเมื่อการใดได้สำเร็จไปแล้ว,"เมื่อมีการจองจองหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนหรือเอกสารว่าด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยจองหุ้นไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นที่เขียนในหนังสือบริคณห์สนธิ + +โดยรายละเอียดเป็นไปตามมาตรา 27 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทต้องเรียกประชุมจัดตั้งบริษัทเมื่อมีการจองหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือเอกสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่กำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ โดยการเรียกประชุมดังกล่าวต้องกระทำภายในสองเดือนนับแต่วันที่มีการจองหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ แต่ต้องไม่เกินหกเดือนนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '27'}]",เมื่อมีการจองหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนหรือเอกสารว่าด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน โดยจองหุ้นไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นที่เขียนในหนังสือบริคณห์สนธิ +ผู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจทที่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้กำหนดไว้ ต้องรับผิดอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตามมาตรา 75 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '75'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท" +บุริมสิทธิในค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกันของเจ้าหนี้ทุกคนย่อมใช้ได้แก่เจ้าหน้าที่ทุกคนหรือไม่,ใช้ได้แก่เจ้าทุกคนที่ได้รับประโยชน์���ากค่าใช้จ่ายนั้น ตามมาตรา 254 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันนั้นใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายอันได้เสียไปเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้หมดทุกคนร่วมกัน เกี่ยวด้วยการรักษา การชำระบัญชี หรือการเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้ ถ้าค่าใช้จ่ายนั้นมิได้เสียไปเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้หมดทุกคนไซร้ บุริมสิทธิย่อมจะใช้ได้แต่เฉพาะต่อเจ้าหนี้ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '254'}]",ใช้ได้แก่เจ้าทุกคนที่ได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายนั้น +หนี้มีกำหนดชำระตามวันปฏิทินลูกหนี้จะตกเป็นผู้ผิดนัดเมื่อใด,"เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระตามวันปฏิทินที่กำหนดไว้ ตามมาตรา 204 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '204'}]",เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระตามวันปฏิทินที่กำหนดไว้ +กรณีสถานที่ที่จะต้องชำระหนี้ต่างกันสามารถขอทำการหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่,"ทำได้ แต่ฝ่ายผู้ขอหักกลบลบหนี้ต้องใช้ค่าเสียหายหากมีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการหักกลบลบหนี้ + + ตามมาตรา 343 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การหักกลบลบหนี้นั้น ถึงแม้ว่าสถานที่ซึ่งจะต้องชำระหนี้ทั้งสองจะต่างกัน ก็หักกันได้ แต่ฝ่ายผู้ขอหักหนี้จะต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดอันเกิดแต่การนั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '343'}]",ทำได้ แต่ฝ่ายผู้ขอหักกลบลบหนี้ต้องใช้ค่าเสียหายหากมีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการหักกลบลบหนี้ +กรณีการชำระหนี้ที่ต้องมีการเลือกว่าใครเป็นผู้ชำระหนี้ จะถือเป็นการเลือกแล้วเมื่อใด,เมื่อได้มีการแสดงเจตนาต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ตามมาตรา 199 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การชำระหนี้ได้เลือกทำเป็นอย่างใดแล้ว ท่านให้ถือว่าอย่างนั้นอย่างเดียว เป็นการชำระหนี้อันกำหนดให้กระทำแต่ต้นมา,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '199'}]",เมื่อได้มีการแสดงเจตนาต่ออีกฝ่ายหนึ่ง +ความผิดที่มีโทษปรับตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 สามารเปรียบเทียบปรับให้คดีเลิกได้หรือไม่,"ได้ในความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ + + ตามมาตรา 222/1 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ เมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระเงินค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระเงินค่าปรับภายในเวลาที่กำหนดให้ดำเนินคดีต่อไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '222/1'}]",ได้ในความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ +เงินของกองทุนทดแทนความเสียหายที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นของใคร,เป็นของตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 331 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้โอนบรรดากิจการ ทุน สินทรัพย์ สิทธิ หนี้สิน ความรับผิดและงบประมาณของตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนบรรดาเงินของกองทุนทดแทนความเสียหายที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ไปเป็นของตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '331'}]",เป็นของตลาดหลักทรัพย์ +กรณีเจ้าของทรัพย์สินไม่ชำระหนี้ตามภาระติดพัน ผู้เอาประโยชน์สามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง,"ผู้รับประโยชน์สามารถขอให้ศาลตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินและชำระหนี้แทนเจ้าของ หรือสั่งให้เอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด และเอาเงินที่ขายได้จ่ายให้ผู้รับประโยชน์ตามจำนวนที่ควรได้ + +ยกเว้นว่าจะมีการหาประกันมาให้แล้ว + + + ตามมาตรา 1433 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าเจ้าของทรัพย์สินมิได้ชำระหนี้ตามภาระติดพันไซร้ ท่านว่านอกจากทางแก้สำหรับการไม่ชำระหนี้ ผู้รับประโยชน์อาจขอให้ศาลตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินและชำระหนี้แทนเจ้าของ หรือสั่งให้เอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด และเอาเงินที่ขายได้จ่ายให้ผู้รับประโยชน์ตามจำนวนที่ควรได้ เพราะเจ้าของทรัพย์สินไม่ชำระหนี้ กับทั้งค่าแห่งภาระติดพันด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1433'}]",ผู้รับประโยชน์สามารถขอให้ศาลตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินและชำระหนี้แทนเจ้าของ หรือสั่งให้เอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด และเอาเงินที่ขายได้จ่ายให้ผู้รับประโยชน์ตามจำนวนที่ควรได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือไม่,"เป็น + +ตาม มาตรา 7 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ให้ถือว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '7'}]",เป็น +ถ้าการชำระบัญชีของบริษัทจำกัดยังคงทำอยู่เกินกว่า 1 ปีขึ้นไป ผู้ชำระบัญชีต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมใหญ่ในเวลาสิ้นปีทุกปีนับแต่เริ่มทำการชำระบัญชี และทำรายงานยื่นที่ประชุม ทั้งแถลงให้ทราบความเป็นไปแห่งบัญชีโดยละเอียด ตามมาตรา 1268 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าการชำระบัญชีนั้นยังคงทำอยู่โดยกาลกว่าปีหนึ่งขึ้นไป ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมใหญ่ในเวลาสิ้นปีทุกปีนับแต่เริ่มทำการชำระบัญชี และต้องทำรายงานยื่นที่ประชุมว่าได้จัดการไปอย่างไรบ้าง ทั้งแถลงให้ทราบความเป็นไปแห่งบัญชีโดยละเอียด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1268'}]",ผู้ชำระบัญชีต้องเรียกประชุมใหญ่ในเวลาสิ้นปีทุกปีนับแต่เริ่มทำการชำระบัญชี และทำรายงานยื่นที่ประชุม ทั้งแถลงให้ทราบความเป็นไปแห่งบัญชีโดยละเอียด +กรณีทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตาม พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เป็นทรัพย์สินมีทะเบียน เจ้าพนักงานทะเบียนต้องดำเนินการอย่างไร,"เจ้าพนักงานทะเบียนแจ้งให้นายทะเบียนและเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทราบถึงการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 + + ตามมาตรา 19 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเป็นทรัพย์สินมีทะเบียนให้เจ้าพนักงานทะเบียนแจ้งให้นายทะเบียนและเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนทราบถึงการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนบันทึกการประกันตามพระราชบัญญัตินี้ลงในทะเบียนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันโดยเร็วเมื่อได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '19'}]",เจ้าพนักงานทะเบียนแจ้งให้นายทะเบียนและเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทราบถึงการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 +เมื่อมีการมอบทรัพย์สินให้แก่ตัวแทนค้าต่าง ตัวแทนค้าต่างต้องจัดการทรัพย์สินอย่างไร,"ต้องจัดการทรัพย์สินตามบทบัญญัติว่าด้วยการฝากทรัพย์ + + ตามมาตรา 842 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อใดเขามอบหมายทรัพย์สินไว้แก่ตัวแทนค้าต่าง ท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ ลักษณะฝากทรัพย์มาใช้บังคับ อนุโลมตามควร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '842'}]",ต้องจัดการทรัพย์สินตามบทบัญญัติว่าด้วยการฝากทรัพย์ +สมามคมการค้าต้องจัดทำรายงานประจำปีแสดงผลการดำเนินกิจการเสนอต่อที่ประชุมใหญ่พร้อมกับการเสนองบดุลหรือไม่,"ใช่ และต้องส่งสำเนารายงานกับงบดุลไปยังนายทะเบียนภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุมใหญ่ด้วย + +ตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ให้สมาคมการค้าจัดทำรายงานประจำปี แสดงผลการดำเนินกิจการของสมาคมการค้าเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ในคราวที่เสนองบดุล และให้ส่งสำเนารายงานกับงบดุลไปยังนายทะเบียนภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่มีการปร���ชุมใหญ่","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '28'}]",ใช่ และต้องส่งสำเนารายงานกับงบดุลไปยังนายทะเบียนภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุมใหญ่ด้วย +เมื่อผู้ก่อตั้งทรัสต์เลิกกิจการจะส่งผลกระทบต่อทรัสต์ที่ได้ก่อตั้งขึ้นหรือไม่,ไม่กระทบ เว้นแต่สัญญาก่อตั้งจะระบุให้มีผล ตามมาตรา 19 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ในกรณีที่ผู้ก่อตั้งทรัสต์ ทรัสตี หรือผู้รับประโยชน์ตาย ล้มละลาย เลิกกิจการ หรือสิ้นสุดความเป็นบุคคลตามกฎหมาย หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทรัสตีย่อมไม่กระทบต่อทรัสต์ที่ได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว เว้นแต่สัญญาก่อตั้งทรัสต์จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '19'}]",ไม่กระทบ +การเลิกบริษัทมหาชนจำกัดมีผลเมื่อใด,มีผลในวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท แต่ให้ถือว่ายังคงอยู่ถ้ายังชำระบัญชีไม่เสร็จ ตามมาตรา 158 การเลิกบริษัทให้มีผลนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท แต่ถ้าการชำระบัญชียังไม่เสร็จ ให้ถือว่าบริษัทยังดำรงอยู่เท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '158'}]",มีผลในวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกบริษัท แต่ให้ถือว่ายังคงอยู่ถ้ายังชำระบัญชีไม่เสร็จ +กรณีเอกสารทำขึ้นไว้มีหลายภาษาและมีภาษาไทยรวมอยู่ด้วยและไม่ได้ตกลงว่าจะใช้ภาษาใดต้องใช้ภาษาใดบังคับและไม่สามารถรู้เจตนาได้เลย จะใช้ตีความจากภาษาไหน,ภาษาไทย ตามมาตรา 14 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่เอกสารทำขึ้นไว้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นฉบับเดียวกันหรือหลายฉบับก็ตามโดยมีภาษาไทยด้วย ถ้าข้อความในหลายภาษานั้นแตกต่างกัน และมิอาจหยั่งทราบเจตนาของคู่กรณีได้ว่าจะใช้ภาษาใดบังคับ ให้ถือตามภาษาไทย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '14'}]",ภาษาไทย +สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดย่อมถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องหรือไม่,ใช่ ได้รับประโยชน์จากการสันนิษฐาน ตามมาตรา 1141 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องในข้��กระทงความบรรดาที่กฎหมายบังคับ หรือให้อำนาจให้เอาลงในทะเบียนนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1141'}]",ใช่ +ใครมีหน้าที่ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติตามได้,คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 55 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ลงทุน การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '55'}]",คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +การเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนเกี่ยวกับสินทรัพย์ตามโครงการที่อนุมัติแล้ว การเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่,ไม่ต้องเสีย ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามมาตรา 17 วรรค 1 พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 การโอนและการเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนเกี่ยวกับสินทรัพย์ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกำหนดในกฎหมายใด,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '17'}]",ไม่ต้องเสีย ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม +ความผิดใดบ้างตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ที่สามารถเปรียบเทียบปรับได้,"ความผิดตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 36 วรรคสอง โดยให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ + + ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 บรรดาความผิดตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 36 วรรคสอง ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และเมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว ให้คดีเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '41'}]",ความผิดตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 36 วรรคสอง +กรณีมีพินัยกรรมแต่พินัยกรรมใช้บังคับไม่ได้ทรัพย์มรดกตกแก่ใคร,ตกแก่ทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย ตามมาตรา 1620 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าผู้ใดตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้หรือทำพินัยกรรมไว้แต่ไม่มีผลบังคับได้ ให้ปันทรัพย์มรดกทั้งหมดแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายนั้นตามกฎหมาย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1620'}]",ตกแก่ทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย +ผู้สอบบัญชีต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เห็นชอบ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่,ต้องได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 61 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้สอบบัญชีตามมาตรา 56 ต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '61'}]",ต้องได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +สินค้าที่เก็บไว้ในคลังสินค้าจะใช้ใบรับของคลังสินค้าเอาไปได้เมื่อใด,เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า ตามมาตรา 788 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันสินค้าที่เก็บรักษาไว้ในคลังนั้น จะรับเอาไปได้แต่เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '788'}]",เมื่อเวนคืนใบรับของคลังสินค้า +จะสามารถตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีต้องได้รับใบอนุญาตหรือต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีได้หรือไม่ หากการประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชี และการควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการทำบัญชีกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน,ได้ ในกรณีที่การประกอบวิชาชีพบัญชีมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือเพื่อที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชี ตามมาตรา 9 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ภายใต้บังคับบทบัญญัติหมวด 5 การควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชี และหมวด 6 การควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการทำบัญชี ในกรณีที่การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใดมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือเพื่อประโยชน���ที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใด จะตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านนั้นต้องได้รับใบอนุญาตหรือต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '9'}]",ได้ ในกรณีที่การประกอบวิชาชีพบัญชีมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือเพื่อที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชี +ผู้รับอาวัลที่ใช้เงินตามตั๋วแลกเงินแล้วสามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยได้หรือไม่,"ใช้ได้ โดยมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอากับบุคคลที่ตนได้ประกันไว้ และบุคคลที่รับผิดแทนที่ตนได้ประกันไว้ + + ตามมาตรา 940 วรรค 3 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อผู้รับอาวัลได้ใช้เงินไปตามตั๋วแลกเงินแล้ว ย่อมได้สิทธิในอันจะไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลซึ่งตนได้ประกันไว้ กับทั้งบุคคลทั้งหลายผู้รับผิดแทนตัวผู้นั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '940'}]",ใช้ได้ โดยมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอากับบุคคลที่ตนได้ประกันไว้ และบุคคลที่รับผิดแทนที่ตนได้ประกันไว้ +การสมรสเป็นโมฆะในกรณีใดได้บ้าง,"-กรณีที่ชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา 1449 + -กรณีที่ชายหรือหญิงเป็นญาติสิบสายโลหิตโดยตรง ตามมาตรา 1450 + -กรณีชายหรือหญิงมีคู่สมรสอยู่แล้ว (สมรสซ้อน) ตามมาตรา 1452 +-กรณีสมรสโดยชายและหญิงไม่ได้ยินยอมเป็นสามีภริยากัน ตามมาตรา 1458 +ทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ + + ตามมาตรา 1495 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 มาตรา 1452 และมาตรา 1458 เป็นโมฆะ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1495'}]","-กรณีที่ชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา 1449 +-กรณีที่ชายหรือหญิงเป็นญาติสิบสายโลหิตโดยตรง ตามมาตรา 1450 +-กรณีชายหรือหญิงมีคู่สมรสอยู่แล้ว (สมรสซ้อน) ตามมาตรา 1452 +-กรณีสมรสโดยชายและหญิงไม่ได้ยินยอมเป็นสามีภริยากัน ตามมาตรา 1458" +เจ้าของทรัพย์ที่ต้องรับภาระจำยอมจะขอให้ย้ายทรัพย์ที่ทำให้ต้องรับภาระจำยอมได้หรือไม่,"ได้ ถ้าภาระจำยอมแตะต้องเพียงส่วนหนึ่งแห่งภารยทรัพย์ แต่การย้ายนั้นต้องเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและต้องเสียค่าใช้จ่าย และต้องไม่ทำให้เจ้าของทรัพย์ที่ทำให้เกิดภาระจำยอมเกิดความไม่สะดวก + + ตามมาตรา 1392 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าภาระจำยอมแตะต้องเพียงส่วนหนึ่งแห่งภารยทรัพย์ เจ้าของทรัพย์นั้นอาจเรียกให้ย้ายไปยังส่วนอื่นก็ได้ แต่ต้องแสดงได้ว่าการย้ายนั้นเป็นประโยชน์แก่ตนและรับเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ต้องไม่ทำให้ความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1392'}]",ได้ ถ้าภาระจำยอมแตะต้องเพียงส่วนหนึ่งแห่งภารยทรัพย์ แต่การย้ายนั้นต้องเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและต้องเสียค่าใช้จ่าย และต้องไม่ทำให้เจ้าของทรัพย์ที่ทำให้เกิดภาระจำยอมเกิดความไม่สะดวก +การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 77 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 280 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 77 มาตรา 79 หรือมาตรา 80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '280'}]","ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +ผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดที่ยังไม่ชำระค่าหุ้นที่บริษัทเรียกให้ชำระมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหรือไม่,ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ตามมาตรา 1184 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถือหุ้นคนใดยังมิได้ชำระเงินค่าหุ้นซึ่งบริษัทได้เรียกเอาแต่ตนให้เสร็จสิ้น ท่านว่าผู้ถือหุ้นคนนั้นไม่มีสิทธิออกเสียงเป็นคะแนน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1184'}]",ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +ผู้ที่ปิดบังพินัยกรรมของเจ้ามรดกย่อมถูกกำจัดมิให้รับมรดกหรือไม่,ใช่ โดยถูกกำจัดมิให้รับมรดกในฐานเป็นผู้ไม่สมควร ตามมาตรา 1606(5) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิขย์ บุคคลดังต่อไปนี้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร คือ ผู้ที่ปลอม ทำลาย หรือปิดบังพินัยกรรมแต่บางส่วนหรือทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1606'}]",ใช่ โดยถูกกำจัดมิให้รับมรดกในฐานเป็นผู้ไม่สมควร ตามมาตรา 1606(5) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลดังต่อไปนี้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร คือ ผู้ที่ปลอม ทำลาย หรือปิดบังพินัยกรรมแต่บางส่วนหรือทั้งหมด. +การฝ่าฝืนมาตรา 15 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มีความผิดอย่างไร,"มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 1,000 บาท และและชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละ 50 บาทจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง + + ตามมาตรา 44 พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละห้าสิบบาท*จนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '44'}]","มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 1,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกไม่เกินวันละ 50 บาทจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง" +บริษัทมหาชนจำกัด เป็นนิติบุคคลเมื่อใด,"เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 + + ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้แล้วเป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียน","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '41'}]",เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 +การสมรสที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องเป็นอย่างไร,ต้องจดทะเบียน ตาม มาตรา 1457 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การสมรสตามประมวลกฎหมายนี้จะมีได้เฉพาะเมื่อได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1457'}]",ต้องจดทะเบียน +เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองมรดกเท่านั้นหรือไม่ หรือเรียกจากผู้รับได้อีก,"มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น + + ตามมาตรา 1734 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าหนี้กองมรดกชอบแต่จะได้รับการชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1734'}]",มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น +กรรมการกำกับตลาดทุนต้องจัดทำรายงานการถือหลักทรัพย์ของคู่สมรสด้วยหรือไม่,ต้องจัดทำ รวมถึงบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย และยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 16/5 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้กรรมการกำกับตลาดทุนจัดทำรายงานการถือหลักทรัพย์ของตนคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยื่นต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '16/5'}]",ต้องจัดทำ รวมถึงบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย +เมื่อทรัพย์ของผู้อื่นถูกทำลายลงเพราการทำละเมิดและผู้ทำละเมิดต้องคืนทรัพย์ ผู้ทำละเมิดต้องรับผิดอย่างไร,"ต้องรับผิดชอบถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดยอุบัติเหตุ หรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุด้วย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่ายังไงก็เสื่อมสลายอยู่ดี + +ตามมาตรา 439 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะละเมิดแห่งตนนั้น ยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดยอุบัติเหตุ หรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุนั้นด้วย เว้นแต่เมื่อการที่ทรัพย์สินทำลาย หรือตกเป็นพ้นวิสัยจะคืน หรือเสื่อมเสียนั้น ถึงแม้ว่าจะมิได้มีการทำละเมิด ก็คงจะต้องตกไปเป็นอย่างนั้นอยู่เอง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '439'}]",ต้องรับผิดชอบถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดยอุบัติเหตุ หรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุด้วย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่ายังไงก็เสื่อมสลายอยู่ดี +ตัวแทนค้าต่าง มีลักษณะอย่างไร,"เป็นบุคคลที่ทำการซื้อหรือขายทรัพย์สินเป็นอาชีพอยู่แล้ว หรือรับจัดทำกิจการค้าขายอย่างอื่นในนามของตนเองต่างตัวการ คือเข้าเป็นคู่สัญญากับบุคคลภายนอกเอง + + ตามมาตรา 833 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันว่าตัวแทนค้าต่าง คือบุคคลซึ่งในทางค้าขายของเขาย่อมทำการซื้อหรือขายทรัพย์สิน หรือรับจัดทำกิจการค้าขายอย่างอื่นในนามของตนเองต่าง��ัวการ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '833'}]",เป็นบุคคลที่ทำการซื้อหรือขายทรัพย์สินเป็นอาชีพอยู่แล้ว หรือรับจัดทำกิจการค้าขายอย่างอื่นในนามของตนเองต่างตัวการ คือเข้าเป็นคู่สัญญากับบุคคลภายนอกเอง +สิทธิหน้าที่ของนิติบุคคลเป็นอย่างไรหากเทียบกับบุคคลธรรมดา,"มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่สิทธิหน้าที่บางอย่างที่มีได้เฉพาะบุคคลธรรมดานิติบุคคลก็ไม่อาจมีได้ + + ตามมาตรา 67 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภายใต้บังคับมาตรา 66 นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา เว้นแต่สิทธิและหน้าที่ซึ่งโดยสภาพจะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่บุคคลธรรมดาเท่านั้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '67'}]",มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่สิทธิหน้าที่บางอย่างที่มีได้เฉพาะบุคคลธรรมดานิติบุคคลก็ไม่อาจมีได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างเมื่อลูกค้าผิดนัดชำระหนี้อันเนื่องมาจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,"สามารถแจ้งให้ลูกค้าชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันควร หากลูกค้ายังไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้น ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำหลักทรัพย์ของลูกค้าที่โอนไว้ในชื่อของตนเพื่อประโยชน์ของลูกค้าออกขายในตลาดที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเป็นปกติได้ หากไม่สามารถขายในตลาดนั้นได้ ก็ให้นำออกขายโดยวิธีการอื่นที่สามารถทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรมแก่ลูกค้า + + ตามมาตรา 36 วรรค 1พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ในกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้อันเนื่องมาจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแจ้งให้ลูกค้าปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวภายในระยะเวลาอันควร หากลูกค้าไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจนำหลักทรัพย์ของลูกค้าที่โอนไว้ในชื่อของตนเพื่อประโยชน์ของลูกค้าออกขายในตลาดที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเป็นปกติได้ หากไม่สามารถขายในตลาดนั้นได้ ให้นำออกขายโดยวิธีการอื่นที่สามารถทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรมแก่ลูกค้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '36'}]",สามารถแจ้งให้ลูกค้าชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันควร หากลูกค้ายังไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้น ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำหลักทรัพย์ของลูกค้าที่โอนไว้ในชื่อของตนเพื่อประโยชน์ของลูกค้าออกขายในตลาดที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเป็นปกติได้ หากไม่สามารถขายในตลาดนั้นได้ ก็ให้นำออกขายโดยวิธีการอื่นที่สามารถทำให้ได้ราคาที่เป็นธรรมแก่ลูกค้า. +ผู้รับตราส่งไม่ยอมรับของ ผู้ขนส่งต้องทำอย่างไร,"ต้องบอกกล่าวไปยังผู้ส่งทันที และถามเอาคำสั่งของผู้ส่ง + + + ตามมาตรา 631 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าหาตัวผู้รับตราส่งไม่พบก็ดี หรือถ้าผู้รับตราส่งบอกปัดไม่ยอมรับมอบของก็ดี ผู้ขนส่งต้องบอกกล่าวไปยังผู้ส่งทันที และถามเอาคำสั่งของผู้ส่ง","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '631'}]",ต้องบอกกล่าวไปยังผู้ส่งทันที และถามเอาคำสั่งของผู้ส่ง +ผู้รับจำนองสามารถบังคับจำนองทรัพย์สินซึ่งบุบสลายจนเป็นเหตุให้ไม่เพียงพอแก่การประกัน ในทันทีได้หรือไม่,"ได้ ถ้าเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินบุบสลายไม่ใช่ความผิดของผู้รับจำนองและผู้จำนองก็เสนอจะจำนองทรัพย์สินอื่นแทนให้มีราคาเพียงพอ หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั้นภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ + + ตามมาตรา 723 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินซึ่งจำนองบุบสลาย หรือถ้าทรัพย์สินซึ่งจำนองแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งสูญหายหรือบุบสลาย เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอแก่การประกันไซร้ ท่านว่าผู้รับจำนองจะบังคับจำนองเสียในทันทีก็ได้ เว้นแต่เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จำนอง และผู้จำนองก็เสนอจะจำนองทรัพย์สินอื่นแทนให้มีราคาเพียงพอ หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั้นภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '723'}]",ได้ ถ้าเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินบุบสลายไม่ใช่ความผิดของผู้รับจำนองและผู้จำนองก็เสนอจะจำนองทรัพย์สินอื่นแทนให้มีราคาเพียงพอ หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั้นภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ +สิทธิเลิกสัญญาอาจระงับสิ้นไปเพราะความผิดของผู้มีสิทธิเลิกสัญญาหรือไม่,"ใช่ สิทธิเลิกสัญญาอาจระงับสิ้นไป หากทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั���นบุบสลายไปในส่วนสำคัญเพราะความผิดของบุคคลผู้มีสิทธิเลิกสัญญา หรือผู้มีสิทธิเลิกสัญญาทำให้การคืนทรัพย์กลายเป็นพ้นวิสัย หรือเปลี่ยนแปลงทรัพย์ให้ผิดแปลกไปเป็นอย่างอื่นด้วยการประกอบขึ้นหรือดัดแปลง + + + ตามมาตรา 394 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั้นบุบสลายไปในส่วนสำคัญเพราะการกระทำหรือเพราะความผิดของบุคคลผู้มีสิทธิเลิกสัญญาก็ดี หรือบุคคลนั้นได้ทำให้การคืนทรัพย์กลายเป็นพ้นวิสัยก็ดี เปลี่ยนแปลงทรัพย์นั้นให้ผิดแผกไปเป็นอย่างอื่นด้วยประกอบขึ้นหรือดัดแปลงก็ดี ท่านว่าสิทธิเลิกสัญญานั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '394'}]",ใช่ สิทธิเลิกสัญญาอาจระงับสิ้นไป หากทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั้นบุบสลายไปในส่วนสำคัญเพราะความผิดของบุคคลผู้มีสิทธิเลิกสัญญา หรือผู้มีสิทธิเลิกสัญญาทำให้การคืนทรัพย์กลายเป็นพ้นวิสัย หรือเปลี่ยนแปลงทรัพย์ให้ผิดแปลกไปเป็นอย่างอื่นด้วยการประกอบขึ้นหรือดัดแปลง +พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มีการยกเลิกพระราชบัญญัติใด,มีผลเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521 ตามมาตรา 3 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '3'}]",พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521 +ถ้ายังมิได้มีการกำหนดมาตรฐานการบัญชีตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ต้องใช้มาตรฐานใด,ให้ใช้มาตรฐานการบัญชีที่สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยได้กำหนดขึ้นและใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ตามมาตรา 77 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ในวาระเริ่มแรกที่ยังมิได้มีการกำหนดมาตรฐานการบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีจะกำหนดให้ใช้มาตรฐานการบัญชีที่สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยได้กำหนดขึ้นและใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นมาตรฐานการบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อนก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี ���.ศ. 2547', 'sections': '77'}]",ให้ใช้มาตรฐานการบัญชีที่สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยได้กำหนดขึ้นและใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +กรณีสัญญาก่อตั้งทรัสต์มีผู้รับประโยชน์หลายรายและไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นการใช้สิทธิของผู้รับประโยชน์ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อย่างใด,"ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 + +(1) การเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามมาตรา 20 หรือมาตรา 21 การถอดถอนทรัสตีตามมาตรา 23 (2) การแต่งตั้งทรัสตีรายใหม่ตามมาตรา 24 หรือการร้องขอให้เลิกทรัสต์ตามมาตรา 51 (2) จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้รับประโยชน์ซึ่งมีสิทธิได้รับประโยชน์จากกองทรัสต์รวมกันไม่น้อยกว่าสามในสี่ของประโยชน์ในกองทรัสต์ทั้งหมด + +(2) การเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์ตามมาตรา 26 วรรคสี่ การเรียกร้องให้ทรัสตีปฏิบัติตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์หรือพระราชบัญญัตินี้ หรือการเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์หรือการติดตามเอาทรัพย์สินในกองทรัสต์คืนตามมาตรา 44 มาตรา 45 หรือมาตรา 46 ผู้รับประโยชน์รายใดรายหนึ่งจะใช้สิทธิดังกล่าวโดยลำพังก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '49'}]",ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 49 +การประกอบพาณิชยกิจซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ใช้บังคับได้หรือไม่,"ใช้บังคับได้ จนกว่ารัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ยกเลิกการจดทะเบียน + + ตามมาตรา 22 วรรค 1 พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 การประกอบพาณิชยกิจซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ จนกว่ารัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ยกเลิกการจดทะเบียนนั้น และเมื่อได้ประกาศยกเลิกการจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่ใดแล้ว ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งถูกยกเลิกการจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้นย���่นคำขอจดทะเบียนใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันประกาศ","[{'law': 'พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499', 'sections': '22'}]",ใช้บังคับได้ จนกว่ารัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ยกเลิกการจดทะเบียน +ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 173 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นอย่างไร,"ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่ากับมูลค่าที่ลดลงจากราคาขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์ + + ตามมาตรา 174 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 173 ให้เป็นจำนวนเงินเท่ากับมูลค่าที่ลดลงจากราคาขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์นั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '174'}]",ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่ากับมูลค่าที่ลดลงจากราคาขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์ +การประชุมใหญ่ของบริษัทจำกัดใช้วิธีลงคะแนนลับได้หรือไม่,ได้ ในกรณีที่มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คนร้องขอให้ลงคะแนนลับ ตามมาตรา 1190 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในการประชุมใหญ่ใด ๆ ข้อมติอันเสนอให้ลงคะแนนท่านให้ตัดสินด้วยวิธีชูมือ เว้นแต่เมื่อก่อนหรือในเวลาที่แสดงผลแห่งการชูมือนั้น จะได้มีผู้ถือหุ้นสองคนเป็นอย่างน้อยติดใจร้องขอให้ลงคะแนนลับ,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1190'}]",ได้ ในกรณีที่มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คนร้องขอให้ลงคะแนนลับ +กรรมการบริษัทจำกัดต้องออกจากตำแหน่งในเมื่อมีการประชุมสามัญครั้งแรกของทุกปีหรือไม่,"ใช่ ต้องออกจากตำแหน่ง เป็นจำนวน 1 ใน 3 ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกของทุกๆปีหรือใกล้เคียงมากที่สุด + + ตามมาตรา 1152 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเมื่อมีการประชุมสามัญครั้งแรกภายหลังแต่จดทะเบียนบริษัทก็ดี และในเมื่อมีการประชุมสามัญครั้งแรกในปีทุก ๆ ปีต่อไปก็ดี ผู้เป็นกรรมการต้องออกจากตำแหน่ง โดยจำนวนหนึ่งในสามเป็นอัตรา ถ้าและจำนวนกรรมการจะแบ่งออกให้ตรงเป็นส่วนสามไม่ได้ ก็ให้ออกโดยจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1152'}]",ใช่ ต้องออกจากตำแหน่ง เป็นจำนวน 1 ใน 3 ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกของทุกๆปีหรือใกล้เคียงมากที่สุด +ผู้ให้หลักประกันภายใต้เงื่อนไขบังคับใดๆจะมีสิทธิใช้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 อย่างใด,"มีสิทธิใช้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่เงื่อนไขบังคับ + + ตามมาตรา 10 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิในทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันภายใต้บังคับเงื่อนไขเช่นใดจะใช้ทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันได้ภายใต้บังคับเงื่อนไขเช่นนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '10'}]",มีสิทธิใช้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่เงื่อนไขบังคับ +ผู้ที่ดำเนินกิจการของบริษัทจำกัดโดยทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีความผิดหรือไม่,"มีความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากการกระทำนั้นน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน + + ตามมาตรา 50 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ผู้ใดดำเนินกิจการของคณะบุคคลใดโดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการกระทำดังกล่าวน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '50'}]",มีความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากการกระทำนั้นน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน +กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศสามารถกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติได้หรือไม่ โดยใคร,"ได้ โดยให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจหลักทรัพ + +ตามมาตรา 91 วรรค 1 พระราชบัญญัต���หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศหรือเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '91'}]",ได้ โดยให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้ +กรณีหนี้ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ถ้าลูกหนี้ขอชำระหนี้แต่เจ้าหนี้ไม่สามารถรับชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดหรือไม่,"เจ้าหนี้ไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ยกเว้นกรณีที่ลูกหนี้ได้บอกกล่าวว่าจะชำระหนี้ล่วงหน้าและกำหนดเวลาไว้ก่อนแล้ว + + ตามมาตรา 212 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้ามิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ก็ดี หรือถ้าลูกหนี้มีสิทธิที่จะชำระหนี้ได้ก่อนเวลากำหนดก็ดี การที่เจ้าหนี้มีเหตุขัดข้องชั่วคราวไม่อาจรับชำระหนี้ที่เขาขอปฏิบัติแก่ตนได้นั้น หาทำให้เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ เว้นแต่ลูกหนี้จะได้บอกกล่าวการชำระหนี้ไว้ล่วงหน้าโดยเวลาอันสมควร","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '212'}]",เจ้าหนี้ไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ยกเว้นกรณีที่ลูกหนี้ได้บอกกล่าวว่าจะชำระหนี้ล่วงหน้าและกำหนดเวลาไว้ก่อนแล้ว +ผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินเป็นการสัญญาว่าตั๋วแลกเงินนั้นจะมีผู้ใช้เงินตามตั๋วใช่หรือไม่,ใช่ ตามมาตรา 914 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลผู้สั่งจ่ายหรือสลักหลังตั๋วแลกเงินย่อมเป็นอันสัญญาว่า เมื่อตั๋วนั้นได้นำยื่นโดยชอบแล้วจะมีผู้รับรองและใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋ว ถ้าและตั๋วแลกเงินนั้นเขาไม่เชื่อถือโดยไม่ยอมรับรองก็ดี หรือไม่ยอมจ่ายเงินก็ดี ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง หรือแก่ผู้สลักหลังคนหลังซึ่งต้องถูกบังคับให้ใช้เงินตามตั๋วนั้น ถ้าหากว่าได้ทำถูกต้องตามวิธีการในข้อไม่รับรองหรือไม่จ่ายเงินนั้นแล้ว,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '914'}]",ใช่ +การเพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมเพราะภารยทรัพย์และสามยทร���พย์ตกเป็นของเจ้าของคนเดียวกันสามารถทำได้หรือไม่,สามารถทำได้ ตามมาตรา 1398 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าภารยทรัพย์และสามยทรัพย์ตกเป็นของเจ้าของคนเดียวกัน ท่านว่าเจ้าของจะให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมก็ได้ แต่ถ้ายังมิได้เพิกถอนทะเบียนไซร้ ภาระจำยอมยังคงมีอยู่ในส่วนบุคคลภายนอก,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1398'}]",สามารถทำได้ +บุริมสิทธิในมูลค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันใช้กับอะไร,"ใช้สำหรับเอาค่าเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งยังค้างชำระอยู่ถอยหลังไป6เดือน เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม โคมไฟ ฟืน ถ่าน ซึ่งจำเป็นเพื่อการทรงชีพของลูกหนี้ และบุคคลในสกุลซึ่งอยู่กับลูกหนี้และซึ่งลูกหนี้จำต้องอุปการะ รวมถึงคนใช้ของลูกหนี้ด้วย + +ตามมาตรา 258 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุริมสิทธิในมูลค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันนั้นใช้สำหรับเอาค่าเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งยังค้างชำระอยู่นับถอยหลังขึ้นไปหกเดือน เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม โคมไฟ ฟืน ถ่าน อันจำเป็นเพื่อการทรงชีพของลูกหนี้ และบุคคลในสกุลซึ่งอยู่กับลูกหนี้และซึ่งลูกหนี้จำต้องอุปการะกับทั้งคนใช้ของลูกหนี้ด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '258'}]",ใช้สำหรับเอาค่าเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งยังค้างชำระอยู่ถอยหลังไป6เดือน เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม โคมไฟ ฟืน ถ่าน ซึ่งจำเป็นเพื่อการทรงชีพของลูกหนี้ และบุคคลในสกุลซึ่งอยู่กับลูกหนี้และซึ่งลูกหนี้จำต้องอุปการะ รวมถึงคนใช้ของลูกหนี้ด้วย +โทษการประพฤติผิดจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ได้แก่อะไรบ้าง,"ได้แก่ +-ตักเตือนเป็นหนังสือ +-ภาคทัณฑ์ +-พักใช้ใบอนุญาต พักการขึ้นทะเบียน หรือห้ามการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณโดยมีกำหนดเวลา แต่ไม่เกิน 3 ปี +-เพิกถอนใบอนุญาต เพิกถอนการขึ้นทะเบียนหรือสั่งให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี + + +ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 โทษการประพฤติผิดจรรยาบรรณ มีดังต่อไปนี้ (1) ตักเตือนเป็นหนังสือ (2) ภาคทัณฑ์ (3) พักใช้ใบอนุญาต พักการขึ้นทะเบียน หรือห้ามการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านที่ประพฤติผ��ดจรรยาบรรณโดยมีกำหนดเวลา แต่ไม่เกินสามปี (4) เพิกถอนใบอนุญาต เพิกถอนการขึ้นทะเบียนหรือสั่งให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี","[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '49'}]","- ตักเตือนเป็นหนังสือ +- ภาคทัณฑ์ +- พักใช้ใบอนุญาต พักการขึ้นทะเบียน หรือห้ามการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณโดยมีกำหนดเวลา แต่ไม่เกิน 3 ปี +- เพิกถอนใบอนุญาต เพิกถอนการขึ้นทะเบียนหรือสั่งให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี" +สิทธิเรียกร้องโอนให้กันได้หรือไม่,"โอนได้ เว้นแต่สภาพแห่งสิทธิจะไม่เปิดช่องให้โอน + + ตามมาตรา 303 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าจะพึงโอนกันได้ เว้นไว้แต่สภาพแห่งสิทธินั้นเองจะไม่เปิดช่องให้โอนกันได้ ความที่กล่าวมานี้ย่อมไม่ใช้บังคับ หากคู่กรณีได้แสดงเจตนาเป็นอย่างอื่น การแสดงเจตนาเช่นว่านี้ ท่านห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '303'}]",โอนได้ เว้นแต่สภาพแห่งสิทธิจะไม่เปิดช่องให้โอน +ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี,"ไม่เกิน 4 ปี แต่อาจถูกแต่งตั้งได้อีก + + ตามมาตรา 164 วรรค 2 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละไม่เกินสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '164'}]",ไม่เกิน 4 ปี +ทรัพย์สินที่นำมาเป็นสินไถ่ถูกทำลายต้องคืนหรือไม่,"ต้องคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ และผู้ซื้อฝากต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน + +ตามมาตรา 501ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทรัพย์สินซึ่งไถ่นั้น ท่านว่าต้องส่งคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลาไถ่ แต่ถ้าหากว่าทรัพย์สินนั้นถูกทำลายหรือทำให้เสื่อมเสียไปเพราะความผิดของผู้ซื้อไซร้ ท่านว่าผู้ซื้อจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '501'}]",ต้องคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ และผู้ซื้อฝากต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน +หากบริษัทจำกัดไม่รักษาสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น มีความผิดหรือไม่,"มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 20,000 บาท + +ตามมาตรา 11 พระราชบ��ญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 บริษัทจำกัดใดไม่รักษาสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น หรือเมื่อผู้ถือหุ้นร้องขอไม่เปิดสมุดทะเบียนให้ผู้ถือหุ้นดูตามมาตรา 1139 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '11'}]","มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 20,000 บาท" +การแก้ไขคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้ว่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไปจากสภาพปกติของตลาดสามารถทำได้หรือไม่,ไม่ได้ ตามมาตรา 50 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใดส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปในระบบซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยรู้หรือควรรู้ว่า การกระทำดังกล่าวนั้นน่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไปจากสภาพปกติของตลาดและเป็นเหตุให้ระบบซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลล่าช้าหรือหยุดชะงัก,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '50'}]",ไม่ได้ +การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดหรือไม่,"ใช่ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด + +ตามมาตรา 30 วรรค 1 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '30'}]",ใช่ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด +อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีใดบ้าง,"อายุความตามประมวลกฎ��มายแพ่งและพาณิชย์ย่อมสะดุดหยุดลง ในกรณีต่อไปนี้ +1.ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง +2.เจ้าหนี้ได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ +3.เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย +4.เจ้าหนี้ได้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา 5.เจ้าหนี้ได้กระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดี","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '193/14'}]",อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมสะดุดหยุดลง ในกรณีต่อไปนี้ 1.ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง 2.เจ้าหนี้ได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ 3.เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย 4.เจ้าหนี้ได้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา 5.เจ้าหนี้ได้กระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดี +หากมีการเลิกสมาคมการค้าเนื่องจากล้มละลายแล้วไม่ได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเวลาที่กำหนด มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัย และรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 53 หากสมาคมการค้าฝ่าฝืนมาตรา 37 วรรคสอง ซึ่งเป็นกรณีในการเลิกสมาคมการค้าจะต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในที่เวลากำหนดด้วย หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 39 ซึ่งเมื่อเลิกสมาคมการค้าแล้วต้องชําระบัญชีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '53'}]","มีความผิดทางพินัย และรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท" +หากบริษัทหลักทรัพย์จะแปรสภาพโครงการลงทุนให้เป็นกองทุนรวม บริษัทนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง,"ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เ���ื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด และให้นำเรื่องการจัดการกองทุนรวมมาใช้บังคับด้วย + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 324 บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการจัดการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ สามารถจัดการโครงการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติได้ โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดังกล่าวด้วย และการใดที่กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หากบริษัทหลักทรัพย์จะแปรสภาพโครงการลงทุนให้เป็นกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์นั้นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด และให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการจัดการกองทุนรวมตามพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '324'}]",ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด และให้นำเรื่องการจัดการกองทุนรวมมาใช้บังคับด้วย +สามารถจำนำอสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่อย่างไร,"ไม่ได้ เนื่องจากสัญญาจำนำนั้นจะต้องส่งมอบสังหาริมทรัพย์เท่านั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 สัญญาจำนำ คือสัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนำ ได้ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '747'}]",ไม่ได้ เนื่องจากสัญญาจำนำนั้นจะต้องส่งมอบสังหาริมทรัพย์เท่านั้น +บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่สัญญาสามารถชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้หรือไม่อย่างไร,"ได้ โดยบุคคลภายนอกซึ่งเข้าชำระหนี้แทนนั้นต้องไม่ชำระหนี้โดยขืนใจลูกหนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ดี ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บุคคลภายนอกชำระหนี้แทน หรือจะขัดกับเจตนาที่คู่สัญญาได้ทำกันไว้ บุคคลภายนอกนั้นก็ไม่สามารถชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้ + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 314 ในการชำระหนี้นั้น บุคคลภายนอกสามารถชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้ โดยในการชำระหนี้นั้นจะต้องไม่เป็นการขืนใจลูกหนี้ด้วย เว้นแต่สภาพแห่งหนี้จะไม่เปิดช่อง หรือจะขัดกับเจตนาที่คู่กรณีได้แสดงไว้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '314'}]",ได้ โดยบุคคลภายนอกซึ่งเข้าชำระหนี้แทนนั้นต้องไม่ชำระหนี้โดยขืนใจลูกหนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ดี ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บุคคลภายนอกชำระหนี้แทน หรือจะขัดกับเจตนาที่คู่สัญญาได้ทำกันไว้ บุคคลภายนอกนั้นก็ไม่สามารถชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้ +หากคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจได้ร่วมทำธุรกิจที่เป็นของคนต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 35 หากคนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจแล้วได้ร่วมทำธุรกิจของคนต่างด้าวรายอื่นที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ หรือประกอบธุรกิจที่คนต่างด้าวรายอื่นเป็นเจ้าของร่วมโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ให้ศาลสั่งเลิกการร่วมทำธุรกิจนั้น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ต้องโทษปรับวันละ 10,000 บาทถึง 50,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '35'}]","ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้แก่หน่วยงานใดดำเนินการแทนตนได้,"สามารถมอบอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนได้ + +ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 5 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1. กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ 2. กำกับดูแลนิติบุคคลเฉพาะกิจให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด 3. กำหนดประเภทของสินทรัพย์ที่อนุญาตให้ทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์��ละประเภทของหลักทรัพย์ที่จะออกเนื่องจากการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ 4. ออกประกาศเพื่อปฏิบัติหน้าที่ 5. กำหนดค่าธรรมเนียมในการดำเนินการต่าง ๆ 6. ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถมอบอำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนได้","[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '5'}]",สามารถมอบอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนได้ +ผู้ใดมีอำนาจประเมินภาษีอากรในกรณีที่ผู้เสียภาษีไม่ได้ยื่นรายการ,"อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน + +ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 24 ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากร และแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ต้องชำระไปยังผู้เสียภาษีซึ่งไม่ได้ยื่นรายการ และผู้เสียภาษีนั้นจะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '24'}]",อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน +หากผู้บังคับหลักประกันมีคำวินิจฉัยให้บังคับหลักประกันทางธุรกิจได้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะสามารถยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันนั้นเพื่อนำมาใช้หนี้ให้แก่ตนได้หรือไม่อย่างไร,"ยึดหรืออายัดไม่ได้ แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับหลักประกันเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการซึ่งเป็นหลักประกันได้ + +ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 71 หากผู้บังคับหลักประกันมีคำวินิจฉัยบังคับหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการซึ่งเป็นหลักประกันของผู้ให้หลักประกันสิ้นสุดลง รวมถึงสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการนั้นสิ้นสุดลงด้วยแต่ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผล โดยให้สิทธิที่จะได้รับเงินปันผลนั้นตกเป็นของผู้บังคับหลักประกันทันที และห้ามไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันนั้นแต่ให้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับหลักประกันเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการนั้นแทน","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '71'}]",ยึดหรืออายัดไม่ได้ แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับหลักประกันเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการซึ่งเป็นหลักประกันได้ +หากตัวแทนได้ทำการแทนในเรื่องที่ตัวการไม่ได้ให้อำนาจไว้ ถ้าเกิดความเสียหายขึ้น ใครจะเป็นผู้ที่ต้องรับผิด,"ตัวแทนต้องรับผิดในความเสียหาย + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของตัวแทน หรือเพราะไม่ทำการเป็นตัวแทน หรือตัวแทนได้ทำการโดยปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจ ตัวแทนจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '812'}]",ตัวแทนต้องรับผิดในความเสียหาย +ผู้ใดมีสิทธิได้รับมรดกนั้นก่อนหากมีผู้สืบสันดานที่อยู่คนละชั้นกัน,"บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้ามรดกมีสิทธิได้รับมรดกเท่านั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1631 ในกรณีมีผู้สืบสันดานต่างชั้นกัน ให้บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้ามรดกโดยอยู่ในชั้นสนิทที่สุดเท่านั้นมีสิทธิรับมรดก แต่ผู้สืบสันดานที่อยู่ในชั้นถัดลงไปจะรับมรดกได้เฉพาะอาศัยสิทธิในการรับมรดกแทนที่บุตรของเจ้ามรดก","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1631'}]",บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้ามรดกมีสิทธิได้รับมรดกเท่านั้น +ผู้ใดมีอำนาจกำหนดให้ทำรายงานเป็นอย่างอื่นได้นอกจากรายงานที่เกี่ยวกับรายการภาษีขาย ภาษีซื้อ สินค้าและวัตถุดิบในภาษีมูลค่าเพิ่ม,"อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง + +ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 87/1 หากมีความจำเป็นหรือเหมาะสม ให้อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถจัดทำรายงานที่แตกต่างไปจากที่กำหนดในมาตราก่อนหน้าก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '87/1'}]",อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ผู้ที่รับเก็บรักษาสินค้าโดยได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนในการเก็บรักษาสินค้านั้น เรียกว่าอะไร,นายคลังสินค้า ��ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 770 นายคลังสินค้า คือบุคคลผู้รับเก็บรักษาสินค้าเพื่อบำเหน็จซึ่งเป็นค่าตอบแทนในทางการค้าโดยปกติของตน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '770'}]",นายคลังสินค้า +กรรมการซึ่งร่วมรับผิดกับบริษัทมหาชนที่เกิดความเสียหายเนื่องจากจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งที่บริษัทนั้นไม่มีกำไรและขาดทุนสะสม กรรมการที่ร่วมรับผิดนั้นมีสิทธิอะไรบ้าง,"ให้กรรมการนั้นมีสิทธิเรียกเงินปันผลส่วนที่เกินคืนจากผู้ถือหุ้นซึ่งได้รับไปโดยรู้ว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งที่บริษัทนั้นไม่มีกำไรและขาดทุนสะสม + +ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 93 กรรมการซึ่งได้ร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทมหาชนเนื่องจากมีการจ่ายเงินปันผลทั้งที่บริษัทนั้นไม่มีกำไรและขาดทุนสะสม หรือไม่ได้จัดสรรแบ่งทุนสำรองตามที่กฎหมายกำหนด หรือกระทำการดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของบริษัทเสียเปรียบ ให้กรรมการนั้นมีสิทธิเรียกเงินปันผลส่วนที่เกินคืนจากผู้ถือหุ้นซึ่งได้รับไปโดยทราบว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งที่บริษัทไม่มีกำไรและขาดทุนสะสม หรือทราบว่าไม่ได้มีการจัดสรรแบ่งทุนสำรองตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือกระทำการดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของบริษัทเสียเปรียบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '93'}]",กรรมการนั้นมีสิทธิเรียกเงินปันผลส่วนที่เกินคืนจากผู้ถือหุ้นซึ่งได้รับไปโดยรู้ว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งที่บริษัทนั้นไม่มีกำไรและขาดทุนสะสม +หากกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ทำความผิดฉ้อโกงหรือยักยอกไปโดยไม่ได้รู้ว่าได้มีบุคคลให้การช่วยเหลือตนในการทำความผิดนั้นอยู่ บุคคลที่ช่วยเหลือนั้นจะมีความผิดและต้องรับโทษด้วยหรือไม่อย่างไร,"มีความผิด และต้องรับโทษ 2 ใน 3 ตามที่บัญญัติไว้ในความผิดนั้น ๆ ด้วย + +ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 150 บุคคลที่ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ตัวแทน ผู้สอบบัญชีหรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้ประกอบธุ���กิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้มีการทำความผิดตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ไม่ว่าก่อนหรือขณะทำความผิด บุคคลนั้นต้องรับโทษตามที่ได้บัญญัติในความผิดนั้นด้วย แต่หากผู้ทำความผิดจะไม่ได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก บุคคลนั้นก็ต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของความผิดนั้นด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '150'}]",มีความผิด และต้องรับโทษ 2 ใน 3 ตามที่บัญญัติไว้ในความผิดนั้น ๆ ด้วย +หากตัวแทนได้ทำละเมิด ตัวการต้องร่วมรับผิดหรือไม่อย่างไร,"ตัวการต้องร่วมรับผิดด้วย หากตัวแทนนั้นได้ทำละเมิดในขณะที่ได้ทำการแทนภายในขอบอำนาจที่ตัวการกำหนด + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ให้ตัวการร่วมกันรับผิดกับตัวแทนที่ทำละเมิดในขณะที่ตัวแทนนั้นได้ทำการแทนภายในขอบอำนาจที่ตัวการกำหนด และเมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อความเสียหายที่ตัวแทนได้ทำละเมิดนั้น ตัวการสามารถเรียกให้ตัวแทนชดใช้ให้แก่ตนได้","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '427'}]",ตัวการต้องร่วมรับผิดด้วย หากตัวแทนนั้นได้ทำละเมิดในขณะที่ได้ทำการแทนภายในขอบอำนาจที่ตัวการกำหนด +หากผู้ถือหลักทรัพย์มีการขอลงทะเบียนโอนหลักทรัพย์ชนิดระบุชื่อผู้ถือก่อนวันที่บริษัทออกหลักทรัพย์จะงดรับการลงทะเบียนโอนทรัพย์ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง,"ให้บริษัทออกหลักทรัพย์ดำเนินการโอนหลักทรัพย์ให้เสร็จก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 193 บริษัทที่ออกหลักทรัพย์จดทะเบียนจะงดรับการลงทะเบียนการโอนหลักทรัพย์ชนิดระบุชื่อผู้ถือก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น และหากมีผู้ถือหลักทรัพย์ขอลงทะเบียนการโอนหลักทรัพย์ไว้ก่อนวันงดรับการลงทะเบียนนั้น ให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ต้องดำเนินการโอนหลักทรัพย์ให้เสร็จก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '193'}]",ให้บริษัทออกหลักทรัพย์ดำเนินการโอนหลักทรัพย์ให้เสร็จก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น +หน่วยงานใดมีอำนาจประกาศกำหนดระยะเวลาในการพิจารณ��และสั่งการให้ออกใบอนุญาตและให้ความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ + +ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 5 การออกใบอนุญาตและการให้ความเห็นชอบตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดระยะเวลาในการพิจารณา และการสั่งการให้ทราบโดยทั่วไป และหากไม่อนุญาตหรือไม่ให้ความเห็นชอบต้องแจ้งเหตุผลให้ผู้ยื่นคำขอทราบด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '5'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ +ผู้ใดมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าที่มีโทษปรับสถานเดียว,"อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มอบหมาย + + +ตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 60/1 ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และเมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว ให้คดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '60/1'}]",อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มอบหมาย +บุคคลที่ได้แจ้งหรือเผยแพร่ข้อความเท็จเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดําเนินงาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งทําให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 70 บุคคลที่บอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คํารับรองข้อความที่เป็นเท็จหรือข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสําคัญผิดในสาระสําคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดําเนินงาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ลักษณะหรือสาระสําคัญของโทเคนดิจิทัล หรือราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '70'}]","ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +ชื่อกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับล่าสุดคืออะไร,พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '1'}]",พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 +หากผู้ชำระบัญชีไม่ได้จัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัทมหาชน รวมทั้งไม่ส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้ชำระบัญชีนั้นมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 210 หากผู้ชำระบัญชีไม่ได้จัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัทมหาชน และไม่ได้ส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายใน 4 เดือนนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ได้รับจากผู้สอบบัญชีนั้น ผู้ชำระบัญชีมีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '210'}]","มีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท" +หากใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวสูญหายต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบถึงการชำรุดหรือสูญหาย ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิ��ของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 21 ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้ใช้ได้ตลอดไปจนกว่าผู้รับใบอนุญาตจะเลิกประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต และให้ผู้รับใบอนุญาตนั้นต้องแสดงใบอนุญาตไว้ใน สถานที่ประกอบธุรกิจของตนในที่เปิดเผยด้วย ในกรณีใบอนุญาตนั้นชำรุดหรือสูญหาย ให้ยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบการชำรุดหรือสูญหาย โดยในการขอและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบและวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด แต่ระยะเวลาในการออกใบแทนต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ และให้ถือว่าใบแทนนั้นเป็นเอกสารที่ใช้แทนใบอนุญาตได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตใหม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '21'}]",ให้ยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบถึงการชำรุดหรือสูญหาย +หากมีการแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจจะต้องปิดประกาศไว้ไม่น้อยกว่ากี่วัน,ไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 26 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจ โดยปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผยที่สำนักงานของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายในท้องถิ่นนั้นอย่างน้อย 1 ฉบับด้วย,"[{'law': 'พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540', 'sections': '26'}]",ไม่น้อยกว่า 15 วัน +ผู้ใดมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว,คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 28 ให้คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่มอบหมายไว้ และให้นำการประชุมของคณะกรรมการมาใช้บังคับกับคณะอนุกรรมการด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '28'}]",คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว +กรณีที่มีเจ้าหนี้หลายคนแต่ไม่ใช่เจ้าหนี้ร่วมกัน หากเจ้าหนี้คนหนึ่งเรียกให���ลูกหนี้ชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกไม่ได้ ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้นั้นอย่างไร,ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ทุกคนด้วย เนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละคนมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ แต่ต้องเป็นการเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้นั้นทุกคนด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 302 การชำระหนี้ที่แบ่งแยกไม่ได้ และมีเจ้าหนี้หลายคนแต่ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้ร่วมกัน ให้ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคน เนื่องจากเป็นหนี้ที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ และให้เจ้าหนี้แต่ละคนมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนนั้นด้วย อย่างไรก็ดีหากมีข้อความที่อ้างถึงเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเท่านั้นไม่ให้มีการเป็นคุณหรือโทษแก่เจ้าหนี้คนอื่นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '302'}]",ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ทุกคนด้วย เนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละคนมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ แต่ต้องเป็นการเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้นั้นทุกคนด้วย +หากการสมรสเป็นโมฆะ แต่คู่สมรสนั้นไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรหรือเป็นผู้จ่ายเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ต้องทำอย่างไร,ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1499/1 เมื่อการสมรสเป็นโมฆะ และมีข้อตกลงระหว่างคู่สมรสในการให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร หรือการใช้เงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ข้อตกลงนั้นให้ทำเป็นหนังสือ แต่หากคู่สมรสตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุในการถอนอำนาจปกครองได้ ให้ศาลสั่งถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองได้ โดยให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1499/1'}]",ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดแทน +หากผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีไม่ได้ส่งมอบเอกสารที่ใช้ประกอบในการลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชี ผู้จัดทำบัญชีจะมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 29 เมื่อผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีไม่ได้ส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543', 'sections': '29'}]","มีความผิดทางพินัย และต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท" +บุคคลที่ได้แจ้งหรือบอกกล่าวโดยให้ข้อความเท็จซึ่งเป็นสาระสำคัญแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 302 ผู้ที่แจ้งข้อความหรือให้ถ้อยคำที่เป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรแจ้งในสาระสำคัญต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ผู้นั้นต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '302'}]","ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท" +หากสมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้แจ้งคำสั่งหรือส่งเอกสารหลักฐานในการลงโทษทางวินัยนั้นให้สำนักงาน ก.ล.ต. หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการเปิดเผยข้อมูลที่กำหนดไว้ ต้องรับโทษอย่างไร,"ต้องรับโทษทางปกครอง ได้แก่ ภาคทัณฑ์, ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณชน, ปรับทางปกครอง, จำกัดการประกอบการ, พักการประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตซึ่งได้จดทะเบียนหรือที่ได้รับความเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด, เพิกถอนใบอนุญาต การจดทะเบียน หรือการให้ความเห็นชอบที่มีการกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 117 สมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามโดยไม่ได้มีการแจ้งคำสั่งหรือส่งเอกสารหลักฐานในการลงโทษทางวินัยนั้นให้สำนักงาน ก.ล.ต. หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการเปิดเผยข้อมูลที่กำหนดไว้ ต้องรับโทษทางปกครองตามที่กำหนดไว้","[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '117'}]","ต้องรับโทษทางปกครอง ได้แก่ ภาคทัณฑ์, ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณชน, ปรับทางปกครอง, จำกัดการประกอบการ, พักการประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตซึ่งได้จดทะเบียนหรือที่ได้รับความเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด, เพิกถอนใบอนุญาต การจดทะเบียน หรือการให้ความเห็นชอบที่มีการกำหนดไว้" +ร่างหนังสือชี้ชวนในการซื้อขายหลักทรัพย์ต้องทำตามแบบด้วยหรือไม่อย่างไร,ต้องทำตามแบบที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศกำหนดไว้ด้วย ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 72 ร่างหนังสือชี้ชวนต้องเป็นไปตามแบบที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด โดยหากรายการในร่างหนังสือชี้ชวนที่ตรงกับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์นั้นจะต้องมีสาระสำคัญของข้อมูลไม่ต่างกันด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '72'}]",ต้องทำตามแบบที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศกำหนดไว้ด้วย +ผู้ค้ำประกันสามารถเรียกให้เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้เอากับลูกหนี้ก่อนตนได้อีกหรือไม่อย่างไร หากเจ้าหนี้นั้นได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่ได้ชำระหนี้ให้,ได้ โดยผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าลูกหนี้นั้นยังมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และเจ้าหนี้สามารถบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ซึ่งไม่ได้เป็นการยาก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 689 แม้เจ้าหนี้จะได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้วก็ตาม แต่ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้นั้นยังมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และในการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นไม่ได้เป็นการยาก ให้เจ้าหนี้ต้องบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '689'}]",ได้ โดยผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าลูกหนี้นั้นยังมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และเจ้าหนี้สามารถบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ซึ่งไม่ได้เป็นการยาก +บุคคลสามารถทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุเท่าไร,บุคคลสามารถทำพินัยกรรมได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1703 หากบุคคลที่อายุไม่ครบ 15 ปีทำพินัยกรรม พินัยกรรมนั้นเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1703'}]",บุคคลสามารถทำพินัยกรรมได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี +พนักงานสอบสวนสามารถนำข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ได้ส่งมอบเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำความผิดมาใช้ในการสอบสวนในคดีอาญาได้หรือไม่อย่างไร,ได้ แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จะส่งมอบข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานนั้นเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำความผิดก็ตาม พนักงานสอบสวนก็สามารถนำไปใช้ในการสอบสวนคดีอาญาได้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 266/1 ข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ส่งมอบเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำความผิด พนักงานสอบสวนสามารถนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีอาญาได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '266/1'}]",ได้ แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จะส่งมอบข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานนั้นเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำความผิดก็ตาม พนักงานสอบสวนก็สามารถนำไปใช้ในการสอบสวนคดีอาญาได้ +บิดามารดาที่ทำหนังสือมอบอำนาจให้สถานสงเคราะห์เด็กนั้นเป็นผู้ให้ความยินยอมในการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมแทนตนนั้น สามารถถอนการมอบอำนาจนั้นได้เมื่อใด,สามารถบอกถอนหนังสือมอบอำนาจได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นไม่ได้อยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์นั้นแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/23 แม้ผู้เยาว์ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง แต่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์เด็ก หากบิดามารดา บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครองสามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้สถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมแทนตนได้ โดยหนังสือมอบอำนาจจะถอนไม่ได้หากผู้เยาว์ยังอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์เด็กนั้นอยู่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/23'}]",สามารถบอกถอนหนังสือมอบอำนาจได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นไม่ได้อยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์นั้นแล้ว +หากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ไม่รักษาประโยชน์และเกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ต้องทำอย่างไรบ้าง,ผู้ถือหุ้นกู้สามารถฟ้องร้องผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้ โดยผู้ถือหุ้นกู้นั้นต้องมีจำนวนหุ้นกู้มีประกัน หรือได้รับแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นกู้คนอื่นซึ่งมีจำนวนหุ้นกู้มีประกันรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นกู้มีประกันที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 47 ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีหน้าที่ตามสัญญาแต่งตั้งที่ได้กำหนดไว้ และมีหน้าที่ดูแลรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ด้วย หากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สามารถฟ้องร้องผู้แทนนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดได้ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นกู้เป็นผู้ฟ้องร้องนั้นต้องมีจำนวนหุ้นกู้มีประกัน หรือได้รับแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นกู้คนอื่นที่มีจำนวนหุ้นกู้มีประกันรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นกู้มีประกันที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '47'}]",ผู้ถือหุ้นกู้สามารถฟ้องร้องผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้ โดยผู้ถือหุ้นกู้นั้นต้องมีจำนวนหุ้นกู้มีประกัน หรือได้รับแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นกู้คนอื่นซึ่งมีจำนวนหุ้นกู้มีประกันรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นกู้มีประกันที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด. +จะฟ้องเรียกให้ผู้จำนำชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทรัพย์ที่จำนำนั้น ต้องฟ้องภายในกำหนดเวลาใด,6 เดือน นับแต่วันที่ส่งคืนหรือขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 763 ห้ามไม่ให้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากผู้รับจำนำได้ทำให้ทรัพย์สินจำนำนั้นบุบสลายหรือในกรณีที่ทรัพย์สินจำนำมีความชำรุดบกพร่องที่ไม่ได้เห็นอย่างชัดเจนซึ่งเกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ หรือฟ้องเรียกให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายเพื่อการบำรุงรักษาทรัพย์สินจำนำ เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันส่งคืนหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนำนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '763'}]",6 เดือน นับแต่วันที่ส่งคืนหรือขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนำ +สามารถขอเพิกถอนการสมรสที่สมรสโดยผิดตัวได้เมื่อใด,สามารถขอเพิกถอนการสมรสผิดตัวได้ไม่เกิน 90 วันนับแต่วันสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 การสมรสที่มีการสำคัญผิดในตัวคู่สมรสนั้นเป็นโมฆียะ ซึ่งสิทธิขอเพิกถอนการสมรสนั้นจะระงับไปเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 90 วันนับแต่วันสมรส,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1505'}]",สามารถขอเพิกถอนการสมรสผิดตัวได้ไม่เกิน 90 วันนับแต่วันสมรส +ผู้ที่จะสั่งลงโทษทางปกครองผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนจะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ใดบ้างในการลงโทษ,ในการสั่งลงโทษทางปกครองต้องคำนึงถึงพฤติการณ์ที่กระทำ ความเสียหายที่เกิดขึ้น และความหนักเบาของโทษที่จะใช้ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 74 บุคคลที่มีอำนาจสั่งลงโทษทางปกครองต้องคำนึงถึงพฤติการณ์ที่กระทำ ความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงความหนักเบาของโทษที่จะใช้ ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '74'}]",ในการสั่งลงโทษทางปกครองต้องคำนึงถึงพฤติการณ์ที่กระทำ ความเสียหายที่เกิดขึ้น และความหนักเบาของโทษที่จะใช้ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด +ถ้าคู่สัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการหักทอนบัญชี จะต้องหักทอนบัญชีเมื่อใด,คู่สัญญาต้องหักทอนบัญชี 6 เดือนต่อครั้ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 858 เมื่อคู่สัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการหักทอนบัญชี ให้หักทอนบัญชี 6 เดือนต่อครั้ง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '858'}]",คู่สัญญาต้องหักทอนบัญชี 6 เดือนต่อครั้ง +ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถส่งมอบทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่ให้แก่ลูกค้าได้หรือไม่อย่างไร หลังจากที่ตนได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดแล้วในกรณีที่ศาลได้รับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกค้าหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น,ไม่ได้ เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของลูกค้าให้แก่บุคคลที่มีอำนาจจัดกา���ทรัพย์สินของลูกค้าตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 38 เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดแล้วในกรณีที่ศาลได้รับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกค้าหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ หากยังมีทรัพย์สินของลูกค้าเหลืออยู่ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ที่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '38'}]",ไม่ได้ เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของลูกค้าให้แก่บุคคลที่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายเท่านั้น +หากมีข้อตกลงให้ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้า ผู้ขายจะต้องคืนเงินค่าสินค้านั้นให้แก่ผู้ซื้ออีกหรือไม่อย่างไร,"ผู้ขายต้องคืนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อด้วย แม้ว่าจะมีข้อตกลงให้ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นก็ตาม เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอย่างอื่น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 484 แม้ข้อสัญญาที่คู่สัญญาซื้อขายตกลงกันว่าไม่ต้องรับผิดนั้น ผู้ขายก็ยังต้องคืนเงินตามราคาให้แก่ผู้ซื้ออยู่ แม้ว่าตนจะไม่ต้องรับผิด เว้นแต่มีการระบุให้ผู้ขายนั้นไม่ต้องคืนเงินตามราคาให้แก่ผู้ซื้อ","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '484'}]",ผู้ขายต้องคืนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อด้วย แม้ว่าจะมีข้อตกลงให้ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นก็ตาม เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอย่างอื่น +การแสดงเจตนาทำสัญญาทางโทรศัพท์จะมีผลเมื่อใด,"ให้มีผลเมื่อบุคคลคู่สัญญานั้นได้รู้ถึงการแสดงเจตนาทำสัญญานั้น + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 การแสดงเจตนาต่อบุคคลที่อยู่เฉพาะหน้าให้มีผลตั้งแต่ที่ผู้รับการแสดงเจตนาได้ทราบการแสดงเจตนานั้น รวมถึงการแสดงเจตนาโดยทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอย่างอื่น หรือโดยวิธีอื่นซึ่งสามารถติดต่อถึงกันได้ในทำนองเดียวกัน","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '168'}]",ใ��้มีผลเมื่อบุคคลคู่สัญญานั้นได้รู้ถึงการแสดงเจตนาทำสัญญานั้น +หากเลขานุการของบริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด เลขานุการนั้นมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/5 หากเลขานุการบริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดทำและเก็บรักษาเอกสารที่กำหนดไว้ ได้แก่ ทะเบียนกรรมการ หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการ รายงานประจำปี หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น รายงานการประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการมีส่วนได้เสียที่รายงานโดยกรรมการหรือผู้บริหาร รวมถึงไม่ได้จัดส่งสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียนั้นให้ประธานกรรมการตรวจสอบ หรือไม่ได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนดไว้ ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '281/5'}]","ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท" +ถ้าผู้ยืมทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้แล้วหมดไปตายลง สัญญายืมนั้นจะสิ้นสุดไปด้วยหรือไม่,"สัญญายืมใช้คงรูปนั้นสิ้นสุดไปด้วยความตายของผู้ยืม + +ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 648 หากผู้ยืมซึ่งเป็นคู่สัญญายืมใช้คงรูปในทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้แล้วหมดไปได้ตายลง ให้ถือว่าสัญญายืมนั้นระงับสิ้นสุดไปด้วย","[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '648'}]",สัญญายืมใช้คงรูปนั้นสิ้นสุดไปด้วยความตายของผู้ยืม +สัญญาก่อตั้งทรัสต์ที่ไม่ได้กำหนดไว้ว่าให้เปลี่ยนแปลงได้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยผู้รับประโยชน์และทรัสตีสามารถตกลงเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อตั้งทรัสต์นั้นได้เท่าที่ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 20 การเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อตั้งทรัสต์ให้เป็นไปตามที่คู่สัญญาได้กำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ดี หากในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ไม่ได้กำหนดให้เปลี่ยนแปลงได้ ผู้รับประโยชน์และทรัสตีก็สามารถตกลงเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อตั้งทรัสต์ได้เท่าที่ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื��อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '20'}]",ได้ โดยผู้รับประโยชน์และทรัสตีสามารถตกลงเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อตั้งทรัสต์นั้นได้เท่าที่ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งทรัสต์. +หากได้จัดการงานซึ่งบุคคลที่มีหน้าที่ในการทำการงานนั้นไม่ได้สั่งไว้ ผู้ที่ได้จัดการงานแทนต้องทำอย่างไรบ้าง,ต้องแจ้งให้บุคคลที่มีหน้าที่เช่นนั้นทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าการงานที่ตนได้จัดการแทนนั้นยังไม่เสร็จก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 399 ในการจัดการงานนอกสั่ง ให้ผู้ที่จัดการงานแทนซึ่งตนไม่ได้มีหน้าที่นั้นแจ้งแก่บุคคลที่มีหน้าที่จัดการงานนั้นโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ว่าตนได้มีการจัดการงานแทนแล้ว และต้องรอฟังบุคคลที่มีหน้าที่นั้นตัดสินใจว่าตนจะสามารถจัดการงานแทนได้หรือไม่ แต่หากปล่อยช้าไว้จะทำให้เกิดภัยอันตรายขึ้น ผู้ที่จัดการงานแทนก็ไม่จำเป็นต้องรอฟังเช่นนั้นก็ได้ นอกจากนี้ให้นำบทบัญญัติเรื่องตัวแทนมาใช้บังคับแก่หน้าที่ของผู้จัดการแทนด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '399'}]",ต้องแจ้งให้บุคคลที่มีหน้าที่เช่นนั้นทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าการงานที่ตนได้จัดการแทนนั้นยังไม่เสร็จก็ตาม +หากลูกหนี้ชำระหนี้เกินเวลาที่กำหนดไว้ เจ้าหนี้สามารถเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เนื่องจากลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนดไว้ซึ่งเป็นการชำระหนี้ที่ไม่ถูกต้องครบถ้วน เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นจากลูกหนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 215 เจ้าหนี้สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายจากลูกหนี้ได้ เนื่องจากลูกหนี้ปฏิบัติชำระหนี้ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่ตนมีหน้าที่,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '215'}]",ได้ เนื่องจากลูกหนี้ชำระหนี้ล่าช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนดไว้ซึ่งเป็นการชำระหนี้ที่ไม่ถูกต้องครบถ้วน เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นจากลูกหนี้ได้. +บุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลซึ่งเป็นความลับในกิจการของผู้อื่นเนื่องจากตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนแล้วนำข้อมูลนั้นไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น มีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิด โดยต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 92 บุคคลที่ล่วงรู้กิจการของผู้อื่นเนื่องจากตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งเป็นกิจการหรือข้อมูลที่เป็นความลับหรือตามปกติไม่ควรเปิดเผย หากนำไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่อย่างไรก็ดี หากเป็นการเปิดเผยตามอำนาจหรือหน้าที่ หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี หรือเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี หรือเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี หรือเปิดเผยแก่ทางการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบุคคลอื่นที่เป็นเจ้าของข้อมูลนั้นหรือจากบุคคลผู้มีอำนาจเปิดเผย สามารถเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อบุคคลอื่นได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550', 'sections': '92'}]","มีความผิด โดยต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" +พินัยกรรมที่ทำด้วยวาจาเนื่องจากผู้ทำพินัยกรรมได้ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่หากอันตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว พินัยกรรมดังกล่าวจะมีผลอย่างไรบ้าง,พินัยกรรมที่ทำด้วยวาจาจะสิ้นผลไป เมื่อพ้น 1 เดือนนับแต่เวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมสามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดได้ เพราะอันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1664 พินัยกรรมที่ทำด้วยวาจาเนื่องจากผู้ทำพินัยกรรมตกอยู่ในพฤติการณ์พิเศษจนไม่สามารถทำพินัยกรรมแบบอื่นได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือเกิดสงคราม หรือมีโรคระบาด หากผู้ทำพินัยกรรมไ��้ไปผ่านพ้นพฤติการณ์พิเศษนั้นแล้ว ให้พินัยกรรมที่ทำด้วยวาจาสิ้นผลไปเมื่อพ้น 1 เดือนนับแต่เวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมสามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1664'}]",พินัยกรรมที่ทำด้วยวาจาจะสิ้นผลไป เมื่อพ้น 1 เดือนนับแต่เวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมสามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดได้ เพราะอันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว +ถ้าผู้ขายโทเคนดิจิทัลได้ขายโทเคนให้กับบุคคลทั่วไป จะมีความผิดหรือไม่อย่างไร,"มีความผิด เนื่องจากผู้ขายโทเคนดิจิทัลต้องขายให้เฉพาะผู้ลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกําหนดเท่านั้นไม่ใช่บุคคลทั่วไป โดยรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 63 ผู้ขายโทเคนดิจิทัลต้องขายให้แก่ผู้ลงทุนตามประเภทและเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกําหนด หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '63'}]","มีความผิด เนื่องจากผู้ขายโทเคนดิจิทัลต้องขายให้เฉพาะผู้ลงทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกําหนดเท่านั้นไม่ใช่บุคคลทั่วไป โดยรับโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง." +หากคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลหรือตามสนธิสัญญาแล้ว ต้องการประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้แจ้งต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อขอหนังสือรับรองให้ตนประกอบธุรกิจนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 11 ให้คนต่างด้าวที่ต้องการประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวโดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาล หรือสนธิสัญญาที่ไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณีนั้นแจ้งต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อขอหนังสือรับรองโดยต้องระบุเงื่อนไขตามที่รัฐบาลกำหนดหรือตามที่กำหนดในสนธิสัญญาด้���ย และให้อธิบดีออกหนังสือรับรองให้คนต่างด้าวนั้นโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง แต่ถ้าอธิบดีเห็นว่าการแจ้งไม่ได้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลหรือสนธิสัญญานั้น ให้อธิบดีแจ้งแก่คนต่างด้าวนั้นทราบโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '11'}]",ให้แจ้งต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อขอหนังสือรับรองให้ตนประกอบธุรกิจนั้นได้ +กรรมการบริษัทมหาชนสามารถเรียกประชุมคณะกรรมการได้หรือไม่อย่างไร,ได้ ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัท โดยให้กรรมการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถร่วมกันร้องขอให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการได้ และกำหนดวันประชุมภายใน 14 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ แต่อย่างไรก็ดี หากประธานกรรมการไม่ได้เรียกประชุมภายในเวลานั้น กรรมการที่ได้ร้องขอนั้นสามารถร่วมกันเรียกและกำหนดวันประชุมคณะกรรมการได้ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลานั้นได้ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 81 ในบริษัทมหาชน ประธานกรรมการมีอำนาจเรียกประชุมคณะกรรมการ แต่อย่างไรก็ดี ถ้ามีเหตุอันสมควรหรือเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัท กรรมการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถร้องขอให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการได้ โดยให้กำหนดวันประชุมภายใน 14 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ และหากประธานกรรมการไม่ได้เรียกประชุมภายในเวลานั้น กรรมการที่ได้ร้องขอนั้นสามารถเรียกและกำหนดวันประชุมคณะกรรมการได้เอง ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลานั้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '81'}]",กรรมการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสามารถร่วมกันร้องขอให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการได้ และกำหนดวันประชุมภายใน 14 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ หากประธานกรรมการไม่ได้เรียกประชุมภายในเวลานั้น กรรมการที่ได้ร้องขอนั้นสามารถเรียกประชุมได้เองภายใน 14 วันนับแต่วันที่ครบกำหนด. +หากจำนองบ้านที่���ด้สร้างในที่ดินของคนอื่นนั้น การจำนองนั้นจะรวมไปถึงที่ดินด้วยหรือไม่อย่างไร,ไม่ เพราะการจำนองบ้านที่ได้สร้างในที่ดินของคนอื่นนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นการจำนองที่ดินด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 720 การจำนองเรือนโรงหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งได้ทำขึ้นไว้บนดินหรือใต้ดินในที่ดินของคนอื่น การจำนองนั้นไม่รวมไปถึงเป็นการจำนองที่ดินนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '720'}]",ไม่ เพราะการจำนองบ้านที่ได้สร้างในที่ดินของคนอื่นนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นการจำนองที่ดินด้วย +การดำเนินงานของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ล่วงหน้าให้เป็นไปตามกฎหมายใด,กฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 218 ในการจัดตั้ง การดำเนินงาน การกำกับและควบคุมกิจการศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ล่วงหน้าให้เป็นไปตามกฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น พระราชบัญญัติ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และกฎหมายลำดับรองอื่น ๆ เป็นต้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '218'}]",กฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า +มัดจำคืออะไร,ทรัพย์สินที่อาจเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นที่คู่สัญญาได้ให้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการทำสัญญาขึ้นแล้ว ในขณะที่ทำสัญญา และเพื่อเป็นประกันในการปฏิบัติตามสัญญาด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 เมื่อคู่สัญญามีการให้มัดจำในขณะที่ทำสัญญา ให้ถือว่ามัดจำนั้นเป็นพยานหลักฐานว่าได้มีการทำสัญญาขึ้นแล้ว และเป็นประกันในการปฏิบัติตามสัญญานั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '377'}]",ทรัพย์สินที่อาจเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นที่คู่สัญญาได้ให้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการทำสัญญาขึ้นแล้ว ในขณะที่ทำสัญญา และเพื่อเป็นประกันในการปฏิบัติตามสัญญาด้วย +หากตัวแทนค้าต่างได้ทำสัญญาซื้อขายในกิจการอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวการ ใครจะเป็นผู้ผูกพันในสัญญาดังกล่าว,ตัวแทนค้าต่าง โดยต้องผูกพันเป็นคู่สัญญาเองและได้สิทธิที่มีต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายในกิจการด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 837 หากตัวแทนค้าต่างทำการซื้อ���ายหรือจัดการกิจการค้าขายอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตัวการ ตัวแทนค้าต่างนั้นจึงเป็นผู้ที่ต้องผูกพันในการที่ตนได้ทำลงไปและได้สิทธิที่มีต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายในกิจการเช่นนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '837'}]",ตัวแทนค้าต่าง โดยต้องผูกพันเป็นคู่สัญญาเองและได้สิทธิที่มีต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายในกิจการด้วย +หากบัญชีกำไรขาดทุนและงบดุลของบริษัทมหาชนเป็นเท็จ ผู้ใดต้องร่วมรับผิดหากมีความเสียหายเกิดขึ้น,กรรมการบริษัทมหาชน โดยต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทด้วย เว้นแต่กรรมการนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้นด้วย ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 94 กรรมการต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นและบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท เนื่องจากมีการแจ้งข้อความเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความที่ควรแจ้งเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทในการเสนอขายหุ้น หุ้นกู้หรือตราสารการเงินของบริษัท หรือมีการแสดงข้อความหรือลงรายการที่เป็นเท็จในเอกสารที่ยื่นต่อนายทะเบียน หรือมีการจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน รายงานการประชุมผู้ถือหุ้น หรือรายงานการประชุมคณะกรรมการเป็นเท็จ เว้นแต่กรรมการนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้นด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '94'}]",กรรมการบริษัทมหาชน โดยต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทด้วย เว้นแต่กรรมการนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้นด้วย +หน่วยงานใดมีหน้าที่ยื่นงบดุลและบัญชีรายได้รายจ่ายประจำปี รวมถึงทำรายงานและจัดส่งเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 181 ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ยื่นงบดุลและบัญชีรายได้รายจ่ายประจำปีตลอดจนทำรายงานและจัดส่งเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '181'}]",คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ +หากต้องจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในระหว่างที่ศาลพิจารณาคำร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ศาลตั้งผู้จัดการทรัพย์สินชั่วคราวเพื่อจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์แทนไปก่อนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/10 ศาลสามารถตั้งผู้จัดการชั่วคราวให้จัดการทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองแทนผู้ปกครองได้ในระหว่างที่พิจารณาคำร้องขอให้ถอนผู้ปกครอง,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1598/10'}]",ให้ศาลตั้งผู้จัดการทรัพย์สินชั่วคราวเพื่อจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์แทนไปก่อนได้ +สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่คู่สมรสได้ตกลงกัน สามารถบอกล้างสัญญานั้นได้เมื่อใด,สามารถบอกล้างได้ในเวลาที่ยังเป็นสามีภริยากันอยู่ หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากันได้ หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากันได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ทำการโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1469,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1469'}]",สามารถบอกล้างได้ในเวลาที่ยังเป็นสามีภริยากันอยู่ หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากันได้ +หากได้รับโอนเช็คขีดคร่อมที่มีคำว่า ห้ามเปลี่ยนมือนั้น ผู้ที่รับโอนเช็คมามีสิทธิอย่างไรบ้าง,ผู้ที่รับโอนเช็คนั้นมีสิทธิเท่าที่ผู้โอนเช็คมามีสิทธิ กล่าวคือ บุคคลที่ได้รับโอนเช็คขีดคร่อมห้ามเปลี่ยนมือนั้นไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ที่โอนเช็คนั้นมา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 999,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '999'}]",ผู้ที่รับโอนเช็คนั้นมีสิทธิเท่าที่ผู้โอนเช็คมามีสิทธิ กล่าวคือ บุคคลที่ได้รับโอนเช็คขีดคร่อมห้ามเปลี่ยนมือนั้นไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ที่โอนเช็คนั้นมา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 999 +หากมีการเลิกสัญญากัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องทำอย่างไรบ้าง,เมื่อมีการเลิกสัญญา ให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระกลับคืน เพื่อให้อีกฝ่ายนั้นได้กลับคืนสู่ฐานะเด��ม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 392 ประกอบมาตรา 369,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '392'}]",เมื่อมีการเลิกสัญญา ให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระกลับคืน เพื่อให้อีกฝ่ายนั้นได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม +หากนายหน้าได้ทำการให้บุคคลอื่นด้วย คู่สัญญานั้นมีสิทธิไม่จ่ายเงินค่าบำเหน็จให้แก่นายหน้าได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เนื่องจากนายหน้าฝ่าฝืนต่อหน้าที่ของตนโดยได้ทำการให้แก่บุคคลอื่น นายหน้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จจากคู่สัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 847 วางหลักว่า หากนายหน้าได้ทำการให้แก่บุคคลภายนอก หรือได้รับคำมั่นจากบุคคลภายนอกว่าจะให้ค่าบำเหน็จที่ไม่ควรได้แก่ตนซึ่งกระทำการโดยสุจริตก็ตาม ถือเป็นการฝ่าฝืนต่อหน้าที่ของตน นายหน้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จหรือค่าชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ตนได้เสียไปด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '847'}]",ได้ เนื่องจากนายหน้าฝ่าฝืนต่อหน้าที่ของตนโดยได้ทำการให้แก่บุคคลอื่น นายหน้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จจากคู่สัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 847 วางหลักว่า หากนายหน้าได้ทำการให้แก่บุคคลภายนอก หรือได้รับคำมั่นจากบุคคลภายนอกว่าจะให้ค่าบำเหน็จที่ไม่ควรได้แก่ตนซึ่งกระทำการโดยสุจริตก็ตาม ถือเป็นการฝ่าฝืนต่อหน้าที่ของตน นายหน้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จหรือค่าชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ตนได้เสียไปด้วย. +สามารถทำพินัยกรรมก่อตั้งมูลนิธิได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมจะสั่งให้บุคคลนั้นมีภาระที่จะต้องก่อตั้งมูลนิธิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1676 วางหลักว่า พินัยกรรมจะทำขึ้นโดยให้บุคคลใดตกอยู่ในภาระหน้าที่จะต้องก่อตั้งมูลนิธิได้ หรือจะสั่งจัดสรรทรัพย์สินไว้โดยตรง เพื่อประโยชน์การกุศลสาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่นซึ่งไม่ได้มุ่งหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1676'}]",ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมจะสั่งให้บุคคลนั้นมีภาระที่จะต้องก่อตั้งมูลนิธิได้ +หากทหารที่อยู่ในช่วงเวลาภาวะสงครามจะทำพินัยกรรมด้วยวาจา ���ู้ใดมีอำนาจเช่นเดียวกับอำเภอในการรับเรื่อง,ทหารหรือข้าราชการฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1669 ซึ่งวางหลักว่า เมื่อทหารหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับราชการทหารจะทำพินัยกรรมที่ทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง หรือพินัยกรรมทำเป็นเอกสารลับ หรือพินัยกรรมทำด้วยวาจาในช่วงเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม ให้ทหารหรือข้าราชการฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตรมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับอำเภอ หรือพนักงานทูตหรือกงสุลฝ่ายไทยในกรณีที่ทหารหรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับราชการทหารซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรมนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ในภาวะสงครามที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ หากผู้ทำพินัยกรรมดังกล่าวป่วยหรือบาดเจ็บและอยู่ในโรงพยาบาล ให้แพทย์ของโรงพยาบาลนั้นมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับอำเภอหรือ พนักงานทูตหรือกงสุลฝ่ายไทยด้วย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1669'}]",ทหารหรือข้าราชการฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร +หากผู้ที่ใช้ชื่อว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ในเอกสารที่เกี่ยวกับธุรกิจทั้งที่ไม่ได้เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด จะมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไร,"มีความผิดทางพินัย โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาทจนกว่าจะเลิกใช้หรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง เว้นแต่หากเป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเพื่อการตั้งห้างหุ้นส่วน จะไม่มีความผิด ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 4 วางหลักว่า ผู้ที่ใช้ชื่อหรือยี่ห้อซึ่งมีอักษรไทยประกอบว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” หรือ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” หรืออักษรต่างประเทศที่มีความหมายเช่นเดียวกัน ในดวงตรา ป้ายชื่อ หนังสือบอกกล่าว จดหมาย ใบแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยไม่ได้เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เว้นแต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งห้างหุ้นส่วน มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะเลิกใช้หรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '4'}]","มีความผิดทางพินัย โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาทจนกว่าจะเลิกใช้หรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง." +หากไม่รู้วันที่เกิดและเดือนเกิดของตน จะต้องนับอายุอย่างไร,ให้นับอายุของบุคคลนั้น ตั้งแต่วันต้นปีปฏิทินเป็นปีที่บุคคลนั้นเกิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 16 ที่วางหลักว่า การนับอายุของบุคคล ให้เริ่มนับตั้งแต่วันเกิด หากรู้แค่เดือนที่เกิดแต่ไม่รู้วันเกิด ให้นับวันที่หนึ่งของเดือนนั้นเป็นวันเกิด และหากไม่รู้ทั้งวันเกิดและเดือนที่เกิด ให้นับอายุบุคคลนั้นตั้งแต่วันต้นปีปฏิทินเป็นปีที่บุคคลนั้นเกิด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '16'}]",ให้นับอายุของบุคคลนั้น ตั้งแต่วันต้นปีปฏิทินเป็นปีที่บุคคลนั้นเกิด +ใครเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมในการทำสัญญายืม,ผู้ยืมทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 651 วางหลักว่า ค่าธรรมเนียมในการทำสัญญายืม รวมถึงค่าส่งมอบและส่งคืนทรัพย์สินที่ยืม ให้ผู้ยืมทรัพย์สินนั้นเป็นผู้เสีย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '651'}]",ผู้ยืมทรัพย์สิน +หากผู้รับจ้างทำของได้ส่งมอบการงานที่ทำนั้นล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายเงินซึ่งเป็นค่าจ้างในการทำงานนั้นด้วยหรือไม่อย่างไร,ผู้ว่าจ้างไม่ต้องจ่ายเงินที่เป็นค่าจ้างในการทำงานนั้นก็ได้จนกว่าจะได้รับการส่งมอบการเงินนั้น เว้นแต่ผู้รับจ้างจะได้ให้ประกันตามสมควรไว้ก่อนแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 599 วางหลักว่า หากผู้รับจ้างทำของส่งมอบการงานที่ทำนั้นล่าช้าหรือชำรุดบกพร่อง ผู้ว่าจ้างนั้นก็สามารถยึดหน่วงเงินที่เป็นค่าจ้างในการทำการงานนั้นไว้ได้ เว้นแต่ผู้รับจ้างจะให้ประกันตามสมควร,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '599'}]",ผู้ว่าจ้างไม่ต้องจ่ายเงินที่เป็นค่าจ้างในการทำงานนั้นก็ได้จนกว่าจะได้รับการส่งมอบการเงินนั้น เว้นแต่ผู้รับจ้างจะได้ให้ประกันตามสมควรไว้ก่อนแล้ว +หากทรัพย์เฉพาะสิ่งที่ต้องส่งมอบในสัญญาต่างตอบแทนได้สูญหายไป และไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ เจ้าหนี้ยังต้องชำระหนี้ตอบแทนลูกหนี้อีกหรือไม่อย่างไร,เจ้าหนี้ยังต้องชำระหนี้ตอบแทนลูกหนี้ตามสัญญาด้วย เนื่องจากทรัพย์เฉพาะสิ่งที่เป็นวัถตุแห่งหนี้ได้สูญหายไปนั้นไม่ได้เป็นความผิดลูกหนี้ เจ้าหนี้จึงต้องเป็นผู้รับภัยในความเสียหายที่ทรัพย์เฉพาะสิ่งได้สูญหายไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 370 วางหลักว่า ถ้าสัญญาต่างตอบแทนที่ก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง และทรัพย์นั้นได้สูญหายหรือเสียหายไปโดยไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ ให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับภัยในความสูญหายหรือเสียหายของทรัพย์เฉพาะสิ่งนั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '370'}]",เจ้าหนี้ยังต้องชำระหนี้ตอบแทนลูกหนี้ตามสัญญาด้วย เนื่องจากทรัพย์เฉพาะสิ่งที่เป็นวัถตุแห่งหนี้ได้สูญหายไปนั้นไม่ได้เป็นความผิดลูกหนี้ เจ้าหนี้จึงต้องเป็นผู้รับภัยในความเสียหายที่ทรัพย์เฉพาะสิ่งได้สูญหายไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 370 วางหลักว่า ถ้าสัญญาต่างตอบแทนที่ก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง และทรัพย์นั้นได้สูญหายหรือเสียหายไปโดยไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ ให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับภัยในความสูญหายหรือเสียหายของทรัพย์เฉพาะสิ่งนั้น. +สัญญาประกันภัยคืออะไร,เป็นสัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ตกลงจะใช้เงินให้เมื่อมีเหตุวินาศภัยเกิดขึ้นหรือมีเหตุอย่างอื่นเกิดขึ้นในอนาคตตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา และให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตกลงส่งเงินที่เรียกว่าเบี้ยประกันภัยให้คู่สัญญานั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861 วางหลักว่า สัญญาประกันภัย คือสัญญาที่บุคคลคนหนึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ เมื่อมีเหตุวินาศภัยเกิดขึ้นหรือเหตุอย่างอื่นในอนาคตที่ได้ระบุไว้ในสัญญา โดยบุคคลอีกคนหนึ่งตกลงจะส่งเงินซึ่งเป็นเบี้ยประกันภัยให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '861'}]",สัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ตกลงจะใช้เงินให้เมื่อมีเหตุวินาศภัยเกิดขึ้นหรือมีเหตุอย่างอื่นเกิด��ึ้นในอนาคตตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา และให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตกลงส่งเงินที่เรียกว่าเบี้ยประกันภัยให้คู่สัญญานั้นด้วย. +ผู้ชำระบัญชีต้องยื่นรายงานของบริษัทที่ใดและเมื่อไร,ให้ยื่นไว้ที่หอทะเบียน โดยให้ยื่นทุก ๆ 3 เดือนว่าตนได้จัดการอย่างใดบ้าง และแสดงให้เห็นความเป็นไปของบัญชีที่ชำระอยู่ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1267 วางหลักว่า ผู้ชำระบัญชีต้องทำรายงานโดยให้ยื่นไว้ที่หอทะเบียน ในระยะเวลาทุก ๆ 3 เดือนว่าตนได้จัดการอย่างใดบ้าง และแสดงให้เห็นความเป็นไปของบัญชีที่ชำระอยู่นั้น ซึ่งรายงานนี้ให้เปิดเผยแก่หุ้นส่วนและผู้ถือหุ้น และเจ้าหนี้ทั้งหลายของบริษัทให้ตรวจดูได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1267'}]",ให้ยื่นไว้ที่หอทะเบียน โดยให้ยื่นทุก ๆ 3 เดือนว่าตนได้จัดการอย่างใดบ้าง และแสดงให้เห็นความเป็นไปของบัญชีที่ชำระอยู่ด้วย +หากหอการค้ามีการแบ่งปันผลกำไรให้แก่สมาชิกแล้วจะมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 54 วางหลักว่า ห้ามหอการค้ากระทำการใด ๆ ที่บัญญัติไว้มาตรา 29 หรือมาตรา 30 หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท โดยมีการห้ามไม่ให้หอการค้าแบ่งปันผลกําไรหรือรายได้ให้แก่สมาชิก หรือดําเนินการในทางการเมืองซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 30","[{'law': 'พระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509', 'sections': '54'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท" +บุคคลที่จ่ายเงินเพื่อแก้หน้าตามตั๋วแลกเงินโดยไม่ได้ระบุว่าตนนั้นจ่ายเงินดังกล่าวไปเพื่อใครได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยให้ถือว่าบุคคลนั้นได้จ่ายเงินไปเพื่อผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 957 การใช้เงินเพื่อแก้หน้าต้องทำเป็นหลักฐานด้วยใบรับเขียนลงในตั๋วแลกเงินและต้องระบุว่าตนได้ใช้เงินเพื่อผู้ใดด้วย แต่ถ้าไม่ได้ระบุตัวไว้ให้ถือว่าการใช้เงินนั้นได้ทำไปเพื่อผู้สั่งจ่าย นอกจากนี้ หากในตั๋วแลกเงินมีการทำคัดค้านไว้ จะต้องส่งให้บุคคลที่ใช้เงินเพื่อแก้หน้าด้วย,"[{'law': 'ปร���มวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '957'}]",ได้ โดยให้ถือว่าบุคคลนั้นได้จ่ายเงินไปเพื่อผู้สั่งจ่าย +ใครเป็นผู้มีอำนาจออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการ และมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยกฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ทันที,"[{'law': 'พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547', 'sections': '5'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ +ผู้ให้หลักประกันสามารถไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้เมื่อใด,สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนในเวลาใด ๆ ก็ได้ก่อนมีการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน หรือก่อนที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้ตกเป็นของผู้รับหลักประกันแล้ว ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 27 ผู้ให้หลักประกันมีสิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันในเวลาใด ๆ ก็ได้ก่อนมีการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหรือก่อนที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับหลักประกัน โดยชำระหนี้ตามจำนวนที่กำหนดให้มีหลักประกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ค่าใช้จ่ายตามสมควร และค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการบังคับเอาหลักประกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '27'}]",สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนในเวลาใด ๆ ก็ได้ก่อนมีการจำหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน หรือก่อนที่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้ตกเป็นของผู้รับหลักประกันแล้ว +หากบริษัทได้กระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ใดต้องร่วมรับผิดกับบริษัทนั้นด้วย,กรรมการของบริษัท หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท หรือบุคคลที่มีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการแล้วได้ละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทนั้นกระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 90/5 หากนิติบุคคลได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือบุคคลที่มีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการแล้วได้ละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด บุคคลดังกล่าวจึงต้องรับโทษในความผิดเช่นเดียวกับนิติบุคคลนั้นด้วย,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/5'}]",กรรมการของบริษัท หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท หรือบุคคลที่มีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการแล้วได้ละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทนั้นกระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม. +หน่วยงานใดมีอำนาจให้ความเห็นชอบในการเป็นสมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า,คณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 90 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจให้ความเห็นชอบให้สมาคมที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการดำเนินงานตามที่กำหนดไว้ เป็นสมาคมกำกับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ โดยการขอความเห็นชอบและการให้ความเห็นชอบต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '90'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต. +ผู้ทำพินัยกรรมสามารถกำหนดตั้งผู้จัดการมรดกของตนได้หรือไม่อย่างไร,ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งผู้จัดการมรดกลงในพินัยกรรมของตนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1712 ผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมสามารถตั้งขึ้นโดยผู้ทำพินัยกรรม หรือบุคคลที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้แต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1712'}]",ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งผู้จัดการมรดกลงในพินัยกรรมของตนได้ +หากผู้ประกอบธุรกิจต้องการเลิกประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ยื่นคำขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่อสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก็ได้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 20 การเลิกประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามประเภทที่ได้รับใบอนุญาตหรือได้จดทะเบียนนั้น ให้ผู้ประกอบธุรกิจยื่นคำขออนุญาตเลิกประกอ���ธุรกิจนั้นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยในการอนุญาตให้เลิกประกอบธุรกิจนั้นของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ยื่นคำขอปฏิบัติด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '20'}]",ให้ยื่นคำขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่อสำนักงาน ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก็ได้ +หากบิดาได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรของตนแล้ว ภายหลังสามารถขอถอนการจดทะเบียนนั้นได้หรือไม่อย่างไร,ไม่สามารถถอนการจดทะเบียนที่รับรองเป็นบุตรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1559 หากได้จดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตรแล้ว ก็ไม่สามารถถอนการจดทะเบียนนั้นได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1559'}]",ไม่สามารถถอนการจดทะเบียนที่รับรองเป็นบุตรได้ +หากทายาทโดยธรรมนั้นเป็นผู้รับพินัยกรรม จะสามารถรับมรดกในส่วนอื่นนอกจากพินัยกรรมได้อีกหรือไม่อย่างไร,ได้ แม้ทายาทโดยธรรมจะได้รับมรดกบางส่วนตามพินัยกรรมแล้ว ก็สามารถรับมรดกในส่วนอื่นที่ยังไม่ได้จำหน่ายโดยพินัยกรรมได้อีกในฐานะทายาทโดยธรรม เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมได้ระบุห้ามไม่ให้ทายาทโดยธรรมคนนั้นรับมรดกในส่วนที่เหลืออีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1621 แม้ทายาทโดยธรรมจะได้รับทรัพย์สินตามพินัยกรรมแล้ว ทายาทคนนั้นก็ยังมีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้จำหน่ายโดยพินัยกรรมตามส่วนของตนในฐานะทายาทโดยธรรมได้อีก เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้แสดงเจตนากำหนดไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1621'}]",ได้ แม้ทายาทโดยธรรมจะได้รับมรดกบางส่วนตามพินัยกรรมแล้ว ก็สามารถรับมรดกในส่วนอื่นที่ยังไม่ได้จำหน่ายโดยพินัยกรรมได้อีกในฐานะทายาทโดยธรรม +ผู้ใดมีสิทธิรับมรดกแทนที่ในกรณีที่มีผู้สืบสันดานต่างชั้นกัน,บุตรของผู้ตายเท่านั้น เนื่องจากเป็นชั้นที่สนิทที่สุดจึงมีสิทธิรับมรดก โดยผู้สืบสันดานในชั้นถัดลงไปจะรับมรดกได้ก็ต่อเมื่ออาศัยสิทธิของตนในการรับมรดกแทนที่ผู้สืบสันดานชั้นบุตร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1634 การแบ่งส่วนในการรับมรดกแทนที่ของผู้สืบสันดานของสายหนึ่ง ๆ ดังนี้ 1. หากมีผู้สืบสันดานต่างชั้นกัน บุตรของผู้ตายซึ่งอยู่ในชั้นสนิทที่สุดเท่านั้นมีสิทธิรับมรดก แต่ผู้สืบสันดานในชั้นถัดลงไปจะรับมรดกได้ก็ต่อเมื่ออาศัยสิทธิของตนในการรับมรดกแทนที่ต่อจากผู้สืบสันดานชั้นบุตรเท่านั้น 2. หากมีผู้สืบสันดานในชั้นเดียวกัน จะได้รับส่วนแบ่งเท่ากัน 3. ถ้าในชั้นหนึ่งมีผู้สืบสันดานคนเดียว ผู้สืบสันดานคนนั้นมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งทั้งหมด,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '1634'}]",บุตรของผู้ตายเท่านั้น เนื่องจากเป็นชั้นที่สนิทที่สุดจึงมีสิทธิรับมรดก โดยผู้สืบสันดานในชั้นถัดลงไปจะรับมรดกได้ก็ต่อเมื่ออาศัยสิทธิของตนในการรับมรดกแทนที่ผู้สืบสันดานชั้นบุตร. +ผู้เอาประกันสามารถขอลดเบี้ยประกันภัยได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เฉพาะกรณีที่คู่สัญญาประกันภัยได้ทำข้อตกลงพิเศษเพิ่มเบี้ยประกันภัยเนื่องจากมีความเสี่ยงภัยอันตรายมากกว่าปกติ หากภัยอันตรายนั้นได้หมดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยก็สามารถขอลดเบี้ยประกันภัยได้ตามส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 864 กรณีคู่สัญญาประกันภัยมีข้อตกลงพิเศษเพิ่มเบี้ยประกันภัยเนื่องจากมีความเสี่ยงภัยอันตรายมากกว่าปกติ และหากภัยอันตรายได้หมดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยก็สามารถขอลดเบี้ยประกันภัยได้ตามส่วน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '864'}]",ได้ เฉพาะกรณีที่คู่สัญญาประกันภัยได้ทำข้อตกลงพิเศษเพิ่มเบี้ยประกันภัยเนื่องจากมีความเสี่ยงภัยอันตรายมากกว่าปกติ หากภัยอันตรายนั้นได้หมดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยก็สามารถขอลดเบี้ยประกันภัยได้ตามส่วน. +ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลต้องจัดทำและส่งข้อมูลใดบ้างให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต.,รายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน รวมถึงข้อมูลที่อาจมีผลต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรือต่อการตัดสินใจลงทุน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหรือมูลค่าของโทเคนดิจิทัล ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 25 ให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลจัดทำและส่งข้อมูลรายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน รวมถึงข้อมูลที่อาจมีผลต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรือต่อการตัดสินใจลงทุน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหรือมูลค่าของโทเคนดิจิทัลให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '25'}]",รายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน รวมถึงข้อมูลที่อาจมีผลต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรือต่อการตัดสินใจลงทุน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหรือมูลค่าของโทเคนดิจิทัล +การรับรองตั๋วแลกเงินของผู้จ่ายจะต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ผู้จ่ายลงลายมือชื่อของตนไว้ในด้านหน้าของตั๋วแลกเงิน หรือพร้อมทั้งเขียนคำว่า รับรองแล้ว ไว้ในด้านหน้าของตั๋วแลกเงินด้วยก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 931 การรับรองตั๋วแลกเงินนั้น ให้เขียนคำว่า รับรองแล้ว หรือข้อความอย่างอื่นที่มีความหมายทำนองเดียวกันลงในด้านหน้าของตั๋วแลกเงินและลงลายมือชื่อของผู้จ่าย หรือให้ผู้จ่ายลงลายมือชื่อของตนไว้ในด้านหน้าของตั๋วแลกเงินก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '931'}]",ให้ผู้จ่ายลงลายมือชื่อของตนไว้ในด้านหน้าของตั๋วแลกเงิน หรือพร้อมทั้งเขียนคำว่า รับรองแล้ว ไว้ในด้านหน้าของตั๋วแลกเงินด้วยก็ได้ +บริษัทมหาชนต้องส่งมอบใบหุ้นให้แก่ผู้ซื้อเมื่อใด,ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท หรือวันที่ได้รับชำระเงินค่าหุ้นครบแล้วในกรณีที่บริษัทจำหน่ายหุ้นที่เหลือหรือจำหน่ายหุ้นที่ออกใหม่หลังการจดทะเบียนบริษัท ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 55 บริษัทมหาชนต้องจัดทำใบหุ้นและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท หรือวันที่ได้รับชำระเงินค่าหุ้นครบแล้วในกรณีที่บริษัทจำหน่ายหุ้นที่เหลือหรือจำหน่ายหุ้นที่ออกใหม่หลังการจดทะเบียนบริษัท นอกจากนี้ ห้ามไม่ให้บริษัทออกใบหุ้นจนกว่าจะมีการจดทะเบียนบริษัท หรือจดทะเบียนเพิ่มทุนและผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าหุ้นครบแล้ว หากฝ่าฝืนให้ใบหุ้นที่ออกนั้นเป็นโมฆะ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '55'}]",ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัท หรือวันที่ได้���ับชำระเงินค่าหุ้นครบแล้วในกรณีที่บริษัทจำหน่ายหุ้นที่เหลือหรือจำหน่ายหุ้นที่ออกใหม่หลังการจดทะเบียนบริษัท +หากบริษัทมหาชนรับจำนำหุ้นของตนเอง จะมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท หรือ 2 เท่าของมูลค่าหุ้นที่รับจำนำไว้ เงินจำนวนไหนมากกว่าให้ใช้จำนวนนั้นเป็นค่าปรับ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 201 หากบริษัทมหาชนฝ่าฝืนจะเป็นเจ้าของหุ้นหรือรับจำนำ หุ้นของตนเองนั้น มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท หรือ 2 เท่าของมูลค่าหุ้นที่รับจำนำไว้ เงินจำนวนไหนมากกว่าให้ใช้จำนวนนั้นเป็นค่าปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '201'}]","มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท หรือ 2 เท่าของมูลค่าหุ้นที่รับจำนำไว้ เงินจำนวนไหนมากกว่าให้ใช้จำนวนนั้นเป็นค่าปรับ" +หากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคลไปโดยขัดแย้งกับผลประโยชน์ของผู้มอบหมาย บริษัทนั้นมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไรบ้าง,"ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทจนกว่าบริษัทหลักทรัพย์นั้นได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 286 ทวิ หากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคลซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้มอบหมาย โดยไม่ได้ลงชื่อของผู้มอบหมายและชื่อของบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ทำการแทน หรือหากบริษัทหลักทรัพย์ได้จัดการกองทุนส่วนบุคคลไปโดยอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทหลักทรัพย์นั้นต้องรับโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง นอกจากนี้ ถ้าการกระทำความผิดข้างต้นของบริษัทหลักทรัพย์นั้นเกิดจากการสั่งการ หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่ต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์นั้น บุคคลนั้นต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '286 ทวิ'}]","ต้องรับโทษปรับไม่เก��น 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทจนกว่าบริษัทหลักทรัพย์นั้นได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง" +ผู้เอาประกันสามารถยกเลิกสัญญาประกันภัยได้เมื่อใด,สามารถยกเลิกสัญญาประกันภัยเมื่อใดก็ได้ โดยการไม่ส่งเบี้ยประกันถือว่าผู้เอาประกันนั้นได้ยกเลิกสัญญาประกันภัยแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 894 ผู้เอาประกันภัยสามารถบอกเลิกสัญญาประกันภัยได้ในเวลาใดก็ได้ ด้วยการไม่ส่งเบี้ยประกันภัย แต่หากได้ส่งเบี้ยประกันภัยมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ผู้เอาประกันภัยนั้นมีสิทธิได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย หรือรับกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จจากผู้รับประกันภัย,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '894'}]",ผู้เอาประกันภัยสามารถบอกเลิกสัญญาประกันภัยได้ในเวลาใดก็ได้ ด้วยการไม่ส่งเบี้ยประกันภัย แต่หากได้ส่งเบี้ยประกันภัยมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ผู้เอาประกันภัยนั้นมีสิทธิได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย หรือรับกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จจากผู้รับประกันภัย. +หากผู้สอบบัญชีพบว่าบุคคลที่ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทำเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินเป็นเท็จ จะต้องทำอย่างไรบ้าง,ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือความเห็น พร้อมกับผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญของงบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 29 เมื่อผู้สอบบัญชีพบว่าผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทำเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ครบถ้วน หรือไม่ได้จัดทำบัญชีแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นความจริงในปัจจุบัน ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือความเห็น พร้อมทั้งผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '29'}]",ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือความเห็น พร้อมกับผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญของงบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อ +ถ้าสินค้าที่ซื้อมีความชำรุดบกพร่อง ผู้ซื้อมีสิทธิไม่ชำระราคาสินค้านั้นก่อนได้หรือไม่อย่างไร,ได้ ผู้ซื้อมีสิทธิไม่ชำระราคาสินค้าที่ชำรุดบกพร่องนั้นไว้ก่อนได้ เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรมาให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 488 หากสินค้าที่ซื้อมีความชำรุดบกพร่อง ผู้ซื้อสามารถยึดหน่วงการชำระราคาสินค้าที่ยังไม่ได้ชำระไว้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรมาให้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '488'}]",ได้ ผู้ซื้อมีสิทธิไม่ชำระราคาสินค้าที่ชำรุดบกพร่องนั้นไว้ก่อนได้ เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรมาให้ +หากมีการละเมิดต่อชื่อเสียง ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง,ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องให้ใช้ค่าเสียหาย หรือให้จัดการให้ชื่อเสียงของตนนั้นกลับคืนดี หรือให้ใช้ค่าเสียหายและให้จัดการให้ชื่อเสียงของตนนั้นกลับคืนดีก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 447 การละเมิดต่อชื่อเสียง ผู้เสียหายสามารถร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ทำละเมิดต้องจัดการเพื่อทำให้ชื่อเสียงของผู้เสียหายกลับคืนดีแทนการให้ใช้ค่าเสียหาย หรือทั้งให้ใช้ค่าเสียหายด้วยก็ได้,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '447'}]",ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องให้ใช้ค่าเสียหาย หรือให้จัดการให้ชื่อเสียงของตนนั้นกลับคืนดี หรือให้ใช้ค่าเสียหายและให้จัดการให้ชื่อเสียงของตนนั้นกลับคืนดีก็ได้ +การสลักหลังตั๋วแลกเงินให้ตัวแทนแล้ว ตัวแทนนั้นจะสามารถโอนตั๋วแลกเงินนั้นไปยังบุคคลอื่นอีกได้หรือไม่อย่างไร,ได้ เนื่องจากตัวแทนเป็นผู้ครอบครองตั๋วแลกเงินถือได้ว่าเป็นผู้ทรงด้วยจึงสามารถสลักหลังโอนตั๋วแลกเงินนั้นได้ แต่โอนไปได้เฉพาะในฐานเป็นตัวแทนเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 925 การสลักหลังตั๋วแลกเงินให้ตัวแทน โดยมีข้อกำหนดว่า ราคาอยู่ที่เรียกเก็บ หรือเพื่อเรียกเก็บ หรือในฐานจัดการแทน หรือข้อความอื่นที่มีความหมายว่าตัวแทน ถือว่าตัวแทนนั้นเป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงินด้วยจึงสามารถใช้สิทธิตามตั๋วแลกเงินนั้นได้ แต่อย่างไรก็ดี หากตัวแทนนั้นจะสลักหลังโอนตั๋วแลกเงินนั้นให้สามารถทำได้เพียงในฐานเป็นตัวแทนเท่านั้น นอกจากนี้ ให้คู่สัญญาตามตั๋วแลกเงินทั้งหลายที่ต้องรับผิด สามารถต่อสู้ผู้ทรงซึ่งเป็นตัวแทนนั้นได้ด้วยข้อต่อสู้ที่จะใช้ได้เฉพาะผู้สลักหลังเท่านั้น,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '925'}]",ได้ เนื่องจากตัวแทนเป็นผู้ครอบครองตั๋วแลกเงินถือได้ว่าเป็นผู้ทรงด้วยจึงสามารถสลักหลังโอนตั๋วแลกเงินนั้นได้ แต่โอนไปได้เฉพาะในฐานเป็นตัวแทนเท่านั้น +พลังงานคืออะไร,"พลังงานคือ ความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้งานได้ + +คำอธิบาย: พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ +“พลังงาน” หมายความว่า ความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้งานได้ ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสิ้นเปลือง และให้หมายความรวมถึงสิ่งที่อาจให้งานได้ เช่น เชื้อเพลิง ความร้อนและไฟฟ้า เป็นต้น +“พลังงานหมุนเวียน” หมายความรวมถึง พลังงานที่ได้จากไม้ ฟืน แกลบ กากอ้อย ชีวมวล น้ำ แสงอาทิตย์ ความร้อนใต้พิภพ ลม และคลื่น เป็นต้น +“พลังงานสิ้นเปลือง” หมายความรวมถึง พลังงานที่ได้จากถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และนิวเคลียร์ เป็นต้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '3'}]",พลังงานคือ ความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้งานได้ +คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีหน้าที่เสนอนโยบาย หรือมาตรการใดต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานหรือไม่,"มี คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีหน้าที่เสนอนโยบาย เป้าหมาย หรือมาตรการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน +คำอธิบาย : ตามมาตรา 4 ของพระราชบัญยัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เสนอนโยบาย เป้าหมาย หรือมาตรการเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานต่อคณะรัฐมนตรี","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '4'}]",มี คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีหน้าที่เสนอนโยบาย เป้าหมาย หรือมาตรการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน +หากมีหนังสือหรือคำสั่งที่ต้องการจะส่งถึงผู้รับต้องทำอย่างไรถึงจะถือว่าการส่งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย,"ให้เจ้าหน้าที่นำส่งในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ในกรณีที่ไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวได้ด้วยด้วยเหตุใด ๆ ให้ส่งโดยวิธีปิดหนังสือหรือคำสั่งไว้ในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ สำนักงาน หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย หรือจะโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ + +คำอธิบาย : ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 5 หนังสือหรือคำสั่งที่มีถึงบุคคลใดเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าหน้าที่นำส่งในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน +ในกรณีที่ไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวในวรรคหนึ่งด้วยเหตุใด ๆ ให้ส่งโดยวิธีปิดหนังสือหรือคำสั่งไว้ในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ สำนักงาน หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย หรือจะโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ +เมื่อได้ส่งตามวิธีดังกล่าวในวรรคสองและเวลาได้ล่วงพ้นไปเจ็ดวันแล้ว ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือหรือคำสั่งนั้นแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '5'}]",ให้เจ้าหน้าที่นำส่งในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ในกรณีที่ไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวได้ด้วยเหตุใด ๆ ให้ส่งโดยวิธีปิดหนังสือหรือคำสั่งไว้ในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ สำนักงาน หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย หรือจะโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ +การกำหนดกฎกระทรวงและการออกประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีผลบังคับใช้อย่างไร,"กฎกระทรวงและการออกประกาศของรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงพลังงานมีผลบังคับใช้เมื่อได้ประกาศในพระราชกิจจ���นุเบกษาแล้ว + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 6 ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตน +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงหรือประกาศ ตลอดจนมีอำนาจกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ +กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '6'}]",กฎกระทรวงและการออกประกาศของรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงพลังงานมีผลบังคับใช้เมื่อได้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว +การกระทำใดไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ช่วยอนุรักษ์พลังงานในโรงงาน,"การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ หรือการที่ไม่คำนึงถึงการลดการใช้พลังงานในขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยีหรือวิธีการที่ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิต หรือการที่ไม่คำนึงถึงการลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการต่าง ๆ ในโรงงาน และการไม่ดูแลรักษาปรับปรุงปีะสิทธิภาพการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 7 การอนุรักษ์พลังงานในโรงงานได้แก่การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ +(1) การปรับปรุงประสิทธิภาพของการเผาไหม้เชื้อเพลิง +(2) การป้องกันการสูญเสียพลังงาน +(3) การนำพลังงานที่เหลือจากการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ +(4) การเปลี่ยนไปใช้พลังงานอีกประเภทหนึ่ง +(5) การปรับปรุงการใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีปรับปรุงตัวประกอบกำลังไฟฟ้า การลดความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับภาระและวิธีการอื่น +(6) การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงตลอดจนระบบควบคุมการทำงานและวัสดุที่ช่วยในการอนุรักษ์พลังงาน +(7) การอนุรักษ์พลังงานโดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '7'}]",การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ หรือการที่ไม่คำนึงถึงการลดการใช้พลังงานในขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยีหรือวิธีการที่ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิต หรือการที่ไม่คำนึงถึงการลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการต่าง ๆ ในโรงงาน และการไม่ดูแลรักษาปรับปรุงปีะสิทธิภาพการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง +โรงงานควบคุมจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใดบ้างเมื่อใช้พลังงานต่ำกว่าขนาดหรือปริมาณที่กำหนด,"โรงงานต้องมีมีความจำเป็นต้องใช้ระดับพลังงาน(ต่ำ)นั้นต่อไปอีกเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องแจ้งรายละเอียดพร้อมเหตุผล เป็นคำขอไปยังอธิบดีให้ผ่อนผันตลอดระยเวลาดังกล่าวได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 8 +เจ้าของโรงงานควบคุมแห่งใดใช้พลังงานต่ำกว่าขนาดหรือปริมาณที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งและจะใช้พลังงานในระดับดังกล่าวต่อไปเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหกเดือน เจ้าของโรงงานควบคุมแห่งนั้นอาจแจ้งรายละเอียดพร้อมด้วยเหตุผล และมีคำขอให้อธิบดีผ่อนผันการที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ตลอดเวลาดังกล่าวได้ ในกรณีที่มีคำขอดังกล่าว ให้อธิบดีพิจารณาผ่อนผันหรือไม่ผ่อนผันและมีหนังสือแจ้งผลให้เจ้าของโรงงานควบคุมทราบโดยเร็ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '8'}]",โรงงานต้องมีมีความจำเป็นต้องใช้ระดับพลังงาน(ต่ำ)นั้นต่อไปอีกเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องแจ้งรายละเอียดพร้อมเหตุผล เป็นคำขอไปยังอธิบดีให้ผ่อนผันตลอดระยเวลาดังกล่าวได้ +ใครมีหน้าที่ในการกำหนดคุณสมบัตรและหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 9 เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุม ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานให้เจ้าของโรงงานควบคุมต้องปฏิบัติ +(2) กำหนดให้เจ้าของโรงงานควบคุมต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานประจำในโรงงานควบคุมแต่ละแห่ง ตลอดจนกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '9'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน +ใครเป็นผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของโรงงานควบคุมแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้พลังงาน,"อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน + +คำอธิบาย : คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 10 ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของโรงงานควบคุมรายใดแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้พลังงานเพื่อตรวจสอบให้การอนุรักษ์พลังงานเป็นไปตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 9 และให้เจ้าของโรงงานควบคุมรายนั้นปฏิบัติตามภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '10'}]",อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน +การอนุรักษพลังงานในอาคารสามารถทำได้อย่างไรบ้าง,"สามารถทำได้โดยการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1) การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร +(2) การปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม +(3) การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่จะช่วยอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนการแสดงคุณภาพของวัสดุก่อสร้างนั้น ๆ +(4) การใช้แสงสว่างในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ +(5) การใช้และการติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร +(6) การใช้ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 17 การอนุรักษ์พลังงานในอาคารได้แก่การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ +(1) การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร +(2) การปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม +(3) การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่จะช่วยอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนการแสดงคุณภาพของวัสดุก่อสร้างนั้น ๆ +(4) การใช้แสงสว่างในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ +(5) การใช้และการติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร +(6) การใช้ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ +(7) การอนุรักษ์พลังงานโดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '17'}]",สามารถทำได้โดยการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1) การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร (2) การปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (3) การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่จะช่วยอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนการแสดงคุณภาพของวัสดุก่อสร้างนั้น ๆ (4) การใช้แสงสว่างในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ (5) การใช้และการติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร (6) การใช้ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ (7) การอนุรักษ์พลังงานโดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง +การกำหนดว่าอาคารใดเป็นอาคารควบคุมนั้นสามารถทำได้เมื่อใด,"สามารถทำได้เมื่อมีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และได้ลงประกาศในพระราชกิจจานุเบกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 120 วัน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 18 การกำหนดอาคารประเภทใด ขนาด ปริมาณการใช้พลังงาน และวิธีการใช้พลังงานอย่างใดให้เป็นอาคารควบคุม ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา +ให้นำมาตรา 8 วรรคสองและวรรคสามมาใช้บังคับโดยอนุโลม + +มาตรา 8 วรรคสอง พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '18'}]",สามารถทำได้เมื่อมีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และได้ลงประกาศในพระราชกิจจานุเบกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 120 วัน +เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในอาคารที่จะทำการก่อสร้างหรือดัดแปลงนั้น รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องใดบ้าง,"การกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารที่จะมีการก่อสร้างหรือดัดแปลง และ กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการออกแบบอาคาร + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 19 เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในอาคารที่จะทำการก่อสร้างหรือดัดแปลง ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) กำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารที่จะทำการก่อสร้างหรือดัดแปลงที่จะต้องมีการออกแบบเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน +(2) กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารตาม (1) เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน +กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งจะกำหนดรายละเอียดทางด้านเทคนิค วิชาการ หรือเรื่องอื่นใดที่เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '19'}]",การกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารที่จะมีการก่อสร้างหรือดัดแปลง และ กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการออกแบบอาคาร +การกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารที่จะมีการก่อสร้างหรือดัดแปลง และ กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการออกแบบอาคาร สามารถนำมาใช้บังคับกับการควบคุมอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารได้ไหม,"ได้ ต่อเมื่อคณะกรรมการควบคุมอาคารให้ความเห็นชอบแล้ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 20 ในการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 19 ถ้าคณะกรรมการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารได้พิจารณาให้ความเห็นชอบที่จะนำมาใช้บังคับกับการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารด้วยแล้ว ให้ถือว่ากฎกระทรวงดังกล่าวมีผลเสมือนเป็นกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และให้บรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลให้การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารเป็นไปตามกฎกระทรวงดังกล่าว และในกรณีเช่นว่านี้ แม้ว่าอาคารที่เข้าลักษณะเป็นอาคารควบคุมจะอยู่ในท้องที่ที่ยังมิได้มีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารก็ตาม ให้ถือว่าอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารด้วย ทั้งนี้ เฉพาะในขอบเขตที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการ���นุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '20'}]",ได้ ต่อเมื่อคณะกรรมการควบคุมอาคารให้ความเห็นชอบแล้ว +เจ้าของอาคารต้องจัดการพลังงานในอาคารควบคุมอย่างไร,"เจ้าของอาคารต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ วิธีการที่รัฐมนตรีออกเป็นกฎกระทรวงในการจัดการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 21 เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุม ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) กำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานให้เจ้าของอาคารควบคุมต้องปฏิบัติ +(2) กำหนดให้เจ้าของอาคารควบคุมต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานประจำในอาคารควบคุมแต่ละแห่ง ตลอดจนกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน +ให้นำมาตรา 9 วรรคสองและมาตรา 10 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '21'}]",เจ้าของอาคารต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ วิธีการที่รัฐมนตรีออกเป็นกฎกระทรวงในการจัดการพลังงาน +ผู้ใดมีสิทธิขอรับการส่งเสริมและเงินช่วยเหลือในการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์,"ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ หรือวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 23 เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ รวมทั้งให้มีการส่งเสริมการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) กำหนดมาตรฐานด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ +(2) กำหนดเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ตามประเภท ขนาด ปริมาณการใช้พลังงาน อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างใด เป็นเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง +(3) กำหนดวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามประเภท คุณภาพและมาตรฐานอย่างใด เป็นวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน +(4) กำหนดให้ผู้ผลิตและ��ู้จำหน่ายเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ ต้องแสดงค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน +ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ หรือวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงตามวรรคหนึ่ง (2) หรือ (3) มีสิทธิขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือตามมาตรา 40 ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '23'}]",ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ หรือวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง +กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินอะไรบ้าง,"1. เงินที่โอนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง +2. เงินจากผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่าย,เงินจากผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง และเงินจากผู้ซื้อหรือผู้ได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +3. เงินค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า +4. เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นคราวๆ +5. เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ รัฐบาลต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ +6. เงินจากดอกผลและประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นจากกองทุนนี้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 24 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน โดยประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินดังต่อไปนี้ +(1) เงินที่โอนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงตามจำนวนที่นายกรัฐมนตรีกำหนด +(2) เงินที่ส่งตามมาตรา 35 มาตรา 36 และมาตรา 37 +(3) เงินค่าธรรมเนียมพิเศษที่จัดเก็บตามมาตรา 42 +(4) เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นคราว ๆ +(5) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ รัฐบาลต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ +(6) เงินจากดอกผลและประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากกองทุนนี้ +ให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '24'}]","1. เงินที่โอนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง +2. เงินจากผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่าย, เงินจากผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง และเงินจากผู้ซื้อหรือผู้ได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +3. เงินค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า +4. เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นคราวๆ +5. เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ รัฐบาลต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ +6. เงินจากดอกผลและประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นจากกองทุนนี้" +กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่โอนไปที่กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โอนมาจากที่ใด,"กระทรวงการคลัง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 24/1 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '24/1'}]",กระทรวงการคลัง +ใครที่สามารถขอเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้,"ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจสถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนที่มี +1. โครงการทางด้านการอนุรักษ์พลังงานหรือโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน +2. การค้นคว้า วิจัย การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนา การส่งเสริมและการอนุรักษ์พลังงาน การป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานและเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและวางแผนพลังงาน +3. โครงการสาธิต หรือโครงการริเริ่มที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานหรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน +4. การศึกษา การฝึกอบรม และการประชุมเกี่ยวกับพลังงาน +5. การโฆษณา การเผยแพร่ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการพัฒนา การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน + +คำอธิบาย :คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 25 เงินกองทุนให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ + +(3) เป็นเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจสถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนในเรื่องดังต่อไปนี้ +(ก) โครงการทางด้านการอนุรักษ์พลังงานหรือโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน +(ข) การค้นคว้า วิจัย การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนา การส่งเสริมและการอนุรักษ์พลังงาน การป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานและเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและวางแผนพลังงาน +(ค) โครงการสาธิต หรือโครงการริเริ่มที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานหรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน +(ง) การศึกษา การฝึกอบรม และการประชุมเกี่ยวกับพลังงาน +(จ) การโฆษณา การเผยแพร่ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการพัฒนา การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '25'}]",ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจสถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน +ถ้านิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไรจากการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน จะสามารถได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนได้หรือไม่,"ไม่ได้ เพราะนอกจากมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานแล้ว กิจกรรมนั้นต้องไม่ได้มุ่งหากำไรด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 26 องค์กรเอกชนที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนตามมาตรา 25 (3) ต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอนุรักษ์พลังงานหรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองหรือมุ่งค้าหากำไรจากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '26'}]",ไม่ได้ เพราะนอกจากมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก���จกรรมนั้นต้องไม่ได้มุ่งหากำไรด้วย +ผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการกองทุนต้องมีความเชี่ยวชาญด้านใด,"เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและประสบการณ์เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเงิน วิทยาการพลังงาน และการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการกองทุนคณะหนึ่งประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพลังงาน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกสภาวิศวกร นายกสภาสถาปนิก และผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นกรรมการและเลขานุการ +การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้พิจารณาจากบุคคล ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมีผลงานและประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเงิน วิทยาการพลังงานและการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '27'}]",เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและประสบการณ์เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเงิน วิทยาการพลังงาน และการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม +คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจหน้าที่ใดบ้าง,"มีหน้าที่ในการเสนอแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อกำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการรับการสนับสนุนและพิจารณาจัดสรรเงินกองทุน ตลอดจนเสนออัตราเงินเข้ากองทุนและค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 ให้คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ +(1) เ��นอแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 ต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ +(2) พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 ทั้งนี้ ตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 4 (4) +(3) กำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือ หรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุน +(4) เสนออัตราการส่งเงินเข้ากองทุนสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ +(5) เสนอชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ +(6) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ +(7) ยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษ +(8) พิจารณาอนุมัติคำขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือตามมาตรา 40 (2) ตามแนวทาง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 4 (8) +(9) กำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือตามมาตรา 41 +(10) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ +การกำหนดตาม (3) (7) และ (9) ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '28'}]",มีหน้าที่ในการเสนอแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อกำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการรับการสนับสนุนและพิจารณาจัดสรรเงินกองทุน ตลอดจนเสนออัตราเงินเข้ากองทุนและค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ. +ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วสามารถกลับมารับตำแหน่งอีกได้หรือไม่,"สามารถทำได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 29 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี +กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '29'}]",สามารถทำได้ +หากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องโทษจำคุกต้องออกจากตำแหน่งไหม,"ต้องออกตำแหน่ง เว้นแต่โทษนั้นจะเป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือเป็นความผิดลหุโทษ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 30 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 29 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ +(1) ตาย +(2) ลาออก +(3) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถ +(4) เป็นบุคคลล้มละลาย +(5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ +(6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '30'}]",ต้องออกตำแหน่ง เว้นแต่โทษนั้นจะเป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือเป็นความผิดลหุโทษ +การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่โดยที่คนเก่ายังไม่หมดวาระสามารถเกิดขึ้นในกรณีใดได้บ้าง,"กรณีที่เป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 31 ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '31'}]",กรณีที่เป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม +ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุมิปล่อยให้ว่างได้ไหม,"ไม่ได้ หากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมสิ้นสุดวาระแล้วยังไม่ได้แต่งตั้งคนใหม่ให้คนเดิมทำหน้าที่ไปจนกว่าจะแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 32 ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดำรงตำแหน่งครบตามวาระแล้วแต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '32'}]",ไม่ได้ หากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมสิ้นสุดวาระแล้วยังไม่ได้แต่งตั้งคนใหม่ให้คนเดิมทำหน้าที่ไปจนกว่าจะแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ +คณะกรรมการในที่ประชุมสามารถเป็นประธานในที่ประชุมได้หรือไม่,"ได้ ในกรณที่ประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการหนึ่งคนขึ้นมาเป็นประธานในที่ประชุม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 33 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '33'}]",ได้ ในกรณที่ประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการหนึ่งคนขึ้นมาเป็นประธานในที่ประชุม +คณะอนุกรรมการมีอำนาจในการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนหรือไม่,"มีอำนาจแต่สามารถทำได้เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 34 ให้คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนมอบหมาย ตลอดจนเชิญบุคคลมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็น เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ได้ตามความจำเป็น +ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามมาตรา 28 (2) คณะกรรมการกองทุนอาจมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการมีอำนาจในการอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด +ให้คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งขึ้นตามวรรคหนึ่งเชิญบุคคลมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็น เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและให้นำมาตรา 33 มาใช้���ังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '34'}]",มีอำนาจแต่สามารถทำได้เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ +กระทรวงการคลังต้องให้ความเห็นชอบในเรื่องใดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษพลังงานบ้าง,"การรับเงิน จ่ายเงิน เก็บรักษาเงิน รวมถึงการจำหน่ายทรัพย์สินของการทุน และการบัญชี + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 34/1 การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนและการบัญชี ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '34/1'}]",การรับเงิน จ่ายเงิน เก็บรักษาเงิน รวมถึงการจำหน่ายทรัพย์สินของการทุน และการบัญชี +รายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนต้องเสนอต่อใคร,"เสนอต่อคณะกรรมการกองทุน, คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ, คณะรัฐมนตรี, นายกรัฐมนตรี และรัฐสภาตามลำดับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 34/2 ให้คณะกรรมการกองทุนจัดทำงบการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุน และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี +ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีตามวรรคหนึ่งจัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ +รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินตามวรรคสอง ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '34/2'}]","เสนอต่อคณะกรรมการกองทุน, คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ, คณะรัฐมนตรี, นายกร��ฐมนตรี และรัฐสภาตามลำดับ" +ผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่ายเพื่อใช้ในประเทศไทยจะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนต่อหน่วยงานใด,"ส่งให้แก่กรมสรรพาสามิต พร้อมภาษีสรรพาสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ถ้ามี) + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 35 ให้ผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +การส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมสรรพสามิตพร้อมกับการชำระภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้ามี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กรมสรรพสามิตกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '35'}]",ส่งให้แก่กรมสรรพาสามิต พร้อมภาษีสรรพาสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ถ้ามี) +ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในไทยจะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนให้แก่หน่วยงานใด,"กรมศุลกากร พร้อมภาษีอากรสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ถ้ามี) + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 36 ให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +การส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมศุลกากรพร้อมกับการชำระค่าภาษีอากรสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ถ้ามี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '36'}]",กรมศุลกากร พร้อมภาษีอากรสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ถ้ามี) +ผู้ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซธรรมชาติจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด่วยการปิโตรเลียมจะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนให้แก่หน่วยงานใด,"กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพร้อมค่าภาคหลวงสำหรับก๊าซ (ถ้ามี) + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 37 ให้ผู้ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งเงินเข้ากองท���นในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +การส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*พร้อมกับการชำระค่าภาคหลวงสำหรับก๊าซ ถ้ามี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '37'}]",กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพร้อมค่าภาคหลวงสำหรับก๊าซ (ถ้ามี) +หากผู้ที่มีหน้าที่นำส่งเงินเข้ากองทุน ไม่ส่งเงินเข้ากองทุนจะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด แต่จะไม่มีความผิดหากได้ดำเนินการตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ +1. ผู้นำส่งรู้ตัวและนำส่งเงินให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมค่าปรับในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องนำส่งหรือจำนวนที่ขาดนับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดต้องนำส่งจนกว่าจะนำส่งครบถ้วน +2. ได้รับหนังสือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเงินส่งเข้ากองทุนภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งค่าปรับในอัตราร้อยละ 6 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องนำส่งหรือจำนวนที่ขาดนับแต่วันที่ครบกำหนดจนกว่าจะนำส่งครบถ้วน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 38 ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 ไม่ส่งเงินเข้ากองทุนหรือส่งเงินเข้ากองทุนไม่ครบตามจำนวนที่ต้องส่งกองทุนภายในเวลาที่กำหนดแก่กรมสรรพสามิตสำหรับผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่นและจำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักร หรือกรมศุลกากรสำหรับผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติสำหรับผู้ที่ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมให้กรมสรรพสามิต หรือกรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี ดำเนินคดีตามมาตรา 58 โดยเร็ว เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ +(1) ในกรณีที่ผู้นั้นเห็นเองว่าตนมีกรณีดังกล่าว ให้ผู้นั้นส่งเงินตามจำนวนที่ต้องส่งหรือตามจำนวนที่ขาด พร้อมทั้งเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสามต่อเดือนของจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ครบกำหนดส่งเงินเข้ากองทุนจนกว่าจะครบแก่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี +(2) ในกรณีที่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร หรือกรม���ชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี ตรวจพบว่ามีกรณีดังกล่าว และแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเงินเข้ากองทุนภายในระยะเวลาที่กำหนด และผู้นั้นได้ส่งเงินตามจำนวนที่ต้องส่งหรือตามจำนวนที่ขาด พร้อมทั้งเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหกต่อเดือนของจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ครบกำหนดส่งเงินเข้ากองทุนจนกว่าจะครบแก่กรมสรรพสามิตกรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี ภายในระยะเวลาที่กำหนด +เมื่อผู้มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ใน (1) หรือ (2) ผู้นั้นไม่มีความผิด +ให้ถือว่าเงินเพิ่มเป็นเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนด้วย และในการคำนวณระยะเวลาเพื่อการคำนวณเงินเพิ่มตาม (1) หรือ (2) นั้น หากมีเศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '38'}]",มีความผิด แต่จะไม่มีความผิดหากได้ดำเนินการตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ 1. ผู้นำส่งรู้ตัวและนำส่งเงินให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมค่าปรับในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องนำส่งหรือจำนวนที่ขาดนับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดต้องนำส่งจนกว่าจะนำส่งครบถ้วน 2. ได้รับหนังสือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเงินส่งเข้ากองทุนภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งค่าปรับในอัตราร้อยละ 6 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องนำส่งหรือจำนวนที่ขาดนับแต่วันที่ครบกำหนดจนกว่าจะนำส่งครบถ้วน +เงินจำนวนใดให้ถือว่าเป็นรายจ่ายตามประมวลรัษฎากร ตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535,"1. เงินที่ส่งเข้ากองทุน จากการที่ผู้ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ +2.เงินที่ส่งเข้ากองทุนจากการที่ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด + +อธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 39 เงินที่ส่งเข้ากองทุนตามมาตรา 35 มาตรา 36 และมาตรา 37 ให้ถือว่าเป็นรายจ่ายตามปร���มวลรัษฎากร +พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 37 ให้ผู้ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งเงินเข้ากองทุนในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +การส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*พร้อมกับการชำระค่าภาคหลวงสำหรับก๊าซ ถ้ามี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนด +พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 36 ให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด +การส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งแก่กรมศุลกากรพร้อมกับการชำระค่าภาษีอากรสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ถ้ามี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '39'}]","1. เงินที่ส่งเข้ากองทุนจากการที่ผู้ซื้อหรือได้มาซึ่งก๊าซจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ +2. เงินที่ส่งเข้ากองทุนจากการที่ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในราชอาณาจักรส่งเงินเข้ากองทุนตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด." +โรงงานหรืออาคารที่จัดให้มีการอนุรักษ์พลังงานสามารถขอรับการช่วยเหลืออะไรได้บ้าง,"ขอรับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ ขอรับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากกองทุน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 40 โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมที่จะต้องจัดให้มีการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งมีเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ และวัสดุที่จำเป็นเพื่อการนั้น ๆ หรือผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงหรือวัสดุเพื่อใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน มีสิทธิขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือได้ดังต่อไปนี��� +(1) ขอรับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) ขอรับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากกองทุนตามมาตรา 25","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '40'}]",ขอรับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ ขอรับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากกองทุน +ใครเป็นผู้ติดตามให้ผู้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือปฏิบัติตามเงื่อนไข,"กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 41 คำขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือตามมาตรา 40 ให้ยื่นต่อคณะกรรมการกองทุนตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด +ในการพิจารณาอนุมัติตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการกองทุนอาจจ้างบุคคลหรือสถาบันใด ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการหรือเชี่ยวชาญทำการศึกษาและรายงานหรือให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาได้ +ให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติคำขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือตามแนวทางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 4 (8) และแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกองทุนในการส่งเสริมหรือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับการส่งเสริมและช่วยเหลือต่อไป +ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานมีหน้าที่ติดตามให้ผู้ได้รับการส่งเสริมและช่วยเหลือปฏิบัติการให้เป็นไปตามวรรคสาม และรายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '41'}]",กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน +ค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟ้ฟ้าคิดจากอะไร,"คิดจากปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อหรือได้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 42 เมื่อพ้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 9 (1) หรือมาตรา 21 (1) ใช้บังคับ ในกรณีที่เป็นโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมก่อนหรือในวันที่กฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ หรือนับแต่วันที่เป็นโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมในกรณีเป็นโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมหลังวันที่กฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ ถ้าเจ้าของโรงงา��ควบคุม หรือเจ้าของอาคารควบคุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว ต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าตามหมวดนี้ +ค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าตามวรรคหนึ่งจะเรียกเก็บจากโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมตามปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อหรือได้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ถือว่ามีผลบังคับเช่นเดียวกับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง หรือกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '42'}]",คิดจากปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อหรือได้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค +ต้นทุนรวมในการผลิตคืออะไร,"ค่าลงทุนในระบบผลิตและระบบจ่ายไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า, การบำรุงรักษา, การบริหาร, ความสูญเสียในระบบไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆในการประกอบกิจการไฟฟ้า รวมถึงผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมหรือประชาชนอันเกิดจากการผลิตและจ่ายไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นภาระโดดยตรงของการไฟฟ้า + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 43 ให้คณะกรรมการกองทุนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า +ในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างอัตราค่าไฟฟ้าที่โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมชำระให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับต้นทุนรวมในการผลิตและจ่ายไฟฟ้าจำนวนดังกล่าวให้แก่โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุม +ต้นทุนรวมตามวรรคสองหมายความว่า ค่าลงทุนในระบบผลิตและระบบจ่ายไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ความสูญเสียในระบบไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการประกอบกิจการไฟฟ้าและให้รวมถึงผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมหรือประชาชนอันเกิดจากการผลิตและจ่ายไฟฟ้านั้นที่ไม่เป็นภาระโดยตรงของการไฟฟ้า���่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '43'}]","ค่าลงทุนในระบบผลิตและระบบจ่ายไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า, การบำรุงรักษา, การบริหาร, ความสูญเสียในระบบไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆในการประกอบกิจการไฟฟ้า รวมถึงผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมหรือประชาชนอันเกิดจากการผลิตและจ่ายไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นภาระโดดยตรงของการไฟฟ้า" +หากโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมได้รับหนังสือแจ้งให้ชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าจะต้องทำอย่างไร,"จะต้องชำระค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้า โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนถัดไปนับจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากอธิบดี + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 44 เมื่อมีกรณีที่ต้องดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้ไฟฟ้าตามมาตรา 42 ให้อธิบดีมีหนังสือแจ้งให้เจ้าของโรงงานควบคุมหรือเจ้าของอาคารควบคุมที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าทราบ และให้ภาระการชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนถัดไปนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากอธิบดี +ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นผู้จัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าจากโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมที่ซื้อหรือได้ไปจากตนพร้อมกับการจัดเก็บค่าไฟฟ้าปกติประจำเดือน และนำส่งกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '44'}]",จะต้องชำระค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้า โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนถัดไปนับจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากอธิบดี +หากโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมอยู่ในระหว่างการชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า คณะกรรมการกองทุนมีสิทธิยกเลิกการให้การส่งเสริมและช่วยเหลือหรือไม่,"ไม่มีสิทธิยกเลิก แต่มีสิทธิระงับการส่งเสริมหรือช่วยเหลือเป็นการชั่วคราวหรือลดการให้การส่งเสริมหรือช่วยเหลือได้ + +คำอธิบา�� : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 45 ในระหว่างที่โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าตามหมวดนี้ ให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาระงับสิทธิการขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือแก่โรงงานควบคุม หรืออาคารควบคุมนั้นเป็นการชั่วคราวได้ หรือให้ระงับ หรือลดการให้การส่งเสริมหรือช่วยเหลือเป็นการชั่วคราวในกรณีที่โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมดังกล่าวได้รับการส่งเสริมและช่วยเหลืออยู่แล้วได้ตามที่เห็นสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '45'}]",ไม่มีสิทธิยกเลิก แต่มีสิทธิระงับการส่งเสริมหรือช่วยเหลือเป็นการชั่วคราวหรือลดการให้การส่งเสริมหรือช่วยเหลือได้ +ค่ำสั่งยุติการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้ามีผลเมื่อใด,"เมื่อมีคำสั่งออกมาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ของเดือนถัดไป + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 46 +คำสั่งยุติการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้าตามวรรคสอง ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนถัดไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '46'}]",เมื่อมีคำสั่งออกมาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ของเดือนถัดไป +หากพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานต้องการเข้าไปในโรงงานหรืออาคารควบคุมเพื่อตรวจสอบสามารถทำได้หรือไม่,"สามารถทำได้ แต่จะต้องเข้าไประหว่างเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์และเข้าไปในวันและเวลาทำการของโรงงานหรืออาคารควบคุมนั้นๆ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 47 เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้ + +(2) เข้าไปในโรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบหรือดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ในการนี้ ให้มีอำนาจสอบถามข้อเท็จจริงหรือตรวจสอบเอกสารบันทึกสภาพโรงงาน อาคาร เครื่องจักรและอุปกรณ์ และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานและอาคาร รวมตลอดถึง��ารปฏิบัติงานของบุคคลใด ๆ ในสถานที่นั้น และให้มีอำนาจตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ หรือนำวัสดุปริมาณพอสมควรเท่าที่เป็นไปได้ไปเป็นตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '47'}]",สามารถทำได้ แต่จะต้องเข้าไประหว่างเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์และเข้าไปในวันและเวลาทำการของโรงงานหรืออาคารควบคุมนั้นๆ +ใครมีหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่เมื่อเข้าตรวจสอบอาคารหรือโรงงานควบคุม,"เจ้าของโรงงานหรืออาคารควบคุม บุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่อยู่ ณ โรงงานหรืออาคารควบคุมตอนนั้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 48 ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 47 (2) ให้เจ้าของโรงงานควบคุมหรือเจ้าของอาคารควบคุม ตลอดจนบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องหรืออยู่ในสถานที่นั้นอำนวยความสะดวกตามสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '48'}]",เจ้าของโรงงานหรืออาคารควบคุม บุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่อยู่ ณ โรงงานหรืออาคารควบคุมตอนนั้น +พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือบุคคล หรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีมีอำนาจในการขอต่อในอนุญาตของบุคคลหรือนิติบุคคลหรือไม่,"ไม่มี การต่ออายุในอนุญาตของบุคคลหรือนิติบุคคลต้องเป็นไปตามเหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 48/1 ในกรณีที่จะต้องมีการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานการใช้พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ และคุณภาพวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามมาตรา 47 (3) อธิบดีอาจอนุญาตให้บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นผู้ดำเนินการแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ +การกำหนดคุณสมบัติ การขอรับใบอนุญาต การอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตของบุคคลหรือนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '48/1'}]",ไม่มี +อธิบดีจะสามารถเพิกถอนใบอนุญาตของโรงงานหรืออาคารควบคุมได้ในกรณีใด,"ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตรายงานผลการตรวจสอบและรายงานอันเป็นเท็จ หรือไม่ตรงความจริงและศาสได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 48/2 ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 48/1 ผู้ใดรายงานผลการตรวจสอบและรับรองตามมาตรา 47 (3) อันเป็นเท็จ หรือไม่ตรงตามความเป็นจริงและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้อธิบดีสั่งเพิกถอนใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '48/2'}]",ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตรายงานผลการตรวจสอบและรายงานอันเป็นเท็จ หรือไม่ตรงความจริงและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว +อธิบดีมีอำนาจใดระหว่างที่ผู้ได้รับใบอนุญาตถูกฟ้อง,"มีอำนาจในการสั่งพักใช้ใบอนุญาต + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 48/3 กรณีที่ผู้รับอนุญาตตามมาตรา 48/1 ถูกฟ้องต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตไว้รอคำพิพากษาถึงที่สุดก็ได้ +ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการตามใบอนุญาตนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '48/3'}]",มีอำนาจในการสั่งพักใช้ใบอนุญาต +ระหว่างที่อุทธรณ์สามารถใช้ใบอนุญาตต่อได้หรือไม่,"ไม่ได้ ระหว่างที่อุทธรณ์นั้นไม่ได้เป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามคำสั่งที่ให้พักใช้ใบอนุญาต + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 48/4 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกพักใช้ใบอนุญาต มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง +คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด +การอุทธรณ์คำสั่งรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '48/4'}]",ไม่ได้ ระหว่างที่อุทธรณ์นั้นไม่ได้เป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามคำสั่งที่ให้พักใช้ใบอนุญาต +พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องทำอย่างไรเพื่อแสดงตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่,"พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว + +คำอธิบาย : พระรา���บัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 49 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง +บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '49'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว +หลังจากโรงงานหรืออาคารควบคุมมีการขออุทธรณ์หนังสือแจ้งผลการผ่อนผันแล้วนั้นกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะต้องทำอย่างไรต่อไป,"กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะต้องรอจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีและได้แจ้งคำวินิจฉัยนั้นให้แก่โรงงานหรืออาคารควบคุมทราบแล้ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 50 ผู้ได้รับหนังสือแจ้งผลตามมาตรา 8 วรรคสามผู้ใดไม่เห็นด้วยกับหนังสือแจ้งดังกล่าว ให้อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง +ในกรณีเช่นว่านี้ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานรอการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีและแจ้งคำวินิจฉัยให้ผู้ยื่นคำร้องทราบแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '50'}]",กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะต้องรอจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีและได้แจ้งคำวินิจฉัยนั้นให้แก่โรงงานหรืออาคารควบคุมทราบแล้ว +การอุทธรณ์ใบแจ้งชำระค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟใช่หรือไม่,"ไม่ใช่ การอุทธรณ์ไม่ได้เป็นผลให้มีการยกเลิกการบังคับนั้น เพียงแต่สามารถชะลอไว้เป็นการชั่วคราวได้หากรัฐมนตรีมีคำสั่ง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 51 ผู้ได้รับหนังสือแจ้งตามมาตรา 44 วรรคหนึ่งผู้ใดไม่เห็นด้วยกับหนังสือแจ้งให้อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง +การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุทุเลาการบังคับตามกฎหมาย เว้นแต่รัฐมนตรีจะเห็นสมควรให้มีการทุเลาการบังคับตามกฎหมายนั้นไว้ชั่วคราว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '51'}]",ไม่ใช่ +รัฐมนตรีมีสิทธิยื้อคำอุทธรณ์ไว้หรือไม่,"ไม่มีสิทธิ หลังจากรัฐมนตรีไ���้รับคำอุทธรณ์แล้วนั้นจะต้องพิจารณาโดยเร็ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 52 การพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 50 และมาตรา 51 ให้รัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว +คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '52'}]",ไม่มีสิทธิ +กฎหมายกำหนดโทษไว้อย่างไรสำหรับโณงงานหรืออาคารควบคุมที่แจ้งเหตุผลเท็จในการผ่อนผันใช้ระดับพลังงานต่ำ,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือรับไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 53 เจ้าของโรงงานควบคุมแห่งใดแจ้งรายละเอียดหรือเหตุผลตามมาตรา 8 วรรคสาม อันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '53'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากโรงงานควบคุมไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีในการแจ้งข็อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้พลังงานจะมีโทษอย่างไร,"มีโทษทางพินัย ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน ห้าหมื่นบาท + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 54 เจ้าของโรงงานควบคุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีที่สั่งตามมาตรา 10 หรือเจ้าของอาคารควบคุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีที่สั่งตามมาตรา 10 ซึ่งได้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 21 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '54'}]",มีโทษทางพินัย ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน ห้าหมื่นบาท +โรงงานหรืออาคารควบคุมใดที่มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานประจำแต่ละแห่ง แต่ไม่มีคุณสมบัติตามที่กฎกระทรวงกำหนด จะถือว่ามีความผิดหรือไม่,"มีความผิด เพราะเจ้าหน้าที่ผู็มีความรับชอบด้านพลังงานที่ประจำแต่ละแห่งจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎกระทรวงกำหนดด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 55 เจ้าของโรงงานควบคุม เจ้าของอาคาร���วบคุม หรือผู้รับผิดชอบด้านพลังงานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา 9 หรือมาตรา 21 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองแสนบาท*","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '55'}]",มีความผิด เพราะเจ้าหน้าที่ผู็มีความรับชอบด้านพลังงานที่ประจำแต่ละแห่งจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎกระทรวงกำหนดด้วย +ผลการตรวจสอบและรายงานเท็จในเรื่องของตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน การใช้พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์และคุณภาพวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จะมีโทษอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 56 ผู้รับใบอนุญาตตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน การใช้พลังงานในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ และคุณภาพวัสดุหรืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามมาตรา 48/1 ผู้ใดรายงานผลการตรวจสอบและรับรองตามมาตรา 47 (3) อันเป็นเท็จหรือไม่ตรงตามความเป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '56'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การไม่ส่งเงินเข้ากองทุนหรือส่งไม่ครบมีโทษยังไง,"มีโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 58 ผู้ใดไม่ส่งเงินเข้ากองทุนหรือส่งเงินเข้ากองทุนไม่ครบตามจำนวนที่ต้องส่งตามมาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '58'}]",มีโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +เจ้าของโรงงานหรืออาคารควบคุมไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบจะมีความผิดหรือไม่อย่างไร,"มีความผ��ด ต้องชำระค่าปรับเป็นจำนวนไม่เกินห้าพันบาท + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 59 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 47 (2) มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าพันบาท*","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '59'}]",มีความผิด ต้องชำระค่าปรับเป็นจำนวนไม่เกินห้าพันบาท +ในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานกรรมการของนิติบุคคลต้องรับผิดในกรณีที่นิติบุคคลกระทำผิดหรือไม่อย่างไร,"กรรมการต้องรับผิดต่อเมื่อความผิดนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำ หรือการละเว้นการสั่งการหรือการกระทำนั้นเหล่านั้นเกิดขึ้นจากกรรมการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 60 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '60'}]",กรรมการต้องรับผิดต่อเมื่อความผิดนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำ หรือการละเว้นการสั่งการหรือการกระทำนั้นเหล่านั้นเกิดขึ้นจากกรรมการ +พนักงานสอบสวนมีหน้าที่อย่างไร หากโรงงานหรืออาคารควบคุมยินยอมที่จะจ่ายค่าปรับ,"พนักงานสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ภายใน 7 วันนับแต่วันที่โรงงานหรืออาคารควบคุมยินยอมจ่ายค่าปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 61 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีที่รัฐมนตรีแต่งตั้งจากเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในทางกฎหมายสามคนมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และเมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่ได้เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบ���ทียบคดีกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา +ในการสอบสวนถ้าพนักงานสอบสวนพบว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้และบุคคลนั้นยินยอมให้เปรียบเทียบ ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีตามวรรคหนึ่งภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ผู้นั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535', 'sections': '61'}]",พนักงานสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ภายใน 7 วันนับแต่วันที่โรงงานหรืออาคารควบคุมยินยอมจ่ายค่าปรับ +การขออนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถทำได้ไหม,"สามารถทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จะไม่อยู่ภายใต้บังคับของพรบ การประกอบกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 3 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่กรณี ดังต่อไปนี้ +(1) กิจการปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเฉพาะที่อยู่ในแปลงสำรวจหรือระหว่างแปลงสำรวจที่เกี่ยวเนื่องกัน +(2) กิจการปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย และกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมอื่นที่มีลักษณะเดียวกันเฉพาะในพื้นที่พัฒนาร่วม หรือพื้นที่ที่มีความหมายอย่างเดียวกัน +(3) มาตรฐานความปลอดภัยของการขนส่งและการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง +(4) การขออนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง การแจ้งปริมาณการค้า การสำรอง และคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '3'}]",สามารถทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จะไม่อยู่ภายใต้บังคับของพรบ การประกอบกิจการพลังงาน +กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานบังคับใช้ในจังหวัดใดบ้าง,"ทุกจังหวัดในประเทศไทย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่การประกอบกิจการพลังงานทั่วราชอาณาจักร","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '4'}]",ทุกจังหวัดในประเทศไทย +ศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน คืออะไร,"หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการส่งก๊าซธรรมชาติ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ +“ศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน” หมายความว่า ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า หรือศูนย์ควบคุมการส่งก๊าซธรรมชาติ +“ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า” หมายความว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบไฟฟ้า +“สถานประกอบกิจการพลังงาน” หมายความว่า อาคาร สถานที่ เครื่องจักร ระบบโครงข่ายพลังงาน และอุปกรณ์อื่นใดที่ใช้ในการประกอบกิจการพลังงาน +“อัตราค่าบริการ” หมายความว่า ราคาพลังงานต่อหน่วย ค่าตอบแทน หรือเงื่อนไขสำหรับการให้บริการ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ใช้พลังงาน +“ราชอาณาจักร” หมายความรวมถึงเขตไหล่ทวีปที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศหรือตามความตกลงที่ได้ทำกับต่างประเทศด้วย +“กองทุน” หมายความว่า กองทุนพัฒนาไฟฟ้า +“ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน +“ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน +“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +“เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ +“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '5'}]",หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการส่งก๊าซธรรมชาติ +กฎกระทรวงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมาแล้วนั้นจะมีผลเมื่อไหร่,"มีผลเมื่อได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ +กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบก��าแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '6'}]",มีผลเมื่อได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว +วัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลกิจการพลังงานมีอะไรบ้าง,"(1) ส่งเสริมให้มีบริการด้านพลังงานอย่างเพียงพอ มีความมั่นคง และมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต +(2) ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานทั้งทางด้านอัตราค่าบริการและคุณภาพการให้บริการ +(3) ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบในการประกอบกิจการพลังงาน +(4) ส่งเสริมให้การบริการของระบบโครงข่ายพลังงานเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใสและไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม +(5) ส่งเสริมให้การประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงาน +(6) ปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้พลังงาน ชุมชนท้องถิ่น ประชาชน และผู้รับใบอนุญาตในการมีส่วนร่วม เข้าถึง ใช้ และจัดการด้านพลังงาน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย +(7) ส่งเสริมการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรในการประกอบกิจการพลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ +(8) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ +(1) ส่งเสริมให้มีบริการด้านพลังงานอย่างเพียงพอ มีความมั่นคง และมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต +(2) ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานทั้งทางด้านอัตราค่าบริการและคุณภาพการให้บริการ +(3) ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบในการประกอบกิจการพลังงาน +(4) ส่งเสริมให้การบริการของระบบโครงข่ายพลังงานเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใสและไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม +(5) ส่งเสริมให้การประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงาน +(6) ปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้พลังงาน ชุมชนท้องถิ่น ประชาชน และ��ู้รับใบอนุญาตในการมีส่วนร่วม เข้าถึง ใช้ และจัดการด้านพลังงาน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย +(7) ส่งเสริมการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรในการประกอบกิจการพลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ +(8) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '7'}]","(1) ส่งเสริมให้มีบริการด้านพลังงานอย่างเพียงพอ มีความมั่นคง และมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต +(2) ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานทั้งทางด้านอัตราค่าบริการและคุณภาพการให้บริการ +(3) ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบในการประกอบกิจการพลังงาน +(4) ส่งเสริมให้การบริการของระบบโครงข่ายพลังงานเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใสและไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม +(5) ส่งเสริมให้การประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงาน +(6) ปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้พลังงาน ชุมชนท้องถิ่น ประชาชน และผู้รับใบอนุญาตในการมีส่วนร่วม เข้าถึง ใช้ และจัดการด้านพลังงาน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย +(7) ส่งเสริมการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรในการประกอบกิจการพลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ +(8) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย" +นโยบายพื้นฐานว่าด้วยกิจการพลังงานที่รัฐเป็นคนกำหนดมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไรบ้าง,"1. เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ +2. เพื่อลดการลงทุนในการใช้พลังงาน ลดต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิงในกิจกรรมการผลิต และลดผลกระทบด้านสุขภาพและผลกระทบข้างเคียงอื่น ๆ จากการผลิตและใช้พลังงาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ +3. เพื่อให้การจั���การและกำหนดอัตราค่าบริการเป็นไปด้วยความโปร่งใสโดยมีองค์กรกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานทำหน้าที่คุ้มครองผู้ใช้พลังงาน และให้ความเป็นธรรม +4. เพื่อส่งเสริมสังคมให้มีความรู้ ความตระหนัก และพฤติกรรมที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า +5. เพื่อสนับสนุนกิจการไฟฟ้าเพื่อสาธารณูปโภคพื้นฐาน การรักษาความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 8 รัฐพึงมีแนวนโยบายพื้นฐานว่าด้วยกิจการพลังงาน ดังต่อไปนี้ +(1) จัดหาพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการ มีคุณภาพ มีความมั่นคง และมีระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเน้นการใช้ประโยชน์และพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนและพลังงานที่มีอยู่ภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ +(2) ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า รวมถึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและระบบกระจายศูนย์ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดการลงทุนในการใช้พลังงาน ลดต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิงในกิจกรรมการผลิต และลดผลกระทบด้านสุขภาพและผลกระทบข้างเคียงอื่น ๆ จากการผลิตและใช้พลังงาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ +(3) ส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการและตรวจสอบการดำเนินงานด้านพลังงาน เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการและกำหนดอัตราค่าบริการเป็นไปด้วยความโปร่งใสโดยมีองค์กรกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานทำหน้าที่คุ้มครองผู้ใช้พลังงาน และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย +(4) ส่งเสริมสังคมให้มีความรู้ ความตระหนัก และพฤติกรรมที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า +(5) สนับสนุนกิจการไฟฟ้าเพื่อสาธารณูปโภคพื้นฐาน การรักษาความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการในกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประกอบกิจการระบบส��งไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้ารวมทั้งการรักษาสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสมของกิจการไฟฟ้าของรัฐ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '8'}]","1. เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ +2. เพื่อลดการลงทุนในการใช้พลังงาน ลดต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิงในกิจกรรมการผลิต และลดผลกระทบด้านสุขภาพและผลกระทบข้างเคียงอื่น ๆ จากการผลิตและใช้พลังงาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ +3. เพื่อให้การจัดการและกำหนดอัตราค่าบริการเป็นไปด้วยความโปร่งใสโดยมีองค์กรกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานทำหน้าที่คุ้มครองผู้ใช้พลังงาน และให้ความเป็นธรรม +4. เพื่อส่งเสริมสังคมให้มีความรู้ ความตระหนัก และพฤติกรรมที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า +5. เพื่อสนับสนุนกิจการไฟฟ้าเพื่อสาธารณูปโภคพื้นฐาน การรักษาความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า" +นโยบายในการกำกับดูแลกิจการพลังงานจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด,"เมื่อได้ประกาศลงประราชกิจจานุเบกษา + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 9 เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัตินี้ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้..... +บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดใด ๆ ที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '9'}]",เมื่อได้ประกาศลงประราชกิจจานุเบกษา +คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประกอบด้วยใครบ้าง,"ประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 6 คน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 10 ให้มีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกหกคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง +ให้เลขาธิการเป็นเลขานุการคณะกรรมการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '10'}]",ประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 6 คน +ระเบียบข้อบังคับหรือประกาศต่างที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำหนด จะมีผลบังคับใช้อย่างไร,"หากเป็นคำสั่ง หรือระเบียนนั้นเป็นการบังคับใช้ทั่วไปจะมีผลเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปต่หากคำสั่งหรือระเบียบนั้นเป็นการเฉพาะรายจะมีผลต่อเมื่อได้แปจ้งตามหลักและวิธีการตามการแจ้งคำสั่งทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 11 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้... + +บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดใด ๆ ที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ +บรรดาคำสั่งที่ใช้บังคับเป็นการเฉพาะราย ให้มีผลเมื่อได้แจ้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งคำสั่งทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '11'}]",หากเป็นคำสั่ง หรือระเบียบที่เป็นการบังคับใช้ทั่วไปจะมีผลเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่หากคำสั่งหรือระเบียบที่เป็นการเฉพาะรายจะมีผลต่อเมื่อได้แจ้งตามหลักและวิธีการตามการแจ้งคำสั่งทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง. +คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประกอบด้วยกรรมการผู้เชี่ยวชาญในด้านใดบ้าง,"ผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงาน คณิตสาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค หรือในสาขาใดที่เป็นประโยชน์ต่อกิจการพลังงาน และจะต้องมีกรรมการที่มาจากสาขาด้านกิจการไฟฟ้าและด้านกิจการก๊าซธรรมชาติอย่างน้อยด้านละ 1 คน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 12 กรรมการต้องเป็นผู้ที่มีผลงานหรือเคยปฏิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจ และมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่าสิบปี ในสาขาพลังงาน คณิตศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค หรือในสาขาอื่นอันจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการพลังงาน ทั้งนี้ การนับระยะเวลาในแต่ละสาขาต่าง ๆ ข้างต้นให้สามารถนำมารวมกันได้ +คณะกรรมการต้องประกอบด้วยกรรมการที่มาจากสาขาพลังงานด้านกิจการไฟฟ้าและด้านกิจการก๊าซธรรมชาติอย่างน้อยด้านละหนึ่งคน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '12'}]",ผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงาน คณิตศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค หรือในสาขาใดที่เป็นประโยชน์ต่อกิจการพลังงาน และจะต้องมีกรรมการที่มาจากสาขาด้านกิจการไฟฟ้าและด้านกิจการก๊าซธรรมชาติอย่างน้อยด้านละ 1 คน. +หากเคยต้องโทษจำคุกจะสามารถเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้ไหม,"สามารถเป็นได้ หากว่า เคยจำคุกไม่ถึงสองปี หรือหากเคยจำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป แต่พ้นโทษมาแล้วเกินห้าปี ณ วันที่ได้รับการเสนอชื่อ หรือการจำคุกนั้นเกิดจากการกระทำความผิดโดยประมาท หรือเป็นความผิดลหุโทษ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 13 กรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ + +(10) ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันได้รับการเสนอชื่อ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '13'}]",สามารถเป็นได้ หากว่า เคยจำคุกไม่ถึงสองปี หรือหากเคยจำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป แต่พ้นโทษมาแล้วเกินห้าปี ณ วันที่ได้รับการเสนอชื่อ หรือการจำคุกนั้นเกิดจากการกระทำความผิดโดยประมาท หรือเป็นความผิดลหุโทษ +คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประกอบด้วยบุคคลใดบ้าง,"(1) ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรือเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนสี่คน +(2) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นผู้ประกอบกิจการพลังงาน จำนวนหนึ่งคน +(3) ผู้แทนสภาวิศวกร จำนวนหนึ่งคน +(4) ผู้แทนของอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวนหนึ่งคน +(5) ผู้แทนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนหนึ่งคน +(6) ผู้แทนองค์กรเอกชนที่ไม่แส���งหากำไรในทางธุรกิจ ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปี ด้านคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือด้านพลังงานจำนวนหนึ่งคน +ในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งตาม (1) ได้ครบจำนวน ให้แต่งตั้งจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือตำแหน่งที่เทียบเท่าในส่วนราชการอื่นที่เห็นสมควรแทนจำนวนที่ขาด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ในการแต่งตั้งกรรมการ ให้รัฐมนตรีเสนอชื่อคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งมีจำนวนเก้าคนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งให้ทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้ +(1) ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรือเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนสี่คน +(2) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นผู้ประกอบกิจการพลังงาน จำนวนหนึ่งคน +(3) ผู้แทนสภาวิศวกร จำนวนหนึ่งคน +(4) ผู้แทนของอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวนหนึ่งคน +(5) ผู้แทนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนหนึ่งคน +(6) ผู้แทนองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปี ด้านคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือด้านพลังงานจำนวนหนึ่งคน +ในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งตาม (1) ได้ครบจำนวน ให้แต่งตั้งจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือตำแหน่งที่เทียบเท่าในส่วนราชการอื่นที่เห็นสมควรแทนจำนวนที่ขาด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '14'}]","(1) ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรือเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนสี่คน +(2) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นผู้ประกอบกิจการพลังงาน จำนวนหนึ่งคน +(3) ผู้แทนสภาวิศวกร จำนวนหนึ่งคน +(4) ผู้แทนของอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวนหนึ่งคน +(5) ผู้แทนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนหนึ่งคน +(6) ผู้แทนองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ ��ึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปี ด้านคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือด้านพลังงานจำนวนหนึ่งคน" +หากได้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไม่ครบต้องทำอย่างไร,"หากไม่ครบตามจำนวน ให้คณะกรรมการสรรหาทำการคัดเลือกจากตามคุณลักษณะและคุณสมบัติที่กำหนดเพิ่มให้ครบจำนวน เพื่อเสนอรัฐมนตรีให้นำเสนอต่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 15 การคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +(1) ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีความรู้ความเข้าใจ และมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ตามมาตรา 12 รวมทั้งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 จำนวนเจ็ดคนเสนอต่อรัฐมนตรี พร้อมทั้งรายละเอียดของบุคคลดังกล่าวซึ่งต้องระบุชัดเจนหรือมีหลักฐานแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมในด้านหนึ่งด้านใดตามมาตรา 12 และความยินยอมเป็นหนังสือของผู้ได้รับการเสนอชื่อนั้น รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อต่อสาธารณชน +(2) ให้รัฐมนตรีเสนอชื่อผู้ได้รับคัดเลือกพร้อมทั้งรายละเอียดตาม (1) ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ +(3) ในกรณีที่มีผู้ได้รับอนุมัติไม่ครบจำนวนกรรมการที่จะได้รับแต่งตั้ง ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาคัดเลือกบุคคลตาม (1) เสนอรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป +(4) ในการแต่งตั้งกรรมการครั้งแรก เมื่อคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติบุคคลเป็นกรรมการครบจำนวนแล้ว ให้บุคคลดังกล่าวประชุมร่วมกันเพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการแล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการ +ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้ ให้กรรมการสรรหาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +กำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกกรรมการให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '15'}]",หากไม่ครบตามจำนวน ให้คณะกรรมการสรรหาทำการคัดเลือกจากตามคุณลักษณะและคุณสมบัติที่กำหนดเพิ่มให้ครบจำนวน เพื่อเสนอรัฐมนตรีให้นำเสนอต่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป +คุณสมบัติที่ต้องห้ามในการเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานคืออะไร,"(1) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ +(2) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงานและคู่สมรสของบุคคลดังกล่าวต้องไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน +(3) ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ หรือเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน และให้รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการนั้นด้วย +(4) ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอื่นใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 16 นอกจากคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 แล้ว กรรมการต้อง +(1) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ +(2) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงานและคู่สมรสของบุคคลดังกล่าวต้องไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน +(3) ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ หรือเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน และให้รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการนั้นด้วย +(4) ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอื่นใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '16'}]","(1) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ +(2) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือราช��ารส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงานและคู่สมรสของบุคคลดังกล่าวต้องไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน +(3) ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ หรือเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจหรือดำเนินการในกิจการพลังงาน และให้รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการนั้นด้วย +(4) ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอื่นใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ" +การให้กรรมการออกจากตำแหน่งโดยการจับฉลากจะสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อใด,"เกิดขึ้นในวาระเริ่มแรก โดยเมื่อครบ3 ปีจะให้จับฉลาก จำนวน 3 คน โดยผู้ที่จับฉลากได้นั้นจะถือว่าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ แต่กรรมการนั้นจะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้กรรมใหม่ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 17 กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งหกปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว +ในวาระเริ่มแรก เมื่อครบกำหนดสามปี ให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนสามคนโดยวิธีจับสลาก และให้ถือว่าการออกจากตำแหน่งโดยการจับสลากดังกล่าวเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ +ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือโดยการจับสลากออกอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ +เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมการชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เมื่อสิ้นสุดวาระของกรรมการชุดเดิมให้ดำเนินการคัดเลือกกรรมการชุดใหม่ตามมาตรา 15 เป็นการล่วงหน้าตามสมควรและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้ง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '17'}]",เกิดขึ้นในวาระเริ่มแรก โดยเมื่อครบ3 ปีจะให้จับฉลาก จำนวน 3 คน โดยผู้ที่จับฉลากได้นั้นจะถือว่าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ แต่กรรมการนั้นจะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้กรรมใหม่ +ใครเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ ที่มาทำหน้าที่แทนคณะ���รรมการสรรหา,"พระมหากษัตริย์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 18 เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาสิ้นสุดหน้าที่","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '18'}]",พระมหากษัตริย์ +หากกรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ จะต้องทำการเลือกกรรมการคนใหม่หรือไม่อย่างไร,"ต้องเลือกกรรมการคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลง และให้กรรมการที่เหลืออยู่ทำหน้าที่ต่อไป โดยถือว่าคณะกรรมการปะรกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ เว้นแต่มีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึง 4 คน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 19 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ +(1) ตาย +(2) มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ +(3) ลาออก +(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 +(5) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 16 +(6) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกจากตำแหน่งเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถ +เมื่อกรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างตามมาตรา 15 และให้กรรมการเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ เว้นแต่มีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงสี่คน +ในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการประชุมกัน เพื่อเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ แล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '19'}]",ต้องเลือกกรรมการคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลง และให้กรรมการที่เหลืออยู่ทำหน้าที่ต่อไป โดยถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ เว้นแต่มีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึง 4 คน +กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งแล้วสามารถไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทได้ไหม,"หากบริษัทนั้นเป็นนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการพลังงาน รวมถึงเป็นนิติบุคคลอื่นที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าในนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการพลังงาน หรือนิติบุคคลอื่นที���ไม่ได้ประกอบกิจการพลังงาน แต่ถือหุ้นหรือมีหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยยี่สิบห้าในนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการพลังงานนั้นไม่สามารถทำได้ ภายใน 2 ปีหลังจากพ้นจากตำแหน่ง แต่หากพ้นจากตำแหน่งเกิน 2 ปีแล้วสามารถทำได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 20 ภายในเวลาสองปีนับแต่พ้นจากตำแหน่ง กรรมการจะประกอบอาชีพหรือวิชาชีพที่เป็นผลให้ได้รับเงินหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการพลังงานมิได้ความในวรรคหนึ่งให้ใช้กับนิติบุคคลที่มีลักษณะดังนี้ด้วย คือ +(1) นิติบุคคลอื่นที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าในนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง +(2) นิติบุคคลอื่นที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าในนิติบุคคลตาม (1) +(3) นิติบุคคลอื่นที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าในนิติบุคคลตาม (2) +ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับกับการเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของนิติบุคคลดังกล่าวด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '20'}]",กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งแล้วไม่สามารถไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทที่ประกอบกิจการพลังงานหรือบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวได้ภายใน 2 ปีหลังจากพ้นจากตำแหน่ง แต่หากพ้นจากตำแหน่งเกิน 2 ปีแล้วสามารถทำได้. +หากกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งต้องการจะถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการพลังงานจะต้องทำอย่างไร,"รอให้พ้น 2 ปี หรือ เป็นการถือหุ้นของนิติบุคคลโดยการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ และต้องมีจำนวนตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 21 ภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 20 กรรมการจะถือหุ้นของนิติบุคคลตามมาตรา 20 ไม่ได้ เว้นแต่เป็นการถือหุ้นของนิติบุคคลโดยการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ตามจำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '21'}]",รอให้พ้น 2 ปี หรือ เป็นการถือหุ้นของนิติบุคคลโดยการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ และต้องมีจำนวนตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด +ในกรณีที่ไม่มีประธานกรรมการในที่ประชุม และการลงคะแนนมีคะแนนเสียงเท่ากันต้องทำอย่างไร,"ถ้าประธานกรรมการในที่ประชุมไม่มี หรือไม่มา ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนนหึ่งเป็นประธาน และหากคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานนั้นออกเสียงเพิ่มอีกหนุ่งเสียงเพื่อเป็นเสียงชี้ขาด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 22 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม +ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีประธานกรรมการหรือประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม +ในการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '22'}]",ถ้าประธานกรรมการในที่ประชุมไม่มี หรือไม่มา ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนนหึ่งเป็นประธาน และหากคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานนั้นออกเสียงเพิ่มอีกหนุ่งเสียงเพื่อเป็นเสียงชี้ขาด. +ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประธานกรรมการและกรรมการขององค์กรหรือคณะกรรมการถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่,"ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 23 ให้ประธานกรรมการและกรรมการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '23'}]",ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ +ใครมีอำนาจกำหนดวิธีการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการ,"คณะกรรมการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 24 +วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '24'}]",คณะกรรมการ +บุคคลที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่,"ไม่เป็น เป็นเพียงเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 25 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา 24 มีอำนาจขอให้หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใดมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง มาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ +ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการ กรรมการ อนุกรรมการและบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา 24 เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '25'}]",ไม่เป็น เป็นเพียงเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +มีข้อยกเว้นหรือข้อห้ามในการออกระเบียบข้อบังคับหรือไม่,"มีข้อยกเว้นว่าหากเป็นเหตุฉุกเฉิน หรือจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อรับฟังความเห็นได้ แต่ต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 26 ก่อนการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดใดของคณะกรรมการซึ่งจะมีผลกระทบต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้รับใบอนุญาต ให้คณะกรรมการเปิดเผยสาระสำคัญของระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดนั้น และเปิดโอกาสให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้รับใบอนุญาตที่จะได้รับผลกระทบนั้นแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามกระบวนการในการรับฟังความเห็นที่คณะกรรมการกำหนด +ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศหรือเหตุอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง คณะกรรมการจะไม่ดำเนินการตามวรรคหนึ่งก็ได้แต่ต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '26'}]",มีข้อยกเว้นว่าหากเป็นเหตุฉุกเฉิน หรือจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อรับฟังความเห็นได้ แต่ต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ +วิธีการออกคำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานนั้นต้องทำอย่างไร,"ต้องนำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้ในการออกคำสั่ง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 27 การออกคำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการ ให้นำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '27'}]",ต้องนำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้ในการออกคำสั่ง +ในการออกระเบียบข้อบังคับ ข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่มีผลกระทบต่อสาธารณชนจะต้องทำอย่างไร,"คณะกรรมการต้องชี้แจงเหตุผลในการออกระเบียบข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อบุคคล หรือกลุ่มบุคคล หรือผู้ได้รับใบอนุญาต เป็นหนังสือภายใน 60 วันหากมีการร้องขอ และชี้แจงเหตุผลการดำเนินการในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานหากการดำเนินการนั้นมีผลกระทบต่อสาธารณชน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 28 ในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใดของคณะกรรมการ ให้มีการบันทึกมติที่ประชุม พร้อมข้อเท็จจริงและเหตุผลซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งนั้นไว้ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ +ให้สำนักงานสรุปรายงานการประชุมของคณะกรรมการไว้ในรายงานประจำปีของสำนักงานซึ่งต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่กรรมการเข้าประชุมและขาดประชุม และต้องมีการตีพิมพ์ เพื่อเผยแพร่แก่ผู้สนใจหรือลงในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานด้วย +ให้คณะกรรมการชี้แจงเหตุผลในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใดที่มีผลกระทบต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้รับใบอนุญาตเป็นหนังสือภายในหกสิบวัน หากบุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้รับใบอนุญาตที่ได้รับผลกระทบนั้นร้องขอ และหากการดำ เนินการของคณะกรรมการดังกล่าวมีผลกระทบต่อสาธารณชนให้ชี้แจงเหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '28'}]",คณะกรรมการต้องชี้แจงเหตุผลในการออกระเบียบข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อบุคคล หรือกลุ่มบุคคล หรือ���ู้ได้รับใบอนุญาต เป็นหนังสือภายใน 60 วันหากมีการร้องขอ และชี้แจงเหตุผลการดำเนินการในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานหากการดำเนินการนั้นมีผลกระทบต่อสาธารณชน. +ใครเป็นผู้กำหนดค่าตอบแทนของบุคคลที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการและสามารถตรวจสอบได้หรือไม่อย่างไร,"คณะกรรมการกำหนดและสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 29 +ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการและบุคคลตามมาตรา 24 ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดและลงเผยแพร่ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานด้วย +ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของกรรมการอนุกรรมการ และบุคคลตามมาตรา 24 ให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '29'}]",คณะกรรมการกำหนดและสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน +สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานถือว่าเป็นนิติบุคคลหรือไม่,"มีสถานะเป็นนิติบุคคล + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 30 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งมิได้เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '30'}]",มีสถานะเป็นนิติบุคคล +ผู้ใดมีหน้าที่ศึกษารวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานสภาพการแข่งขันในการประกอบกิจการพลังงาน การพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า,"สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 31 ให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการทั่วไปของสำนักงานและให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ +(1) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ +(2) รับค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎหมายหรือตามที่คณะกรรมการกำหนด +(3) รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงาน +(4) ศึกษารวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลเกี่��วกับการประกอบกิจการพลังงานสภาพการแข่งขันในการประกอบกิจการพลังงาน การพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '31'}]",สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +หากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานแล้วสำนักมีสิทธิที่จะให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างไม่เหมือนกับที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่,"ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในกฎหมายแรงงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 32 กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน ทั้งนี้ เลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '32'}]",ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในกฎหมายแรงงาน +ผู้ใดเป็นผู้มีอำนาจในการออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล งบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 33 ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '33'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +ใครเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน,"เลขาธิการคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 34 ให้สำนักงานมีเลขาธิการคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงานขึ้นตรงต่อประธานกรรมการ และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '34'}]",เลขาธิการคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน +เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นข้าราชการได้หรือ���ม่,"ไม่ได้ เนื่องจากเป็นคุณสมบัติต้องห้าม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 35 ให้คณะกรรมการเป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้งเลขาธิการ +เลขาธิการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 และมาตรา 16 วรรคหนึ่งและสามารถปฏิบัติงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '35'}]",ไม่ได้ เนื่องจากเป็นคุณสมบัติต้องห้าม +เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่พ้นจากตำแหน่งแล้วจะกลับมาเป็นอีกได้หรือไม่,"ได้ แต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 36 เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละห้าปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งและอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '36'}]",ได้ แต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน +เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสามารถพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระได้หรือไม่ อย่างไร,"ได้ โดยจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ +1. ตาย +2. อายุครบ 60 บริบูรณ์ +3. ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด +4. คณะกรรมการให้ออกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง หรือบกพร่องในหน้าที่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 37 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 36 หรือตามสัญญาจ้างเลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ +(1) ตาย +(2) มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ +(3) ลาออก +(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13 หรือมาตรา 16 วรรคหนึ่ง +(5) คณะกรรมการมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ให้ออก เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง บกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '37'}]",ได้ โดยจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. อายุครบ 60 บริบูรณ์ 3. ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด 4. คณะกรรมการให้ออกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง หรือบกพร่องในหน้าที่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ +หาก��ลขาธิการหรือพนักงานถือหุ้นโดยการซื้อในตลาดหลักทรัพย์สามารถทำได้หรือไม่,"ทำได้ แต่ต้องมีจำนวนตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 38 ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 20 และมาตรา 21 มาใช้บังคับกับเลขาธิการและพนักงานในตำแหน่งที่คณะกรรมการกำหนดด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '38'}]",ทำได้ แต่ต้องมีจำนวนตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด +พนักงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่,"เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 39 ให้เลขาธิการและพนักงานของสำนักงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '39'}]",เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต +วิธีการคำนวณรายได้แผ่นดินที่จะต้องนำส่งทำอย่างไร,"นำรายได้ เงินอุดหนุน และดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน หักรายจ่ายสำหรับการดำเนินงานของสำนักงาน และค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เหลือเท่าใดให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 40 สำนักงานอาจมีรายได้และทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ +(1) รายได้หรือผลประโยชน์อันได้มาจากการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ +(3) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ +(4) ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน +รายได้ของสำนักงานตามวรรคหนึ่ง โดยไม่รวมถึงรายได้ตาม (3) เมื่อได้หักรายจ่ายสำหรับการดำเนินงานของสำนักงาน และค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เหลือเท่าใดให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ในกรณีรายได้ของสำนักงานมีจำนวนไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และไม่สามารถหา���งินจากแหล่งอื่นได้ รัฐพึงจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินให้แก่สำนักงานเท่าจำนวนที่จำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปตาม (2)","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '40'}]",นำรายได้ เงินอุดหนุน และดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน หักรายจ่ายสำหรับการดำเนินงานของสำนักงาน และค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เหลือเท่าใดให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน +สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะต้องทำอย่างไรบ้างในการขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาล,"ให้รัฐมนตรีเสนองบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปของสำนักงานไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 41 .... +สำหรับเงินอุดหนุนที่จะขอจัดสรรจากเงินงบประมาณแผ่นดิน ให้รัฐมนตรีเสนองบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปของสำนักงานไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '41'}]",ให้รัฐมนตรีเสนองบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปของสำนักงานไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี +รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้จากที่ราชพัสดุถือว่าเป็นรายได้แผ่นดินหรือไม่,"ถือว่าเป็นรายได้แผ่นดิน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 42 ให้สำนักงานมีอำนาจครอบครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสำนักงาน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด +สำหรับทรัพย์สินที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ ให้นำหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการปกครองดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุมาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้นำส่งรายได้จากการดำเนินการเป็นรายได้แผ่นดิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '42'}]",ถือว่าเป็นรายได้แผ่นดิน +อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานกำกับกิจการพลังงานคืออะไร,"บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยการซื้อ แลกเปลี่ยน จากรายได้หรือทรัพย์สินของสำนักงาน หรือที่มีผู้บริจาคให้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 43 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้หรือทรัพย์สินของสำนักงานหรือมีผู้บริจาคให้ตามมาตรา 40 (3) ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '43'}]",บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยการซื้อ แลกเปลี่ยน จากรายได้หรือทรัพย์สินของสำนักงาน หรือที่มีผู้บริจาคให้ +ใครเป็นผู้ทำการตรวจสอบภายในของสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน,"พนักงานของสำนักงานกำกับกิจการพลังงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในโดยเฉพาะ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 44 .... +ให้มีผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในโดยเฉพาะและให้รับผิดชอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '44'}]",พนักงานของสำนักงานกำกับกิจการพลังงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในโดยเฉพาะ +ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่อย่างไรบ้าง,"ประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกองทุน โดยให้แสดงความคิดเห็นเป็นข้อวิเคราะห์ว่าการใช้จ่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีประสิทธิภาและประสิทธิผลเพียงใด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 45 ให้สำนักงานจัดทำงบการเงิน และบัญชีทำการของสำนักงานและกองทุนส่งผู้สอบบัญชีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ +ในทุกรอบปีงบประมาณ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอก ตามที่คณะกรรมการแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีและประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงานและกองทุ��� โดยให้แสดงความคิดเห็นเป็นข้อวิเคราะห์ว่าการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงใด +ให้สำนักงานเป็นหน่วยรับตรวจตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '45'}]",ประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกองทุน โดยให้แสดงความคิดเห็นเป็นข้อวิเคราะห์ว่าการใช้จ่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงใด +รายงานประจำปีของสำนักงานกำกับกิจการพลังงานจำเป็นจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือไม่,"จำเป็นจะต้องเปิดเผย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 46 ให้คณะกรรมการจัดทำรายงานประจำปี เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ รัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทุกสิ้นปีงบประมาณ และเปิดเผยต่อสาธารณชน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '46'}]",จำเป็นจะต้องเปิดเผย +อะไรคือหลักเกณฑ์ในการกำหนดประเภทและอายุใบอนุญาต,"ขนาดและลักษณะของกิจการพลังงานประเภทต่างๆ โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคัม การลงทุน ตลอดจนลักษณะการแข่งขันของกิจการแต่ละประเภท + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 การประกอบกิจการพลังงานไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ +ในการออกใบอนุญาต ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดประเภทและอายุใบอนุญาตให้สอดคล้องกับขนาดและลักษณะของกิจการพลังงานประเภทต่าง ๆ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และการลงทุน รวมถึงลักษณะการแข่งขันของกิจการแต่ละประเภท และอาจกำหนดเงื่อนไขเป็นการเฉพาะรายด้วยก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '47'}]",ขนาดและลักษณะของกิจการพลังงานประเภทต่างๆ โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน ตลอดจนลักษณะการแข่งขันของกิจการแต่ละประเภท +หน้าที่ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการอนุญาตการปลูกสร้างอาคารหรือตั้งโรงงานเพื่อประกอบกิจการพลังงานมีอะไรบ้าง,"คณะกรรมการต้องขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่างๆ และหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องแจ้งความเห็นพร้อมค่าธรรมเนียมมายังคณะกรรมการทราบ และสำนักงานฯจะเป็นผู้นำส่งค่าธรรมเนียมที่คณะกรรมการได้เรียกเก็บนั้นให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายต่างๆเพื่อดำเนินการต่อไป + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 48 ในกรณีที่การปลูกสร้างอาคาร หรือการตั้งโรงงานเพื่อประกอบกิจการพลังงานต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง หรือกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ให้การอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยคณะกรรมการต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ดังกล่าว และหน่วยงานดังกล่าวต้องแจ้งความเห็นพร้อมทั้งจำนวนค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามกฎหมายนั้น ๆ ให้คณะกรรมการทราบด้วย +ให้สำนักงานจัดส่งค่าธรรมเนียมที่คณะกรรมการเรียกเก็บตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ เพื่อดำเนินการต่อไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '48'}]",คณะกรรมการต้องขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่างๆ และหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องแจ้งความเห็นพร้อมค่าธรรมเนียมมายังคณะกรรมการทราบ และสำนักงานฯจะเป็นผู้นำส่งค่าธรรมเนียมที่คณะกรรมการได้เรียกเก็บนั้นให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายต่างๆเพื่อดำเนินการต่อไป. +ผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่หยุดหรือระงับการประกอบกิจการตามคำสั่งของคณะกรรมการ คณะกรรมการมีอำนาจในการลงโทษหรือไม่,"ไม่มี มีอำนาจเพียงแต่ให้พนังงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้หยุด หรือระงับการประกอบกิจการเท่านั้น แต่หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในระหว่างนั้นสำนักงานคณะกรรมการมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากผู้ประกอบการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 49 ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ต้องได้รับใบอนุญาตแต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต หยุด หรือระงับการประกอบกิจการพลังงานหรือปลดการเชื่อมต่อออกจากระบบโครงข่ายพลังงาน +เมื่อคณะกรรมการมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากผู้ประกอบกิจการมิได้ดำเนินการตามคำสั่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคำสั่งตามวรรคหนึ่งได้ +ในกรณีนี้ให้ผู้ประกอบกิจการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงให้แก่สำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '49'}]",ไม่มี มีอำนาจเพียงแต่ให้พนังงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้หยุด หรือระงับการประกอบกิจการเท่านั้น แต่หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในระหว่างนั้นสำนักงานคณะกรรมการมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากผู้ประกอบการ +ใครเป็นผู้กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงาน,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 50 คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงาน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนตามมาตรา 9 (3) หรือนโยบายด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '50'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกหลักเกณฑ์เงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตคืออะไร,"ความแตกต่างของประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการ ไม่ทำให้เกิดภาระเกินสมควรแก่ผู้ประกอบการ ไม่เกิดการจำกัดการแข่งขัน และผู้ประกอบการจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 51 หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกใบอนุญ���ตที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 50 ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการพลังงาน และต้องไม่ทำให้เกิดภาระเกินสมควรแก่การประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาต และไม่เป็นผลให้เกิดการจำกัดการแข่งขัน รวมทั้งต้องให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในระหว่างผู้รับใบอนุญาตที่ประกอบกิจการพลังงานในประเภท ขนาด และลักษณะเดียวกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '51'}]",ความแตกต่างของประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการ ไม่ทำให้เกิดภาระเกินสมควรแก่ผู้ประกอบการ ไม่เกิดการจำกัดการแข่งขัน และผู้ประกอบการจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน +บุคคลทั่วไปจะสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบกิจการพลังงานได้หรือไม่,"สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 52 ..... +เมื่อคณะกรรมการได้ออกใบอนุญาตแล้ว ให้เปิดเผยรายชื่อผู้รับใบอนุญาตในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '52'}]",สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานจะทดลองเดินเครื่องจักรจะต้องทำอย่างไรบ้าง,"ต้องแจ้งวันเวลา และระยะเวลาการทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์แก่ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าจะต้องกำหนดวันเวลาในการเดินเครื่องที่แน่นอนให้แก่ผู้ประกอบการโดยเร็ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 53 ... +ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ก่อนการเริ่มประกอบกิจการไฟฟ้าตามวรรคหนึ่ง ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งวัน เวลา และระยะเวลาการทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ให้ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าทราบ และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าต้องแจ้งตอบกำหนดวันและเวลาในการเดินเครื่องที่แน่นอนให้ผู้รับใบอนุญาตทราบโดยพลัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '53'}]",ต้องแจ้งวันเวลา และระยะเวลาการทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์แก่ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า และศูนย์ควบคุมระบบไ��ฟ้าจะต้องกำหนดวันเวลาในการเดินเครื่องที่แน่นอนให้แก่ผู้ประกอบการโดยเร็ว +ในกรณีที่ผู้ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตได้ยื่นขอต่ออายุแล้ว แต่ระหว่างรออารอนุญาต ใบอนุญาตปัจจุบันนั้นสิ้นอายุแล้ว ผู้ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตสามารถดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการหรือไม่,"สามารถดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาที่มีการดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตได้ หากได้ยื่นขอต่อใบอนุญาตก่อนวันสิ้นอายุ จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 54 การประกอบกิจการพลังงานให้มีอายุตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต +การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุเมื่อได้ยื่นคำขอแล้ว ให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอยังคงอยู่ในฐานะผู้รับใบอนุญาตจนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '54'}]",สามารถดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาที่มีการดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตได้ หากได้ยื่นขอต่อใบอนุญาตก่อนวันสิ้นอายุ จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต +ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานสามารถโอนใบอนุญาตเพียงบางเรื่องให้ผู้อื่นได้หรือไม่,"ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 55 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '55'}]",ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +หากผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนดคณะกรรมการสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง,"คณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 56 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัต��หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา 50 คณะกรรมการอาจสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '56'}]",คณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ +ผู้ใดมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถเจรจากับผู้ขายก๊าซธรรมชาติได้เอง,"กรณีที่เกิดการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งคราวและเพื่อประโยชน์ของความมั่นคงของประเทศ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 57 .... +ในกรณีเกิดการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งคราว และเพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของประเทศ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติดำเนินการเจรจากับผู้ขายก๊าซธรรมชาติ เพื่อหาแนวทางเพิ่มปริมาณการผลิตและจัดหาก๊าซธรรมชาติและให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '57'}]",คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติดำเนินการเจรจากับผู้ขายก๊าซธรรมชาติ +ในกรณีใดบ้างที่ผู้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานสามารถหยุดหรือพักให้บริการได้,"กรณีที่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศในการพักหรือหยุดการให้บริการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 58 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตพักหรือหยุดให้บริการพลังงาน เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '58'}]",กรณีที่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศในการพักหรือหยุดการให้บริการ +ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานต้องการเลิกประกอบกิจการคณะกรรมการมีหน้าที่ในการดำเนินการอย่างไรบ้าง,"ในกรณีที่การเลิกกิจการพลังงานนั้นกระทบต่อความมั่นคงของระบบพลังงาน และยังไม่มีผู้ได้รับใบอนุญาตรายอื่นเข้ามาดำเนินการต่อแทนคณะกรรมการจะต้องสั่งให้หน่วยงานของรัฐ���รือเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการแทนจนกว่าจะมีผู้ได้รับใบอนุญาตรายใหม่เข้ามาดำเนินการแทน และคณะกรรมการจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ในกรณีผู้ดำเนินการแทนที่มีสิทธิเข้าไปใช้สถานประกอบกิจการของผู้ได้รับใบอนุญาตที่เลิกกิจการไปเท่าที่จำเป็น และมีความเสียหายเกิดขึ้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 59 ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะเลิกประกอบกิจการพลังงาน ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานทราบล่วงหน้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่คณะกรรมการประกาศกำหนด +ในกรณีที่การเลิกประกอบกิจการพลังงานตามประเภท ขนาด และสถานที่ตั้งตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด จะกระทบต่อความมั่นคงของระบบพลังงาน และยังไม่มีผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเข้าดำเนินการแทน คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการประกอบกิจการพลังงานเข้าดำเนินการแทนจนกว่าจะมีผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเข้าดำเนินการแทนหรือคณะกรรมการเห็นว่าควรสั่งเลิกประกอบกิจการพลังงานนั้น +ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เข้าดำเนินการแทนเป็นผู้รับใบอนุญาตซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ +ให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เข้าดำเนินการแทนผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิเข้าไปและใช้สถานประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาตที่เลิกประกอบกิจการพลังงานตามวรรคหนึ่งได้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การให้บริการพลังงานดำเนินต่อไปได้ โดยหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนจะต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อสงวนรักษาทรัพย์ของผู้รับใบอนุญาตเหมือนเช่นผู้ประกอบกิจการพลังงานหรือผู้มีวิชาชีพเช่นนั้นจะพึงปฏิบัติ และหากเกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาต ให้ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายนั้นจากสำนักงานได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +การแบ่งรายได้และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการดำเนินการแทนระหว่างผู้เข้าดำเนินการแทนและผู้รับใบอนุญาตที่เลิกประกอบกิจการพลั���งาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '59'}]",คณะกรรมการจะต้องสั่งให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการแทนจนกว่าจะมีผู้ได้รับใบอนุญาตรายใหม่เข้ามาดำเนินการแทน และคณะกรรมการจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ในกรณีผู้ดำเนินการแทนที่มีสิทธิเข้าไปใช้สถานประกอบกิจการของผู้ได้รับใบอนุญาตที่เลิกกิจการไปเท่าที่จำเป็น และมีความเสียหายเกิดขึ้น. +คณะกรรมการมีอำนาจในการออกระเบียบหรือหลักเกณฑ์เพื่อป้องกันการกระทำการใดที่อาจจะเป็นการผูกขาดในการให้บริการพลังงานหรือไม่,"คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบหรือกฎระเบียบเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจจะเป็นการผูกขาดในการให้บริการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 60 ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อมิให้มีการกระทำการใด อันเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '60'}]",คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบหรือกฎระเบียบเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจจะเป็นการผูกขาดในการให้บริการพลังงาน +คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมีอำนาจใดบ้างในกรณีที่มีการผูกขาดหรือมีการจำกัดการแข่งขัน,"มีคำสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตหยุดหรือปรับปรุงการกระทำนั้น หรือ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใบอนุญาต + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 61 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 60 ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังต่อไปนี้ +(1) มีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตหยุดหรือปรับปรุงการกระทำอันเป็นการผูกขาดลดการแข่งขันหรือจำกัดการแข่งขัน +(2) เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '61'}]",มีคำสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตหยุดหรือปรับปรุงการกระทำนั้น หรือ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใบอนุญาต +หากผู้ได้รับใบอนุญาตทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบอุปกรณ์ของตนเองคณะกรรมการมีอำนาจเข้ามาควบคุมดูแลหรือไม่,"มีอำนาจ ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดกับผู้รับใบอนุญาตเองหรือเกิดกับผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นก็ตาม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 62 ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าการให้บริการของผู้รับใบอนุญาตอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบ เครื่องจักร และอุปกรณ์ของผู้ใช้พลังงานหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงการให้บริการภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '62'}]",มีอำนาจ ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดกับผู้รับใบอนุญาตเองหรือเกิดกับผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นก็ตาม +หากผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้าสามารถส่งงบรวมกับการประกอบกิจการพลังงานได้หรือไม่,"ไม่ได้ ต้องทำการแยกบัญชีและงบดุลการประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากการประกอบกิจการพลังงานประเภทอื่น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 63 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำและส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานซึ่งอาจรวมถึงบัญชีแสดงฐานะการเงินและงบการเงินให้แก่คณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้ามีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าด้วย ให้แยกบัญชีและงบดุลการประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้า และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากการประกอบกิจการประเภทอื่นอย่างชัดเจน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '63'}]",ไม่ได้ ต้องทำการแยกบัญชีและงบดุลการประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากการประกอบกิจการพลังงานประเภทอื่น +คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีอำนาจกำหนดอัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงานหรือไม่,"ไม่มี มีเพียงอำนาจการกำหนดนโยบายและแนวทางเท่านั้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 64 ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดนโยบายและแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '64'}]",ไม่มี มีเพียงอำนาจการกำหนดนโยบายและแนวทางเท่านั้น +ใครเป็นผู้ให้ความเห็นชอบนโยบายและแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน,"คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 65 ภายใต้นโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติให้ความเห็นชอบ ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการของผู้รับใบอนุญาตแต่ละประเภท โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้....","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '65'}]",คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ +วิธีการคิดอัตราค่าบริการที่ผู้ได้รับใบอนุญาตคิดจำเป็นต้องเปิดเผยวิธีการคิดหรือไม่,"หากเป็นค่าบริการที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไปนั้น คณะกรรมการจะต้องเปิดเผยวิธีการคำนวณ และค่าตัวแปรต่างๆให้ทราบ ยกเว้นตัวแปรใดที่เป็นข้อมูลลับทางการค้าไม่จำเป้นต้องเปิดเผย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 66 ... +ในกรณีที่อัตราค่าบริการเป็นอัตราที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ให้คณะกรรมการเปิดเผยสูตรหรือวิธีการที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการ รวมทั้งข้อมูลค่าตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการ ยกเว้นในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าตัวแปรดังกล่าวเป็นข้อมูลลับทางการค้าของผู้รับใบอนุญาต","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '66'}]",หากเป็นค่าบริการที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไปนั้น คณะกรรมการจะต้องเปิดเผยวิธีการคำนวณ และค่าตัวแปรต่างๆให้ทราบ ยกเว้นตัวแปรใดที่เป็นข้อมูลลับทางการค้าไม่จำเป้นต้องเปิดเผย +หลักเกณฑ์สำคัญในกระบวนการพิจารณาอัตราค่าบริการที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานเสนอคืออะไร,"โปร่งใส และมีการรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 67 ในการกำกับดูแลอัตราค่าบริการตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตเสนออัตราค่าบริการเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยกระบวนการพิจารณาต้องมีขั้นตอนที่โปร่งใส และต้องรับฟ��งความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '67'}]",โปร่งใส และมีการรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย +หากคณะกรรมการสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับอัตราค่าบริการใหม่คณะกรรมการต้องให้ความเห็นชอบอัตราใหม่ภายในกี่วัน,"30 วันหลังจากที่ได้เอกสารหลักฐานการปรับอัตราค่าบริการครบถ้วนจากผู้รับใบอนุญาต + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 68 ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าอัตราค่าบริการไม่เหมาะสม อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุนหรือเทคโนโลยี คณะกรรมการมีอำนาจดังต่อไปนี้ +(1) ปรับอัตราค่าบริการ หรือ +(2) สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับอัตราค่าบริการเพื่อเสนอให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบซึ่งคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน +การปรับอัตราค่าบริการตามวรรคหนึ่งต้องกระทำภายใต้กรอบนโยบายและแนวทางที่ได้รับความเห็นชอบตามมาตรา 64 ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '68'}]",30 วันหลังจากที่ได้เอกสารหลักฐานการปรับอัตราค่าบริการครบถ้วนจากผู้รับใบอนุญาต +เมื่อใดที่ผู้รับใบอนุญาตสามารถยื่นคำร้องขอปรับอัตราค่าบริการต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการจะต้องดำเนินการอย่างไร,"เมื่อเห็นว่าอัตราค่าบริการไม่เหมาะสมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน เทคโนโลยี หรือเหตุอื่นใด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 69 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตเห็นว่าอัตราค่าบริการที่คณะกรรมการปรับหรือให้ความเห็นชอบไปแล้วนั้นไม่เหมาะสมอันเนื่องมาจากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน เทคโนโลยี หรือเหตุอื่น ผู้รับใบอนุญาตอาจยื่นคำร้องขอปรับอัตราค่าบริการต่อคณะกรรมการเพื่อให้ความเห็นชอบได้ และคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน +การปรับอัตราค่าบริการตามวรรคหนึ่งต้องกระทำภายใต้กรอบนโยบายและแนวทางที่ได้รับความเห็นชอบตามมาตรา 64 ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.���. 2550', 'sections': '69'}]",เมื่อเห็นว่าอัตราค่าบริการไม่เหมาะสมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน เทคโนโลยี หรือเหตุอื่นใด +ผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการอย่างไรหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบอัตราค่าบริการจากคณะกรรมการ,"ผู้รับใบอนุญาตต้องประกาศเผยแพร่อัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 70 ผู้รับใบอนุญาตต้องประกาศเผยแพร่อัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '70'}]",ผู้รับใบอนุญาตต้องประกาศเผยแพร่อัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด +ผู้รับใบอนุญาตมีข้อห้ามอะไรบ้างเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าบริการ,"ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าอัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 71 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าอัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '71'}]",ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าอัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ +หากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดคณะกรรมการจะมีอำนาจในการจัดการอย่างไร,"มีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 72 การประกอบกิจการพลังงาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและมีความปลอดภัยตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยระเบียบที่กำหนดจะต้อง +(1) ไม่สร้างภาระให้แก่ผู้รับใบอนุญาตเกินความจำเป็น +(2) ไม่เข้มงวดเกินไปในลักษณะที่เป็นการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขัน +(3) ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งรายใด +(4) มีความโปร่งใส +ในกรณีที่การประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาตไม่เป็นไป���ามระเบียบตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '72'}]",มีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องได้ +ใครเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองผลของอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 73 มาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงาน รวมถึงวิธีการตรวจสอบและการรับรองผลการตรวจสอบต้องเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด +ระเบียบตามวรรคหนึ่ง อาจกำหนดให้อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานบางประเภทต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานก่อนนำมาใช้ในการประกอบกิจการพลังงานก็ได้ +ในการจัดทำระเบียบตามวรรคหนึ่งนั้น ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานจัดทำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '73'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +ผู้รับใบอนุญาตจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ระบบโครงข่ายพลังงานและอุปกรณ์ทำงานได้ตามมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ,"ผู้รับใบอนุญาตจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงระบบให้มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพเสมอ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 74 ผู้รับใบอนุญาตต้องบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงระบบโครงข่ายพลังงานอุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบกิจการพลังงานให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานตามระเบียบที่ออกตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง ในกรณีที่เกิดความชำรุดเสียหายจะต้องดำเนินการแก้ไขให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '74'}]",ผู้รับใบอนุญาตจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงระบบให้มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพเสมอ +ในการกำหนดมาตรฐานการประกอบกิจการพลังงานคณะกรรมการอาจอ้างอิงมาตรฐานจากหน่วยงานใดบ้าง,"หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง���ับเรื่องนั้นๆ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 75 ในการกำหนดมาตรฐานตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 73 วรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจอ้างอิงมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '75'}]",หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ +ใครเป็นผู้กำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 76 ผู้ใดประสงค์จะเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงาน ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการ +คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานการยื่นคำขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต อายุใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต รวมทั้งค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและรับรอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '76'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +ใครเป็นผู้มีอำนาจเพิกถอนใลอนุญาตตรจสอบ,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 77 ให้คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานในกรณีดังต่อไปนี้....","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '77'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +หากได้รับความเสียหายจากการรับรองที่ไมไ่ด้มาตรฐานจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่,"สามารถเรียกได้จากผู้ตรวจสอบ หากผู้ตรวจสอบนั้นได้ถูกคณะกรรมการเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 78 การเพิกถอนใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานตามมาตรา 77 ไม่เป็นเหตุกระทบกระเทือนการรับรองมาตรฐานที่หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานได้ดำเนินการไปแล้วก่อนที่จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่การรับรองไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด คณะกรรมการอาจพิจารณาสั่งเพิกถอนการรับรองมาตรฐานนั้นได้ +ในกรณีที่ผู้ใดได้รับความเสียหายจากการรับรองมาตรฐานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและถูกเพิกถอนตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตมีหน้าที่ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '78'}]",สามารถเรียกได้จากผู้ตรวจสอบ หากผู้ตรวจสอบนั้นได้ถูกคณะกรรมการเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว +การเสนอแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานต่อรัฐมนตรีนั้นจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นได้ในกรณีใด,"จะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เสนอเป็นหน่วยงานของรัฐ และแผนการขยายระบบโครงข่ายนั้นมีผลกระทบต่อสวนได้เสียสำคัญของประชาชน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 79 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องดำเนินการตามที่กำหนดในแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงาน +ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐตามที่คณะกรรมการกำหนดจัดทำแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี +ในการพิจารณาแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการให้ความเห็นประกอบด้วย ในการนี้หากแผนดังกล่าวมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสำคัญของประชาชนให้คณะกรรมการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นตามมาตรา 26 ด้วย +ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสองจัดทำแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเพื่อนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบตามขอบเขตและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '79'}]",จะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เสนอเป็นหน่วยงานของรัฐ และแผนการขยายระบบโครงข่ายนั้นมีผลกระทบต่อสวนได้เสียสำคัญของประชาชน +ผู้รับใบอนุญาตระบบโครงข่ายพลังงานเลือกให้บริการเฉพาะกลุ่มได้หรือไม่,"ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ + +คำอธิบาย : ระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 80 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่า���พลังงานต้องประกอบกิจการพลังงานอย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '80'}]",ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ +การยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานใช้ระบบโครงข่ายมีหลักการอะไรบ้าง,"1. ไม่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของระบบพลังงาน +2. ไม่ทำให้ผู้ใช้พลังงานและส่วนรวมเสียประโยชน์ รวมทั้งผู้ที่มีระบบโครงข่ายพลังงานด้วย +3. ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ หรือกีดกัน +4. ข้อกำหนดทางเทคนิคต้องมีความชัดเจนและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อ +5. มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบให้ชัดเจน +6. ข้อกำหนดในลักษณะอื่นๆตามที่คณะกรรมการกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 81 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานของตน ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานประกาศกำหนด +ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งต้องประกอบด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการระบบโครงข่ายพลังงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติการระบบโครงข่ายพลังงาน โดยข้อกำหนดต้องยึดถือหลักการ ดังต่อไปนี้ +(1) ไม่กระทบต่อความมั่นคง ความปลอดภัย และคุณภาพของระบบพลังงาน +(2) ไม่ทำให้ผู้ใช้พลังงานและส่วนรวมเสียประโยชน์ +(3) ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม หรือกีดกันผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น +(4) ข้อกำหนดทางเทคนิค ณ จุดที่มีการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานต้องชัดเจนมีความเป็นไปได้ในทางเทคนิค และไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานเกินสมควร +(5) มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานและผู้ให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานที่ชัดเจน +(6) ลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด +ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องไม่ทำให้ผู้รับใบอนุญา��ที่มีระบบโครงข่ายพลังงานเสียประโยชน์หรือเกิดความเสียเปรียบในการแข่งขันกับผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '81'}]","1. ไม่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของระบบพลังงาน +2. ไม่ทำให้ผู้ใช้พลังงานและส่วนรวมเสียประโยชน์ รวมทั้งผู้ที่มีระบบโครงข่ายพลังงานด้วย +3. ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ หรือกีดกัน +4. ข้อกำหนดทางเทคนิคต้องมีความชัดเจนและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อ +5. มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบให้ชัดเจน +6. ข้อกำหนดในลักษณะอื่นๆตามที่คณะกรรมการกำหนด" +หากข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานนั้นไม่เป็นธรรม หรือทำให้ส่วนรวมเสียประโยชน์คณะกรรมการมีอำนาจในการจัดการอย่างไร,"คณะกรรมการจะมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 82 ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการระบบโครงข่ายพลังงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติการระบบโครงข่ายพลังงานไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา 81 ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดดังกล่าวแก้ไขหรือปรับปรุงข้อกำหนดให้เป็นไปตามหลักการตามมาตรา 81 ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '82'}]",คณะกรรมการจะมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด +หากมีการยื่นคำร้องเกี่ยวกับข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายแล้วคณะกรรมการมีขั้นตอนการดำเนินงานอย่างไรต่อไป,"คณะกรรมการจะต้องพิจารณาข้อกำหนดนั้น หากพบว่าไม่เป๋็นไปตามหลักการที่กำหนดไว้ คณะกรรมการจะต้องสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดนนั้นๆปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดนั้นเสียให้เป็นไปตามหลักการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 83 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ประสงค์จะใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานเห็นว่าข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการระบบโครงข่ายพลังงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติการระบบโครงข่ายพลังงานไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา 81 ให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาได้ +กรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา 81 ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดแก้ไขหรือปรับปรุงข้อกำหนดให้เป็นไปตามหลักการตามมาตรา 81 ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '83'}]",คณะกรรมการจะต้องพิจารณาข้อกำหนดนั้น หากพบว่าไม่เป๋็นไปตามหลักการที่กำหนดไว้ คณะกรรมการจะต้องสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดนนั้นๆปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดนั้นเสียให้เป็นไปตามหลักการ +คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องเมื่อมีการปฏิเสธขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการอย่างไร,"เมื่อได้คำวินิจฉัยแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยที่ได้มา + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 84 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานปฏิเสธไม่ให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้ที่ได้รับการปฏิเสธมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยได้ +เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยคำร้องตามวรรคหนึ่งเป็นประการใด ให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '84'}]",เมื่อได้คำวินิจฉัยแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยที่ได้มา +ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องดำเนินการอย่างไรเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลที่แจ้งให้ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน,"รีบแจ้งข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้ใช้การเชื่อมต่อทราบ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 85 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องและจำเป็นสำหรับการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานให้ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานทราบและต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้การใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '85'}]",รีบแจ้งข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้ใช้การเชื่อมต่อทราบ +ใครเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขการเปิดเผยสัญญาและอัตราค่าบริการการเชื่อมต่อโครงข่ายพลังงาน,"คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 85 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องและจำเป็นสำหรับการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานให้ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานทราบและต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้การใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '86'}]",คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +ผู้ควบคุมระบบไฟฟ้ามีหน้าที่อย่างไรต่อผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า,"มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 87 .... +ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '87'}]",มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ +กรณีมีผู้ร้องเรียนว่าผู้ควบคุมระบบไฟฟ้าไม่ควบคุมให้ผู้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าดำเนินการอย่างเป็นธรรมคณะกรรมการจะต้องดำเนินการภายในกี่วัน,"คณะกรรมการจะต้องดำเนินการวินิจฉัยคำร้องภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องเรียน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 88 ในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการว่าผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าดำเนินการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคสอง ให้คณะกรรมการวินิจฉัยคำร้องให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องเรียน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '88'}]",คณะกรรมการจะต้องดำเนินการวินิจฉัยคำร้องภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องเรียน +หากผู้รับใบอนุญาตไม่ได้ให้บริการตามมารฐานจะมีบทลงโทษอย่างไร,"หากผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถให้บริการได้ตามที่มาตรฐานกำหนด ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ใช้พลังงานตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดไว้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 89 ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการให้บริการพลังงานตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด โดยให้รวมถึงมาตรฐานทางวิชาการและวิศวกรรม และมาตรฐานคุณภาพการให้บริการ +ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ใช้พลังงาน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด +ให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานคุณภาพการให้บริการต่อคณะกรรมการ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '89'}]",ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ใช้พลังงานตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดไว้ +หากผู้ให้บริการพลังงานให้บริการได้อย่างไม่ทั่วถึงจะต้องทำอย่างไร,"คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้ให้บริการด้านพลังงานต้องให้บริการให้ท้องที่ใดท้องที่หนึ่งก็ได้ หากท้องที่นั้นยังไม่มีผู้ให้บริการ หรือมีแต่ไม่ทั่วถึง หรือไม่แพียงพอกับความต้องการใช้งาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 90 คณะกรรมการอาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีบริการด้านพลังงานในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่ยังไม่มีผู้ให้บริการ หรือมีแต่ไม่ทั่วถึง หรือไม่เพียงพอแก่ความต้องการของผู้ใช้พลังงานในท้องที่นั้น +การกำหนดตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 9 (7)","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '90'}]",คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้ให้บริการด้านพลังงานต้องให้บริการให้ท้องที่ใดท้องที่หนึ่งก็ได้ หากท้องที่นั้นยังไม่มีผู้ให้บริการ หรือมีแต่ไม่ทั่วถึง หรือไม่แพียงพอกับความต้องการใช้งาน +แบบของสัญญาให้บริการจะต้องมีหลักเกณฑ์ใดบ้าง,"1. มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงานที่ชัดเจน +2. ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นการจำกัดการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร +3. ไม่มีข้อกำหนดที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันผู้ใช้พลังงานอย่างไม่เป็นธรรม + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 91 ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดแบบมาตรฐานของสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานได้ และจะกำหนดยกเว้นให้สัญญาใดไม่ต้องเป็นไปตามแบบมาตรฐานของสัญญาก็ได้ +แบบมาตรฐานของสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานอย่างน้อยจะต้อง +(1) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงานที่ชัดเจน +(2) ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นการจำกัดการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร +(3) ไม่มีข้อกำหนดที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันผู้ใช้พลังงานอย่างไม่เป็นธรรม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '91'}]","1. มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงานที่ชัดเจน +2. ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นการจำกัดการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร +3. ไม่มีข้อกำหนดที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันผู้ใช้พลังงานอย่างไม่เป็นธรรม" +ใครเป็นผู้ต้องเปิดเผยแบบสัญญาให้บริการ,"ผู้ให้บริการพลังงานต้องเป็นผู้เปิดเผยไว้ ณ ที่ทำการของตน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 92 ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการเผยแพร่แบบสัญญาการให้บริการพลังงานของตนแก่ผู้ใช้พลังงานตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด และต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ ที่ทำการของผู้รับใบอนุญาตเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '92'}]",ผู้ให้บริการพลังงานต้องเป็นผู้เปิดเผยไว้ ณ ที่ทำการของตน +กองทุนพัฒนาไฟฟ้ามีวัตถุประสงค์หลักคืออะไร,"วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุนให้มีการให้บริการ���ฟฟ้าไปยังท้องที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น พัฒนาชุมชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยคำนึงถึงความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 93 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงาน เรียกว่า “กองทุนพัฒนาไฟฟ้า” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุนให้มีการให้บริการไฟฟ้าไปยังท้องที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น พัฒนาชุมชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยคำนึงถึงความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '93'}]",วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุนให้มีการให้บริการไฟฟ้าไปยังท้องที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น พัฒนาชุมชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยคำนึงถึงความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า +เงิน สินทรัพย์ หรือรายได้ของกองทุนพัฒนาไฟฟ้ามาจากที่ใด,"1. เงินที่ได้หักจากอัตราค่าบริการไฟฟ้าตามที่กฎหมายกำหนด +2. เงินค่าปรับจากผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า +3. เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ +4. ดอกผลหรือประโยชน์ใดๆที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 94 กองทุนประกอบด้วย +(1) เงินที่ได้รับตามมาตรา 96 +(2) เงินค่าปรับจากผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าตามมาตรา 128 และมาตรา 140 +(3) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ +(4) ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน +เงินและทรัพย์สินที่เป็นของกอ��ทุนไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '94'}]","1. เงินที่ได้หักจากอัตราค่าบริการไฟฟ้าตามที่กฎหมายกำหนด +2. เงินค่าปรับจากผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า +3. เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ +4. ดอกผลหรือประโยชน์ใดๆที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน" +วิธีการจัดการบริหารกองทุนคือมีวิธีอย่างไร,"ต้องบริหารจัดการเงินกองทุนแยกออกจากงบประมาณ และจัดการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 95 ให้สำนักงานเป็นผู้รับเงิน จ่ายเงิน เก็บรักษา และบริหารจัดการเงินกองทุนแยกออกจากงบประมาณของสำนักงาน +การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษา และการบริหารจัดการเงินกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '95'}]",ต้องบริหารจัดการเงินกองทุนแยกออกจากงบประมาณ และจัดการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด +การแบ่งแยกบัญชีกองทุนนั้นแบ่งแยกโดยใช้อะไรเป็นเกณฑ์,"แบ่งแยกโดยใช้กิจการที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 96 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้านำส่งเงินเข้ากองทุน ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนดภายใต้กรอบนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามมาตรา 11 (10) โดยเงินที่นำส่งเข้ากองทุนเพื่อใช้จ่ายตามมาตรา 97 (1) ให้หักจากอัตราค่าบริการ +การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้จัดให้มีการแยกบัญชีตามกิจการที่กำหนดไว้ในมาตรา 97 (1) (2) (3) (4) และ (5) อย่างชัดเจน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าที่จะต้องรับภาระในการที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้านำส่งเงินเข้ากองทุนด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '96'}]",แบ่งแยกโดยใช้กิจการที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์ +การแยกบัญชีของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าต้องทำอย่างไร,"ต้องแยกบัญชีให้ชัดเจนสำหรับกิจการดังต่อไปนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +1. เพื่อการชดเชยและอุดหนุน���ู้ประกอบกิจการไฟฟ้าที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส หรือเพื่อให้มีการให้บริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึง หรือเพื่อส่งเสริมนโยบายในการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค +2. เพื่อการชดเชยผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากการที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการเลือกปฏิบัติหรือไม่เป็นธรรม +3. เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า +4. เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย +5. เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 97 เงินกองทุนให้ใช้จ่ายเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้ +(1) เพื่อการชดเชยและอุดหนุนผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าซึ่งได้ให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส หรือเพื่อให้มีการให้บริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึง หรือเพื่อส่งเสริมนโยบายในการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค +(2) เพื่อการชดเชยผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากการที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคสอง +(3) เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า +(4) เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย +(5) เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า +(6) เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน +การใช้จ่ายเงินกองทุนตาม (1) (2) (3) (4) และ (5) ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดภายใต้กรอบนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามมาตรา 11 (10) และต้องจัดให้มีการแยกบัญชีตามกิจการที่ใช้จ่ายอย่างชัดเจน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '97'}]",ต้องแยกบัญชีให้ชัดเจนสำหรับกิจการดังต่อไปนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด 1. เพื่อการชดเชยและอุดหนุนผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส หรือเพื่อให้มีการให้บริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึง หรือเพื่อส่งเสริมนโยบายในการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค 2. เพื่อการชดเชยผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากการที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการเลือกปฏิบัติหรือไม่เป็นธรรม 3. เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า 4. เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย 5. เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า +คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตได้รับค่าตอบแทนหรือไม่,"ได้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 98 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอีกไม่เกินสิบคนซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ใช้พลังงานในแต่ละเขต +คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง วิธีการปฏิบัติงานค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด และให้ถือว่าค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน +การแบ่งเขตตามวรรคหนึ่งให้แบ่งตามพื้นที่ที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '98'}]",ได้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด +คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานสามารถประสานงานกับผู้ประกอบกิจการพลังงานเกี่ยวกับข้อมูลร้องเรียนเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาฟ้องร้องหรือติดต่อผู้ยื่นร้องเรียนได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากสามารถประสานงานเพื่อขอข้อมูลร้องเรียนสำหรับนำไปปรับปรุงคุณภาพการบริการและแก้ไขเรื่องร้องเรียนเท่านั้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 99 ให้คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ +(4) ประสานงานกับผู้ประกอบกิจการพลังงานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนของผู้ใช้พลังงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริก���รและแก้ไขเรื่องร้องเรียน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '99'}]",ไม่ได้ เนื่องจากสามารถประสานงานเพื่อขอข้อมูลร้องเรียนสำหรับนำไปปรับปรุงคุณภาพการบริการและแก้ไขเรื่องร้องเรียนเท่านั้น +ระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนใช้เวลาเท่าไหร่,"เมื่อคณะกรรมการได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน แต่ต้องมีการให้คู่กรณีชี้แจงข้อเท็จจริงและหลักฐานด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 100 ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานได้รับความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการของผู้รับใบอนุญาต ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตได้ +หนังสือร้องเรียนต้องระบุข้อเท็จจริงที่ชัดเจนพร้อมจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวไปด้วย +หลักเกณฑ์และวิธีพิจารณาเรื่องร้องเรียนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด ในการนี้ให้กำหนดระยะเวลาพิจารณาเรื่องร้องเรียนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องเรียน และต้องให้โอกาสคู่กรณีชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานของตนด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '100'}]",60 วัน +หลังจากอุทธรณ์แล้วหากผู้ใช้พลังงานไม่พอใจคำวินิจฉัยสามารถอุทธรณ์ได้อีกหรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้ถือเป็นที่สุด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 101 ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '101'}]",ไม่ได้ +ผู้ให้บริการมีสิทธิปฏิเสธการให้ข้อมูลที่ผู้ใช้บริการร้องขอหรือไม่,"ไม่ได้ ผู้ให้บริการจำเป็นต้องให้ข้อมูลตามที่ผู้ใช้บริการร้องขอและจำเป็ฯที่จะต้องแจ้งข้อมูลให้แก่ผู้ที่ร้องขอภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสืออีกด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 102 ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานเห็นว่าผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ หรือเห็นว่าผู้รับใบอนุญาตให้บริการอย่างไม่เป็นธรรม ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของตนจากผู้รับใบอนุญาตได้ และผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งข้อมูลตามคำร้องขอให้ผู้ใช้พลังงานทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '102'}]",ไม่ได้ ผู้ให้บริการจำเป็นต้องให้ข้อมูลตามที่ผู้ใช้บริการร้องขอและจำเป็ฯที่จะต้องแจ้งข้อมูลให้แก่ผู้ที่ร้องขอภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสืออีกด้วย +กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ได้รับใบอนุญาตคิดค่าบริการไม่เป็นธรรมรือไม่ถูกต้อง ผู้ใช้บริการสามารถร้องเรียนได้ที่คณะกรรมการพลังงานประจำเขตได้หรือไม่,"สามารถยื่นได้ ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นหนังสือร้องเรียนและหลักฐานต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต และคณะกรรมการนั้นจะต้องพิจารณาเรื่องร้องเรียนนั้นให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่ได้รับเรื่องร้องเรียน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 103 ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตได้ และให้นำบทบัญญัติในมาตรา 100 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '103'}]",สามารถยื่นได้ ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นหนังสือร้องเรียนและหลักฐานต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต และคณะกรรมการนั้นจะต้องพิจารณาเรื่องร้องเรียนนั้นให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่ได้รับเรื่องร้องเรียน +หน่วนงายใดมีหน้าที่ดูแลอสังหาริมทรัพย์ที่เวนคืนมาเพื่อสร้างระบบโครงข่ายพลังงานต่างๆ,"สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 104 เมื่อมีความจำเป็นที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐจะต้องใช้อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างระบบโคร��ข่ายพลังงาน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นอันจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับกิจการดังกล่าวรวมถึงแหล่งน้ำเพื่อการผลิตไฟฟ้าและการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ เขื่อนระบายน้ำ เขื่อนกักเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือสิ่งอื่นอันเป็นอุปกรณ์ของเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำนั้น เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำหรือเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมทั้งลานไกไฟฟ้าและสิ่งอื่นอันเป็นอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ถ้ามิได้ตกลงเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สำนักงานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน และให้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการเวนคืนตกเป็นของแผ่นดิน ให้สำนักงานมีหน้าที่ปกครองดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '104'}]",สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน +หากผู้รับใบอนุญาตได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลใดแล้วเกิดความเสียหายหรือเสื่อมประโยชน์ต่ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน จะต้องปฏิบัติอย่างไรในการแจ้งและชำระค่าทดแทนความเสียหาย,"เมื่อได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลใดแล้ว หากเกิดความเสียหายหรือเสื่อมประโยชน์ต่ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน ผู้รับใบอนุญาตจะต้องแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทนความเสียหายต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นเป็นหนังสือ และจ่ายค่าทดแทนความเสียหายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยคำนวณจากความเสียหายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นมีสิทธิโต้แย้งจำนวนเงินค่าทดแทนต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทน และคณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการป���ะกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 105 เพื่อประโยชน์ในการสำรวจหรือเพื่อหาสถานที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตโดยอนุมัติของคณะกรรมการมีอำนาจเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลใดเป็นการชั่วคราวได้ ....... +เมื่อได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลใดแล้ว หากเกิดความเสียหายหรือเสื่อมประโยชน์ต่ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทนความเสียหายนั้นต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นเป็นหนังสือ และจ่ายค่าทดแทนความเสียหายนั้นแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนดทั้งนี้ เงินค่าทดแทนให้คำนวณจากความเสียหายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวนั้นด้วย +เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจอุทธรณ์จำนวนเงินค่าทดแทนต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทน +คณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ +คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '105'}]",ผู้รับใบอนุญาตจะต้องแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทนความเสียหายต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นเป็นหนังสือ และจ่ายค่าทดแทนความเสียหายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยคำนวณจากความเสียหายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย. +เมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแผนผังการวางระบบโครงข่ายพลังงานแล้ว ผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำเครื่องหมายแสดงบริเวณเขตโครงข่ายพลังงานบนพื้นที่จริงและมีหนังสือแจ้งเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในเขตหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประ���าศกำหนด และเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจอุทธรณ์เหตุที่ไม่สมควรทำเช่นนั้นต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้รับใบอนุญาต โดยคณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 106 เมื่อผู้รับใบอนุญาตเลือกแนวหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานได้แล้ว ให้จัดทำแผนผังแสดงรายละเอียดของลักษณะทิศทางและแนวเขตในการวางระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้คณะกรรมการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน +เมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแผนผังตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้สำนักงานประกาศกำหนดเขตระบบโครงข่ายพลังงานโดยปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ที่เขตระบบโครงข่ายพลังงานนั้นตั้งอยู่ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ทั้งนี้ ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำเครื่องหมายแสดงบริเวณเขตโครงข่ายพลังงานบนพื้นที่จริงและมีหนังสือแจ้งเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในเขตหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด +เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจอุทธรณ์เหตุที่ไม่สมควรทำเช่นนั้นต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้รับใบอนุญาต +คณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ +คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '106'}]",ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำเครื่องหมายแสดงบริเวณเขตโครงข่ายพลังงานบนพื้นที่จริงและมีหนังสือแจ้งเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในเขตหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื��อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด. +"ในการวางระบบโครงข่ายพลังงานในพื้นที่ที่มีการกำหนดเขต จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใดบ้างเมื่อเกี่ยวข้องกับที่ดินสาธารณสมบัติ, ที่ดินของบุคคลอื่น หรือการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง","ในการวางระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบแห่งบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากที่ดินนั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน, ที่ดินของผู้บุคคลอื่นให้วางระบบโครงข่ายไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามที่ดินนั้น รวมถึงห้ามปักหรือตั้งเสาหรืออุปกรณ์อื่นลงในหรือบนพื้นดินของบุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นที่ตั้งโรงเรือน, ส่วนการรื้อถอนอาคารหรือโรงเรือนของบุคคลอื่น, ทำลายสิ่งอื่นที่สร้างหรือทำขึ้น, หรือทำลายหรือตัดฟันต้น กิ่ง หรือรากของต้นไม้หรือพืชผลหากอาคาร โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้างหรือต้นไม้นั้น อยู่ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานสามารถทำได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 107 เมื่อได้มีการประกาศกำหนดเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามมาตรา 106 แล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +(1) วางระบบโครงข่ายพลังงานไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น โดยผู้รับใบอนุญาตรายอื่นนั้นจะปฏิเสธมิให้ดำเนินการมิได้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีปัญหาทางเทคนิคที่อาจก่อให้เกิดการรบกวนต่อการวางระบบโครงข่ายพลังงานของตน ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นอาจเรียกค่าใช้ประโยชน์ได้ตามสมควรและเป็นธรรม +(2) วางระบบโครงข่ายพลังงานไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบแห่งบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง +(3) วางระบบโครงข่ายพลังงานไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดินของบุคคลใดปักหรือตั้งเสาหรืออุปกรณ์อื่นลงในหรือบนพื้นดินของบุคคลใดซึ่งมิใช่เป็นที่ตั้งโรงเรือน +(4) รื้อถอนอาคารหรือโรงเรือนของบุคคลอื่น หรือทำลายสิ่งอื่นที่สร้าง หรือทำขึ้น หรือทำลายหรือตัดฟันต้น กิ่ง หรือรากของต้นไม้ของบุคคลอื่น หรือพืชผลในเขตระบบโครงข่ายพลังงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน ��.ศ. 2550', 'sections': '107'}]","ในการวางระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบแห่งบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากที่ดินนั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน, ที่ดินของผู้บุคคลอื่นให้วางระบบโครงข่ายไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามที่ดินนั้น รวมถึงห้ามปักหรือตั้งเสาหรืออุปกรณ์อื่นลงในหรือบนพื้นดินของบุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นที่ตั้งโรงเรือน, ส่วนการรื้อถอนอาคารหรือโรงเรือนของบุคคลอื่น, ทำลายสิ่งอื่นที่สร้างหรือทำขึ้น, หรือทำลายหรือตัดฟันต้น กิ่ง หรือรากของต้นไม้หรือพืชผลหากอาคาร โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้างหรือต้นไม้นั้น อยู่ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานสามารถทำได้." +เมื่อผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการวางระบบโครงข่ายพลังงานบนที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือพื้นดินของบุคคลอื่น ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนใดบ้างในการแจ้งและจ่ายค่าทดแทน,"แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบและจ่ายค่าใช้ผลประโยชน์หรือค่าดำเนินการอื่ใด หรือค่าทดแทนให้แก่ผู้ครองหรอง รสวมทั้งหนังสือแจ้งจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทนให้ผู้มีสิทธิ +สำหรับที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้คณะกรรมการประสานกับหน่วยงานที่ปกครองดูแลที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 108 ก่อนที่จะดำเนินการตามมาตรา 107 ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +(1) แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นตามมาตรา 107 (1) เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นตามมาตรา 107 (2) (3) หรือ (4) ทราบ โดยผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจยื่นคำร้องคัดค้านแสดงเหตุที่ไม่สมควรทำเช่นนั้นไปยังคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด +(2) จ่ายค่าใช้ประโยชน์หรือดำเนินการอื่นใดตามมาตรา 107 (1) หรือจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นตามมาตรา 107 (2) (3) หรือ (4) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด และให้มีหนังสือแจ้งจำนวนเ��ินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทนให้ผู้มีสิทธิดังกล่าวทราบ สำหรับที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้คณะกรรมการประสานกับหน่วยงานที่ปกครองดูแลที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นด้วย +(3) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทนตาม (2) ให้ผู้รับใบอนุญาตวางเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด และให้ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา 107 ได้ ซึ่งต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญหรือไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพธรรมชาติและไม่ทำให้การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินนั้นลดลง ทั้งนี้ จะต้องกระทำการนั้นโดยไม่เกินสมควรแก่เหตุด้วย +(4) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่พอใจจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทน ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '108'}]",แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบและจ่ายค่าใช้ผลประโยชน์หรือค่าดำเนินการอื่ใด หรือค่าทดแทนให้แก่ผู้ครองหรอง รสวมทั้งหนังสือแจ้งจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าทดแทนให้ผู้มีสิทธิ +หากผู้รับใบอนุญาตได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้อาศัยแล้วเกิดความเสียหายจะต้องปฏิบัติอย่างไร,"หากมีความเสียหายเกิดขึ้นผู้รับใบอนุญาตจะต้องจ่ายค่าทดแทนความเสียหายให้ และถ้าไม่สามารถตกลงค่าทดแทนกันได้ให้อุทธรณ์จำนวนเงินต่อคณะกรรมการ โดยให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเป็นที่สุด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 109 เพื่อประโยชน์ในการซ่อมหรือบำรุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลใดเท่าที่จำเป็นเป็นการชั่วคราวได้ภายใต��เงื่อนไขดังต่อไปนี้ +(1) การใช้สอยหรือเข้าครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการสำรวจ หรือซ่อมบำรุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน หรือเป็นการจำเป็นสำหรับการป้องกันอันตราย หรือความเสียหายที่จะเกิดแก่ระบบโครงข่ายพลังงาน +(2) ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามวัน +ถ้าเกิดความเสียหายใด ๆ แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอันเนื่องมาจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตจ่ายค่าทดแทนความเสียหายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด และถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในจำนวนเงินค่าทดแทนให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด +หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '109'}]",หากมีความเสียหายเกิดขึ้นผู้รับใบอนุญาตจะต้องจ่ายค่าทดแทนความเสียหายให้ และถ้าไม่สามารถตกลงค่าทดแทนกันได้ให้อุทธรณ์จำนวนเงินต่อคณะกรรมการ โดยให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเป็นที่สุด. +หากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ทำให้ต้องระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติอย่างไร,"ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ผู้รับใบอนุญาตสามารถระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้พลังงานได้โดยทันทีโดยไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดการรบกวน แต่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานและคณะกรรมการทราบโดยไม่ชักช้า เมื่อคณะกรรมการได้รับแจ้งแล้ว จะต้องมีคำสั่งยืนยันหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงการระงับการให้บริการนั้น โดยให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติตามคำสั่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีคำสั่ง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 110 ในกรณีที่อุปกรณ์ของผู้ใช้พลังงานก่อให้เกิดการรบกวนจนอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถานประกอบกิจการพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหนังสือแจ้งให้ผู้ใช้��ลังงานนั้นเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ดังกล่าวได้ภายในเวลาอันสมควร....... +ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ผู้รับใบอนุญาตจะระงับการให้บริการนั้นได้โดยทันที โดยไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดการรบกวนได้แต่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานและคณะกรรมการทราบโดยไม่ชักช้าและเมื่อคณะกรรมการได้รับแจ้งแล้วให้ดำเนินการตามวรรคสองต่อไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '110'}]",ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ผู้รับใบอนุญาตสามารถระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้พลังงานได้โดยทันทีโดยไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดการรบกวน แต่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานและคณะกรรมการทราบโดยไม่ชักช้า เมื่อคณะกรรมการได้รับแจ้งแล้ว จะต้องมีคำสั่งยืนยันหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงการระงับการให้บริการนั้น โดยให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติตามคำสั่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีคำสั่ง. +หากไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรค หรือหากไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิอื่นจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิอื่นต้องยื่นคำร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด เมื่อคณะกรรมการได้รับคำร้องขอ จะต้องส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้รับสำเนาคำร้องขอสามารถแสดงความเห็นเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องขอ หลังจากนั้น คณะกรรมการจะชี้ขาดและแจ้งคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ทราบโดยไม่ชักช้า โดยระบุการดำเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรค, กำหนดเวลาที่ต้องดำเนินการ, ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และวิธีการชำระค่าใช้จ่ายนั้น โดยที่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสามารถอุทธรณ์ได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัย และหากคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคณะกรรมการได้ภายใน หกสิบวันนับแต่วันที่ทราบ โดยคำวินิจฉัยอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 111 ในกรณีที่ระบบโครงข่ายพลังงานตามมาตรา 107 หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบกิจการระบบโครงข่ายพลังงานก่อให้เกิดการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในวัตถุประสงค์ หรือวิธีการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์นั้น เมื่อเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นร้องขอ ผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรคดังกล่าว เว้นแต่การดำเนินการนั้นจะกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตหรือดำเนินการได้อย่างยากยิ่งทางวิศวกรรม ในกรณีนี้ให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น ทำการตกลงกันเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรคดังกล่าว โดยกำหนดเวลาซึ่งต้องดำเนินการ ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และวิธีการชำระค่าใช้จ่ายนั้น +ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้หรือในกรณีที่ได้ตกลงกันแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ ให้ผู้รับใบอนุญาต เจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น ยื่นคำร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด +เมื่อคณะกรรมการได้รับคำร้องขอ ให้ส่งสำเนาคำร้องขอดังกล่าวให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นนั้น แล้วแต่กรณี ทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้รับสำเนาคำร้องขออาจแสดงความเห็นเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องขอ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวให้คณะกรรมการชี้ขาดและแจ้งคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบโดยไม่ชักช้า คำวินิจฉัยต้องระบุการดำเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรคดังกล่าว กำหนดเวลาซึ่งต้องดำเนินการ ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และวิธีการชำระค่าใช้จ่ายนั้น +เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยชี้ขาดต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยชี้ขาด +คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด +หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '111'}]",ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิอื่นต้องยื่นคำร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด +ในการพิจารณาอนุญาตการปลูกสร้างหรือการกระทำใดๆภายในเขตระบบโครงข่ายพลังงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และมีมาตรการอะไรหากพบการฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาต,"ในการพิจารณาอนุญาตการปลูกสร้างภายในเขตระบบโครงข่ายพลังงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้รับใบอนุญาตด้วย และหากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อระบบโครงข่ายพลังงาน บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม พนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตตามคำขอ โดยอาจกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรได้ +ในกรณีที่มีการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่มีการฝ่าฝืนการอนุญาตหรือเงื่อนไขประกอบการอนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 112 ภายในเขตระบบโครงข่ายพลังงานที่ประกาศตามมาตรา 106 ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ระบบโครงข่ายพลังงานเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +ในการพิจารณาอนุญาตการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับฟังความคิดเห็นของผู้รับใบอนุญาตด้วย และหากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อระบบโครงข่ายพลังงานบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ ห��ือสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดด้วยก็ได้ +ในกรณีที่มีการดำเนินการตามวรรคหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่มีการฝ่าฝืนการอนุญาตหรือเงื่อนไขประกอบการอนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '112'}]","ในการพิจารณาอนุญาตการปลูกสร้างภายในเขตระบบโครงข่ายพลังงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้รับใบอนุญาตด้วย และหากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อระบบโครงข่ายพลังงาน บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม พนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตตามคำขอ โดยอาจกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรได้ +ในกรณีที่มีการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่มีการฝ่าฝืนการอนุญาตหรือเงื่อนไขประกอบการอนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง." +หากต้นไม้หรือสิ่งอื่นใดที่ต้องตัดฟันหรือรื้อถอนมีอยู่ก่อนการสร้างระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิรื้อถอนหรือไม่,"มีสิทธิ แต่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้หรือสิ่งของนั้น แต่หากตกลงเงินกันไม่ได้ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 113 เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัย ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจรื้อถอน หรือตัดฟันต้น กิ่ง รากของต้นไม้ หรือสิ่งอื่นใดที่อยู่ใกล้หรือปิด หุ้ม คลุม หรือทับเขตระบบโครงข่ายพลังงาน แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้ หรือสิ่งนั้นทราบล่วงหน้าภายในเวลาอันสมควรถ้าไม่อาจติดต่อกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจดำเนินการได้ตามความจำเป็นและแจ้งให้คณะกรรมการทราบ +ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากต้นไม้หรือสิ่งอื่นใดมีอยู่ก่อนการสร้างระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตจ่ายค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้หรือสิ่งนั้น และถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ใน��ำนวนเงินค่าทดแทน ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '113'}]",มีสิทธิ แต่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้หรือสิ่งของนั้น แต่หากตกลงเงินกันไม่ได้ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ +ในกรณีที่เกิดเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจดำเนินการอะไรบ้างเกี่ยวกับการตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบโครงข่ายพลังงาน,"ในกรณีที่จำเป็นและเร่งด่วน ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลในเวลาใด ๆ เพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบโครงข่ายพลังงานได้ทันที แต่ถ้าเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ก็ให้แจ้งให้เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบก่อน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 114 ในกรณีที่จำเป็นและเร่งด่วน ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่ที่มิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลในเวลาใด ๆ เพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบโครงข่ายพลังงานได้ทันที แต่ถ้าเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ก็ให้แจ้งให้เจ้าของผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบก่อน +เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานให้คณะกรรมการทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '114'}]",ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลในเวลาใด ๆ เพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบโครงข่ายพลังงานได้ทันที แต่ถ้าเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ก็ให้แจ้งให้เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบก่อน +ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่อย่างไรในการเข้าไปในสถานที่เพื่อกระทำการเพื่อความปลอดกัยหรือเพื่อความจำเป็นเร่งด่วนในการดูแลรักษา,"ผู้รับบริการจำเป็นที่จขะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายขึ้น และหากมีความเสียหายผู้รับใบอนุญาตจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 115 การกระทำการตามมาตรา 113 หรือมาตรา 114 ผู้รับใบอนุญาตต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งอื่น แต่ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นผู้รับใบอนุญาตต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '115'}]",ผู้รับบริการจำเป็นที่จขะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายขึ้น และหากมีความเสียหายผู้รับใบอนุญาตจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น +ในกรณีที่การก่อสร้างหรือการกระทำใด ๆ ภายในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการแล้ว แต่ก่อให้เกิดความเสียหาย จะมีความรับผิดชอบอย่างไร,"ผู้ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างหรือเป็นผู้กระทำการนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 116 เมื่อได้รับการร้องขอจากผู้รับใบอนุญาต หากคณะกรรมการเห็นว่าเป็นความจำเป็น เพื่อการป้องกันระบบโครงข่ายพลังงาน อาจกำหนดบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานและข้อห้ามมิให้กระทำการภายในบริเวณดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +การก่อสร้างหรือกระทำการใด ๆ ภายในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ และในการอนุญาตให้คณะกรรมการคำนึงถึงการป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องด้วย +ในกรณีที่การก่อสร้างหรือการกระทำใด ๆ ที่ได้รับอนุญาตตามวรรคสองก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างหรือการกระทำนั้นต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '116'}]",ผู้ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างหรือเป็นผู้กระทำการนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย +ผู้ประกอบกิจการพลังงานต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อสถานประกอบกิจการพลังงานหรือศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน,"ผู้ประกอบการจะต้องห้ามมิให้ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจเป็นอั���ตรายแก่สถานประกอบกิจการพลังงาน หรือศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน และคณะกรรมการอาจประกาศกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งต่าง ๆ ตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 117 ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจเป็นอันตรายแก่สถานประกอบกิจการพลังงาน หรือศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน +เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ คณะกรรมการอาจประกาศกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งต่าง ๆ ตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '117'}]",ผู้ประกอบการจะต้องห้ามมิให้ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจเป็นอันตรายแก่สถานประกอบกิจการพลังงาน หรือศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน และคณะกรรมการอาจประกาศกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งต่าง ๆ ตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็น. +ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล หรือทางสัญจรทางน้ำ มีข้อห้ามอะไรบ้างที่ผู้ใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตาม,"ห้ามมิให้ผู้ใดทอดสมอเรือหรือเกาสมอ หรือลากแห อวน หรือเครื่องจับสัตว์น้ำอย่างใด ๆ ในเขตเหล่านั้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 118 ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานและในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานที่อยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล หรือทางสัญจรทางน้ำแห่งใด ห้ามมิให้ผู้ใดทอดสมอเรือหรือเกาสมอ หรือลากแห อวน หรือเครื่องจับสัตว์น้ำอย่างใด ๆ ในเขตเหล่านั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '118'}]",ห้ามมิให้ผู้ใดทอดสมอเรือหรือเกาสมอ หรือลากแห อวน หรือเครื่องจับสัตว์น้ำอย่างใด ๆ ในเขตเหล่านั้น +หากสัญญามีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทหรือการอุทธรณ์ สามารถทำตามสัญญาโดยไม่ต้องทำตามกฎหมายได้หรือไม่,"หากในสัญญามีข้อกำหนดว่าด้วยการระงับข้อพิพาทหรือการอุทธรณ์เป็นอย่างอื่น การดำเนินการระงับข้อพิพาทหรือการอุทธรณ์จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญานั้น ๆ สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย + +คำอธิบาย : พระราช���ัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 119 เว้นแต่ในสัญญาจะมีข้อกำหนดว่าด้วยการระงับข้อพิพาทหรือการอุทธรณ์เป็นอย่างอื่น การดำเนินการระงับข้อพิพาทหรือการอุทธรณ์ให้เป็นไปตามบทบัญญัติในหมวดนี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '119'}]",สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย +การระงับข้อพิพาทตามระเบียบของคณะกรรมการจะใช้เมื่อใด,"การระงับข้อพิพาทตามระเบียบของคณะกรรมการจะเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน + +คำอธิบาย : เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน ให้พิจารณาวินิจฉัยข้อพิพาทหรือยุติข้อโต้แย้งด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี้ +(1) กรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้พลังงานกับผู้รับใบอนุญาต ให้ดำเนินการระงับข้อพิพาทตามมาตรา 100 +(2) กรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน ให้ดำเนินการระงับข้อพิพาทตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '120'}]",การระงับข้อพิพาทตามระเบียบของคณะกรรมการจะเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน +ผู้ใดมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคระกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้,"ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ คือผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือผู้มีส่วนได้เสีย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 121 ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียใดไม่พอใจคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดใด ๆ ของคณะกรรมการ ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '121'}]",ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ คือผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือผู้มีส่วนได้เสีย +พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการใดบ้างเพื่อให้การตรวจสอบกิจการพลังงานเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด,"พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้: +(1) เข้าไปตรวจสอบกิจการในอาคารหรือสถานประกอบกิจการพลังงานตามที่กำหนด +(2) มีหนังสือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสาร +(3) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วรายงานต่อคณะกรรมการ +(4) เข้าไปใช้สอย���รือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ชั่วคราวเพื่อสำรวจหาสถานที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงาน +(5) เข้าไปดำเนินการในที่ดินหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยอนุมัติของคณะกรรมการ +นอกจากนี้ การปฏิบัติหน้าที่ต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่หรือค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 122 เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ +(1) เข้าไปในอาคารหรือสถานประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาตในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบกิจการสมุดบัญชี เอกสารหลักฐาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกระทำใดของผู้รับใบอนุญาตที่อาจเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาต +(2) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใดมาเพื่อประกอบการพิจารณา +(3) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วรายงานต่อคณะกรรมการในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตได้กระทำผิดหรือทำให้เกิดความเสียหายเนื่องจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาต +(4) เข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการสำรวจ หรือเพื่อหาสถานที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานตามที่กำหนดในมาตรา 105 โดยอนุมัติของคณะกรรมการ +(5) เข้าไปดำเนินการในที่ดินหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามที่กำหนดในมาตรา 107 มาตรา 109 มาตรา 113 มาตรา 114 และมาตรา 116 โดยอนุมัติของคณะกรรมการ +เมื่อได้เข้าไปและลงมือตรวจสอบตาม (1) แล้วยังดำเนินการไม่เสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม +ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม (1) พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่หรือเป็นการค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '122'}]","พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนา���ดังต่อไปนี้: +(1) เข้าไปตรวจสอบกิจการในอาคารหรือสถานประกอบกิจการพลังงานตามที่กำหนด +(2) มีหนังสือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสาร +(3) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วรายงานต่อคณะกรรมการ +(4) เข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ชั่วคราวเพื่อสำรวจหาสถานที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงาน +(5) เข้าไปดำเนินการในที่ดินหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยอนุมัติของคณะกรรมการ +นอกจากนี้ การปฏิบัติหน้าที่ต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่หรือค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา." +เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบหรือดำเนินการใด ๆ บุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร,"บุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามสมควร + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 123 ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '123'}]",บุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามสมควร +ในการปฏิบัติหน้าที่หากพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่แสดงบัตรถือว่าผิดหรือไม่,"ผิด เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 124 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง +บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '124'}]",ผิด +บทบาทของเลขาธิการ พนักงานของสำนักงาน และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้มีผลอย่างไรต่อการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา,"เลขาธิการ พนักงานของสำนักงาน และพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีอำนาจและความรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายตามที่กำหนดไว้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 125 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราช��ัญญัตินี้ ให้เลขาธิการ พนักงานของสำนักงาน และพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '125'}]",เลขาธิการ พนักงานของสำนักงาน และพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีอำนาจและความรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายตามที่กำหนดไว้ +หากเกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาตจากการดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการ ผู้รับใบอนุญาตสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้อย่างไร,"ผู้รับใบอนุญาตสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการจากสำนักงานได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 126 ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็น เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หรือเพื่อป้องกันประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน คณะกรรมการอาจมอบหมายหรือสั่งให้หน่วยงานของรัฐที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการประกอบกิจการพลังงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าครอบครองหรือใช้อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ของผู้รับใบอนุญาตเพื่อดำเนินการ หรือสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตหรือพนักงานของผู้รับใบอนุญาตกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดได้จนกว่าเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นนั้นจะสิ้นสุดลง +ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อสงวนทรัพย์สินของผู้รับใบอนุญาตเหมือนเช่นผู้ประกอบกิจการพลังงานหรือผู้มีวิชาชีพเช่นนั้นจะพึงปฏิบัติ +ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากเกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาต ให้ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายนั้นจากสำนักงานได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '126'}]",ผู้รับใบอนุญาตสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการจากสำนักงานได้ตามหลักเกณ��์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด +ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้งดเว้นการทำได้หรือไม่,"สามารถสั่งให้งดเว้นกระทำได้ด้วยหากพบว่าผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนด + +คำอธิบาย : ในกรณีที่ปรากฏแก่คณะกรรมการว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 53 มาตรา 55 มาตรา 58 มาตรา 63 มาตรา 70 มาตรา 71 มาตรา 73 มาตรา 74 มาตรา 79 มาตรา 80 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 มาตรา 89 มาตรา 92 มาตรา 96 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 102 ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการหรือแก้ไขปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนดได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '127'}]",สามารถสั่งให้งดเว้นกระทำได้ด้วยหากพบว่าผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนด +หากผู้รับใบอนุญาตโดนค่าปรับทางปกครองและไม่ยอมชำระ คณะกรรมการจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง,"คณะกรรมการมีอำนาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 128 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 68 (2) มาตรา 72 วรรคสอง มาตรา 82 มาตรา 83 วรรคสอง มาตรา 84 วรรคสอง หรือมาตรา 127 และพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา 121 หรือกรณีที่มีการอุทธรณ์ตามมาตรา 121 แต่คณะกรรมการมีมติไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ และคณะกรรมการได้มีหนังสือเตือนแล้วยังไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าปรับทางปกครองซึ่งต้องไม่เกินห้าแสนบาทต่อวัน ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความร้ายแรงในการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งประกอบด้วย +ในกรณีที่ไม่มีการชำระค่าปรับทางปกครองให้ดำเนินการบังคับทางปกครองตามส่วนที่ 8 การบังคับทางปกครอง หมวด 2 คำสั่งทางปกครอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 +ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตยังเพิกเฉยไม่ปฏิบัติการให้ถูกต้อง หรือฝ่าฝืนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือกรณีที่มีความเสียหายร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะ ให้คณะกรรมการมีอำนาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระ��าชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '128'}]",คณะกรรมการมีอำนาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ +กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งไม่เกิน 2 ปีมีหุ้นในกิจการพลังงานทำได้หรือไม่,"ไม่ได้ ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 129 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '129'}]",ไม่ได้ ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +บุคคลปฏิเสธการเรียกตัวมาให้ถ้อยคำถือว่ามีความผิดหรือไม่,"การปฏิเสธไม่เข้ามาให้ถ้อยคำถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 130 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา 24 ที่สั่งการตามมาตรา 25 หรือของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งการตามมาตรา 122 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '130'}]",การปฏิเสธไม่เข้ามาให้ถ้อยคำถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากพนักงานเจ้าหน้าที่ขอเอกสารตอนเข้าตรวจสถานที่ พนักงานไม่ให้เอกสารได้หรือไม่,"ไม่ได้ หากพนักงานไม่ให้เอกสารหรืออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่จะมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 131 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 122 หรือมาตรา 123 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรื���ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '131'}]",ไม่ได้ หากพนักงานไม่ให้เอกสารหรืออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่จะมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ถ้าบิดเบือนข้อเท็จจริงที่แจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีใครได้รับความเสียหายจะมีความผิดหรือไม่,"หากการกระทำนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด จะถือว่าไม่มีความผิด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 132 ผู้ใดให้ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือบิดเบือนแก่คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา 24 ซึ่งการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '132'}]",หากการกระทำนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด จะถือว่าไม่มีความผิด +หากจะเลิกประกอบกิจการพลังงานแล้วไม่แจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่จะถือว่ามีความผิดหรือไม่,"การจะเลิกประกอบกิจการพลังงานจำเป็นที่จะต้องแจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 133 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 47 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 59 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 47 วรรคหนึ่ง ยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '133'}]",การจะเลิกประกอบกิจการพลังงานจำเป็นที่จะต้องแจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ผู้รับใบอนุญาตไม่ส่งเงินเข้ากองทุนมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่ง + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 134 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการที่สั่งการตามมาตรา 127 อันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนมาตรา 96 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '134'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่ง +หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต สามารถทำการตรวจสอบได้หรือไม่,"ไม่ได้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 135 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 61 (1) มาตรา 76 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 84 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '135'}]",ไม่ได้ +กรณีที่หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการรับรองมาตรฐาน แต่พบว่ามีการปฏิบัติที่ไม่สุจริต หน่วยงานดังกล่าวจะต้องรับโทษตามกฎหมายอย่างไร,"หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ดำเนินการโดยไม่สุจริตจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 136 ผู้รับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานใดดำเนินการตามมาตรา 77 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '136'}]",หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ดำเนินการโดยไม่สุจริตจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การทำให้ทรัพย์สินหรือทรัพยากรของสถานประกอบกิจการพลังงานเสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายหรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม��เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 137 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 116 วรรคสอง หรือมาตรา 117 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '137'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การทำทอดสมอเรือไปโดนสายส่งพลังงานมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด และการทอดสมอนั้นเป็นเหตุให้ระบบโครงข่ายพลังงานนั้นเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 138 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 118 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ระบบโครงข่ายพลังงานดังกล่าวถูกทำลาย เสียหาย เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '138'}]",มีความผิด และการทอดสมอนั้นเป็นเหตุให้ระบบโครงข่ายพลังงานนั้นเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +หากมีบุคคลที่ลักลอบใช้บริการจากผู้รับใบอนุญาตโดยไม่มีสิทธิและการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาต บุคคลนั้นจะต้องรับโทษตามกฎหมายอย่างไร,"ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 139 ผู้ใดลักลอบใช้บริการของผู้รับใบอนุญาตโดยไม่มีสิทธิ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '139'}]",ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การกระทำความผิดใดที่คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้,"1. ผู้ที่ไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่���ี่เข้าไปในอาคารหรือสถานประกอบกิจการพลังงานเพื่อตรวจสอบกิจการ หรือ ในการปฏิบัติหน้าที่ใดๆ +2. ผู้ใดให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือบิดเบือนแก่คณะกรรมการ และสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือบุคคลอื่น +3. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการที่สั่งการตามมาตรา 127 อันเนื่องมาจากการฝ่าฝืน มาตรา 96 วรรคหนึ่ง +4. ผู้ที่ทอดสมอเรือ หรือเกาสมอ หรือลากแห อวน หรือเครื่องจับสัตว์น้ําอย่างใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานและในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 140 บรรดาความผิดตามมาตรา 131 มาตรา 132 มาตรา 134 หรือมาตรา 138 วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และในการนี้คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการเปรียบเทียบแทนได้ โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือกำหนดเงื่อนไขประการใดในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '140'}]",1. ผู้ที่ไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในอาคารหรือสถานประกอบกิจการพลังงานเพื่อตรวจสอบกิจการ หรือ ในการปฏิบัติหน้าที่ใดๆ 2. ผู้ใดให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือบิดเบือนแก่คณะกรรมการ และสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือบุคคลอื่น 3. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการที่สั่งการตามมาตรา 127 อันเนื่องมาจากการฝ่าฝืน มาตรา 96 วรรคหนึ่ง 4. ผู้ที่ทอดสมอเรือ หรือเกาสมอ หรือลากแห อวน หรือเครื่องจับสัตว์น้ําอย่างใด ๆ ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานและในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงาน +บุคคลที่ออกคำสั่งคือผู้ถือหุ้นของนิติบุคคล ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้ถือหุ้นมีความผิดหรือไม่,"ไม่มีความผิด เนื่องจากไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของกรรมการหรือผู้จัดการ รวมถึงไม่ได้มีความรับผิดชอบในการดำเนินงานหรือมีหน้าที่ในการสั่งการของนิติบุคคล + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 141 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '141'}]",ไม่มีความผิด เนื่องจากไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของกรรมการหรือผู้จัดการ รวมถึงไม่ได้มีความรับผิดชอบในการดำเนินงานหรือมีหน้าที่ในการสั่งการของนิติบุคคล +ใครเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนก่อนที่พระมหากษัตริย์จะส่งแต่งตั้งคณะกรรมการ,"คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่แทน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 142 ในวาระเริ่มแรก ให้ดำเนินการคัดเลือกคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +ให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการไปพลางก่อนจนกว่าพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '142'}]",คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่แทน +บุคคลใดต้องทำหน้าที่เป็นสำนักงานก่อนที่จะมีการจัดตั้งสำนักงาน,"สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 143 ให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการและให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งเลขาธิการและจัดตั้งสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '143'}]",สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน +บุคคลใดมีสิทธิในการอนุบัติการปฏิบัติงานของสำนักงานการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ,"รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 144 เพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงานดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพรัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอาจกำหนดให้ส่วนราชการ ราช���ารส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ สนับสนุนข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างมาช่วยปฏิบัติงานในสำนักงานไปพลางก่อนเป็นการชั่วคราว โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิม แต่อยู่ในบังคับบัญชาของเลขาธิการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '144'}]",รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี +การบรรจุและแต่งตั้งพนักงานลูกจ้าง ถือว่ายังเป็นพนักงานราชการหรือไม่,"ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ ทางราชการยุบตำแหน่งหรือทางราชการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด แล้วแต่กรณี และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 145 +การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตามมาตรานี้ ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี +การบรรจุและแต่งตั้งลูกจ้างตามมาตรานี้ ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากงานเพราะทางราชการยุบตำแหน่งหรือทางราชการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '145'}]",ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ ทางราชการยุบตำแหน่งหรือทางราชการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด แล้วแต่กรณี และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง +การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาใดในระหว่างการประกอบกิจการพลังงานก่อนที่จะได้รับใบอนุญาต,"ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูม��ภาค และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 146 นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการพลังงานได้ต่อไปจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ +ในระหว่างการประกอบกิจการพลังงานตามวรรคหนึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '146'}]",ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้วแต่กรณี +กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง และกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่เป็นกฎหมายเฉพาะจะยังคงบังคับใช้อยู่หรือไม่เมื่อมีพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน,"ยังสามารถบังคับใช้อยู่ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 147 บรรดาอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง และกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ยังคงมีอยู่ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '147'}]",ยังสามารถบังคับใช้อยู่ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน +การเวนที่เพื่อให้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เป็นการเวนคืนของการไฟฟ้าหน่วยงานใดได้บ้าง,"การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 148 บทบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ โดยการเวนคืนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้านครหลวง และกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '148'}]",การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค +ในการออกใบอนุญา9ให้คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เช่นใด,"ให้มีการพิจารณาและคำนึงถึง +1. สิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิมของผู้ประกอบกิจการพลังงานประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม +2. การพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 150 + +ในการออกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยคำนึงถึงสิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิมของผู้ประกอบกิจการพลังงานประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม รวมทั้งการพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '150'}]",1. สิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิมของผู้ประกอบกิจการพลังงานประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม 2. การพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ +ในกรณีที่คณะกรรมการต้องดำเนินการออกใบอนุญาตให้แก่ ผู้ประกอบกิจการพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื���นที่พัฒนาร่วม ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ที่ให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศมาเลเซีย ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ จะต้องนำหลักเกณฑ์ใดมาพิจารณา,"การออกใบอนุญาตดังกล่าวต้องคำนึงถึง +1. ข้อตกลงและเงื่อนไขตามสัญญาที่ผู้ประกอบกิจการพลังงานมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +2. สิทธิประโยชน์ของคู่สัญญาตามสัญญา เพื่อไม่ให้มีการกระทบต่อสิทธิเกิดขึ้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 151 ภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบของคณะกรรมการตามมาตรา 50 มีผลใช้บังคับ ให้คณะกรรมการดำเนินการออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัตินี้ให้แก่ผู้ประกอบกิจการพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วม ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ที่ให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งประกอบกิจการอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ โดยการออกใบอนุญาตดังกล่าวต้องคำนึงถึงข้อตกลงและเงื่อนไขตามสัญญาที่ผู้ประกอบกิจการพลังงานมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและต้องไม่กระทบต่อสิทธิ หรือประโยชน์ของคู่สัญญาตามสัญญาดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '151'}]",การออกใบอนุญาตดังกล่าวต้องคำนึงถึง 1. ข้อตกลงและเงื่อนไขตามสัญญาที่ผู้ประกอบกิจการพลังงานมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ 2. สิทธิประโยชน์ของคู่สัญญาตามสัญญา เพื่อไม่ให้มีการกระทบต่อสิทธิเกิดขึ้น. +หน่วยงานรัฐใดที่ประกอบกิจการพลังงาน แต่ไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 152 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550,"การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 152 สำหรับการประกอบกิจการพลังงานของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นนอกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งป��ะเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 146 และมาตรา 150 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '152'}]",การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) +เขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อที่มีการประกาศก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ จะถือเป็นเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงานหรือไม่,"ถือว่าเป็นเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 153 +ให้เขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อที่ได้มีการประกาศก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ถือเป็นเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '153'}]",ถือว่าเป็นเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน +การออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ประกอบกิจการอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและเข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น จะต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง,"1. สิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิม ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม +2. การพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 154 ให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ประกอบกิจการอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและเข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ นอกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นตามมาตรา 152 ประกอบกิจการพลังงานได้ต่อไปและให้มายื่นคำขอรับใบอนุญาตตามว��รคสอง +ให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานตามวรรคหนึ่งยื่นขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบของคณะกรรมการตามมาตรา 50 มีผลใช้บังคับ และเมื่อยื่นคำขอรับใบอนุญาตแล้ว ให้ประกอบกิจการได้ต่อไปจนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตจากคณะกรรมการ +ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการพลังงานดังกล่าวได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานอื่นของรัฐก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ในการออกใบอนุญาตตามวรรคสองให้คณะกรรมการคำนึงถึงสิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิม ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม รวมทั้งการพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัตินี้ +การประกอบกิจการพลังงานของผู้ประกอบกิจการพลังงานตามวรรคหนึ่ง และวรรคสองจะต้องปฏิบัติตามการอนุญาตใด ๆ ที่ได้ให้ไว้ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2515 กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยโรงงาน หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการพลังงาน จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตตามวรรคสอง","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '154'}]",1. สิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิม ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม 2. การพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 +ในการเตรียมข้อมูลเอกสารส่งให้คณะกรรมการ จะต้องคำนึงถึงสิ่งใด,"1. หลักเกณฑ์  +2. วิธีการ +3.เงื่อนไข +4.ระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 155 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่มีหน้าที่ในการอนุญาตและการกำกับดูแล หรือการควบคุมการประกอบกิจการพลังงาน จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงาน ให้แก���คณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่คณะกรรมการประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '155'}]",1. หลักเกณฑ์ 2. วิธีการ 3.เงื่อนไข 4.ระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด +หากบริษัทมีหุ้นในบริษัทอื่นใดเกินกว่าร้อยละห้าสิบของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด บริษัทมีสิทธิควบคุมกิจการ หรือไม่,"ได้ บริษัทใดที่ถือหุ้นในบริษัทอื่นใดเกินกว่าร้อยละห้าสิบของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดให้ถือว่าบริษัทนั้นมีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทอื่น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2552 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ +“บริษัทแม่” หมายความว่า บริษัทที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในลักษณะดังต่อไปนี้ +(1) มีหุ้นในบริษัทหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด +(2) มีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทหนึ่ง +(3) มีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้มีอำนาจในการจัดการหรือกรรมการตั้งแต่กึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดในบริษัทหนึ่ง หรือ +(4) มีอำนาจควบคุมกิจการในลักษณะอื่นใดตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +การมีหุ้นในบริษัทหนึ่งตั้งแต่ร้อยละยี่สิบขึ้นไปของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีอำนาจควบคุมกิจการ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามิได้มีอำนาจควบคุมกิจการ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '4'}]",ได้ บริษัทใดที่ถือหุ้นในบริษัทอื่นใดเกินกว่าร้อยละห้าสิบของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดให้ถือว่าบริษัทนั้นมีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทอื่น +บริษัทหรือสถาบันการเงินสามารถที่จะระดมเงินจากประชาชนโดยการรับฝากเงินได้ไหม,"สามารถทำได้ แต่หากกิจการนั้นมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมแลัวมิได้มีกฎหมายควบคุมเฉพาะ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อควบคุมได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 5 การประกอบกิจการใดที่มีลักษณะเป็นการระดมเงินจากประชาชนโดยการรับฝากเงินหรือโดยวิธีอื่นใด ให้สินเชื่อ หรือธุรกิจทางการเงิน หากกิจการนั้นมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมและมิได้มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นการเฉพาะแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้การประกอบกิจการประเภทนั้นอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือบางส่วน รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '5'}]",สามารถทำได้ แต่หากกิจการนั้นมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมแลัวมิได้มีกฎหมายควบคุมเฉพาะ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อควบคุมได้ +การขายหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินจากประชนชนอยู่ภายใต้บทบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 หรือไม่,"ไม่ให้ใช้บทบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 บังคับการขายหลักทรัพย์ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 การระดมเงินจากประชาชนโดยการขายหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มิให้อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '6'}]",ไม่ให้ใช้บทบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 บังคับการขายหลักทรัพย์ +กฎหมายฉบับใดที่ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยในการออกประกาศที่มีผลบังคับใช้,"พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '7'}]",พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่,"พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ + ประกาศตามวรรคหนึ่งเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ + รัฐมนตรีอาจกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยื่นรายงานข้อมูลที่ได้รับจากการดำเนินการตามรายการที่รัฐมนตรีกำหนด ทั้งนี้ จะให้ยื่นตามระยะเวลาหรือเป็นครั้งคราวและจะให้ทำคำชี้แจงข้อความเพื่ออธิบายหรือขยายความแห่งรายงานนั้นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '8'}]",พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา +ผู้ใดเป็นผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตแก่นิติบุคคล,"รัฐมนตรีเป็นผู้ออกใบอนุญาตโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา มาตรา 9 การประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ จะกระทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด โดยได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ในการอนุญาตดังกล่าวรัฐมนตรีจะกำหนดหลักเกณฑ์ตามที่เห็นสมควรก็ได้ + การยื่นคำขอจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับความเห็นชอบในการจัดตั้งจากรัฐมนตรีก่อน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '9'}]",รัฐมนตรีเป็นผู้ออกใบอนุญาตโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย +ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจะตั้งสาขาในประเทศไทย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง,"1.ส่งหนังสือยินยอมให้ยื่นคำขอจัดตั้งสาขาต่อรัฐมนตรีโดยผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย +2.ขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต +3.ชำระค่าธรรมเนียม + + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา 10 ในการขอรับอนุญาตตามธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจะตั้งสาขาเพื่อประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศแสดงหนังสือยินยอมให้ยื่นคำขอจัดตั้งสาขาจากหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับและตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้นต่อรัฐมนตรีโดยผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย + การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ตลอดจนเสียค่าธรรมเนียมตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเ��ศไทย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '10'}]",1. ส่งหนังสือยินยอมให้ยื่นคำขอจัดตั้งสาขาต่อรัฐมนตรีโดยผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย 2. ขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต 3. ชำระค่าธรรมเนียม +นิติบุคคลใช้คำว่า บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ นำหน้าชื่อบริษัท ก่อนได้รับใบอนุญาตสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับใบอนุญาตที่ระบุชื่อของกิจการ + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 11 สถาบันการเงินต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “ธนาคาร” “บริษัทเงินทุน” หรือ “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” นำหน้า ตามที่ระบุในใบอนุญาต แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '11'}]",ไม่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับใบอนุญาตที่ระบุชื่อของกิจการ +คำใดบ้างที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้นอกจากสถาบันการเงิน,"ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจทางการเงินว่า “ธนาคาร” “เงินทุน” “การเงิน” “การลงทุน” “เครดิต” “ทรัสต์” “ไฟแนนซ์” “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน + + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 12 ห้ามผู้ใดนอกจากสถาบันการเงินใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจทางการเงินว่า “ธนาคาร” “เงินทุน” “การเงิน” “การลงทุน” “เครดิต” “ทรัสต์” “ไฟแนนซ์” “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน + บทบัญญัติในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '12'}]",“ธนาคาร” “เงินทุน” “การเงิน” “การลงทุน” “เครดิต” “ทรัสต์” “ไฟแนนซ์” “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน +สถาบันทางเงินต้องการที่จะจัดตั้งหรือเลิก สามารถทำได้ทันทีหรือไม่,"ไม่สามารถทำได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา 13 การจัดตั้ง หรือย้ายสำนักงานใหญ่หรือสาขา หรือการเลิกสาขาของสถาบันการเงินต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '13'}]",ไม่สามารถทำได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +สำนักงานผู้แทนของสถาบันการเงินในต่างประเทศ และสำนักงานผู้แทนของสถาบันการเงินต่างประเทศในประเทศ จะรับฝากเงินหรือรับเงินจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้ได้หรือไม่,"ไม่ได้ + + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 14 การตั้งสำนักงานผู้แทนของสถาบันการเงินในต่างประเทศ และการตั้งสำนักงานผู้แทนของสถาบันการเงินต่างประเทศในประเทศ จะกระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ให้ต้องปฏิบัติด้วยก็ได้ +สำนักงานผู้แทนตามวรรคหนึ่ง จะรับฝากเงินหรือรับเงินจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้ไม่ได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '14'}]",ไม่ได้ +สถาบันการเงินสามารถกำหนดเงื่อนไขในการโอนหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของสถาบันการเงินได้หรือไม่,"ไม่ได้ สถาบันการเงินต้องไม่มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 15 หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของสถาบันการเงินต้องเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อผู้ถือ มีมูลค่าของหุ้นไม่เกินหุ้นละหนึ่งร้อยบาท และข้อบังคับของสถาบันการเงินต้องไม่มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น เว้นแต่จะเป็นข้อจำกัดเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ +สถาบันการเงินอาจออกหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง หรือหุ้นบุริมสิทธิอื่นได้เมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ที่สถาบันการเงินต้องปฏิบัติก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '15'}]",ไม่ได้ สถาบันการเงินต้องไม่มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น +สถาบันการเงินของประเทศไทยสามารถให้บุคคลไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นส่วน มากกว่าร้อยละ 25 หรือถือหุ้นเกินหนึ่งในสี่ได้หรือไม่,"ได้ แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจะบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่ม��สิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และให้มีกรรมการที่เป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยได้เกินกว่าหนึ่งในสี่แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 16 ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจอนุญาตให้บุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และให้มีกรรมการที่เป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยได้เกินกว่าหนึ่งในสี่แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '16'}]",ได้ แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจะบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และให้มีกรรมการที่เป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยได้เกินกว่าหนึ่งในสี่แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด. +ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียงที่เกินร้อยละ 5 จะต้องแจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่,"ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง แม้จะเกินร้อยละ 5 ก็ไม่ต้องแจ้งรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทย + + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา17 บุคคลใดถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ตั้งแต่ร้อยละห้าขึ้นไปของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด บุคคลนั้นต้องรายงานการถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นดังกล่าวให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + จำนวนหุ้นตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามวรรคหนึ่งถืออยู่หรือมีไว้ด้วย + หุ้นตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึงหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '17'}]",ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง แม้จะเกินร้อยละ 5 ก็ไม่ต้องแจ้งรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทย +หุ้นของสถาบันการเงินประเภทใดที่สามารถถือได้เกินร้อยละสิบ,"หุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง + + + +คำอธิบาย : ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 18 ห้ามมิให้บุคคลใดถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + จำนวนหุ้นตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามวรรคหนึ่งถืออยู่หรือมีไว้ด้วย + หุ้นตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึงหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '18'}]",หุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง +ผู้ใดถือหุ้นของสถาบันการเงินเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและไม่ยอมจำหน่ายออกไปได้หรือไม่,"ไม่ได้ หากเกินร้อยละ 10 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขอศาลให้มีคำสั่งขายหุ้นส่วนเกินนั้น +และถ้าศาลเห็นว่าการถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติกฎหมาย ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นก็ได้ + + + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 บุคคลใดได้มาซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งจนเป็นเหตุให้จำนวนหุ้นที่ตนถืออยู่หรือมีไว้เป็นไปโดยฝ่าฝืนมาตรา 18 บุคคลนั้นจะต้องนำหุ้นในส่วนที่เกินออกจำหน่ายแก่บุคคลอื่นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหุ้นนั้นมา เว้นแต่จะได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจะผ่อนผันได้อีกไม่เกินเก้าสิบวัน + ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เกินภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งให้ขายหุ้นในส่วนที่เกินดังกล่าวได้ และถ้าศาลเห็นว่าการถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 18 ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '19'}]",ไม่ได้ หากเกินร้อยละ 10 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขอศาลให้มีคำสั่งขายหุ้นส่วนเกินนั้น +การนับจำนวนหุ้น จากการที่สถาบันการเงินได้จำหน่ายหุ้นของตนแก่บุคคลใดจนเป็นเหตุให้จำนวนหุ้นที่บุคคลนั้นถืออยู่เกินร้อยละ 10 ต้องนับอย่างไร,"ให้นับร���มถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ซื้อหุ้นจากสถาบันการเงินถืออยู่หรือมีไว้ด้วย + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 20 ห้ามมิให้สถาบันการเงินจำหน่ายหุ้นของตนแก่บุคคลใดจนเป็นเหตุให้จำนวนหุ้นที่บุคคลนั้นถืออยู่หรือมีไว้เป็นไปโดยฝ่าฝืนมาตรา 18 +การนับจำนวนหุ้นตามวรรคหนึ่ง ให้นับรวมถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามวรรคหนึ่งถืออยู่หรือมีไว้ด้วย +ทุกครั้งที่มีการชี้ชวนให้เข้าชื่อซื้อหุ้นของสถาบันการเงินใด ให้สถาบันการเงินนั้นระบุหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามมาตรา 17 มาตรา 18 และมาตรา 19 ไว้ในคำชี้ชวนด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '20'}]",ให้นับรวมถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ซื้อหุ้นจากสถาบันการเงินถืออยู่หรือมีไว้ด้วย +หุ้นที่ได้รับมาจากมรดกสามารถรับปันผลหรือผลตอบแทนได้หรือไม่,"หุ้นที่ได้รับมาจากมรดกสามารถได้รับปันผลหรือผลตอบแทบแม้จะเกินร้อยละ 10 แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลา 90 วันนับตั้งแต่ได้วันที่ได้รับหุ้นมา แต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นในส่วนที่เกิน + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 21 ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งได้รับหุ้นมาโดยสุจริตจากการรับมรดก หากสถาบันการเงินนั้นได้ประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วงระยะเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหุ้นมาหรือภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ให้มีสิทธิรับเงินปันผลในหุ้นส่วนที่เกินร้อยละสิบตามมาตรา 18 ได้ แต่บุคคลนั้นจะออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินมิได้ + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 18 ห้ามมิให้บุคคลใดถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +จำนวนหุ้นตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามวรรคหนึ่งถืออยู่หรือมีไว้ด้วย +หุ้นตามวรรคห���ึ่งไม่รวมถึงหุ้นบุริมสิทธิที่ไม่มีสิทธิออกเสียง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '21'}]",หุ้นที่ได้รับมาจากมรดกสามารถได้รับปันผลหรือผลตอบแทนได้แม้จะเกินร้อยละ 10 แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลา 90 วันนับตั้งแต่ได้วันที่ได้รับหุ้นมา แต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นในส่วนที่เกิน. +สถาบันการเงินเมื่อมีการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นก่อนประชุมแล้วต้องแจ้งผลต่อหน่วยงานใด,"สถาบันการเงินต้องแจ้งผลการตรวจสอบต่อธนาคารแห่งประเทศไทย + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา 22 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามมาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 18 และมาตรา 19 ให้สถาบันการเงินตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกครั้งก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นหรือก่อนจ่ายเงินปันผลหรือผลตอบแทนอื่นใดแก่ผู้ถือหุ้น แล้วให้แจ้งผลการตรวจสอบต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '22'}]",สถาบันการเงินต้องแจ้งผลการตรวจสอบต่อธนาคารแห่งประเทศไทย +ผู้ถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในอัตราร้อย 15 จำเป็นต้องขายในอัตราที่เกินร้อยละ 10 หรือไม่,"ผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องขายหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละ 10 + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 23 มิให้นำมาตรา 15 ถึงมาตรา 22 มาใช้บังคับกับสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ + +พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 บุคคลใดได้มาซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งจนเป็นเหตุให้จำนวนหุ้นที่ตนถืออยู่หรือมีไว้เป็นไปโดยฝ่าฝืนมาตรา 18 บุคคลนั้นจะต้องนำหุ้นในส่วนที่เกินออกจำหน่ายแก่บุคคลอื่นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหุ้นนั้นมา เว้นแต่จะได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจะผ่อนผันได้อีกไม่เกินเก้าสิบวัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '23'}]",ผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องขายหุ้นในส่วนที่เกินร้อยละ 10 +ผู้ที่เป็นบุคคลล้มละลายแต่พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้ว 8 ปี สามารถถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการของสถาบันการเงินได้หรือไม่,"บุคคลนั้นสามารถถูกตั้งตั้งและทำหน้าที่ผู้จัดการของสถาบันการเงินได้ + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 24 ห้ามมิให้สถาบันการเงินแต่งตั้งหรือยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นหรือทำหน้าที่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงิน + (1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วไม่ถึงห้าปี","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '24'}]",บุคคลนั้นสามารถถูกตั้งตั้งและทำหน้าที่ผู้จัดการของสถาบันการเงินได้ +กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานใด,"กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบธนาคารแห่งประเทศไทย + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 25 การแต่งตั้งกรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงิน จะต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งบุคคลใหม่หรือแต่งตั้งบุคคลเดิมให้ดำรงตำแหน่งต่อไป + ในการให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันทำการนับแต่วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคำขอและเอกสารที่เกี่ยวข้องครบถ้วนตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด หากธนาคารแห่งประเทศไทยมิได้แจ้งผลการพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งนั้นแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '25'}]",กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบธนาคารแห่งประเทศไทย +ผู้ใดมีหน้าที่แจ้งการเป็นกรรมการในธุรกิจแก่สถาบันอื่น,"สถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 26 ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี สถาบันการเงินมีหน้าที่แจ้งหรือแสดงให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทนที่กรรมการ ผู้จัดการ และผู้มีอำนาจในการจัดการได้รับจากสถาบันการเงิน และมีหน้าที่แจ้งให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบถึงการเป็นกรรมการในธุรกิจอื่นด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้กรรมการมีหน้าที่แจ้งการเป็นกรรมการในธุรกิจอื่นแก่สถาบันการเงิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '26'}]",สถาบันการเงิน +ในกรณีที่าถ่บันการเงินประสบปัญหาขาดทุน เมื่อสิ้นรอบระยะเวลา 6 เดือน เมื่อลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละห้าสิบของทุนที่ชำระแล้ว ต้องปฏิบัติอย่างไร,"ให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนที่ชำระแล้ว เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินตามความเป็นจริง + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 27 ในการดำเนินกิจการของสถาบันการเงิน กรรมการต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง และต้องรับผิดชอบร่วมกันในการบริหารงานสถาบันการเงินนั้น ซึ่งรวมถึงเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) การให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ +(2) การจัดทำและเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของสถาบันการเงิน โดยต้องเปิดเผยให้ผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงิน และประชาชนได้รับทราบและสามารถตรวจสอบได้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(3) การให้สถาบันการเงินเรียกประชุมผู้ถือหุ้นภายในสี่เดือนนับแต่สิ้นรอบระยะเวลาบัญชีหกเดือน เมื่อปรากฏว่าสถาบันการเงินนั้นประสบการขาดทุนจนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาหกเดือนตามมาตรา 67 ลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละห้าสิบของทุนที่ชำระแล้ว และให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนที่ชำระแล้ว เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินตามความเป็นจริง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '27'}]",ให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนที่ชำระแล้ว เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงฐาน���การเงินและผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินตามความเป็นจริง +บุคคลใดที่ กรรมการต้องรับผิดชอบ เมื่อใช้เกิดอความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้ตรวจการสถาบันการเงินสั่งการ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้ทุจริตหรือมีส่วนในการไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ผู้ถือหุ้น หรือผู้ฝากเงิน หรือผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการระดมเงินจากประชาชนของสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 28 กรรมการต้องรับผิดชอบร่วมกันต่อผู้ถือหุ้น หรือผู้ฝากเงิน หรือผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการระดมเงินจากประชาชนของสถาบันการเงิน เพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้ตรวจการสถาบันการเงินสั่งการตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้ทุจริตหรือมีส่วนในการไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '28'}]",ผู้ถือหุ้น หรือผู้ฝากเงิน หรือผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการระดมเงินจากประชาชนของสถาบันการเงิน +ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถสั่งการสถานบันทางการเงินเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนได้หรือไม่,"ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้ามาดูแลสถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงสูงโดยการสั่งการให้ดำเนินการใดๆตามสมควร + + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 30 สถาบันการเงินต้องดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใดตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +การประกาศกำหนดตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดเป็นการทั่วไปให้สถาบันการเงินดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด ตามขนาดหรือประเภทของสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงรวมทุกประเภทหรือแต่ละประเภทได้ หรือในกรณีที่ปรากฏว่าสถาบันการเงินใดมีความเสี่ยงสูง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสั่งการให้สถาบันการเงินนั้นดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควรก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '30'}]",ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้ามาดูแลสถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงสูงโดยการสั่งการให้ดำเนินการใดๆตามสมควร +ผู้ถือหุ้นขอให้สถาบันทางการเงินชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของสถาบันทางการเงินได้หรือไม่,"ได้ เนื่องจากมีบทบัญญัติของกฎหมายได้กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนและข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของสถาบันการเงินหรือกลุ่มธุรกิจทางการเงิน + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตร 31 ให้สถาบันการเงินเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนและข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของสถาบันการเงินหรือกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '31'}]",ได้ เนื่องจากมีบทบัญญัติของกฎหมายได้กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนและข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของสถาบันการเงินหรือกลุ่มธุรกิจทางการเงิน +สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามความในพระราชบัญญัตินี้ ต้องดำรงสินทรัพย์ไว้ในประเทศไทยหรือมีหลักทรัพย์ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด หรือไม่ และให้ถือว่าสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินกองทุนตามพระราชบัญญัติ ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"ต้องดำรงสินทรัพย์ไว้ในประเทศไทยหรือมีหลักทรัพย์ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้ถือว่าสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินกองทุนตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 32 สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามความในพระราชบัญญัตินี้ ต้องดำรงสินทรัพย์ไว้ในประเทศไทยหรือมีหลักทรัพย์ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้ถือว่าสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้ +สินทรัพย์หรือหลักทรัพ��์ตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วย +(1) เงินที่นำเข้ามาจากสำนักงานใหญ่หรือสาขาอื่นของสถาบันการเงินต่างประเทศซึ่งตั้งอยู่นอกประเทศไทย +(2) เงินสำรองต่าง ๆ แต่ไม่รวมถึงเงินสำรองสำหรับการลดค่าของสินทรัพย์และเงินสำรองเพื่อการชำระหนี้ หรือ +(3) เงินกำไรสุทธิแต่ละรอบปีบัญชีของสาขาหลังจากหักผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในทุกรอบปีบัญชีแล้ว และให้รวมถึงเงินกำไรที่ได้โอนไปเป็นส่วนของสำนักงานใหญ่ในทางบัญชีแล้วแต่ยังไม่ได้จำหน่ายออกนอกราชอาณาจักร","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '32'}]",ต้องดำรงสินทรัพย์ไว้ในประเทศไทยหรือมีหลักทรัพย์ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้ถือว่าสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินกองทุนตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 +สถาบันทางการเงินสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ เป็นอัตราส่วนร้อยละสิบของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในทุกบริษัทรวมกันได้หรือไม่,"ได้ เนื่องจากไม่เกินอตราส่วนรอยละยี่สิบ ตามที่กฎหมายกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 33 ภายใต้บังคับมาตรา 34 และมาตรา 35 ให้สถาบันการเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของตนได้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 34 ห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมในบริษัทใดเกินอัตราดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(1) ร้อยละยี่สิบของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในทุกบริษัทรวมกัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '33'}]",ได้ เนื่องจากไม่เกินอตราส่วนรอยละยี่สิบ ตามที่กฎหมายกำหนด +ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาตในการกำหนดอัตราขั้นสูงในการถือหรือมีหุ้นให้ต่ำกว่าที่กำหนดได้หรือไม่ และต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อยกี่วัน,"ได้ แต่ต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 34 ห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมในบริษัทใดเกินอัตราดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(1) ร้อยละยี่สิบของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในทุกบริษัทรวมกัน +(2) ร้อยละห้าของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในบริษัทแต่ละราย หรือ +(3) ร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '34'}]",ได้ แต่ต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน +หุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของสถาบันการเงินอื่นที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน ในกรณีใดที่สถาบันการเงินสามารถถือหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"เป็นการได้มาจากการชำระหนี้หรือการประกันการให้สินเชื่อซึ่งต้องจำหน่ายภายในเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ได้มา หรือเป็นการซื้อหรือได้มาโดยได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการผ่อนผันไว้ด้วยก็ได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 35 ห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์ ดังต่อไปนี้ +(1) หุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของสถาบันการเงินอื่นที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน เว้นแต่เป็นการได้มาจากการชำระหนี้หรือการประกันการให้สินเชื่อซึ่งต้องจำหน่ายภายในเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ได้มา หรือเป็นการซื้อหรือได้มาโดยได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการผ่อนผันไว้ด้วยก็ได้ +(2) หลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของสถาบันการเงินนั้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '35'}]",เป็นการได้มาจากการชำระหนี้หรือการประกันการให้สินเชื่อซึ่งต้องจำหน่ายภายในเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ได้มา หรือเป็นการซื้อหรือได้มาโดยได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการผ่อนผันไว้ด้วยก็ได้ +ธนาคารพาณิชย์ต้องการเปิดธุรกิจใหม่เกี่ยวกับการประกันภัยการเดินทางเรือเพิ่มเติมการธุรกิจธนาคารพาณิชน์ได้หรือไม่,"ได้ เนื่องจากเป็นการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธนาคารพาณิชน์ เพราะบทบัญญัติของกฎหมายอนุญาติให้ธนาคารพาณิชย์สามารถประกอบได้เธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 36 ให้ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ประกอบธุรกิจได้เฉพาะธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศกำหนดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือจำเป็นโดยแยกตามประเภทสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์แต่ละชนิดก็ได้ และจะกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือจำเป็นนั้นด้วยก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '36'}]",ได้ เนื่องจากเป็นการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธนาคารพาณิชย์ +วันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงินอ้างอิงจากอะไร,"สถาบันการเงินอ้างอิงวันหยุดตามประเพณีตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และมีข้อกำหนดให้สถาบันการเงินประกาศวันและเวลาเปิดและหยุดทำการไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงินนั้น + + + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 37 ให้สถาบันการเงินเปิดทำการ ณ สำนักงานของสถาบันการเงินนั้นอย่างน้อยตามวันและเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติเป็นประการอื่นจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาตดังกล่าวธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้ปฏิบัติด้วยก็ได้ +ในปีหนึ่ง ๆ ให้สถาบันการเงินมีวันหยุดตามประเพณีตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประก���ศกำหนด +ให้สถาบันการเงินประกาศวันและเวลาเปิดและหยุดทำการไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '37'}]",สถาบันการเงินอ้างอิงวันหยุดตามประเพณีตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ข้อมูลในเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราส่วนลด และค่าบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น รวมทั้งข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับสถาบันการเงินนั้น นอกเหนือจากประกาศที่ณ สำนักงานของสถาบันการเงิน และสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด สถาบันการเงินมีหน้าที่ต้องดำเนินการสิ่งใดด้วย,"สถาบันการเงินต้องรายงานพร้อมส่งสำเนาประกาศหรือข้อมูลนั้นให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 38 ให้สถาบันการเงินประกาศข้อมูลในเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราส่วนลด และค่าบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น รวมทั้งข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับสถาบันการเงินนั้นไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงิน เพื่อให้ประชาชนและลูกค้าที่มาติดต่อหรือใช้บริการในสถานที่นั้นทราบข้อมูลดังกล่าว และให้รายงานพร้อมส่งสำเนาประกาศหรือข้อมูลนั้นให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ให้สถาบันการเงินประกาศข้อมูลตามวรรคหนึ่งในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '38'}]",สถาบันการเงินต้องรายงานพร้อมส่งสำเนาประกาศหรือข้อมูลนั้นให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย +สถาบันการเงินมีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"มีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงิน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 39 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินประเภทหนึ่งประเภทใดถือปฏิบัติในเรื่องดังต่อไปนี้ +(5) การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '39'}]",มีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงิน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค +สถาบันการเงินมีหน้าที่อย่างไรในการแจ้งอัตราค่าบริการรายปีให้กับประชาชนและลูกค้าผู้มาขอสินเชื่อ,"สถาบันการเงินต้องแจ้งและแสดงวิธีการและรายละเอียดในการคำนวณอัตราค่าบริการรายปีให้ประชาชนและลูกค้าผู้มาขอสินเชื่อทราบ + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรามาตรา มาตรา 40 ให้สถาบันการเงินแจ้งและแสดงวิธีการและรายละเอียดในการคำนวณอัตราค่าบริการรายปีให้ประชาชนและลูกค้าผู้มาขอสินเชื่อทราบ + อัตราค่าบริการรายปีตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นที่สถาบันการเงินเรียกเก็บจากประชาชนและลูกค้าต่อปีในการให้สินเชื่อ ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการ + ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจประกาศกำหนดวิธีการคำนวณอัตราค่าบริการรายปีให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '40'}]",สถาบันการเงินต้องแจ้งและแสดงวิธีการและรายละเอียดในการคำนวณอัตราค่าบริการรายปีให้ประชาชนและลูกค้าผู้มาขอสินเชื่อทราบ +การกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยครอบคลุมธุรกิจอะไรบ้าง,"การกำหนดหลักเกณฑ์สามารถครอบคลุมตามประเภทของเงินฝากหรือเงินกู้ยืม, ประเภทของบุคคล, ประเภทของเอกสารการรับฝากเงินหรือการกู้ยืม, หรือประเภทของตราสาร + + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 41 ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับฝากเงิน รับเงินจากประชาชน ให้สินเชื่อ กู้ยืมเงิน ลงทุน ก่อภาระผูกพัน ซื้อขายตั๋วแลกเงินหรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด หรือซื้อขายเงินปริวรรตต่างประเทศ ให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +การกำหนดตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดตามประเภทของเงินฝากหรือเงินกู้ยืม ประเภทของบุคคล ประเภทของเอกสารการรับฝากเงินหรือการกู้ยืม หรือประเภทของตราสารก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '41'}]","การกำหนดหลักเกณฑ์สามารถครอบคลุมตามประเภทของเงินฝากหรือเงินกู้ยืม, ประเภทของบุคคล, ประเภทของเอกสารการรับฝากเงินหรือการกู้ยืม, หรือประเภทของตราสาร" +เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศมีอำนาจในการกำหนดให้สถาบันการเงินงดเว้นให้สินเชื่อ หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อในกิจการประเภทใด ๆ เพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าอัตราที่กำหนด,"สามารถสั่งให้สถาบันการเงินงดเว้นให้สินเชื่อ หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อในกิจการประเภทใด ๆ เพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าอัตราที่กำหนดได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 42 เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจประกาศกำหนดในเรื่องดังต่อไปนี้ +(2) ห้ามมิให้สถาบันการเงินให้สินเชื่อ หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อในกิจการประเภทใด ๆ เพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าอัตราที่กำหนด ทั้งนี้ จะกำหนดเป็นอัตราส่วนกับยอดเงินทั้งหมดที่สถาบันการเงินให้สินเชื่อ หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อในแต่ละกิจการ ณ ขณะหนึ่งขณะใดก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '42'}]",สามารถสั่งให้สถาบันการเงินงดเว้นให้สินเชื่อ หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อในกิจการประเภทใด ๆ เพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าอัตราที่กำหนดได้ +การดำเนินการของสถาบันการเงินจะต้องได้รับความเห็นชอบจากใคร และต้องรายงานบุคคลใดหรือองค์กรใด ภายในระยะเวลาเมื่อใด,"ต้องได้รับความเห็นชอบจากและให้รายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 43 การดำเนินการต่อไปนี้ สถาบันการเงินจะต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน +(1) ขายหรือโอนกิจการของสถาบันการเงินทั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญให้แก่บุคคลอื่นตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +(2) ซื้อหรือรับโอนกิจการบริษัทอื่นทั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญมาเป็นของสถาบันการเงินตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดข��งผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน +(3) ทำสัญญา ยินยอม หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่กรรมการ ผู้จัดการ หรือพนักงานของสถาบันการเงิน มีอำนาจทั้งหมดหรือบางส่วนในการบริหารงานของสถาบันการเงิน หรือรวมกิจการกับบุคคลอื่น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะแบ่งกำไรขาดทุนกัน +การให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้สถาบันการเงินปฏิบัติด้วยก็ได้ และให้รายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '43'}]",ต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและให้รายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า +บริษัทเครดิตฟองซิเอร์จะรับฝากเงินเมื่อสิ้นระยะเวลาได้หรือไม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ได้ โดยวิธีออกบัตรเงินฝาก ซึ่งต้องมีรายการของบัตรเงินฝากครบถ้วน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 44 สถาบันการเงินนอกจากบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ จะรับฝากเงินที่ต้องจ่ายเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้โดยวิธีออกบัตรเงินฝากก็ได้ +บัตรเงินฝากต้องมีรายการดังต่อไปนี้ +(1) คำบอกชื่อว่าเป็นบัตรเงินฝาก +(2) ชื่อสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเงินฝาก +(3) จังหวัดที่ตั้งของผู้ออกบัตรเงินฝาก +(4) วันที่ออกบัตรเงินฝาก +(5) ข้อตกลงอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินเป็นจำนวนที่แน่นอนพร้อมด้วยดอกเบี้ย (ถ้ามี) +(6) วันถึงกำหนดจ่ายเงิน +(7) สถานที่จ่ายเงิน +(8) ชื่อของผู้ฝากเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือ +(9) ลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงนามแทนสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเงินฝาก","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '44'}]",ได้ โดยวิธีออกบัตรเงินฝาก ซึ่งต้องมีรายการของบัตรเงินฝากครบถ้วน +มาตราใดจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ถูกนำมาใช้บังคับกับบัตรเงินฝากแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง,"มาตรา 761 ถึงมาตรา 763, มาตรา 900, มาตรา 908, มาตรา 912, มาตรา 923 ถึงมาตรา 924, มาตรา 927 ถึงมาตรา 937, มาตรา 943 ถึงมาตรา 944, มาตรา 947, มาตรา 950 ถึงมาตรา 958, มาตรา 960 ถึงมาตรา 966, มาตรา 968 ถึงมาตรา 970, มาตรา 972, มาตรา 974 ถึงมาตรา 985, มาตรา 987 ถึงมาตรา 993, มาตรา 1001 ถึงมาตรา 1005, มาตรา 1009, มาตรา 1012 เป็นต้น + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 45 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 764 ถึงมาตรา 766 มาตรา 899 ถึงมาตรา 907 มาตรา 911 มาตรา 913 (1) และ (2) มาตรา 914 ถึงมาตรา 916 มาตรา 917 วรรคหนึ่งและวรรคสาม มาตรา 918 ถึงมาตรา 922 มาตรา 925 มาตรา 926 มาตรา 938 ถึงมาตรา 942 มาตรา 945 มาตรา 946 มาตรา 948 มาตรา 949 มาตรา 959 มาตรา 967 มาตรา 971 มาตรา 973 มาตรา 986 มาตรา 994 ถึงมาตรา 1000 มาตรา 1006 ถึงมาตรา 1008 มาตรา 1010 และมาตรา 1011 มาใช้บังคับกับบัตรเงินฝากโดยอนุโลม","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '45'}]","มาตรา 761 ถึงมาตรา 763, มาตรา 900, มาตรา 908, มาตรา 912, มาตรา 923 ถึงมาตรา 924, มาตรา 927 ถึงมาตรา 937, มาตรา 943 ถึงมาตรา 944, มาตรา 947, มาตรา 950 ถึงมาตรา 958, มาตรา 960 ถึงมาตรา 966, มาตรา 968 ถึงมาตรา 970, มาตรา 972, มาตรา 974 ถึงมาตรา 985, มาตรา 987 ถึงมาตรา 993, มาตรา 1001 ถึงมาตรา 1005, มาตรา 1009, มาตรา 1012 เป็นต้น" +จำนวนเงินใดหรือประเภทใดที่ธนาคารแห่งประเทศอาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินสามารถเรียกได้ และถือว่าเป็นดอกเบี้ย ส่วนลด หรือค่าบริการ เมื่อมีเหตุอันสมควร,"บรรดาเงิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่นที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน ซึ่งผู้ฝากเงินหรือบุคคลใดได้รับจากสถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน เนื่องจากการรับฝากเงิน กู้ยืมเงิน หรือรับเงิน หรือที่สถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นได้รับเนื่องจากการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน ยกเว้น ค่าบริการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 46 ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินปฏิบัติในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) ดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่อาจเรียกได้ +(2) ดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่อาจจ่ายได้ +(3) ค่าบริการที่อาจเรียกได้ +(4) เงินมัดจำที่อาจเรียกได้ +(5) หลักประกันเป็นทรัพย์สินที่ต้องเรียก +(6) ผลประโยชน์ที่อาจเรียกได้จากการทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ +(7) เบี้ยปรับที่อาจเรียกได้ +บรรดาเงิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่นที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน ซึ่งผู้ฝากเงินหรือบุคคลใดได้รับจากสถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน เนื่องจากการรับฝากเงิน กู้ยืมเงิน หรือรับเงิ��� หรือที่สถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นได้รับเนื่องจากการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน ให้ถือว่าเป็นดอกเบี้ย ส่วนลด หรือค่าบริการ แล้วแต่กรณี เว้นแต่ค่าบริการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตาม (3) มิให้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่สถาบันการเงินอาจเรียกได้ตาม (1) +การกำหนดตามวรรคหนึ่งอาจกำหนดตามประเภทของธุรกิจ การกู้ยืมเงิน การรับเงินจากประชาชน หรือกิจการที่สถาบันการเงินอาจจ่ายหรือเรียก หรือกำหนดวิธีการคำนวณและระยะเวลาการจ่ายหรือเรียกเก็บก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '46'}]",บรรดาเงิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่นที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน ซึ่งผู้ฝากเงินหรือบุคคลใดได้รับจากสถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน เนื่องจากการรับฝากเงิน กู้ยืมเงิน หรือรับเงิน หรือที่สถาบันการเงิน พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นได้รับเนื่องจากการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน ยกเว้น ค่าบริการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด. +สถานบันการเงินจำเป็นต้องให้บุคคลภายในองค์กรเป็นผู้ให้บริการหรือไม่,"ไม่จำเป็นเนื่องจากมีบทกฎหมายบัญญัติให้สถาบันการเงินอาจใช้บริการจากบุคคลภายนอกในการประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดได้ + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 47 สถาบันการเงินอาจใช้บริการจากบุคคลภายนอกในการประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '47'}]",ไม่จำเป็นเนื่องจากมีบทกฎหมายบัญญัติให้สถาบันการเงินอาจใช้บริการจากบุคคลภายนอกในการประกอบธุรกิจตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดได้ +กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ตามประมวลรัษฎากร มีความหมายว่าอย่างไร และ สถาบันการเงินไม่อาจให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่แก่กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ในอัตราเท่าใด,"กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง หมายความว่�� บริษัทที่สถาบันการเงิน กรรมการของสถาบันการเงิน + +โดย ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 49 ... +ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดอัตราขั้นสูงในการให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือแก่กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องให้สูงกว่าอัตราที่กำหนดในวรรคหนึ่งได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +การให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง หมายความว่า บริษัทที่สถาบันการเงิน กรรมการของสถาบันการเงิน ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '49'}]",กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง หมายความว่า บริษัทที่สถาบันการเงิน กรรมการของสถาบันการเงิน ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น และสถาบันการเงินไม่อาจให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือแก่กิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเกินร้อยละห้าของเงินกองทุนหรือเกินร้อยละยี่สิบห้าของหนี้สินทั้งหมดของผู้ถือหุ้นรายใหญ่. +ในกรณีที่สถาบันการเงินใดได้รับการประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินหรือบริษัทอื่นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ให้ถือว��าสถาบันการเงินนั้นให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินหรือบริษัทผู้ประกันความเสี่ยง ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"ให้ถือว่าสถาบันการเงินนั้นให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินหรือบริษัทผู้ประกันความเสี่ยงกล่าวด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 50 ... +ในกรณีที่สถาบันการเงินใดได้รับการประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินหรือบริษัทอื่นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ให้ถือว่าสถาบันการเงินนั้นให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินหรือบริษัทผู้ประกันความเสี่ยงดังกล่าวตามวรรคหนึ่งด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '50'}]",ให้ถือว่าสถาบันการเงินนั้นให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินหรือบริษัทผู้ประกันความเสี่ยงกล่าวด้วย +ในกรณีใดที่สถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจ,"กรณีที่การให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทนั้นไม่เกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 51 ห้ามมิให้สถาบันการเงินให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '51'}]",กรณีที่การให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทนั้นไม่เกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตาม��ี่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +บริษัทแม่ที่ไม่ได้ประกอบกิจการเป็นสถาบันทางการเงิน แต่มีบริษัทลูกเป็นกลุ่มทางการเงินหนึ่งบริษัทจากทั้งหมด 3 บริษัทถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"ถือว่าเป็นกลุ่มทางการเงิน ซึ่งสนันสนุนทางธุรกิจซึ่งกันและกัน + + + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 53 กลุ่มธุรกิจทางการเงิน ประกอบด้วยสถาบันการเงินและบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนธุรกิจทางการเงินที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ + (1) กลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ประกอบด้วยสถาบันการเงินเป็นบริษัทแม่และมีบริษัทอื่นเป็นบริษัทลูกบริษัทเดียวหรือหลายบริษัท หรือ + (2) กลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ประกอบด้วยบริษัทแม่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินแต่มีสถาบันการเงินเป็นบริษัทลูก โดยจะมีบริษัทลูกเพียงบริษัทเดียวหรือหลายบริษัทเป็นบริษัทร่วมก็ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '53'}]",ถือว่าเป็นกลุ่มทางการเงิน ซึ่งสนันสนุนทางธุรกิจซึ่งกันและกัน +มูลนิธิจำนวน 2 กลุ่มเข้าร่วมกันเพื่อให้บริการปล่อยเงินกู้ สามารถทำได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์รับรอง และไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรามาตรา 54 ห้ามมิให้จัดตั้งกลุ่มธุรกิจทางการเงิน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '54'}]",ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์รับรอง และไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +ในกรณีที่บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินได้ประกอบธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจได้หรือไม่,"กฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจนั้นจะได้กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 56 บ��ิษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินจะประกอบธุรกิจได้แต่เฉพาะธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดเท่านั้นแต่จะประกอบการค้าหรือธุรกิจอื่นมิได้ +ในการประกอบธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจดังกล่าวไว้ด้วยก็ได้ เว้นแต่กฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจนั้นจะได้กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '56'}]",ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจได้ +ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดสิ่งใดเพื่อเป็นการตรวจสอบความมั่นคงของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ระหว่าง บริษัทแม่ บริษัทลูก และบริษัทร่วมของสถาบันการเงินนั้น,"มีอำนาจกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนหรือทุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้นเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด หรือกำหนดอัตราส่วนอื่น ๆ ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้นได้ รวมทั้งมีอำนาจกำหนดให้กลุ่มธุรกิจทางการเงินเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความมั่นคงของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน บริษัทแม่ บริษัทลูก และบริษัทร่วมของสถาบันการเงินนั้นในลักษณะเหมือนกับเป็นนิติบุคคลเดียวกัน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เว้นแต่กฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจนั้นจะได้กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว +ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนหรือทุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้นเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด หรือกำหนดอัตราส่วนอื่น ๆ ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของ���ถาบันการเงินนั้นได้ รวมทั้งมีอำนาจกำหนดให้กลุ่มธุรกิจทางการเงินเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '57'}]",มีอำนาจกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนหรือทุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้นเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน ภาระผูกพัน หรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด หรือกำหนดอัตราส่วนอื่น ๆ ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้นได้ รวมทั้งมีอำนาจกำหนดให้กลุ่มธุรกิจทางการเงินเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +สถาบันการเงินสามารถซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทลูกโดยมีมูลค่าของหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนทั้งหมดหรือเงินกองทุนชนิดหนึ่งชนิดใด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้หรือไม่,"ไม่สามารถซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทลูกโดยมีมูลค่าของหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนทั้งหมดหรือเงินกองทุนชนิดหนึ่งชนิดใดได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 58 ห้ามมิให้สถาบันการเงินจัดตั้งหรือมีบริษัทลูก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +การอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดเงื่อนไขอื่นใดให้สถาบันการเงินหรือบริษัทลูกต้องปฏิบัติด้วยก็ได้ +ห้ามมิให้สถาบันการเงินซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทลูกโดยมีมูลค่าของหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนทั้งหมดหรือเงินกองทุนชนิดหนึ่งชนิดใด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '58'}]",ไม่สามารถซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทลูกโดยมีมูลค่าของหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนทั้งหมดหรือเงินกองทุนชนิดหนึ่งชนิดใดได้ +การให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม ให้ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทที่เป็นผู้ยื่นขอ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"การให้สินเชื่อหรือการทำ��ุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม ให้ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทดังกล่าวด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 59 สถาบันการเงินอาจให้สินเชื่อหรือทำธุรกรรมกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วมของสถาบันการเงินได้ แต่จะให้สินเชื่อหรือทำธุรกรรมเกินกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +การทำธุรกรรมตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึง +(1) การซื้อหรือขายสินทรัพย์ และรวมถึงสินทรัพย์ที่มีสัญญาซื้อคืนจากบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม +(2) การรับหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วมเป็นหลักประกันการให้สินเชื่อ หรือการออกหนังสือค้ำประกัน หรือเล็ตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม +(3) การทำธุรกรรมใด ๆ ที่เป็นผลให้บริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วมได้รับประโยชน์ +การให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม ให้ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทดังกล่าวด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '59'}]",การให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม ให้ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทดังกล่าวด้วย +หากหลักเกณฑ์ที่ให้สถาบันการเงินจัดชั้นสินทรัพย์และภาระผูกพันที่เสียหายหรืออาจเสียหายและให้ตัดออกจากบัญชีหรือกันเงินสำรองไว้สำหรับสินทรัพย์และภาระผูกพันที่เกิดขึ้น จะต้องประกาศล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วัน,"จะต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่า 30 วัน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 60 ให้สถาบันการเงินจัดชั้นสินทรัพย์และภาระผูกพันที่เสียหายหรืออาจเสียหายและให้ตัดออกจากบัญชีหรือกันเงินสำรองไว้สำหรับสินทรัพย์และภาระผูกพันดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ในกรณีที่ปรากฏว่า เมื่อนำสินทรัพย์จัดชั้นหรือภาระผูกพันในส่วนที่ยังมิได้ตัดออกจากบัญชีหรือ���ันเงินสำรองไว้มาหักออกจากเงินกองทุนแล้ว เงินกองทุนมีจำนวนต่ำกว่าที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 30 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สถาบันการเงินนั้นถือปฏิบัติจนกว่าจะได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง +หากหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนดตามวรรคหนึ่งมีผลให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มการตัดสินทรัพย์ออกจากบัญชีหรือเพิ่มการกันเงินสำรอง จะต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามสิบวัน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '60'}]",จะต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่า 30 วัน +สถาบันการเงินต้องกันเงินสำรองไว้ร้อยละ 10 ของสินทรัพย์และภาระผูกพันอื่นที่ไม่เสียหายได้ ทำได้หรือไม่,"ไม่ได้ หลักเกณฑ์กำหนัดอัตราให้ไม่เกินร้อยละ 5 ของสินทรัพย์และภาระผูกพันอื่นที่ไม่เสียหายได้ + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 61 ให้สถาบันการเงินกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์และภาระผูกพันอื่นที่ไม่เสียหายตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด แต่ทั้งนี้ จะกำหนดอัตราเกินร้อยละห้าของสินทรัพย์และภาระผูกพันอื่นที่ไม่เสียหายมิได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '61'}]",ไม่ได้ +เมื่อรายได้สำหรับสินทรัพย์ถูกจัดชั้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด สถาบันการเงินต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้สถาบันการเงินระงับการรับรู้และยกเลิกรายการดอกเบี้ยค้างรับที่เคยรับรู้เป็นรายได้สำหรับสินทรัพย์ที่ถูกจัดชั้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 62 ให้สถาบันการเงินระงับการรับรู้และยกเลิกรายการดอกเบี้ยค้างรับที่เคยรับรู้เป็นรายได้สำหรับสินทรัพย์ที่ถูกจัดชั้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '62'}]",ให้สถาบันการเงินระงับการรับรู้และยกเลิกรายการดอกเบี้ยค้างรับที่เคยรับรู้เป็นรายได้สำหรับสินทรัพย์ที่ถูกจัดชั้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +สถาบันการเงินต้องบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และภาระผูกพัน ให้มีความสัมพันธ์กับการรับฝากเงิน การกู้ยืมเงิน หรือการรับเงินจากประชาชน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"สถาบันการเงินต้องบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และภาระผูกพัน ให้มีความสัมพันธ์กับการรับฝากเงิน การกู้ยืมเงิน หรือการรับเงินจากประชาชน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 63 ให้สถาบันการเงินบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และภาระผูกพัน ให้มีความสัมพันธ์กับการรับฝากเงิน การกู้ยืมเงิน หรือการรับเงินจากประชาชน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '63'}]",สถาบันการเงินต้องบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และภาระผูกพัน ให้มีความสัมพันธ์กับการรับฝากเงิน การกู้ยืมเงิน หรือการรับเงินจากประชาชน +สินทรัพย์สภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนมือได้ ประกอบด้วยสินทรัพย์ชนิดไหนบ้าง,"สินทรัพย์สภาพคล่อง 4 ชนิด ดังต่อไปนี้นี้ +(1) บัตรเงินฝากที่ปราศจากภาระผูกพัน +(2) หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หลักทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหลักทรัพย์กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่ปราศจากภาระผูกพัน +(3) หุ้นกู้หรือพันธบัตรที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ค้ำประกันเฉพาะต้นเงินหรือรวมทั้งดอกเบี้ย และปราศจากภาระผูกพัน +(4) สินทรัพย์อื่นที่มีสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย : พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 65 สินทรัพย์สภาพคล่อง ได้แก่ +(1) เงินสด +(2) เงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย +(3) เงินฝากสุทธิที่สถาบันการเงินอื่น +(4) บัตรเงินฝากที่ปราศจากภาระผูกพัน +(5) หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หลักทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหลักทรัพย์กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่ปราศจากภาระผูกพัน +(6) หุ้นกู้หรือพันธบัตรที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ค้ำประกันเฉพาะต้นเงินหรือรวมทั้งดอกเบี้ย และปราศจากภาระผูกพัน +(7) สินทรัพย์อื่นใดที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รับภาระสุดท้ายที่จะชดใช้ความเสียหาย ทั้งนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(8) สินทรัพย์อื่นที่มีสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +สินทรัพย์สภาพคล่องตาม (4) (5) (6) และ (8) ต้องสามารถโอนเปลี่ยนมือได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '65'}]",สินทรัพย์สภาพคล่อง 4 ชนิด ดังต่อไปนี้นี้ (1) บัตรเงินฝากที่ปราศจากภาระผูกพัน (2) หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หลักทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหลักทรัพย์กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่ปราศจากภาระผูกพัน (3) หุ้นกู้หรือพันธบัตรที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ค้ำประกันเฉพาะต้นเงินหรือรวมทั้งดอกเบี้ย และปราศจากภาระผูกพัน (4) สินทรัพย์อื่นที่มีสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +บุคคลใดหรือองค์กรใด มีหน้าที่จัดทำบัญชีเพื่อแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง โดยถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสถาบันวิชาชีพที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบและตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"สถาบันการเงิน + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 66 ให้สถาบันการเงินจัดทำบัญชีเพื่อแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง โดยถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสถาบันวิชาชีพที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบและตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '66'}]",สถาบันการเงิน +งบการเงินที่ได้จัดทำขึ้นตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในรอบปีบัญชีนั้น ต้องประกาศ ณ สถานที่ใด,"ให้สถาบันการเงินประกาศงบการเงินที่จัดทำขึ้นตามวรรคหนึ่ง ที่ผ่านการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีและรับรองความถูกต้องโดยกรรมการของสถาบันการเงินไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 67 ให้สถาบันการเงินจัดทำงบการเงินทุกรอบระยะเวลาหกเดือนและรอบระยะเวลาสิบสองเดือนอันเป็นรอบปีบัญชีของสถาบันการเงินนั้น ตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และต้องมีการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในรอบปีบัญชีนั้นด้วย +ให้สถาบันการเงินประกาศงบการเงินที่จัดทำขึ้นตามวรรคหนึ่ง ที่ผ่านการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีและรับรองความถูกต้องโดยกรรมการของสถาบันการเงินไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย +การจัดทำงบการเงินสำหรับงวดบัญชีในรอบระยะเวลาหกเดือนแรกของปีบัญชีตามวรรคหนึ่ง การตรวจสอบและการแสดงความเห็นตามวรรคหนึ่ง และการประกาศและการเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามวรรคสอง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามเดือนนับแต่วันสิ้นงวดบัญชี +การจัดทำงบการเงินสำหรับงวดประจำปีบัญชีตามวรรคหนึ่ง การตรวจสอบและการแสดงความเห็นตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเสนอที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น และการประกาศและการเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามวรรคสอง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในยี่สิบเอ็ดวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นอนุมัติงบการเงินแล้ว ทั้งนี้ ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการทั้งหมดต้องไม่เกินสี่เดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชีนั้น +บทบัญญัติตามมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '67'}]",ให้สถาบันการเงินประกาศงบการเงินที่จัดทำขึ้นตามวรรคหนึ่ง ที่ผ่านการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีและรับร��งความถูกต้องโดยกรรมการของสถาบันการเงินไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย +สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศต้องจัดทำงบการเงิน ทุกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ และอย่างไร,"ให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจัดทำงบการเงินทุกรอบระยะเวลาสิบสองเดือนอันเป็นรอบปีบัญชีของสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้น ตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 68 ให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศประกาศงบการเงินของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศประกาศงบการเงินไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้นด้วย +ให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจัดทำงบการเงินทุกรอบระยะเวลาสิบสองเดือนอันเป็นรอบปีบัญชีของสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้น ตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศประกาศงบการเงินที่จัดทำขึ้นตามวรรคสอง ที่ผ่านการตรวจสอบและแสดงความเห็นของผู้สอบบัญชีไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้น รวมทั้งในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '68'}]",ให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจัดทำงบการเงินทุกรอบระยะเวลาสิบสองเดือนอันเป็นรอบปีบัญชีของสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศนั้น ตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ในกรณีที่สถาบันการเงินได้ทำเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือลงบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง ผู้สอบบัญชีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเช่นไร ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของบัญชีที่มีผลกระทบต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น รวมทั้งรายงานพฤติการณ์นั้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 69 ผู้สอบบัญชีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบตามมาตรา 67 ต้องรักษามารยาทและปฏิบัติงานสอบบัญชีเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี รวมทั้งข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด และให้แสดงความเห็นในงบการเงินให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่สถาบันการเงินนั้นสามารถที่จะปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 67 ได้ +ในกรณีที่สถาบันการเงินได้ทำเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือลงบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของบัญชีที่มีผลกระทบต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น รวมทั้งรายงานพฤติการณ์นั้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ +ผู้สอบบัญชีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีตามมาตรา 67 ได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '69'}]",ให้ผู้สอบบัญชีเปิดเผยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของบัญชีที่มีผลกระทบต่องบการเงินไว้ในรายงานการสอบบัญชีที่ตนจะต้องลงลายมือชื่อเพื่อแสดงความเห็น รวมทั้งรายงานพฤติการณ์นั้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ +ผู้สอบบัญชี ต้องดำเนินการสิ่งใดเมื่อพบเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในสถาบันการเงิน,"ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ พร้อมทั้งส่งเอกสารหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยในทันที + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 70 ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในสถาบันการเงินใด ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ พร้อมทั้งส่งเอกสารหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยในทันที","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '70'}]",ให้ผู้สอบบัญชีแจ้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ พร้อมทั้งส่งเอกสารหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยในทันที +นอกเหนือจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้สถาบันการเงิน บริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วม หรือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น ส่งรายงานหรือข้อมูลไม่ว่าในรูปสื่อใด ๆ หรือแสดงเอกสารใดตามระยะเวลาหรือเป็นครั้งคราวตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด รวมทั้งให้ชี้แจงเพื่ออธิบายหรือขยายความรายงานหรือข้อมูล หรือเอกสารนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถมีคำสั่งเรียกบุคคลใดมาให้ปากคำหรือคำชี้แจงได้ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ให้กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน มาให้ถ้อยคำ แสดงข้อมูล บัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 71 ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดให้สถาบันการเงิน บริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วม หรือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น ส่งรายงานหรือข้อมูลไม่ว่าในรูปสื่อใด ๆ หรือแสดงเอกสารใดตามระยะเวลาหรือเป็นครั้งคราวตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด รวมทั้งให้ชี้แจงเพื่ออธิบายหรือขยายความรายงานหรือข้อมูล หรือเอกสารนั้นด้วยก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีคำสั่งให้สถาบันการเงินต้องจัดให้กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน มาให้ถ้อยคำ แสดงข้อมูล บัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสถาบันการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ +งบการเงิน รายงาน ข้อมูล เอกสาร หรือคำชี้แจงที่ส่งหรือแสดงตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง สถาบันการเงินต้องทำให้ครบถ้วนและตรงต่อความเป็นจริง ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่างบการเงิน รายงาน ข้อมูล เอกสารหรือคำชี้แจงที่สถาบันการเงินส่งหรือแสดงตามวรรคหนึ่ง มีข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือมีข้อความคลุมเครือไม่ชัดเจน หรือในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าจำเป็นหรือสมควร ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งผู้สอบบัญชีหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านเพื่อดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ โดยให้สถาบันการเงินนั้นเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '71'}]",ให้กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน มาให้ถ้อยคำ แสดงข้อมูล บัญชี เอกสารและหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสถาบันการเงิน +ในกรณีที่สถาบันการเงินใดควบกิจการเข้ากับสถาบันการเงินอื่นให้มีผลเป็นการยกเลิกใบอนุญาตของสถาบันการเงินของบริษัทที่ถูกควบหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีเป็นการยกเลิกใบอนุญาตของสถาบันการเงินที่ถูกควบ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 72 ในกรณีที่สถาบันการเงินใดควบกิจการเข้ากับสถาบันการเงินอื่นให้มีผลเป็นการยกเลิกใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '72'}]",มีเป็นการยกเลิกใบอนุญาตของสถาบันการเงินที่ถูกควบ +บุคคลใดบุคคลหนึ่งสามารุฟ้องสถาบันการเงินว่าเป็นคดีล้มละลายในระหว่างการดำเนินการเพื่อควบ โอนหรือรับโอนกิจการตามที่ได้มีประกาศการให้ความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้หรือไม่,"ไม่สามารถฟ้องเป็นคดีล้มละลายในระหว่างการดำเนินการเพื่อควบ โอนหรือรับโอนกิจการตามที่ได้มีประกาศการให้ความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 74 ... +ห้ามมิให้บุคคลใดฟ้องสถาบันการเงินตามมาตรา 73 เป็นคดีล้มละลายในระหว่างการดำเนินการเพื่อควบ โอนหรือรับโอนกิจการตามที่ได้มีประกาศการให้ความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทยตามมาตรา 73","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '74'}]",ไม่สามารถฟ้องเป็นคดีล้มละลายในระหว่างการดำเนินการเพื่อควบ โอนหรือรับโอนกิจการตามที่ได้มีประกาศการให้ความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ +ในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้วบุคคลใดหรือองค์กรใดสามารถสวมสิทธิเป็นเจ้าห���ี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น,"สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการ แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 76 สถาบันการเงินที่ดำเนินการตามมาตรา 73 วรรคหนึ่ง ถ้ามีการฟ้องร้องบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการ แล้วแต่กรณี เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนในคดีดังกล่าว และอาจนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงคัดค้านเอกสารที่ได้ยื่นไว้แล้ว ถามค้านพยานที่สืบมาแล้ว และคัดค้านพยานหลักฐานที่ได้สืบไปแล้วได้ และในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ก็ให้เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '76'}]",สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการ แล้วแต่กรณี +การโอนกิจการหรือการโอนสิทธิเรียกร้องของสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเป็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นตัดสิทธิของลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่,"ไม่ถือว่าเป็นการตัดาิทธิที่จะขึ้นต่อสู้ เนื่องจากพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้ให้อำนาจไว้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 77 ในการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ดำเนินการได้ตามที่บัญญัติไว้ในส่วนนี้ และการโอนสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวเนื่องกับการโอนกิจการดังกล่าว ไม่จำต้องบอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ตามมาตรา 306 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ไม่ตัดสิทธิของลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 308 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '77'}]",ไม่ถือว่าเป็นการตัดสิทธิที่จะขึ้นต่อสู้ เนื่องจากพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้ให้อำนาจไว้ +สถาบันการเงินสามารถหยุดประกอบกิจการชั่วคราวได้ทันทีเลยหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ไม่ได้ สถาบันการเงินนั้นจะต้องแจ้งขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน จึงจะสามารถหยุดกิจการชั่วคราวได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญ���ติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 78 สถาบันการเงินใดประสงค์จะเลิกประกอบกิจการ หรือหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว สถาบันการเงินนั้นต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '78'}]",ไม่ได้ สถาบันการเงินนั้นจะต้องแจ้งขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน จึงจะสามารถหยุดกิจการชั่วคราวได้ +ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรายงานรัฐมนตรีภายในระยะเวลาเท่าไหร่,"ไม่มีกำหนด แต่ต้องแจ้งให้รัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 79 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบตามที่บัญญัติไว้ในส่วนนี้แล้ว ให้รายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '79'}]",ไม่มีกำหนด แต่ต้องแจ้งให้รัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า +การซื้อหรือมีไว้ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ในกรณีใดที่สถาบันการเงินสามารถกระทำได้โดยไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"1. เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการประกอบธุรกิจ หรือเป็นที่พัก หรือเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นตามสมควร โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +2. เป็นการได้มาจากการชำระหนี้ การประกันการให้สินเชื่อ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินนั้นรับจำนองไว้จากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่ต้องจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวภายในห้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของสถาบันการเงิน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยจะขยายเวลาการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +3. เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนที่ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการเคหะ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ซื้อหรือมีไว้เพื่อประกอบธุรกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 80 ห้ามมิให���สถาบันการเงินกระทำการ ดังต่อไปนี้ +... +(2) ซื้อหรือมีไว้ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่ +(ก) เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการประกอบธุรกิจ หรือเป็นที่พัก หรือเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นตามสมควร โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +(ข) เป็นการได้มาจากการชำระหนี้ การประกันการให้สินเชื่อ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินนั้นรับจำนองไว้จากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่ต้องจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวภายในห้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของสถาบันการเงิน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยจะขยายเวลาการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +(ค) เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนที่ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการเคหะ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ซื้อหรือมีไว้เพื่อประกอบธุรกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '80'}]","1. เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการประกอบธุรกิจ หรือเป็นที่พัก หรือเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นตามสมควร โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +2. เป็นการได้มาจากการชำระหนี้ การประกันการให้สินเชื่อ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินนั้นรับจำนองไว้จากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่ต้องจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวภายในห้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของสถาบันการเงิน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยจะขยายเวลาการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ด้วยก็ได้ +3. เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนที่ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการเคหะ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ซื้อหรือมีไว้เพื่อประกอบธุรกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด" +สถาบันการเงินมีการแก้ไขลดข้อบังคับในทางทะเบียน จะต้องแจ้งแก่หน่วยงานใดหรือไม่,"สถาบันการเงินต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีแก้ไขข้อบังคับ + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 81 ในกรณีที่มีการดำเนินการดังต่อไปนี้ ให้สถาบันการเงินแจ้งเป็นหนังสือให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการดำเนินการดังกล่าว (1) แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของสถาบันการเงิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '81'}]",สถาบันการเงินต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีแก้ไขข้อบังคับ +บุคคลใดมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์และหนี้สิน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบสถาบันการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย,"สถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบสถาบันการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สถาบันการเงินจัดเก็บข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์และหนี้สิน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '82'}]",สถาบันการเงิน +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้สั่งปิดกิจการสถาบันการเงินที่ไม่ประกอบธุรกิจสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตในปริมาณที่สถาบันการเงินพึงประกอบตามปกติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยนะต้องเสนอเรื่องให้แก่บุคคลใด หรือองค์กรใดเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินและให้ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น,"ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงิน และให้สถาบันการเงินทำการชำระบัญชี + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 83 สถาบันการเงินใดไม่ประกอบธุรกิจสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตในปริมาณที่สถาบันการเงินพึงประกอบตามปกติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจสั่งให้สถาบันการเงินนั้นประกอบกิจการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ ในการนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาไว้ด้วยก็ได้ และหากสถาบันการเงินไม่ดำเนินการตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งการ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจสั่งปิดกิจการสถาบันการเงินนั้นก็ได้ +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินและให้ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '83'}]",ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงิน และให้สถาบันการเงินทำการชำระบัญชี +ผู้ตรวจการสถาบันการเงินมีอำนาจหน้าที่ใดบ้าง ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"(1) สั่งให้กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน และผู้รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของสถาบันการเงินด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือด้วยอุปกรณ์อื่นใด มาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงิน ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่น +(2) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน หรือในสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนแก่สถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติของสถาบันการเงินให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) เข้าไปในสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจสอบในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น และเมื่อได้เข้าไปและลงมือทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จจะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(4) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี ในการออกคำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวจะต้องระบุเหตุผล ความจำเป็น และสิทธิของผู้ถูกยึดหรืออายัดนั้น +(5) เ���้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วม และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินก็ได้ +(6) เข้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบการของลูกหนี้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าสถาบันการเงินกระทำการฝ่าฝืนหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดโดยทุจริตในการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบุคคลภายนอกเป็นผู้ตรวจการสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงิน บริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทร่วม และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ตลอดจนลูกหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องของสถาบันการเงินนั้น เป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะก็ได้ +ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ +(1) สั่งให้กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน และผู้รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของสถาบันการเงินด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือด้วยอุปกรณ์อื่นใด มาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงิน ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่น +(2) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน หรือในสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนแก่สถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติของสถาบันการเงินให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) เข้าไปในสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจสอบในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการกร��ทำดังกล่าวในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น และเมื่อได้เข้าไปและลงมือทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จจะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(4) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี ในการออกคำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวจะต้องระบุเหตุผล ความจำเป็น และสิทธิของผู้ถูกยึดหรืออายัดนั้น +(5) เข้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วม และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินก็ได้ +(6) เข้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบการของลูกหนี้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าสถาบันการเงินกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 66 หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดโดยทุจริตในการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน +ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินมีอำนาจมอบหมายให้บุคคลใดทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือตนในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินได้ +ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินรายงานการตรวจสอบตามวรรคหนึ่งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '85'}]","(1) สั่งให้กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน และผู้รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของสถาบันการเงินด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือด้วยอุปกรณ์อื่นใด มาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับกิจการ สินทรั��ย์และหนี้สินของสถาบันการเงิน ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่น +(2) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน หรือในสถานที่ประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการธุรกิจที่เป็นการสนับสนุนแก่สถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติของสถาบันการเงินให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) เข้าไปในสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจสอบในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของสถานที่นั้น และเมื่อได้เข้าไปและลงมือทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จจะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(4) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี ในการออกคำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวจะต้องระบุเหตุผล ความจำเป็น และสิทธิของผู้ถูกยึดหรืออายัดนั้น +(5) เข้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วม และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ส่งสำเนาหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินก็ได้ +(6) เข้าไปตรวจสอบฐานะหรือการดำเนินงานในสถานที่ประกอบการของลูกหนี้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน รวมทั้งสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือแสดงข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าสถาบันการเงินกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 66 หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดโดยทุจริตในการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน." +ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่อำนายความสะดวกตามสมควร ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินและกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบสถาบันการเงิน ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 86 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 86 ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินและบุคคลตามมาตรา 85 วรรคสาม ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '86'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 86 +สถาบันการเงินสามารถขอดูบัตรประจำตัวก่อนเข้าตรวจได้หรือไม่,"ได้ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของผู้ตรวจการสถาบันการเงิน + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 87 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 85 ผู้ตรวจการสถาบันการเงินต้องแสดงบัตรประจำตัวที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออกแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง +บัตรประจำตัวผู้ตรวจการสถาบันการเงินให้เป็นไปตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '87'}]",ได้ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของผู้ตรวจการสถาบันการเงิน +ผู้ตรวจการสถาบันการเงินถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หรือไม่,"ผู้ตรวจการสถาบันการเงินถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา 88 ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '88'}]",ผู้ตรวจการสถาบันการเงินถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,"ให้เสนอรัฐมนตรีเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้นด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 90 ในกรณีที่สถาบันการเงินมีฐานะหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +(5) มีคำสั่งควบคุมสถาบันการเงิน หรือมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานการดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อรั���มนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และหากธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคหนึ่ง (5) ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้นด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '90'}]",ให้เสนอรัฐมนตรีเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้นด้วย +กรรมการที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งจากการกระทำความผิด มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายอื่นหรือไม่,"กรรมการที่ถูกถอดถอนจะได้รับเพียงสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ + + +คำอธิบาย :พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 91 ผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นลูกจ้าง เพราะถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการตามมาตรา 89 (3) หรือมาตรา 90 (4) ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นใดตามสัญญาจ้างอันเนื่องมาจากการออกจากงาน เว้นแต่สิทธิประโยชน์อันพึงได้รับตามข้อตกลงภายใต้กฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '91'}]",กรรมการที่ถูกถอดถอนจะได้รับเพียงสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ +สถาบันการเงินมีผลประกอบการขาดทุน และธนาคารแห่งประเทศไทยมีเหตุอันควรคาดได้ว่าสถาบันการเงินนั้นไม่อาจดำรงเงินกองทุนได้ตามกฎหมาย ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 92 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 92 กรณีดังต่อไปนี้ให้ถือว่าสถาบันการเงินมีฐานะหรือการดำเนินงานในลักษณะที่อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน +(1) สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา 89 (2) +(2) สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 30 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 มาตรา 61 มาตรา 63 หรือมาตรา 64 +(3) สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ ไม่จัดทำบัญชีเพื่อแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงตามมาตรา 66 หรือลงข้อความเท็จหรือปลอมบัญชี เอกสาร ซึ่งทำให้ไม่สามารถประเมินได้ว่าสถาบันการเงินนั้นมีฐานะการเงินและการดำเนินงานที่มั่นคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเงินกองทุน สินทรัพย์ สินทรัพย์สภาพคล่อง การกันเงินสำรอง การจัดชั้นสินทรัพย์ และเรื่องอื่น ๆ ในพระราชบัญญัตินี้ +(4) สถาบันการเงินหยุดทำการจ่ายเงินตามที่มีหน้าที่จะต้องชำระคืน +(5) สถาบันการเงินมีผลประกอบการขาดทุน และธนาคารแห่งประเทศไทยมีเหตุอันควรคาดได้ว่าสถาบันการเงินนั้นไม่อาจดำรงเงินกองทุนได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีตามมาตรา 96 หรือไม่","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '92'}]",ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 92 +เมื่อสถาบันการเงินประสงค์ที่จะที่หยุดทำการจ่ายเงินตามที่มีหน้าที่ต้องชำระคืน และได้แจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไร ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้ตรวจการสถาบันการเงินเพื่อทำการสอบสวนกรณีตามวรรคหนึ่ง และเมื่อได้รับรายงานการสอบสวนจากผู้ตรวจการสถาบันการเงินแล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้ควบคุมสถาบันการเงิน ปิดกิจการของสถาบันการเงิน หรือสั่งการตามที่เห็นสมควร +และเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 93 สถาบันการเงินใดหยุดทำการจ่ายเงินตามที่มีหน้าที่ต้องชำระคืน ให้สถาบันการเงินนั้นแจ้งการหยุดทำการจ่ายเงินพร้อมเหตุผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทันที และห้ามมิให้ดำเนินกิจการใด ๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากธนาคารแห่งประเทศไทย +ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้ตรวจการสถาบันการเงินเพื่อทำการสอบสวนกรณีตามวรรคหนึ่ง และเมื่อได้รับรายงานการสอบสวนจากผู้ตรวจการสถาบันการเงินแล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้ควบคุมสถาบันการเงิน ปิดกิจการของสถาบันการเงิน หรือสั่งการตามที่เห็นสมควร +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคสองแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '93'}]",ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้ตรวจการสถาบันการเงินเพื่อทำการสอบสวนกรณีตามวรรคหนึ่ง และเมื่อได้รับรายงานการสอบสวนจากผู้ตรวจการสถาบันการเงินแล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้ควบคุมสถาบันการเงิน ปิดกิจการของสถาบันการเงิน หรือสั่งการตามที่เห็นสมควร และเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น +กรรมการสามารถรับเงินรางวัลตามผลงานเมื่อเงินในกองทุนเหลือตำกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ ได้หรือไม่,"ไม่ได้ เพราะการจ่ายเงินรางวัลตามผลงานไม่ใช่ค่าจ้างปกติ + + + +คำอธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551มาตรา 94 ห้ามมิให้สถาบันการเงินจ่ายเงิน ทรัพย์สิน หรือค่าตอบแทนที่มีผลทำให้เงินกองทุนเหลือต่ำกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 30 ในกรณีดังต่อไปนี้ +(2) จ่ายค่าตอบแทนในการบริหารหรือผลประโยชน์อื่นใดซึ่งมิใช่ค่าจ้างตามปกติแก่กรรมการผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการสถาบันการเงิน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '94'}]",ไม่ได้ เพราะการจ่ายเงินรางวัลตามผลงานไม่ใช่ค่าจ้างปกติ +ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่เสนอโครงการภายใน 60 วัน หรือโครงการที่เสนอไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือไม่ดำเนินการตามโครงการ หรือดำเนินการไม่เป็นไปตามโครงการที่ได้รับความเห็นชอบหรือตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการดำเนินการใด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่เสนอโครงการภายใน 60 วัน หรือโครงการที่เสนอไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือไม่ดำเนินการตามโครงการ หรือดำเนินการไม่เป็นไปตามโครงการที่ได้รับความเห็นชอบหรือตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตามวรรคสอง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร หรือมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคสามแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 95 ในกรณีที่สถาบันการเงินใดมีเงินกองทุนเหลือต่ำกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 30 ให้สถาบันการเงินนั้นเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการดำเนินงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อขอความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ +(1) การเสนอโครงการต้องกระทำภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สถาบันการเงินทราบ +(2) โครงการตาม (1) อย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายการ ดังต่อไปนี้ +(ก) ขั้นตอนที่จะทำให้มีเงินกองทุนเพียงพอ +(ข) ระดับเงินกองทุนที่คาดว่าจะดำรงในแต่ละไตรมาสภายในระยะเวลาของโครงการ +(ค) แผนธุรกิจ +(ง) ระยะเวลาการดำเนินการให้สำเร็จตามโครงการซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่สถาบันการเงินทราบว่ามีเงินกองทุนต่ำกว่าที่ต้องดำรงตามมาตรา 30 +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับโครงการแล้ว จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับโครงการ และให้แจ้งสถาบันการเงินทราบภายในเวลาดังกล่าว ในการนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาไว้ด้วยก็ได้ +ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่เสนอโครงการภายในกำหนดเวลาตาม (1) หรือโครงการที่เสนอไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือไม่ดำเนินการตามโครงการ หรือดำเนินการไม่เป็นไปตามโครงการที่ได้รับความเห็นชอบหรือตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตามวรรคสอง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร หรือมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคสามแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '95'}]",ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่าง���นึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร หรือมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงิน เนื่องสถาบันการเงินดำรงเงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละสามสิบห้าของอัตราตามที่กำหนด จะต้องนำเสนอต่อบุคคลใดหรือหน่วยงานใดเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น,"ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 97 ในกรณีที่สถาบันการเงินดำรงเงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละสามสิบห้าของอัตราตามที่กำหนดในมาตรา 30 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น เว้นแต่ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าการมีคำสั่งปิดกิจการจะก่อให้เกิดผลกระทบ หรือความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างรุนแรง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจยังไม่สั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินก็ได้ +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '97'}]",ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินแล้ว จะต้องมีบุคคลใดดำเนินการสิ่งใดต่อ พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"รัฐมนตรีสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และให้สถาบันการเงินทำการชำระบัญชีสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 98 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินใดตามมาตรา 90 (5) มาตรา 93 มาตรา 95 หรือมาตรา 97 และรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ให้ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '98'}]",รัฐมนตรีสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และให้สถาบันการเงินทำการชำระบัญชีสถาบันการเงิน +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินว่าด้วยเรื่องการแก้ไขหรือการดำเนินงานของสถาบันการเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีภายในระยะวเลาเท่าใด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจส��าบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ไม่มีเวลากำหนด แต่ควรเป็นเวลาเร็วที่สุดในการแจ้ง + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 99 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวดนี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '99'}]",ไม่มีเวลากำหนด แต่ควรเป็นเวลาเร็วที่สุดในการแจ้ง +สถาบันคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หมายถึงหน่วยงานใดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"สถาบันคุ้มครองเงินฝาก + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 100 ในหมวดนี้ +“สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” หมายความว่า สถาบันคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '100'}]",สถาบันคุ้มครองเงินฝาก +ในกรณีที่สถาบันการเงิน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งควบคุม เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งต่อบุคคลใดหรือองค์กรใด ในรูปแบบใด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือแก่ตลาดหลักทรัพย์ด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 101 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งควบคุมสถาบันการเงินใดแล้ว ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากและสถาบันการเงินนั้นทราบ และปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงินนั้น รวมทั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ในกรณีที่สถาบันการเงินตามวรรคหนึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือแก่ตลาดหลักทรัพย์ด้วย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '101'}]",ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือแก่ตลาดหลักทรัพย์ด้วย +ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ประกาศแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 102 ... +ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '102'}]",ประกาศแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน +คุณสมบัติใดเป็นคุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"(1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วไม่ถึงห้าปี +(2) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม +(3) เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐฐานทุจริตต่อหน้าที่ +(4) เคยเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(5) เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ตามมาตรา 89 (3) หรือมาตรา 90 (4) หรือตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(6) เป็นกรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินแห่งอื่นอีกในเวลาเดียวกัน เว้นแต่ได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(7) เป็นผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการนอกเหนือจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทที่ได้รับสินเชื่อหรือได้รับการค้ำประกันหรืออาวัลหรือมีภาระผูกพันอยู่กับสถาบันการเงินนั้น เว้นแต่ +(ก) เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงินซึ่งไม่ใช่กรรมการที่เป็นผู้บริหาร +(ข) เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(8) เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นใดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(9) เป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เข้าไปแก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินการของสถาบันการเงิน หรือเป็นการดำรงตำแหน่งในสถาบันการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังต้องห้ามไม่ให้รับตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดดังกล่าว ไม่มีสิทธิที่จะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นของสถาบันการเงินนั้น +(10) เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 103 กรรมการควบคุมสถาบันการเงินจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับกรรมการของสถาบันการเงินตามมาตรา 24 และไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน +ให้กรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับกรรมการของสถาบันการเงิน + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 24 ห้ามมิให้สถาบันการเงินแต่งตั้งหรือยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นหรือทำหน้าที่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงิน +(1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วไม่ถึงห้าปี +(2) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม +(3) เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐฐานทุจริตต่อหน้าที่ +(4) เคยเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(5) เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ตามมาตรา 89 (3) หรือมาตรา 90 (4) หรือตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(6) เป็นกรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน หรือผู้มีอำนาจในการจัดการขอ���สถาบันการเงินแห่งอื่นอีกในเวลาเดียวกัน เว้นแต่ได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(7) เป็นผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการนอกเหนือจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทที่ได้รับสินเชื่อหรือได้รับการค้ำประกันหรืออาวัลหรือมีภาระผูกพันอยู่กับสถาบันการเงินนั้น เว้นแต่ +(ก) เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงินซึ่งไม่ใช่กรรมการที่เป็นผู้บริหาร +(ข) เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(8) เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นใดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(9) เป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เข้าไปแก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินการของสถาบันการเงิน หรือเป็นการดำรงตำแหน่งในสถาบันการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังต้องห้ามไม่ให้รับตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดดังกล่าว ไม่มีสิทธิที่จะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นของสถาบันการเงินนั้น +(10) เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '103'}]","(1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาแล้วไม่ถึงห้าปี +(2) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม +(3) เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐฐานทุจริตต่อหน้าที่ +(4) เคยเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(5) เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของ���ถาบันการเงิน ตามมาตรา 89 (3) หรือมาตรา 90 (4) หรือตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เว้นแต่จะได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(6) เป็นกรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินแห่งอื่นอีกในเวลาเดียวกัน เว้นแต่ได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย +(7) เป็นผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการนอกเหนือจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทที่ได้รับสินเชื่อหรือได้รับการค้ำประกันหรืออาวัลหรือมีภาระผูกพันอยู่กับสถาบันการเงินนั้น เว้นแต่ +(ก) เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของสถาบันการเงินซึ่งไม่ใช่กรรมการที่เป็นผู้บริหาร +(ข) เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(8) เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นใดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +(9) เป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เข้าไปแก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินการของสถาบันการเงิน หรือเป็นการดำรงตำแหน่งในสถาบันการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่พ้นจากการเป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังต้องห้ามไม่ให้รับตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดดังกล่าว ไม่มีสิทธิที่จะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นของสถาบันการเงินนั้น +(10) เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด" +ตามบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้แจ้งคำสั่งควบคุมแก่สถาบันการเงินณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ได้กี่คน เพื่อดำเนินการอะไร,"คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานควบคุมสถาบันการเงินคนหนึ่งหรือหลายคนเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหน���่งได้ คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของสถาบันการเงินที่ถูกคำสั่งควบคุมได้ทุกประการ และให้ประธานกรรมการเป็นผู้แทนของสถาบันการเงินนั้น +ให้กรรมการ พนักงาน และลูกจ้าง ของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุม +(1) จัดการเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของสถาบันการเงินไว้ +(2) รายงานกิจการและมอบสินทรัพย์พร้อมด้วยข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินให้แก่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินโดยไม่ชักช้า +ให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของสถาบันการเงินแจ้งการครอบครองให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินทราบโดยไม่ชักช้า + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 104 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้แจ้งคำสั่งควบคุมแก่สถาบันการเงินใด ห้ามมิให้กรรมการ พนักงาน และลูกจ้าง ของสถาบันการเงินดำเนินกิจการของสถาบันการเงินนั้นต่อไป เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน +ให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานควบคุมสถาบันการเงินคนหนึ่งหรือหลายคนเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของสถาบันการเงินที่ถูกคำสั่งควบคุมได้ทุกประการ และให้ประธานกรรมการเป็นผู้แทนของสถาบันการเงินนั้น +ให้กรรมการ พนักงาน และลูกจ้าง ของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุม +(1) จัดการเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของสถาบันการเงินไว้ +(2) รายงานกิจการและมอบสินทรัพย์พร้อมด้วยข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินให้แก่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินโดยไม่ชักช้า +ให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของสถาบันการเงินแจ้งการครอบครองให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '104'}]",คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานควบคุมสถาบันการเงินคนหนึ่งหรือหลายคนเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ +ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า เงินฝากของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีภาระดอกเบี้ยสูงเกินสมควรและไม่เป็นธรรม และคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน มีมติที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ต้องดำเนินการภายในกี่วัน,"ต้องประกาศให้ผู้ฝากเงินทราบก่อน และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เมื่อพ้นระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันประกาศ + + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 105 ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า เงินฝากของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีภาระดอกเบี้ยสูงเกินสมควรและไม่เป็นธรรม คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีอำนาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ต้องประกาศให้ผู้ฝากเงินทราบก่อน และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เมื่อพ้นระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันประกาศ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '105'}]",เมื่อพ้นระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันประกาศ +คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าของทรัพย์สินคู่สัญญาได้หรือไม่,"ได้ คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินสามารถทำความตกลงกับคู่สัญญา ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า ความผูกพันตามสัญญาของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 106 ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า ความผูกพันตามสัญญาของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินอาจทำความตกลงกับเจ้าของทรัพย์สิน คู่สัญญา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อลดภาระดังกล่าวได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '106'}]",ได้ คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินสามารถทำความตกลงกับคู่สัญญา ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า ความผูกพันตามสัญญาของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ +ในกรณีใดที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจเลิกจ้าง ระงับ หรือลดการจ่ายค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ผู้บริหารดังกล่าวได้ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ว่าด้วยการเข้าควบคุมสถาบันการเงิน,"ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า สัญญาจ้างผู้บริหารของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม หรือกำหนดค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์สูงเกินสมควร หรือสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมได้รับความเสียหายจากการบริหารหรือการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้บริหารสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 107 ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า สัญญาจ้างผู้บริหารของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม หรือกำหนดค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์สูงเกินสมควร หรือสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมได้รับความเสียหายจากการบริหารหรือการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้บริหารสถาบันการเงิน ให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจเลิกจ้าง ระงับ หรือลดการจ่ายค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ผู้บริหารดังกล่าวได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '107'}]",ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นว่า สัญญาจ้างผู้บริหารของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม หรือกำหนดค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์สูงเกินสมควร หรือสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมได้รับความเสียหายจากการบริหารหรือการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้บริหารสถาบันการเงิน +ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นสมควรให้มีการควบหรือโอนกิจการของสถาบันการเงิน ในการควบหรือโอนกิจการ ให้นำบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้โดยอนุโลม,"บทบัญญัติในส่วนที่ 9 การควบ โอน และเลิกกิจการของหมวด 3 แห่ง พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 108 ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเห็นสมควรให้มีการควบหรือโอนกิจการของสถาบันการเงิน ในการควบหรือโอนกิจการดังกล่าวให้นำบทบัญญัติในส่วนที่ 9 การควบ โอน และเลิกกิจการของหมวด 3 มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้ถือว่ามติของคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเป็นมติของที่ประชุมผู้ถื��หุ้น และให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินมีอำนาจดำเนินการแทนคณะกรรมการของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '108'}]",บทบัญญัติในส่วนที่ 9 การควบ โอน และเลิกกิจการของหมวด 3 แห่ง พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 +ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยว่าสมควรจะให้สถาบันการเงินที่ถูกคำสั่งควบคุมดำเนินกิจการต่อไปหรือไม่ จะต้องส่งเอกสารใด และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเท่าใด,"ข้อมูลทางการเงินและเหตุผลประกอบ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 109 ให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยว่าสมควรจะให้สถาบันการเงินที่ถูกคำสั่งควบคุมดำเนินกิจการต่อไปหรือไม่ พร้อมทั้งข้อมูลทางการเงินและเหตุผลประกอบ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '109'}]",ข้อมูลทางการเงินและเหตุผลประกอบ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย +ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการไปตามโครงการแก้ไขฟื้นฟูสถาบันการเงินตามที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเสนอ ในการนี้ จะมีคำสั่งเลิกควบคุมได้หรือไม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 แหละหากได้ต้องดำเนินการอย่างไร,"มีคำสั่งเลิกควบคุมก็ได้ และให้ประกาศคำสั่งเลิกควบคุมในราชกิจจานุเบกษาและในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 110 ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินรายงานว่าสมควรจะให้สถาบันการเงินที่ถูกคำสั่งควบคุมดำเนินกิจการต่อไปได้ ธ���าคารแห่งประเทศไทยจะต้องมีคำสั่งเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรายงานดังกล่าวภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน +ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการไปตามโครงการแก้ไขฟื้นฟูสถาบันการเงินตามที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเสนอ ในการนี้ จะมีคำสั่งเลิกควบคุมก็ได้ และให้ประกาศคำสั่งเลิกควบคุมในราชกิจจานุเบกษาและในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งไม่เห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือโครงการแก้ไขฟื้นฟูสถาบันการเงินไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคสามแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '110'}]",มีคำสั่งเลิกควบคุมก็ได้ และให้ประกาศคำสั่งเลิกควบคุมในราชกิจจานุเบกษาและในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการ ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินรายงานว่าสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ ต่องนำเสนอเรื่องให้แก่บุคคลใดหรือองค์กรใดเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น,"รัฐมนตรีเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 111 กรณีที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินรายงานว่าสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้นและให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในสื่อใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '111'}]",รัฐมนตรีเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันกา��เงิน +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินใด เนื่องจากมีความเห็นว่าสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ และรัฐมนตรีได้เพิกถอนใบอนุญาตแล้ว บุคคลใดหรือองค์กรใดมีหน้าที่อย่างไร ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"สถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการต้องชำระบัญชีสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 112 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินใดตามมาตรา 110 วรรคสาม หรือมาตรา 111 วรรคหนึ่ง และรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตแล้วให้ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '112'}]",สถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการต้องชำระบัญชีสถาบันการเงิน +ข้อมูล หรือเอกสารใดที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินหรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินที่ได้รับมอบอำนาจมีอำนาจสั่งการให้นำมาแสดงเพื่อ ประโยชน์ในการเข้าควบคุมสถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 114,"ข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมภาย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 114 เพื่อประโยชน์ในการเข้าควบคุมสถาบันการเงินตามหมวดนี้ ให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินหรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินที่ได้รับมอบอำนาจมีอำนาจสั่งให้บุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำ หรือให้แสดง หรือส่งข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมภายในเวลาที่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินหรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '114'}]",ข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุม +ตามบทบัญญัติว่าด้วยการเข้าควบคุมสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการกำหนดค่าตอบแทนของบุคคลใด,"ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจเป็นผู้กำหนดค่าตอบแทนของกรรมการควบคุมสถาบันการเงินแ���ะพนักงานควบคุมสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 115 ให้กรรมการควบคุมสถาบันการเงินและพนักงานควบคุมสถาบันการเงินได้รับเงินค่าตอบแทนตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '115'}]",ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจเป็นผู้กำหนดค่าตอบแทนของกรรมการควบคุมสถาบันการเงินและพนักงานควบคุมสถาบันการเงิน +เงินจำนวนใดที่ให้นำจ่ายจากสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน จากการการควบคุมสถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ใช้จ่ายและเงินค่าตอบแทนในการควบคุมสถาบันการเงิน เพื่อเป็นการลดภาระของธนาคารแห่งประเทศไทยจากค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการควบคุมต่อสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุม + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 116 ค่าใช้จ่ายและเงินค่าตอบแทนในการควบคุมสถาบันการเงินใดให้จ่ายจากสินทรัพย์ของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '116'}]",ค่าใช้จ่ายและเงินค่าตอบแทนในการควบคุมสถาบันการเงิน +การควบคุมสถาบันการเงิน สามารถนำข้อบังคับที่เกี่ยวกับ การจัดทำบัญชี การรายงาน และผู้สอบบัญชี ของหมวด 3 ที่เกี่ยวข้องกับ เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลสถาบันการเงิน มาบังคับใช้กับสถาบันการเงินในระหว่างที่ถูกควบคุม ได้หรือไม่,"สามารถนำมาบังคับใช้ได้ เยื่องจากอยู่ในส่วนที่ 8 จึงเข้าข้อยกเว้นตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 117 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 117 มิให้นำบทบัญญัติในหมวด 3 การกำกับสถาบันการเงิน เว้นแต่ส่วนที่ 8 การจัดทำบัญชี การรายงาน และผู้สอบบัญชี มาใช้กับสถาบันการเงินในระหว่างที่ถูกควบคุมตามหมวดนี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '117'}]",สามารถนำมาบังคับใช้ได้ เยื่องจากอยู่ในส่วนที่ 8 จึงเข้าข้อยกเว้นตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 117 +ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า ภายในกี่วัน,"บทบัญญัติไม่ได้กำหนดไว้ในส่วนของเวลาที่แน่นอนแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 118 เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวดนี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '118'}]",บทบัญญัติไม่ได้กำหนดไว้ในส่วนของเวลาที่แน่นอนแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า +ธนาคารแห่งประเทศไทยตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สามารถกำหนดหลักเกณฑ์หรือนำบทบัญญัติใดของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาใช้ได้หรือไม่,"ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติ หรือให้นำบทบัญญัติใดของพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นได้ ทั้งนี้เพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการดำเนินการตามนโยบายที่กำหนด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120 เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลระบบสถาบันการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาจมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน ตามที่กฎหมายได้กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการได้ +(1) กำกับดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น +(2) มีอำนาจสั่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็น รวมทั้งแต่งตั้งบุคคลเพื่อตรวจสอบและรายงานกิจการหรือทรัพย์สินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ +(3) มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนบุคคลใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งกำหนดค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์อื่นใดให้แก่บุคคลดังกล่าว +(4) กำหนดแนวนโยบายเพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินการหรือถือปฏิบัติ +(5) มีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติหรือยับยั้งการกระทำของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรี +ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี อาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติเพิ่มเติมหรือให้นำบทบัญญัติใดของพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นได้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '120'}]",ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติ หรือให้นำบทบัญญัติใดของพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นได้ ทั้งนี้เพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการดำเนินการตามนโยบายที่กำหนด +ในการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้จัดการ และผู้มีอำนาจในการจัดการ อำนาจหน้าที่ของกรรมการ และการขอความเห็นชอบการดำรงตำแหน่งของกรรมการที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งและผู้มีอำนาจในการจัดการ ที่เป็นการเพิ่มเติมจากที่กฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจกำหนด เป็นอำนาจหน้าที่ของบุคคลหรือหน่วยงานใด,"ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120/1 นอกจากหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดในมาตรา 120 วรรคสอง และในกฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นถือปฏิบัติหรือปฏิบัติเพิ่มเติมจากที่กฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจกำหนดในเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย +(1) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้จัดการ และผู้มีอำนาจในการจัดการ อำนาจหน้าที่ของกรรมการ และการขอความเห็นชอบการดำรงตำแหน่งของกรรมการที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งและผู้มีอำนาจในการจัดการ +(2) การดำรงเงินกองทุนและสินทรัพย์ +(3) การลงทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ +(4) การกำกับดูแลความเสี่ยงและการคุ้มครองผู้บริโภค +(5) ข้อห้ามในการให้สินเชื่อ +(6) การจัดชั้นสินทรัพย์และการกันเงินสำรอง +(7) การบ���ิหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง +(8) การจัดทำบัญชีและการรายงาน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '120/1'}]",ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี +ในกรณีใดที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถออกคำสั่งให้ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจลดทุนหรือเพิ่มทุน ได้,"ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีฐานะหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของรัฐ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120/2 ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจใดมีฐานะหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของรัฐ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีเสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจพิจารณาดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้ +(1) ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงาน หรือระงับการดำเนินการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวภายในเวลาที่กำหนด +(2) สั่งให้ผู้จัดการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจหยุดการปฏิบัติหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนด +(3) ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจลดทุนหรือเพิ่มทุน","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '120/2'}]",ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีฐานะหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของรัฐ +ผู้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์โดยต้องรับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ถึงจะสามารถประกอบและดำเนินธุรกิจได้ใช่หรือไม่,"ผู้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์โดยต้องรับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ถึงจะสามารถประกอบและดำเนินธุรกิจได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 121 ผู้ใดประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์โดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญ���ัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '121'}]",ผู้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์โดยต้องรับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ถึงจะสามารถประกอบและดำเนินธุรกิจได้ +นิติบุคคลใช้คำว่า กองทุน นำหน้าชื่อบริษัท ก่อนได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือตามกฎหมายอื่น ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"มีความผิด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 123 ประกอบ มาตรา 123 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 123 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ + +มาตรา ๑๒ ห้ามผู้ใดนอกจากสถาบันการเงินใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจทางการเงินว่า +“ธนาคาร” “เงินทุน” “การเงิน” “การลงทุน” “เครดิต” “ทรัสต” “ไฟแนนซ์” “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” +หรือคําอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน +บทบัญญัติในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '123'}]",มีความผิด ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 123 ประกอบ มาตรา 123 +ในกรณีที่กรรมการมีหน้าที่ไม่แจ้งการเป็นกรรมการในธุรกิจอื่นแห่งสถาบันการเงิน จะต้องเสียค่าปรับจนถึงเมื่อใด,"จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติให้ถูกต้อง + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 127 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 26 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทจนกว่าจะได้มีการปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '127'}]",จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติให้ถูกต้อง +ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่ดำรงเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551และถ้ามีความผิด ต้องจ่ายค่าปรับจนถึงเมื่อใด,"ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบั���ญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 29 และจะต้องจ่ายค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 128 สถาบันการเงินใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 16 มาตรา 24 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 43 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 66 มาตรา 67 มาตรา 68 มาตรา 71 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง มาตรา 74 มาตรา 78 มาตรา 80 มาตรา 93 มาตรา 94 หรือมาตรา 95 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือคำสั่งที่กำหนดตามมาตรา 9 มาตรา 10 วรรคหนึ่ง มาตรา 16 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 วรรคหนึ่ง มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 66 มาตรา 67 มาตรา 71 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง มาตรา 74 วรรคสอง มาตรา 78 มาตรา 80 มาตรา 89 มาตรา 90 (1) (3) และ (4) มาตรา 95 หรือมาตรา 96 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '128'}]",ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 29 และจะต้องจ่ายค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง. +บุคคลใด ถ้าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหรือไม่ควบคุมดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131/1 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหรือไม่ควบคุมดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 120 หรือมาตรา 120/1 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '131/1'}]",กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ +เมื่อพบว่า สถาบันการเงินได้ย้ายสำนักงานใหญ��� โดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องฟ้องดำเนินคดีต่อศาลไม่เกินระยะเวลาเท่าใด,"ภายในสองปีนับแต่วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจพบการกระทำความผิด หรือภายในห้าปีนับแต่วันกระทำความผิด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 133 ความผิดตามมาตรา 122 มาตรา 124 มาตรา 125 มาตรา 128 และมาตรา 132 วรรคสอง ถ้ามิได้ฟ้องต่อศาลหรือมิได้มีการเปรียบเทียบตามมาตรา 156 ภายในสองปีนับแต่วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจพบการกระทำความผิด หรือภายในห้าปีนับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 13 การจัดตั้ง หรือย้ายสำนักงานใหญ่หรือสาขา หรือการเลิกสาขาของสถาบันการเงินต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '133'}]",ภายในสองปีนับแต่วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจพบการกระทำความผิด หรือภายในห้าปีนับแต่วันกระทำความผิด +การให้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการสถาบันการเงินหรือคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน ต้องก่อให้เกิดความเสียหายประการใด จึงจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 134 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการสถาบันการเงินหรือคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '134'}]",ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน +หากขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของบุคคลใดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"คำสั่งของ +1. ผู้ตรวจการสถาบันการเงิน +2. คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน +3. พนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.���. 2551 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 134 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการสถาบันการเงินหรือคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '135'}]",1. ผู้ตรวจการสถาบันการเงิน 2. คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน 3. พนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 +บุคคลกลุ่มใดที่จะต้องให้ความสะดวก มิเช่นนั้นจะถือว่านั้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"1. ผู้ตรวจการสถาบันการเงิน +2. บุคคลที่ทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือตนในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน +3. พนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 136 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ตรวจการสถาบันการเงิน บุคคลตามมาตรา 85 วรรคสาม คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 ... ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินมีอำนาจมอบหมายให้บุคคลใดทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือตนในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินได้ ให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินรายงานการตรวจสอบตามวรรคหนึ่งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามแบบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '136'}]",1. ผู้ตรวจการสถาบันการเงิน 2. บุคคลที่ทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือตนในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการสถาบันการเงินคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน 3. พนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 +พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้อื่นส่งหรือรักษา เอกสารใด ๆ อันผู้ตรวจการสถาบันการเงิน คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินได้ยึด อายัด รักษาไว้ แต่ถูกบุคคลอื่นทำให้เอกสารดังกล่าวไร้ประโยชน์ หรือเสียหาย ถือว่าบุคคลนั้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 138 + +คำอธิบาย พฤติการณ์ใดที่กระทำต่อทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันผู้ตรวจการสถาบันการเงิน คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินได้ยึด อายัด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะรักษาทรัพย์สินหรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '138'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 138 +ในกรณีที่สถาบันการเงินใดมีเงินกองทุนเหลือต่ำกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ เนื่องจากคำสั่งของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น ถือว่ากรรมการ หรือผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 139 + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 139 ในกรณีที่สถาบันการเงินใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 36 มาตรา 50 มาตรา 66 มาตรา 80 มาตรา 93 มาตรา 94 หรือมาตรา 95 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนด หลักเกณฑ์ หรือคำสั่งที่กำหนดตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง มาตรา 10 วรรคหนึ่ง มาตรา 33 มาตรา 36 มาตรา 50 มาตรา 66 มาตรา 71 มาตรา 80 มาตรา 90 หรือมาตรา 95 ถ้าการกระทำความผิดของสถาบันการเงินนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือบุคคลใดซึ่ง���ับผิดชอบในการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้สถาบันการเงินนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"" + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 95 ในกรณีที่สถาบันการเงินใดมีเงินกองทุนเหลือต่ำกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 30 ให้สถาบันการเงินนั้นเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการดำเนินงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อขอความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ +(1) การเสนอโครงการต้องกระทำภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สถาบันการเงินทราบ +(2) โครงการตาม (1) อย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายการ ดังต่อไปนี้ +(ก) ขั้นตอนที่จะทำให้มีเงินกองทุนเพียงพอ +(ข) ระดับเงินกองทุนที่คาดว่าจะดำรงในแต่ละไตรมาสภายในระยะเวลาของโครงการ +(ค) แผนธุรกิจ +(ง) ระยะเวลาการดำเนินการให้สำเร็จตามโครงการซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่สถาบันการเงินทราบว่ามีเงินกองทุนต่ำกว่าที่ต้องดำรงตามมาตรา 30 +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับโครงการแล้ว จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับโครงการ และให้แจ้งสถาบันการเงินทราบภายในเวลาดังกล่าว ในการนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาไว้ด้วยก็ได้ +ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่เสนอโครงการภายในกำหนดเวลาตาม (1) หรือโครงการที่เสนอไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือไม่ดำเนินการตามโครงการ หรือดำเนินการไม่เป็นไปตามโครงการที่ได้รับความเห็นชอบหรือตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตามวรรคสอง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร หรือมีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น +เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งปิดกิจการตามวรรคสามแล้ว ให้เสนอรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตของสถาบันการเงินนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '139'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 139 +เมื่อกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเช่นใด จึงถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"โดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 140 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '140'}]",โดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ +บุคคลใดที่ กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 255,"กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินหรือทรัพย์สินที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 141 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินหรือทรัพย์สินที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '141'}]",กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินหรือทรัพย์สินที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย +การกระทำใดของกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดเอาไปเสีย เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"1. เอาไปเสีย +2. ทำให้เสียหาย +3. ทำลาย +4. ทำให้เสื่อมค่า +5. ทำให้ไร้ประโยชน์ +ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 143 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดเอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '143'}]",1. เอาไปเสีย 2. ทำให้เสียหาย 3. ทำลาย 4. ทำให้เสื่อมค่า 5. ทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน +ในกรณีใดที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดได้กระทำการ โอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน พื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้บางส่วน ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 144 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายได้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 144 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถ��บันการเงินผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ โดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่น ซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้สถาบันการเงินบังคับการชำระหนี้จากสถาบันการเงิน หรือใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ +(2) ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '144'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 144 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายได้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน +ในกรณีที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใด ไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 145 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายได้รวมถึงการไม่กระทำการใดๆอันก่อให้เกิดความเสียหาย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 145 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '145'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 145 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายได้รวมถึงการไม่กระทำการใดๆอันก่อให้เกิดความเสียหาย +กรณีใดที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถื��หุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"กระทำการโดย(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน +(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ +(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง +เพื่อ ลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 146 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน +(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ +(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '146'}]",(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน (2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง +ในกรณีใดที่พนักงานของสถาบันการเงินได้กระทำลง จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,"1. หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน โดยทุจริต +2. ปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ +3. กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจร���ตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน +4. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต +5.เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน +6. ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง พื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน +7. กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน +8. กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใดๆ โดย ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน, ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง + + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 151 ความผิดมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 150 เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ให้พนักงานอัยการมีอำนาจเรียกทรัพย์สิน หรือราคาหรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแทนผู้เสียหายด้วย และให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 140 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 141 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินหรือทรัพย์สินที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 143 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดเอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 144 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ โดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่น ซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้สถาบันการเงินบังคับการชำระหนี้จากสถาบันการเงิน หรือใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ +(2) ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ป��ากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 145 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 146 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน +(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ +(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '147'}]","1. หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน โดยทุจริต +2. ปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ +3. กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน +4. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต +5. เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน +6. ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน +7. กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน +8. กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใดๆ โดย ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน, ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง." +หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต นั้นเกิดจากการขู่เข็ญจากบุคคลที่สาม ถือว่าบุคคลที่ขู่เข็ญนั้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 149 เนื่องจากบทบัญญัติกฎหมายนั้นรวมถึงการกระทำที่เกิดจากการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 149 ผู้ใดก่อให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '149'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 149 เนื่องจากบทบัญญัติกฎหมายนั้นรวมถึงการกระทำที่เกิดจากการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด +ในกรณีที่ผู้ให้ความช่วยเหลือหรือความสะดวกแก่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน นั้นช่วยเหลือภายหลังที่การกระทำความผิดของกรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน เสร็จสิ้นลงแล้ว ถือว่าบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือมีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 150 เนื่องจากบทบัญญัติกฎหมายได้ระบุให้รับความผิดไม่ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือความสะดวกสบายก่อนหรือขณะกระทำความผิด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 150 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ เว้นแต่ผู้นั้นมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '150'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 150 เนื่องจากบทบัญญัติกฎหมายได้ระบุให้รับความผิดไม่ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือความสะดวกสบายก่อนหรือขณะกระทำความผิด +ในกรณีใดบ้างที่พนักงานอัยการ เมื่อได้ฟ้องคดีอาญาแล้ว จะเป็นผู้เรียกทรัพย์สิน หรือราคาหรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแทนผู้เสียหายและให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล,"กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน +1. หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน โดยทุจริต +2. ปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประ���าชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ +3. กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน +4. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต +5.เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน +6. ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง พื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน +7. กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน +8. กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใดๆ โดย ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน, ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง +9. ผู้สอบบัญชี หรือผู้ประเมินราคา หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านผู้ใดปฏิบัติงานสอบบัญชีเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด หรือทำรายงานเท็จหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดหรือประเมินราคาทรัพย์สินโดยไม่สุจริต +10. ก่อให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามข้อ 1-9 ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด +11. กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามข้อ 1-9 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 151 ความผิดมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 150 เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ให้พนักงานอัยการมีอำนาจเรียกทรัพย์สิน หรือราคาหรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแทนผู้เสียหายด้วย และให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 140 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 141 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินหรือทรัพย์สินที่สถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 143 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดเอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินอันสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลหรือที่อยู่ในความครอบครองของสถาบันการเงิน ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 144 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ โดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่น ซึ่งจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้สถาบันการเงินบังคับการชำระหนี้จากสถาบันการเงิน หรือใช้หรือน่าจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของสถาบันการเงิน หรือ +(2) ลงบัญชีหรือกระทำการอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏว่าสถาบันการเงินเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 145 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 146 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดกระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้เพื่อลวงให้สถาบันการเงินหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท +(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสารหรือหลักประกันของสถาบันการเงินหรือที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน +(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบั���ชี หรือเอกสารของสถาบันการเงิน หรือ +(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 148 ผู้สอบบัญชี หรือผู้ประเมินราคา หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านผู้ใดปฏิบัติงานสอบบัญชีเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด หรือทำรายงานเท็จหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 69 หรือมาตรา 70 หรือมาตรา 71 หรือประเมินราคาทรัพย์สินโดยไม่สุจริต แล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 149 ผู้ใดก่อให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ขู่เข็ญ จ้าง หรือด้วยวิธีอื่นใด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 150 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่กรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านของสถาบันการเงิน กระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ เว้นแต่ผู้นั้นมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '151'}]",กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินที่กระทำความผิดตามมาตรา 140 ถึง 150 +บุคคลใดมีหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ให้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สิน ในกรณีที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียด���ังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต,"พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 152 ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 150 และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าหากปล่อยเนิ่นช้าไว้อาจเกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบุคคลนั้น หรือทรัพย์สินซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นของบุคคลนั้น หรือตามพฤติการณ์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นของบุคคลนั้น แต่จะยึดหรืออายัดทรัพย์สินเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาล ให้คำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวยังคงมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีมีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถฟ้องคดีภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันได้ ศาลที่มีเขตอำนาจอาจสั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกตามคำขอของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ +ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '152'}]",พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย +บุคคลที่ให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้เป็น กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน หนีออกนอกประเทศ มีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"มีความผิด เช่นเดียวกับผู้หลบหร ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 153 วรรคท้าย + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 153 ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลตามมาตรา 152 จะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ศาลอาญาโดยคำร้องขอของธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งห้ามมิให้บุคคลนั้นออกนอกราชอาณาจักรไว้ก่อนได้ +ในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยคำร้องขอของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบุคคลที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมอบหมาย มีอำนาจสั่งห้ามมิให้บุคคลตามมาตรา 152 ออกนอกราชอาณาจักรไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวได้เป็นเวลาไม่เกินสิบห้าวันจนกว่าศาลอาญาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น +ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของศาลอาญาตามวรรคหนึ่งหรือของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามวรรคสอง หรือผู้ให้ความช่วยเหลือบุคคลดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 152 ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 หรือมาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 150 และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าหากปล่อยเนิ่นช้าไว้อาจเกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบุคคลนั้น หรือทรัพย์สินซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นของบุคคลนั้น หรือตามพฤติการณ์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นของบุคคลนั้น แต่จะยึดหรืออายัดทรัพย์สินเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาล ให้คำสั่งยึดหรืออายัดดังกล่าวยังคงมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีมีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถฟ้องคดีภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันได้ ศาลที่มีเขตอำนาจอาจสั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกตามคำขอของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ +ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง +การกำหนดวิธีการในการดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินและการกำหนดจำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพและเลี้ยงดูครอบครัวของบุคคลที่ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +ผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ โอนให้แก่บุคคลอื่นหรือกระทำการใด ๆ ให้เสียหายแก่ทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดตามวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท + +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 140 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แก่ประชาชนทราบ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '153'}]",มีความผิด เช่นเดียวกับผู้หลบหร ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 153 วรรคท้าย +ผู้ที่ล่วงรู้ข้อมูลของสถาบันการเงินเนื่องจากหน้าที่การงานสามารถเปิดเผยข้อมูลนั้นได้หรือไม่,"ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ยกเว้นในกรณีที่มีกฎหมายหรือข้อกำหนดให้ทำ หรือในกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อันได้แก่ +(1) การเปิดเผยตามหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี +(2) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินนั้นหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงินนั้น +(4) การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงิน หรือธุรกิจทางการเงิน ตามข้อตกลงที่มีระหว่างกัน +(5) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น +(6) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน +(7) การเปิดเผยความลับของลูกค้าสถาบันก���รเงินที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว +(8) การเปิดเผยความลับของลูกค้าของสถาบันการเงินซึ่งลูกค้าดังกล่าวให้ความยินยอมแล้ว +(9) การเปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน +(10) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 154 ผู้ใดล่วงรู้กิจการของสถาบันการเงินใดเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมายหรือเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย อันเป็นกิจการที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณี ดังต่อไปนี้ +(1) การเปิดเผยตามหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี +(2) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินนั้นหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงินนั้น +(4) การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงิน หรือธุรกิจทางการเงิน ตามข้อตกลงที่มีระหว่างกัน +(5) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น +(6) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน +(7) การเปิดเผยความลับของลูกค้าสถาบันการเงินที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว +(8) การเปิดเผยความลับของลูกค้าของสถาบันการเงินซึ่งลูกค้าดังกล่าวให้ความยินยอมแล้ว +(9) การเปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน +(10) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '154'}]",ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ยกเว้นในกรณีที่มีกฎหมายหรือข้อกำหนดให้ทำ หรือในกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ +บุคคลใดที่เปิดเผยความลับในประการที่น่าจะก่อให้เกิดควา���เสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน,"บุคคลที่ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของสถาบันการเงินโดยเหตุที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการหรือเป็นพนักงาน + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 155 ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของสถาบันการเงินโดยเหตุที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการหรือเป็นพนักงาน และเปิดเผยความลับนั้นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการเปิดเผยตามกรณีในมาตรา 154 วรรคสอง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '155'}]",บุคคลที่ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของสถาบันการเงินโดยเหตุที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการหรือเป็นพนักงาน +การเปิดเผยข้อมูลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในกรณีใดที่ไม่ผิดกฎหมาย,"(1) การเปิดเผยตามหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี +(2) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินนั้นหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงินนั้น +(4) การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงิน หรือธุรกิจทางการเงิน ตามข้อตกลงที่มีระหว่างกัน +(5) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น +(6) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน +(7) การเปิดเผยความลับของลูกค้าสถาบันการเงินที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว +(8) การเปิดเผยความลับของลูกค้าของสถาบันการเงินซึ่งลูกค้าดังกล่าวให้ความยินยอมแล้ว +(9) การเปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน +(10) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 155/1 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 154 และมาตรา 155 มาใช้บังคับกับการล่วงรู้และเปิดเผยข้อมูลของสถา��ันการเงินเฉพาะกิจ +พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 154 ผู้ใดล่วงรู้กิจการของสถาบันการเงินใดเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมายหรือเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย อันเป็นกิจการที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณี ดังต่อไปนี้ +(1) การเปิดเผยตามหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี +(2) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินนั้นหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงินนั้น +(4) การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงิน หรือธุรกิจทางการเงิน ตามข้อตกลงที่มีระหว่างกัน +(5) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น +(6) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน +(7) การเปิดเผยความลับของลูกค้าสถาบันการเงินที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว +(8) การเปิดเผยความลับของลูกค้าของสถาบันการเงินซึ่งลูกค้าดังกล่าวให้ความยินยอมแล้ว +(9) การเปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน +(10) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '155/1'}]","(1) การเปิดเผยตามหน้าที่หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี +(2) การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ +(3) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินนั้นหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงินนั้น +(4) การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับสถาบันการเงิน หรือธุรกิจทางการเงิน ตา���ข้อตกลงที่มีระหว่างกัน +(5) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น +(6) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน +(7) การเปิดเผยความลับของลูกค้าสถาบันการเงินที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว +(8) การเปิดเผยความลับของลูกค้าของสถาบันการเงินซึ่งลูกค้าดังกล่าวให้ความยินยอมแล้ว +(9) การเปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน +(10) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้" +หากผู้ต้องหาชำระค่าปรับตามจำนวนและระยะเวลามีผลอย่างไร,"คดีจะถือว่าเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งหมายความว่าคดีนั้นจะสิ้นสุดลงและจะไม่มีการดำเนินคดีต่อไป + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 156 ความผิดตามมาตรา 122 มาตรา 124 มาตรา 125 มาตรา 128 มาตรา 131/1 มาตรา 132 วรรคสอง และมาตรา 139 ให้คณะกรรมการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ +คณะกรรมการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวนสามคน โดยอย่างน้อยต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหนึ่งคน +เมื่อคณะกรรมการได้ทำการเปรียบเทียบ และผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนและภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '156'}]",คดีจะถือว่าเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งหมายความว่าคดีนั้นจะสิ้นสุดลงและจะไม่มีการดำเนินคดีต่อไป +ถ้าบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ก่อนปี 2551 ที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551บังคับใช้ จะถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่,"ให้ถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 157 ให้ถือว่าธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี อยู่แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '157'}]",ให้ถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทนั้นตามพระราชบัญญัตินี้ +เมื่อใดที่กฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศ หนังสือเวียน คำสั่ง หรือข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ จะไม่มีผลใช้บังคับ,"เมื่อมีข้อความใดๆที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือมีการออกประกาศ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 158 บรรดากฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศ หนังสือเวียน คำสั่ง หรือข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ บรรดาที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการออกประกาศ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '158'}]",เมื่อมีข้อความใดๆที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือมีการออกประกาศ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ +บริษัทเงินทุนใดที่ได้รับใบอนุญาตอยู่แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551นี้ใช้บังคับ ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตใหม่หรือไม่,"ไม่ต้อง เนื่องจากบริษัทเงินทุนใดที่ได้รับใบอนุญาตอยู่แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ใช้บังคับ ให้ประกอบธุรกิจได้ตามที่ได้รับอนุญาตไว้ได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 160 บริษัทเงินทุนใดที่ได้รับใบอนุญาตอยู่แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ประกอบธุรกิจได้ตามที่ได้รับอนุญาตไว้แล้ว","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '160'}]",ไม่ต้อง +หากบริษัทต้องการขายหุ้นในสถาบันการเงินที่ถืออยู่เกินอัตราส่วนในระหว่างระยะเวลาผ่อนผัน ต้องปฏิบัติอย่างไร,"สามารถขายหุ้นได้ตามปกติ แต่หลังจากขายหุ้นแล้ว จะสามารถถือหุ้นเกินอัตราส่วนได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่หลังจากการขายหุ้น เท่านั้น และไม่สามารถซื้อหุ้นของสถาบันการเงินที่ตนถืออยู่เพิ่มเติมได้ + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 161 บริษัทที่มิได้ประกอบธุรกิจทางการเงิน แต่ได้รับการผ่อนผันให้ถือหุ้นในสถาบันการเงินใดเกินอัตราที่กำหนดในมาตรา 18 อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือหุ้นของสถาบันการเงินนั้นได้ต่อไป และอาจซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับได้ แต่ถ้าได้จำหน่ายหุ้นนั้นไปเท่าใดให้คงมีสิทธิถือหุ้นเกินอัตราที่กำหนดได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่นั้น +ห้ามมิให้บริษัทตามวรรคหนึ่งซื้อหุ้นของสถาบันการเงินที่ตนถืออยู่เพิ่ม เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '161'}]",สามารถขายหุ้นได้ตามปกติ แต่หลังจากขายหุ้นแล้ว จะสามารถถือหุ้นเกินอัตราส่วนได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่หลังจากการขายหุ้น เท่านั้น และไม่สามารถซื้อหุ้นของสถาบันการเงินที่ตนถืออยู่เพิ่มเติมได้ +หากสถาบันคุ้มครองเงินฝากยังไม่ถูกจัดตั้งขึ้น ใครจะรับผิดชอบภารกิจที่มอบหมายให้กับสถาบันนั้น,"กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่กำหนดให้เป็นของสถาบันคุ้มครองเงินฝากจนกว่าจะมีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้น + +คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 163 ในขณะที่ยังมิได้จัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หากมีบทบัญญัติมาตราใดในพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้เป็นภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ให้ภารกิจและอำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นของกระทรวงการคลังจนกว่าจะมีการจัดตั้งสถาบัน���ุ้มครองเงินฝากขึ้น","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '163'}]",กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่กำหนดให้เป็นของสถาบันคุ้มครองเงินฝากจนกว่าจะมีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้น +ภาษีเงินได้ที่เรียกเก็บนั้น สามารถตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ในกรณีใดบ้าง,"(1) ลดอัตราหรือยกเว้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพของท้องที่บางแห่งหรือทั่วไป +(2)ยกเว้นแก่บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชาชาติหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญา หรือตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกันกับนานาประเทศ +(3) ยกเว้นแก่รัฐบาลองค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล องค์การศาสนา หรือองค์การกุศลสาธารณะ +การลดหรือยกเว้นตาม (1) (2) และ(3) นั้น จะตราพระราชกฤษฎีกายกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็ได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 บรรดารัษฎากรประเภทต่าง ๆซึ่งเรียกเก็บตามประมวลรัษฎากรนี้ จะตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อการต่อไปนี้ก็ได้ คือ +(1) ลดอัตราหรือยกเว้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพของท้องที่บางแห่งหรือทั่วไป +(2)ยกเว้นแก่บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชาชาติหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญา หรือตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกันกับนานาประเทศ +(3) ยกเว้นแก่รัฐบาลองค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล องค์การศาสนา หรือองค์การกุศลสาธารณะ +การลดหรือยกเว้นตาม (1) (2) และ(3) นั้น จะตราพระราชกฤษฎีกายกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3'}]",(1) ลดอัตราหรือยกเว้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพของท้องที่บางแห่งหรือทั่วไป (2) ยกเว้นแก่บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชาชาติหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญา หรือตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกันกับนานาประเทศ (3) ยกเว้นแก่รัฐบาลองค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล องค์การศาสนา หรือองค์การกุศลสาธารณะ +การไม่ชำระค่าปรับนั้นสามารถโดนฟ้องได้หรือไม่,"หากไม่ชำระค่าปรับตามเวลาสามารถโดนฟ้องได้ + +คำอธิบาย : ปร���มวลรัษฎากร มาตรา 3 ทวิ ถ้าเจ้าพนักงานดังต่อไปนี้ เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรต้องได้รับโทษจำคุกหรือไม่ควรถูกฟ้องร้อง ให้มีอำนาจเปรียบเทียบโดยกำหนดค่าปรับแต่สถานเดียวในความผิดต่อไปนี้ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 13 คือ..... +ถ้าผู้มีอำนาจเปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งเห็นว่า ไม่ควรใช้อำนาจเปรียบเทียบ หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมตามที่เปรียบเทียบหรือยอมแล้วแต่ไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนด ให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อไป และในกรณีนี้ ห้ามมิให้ดำเนินการเปรียบเทียบตามกฎหมายอื่นอีก","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ทวิ'}]",หากไม่ชำระค่าปรับตามเวลาสามารถโดนฟ้องได้ +กาารชำระเงินเพิ่มอากรทำให้บุคคลพ้นผิดในการเสียเงินเพิ่มอากรใช่หรือไม่,"ใช่ การชำระเงินเพิ่มอากร ให้ถือว่าเป็นการคุ้มให้บุคคลนั้นไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 ตรี บุคคลใดที่ต้องเสียเงินเพิ่มภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ แต่หากบุคคลนั้นยินยอมและชำระเงินเพิ่มภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว จะถือว่าเป็นการคุ้มครองบุคคลนั้นจากการรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากรหรือไม่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ตรี'}]",ใช่ +บุคคลสามารถไปเสียภาษีอากร ในที่ที่ไม่ใช่ที่ว่าการอำเภอได้หรือไม่,"ได้ เนื่องจากรัฐมนตรีสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ไปเสียที่อื่นก็ได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 จัตวา ในกรณีที่บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้บุคคลไปเสียภาษีอากร ณ ที่ว่าการอำเภอ รัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ไปเสีย ณ สำนักงานแห่งอื่นก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ การเสียภาษีอากรนั้น ให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งหัวหน้าสำนักงานแห่งนั้นได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 จัตวา'}]",ได้ เนื่องจากรัฐมนตรีสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ไปเสียที่อื่นก็ได้ +การเข้าไปตรวจค้น อายัด หรือยึด ในสถานที่ใดๆ สามารถเข้าไปตรวจค้นได้ตลอดเวลาหรือไม่,"ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจะต้องทำการตรวจค้นในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย?์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้นๆ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เบญจ เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ให้อธิบดีมีอำนาจเข้าไปหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่น ที่เกี่ยวกับหรือสันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรที่จะต้องเสียได้ทั่วราชอาณาจักร +ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือสรรพากรเขตมีอำนาจเช่นเดียวกับอธิบดีตามวรรคหนึ่ง สำหรับในเขตท้องที่จังหวัดหรือเขตนั้น +การทำการตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ต้องทำในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 เบญจ'}]",ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจะต้องทำการตรวจค้นในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้นๆ +ในกรณีที่บัญชี เอกสาร หรือหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับหรือสันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรทำเป็นภาษาต่างประเทศ เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งให้บุคคลใดแปลเอกสารเหล่านี้เป็นภาษาไทยหรือไม่,"มีอำนาจ + +คำอธิบาย : ในกรณีที่บัญชี เอกสาร หรือหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับหรือสันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรทำเป็นภาษาต่างประเทศ เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งให้บุคคลใดแปลเอกสารเหล่านี้เป็นภาษาไทยหรือไม่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ฉ'}]",มีอำนาจ +หากบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีในการตรวจสอบและรับรองบัญชีฝ่าฝืนระเบียบที่อธิบดีกำหนด อธิบดีมีอำนาจในการทำอะไรได้บ้าง,"อธิบดีจะมีอำนาจในการพิจารณาสั่งถอนใบอนุญาตได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 สัตต เพื่อประโยชน์แห่งการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร การตรวจสอบและรับรองบัญชีจะกระทำได้ก็แต่โดยบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี +บุคคลที่จะขอใบอนุญาตจากอธิบดีตามความในวรรคก่อนต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี +��ุคคลใดได้รับใบอนุญาตดังกล่าวแล้วถ้าฝ่าฝืนระเบียบที่อธิบดีกำหนด อธิบดีอาจพิจารณาสั่งถอนใบอนุญาตเสียก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 สัตต'}]",อธิบดีจะมีอำนาจในการพิจารณาสั่งถอนใบอนุญาตได้ +ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการหรือการเสียภาษีอากรไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาเนื่องจากไม่ได้อยู่ในประเทศไทยหรือมีเหตุจำเป็นอื่น สามารถทำอย่างไรได้บ้าง,"สามารถขออธิบดีให้พิจารณาขยายเวลาหรือเลื่อนกำหนดออกไปได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 อัฏฐ กำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการหรือแจ้งรายการต่าง ๆ ก็ดีกำหนดเวลาการอุทธรณ์ก็ดี หรือกำหนดเวลาการเสียภาษีอากรตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรนี้ก็ดีถ้าผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวมิได้อยู่ในประเทศไทย หรือมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้เมื่ออธิบดีพิจารณาเห็นเป็นการสมควร จะให้ขยายหรือให้เลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้ +กำหนดเวลาต่าง ๆที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรนี้ เมื่อรัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควร จะขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลานั้นออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 อัฏฐ'}]",สามารถขออธิบดีให้พิจารณาขยายเวลาหรือเลื่อนกำหนดออกไปได้ +การที่บุคคลไม่อำนวยความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานที่เข้าไปตรวจสอบสถานที่หรือยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษี โดยที่บุคคลนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะมีการตรวจสอบนั้น จะมีความผิดและโทษอย่างไร,"มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 นว ผู้ใดรู้อยู่แล้วไม่อำนวยความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ตามความในมาตรา 3 เบญจ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 นว'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ +การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแปลเอกสารจะม���ความผิดและโทษใดตามกฎหมาย,"ความผิดและต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 ทศ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 3 ฉมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ทศ'}]",ความผิดและต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท +การกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรและผู้มีหน้าที่จ่ายเงินใช้เลขประจำตัวตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีตั้งขึ้น จะต้องมีการประกาศอย่างไร,"ต้องมีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เอกาทศ เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร และผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้มีและใช้เลขประจำตัวในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากรได้ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ โดยอนุมัติรัฐมนตรี +การกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 เอกาทศ'}]",ต้องมีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา +หากบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามประกาศที่กำหนดให้มีและใช้เลขประจำตัวในการเสียภาษี บุคคลนั้นจะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 ทวาทศ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 3 เอกาทศ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ทวาทศ'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท +หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราสำหรับการจัดเก็บภาษี ณ ที่จ่าย ของบุคคลที่ไม่มีหน้าที่หักภาษี ต้องทำตามประกาศใด,"กฎกระทรวง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เตรส ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ซึ่งไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามลักษณะ 2 หักภาษี ณ ที่จ่ายตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ในการนี้ ให้นำมาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 และมาตรา 63 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 เตรส'}]",กฎกระทรวง +การจ่ายเงินที่เกิดจากคำสั่งหรือคำบังคับของศาลหรือตามกฎหมายต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม,"ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 จตุทศ ในกรณีที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งก่อน ไม่ว่าการจ่ายเงินนั้นจะเกิดขึ้นจากคำสั่งหรือคำบังคับของศาลหรือตามกฎหมายหรือเหตุอื่นใดก็ตาม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3'}]",ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศที่ไม่ได้ประกอบกิจการในไทยแต่ได้รับเงินได้ที่จ่ายในประเทศไทยจะต้องนำส่งเงินได้ภายในเวลาที่มากกว่า 7 วันได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากการนำส่งภาษีเงินได้นั้นจะกำหนดระยะเวลาการนำส่งเงินที่มากกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆไม่ได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 ปัณรส เพื่อประโยชน์ในการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 52 การนำส่งภาษีเงินได้ตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ และการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 และมาตรา 83/6 ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีอาจเลือกวิธีนำส่งเงินภาษีให้แก่กรมสรรพากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวงแทนวิธีนำส่งตามที่บัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องก็ได้ +กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งจะกำหนดระยะเวลานำส่งเงินภาษีเกินกว่าที่บัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องแต่ละกรณีไม่ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 ปัณรส'}]",ไม่ได้ +การจัดทำ การส่ง การรับ และการเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อระหว่างกรมสรรพากรกับผู้เสียภาษีอากร หรือระหว่างผู้เสียภาษีอากรกับกรมสรรพากรที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์จะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใด,"จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา3 โสฬส บรรดาหมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แบบ ใบกำกับภาษี รายงาน เอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ที่ต้องมี จัดทำ หรือใช้ ตามที่บัญญัติในประมวลรัษฎากร และบรรดาเอกสารหลักฐานหรือหนังสือที่กรมสรรพากรต้องใช้ในการติดต่อกับผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใด หรือที่ผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใดต้องใช้ในการติดต่อกับกรมสรรพากร อาจกระทำด้วยกระบวน���ารทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง +กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำ การส่ง การรับ ตลอดจนการเก็บรักษาที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 โสฬส'}]",จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ +ธุรกรรมลักษณะเฉพาะคืออะไร,"ธุรกรรมลักษณะเฉพาะคือ +1. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สามพันครั้งขึ้นไป +2. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อยครั้งและมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินรวมกันตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา3 สัตตรส เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีที่ล่วงมาเฉพาะที่อยู่ในความครอบครองต่อกรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคมของทุกปี.... +ธุรกรรมลักษณะเฉพาะตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า ธุรกรรมที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดในปีที่ล่วงมา ดังต่อไปนี้ +(1) ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สามพันครั้งขึ้นไป +(2) ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อยครั้งและมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินรวมกันตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 สัตต'}]",ธุรกรรมลักษณะเฉพาะคือ 1. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สามพันครั้งขึ้นไป 2. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อยครั้งและมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินรวมกันตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป +ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะฝ่าฝืนหรือไม่รายงานข้อมูลตามที่กำหนด อธิบดีมีอำนาจในการดำเนินการอย่างไร,"อธิบดีมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้ แต่ถ้าหากผู้มีหน้าที่รายงานไม่แก้ไข อธิบดีมีอำนาจพิจารณาคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 อัฏฐารส ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้มีหน้าที่รายงานผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 3 สัตตรส ให้อธิบดีมีอำนาจสั่ง���ห้ผู้มีหน้าที่รายงานปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด +ผู้มีหน้าที่รายงานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีมีอำนาจพิจารณามีคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '3 อัฏฐ'}]",อธิบดีมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้ แต่ถ้าหากผู้มีหน้าที่รายงานไม่แก้ไข อธิบดีมีอำนาจพิจารณาคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองได้ +ตามประมวลกฎหมายรัษฐากร กำหนดให้บุคคลใดเป็นผู้รักษาการ,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประมวลรัษฎากรนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานอื่นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษากับออกกฎกระทรวง (1) ให้ใช้หรือให้ยกเลิกแสตมป์ โดยกำหนดให้นำมาแลกเปลี่ยนกับแสตมป์ที่ใช้ได้ภายในเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด แต่ต้องให้เวลาไม่น้อยกว่าหกสิบวัน (2) กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากรนี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ในกรณีที่คนต่างด้าวมีความประสงค์จะออกเดินทางออกนอกราชอาณาจักร แต่ไม่มีความสามารถในการชำระภาษีอากรที่ค้างชำระ หรือจะต้องชำระ คนต่างด้าวในกรณีนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร,"จัดหาประกันเงินภาษีอากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทวิ คนต่างด้าวผู้ใดจะเดินทางออกจากประเทศไทย ต้องเสียภาษีอากรที่ค้างชำระ และหรือที่จะต้องชำระ แม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระ หรือจัดหาประกันเงินภาษีอากร ให้เสร็จสิ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ก่อนออกเดินทาง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ทวิ'}]",จัดหาประกันเงินภาษีอากร +หากยังคนต่างด้าวนั้นยังมิได้ใบผ่านภาษีอากร เนื่องจากยังมิได้ขอ หรือขอเเล้วแต่ยังมิได้ใบดังกล่าว ฝ่าฝืนออกนอกประเทศหรือพยายามออกนอกประเทศจะมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด และจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งหมด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาต���า 4 ตรี ให้คนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศไทยยื่นคำร้องตามแบบที่อธิบดีกำหนด เพื่อขอรับใบผ่านภาษีอากรภายในกำหนดเวลาไม่เกินสิบห้าวันก่อนออกเดินทาง ไม่ว่ามีเงินภาษีอากรที่ต้องชำระหรือไม่ +การยื่นคำร้องตามความในวรรคก่อน ถ้าผู้ยื่นคำร้องมีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรี ให้ยื่นต่ออธิบดีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ถ้ามีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ในเขตจังหวัดอื่นให้ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย +คนต่างด้าวผู้ใดไม่ยื่นคำร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรตามความในวรรคก่อนหรือยื่นคำร้องแล้ว แต่ยังไม่ได้รับใบผ่านภาษีอากร เดินทางออกจากประเทศไทยหรือพยายามเดินทางออกจากประเทศไทย นอกจากจะมีความผิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ ให้คนต่างด้าวผู้นั้นเสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งสิ้นอีกด้วย เงินเพิ่มตามมาตรานี้ให้ถือเป็นค่าภาษีอากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ตรี'}]",มีความผิด และจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งหมด +คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามา และอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ ต้องมีระยะเวลารวมกันไม่เกินระยะเวลาเท่าใดในหนึ่งปีภาษี ถึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องที่ต้องชำระค่าภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร,"90 วัน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 จัตวา บทบัญญัติมาตรา 4 ทวิ และมาตรา 4 ตรี ไม่ใช้บังคับแก่คนต่างด้าวผู้เดินทางผ่านประเทศไทย หรือเข้ามา และอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมกันไม่เกินเก้าสิบวันในปีภาษีใด โดยไม่มีเงินได้พึงประเมิน หรือคนต่างด้าวที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 จัตวา'}]",90 วัน +บุคคลต่างด้าวที่จะเดินทางออกนอกประเทศแต่ยังไม่ได้ชำระภาษีอากรที่ยังไม่ถึงกำหนด จะสามารถขอใบผ่านภาษีอากรได้หรือไม่,"ไม่ได้ ผู้ที่จะขอออกใบผ่านภาษีอากรได้จะต้องชำระค่าภาษีอากรที่ค้างชำระและที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระด้วย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 เบญจ ให้ผู้รับคำร้องตามมาตรา 4 ตรี ตรวจสอบว่า ผู้ยื่นคำร้องมีภาษีอากรที่จะต้องเสียตามมาตรา 4 ท��ิ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ออกใบผ่านภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 เบญจ'}]",ไม่ได้ ผู้ที่จะขอออกใบผ่านภาษีอากรได้จะต้องชำระค่าภาษีอากรที่ค้างชำระและที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระด้วย +บุคคลใดที่สามารถออกใบผ่านภาษีอากรให้แก่บุคคลต่างด้าวมีเหตุที่จะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการด่วนและชั่วคราว,"อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสามารถออกใบผ่านภาษีอากร แต่จะสามารถออกใบผ่านภาษีอากรได้ต่อเมื่อผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือจะที่ต้องชำระ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ฉ ในกรณีที่ผู้รับคำร้องตามมาตรา 4 ตรี พิจารณาเห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเหตุผลสมควรจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการรีบด่วนและชั่วคราว และผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือจะที่ต้องชำระ ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายออกใบผ่านภาษีอากรให้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ฉ'}]",อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสามารถออกใบผ่านภาษีอากร แต่จะสามารถออกใบผ่านภาษีอากรได้ต่อเมื่อผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือจะที่ต้องชำระ +ถ้ามีการต่ออายุใบผ่านภาษีอากรก่อนใบเดิมสิ้นอายุ บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อใบผ่านภาษีอากร และต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน,"อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต่ออายุให้อีกสิบห้าวันก็ได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 สัตต ภายใต้บังคับมาตรา 4 อัฏฐ ใบผ่านภาษีอากรให้มีอายุใช้ได้สิบห้าวันนับแต่วันออก ถ้ามีการขอต่ออายุใบผ่านภาษีอากรก่อนสิ้นอายุ อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต่ออายุให้อีกสิบห้าวันก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 สัตต'}]",อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อใบผ่านภาษีอากร และต้องทำให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน +สามารถยื่นคำร้องขอใบผ���านภาษีอากรได้ที่ใด,"สามารถยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย :ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 อัฏฐ คนต่างด้าวซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยเป็นปกติธุระเกี่ยวกับการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ จะยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 อัฏฐ'}]",สามารถยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี +การพยายามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีผ่านภาษีอากรจะมีโทษหรือไม่,"แม้จะเป็นความพยายามที่ยังกระทำไม่สำเร็จแต่ถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้วต้องรับโทษเช่นกัน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 นว คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากร ซึ่งต้องมีตามความในประมวลรัษฎากรนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 นว'}]",แม้จะเป็นความพยายามที่ยังกระทำไม่สำเร็จแต่ถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้วต้องรับโทษเช่นกัน +ดอกเบี้ยที่อธิบดีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสั่งให้จ่ายแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร จ่ายมาจากแหล่งเงินใด,"จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทศ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง +ดอกเบี้ยที่ให้ตามวรรคหนึ่ง มิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '4 ทศ'}]",จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ +ภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร อยู่ในการควบคุมของหน่วยงานใด,"กรมสรรพากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 5 ภาษีอากรซึ่งบัญญัติไว้ในลักษณะนี้ ให้อยู่ในอำนาจหน้าที่และการควบคุมของกรมสรรพากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '5'}]",กรมสรรพากร +ในกรณีใดที่จำต้องให้ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการคณะนั้นๆ��ป็นผู้รับผิดชอบ,"ในกรณีที่คณะบุคคลผู้มีหน้าที่และคณะนั้นมิใช่นิติบุคคล + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 6 ในกรณีทั้งปวงซึ่งคณะบุคคลเป็นผู้มีหน้าที่และคณะนั้นมิใช่นิติบุคคล ให้ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการคณะนั้นเป็นผู้รับผิดชอบ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '6'}]",ในกรณีที่คณะบุคคลผู้มีหน้าที่และคณะนั้นมิใช่นิติบุคคล +เอกสารใดที่กรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้จัดการจะต้องเป็นผู้ลงลายมือชื่อ ตามประมวลรัษฎากร,"เอกสารที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องยื่น โดยมีความหมายรวมถึง รายการ รายงานและเอกสารต่างๆ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 7 บรรดารายการ รายงาน หรือเอกสารอื่น ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องทำยื่นนั้น ให้กรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '7'}]",เอกสารที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องยื่น โดยมีความหมายรวมถึง รายการ รายงานและเอกสารต่างๆ +ในกรณีที่ส่งหนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แต่ยุคคลนั้นเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงต้องใช้วิธีปิดหมาย วิธีการนี้ต้องทำ ณ สถานที่ใด,"ต้องปิดหมายในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ +1. ที่อยู่ +2. สำนักงานของบุคคลนั้น +3. บ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 8 หมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้ ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้นในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของผู้รับจะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้ +กรณีไม่สามารถส่งตามวิธีในวรรคหนึ่งได้ หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ใช้วิธีปิดหมาย หนังสือแจ้งหรือหนังสืออื่น แล้วแต่กรณี ในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย หรือโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ +เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '8'}]",ต้องปิดหมายในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ 1. ที่อยู่ 2. สำนักงานของบุคคลนั้น 3. บ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย +เมื่อต้องการคำนวณเงินตราต่างประเทศให้เป็นเงินตราไทย สามารถอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสถานบันทางการเงิน ณ วันนั้นๆได้หรือไม่,"ไม่ได้ ยกเว้นมีบทบัญญัติทางกฎหมาย + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 9 เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นถ้าจำเป็นต้องคำนวนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อปฏิบัติการตามลักษณะนี้ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกระทรวงการคลังประกาศเป็นคราว ๆ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '9'}]",ไม่ได้ ยกเว้นมีบทบัญญัติทางกฎหมาย +วันใดที่ใช้ในการนำมาตีราคาทรีัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้เป็นตัวเงิน,"วันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 9 ทวิ เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นถ้าจะต้องตีราคาทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นเงินให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '9 ทวิ'}]",วันที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น +เมือเจ้าพนักงานที่ตามหน้าที่ราชการนนั้น ได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากร หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าพนักงานต้องปฏิบัติตนเช่นใด,"ไม่นำข้อมูลที่ล่วงรู้แจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 10 เจ้าพนักงานผู้ใดโดยหน้าที่ราชการตามลักษณะนี้ ได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากร หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '10'}]",ไม่นำข้อมูลที่ล่วงรู้แจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย +ชื่อผู้สอบบัญชี และพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี เป็นข้อมูลที่อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยหรือไม่,"ถึงแม้ว่าชื่อผู้สอบบัญชี จะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่ตามบทบัญญัติของประมวลรัษฎากร อธิบดีมีอำนาจในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว รวมถึงพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 10 ทวิ เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยรายละเอียด ดังต่อไปนี้ +(1) ชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเพิ่มเติมของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้น +(2) ชื่อผู้เสียภาษีอากรและจำนวนภาษีอากรที่เสีย +(3) ชื่อผู้สอบบัญชี และพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชีตามมาตรา 3 สัตต +ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '10 ทวิ'}]","ใช่, อธิบดีมีอำนาจในการเปิดเผยชื่อผู้สอบบัญชีและพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชีเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร." +การเสียภาษีอากรนั้นจะถือว่าสมบูรณ์เมื่อใด,"เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 11 เว้นแต่จะมีบทบัญญัติหรืออธิบดีจะสั่งเป็นอย่างอื่น ให้นำเงินภาษีอากรไปเสีย ณ ที่ว่าการอำเภอ และการเสียภาษีอากรนั้นให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '11'}]",เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งนายอำเภอได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว +ในกรณีที่ผู้เสียอากรต้องการขอใบแทนใบเสร็จจากที่เจ้าหน้าที่พนักงานได้เคยออกไปให้แก่ผู้เสียอากรแล้ว ผู้เสียอากรต้องชำระค่าธรรมเนีมเท่าใด,"ฉบับละ 50 สตางค์ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 11 ทวิ ถ้าผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบแทนใบเสร็จที่เจ้าพนักงานได้ออกให้ไปแล้ว ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 50 สตางค์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '11 ทวิ'}]",ฉบับละ 50 สตางค์ +เงินที่ได้จากการอายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดนั้นมีวิธีการดำเนินการอย่างไร,"เงินที่ไ้ดจากการขายทอดตลาด ให้หักค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาดรวมทั้งเงินภาษีอากรคงค้าง แต่ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์ไป + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียหรือนำส่ง ให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง +เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้าง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้ +ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอมีอำนาจเช่นเดียวกับอธิบดีตามวรรคสอง ภายในเขตท้องที่จังหวัดหรืออำเภอนั้น แต่สำหรับนายอำเภอนั้น จะใช้อำนาจสั่งขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด +วิธีการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม ส่วนวิธีการอายัดให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี +เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ให้หักค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาดและเงินภาษีอากรค้าง ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์สิน +ผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรตามวรรคสอง ให้หมายความรวมถึงผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12'}]",เงินที่ได้จากการขายทอดตลาด ให้หักค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาดรวมทั้งเงินภาษีอากรคงค้าง แต่ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์ไป +เมื่อมีคำสั่งหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ที่มีภาษีอากรค้าง ผู้ต้องรับผิดสามารถโอนทรัพย์สินดังกล่าวไปให้บุคคลภายนอกหรือไม่,"ไม่สามารถโอนได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ทวิ เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้วห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดัง��ล่าว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12 ทวิ'}]",ไม่สามารถโอนได้ +หากได้รับหมายเรียกให้ชำระภาษีอากรคงค้างจะต้องชำระภายในกี่วันหลังได้หมาย,"ไม่ได้มีกำหนด แต่ ต้องให้เวลาผู้รับหมายอย่างน้อย 7 วันนับแต่ได้รับหมาย ในการดำเนินการชำระ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ตรี เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 12 ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 12 หรือสรรพากรจังหวัดมีอำนาจ +(1) ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้าง และบุคคลใด ๆ ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ +(2) สั่งบุคคลดังกล่าวใน (1) ให้นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาตรวจสอบ +(3) ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าวใน (1) +การดำเนินการตาม (1) หรือ (2) ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียกหรือคำสั่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '12 ตรี'}]",ต้องให้เวลาผู้รับหมายอย่างน้อย 7 วันนับแต่ได้รับหมาย +ในกรณีใดที่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ราชการ และเป็นผู้ที่รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากร หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลที่ทราบไม่แจ้งแก่บุคคลภายนอก จะไม่มีความผิดตามประมวลรัษฎากร,"เมื่อเจ้าพนักงานดังกล่าวมีอำนาจโดยชอบที่ให้ไว้โดยบทบัญญัติของกฎหมาย + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 เจ้าพนักงานผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 10 มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 10 เจ้าพนักงานผู้ใดโดยหน้าที่ราชการตามลักษณะนี้ ได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากร หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13'}]",เมื่อเจ้าพนักงานดังกล่าวมีอำนาจโดยชอบที่ให้ไว้โดยบทบัญญัติของกฎหมาย +บุคคลใดเป็นผู้แต่งตั้งเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ และบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องเป็นผู้ใด,"คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุกา���และผู้ช่วยเลขานุการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 ทวิ ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวนสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ +ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 ทวิ'}]",คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ +หากกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรหมดวาระแล้วนั้น สามารถได้รับเลือกให้เป็นกรรมการอีกครั้งได้หรือไม่,"เมื่อกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้ดำรงตำแหน่งจดหมดวาระแล้วนั้น สามารถได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรอีกครั้งได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 ตรี ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 13 ทวิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 ตรี'}]",สามารถได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรอีกครั้งได้ +เมื่อตำแหน่งกรรมการได้ว่างลงก่อนครบวาระจะต้องทำอย่างไร,"ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน ซึ่งการแต่งตั้งใหม่นี้ บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 จัตวา +ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน +กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสอง อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 จัตวา'}]",ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน ซึ่งการแต่งตั้งใหม่นี้ บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน +หากประธานในที่ประชุมไม่อยู่ในที่ประชุมจะต้องทำอย่างไร,"ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 เบญจ การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษ���อากรต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 เบญจ'}]",ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม +เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงกรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร หรือไม่,"รวมกรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 ฉ ให้กรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา  + +ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (16) “เจ้าพนักงาน” หมายความว่า บุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้าพนักงาน หรือได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 ฉ'}]",รวมกรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา +คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีผลอย่างไร,"คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเกี่ยวกับเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็นให้ถือเป็นที่สุด และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยในภายหลัง คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงนั้นมิให้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง เว้นในกรณีที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ก็ให้เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามคำพิพากษาในส่วนที่เป็นโทษย้อนหลังได้เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 สัตต คณะกรรมการตามมาตรา 13 ทวิ มีอำนาจ +(1) กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ +(2) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินภาษีอากร +(3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น +(4) ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร +การกำหนดตาม (1) และ (2) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้เจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม +คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรตาม (3) ให้เป็นที่สุดและในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย���นภายหลัง คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงนั้นมิให้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง เว้นในกรณีที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ก็ให้เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามคำพิพากษาในส่วนที่เป็นโทษย้อนหลังได้เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 สัตต'}]",คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็นให้ถือเป็นที่สุด และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยในภายหลัง คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงนั้นมิให้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง เว้นในกรณีที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ก็ให้เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามคำพิพากษาในส่วนที่เป็นโทษย้อนหลังได้เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น. +หากกรรมการซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง ต้องการลงมติเรื่องใดเรื่องหนึ่งสามารถทำได้หรือไม่,"สามารถทำได้หากไม่ได้มีส่วนได้เสียในยเรื่องดังกล่าว อันเป็นปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 อัฏฐ กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใดที่ต้องวินิจฉัยตามมาตรา 13 สัตต (3) จะเข้าร่วมประชุมหรือลงมติในเรื่องนั้นมิได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '13 อัฏฐ'}]",สามารถทำได้หากไม่ได้มีส่วนได้เสียในยเรื่องดังกล่าว +จำนวนเงินใดที่ไม่ถือว่าเป็นภาษีอากรประเมิน,"ภาษีหรือจำนวนเงินที่ไม่ได้ระบุไว้ในประมวลรัษฎากรว่าเป็นภาษีอากรประเมิน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 14 ภาษีอากรประเมิน คือที่มีระบุไว้ในหมวดนั้น ๆ ว่าเป็นภาษีอากรประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '14'}]",ภาษีหรือจำนวนเงินที่ไม่ได้ระบุไว้ในประมวลรัษฎากรว่าเป็นภาษีอากรประเมิน +ภาษีอากรประเมินสามารถนำบทบัญญัติใดมาบังคับใช้,"ให้นำบทบัญญัติของภาษีอากรประเมินในหมวดที่ 1 แห่งประมวลรัษฎากรมาบังงคับใช้โดยอนุโลม ยกเว้นมีการบัญญัติเป็นการเฉพาะเจาะจง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 15 เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในหมวดต่าง ๆ แห่งลักษณะนี้ ให้ใช้บทบัญญัติในหมวดนี้บังคับแก่การภาษีอากรประเมินทุกประเภท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '15'}]",ให้นำบทบัญญัติของภาษีอากรประเมินในหมวดที่ 1 แห่งประมวลรัษฎากรมาบังคับใช้โดยอนุโลม ยกเว้นมีการบัญญัติเป็นการเฉพาะเจาะจง +เจ้าพนักงานประเมิน สามารถเป็นนิติบุคคลซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งได้หรือไม่,"ไม่ได้ ต้องเป็นบุคคลหรือคณะบุคคลเท่านั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 16 “เจ้าพนักงานประเมิน” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '16'}]",ไม่ได้ ต้องเป็นบุคคลหรือคณะบุคคลเท่านั้น +อธิบดีสามารถสั่งผู้ต้องเสียภาษีอากรให้มีสมุดบัญชีพิเศษได้หรือไม่ และต้องมีข้อความใดปรากฎ,"สามารถออกคำสั่งได้เพื่อให้สะดวกแก่การคำนวณเงินภาษีอากรที่ต้องชำระ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 17 การยื่นรายการ ให้ยื่นภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหมวดว่าด้วยภาษีอากรต่าง ๆ และตามแบบแสดงรายการที่อธิบดีกำหนด ถ้าอธิบดีต้องการรายงานประจำปี หรือบัญชีงบดุล หรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการใด ก็ให้สั่งเรียกได้ กับให้อธิบดีมีอำนาจสั่งผู้ต้องเสียภาษีอากรให้มีสมุดบัญชีพิเศษ และให้กรอกข้อความที่ต้องการลงในสมุดบัญชีนั้นได้ เพื่อสะดวกแก่การคำนวณเงินภาษีอากรที่ต้องเสียตามลักษณะนี้ เมื่ออธิบดีมีคำสั่งตามที่ว่ามานี้ ผู้ยื่นรายการหรือผู้ต้องเสียภาษีอากรต้องปฏิบัติตาม เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร (1) ให้อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งบุคคลเป็นการทั่วไปให้มีบัญชีพิเศษ และให้กรอกข้อความที่ต้องการลงในบัญชีนั้น คำสั่งเช่นว่านี้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (2) ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ผู้ยื่นรายการหรือผู้ต้องเสียภาษีอากรจัดทำบัญชีงบดุล หรือบัญชีอื่น ๆ แสดงรายการหรือแจ้งข้อความใด ๆ และยื่นต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับการยื่นรายการตามแบบแสดงรายการที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '17'}]",สามารถออกคำสั่งได้เพื่อให้สะดวกแก่การคำนวณเงินภาษีอากรที่ต้องชำระ +เมื่อได้รับรายการที่ยื่นเพื่อเสียภาษีอากรเรียบร้อยร้อยต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป,"ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินตามที่กำหนดไว้ในหมวดภาษีอากรนั้น ๆ และเมื่อได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 18 รายการที่ยื่นเพื่อเสียภาษีอากรนั้น ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินตามที่กำหนดไว้ในหมวดภาษีอากรนั้น ๆ และเมื่อได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18'}]",ให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินตามที่กำหนดไว้ในหมวดภาษีอากรนั้น ๆ และเมื่อได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร +หากพนักงานประเมินอาษีอากรได้แจ้งจำนวนภาษีที่ต้องเสียมาแล้ว ทางผู้เสียภาษีจะต้องไปชำระภายในกี่วัน,"ต้องชำระภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 18 ทวิ ในกรณีจำเป็นเพื่อรักษาผลประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะประเมินเรียกเก็บภาษีจากผู้ต้องเสียภาษีก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการได้ เมื่อได้ประเมินแล้วให้แจ้งจำนวนภาษีที่ต้องเสียไปยังผู้ต้องเสียและให้ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18 ทวิ'}]",ต้องชำระภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน +เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำการประเมินภาษีใหม่ บุคคลผู้มีหน้าที่เสัยภาษี ต้องชำระสิ่งใดบ้าง,"ชำระภาษีนั้น พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 18 ตรี ภายใต้บังคับมาตรา 18 ทวิ ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษี บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีนั้น พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '18 ตรี'}]",ชำระภาษีนั้น พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม +เมื่อเจ้าพนักงานทราบถึงความไม่ปกติของแบบที่ยื่นนั้นจะต้องออกหมายเรียกภายในระยะเวลาเท่าใด,"ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่เจ้าพนักงานทราบถึงความไม่ปกตินั้นหรือเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไป ยกเว้นในกรณีที่ปรากฏหลักฐานหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่าสองปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น กรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวน และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันส่งหมาย ทั้งนี้ การออกหมายเรียกดังกล่าวจะต้องกระทำภายในเวลาสองปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการไม่ว่าการยื่นรายการนั้นจะได้กระทำภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ ทั้งนี้ แล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง เว้นแต่ กรณีปรากฏหลักฐานหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่าสองปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ แต่กรณีขยายเวลาเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากรให้ขยายได้ไม่เกินกำหนดเวลาตามที่มีสิทธิขอคืนภาษีอากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '19'}]",ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่เจ้าพนักงานทราบถึงความไม่ปกตินั้น +ในกรณีที่ผู้เสียอากรไม่เห็นด้วยกับอัตราการชำระภาษีอการที่ได้รับการแก้ไขและแจ้งจากเจ้าพนักงานประเมิน ผู้เสียอากรจะต้องดำเนินการอย่างไร,"อุทธรณ์การประเมิน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 20 เมื่อได้จัดการตามมาตรา 19และทราบข้อความแล้ว เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏและแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระอีกไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '20'}]",อุทธรณ์การประเมิน +ในกรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 19 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินเงินภาษีอากรใหม่หรือไม่,"เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 21 ถ้าผู้ต้องเสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 19 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้องและแจ้งจำนวนเงินซึ่งต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '21'}]",เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง +ในกรณีที่ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏและแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระอีกไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ตามมาตรา 20 ผู้ต้องภาษีต้องชำระค่าปรับเป็นจำนวนเงินเท่าใด,"ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระอีก + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 22 ในการประเมินตามมาตรา 20 หรือมาตรา 21 ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระอีก","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '22'}]",ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระอีก +เมื่อผู้ต้องเสียภาษีไม่ส่งรายการให้เจ้าพักงานประเมิน เจ้าพนักงานประเมินจะต้องปฏิบัติอย่างไร,"เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกตัวผู้นั้นมาไต่สวนและออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ที่ไม่ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชีหรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 23 ผู้ใดไม่ยื่นรายการให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี มีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้นั้นมาไต่สวนและออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ที่ไม่ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชีหรือ���ยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันส่งหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '23'}]",เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกตัวผู้นั้นมาไต่สวนและออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ที่ไม่ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชีหรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดง +ในกรณีที่เจ้าพนักงานได้ประเมินเงินภาษีอากรใหม่และแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ต้องทำการชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ภายหลังที่ออกหมายเรียกตัวผู้นั้นมาไต่สวนและออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ที่ไม่ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชีหรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดง ผู้ต้องเสียภาษีอากรสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่,"สามารถอุทธรณ์ได้ + + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 24 เมื่อได้จัดการตามมาตรา 23 และทราบข้อความแล้ว อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี มีอำนาจประเมินเงินภาษีอากร และแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '24'}]",สามารถอุทธรณ์ได้ +ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมิน ออกหมายเรียกตัวผู้ต้องเสียภาษีมาไต่ส่วน แต่บุคคลดังกล่าวไม่มาแสดงตัวเพื่อตอบคำถามโดยไม่มีเหตุผลอันควร เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ดำเนินการประเมินภาษีอากรใหม่และแจ้งไปยังผู้ต้องเสียภาษีแล้ว ผู้ต้องเสียภาษีมีสิทธิอุทธรณ์หรือไม่,"ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 25 ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 23 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนภาษีอากรไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '25'}]",ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ +ในกรณีใดที่ผู้ต้องเสียภาษีต้องชำระค่าเบี้ยปรับเป็นสองเท่าของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ,"เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ดำเนินการประเมินภาษีอากรใหม่และแจ้งไปยังผู้ต้องเสียภาษี ในกรณีที่ผ���้ต้องเสียภาษีไม่ยื่นรายการให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 26 เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในลักษณะนี้ ในการประเมินตามมาตรา 24 หรือมาตรา 25 ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 25 ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 23 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนภาษีอากรไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 24 เมื่อได้จัดการตามมาตรา 23 และทราบข้อความแล้ว อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี มีอำนาจประเมินเงินภาษีอากร และแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '26'}]",เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ดำเนินการประเมินภาษีอากรใหม่และแจ้งไปยังผู้ต้องเสียภาษี ในกรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีไม่ยื่นรายการให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน +ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษี และมีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น อัตราเงินเพิ่มที่ต้องชำระจะเป็นเท่าใด,"เงินเพิ่มที่ต้องชำระ จากร้อยละ 1.5 ให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 บุคคลใดไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในหมวดต่าง ๆ แห่งลักษณะนี้เกี่ยวกับภาษีอากรประเมิน ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ +ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีและได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27'}]",เงินเพิ่มที่ต้องชำระ จากร้อยละ 1.5 ให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 +เบี้ยปรับจากการที่ผู้เสียภาษีไม่ปฏิบั��ิตามคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินถือว่าเป็นเงินภาษีหรือไม่,"เป็นเงินภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 ทวิ เบี้ยปรับตามมาตรา 22 และมาตรา 26 และเงินเพิ่มตามมาตรา 27 ให้ถือเป็นเงินภาษี +เบี้ยปรับตามวรรคหนึ่ง อาจงดหรือลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ระเบียบดังกล่าวนี้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27 ทวิ'}]",เป็นเงินภาษี +ผู้มีสิทธิยื่นขอคืนภาษีจะต้องยื่นคำร้องขอคืนที่ไหน,"ผู้มีสิทธิยื่นขอคืนภาษีจะต้องยื่นขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอในท้องที่ที่ผู้มีสิทธิขอคืนมีภูมิลำเนา หรือ ณสถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 ตรี เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น การขอคืนภาษีอากรและภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสียให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ +(1) ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนได้ยื่นรายการ เมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือได้ยื่นรายการภายในเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไป ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ +(2) ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนอุทธรณ์การประเมินตามหมวดนี้ หรือเป็นคดีในศาล ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินเป็นหนังสือหรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +คำร้องขอคืนตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่ผู้มีสิทธิขอคืนมีภูมิลำเนาหรือ ณ สถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27 ตรี'}]",ผู้มีสิทธิยื่นขอคืนภาษีจะต้องยื่นขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอในท้องที่ที่ผู้มีสิทธิขอคืนมีภูมิลำเนา หรือ ณสถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด +เจ้าพนักงานประเมินสามารถส่งหนังสือถึงแก่ผู้ใด เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการคืนภาษีอากร,"ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 จัตวา เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '27 จัตวา'}]",ผู้มีสิทธิขอคืน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร +บุคคลใดเป็นผู้กำหนดรูปแบบและข้อกำหนดในการอุทธรณืตามประมวลรัษฎากร,"อธิบดี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 28 การอุทธรณ์นั้น ให้อุทธรณ์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '28'}]",อธิบดี +การอุทธรณ์การประเมินภาษีอากร สามารถอุทธรณ์ต่อใครได้บ้าง,"เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือข้าหลวงประจำจังหวัด แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 29 ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอมีหน้าที่ประเมิน ให้อุทธรณ์ได้ตามเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ +(1) ให้อุทธรณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน +(2) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามความในมาตรา 21 หรือมาตรา 25 ให้อุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือรับแจ้งการประเมินตามความในมาตรา 18 ทวิ มาตรา 20 หรือ มาตรา 24 +(3) เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 33 ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '29'}]",เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือข้าหลวงประจำจังหวัด แล้วแต่กรณี +ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมินต้องอุทธรณ์จะต้องอุทธรณ์อย่างไร,"1. ในการห้ามอุทธรณ์ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินสงสัยว่าผู้แสดงรายการยื่นแบบไม่ถูกต้องตามคตวามจริงหรือไม่สมบูรณ์ และผู้ต้องเสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติ��ามหมายหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ยอมตอบคำถามโดยไม่มีเหตุอันควร และผู้ที่ไม่ยื่นรายการให้อำเภอหรือเจ้าพนักงานประเมิน และมีหมายเรียกตัวแต่ผู้เสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่ง +1.1. ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรีให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยอธิบดีหรือผู้แทนผู้แทนกรมอัยการและผู้แทนกรมมหาดไทย +1.2 ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนสรรพากรเขตหรือผู้แทนและอัยการจังหวัดหรือผู้แทน +2. ในกรณีห้ามอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอมีหน้าที่ประเมินและที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมิน ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม 1.1 จะมีหลายคณะก็ได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมินให้อุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินโดยให้อุทธรณ์ตามเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้ +(1)เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 21 หรือ มาตรา 25 +(ก)ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรีให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยอธิบดีหรือผู้แทนผู้แทนกรมอัยการและผู้แทนกรมมหาดไทย +(ข)ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนสรรพากรเขตหรือผู้แทนและอัยการจังหวัดหรือผู้แทน +(2)เว้นแต่ในกรณีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 33 ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ +คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม (ก) จะมีหลายคณะก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '30'}]",ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำ��ภอไม่มีหน้าที่ประเมิน ต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน โดยอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามเขตที่เจ้าพนักงานประเมินมีสำนักงานอยู่ +ถ้ามีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ออกมาว่าให้เสียภาษีอากรเพิ่มจากเดิม จะต้องชำระภายในกี่วัน,"ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ออกมาให้ชำระเพิ่ม ผู้อุทธรณ์จะต้องำระภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ไ้ดรับแจ้งคำวินิจฉัยคำอุทธรณ์ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 31 การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร ถ้าไม่เสียภาษีอากรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ถือเป็นภาษีอากรค้างตามมาตรา 12 เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น ผู้อุทธรณ์จะต้องชำระภายในกำหนดเวลาเช่นเดียวกับวรรคก่อน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '31'}]",สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยคำอุทธรณ์ +การอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอมีหน้าที่ประเมิน กับที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมินนั้น ผู้ที่มีอำนาจในการออกหมายเรียก จะต้องเรียกมาไต่สวนภายในกี่วัน,"ไม่ได้มีกำหนดเวลาไว้ เพียงแต่จะต้องให้เวลาผู้ถูกเรียกไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่ส่งหมาย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 32 เพื่อการวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา 29 หรือมาตรา 30 เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี มีอำนาจออกหมายเรียกผู้อุทธรณ์มาไต่สวนออกหมายเรียกพยาน กับสั่งให้ผู้อุทธรณ์หรือพยานนั้นนำสมุดบัญชี หรือพยานหลักฐานอย่างอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันส่งหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '32'}]",ไม่ได้มีกำหนดเวลาไว้ เพียงแต่จะต้องให้เวลาผู้ถูกเรียกไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่ส่งหมาย +ผู้อุทธรณ์ที่ไม่ยอมมาไต่สวนหลักจากได้รับหมายเรียก สามารถอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจาก���้อกฎหมายกำหนดไว้ว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกในการเรียกพยานหรือคำสั่งในการที่ให้ผู้อุทธรณ์นำหลักฐานมาแสดง ผู้นั้นจะหมดสิทธิในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 33 ผู้อุทธรณ์คนใดไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งตามมาตรา 32 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '33'}]",ไม่ได้ +คำวินิจฉัยอุทธรณ์สามารถไปรับได้เองหรือไม่,"ไม่ต้องไปรับเอง เนื่องจากผู้ที่มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์จะต้องส่งคำวินิจฉัยคำอุทธรณ์ที่เป็นหนังสือไปยังผู้อุทธรณ์ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 34 คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 29 หรือมาตรา 30 ให้ทำเป็นหนังสือและให้ส่งไปยังผู้อุทธรณ์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '34'}]",ไม่ต้องไปรับเอง เนื่องจากผู้ที่มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์จะต้องส่งคำวินิจฉัยคำอุทธรณ์ที่เป็นหนังสือไปยังผู้อุทธรณ์ +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจำเป็นที่จะต้องยื่นรายการที่ใช้ในการคำนวณภาษี เกินกว่า 150 วันมีความผิดหรือไม่,"มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท เว้นแต่เป็นเหตุสุดวิสัย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 35 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 17 มาตรา 50 ทวิ มาตรา 51 หรือมาตรา 69 เว้นแต่จะแสดงว่าได้มีเหตุสุดวิสัย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '35'}]",มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท เว้นแต่เป็นเหตุสุดวิสัย +ถ้าบริษัทเป็นผู้สั่งให้ทำลาย หรือโอนย้ายทรัพย์สินที่ถูกยึดผู้ที่โอนย้ายจะมีความผิดหรือไม่,"ไม่มีความผิด หากผู้ที่โอนย้ายนั้นไม่ใช่ผู้ที่สั่งการ เพราะผู้ที่ต้องรับผิดของนิติบุคคล คือผู้ที่สั่งการหรือเป็นการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินงาน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 35 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 12 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท +ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดก��ร หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '35 ทวิ'}]",ไม่มีความผิด หากผู้ที่โอนย้ายนั้นไม่ใช่ผู้ที่สั่งการ เพราะผู้ที่ต้องรับผิดของนิติบุคคล คือผู้ที่สั่งการหรือเป็นการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินงาน +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มี่ความสัมพันธ์กันในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีจำเป็นต้องยื่นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันหรือไม่,"ต้องยื่น เพราะหากไม่ยื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 35 ตรี ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 71 ตรี หรือยื่นรายงาน หรือเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา 71 ตรี โดยแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '35 ตรี'}]",ต้องยื่น เพราะหากไม่ยื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท +หากผู้ที่ถูกหมายเรียกให้นำพยานหลักฐานมาแสดงแต่ลืมนำมามีโทษหรือไม่,"ไม่มี เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ได้จงใจไม่ปฏิบัติตาม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 36 ผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือสรรพากรจังหวัด เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกรรมการ ที่ออกตามมาตรา 12 ตรี มาตรา 19 มาตรา 23 หรือ มาตรา 32 หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '36'}]",ไม่มี เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ได้จงใจไม่ปฏิบัติตาม +การจงใจเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยใช้อุบายมีความผิดอย่างไร,"มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท + +คำ���ธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท +(1) โดยเจตนาแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จหรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือเพื่อขอคืนภาษีอากรตามลักษณะนี้ +(2) โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือขอคืนภาษีอากรตามลักษณะนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '37'}]",มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท +การไม่ยื่นรายการภาษีมีความผิดหรือไม่,"หากเจตนาไม่ยื่น จะถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ตรี บุคคลใดที่เจตนาไม่ยื่นรายการตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรจะต้องรับโทษอย่างไร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '37 ทวิ'}]",หากเจตนาไม่ยื่น จะถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ +การกระทำในลักษณะที่เป็นการใช้ความเท็จเพื่อเลี่ยงภาษีหรือขอคืนภาษีให้มากขึ้น ในลักษณะที่เป้นเครือข่ายต้องมีมูลค่าเท่าไหร่ จึงจะถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน,"การที่ผู้เสียภาษีหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ตั้งแต่สิบล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และการขอคืนภาษีอากรที่เสียไปโดยความเท็จเพื่อให้ได้รับมากขึ้น ตั้งแต่สองล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป จะต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ตรี ความผิดตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ หรือมาตรา 90/4 ที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากร และเป็นความผิดที่เกี่ยวกับจำนวนภาษีอากรที่หลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงตั้งแต่สิบล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป หรือจำนวนภาษีอากรที่ขอคืนโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ตั้งแต่สองล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรดังกล่าวได้กระทำในลักษณะที่เป็นกระบวนการหรือเป็นเครือข่าย โดยสร้างธุรกรรมอันเป็นเท็จหรือปกปิดเงินได้พึงประเมินหรือรายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษีอากร และมีพฤติกรรมปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อมิให้ติดตามทรัพย์สินนั้นได้ ให้ถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่ออธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองความผิดทางภาษีอากรที่เข้าข่ายความผิดมูลฐานส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป +คณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วยอธิบดี รองอธิบดี และที่ปรึกษากรมสรรพากรทุกคน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '37 ตรี'}]",การที่ผู้เสียภาษีหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ตั้งแต่สิบล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และการขอคืนภาษีอากรที่เสียไปโดยความเท็จเพื่อให้ได้รับมากขึ้น ตั้งแต่สองล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป +ภาษีเงินได้อยู่ในภาษีอากรประเมินหรือไม่,"อยู่ในภาษีอากรประเมิน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 38 ภาษีเงินได้นี้อยู่ในประเภทภาษีอากรประเมิน และให้เจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินเกี่ยวกับภาษีในหมวดนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '38'}]",อยู่ในภาษีอากรประเมิน +เงินได้พึงประเมิน หมายความว่าอะไร,"เงินได้ที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษี โดยให้หมายความรวมถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้ และเครดิตภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ในหมวดนี้เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น +“เงินได้พึงประเมิน” หมายความว่า เงินได้อันเข้าลักษณะพึงเสียภาษีในหมวดนี้ เงินได้ที่กล่าวนี้ให้หมายความรวมตลอดถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ตามมาตรา 40 และเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ ด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '39'}]",เงินได้ที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษี โดยให้หมายความรวมถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้ และเครดิตภาษี +เงินที่ไ้ด้จากการรับเหมาก่อสร้างถือว่าเป็นเงินได้ตามข้อใด,"เงินได้ที่ได้จากการรับเหมาก่อสร้าง จะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินในข้อ 7 คือ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 เงินได้พึงประเมินคือเงินได้ประเภทดังต่อไปนี้ +(7) เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '40'}]",เงินได้ที่ได้จากการรับเหมาก่อสร้าง จะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินในข้อ 7 คือ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ +ในกรณีใดที่การส่งสินค้าออกต่างประเทศไม่ถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน,"(1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ +(2) เป็นของผ่านแดน +(3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร +(4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ทวิ ผู้ใดส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา ตัวการ ตัวแทน นายจ้างหรือลูกจ้างให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไป เป็นเงินได้พึงประเมินในปีที่ส่งไปนั้น +ความในวรรคก่อนมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สินค้านั้น +(1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ +(2) เป็นของผ่านแดน +(3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร +(4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในรา���อาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '40 ทวิ'}]","(1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ +(2) เป็นของผ่านแดน +(3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร +(4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร" +บุคคลใดที่อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลารวมกัน จะต้องไม่เกินกี่วันถึงจะภือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย,"180 วัน ต่อปีภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 41 ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ ไม่ว่าเงินได้นั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ +ผู้อยู่ในประเทศไทยมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศหรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเงินได้ตามบทบัญญัติในส่วนนี้เมื่อนำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย +ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีปีใดให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '41'}]",180 วัน +ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ตะค้องเสียภาษีหรือไม่,"ต้องเสียภาษี เนื่องจากถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 41 ทวิ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 41 ทวิ ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้ถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ และต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '41 ทวิ'}]",ต้องเสียภาษี +เงินที่ได้จากบิดามารดาต้องนำมายื่นภาษีหรือไม่,"ไม่ต้องยื่นหากได้เงินนั้นไม่เกิน ยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินต่อไปนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ +(27)เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '42'}]",ไม่ต้องยื่นหากได้เงินนั้นไม่เกิน ยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษี +ในกรณีที่สามีและภริยามีเงินเดือนทั้งคู่จะสามารถหักค่าใช้จ่ายเหมาได้หรือไม่,"หากสามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้เป็นเงินเดือนจากการจ้างแรงงาน และยังคงเป็นสามีภริยาตลอดปีภาษี สามารถหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 ทวิ เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (1) และ (2) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '42 ทวิ'}]",สามารถหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ +เงินได้มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรมนิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล สามารถหักค่าใช่จ่ายตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนดได้หรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากประมวลรัษฎากร มาตรา 42 ตรี กำหนดให้นำมาบังคับใช้เฉพาะค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 ตรี เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (3) เฉพาะที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '42 ตรี'}]",ไม่ได้ +เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อแสตมป์ไปรษณียากรของรัฐบาล สามารถหักค่าใช้จ่าย โดยอ้างอิงจากอะไร,"หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 ตรี เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (3) เฉพาะที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (6) เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์ หรือแสตมป์ไปรษณียากรของรัฐบาล","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '44'}]",หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +ในกรณีที่เป็นเงินได้เกี่ยวกับการรับเหมา การหักค่าใช้จ่ายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใด,"ต้องหักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 45 เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (7) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '45'}]",ต้องหักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา +รายได้ของนักแสดงสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้หรือไม่,"รายได้ของนักแสดงถือว่าเป็นรายได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ข้อ 8 จึงสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 46 เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา40 (8) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '46'}]",รายได้ของนักแสดงถือว่าเป็นรายได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ข้อ 8 จึงสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ +ในกรณีที่ผู้มีเงินได้มีบุตรทั้งบุตรชอบด้วยกฎหมายและบุตรบุญธรรม ตามระเบียบการหักลดหย่อนภาษี ให้ผู้มีเงินได้ปฏิบัติอย่างไรในการหักลดหย่อนสำหรับบุตร,"การหักลดหย่อนสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องหักก่อน จากนั้นจึงหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรม ซึ่งรวมกันจะต้องไม่เกินสามคน โดยหากจำนวนบุตรชอบด้วยกฎหมายมีจำนวนตั้งแต่สามคนขึ้นไป จะไม่สามารถหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรมได้ แต่หากมีจำนวนไม่ถึงสามคน จะสามารถหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรมได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และจะหักลดหย่อบได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีและยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา หรือซึ่งเป็นผู้เยาว์ หรือศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถที่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู แต่ไม่ให้หักลดหย่อนสำหรับบุตรดังกล่าวที่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 47 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 เมื่อได้หักตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แล้ว เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษี ให้หักลดหย่อนได้อีกดังต่อไปนี้ +(1) ลดหย่อนให้สำหรับ +(ก) ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท +(ข) สามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ 60,000 บาท +(ค) บุตร +(1) บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ หรือบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ คนละ 30,000 บาท และสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่คนที่สองเป็นต้นไปที่เกิดในหรือหลังปี พ.ศ. 2561 ให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกคนละ 30,000 บาท โดยในการนับลำดับบุตร ให้นับลำดับของบุตรทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม +(2) บุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ คนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกินสามคน +ในกรณีผู้มีเงินได้มีบุตรทั้ง (1) และ (2) การหักลดหย่อนสำหรับบุตร ให้นำบุตรตาม (1) ทั้งหมดมาหักก่อน แล้วจึงนำบุตรตาม (2) มาหัก เว้นแต่ในกรณีผู้มีเงินได้มีบุตรตาม (1) ที่มีชีวิตอยู่รวมเป็นจำนวนตั้งแต่สามคนขึ้นไป จะนำบุตรตาม (2) มาหักไม่ได้ แต่ถ้าบุตรตาม (1) มีจำนวนไม่ถึงสามคน ให้นำบุตรตาม (2) มาหักได้ โดยเมื่อรวมกับบุตรตาม (1) แล้วต้องไม่เกินสามคน +การนับจำนวนบุตร ให้นับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่ตามลำดับอายุสูงสุดของบุตร โดยให้นับรวมทั้งบุตรที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการหักลดหย่อนด้วย +การหักลดหย่อนสำหรับบุตร ให้หักได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีและยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา หรือซึ่งเป็นผู้เยาว์ หรือศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถอันอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู แต่มิให้หักลดหย่อนสำหรับบุตรดังกล่าวที่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป โดยเงินได้พึงประเมินนั้นไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 42","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '47'}]","การหักลดหย่อนสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องหักก่อน จากนั้นจึงหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรม ซึ่งรวมกันจะต้องไม่เกินสามคน โดยหากจำนวนบุตรชอบด้วยกฎหมายมีจำนวนตั้งแต่สามคนขึ้นไป จะไม่สามารถหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรมได้ แต่หากมีจำนวนไม่ถึงสามคน จะสามารถหักลดหย่อนสำหรับบุตรบุญธรรมได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และจะหักลดหย่อบได้เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีและยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา หรือซึ่งเป็นผู้เยาว์ หรือศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถที่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู แต่ไม่ให้หักลดหย่อนสำหรับบุตรดังกล่าวที่มีเงิ���ได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป." +ถ้าผู้มีเงินได้ได้รับเครดิตภาษีที่คำนวณจากเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร แต่เครดิตภาษีที่คำนวณได้มีจำนวนเกินกว่าที่ผู้มีเงินได้พึงได้รับ ผู้จ่ายเงินและผู้มีเงินได้จะต้องปฏิบัติอย่างไร,"หากเครดิตภาษีที่คำนวณได้มีจำนวนเกินกว่าที่ผู้มีเงินได้พึงได้รับ ผู้จ่ายเงินและผู้มีเงินได้ต้องรับผิดร่วมกันในจำนวนเงินที่ได้รับคืนเกินไปหรือที่ชำระไว้ไม่ครบ ถ้าผู้จ่ายเงินได้หรือผู้มีเงินได้ไม่ชำระเงินดังกล่าวภายในเจ็ดวันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าพนักงานประเมิน ให้ถือว่าเงินจำนวนที่เรียกให้ชำระเป็นภาษีอากรค้าง + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 47 ทวิ ให้ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) ซึ่งได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้รับเครดิตในการคำนวณภาษี โดยให้นำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียหารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อยลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้นได้ผลลัพธ์เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้หลายอัตรา ผู้จ่ายเงินได้ต้องระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ชัดเจนว่าเงินได้ที่จ่ายนั้นจำนวนใดได้มาจากกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราใด +เครดิตภาษีที่คำนวณได้ตามความในวรรคหนึ่ง ให้นำมารวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใด ให้นำเครดิตภาษีที่คำนวณได้ดังกล่าวหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย ถ้ายังขาดหรือเหลือเท่าใด ให้ผู้มีเงินได้เสียภาษีสำหรับจำนวนที่ขาด หรือมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่เหลือนั้นคืน +ความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่ผู้มีเงินได้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย +ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้แสดงข้อความที่กำหนดให้ต้องระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามวรรคหนึ่งไม่ถูกต้องอันเป็นเหตุให้เครดิตภาษีที่คำนวณได้มีจำนวนเกินกว่าที่ผู้มีเงินได้พึงได้รับ ให้ผู้จ่ายเงินได้รับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับคืนเกินไปหรือที่ชำระไว้ไม่ครบ และถ้าผู้จ่ายเงินได้หรือผู้มีเงินได้ไม่ชำระเงินดังกล่าวภายในเจ็ดวันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าพนักงานประเมิน ให้ถือว่าเงินจำนวนที่เรียกให้ชำระเป็นภาษีอากรค้าง ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบพบว่า เครดิตภาษีที่คำนวณได้มีจำนวนน้อยกว่าที่ผู้มีเงินได้พึงได้รับให้แจ้งผู้มีเงินได้ทราบถึงสิทธิที่จะได้รับเงินที่เหลือนั้นคืนตามกฎหมาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '47 ทวิ'}]",ผู้จ่ายเงินและผู้มีเงินได้ต้องรับผิดร่วมกันในจำนวนเงินที่ได้รับคืนเกินไปหรือที่ชำระไว้ไม่ครบ ถ้าผู้จ่ายเงินได้หรือผู้มีเงินได้ไม่ชำระเงินดังกล่าวภายในเจ็ดวันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าพนักงานประเมิน ให้ถือว่าเงินจำนวนที่เรียกให้ชำระเป็นภาษีอากรค้าง +"ในกรณีที่ผู้มีเงินได้เลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15.0 สำหรับเงินได้เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่, เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ไ้ดจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงิน และ เงินโบนัสที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วน การเลือกเสียภาษีในอัตรานี้มีเงื่อนไขใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับประเภทของเงินได้และแหล่งที่มาของเงินได้","ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15.0 สำหรับเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ และ เงินส่วนแบ่งขิงกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้ในลักษณะเดียวกันจากการถือครองโทเคนดิจิตัล ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยพันธบัตรและเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร, ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน, และผลประโยชน์จากการโอนพันธบัตรหรือหุ้นกู้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นอกจากนี้ สำหรับเงินป���นผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10.0 โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (สำหรับเงินได้พึงประเมินที่หักตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 47 หรือมาตรา 57 เบญจแล้ว และ (ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป ให้เสียภาษีไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของยอดเงินได้พึงประเมิน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 48 เงินได้พึงประเมินต้องเสียภาษีเงินได้ดังต่อไปนี้ +(1) เงินได้พึงประเมินเมื่อได้หักตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 47 หรือมาตรา 57 เบญจ แล้ว เหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธิ ต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวดนี้ +(2) สำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป การคำนวณภาษีตาม (1) ให้เสียไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของยอดเงินได้พึงประเมิน +การนับจำนวนเงินได้พึงประเมินตาม (2) ไม่รวมถึงเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) +(3) ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (1) และ (2) ก็ได้ สำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ก) และ (ช) ดังต่อไปนี้ +(ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงินที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่ได้จากสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม +(ข) ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก +(ค) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนพันธบัตร หุ้นกู้ หรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว���าที่ลงทุน +ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยจะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10.0 ของเงินได้โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (1) และ (2) ก็ได้สำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) ที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '48'}]","ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15.0 สำหรับเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ และ เงินส่วนแบ่งขิงกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้ในลักษณะเดียวกันจากการถือครองโทเคนดิจิตัล ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยพันธบัตรและเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร, ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน, และผลประโยชน์จากการโอนพันธบัตรหรือหุ้นกู้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นอกจากนี้ สำหรับเงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10.0 โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (สำหรับเงินได้พึงประเมินที่หักตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 47 หรือมาตรา 57 เบญจแล้ว และ (ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป ให้เสียภาษีไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของยอดเงินได้พึงประเมิน." +เงินได้ประเภทใดที่องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใด หรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาลจะต้องชำระ,"เงินได้จากการขายสินค้า + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 48 ทวิ ให้องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใด หรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น +ภาษีที่เสียแทนตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '48 ทวิ'}]",เงินได้จากการขายสินค้า +ในกรณีที่ผู้มีเงินได้มิได้ยื่นรายการเงินได้ เจ้าพนักงานประเมินต้องดำเนินการอย่างไร,"กำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น โดย +1. ถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ +2. รายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ +3. พฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา +แล้วทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 49 ในกรณีที่ผู้มีเงินได้มิได้ยื่นรายการเงินได้หรือเจ้าพนักงานประเมินพิจารณาเห็นว่าผู้มีเงินได้ยื่นรายการเงินได้ต่ำกว่าจำนวนที่ควรต้องยื่นให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี มีอำนาจที่จะกำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น ทั้งนี้ โดยถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ หรือรายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ หรือพฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา แล้วทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติมาตรา 19 ถึงมาตรา26 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '49'}]",กำหนดจำนวนเงินได้สุทธิขึ้น โดย 1. ถือเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิหรือเข้ามาอยู่ในครอบครองของผู้มีเงินได้ 2. รายจ่ายของผู้มีเงินได้หรือฐานะความเป็นอยู่ 3. พฤติการณ์ของผู้มีเงินได้หรือสถิติเงินได้ของผู้มีเงินได้เอง หรือของผู้อื่นที่กระทำกิจการทำนองเดียวกับของผู้มีเงินได้เป็นหลักในการพิจารณา แล้วทำการประเมินแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษี +ในกรณีที่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้กำหนดราคาประเมินเช่นใด,"ถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม���ระมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 49 ทวิ ในกรณีที่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทน ไม่ว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม ให้เจ้าพนักงานประเมินกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '49 ทวิ'}]",ถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น +การโอนอสังหาริมทรัพย์ให้บุตรจะต้องเสียภาษีหรือไม่,"หากเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้โอนจะต้องหักภาษีไว้ร้อยละ 5 ของเงินได้ในส่วนที่เกิน ยี่สิบล้านบาท แต่หากให้บุตรบุญธรรม จะใช้วิธีหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แล้วเหลือเท่าใด ให้ถือเป็นเงินได้สุทธิแล้วหารด้วยปีที่ครอบครอง ได้ผลลัพธ์เท่าใด ให้นำมาคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ ได้เท่าใด ให้นำมาคูณปีที่ถือครองจะเป็นภาษีที่ต้องเสีย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 50 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวิธีดังต่อไปนี้ +(5)ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) เฉพาะที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ ให้คำนวณหักดังต่อไปนี้ +(ก) สำหรับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้คำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (4) (ก) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น +(ข)สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่นนอกจาก (ก) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาแล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (4) (ข) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น +(6) ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้ถือว่าผู้��อนเป็นผู้จ่ายเงินได้ โดยให้ผู้โอนหักภาษีตามเกณฑ์ใน (5) เว้นแต่กรณีการโอนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม ให้ผู้โอนหักภาษีไว้ร้อยละ 5 ของเงินได้เฉพาะในส่วนที่เกินยี่สิบล้านบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '50'}]",หากเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้โอนจะต้องหักภาษีไว้ร้อยละ 5 ของเงินได้ในส่วนที่เกิน ยี่สิบล้านบาท แต่หากให้บุตรบุญธรรม จะใช้วิธีหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แล้วเหลือเท่าใด ให้ถือเป็นเงินได้สุทธิแล้วหารด้วยปีที่ครอบครอง ได้ผลลัพธ์เท่าใด ให้นำมาคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ ได้เท่าใด ให้นำมาคูณปีที่ถือครองจะเป็นภาษีที่ต้องเสีย +หาหแพทย์ได้เสียภาษีแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณที่จ่ายจะต้องออกสิ่งใดให้แก่แพทย์ที่จ่ายภาษี,"ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษี ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายสองฉบับมีข้อความตรงกัน โดยจะต้องออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 50 ทวิ ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษี ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายสองฉบับมีข้อความตรงกัน ในกรณีและตามกำหนดเวลา ดังต่อไปนี้ +(1) ในกรณีตามมาตรา 3 เตรส ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย +(2) ในกรณีตามมาตรา 50 (1) ให้ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษี หรือภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากงานในระหว่างปีภาษี +(3) ในกรณีตามมาตรา 50 (2) (3) หรือ (4) ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '50 ทวิ'}]",ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษี ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายสองฉบับมีข้อความตรงกัน โดยจะต้องออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการดำเนินการอย่างไรหากพบว่าต้องการตรวจสอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายของบุคคลห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล,"เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่บุคคลห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลให้ยื่นบัญชีจ่ายเงินได้พึงประเมินหรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องเพื่อตรวจสอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ตามที่เห็นสมควร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 51 เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่บุคคลห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลให้ยื่นบัญชีจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40 (1) (2) (3) (4) และ (7)หรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องเพื่อตรวจสอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ตามที่เห็นสมควรและผู้ได้รับหนังสือแจ้งความต้องปฏิบัติตามภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '51'}]",เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่บุคคลห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลให้ยื่นบัญชีจ่ายเงินได้พึงประเมินหรือพยานหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องเพื่อตรวจสอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ตามที่เห็นสมควร +ในกรณีที่ไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ในกรณีที่ไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 52 บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคมหรือคณะบุคคลซึ่งมีหน้าที่หักภาษีตามมาตรา 50 (1) (2) (3) และ (4) ต้องนำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักไปส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่จ่ายเงิน ไม่ว่าตนจะได้หักภาษีไว้แล้วหรือไม่ +ภาษีที่คำนวณหักไว้ตามมาตรา 50 (5) และ (6) ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียนและห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่ลงนามรับรู้ยอมให้ทำหรือบันทึกไว้ จนกว่าจะได้รับเงินภาษีที่นำส่งไว้ครบถ้วนถูกต้องแล้ว และในกรณีที่ไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้นำส่งตามวรรคหนึ่ง +ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามวรรคสองให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '52'}]",ในกรณีที่ไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด +การหักภาษี ณ​ ที่จ่าย ต้องไปชำระ ณ สถานที่ใด และถือเป็นเครดิตข��งผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี ได้หรือไม่ ตามประมวลรัษฎากร,"ชำระต่ออำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดย ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 52 ทวิ ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการตามความในมาตรา 56 ผู้มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ถ้ามีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป จะนำภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 ไปชำระต่ออำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอพร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดก็ได้ +ภาษีที่ชำระตามความในวรรคก่อน ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '52 ทวิ'}]",ชำระต่ออำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดย ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี +เป็นหน้าที่ของบุคคลใดเมื่อ รัฐบาลหรือองค์การรัฐบาลต้องเป็นผู้จ่านเงินได้ ที่จะต้องทำการตรวจสอบว่าจำนวนเงินภาษีที่จะต้องหัก นั้น ได้คำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินแล้วและให้เป็นหน้าที่ที่จะหักเงินจำนวนนั้นก่อนจ่าย,"เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงิน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 53 ในกรณีรัฐบาลหรือองค์การรัฐบาลเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้จ่ายเงินที่จะตรวจสอบให้แน่ว่า จำนวนเงินภาษีที่จะต้องหักตามมาตรา 50 นั้น ได้คำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินแล้วและให้เป็นหน้าที่ที่จะหักเงินจำนวนนั้นก่อนจ่าย แต่ถ้ามิได้มีการตั้งฎีกาเบิกเงิน ก็ให้เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงินปฏิบัติตามมาตรา 50 มาตรา 52 และมาตรา 59 โดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '53'}]",เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงิน +ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักเงินภาษีไว้แล้วตามข้อกำหนด ความรับผิดชอบในการชำระภาษีจะเป็นของฝ่ายใด และผู้มีเงินได้จะต้องรับผิดในส่วนใด,"ความรับผิดชอบในการชำระภาษีจะเป็นของผู้จ่ายเงินได้ซึ่งต้องรับผิดชำระเงินภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว ส่วนผู้มีเงินได้จะพ้นความรับผิดในการชำระภาษีที่ถูกหักไว้แล้ว + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 54...... +ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักเงินภาษีไว้ตามมาตรา 50 หรือมาตรา 53 แล้ว ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีพ้นความรับผิดที่จะต้องชำระเงินภาษีเท่าจำนวนที่ผู้จ่า��เงินได้หักไว้แล้วนั้นและให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระเงินภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '54'}]",ความรับผิดชอบในการชำระภาษีจะเป็นของผู้จ่ายเงินได้ซึ่งต้องรับผิดชำระเงินภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว ส่วนผู้มีเงินได้จะพ้นความรับผิดในการชำระภาษีที่ถูกหักไว้แล้ว. +การใช้วิธีหักภาษีไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน และการหักภาษีโดยวิธีคำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินมีผลอย่างไรต่อสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการเรียกเก็บภาษี,"การใช้วิธีหักภาษีไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน และการหักภาษีโดยวิธีคำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินมิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการที่จะเรียกเก็บเงินภาษีโดยวิธีอื่น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 55 อำนาจการเก็บเงินภาษีโดยวิธีหักไว้ตามมาตรา 50 และมาตรา 53 มิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการที่จะเรียกเก็บเงินภาษีนั้นโดยวิธีอื่น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '55'}]",การใช้วิธีหักภาษีไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน และการหักภาษีโดยวิธีคำนวณและจดไว้ในฎีกาเบิกเงินมิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการที่จะเรียกเก็บเงินภาษีโดยวิธีอื่น +ใครบ้างที่ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน,"บุคคลทุกคน ยกเว้นผู้เยาว์หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว พร้อมทั้งข้อความอื่น ๆ ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 56 ให้บุคคลทุกคน เว้นแต่ผู้เยาว์ หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว พร้อมทั้งข้อความอื่น ๆ ภายในเดือนมีนาคม ทุก ๆ ปี ตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ถ้าบุคคลนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '56'}]",บุคคลทุกคน ยกเว้นผู้เยาว์หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ +สมาคมฯ ได้รับหนังสือจากสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งประกอบกิจการโรงงานแปรรูปน้ำยางสดและส่งออกน้ำยางข้นและยางแท่ง หารือว่า สมาชิกของสมาคมฯ ได้รับหนังสือจากสำนักงานสรรพากรจังหวัดขอให้โรงงานรับภาระดำเนินการหักและนำส่งภาษีเงินได้ในลักษณะชำระ ล่วงหน้า ตามแบบ ภ.ง.ด.93 ในอัตราร้อยละ 0.5 พร้อมยื่นแบบแทนผู้ขายวัตถุดิบยางธรรมชาติที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งสมาคมฯ มีความเห็นว่า โรงงานมิใช่เจ้าพนักงานประเมินหรือเก็บภาษี และไม่มีคำสั่งหรือกฎหมายใดที่ให้ดำเนินการหักภาษีและนำส่ง ดังนั้น สมาคมฯ จึงขอทราบวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อแจ้งให้สมาชิกของสมาคมฯ ปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป,"เงินได้พึงประเมินดังกล่าว ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 และมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร การเสียภาษีล่วงหน้าเป็นเพียงเพื่ออำนวยความสะดวก และบรรเทาภาระการเสียภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีที่จะไม่ต้องเสียภาษีในคราวเดียวกันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อถึงกำหนดเวลาการยื่นรายการเสียภาษีเท่านั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 56 ทวิ เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีก่อนถึงกำหนดเวลาตามมาตรา 56 ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นรายการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ และมาตรา 57 ตรี ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดแสดงรายการเงินได้เฉพาะตามมาตรา 40 (5) (6) (7) หรือ (8) ไม่ว่าจะมีเงินได้ประเภทอื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ภายในเดือนกันยายนของทุกปีภาษี +เงินได้ตามมาตรา 40 (5) ตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงเงินกินเปล่า เงินช่วยค่าก่อสร้าง เงินค่าซ่อมแซม ค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์ +การยื่นรายการตามวรรคหนึ่ง ให้คำนวณภาษีตามมาตรา 48 โดยหักลดหย่อนตามมาตรา 47 ให้กึ่งหนึ่ง และชำระภาษีถ้ามีพร้อมกับการยื่นรายการนั้นต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 56 +ภาษีที่ชำระตามวรรคสาม ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 57 จัตวา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '56 ทวิ'}]",ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 และมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร +ในกรณีที่ผู้มีเงินได้พึงประเมินเป็นผู้เยาว์ หรือเป็นคนที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสา���ารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ การยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินและการชำระภาษีจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้แทนโดยชอบธรรม, ผู้อนุบาล, ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินตามกรณีที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ที่จะต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 56 วรรค 1 เป็นผู้เยาว์ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินนั้น แล้วแต่กรณี ต้องปฏิบัติตามมาตรา 56 วรรค 1 และเป็นตัวแทนในการชำระภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57'}]","ผู้แทนโดยชอบธรรม, ผู้อนุบาล, ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินตามกรณีที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ที่จะต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว." +ในกรณีที่ผู้มีเงินได้พึงประเมินถึงแก่ความตายก่อนที่ได้ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน หรือก่อนที่ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ได้ยื่นรายการ ความรับผิดชอบในการยื่นรายการเงินได้พึงประเมินจะเป็นของใคร,"ถ้าผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตายก่อนการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน การยื่นรายการและการชำระภาษีจะเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก, ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก ขึ้นอยู่กับกรณี โดยต้องรวมเงินได้พึงประเมินของผู้ตายและของกองมรดกที่ได้รับตลอดปีภาษีที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นยอดเงินได้พึงประเมินทั้งหมดที่ต้องยื่น +สำหรับปีภาษีถัดไป หากกองมรดกของผู้ตายยังไม่ได้แบ่ง และมีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาทในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ผู้จัดการมรดก, ทายาท, หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติในการยื่นรายการภาษีในชื่อกองมรดกของผู้ตาย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ทวิ ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 56 วรรค 1 ถึงแก่ความตายเสียก่อนที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติตามมาตรา 56 วรรค 1 หรือก่อนที่ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 57 ให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก หรือทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี ปฏิบัติแทน และโดยเฉพาะในการยื่นรายการเงินได้พึงประเมินของผู้ตายนั้น ให้รวมเงินได้พึงประเมินของผู้ตายและของกองมรดกที่ได้รับตลอดปีภาษีที่ผู้นั้นถึงแก่ความตาย เป็นยอดเงินได้พึงประเมินที่จะต้องยื่นทั้งสิ้น +สำหรับในปีต่อไป ถ้ากองมรดกของผู้ตายยังมิได้แบ่ง และมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกินจำนวนตามมาตรา 56 (1) ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติในส่วนนี้ในชื่อกองมรดกของผู้ตาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57 ทวิ'}]","การยื่นรายการและการชำระภาษีจะเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก, ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก ขึ้นอยู่กับกรณี." +กรณีที่ต้องยื่นรายการเงินได้พึงประเมินและมีภาษีต้องชำระ การปฏิบัติการเกี่ยวกับการชำระภาษีและการยื่นรายการมีขั้นตอนอย่างไร,"ต้องยื่นรายการเงินได้พึงประเมินพร้อมกับการชำระภาษีที่ต้องเสียที่อำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ ภายในระยะเวลาที่กำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 จัตวา ภายใต้บังคับมาตรา 64 การยื่นรายการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ มาตรา 57 ตรี หรือมาตรา 57 เบญจ ถ้ามีภาษีต้องเสีย ให้ชำระต่ออำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ภายในกำหนดเวลา พร้อมกับการยื่นรายการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57 จัตวา'}]",ต้องยื่นรายการเงินได้พึงประเมินพร้อมกับการชำระภาษีที่ต้องเสียที่อำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ ภายในระยะเวลาที่กำหนด +นาย ก.ได้ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษีสำหรับปีภาษี 2556 มีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า นาย ก.และ ภริยา ต่างฝ่ายต่างมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ มาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร และได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2556 (ภ.ง.ด. 90) แยกต่างหากจากกัน ตามมาตรา 57 ฉ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร แต่ต่อมานาย ก.ได้ทราบว่าสามารถนำเงินได้พึงประ��มินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากรของตัวเอง ไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินของภริยาได้ จึงประสงค์จะขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษีดังกล่าว จากวิธีการยื่นรายการและเสียภาษีแยกต่างหากจากกันเป็นวิธีการรวมยื่นตามมาตรา 57 ฉ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร โดยนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากรของนาย ก.ไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินของภริยา,"การเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษี จากวิธีการยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากแยกจากกัน เป็นวิธีการรวมยื่นรายการและเสียภาษี เมื่อได้เลือกยื่นแบบใดแล้วให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป โดยนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากรของนาย ก.ไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินของภริยา จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษี แต่อย่างใด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษีดังกล่าว นาย ก.และภริยาจึงสามารถยื่นรายการและเสียภาษีเพิ่มเติมได้ตามความประสงค์ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ฉ ในการเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตามมาตรา 56 +ในกรณีที่เงินได้พึงประเมินไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจำนวนเท่าใดให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง เว้นแต่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) สามีและภริยาจะแบ่งเงินได้พึงประเมินเป็นของแต่ละฝ่ายตามส่วนที่ตกลงกันก็ได้ แต่รวมกันต้องไม่น้อยกว่าเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง +สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้ของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ หรือจะแยกยื่นรายการและเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) โดยมิให้ถือเอาเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้แต่ถ้ามีภาษี��้างชำระสามีและภริยาต้องร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้น +เมื่อได้เลือกยื่นรายการตามวรรคสองและวรรคสามในปีภาษีใดแล้ว ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป เว้นแต่อธิบดีจะอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการดังกล่าว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '57 ฉ'}]",การเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษี จากวิธีการยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากแยกจากกัน เป็นวิธีการรวมยื่นรายการและเสียภาษี เมื่อได้เลือกยื่นแบบใดแล้วให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป โดยนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากรของนาย ก.ไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินของภริยา จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษี แต่อย่างใด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการและเสียภาษีดังกล่าว นาย ก.และภริยาจึงสามารถยื่นรายการและเสียภาษีเพิ่มเติมได้ตามความประสงค์. +ในเดือนมกราคมของทุกๆปี บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ มีหน้าที่ต้องกระทำการใด,"ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานประเมินแสดงรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน + (1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน +(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว +(4) เงินได้ที่เป็น +(ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกัน + (ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว +(ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล + (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน + (จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือเงินที่กันไว้รวมกัน +(ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากัน หรือรับช่วงกัน หรือเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน + (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน โอนหน่วยลงทุน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก รวมทั้งเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน +(ซ) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล +(ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 58 ภายในเดือนมกราคมทุก ๆ ปี +(2) ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา 50 ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานประเมินแสดงรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) (2) และ (4)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '58'}]",ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อเจ้าพนักงานประเมินแสดงรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน +บุคคลใด มีหน้าที่ยื่นรายารแสดงภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้พึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร,"บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลอื่น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 59 พร้อมกับการนำเงินภาษีส่งตามมาตรา 52 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลอื่นยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนด แสดงการหักภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้พึงประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '59'}]",บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลอื่น +เพื่อประโยชน์แห่งการคำนวณยอดเงินได้พึงประเมินของผู้ต้องเสียภาษี ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี ตามประมวลรัษฎากร หรือไม่,"จำนวนเงินภาษีที่หักและนำส่งไว้นั้น ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 60 เพื่อประโยชน์แห่งการคำนวณยอดเงินได้พึงประเมินของผู้ต้องเสียภาษี ให้ถือว่าเงินภาษีที่ได้หักและนำส่งตามความในมาตรา 50 มาตรา 52 และมาตรา 53 เป็นเงินได้พึงประเมินที่ผู้ต้องเสียภาษีได้รับ ส่วนจำนวนเงินภาษีที่หักและนำส่งไว้นั้น ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '60'}]",จำนวนเงินภาษีที่หักและนำส่งไว้นั้น ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี +การประเมินภาษี จากเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะประเมินเรียกเก็บภาษีจากบุคคลใดๆ ก่อนถึงกำหนดเวลาในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี สามารถอุทธรณ์การประเมินได้ไหม และภาษีที่ประเมินเรียกเก็บตามความในวรรคก่อนให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษีจากยอดเงินได้สุทธิทั้งปีได้หรือไม่,"จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ +และภาษีที่ประเมินเรียกเก็บให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษีจากยอดเงินได้สุทธิทั้งปี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 60 ทวิ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีตามหมวดนี้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะประเมินเรียกเก็บภาษีจากบุคคลใดๆ ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการตามความในมาตรา 56 มาตรา 57 หรือมาตรา 57 ทวิแล้วแต่กรณี ก็ได้ เมื่อได้ประเมินแล้วให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ +ภาษีที่ประเมินเรียกเก็บตามความในวรรคก่อนให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษีจากยอดเงินได้สุทธิทั้งปี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '60 ทวิ'}]",จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ และภาษีที่ประเมินเรียกเก็บให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษีจากยอดเงินได้สุทธิทั้งปี +บุคคลใดที่มีชื่อในหนังสือ ที่จ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษี ตามบทบัญญัติของ ประมวลรัษฎากร,"(1) เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินหรือ +(2)เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 61 บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า +(1) เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินหรือ +(2)เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '61'}]",(1) เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินหรือ (2) เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น +บุคคลใดที่ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี แต่ถูกหักภาษีไว้ ณ ที่��่ายและนำส่งแล้ว บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่ถูกหักคืนหรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไร,"บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่ถูกหักและนำส่งไว้แล้วนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องขอคืนต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในสามปีนับแต่วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่ถูกหักภาษีไว้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 63 ... +บุคคลใดที่ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี แต่ถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้ว บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่ถูกหักและนำส่งไว้แล้วนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องขอคืนต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในสามปีนับแต่วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่ถูกหักภาษีไว้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '63'}]",บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่ถูกหักและนำส่งไว้แล้วนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องขอคืนต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในสามปีนับแต่วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่ถูกหักภาษีไว้ +หากต้องเสียภาษี จะสามารถแบ่งชำระเป็นงวดๆได้หรือไม่,"สามารถทำได้ โดย +ในกรณีที่ต้องเสียภาษีจากเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร เงินโบนัสที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน ผลประโยชน์จากการโอนคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิตัล เงินจากการเช่าทรัพย์ จากกากรผิดสัญญาเช่า เงินจากวิชาชีพอิสระ และเงินได้จากการรับเหมา งวดที่หนึ่งต้องชำระตามกำหนดในมาตราดังกล่าว งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง + +ในกรณีอื่น งวดที่หนึ่งต้องชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งจำนวนภาษีที่ประเมิน งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่หนึ่งและงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 64 เว้นแต่กรณีตามมาตรา 18 ทวิ ถ้าภาษีที่ต้องเสียตามบทบัญญัติแห่งส่วนนี้มีจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ผู้ต้องเสียภาษีจะชำระเป็นสามงวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ก็ได้ คือ +(1) ในกรณีที่ต้องเสียตามมา��รา 56 ทวิ หรือมาตรา 57 จัตวา งวดที่หนึ่งต้องชำระตามกำหนดในมาตราดังกล่าว งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง +(2) ในกรณีอื่น งวดที่หนึ่งต้องชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งจำนวนภาษีที่ประเมิน งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่หนึ่งและงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง +การชำระภาษีตาม (1) ถ้าไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 สำหรับงวดที่ไม่ชำระและงวดต่อ ๆ ไป +การชำระภาษีตาม (2) ไม่เป็นเหตุให้ยกเว้นการเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 และถ้าไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '64'}]",สามารถทำได้ โดยในกรณีที่ต้องเสียภาษีจากเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร เงินโบนัสที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน ผลประโยชน์จากการโอนคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิตัล เงินจากการเช่าทรัพย์ จากกากรผิดสัญญาเช่า เงินจากวิชาชีพอิสระ และเงินได้จากการรับเหมา งวดที่หนึ่งต้องชำระตามกำหนดในมาตราดังกล่าว งวดที่สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง. +บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและมีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนดังกล่าว เช่น Underwrite Fee ค่าที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ค่าธรรมเนียมแรกเข้าในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ค่าพิมพ์หนังสือชี้ชวน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้บันทึกบัญชีโดยนำไปหักบัญชีส่วนเกินทุน บริษัทฯ ขอทราบว่า บริษัทฯ มีสิทธินำค่าใช้จ่ายข้างต้น มาถือเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีอากรได้หรือไม่,"กรณีบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการนำหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักท��ัพย์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไร หรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ ไม่ต้องห้ามไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 ตรี(13) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ทั้งจำนวนในรอบระยะเวลาบัญชี ภายใต้เงื่อนไขของมาตรา 65 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี และรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวให้มีกำหนดสิบสองเดือน เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้จะน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ คือ +(ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเริ่มตั้งใหม่จะถือวันเริ่มตั้งถึงวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกก็ได้ +(ข) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอาจยื่นคำร้องต่ออธิบดี ขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีเช่นว่านี้ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตสุดแต่จะเห็นสมควร คำสั่งเช่นว่านั้นต้องแจ้งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ยื่นคำร้องทราบภายในเวลาอันสมควร และในกรณีที่อธิบดีสั่งอนุญาต ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนด +การคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคหนึ่งให้ใช้เกณฑ์สิทธิ์ โดยให้นำรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด แม้ว่าจะยังไม่ได้รับชำระในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น และให้นำรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับรายได้นั้นแม้จะยังมิได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมารวมคำนวณเป็นรายจ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น +ในกรณีจำเป็น ผู้มีเงินได้จะขออนุมัติต่ออธิบดีเพื่อเปลี่ยนแปลงเกณฑ์สิทธิ์ และวิธีการทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคสองก็ได้ และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '65'}]",บริษัทฯ มีสิทธินำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ทั��งจำนวนในรอบระยะเวลาบัญชี ภายใต้เงื่อนไขของมาตรา 65 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร +ในกรณีที่จะคำนวณรายได้ขอวมูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการ เงินจำนวนใดที่ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ ในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ ตามประมวลรัษฎากร,"เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ +... +(13) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ไม่ต้องนำเงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา แล้วแต่กรณี มารวมคำนวณเป็นรายได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '65 ทวิ'}]",เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ +เงินสำรองใดที่ถือว่าเป็นรายข่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ ตามประมวลรัษฎากรได้,"1. เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว +แต่ในกรณีต้องใช้เงินตามจำนวนซึ่งเอาประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ไม่ว่าเต็มจำนวนหรือบางส่วนเงินที่ใช้ไปเฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินสำรองสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น จะถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ + +ในกรณีเลิกสัญญาตามกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ให้นำเงินสำรองตามวรรคแรกจำนวนที่มีอยู่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้นกลับมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกสัญญา +2. เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว และเงินสำรองที่กันไว้นี้จะต้องถือเป��นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปีถัดไป +3. เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับหนี้จากการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน +เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง และได้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิไปแล้วในรอบระยะเวลาบัญชีใด ต่อมาหากมีการตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง ให้นำเงินสำรองส่วนที่ตั้งลดลงซึ่งได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วนั้น มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ +(1) เงินสำรองต่าง ๆ นอกจาก +(ก) เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว +ในกรณีต้องใช้เงินตามจำนวนซึ่งเอาประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ไม่ว่าเต็มจำนวนหรือบางส่วนเงินที่ใช้ไปเฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินสำรองตามวรรคก่อนสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น จะถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ +ในกรณีเลิกสัญญาตามกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ให้นำเงินสำรองตามวรรคแรกจำนวนที่มีอยู่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้นกลับมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกสัญญา +(ข) เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว และเงินสำรองที่กันไว้นี้จะต้องถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปีถัดไ�� +(ค) เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับหนี้จากการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน +เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง และได้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิไปแล้วในรอบระยะเวลาบัญชีใด ต่อมาหากมีการตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง ให้นำเงินสำรองส่วนที่ตั้งลดลงซึ่งได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วนั้น มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '65 ตรี'}]","1. เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว +2. เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว +3. เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับหนี้จากการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี" +ภาษีที่องค์การของรัฐบาลได้เสียจากการขายสินค้าแทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใดหรือทุกทอดซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าจากองค์การของรัฐบาล ถือเป็นเครดิตของบุคคลใดหรือองค์การใดในการคำนวณภาษีตามประมวลรัษฎากร,"ให้ถือเป็นเครดิตขององค์การของรัฐบาล ในการคำนวณภาษีตามประมวลรัษฐากร ในกรณีที่องค์การของรัฐบาลได้เสียจ���กการขายสินค้าแทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใดหรือทุกทอดซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าจากองค์การของรัฐบาล + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 จัตวา ให้องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใดหรือทุกทอดซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าจากองค์การของรัฐบาลตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น +ภาษีที่เสียตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '65 จัตวา'}]",ให้ถือเป็นเครดิตขององค์การของรัฐบาล ในการคำนวณภาษีตามประมวลรัษฐากร +เงินจำนวนใดของมูลนิธิหรือสมาคม ที่จะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆแทนที่จะเสียตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวดภาษีเงินได้ แห่งประมวลรัษฎากร,"มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ที่ใช่รายได้ที่มาจากเงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 67 การเสียภาษีตามความในส่วนนี้ ให้เสียตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวดนี้ เว้นแต่ +(2) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้อันมิใช่รายได้ตามมาตรา 65 ทวิ (13) ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ +... +(13) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ไม่ต้องนำเงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา แล้วแต่กรณี มารวมคำนวณเป็นรายได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '67'}]",มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ที่ใช่รายได้ที่มาจากเงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา +ในกรณีใดที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ต้องจัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น แล้วให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ตามประมวลรัษฎากร,"บริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 67 ทวิ เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีก่อนถึงกำหนดเวลาตามมาตรา 68 ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ภายในสองเดือนนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี ดังนี้ +(1) ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจากที่กล่าวใน (2) ให้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น แล้วให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น +(2) ในกรณีบริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดให้คำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '67 ทวิ'}]",บริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล +ว่าด้วยภาษีเงินได้ ตามประมว���รัษฎากร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด ภายในระยะเวลาเท่าใดและ ณ สถานที่ใด,"ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี พร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 68 ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '68'}]",ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี พร้อมกับชำระภาษีต่ออำเภอ +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งกระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศต่าง ๆ ต้องทำบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดอันต้องเสียภาษีแทนบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเฉพาะกิจการขนส่งดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีงบดุลย์บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งกระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศต่าง ๆ ต้องทำบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดอันต้องเสียภาษีแทนบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเฉพาะกิจการขนส่งดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีงบดุลย์บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 68 ทวิ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีงบดุลย์บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 65 +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา66 วรรคสอง ซึ่งกระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศต่าง ๆให้ทำบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดอันต้องเสียภาษีแทนบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเฉพาะกิจการขนส่งดังกล่าวแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '68 ทวิ'}]",บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งกระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศต่าง ๆ ต้องทำบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดอันต้องเสียภาษีแทนบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเฉพาะกิจการขนส่งดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีงบดุลย์บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษี เกี่ยวกับรายรับรายจ่าย กำไรสุทธิและรายการอื่น ๆ ต่อเจ้าพนักงานประเมิน พร้อมเอกสารใด ภายใน150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี,"บัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับรายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีตรวจสอบและรับรอง +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 69 ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ มาตรา 66 และมาตรา 67 เกี่ยวกับรายรับรายจ่าย กำไรสุทธิและรายการอื่น ๆ ต่อเจ้าพนักงานประเมินตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมด้วยบัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับรายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าว แล้วแต่กรณี + +มาตรา 3 สัตต เพื่อประโยชน์แห่งการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร การตรวจสอบและรับรองบัญชีจะกระทำได้ก็แต่โดยบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี + บุคคลที่จะขอใบอนุญาตจากอธิบดีตามความในวรรคก่อน ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '69'}]",บัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายรับรายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีตรวจสอบและรับรอง +ภาษีที่หักไว้ในอัตราร้อยละ 1 สำหรับกรณีที่รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ถือว่าเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีของยุคคลใดหรือองค์กรใด,"ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 69 ทวิ ภายใต้บังคับมาตรา 70 ถ้ารัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ภาษีที่หักไว้นี้ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้นั้น ในการนี้ ให้นำมาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 58 และมาตรา 59 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '69 ทวิ'}]",ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ +ภาษีที่หักไว้ในกรณีของบุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือ คณะบุคคล ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน สำหรับ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง เฉพาะที่จ่ายให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ ให้ถือว่าเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลใดหรือองค์กรใด ตามประมวลรัษฎากร,"ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ถูกหักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 69 ตรี ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือ คณะบุคคล ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (8) เฉพาะที่จ่ายให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์คำนวณหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1 แล้วนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียน และให้นำความในมาตรา 52 วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม +ภาษีที่หักไว้และนำส่งตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ถูกหักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้นั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '69 ตรี'}]",ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ถูกหักภาษีตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ +ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่ได้รับเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้ ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี ผู้จ่ายภาษีจะต้องดำเนินการอย่างไร ตามที่กฎหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร,"ให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในอัตราเหมาร้อยละ 20 แต่ต้องไม่เกิน 20,000 บาท แล้วคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 70 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม +(1) เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 แต่ต้องไม่เกิน 20,000 บาท แล้วคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '70'}]","ให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างห���้นส่วนนิติบุคคล ในอัตราเหมาร้อยละ 20 แต่ต้องไม่เกิน 20,000 บาท แล้วคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น." +ในกรณีที่ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจำหน่ายเงินกำไรนั้น แต่ได้มีการขออนุญาตซื้อและโอนเงินตราต่างประเทศซึ่งเป็นเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร ออกไปต่างประเทศ ให้ถือว่ามีผลเช่นไรตามประมวลรัษฎากร,"ให้เสียภาษีเงินได้ โดยหักภาษีจากจำนวนเงินที่จำหน่ายนั้นตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันจำหน่าย + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 70 ทวิ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดจำหน่ายเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย ให้เสียภาษีเงินได้ โดยหักภาษีจากจำนวนเงินที่จำหน่ายนั้นตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันจำหน่าย +การจำหน่ายเงินกำไรตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึง +... +(2) ในกรณีที่มิได้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวใน (1) แต่ได้มีการขออนุญาตซื้อและโอนเงินตราต่างประเทศซึ่งเป็นเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร ออกไปต่างประเทศ หรือ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '70 ทวิ'}]",ให้เสียภาษีเงินได้ โดยหักภาษีจากจำนวนเงินที่จำหน่ายนั้นตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันจำหน่าย +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ตัวการ ตัวแทน นายจ้าง หรือลูกจ้าง ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้��ไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยหรือไม่ และให้ถือราคาสินค้าอย่างไร,"ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 70 ตรี บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ตัวการ ตัวแทน นายจ้าง หรือลูกจ้าง ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น ความในวรรคก่อนมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สินค้านั้น +(1) เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ +(2) เป็นของผ่านแดน +(3) เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร +(4) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '70 ตรี'}]",ให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น +หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี เจ้าพนักงานประเมินสามารถดำเนินการอย่างไรบ้าง,"เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำสั่ง หรือสั่งให้จัดบุคคลมาปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี ณ สำนักงานของเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายของรอบระยะเวลาบัญชี ถ้ายอดรายรับหรือยอดขายดังกล่าวไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินจะใช้ยอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนหน้ามาเป็นฐานในการประเมิน ถ้ายอดในรอบระยะเ��ลาบัญชีก่อนหน้านั้นก็ไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินได้ตามที่เห็นสมควร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 71 ในกรณีที่ +(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ หรือมิได้ทำบัญชีหรือทำไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 17 หรือมาตรา 68 ทวิ หรือไม่นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการไต่สวนตามมาตรา 19 หรือมาตรา 23 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ถ้ายอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายดังกล่าวไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยอาศัยเทียบเคียงกับยอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไป ถ้ายอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไปไม่ปรากฏให้ประเมินได้ตามที่เห็นสมควร +(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดมิได้ลงรายการหรือลงรายการไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงตามความจริงในบัญชีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 17 หรือมาตรา 68 ทวิ เป็นเหตุให้ไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยลง เจ้าพนักประเมินมีอำนาจประเมินภาษีที่ขาดตามอัตราภาษีในมาตรา 67 และอาจสั่งให้ผู้ต้องเสียภาษีเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าของจำนวนภาษีที่ขาดก็ได้ +(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีซึ่งสั่งตามมาตรา 17 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีให้เสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันได้รับคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน หรือสั่งให้จัดบุคคลมาปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี ณ สำนักงานของเจ้าพนักงานประเมินให้เสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ได้ ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราและตามวิธีการดังที่กล่าวใน (1)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '71'}]",เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันได��รับคำสั่ง หรือสั่งให้จัดบุคคลมาปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดี ณ สำนักงานของเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายของรอบระยะเวลาบัญชี. +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามที่กำหนดมีลักษณะอย่างไร และเมื่อเจ้าพนักงานประเมินปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เกิดผลให้มีการชำระภาษีเกินกว่าที่ควรต้องเสีย บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง,"บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันคือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่สองนิติบุคคลขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะต่อไปนี้ +1. นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด +2. ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด +3. นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมในลักษณะที่ไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง +หากเจ้าพนักงานประเมินปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจนทำให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ชำระภาษีเกินกว่าที่ควรต้องเสีย หรือถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกิน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด หรือภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการปรับปรุงจากเจ้าพนักงานประเมินเป็นหนังสือ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 71 ทวิ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันมีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว��างกันแตกต่างไปจากที่ควรได้กำหนด หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระในลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ให้ได้จำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระเสมือนว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้รับและได้จ่ายตามนั้นเพื่อใช้คำนวณกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 65 หรือเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 70 หรือมาตรา 70 ทวิ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่สองนิติบุคคลขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ดังต่อไปนี้ +(1) นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด +(2) ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด หรือ +(3) นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมในลักษณะที่นิติบุคคลหนึ่งไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง +ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่งแล้ว มีผลให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ชำระภาษีไว้หรือถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนดหรือภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการปรับปรุงนั้นจากเจ้าพนักงานประเมินเป็นหนังสือ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '71 ทวิ'}]",บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันคือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตั้งแต่สองนิติบุคคลขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะต่อไปนี้ 1. นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด 2. ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด 3. นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมในลักษณะที่ไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง หากเจ้าพนักงานประเมินปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจนทำให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ชำระภาษีเกินกว่าที่ควรต้องเสีย บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด หรือภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการปรับปรุงจากเจ้าพนักงานประเมินเป็นหนังสือ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด. +ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งความจากเจ้าพนักงานประเมินเกี่ยวกับการยื่นเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ข้อกำหนดของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องปฏิบัติตามภายในระยะเวลาใด และกรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีจะมีข้อกำหนดอย่างไร,"บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับหนังสือแจ้งความจากเจ้าพนักงานประเมินต้องปฏิบัติตามภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีอาจอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปได้ ��ต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ หากเป็นกรณีที่ได้รับหนังสือแจ้งความเป็นครั้งแรก ต้องปฏิบัติตามภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความนั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 71 ตรี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นในลักษณะของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรคสอง ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะมีอยู่ตลอดรอบระยะเวลาบัญชีหรือมีธุรกรรมระหว่างกันในรอบระยะเวลาบัญชีหรือไม่ จัดทำรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด และยื่นต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับการยื่นรายการภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 69 +ภายในห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี อาจส่งหนังสือแจ้งความแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ข้อกำหนดของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามที่อธิบดีประกาศกำหนด และผู้ได้รับหนังสือแจ้งความต้องปฏิบัติตามภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีจะอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปก็ได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ได้รับหนังสือแจ้งความเป็นครั้งแรก ให้ผู้ได้รับหนังสือแจ้งความต้องปฏิบัติตามภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความนั้น +ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี ไม่เกินจำนวนหรือมีลักษณะอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งจำนวนรายได้���ังกล่าวต้องกำหนดไว้ไม่น้อยกว่าสองร้อยล้านบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '71 ตรี'}]",บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับหนังสือแจ้งความจากเจ้าพนักงานประเมินต้องปฏิบัติตามภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีอาจอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความ หากเป็นกรณีที่ได้รับหนังสือแจ้งความเป็นครั้งแรก ต้องปฏิบัติตามภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งความนั้น. +หากห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันโดยไม่มีการชำระบัญชี ผู้จัดการหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่อย่างไรในการจัดการภาษี,"หากห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันโดยไม่มีการชำระบัญชี ผู้จัดการหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชีในการจัดการภาษีร่วมกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีอำนาจคือ ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการต้องร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบการเลิกของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียเงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย โดยเงินนี้จะถือเป็นค่าภาษี และหากผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการไม่สามารถยื่นรายการและเสียภาษีภายในกำหนดเวลา สามารถยื่นคำร้องต่ออธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก หากอธิบดีพิจารณาเห็นสมควร จะสามารถสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกได้ และในกรณีที่มีการชำระบัญชี อธิบดีจะสั่งให้ขยายรอบระยะเวลาบัญชีออกไปอีกด้วย + + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 72 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบการเลิกของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกถ้าบุคคลดังกล่าวแล้วไม่ปฏิบัติตามเจ้าพนักงานประเมินอาจ��ั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียเงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก1 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย เงินนี้ให้ถือเป็นค่าภาษี +ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันดังกล่าวแล้วเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่และความรับผิดร่วมกันในการยื่นรายการและเสียภาษีตามแบบและภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา68 และมาตรา 69 โดยอนุโลม +ถ้าผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการไม่สามารถยื่นรายการและเสียภาษีภายในกำหนดเวลาตามความในวรรคก่อนได้และได้ยื่นคำร้องต่ออธิบดีภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเมื่ออธิบดีพิจารณาเห็นสมควรจะสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกก็ได้ เฉพาะกรณีที่มีการชำระบัญชีอธิบดีจะสั่งให้ขยายรอบระยะเวลาบัญชีออกไปอีกด้วยก็ได้ +ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันโดยไม่มีการชำระบัญชีให้ผู้จัดการหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชีร่วมกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีอำนาจจัดการตามที่บัญญัติไว้ในสามวรรคก่อน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '72'}]",ผู้จัดการหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชีในการจัดการภาษีร่วมกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีอำนาจ +ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี บุคคลใดมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชี ตามประมวลรัษฎากร,"กรณีบริษัทนิติบุคคลให้กรรมการของบริษัทนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 73 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่า แต่ละบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งควบเข้ากันนั้นได้เลิกกันและให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่อันได้ควบเข้ากันมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีแทนแต่ละบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งให้ถือว่าเลิกกันนั้นในกรณีดังกล่าวนี้ให้นำบทบัญญัติมาตรา 72 มาใช้บังคับโดยอนุโลมและสำหรับกรณีบริษัทนิติบุคคลให้กรรมการของบริษัทนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา72","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '73'}]",กรรมการของบริษัทนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ชำระบัญชี +เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการประกันภัยและมีการควบเข้ากัน การคำนวณรายได้จะต้องนำเงินสำรองซึ่งได้กันไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ ที่ยังมิได้นำมาเป็นรายได้ มารวมคำนวณอย่างไร,"ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการประกันภัย เมื่อมีการควบเข้ากัน ต้องนำเงินสำรองที่ได้กันไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ เฉพาะส่วนที่ยังมิได้นำมาเป็นรายได้ มารวมคำนวณเป็นรายได้ด้วย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 74 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันหรือควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษี ให้เป็นไปตามวิธีการในมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 66 เว้นแต่ +(1) การตีราคาทรัพย์สิน +(ก)ในกรณีที่เลิกบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ตีตามราคาตลาดในวันเลิก +(ข)ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันให้ตีตามราคาตลาดในวันที่ควบเข้ากันแต่ไม่ให้ถือว่าราคาดังกล่าวเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมอันได้ควบเข้ากันนั้นและให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่อันได้ควบเข้ากันถือราคาของทรัพย์สินนั้นตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมในวันที่ควบเข้ากันเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิจนกว่าจะได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไปทรัพย์สินรายการใดมีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาก็ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิตามหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล��ดิมใช้อยู่เพียงเท่าที่ระยะเวลาและมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่สำหรับทรัพย์สินนั้นเท่านั้นและห้ามมิให้นำผลขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ +(ค) ในกรณีที่มีการโอนกิจการระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วยกันโดยที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้โอนกิจการต้องจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการนั้นให้ตีตามราคาตลาดในวันที่จดทะเบียนเลิกและให้นำความใน (ข) มาใช้บังคับโดยอนุโลม +(2) เงินสำรองหรือเงินกำไรยกมาจากรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ เฉพาะส่วนที่ยังมิได้เสียภาษีเงินได้ ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายด้วย +(3) ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการประกันภัย ให้นำเงินสำรองซึ่งได้กันไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ ตามมาตรา65 ตรี (1) เฉพาะส่วนที่ยังมิได้นำมาเป็นรายได้ มารวมคำนวณเป็นรายได้ด้วย +บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 66 วรรคสอง เฉพาะที่กระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศต่าง ๆ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '74'}]",ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการประกันภัย เมื่อมีการควบเข้ากัน ต้องนำเงินสำรองที่ได้กันไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ เฉพาะส่วนที่ยังมิได้นำมาเป็นรายได้ มารวมคำนวณเป็นรายได้ด้วย +หากบุคคลที่มีหน้าที่ในการยื่นรายการและเสียภาษีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิได้ จะต้องดำเนินการอย่างไรในกรณีที่ไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิได้,"หากบุคคลที่มีหน้าที่ในการยื่นรายการและเสียภาษีไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิได้ ให้ใช้บทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีมาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อประเมินภาษีแทนการคำนวณกำไรสุทธิ และกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้สามารถอุทธรณ์การประเมินได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมีลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อ ในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทยให้ถือว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นประกอบกิจการในประเทศไทยและให้ถือว่าบุคคลผู้เป็นลูกจ้างหรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อเช่นว่านั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและให้บุคคลนั้นมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรที่กล่าวแล้ว +ในกรณีที่กล่าวในวรรคแรกถ้าบุคคลผู้มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีไม่สามารถจะคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ได้ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา71 (1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม +ในกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 ทวิ'}]",ให้ใช้บทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีมาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อประเมินภาษีแทนการคำนวณกำไรสุทธิ และกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้สามารถอุทธรณ์การประเมินได้ +หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ต้องการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน จะต้องดำเนินการอย่างไร และการประเมินเงินภาษีและการแจ้งจำนวนภาษีที่ต้องชำระจะต้องปฏิบัติอย่างไร,"บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน และจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา +การประเมินเงินภาษี การแจ้งจำนวนภาษีที่ต้องชำระ หรือได้รับคืน รวมถึงการคำนวณเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม และการปฏิบัติการอื่นใดของเจ้าพนักงานประเมิน จะต้องดำเนินการโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ตรี บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในกา��ดำเนินงาน จะแจ้งต่ออธิบดีเพื่อใช้เงินตราสกุลดังกล่าวในการจัดทำบัญชีงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่าย รวมถึงการคำนวณกำไรสุทธิหรือยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ และการคำนวณจำนวนภาษีเงินได้ที่ต้องเสียก็ได้ +เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้แจ้งต่ออธิบดีแล้ว ให้ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้นเพื่อการตามวรรคหนึ่งตั้งแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้แจ้ง และต้องใช้ตลอดไปจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้ +การแจ้งตามวรรคหนึ่งและการอนุมัติตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา +การประเมินเงินภาษีและการแจ้งจำนวนภาษีที่ต้องชำระ ต้องชำระเพิ่มเติม หรือได้รับคืน รวมทั้งการคำนวณเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม และการปฏิบัติการอื่นใดของเจ้าพนักงานประเมินกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ให้ดำเนินการโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 ตรี'}]","บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน และจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา +การประเมินเงินภาษี การแจ้งจำนวนภาษีที่ต้องชำระ หรือได้รับคืน รวมถึงการคำนวณเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม และการปฏิบัติการอื่นใดของเจ้าพนักงานประเมิน จะต้องดำเนินการโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น" +เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานของผลขาดทุนสุทธิและรายการอื่น ๆ ที่ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้อย่างไร หากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินได้รับการอนุมัติแล้ว,"การคำนวณค่าหรือราคาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานของผลขาดทุนสุทธิและรายการอื่น ๆ ที่ใช้ในการคำนวณภา���ีเงินได้ ต้องคำนวณตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกจากเงินตราไทย หรือของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนที่ได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 จัตวา เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ได้แจ้งหรือได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามมาตรา 76 ตรี แล้ว ในการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงบการเงิน ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน และบรรดารายการอื่นใด รวมทั้งผลขาดทุนสุทธิตามมาตรา 65 ตรี (12) ที่ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้ที่เหลืออยู่ ณ วันนั้น ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานดังนี้ +(2) บรรดารายการอื่นใดรวมทั้งผลขาดทุนสุทธิตามมาตรา 65 ตรี (12) ที่ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้ ให้คำนวณค่าหรือราคาตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกจากเงินตราไทยเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนที่ได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 จัตวา'}]",การคำนวณค่าหรือราคาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานของผลขาดทุนสุทธิและรายการอื่น ๆ ที่ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้ ต้องคำนวณตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกจากเงินตราไทย หรือของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนที่ได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน +นการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีมีข้อกำหนดอย่างไร,"สำหรับเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ต้องคำนวณค่าหรือราคาตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 เบญจ มิให้นำมาตรา 65 ทวิ (5) มาใช้บังคับกับการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรา 76 ตรี แต่ให้คำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินดังกล่าวเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานดังนี้ +(2) การคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 เบญจ'}]",ต้องคำนวณค่าหรือราคาตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น +การคืนเงินภาษีในกรณีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ควรคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร,"การคืนเงินภาษีควรคำนวณตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ฉ การชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ และมาตรา 68 และการคืนเงินภาษีในกรณีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรา 76 ตรี ให้ใช้เงินตราไทย โดยให้คำนวณค่าตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษีหรือก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 ฉ'}]",การคืนเงินภาษีควรคำนวณตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันที่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินภาษี +บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื���นเป็นสกุลเงินในการดำเนินงานต้องคำนวณผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อชำระภาษีอย่างไร,"ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต้องถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 สัตต ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือจากการคำนวณค่าของสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานเป็นเงินตราไทย เพื่อชำระภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้เงินตราสกุลอื่นเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรา 76 ตรี ไม่ให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '76 สัตต'}]",ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต้องถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ +ตามประมวลรัษฎากร ภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นภาษีอากรประเมินหรือไม่,"ภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นภาษีอากรประเมิน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77 ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอากรประเมิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77'}]",ภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นภาษีอากรประเมิน +ส่งออก ตามประมวลรัษฎากรมีความหมายว่าอย่างไรตามประมวลรัษฎากร,"ส่งออก หมายความว่า ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึง +1. การนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรเฉพาะสินค้าที่ต้องเสียอากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +2. การขายสินค้าของคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่ขายให้แก่ผู้ที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด + + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น +(14) “ส่งออก” หมายความว่า ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึง +(ก) การนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรเฉพาะสินค้าที่ต้องเสียอากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี��� ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +(ข) การขายสินค้าของคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่ขายให้แก่ผู้ที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/1'}]",ส่งออก หมายความว่า ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึง 1. การนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรเฉพาะสินค้าที่ต้องเสียอากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2. การขายสินค้าของคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่ขายให้แก่ผู้ที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด. +การให้บริการในราชอาณาจักรมีความหมายว่าอย่างไร ตามประมวลรัษฎากร,"การให้บริการในราชอาณาจักรให้หมายถึง บริการที่ทำในราชอาณาจักรโดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร หรือไม่ กล่าวคือการให้บริการที่ทำในต่างประเทศ แต่ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรให้ถือว่าการให้บริการนั้น เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/2 การกระทำกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักร ให้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามบทบัญญัติในหมวดนี้ +(1) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ +(2) การนำเข้าสินค้าโดยผู้นำเข้า +การให้บริการในราชอาณาจักรให้หมายถึง บริการที่ทำในราชอาณาจักรโดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร +การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรให้ถือว่าการให้บริการนั้น เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/2'}]",การให้บริการในราชอาณาจักรให้หมายถึง บริการที่ทำในราชอาณาจักรโดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร หรือไม่ กล่าวคือการให้บริการที่ทำในต่างประเทศ แต่ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรให้ถือว่าการให้บริกา��นั้น เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร. +กิจการ ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ตามประมวลรัษฎากร,"คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/3 นอกจากกรณีตามมาตรา 91/4 กิจการใดที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 หรือได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/3 ย่อมไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 นี้ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/3 ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการดังต่อไปนี้ +(1) กิจการของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร +(2) กิจการของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย +(3) กิจการของสหกรณ์ออมทรัพย์ เฉพาะการให้กู้ยืมแก่สมาชิกหรือแก่สหกรณ์ออมทรัพย์อื่น +(4) กิจการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ +(5) กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการขายหรือให้เช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ +(6) กิจการรับจำนำของกระทรวง ทบวง กรม และราชการส่วนท้องถิ่น +(7) กิจการอื่นตามมาตรา 91/2 ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/3'}]",กิจการใดที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 หรือได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/3 ย่อมไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 นี้ +คำวินิจฉัยของอธิบดีที่มีต่ปัญหาว่ากิจการใดเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการ ถือว่าเป็นที่สุดหรือไม่ตามประมวลรัษฎากร,"คำวินิจฉัย ของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/5 ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการ ให้อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัย ของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/5'}]",คำวินิจฉัย ของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด +การขายสินค้าตามสัญญาแก่หน่วยงานราชการจะมีการกำหนดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไรและมีข้อยกเว้นอะไรบ้าง,"การขายสินค้าแก่กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ตามสัญญาและมีการชำระราคาที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถกำหนดความรับผิดได้ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีกำหนดตามความเหมาะสม เช่���เดียวกับข้อกำหนดใน 1. การขายสินค้าทั่วไป 2. การขายตามสัญญาเช่าซื้อหรือผ่อนชำระ หรือ 3. การขายโดยตัวแทน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) การขายสินค้านอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) (4) หรือ(5) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่งมอบสินค้า ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย +(ก) โอนกรรมสิทธิ์สินค้า +(ข) ได้รับชำระราคาสินค้า หรือ +(ค) ได้ออกใบกำกับภาษี +ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี +(2) การขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อหรือสัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบ ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาแต่ละงวด เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนถึงกำหนดชำระราคาแต่ละงวด ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย +(ก) ได้รับชำระราคาสินค้า หรือ +(ข) ได้ออกใบกำกับภาษี +ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี +(3) การขายสินค้าโดยมีการตั้งตัวแทนเพื่อขายและได้ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนแล้ว ทั้งนี้ เฉพาะสัญญาการตั้งตัวแทนเพื่อขายตามประเภทของสินค้าและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อตัวแทนได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนการส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย +(ก) ตัวแทนได้โอนกรรมสิทธิ์สินค้าให้ผู้ซื้อ +(ข) ตัวแทนได้รับชำระราคาสินค้า +(ค) ตัวแทนได้ออกใบกำกับภาษี หรือ +(ง) ได้มีการนำสินค้าไปใช้ไม่ว่าโดยตัวแทนหรือบุคคลอื่น +ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี +เพื่อเป็นการบรรเทาภาระในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีของผู้ประกอบการจดทะเบียนสำหรับการขายสินค้าแก่กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ เฉพาะการขายสินค้าตามสัญญาและมีการชำระราคาที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ให้อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดความรับผิดตาม (1) (2) และ (3) เกิดขึ้นเป็นอย่างอื่นได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '78'}]",การขายสินค้าแก่กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ตามสัญญาและมีการชำระราคาที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถกำหนดความรับผิดได้ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีกำหนดตามความเหมาะสม เช่นเดียวกับข้อกำหนดใน 1. การขายสินค้าทั่วไป 2. การขายตามสัญญาเช่าซื้อหรือผ่อนชำระ หรือ 3. การขายโดยตัวแทน +การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและการให้บริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 จะมีความรับผิดในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใด,"1. การให้บริการที่ทำในต่างประเทศ ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระราคาค่าบริการทั้งหมดหรือบางส่วน +2. การให้บริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0: ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 78/1 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการให้บริการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) การให้บริการนอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) หรือ (4) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการ ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย +(ก) ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ +(ข) ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น +ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี +(2) การให้บริการตามสัญญาที่กำหนดค่าตอบแทนตามส่วนของบริการที่ทำให้ความรับผิดตามส่วนของบริการเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการตามส่วนของบริการที่สิ้นสุดลง เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการตามส่วนของบริการที่สิ้นสุดลง ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย +(ก) ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ +(ข) ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น +ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี +(3) การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ให้ความรับผิดทั้งหมดหรือบางส่วนเกิดขึ้นเมื่อได้มีการชำระราคาค่าบริการทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วแต่กรณี +(4) การให้บริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80 /1 (5) และภายหลังได้มีการโอนสิทธิในบริการอันทำให้ผู้รับโอนสิทธิในบริการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (2)ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '78/1'}]","1. การให้บริการที่ทำในต่างประเทศ ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระราคาค่าบริการทั้งหมดหรือบางส่วน +2. การให้บริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0: ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ" +การนำเข้าสินค้าสำหรับการใช้ในเขตปลอดอากรหรือการนำเข้าสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร เมื่อใดที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม,"การนำเข้าสินค้าเข้าเขตปลอดอากร และนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก ความรับผิดจะเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้านั้นออกจากเขตปลอดอากร. สำหรับสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ภายหลังต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 78/2 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการนำเข้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) การนำเข้านอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) หรือ (4) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาเข้า วางหลักประกันอากรขาเข้า หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาเข้า เว้นแต่กรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาเข้าหรือได้รับยกเว้นอากรขาเข้าก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร +(2) การนำเข้ากรณีนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรแล้วนำสินค้าออกจากเขตดังกล่าวโดยม���ใช่เพื่อส่งออกตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 77/1 (12) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้านั้น ออกจากเขตดังกล่าวโดยมิใช่เพื่อส่งออก","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '78/2'}]",การนำเข้าสินค้าเข้าเขตปลอดอากร และนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยไม่ใช่เพื่อส่งออก ความรับผิดจะเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้านั้นออกจากเขตปลอดอากร. สำหรับสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ภายหลังต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร. +การขายสินค้าหรือบริการที่ทำผ่านการใช้บัตรเครดิตและการขายสินค้าตามสัญญาเช่าซื้อ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,"ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 78/3 ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีดังต่อไปนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง +(1) การขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่างเช่น สิทธิในสิทธิบัตร กู๊ดวิลล์ การขายกระแสไฟฟ้า การขายสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน หรือการขายสินค้าบางชนิดที่ตามลักษณะของสินค้าไม่อาจกำหนดได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบเมื่อใด +(2) การขายสินค้าหรือการให้บริการด้วยเครื่องอัตโนมัติโดยวิธีการชำระราคาด้วยการหยอดเงิน ใช้เหรียญหรือบัตร หรือในลักษณะทำนองเดียวกัน +(3) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิตหรือในลักษณะทำนองเดียวกัน +(4) การขายสินค้าตามสัญญาจะขายสินค้าตามมาตรา 77/1 (8) (ก)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '78/3'}]",ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +ฐานภาษีในการขายสินค้าหรือการให้บริการ มีข้อยกเว้นอะไรหรือไม่ที่ไม่นำมาคำนวณ,"ข้อยกเว้นที่ไม่รวมอยู่ในมูลค่าของฐานภาษีในการขายสินค้าหรือการให้บริการ ได้แก่ +1. ส่วนลดหรือค่าลดหย่อนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ลดให้ในขณะขายสินค้าหรือให้บริการ และได้หักส่วนลดหรือค่าลดหย่อนดังกล่าวออกจากราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยได้แสดงให้เห็นไว้ชัดแจ้งในใบกำกับภาษีในแต่ละครั้งที่ออกแล้ว แต่ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ อาจไม่ต้องแสดงส่วนลดหรือค่าลดหย่อนในใบ��ำกับภาษีอย่างย่อก็ได้ +2. ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุนตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี +3. ภาษีขาย +4. ค่าตอบแทนที่มีลักษณะและเงื่อนไขตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี + + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ภายใต้บังคับมาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการ ได้แก่มูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ รวมทั้งภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) ถ้ามี ด้วย +มูลค่าของฐานภาษีให้หมายความถึง เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทนค่าบริการหรือประโยชน์ใด ๆ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน +มูลค่าของฐานภาษีไม่ให้รวมถึง +(1) ส่วนลดหรือค่าลดหย่อน ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ลดให้ในขณะขายสินค้าหรือให้บริการและได้หักส่วนลดหรือค่าลดหย่อนดังกล่าวออกจากราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยได้แสดงให้เห็นไว้ชัดแจ้งว่าได้มีการหักส่วนลดหรือค่าลดหย่อนไว้ในใบกำกับภาษีในแต่ละครั้งที่ออกแล้ว ทั้งนี้ เว้นแต่ส่วนลดหรือค่าลดหย่อนในการขายสินค้าหรือให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อตามมาตรา 86/6 หรือมาตรา 86/7 ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะไม่แสดงส่วนลดหรือค่าลดหย่อนดังกล่าวให้เห็นชัดแจ้งไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อก็ได้ +(2) ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุนตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี +(3) ภาษีขาย +(4) ค่าตอบแทนที่มีลักษณะ และเงื่อนไขตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79'}]",ข้อยกเว้นที่ไม่รวมอยู่ในมูลค่าของฐานภาษีในการขายสินค้าหรือการให้บริการ ได้แก่ 1. ส่วนลดหรือค่าลดหย่อนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ลดให้ในขณะขายสินค้าหรือให้บริการ 2. ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุนตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี 3. ภาษีขาย 4. ค่าตอบแทนที่มีลักษณะและเงื่อนไขตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี. +การนำสินค้าเข้าที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรจะคำนวณฐานภาษีอย่างไร,"ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีไม่ต้องบวกด้วยอากรขาเข้า แต่ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ทำให้ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือผู้รับโอนสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ฐานภาษีสำหรับสินค้านั้น ได้แก่มูลค่าตามสภาพหรือปริมาณของสินค้าที่เป็นอยู่ในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้น + +คำอธิบาย : คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/2 ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าทุกประเภท ได้แก่มูลค่าของสินค้านำเข้า โดยให้ใช้ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้า บวกด้วยอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนและภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +การนำเข้าสินค้าที่ผู้นำเข้าได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น ให้นำอากรขาเข้าซึ่งได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าว มารวมเป็นมูลค่าของฐานภาษี +ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ได้แก่ราคาสินค้าบวกด้วยค่าประกันภัยและค่าขนส่งถึงด่านศุลกากรที่นำสินค้านั้นเข้าในราชอาณาจักร เว้นแต่ +(ก) ในกรณีที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศให้ราคาในท้องตลาดสำหรับของประเภทใดประเภทหนึ่งที่ต้องเสียอากรตามราคาเป็นรายเฉลี่ยตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(ข) ในกรณีที่เจ้าพนักงานศุลกากรได้ทำการประเมินราคาเพื่อเสียอากรขาเข้าใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(2) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (2) (ค) ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร อันทำให้ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือผู้รับโอนสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (3) ฐานภาษีสำหรับสินค้านั้น ได้แก่มูลค่าตามสภาพหรือปริมาณของสินค้าที่เป็นอยู่ในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้��ตามมาตรา 78/2 (4)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/2'}]",ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีไม่ต้องบวกด้วยอากรขาเข้า แต่ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ทำให้ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือผู้รับโอนสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ฐานภาษีสำหรับสินค้านั้น ได้แก่มูลค่าตามสภาพหรือปริมาณของสินค้าที่เป็นอยู่ในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้น +ในกรณีที่ไม่สามารถทราบราคาตลาดได้แน่นอนในการคำนวณมูลค่าของฐานภาษี จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ได้ราคาตลาดที่ถูกต้อง,"หากไม่อาจทราบราคาตลาดได้แน่นอน อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศใช้เกณฑ์คำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งราคาตลาดตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/3 การคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการตามมาตรา 79 ให้ถือมูลค่าของฐานภาษีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น +ในกรณีที่ไม่อาจทราบราคาตลาดได้แน่นอนให้อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศใช้เกณฑ์คำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งราคาตลาดได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/3'}]",อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศใช้เกณฑ์คำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งราคาตลาดตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด +การนำเข้าสินค้าจะคำนวณญานภาษีได้อย่างไร,"ให้คำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าจะต้องคำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่กรมศุลกากรใช้เพื่อเรียกเก็บอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/4 ในกรณีที่มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเงินตราต่างประเทศนั้นเป็นเงินตราไทยตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(2) ในกรณีนำเข้าสินค้าให้คำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่กรมศุลกากรใช้คำนวณเพื่อเรียกเก็บอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/4'}]",ให้คำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าจะต้องคำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่กรมศุลกากรใช้เพื่อเรียกเก็บอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร +ฐานภาษีสำหรับการนำเข้ายาสูบ ให้คำนวณแบบใด,"1. ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าทุกประเภท ได้แก่มูลค่าของสินค้านำเข้า โดยให้ใช้ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้า บวกด้วยอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนและภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +การนำเข้าสินค้าที่ผู้นำเข้าได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น ให้นำอากรขาเข้าซึ่งได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าว มารวมเป็นมูลค่าของฐานภาษี +ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ได้แก่ราคาสินค้าบวกด้วยค่าประกันภัยและค่าขนส่งถึงด่านศุลกากรที่นำสินค้านั้นเข้าในราชอาณาจักร เว้นแต่ +(ก) ในกรณีที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศให้ราคาในท้องตลาดสำหรับของประเภทใดประเภทหนึ่งที่ต้องเสียอากรตามราคาเป็นรายเฉลี่ยตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(ข) ในกรณีที่เจ้าพนักงานศุลกากรได้ทำการประเมินราคาเพื่อเสียอากรขาเข้าใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(2) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร อันทำให้ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือผู้รับโอนสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีสำหรับสินค้านั้น ได้แก่มูลค่าตามสภาพหรือปริมาณของสินค้าที่เป็นอยู่ในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/5 ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าและการขายซึ่งยาสูบตามประเภทและชนิดที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) สำหรับการนำเข้า ให้เป็นไปตามมาตรา 79/2 + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/2 ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าทุกประเภท ได้แก่มูลค่าของสินค้านำเข้า โดยให้ใช้ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้า บวกด้วยอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนและภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +การนำเข้าสินค้าที่ผู้นำเข้าได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น ให้นำอากรขาเข้าซึ่งได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าว มารวมเป็นมูลค่าของฐานภาษี +ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ได้แก่ราคาสินค้าบวกด้วยค่าประกันภัยและค่าขนส่งถึงด่านศุลกากรที่นำสินค้านั้นเข้าในราชอาณาจักร เว้นแต่ +(ก) ในกรณีที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศให้ราคาในท้องตลาดสำหรับของประเภทใดประเภทหนึ่งที่ต้องเสียอากรตามราคาเป็นรายเฉลี่ยตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(ข) ในกรณีที่เจ้าพนักงานศุลกากรได้ทำการประเมินราคาเพื่อเสียอากรขาเข้าใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. +(2) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (2) (ค) ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร อันทำให้ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือผู้รับโอนสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (3) ฐานภาษีสำหรับสินค้านั้น ได้แก่มูลค่าตามสภาพหรือปริมาณของสินค้าที่เป็นอยู่ในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้นตามมาตรา 78/2 (4)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/5'}]",ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าทุกประเภท ได้แก่มูลค่าของสินค้านำเข้า โดยให้ใช้ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้า บวกด้วยอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนและภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +ผลิตภัณฑ์น้ำมันหมายความรวมถึงอะไรบ้าง,"น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเชื้อเพลิงหนัก น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่น ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่คณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดได้กำหนดราคาขายปลีกไว้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/6 ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าและการขายซึ่งน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันตามความหมายที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ +(1) สำหรับการนำเข้า ให้เป็นไปตามมาตรา 79/2 +(2) สำหรับการขาย +(ก) กรณีน้ำมันดิบให้เป็นไปตามมาตรา 79 +(ข) กรณีผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิด ได้แก่มูลค่าของผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดนั้นที่ได้มาจากการหักจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากจำนวนเต็มของราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันดังกล่าว โดยให้คำนวณจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวมอยู่ในจำนวนเต็มของราคาขายปลีก +ราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิดตามวรรคหนึ่ง ให้คำนวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง +คำว่า “น้ำมันดิบ” หมายความว่า น้ำมันดิบตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรก็ได้ +คำว่า “ผลิตภัณฑ์น้ำมัน” หมายความว่า น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเชื้อเพลิงหนัก น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่น ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่คณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดได้กำหนดราคาขายปลีกไว้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/6'}]",น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเชื้อเพลิงหนัก น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่น ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่คณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดได้กำหนดราคาขายปลีกไว้ +พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอย่างไรสำหรับการคำนวณฐานภาษีในกรณีที่ไม่ได้ระบุในส่วนนี้,"พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีในกรณีที่ไม่ได้ระบุในส่วนนี้ โดยการกำหนดดังกล่���วจะมีการระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนเพื่อการคำนวณฐานภาษีสำหรับการขายสินค้า, การให้บริการ, หรือการนำเข้าสินค้าตามที่กำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/7 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าสินค้าที่มิได้บัญญัติไว้ในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และในพระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ เพื่อการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/7'}]","พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีในกรณีที่ไม่ได้ระบุในส่วนนี้ โดยการกำหนดดังกล่าวจะมีการระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนเพื่อการคำนวณฐานภาษีสำหรับการขายสินค้า, การให้บริการ, หรือการนำเข้าสินค้าตามที่กำหนด" +การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10.0 สามารถทำได้อย่างไร และมีข้อกำหนดอะไรบ้างเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีใหม่,"การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10.0 สามารถทำได้โดยการตราพระราชกฤษฎีกา แต่จะต้องกำหนดให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้า, การให้บริการ, และการนำเข้าทุกกรณี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 80 ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 10.0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีที่กำหนดไว้ในมาตรา 80/2 +(1) การขายสินค้า +(2) การให้บริการ +(3) การนำเข้า +อัตราภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ลดลงได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ต้องกำหนดอัตราภาษีให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้าการให้บริการและการนำเข้าทุกกรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '80'}]","การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10.0 สามารถทำได้โดยการตราพระราชกฤษฎีกา แต่จะต้องกำหนดให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้า, การให้บริการ, และการนำเข้าทุกกรณี" +บริษัทฯ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกิจการรับจ้างออกแบบบ้านและที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าที่เป็นบริษัททั้งในประเทศไทย และบริษัทต่างประเทศที่มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้ส่งผลของบริการไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 หรือไม่,"บริษัทฯ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่�� ซึ่งจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากงานออกแบบที่บริการให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 จากบริษัทฯในประเทศ ส่วนบริษัทฯ เป็นลูกค้าในต่างประเทศซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีการส่งผลของบริการไปให้ลูกค้าในต่างประเทศทั้งสิ้น และโดยการให้บริการนั้น มีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงได้รับสิทธิในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 80/1 ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ +(2) การให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตามประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '80/1'}]",บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 +ถ้าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้สำหรับการขายสินค้าและการให้บริการในราชอาณาจักรเปลี่ยนแปลง อัตราภาษีใหม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใดบ้าง,"หากอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้สำหรับการขายสินค้าและการให้บริการเปลี่ยนแปลง อัตราภาษีใหม่จะต้องกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และต้องเป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้าและการให้บริการทุกกรณี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 80/2 ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 2.5 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร ซึ่งกิจการดังกล่าวต้องคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 +อัตราภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ลดลงได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ต้องกำหนดอัตราภาษีให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้าและการให้บริการทุกกรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '80/2'}]",อัตราภาษีใหม่จะต้องกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และต้องเป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้าและการให้บริการทุกกรณี. +บริษัท S จำกัด จะขยายธุรกิจแผนกหนังสือและเครื่องเขียน อีกทั้งอยู่ในระหว่างการประมูลงานตำราเรียนและจะนำเข้าตำราเรียนจากต่างประเทศ บริษัทฯ จึงขอหารือว่า การนำเข้าตำราเรียนจากต่างประเทศจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,"การนำเข้าหนังสือที่มีเนื้อหาว่าด้วยหลักวิชาต่างๆ ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ หนังสือดังกล่าวไม่ว่าจะจัดพิมพ์เป็นภาษาใดก็ตาม เข้าลักษณะเป็นตำราเรียน บริษัทฯ ผู้นำเข้าจึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม + + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 81 ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ +(1) การขายสินค้าที่มิใช่การส่งออก หรือการให้บริการดังต่อไปนี้ +(ฉ) การขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน +(2) การนำเข้าสินค้าดังต่อไปนี้ +(ก) สินค้าตาม (1) (ก) ถึง (ฉ)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '81'}]",บริษัทฯ ผู้นำเข้าจึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม +พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมในลักษณะใด และมูลค่าของฐานภาษีขั้นต่ำที่กำหนดไว้คือเท่าไร,"พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมให้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 600,000 บาทต่อปี และจะไม่สามารถกำหนดจำนวนมูลค่าของฐานภาษีที่แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 81/1 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีไม่เกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดจำนวนมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมให้แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทไม่ได้ แต่จำนวนมูลค่าของฐานภาษีที่กำหนดจะต้องไม่น้อยกว่า 600,000 บาทต่อปี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '81/1'}]","พระราชกฤษฎีกาจะกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมให้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 600,000 บาทต่อปี และจะไม่สามารถกำหนดจำนวนมูลค่าของฐานภาษีที่แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทได้." +การขายสินค้าหรือการให้บริการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งส่งรายรับทั้งสิ้นให้แก่รัฐโดยไม่หักรายจ่าย ได้รับยกเว้นการปฏิบัติในการจัดทำรายงานและเก็บรักษาหลักฐานและเอกสาร,"โดยปกติแล้วจะได้รับการยกเว้นในการ แต่จัดทำรายงานและเก็บรักษาหลักฐานและเอกสาร มีบางกรณีที่อธิบดีอาจกำหนดให้กิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องจัดทำรายงานและเก็บรักษา��ลักฐานและเอกสาร + + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 81/2 กิจการใดได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามส่วนนี้ หรือตามกฎหมายอื่น ให้ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามหมวดนี้ แต่อธิบดีจะกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานตามส่วน 11 ก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '81/2'}]",โดยปกติแล้วจะได้รับการยกเว้นในการ แต่จัดทำรายงานและเก็บรักษาหลักฐานและเอกสาร มีบางกรณีที่อธิบดีอาจกำหนดให้กิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องจัดทำรายงานและเก็บรักษาหลักฐานและเอกสาร +เมื่อลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องทำอย่างไรหากต้องการยกเลิกการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม,"หากผู้ประกอบการต้องการยกเลิกการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหลังจากที่ได้จดทะเบียนแล้ว, ผู้ประกอบการจะต้องใช้สิทธิขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและรอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้เรียบร้อย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 81/3 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังต่อไปนี้ มีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีกำหนดเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวดนี้ได้ โดยต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 +(1) กิจการขายสินค้าตามที่ระบุไว้ในมาตรา 81 (1) (ก) ถึง (ฉ) +(2) กิจการขนาดย่อมตามมาตรา 81/1 +(3) กิจการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +เมื่อผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่ง ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/1 (2) แล้ว ผู้ประกอบการดังกล่าวจะเลิกเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ต่อเมื่อได้ใช้สิทธิขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/10 (3) และอธิบดีได้สั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '81/3'}]",ผู้ประกอบการจะต้องใช้สิทธิขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและรอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้เรียบร้อย +ศูนย์ฯ รับผิดชอบงานด้านฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการและคนชรา ได้รับบริจาครถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและคนชราพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 42 กล่อง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้พิการและคนชรา ศูนย์ฯ จึงขอความอนุเคราะห์ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรถเข็นนั่งและอุปกรณ์ ดังกล่าว,"กรณีที่ศูนย์ฯ นำเข้ารถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและ���นชราพร้อมอุปกรณ์ซึ่งได้รับบริจาค ศูนย์ฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในฐานะผู้นำเข้า ตามมาตรา 77/1(11) และมาตรา 82(2) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ตาม หากรถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและคนชรา พร้อมอุปกรณ์เป็นสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร การนำเข้า ดังกล่าวย่อมได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(2)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82 ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติในหมวดนี้ +(1) ผู้ประกอบการ +(2) ผู้นำเข้า","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82'}]",กรณีที่ศูนย์ฯ นำเข้ารถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและคนชราพร้อมอุปกรณ์ซึ่งได้รับบริจาค ศูนย์ฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในฐานะผู้นำเข้า ตามมาตรา 77/1(11) และมาตรา 82(2) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ตาม หากรถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและคนชรา พร้อมอุปกรณ์เป็นสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร การนำเข้า ดังกล่าวย่อมได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(2)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร. +ในกรณีการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 หากมีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือสิทธิในบริการนั้นไปให้กับบุคคลที่มิใช่องค์การสหประชาชาติหรือสถานเอกอัครราชทูต เป็นต้น บุคคลใดมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม,"ในกรณีนี้ ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการ ที่ได้รับการโอนสินค้าหรือสิทธินั้นจะมีหน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/1 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย +(1) ในกรณีที่ผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักรและได้ขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นปกติธุระโดยมีตัวแทนอยู่ในราชอาณาจักร ได้แก่ ตัวแทนดังกล่าว +(2) ในกรณีการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (5) ถ้าภายหลังได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือโอนสิทธิในบริการนั้นไปให้กั���บุคคลที่มิใช่องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ได้แก่ ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการดังกล่าว +(3) ในกรณีสินค้านำเข้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (2) (ค) ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ได้แก่ +(ก) ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร +(ข) ผู้รับโอนสินค้า ถ้ามีการโอนสินค้าดังกล่าว +(4) ในกรณีที่มีการควบเข้ากัน ได้แก่ ผู้ที่ควบเข้ากันและผู้ประกอบการใหม่ +(5) ในกรณีโอนกิจการ ได้แก่ ผู้โอนและผู้รับโอน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/1'}]",ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการ ที่ได้รับการโอนสินค้าหรือสิทธินั้นจะมีหน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด +ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมตลอดถึง ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยูของในราชอาณาจักร ผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักร เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มร่วมกับบุคคลใด,"(1) ผู้ประกอบการ +(2) ผู้นำเข้า + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/2 ในกรณีผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมตลอดถึง ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักร เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มร่วมกับบุคคลตามมาตรา 82 + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 82 ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติในหมวดนี้ +(1) ผู้ประกอบการ +(2) ผู้นำเข้า","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/2'}]","(1) ผู้ประกอบการ +(2) ผู้นำเข้า" +กรณีที่ภาษีซื้อมิได้นำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีเนื่องจากเหตุจำเป็นตามที่อธิบดีกำหนดผู้ประกอบการมีสิทธิในการดำเนินการอย่างไรและต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อย่างไร,"ภาษีซื้อที่มิได้นำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีสามารถนำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีหลังจากนั้นได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง���่อนไขที่อธิบดีกำหนด แต่ต้องทำภายในสามปีนับจากวันที่ได้มีการออกใบกำกับภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/3 ภายใต้บังคับมาตรา 82/7 มาตรา 82/8 และมาตรา 82/16 ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี +หากภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ ให้ผู้ประกอบการชำระภาษีเท่ากับส่วนต่างนั้น +หากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย ให้เป็นเครดิตภาษีและให้ผู้ประกอบการนั้นมีสิทธิได้รับคืนภาษีหรือนำไปชำระภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามส่วน 8 +ภาษีซื้อที่มิได้นำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีตามวรรคหนึ่งเพราะมีเหตุจำเป็นตามที่อธิบดีกำหนด ให้มีสิทธินำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีหลังจากนั้นได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด แต่ต้องไม่เกินสามปีนับจากวันที่ได้มีการออกใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/3'}]",ภาษีซื้อที่มิได้นำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีสามารถนำไปหักในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีหลังจากนั้นได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด แต่ต้องทำภายในสามปีนับจากวันที่ได้มีการออกใบกำกับภาษี +ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถเสนอหรือแสดงราคาสินค้าหรือบริการในราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่,"ได้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถเสนอหรือแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการในราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว ไม่ว่าผู้ประกอบการจะได้แจ้งให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการทราบหรือไม่ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/4 ภายใต้บังคับมาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น โดยคำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามส่วน 4 +บทบัญญัติมาตรานี้ มิได้เป็นการห้ามผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จะเสนอหรือแสดงราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการแก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ในราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนจะได้แจ้งให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการทราบด้วยหรือไม่ก็ตาม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/4'}]",ได้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนสา��ารถเสนอหรือแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการในราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว ไม่ว่าผู้ประกอบการจะได้แจ้งให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการทราบหรือไม่ +ในกรณีที่ผู้ประกอบการได้รับใบกำกับภาษีซึ่งมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ผู้ประกอบการจะดำเนินการอย่างไรในการหักภาษีซื้อ,"ภาษีซื้อที่มาจากใบกำกับภาษีที่มีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดไม่สามารถนำมาหักในการคำนวณภาษีได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/5 ภาษีซื้อในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3 +(1) กรณีไม่มีใบกำกับภาษีหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อ เว้นแต่จะเป็นกรณีมีเหตุอันสมควรตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +(2) กรณีใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/5'}]",ภาษีซื้อที่มาจากใบกำกับภาษีที่มีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดไม่สามารถนำมาหักในการคำนวณภาษีได้. +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้สินค้าหรือบริการในกิจการทั้งที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการควรดำเนินการอย่างไรในการหักภาษีซื้อ,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนควรเฉลี่ยภาษีซื้อที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดเพื่อใช้ในการหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/6 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นเฉลี่ยภาษีซื้อที่จะนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/6'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนควรเฉลี่ยภาษีซื้อที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดเพื่อใช้ในการหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนขายยาสูบตามที่อธิบดีและรัฐมนตรีกำหนด ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจะคำนวณจากอะไรและตามอัตราใด,"ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจะคำนวณจากมูลค่าของยาสูบที่หักจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาขายปลีกของยาสูบ โดยคำนวณตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวมอยู่ในราคาขายปลีกซึ่งอิงตามฐานภาษีและอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่กำหนดสำหรับการขายทุกทอด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/7 ในการขายยาสูบตามประเภทและชนิดที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรีตามมาตรา 79/5 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79/5 (2) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามส่วน 4 สำหรับการขายทุกทอด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/7'}]",ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจะคำนวณจากมูลค่าของยาสูบที่หักจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาขายปลีกของยาสูบ โดยคำนวณตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวมอยู่ในราคาขายปลีกซึ่งอิงตามฐานภาษีและอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่กำหนดสำหรับการขายทุกทอด. +สำหรับการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิด ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร,"สำหรับการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิด ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าของผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดนั้นที่ได้มาจากการหักจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากจำนวนเต็มของราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมัน และคำนวณจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวมอยู่ในจำนวนเต็มของราคาขายปลีกของฐานภาษีและอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายทุกทอด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/8 ในการขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันตามมาตรา 79/6 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79 /6 (2) (ก) หรือ (ข) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามส่วน 4 สำหรับการขายทุกทอด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/8'}]",สำห��ับการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิด ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าของผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดนั้นที่ได้มาจากการหักจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากจำนวนเต็มของราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมัน และคำนวณจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่รวมอยู่ในจำนวนเต็มของราคาขายปลีกของฐานภาษีและอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายทุกทอด. +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับใบเพิ่มหนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มราคาสินค้าหรือค่าบริการตามเหตุการณ์ที่อธิบดีกำหนด ผู้ประกอบการต้องดำเนินการอย่างไรกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบเพิ่มหนี้ในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มหนี้,"ผู้ประกอบการจะต้องนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบเพิ่มหนี้มาหักออกในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยถือเป็นภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มหนี้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/9 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้นำภาษีขายไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แล้ว ต่อมาหากมีเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้นอันเป็นเหตุให้ภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวนำภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้นนั้นมารวมในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้ถือเป็นภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ได้ออกใบเพิ่มหนี้ตามมาตรา 86/9 +(1) มีการเพิ่มราคาสินค้าที่ขายเนื่องจากสินค้าเกินกว่าจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน คำนวณราคาสินค้าผิดพลาดต่ำกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด +(2) มีการเพิ่มราคาค่าบริการเนื่องจากให้บริการเกินกว่าข้อกำหนดที่ตกลงกัน คำนวณราคาค่าบริการผิดพลาดต่ำกว่าที่เป็นจริงหรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบเพิ่มหนี้ นำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบเพิ่มหนี้ดังกล่าวมาหักออกในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้ถือเป็นภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มหนี้นั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/9'}]",ผู้ประกอบการจะต้องนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบเพิ่มหนี้มาหักออกในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยถือเป็นภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มหนี้ +หากผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับใบลดหนี้สำหรับสินค้าหรือบริการที่ลดราคาหรือคืนสินค้าตามเหตุการณ์ที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้ผู้ประกอบการนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบลดหนี้ดังกล่าวไปดำเนินการอย่างไรในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบลดหนี้จะต้องนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบลดหนี้มาหักออกจากภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/10 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้นำภาษีขายไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แล้ว ต่อมาหากมีเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้น อันเป็นเหตุให้ภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนลดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวนำภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการที่ลดลงนั้นมาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ได้ออกใบลดหนี้ตามมาตรา 86/10 +(1) มีการลดราคาสินค้าที่ขายเนื่องจากสินค้าผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน สินค้าชำรุดเสียหาย หรือขาดจำนวน คำนวณราคาสินค้าผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด +(2) มีการลดราคาค่าบริการเนื่องจากการให้บริการผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน บริการขาดจำนวน คำนวณราคาค่าบริการผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด +(3) ได้รับสินค้าที่ขายกลับคืนมาเนื่องจากสินค้าชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงตามตัวอย่าง ไม่ตรงตามคำพรรณนา หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกำหนด +(4) มีการบอกเลิกสัญญาบริการเนื่องจากเหตุและตามเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบลดหนี้ นำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบลดหนี้ดังกล่าวมาหักออกจากภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/10'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบลดหนี้จะต้องนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตาม���บลดหนี้มาหักออกจากภาษีซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น +หากหนี้สูญที่ได้จำหน่ายไปแล้วตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด มีการได้รับชำระในภายหลัง ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องทำอย่างไรในเรื่องของภาษีขาย,"ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับชำระหนี้สูญในภายหลัง จะต้องนำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญที่ได้รับชำระมารวมเป็นภาษีขายในเดือนภาษีที่ได้รับชำระ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/11 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้นำภาษีขายไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แล้ว ต่อมาหากมีหนี้สูญเกิดขึ้นจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ และการจำหน่ายหนี้สูญดังกล่าวได้เป็นไปตามจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญดังกล่าวมาหักออกจากภาษีขายของตนในเดือนภาษีที่ได้มีการจำหน่ายหนี้สูญ +การคำนวณส่วนของหนี้สูญเพื่อนำมาหักออกจากภาษีขายตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +หนี้สูญรายใดที่ได้จำหน่ายไปตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับชำระในภายหลัง ให้นำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญตามวรรคหนึ่ง ที่ได้รับชำระดังกล่าวมารวมเป็นภาษีขายในเดือนภาษีที่ได้รับชำระ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/11'}]",ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับชำระหนี้สูญในภายหลัง จะต้องนำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญที่ได้รับชำระมารวมเป็นภาษีขายในเดือนภาษีที่ได้รับชำระ +ในการขายสินค้าหรือการให้บริการให้แก่ องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือสถานกงสุล จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราใด,"การขายสินค้าหรือการให้บริการให้แก่ องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือสถานกงสุลจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 + + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/12 ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (5)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/12'}]",การขายสินค้าหรือการให้บริการให้แก่ องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือสถานกงสุลจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 +หากผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศใช้แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ในการให้บริการในราชอาณาจักร และมีกระบวนการตั้งแต่การนำเสนอ การชำระค่าบริการ การส่งมอบบริการจนถึงการอื่น ๆ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนคือใคร,"ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจะต้องมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/13 ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา 85/3 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้นโดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80 หรือมาตรา 80/1 แล้วแต่กรณี +ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามมาตรา 83 +ในกรณีผู้ประกอบการตามวรรคสอง ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบบริการ และการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิ���ส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/13'}]",ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจะต้องมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ +ในกรณีที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้าเกิดขึ้น ผู้ประกอบการจะต้องคำนวณภาษีอย่างไร และอัตราภาษีที่ใช้เป็นเท่าไหร่,"ผู้ประกอบการจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีของสินค้านำเข้า และอัตราภาษีที่ใช้คือร้อยละ 10 + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/14 ให้ผู้นำเข้าเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีสำหรับสินค้านำเข้าเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/14'}]",ผู้ประกอบการจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีของสินค้านำเข้า และอัตราภาษีที่ใช้คือร้อยละ 10 +เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สินค้านำเข้าซึ่งได้รับยกเว้นอากรมีการโอนกรรมสิทธิ์และต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้รับโอนสินค้าจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร,"ผู้รับโอนสินค้าจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีของสินค้านำเข้าและชำระภาษีตามอัตราภาษีร้อยละ 10 + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/15 ในการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร และภายหลังได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้รับโอนสินค้าที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1 (3) เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นโดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 79/2 (2) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/15'}]",ผู้รับโอนสินค้าจะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีของสินค้านำเข้าและชำระภาษีตามอัตราภาษีร้อยละ 10 +ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการที่มูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อม แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีตามพระราชกฤษฎีกา จะมีข้อห้ามอะไรบ้างในการเรียกเก็บภาษีและออกใบกำกับภาษี,"ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/16 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งประกอบกิจการเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามมาตรา 81/1 แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษี ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในมาตรา 80/2 +ในการคำนวณฐานภาษีตามวรรคหนึ่ง มิให้นำมาตรา 79 วรรคสาม (3) มาใช้บังคับ +ห้ามมิให้ผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่งซึ่งได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามมาตรา 82/4 หรือออกใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/16'}]",ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ +ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการที่มีฐานภาษีเกินกว่าที่กำหนด ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติอย่างไรในแง่ของการนำภาษีซื้อมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม,"ผู้ประกอบการที่มีฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมแต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษีตามอัตราภาษีที่กำหนดได้อีกต่อไป โดยห้ามมิให้นำภาษีซื้อที่ถูกเรียกเก็บโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/18 ใ��้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แจ้งให้อธิบดีทราบในกรณีและภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ +(1) สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 ให้แจ้งต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +(2) สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต่อมามีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา 82/16 ให้แจ้งต่ออธิบดีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 และไม่มีสิทธิคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 อีกต่อไป +ในการคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคสอง ห้ามมิให้นำภาษีซื้อที่ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บในขณะที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 มาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/18'}]",ห้ามมิให้นำภาษีซื้อที่ถูกเรียกเก็บโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม +หากผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีอย่างไร และในกรณีที่ต้องการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ควรดำเนินการอย่างไร,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแยกยื่นและชำระเป็นรายสถานประกอบการ เว้นแต่จะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขออนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีจะกำหนด และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่เดือนภาษีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83 ภายใต้บังคับมาตรา 83/1 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยให้ยื่นเป็นรายเดือนภาษีพร้อมกับชำระภาษีถ้ามี ไม่ว่าจะได้ขายสินค้าหรือให้บริการในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม +การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและกา���ชำระภาษีสำหรับเดือนภาษีใด ให้ยื่นภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น +การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษี ให้ยื่นและชำระ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ทั้งนี้ เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดสถานที่เป็นอย่างอื่น +ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษี ให้แยกยื่นและชำระเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขออนุมัติยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนดตามวรรคสามก็ได้ และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่เดือนภาษีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป +ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามวรรคหนึ่ง หากมีเครดิตภาษีหรือมีภาษีที่ต้องขอคืนให้ดำเนินการตามส่วน 8","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแยกยื่นและชำระเป็นรายสถานประกอบการ เว้นแต่จะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขออนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีจะกำหนด และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่เดือนภาษีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป +ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการที่กำหนดช่วงเวลาภาษีตามพระราชกฤษฎีกา ช่วงเวลาภาษีแต่ละช่วงจะถือว่าเป็นอะไร,"จะถือว่าช่วงเวลาภาษีแต่ละช่วงเป็นเดือนภาษีสำหรับกิจการนั้น ๆ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/1 สำหรับกิจการบางประเภทและหรือบางขนาด ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา อาจตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามช่วงเวลาภาษี โดยให้แต่ละช่วงเวลาภาษีมีกำหนดไม่เกินสามเดือนก็ได้ +และเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าช่วงเวลาภาษีแต่ละช่วงตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเป็นเดือนภาษีสำหรับกิจการนั้น ๆ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/1'}]",จะถือว่าช่วงเวลาภาษีแต่ละช่วงเป็นเดือนภาษีสำหรับกิจการนั้น ๆ +ในกรณีที่มีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการ ผู้ที่มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นอย่างไร,"ในกรณีที่มีการควบเข้ากัน ได้แก่ ผู้ที่ควบเข้ากันและผู้ประกอบการใหม่, ในกรณีการโอนกิจการ ได้แก่ ผู้โอนและผู้รับโอน, และผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการจดทะเบียน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/2 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา 82/1 (1) (3) (4) หรือ (5) และมาตรา 82/2 มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการจดทะเบียน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/2'}]","ในกรณีที่มีการควบเข้ากัน ได้แก่ ผู้ที่ควบเข้ากันและผู้ประกอบการใหม่, ในกรณีการโอนกิจการ ได้แก่ ผู้โอนและผู้รับโอน, และผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการจดทะเบียน." +สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นนิติบุคคลเลิกกันและมีการชำระบัญชี ผู้ที่มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีแทนหรือร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียนคือใคร,"ผู้ชำระบัญชีและกรรมการ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันเลิกนิติบุคคลนั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/3 ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีแทนหรือร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียน +(1) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ได้แก่ ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี +(2) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้นำเข้าเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งถึงแก่ความตาย ได้แก่ ผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก +(3) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ได้แก่ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลนั้น +(4) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ได้แก่ กรรมการ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการ +(5) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเลิกกันโดยมีการชำระบัญชี ได้แก่ ผู้ชำระบัญชีและกรรมการ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันเลิกนิติบุคคลนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/3'}]",ผู้ชำระบัญชีและกรรมการ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันเลิกนิติบุคคลนั้น +ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนพบว่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของตนมีความคลาดเคลื่อน จะมีผลต่อการดำเนินการในเรื่องของฐานภาษีและอัตราภาษีอย่างไร,"การคลาดเคลื่อนในแบบแสดงรายการภาษีไม่ว่าจะทำให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีนั้นเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชำระภาษีถ้ามี ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/4 ภายใต้บังคับส่วน 13 และส่วน 14 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนไม่ว่าการคลาดเคลื่อนนั้นจะเป็นเหตุให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชำระภาษีถ้ามี ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/4'}]",การคลาดเคลื่อนในแบบแสดงรายการภาษีไม่ว่าจะทำให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีนั้นเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชำระภาษีถ้ามี ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน. +ในกรณีที่ส่วนราชการขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถูกยึดโดยวิธีการอื่นนอกจากการขายทอดตลาด จะมีวิธีการจัดการกับภาษีมูลค่าเพิ่มและใบเสร็จรับเงินอย่างไร,"ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนถือเป็นใบกำกับภาษี เว้นแต่ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมต แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษี ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ จะไม่ถือเป็นใบกำกับภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/5 ในการขายทอดตลาด ให้ผู้ทอดตลาดซึ่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียน มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องเสีย +ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งตามวรรคหนึ่ง นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยยื่นรายการตามแบบนำส่งภาษีที่อธิบดีกำหนด ณ สถานที่และกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 52 และให้นำมาตรา 54 และมาตรา 55 มาใช้บังคับโดยอนุโลม +ให้ผู้ทอดตลาดที่เป็นส่วนราชการ ออกใบเสร็จรับเงินให้กับผู้ซื้อในการขายทอดตลาด และจัดทำสำเนาให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไว้เพื่อเป็นหลักฐาน +ในกรณีที่ส่วนราชการขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถูกยึดมาตามกฎหมายโดยวิธีอื่นนอกจากการขายทอดตลาด ให้นำความในมาตรานี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/5'}]",ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนถือเป็นใบกำกับภาษี เว้นแต่ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมต แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษี ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ จะไม่ถือเป็นใบกำกับภาษี +ในกรณีที่ผู้ประกอบการให้บริการจากต่างประเทศและมีการใช้บริการในราชอาณาจักร ผู้จ่ายค่าบริการต้องจัดการอย่างไรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม หากผู้ประกอบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ปร���กอบการจดทะเบียนหรือให้บริการอื่นแก่ผู้ใช้ทั่วไป,"ผู้จ่ายเงินค่าบริการจะต้องนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี โดยในกรณีที่ผู้ประกอบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/6 เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี +(1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 +(2)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เฉพาะ +(ก)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน +(ข)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย +(3) ผู้ประกอบการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/6'}]",ผู้จ่ายเงินค่าบริการจะต้องนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี โดยในกรณีที่ผู้ประกอบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย +กรณีที่ขายสินค้าหรือให้บริการในอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 0% ผู้รับโอนสินค้าหรือสิทธิในบริการจะต้องยื่นเอกสารหรือชำระภาษีที่ใด และภายในระยะเวลาเท่าใด,"ผู้รับโอนสินค้าหรือสิทธิในบริการต้องยื่นเอกสารและชำระเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตนมีหน้าที่ต้องเสียภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนา + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/7 ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ให้ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการ มีหน���าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตนมีหน้าที่ต้องเสียตามมาตรา 82/12 ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนา +ให้นำมาตรา 83/5 วรรคสอง มาใช้บังคับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/7'}]",ผู้รับโอนสินค้าหรือสิทธิในบริการต้องยื่นเอกสารและชำระเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตนมีหน้าที่ต้องเสียภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนา +ในกรณีที่สินค้านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรต้องเสียอากรภายหลังการนำเข้า ผู้มีหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาเข้า,"ผู้มีหน้าที่ต้องยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ณ ด่านศุลกากร ตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/8 ภายใต้บังคับมาตรา 83/9 ให้ผู้นำเข้าที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ยื่นใบขนสินค้าตามแบบที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ณ ด่านศุลกากรตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากร พร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร +ในกรณีนำเข้าสินค้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือในกรณีนำเข้าเครื่องจักร หรือวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตเพื่อการส่งออก ของผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ผู้นำเข้าจะวางเงินประกัน หลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นประกันภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชำระภาษีก็ได้ +วิธีการประกันและการถอนประกัน ให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี +ในการนำเข้าสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (2) (ค) ถ้าภายหลังสินค้านั้นต้องเสียอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรให้ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา 82/1 (3) ��ื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีตามวรรคหนึ่งพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/8'}]",ผู้มีหน้าที่ต้องยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ณ ด่านศุลกากร ตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร +เมื่อสินค้านำเข้าที่ถูกเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือเขตปลอดอากรปล่อยออกเพื่อการใช้งานในประเทศแทนการส่งออก จะต้องมีขั้นตอนใดในการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาเข้า,"เมื่อสินค้านำเข้าที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือเขตปลอดอากรปล่อยออกเพื่อการใช้งานในประเทศแทนการส่งออก ผู้นำเข้าต้องยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากรพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/9 ในกรณีที่มีการนำสินค้าที่นำเข้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเขตปลอดอากร ถ้าภายหลังสินค้านั้นได้ปล่อยออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยมิใช่เพื่อส่งออก หรือได้มีการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อส่งออกให้ผู้นำเข้าที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากรพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/9'}]",ผู้นำเข้าต้องยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากรพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร +การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่มีการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตจะดำเนินการอย่างไร,"สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย กรมสรรพสามิตจะเป็นผู้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อกรมสรรพากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/10 ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +(2) สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย ให้กรมสรรพสามิตเรียกเก็บเพื่อกรมสรรพากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '83/10'}]",กรมสรรพสามิตจะเป็นผู้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อกรมสรรพากร +กรณีใดที่เครดิตภาษีที่เหลืออยู่ไม่สามารถขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของเดือนภาษีนั้นได้,"เครดิตภาษีที่เหลืออยู่ไม่สามารถขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของเดือนภาษีนั้นได้ในกรณีที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมเพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน ในกรณีนี้จะต้องขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมนั้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84 เครดิตภาษีที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนภาษีจากการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/3 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธินำไปชำระภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา หรือมีสิทธิขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของเดือนภาษีนั้นตามมาตรา 83 หรือมาตรา 83/1 เว้นแต่ในกรณีที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมเพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 83/4 ก็ให้มีสิทธิขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84'}]",เครดิตภาษีที่เหลืออยู่ไม่สามารถขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของเดือนภาษีนั้นได้ในกรณีที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมเพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน +สถานที่ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนและผู้ขอคืนภาษีมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใด,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีที่กำหนด หากมีสถานประกอบการหลายแห่ง สามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีรวมกันได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี ส่วนผู้ขอคืนภาษีมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่ผู้ขอคืนมีภูมิลำเนา + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/1 การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ +(1) การขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีที่มีภาษีต้องคืน แต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมิได้ขอคืนตามมาตรา 84 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภาษีภายในสามปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับเด��อนภาษีนั้น +(2) การขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีอื่น ให้ยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ชำระภาษี +คำร้องขอคืนภาษีให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด +ในกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด ตามมาตรา 83 วรรคสี่ และในกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่ผู้ขอคืนมีภูมิลำเนา","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84/1'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีที่กำหนด หากมีสถานประกอบการหลายแห่ง สามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีรวมกันได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี ส่วนผู้ขอคืนภาษีมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่ผู้ขอคืนมีภูมิลำเนา +การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่ผู้นำเข้ามิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนและได้ส่งสินค้ากลับออกไป ต้องทำตามเงื่อนไขใดบ้าง,"ในกรณีที่ผู้นำเข้ามิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนและได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ต่อมาได้ส่งสินค้ากลับออกไป การขอคืนภาษีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราส่วนเช่นเดียวกับการคืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่กำหนดไว้สำหรับขอคืนอากรขาเข้า + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/2 การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าในกรณีดังต่อไปนี้ ให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังนี้ +(1) ในกรณีผู้นำเข้ามีข้อโต้แย้งตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเป็นคดีในศาล การขอคืนภาษีให้กระทำภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยข้อโต้แย้งอากรขาเข้าเป็นหนังสือ หรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +(2) ในกรณีผู้นำเข้าที่มิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว และต่อมาได้ส่งสินค้ากลับออกไป การขอคืนภาษี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราส่วนเช่นเดียวกับการคืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่กำหนดไว้สำหรับขอคืนอากรขาเข้า +คำร้องขอคืนภาษีตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84/2'}]",การขอคืนภาษีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราส่วนเช่นเดียวกับการคืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่กำหนดไว้สำหรับขอคืนอากรขาเข้า. +ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมีขีดจำกัดอย่างไร และจะจ่ายจากเงินใด,"ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และจะจ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/3 การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ได้รับคืนภาษีได้รับดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 4 ทศ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84/3'}]",ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และจะจ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้ +ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร,"ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/4 ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักรขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '84/4'}]",ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +หากผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องยื่นที่ไหน,"หากผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานปร���กอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85 ผู้ประกอบการซึ่งจะเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ให้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ +คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดและให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ +ถ้าผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85'}]",คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ +กรณีที่ผู้ประกอบการได้แจ้งต่ออธิบดีเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกี่วันหลังจากวันที่แจ้งต่ออธิบดี,"ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่ออธิบดี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/1 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ +(1) สำหรับผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการและมีมูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 81/1 ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่ +(ก) วันที่มูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อม สำหรับกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมไว้แล้ว หรือ +(ข) วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ สำหรับกรณีที่มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมขึ้นใหม่ หรือมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมน้อยกว่าที่กำหนดไว้ก่อน +(2) สำหรับผู้ประกอบการที่ได้แจ้งต่ออธิบดีเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81/3 ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่ออธิบดี +ให้นำมาตรา 85 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/1'}]",ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่ออธิบดี +ถ้าผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรมีตัวแทนในราชอาณาจักร ต้องทำอย่างไรเกี่ยวกับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม,"หากผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรมีตัวแทนในราชอาณาจักรและขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นปกติธุระ ตัวแทนดังกล่าวจะต้องเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/2 ให้ตัวแทนตามมาตรา 82/1 (1) เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/2'}]",ตัวแทนดังกล่าวจะต้องเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร +อธิบดีมีอำนาจอะไรเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม,"อธิบดีมีอำนาจในการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิขการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว หรือ ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีกำหนดซึ่งการประกอบกิจการของผู้ประกอบการดังกล่าวมีลักษณะและวิธีการตามที่อธิบดีกำหนด สามารถขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวได้ การยื่นคำขอและการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวจะต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/3 ให้ผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +(1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว +(2)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เฉพาะ +(ก)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน +(ข)ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย +(3) ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธ���บดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร +อธิบดีจะผ่อนผันให้ผู้ประกอบการตาม (1) หรือ (3) ซึ่งการประกอบกิจการของผู้ประกอบการดังกล่าวมีลักษณะและวิธีการตามที่อธิบดีกำหนด มีสิทธิขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวก็ได้ +การยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/3'}]",อธิบดีมีอำนาจในการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิขการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว หรือ ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีกำหนดซึ่งการประกอบกิจการของผู้ประกอบการดังกล่าวมีลักษณะและวิธีการตามที่อธิบดีกำหนด สามารถขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวได้ การยื่นคำขอและการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวจะต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด. +ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,"ต้องแสดง โดยปิดใบทะเบียนไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/4 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/4'}]",ต้องแสดง โดยปิดใบทะเบียนไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ +ในกรณีที่ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสูญหาย ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะยื่นขอคำของการออกใบแทนใบทะเบียนภายในกี่วัน,"ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/5 ในกรณีที่ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด +การยื่นคำขอและการออกใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไ���ที่อธิบดีกำหนด +ใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือเป็นใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/5'}]",ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด +ในกรณีใดบ้างที่ผู้ประกอบการต้องทำการแจ้งเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงใบทะเบียนจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม,"กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/6 ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/6'}]",กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ +ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวัน นับจากวันปิดสถานประกอบการ และทำการคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/7 +ในการปิดสถานประกอบการบางแห่ง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวัน นับจากวันปิดสถานประกอบการ +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ปิดสถานประกอบการ คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +ให้นำมาตรา 85/6 วรรคสอง มาใช้บังคับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/7'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวัน นับจากวันปิดสถานประกอบการ และทำการคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ +เมื่อย้ายสถานที่ประกอบการ ผู้ประกอบการจะต้องจดทะเบียนใหม่หรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไร,"ต้องแจ้งการเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการแห่งใหม่ตั้งอยู่ก่อนวันเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการแห่งใหม่นั้น และคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/8 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะย้ายสถานประกอบการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันย้ายสถานประกอบการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ย้ายสถานประกอบการแจ้งการเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการแห่งใหม่ตั้งอยู่ก่อนวันเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการแห่งใหม่นั้น พร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม +ให้นำมาตรา 85/6 วรรคสอง มาใช้บังคับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/8'}]",ต้องแจ้งการเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการแห่งใหม่ตั้งอยู่ก่อนวันเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการแห่งใหม่นั้น และคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จัดตั้งสถานประกอบการเฉพาะกิจต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอะไรบ้าง,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จัดตั้งสถานประกอบการเฉพาะกิจต้องทำรายงานและปฏิบัติตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีได้กำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/9 ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดลักษณะและเงื่อนไขของสถานประกอบการที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเป็นการชั่วคร��วเป็นสถานประกอบการเฉพาะกิจได้ +สถานประกอบการชั่วคราวที่มีลักษณะและเงื่อนไขเป็นสถานประกอบการเฉพาะกิจตามที่อธิบดีกำหนด ไม่ให้ถือว่าเป็นสถานประกอบการที่อยู่ในบังคับของมาตรา 85/6 มาตรา 85 /7 และมาตรา 85/8 แต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งจัดตั้งสถานประกอบการเฉพาะกิจจะต้องทำรายงานและปฏิบัติตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/9'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จัดตั้งสถานประกอบการเฉพาะกิจต้องทำรายงานและปฏิบัติตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีได้กำหนด +ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้างในการใช้สิทธิดังกล่าว,"การใช้สิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โดยอธิบดีจะพิจารณาตามเงื่อนไขที่ระบุในกรณีต่าง ๆ เช่น มูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่าที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกา หรือเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/10 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ มีสิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ +(1) ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมไว้แล้ว ได้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปีก่อนการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +(2) ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมให้สูงขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ได้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสามปี +(3) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้แจ้งต่ออธิบดีเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81/3 ได้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยนับแต่วันที่ผู้นั้นเริ่มเป็นผู้ประ��อบการจดทะเบียน และต้องมีมูลค่าของฐานภาษีของกิจการต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตลอดระยะเวลาดังกล่าว +(4) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก่อนการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +การใช้สิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +กฎกระทรวงตาม (3) จะกำหนดระยะเวลาให้แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทก็ได้ แต่ระยะเวลาที่กำหนดจะต้องไม่น้อยกว่าสองปี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/10'}]",การใช้สิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โดยอธิบดีจะพิจารณาตามเงื่อนไขที่ระบุในกรณีต่าง ๆ เช่น มูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่าที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกา หรือเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง. +หากมูลค่าของฐานภาษีของกิจการลดลงต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา ผู้ประกอบการต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อให้การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของตนยังคงมีผลอยู่,"การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจะยังคงมีผลอยู่ เว้นแต่ผู้ประกอบการจะเลือกใช้สิทธิพื่อขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/11 กิจการใดที่ผู้ประกอบการได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว และมีมูลค่าของฐานภาษีสูงกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 81/1 แต่ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมสูงกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าของฐานภาษีของกิจการดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมที่กำหนดขึ้นใหม่ ให้การจดทะเบียนของผู้ประกอบการนั้นยังคงมีผลต่อไปเว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะได้ใช้สิทธิตามมาตรา 85/10 (2) และ (4) ขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/11'}]",การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจะยังคงมีผลอยู่ เว้นแต่ผู้ประกอบการจะเลือกใช้สิทธิพื่อขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะหยุดประกอบกิจการชั่วคราวจะต้องแจ้งการหยุดประกอบกิจการที่ใด ในระยะเวลาเท่าใด,"แจ้ง ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่หยุดประกอบกิจการชั่วคราว + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/12 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะหยุดประกอบกิจการชั่วคราวเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสามสิบวัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่หยุดประกอบกิจการชั่วคราว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/12'}]",แจ้ง ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่หยุดประกอบกิจการชั่วคราว +หากผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้รับโอนต้องดำเนินการอย่างไรและต้องแจ้งการโอนกิจการภายในระยะเวลาเท่าใด,"หากผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องแจ้งการรับโอนกิจการและการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถ้ามี ณ สถานที่ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ; หากผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ และประกอบกิจการต่อเนื่องไปพลางก่อนได้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/13 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการโอนกิจการและการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถ้ามี หรือแจ้งการโอนและแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 85/15 แล้วแต่กรณี ตามแบบที่อธิบดีกำหนด ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันโอนกิจการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน +ในกรณีที่ผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถ้ามี ณ สถานที่ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ และในกรณีที่ผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนให้ผู้รับโอนยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ผู้รับโอนประกอบกิจการดังกล่าวต่อเนื่องไปพลางก่อนได้ +ให้นำมาตรา 85/15 วรรคสอง มาใช้บังคับในกรณีที่เป็นการโอนกิจการทั้งหมด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/13'}]",หากผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องแจ้งการรับโอนกิจการและการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถ้ามี ณ สถานที่ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ; หากผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ และประกอบกิจการต่อเนื่องไปพลางก่อนได้. +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะควบรวมกิจการ นิติบุคคลใหม่ที่เกิดจากการควบรวมจะต้องแจ้งการควบรวมเพื่อจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกี่วัน,"ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ + + คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/14 ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นนิติบุคคลใดประสงค์จะควบเข้ากัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 85/15 ตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้นิติบุคคลใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากันยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/14'}]",ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ +เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะเลิกประกอบกิจการ ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เลิกกิจการคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งเลิกประกอบกิจการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/15 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดเลิกประกอบกิจการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกกิจการตามแบบที่อธิบดีกำหนด ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันเลิกประกอบกิจการ +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เลิกกิจการคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งเลิกประกอบกิจการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/15'}]",ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เลิกกิจการคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งเลิกประกอบกิจการ +ถ้าผู้ครอบครองทรัพย์มรดกไม่ใช้สิทธิดำเนินกิจการต่อหลังจากพ้นกำหนดเวลาหรือหลังจากที่อธิบดีได้ขยายเวลาแล้ว ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องดำเนินการอย่างไร,"ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาหรือระยะเวลาที่อธิบดีได้ขยายให้ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/16 ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถึงแก่ความตาย ให้ความเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนของผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวสิ้นสุดลง และให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายมีสิทธิประกอบกิจการต่อไปได้อีกไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย แต่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทราบถึงความตายของผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเร็วที่สุด +ในกรณีที่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายใช้สิทธิดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวมีสิทธิและความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียน และในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นอาจขอให้อธิบดีสั่งขยายเวลาตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งได้โดยแสดงเหตุผลความจำเป็นต่ออธิบดี ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งขยายเวลาได้ตามที่เห็นสมควร โดยจะกำหนดเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้ +ในกรณีที่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายไม่ใช้สิทธิดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวคืนใบทะเบ���ยนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/16'}]",ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาหรือระยะเวลาที่อธิบดีได้ขยายให้ +หลังจากที่ผู้ประกอบการได้รับการแจ้งการเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการต้องทำอย่างไร,"ผู้ประกอบการที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับการแจ้งการเพิกถอน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/17 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดกระทำผิดบทบัญญัติในหมวดนี้ อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นได้ และให้แจ้งการเพิกถอนดังกล่าวให้ผู้ประกอบการทราบเป็นหนังสือ +ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/17'}]",ผู้ประกอบการที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับการแจ้งการเพิกถอน +อะไรคือขั้นตอนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องทำเมื่อถึงกรณีที่ต้องยุติการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนและไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการยุติการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงการแจ้งเลิกประกอบกิจการหรือขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และในกรณีที่ถึงแก่ความตายของผู้ประกอบการ, ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องดำเนินการขอโอนกิจการหรือแจ้งให้ทราบถึงสถานะของการดำเนินกิจการไปยังอธิบดี โดยอธิบดีจะเป็นผู้สั่งขีดชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/18 ในกรณีที่อธิบดีสั่งถอนทะเบียนตามมาตรา 85/10 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 85/15 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตายและผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายได้ใช้สิทธิดำเนินกิจการแต่ต่อมาสิทธิดำเนินกิจการสิ้นสุดลง โดยไม่มีผู้จัดการมรดกหรือทายาทขอโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายตามมาตรา 85/16 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายดังกล่าว แล้วแต่กรณียังคงต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปจนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/19","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/18'}]","ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการยุติการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงการแจ้งเลิกประกอบกิจการหรือขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และในกรณีที่ถึงแก่ความตายของผู้ประกอบการ, ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องดำเนินการขอโอนกิจการหรือแจ้งให้ทราบถึงสถานะของการดำเนินกิจการไปยังอธิบดี โดยอธิบดีจะเป็นผู้สั่งขีดชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม." +เมื่ออธิบดีมีคำสั่งขีดชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องปฏิบัติอย่างไร,"ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายและได้ใช้สิทธิดำเนินกิจการของผู้ตายจะพ้นความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียนในวันที่อธิบดีมีคำสั่งขีดชื่อออกจากทะเบียน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/19 ในกรณีดังต่อไปนี้ให้อธิบดีสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม +(1) เมื่ออธิบดีสั่งถอนทะเบียนตามมาตรา 85/10 +(2) เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 85/15 +(3) เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนตายและไม่มีผู้จัดการมรดกหรือทายาทยื่นขอโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายตามมาตรา 85/16 +(4) เมื่ออธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 +ให้อธิบดีแจ้งคำสั่งขีดชื่อให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้จัดการมรดก ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกทราบเป็นหนังสือโดยไม่ชักช้า +ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายและได้ใช้สิทธิดำเนินกิจการตามมาตรา 85/16 พ้นความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียนในวันที่อธิบดีมีคำสั่งขีดชื่อออกจากทะเบียน +ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ให้อธิบดีแจ้งการขีดชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นต่อนายทะเบียนนิติบุคคลตามกฎหมายนั้น ๆ ภายในสามสิบวัน และให้นายทะเบียนดังกล่าวจดแจ้งการเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในทะเบียนโดยไม่ชักช้า","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/19'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายและได้ใช้สิทธิดำเนินกิจการของผู้ตายจะพ้นความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียนในวันที่อธิบดีมีคำสั่งขีดชื่อออกจากทะเบียน +การฝ่าฝืนกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทนการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากรหรือไม่,"เป็นความผิดตามประมทวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 85/20 + + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 85/20 ในกรณีมีความจำเป็นหรือเหมาะสม รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทนการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในส่วน 9 ได้ +การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ อันเป็นความผิดและต้องระวางโทษตามมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '85/20'}]",เป็นความผิดตามประมทวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 85/20 +การออกใบกำกับภาษีของผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวต้องปฏิบัติตามอะไร,"ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวจะออกใบกำกับภาษีได้ต่อเมื่อเป็นไปต���มหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 86 ภายใต้บังคับมาตรา 86/1 มาตรา 86/2 และมาตรา 86/8 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษีสำหรับการขายสินค้า หรือการให้บริการทุกครั้ง และต้องจัดทำในทันทีที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น พร้อมทั้งให้ส่งมอบใบกำกับภาษีนั้นแก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการส่วนสำเนาใบกำกับภาษีให้เก็บรักษาไว้ตามมาตรา 87/3 +ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา 85/3 จะออกใบกำกับภาษีได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +ใบกำกับภาษีให้ออกเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น +การออกใบกำกับภาษีโดยตัวแทนในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86'}]",ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวจะออกใบกำกับภาษีได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน สามารถออกใบกำกับภาษี ตามประมวลรัษฎากรได้หรือไม่,"ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/1 ห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ออกใบกำกับภาษี +(1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร และได้ให้ตัวแทนของตนออกใบกำกับภาษีแทนตนตามมาตรา 86/2 +(1/1)ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน + +(2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ทรัพย์สินถูกนำออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นโดยบุคคลอื่นตามมาตรา 83/5 +(3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 83/6 (3)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/1'}]",ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ +ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักรออกใบกำกับภาษี ซึ่งเป็นบุคคลที่ยื่นขอออกใบกำกับภาษีต่ออธิบดี ต้องรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการหรือไม่,"ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักรออกมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับและร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียนในส่วนที่เกี่ยวกับใบกำกับภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/2 ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักรและมีตัวแทนทำการแทนตน หากประสงค์จะให้ตัวแทนของตนออกใบกำกับภาษีในนามของตนให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นยื่นคำขออนุมัติต่ออธิบดีตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด +ให้ตัวแทนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ขอและได้รับอนุมัติแล้วออกใบกำกับภาษีแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และให้ตัวแทนดังกล่าวมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับและร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียนในส่วนที่เกี่ยวกับใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/2'}]",ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักรออกมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับและร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียนในส่วนที่เกี่ยวกับใบกำกับภาษี +ในกรณีใดที่ผู้ทอดตลาดต้องออกใบกำกับภาษีในนามผู้ประกอบการจดทะเบียนเจ้าของทรัพย์สิน,"ในกรณีที่ผู้ทอดตลาดที่มิใช่ส่วนราชการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/3 ในการขายทอดตลาดตามมาตรา 83/5 ให้ผู้ทอดตลาดที่มิใช่ส่วนราชการซึ่งขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษีหรือใบรับตามมาตรา 105 แล้วแต่กรณี ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนเจ้าของทรัพย์สิน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/3'}]",ในกรณีที่ผู้ทอดตลาดที่มิใช่ส่วนราชการ +รายการในใบกำกับภาษี ที่กำหนดตามประมวลรัษฎากร ต้องทำเป็นภาษาใด,"รายการในใบกำกับภาษี ให้ทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศหรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/4 ภายใต้บังคับมาตรา 86/5 และมาตรา 86/6 ใบกำกับภาษีต้องมี���ายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86 วรรคสี่ หรือมาตรา 86/2 หรือผู้ทอดตลาดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86/3 ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย +(3) ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ +(4) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี +(5) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ +(6) จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง +(7) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี +(8) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +รายการในใบกำกับภาษี ให้ทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศหรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี +ใบกำกับภาษีอาจออกรวมกันสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการหลายอย่างก็ได้ เว้นแต่อธิบดีจะได้กำหนดให้การออกใบกำกับภาษีสำหรับสินค้าหรือบริการบางอย่างหรือหลายอย่าง ต้องกระทำแยกต่างหาก โดยมิให้รวมไว้ในใบกำกับภาษีเดียวกันกับรายการอื่น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/4'}]",รายการในใบกำกับภาษี ให้ทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศหรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี. +ใบกำกับภาษี สามารถแสดงเป็นเงินตราต่างประเทศ หรือหน่วยเงินตราต่างประเทศ แทนที่จะเป็นภาษาไทย และหน่วยเงินตราไทยหรือไม่,"สามารถทำได้ เมื่อได้รับการอนุมัติจากอธิบดี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/5 ใบกำกับภาษีดังต่อไปนี้ อธิบดีอาจกำหนดให้มีรายการเป็นอย่างอื่นได้ +(3) ใบกำกับภาษีที่อธิบดีอนุมัติให้ทำเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นหน่วย��งินตราต่างประเทศ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/5'}]",สามารถทำได้ เมื่อได้รับการอนุมัติจากอธิบดี +ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ต้องแสดงข้อความใดบ้าง,"ใบกำกับภาษีอย่างย่อต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อหรือชื่อย่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี +(3) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี +(4) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ +(5) ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยต้องมีข้อความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว +(6) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี +(7) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +ชื่อ ชนิดหรือประเภทของสินค้าตามวรรคหนึ่ง จะออกเป็นรหัสก็ได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องแจ้งรหัสให้อธิบดีทราบล่วงหน้าอย่างน้อยสิบห้าวันก่อนวันใช้รหัสนั้น + +โดยจะต้องทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/6 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้าในลักษณะขายปลีกหรือประกอบกิจการให้บริการในลักษณะบริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก อธิบดีมีอำนาจกำหนดลักษณะและหรือเงื่อนไขของการประกอบกิจการดังกล่าวให้เป็นกิจการค้าปลีก และในกิจการค้าปลีกการแสดงราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการจะต้องเป็นการแสดงราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว +ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการค้าปลีก มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอย่างย่อได้ แต่ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนจะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อไม่ได้ +ใบกำกับภาษีอย่างย่อต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อหรือชื่อย่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี +(3) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี +(4) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ +(5) ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยต��องมีข้อความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว +(6) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี +(7) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +ชื่อ ชนิดหรือประเภทของสินค้าตามวรรคหนึ่ง จะออกเป็นรหัสก็ได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องแจ้งรหัสให้อธิบดีทราบล่วงหน้าอย่างน้อยสิบห้าวันก่อนวันใช้รหัสนั้น +รายการในใบกำกับภาษีอย่างย่อ ให้ทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี +ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการค้าปลีก ซึ่งประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อการออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ ให้ยื่นคำขออนุมัติต่ออธิบดีและการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่อธิบดีกำหนด +ให้นำมาตรา 86/4 วรรคสาม มาใช้บังคับในการออกใบกำกับภาษีตามมาตรานี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/6'}]","ใบกำกับภาษีอย่างย่อต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อหรือชื่อย่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี +(3) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี +(4) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ +(5) ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยต้องมีข้อความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว +(6) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี +(7) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด" +หากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการอย่างอื่นซึ่งมิใช่เป็นกิจการค้าปลีก มีความประสงค์จะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อและหรือใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน จะต้องขออนุมัติจากผู้ใด,"ขออนุมัติต่ออธิบดี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/7 ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการอย่างอื่นซึ่งมิใช่เป็นกิจการค้าปลีก ซึ่งมีความประสงค์จะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อและหรือใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 86/6 จะขออนุมัติต่ออธิบดีพร้อมกับแสดงเหตุผลและความจำเป็นก���ได้ และในการอนุมัติ อธิบดีจะกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/7'}]",ขออนุมัติต่ออธิบดี +อธิบดีมีอำนาจในการกำหนดอะไรบ้างสำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อย,"อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยปฏิบัติตามตามที่เห็นสมควร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/8 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อย อธิบดีมีอำนาจกำหนดลักษณะ และเงื่อนไขของการประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยเพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ได้ +ในการประกอบกิจการรายย่อย ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวไม่จำต้องออกใบกำกับภาษี สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่มีมูลค่าครั้งหนึ่งไม่เกินจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด แต่จำนวนเงินดังกล่าวจะต้องไม่เกินหนึ่งพันบาท ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการจะเรียกร้องให้ออกใบกำกับภาษี และให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่จะให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยปฏิบัติตามที่เห็นสมควร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/8'}]",อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยปฏิบัติตามตามที่เห็นสมควร +ใบเพิ่มหนี้ต้องมีข้อมูลอะไรบ้างตามข้อกำหนด,"ใบเพิ่มหนี้ต้องมีข้อมูลดังนี้: +1. คำว่า “ใบเพิ่มหนี้” ที่เห็นได้เด่นชัด +2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียน และของตัวแทนหากเป็นผู้ออกใบเพิ่มหนี้ +3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ +4. วัน เดือน ปี ที่ออกใบเพิ่มหนี้ +5. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี), มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงในใบกำกับภาษี, มูลค่าที่ถูกต้อง, ผลต่างของจำนวนมูลค่า และจำนวนภาษีที่เรียกเก็บเพิ่ม +6. คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้ +7. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +และให้ถือว่าใบเพิ่มหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภ��ษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/9 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ขายสินค้าหรือให้บริการไปแล้ว แต่ต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่เนื่องจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพราะเหตุการณ์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 82/9 ออกใบเพิ่มหนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถออกใบเพิ่มหนี้ได้ทันในเดือนภาษีที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ให้ออกใบเพิ่มหนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีถัดจากเดือนที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น +ใบเพิ่มหนี้ต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบเพิ่มหนี้” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบเพิ่มหนี้ และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบเพิ่มหนี้ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86 วรรคสี่ หรือมาตรา 86/2 ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย +(3) ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ +(4) วัน เดือน ปี ที่ออกใบเพิ่มหนี้ +(5) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิมรวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม ถ้ามี มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงไว้ในใบกำกับภาษีดังกล่าว มูลค่าที่ถูกต้องของสินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มสำหรับส่วนต่างนั้น +(6) คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้ +(7) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +ให้นำมาตรา 86/4 วรรคสอง มาใช้บังคับ และให้ถือว่าใบเพิ่มหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/9'}]","ใบเพิ่มหนี้ต้องมีข้อมูลดังนี้: +1. คำว่า “ใบเพิ่มหนี้” ที่เห็นได้เด่นชัด +2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียน และของตัวแทนหากเป็นผู้ออกใบเพิ่มหนี้ +3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ +4. วัน เดือน ปี ที่ออกใบเพิ่มหนี้ +5. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี), มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงในใบกำกับภาษี, มูลค่าที่ถูกต้อง, ผลต่างของจำนวนมูลค่า และจำน���นภาษีที่เรียกเก็บเพิ่ม +6. คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้ +7. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +และให้ถือว่าใบเพิ่มหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภาษี" +ใบลดนี้ที่มีข้อความตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 86/10 ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีหรือไม่,"ถือว่าเป็นใบกำกับภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/10 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ขายสินค้าหรือให้บริการไปแล้ว แต่ต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่เนื่องจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนลดลงเพราะเหตุการณ์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 82/10 ออกใบลดหนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถออกใบลดหนี้ได้ทันในเดือนภาษีที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็ให้ออกใบลดหนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีถัดจากเดือนที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น +ใบลดหนี้ต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ +(1) คำว่า “ใบลดหนี้” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด +(2) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบลดหนี้ และในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบลดหนี้ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 86 วรรคสี่ หรือมาตรา 86/2 ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนนั้นด้วย +(3) ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ +(4) วัน เดือน ปี ที่ออกใบลดหนี้ +(5) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม ถ้ามี มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่แสดงไว้ในใบกำกับภาษีดังกล่าว มูลค่าที่ถูกต้องของสินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่ใช้คืนสำหรับส่วนต่างนั้น +(6) คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบลดหนี้ +(7) ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด +ให้นำมาตรา 86/4 วรรคสอง มาใช้บังคับ และให้ถือว่าใบลดหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/10'}]",ถือว่าเป็นใบกำกับภาษี +ใบแทนที่ผู้ประกอบการได้ออกให้ เนื่องจากใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้สูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ต้องมีข้อความใดบ้าง,"ต้องมีรายการเช่นเดียวกับใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ห��ือใบลดหนี้ แล้วแต่กรณี และมีข้อความระบุไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นใบแทนและออกเพื่อแทนใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ฉบับใด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/12 ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้จัดทำใบกำกับภาษีหรือใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้แล้ว ต่อมาหากได้รับการร้องขอจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการซึ่งทำใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้สูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรือใบแทนใบลดหนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด +ใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรือใบแทนใบลดหนี้ ให้มีรายการเช่นเดียวกับใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ แล้วแต่กรณี โดยให้มีข้อความระบุไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นใบแทนและออกเพื่อแทนใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ฉบับใด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/12'}]",ต้องมีรายการเช่นเดียวกับใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ แล้วแต่กรณี และมีข้อความระบุไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นใบแทนและออกเพื่อแทนใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ฉบับใด +ในกรณีที่บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือ ไม่ใช่ผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีได้สามารถออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ มีโทษเช่นใด,"ต้องรับผิดในภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้นั้นเสมือนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/13 ห้ามมิให้บุคคลซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือมิใช่ผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีได้ตามหมวดนี้ ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ +บุคคลใดออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย บุคคลนั้นต้องรับผิดในภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้นั้นเสมือนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/13'}]",ต้องรับผิดในภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้นั้นเสมือนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน +ใบเสร็จรับเงินที่กรมศุลกากรหรือกรมสรรพสามิตออกให้ในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อกรมสรรพากรสำหรับสินค้านำเข้าหรือสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ต้องเสียภาษีสรรพาสามิต มีสถานะเป็นเอกสารประเภทใด,"ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/14 ใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออกให้สำหรับการรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6 หรือตามมาตรา 83/7 และใบเสร็จรับเงินที่กรมศุลกากรหรือกรมสรรพสามิตออกให้ในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อกรมสรรพากรตามมาตรา 83/10 (1) หรือ (2) ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/14'}]",ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี +การลงรายการในรายงานที่จัดทำต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อย่างไร,"การลงรายการในรายงานต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และต้องลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้มาหรือจำหน่ายออกไปซึ่งสินค้าหรือบริการนั้น เว้นแต่จะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่นโดยอธิบดีตามที่เห็นสมควร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ภายใต้บังคับมาตรา 87/1 และมาตรา 87/2 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่จัดทำรายงานเกี่ยวกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังต่อไปนี้ +(1) รายงานภาษีขาย +(2) รายงานภาษีซื้อ +(3) รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้า +ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ให้มีหน้าที่จัดทำรายงานมูลค่าของฐานภาษี และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ +รายงานที่ต้องจัดทำตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ +วิธีลงรายการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และการลงรายการให้ลงภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้มาหรือจำหน่ายออกไปซึ่งสินค้าหรือบริการนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีจำเป็น อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '87'}]",การลงรายการในรายงานต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และต้องลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้มาหรือจำหน่ายออกไปซึ่งสินค้าหรือบริการนั้น เว้นแ���่จะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่นโดยอธิบดีตามที่เห็นสมควร +การจัดทำรายงานโดยตัวแทนตามที่อธิบดีมอบหมายต้องปฏิบัติตามอะไรบ้าง,"การจัดทำรายงานของตัวแทนต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีได้กำหนด + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 87/2 ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานเกี่ยวกับกิจการที่ตนทำการแทนได้ตามที่เห็นสมควร แม้ว่าตัวแทนนั้นจะมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน +การจัดทำรายงานของตัวแทนตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '87/2'}]",การจัดทำรายงานของตัวแทนต้องเป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีได้กำหนด +ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องเก็บและรักษารายงาน ใบกำกับภาษี และเอกสารประกอบการลงรายงานไว้นานเท่าไรตามหลักเกณฑ์ทั่วไป,"ไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันทำรายงาน + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 87/3 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษี และผู้ที่มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เก็บและรักษารายงาน ใบกำกับภาษี สำเนาใบกำกับภาษี พร้อมทั้งเอกสารประกอบการลงรายงานดังกล่าวหรือเอกสารอื่นที่อธิบดีกำหนดไว้ ณ สถานประกอบการที่จัดทำรายงานนั้นหรือสถานที่อื่นที่อธิบดีกำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันทำรายงาน แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '87/3'}]",ไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันทำรายงาน +เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มและเบี้ยปรับได้ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบกำกับภาษีได้หรือไม่,"ได้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม, เบี้ยปรับ, และเงินเพิ่มในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบกำกับภาษีในกรณีภาษีซื้อ หรือสำเนาใบกำกับภาษีในกรณีภาษีขาย พร้อมทั้งหลักฐานอื่นเพื่อการคำนวณภาษีหรือการเครดิตภาษี + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 88 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้ ในเมื่อ +(1) ปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบขนสินค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด +(2) ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินมีหลักฐานแสดงว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบขนสินค้าโดยแสดงจำนวนภาษีที่ต้องเสียต่ำกว่าความเป็นจริง +(3) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร +(4) ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบกำกับภาษีในกรณีภาษีซื้อ หรือสำเนาใบกำกับภาษีในกรณีภาษีขาย พร้อมทั้งหลักฐานอื่นเพื่อการคำนวณภาษีหรือการเครดิตภาษี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88'}]","ได้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม, เบี้ยปรับ, และเงินเพิ่มในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบกำกับภาษีในกรณีภาษีซื้อ หรือสำเนาใบกำกับภาษีในกรณีภาษีขาย พร้อมทั้งหลักฐานอื่นเพื่อการคำนวณภาษีหรือการเครดิตภาษี." +หากเจ้าพนักงานประเมินพบว่ามีการออกเอกสารที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีในลักษณะใด,"เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ที่ออกโดยไม่มีสิทธิ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/1 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้ ในเมื่อปรากฏว่าบุคคลใดออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายตามมาตรา 86/13 โดยให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้นั้นได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/1'}]",เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ที่ออกโดยไม่มีสิทธิ +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการประเมินภาษีอย่างไรหากมีหลักฐานแสดงว่าผู้ประกอบการเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง,"เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีเมื่อมีหลักฐานแสดงว่าผู้ประกอบการเสียภาษีต่ำกว่าควา���เป็นจริง และกำหนดมูลค่าที่ควรได้รับตามฐานะความเป็นอยู่หรือพฤติการณ์ของผู้ประกอบการหรือจากสถิติการค้า + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/2 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 88 และมาตรา 88/1 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ +(1) จัดทำรายการลงในแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบขนสินค้าตามหลักฐานที่เห็นว่าถูกต้อง เมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบขนสินค้า +(2) แก้ไขเพิ่มเติมรายการในแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบขนสินค้าเพื่อให้ถูกต้อง +(3) ประเมินภาษีในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่า ผู้ประกอบการเสียภาษีหรือแสดงมูลค่าของฐานภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/2'}]",เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีเมื่อมีหลักฐานแสดงว่าผู้ประกอบการเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง และกำหนดมูลค่าที่ควรได้รับตามฐานะความเป็นอยู่หรือพฤติการณ์ของผู้ประกอบการหรือจากสถิติการค้า +เมื่อเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตรวจสอบอย่างไรบ้าง,"เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่อยู่ในสถานที่นั้นปฏิบัติการเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และมีอำนาจยึดเอกสารหลักฐานเพื่อตรวจสอบไต่สวนได้ รวมทั้งต้องแสดงบัตรประจำตัวพร้อมหนังสือหรือหลักฐานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อทำการตรวจสอบ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/3 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเข้าไปในสถานประกอบการของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ หรือในสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบการ และทำการตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าผู้ประกอบการได้ปฏิบัติการโดยถูกต้องตามบทบัญญัติในหมวดนี้หรือไม่ ในการนี้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งผู้ประกอบการหรือบุคคลที่อยู่ในสถานที่นั้นให้ปฏิบัติการเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ อันควรแก่เรื่อง และมีอำนาจยึดเอกสารหลักฐานเหล่านั้นมาตรวจสอบไต่สวนได้ +ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานประเมินแสดงบัตรประจำตัวพร้อมทั้งหนังสือหรือหลักฐานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อเข้าไปทำการตรวจสอบ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/3'}]",เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่อยู่ในสถานที่นั้นปฏิบัติการเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และมีอำนาจยึดเอกสารหลักฐานเพื่อตรวจสอบไต่สวนได้ รวมทั้งต้องแสดงบัตรประจำตัวพร้อมหนังสือหรือหลักฐานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อทำการตรวจสอบ. +ในการดำเนินการของเจ้าพนักงานประเมิน เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งการใดบ้าง,"มีอำนาจออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผู้ทำการแทน หรือพยานกับมีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาตรวจสอบไต่สวนได้ หรือออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/4 ในการดำเนินการของเจ้าพนักงานประเมินในส่วนนี้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผู้ทำการแทน หรือพยานกับมีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาตรวจสอบไต่สวนได้ หรือออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ แต่จะต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียก หรือได้รับคำสั่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/4'}]",มีอำนาจออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผู้ทำการแทน หรือพยานกับมีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาตรวจสอบไต่สวนได้ หรือออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ +ในกรณีใดที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือบุคคลที่ออกใบกำกับภาษีจะไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้,"ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือบุคคลที่ออกใบกำกับภาษีจะไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินเพราะเหตุที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/5 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 88 หรือมาตรา 88/1 แล้ว ให้แจ้งการประเมินเป็นหนังสือไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรื��บุคคลตามมาตรา 88/1 ในกรณีนี้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือบุคคลตามมาตรา 88/1 จะใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินตามบทบัญญัติในส่วน 2 ของหมวด 2 ลักษณะ 2 ก็ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินเพราะเหตุตามมาตรา 88 (3) ห้ามมิให้อุทธรณ์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/5'}]",ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือบุคคลที่ออกใบกำกับภาษีจะไม่สามารถอุทธรณ์การประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินเพราะเหตุที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร. +ในกรณีที่มีเหตุควรเชื่อว่าผู้ประกอบการ ผู้นำเข้าหรือผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษี แบบใบขนสินค้าหรือแบบนำส่งภาษีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่สมบูรณ์ เจ้าพนักงานประเมินต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดีประเมินภาษีได้ภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่กำหนดเวลาตาม (1) (ก) (2) และ (3) แล้วแต่กรณี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 88/6 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ +(1) สำหรับผู้ประกอบการ +(ก) สองปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไป แล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนดเวลาดังกล่าว +(ข) สองปีนับแต่วันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีหลังวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาดังกล่าวใน (ก) แต่ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี +(ค) สิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยแสดงฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของฐานภาษีที่แสดงในแบบแสดงรายการภาษี +(2) สำ��รับผู้นำเข้าซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการสองปีนับแต่วันยื่นใบขนสินค้า เว้นแต่กรณีที่ผู้นำเข้ามีข้อโต้แย้งตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเป็นคดีในศาลสองปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยข้อโต้แย้งอากรขาเข้าเป็นหนังสือ หรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +(3) สำหรับผู้ที่มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 มาตรา 83/6 หรือมาตรา 83/7 สองปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลานำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม +ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ประกอบการ ผู้นำเข้าหรือผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษี แบบใบขนสินค้าหรือแบบนำส่งภาษีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่สมบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดีประเมินภาษีได้ภายในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่กำหนดเวลาตาม (1) (ก) (2) และ (3) แล้วแต่กรณี","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '88/6'}]",ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดีประเมินภาษีได้ภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่กำหนดเวลาตาม (1) (ก) (2) และ (3) แล้วแต่กรณี +นกรณีใดที่ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีปลอม,"1.ใบกำกับภาษีที่ผู้ได้รับประโยชน์ไม่สามารถนำพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษี +2. มีการปลอมแปลงข้อมูลของใบกำกับภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือบุคคลตามมาตรา 86/13 เสียเบี้ยปรับในกรณีและตามอัตราดังต่อไปนี้ + +(7) นำใบกำกับภาษีปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ในการคำนวณภาษีให้เสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีนั้น +ในกรณีใบกำกับภาษีที่ผู้ได้รับประโยชน์ไม่สามารถนำพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษี ให้ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีปลอม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '89'}]","1. ใบกำกับภาษีที่ผู้ได้รับประโยชน์ไม่สามารถนำพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษี +2. มีการปลอมแปลงข้อมูลของใบกำกับภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน" +การคำนวณเบี้ยปรับที่ไม่ได้ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาเริ่มรับตั้งแต่เมื่อใด,"เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือยื่นแบบนำส่งภาษีตามส่วน 7 จนถึงวันชำระภาษีหรือนำส่งภาษี แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่ง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 89/1 บุคคลใดไม่ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามบทบัญญัติในหมวดนี้ ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ +ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้ขยายเวลาเสียภาษีตามที่กำหนดในมาตรา 3 อัฎฐและได้มีการชำระภาษีหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน +การคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือยื่นแบบนำส่งภาษีตามส่วน 7 จนถึงวันชำระภาษีหรือนำส่งภาษี แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '89/1'}]",เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือยื่นแบบนำส่งภาษีตามส่วน 7 จนถึงวันชำระภาษีหรือนำส่งภาษี แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่ง +เบี้ยปรับถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่,"ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 89/2 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มตามหมวดนี้ให้ถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '89/2'}]",ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม +ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด  หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 87/3 + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 90 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท +(10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราวตามมาตรา 85/12","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90'}]",มีความผิด +ในกรณีที่ ตัวแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักรจัดทำรายงานโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด  หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 85/7 + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎา��ร มาตรา 90/1 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท +(3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติมหรือปิดสถานประกอบการตามมาตรา 85/7 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/1'}]",มีความผิด +ในกรณีที่ ตัวแทนออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด  หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 86 วรรคสี่ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/2 ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/2 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ +(5) ตัวแทนออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 86 วรรคสี่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/2'}]",มีความผิด +ผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินโดยไม่ได้รับอนุมัติ ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด  หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 86/6 วรรคหก หรือมาตรา 86/7 + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/3 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ +(2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินโดยไม่ได้รับอนุมัติตามมาตรา 86/6 วรรคหก หรือมาตรา 86/7","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/3'}]",มีความผิด +ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ลงรายการหรือลงรายการเป็นเท็จในรายงานหรือตามที่อธิบดีกำหนดถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด  หากไม่ลงรายการหรือลงรายการเป็นเท็จในรายงานตามมาตรา 87 หรือตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 87/1 + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/4 บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท +(4) ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ลงรายการหรือลงรายการเป็นเท็จในรายงานตามมาตรา 87 หรือตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 87/1","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/4'}]",มีความผิด +หากผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลนั้นๆได้สั่งการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำบุคคล ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"ไม่มีความผิด ยกเว้นในกรณีที่หุ้นส่วนบริษัทนั้นๆเป็นกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/5 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามหมวดนี้เป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '90/5'}]",ไม่มีความผิด ยกเว้นในกรณีที่หุ้นส่วนบริษัทนั้นๆเป็นกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด +คำนิยามของรายรับ ตามประมวลรัษฎากรหมายความว่าอะไร,"เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/1 ในหมวดนี้ (1) “รายรับ” หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/1'}]",เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ +ในกรณีที่บุคคลอยู่นอกราชอาณาจักรประกอบกิจการ โดยผ่านสถานประกอบการหรือตัวแทนของตนที่อยู่ในราชอาณาจักร ให้ถือว่าเป็นการประกอบกิจการในราชอาณาจักรหรือไม่,"ให้ถือว่าประกอบกิจการในราชอาณาจักร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2 ในกรณีที่บุคคลอยู่นอกราชอาณาจักรประกอบกิจการ โดยผ่านสถานประกอบการหรือตัวแทนของตนที่อยู่ในราชอาณาจักร ให้ถือว่าประกอบกิจการในราชอาณาจักรตามมาตรานี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/2'}]",ให้ถือว่าประกอบกิจการในราชอาณาจักร +กิจการของการเคหะแห่งชาติใดที่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ,"กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการขายหรือให้เช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/3 ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการดังต่อไปนี้ +(5) กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการขายหรือให้เช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/3'}]",กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการขายหรือให้เช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ +กิจการเฉพาะอย่างใดที่ให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4,"(1) กิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 +(2) กิจการเฉพาะอย่างที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นกิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/4 กิจการเฉพาะอย่างของกิจการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91/2 ดังต่อไปนี้ ให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 +(1) กิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 +(2) กิจการเฉพาะอย่างที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นกิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/4'}]",(1) กิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 (2) กิจการเฉพาะอย่างที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 91/2 ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นกิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม +รายรับจากการประกอบกิจการของกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรคืออะไร,"รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/5 ฐานภาษีสำหรับการประกอบกิจการตามบทบัญญัติในหมวดนี้ได้แก่รายรับดังต่อไปนี้ ที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับหรือพึงได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการ +(6) สำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/5'}]",รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น +ลูกจ้างของผู้ประกอบกิจการอยู่นอกราชอาณาจักร เป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/7 ให้บุคคลซึ่งประกอบกิจการที่อยู่ภายใต้บังคับของหมวดนี้มีหน้าที่เสียภาษีตามบทบัญญัติในหมวดนี้ +ในกรณีผู้ประกอบกิจการอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมตลอดถึงลูกจ้าง ตัวแทนหรือผู้ทำการแทน ซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีร่วมกับบุคคลตามวรรคหนึ่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/7'}]",มีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร +ผู้มีหน้าที่เสียภาษีสำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรต้องเสียภาษีในอัตราเท่าไรเมื่อจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์,"เสียภาษีตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/8 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เสียภาษีโดยคำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 91/5 ในเดือนภาษีของผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ตามมาตรา 91/6 แต่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีตามบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ในส่วน 2 หมวด 2 ลักษณะ 2 +การคำนวณรายรับตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามวิธีการ หลักเกณฑ์ และการปฏิบัติทางบัญชี และเพื่อประโยชน์ในการคำนวณรายรับ เมื่อได้เลือกปฏิบัติเป็นอย่างใดแล้วให้ถือปฏิบัติเป็นอย่างเดียวกันตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้เปลี่ยนแปลงได้ +ความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) และให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีกรณีดังกล่าวเสียภาษีโดยคำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 91/5 (6) ในขณะที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในมาตรา 91/6 รวมทั้งมีสิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีตามบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ในส่วน 2 หมวด 2 ลักษณะ 2","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/8'}]",เสียภาษีตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม +หากตัวแทนของผู้ขายเป็นผู้หักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขาย ในนามของผู้ขาย ผู้ขายจำเป็นต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีกหรือไม่,"ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีแล้ว + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/9 ในกรณีกิจการขายหลักทรัพย์ตามมาตรา 91/2 (7) ให้สมาชิกที่เป็นตัวแทนของผู้ขายหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขาย และยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามมาตรา 91/10 แทนผู้ขายในนามของตนเอง โดยผู้ขายไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก และให้ถือว่าสมาชิกเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะในกรณีนี้ด้วย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/9'}]",ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีแล้ว +ในกรณีของกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ต้องดำเนินการยื่นภาษีอย่างไร,"ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีกรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด ในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับชำระภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/10 ... +ความในวรรคหนึ่งถึงวรรคสี่มิให้ใช้บังคับแก่การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีของผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) และให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีกรณีดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด ในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับชำระภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น +ในการชำระภาษีตามวรรคห้า ให้กรมที่ดินเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อกรมสรรพากรและห้ามพนักงานเจ้าหน้าที���ลงนามรับรู้ ยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้รับเงินภาษีที่ต้องชำระให้ครบถ้วนถูกต้องแล้ว +ภาษีที่ได้ชำระแล้วตามวรรดห้า ให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/10'}]",ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีกรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด ในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับชำระภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น +การยื่นขอคืนภาษีธุรกิจต้องยื่น ณ สถานที่ใด,"ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ +เว้นแต่ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งหรือ ณ สถานที่อื่น + +หากแต่ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสถานประกอบการหลายแห่ง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้แยกยื่นเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/11 การขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ +(1) ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภาษีภายในสามปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี +(2) คำร้องขอคืนภาษีให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งหรือ ณ สถานที่อื่นตามมาตรา 91/10 วรรคสี่ ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่แห่งนั้น + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/10 ... +ถ้าผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสถานประกอบการหลายแห่ง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้แยกยื่นเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนดตามวรรคสามก็ได้ และเมื่ออธิบดีพิจารณาเ���็นสมควรจะอนุมัติก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/11'}]",ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งหรือ ณ สถานที่อื่น +ในการขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะต้องดำเนินการที่ใด,"ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ +ถ้าผู้กระทำกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/12 บุคคลซึ่งประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 โดยกิจการนั้นไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 91/3 และผู้ประกอบกิจการไม่ได้รับยกเว้นการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/13 ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายในสามสิบวันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ +คำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ +ถ้าผู้กระทำกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/12'}]",ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ถ้าผู้กระทำกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่. +ผู้ประกอบกิจการใดไม่ต้องจดทะเบียนธุรกิจเฉพาะ,"(1) ผู้ประกอบกิจการขายหลักทรัพย์ตามมาตรา +(2) ผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว +(3) ผู้ประกอบกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร +ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่จะพิจารณากำหนดว่าการประกอบกิจการในลักษณะใดเป็นการประกอบกิจการชั่วคราว + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/13 ผู้ประกอบกิจการดังต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ +(1) ผู้ประกอบกิจการขายหลักทรัพย์ตามมาตรา 91/2 (7) +(2) ผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว +(3) ผู้ประกอบกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร +ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่จะพิจารณากำหนดว่าการประกอบกิจการในลักษณะใดเป็นการประกอบกิจการชั่วคราวตาม (2)","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/13'}]",(1) ผู้ประกอบกิจการขายหลักทรัพย์ตามมาตรา 91/2 (7) (2) ผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว (3) ผู้ประกอบกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร +ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเฉพาะธุรกิจจะต้องทำรายงานประเภทด,"รายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เป็นรายสถานประกอบการ ตามแบบที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/14 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหน้าที่ทำรายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี +รายงานที่ต้องจัดทำตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดและให้จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ +วิธีลงรายการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดและการลงรายการในรายงานให้ลงภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีรายรับ ทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีที่อธิบดีเห็นสมควรสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทหรือในกรณีจำเป็นเฉพาะราย อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/14'}]",รายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เป็นรายสถานประกอบการ ตามแบบที่อธิบดีกำหนด +ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินมีหลักฐานแสดงว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้อง หรือมีข้อผิดพลาดทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป,"มีอำนาจ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/15 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มตามหมวดนี้ ในเมื่อ +(2) ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินมีหลักฐานแสดงว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้อง หรือมีข้อผิดพลาดทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/15'}]",มี���ำนาจ +ในการกำหนดดอกเบี้ย ราคาทรัพย์สิน หรือค่าบริการตามราคาตลาด เจ้าพนักงานประเมินต้องดำเนินการอย่างไร,"กำหนดตาราคาตลาด ณ วันที่ให้กู้ยืมเงิน วันที่โอน หรือให้บริการ แต่ในกรณีที่การให้กู้ยืมเงิน การโอนทรัพย์สิน หรือการให้บริการนั้นไม่มีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการ หรือมีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/16 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 91/15 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ +(6) กำหนดดอกเบี้ย ราคาทรัพย์สิน หรือค่าบริการตามราคาตลาดในวันให้กู้ยืมเงิน วันที่โอน หรือให้บริการ ในกรณีที่การให้กู้ยืมเงิน การโอนทรัพย์สิน หรือการให้บริการนั้นไม่มีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการ หรือมีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/16'}]",กำหนดตาราคาตลาด ณ วันที่ให้กู้ยืมเงิน วันที่โอน หรือให้บริการ แต่ในกรณีที่การให้กู้ยืมเงิน การโอนทรัพย์สิน หรือการให้บริการนั้นไม่มีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการ หรือมีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร +ในกรณีที่ภาษีในเดือนนั้นเป็นจำนวน 100 บาท จำเป็นต้องเสัยภาษีหรือไม่,"ต้องเสียภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/17 ภาษีตามหมวดนี้ ถ้าในเดือนภาษีใดมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทเป็นอันไม่ต้องเสียสำหรับเดือนภาษีนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/17'}]",ต้องเสียภาษี +ในกรณีผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร ให้บุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการดังไม่ดำเนินการจดทะเบียนของผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร มีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"เป็นความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/18 เนื่องจากในกรณีผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร ให้บุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะของผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 91/12 วรรค 5 + +คำอธิบายประมวลรัษฎากร มาตรา 91/18 +บุคคลตามมาตรา 91/12 วรรคห้า ละเลยไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนของผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ต้องระวางโ��ษเช่นเดียวกับวรรคหนึ่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/18'}]",เป็นความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/18 เนื่องจากในกรณีผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร ให้บุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะของผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 91/12 วรรค 5 +ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะได้ทำรายงานแต่ไม่ได้ทำรายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี ถือว่ามีความผิดหรือไม่,"เป็นความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/19 ประกอบมาตรา 91/14 เนื่องจากประมวลกฎหมายรัษฎากรได้กำหนดให้ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหน้าที่ทำรายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/19 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะผู้ใด ไม่จัดทำรายงานตามมาตรา 91/14 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/19'}]",เป็นความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/19 ประกอบมาตรา 91/14 เนื่องจากประมวลกฎหมายรัษฎากรได้กำหนดให้ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหน้าที่ทำรายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี +ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะลงรายงานเกิน 4 วันนับจากวันที่มีรายรับ โดยไม่ได้รับความเก็นชอบจากอธิบดี ถือว่าเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,"มีความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/20 ประกอบ มาตรา 91/14 วรรคสอง เนื่องด้วย วิธีลงรายการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดและการลงรายการในรายงานให้ลงภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีรายรับ ทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีที่อธิบดีเห็นสมควรสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทหรือในกรณีจำเป็นเฉพาะราย อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้ ตาม มาตรา 91/14 วรรคสอง + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/20 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะผู้ใด จัดทำรายงานโดยไม่เป็นไปตามแบบหรือไม่จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ หรือลงรายการในรายงานไม่เป็นไปตามหลักเก��ฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 91/14 วรรคสองหรือวรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/20'}]",มีความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/20 ประกอบ มาตรา 91/14 วรรคสอง เนื่องด้วย วิธีลงรายการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดและการลงรายการในรายงานให้ลงภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีรายรับ +ในเรื่องเครดิตภาษีและการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องดำเนินการอย่างไร,"ให้นำ มาตรา 84/3 แห่งประมวลรัษฎากรมาบังคับใช้โดยอนุโลม กล่าวคือ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ได้รับคืนภาษีได้รับดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวงแต่ไม่ให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้ + +คำอธิบาย +ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/21 ให้นำบทบัญญัติในหมวด 4 ดังต่อไปนี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลม +(2) ส่วน 8 เครดิตภาษีและการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรา 84/3 + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 84/3 การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ได้รับคืนภาษีได้รับดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 4 ทศ + +ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทศ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง +ดอกเบี้ยที่ให้ตามวรรคหนึ่ง มิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/21'}]",ให้นำ มาตรา 84/3 แห่งประมวลรัษฎากรมาบังคับใช้โดยอนุโลม กล่าวคือ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ได้รับคืนภาษีได้รับดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวงแต่ไม่ให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้. +บันทึกหรือหนังสือใด ที่ถือว่าเป็นใบรับตามประมวลรัษฎากร,"บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับ ได้รับฝากหรือได้รับชำระเงินหรือตั๋วเงิน หรือ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าหนี้หรือส���ทธิเรียกร้องได้ชำระหรือปลดให้แล้ว โดยจะมีลายมือชื่อของบุคคลใดๆหรือไม่ก็ได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 103 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น + +“ใบรับ” หมายความว่า +(ก) บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับ ได้รับฝากหรือได้รับชำระเงินหรือตั๋วเงิน หรือ +(ข) บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าหนี้หรือสิทธิเรียกร้องได้ชำระหรือปลดให้แล้ว +บันทึก หรือหนังสือที่กล่าวนั้นจะมีลายมือชื่อของบุคคลใด ๆ หรือไม่ ไม่สำคัญ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '103'}]",บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับ ได้รับฝากหรือได้รับชำระเงินหรือตั๋วเงิน หรือ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าหนี้หรือสิทธิเรียกร้องได้ชำระหรือปลดให้แล้ว โดยจะมีลายมือชื่อของบุคคลใดๆหรือไม่ก็ได้ +ในกรณีที่ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดตามประมวลรัษฎากรจะต้องปิดแสตมป์ตามอัตราใด,"ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 104 ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '104'}]",ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น +ในกรณีใดที่สามารถถือได้เอาว่าใบกำกับภาษีนั้นเป็นใบรับที่ผู้ขาย ให้เช่าซื้อ ผู้รับเงิน หรือผู้รับชำระราคาต้องออกใบรับให้แก่ผู้ซื้อ ผู้เช่าซื้อ ผู้จ่ายเงินหรือผู้ชำระราคา ได้,"ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความแสดงว่าได้รับเงินหรือรับชำระราคาแล้ว + +คำอธิบาย +ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความแสดงว่าได้รับเงินหรือรับชำระราคาแล้ว จะถือเอาใบกำกับภาษีนั้นเป็นใบรับที่ต้องออกตามมาตรานี้ก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '105'}]",ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความแสดงว่าได้รับเงินหรือรับชำระราคาแล้ว +ใบรับและต้นขั้ว หรือสำเนาใบรับจากผู้มีหน้าที่ออกใบรับจากการขายสินค้าหรือบริการที่ได้รับการชำระไม่ถึงจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด ต้องมีข้อความใดปรากฏบ้าง,"ต้องมีตัวเลขไทยหรืออารบิค และอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้ +(1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ +(2) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ +(3) เลขลำดับของเล่มและของใบรับ +(4) วันเดือนปีที่ออกใบรับ +(5) จำนวนเงินที่รับ +(6) ชนิด ชื่อ จำนวนเงินและราคาสินค้าในกรณีการขายหรือให้เช่าซื้อสินค้าเฉพาะชนิดที่มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยบาทขึ้นไป + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 105 ทวิ ในการออกใบรับ ให้ผู้มีหน้าที่ออกใบรับตามมาตรา 105 (1) หรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับตามมาตรา 105 (2) เฉพาะผู้ซึ่งกระทำเป็นปกติธุระ ทำต้นขั้วหรือสำเนาใบรับ และเก็บต้นขั้วหรือสำเนาใบรับดังกล่าวไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ออกใบรับ +ถ้าปรากฏว่าการรับเงินหรือรับชำระราคาที่ต้องทำต้นขั้วหรือสำเนาใบรับตามวรรคหนึ่ง ไม่มีต้นขั้วหรือสำเนาใบรับให้สันนิษฐานว่าไม่ได้ออกใบรับ +ใบรับและต้นขั้ว หรือสำเนาใบรับตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องมีตัวเลขไทยหรืออารบิค และอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้ +(1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ +(2) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ +(3) เลขลำดับของเล่มและของใบรับ +(4) วันเดือนปีที่ออกใบรับ +(5) จำนวนเงินที่รับ +(6) ชนิด ชื่อ จำนวนเงินและราคาสินค้าในกรณีการขายหรือให้เช่าซื้อสินค้าเฉพาะชนิดที่มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยบาทขึ้นไป +ในกรณีผู้ผลิต ผู้นำเข้าหรือผู้ขายส่ง ขายสินค้าให้แก่ผู้ซึ่งทำการค้าสินค้าประเภทเดียวกับสินค้าที่ขายนั้นให้แสดงชื่อหรือยี่ห้อและที่อยู่ของผู้ซื้อไว้ในใบรับที่ต้องออกตามวรรคหนึ่งด้วยทุกคราวที่ได้รับชำระเงินหรือชำระราคา ข้อความในใบรับเช่นว่านี้ ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับไว้ด้วย +ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่กิจการตามที่กำหนดในกฎกระทรวง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '105 ทวิ'}]",ต้องมีตัวเลขไทยหรืออารบิค และอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้ (1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ (2) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ (3) เลขลำดับของเล่มและของใบรับ (4) วันเดือนปีที่ออกใบรับ (5) จำนวนเงินที่รับ (6) ชนิด ชื่อ จำนวนเงินและราคาสินค้าในกรณีการขายหรือให้เช่าซื้อสินค้าเฉพาะชนิดที่มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยบาทขึ้นไป. +ในกรณีใดที่ผู้ประกอบก���รจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องรวมเงินที่รับมาเฉพาะในกรณีดังกล่าวทุกครั้งและเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ได้จำนวนเท่าใด ให้ทำบันทึกจำนวนเงินนั้นรวมขึ้นเป็นวัน ๆ ตามแบบที่อธิบดีกำหนดและเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันทำบันทึก,"กรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะรับเงินหรือรับชำระราคาจากการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 และการรับเงินหรือรับชำระราคาจากการกระทำกิจการของผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 ซึ่งรวมเงินหรือราคาที่ได้รับชำระแต่ละครั้งเกินจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 105 ตรี ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ รับเงินหรือรับชำระราคามีจำนวนครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึงจำนวนที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 105 (1) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมเงินที่รับมาเฉพาะในกรณีดังกล่าวทุกครั้งและเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ได้จำนวนเท่าใด ให้ทำบันทึกจำนวนเงินนั้นรวมขึ้นเป็นวัน ๆ ตามแบบที่อธิบดีกำหนดและเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันทำบันทึก","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '105 ตรี'}]",กรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะรับเงินหรือรับชำระราคาจากการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 และการรับเงินหรือรับชำระราคาจากการกระทำกิจการของผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 ซึ่งรวมเงินหรือราคาที่ได้รับชำระแต่ละครั้งเกินจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด. +ใบส่งของและสำเนาใบส่งของที่ผู้ประกอบการนั้นเป็นผู้นำเข้าสินค้าตามหมวด 4 อันได้แก่พวกสินค้าที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีข้อความปรากฏอย่างไรบ้าง,"ต้องมีตัวเลขและอักษรไทยให้��รากฏข้อความต่อไปนี้ +(1) ชื่อ หรือยี่ห้อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย +(2) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้ซื้อ +(3) เลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) และของใบส่งของ +(4) วัน เดือน ปี ที่ออกใบส่งของ +(5) ชนิด ชื่อ จำนวน และราคาของสินค้าที่ขายตัวเลขไทยนั้นจะใช้เลขอารบิคแทนก็ได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 105 จัตวา ในการขายสินค้าให้ผู้ประกอบการตามหมวด 4 ที่เป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออกหรือผู้ขายส่ง เมื่อมีการขายสินค้าให้ออกใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อและให้ทำสำเนาเก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี นับแต่วันที่ออกใบส่งของ +ใบส่งของและสำเนาตามความในวรรคก่อน อย่างน้อยต้องมีตัวเลขและอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้ +(1) ชื่อ หรือยี่ห้อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย +(2) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้ซื้อ +(3) เลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) และของใบส่งของ +(4) วัน เดือน ปี ที่ออกใบส่งของ +(5) ชนิด ชื่อ จำนวน และราคาของสินค้าที่ขายตัวเลขไทยนั้นจะใช้เลขอารบิคแทนก็ได้ +ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 ซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความแสดงว่าได้ส่งสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้ว จะถือเอาใบกำกับภาษีนั้นเป็นใบส่งของที่ต้องออกตามมาตรานี้ก็ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '105 จัตวา'}]","ต้องมีตัวเลขและอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้ +(1) ชื่อ หรือยี่ห้อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย +(2) ชื่อ หรือยี่ห้อของผู้ซื้อ +(3) เลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) และของใบส่งของ +(4) วัน เดือน ปี ที่ออกใบส่งของ +(5) ชนิด ชื่อ จำนวน และราคาของสินค้าที่ขายตัวเลขไทยนั้นจะใช้เลขอารบิคแทนก็ได้" +ใบรับที่ผู้มีส่วนได้เสียได้เรียกร้องให้มีการออกใบรับแม้ไม่จำเป็นที่ต้องออกใบรับตามประมวลกฎหมายรัษฎากร จะต้องเป็นใบรัยที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์หรือไม่,"ต้องเป็นใบรับที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 106 ใบรับที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แม้ไม่อยู่ในบังคับให้จำต้องออกใบรับตามความในมาตรา 105เมื่อผู้มีส่วนได้เสียเรียกร้อง ผู้มีหน้าที่ออกใบรับต้องออกให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้อง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '106'}]",ต้องเป็นใบรับที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ +ในกรณีใดที่ตราสารหนึ่งฉบับสามารถ��ีลักษณะตราสารหลายๆเรื่องระบุไว้ในฉบับเดียวกันหรือแผ่นเดียวกันได้ โดยไม่ต้องปิดแสตมป์แยกเป็นเรื่องๆ,"กรณีที่โดยสภาพ ตราสารนั้นๆไม่จำเป็นจะต้องแยกกัน + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 108 ถ้าทำตราสารหลายลักษณะตามที่ระบุในบัญชีท้ายหมวดนี้บนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น เช่าและกู้ยืมรวมกันไว้ หรือทำตราสารลักษณะเดียวกันหลายเรื่องบนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น ขายของสิ่งหนึ่งให้แก่คนหนึ่ง และขายอีกสิ่งหนึ่งให้แก่อีกคนหนึ่ง ซึ่งตามสภาพควรจะแยกกัน ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ ให้ปรากฏว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '108'}]",กรณีที่โดยสภาพ ตราสารนั้นๆไม่จำเป็นจะต้องแยกกัน +ในกรณีที่สัญญาซึ่งเป็นตราสารที่เกิดโดยมีหนังสือโต้ตอบกันและมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ตะถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว,"ถ้าพิสูจน์ได้ว่า หนังสือฉบับหนึ่งฉบับใดที่จำเป็นในการทำให้เกิดสัญญานั้นขึ้น ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์แล้ว ให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 109 สัญญาใดเป็นตราสาร ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีหนังสือโต้ตอบกันและมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ถ้าพิสูจน์ได้ว่า หนังสือฉบับหนึ่งฉบับใดที่จำเป็นในการทำให้เกิดสัญญานั้นขึ้น ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์แล้ว ให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '109'}]",ถ้าพิสูจน์ได้ว่า หนังสือฉบับหนึ่งฉบับใดที่จำเป็นในการทำให้เกิดสัญญานั้นขึ้น ได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าแสตมป์แล้ว ให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว +ในกรณีใดที่คู่ฉบับหรือคู่ฉีกนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรสำหรับตราสารต้นฉบับและขีดฆ่า ถึงจะคือว่าบริบูรณ์ตามประมวลรัษฏากร,"ไม่ได้นำนำตราสารต้นฉบับหรือพยานหลักฐานมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าตราสารต้นฉบับนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร ม��ตรา 110 คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสารใด แม้จะได้ปิดแสตมป์สำหรับคู่ฉบับหรือคู่ฉีกนั้นตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้แล้วก็ดี ถ้ามิได้นำตราสารต้นฉบับหรือพยานหลักฐานมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าตราสารต้นฉบับนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว มิให้ถือว่าคู่ฉบับหรือคู่ฉีกนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรสำหรับตราสารต้นฉบับและขีดฆ่าแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '110'}]",ไม่ได้นำนำตราสารต้นฉบับหรือพยานหลักฐานมาแสดงให้เป็นที่พอใจว่าตราสารต้นฉบับนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว +ในกรณีที่ผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศไทย ไม่ได้ชำระอากรและขีดฆ่าแสตมป์ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตราสารนั้นถือเอาประโยชน์ได้เมื่อใด,"ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งแห่งตราสารต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าก่อน แล้วจึงจะยื่นตราสารเพื่อให้จ่ายเงิน รับรอง สลักหลัง โอน หรือถือเอาประโยชน์ได้ + +คำอธิบาย +ประมวลรัษฎากร มาตรา 111 ถ้าตราสารที่ต้องเสียอากรได้ทำขึ้นนอกสยาม ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในสยามต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสารนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ให้ถือว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ +ถ้ามิได้ปฏิบัติตามความในวรรคก่อน ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งแห่งตราสารต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าก่อน แล้วจึงจะยื่นตราสารเพื่อให้จ่ายเงิน รับรอง สลักหลัง โอน หรือถือเอาประโยชน์ได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '111'}]",ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งแห่งตราสารต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าก่อน แล้วจึงจะยื่นตราสารเพื่อให้จ่ายเงิน รับรอง สลักหลัง โอน หรือถือเอาประโยชน์ได้ +หากผู้รับตั๋วเป็นเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่า แต่ไม่ประสงค์จะใช้สทิธิไล่เบี้ย สามารถทำเช่นใดได้,"หักค่าอากรจากเงินที่จะชำระ + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 112 ถ้าตั๋วเงินที่ยื่นให้ชำระเงินมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้รับตั๋วจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่า และใช้สิทธิไล่เบี้ยจากผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้","[{'law': 'ปร��มวลรัษฎากร', 'sections': '112'}]",หักค่าอากรจากเงินที่จะชำระ +ผู้ถูกเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มอากรสามารถอุทรณ์คำสั่งได้หรือไม่,"ได้ + +คำอธิบาย : เงินอากรและเงินเพิ่มอากรที่กล่าวในมาตรา 113 และมาตรา 114 นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดการเรียกเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียอากรก่อน ถ้าไม่ได้เงินจากผู้มีหน้าที่เสียอากร จึงให้จัดการเรียกเก็บจากผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสารนั้น + +ผู้ถูกเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มอากรตามความในวรรคก่อนจะอุทธรณ์คำสั่งก็ได้ ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ตามส่วน 2 หมวด 2 ลักษณะ 2 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '115'}]",ได้ +การชำระเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติเช่นไรต่อ,"ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินและสลักหลังตราสารหรือทำหลักฐานขึ้นในกรณีไม่มีตราสาร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 116 วิธีเสียเงินอากรและเงินเพิ่มอากรดังบัญญัติไว้ในมาตรา113 หรือมาตรา 114 ให้เสียโดยวิธีชำระเป็นตัวเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับชำระเงินแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินและสลักหลังตราสารหรือทำหลักฐานขึ้นในกรณีไม่มีตราสาร ทั้งนี้เพื่อแสดงการรับเงินอากรและเงินเพิ่มอากรถ้ามีตลอดทั้งชื่อและตำบลที่อยู่ของผู้เสียเงิน แล้วลงชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่และวันเดือนปีไว้เป็นสำคัญ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '116'}]",ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินและสลักหลังตราสารหรือทำหลักฐานขึ้นในกรณีไม่มีตราสาร +ส่วนเงินเพิ่มอากรที่เรียกเก็บ ถือเป็นเงินอากรหรือไม่,"ถือว่าเป็นเงินอากร + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 117 ระบุว่า ส่วนเงินเพิ่มอากรที่เรียกเก็บให้ถือเป็นเงินอากร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '117'}]",ถือว่าเป็นเงินอากร +ในกรณีใดที่ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้น สามารถนำมาเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้,"เมื่อได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพ��านหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '118'}]",เมื่อได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว +เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ ในตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรู้ เมื่อมีการชำระอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนหรือไม่,"ไม่ได้ เนื่องจากจะต้องมีการเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว + +คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 119 ตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรู้ก็ดี ตราสารซึ่งต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลก็ดี ตราสารซึ่งต้องให้เจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลลงบันทึกก็ดี ห้ามมิให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ ยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '119'}]",ไม่ได้ เนื่องจากจะต้องมีการเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว +ในกรณีที่บุคคลผู้เสียอากรนั้นเสียอากรเพิ่ม แต่ไม่มีหน้าที่เป็นผู้เสียตามบทบัญญัติของกฎหมาย สามารถดำเนินการอย่างไรได้,"มีสิทธิไล่เบี้ยเอาค่าเพิ่มอากรซึ่งตนได้เสียไปจากบุคคลผู้มีหน้าที่เสียได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 120 ผู้ใดได้เสียค่าเพิ่มอากรโดยมิใช่เป็นผู้มีหน้าที่เสีย ผู้นั้นมีสิทธิไล่เบี้ยเอาค่าเพิ่มอากรซึ่งตนได้เสียไปจากบุคคลผู้มีหน้าที่เสียได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '120'}]",มีสิทธิไล่เบี้ยเอาค่าเพิ่มอากรซึ่งตนได้เสียไปจากบุคคลผู้มีหน้าที่เสียได้ +ในกรณีที่เป็นบุคคลผู้กระทำการในนามของรัฐบาล มีหน้าที่ต้องเสียอากรไหม,"ไม่มีหน้าที่ต้องเสียอากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 121 ถ้าฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาล เจ้าพนักงานผู้กระทำงานของรัฐบาลโดยหน้าที่ บุคคลผู้กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัดวาอาราม และองค์การศาสนาใด ๆ ในราชอาณาจักรซึ่งเป็นนิติบุคคล อากรเป็นอันไม่ต้องเสีย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '121'}]",ไม่มีหน้าที่ต้องเสียอากร +ในกรณีที่เสียค่าอากรไม่น้อยกว่า 2 บาท สำหรับตราสารลักษณะเดียวหรือเรื่องเดียว อธิยดีสามารถคืนค่าอากรแก่ผู้เสียอากรได้ไหม หากมีการจ่ายเกินจริง,"สามารถคืนค่าอากรที่เกินไปนั้นได้ หากได้รับคำร้องภายในระยะเวลาที่กำหนด + +คำอธิบาย ผู้ใดได้เสียค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรเกินไปไม่น้อยกว่า 2 บาท สำหรับตราสารลักษณะเดียวหรือเรื่องเดียว ผู้นั้นชอบที่จะทำคำร้องเป็นหนังสือยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่ออธิบดีเห็นว่าเกินไปจริงก็ให้คืนค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรที่เกินไปนั้นแก่ผู้เสียอากรได้ แต่คำร้องที่กล่าวนั้นต้องยื่นภายในเวลา 6 เดือน นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากรและต้องประกอบด้วยคำชี้แจงหรือเอกสารซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่หรืออธิบดีเห็นสมควรให้ยื่นสนับสนุนคำร้อง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '122'}]",สามารถคืนค่าอากรที่เกินไปนั้นได้ หากได้รับคำร้องภายในระยะเวลาที่กำหนด +สถานที่ใดที่ พนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายตรวจมีอำนาจเข้า เมื่อมีเหตุอันควรเพื่อ เพื่อทำการตรวจสอบตราสารว่า ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามความในมาตรา 104,"ในสถานการค้า หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดทำการของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 123 เมื่อมีเหตุสมควร พนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายตรวจมีอำนาจเข้าไปในสถานการค้า หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดทำการของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น เพื่อทำการตรวจสอบตราสารว่า ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือไม่","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '123'}]",ในสถานการค้า หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาที่เปิดทำการของสถานการค้าหรือสถานที่นั้น +การกำหนดวิธีการให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรปฏิบัติ สามารถใช้บังคับได้เมื่อใด,"อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรี + +คำอธิบาย เพื่อให้การเสียอากรในหมวดนี้เป็นไปโดยรัดกุม ให้อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรี มีอำนาจกำหนดวิธีการให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรปฏิบัติ การกำหนดวิธีการเช่นว่านี้เมื่อได้ประกาศในราชกิจจาน��เบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '123 ทวิ'}]",เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ +ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้กำหนดจำนวนเงินอากรให้ผู้ออกใบรับมีหน้าที่เสียค่าอากร ผู้ออกใบรับสามารถอุทรณ์คำสั่งได้กล่าวได้หรือไม่,"สามารถอุทรณ์ได้ + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 123 ตรี ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำนวนเงินที่แสดงไว้ในใบรับตามลักษณะแห่งตราสาร 28. (ข) และ (ค) แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ต่ำไป พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจกำหนดจำนวนเงินที่แสดงไว้ในใบรับนั้นตามจำนวนเงินที่สมควรได้รับตามปกติ และให้ผู้ออกใบรับมีหน้าที่เสียค่าอากรจากจำนวนเงินที่กำหนดนั้น + +ผู้ออกใบรับซึ่งถูกกำหนดจำนวนเงินตามวรรคหนึ่งจะอุทธรณ์การกำหนดจำนวนเงินนั้นก็ได้ ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ตามส่วน 2 หมวด 2 ลักษณะ 2 มาใช้บังคับโดยอนุโลม","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '123 ตรี'}]",สามารถอุทรณ์ได้ +ในกรณีที่บุคคลนั้นมีหน้าที่เสียอากรแต่เพิกเฉยหรือปฏิเสธในการชำระ มีความผิดหรือไม่,"มีความผิด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 124 ผู้ใดมีหน้าที่เสียอากร เพิกเฉยหรือปฏิเสธไม่เสียอากรต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '124'}]",มีความผิด +ในกรณีที่บุคคลหนึ่งได้ออกใบรับหลายๆฉบับอันเป็นการแบ่งแยกมูลค่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากร มีความผิดหรือไม่,"มีความผิด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 125 ผู้ใดแบ่งแยกมูลค่าที่ได้ชำระนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากร มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '125'}]",มีความผิด +ในกรณีที่ออกใบรับเป็นจำนวนเงินน้อยกว่าที่รับเงินหรือรับชำระราคาจริง มีความผิดหรือไม่,"มีความผิด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 127 ทวิ ผู้ใดโดยตนเองหรือโดยสมคบกับผู้อื่นทำให้ไม่มีการออกใบรับ หรือไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่รับเงินหรือรับชำระราคาตามมาตรา 105 หรือออกใบรับเป็นจำนวนเงินน้อยกว่าที่รับเงินหรือรับชำระราคาจริง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '127 ทวิ'}]",มีความผิด +หากจง��จไม่ปฏิบัติตามคำเรียก หรือไม่ยอมให้ยึดตราสารหรือเอกสาร หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม มีความผิดหรือไม่,"ผิด + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 128 ผู้ใดจงใจไม่ปฏิบัติตามคำเรียก หรือไม่ยอมให้ยึดตราสารหรือเอกสาร หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '128'}]",ผิด +หากค้าแสตมป์ปลอม แต่เราไม่ทราบ หรือคิดว่าเป็นแสตมป์จริง มีความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 129 หรือไม่,"ไม่ผิด เนื่องด้วยผู้กระทำไม่รู้ว่าแสตมป์ดังกล่าวเป็นแสตมป์ปลอม จึงเป็นการขาดเจตนา + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 129 ผู้ใดโดยเจตนาทุจริตมีแสตมป์ซึ่งรู้อยู่ว่า เป็นแสตมป์ปลอมก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งปรับทั้งจำ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '129'}]",ไม่ผิด เนื่องด้วยผู้กระทำไม่รู้ว่าแสตมป์ดังกล่าวเป็นแสตมป์ปลอม จึงเป็นการขาดเจตนา +"ในกรณีใดที่การเช่าทรัพย์สินเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท ให้คำนวณค่าอากรแสตมป์อย่างไร และบุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องเสียอากรและขีดฆ่าแสตมป์","ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 6 บาท ในขณะที่ผู้เช่าเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์อากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร: 1. เช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือแพ + +ทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท แห่งค่าเช่าหรือเงินกินเปล่า หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ตลอดอายุการเช่า + +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 1'}]",ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 6 บาท ในขณะที่ผู้เช่าเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์อากร +การคำนวณค่าอากรของโอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ พันธบัตรและใบรับรองหนี้ ซึ่งบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือองค์การใด ๆ เป็นผู้ออกเป็นอย่างไร,"คิดตามราคาหุ้นที่ชำระแล้วหรือตามราคาในตราสาร แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ในอัตรา 1 บาท + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 2: โอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ พันธบัตรและใบรับรองหนี้ ซึ่งบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือองค์การใด ๆ เป็นผู้ออก + +คิด��ามราคาหุ้นที่ชำระแล้วหรือตามราคาในตราสาร แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท + +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้โอน +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้รับโอน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 2'}]","คิดตามราคาหุ้นที่ชำระแล้วหรือตามราคาในตราสาร แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ในอัตรา 1 บาท" +"ในกรณีใดที่การเช่าซื้อทรัพย์สินเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท ให้คำนวณค่าอากรแสตมป์อย่างไร และบุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องเสียอากรและขีดฆ่าแสตมป์","ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 6 บาท ในขณะที่ผู้เช่าเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์อากร + +คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 3: เช่าซื้อทรัพย์สิน + +ทุกจำนวนเงิน 1,000 บาทหรือเศษของ 1,000 บาทแห่งราคาทั้งหมด +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ให้เช่า +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้เช่า","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 3'}]",ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 6 บาท ในขณะที่ผู้เช่าเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์อากร +กรมธรรม์ประกันภัยประเภทใดที่ได้รับการยกเว้นชำระค่าอากรแสตมป์,"(ก) การประกันภัยสัตว์พาหนะซึ่งใช้ในการเกษตรกรรม +(ข) บันทึกประกันภัยหรือกรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ซึ่งรับรองจะออกกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริง แต่ถ้าผู้ทรงจะเรียกร้องเอาสิทธิอย่างอื่นนอกจากให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริงแล้วต้องปิดแสตมป์เสียก่อน เช่นเดียวกับที่จะต้องปิดสำหรับประกันภัยตัวจริง + +คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 6: ได้ระบุไว้ในหมายเหตุว่า +ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร (ก) การประกันภัยสัตว์พาหนะซึ่งใช้ในการเกษตรกรรม (ข) บันทึกประกันภัยหรือกรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ซึ่งรับรองจะออกกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริง แต่ถ้าผู้ทรงจะเรียกร้องเอาสิทธิอย่างอื่นนอกจากให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริงแล้วต้องปิดแสตมป์เสียก่อน เช่นเดียวกับที่จะต้องปิดสำหรับประกันภัยตัวจริง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 6'}]",(ก) การประกันภัยสัตว์พาหนะซึ่งใช้ในการเกษตรกรรม (ข) ��ันทึกประกันภัยหรือกรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ซึ่งรับรองจะออกกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริง แต่ถ้าผู้ทรงจะเรียกร้องเอาสิทธิอย่างอื่นนอกจากให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริงแล้วต้องปิดแสตมป์เสียก่อน เช่นเดียวกับที่จะต้องปิดสำหรับประกันภัยตัวจริง +"ในกรณีที่มีใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติในที่ประชุมชองบริษัทมากกว่า 1 ครั้ง บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้มอบฉันทะเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 100 บาท + +คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 8: +ใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท +(ข) มอบฉันทะสำหรับการประชุมกว่าครั้งเดียว +ค่าอากรแสตมป์: 100 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้มอบฉันทะ +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้มอบฉันทะ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 8'}]",ผู้มอบฉันทะเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 100 บาท +"ในกรณีของบิลออฟเลดิง บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้กระทำตราสารเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 2 บาท + + +คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 10: บิลออฟเลดิง +ค่าอากรแสตมป์: 2 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้กระทำตราสาร +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้กระทำตราสาร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 10'}]",ผู้กระทำตราสารเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 2 บาท +"ในกรณีของพันธบัตรของรัฐบาลใด ๆ ที่ขายในประเทศไทย บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้ทรงตราสารเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 1 บาท + +คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 11: +(2) พันธบัตรของรัฐบาลใด ๆ ที่ขายในประเทศไทย +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ทรงตราสาร +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ทรงต���าสาร","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 11'}]",ผู้ทรงตราสารเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 1 บาท +ในกรณีของเช็ค หรือหนังสือคำสั่งใด ๆ ซึ่งใช้แทนเช็ค บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์และขีดฆ่าแสตมป์,"ผู้สั่งจ่าย + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 12: เช็ค หรือหนังสือคำสั่งใด ๆ ซึ่งใช้แทนเช็ค ฉบับละ +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้สั่งจ่าย +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้สั่งจ่าย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 12'}]",ผู้สั่งจ่าย +ในกรณีของใบฝากรับเงินประเภทประจำของธนาคาร โดนมีดอกเบี้ย บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์และขีดฆ่าแสตมป์,"ผู้รับฝาก + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 13: ใบรับฝากเงินประเภทประจำของธนาคาร โดยมีดอกเบี้ย + +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้รับฝาก +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้รับฝาก","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 13'}]",ผู้รับฝาก +ในกรณีที่ตราสารเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกในต่างประเทศ และให้ชำระเงินในประเทศไทย คราวละจะต้องมีการดำเนินการอย่างไรและเสียอากรแสตมป์คราวละเท่าไหร่,"ค่าอากรแสตมป์: 20 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร 14: (ข) ออกในต่างประเทศ และให้ชำระเงินในประเทศไทย คราวละ +ค่าอากรแสตมป์: 20 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 14'}]",ค่าอากรแสตมป์: 20 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย +"ในกรณีที่เช็คสำหรับผู้เดินทางนั้น ออกในต่างประเทศ แต่ให้ชำระในประเทศไทย บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทยสำหรับผู้เดินทางที่ออกในประเทศไทย ผู้ออกเช็คเป็นทั้งผู้ที่ต้องชีดฆ่าแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 3 บาท + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร: 15. เช็คสำหรับผู้เดินทาง +(ข) ออกในต่างประเทศ แต่ให้ชำระในประเทศไทย ฉบับละ +ค่าอากรแสตมป์: 3 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 15'}]",ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทยเป็นผู้ที่ต้องเสียอากรและขีดฆ่าแสตมป์ ค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 3 บาท +"ใบรับของ ซึ่งออกให้เนื่องในกิจการรับขนส่งสินค้าโดยทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ คือ ตราสารซึ่งลงลายมือชื่อพนักงานหรือนายสินค้าของยานพาหนะรับขนส่ง ซึ่งออกรับของดังระบุไว้ในใบรับนั้นเมื่อไม่ได้ออกบิลออฟเลดิง บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์ ฉบับละเท่าใด","ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ออกใบรับ ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ออกใบรับ + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 16: ใบรับของ ซึ่งออกให้เนื่องในกิจการรับขนส่งสินค้าโดยทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ คือ ตราสารซึ่งลงลายมือชื่อพนักงานหรือนายสินค้าของยานพาหนะรับขนส่ง ซึ่งออกรับของดังระบุไว้ในใบรับนั้นเมื่อไม่ได้ออกบิลออฟเลดิง ฉบับละ +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ออกใบรับ +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ออกใบรับ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 16'}]",ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ออกใบรับ ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ออกใบรับ +"ในกรณีที่สัญญาค้ำประกันไม่ได้ระบุจำนวนเงิน บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์, ชีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้รับจำนำจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวน 10 บาท + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 17: ในกรณีของการค้ำประกัน +(ก) สำหรับกรณีที่มิได้จำกัดจำนวนเงินไว้ +ค่าอากรแสตมป์: 10 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ค้ำประกัน +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ค้ำประกัน","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 17'}]",ผู้รับจำนำจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวน 10 บาท +"ในการจำนำสิ่งของที่มีไม่ได้มีการมูลค่า บุคคลใดจะต้องเป็นผู้เสียอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และต้องชำระเป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้รับจำนำจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวน 1 บาท หากไม่ใช่ +(ก) ตั๋วจำนำของโรงจำนำที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย +(ข) จำนำอันเกี่ยวกับกู้ยืมซึ่งได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 18: +ถ้าการจำนำมิได้จำกัดจำนวนหนี้ไว้ +ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้รับจำนำ +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้รับจำนำ + +ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร +(ก) ตั๋วจำนำของโรงจำนำที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย +(ข) จำนำอันเกี่ยวกับกู้ยืมซึ่งได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามข้อ 5","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 18'}]",ผู้รับจำนำจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวน 1 บาท +ในใบรับของคลังสินค้า นายคลังสินค้าจะต้องชำระค่าอากรแสตมป์ บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์และขีดฆ่าแสตมป์,"นายคลังสินค้า + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 19: ใบรับของคลังสินค้า + +ผู้ที่ต้องเสียอากร: นายคลังสินค้า +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: นายคลังสินค้า","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 19'}]",นายคลังสินค้า +คำสั่งให้ส่งมอบของ คือตราสารซึ่งบุคคลผู้ปรากฏชื่อในตราสารนั้น หรือซึ่งบุคคลผู้นั้นตราชื่อไว้หรือผู้ทรงมีสิทธิที่จะรับมอบสินค้าอันอยู่ในอู่หรือเมืองท่าหรือคลังสินค้า ซึ่งรับเก็บหรือรับฝาก โดยเรียกเก็บค่าเช่า หรือรับสินค้าอันอยู่ที่ท่าสินค้าโดยที่เจ้าของลงลายมือชื่อหรือมีผู้อื่นลงลายมือชื่อแทนในเมื่อขาย หรือโอนทรัพย์สินอันปรากฏในตราสารนั้น บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์และขีดฆ่าแสตมป์,"คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 20: คำสั่งให้ส่งมอบของ คือตราสารซึ่งบุคคลผู้ปรากฏชื่อในตราสารนั้น หรือซึ่งบุคคลผู้นั้นตราชื่อไว้หรือผู้ทรงมีสิทธิที่จะรับมอบสินค้าอันอยู่ในอู่หรือเมืองท่าหรือคลังสินค้า ซึ่ง��ับเก็บหรือรับฝาก โดยเรียกเก็บค่าเช่า หรือรับสินค้าอันอยู่ที่ท่าสินค้าโดยที่เจ้าของลงลายมือชื่อหรือมีผู้อื่นลงลายมือชื่อแทนในเมื่อขาย หรือโอนทรัพย์สินอันปรากฏในตราสารนั้น + +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ออกคำสั่ง +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ออกคำสั่ง","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 20'}]",ผู้ออกคำสั่ง +"ในสัญญาตัวแทน หาเป็นกรณีที่มอบอำนาจทั่วไป บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์และเป็นจำนวนเงินเท่าใด","ตัวกาที่ไม่ใช่สหกรณ์ จะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 30 บาท และจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์ + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 21: ในกรณีที่ + +(ข) มอบอำนาจทั่วไป +ค่าอากรแสตมป์: 30 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: ตัวการ +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ตัวการ + +ยกเว้นในกรณีที่สหกรณ์เป็นตัวการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 21'}]",ตัวกาที่ไม่ใช่สหกรณ์ จะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 30 บาท และจะต้องเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์ +ในคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ สำหรับกรณีซึ่งพิพาทที่ไม่ได้กล่าวถึงจำนวนหรือราคา บุคคลใดจะต้องชำระค่าอากรและเป็นจำนวนเงินเท่าใด,"อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 10 บาท + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 22: ในส่วนของคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ +(ข) กรณีอื่นซึ่งไม่กล่าวถึงจำนวนเงินหรือราคา +ค่าอากรแสตมป์: 10 บาท +ผู้ที่ต้องเสียอากร: อนุญาโตตุลาการ +ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: อนุญาโตตุลาการ","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 22'}]",อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 10 บาท +หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ที่ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดค่าอากรแสตมป์,"200 บาท + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 24: หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน ผู้เริ่มก่อการของบริษัทจำกัดนั้นๆจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 24'}]",ผู้เริ่มก่อการของบริษัทจำกัดนั้นๆจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ +ข้อบังคับของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ที่ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดค่าอากรแสตมป์,"200 บาท + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 25: ข้อบังคับของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน กรรมการของบริษัทจำกัดจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 25'}]",กรรมการของบริษัทจำกัดจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ +หากมีการเปลี่ยนแปลงในข้อบังคับใหม่หรือสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ที่ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดค่าอากรแสตมป์,"กรรมการของบริษัทจำกัดดังกล่าว + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 26: ข้อบังคับใหม่หรือสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัทจำกัด ซึ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ส่งต่อนายทะเบียน กรรมการของบริษัทจำกัดจะต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 26'}]",กรรมการของบริษัทจำกัดดังกล่าว +ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ปรากฏชื่อในหนังสือสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน จะต้องชำระค่าอากรแสตมป์เท่าใด หากทางห้างหุ้นส่วนมีความประสงค์ที่จะแก้ไขสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน,"ผู้เป็นหุ้นส่วน จะต้องชำระค่าอากรแสตมป์ 50 บาท + + +คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ +ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 27: ในการแก้ไขสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน จะมีค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 100 บาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 27'}]",ผู้เป็นหุ้นส่วน จะต้องชำระค่าอากรแสตมป์ 50 บาท +ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 สถาบันการเงินจำต้องดำรงเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด หรือไม่,สถาบันการเงินต้องดำรงเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 29 สถาบันการ���งินต้องดำรงเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจประกาศกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการคำนวณเงินกองทุนของสถาบันการเงิน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '29'}]",สถาบันการเงินต้องดำรงเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +สถาบันทางการเงินไม่สามารถให้สินเชื่อ ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ หรือประกันหนี้แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว ยกเว้นในกรณีใดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,1. เป็นการให้สินเชื่อ ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ หรือประกันหนี้ภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิมก่อนดำรงตำแหน่ง หรือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เดิมโดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด 2. เป็นการให้สินเชื่อในรูปของบัตรเครดิตตามอัตราขั้นสูงที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด 3. เป็นการให้สินเชื่อเพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 48 ภายใต้บังคับมาตรา 59 ห้ามมิให้สถาบันการเงินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม (1) ให้สินเชื่อ ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ หรือประกันหนี้แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว เว้นแต่ (ก) เป็นการให้สินเชื่อ ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ หรือประกันหนี้ภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิมก่อนดำรงตำแหน่ง หรือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เดิมโดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (ข) เป็นการให้สินเชื่อในรูปของบัต��เครดิตตามอัตราขั้นสูงที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (ค) เป็นการให้สินเชื่อเพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (2) รับรอง รับอาวัล หรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินที่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว เป็นผู้สั่งจ่าย ผู้ออกตั๋ว หรือผู้สลักหลัง (3) จ่ายเงินหรือทรัพย์สินอื่นแก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว เป็นค่าตอบแทนสำหรับหรือเนื่องจากการกระทำหรือการประกอบธุรกิจใด ๆ ของสถาบันการเงินนั้น ซึ่งมิใช่บำเหน็จ เงินเดือน รางวัล และเงินเพิ่มอย่างอื่นบรรดาที่พึงจ่ายตามปกติ (4) ขาย ให้ หรือให้เช่าทรัพย์สินใด ๆ แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว หรือรับซื้อ หรือเช่าทรัพย์สินใด ๆ จากบุคคลดังกล่าวมีมูลค่ารวมกันสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (5) ให้ผลประโยชน์อื่นใดแก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '48'}]",1. เป็นการให้สินเชื่อ ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ หรือประกันหนี้ภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิมก่อนดำรงตำแหน่ง หรือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เดิมโดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด 2. เป็นการให้สินเชื่อในรูปของบัตรเครดิตตาม���ัตราขั้นสูงที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด 3. เป็นการให้สินเชื่อเพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +การให้สินเชื่อหรือก่อภาระผูกพันที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย เท่าที่ไม่เกินจำนวนที่ได้รับการค้ำประกัน ถือเป็นการก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,ไม่ถือว่าเป็นการก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 52 มิให้นำความในมาตรา 50 และมาตรา 51 มาใช้บังคับกับสถาบันการเงินในกรณีดังต่อไปนี้ (1) ให้สินเชื่อหรือก่อภาระผูกพันที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย ทั้งนี้ เท่าที่ไม่เกินจำนวนที่ได้รับการค้ำประกัน (2) ให้สินเชื่อหรือก่อภาระผูกพันแก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งประเทศไทย (3) ลงทุนโดยการซื้อหลักทรัพย์รัฐบาลไทย หลักทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย หลักทรัพย์กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือหลักทรัพย์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หลักทรัพย์ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยโดยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ทั้งนี้ เท่าที่ไม่เกินราคาที่ตราไว้ (4) ให้สินเชื่อโดยมีเงินฝากของสถาบันการเงินนั้น หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หลักทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย หลักทรัพย์กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือหลักทรัพย์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หลักทรัพย์ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยโดยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เป็นประกัน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่เกินจำนวนเงินฝากที่เป็นประกันหรือราคาหลักทรัพย์ที่ตราไว้ (5) ค้ำประกันการขายหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (6) ให้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (7) ให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อที่มีความเสี่ยงน้อยหรือมีความเสี่ยงเทียบเท่าหลักทรัพย์รัฐบาล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด (8) ออกเล็ตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อการค้า พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 51 ห้ามมิให้สถาบันการเงินให้สินเชื่อ ลงทุน ก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '52'}]",ไม่ถือว่าเป็นการก่อภาระผูกพัน หรือทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจแต่ละประเภทเกินอัตราส่วนกับเงินกองทุนหรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด +บริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินในกรณีที่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ต้องมีกรรมการผู้มีสัญญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,บริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินในกรณีที่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกรรมการผู้มีสัญญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด เนื่องจากให้นำหลักเกณฑ์เฉพาะนั้นมาใช้บังคับ คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 55 ให้นำความในมาตรา 16 ถึงมาตรา 22 มาใช้บังคับกับการถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นในบริษัทแม่ของสถาบันการเงิน โดยอนุโลม ให้นำค��ามในมาตรา 25 มาใช้บังคับกับการแต่งตั้งกรรมการ ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของบริษัทแม่ของสถาบันการเงินและบริษัทลูกที่ประกอบธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงิน โดยอนุโลม มิให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับกับบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินในกรณีที่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 16 สถาบันการเงินต้องมีจำนวนหุ้นที่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยถืออยู่ไม่ต่ำกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และต้องมีกรรมการเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจอนุญาตให้บุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และให้มีกรรมการที่เป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยได้เกินกว่าหนึ่งในสี่แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องแก้ไขฐานะการดำเนินการหรือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันการเงินใด หรือเพื่อความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจผ่อนผันให้มีจำนวนหุ้นหรือกรรมการแตกต่างไปจากที่กำหนดตามวรรคสองได้ ในการผ่อนผันนั้นจะกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนเวลาไว้ด้วยก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '55'}]",บริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินในกรณีที่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของสถาบันการเงินกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกรรมการผู้มีสัญญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด เนื่องจากให้นำหลักเกณฑ์เฉพาะนั้นมาใช้บังคับ. +การประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง รวมถึงการกำหนดอัตราส่วน หากมีผลให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง จะต้องประกาศเมื่อใด,ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน สำหรับการเพิ่มอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องของสถาบันทางการเงินนั้น คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 64 ให้สถาบันการเงินดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเป็นอัตราส่วนกับยอดเงินรับฝากหรือยอดเงินกู้ยืมทั้งหมดหรือแต่ละประเภทในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องแต่เพียงบางประเภทหรือทุกประเภท หรือประกาศกำหนดอัตราส่วนของแต่ละประเภทในอัตราใดเป็นการทั่วไป หรือในกรณีที่มีเหตุอันสมควรจะกำหนดเป็นการเฉพาะรายก็ได้ การประกาศกำหนดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หากมีผลให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง จะต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '64'}]",ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศล่วงหน้าก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน +บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ได้กำหนดว่า บุคคลใดหรือหน่วยงานใด มีหน้าที่ต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น อันเกิดจากสถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วน ตาม คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่บุคคลใด สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 73 ในกรณีที่สถาบันการเงินใดประสงค์จะควบกิจการกับสถาบันการเงินอื่น หรือโอนหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญให้แก่หรือจากสถาบันการเงินอื่น หรือในกรณีที่สถาบันการเงินใดหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสถาบันการเงินใดประสงค์จะซื้อหรือมีไว้ซึ่งหุ้นในสถาบันการเงินอื่น ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินประเภทเดียวกันหรือต่างประเภท เพื่อควบหรือโอนหรือรับโอนกิจการอันจะเป็นผลให้สถาบันการเงินมีฐานะหรือดำเนินกิจการมั่นคงยิ่งขึ้น ให้สถาบันกา��เงินหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสถาบันการเงิน แล้วแต่กรณี ยื่นโครงการแสดงรายละเอียดการดำเนินงานเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศการให้ความเห็นชอบดังกล่าว ทั้งนี้ จะกำหนดระยะเวลาดำเนินการและหลักเกณฑ์ใด ๆ ไว้ด้วยก็ได้ ในการดำเนินการตามโครงการที่ได้รับความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง ถ้าสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติดังต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นมิให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับ แล้วแต่กรณี (1) มาตรา 237 มาตรา 1117 มาตรา 1119 มาตรา 1145 มาตรา 1185 มาตรา 1220 มาตรา 1222 มาตรา 1224 มาตรา 1225 มาตรา 1226 มาตรา 1238 และมาตรา 1240 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (2) มาตรา 31 มาตรา 33 วรรคสอง มาตรา 52 มาตรา 54 วรรคสอง มาตรา 102 มาตรา 107 มาตรา 136 (2) มาตรา 137 มาตรา 139 มาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 146 มาตรา 147 และมาตรา 148 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (3) มาตรา 114 และมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ทั้งนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน เนื่องจากการควบหรือรับโอนกิจการ ในการดำเนินการตามวรรคสอง ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่บุคคลใด สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '73'}]",ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่บุคคลใด สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น +หากมีการโอนสินทรัพย์ ระหว่างสถาบันการเงินใดประสงค์จะควบกิจการกับสถาบันการเงินอื่น หรือโอนหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญให้แก่หรือจากสถาบันการเงินอื่น หรือในกรณีที่สถาบันการเงินใดหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสถาบันการเงินใดประสงค์จะซื้อหรือมีไว้ซึ่งหุ้นในสถาบันการเงินอื่น ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินประเภทเดียวกันหรือต่างประเภท เพื่อควบหรือโอนหรือรับโอนกิจการอันจะเป็นผลให้สถาบันการเงินมีฐานะหรือดำเนินกิจการมั่นคงยิ่งขึ้น สินทรัพย์หรือหลักประกันใดที่ตกไปสู่ผู้รับโอน,ก���รโอนสินทรัพย์ที่มีหลักประกันอย่างอื่นที่มิใช่สิทธิจำนอง สิทธิจำนำ หรือสิทธิอันเกิดขึ้นแต่การค้ำประกันซึ่งย่อมตกไปได้แก่ผู้รับโอน คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 75 สถาบันการเงินที่ดำเนินการตามมาตรา 73 วรรคหนึ่ง หากมีการโอนสินทรัพย์ที่มีหลักประกันอย่างอื่นที่มิใช่สิทธิจำนอง สิทธิจำนำ หรือสิทธิอันเกิดขึ้นแต่การค้ำประกันซึ่งย่อมตกไปได้แก่ผู้รับโอนตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วให้หลักประกันอย่างอื่นนั้นตกแก่สถาบันการเงินที่ควบกันหรือที่รับโอนกิจการ แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '75'}]",การโอนสินทรัพย์ที่มีหลักประกันอย่างอื่นที่มิใช่สิทธิจำนอง สิทธิจำนำ หรือสิทธิอันเกิดขึ้นแต่การค้ำประกันซึ่งย่อมตกไปได้แก่ผู้รับโอน +การกำหนดให้สถาบันการเงินจัดตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ตลอดจนมีอำนาจกำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ เพื่อให้สถาบันการเงินมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 เป็นหน้าที่และอำนาจของบุคคลใดหรือองค์กรใด,ธนาคารแห่งประเทศไทย คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 84 เพื่อให้สถาบันการเงินมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจประกาศกำหนดให้สถาบันการเงินจัดตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ตลอดจนมีอำนาจกำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '84'}]",ธนาคารแห่งประเทศไทย +ว่าด้วยเรื่อง การแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 กรรมการที่ถูกถอดถอนสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งได้หรือได้หรือไม่,ได้ หากบุคคลดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจแต่งตั้งบุคคลนั้นเข้าดำรงตำแหน่งเดิมได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 89 ในกรณีที่สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการได้กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบ��ญญัตินี้ หรือข้อกำหนดหรือประกาศที่ออกโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) มีหนังสือเตือนไปยังสถาบันการเงินหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ระงับการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (2) มีคำสั่งห้ามการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือข้อกำหนดหรือประกาศที่ออกโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต (3) มีคำสั่งถอดถอนกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการคนหนึ่งคนใดหรือทุกคน โดยให้ถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นมติที่ประชุมของผู้ถือหุ้น ในกรณีที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการถูกถอดถอนตาม (3) หากบุคคลดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจแต่งตั้งบุคคลนั้นเข้าดำรงตำแหน่งเดิมได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '89'}]",ได้ หากบุคคลดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจแต่งตั้งบุคคลนั้นเข้าดำรงตำแหน่งเดิมได้ +ในกรณีใดที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีคำสั่งให้สถาบันการเงินนั้นเลิกกิจการบริษัทลูกและชำระบัญชี ตามบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,หากปรากฏว่าสินทรัพย์ของบริษัทลูกไม่พอกับหนี้สิน หรือบริษัทลูกไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นปกติติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 96 ในกรณีที่สถาบันการเงินดำรงเงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละหกสิบของอัตราตามที่กำหนดในมาตรา 30 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งเข้าควบคุมสถาบันการเงินนั้น เว้นแต่ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าการมีคำสั่งควบคุมดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างรุนแรง หรือสถาบันการเงินนั้นจะดำเนินการเพื่อแก้ไขให้มีเงินกองทุนไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจยังไม่สั่��ควบคุมสถาบันการเงินก็ได้ นอกจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีคำสั่งให้สถาบันการเงินนั้นเลิกกิจการบริษัทลูกและชำระบัญชี หากปรากฏว่าสินทรัพย์ของบริษัทลูกไม่พอกับหนี้สิน หรือบริษัทลูกไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นปกติติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสามเดือนหรือมีคำสั่งอื่นใดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '96'}]",หากปรากฏว่าสินทรัพย์ของบริษัทลูกไม่พอกับหนี้สิน หรือบริษัทลูกไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นปกติติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน +ผู้ที่ซื้อหุ้นกู้หรือตราสารหนี้อื่น หรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ของสถาบันการเงินนั้นในภายหลังเหตุดังกล่าวนำหุ้นกู้ ตราสารหนี้ หรือสิทธิเรียกร้องที่ได้รับโอนมานั้น มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ผู้นั้นมีอยู่กับสถาบันการเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินถูกควบคุมหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากขัดต่อบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 113 และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการชำระหนี้ หรือการใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดการหนี้สินของสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมหรือปิดกิจการ การหักกลบลบหนี้ในกรณีนี้อาจส่งผลกระทบต่อการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินของสถาบันการเงิน และอาจทำไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 113 ในกรณีที่สถาบันการเงินถูกควบคุมหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ห้ามมิให้ผู้ที่ซื้อหุ้นกู้หรือตราสารหนี้อื่น หรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ของสถาบันการเงินนั้นในภายหลังเหตุดังกล่าวนำหุ้นกู้ ตราสารหนี้ หรือสิทธิเรียกร้องที่ได้รับโอนมานั้น มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ผู้นั้นมีอยู่กับสถาบันการเงิน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '113'}]",ไม่ได้ +นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ถือเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ คำ��ธิบาย : พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 119 สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ (1) สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น (2) นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '119'}]",เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ +ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้ตรวจการสถาบันการเงิน คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ในการตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ถือว่าเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120/3 ประกอบ พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 135 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120/3 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ตรวจการสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะก็ได้ ให้นำบทบัญญัติมาตรา 85 ยกเว้น (3) (4) และ (6) มาตรา 86 มาตรา 87 มาตรา 88 มาตรา 134 มาตรา 135 มาตรา 136 และมาตรา 138 มาใช้บังคับกับการตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '120/3'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 120/3 ประกอบ พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 135 +สถาบันการเงินต้องใช้คำนำหน้าชื่อซึ่งมีคำว่า “ธนาคาร” “บริษัทเงินทุน” หรือ “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” ตามที่ระบุในใบอนุญาต ใช่หรือไม่,ใช่ สถาบันการเงินต้องใช้คำนำหน้าชื่อซึ่งมีคำว่า “ธนาคาร” “บริษัทเงินทุน” หรือ “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” ตามที่ระบุในใบอนุญาต ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 122 ประกอบมาตรา 11 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 122 สถาบันการเงินใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 11 สถาบันการเงินที่ฝ่าฝืนหรือไม่ใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “ธนาคาร” “บริษัทเงินทุน” หรือ “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” นำหน้า ตามที่ระบุในใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '122'}]",ใช่ สถาบันการเงินต้องใช้คำนำหน้าชื่อซึ่งมีคำว่า “ธนาคาร” “บริษัทเงินทุน” หรือ “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์” ตามที่ระบุในใบอนุญาต +ในกรณีใดที่สถาบันการเงินไม่จัดเก็บข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นใดอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ หรือหนี้สิน ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่ และถ้ามีความผิด ต้องจ่ายค่าปรับจนถึงเมื่อใด,ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 124 ประกอบมาตรา 82 และจะต้องชำระค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 124 สถาบันการเงินใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง มาตรา 37 มาตรา 81 หรือมาตรา 82 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 37 หรือมาตรา 82 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '124'}]",ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 124 ประกอบมาตรา 82 และจะต้องชำระค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง +ในกรณีใดที่สถาบันการเงิน ไม่ประกาศข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย ไว้อย่างเปิดเผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงิน ถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่ และถ้ามีความผิด ต้องจ่ายค่าปรับจนถึงเมื่อใด,ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 125 ประกอบมาตรา 38 เนื่องจากมีบทบัญญัติของกฎหมายให้สถาบันการเงินต้องประกาศอย่างเปิดดผย ณ สำนักงานของสถาบันการเงิน หรือสื่อใดๆตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และจะต้องชำระค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 125 สถาบันการเงินใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง มาตรา 22 มาตรา 38 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง มาตรา 41 มาตรา 44 มาตรา 47 หรือมาตรา 84 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนด หรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 38 มาตรา 39 มาตรา 40 วรรคสาม มาตรา 41 มาตรา 46 มาตรา 47 หรือมาตรา 84 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '125'}]",ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 125 ประกอบมาตรา 38 และจะต้องชำระค่าปรับจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง. +ในกรณีที่บริษัทแม่มีจำนวนหุ้นที่มีบุคคลที่ถือสัญชาติไทยต่ำกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"""ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 126 ประกอบมาตรา 55 และมาตรา 16 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 126 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 14 มาตรา 54 หรือมาตรา 56 หรือบริษัทแม่ของสถาบันการเงินที่ปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 55 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี หรือปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ แล้วแต่กรณี","[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '126'}]",ถือว่ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 126 ประกอบมาตรา 55 และมาตรา 16 +ในกรณีที่สถาบันการเงินได้ตรววจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกครั้งก่อนการจ่ายเงินปันผล แต่ไม่ได้ใช่ความระมัดระวังเพียงพอถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติ��องพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,ถือมีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 129 ประกอบมาตรา 22 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 129 ในกรณีที่มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 34 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 หรือมาตรา 59 แล้วแต่กรณี โดยที่สถาบันการเงินสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังด้วยความรอบคอบในการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่สามารถทราบและป้องกันมิให้เกิดการฝ่าฝืนดังกล่าวได้ ให้ถือว่าสถาบันการเงินมิได้กระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '129'}]",ถือมีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 129 ประกอบมาตรา 22 +ในกรณีที่กำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูก แต่ดำเนินการเสทมือนเป็นคนละนิติบุคคล ถือว่า ถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,มีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ประกอบมาตรา 57 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 104 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินหรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินตามมาตรา 114 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '130'}]",มีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ประกอบมาตรา 57 +บุคคลใดที่ไม่จัดทำรายงานและมอบทรัพย์สินพร้อมข้อมูล บัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการหรือวินทรัพย์ของสถาบันการเงินให้แก่คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน ถือว่ามีความผิดตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,มีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ประกอบมาตรา 104 เนื่องจากมีบทบัญญัติกฎหมายให้ตรวจสอบเสมือนเ���็นนิติบุคคลเดียวกัน คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 104 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินหรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินตามมาตรา 114 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '131'}]",มีความผิดตาม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 131 ประกอบมาตรา 104 +ในกรณีที่นิติบุคคลนั้นประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของนิติบุคคล หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการบุคคลนั้นต้องรับผิดร่วม ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 132 ประกอบมาตรา 121 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 132 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 121 หรือมาตรา 123 เป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของนิติบุคคล หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '132'}]",ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย +พฤติการณ์ใดที่ได้กระทำต่อ ตราหรือเครื่องหมายซึ่งผู้ตรวจการสถาบันการเงิน คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งนั้น ๆ ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,1. ถอน 2. ทำให้เสียหาย 3. ทำลาย 4. ทำให้ไร้ประโยชน์ คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 137 ผู้ใดถอน ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตราหรือเครื่องหมายซึ่งผู้ตรวจการสถาบันการเงิน คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน หรือพนักงานควบคุมสถาบันการเงินได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งนั้น ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '137'}]",1. ถอน 2. ทำให้เสียหาย 3. ทำลาย 4. ทำให้ไร้ประโยชน์ +หากกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยได้ เบียดบังเอาทรัพย์นั้นบุคคลที่สามโดยทุจริต ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551,มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายได้ครอบคลุมถึงกรณีที่เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงินผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันการเงินหรือซึ่งสถาบันการเงินเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '142'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 142 +ในกรณีใดที่ผู้สอบบัญชี หรือผู้ประเมินราคา หรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านปฏิบัติงานสอบบัญชีเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ถือว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 148 คำอธิบาย ในกรณีใดที่ผู้สอบบัญชี หรือผู้ประเมินราคา หร���อผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน ถือว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือไม่,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '148'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 148 +สถาบันการเงินใดได้รับการผ่อนผันให้ลงทุน หรือซื้อ หรือมีหุ้นเกินอัตราส่วนกล่าวคือเกิน (1) ร้อยละยี่สิบของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในทุกบริษัทรวมกัน (2) ร้อยละห้าของเงินกองทุนทั้งหมดของสถาบันการเงินนั้น สำหรับการถือหรือมีหุ้นในบริษัทแต่ละราย หรือ (3) ร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น ก่อนที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ สถานบันการเงินนั้นยังสามารถถทอตนองหุ้นที่เกินอัตราส่วนดังกล่าวได้หรือไม่,สถาบันการเงินมีสิทธิถือหรือมีไว้ต่อไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับการผ่อนผัน แต่ต้องไม่เกินกำหนดห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ กล่างคือไม่เกินปี พ.ศ. 2556 คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 159 สถาบันการเงินใดได้รับการผ่อนผันให้ลงทุน หรือซื้อ หรือมีหุ้นเกินอัตราส่วนตามมาตรา 34 อยู่แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สถาบันการเงินมีสิทธิถือหรือมีไว้ต่อไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับการผ่อนผัน แต่ต้องไม่เกินกำหนดห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '159'}]",สถาบันการเงินมีสิทธิถือหรือมีไว้ต่อไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับการผ่อนผัน แต่ต้องไม่เกินกำหนดห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ +หากขายหุ้นในสถาบันการเงิน ที่ได้รับหรือมีก่อนที่พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ไปบางส่วน สามารถถือหุ้นเกินอัตราส่วนได้หรือไม่ และสามารถถือได้เท่าใด,สามารถถือหุ้นเกินอัตราส่วนได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่หลังจากการขายหุ้น แต่ต้องดำเนินการใดๆที่ทำให้มีไว้ซึ่งหุ้นดังกล่าวไม่เกินร้อยละ 10 ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คำอธิบาย พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 162 บุคคลใดถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้��ของสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งเกินอัตราที่กำหนดตามมาตรา 18 เนื่องจากการนับรวมหุ้นที่ผู้ที่เกี่ยวข้องถืออยู่หรือมีไว้อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยการถืออยู่หรือมีไว้ซึ่งหุ้นของสถาบันการเงินดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ให้คงมีสิทธิถือหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นได้ต่อไป แต่ถ้าได้จำหน่ายหุ้นนั้นไปเท่าใดก็ให้คงมีสิทธิถือหรือมีไว้ซึ่งหุ้นนั้นเกินอัตราที่กำหนดได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลือ และให้บุคคลดังกล่าวต้องดำเนินการเพื่อให้การถือหรือมีไว้ซึ่งหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามที่บัญญัติในมาตรา 18 โดยเร็ว แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551', 'sections': '162'}]",สามารถถือหุ้นเกินอัตราส่วนได้เท่าจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่หลังจากการขายหุ้น แต่ต้องดำเนินการใดๆที่ทำให้มีไว้ซึ่งหุ้นดังกล่าวไม่เกินร้อยละ 10 ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ. +บ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า สำหรับข้าราชการ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้หรือไม่,หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 43 เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (5) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (5) เงินเพิ่มพิเศษประจำตำแหน่งและเงินค่าเช่าบ้าน หรือบ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า สำหรับข้าราชการ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '43'}]",หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา +ในกรณี บุคคลที่ตั้งตัวแทนจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ เป็นผู้มีเงินได้สุทธิถึงจำนวนต้องเสียภาษี บุคคลใดเป็นผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการตามบทบัญญัติว่าด้วยการเก็บภาษีบุคคลธรรมดา แทนผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ที่ถึงแก่ความตาย ตามประมวลรัษฎากร,บุคคลที่ตั้งตัวแทน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ เป็นผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการตามบทบัญญัติว่าด้วยกา��เก็บภาษีบุคคลธรรมดา แทนบุคคลที่ตั้งตัวแทนจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ ตามลำดับ คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 62 ในกรณีผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ที่ถึงแก่ความตาย บุคคลที่ตั้งตัวแทนจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ เป็นผู้มีเงินได้สุทธิถึงจำนวนต้องเสียภาษี ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ ผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้อื่นที่ครอบครองทรัพย์มรดก ตัวแทนหรือทรัสตี แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการตามบทบัญญัติแห่งส่วนนี้ แทนผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ที่ถึงแก่ความตาย บุคคลที่ตั้งตัวแทน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์นั้น,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '62'}]",บุคคลที่ตั้งตัวแทน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ เป็นผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการตามบทบัญญัติว่าด้วยการเก็บภาษีบุคคลธรรมดา แทนบุคคลที่ตั้งตัวแทนจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ ตามลำดับ +ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในประเทศไทยต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในที่อื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย ไม่สามารถจะคำนวณกำไรสุทธิดังกล่าวแล้วได้ ให้ดำเนินการในการคำนวณอย่างไร ตามประมวลรัษฎากร,ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา71 (1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม กล่าวคือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ถ้ายอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายดังกล่าวไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยอาศัยเทียบเคียงกับยอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไป ถ้ายอดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนนั้นขึ้นไปไม่ปรากฏให้ประเมินได้ตามที่เห็นสมควร คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 66 บริษัทหรือห้า��หุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในประเทศไทยต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในที่อื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย ให้เสียภาษีในกำไรสุทธิจากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำในประเทศไทยในรอบระยะเวลาบัญชีและการคำนวณกำไรสุทธิให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับมาตรา 65 และมาตรา 65 ทวิแต่ถ้าไม่สามารถจะคำนวณกำไรสุทธิดังกล่าวแล้วได้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา71 (1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '66'}]",ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา71 (1) มาใช้บังคับโดยอนุโลม +กรณีบริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ฉบับที่สอง เกินกำหนดเวลา และยังแสดง ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 บริษัทจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 กรณีไม่ยื่นแบบ ภายในกำหนดเวลาด้วยหรือไม่ ตามประมวลรัษฎากร,กรณีผู้เสียภาษียื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ฉบับที่สองเกินกำหนดเวลาและเมื่อนำ มารวมพิจารณาเปรียบเทียบกับแบบ ภ.ง.ด.50 แล้ว ปรากฏว่าประมาณการกำไรสุทธิยังขาดไปเกินร้อยละ 25 นั้น ผู้เสียภาษีต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมตามที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ฉบับที่สอง และต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ชำระขาดไปจากที่ได้นำแบบภ.ง.ด.51 ทั้งสองฉบับมาพิจารณาเปรียบเทียบกับแบบ ภ.ง.ด.50 แล้วปรากฏว่าประมาณการกำไรสุทธิยังขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการ คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 67 ตรี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 67 ทวิ (1) หรือของกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (2) หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (2) ไว้ไม่ถูกต้องโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 67 ทวิ (2) หรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ถือเป็นค่าภาษีและอาจลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '67 ตรี'}]",ผู้เสียภาษีต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมตามที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ฉบับที่สอง และต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ชำระขาดไปจากที่ได้นำแบบภ.ง.ด.51 ทั้งสองฉบับมาพิจารณาเปรียบเทียบกับแบบ ภ.ง.ด.50 แล้วปรากฏว่าประมาณการกำไรสุทธิยังขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการ. +"ในกรณีที่กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ให้จัดส่งสำเนาสัญญาตามประเภท ลักษณะ และมูลค่าของสัญญาไม่น่อยกว่า 500,000 บาท เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องส่งเอกสารไป ณ สถานที่ใด ภายในระยะเวลาเท่าใด","ต้องจัดส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ไปให้เจ้าพนักงานสรรพากร ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่ได้ทำสัญญา คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 77/4 เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้บุคคลดังต่อไปนี้ ที่ได้ทำสัญญาซื้อขายสินค้าหรือสัญญาให้บริการกับผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องจัดส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ไปให้เจ้าพนักงานสรรพากร ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่ได้ทำสัญญาดังกล่าว (1) กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ให้จัดส่งสำเนาสัญญาตามประเภท ลักษณะ และมูลค่าของสัญญาตามที่อธิบดีกำหนด (2) บุคคลอื่นตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้จัดส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่น��ี่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามประเภท ลักษณะ และมูลค่าของสัญญาหรือเอกสาร ตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี มูลค่าของสัญญาตาม (1) และ (2) จะต้องกำหนดไม่น้อยกว่า 500,000 บาท","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '77/4'}]",ต้องจัดส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ไปให้เจ้าพนักงานสรรพากร ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่ได้ทำสัญญา +ฐานภาษีสำหรับการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ตามประมวลรัษฎากร ให้คำนวณแบบใด,1. ในกรณีรับขนคนโดยสาร ได้แก่ มูลค่าของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนคนโดยสารนั้น 2. ในกรณีรับขนสินค้า ได้แก่ มูลค่าของค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนสินค้านั้นออกนอกราชอาณาจักร คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ... (2) ฐานภาษีสำหรับการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ (ก) ในกรณีรับขนคนโดยสาร ได้แก่ มูลค่าของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนคนโดยสารนั้น (ข) ในกรณีรับขนสินค้า ได้แก่ มูลค่าของค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนสินค้านั้นออกนอกราชอาณาจักร,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '79/1'}]",1. ในกรณีรับขนคนโดยสาร ได้แก่ มูลค่าของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนคนโดยสารนั้น 2. ในกรณีรับขนสินค้า ได้แก่ มูลค่าของค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนสินค้านั้นออกนอกราชอาณาจักร. +ผู้ประกอบการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือนภาษี ผู้ประกอบการจะมีสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในลักษณะใดได้อีก และสิทธิใดที่ไม่สา���ารถใช้ได้อีกต่อไป,ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี แต่ไม่สามารถขอให้นำมาตรา 82/16 มาใช้บังคับอีกได้ คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/17 บทบัญญัติมาตรา 82/16 มิได้เป็นการห้ามผู้ประกอบการที่จะใช้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กำหนดในมาตรา 82/3 แต่เมื่อใช้สิทธิดังกล่าวแล้วจะขอให้นำมาตรา 82/16 มาใช้บังคับอีกไม่ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '82/17'}]",ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี แต่ไม่สามารถขอให้นำมาตรา 82/16 มาใช้บังคับอีกได้ +เมื่อผู้ประกอบการได้จะทะเบียนเลอกประกอบกิจการหรือถูกอธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียน หากอธบิดีได้อนุญาต ทางผู้ประกอบการสามารถออกเอกสารใดบ้างตามประมวลกฎหมายรัษฎากรจนกว่าจหยุดประกอบกิจการ,ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 86/11 ในกรณีที่มีการขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ หรือเพราะอธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียน อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการนั้นออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ต่อไปเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะหยุดประกอบกิจการก็ได้ แต่ผู้รับอนุญาตดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '86/11'}]",ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ +ในกรณีใดที่อธิบดีมีอำนาจในการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานแตกต่างไปจากที่กำหนดซึ่งก็คือ (1) รายงานภาษีขาย (2) รายงานภาษีซื้อ (3) รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้า ได้,ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสม คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 87/1 ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสม อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานแตกต่างไปจากที่กำหนดในมาตรา 87 ก็ได้ ประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ภายใต้บังคับมาตรา 87/1 และมาตรา 87/2 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่จัดทำรายงานเกี่ยวกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังต่อไปนี้ (1) รายงานภาษีขาย (2) รายงานภาษีซื้อ (3) รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้า ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ให้มีหน้าที่จัดทำรายงานมูลค่าของฐานภาษี และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ รายงานที่ต้องจัดทำตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ วิธีลงรายการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และการลงรายการให้ลงภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้มาหรือจำหน่ายออกไปซึ่งสินค้าหรือบริการนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีจำเป็น อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '87/1'}]",ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสม +ในกรณีที่ผู้เสียภาษี มีรายรับจากการดำเนินกิจการกิจการโรงรับจำนำ มีอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเท่าใด,ร้อยละ 2.5 คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/6 อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะมีดังต่อไปนี้ (2) ร้อยละ 2.5 สำหรับรายรับตามมาตรา 91/5 (3) (ก) และมาตรา 91/5 (4) ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/5 ฐานภาษีสำหรับการประกอบกิจการตามบทบัญญัติในหมวดนี้ได้แก่รายรับดังต่อไปนี้ ที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับหรือพึงได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการ (4) สำหรับกิจการโรงรับจำนำตามมาตรา 91/2 (4) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ (ก) ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และ (ข) เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทนหรือประโยชน์ใด ๆอันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายของที่จำนำหลุดเป็นสิทธิ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '91/6'}]",ร้อยละ 2.5 +ในกรณีที่ผู้ที่มีอำนาจขีดฆ่า ไม่ยอมทำการขีดฆ่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ตราสารนั้นบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร,ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้ คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 107 เว้นแต่ที่บัญญัติในมาตรา 111 ถ้าไม่มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่นผู้มีหน้าที่เสียอากรและผู้มีหน้าที่ขีดฆ่า ให้เป็นไปตามบัญชีท้ายหมวดนี้ ถ้าผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าเขียนหนังสือไม่เป็น จะให้ผู้อื่นเขียนวันเดือนปีแทนก็ได้ ถ้าผู้มีหน้าที่ขีดฆ่าไม่ยอมขีดฆ่า หรือไม่มีตัวอยู่ที่จะทำการขีดฆ่าได้ ให้ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '107'}]",ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้ +ในกรณีที่ตราสารที่ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นได้ทำขึ้นนอกประเทศไทย ผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ ต้องยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรหลัง 90 วัน นับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะต้องดำเนินการอย่างไร,ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 5 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า คำอธิบาย : ประมวลรัษฎากร มาตรา 113 ตราสารใดมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ ชอบที่จะยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับตราสารแล้ว ให้อนุมัติให้เสียอากรภายในบังคับแห่งบทบัญญัติต่อไปนี้ 2. ถ้ากรณีเป็นอย่างอื่น ก็ให้อนุมัติให้เสียอากร และให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากร ดังต่อไปนี้อีกด้วย (ข) ถ้าปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นเวลาพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 5 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '113'}]",ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น 5 เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า +ในกรณีที่มีการกล่าวหาแจ้งความจากเจ้าพนักงานรัฐบาลว่าไม่ได้การปิดแสตมป์นั้นไม่สมบูรณ์เนื่องจากปิดแสตมป์น้อยกว่าอากรที่ต้องเสีย จะต้องทำเช่นใด,พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกเก็บเงินอากรจนครบ และเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 6เท่าของเงินอากรที่ขาด หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 114 โดยการตรวจสอบตามความในมาตรา 123 ก็ดี โดยการกล่าวหาแจ้งความของบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือมิใช่ก็ดีถ้าปรากฏว่า (2)ตราสารมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ โดย (ข) ปิดแสตมป์น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกเก็บเงินอากรจนครบ และเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 6เท่าของเงินอากรที่ขาด หรือเป็นเงิน 25 บาท แล��วแต่อย่างใดจะมากกว่า,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '114'}]",พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกเก็บเงินอากรจนครบ และเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 6เท่าของเงินอากรที่ขาด หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า +ในกรณีที่ลงวันเดือนปีที่ขีดฆ่าแสคมป์เป็นเท็จเนื่องจากจำวันผิดหรือจำวันคลาดเคลื่อน มีความผิดหรือไม่,ไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนา คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 126 ผู้ใดจงใจลงวันเดือนปีที่ขีดฆ่าแสตมป์เป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '126'}]",ไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนา +ในกรณีที่ไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้องตามมาตรา 106 มีความผิดหรือไม่,มีความผิด คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร มาตรา 127 ผู้ใดออกไม่ออกใบรับให้ในทันทีที่ถูกเรียกร้องตามมาตรา 106 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': '127'}]",มีความผิด +ในกรณีที่ทำสัญญาจ้างทำของมีการรับเงินสินจ้างเป็นคราว ๆ และอากรที่เสียไว้เดิมยังไม่ครบ ให้คำนวณค่าอากรแสตมป์อย่างไร และบุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องเสียอากรและขีดฆ่าแสตมป์,ผู้รับจ้างต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรและขีดฆ่าแสตมป์โดยให้เสียอากรเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องเสียทุกครั้งในทันทีที่มีการรับเงิน คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 4: จ้างทำของ หมายเหตุ (2) ถ้ามีการรับเงินสินจ้างเป็นคราว ๆ และอากรที่เสียไว้เดิมยังไม่ครบ ให้เสียอากรเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องเสียทุกครั้งในทันทีที่มีการรับเงิน ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้รับจ้าง ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้รับจ้าง,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 4'}]",ผู้รับจ้างต้องเป็นผู้ชำระค่าอากรและขีดฆ่าแสตมป์โดยให้เสียอากรเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องเสียทุกครั้งในทันทีที่มีการรับเงิน +"ในกรณีที่มีการเบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด","ผู้ให้กู้เป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 13 บาท เนื่องจากจำนวนที่ต้องเสียอากรนั้นไม่เกิน 10,000 บา�� ในขณะที่ผู้กู้เป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์อากร คำอธิบาย ประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 5: ทุกจำนวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่งยอดเงินที่ให้กู้ยืม หรือตกลงให้เบิกเกินบัญชีค่าอากรตามลักษณะแห่งตราสารนี้ เมื่อคำนวณแล้ว ถ้าเกิน 10,000 บาท ให้เสีย 10,000 บาท ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ให้กู้ ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้กู้","[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 5'}]",ผู้ให้กู้เป็นบุคคลที่ต้องชำระค่าอากร 13 บาท +ใบมอบอำนาจคืออะไร และมีกี่ประเภท,ใบมอบอำนาจ คือ ใบตั้งตัวแทนซึ่งมิได้กระทำในรูปลักษณะตราสารสัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 7: ใบมอบอำนาจ คือ ใบตั้งตัวแทนซึ่งมิได้กระทำในรูปลักษณะตราสารสัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ (ก) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว (ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว (ค) มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว โดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบ คนละ,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 7'}]",ใบมอบอำนาจ คือ ใบตั้งตัวแทนซึ่งมิได้กระทำในรูปลักษณะตราสารสัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ โดยมี 3 ประเภท คือ (ก) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว (ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว (ค) มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว โดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบ คนละ +"ในกรณีที่ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตราสารทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างตั๋วสัญญาใช้เงิน บุคคลใดเป็นผู้ที่ต้องชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์, และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงินเท่าใด",ผู้ออกตั๋วเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 3 บาท คำอธิบาย ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร 9: (2) ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตราสารทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับละ ค่าอากรแสตมป์: 3 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: ผู้ออกตั๋ว ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: ผู้ออกตั๋ว ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ถ้าตั๋วออกเป็นสำรับและฉบับแรกในสำรับนั้นปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ฉบับอื่น ๆ ไม่ต้องปิดอีก แต่ต้องสลักฉบับนั้น ๆ ไว้ว่า ได้เสียอากรแล้ว,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 9'}]",ผู้ออกตั๋วเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าอากรแสตมป์และชำระค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนเงิน 3 บาท +"หากต้นฉบับของคู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร เสียอากรแสตมป์เกิน 5 บาท บุคคลใดจะต้องเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์, ขีดฆ่าแสตมป์และเป็นจำนวนเงินเท่าใด",ถ้ามีบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สัญญา บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งนั้นต้องเป็นผู้เสียอากรเป็นผู้เสียอากรในกรณีที่บุคคลนั้นไม่ใช่สหกรณ์ เป็นจำนวนเงิน 1 บาท และผู้ขีดฆ่าต้นฉบับเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์สำหรับคู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 23: คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร คือ ตราสารซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกันกับต้นฉบับหรือต้นสัญญา และผู้กระทำตราสารได้ลงลายมือชื่อไว้อย่างเดียวกับต้นฉบับ (ข) ถ้าต้นฉบับเสียอากรเกิน 5 บาท ค่าอากรแสตมป์: 1 บาท ผู้ที่ต้องเสียอากร: (2) ถ้ามีบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สัญญา บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งนั้นต้องเป็นผู้เสียอากร ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์: คนเดียวกับผู้ขีดฆ่าต้นฉบับ ยกเว้นในกรณีที่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นสหกรณ์,"[{'law': 'ประมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 23'}]",บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งนั้นต้องเป็นผู้เสียอากรเป็นผู้เสียอากรในกรณีที่บุคคลนั้นไม่ใช่สหกรณ์ เป็นจำนวนเงิน 1 บาท และผู้ขีดฆ่าต้นฉบับเป็นผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์สำหรับคู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร +"ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งของรัฐบาลจำนวนเงิน 200,150 บาท จะต้องชำระค่าอากรอย่างไร",ผู้ออกใบรับสลากกินแบ่งของรัฐบาลดังกล่าว จะต้องเป็นผู้เสียอากรเป็นจำนวนเงิน 1001 บาท และขีดค่าแสตมป์สำหรับใบรับนั้นๆ คำอธิบาย: ตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสาร ข้อ 28: ใบรับจะต้องชำระค่าอากรเป็นจำนวนเงิน 1 บาท สำหรับมูลค่าของใบรับที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท,"[{'law': 'ป��ะมวลรัษฎากร', 'sections': 'บัญชีอัตราอากรแสตมป์ 28'}]",ผู้ออกใบรับสลากกินแบ่งของรัฐบาลดังกล่าว จะต้องเป็นผู้เสียอากรเป็นจำนวนเงิน 1001 บาท และขีดค่าแสตมป์สำหรับใบรับนั้นๆ +ในช่วงระยะเวลาที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการพลังงาน กฎหมายใดมีหน้าที่กำหนดอำนาจ สิทธิและประโยชน์ของบริษัท,พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับต่อไป คำอธิบาย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 149 เพื่อให้การประกอบกิจการพลังงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถดำเนินงานได้ต่อไปตามมาตรา 146 มิให้นำมาตรา 26 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาใช้บังคับกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จนกว่าบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และในช่วงเวลาดังกล่าวให้พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550', 'sections': '149'}]",พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับต่อไป +"คำว่า ""ปิโตเลียม"" ""น้ำมันดิบ"" ""ขาย"" ""จำหน่าย"" ""บริษัท"" ซึ้งคำเหล่านี้ใช้อ้างอิงตามความหมายตามกฎหมายปิโตเลียม ดังนั้น คำแต่ละคำมีความหมายว่าอย่างไร",“ปิโตรเลียม” หมายความว่า ปิโตรเลียมที่ผลิตในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม “น้ำมันดิบ” หมายความว่า น้ำมันดิบตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม “จำหน่าย” หมายความว่า ส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นน้ำมันของบริษัทส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงแยกก๊าซ โรงทำก๊าซให้เป็นของเหลว โรงอัดก๊าซหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อกิจการดังกล่าวของบริษัทนำปิโ��รเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆของบริษัทหรือของผู้อื่นโดยไม่มีการขายหรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงโดยไม่มีค่าตอบแทน “บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)ได้รับสัมปทานหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทาน หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต เพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันตามมาตรา39 แห่งประมวลรัษฎากร คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ “ปิโตรเลียม” หมายความว่า ปิโตรเลียมที่ผลิตในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม “น้ำมันดิบ” หมายความว่า น้ำมันดิบตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม “จำหน่าย” หมายความว่า ส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นน้ำมันของบริษัทส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงแยกก๊าซ โรงทำก๊าซให้เป็นของเหลว โรงอัดก๊าซหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อกิจการดังกล่าวของบริษัทนำปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆของบริษัทหรือของผู้อื่นโดยไม่มีการขายหรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงโดยไม่มีค่าตอบแทน “บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)ได้รับสัมปทานหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทาน หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต เพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันตามมาตรา39 แห่งประมวลรัษฎากร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '4'}]",“ปิโตรเลียม” หมายความว่า ปิโตรเลียมที่ผลิตในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม; “น้ำมันดิบ” หมายความว่า น้ำมันดิบตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม; “จำหน่าย” หมายความว่า ส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นน้ำมันของบริษัทส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงแยกก๊าซ โรงทำก๊าซให้เป็นของเหลว โรงอัดก๊าซหรือสถา��ที่เก็บรักษาเพื่อกิจการดังกล่าวของบริษัทนำปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆของบริษัทหรือของผู้อื่นโดยไม่มีการขายหรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงโดยไม่มีค่าตอบแทน; “บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)ได้รับสัมปทานหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทาน หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต เพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร. +การขยายหรือเลื่อนเวลาของอธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีต้องอิงจากอะไร,ความจำเป็นในแต่ละกรณี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 5 กำหนดเวลาตามที่ได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ถ้าผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ ให้อธิบดี โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งขยายหรือเลื่อนเวลาออกไปได้ตามความจำเป็นแก่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '5'}]",ความจำเป็นในแต่ละกรณี +ในกรณีฉุกเฉิน สามารถทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นใดซึ่งเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียมหรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่าย ในช่วงเวลาใด,ช่วงเวลาใดก็ได้ ตามที่อธิบดีได้ออกคำสั่ง คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 6 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นใดซึ่งเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียมหรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่าย การตรวจค้นหรือยึดตามวรรคหนึ่งให้กระทำในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของผู้ถูกตรวจค้นหรือถูกยึด เว้นแต่การตรวจค้นหรือยึดในเวลาดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ จะกระทำต่อไปก็ได้ หรือในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง อธิบดีจะออกคำสั่งให้ตรวจค้นหรือยึดในเวลาใด ๆ ก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '6'}]",ช่วงเวลาใดก็ได้ ตามที่อธิบดีได้ออกคำสั่ง +เมื่อต้องการให้ผู้เสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 แสดงบัญชี หลักฐาน รายงาน หรือแจ้งข้อความใด ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัท อธิบดีจะต้องออกคำสั่งในรูปแบบใด,ออกคำสั่งเป็นหนังสือ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 7 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้บริษัทแสดงบัญชี หลักฐาน รายงาน หรือแจ้งข้อความใด ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัท คำสั่งตามวรรคหนึ่งจะให้ปฏิบัติก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '7'}]",ออกคำสั่งเป็นหนังสือ +หากได้รับการอนุมัติจากอธิบดีให้สามารถใช้ภาษาต่างประเทศหรือเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทย ต้องใช้ช่วงใดถึงช่วงใด,ตั้งแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัติและต้องใช้ตลอดไปจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากอธิบดี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 8 บรรดาบัญชี หลักฐานและเอกสารประกอบการลงบัญชีซึ่งเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัทให้ทำเป็นภาษาไทยและต้องระบุเป็นเงินตราไทยเว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้บริษัททำเป็นภาษาต่างประเทศหรือระบุเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยหรือเปลี่ยนแปลงเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ให้บริษัทที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามวรรคหนึ่งใช้ภาษาต่างประเทศหรือเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยดังกล่าวตั้งแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัติและต้องใช้ตลอดไปจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '8'}]",ตั้งแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัติและต้องใช้ตลอดไปจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากอธิบดี +การคำนวณมูลค่าของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น �� ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ที่ไม่ใช่เงินตราไทย ต้องคำนวณเมื่อใด,วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีอนุมัติ ซึ่งโดยปกติแล้ว 1 รอบระยะบัญชีเริ่มวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม (1รอบระยะเวลาบัญชี) ของปีนั้นๆ แต่ก็มีบริษัทที่ขอจดทะเบียนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของรอบระยะบัญชี ไปจนถึงวันที่ 31 ธนวาคม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 8/1 เมื่ออธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยหรือให้เปลี่ยนแปลงเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามมาตรา8 ให้บริษัทคำนวณมูลค่าของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงบการเงินณ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีอนุมัติและบรรดารายการต่าง ๆ รวมทั้งผลขาดทุนประจำปีคงเหลือตามมาตรา 28 (1)ที่ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้ที่เหลืออยู่ ณ วันนั้น เป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '8/1'}]",วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีอนุมัติ +เอกสารใดบ้างที่ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศ อธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งการให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีแปลเป็นภาษาไทย,1. บัญชี 2. หลักฐาน 3. รายงาน 4. เอกสารต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 9 บรรดาบัญชี หลักฐาน รายงาน และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียม ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศ อธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เสร็จภายในเวลาอันสมควรได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '9'}]",1. บัญชี 2. หลักฐาน 3. รายงาน 4. เอกสารต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีห��ือเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียม +หาใช้วิธีปิดหมายในการส่ง ต้องล่วงพ้นเป็นระยะเวลากี่วัน จึงจะถือว่าบุคคลนั้นได้รับหมายเรียก หนังสือแจ่งการประเมิน หรือหนังสืออื่นแล้ว,3 วัน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 10 หมายเรียก หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่นที่มีถึงบุคคลใดเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้นำไปส่งในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของผู้รับ หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ถ้าไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวในวรรคหนึ่งด้วยเหตุใด ๆ ให้ส่งโดยวิธีปิดหมายเรียก หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่น ณ ที่เห็นได้ง่ายที่ประตูบ้าน สำนักงาน ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ของผู้รับ หรือส่งโดยวิธีย่อข้อความในหมายเรียก หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่นนั้นลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ก็ได้ เมื่อได้ส่งตามวิธีดังกล่าวในวรรคสองและเวลาได้ล่วงพ้นไปสามวันแล้ว ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหมายเรียก หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่นนั้นแล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '10'}]",3 วัน +เมือเจ้าพนักงานที่ตามหน้าที่ราชการนนั้น ได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าพนักงานต้องปฏิบัติตนเช่นใด,ไม่นำข้อมูลที่ล่วงรู้แจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 11 เจ้าพนักงานผู้ใดโดยหน้าที่ราชการได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใดหรือทำให้เป็นที่ล่วงรู้แก่ผู้อื่นโดยวิธีใด ๆ เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '11'}]",ไม่นำข้อมูลที่ล่วงรู้แจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย +ภาษีอากรที่บริษัทหรือนิติบุคคลที่ได้รับสัมปทานน้ำมันหรือที่ซื้อน้ำมันดิบจากผู้ที่ไ้ด้รับสัมปทานน้ำมัน ท���่ได้รับยกเว้นคือภาษีอากรที่เก็บได้จากที่ใด,ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร หรือตามกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่กฎหมายปิโตรเลียมที่ได้รับยกเว้น คือภาษีอากรที่เก็บจากกำไรสุทธิหรือที่เก็บจากเงินได้ที่ต้องนำมารวมเพื่อคำนวณกำไรสุทธิ หรือเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตาม พรบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม คำอธิบาย : ให้บริษัทจำกัดและนิติบุคคลที่มีสภาพเช่นเดียวกับบริษัทจำกัด ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ได้รับยกเว้น (1) ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร และ (2) ภาษีอากรตามกฎหมายอื่น เว้นแต่ตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ทั้งนี้ เฉพาะภาษีอากรที่เก็บจากกำไรสุทธิหรือที่เก็บจากเงินได้ที่ต้องนำมารวมเพื่อคำนวณกำไรสุทธิ หรือเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '12'}]",ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร หรือตามกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่กฎหมายปิโตรเลียมที่ได้รับยกเว้น คือภาษีอากรที่เก็บจากกำไรสุทธิหรือที่เก็บจากเงินได้ที่ต้องนำมารวมเพื่อคำนวณกำไรสุทธิ หรือเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตาม พรบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม +ภาษีอากรใดที่บริษัทจำกัดและนิติบุคคลที่มีสภาพเช่นเดียวกับบริษัทจำกัดซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ ไม่ได้รับการยกเว้ยไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,ภาษีอากรที่เก็บจากเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากกำไรสุทธิ หรือที่จ่ายจากเงินได้อัน คำ อธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 13 ให้บริษัทจำกัดและนิติบุคคลที่มีสภาพเช่นเดียวกับบริษัทจำกัดซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศได้รับยกเว้น (1) ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร และ (2) ภาษีอากรตามกฎหมายอื่น ทั้งนี้ เฉพาะภาษีอากรที่เก็บจากเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากกำไรสุทธิ หรือที่จ่ายจากเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '13'}]",ภาษีอากรที่เก็บจากเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากกำไรสุทธิ หรือที่จ่ายจากเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 +ภาษีค้าง จะสามารถชำระได้อย่างไร,การชำระภาษีค้างให้นำบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับวิธีการชำระภาษีค้างมาใช้บังคับ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 14 ภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อถึงกำหนดชำระหรือนำส่งแล้ว มิได้ชำระหรือนำส่ง ให้ถือเป็นภาษีค้าง เพื่อให้ได้รับชำระภาษีค้าง ให้นำบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับวิธีการเพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้างมาใช้บังคับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '14'}]",การชำระภาษีค้างให้นำบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับวิธีการชำระภาษีค้างมาใช้บังคับ +ภายใต้สัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาลต่างประเทศทำให้บุคคลตามสัญญาดังกล่าวนี้มีสิทธิพิเศษอย่างไรในด้านภาษี,บุคคลตามสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้อน จะทำให้บุคคลตามสัญญานี้ไ้ด้รับการลดหรือยกเว้นภาษี คำอธิบาย : คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 15 ให้ลดหรือยกเว้นภาษีตามพระราชบัญญัตินี้แก่บุคคลตามสัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาลต่างประเทศ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '15'}]",บุคคลตามสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้อน จะทำให้บุคคลตามสัญญานี้ไ้ด้รับการลดหรือยกเว้นภาษี +อธิบดีมีอำนาจในการกำหนดแบบแสดงรายการและแบบพิมพ์อื่นหรือไม่,มีอำนาจในการกำหนดแบบแสดงรายการและแบบพิมพ์อื่น คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 16 ให้อธิบดีมีอำนาจ (1) กำหนดแบบแสดงรายการและแบบพิมพ์อื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '16'}]",มีอำนาจในการกำหนดแบบแสดงรายการและแบบพิมพ์อื่น +ในกรณีที่มีผู้เสียร้องขอจัดทำหลักฐานและเอกสารประกอบการลงบัญชีเป็นภาษาต่างประเทศและบันทึกในสกุลเงินที่ไม่ใช่เงินตราไทย อธิบดีสามารถสั่งการให้ผู้ใดเป็นผู้อนุมัติแทนได้ และต้องกระทำในรูปแบบใด,อธิบดีอาจมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากองในกรมสรรพากร หรือสรรพากรเขต เป็นผู้ทำการแทนได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 17 อำนาจของอธิบดีตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 26 (1) และมาตรา 77 อธิบดีอาจมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากองในกรมสรรพากร หรือสรรพากรเขต เป็นผู้ทำการแทนได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '17'}]",อธิบดีอาจมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากองในกรมสรรพากร หรือสรรพากรเขต เป็นผู้ทำการแทนได้ +รัฐมนตรีสามารถกำหนดส่วนลดเพื่อประโยชน์ในการคำนวณราคามาตรฐานได้อย่างไร,1. ไม่เกินร้อยละ 7 ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแปลงสำรวจแต่ละแปลงที่มิใช่แปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม 2. ไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแต่ละพื้นที่ผลิตในแปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 18 รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดส่วนลดเพื่อประโยชน์ในการคำนวณราคามาตรฐานดังต่อไปนี้ (1) ไม่เกินร้อยละ 7ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแปลงสำรวจแต่ละแปลงที่มิใช่แปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม (2) ไม่เกินร้อยละ 30ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแต่ละพื้นที่ผลิตในแปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '18'}]",1. ไม่เกินร้อยละ 7 ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแปลงสำรวจแต่ละแปลงที่มิใช่แปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม 2. ไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาประกาศตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมเป็นเวลาไม่เกินเก้าปีนับแต่วันที่บริษัทเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากแต่ละพื้นที่ผลิตในแปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตรตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม. +ผู้ใดมีหน้าที่ต้องยื่นแผนการผลิตปิโตรเลียม รายงานผลประกอบการ แผนงบและงบประมาณประจำปี รวมถึงเสนองบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปี,บริษัทที่ประกอบกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 18/1 ให้บริษัทซึ่งมีหน้าที่ยื่นแผนการผลิตปิโตรเลียม รายงานผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และเสนองบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปี ตามมาตรา 42 ทวิ มาตรา 76 และมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ต้องส่งสำเนาแผนการผลิตปิโตรเลียม ผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และงบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปีดังกล่าวต่ออธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '18/1'}]",บริษัทที่ประกอบกิจการปิโตรเลียม +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจใดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 19 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '19'}]",มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการ +ภาษีเงินได้ที่บริษัทจะต้องชำระ มีอัตราเท่าใด,อัตราในการชำระนั้น ขึ้นอยู่กับที่พระราชกฤษฎีกาได้กำหนดไว้ แต่มีมาตรฐานว่าต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิที่ได้���ากกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 20 ภายใต้บังคับมาตรา 43 ทวิ บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้เป็นรายรอบระยะเวลาบัญชี ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '20'}]",อัตราในการชำระนั้น ขึ้นอยู่กับที่พระราชกฤษฎีกาได้กำหนดไว้ แต่มีมาตรฐานว่าต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม +เงินใด ที่เกิดจาการโอนกิจการปิโตรเลียม ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอนจะต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา,เงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอน คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 21 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '21'}]",เงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอน +การโอนกิจการปิโตรเลียม ให้เอายอดใดมาคำนวณรายได้,ให้เอามูลค่าตามบัญชีครั้งสุดท้ายของบริษัทผู้โอนในวันที่โอน มาเป็นยอดเงินได้ เพื่อมาคำนวณรายได้ต่อไป คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 22 การคำนวณกำไรสุทธิ ให้นำเอาจำนวนดังต่อไปนี้มารวมเป็นรายได้ (1) ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียม (2) มูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่าย (3) มูลค่าของปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวง (4) ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน (5) ยอดเงินได้อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม ในกรณีการโอนสัมปทานตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ตาม (4) ให้ถือมูลค่าตามบัญชีครั้งสุดท้ายของบริษัทผู้โอนในวันที่โอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '22'}]",ให้เอามูลค่าตามบัญชีครั้งสุดท้ายของบริษัทผู้โอนในวันที่โอน มาเป็นยอดเงินได้ เพื่อมาคำนวณรายได้ต่อไป +รายได้ (1) ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียม (2) มูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่าย (3) มูลค่าของปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวง (4) ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน (5) ยอดเงินได้อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม สามารถหักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นได้หรือไม่,สามารถหักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 23 รายได้ตามมาตรา 22 ให้หักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นได้ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 22 การคำนวณกำไรสุทธิ ให้นำเอาจำนวนดังต่อไปนี้มารวมเป็นรายได้ (1) ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียม (2) มูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่าย (3) มูลค่าของปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวง (4) ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน (5) ยอดเงินได้อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม ในกรณีการโอนสัมปทานตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ตาม (4) ให้ถือมูลค่าตามบัญชีครั้งสุดท้ายของบริษัทผู้โอนในวันที่โอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '23'}]",สามารถหักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นได้ +ค่าสัมปทานที่กิจการปิโตรเลียมต้องจ่ายให้แก่ภาครัฐถือว่าเป็นรายจ่ายหรือไม่,เป็น เพราะเงินหรือทรัพย์สินที่ผู้ได้รับสัมปทานในทรัพยากรของชาติ ต้องจ่ายให้แก่รัฐ จะเรียกว่าค่าภาคหลวง ดังนั้นการที่กิจการปิโตรเลียมต้องจ่ายค่าสัมปทานให้กับภาครัฐจึงถือว่าเป็นเงินค่าภาคหลวง ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นรายจ่าย คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 24 ภายใต้บังคับมาตรา 25 และมาตรา 26 รายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้จำกัดอยู่เฉพาะแต่รายจ่ายที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในจำนวนไม่เกินสมควร และได้จ่ายไปทั้งหมดเฉพาะในกิจการปิโตรเลียม ไม่ว่าจะจ่ายในหรือนอกราชอาณาจักร และภายในข้อจำกัดดังกล่าวให้รวมถึง (1) ค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นในการเช่าทรัพย์สิน (2) ค่าแรงงาน ค่าบริการ ค่าวัสดุสิ้นเปลือง และรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต (3) ค่ารับรอง (4) หนี้สูญที่จำหน่ายจากบัญชี (5) เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ (6) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุน (7) ค่าภาคหลวงสำหรับปิโตรเลียม ไม่ว่าจะชำระเป็นตัวเงินหรือปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '24'}]",เป็น เพราะเงินหรือทรัพย์สินที่ผู้ได้รับสัมปทานในทรัพยากรของชาติ ต้องจ่ายให้แก่รัฐ จะเรียกว่าค่าภาคหลวง ดังนั้นการที่กิจการปิโตรเลียมต้องจ่ายค่าสัมปทานให้กับภาครัฐจึงถือว่าเป็นเงินค่าภาคหลวง ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นรายจ่าย +รายจ่ายที่เป็นทุนหมายถึงอะไร,รายจ่ายที่เป็นทุน หมายถึง รายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ไ้ดมาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นมีผลต่อกิจการเป็นเวลาเกินหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี และยังหมายถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรก และรายจ่ายตามปกติและจำเป็นที่จ่ายไปก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรก คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 25 รายการที่มิให้ถือเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้รวมถึง (1) รายจ่ายที่เป็นทุนหรือรายจ่ายในการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออกหรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน รายจ่ายที่เป็นทุนตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า รายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดยทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นมีผลต่อกิจการเป็นเวลาเกินหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี และให้หมายความรวมถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 26 (1) วรรคสอง และรายจ่ายตามปกติและจำเป็นที่จ่ายไปก่อนรอบร��ยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 26 (1) วรรคสองด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '25'}]",รายจ่ายที่เป็นทุน หมายถึง รายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นมีผลต่อกิจการเป็นเวลาเกินหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี และยังหมายถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรก และรายจ่ายตามปกติและจำเป็นที่จ่ายไปก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรก. +กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ถือว่าเป็นรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียมต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง,เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญจะถือเป็นรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีและต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือ 1. กองทุนได้ตั้งไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างโดยเฉพาะ 2. เงินกองทุนต้องแยกไว้ต่างหากให้พ้นจากการครอบครองของบริษัท 3. เงินกองทุนจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อประโยชน์แก่กองทุนโดยเฉพาะ 4. เงินสมทบกองทุนต้องไม่กลับคืนมาเป็นของบริษัทอีก และ 5. เงินสมทบกองทุนต้องจ่ายตามข้อผูกพันที่มีระเบียบว่าด้วยกองทุนกำหนดไว้เป็นหนังสือ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 26 การคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิตามหมวดนี้ให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (15)เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญจะถือเป็นรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีและต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้ (ก)กองทุนได้ตั้งไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างโดยเฉพาะ (ข) เงินกองทุนต้องแยกไว้ต่างหากให้พ้นจากการครอบครองของบริษัท (ค)เงินกองทุนจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อประโยชน์แก่กองทุนโดยเฉพาะ (ง)เงินสมทบกองทุนต้องไม่กลับคืนมาเป็นของบริษัทอีก และ (จ)เงินสมทบกองทุนต้องจ่ายตามข้อผูกพันที่มีระเบียบว่าด้วยกองทุนกำหนดไว้เป็นหนังสือ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '26'}]",1. กองทุนได้ตั้งไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างโดยเฉพาะ 2. เงินกองทุนต้องแยกไว้ต่างหากให้พ้นจากก��รครอบครองของบริษัท 3. เงินกองทุนจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อประโยชน์แก่กองทุนโดยเฉพาะ 4. เงินสมทบกองทุนต้องไม่กลับคืนมาเป็นของบริษัทอีก และ 5. เงินสมทบกองทุนต้องจ่ายตามข้อผูกพันที่มีระเบียบว่าด้วยกองทุนกำหนดไว้เป็นหนังสือ +ผลกำไรประจำปีหรือผลขาดทุนประจำปี คิดจากอะไร,รายได้เมื่อได้หักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นออกแล้ว คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 27 รายได้เมื่อได้หักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นออกแล้ว ผลลัพธ์เป็นผลกำไรประจำปีหรือผลขาดทุนประจำปี แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '27'}]",รายได้เมื่อได้หักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นออกแล้ว +ผลขาดทุนประจำปีตามมีวิธีคิดอย่างไร ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 28,ให้นำผลขาดทุนประจำปี ไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีใดรอบบัญชีหนึ่งที่มีระยะเวลาไม่เกิน 10 รอบบัญชี แต่ในกรณีที่ยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือ สามารถนำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 28 ในกรณีที่มีผลกำไรประจำปี ให้หักลดหย่อนได้ ดังต่อไปนี้ (1) ผลขาดทุนประจำปีของรอบระยะเวลาบัญชีใด ๆ ในสิบรอบระยะเวลาบัญชี ก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน ผลขาดทุนประจำปี เมื่อได้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีใดแล้ว หากยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '28'}]",ให้นำผลขาดทุนประจำปี ไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีใดรอบบัญชีหนึ่งที่มีระยะเวลาไม่เกิน 10 รอบบัญชี แต่ในกรณีที่ยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือ สามารถนำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชี +ผลขาดทุนประจำปีที่นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีใดแล้ว แต่ยังคงเหลืออยู่ บริษัทผู้รับโอนสา���ารถนำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้หรือไม่,สามารถนำไปลดหย่อนได้ โดยหากยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชีนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่มีการโอนเป็นต้นไป คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 29 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียมให้บริษัทผู้รับโอนถือเอาผลขาดทุนประจำปีคงเหลือของบริษัทผู้โอนเพื่อประโยชน์ในการหักลดหย่อนตามมาตรา28 (1)นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่มีการโอนเป็นต้นไปได้เสมือนหนึ่งว่ามิได้มีการโอนกิจการปิโตรเลียมทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '29'}]",สามารถนำไปลดหย่อนได้ โดยหากยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชีนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่มีการโอนเป็นต้นไป +กำไรสุทธิ ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ต้องเสียภาษีเงินได้หรือไม่,ต้องเสียภาษีเงินได้ตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 30 ผลกำไรประจำปีเมื่อได้หักลดหย่อนตามมาตรา 28 ออกแล้วเหลือเท่าใด เป็นกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 20,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '30'}]",ต้องเสียภาษีเงินได้ตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 +ในกรณีใดที่บริษัทผู้ขายน้ำมันดิบไม่สามารถหักเครดิตออกจากภาษีที่ต้องเสียได้,ในกรณีที่บริษัทผู้ซื้อซื้อน้ำมันดิบในราคามาตรฐานหรือราคาที่สูงกว่าราคามาตรฐาน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 32 ... ในกรณีที่บริษัทผู้ซื้อซื้อน้ำมันดิบในราคามาตรฐานหรือราคาที่สูงกว่าราคามาตรฐาน ไม่ให้หักเครดิตตามวรรคหนึ่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '32'}]",ในกรณีที่บริษัทผู้ซื้อซื้อน้ำมันดิบในราคามาตรฐานหรือราคาที่สูงกว่าราคามาตรฐาน +การหักต้นทุนจากเงินได้ที่เกิดจากการโอนกิจการปิโตรเลียม สามารถหักเกิดผลขาดทุนประจำปีคงเหลือไม่เกิน 10รอบระยะเวลาบัญชีได้หรือไม่,ไม่สามารถหักได้ เนื่องจากตามบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้สามารถหักได้เพียงเท่าผลขาดทุนประจำปีคงเหลือไม่เกิน 10 รอบระยะเวลาบัญชีเท่านั้น คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33 การหักต้นทุนจากเงินได้ตามมาตรา 21 ให้หักได้เพียงเท่าผลขาดทุนประจำปีคงเหลือตามมาตรา 28 (1) ของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 21 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 28 ในกรณีที่มีผลกำไรประจำปี ให้หักลดหย่อนได้ ดังต่อไปนี้ (1) ผลขาดทุนประจำปีของรอบระยะเวลาบัญชีใด ๆ ในสิบรอบระยะเวลาบัญชี ก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน ผลขาดทุนประจำปี เมื่อได้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีใดแล้ว หากยังมีผลขาดทุนประจำปีคงเหลือเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำไปหักลดหย่อนในรอบระยะเวลาบัญชีต่อไปได้เพียงเท่าจำนวนที่เหลือนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบรอบระยะเวลาบัญชี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '33'}]",ไม่สามารถหักได้ เนื่องจากตามบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้สามารถหักได้เพียงเท่าผลขาดทุนประจำปีคงเหลือไม่เกิน 10 รอบระยะเวลาบัญชีเท่านั้น. +ในกรณีที่บริษัทได้รับอนุมัติให้ใช่เงินตราสกุลต่างประเทศในการดำเนินงาน จะสามารถคำนวณภาษีเงินได้และกำไรสุทธิได้อย่างๆร,ให้คำนวณด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเหมือนการดำเนินงานด้วยเงินตราไทย ยกเว้นจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับ 1. ราคาทรัพย์สินที่ถืออยู่ นอกจ���กสินค้า 2. เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่รับมาหรือจ่ายไปในรอบระยะเวลาบัญชี 3. เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องเหลืออยู่ในวันสิ้นรอบบัญชี เนื่องจากเงินประเภทดังกล่าวนั้นมีการคำนวนเป็นเป็นสกุลเงินไทยอยู่ก่อนแล้วก่อนขออธิบดีอนุมัติดังนั้นจึงไม่ต้องเปลี่ยนวิธีการคำนวนอัตราค่าแลกเปลี่ยนสกุลเงินแล้วเหมือนวงเล็บอื่นในมาตรานั้น ไม่ต้องนำมาคำนวณใหม่ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33/1 บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยตามมาตรา8 ให้คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้โดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้น และให้นำบทบัญญัติในหมวด 2ภาษีเงินได้และการคำนวณกำไรสุทธิ เว้นแต่มาตรา 26 (10) (12) และ (13)มาใช้บังคับโดยอนุโลม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 26 การคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิตามหมวดนี้ให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (10)ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้า ให้ถือตามราคาทุน ถ้าราคาทุนเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเป็นเงินตราไทยเช่นเดียวกับวิธีการตาม (12)ราคาทุนดังกล่าวอาจลดลงได้โดยการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนตาม (7)แต่ห้ามมิให้ตีราคาลดลงส่วนการตีราคาเพิ่มขึ้นให้กระทำได้เท่าที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร (12) เงินตรา หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศนั้น ในกรณีที่มิได้มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเงินตราต่างประเทศ หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องนั้นตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไปโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยรายวันที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราช��ิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป (13) เงินตราหนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศเหลืออยู่ในวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่กรณี ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '33/1'}]",ให้คำนวณด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเหมือนการดำเนินงานด้วยเงินตราไทย ยกเว้นจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับ 1. ราคาทรัพย์สินที่ถืออยู่ นอกจากสินค้า 2. เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่รับมาหรือจ่ายไปในรอบระยะเวลาบัญชี 3. เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องเหลืออยู่ในวันสิ้นรอบบัญชี. +อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณเงินตรา หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่น ให้อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนใด,อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราสกุลนั้นซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33/3 เงินตรา หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทที่ได้รับอนุมัติตามมาตรา8 ให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้น ในกรณีที่มิได้มีการซื้อขายเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลท��่ใช้ในการดำเนินงานให้คำนวณเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงาน หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องนั้นตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไปโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยรายวันที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราสกุลนั้นซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขออธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '33/3'}]",อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราสกุลนั้นซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ +ในกิจการปิโตรเลียม การคำนวณเงินตราสกุลอื่นใช้หลักเกณฑ์ อย่างไรในแปลงสกุลเงินเพื่อนำมาคิดบัญชี,1. ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี 2. อัตราแลกอื่นที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชี ซึ่งจะใช้หลักเกณฑ์นี้ได้เมื่อบริษัทร้องขอ และอธิบดีได้อนุมัติแล้ว และนำไปใช้ได้ในรอบบัญชีถัดไปจากที่อธิบดีอนุมัติ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33/4 เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานเหลืออยู่ในวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในร��ชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้ว ให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '33/4'}]",1. ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี 2. อัตราแลกอื่นที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชี ซึ่งจะใช้หลักเกณฑ์นี้ได้เมื่อบริษัทร้องขอ และอธิบดีได้อนุมัติแล้ว และนำไปใช้ได้ในรอบบัญชีถัดไปจากที่อธิบดีอนุมัติ +ค่าผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถือว่าเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้,ไม่สามารถนำมาคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิได้ เนื่องจากค่าผลกำไรขาดทุนของอัตราแลกไม่ได้เป็นรายได้หรือรายจ่าย คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33/5 ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอันเนื่องมาจากการคำนวณตามมาตรา 8/1 หรือจากการคำนวณมูลค่าของเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานเป็นเงินตราไทย เพื่อชำระภาษีตามมาตรา 42 มิให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '33/5'}]",ไม่สามารถนำมาคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิได้ เนื่องจากค่าผลกำไรขาดทุนของอัตราแลกไม่ได้เป็นรายได้หรือรายจ่าย +ในกรณีที่บริษัทที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานสำหรับแปลงสำรวจหลายแปลงจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินอย่างไร,ต้องยื่น (1)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (2)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกรอบระยะเวลาบัญชี พร้อมทั้งจัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่จะพึงมีสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้นหากมีรอบระยะบัญชีสุดท้ายมากกว่าหรือเท่ากับ 12 เดือน เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือแยกแปลงเอกสารที่ต้องยื่นสำหรับแต่ละแปลง คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 34 บริษัทมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ดังต่อไปนี้ (1)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (2)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ท���กรอบระยะเวลาบัญชี การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม(1)ให้บริษัทมีหน้าที่จัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่จะพึงมีสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้น ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งมีรอบระยะเวลาบัญชีแรกหรือรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายน้อยกว่าสิบสองเดือน บริษัทที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานแต่ละบริษัทมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับรายได้ซึ่งเป็นส่วนของบริษัทเอง บริษัทที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานสำหรับแปลงสำรวจหลายแปลงตามมาตรา26 (16) มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม (1) และ (2)เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '34'}]",ต้องยื่น (1)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (2)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกรอบระยะเวลาบัญชี พร้อมทั้งจัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่จะพึงมีสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้นหากมีรอบระยะบัญชีสุดท้ายมากกว่าหรือเท่ากับ 12 เดือน เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือแยกแปลงเอกสารที่ต้องยื่นสำหรับแต่ละแปลง. +ในกรณีบริษัทตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและบริษัทตั้งอยู่ที่ต่างประเทศจะต้องทำเช่นไร,ในกรณีบริษัทตั้งขึ่นตามกฎหมายต่างประเทศและบริษัทตั้งอยู่ที่ต่างประเทศแต่เข้ามาประกอบกิจการภายในราชอาณาจักรไทยนั้น ให้ผู้ทำการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นผู้ยื่นแบบได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 35 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามหมวดนี้ ให้กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษี ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '35'}]",ให้ผู้ทำการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นผู้ยื่นแบบได้ +ในกรณีที่บริษัทได้ควบกันในรอบระยะเวลาบัญชีไม่ถึง 12 เ���ือน และบริษัทเดิมยังไม่ได้นำส่งแบบแสดงรายการเงินได้ตามรอบระยะเวลาบัญชี รวมถึงประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้นจะต้องดำเนินการอย่างไร,ให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการควบเข้ากันมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทเดิม แต่ไม่ต้องนำส่งประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับระยะเวลาบัญชี เนื่องจากรอบระยะเวลาบัญชีล่าสุดไม่ถึง 12 เดือน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 36 ในกรณีที่บริษัทควบเข้ากัน ถ้าบริษัทเดิมยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 ให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการควบเข้ากันมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทเดิม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 34 บริษัทมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ดังต่อไปนี้ (1)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (2)ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกรอบระยะเวลาบัญชี การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม(1)ให้บริษัทมีหน้าที่จัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่จะพึงมีสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้น ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งมีรอบระยะเวลาบัญชีแรกหรือรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายน้อยกว่าสิบสองเดือน บริษัทที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานแต่ละบริษัทมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับรายได้ซึ่งเป็นส่วนของบริษัทเอง บริษัทที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานสำหรับแปลงสำรวจหลายแปลงตามมาตรา26 (16) มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม (1) และ (2)เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '36'}]",ให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการควบเข้ากันมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทเดิม แต่ไม่ต้องนำส่งประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับระยะเวลาบัญชี เนื่องจากรอบระยะเวลาบัญชีล่าสุดไม่ถึง 12 เดือน +ก่อนที่ผู้รับโอน จากกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียมจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทผู้โอนได้ เจ้าพนักงานประเมินจะต้องดำเนินการสิ่งใดก่อน,เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนแล้ว คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 37 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้โอนไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนดและเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนแล้ว ให้บริษัทผู้รับโอนยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทผู้โอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '37'}]",เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนแล้ว +ในกรณีใดที่ผู้ชำระบัญชีของบริษัทมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ร่วมกับผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักร,ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษี แต่ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร มีผู้ชำระบัญชีเมื่อเลิกกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 38 ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการปิโตรเลียม ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแทนตามมาตรา 35 มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ถ้ามีผู้ชำระบัญชี ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแทนตามมาตรา 35 กับผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ร่วมกันยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 35 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามหมวดนี้ ให้กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษี ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '38'}]",ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่ยเสียภาษี แต่ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร มีผู้ชำระบัญชีเมื่อเลิกกิจการปิโตรเลียม +แบบแสดงรายการเงินได้ ต้องใช้แบบใด,แบบที่อธิบดีกำหนด โดยต้องกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ภ.ง.ป 70 หรือ ภ.ง.ป 71 (สำหรับการยื่นแบบแสด���รายการภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี) คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 39 แบบแสดงรายการเงินได้ ให้ใช้แบบที่อธิบดีกำหนด ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้กรอกรายการในแบบนั้นโดยครบถ้วน และให้ยื่นเอกสารประกอบตามที่อธิบดีกำหนดไปพร้อมด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '39'}]",แบบที่อธิบดีกำหนด โดยต้องกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ภ.ง.ป 70 หรือ ภ.ง.ป 71 (สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี) +หากต้องการยื่นแบบแสดงรายการเงิน สามารถยื่นที่สำนักงานสรรพากรข้ามท้องที่ได้หรือไม่,ไม่ได้ เนื่องจากต้องยื่น ณ​ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด กล่าวคือ สำนักงานสรรพากรอำเภอหรือเขตท้องที่นั้นๆ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 40 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ให้ยื่นต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '40'}]",ไม่ได้ เนื่องจากต้องยื่น ณ​ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด กล่าวคือ สำนักงานสรรพากรอำเภอหรือเขตท้องที่นั้นๆ +ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้โอนไม่ยื่นแบบแสดงรายการ และเจ้าพนักงานได้แจ้งการไม่ยื่นแบบนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนแล้ว บริษัทผู้รับโอนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภายในเมื่อไหร่,ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า สามสิบวัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 41 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา34 (1)ให้ยื่นภายในสองเดือนนับแต่วันสุดท้ายของวันครบกำหนดครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีนั้นและการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 (2) ให้ยื่นภายในห้าเดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี การยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 37ให้ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '41'}]",ภายในเวลาที่เจ้าพนักงา���ประเมินกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า สามสิบวัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการ +หากบริษัทปิโตรเลียมได้เงินสกุลต่างประเทศในการดำเนินงานจะต้องชำระภาษีเป็นเงินไทยหรือเงินสกุลต่างประเทศที่ใช้ในการดำเนินงาน,หากบริษัทไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก็ต้องใช้เงินสกุลไทยในการชำระภาษี โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษี คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 42 การชำระภาษีตามมาตรา 20 ให้ชำระต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด การชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง บริษัทจะยื่นคำขอชำระเป็นเงินตราต่างประเทศสกุลใดก็ได้ เมื่ออธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีพิจารณาเห็นสมควรจะอนุมัติให้ชำระเป็นเงินตราต่างประเทศสกุลนั้นตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดก็ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติตามวรรคสอง ให้บริษัทที่ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยตามมาตรา 8 ชำระภาษีตามวรรคหนึ่งเป็นเงินตราไทย โดยให้คำนวณค่าตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '42'}]",หากบริษัทไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก็ต้องใช้เงินสกุลไทยในการชำระภาษี โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษี +ในกรณีบริษัทได้จัดขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ และไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจอยู่ในประเทศไทย บุคคลใดมีหน้าที่ต้องขำระภาษี,ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ซึ่งเป็นทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษี มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 43 ถ้ามีภาษีต้องเสีย ให้บริษัทที่มีหน้าที่ยื่น��บบแสดงรายการเงินได้ตามหมวด 3 ชำระภาษีภายในห้าเดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ในกรณีตามมาตรา 35 วรรคสอง ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 35 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามหมวดนี้ ให้กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่เสียภาษี ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '43'}]",ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ซึ่งเป็นทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษี มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ +ก่ารชำระยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีทีต้องชำระได้หรือไม่,ได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 43 ทวิ การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา34 (1) ถ้ามีภาษีต้องเสียให้บริษัทคำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิตามมาตรา 34วรรคสอง พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ภาษีที่ชำระตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 43,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '43 ทวิ'}]",ได้ +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้มีหน้าที่ชำระภาษีชำระภาษีชำระภาษีก่อน 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินหรือไม่,มีอำนาจ หากทำเพื่อความจำเป็นและประฌยชน์ในการจัดเก็ยภาษี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 44 ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินตามหมวด 6 ให้ผู้มีหน้าที่ชำระภาษีชำระภาษีนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน เว้นแต่การประเมินตามมาตรา 59 ให้ชำระภาษีภายในเว��าที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 59 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีอำนาจประเมินภาษี สั่งให้เสียภาษีหรือนำส่งภาษีก่อนกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '44'}]",มีอำนาจ หากทำเพื่อความจำเป็นและประฌยชน์ในการจัดเก็ยภาษี +ในกรณีใดที่ผู้มีสิทธิขอคืนภาษีเงินได้ปิโตรเลียมสามารถยื่นขอได้ ถึงแม้ว่าเกินระยะเวลาสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด,(1)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนได้ยื่นรายการเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือได้ยื่นรายการภายในเวลาที่อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีขยายหรือเลื่อนออกไป ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ (2)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนอุทธรณ์การประเมินหรือเป็นคดีในศาล ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินเป็นหนังสือหรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 44/1 การขอคืนภาษีเงินได้ปิโตรเลียมหรือภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ (1)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนได้ยื่นรายการเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือได้ยื่นรายการภายในเวลาที่อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีขยายหรือเลื่อนออกไป ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ (2)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนอุทธรณ์การประเมินหรือเป็นคดีในศาล ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินเป็นหนังสือหรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี คำร้องขอคืนตามมาตราน���้ ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืน ณ สถานที่ตามที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '44/1'}]",(1)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนได้ยื่นรายการเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือได้ยื่นรายการภายในเวลาที่อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีขยายหรือเลื่อนออกไป ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ (2)ในกรณีผู้มีสิทธิขอคืนอุทธรณ์การประเมินหรือเป็นคดีในศาล ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินเป็นหนังสือหรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี +เมื่อเจ้าพนักงานประเมินต้องการเรียกผู้มีสิทธิขอคืนหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ จะต้องทำการแจ้งในรูปแบบใด,ส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืนหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 44/2 เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีเงินได้ปิโตรเลียมตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืนหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง มาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '44/2'}]",ส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้มีสิทธิขอคืนหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง +ผู้มีเงินได้จากการโอนกิจการปิโตรเลียม มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่ทำงานจ่ายเงินหรือไม่,ผู้มีเงินได้จากการโอนกิจการปิโตรเลียม มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่ทำงานจ่ายเงิน ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุน แล้ว คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 45 ให้บริษัทซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 21 มีหน้าที่ (1) หักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายทุกคราวที่จ่ายเงินได้นั้นในอัตราตามมาตรา 21 (2) ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย (3) ���ำส่งภาษีที่ต้องหักตาม (1) การหักภาษีตาม (1) ให้คำนวณหักตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 21 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33 การหักต้นทุนจากเงินได้ตามมาตรา 21 ให้หักได้เพียงเท่าผลขาดทุนประจำปีคงเหลือตามมาตรา 28 (1) ของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '45'}]",ผู้มีเงินได้จากการโอนกิจการปิโตรเลียม มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่ทำงานจ่ายเงิน ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุน แล้ว +สำหรับกรณีของบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร บุคคลใดมีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย,ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 46 การยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามหมวดนี้ ให้กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่จ่ายตามมาตรา 21 มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '46'}]",ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ +บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการควบเข้ากัน สามารถยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนบริษัทเดิมได้หรือไม่,สามารถทำได้ หากบริษัทได้ทำการควบกันแล้ว แต่บริษัทซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ยังไม่ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 47 ในกรณีที่บริษัทควบเข้ากัน ถ้าบริษัทซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 21 ยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่โดยการควบเข้ากัน มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนบริษัทเดิม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '47'}]",สามารถทำได้ หากบริษัทได้ทำการควบกันแล้ว แต่บริษัทซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ยังไม่ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย +ในกรณีที่มีการดำเนินการโอนกิจการปิโตรเลียม แต่ทางบริษัทผู้โอนไม่ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในเวลาที่กำหนด ก่อนที่บริษัทผู้รับโอนจะต้องยื่นแยยแทนบริษัทผู้โอน เจ้าพนักงานประเมินจะต้องดำเนินการอะไรก่อร,เจ้าพนักงานประเมินต้องแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนก่อน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 48 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้โอนไม่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในเวลาที่กำหนด และเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนแล้ว ให้บริษัทผู้รับโอนยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนบริษัทผู้โอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '48'}]",เจ้าพนักงานประเมินต้องแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอนก่อน +ในกรณีใดของการเลิกกิจการปิโตรเลีบมที่ผู้ชำระบัญชีต้องยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายร่วมกันกรรมการผู้มีอำนาจประทำแทนบริษัท,กรณีที่บริษัทกิจการปิโตรเลียมที่ประสงค์จะเลิกกิจการมีผู้ชำระบัญชีให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้มีหน้าที่ร่วมด้วย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 49 ในก���ณีที่บริษัทเลิกกิจการปิโตรเลียม ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแทนตามมาตรา 46 มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ถ้ามีผู้ชำระบัญชีให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแทนตามมาตรา 46 กับผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ร่วมกัน ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 46 การยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามหมวดนี้ ให้กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่จ่ายตามมาตรา 21 มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '49'}]",กรณีที่บริษัทกิจการปิโตรเลียมที่ประสงค์จะเลิกกิจการมีผู้ชำระบัญชีให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้มีหน้าที่ร่วมด้วย +ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย มีหน้าที่ต้องยื่นเอกสารใดบ้าง,แสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่อธิบดีกำหนด 1. ภ.ง.ป.72 (สำหรับกรณีการโอน ควบ หรือเลิกกิจการปิโตรเลียม) 2. ภ.ง.ป.73 (สำหรับกรณีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เงินปันผล หรือส่วนแบ่งกำไร) พร้อมทั้งกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และแนบเอกสารประกอบตามที่อธิบดีกำหนดไปพร้อมด้วย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 50 แบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ใช้แบบที่อธิบดีกำหนด ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย กรอกรายการในแบบนั้นโดยครบถ้วน และให้ยื่นเอกสารประกอบตามที่อธิบดีกำหนดไปพร้อมด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '50'}]",1. ภ.ง.ป.72 (สำหรับกรณีการโอน ควบ หรือเลิกกิจการปิโตรเลียม) 2. ภ.ง.ป.73 (สำหรับกรณีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เงินปันผล หรือส่วนแบ่งกำไร) พร้อมทั้งกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และแนบเอกสารประกอบตามที่อธิบดีกำหนดไปพร้อมด้วย +การยื่นแบบแสดงรายการในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ต้องกระทำภายในเมื่อใด,ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 51 การยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ยื่นภายในเจ็ดวันนับแต่วันจ่ายเงินได้ตามมาตรา 21 การยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 48 ให้ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม การยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 59 ให้ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '51'}]",ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม +ในกรณีที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ จะต้องดำเนินการอย่างไร,ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้มีหน้าที่นำส่งภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 52 ให้บริษัทที่มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายนำส่งภาษีในเจ็ดวันนับแต่วันจ่ายเงินได้ตามมาตรา 21 พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 51 ในกรณีตามมาตรา 46 วรรคสอง ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย มีหน้าที่นำส่งภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 46 ... ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่จ่ายตามมาตรา 21 มีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '52'}]",ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้มีหน้าที่นำส่งภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย +เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินจำนวนเเงินหักภาษี ณ ​ที่จ่ายแล้ว สามารถเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องนำส่งภาษีก่อน 30 วันได้หรือไม่,ได้ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้นำส่งภาษีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 53 ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินตามหมวด 6 ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี นำส่งภาษีนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน เว้นแต่การประเมินตามมาตรา 59 ให้นำส่งภาษีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 59 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีอำนาจประเมินภาษี สั่งให้เสียภาษีหรือนำส่งภาษีก่อนกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '53'}]",ได้ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้นำส่งภาษีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด +การยื่นแบบแสดงรายการและการนำส่งภาษี ณ​ ที่จ่ายตามพระราชบัญญัติเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ต้องนำส่งแก่บุคคลใด,เจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด ในที่นี้คือข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป สังกัดสำนักงานสรรพากรอำเภอหรือเขตท้องที่ แล้วแต่กรณี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 54 การยื่นแบบแสดงรายการและการนำส่งภาษีตามหมวดนี้ให้ยื่นและนำส่งต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 2) เรื่อง การแต่งตั้งเจ้าพนักงาน และกำหนดสถานที่รับแบบแสดงรายการ รับชำระเงินภาษี และรับเงินภาษีนำส่งตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม: ข้อ 2 ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป สังกัดสำนักงานสรรพากรอำเภอหรือเขตท้องที่ แล้วแต่กรณี เป็นเจ้าพนักงานรับแบบแสดงรายการเงินได้ ตาม มาตรา 40 แบบแสดงรายการภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และเป็นเจ้าพนักงานรับชำระเงินภาษี และรับเงินภาษีนำส่งตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี���ม พ.ศ. 2514,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '54'}]",เจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่อธิบดีกำหนด ในที่นี้คือข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป สังกัดสำนักงานสรรพากรอำเภอหรือเขตท้องที่ แล้วแต่กรณี +ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว แต่มิได้นำส่งภาษีหรือนำส่งภาษีโดยไม่ถูกต้องก็ดี บุคคลใดมีหน้าที่ต้องผิด,ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องเป็นผู้รับผิด แต่ผู้ซึ่งได้รับเงินจากการโอนกิจการปิโตรเลียมพ้นความรับผิดในการเสียภาษีเท่าจำนวนที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้หักภาษีไว้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 55 ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งมิได้หักภาษีหรือหักภาษีโดยไม่ถูกต้องก็ดี ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลซึ่งได้รับเงินได้ตามมาตรา 21 ในการชำระภาษีนั้น ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว แต่มิได้นำส่งภาษีหรือนำส่งภาษีโดยไม่ถูกต้องก็ดี ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้ตามมาตรา 21 พ้นความรับผิดในการเสียภาษีเท่าจำนวนที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้หักภาษีไว้ และให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย รับผิดในการชำระภาษีนั้นแต่ฝ่ายเดียว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '55'}]",ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องเป็นผู้รับผิด แต่ผู้ซึ่งได้รับเงินจากการโอนกิจการปิโตรเลียมพ้นความรับผิดในการเสียภาษีเท่าจำนวนที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้หักภาษีไว้ +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม เมื่อใด,(1) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนด (2) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาด ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป (3) บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจไต่สวนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานในการคำนวณภาษี (4) บริษัทมิได้หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้นำส่งภาษีโดยถูกต้อง คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 56 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อ (1) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนด (2) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาด ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป (3) บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจไต่สวนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานในการคำนวณภาษี หรือ (4) บริษัทมิได้หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้นำส่งภาษีโดยถูกต้องตามหมวด 5 การประเมินภาษี เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม หรือการปฏิบัติการอื่นใดของเจ้าพนักงานประเมินตามพระราชบัญญัตินี้กับบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยตามมาตรา 8 ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัท ดังกล่าว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '56'}]",(1) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนด (2) ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาด ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป (3) บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจไต่สวนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานในการคำนวณภาษี (4) บริษัทมิได้หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้นำส่งภาษีโดยถูกต้อง +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการปรับปรุงจำนวนรายได้และรายจ่ายของบริษัทปิโตรเลียมอย่างไร เมื่อบริษัทมิได้ดำเนินการโดยอิสระเนื่องจากมีความสัมพันธ์กับบริษัทหรือบุค��ลอื่น,พนักงานประเมินมีอำนาจปรับปรุงจำนวนรายได้และรายจ่ายของบริษัทเพื่อให้ได้จำนวนที่บริษัทควรได้รับและจ่ายเสมือนบริษัทได้ดำเนินการอย่างอิสระ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 57 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 56 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ (1) จัดทำรายการลงในแบบแสดงรายการเงินได้ตามหลักฐานที่เห็นว่าถูกต้อง เมื่อมิได้มีการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ (2) แก้ไขเพิ่มเติมรายการในแบบแสดงรายการเงินได้หรือในเอกสารที่ยื่นประกอบแบบแสดงรายการเงินได้เพื่อให้ถูกต้อง (3) ปรับปรุงจำนวนรายได้และรายจ่ายของบริษัทเพื่อให้ได้จำนวนที่บริษัทควรได้รับและจ่ายถ้าหากบริษัทได้ดำเนินการโดยอิสระ แต่บริษัทมิได้ดำเนินการโดยอิสระเพราะมีความสัมพันธ์ในด้านทุนหรือการจัดการกับบริษัทหรือบุคคลอื่น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '57'}]",พนักงานประเมินมีอำนาจปรับปรุงจำนวนรายได้และรายจ่ายของบริษัทเพื่อให้ได้จำนวนที่บริษัทควรได้รับและจ่ายเสมือนบริษัทได้ดำเนินการอย่างอิสระ +นอกจากการดำเนินการประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการออกหมายหรือคำสั่งหรือไม่,มี พนักงานประเมินมีอำนาจ 1. ออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกหมายเรียกพยานมาให้ถ้อยคำ 2. ออกคำสั่งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีหลักฐาน รายงานหรือเอกสารอื่นอันควรแก่กรณีมาตรวจสอบไต่สวน คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 58 ในการดำเนินการตามมาตรา 56 หรือมาตรา 57 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ (1) ออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกหมายเรียกพยานมาให้ถ้อยคำ (2) ออกคำสั่งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีหลักฐาน รายงานหรือเอกสารอื่นอันควรแก่กรณีมาตรวจสอบไต่สวน ทั้งนี้ ต้��งให้เวลาแก่ผู้รับหมายเรียกหรือคำสั่งไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียกหรือคำสั่งนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '58'}]",มี พนักงานประเมินมีอำนาจ 1. ออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกหมายเรียกพยานมาให้ถ้อยคำ 2. ออกคำสั่งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีหลักฐาน รายงานหรือเอกสารอื่นอันควรแก่กรณีมาตรวจสอบไต่สวน +เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการสั่งให้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่,มีอำนาจในกรณ๊ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 59 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีอำนาจประเมินภาษี สั่งให้เสียภาษีหรือนำส่งภาษีก่อนกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '59'}]",มีอำนาจในกรณ๊ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี +ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินแล้ว บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ชำระภาษีสามารถอุทธรณ์การประเมินได้ในกรณีใดบ้าง,สามารถอุทธรณ์ได้ทุกกรณีเว้นแต่การประเมินที่ บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจไต่สวนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานในการคำนวณภาษีนั้นห้ามไม่ให้อุทธรณ์การประเมิน คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 60 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งการประเมินเป็นหนังสือไปยังบริษัทหรือผู้มีหน้าที่ชำระภาษีหรือนำส่งภาษี ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ เว้นแต่การประเมินตามมาตรา 56 (3) ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับการอุทธรณ์มาใช้บัง��ับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '60'}]",สามารถอุทธรณ์ได้ทุกกรณีเว้นแต่การประเมินที่ บริษัทหรือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินหรือไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจไต่สวนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานในการคำนวณภาษีนั้นห้ามไม่ให้อุทธรณ์การประเมิน +หากบริษัทแสดงจำนวนรายได้หรือภาษีที่ต้องนำส่งขาดไปเกินร้อยละ 25 ของจำนวนที่ต้องนำส่งในการยื่นแบบแสดงรายการ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต้องดำเนินการภายในระยะเวลาเท่าใด,10 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 61 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ (1) ห้าปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง หรือวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาที่อธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไปตามมาตรา 5 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว (2) ห้าปีนับแต่วันที่บริษัทยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่บริษัทยื่นแบบแสดงรายการภายหลังวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาดังกล่าวใน (1) แต่ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการ (3) สิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในกรณีที่บริษัทมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหรือยื่นแบบแสดงรายการเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหรือการนำส่งภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการโดยแสดงจำนวนรายได้หรือภาษีที่ต้องนำส่งขาดไปเกินร้อยละ 25 ของจำนวนรายได้หรือภาษีที่ต้องนำส่งในแบบแสดงรายการ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '61'}]",10 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย +ถ้าบริษัทยื่นแบบแสดงรายได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่ยื่นยื่นภายในสองเดือนนับแต่วันสุดท้ายของวันครบกำหนดครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีต้องเสียค่าปรับหรือไม่,หากไม่มีเหตุผลอันสมควรต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 62 ให้บริษัทเสียเบี้ยปรับในกรณีและตามอัตราดังต่อไปนี้ (1)ถ้ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 (1) ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 41วรรคหนึ่ง หรือยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 (1) ภายในกำหนดเวลาโดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิตามมาตรา 34 วรรคสอง ขาดไปเกินร้อยละ 25ของกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควรให้เสียเบี้ยปรับอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 43 ทวิหรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '62'}]",ต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระ +บริษัทใดที่ไม่ได้ชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาหรือชำระหรือนำส่งขาดจากจำนวนที่ควรต้องชำระหรือนำส่ง ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของภาษีที่ต้องชำระหรือชำระขาดหรือที่ต้องนำส่งหรือนำส่งขาด โดยไม่รวมเบี้ยปรับ หรือได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายหรือเลื่อนให้นั้น ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน เงินเพิ่มที่ต้องเสียเพิ่มนั้นหากต้องเสียเกินภาษีที่ต้องชำระจะสามารถทำได้หรือไม่,ไม่สามารถทำได้ เงินเพิ่มที่ต้องเสียเพิ่มเติมนั้น จะต้องไม่เกินจำนวนภาษีท่ีต้องชำระหรือนำส่งโดยที่ไม่รวมเบี้ยปรับ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 63 บริษัทใดมิได้ชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาตามหมวด 4 หรือหมวด 5 หรือชำระหรือนำส่งขาดจากจำนวนที่ควรต้องชำระหรือนำส่ง ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของภาษีที่ต้องชำระหรือชำระขาดหรือที่ต้องนำส่งหรือนำส่งขาด โดยไม่รวมเบี้ยปรับตามมาตรา 62 การคำนวณเงินเพิ่มดังกล่าวมิให้คิดทบต้น ในกรณีที่อธิบดีสั่งให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีตามมาตรา 5 และได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายหรือเลื่อนให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ 0.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน การคำนวณเงินเพิ่มทุกกรณีตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่งหรือวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี เว้นแต่การประเมินตามมาตรา 59 ให้เริ่มนับแต่วันสุดท้ายแห่งเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด เงินเพิ่มตามมาตรานี้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '63'}]",ไม่สามารถทำได้ +ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 64 เบี้ยปรับและเงินเพิ่มอาจงดหรือลดลงได้หรือไม่,สามารถงดหรือลดลงได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ปรากฎในกฎกระทรวง คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 64 เบี้ยปรับและเงินเพิ่มอาจงดหรือลดลงได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '64'}]",สามารถงดหรือลดลงได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ปรากฎในกฎกระทรวง +เงินเพิ่มถือว่าเป็นภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,เป็นภาษี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เพื่อให้ได้รับชำระเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ให้ถือว่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้เป็นภาษี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",เป็นภาษี +"ราคามาตราฐานมีความหมายว่าอย่างไรบทนิยามคำว่า ""เงินได้"" ""จำหน่าย"" และ ""บริษัท"" ในมาตรา 65 ตรี มีผลใช้แทนคำในมาตราใดบ้าง",มาใช้แทนมาตรา 4 ที่เป็นบทบัญญัติที่ให้นิยามคำต่างๆที่ใช้ในพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ทวิ ความในหมวดนี้ให้ใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งได้ทำสัญญาปิโตรเลียมก่อนปี พ.ศ. 2512 และได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทยก่อนปี พ.ศ. 2522 และบริษัทอื่นตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนด ให้นำบทนิยามคำว่า “เงินได้” “จำหน่าย” และ “บริษัท” ในมาตรา 65 ตรี มาใช้แทนบทนิยามของคำเหล่านั้นในมาตรา 4,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ทวิ'}]",มาใช้แทนมาตรา 4 ที่เป็นบทบัญญัติที่ให้นิยามคำต่างๆที่ใช้ในพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม +จำหน่าย ตามคำจะกัดความของพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หมายความว่าอย่างไร,การส่งปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักร ส่งปิโตรเลียมไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นปิโตรเลียมของบริษัท นำปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆ ของบริษัทโดยไม่มีการขาย หรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวง ไปโดยไม่มีค่าตอบแทน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ตรี ในหมวดนี้ “จำหน่าย” หมายความว่า ส่งปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักร ส่งปิโตรเลียมไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นปิโตรเลียมของบริษัท นำปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆ ของบริษัทโดยไม่มีการขาย หรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวง ไปโดยไม่มีค่าตอบแทน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ตรี'}]",การส่งปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักร ส่งปิโตรเลียมไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นปิโตรเลียมของบริษัท นำปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆ ของบริษัทโดยไม่มีการขาย หรือโอนปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวง ไปโดยไม่มีค่าตอบแทน +บริษัทต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราเท่าใดจากเงินกำไรที่เหลือหลังจากการชำระภาษีตามอัตราที่กำหนดสำหรับกิจการปิโตรเลียม,บริษัทจะต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินกำไรที่เหลือจากการชำระภาษีเงินไของกำไรสุทธิจากกิจการปิโตรเลียมหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรดังกล่าว หรือที่ถือว่าเป็นเงินกำไรดังกล่าว ทั้งนี้ เฉพาะจำนวนที่จำหน่ายออกนอกราชอาณาจักร คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 จัตวา บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ดังต่อไปนี้ (1)ภาษีเงินได้เป็นรายรอบระยะเวลาบัญชีในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว��าร้อยละ 35 แต่ไม่เกินร้อยละ 48 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม (2) ภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ23.08 ของเงินกำไรที่เหลือจากการชำระภาษีเงินได้ตาม (1)หรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรดังกล่าว หรือที่ถือว่าเป็นเงินกำไรดังกล่าว ทั้งนี้ เฉพาะจำนวนที่จำหน่ายออกนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีเงินได้ตาม(2) ให้ถือภาษีเงินได้ตาม (2) นั้น เป็นเงินกำไรที่จำหน่ายออกนอกราชอาณาจักรด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 จัตวา'}]",บริษัทจะต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินกำไรที่เหลือจากการชำระภาษีเงินไของกำไรสุทธิจากกิจการปิโตรเลียม +ภาษีเงินได้ที่ต้องเสียจากดอกเบี้ยเงินกู้ยืมและเงินปันผลจะต้องนำภาษีที่หักไว้ ณ ที่จ่ายมาคำนวณและหักออกจากภาษีที่ต้องเสียได้อย่างไร,ภาษีเงินได้ที่ต้องเสียจากดอกเบี้ยกู้ยืม บุคคลใดได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากบริษัทบุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยนั้นในอัตราอัตราที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังหักจากต้นทุนแล้ว และให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วมาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้ที่ต้องเสียจากการได้รับปันผล บุคคลใดได้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรจากบริษัทที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 แต่ไม่เกินร้อยละ 48 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม แต่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรส่วนที่เหลือจากการชำระภาษี บุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรนั้น และให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้ว มาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เบญจ ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียมถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปีหรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอนให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษ��เงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว บุคคลใดได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากบริษัทบุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยนั้นในอัตราตามวรรคหนึ่งและให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วตามมาตรา 45มาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย บุคคลใดได้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรจากบริษัทที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา65 จัตวา (1) แต่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตาม ตามมาตรา 65 จัตวา (2)บุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08ของเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรนั้น และให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณที่จ่ายและนำส่งแล้วตามมาตรา 45 มาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 เบญจ'}]",ภาษีเงินได้ที่ต้องเสียจากดอกเบี้ยกู้ยืม บุคคลใดได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากบริษัทบุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยนั้นในอัตราที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังหักจากต้นทุนแล้ว และให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วมาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย. สำหรับเงินปันผล บุคคลนั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรนั้น และให้นำภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้ว มาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีที่ต้องเสีย. +"บริษัทปิโตรเลียมสามารถหักค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่า, ค่าแรงงาน, ค่ารับรอง, หนี้สูญ, เงินสมทบกองทุน, ค่าชดเชย, ค่าภาคหลวง, และดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้หรือไม่",สามารถหักได้ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ฉ ภายใต้บังคับมาตรา 65 สัตตและมาตรา 65 อัฏฐรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้จำกัดอยู่เฉพาะแต่รายจ่ายที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในจำนวนไม่เกินสมควรและได้จ่ายไปทั้งหมดเฉพาะในกิจการปิโตรเลียมไม่ว่าจะจ่ายในหรือนอกราชอาณาจักรและภายในข้อจำกัดดังกล่าวให้รวมถึง (1)ค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นในการเช่าทรัพย์สิน (2) ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต (3) ค่ารับรอง (4) หนี้สูญที่จำหน่ายจากบัญชี (5) เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ (6) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุน (7) ค่าภาคหลวงไม่ว่าจะชำระเป็นตัวเงินหรือปิโตรเลียม (8)รายจ่ายของสำนักงานใหญ่เท่าที่จัดสรรได้โดยสมควรว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัท (9)ราคาทุนของทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ที่หักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนแล้วสำหรับรายได้ตามมาตรา22 (4) (10) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเฉพาะที่บริษัทพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้รับและได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยนั้นแล้วตามมาตรา 45,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ฉ'}]",สามารถหักได้ +"รายจ่ายที่ถือเป็นการลงทุน, รายจ่ายส่วนตัว, ผลเสียหายจากการประกัน, การบริจาค, และค่าปรับมีข้อกำหนดอย่างไรในเรื่องของการหักเป็นรายจ่ายสำหรับการคำนวณภาษี",ไม่ให้ถือว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในการคำนวณภาษี คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 สัตต รายการที่มิให้ถือเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้รวมถึง (1)รายจ่ายที่เป็นทุนหรือรายจ่ายในการต่อเติม เปลี่ยนแปลงขยายออกหรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน รายจ่ายที่เป็นทุนตามวรรคหนึ่งหมายความว่ารายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมโดยทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นมีผลต่อกิจการเป็นเวลาเกินหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชีและให้หมายความรวมถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 65 อัฏฐ (1) วรรคสอง และรายจ่ายตามปกติและจำเป็นที่จ่ายไปก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 65 อัฏฐ (1) วรรคสองด้วย (2) รายจ่ายที่เป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หาหรือรายจ่ายที่เป็นการบริจาค (3)ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืนเนื่องจากการประกัน หรือสัญญาคุ้มกันใด ๆ (4)รายจ่ายเพื่อตอบแทนทุนหรือทรัพย์สินของบริษัท (5)เงินสำรองหรือเงินสมทบกองทุนใด ๆ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ฉ (5) (6) ภาษีเงินได้ เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มที่บริษัทต้องเสียตามพระราชบัญญัติ���ี้หรือที่ต้องเสียในต่างประเทศ (7) รายจ่ายเพื่อกิจการหรือเพื่อประโยชน์ในการหามาซึ่งเงินได้อันไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ (8)รายจ่ายที่บริษัทพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ (9) ค่าธรรมเนียมการสงวนพื้นที่และเงินเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม (10) ค่าปรับทางอาญา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 สัตต'}]",ไม่ให้ถือว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในการคำนวณภาษี +การคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิของบริษัทต้องดำเนินการอย่างไรในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีและตามข้อกำหนดของกฎหมาย,1. กำไรสุทธิต้องคำนวณเป็นรายรอบระยะเวลาบัญชี รอบระยะเวลาบัญชีแรกให้เริ่มนับแต่วันที่บริษัทขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงเป็นครั้งแรกแต่ถ้าอธิบดีอนุมัติให้บริษัทเลือกนับแต่วันใดวันหนึ่งของเดือนเดียวกันก่อนวันที่บริษัทขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียมนั้นเป็นครั้งแรกก็ให้เริ่มนับแต่วันที่บริษัทเลือก ส่วนรอบระยะเวลาบัญชีต่อ ๆ ไป ให้เริ่มนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีก่อน รอบระยะเวลาบัญชีให้มีกำหนดสิบสองเดือนเว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้จะมีกำหนดน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ 1.1 บริษัทถือเอาวันใดวันหนึ่งเป็นวันสิ้นสุดของรอบระยะเวลาบัญชีแรก 1.2ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการปิโตรเลียม ให้ถือวันเลิกกิจการปิโตรเลียมเป็นวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี 1.3 บริษัทได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้เปลี่ยนวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีที่บริษัทโอนสิทธิใด ๆตามสัมปทานก่อนวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามวรรคสองเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิเนื่องจากการโอนสิทธิเช่นว่านั้น ให้ถือวันโอนเป็นวันแรกและวันสิ้นสุดของรอบระยะเวลาบัญชีและในระยะเวลาตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวจนถึงวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามวรรคสองให้ถือว่าไม่มีรอบระยะเวลาบัญชี 2.ภายใต้บังคับบทบัญญัติ วิธีการ หลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิของบริษัท ให้เป็นไปตามวิธีการหลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีที่เหมาะสมซึ่งใช้อยู่เป็นปกติในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม 3.ยอดเงินได้จ��กการขายปิโตรเลียมห้ถือตามราคาที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับจากการขายปิโตรเลียมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมนั้น 4. มูลค่าของปิโตรเลียมให้คำนวณตามราคาตลาด ในกรณีที่มีการส่งปิโตรเลียมไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นน้ำมันของบริษัทให้กำหนดมูลค่าของปิโตรเลียมตามวรรคหนึ่งในวันที่มีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้นและรวมเป็นเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้นในกรณีที่มีการจำหน่ายปิโตรเลียมโดยประการอื่น ให้กำหนดมูลค่าของปิโตรเลียมตามวรรคหนึ่งในเวลาที่มีการจำหน่ายและรวมเป็นเงินได้ในปีที่มีการจำหน่ายนั้น การกำหนดราคาตลาดและปริมาณของปิโตรเลียมที่จะต้องนำมูลค่ามารวมเป็นเงินได้ตามวรรคสองให้เฉลี่ยเงินได้ทั้งหมดที่ได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมหรือมูลค่าตามราคาตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมที่ส่งออกนอกราชอาณาจักรทั้งหมดแล้วแต่กรณี เป็นมูลค่าของปิโตรเลียมนั้น ทั้งนี้ตามวิธีการ หลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีที่เหมาะสมซึ่งใช้อยู่เป็นปกติในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมแต่มิให้ถือว่ามีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมดังกล่าวในรอบระยะเวลาบัญชีใดๆ หลังจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งปิโตรเลียมนั้นไปยังโรงกลั่นเว้นแต่บริษัทพิสูจน์ได้ว่ายังมิได้มีการขายหรือส่งออกซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้น 5. มูลค่าของปิโตรเลียมให้คำนวณตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมที่เกี่ยวกับการคำนวณมูลค่าปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวง 6. ถ้าบริษัทหนึ่งที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมหรือการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมเพื่อให้ได้มาซึ่งส่วนได้เสียนั้นแต่ค่าใช้จ่ายนั้นมิได้เสียให้แก่บริษัทอื่นที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานค่าใช้จ่ายดังกล่าวมิให้ถือเป็นเงินได้ของบริษัทอื่นนั้น 7. ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนให้หั��ได้เฉพาะตามประเภท อัตรา และเงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา 8. ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิตปิโตรเลียมบริษัทจะถือเป็นรายจ่ายที่เป็นทุนในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีรายจ่ายนั้นก็ได้ 9. ค่ารับรองให้หักเป็นรายจ่ายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง 10. ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้าให้ถือตามราคาทุน ถ้าราคาทุนเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเป็นเงินตราไทยเช่นเดียวกับวิธีการตามข้อ 12 ราคาทุนดังกล่าวอาจลดลงได้โดยการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนตาม ข้อ 7 แต่ห้ามมิให้ตีราคาลดลง ส่วนการตีราคาเพิ่มขึ้นให้กระทำได้เท่าที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร 11. ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีจะคำนวณตามราคาทุนก็ได้หรือจะคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาด แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่าก็ได้และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ การคำนวณราคาทุนตามวรรคหนึ่งนั้นเมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใดตามวิชาการบัญชีแล้ว ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไปเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ 12. เงินตรา หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศนั้น ในกรณีที่มิได้มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเงินตราต่างประเทศ หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องนั้นตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไปโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยรายวันที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือ��ฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป 13. เงินตราหนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศเหลืออยู่ในวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่กรณี ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขออธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป 14. การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ถ้าได้รับชำระหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้นำมาคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หนี้สูญรายใดได้นำมาคำนวณเป็นรายได้แล้วหากได้รับชำระในภายหลังก็มิให้นำมาคำนวณเป็นรายได้อีก 15. เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญจะถือเป็นรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีและต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้ (ก)กองทุนได้ตั้งไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างโดยเฉพาะ (ข)เงินกองทุนต้องแยกไว้ต่างหากให้พ้นจากการครอบครองของบริษัท (ค)เงินกองทุนจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อประโยชน์แก่กองทุนโดยเฉพาะ (ง)เงินสมทบกองทุนต้องไม่กลับคืนมาเป็นของบริษัทอีก และ (จ)เงินสมทบกองทุนต้องจ่ายตามข้อผูกพันที่มีระเบียบว่าด้วยกองทุนกำหนดไว้เป็นหนังสือ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 อัฏฐ การคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิตามหมวดนี้ ให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (1)กำไรสุทธิต้องคำนวณเป็นรายรอบระยะเวลาบัญชี รอบระยะเวลาบัญชีแรกให้เริ่มนับแต่วันที่บริษัทขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงเป็นครั้งแรกแต��ถ้าอธิบดีอนุมัติให้บริษัทเลือกนับแต่วันใดวันหนึ่งของเดือนเดียวกันก่อนวันที่บริษัทขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียมนั้นเป็นครั้งแรกก็ให้เริ่มนับแต่วันที่บริษัทเลือก ส่วนรอบระยะเวลาบัญชีต่อ ๆ ไป ให้เริ่มนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีก่อน รอบระยะเวลาบัญชีให้มีกำหนดสิบสองเดือนเว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้จะมีกำหนดน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ (ก)บริษัทถือเอาวันใดวันหนึ่งเป็นวันสิ้นสุดของรอบระยะเวลาบัญชีแรก (ข)ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการปิโตรเลียม ให้ถือวันเลิกกิจการปิโตรเลียมเป็นวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี (ค)บริษัทได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้เปลี่ยนวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีที่บริษัทโอนสิทธิใด ๆตามสัมปทานก่อนวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามวรรคสองเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิเนื่องจากการโอนสิทธิเช่นว่านั้น ให้ถือวันโอนเป็นวันแรกและวันสิ้นสุดของรอบระยะเวลาบัญชีและในระยะเวลาตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวจนถึงวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามวรรคสองให้ถือว่าไม่มีรอบระยะเวลาบัญชี (2)ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งหมวด 2 และหมวดนี้ วิธีการ หลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิของบริษัท ให้เป็นไปตามวิธีการหลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีที่เหมาะสมซึ่งใช้อยู่เป็นปกติในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม (3)ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียมตามมาตรา 22 (1)ให้ถือตามราคาที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับจากการขายปิโตรเลียมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมนั้น (4) มูลค่าของปิโตรเลียมตามมาตรา22 (2) ให้คำนวณตามราคาตลาด ในกรณีที่มีการส่งปิโตรเลียมไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อการกลั่นน้ำมันของบริษัทให้กำหนดมูลค่าของปิโตรเลียมตามวรรคหนึ่งในวันที่มีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้นและรวมเป็นเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้นในกรณีที่มีการจำหน่ายปิโตรเลียมโดยประการอื่น ให้กำหนดมูลค่าของปิโตรเลียมตามวรรคหนึ่งในเวลาที่มีการจำหน่า���และรวมเป็นเงินได้ในปีที่มีการจำหน่ายนั้น การกำหนดราคาตลาดและปริมาณของปิโตรเลียมที่จะต้องนำมูลค่ามารวมเป็นเงินได้ตามวรรคสองให้เฉลี่ยเงินได้ทั้งหมดที่ได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมหรือมูลค่าตามราคาตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมที่ส่งออกนอกราชอาณาจักรทั้งหมดแล้วแต่กรณี เป็นมูลค่าของปิโตรเลียมนั้น ทั้งนี้ตามวิธีการ หลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีที่เหมาะสมซึ่งใช้อยู่เป็นปกติในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมแต่มิให้ถือว่ามีการขายหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมดังกล่าวในรอบระยะเวลาบัญชีใดๆ หลังจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งปิโตรเลียมนั้นไปยังโรงกลั่นเว้นแต่บริษัทพิสูจน์ได้ว่ายังมิได้มีการขายหรือส่งออกซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมนั้น (5) มูลค่าของปิโตรเลียมตามมาตรา22 (3)ให้คำนวณตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมที่เกี่ยวกับการคำนวณมูลค่าปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวง (6)ถ้าบริษัทหนึ่งที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมหรือการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมเพื่อให้ได้มาซึ่งส่วนได้เสียนั้นแต่ค่าใช้จ่ายนั้นมิได้เสียให้แก่บริษัทอื่นที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานค่าใช้จ่ายดังกล่าวมิให้ถือเป็นเงินได้ของบริษัทอื่นนั้น (7) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนให้หักได้เฉพาะตามประเภท อัตรา และเงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา (8) ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิตปิโตรเลียมบริษัทจะถือเป็นรายจ่ายที่เป็นทุนในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีรายจ่ายนั้นก็ได้ (9) ค่ารับรองให้หักเป็นรายจ่ายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง (10) ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้าให้ถือตามราคาทุน ถ้าราคาทุนเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเป็นเงินตราไทยเช่นเดียวกับวิธีการตาม (12)ราคาทุนดังกล่าวอาจลดลงได้โดยการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนตาม (7)แต่ห้ามมิให้ตีราคาลดลง ส่วนการตีราคาเพิ่มขึ้นให้กระทำได้เท่าที่บัญญัติไว้ในประ��วลรัษฎากร (11)ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีจะคำนวณตามราคาทุนก็ได้หรือจะคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาด แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่าก็ได้และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ การคำนวณราคาทุนตามวรรคหนึ่งนั้นเมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใดตามวิชาการบัญชีแล้ว ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไปเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ (12) เงินตรา หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศนั้น ในกรณีที่มิได้มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเงินตราต่างประเทศ หนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องนั้นตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไปโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยรายวันที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป (13) เงินตราหนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศเหลืออยู่ในวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายในวันทำการสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่กรณี ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขออธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บ��ิษัทร้องขอแล้วให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป (14) การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ถ้าได้รับชำระหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้นำมาคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หนี้สูญรายใดได้นำมาคำนวณเป็นรายได้แล้วหากได้รับชำระในภายหลังก็มิให้นำมาคำนวณเป็นรายได้อีก (15)เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญจะถือเป็นรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 10ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีและต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้ (ก)กองทุนได้ตั้งไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างโดยเฉพาะ (ข)เงินกองทุนต้องแยกไว้ต่างหากให้พ้นจากการครอบครองของบริษัท (ค)เงินกองทุนจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อประโยชน์แก่กองทุนโดยเฉพาะ (ง)เงินสมทบกองทุนต้องไม่กลับคืนมาเป็นของบริษัทอีก และ (จ)เงินสมทบกองทุนต้องจ่ายตามข้อผูกพันที่มีระเบียบว่าด้วยกองทุนกำหนดไว้เป็นหนังสือ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 อัฏฐ'}]",1. กำไรสุทธิต้องคำนวณเป็นรายรอบระยะเวลาบัญชี โดยเริ่มนับจากวันที่บริษัทขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงเป็นครั้งแรก 2. วิธีการ หลักเกณฑ์และการปฏิบัติทางบัญชีต้องเป็นไปตามที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม 3. ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียมต้องถือตามราคาที่ได้รับ 4. มูลค่าของปิโตรเลียมต้องคำนวณตามราคาตลาด 5. มูลค่าของปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต้องคำนวณตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง 6. ค่าใช้จ่ายในการสำรวจหรือพัฒนาจะไม่ถือเป็นเงินได้ของบริษัทอื่น 7. ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนให้หักได้ตามประเภท อัตรา และเงื่อนไขที่กำหนด 8. ค่าแรงงานและค่าบริการที่ใช้ในการเจาะหรือผลิตปิโตรเลียมถือเป็นรายจ่ายที่เป็นทุน 9. ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้าให้ถือตามราคาทุน 10. ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีจะคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาด 11. เงินตราหนี้สินหรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณม���ลค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยน 12. การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้จะกระทำได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 13. เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญจะถือเป็นรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับ. +ผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถือว่าเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ของกิจการปิโตรเลียมหรือไม่,ผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ถือว่าเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ของกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 อัฏฐ/1 ในกรณีที่บริษัทตามหมวดนี้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยตามมาตรา8 การคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิของบริษัทดังกล่าวเพื่อเสียภาษีเงินได้ให้คำนวณโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้นตามมาตรา 65 อัฏฐแต่มิให้นำมาตรา 65 อัฏฐ (10) (12) และ (13) มาใช้บังคับ และให้ดำเนินการดังนี้แทน (4)ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอันเนื่องมาจากการคำนวณตามมาตรา 8/1หรือจากการคำนวณมูลค่าของเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานเป็นเงินตราไทยเพื่อชำระภาษีตามมาตรา 42มิให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 อัฏฐ'}]",ผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ถือว่าเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ของกิจการปิโตรเลียม +ในกรณีที่บริษัทมีภาษีเงินได้ที่ต้องเสียจากกิจการปิโตรเลียม บริษัทสามารถได้รับเครดิตเพื่อลดภาษีได้เครดิตเหล่านั้นมีข้อจำกัดในการใช้อย่างไรบ้าง,1. เครดิตที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด จะต้องมีจำนวนภาษีไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 แต่ไม่เกินร้อยละ 48 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม และภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินกำไรที่เหลือจากการชำระภาษีเงินได้ สำหรับกำไรที่ได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น 2. เครดิตที่จะนำมาหักในรอบระยะเวลาบัญชีใดจะต้องไม่เกินภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงิ���กำไรที่เหลือจากการชำระภาษีเงินได้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หรือไม่เกินภาษีในอัตราร้อยละ 23.08 ของเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรนั้น สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นซึ่งต้องหักไว้ ณ ที่จ่ายแล้วแต่กรณี ถ้ายังมีเครดิตเหลืออยู่ให้ยกเครดิตส่วนที่เหลือนั้นไปหักในรอบระยะเวลาบัญชีต่อ ๆ ไปได้ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 นว ในกรณีที่บริษัทมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 65 จัตวา (2)หรือมีหน้าที่หักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 45 สำหรับเงินได้ตามมาตรา 65 เบญจวรรคสาม ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้บริษัทได้รับเครดิตเพื่อหักออกจากภาษีดังกล่าวสำหรับปิโตรเลียมที่ผลิตได้เพื่อใช้ในราชอาณาจักรเป็นจำนวนเงินตามอัตรา ดังต่อไปนี้ (1) ร้อยละ 4.375 ของยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียมหรือมูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่ายหรือมูลค่าของปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวงตามมาตรา22 (1) (2) และ (3)สำหรับปิโตรเลียมที่ผลิตจากแปลงสำรวจที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ*กำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเลที่มีน้ำลึกเกิน200 เมตร (2) ร้อยละ 6.25ของยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียมหรือมูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่ายหรือมูลค่าของปิโตรเลียมที่ส่งชำระเป็นค่าภาคหลวงตามมาตรา22 (1) (2) และ (3) สำหรับปิโตรเลียมที่ผลิตจากแปลงสำรวจนอกจาก (1) การนำเครดิตมาหักจากภาษีตามวรรคหนึ่งให้อยู่ภายใต้ข้อจำกัด ดังต่อไปนี้ (1)เครดิตที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด จะต้องมีจำนวนไม่เกินภาษีตามมาตรา 65 จัตวา(1) และ (2) สำหรับกำไรที่ได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หรือภาษีตามมาตรา 65 จัตวา(1) และมาตรา 65 เบญจ วรรคสาม แล้วแต่กรณี (2) เครดิตที่จะนำมาหักในรอบระยะเวลาบัญชีใดจะต้องไม่เกินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 65 จัตวา (2) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นหรือไม่เกินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 65 เบญจ วรรคสาม สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นซึ่งต้องหักไว้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 45 แล้วแต่กรณี ถ้ายังมีเครดิตเหลืออยู่ให้ยกเครดิตส่วนที่เหลือนั้นไปหักในรอบระยะเวลาบัญชีต่อ ๆ ไปได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 นว'}]","1. เครดิตที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด จะต้องมีจำนวนไม่เกินภาษีตามม��ตรา 65 จัตวา(1) และ (2) สำหรับกำไรที่ได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หรือภาษีตามมาตรา 65 จัตวา(1) และมาตรา 65 เบญจ วรรคสาม แล้วแต่กรณี +2. เครดิตที่จะนำมาหักในรอบระยะเวลาบัญชีใดจะต้องไม่เกินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 65 จัตวา (2) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นหรือไม่เกินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 65 เบญจ วรรคสาม สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นซึ่งต้องหักไว้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 45 แล้วแต่กรณี ถ้ายังมีเครดิตเหลืออยู่ให้ยกเครดิตส่วนที่เหลือนั้นไปหักในรอบระยะเวลาบัญชีต่อ ๆ ไปได้." +ในกรณีที่บริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียมไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนด บริษัทผู้รับโอนต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในระยะเวลาใด และหากได้รับแจ้งการยื่นแบบแสดงรายการจากเจ้าพนักงานประเมินจะต้องยื่นแบบภายในระยะเวลาเท่าใด,1. หากบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียมไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในเวลาที่กำหนด และเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการนั้นต่อบริษัทผู้รับโอน บริษัทผู้รับโอนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทผู้โอนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด โดยต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม 2. การยื่นแบบแสดงที่เจ้าพนักงานประเมินสั่งให้ยื่น ต้องยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ทศ การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้สำหรับเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา65 จัตวา (1) หรือมาตรา 65 เบญจให้ยื่นภายในห้าเดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีสำหรับเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 65 จัตวา (2)ให้ยื่นภายในเจ็ดวันนับแต่วันจำหน่าย การยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 37ให้ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม การยื่นแบบแสดงรายการมาตรา 59 ให้ยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ทศ'}]",1. บริษัทผู้รับโอนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แทนบริษัทผู้โอนภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด โดยต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการไม่ยื่นแบบแสดงรายการของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม 2. การยื่นแบบแสดงที่เจ้าพนักงานประเมินสั่งให้ยื่น ต้องยื่นภายในเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนด. +หากบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนในราชอาณาจักร การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้และการชำระภาษีต้องดำเนินการอย่างไร,ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มีหน้าที่เสียภาษี และไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เอกาทศ ถ้ามีภาษีต้องเสียให้บริษัทที่มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามหมวด 3ชำระภาษีภายในห้าเดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้เว้นแต่ในกรณีการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้สำหรับภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 65 จัตวา(2) ให้ชำระภาษีภายในเจ็ดวันนับแต่วันจำหน่ายพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ในกรณีตามมาตรา 35 วรรคสอง ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 เอกาทศ'}]",ในกรณีที่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มีหน้าที่เสียภาษี และไม่มีกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ทำกิจการแทนบริษัทที่อยู่ในราชอาณาจักรในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้อันต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมมีหน้าที่ยื่นแทนบริษัท ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้มีหน้าที่ชำระภาษีร่วมกับบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศด้วย +บริษัทที่จำกัดแล���นิติบุคคลที่มีลักษณะเช่นเดียวกับบริษัทจำกัด ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษีอากร เว้นแต่เงินได้ประเภทใดที่ไม่สามารถได้รับยกเว้นภาษีอากร,1. เงินได้ที่บริษัทได้จากกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียม 2. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่บุคคลใดได้รับจากบริษัท คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ทวาทศ บทบัญญัติมาตรา 12 มิให้นำมาใช้บังคับแก่ (1)เงินได้ที่บริษัทได้จากกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียม (2)ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่บุคคลใดได้รับจากบริษัท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ทวาทศ'}]",1. เงินได้ที่บริษัทได้จากกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียม 2. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่บุคคลใดได้รับจากบริษัท +ในกรณีที่บริษัทมีรายจ่ายซึ่งเป็นทั้งของกิจการอื่นและกิจการปิโตรเลียมรวมกันให้แบ่งเฉลี่ยรายจ่ายตามส่วนระหว่างกิจการอื่นและกิจการปิโตรเลียม ให้ปฏิบัติอย่างไร,ให้บริษัทปฏิบัติตามระเบียบการจัดแบ่งเฉลี่ยรายจ่ายระหว่างกิจการต่างๆ ตามที่อธิบดีได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว มูลค่าของปิโตรเลียมตามมาตรา 22(2) ซึ่งบริษัทนำไปใช้ในกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียมในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิตามประมวลรัษฎากรสำหรับเงินได้จากกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียมในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นได้ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เตรส ... ในกรณีที่บริษัทมีรายจ่ายซึ่งเป็นทั้งของกิจการอื่นและกิจการปิโตรเลียมรวมกันให้แบ่งเฉลี่ยรายจ่ายตามส่วนระหว่างกิจการอื่นและกิจการปิโตรเลียม ให้บริษัทปฏิบัติตามระเบียบการจัดแบ่งเฉลี่ยรายจ่ายระหว่างกิจการต่างๆ ตามที่อธิบดีได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว มูลค่าของปิโตรเลียมตามมาตรา 22(2) ซึ่งบริษัทนำไปใช้ในกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียมในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิตามประมวลรัษฎากรสำหรับเงินได้จากกิจการอื่นนอกจากกิจการปิโตรเลียมในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี���ม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 เตรส'}]",ให้บริษัทปฏิบัติตามระเบียบการจัดแบ่งเฉลี่ยรายจ่ายระหว่างกิจการต่างๆ ตามที่อธิบดีได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว +ในการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สำหรับบริษัทที่ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วม คำนิยามและข้อบังคับใดที่ไม่ต้องนำมาใช้,สำหรับบริษัทที่ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วมตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ไม่ต้องนำคำนิยาม “ราคามาตรฐาน” ในมาตรา 4 และความในมาตรา 18 มาใช้บังคับ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 จตุทศ ความในหมวดนี้ให้ใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วม ให้นำบทนิยามคำว่า “ปิโตรเลียม” “กิจการปิโตรเลียม” “เงินได้” “จำหน่าย” “ค่าภาคหลวง” และ “บริษัท” ในมาตรา 65 ปัณรสมาใช้แทนบทนิยามของคำเหล่านั้นในมาตรา 4 และให้นำความในมาตรา 65 โสฬส มาตรา 65สัตตรส มาตรา 65 อัฏฐารส มาตรา 65 เอกูนวีสติ มาตรา 65 วีสติ และมาตรา 65 เอกวีสติมาใช้บังคับแทนความในมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 25 และมาตรา 26ตามลำดับ สำหรับบริษัทตามวรรคหนึ่ง มิให้นำคำนิยาม “ราคามาตรฐาน” ในมาตรา 4 และความในมาตรา 18 มาใช้บังคับกับบริษัทตามวรรคหนึ่ง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",ไม่ต้องนำคำนิยาม “ราคามาตรฐาน” ในมาตรา 4 และความในมาตรา 18 มาใช้บังคับ +พื้นที่พัฒนาร่วม ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 คือองค์กรใด,“พื้นที่พัฒนาร่วม” หมายความว่า“พื้นที่พัฒนาร่วมตามพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย พ.ศ. 2533 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ปัณรส ในหมวดนี้ “พื้นที่พัฒนาร่วม” หมายความว่า“พื้นที่พัฒนาร่วมตามพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย พ.ศ. 2533,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ปัณรส'}]",“พื้นที่พัฒนาร่วม” หมายความว่า“พื้นที่พัฒนาร่วมตามพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย พ.ศ. 2533 +อัตราการคำนวณภาษีตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 คือเท่าใด,ตามรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทได้นำส่ง โดย รอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปดร้อยละ 0 รอบระยะเวลาบัญชีที่เก้าถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่สิบห้าร้อยละ 10 รอบระยะเวลาบัญชีที่สิบหกเป็นต้นไปร้อยละ 20 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 โสฬส บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้เป็นรายรอบระยะเวลาบัญชีในอัตราดังต่อไปนี้ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม รอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปดร้อยละ 0 รอบระยะเวลาบัญชีที่เก้าถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่สิบห้าร้อยละ 10 รอบระยะเวลาบัญชีที่สิบหกเป็นต้นไปร้อยละ 20,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 โสฬส'}]",รอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปดร้อยละ 0 รอบระยะเวลาบัญชีที่เก้าถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่สิบห้าร้อยละ 10 รอบระยะเวลาบัญชีที่สิบหกเป็นต้นไปร้อยละ 20 +ในการโอนกิจการปิโตรเลียมถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปีหรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้นโดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องชำระภาษีในอัตราร้อยละ 0 ตามบทบัญญัติเฉพาะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,ในกรณีที่มีการโอนในรอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปด คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 สัตตรส ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียมถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปีหรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้นโดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอนให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราดังต่อไปนี้ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา33 แล้ว ในกรณีที่มีการโอนในรอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปดร้อยละ 0,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 สัตต'}]",ในกรณีที่มีการโอนในรอบระยะเวลาบัญชีแรกถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่แปด ร้อยละ 0 +ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียม ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน สามารถนำมาคำนวณกำไรสุทธิ ตามบทบัญญัติเฉพาะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ได้หรือไม่,ไม่ได้ เรื่องจากตามบทบัญญัติเฉพาะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ให้นำยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน มาคำนวณได้เท่านั้น คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 อัฏฐารส การคำนวณกำไรสุทธิให้นำเอาจำนวนดังต่อไปนี้มารวมเป็นรายได้ (1) ยอดเงินได้จากการขายปิโตรเลียม (2)มูลค่าของปิโตรเลียมที่จำหน่าย (3)ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน (4)ยอดเงินได้อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 อัฏฐ'}]",ไม่ได้ +ตามบทบัญญัติเฉพาะะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 รายจ่ายปกติและจำเป็น มีความหมายรวมถึงรายจ่ายประเภทใดบ้าง,(1)ค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นในการเช่าทรัพย์สิน (2) ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต (3) ค่ารับรอง (4) หนี้สูญที่จำหน่ายจากบัญชี (5)เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ (6) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุน (7) รายจ่ายของสำนักงานใหญ่เท่าที่จัดสรรได้โดยสมควรว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัทและรายจ่ายเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมที่เรียกเก็บโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน (8)ราคาทุนของทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ที่หักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนแล้วสำหรับรายได้ที่เป็นยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เอกูนวีสติ ภายใต้บังคับมาตรา 65 วีสติ และมาตรา 65เอกวีสติรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้จำกัดอยู่เฉพาะแต่รายจ่ายที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในจำนวนไม่เกินสมควรและได้จ่ายไปทั้งหมดเฉพาะในกิจการปิโตรเลียม ไม่ว่าจะจ่า���ในหรือนอกราชอาณาจักรและภายในข้อจำกัดดังกล่าวให้รวมถึง (1)ค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นในการเช่าทรัพย์สิน (2) ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต (3) ค่ารับรอง (4) หนี้สูญที่จำหน่ายจากบัญชี (5)เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ (6) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุน (7) รายจ่ายของสำนักงานใหญ่เท่าที่จัดสรรได้โดยสมควรว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัทและรายจ่ายเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมที่เรียกเก็บโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน (8)ราคาทุนของทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ที่หักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนแล้วสำหรับรายได้ตามมาตรา 65 อัฏฐารส (3) พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 อัฏฐารส การคำนวณกำไรสุทธิให้นำเอาจำนวนดังต่อไปนี้มารวมเป็นรายได้ (3)ยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 เอกูนวีสติ'}]",(1) ค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นในการเช่าทรัพย์สิน (2) ค่าแรงงาน ค่าบริการค่าวัสดุสิ้นเปลืองและรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต (3) ค่ารับรอง (4) หนี้สูญที่จำหน่ายจากบัญชี (5) เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ (6) ค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุน (7) รายจ่ายของสำนักงานใหญ่เท่าที่จัดสรรได้โดยสมควรว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัทและรายจ่ายเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมที่เรียกเก็บโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน (8) ราคาทุนของทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ที่หักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนแล้วสำหรับรายได้ที่เป็นยอดเงินได้เนื่องจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมซึ่งอาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน. +ตามบทบัญญัติเฉพาะเขตพืนที่พัฒนาร่วม รายการเงินสำรองหรือเงินสมทบกองทุนใดที่ให้ถือว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและรายจ่ายที่จำเป็นมีอะไรบ้าง,เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็���บำนาญ คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 วีสติ รายการที่มิให้ถือเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้รวมถึง (1)รายจ่ายที่เป็นทุนหรือรายจ่ายในการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออกหรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน รายจ่ายที่เป็นทุนตามวรรคหนึ่งหมายความว่ารายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมโดยทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นมีผลต่อกิจการเป็นเวลาเกินหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชีและให้หมายความรวมถึงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 65เอกวีสติ (1) วรรคสองและรายจ่ายตามปกติและจำเป็นที่จ่ายไปก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 65 เอกวีสติ(1) วรรคสอง ด้วย (2) รายจ่ายที่เป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หา หรือรายจ่ายที่เป็นการบริจาค (3)ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืนเนื่องจากการประกัน หรือสัญญาคุ้มกันใด ๆ (4)รายจ่ายเพื่อตอบแทนทุนหรือทรัพย์สินของบริษัท (5)เงินสำรองหรือเงินสมทบกองทุนใด ๆ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 เอกูนวีสติ (5) (6) ภาษีเงินได้ เบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่บริษัทต้องเสียตามพระราชบัญญัตินี้ หรือที่ต้องเสียในต่างประเทศ (7)รายจ่ายเพื่อกิจการหรือเพื่อประโยชน์ในการหามาซึ่งเงินได้อันไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ (8)รายจ่ายที่บริษัทพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ (9) ดอกเบี้ย (10) ค่าปรับทางอาญา (11) ค่าภาคหลวงสำหรับปิโตรเลียมไม่ว่าจะชำระเป็นตัวเงินหรือปิโตรเลียม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เอกูนวีสติ ภายใต้บังคับมาตรา 65 วีสติ และมาตรา 65เอกวีสติรายจ่ายตามปกติและจำเป็นให้จำกัดอยู่เฉพาะแต่รายจ่ายที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในจำนวนไม่เกินสมควรและได้จ่ายไปทั้งหมดเฉพาะในกิจการปิโตรเลียม ไม่ว่าจะจ่ายในหรือนอกราชอาณาจักรและภายในข้อจำกัดดังกล่าวให้รวมถึง (5)เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ +ในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิของบริษัทตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ควรใช้หลักเกณฑ์ใดในการคำนวณราคาสินค้าคงเหลือและราคาทรัพย์สินอื่น,ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสามารถคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่จะต่ำกว่าก็ได้ และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันตลอดไปเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้าให้ถือที่ราคาทุน และถ้าราคาทุนเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้คำนวณเป็นเงินตราไทยตามวิธีการบัญชีที่เหมาะสม คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เอกวีสติ การคำนวณรายได้รายจ่าย และกำไรสุทธิตามหมวดนี้ ให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (9)ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีจะคำนวณตามราคาทุนก็ได้หรือจะคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่าก็ได้และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ การคำนวณราคาทุนตามวรรคหนึ่งนั้นเมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใดตามวิธีการบัญชีแล้ว ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสามารถคำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่จะต่ำกว่าก็ได้ และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันตลอดไปเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจากสินค้าให้ถือที่ราคาทุน และถ้าราคาทุนเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้คำนวณเป็นเงินตราไทยตามวิธีการบัญชีที่เหมาะสม. +สำหรับบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินตราสกุลที่ไม่ใช่เงินตราไทยในการดำเนินงาน จะมีวิธีการคำนวณมูลค่าของเงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นอย่างไรเมื่อได้รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี,มูลค่าของเงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการด��เนินงานให้คำนวณเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราสกุลนั้น ถ้ามิได้มีการซื้อขาย ให้คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไป โดยอาจได้รับอนุมัติให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนอื่นที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์บัญชีได้ตามการประกาศของรัฐมนตรี คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เอกวีสติ/1 ในกรณีที่บริษัทซึ่งได้ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วมตามหมวดนี้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานซึ่งมิใช่เงินตราไทยตามมาตรา 8 การคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิของบริษัทดังกล่าวเพื่อเสียภาษีเงินได้ ให้คำนวณโดยใช้เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้นตามมาตรา 65 เอกวีสติ แต่มิให้นำมาตรา 65 เอกวีสติ (8) (10) และ (11) มาใช้บังคับ และให้ดำเนินการดังนี้แทน (2) เงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณมูลค่าเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานนั้น ในกรณีที่มิได้มีการซื้อขายเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานให้คำนวณเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงาน หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องนั้นตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไป โดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยรายวันที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทร้องขอ อธิบดีอาจอนุมัติให้คำนวณโดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้บริษัทใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทร้องขอแล้ว ให้บริษัทถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป,"[{'law': '���ระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",มูลค่าของเงินตรา หนี้สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่มีมูลค่าเป็นเงินตราสกุลอื่นที่มิใช่เงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานให้คำนวณเป็นเงินตราสกุลที่ใช้ในการดำเนินงานตามอัตราที่ได้ซื้อขายเงินตราสกุลนั้น ถ้ามิได้มีการซื้อขาย ให้คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยในรอบระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนเดือนที่ได้รับมาหรือจ่ายไป โดยอาจได้รับอนุมัติให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนอื่นที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์บัญชีได้ตามการประกาศของรัฐมนตรี. +"ถ้าบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต้องใช้ความในมาตรา 65 โสฬส, มาตรา 65สัตตรส, และมาตรา 65 เอกวีสติ (14) เพื่อการปฏิบัติตามบทบัญญัติเฉพาะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม ควรนำความในมาตราใดมาบังคับใช้แทน","ให้นำความในมาตรา 65 จตุวีสติ, มาตรา 65 ปัญจวีสติ, และมาตรา 65 ฉัพพีสติ มาใช้บังคับแทนตามลำดับ คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ทวาวีสติ ให้นำบทบัญญัติในหมวด 7 ตรีบทบัญญัติเฉพาะเขตพื้นที่พัฒนาร่วม แห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่บริษัทตามมาตรา 65 เตวีสติ เว้นแต่ (1) บทนิยามคำว่า “ปิโตรเลียม” “บริษัท” และ “สัญญาแบ่งปันผลผลิต” ในมาตรา 65 ปัณรส ให้นำบทนิยามของคำเหล่านั้นในมาตรา65 เตวีสติ มาใช้บังคับแทน (2) ความในมาตรา 65 โสฬส มาตรา 65สัตตรส และมาตรา 65 เอกวีสติ (14) ให้นำความในมาตรา 65 จตุวีสติ มาตรา 65ปัญจวีสติ และมาตรา 65 ฉัพพีสติ มาใช้บังคับแทน ตามลำดับ","[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]","ให้นำความในมาตรา 65 จตุวีสติ, มาตรา 65 ปัญจวีสติ, และมาตรา 65 ฉัพพีสติ มาใช้บังคับแทนตามลำดับ" +ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม บริษัทมีความหมายว่าอย่างไร,“บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบส่วนที่เป็นของรัฐ หรือน้ำมันดิบส่วนใด ๆที่เป็นของผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 เ���วีสติ ในหมวดนี้ “บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบส่วนที่เป็นของรัฐ หรือน้ำมันดิบส่วนใด ๆที่เป็นของผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",“บริษัท” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่ง (1)เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตหรือมีส่วนได้เสียร่วมกันในสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ (2) ซื้อน้ำมันดิบที่บริษัทตาม(1) เป็นผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบส่วนที่เป็นของรัฐ หรือน้ำมันดิบส่วนใด ๆที่เป็นของผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพื่อส่งน้ำมันดิบนั้นทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร +ตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเมื่อไหร่,ตามรอบระยะเวลาบัญชี ในอัตราร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 จตุวีสติ ให้บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้เป็นรายรอบระยะเวลาบัญชีในอัตราร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",ตามรอบระยะเวลาบัญชี ในอัตราร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม +ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำ จากการโอนกิจการปิโตรเลียม ไม่ไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน จะต้องเสียภาษีในอัตราเท่าใด,ในอัตราร้อยละยี่สิบของเงินได้หลังจากหักต้นทุนออกจากเงินได้แล้ว คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ปัญจวีสติ ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละยี่สิบของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว พระราชบัญญัติภาษีเงิ��ได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 33 การหักต้นทุนจากเงินได้ตามมาตรา 21 ให้หักได้เพียงเท่าผลขาดทุนประจำปีคงเหลือตามมาตรา 28 (1) ของบริษัทผู้โอนกิจการปิโตรเลียม ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65'}]",ในอัตราร้อยละยี่สิบของเงินได้หลังจากหักต้นทุนออกจากเงินได้แล้ว +เมื่อบริษัทต้องคำนวณรายได้และรายจ่ายสำหรับแปลงสำรวจที่ไม่สามารถแยกกันได้อย่างชัดแจ้งตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ควรดำเนินการอย่างไร,หากรายได้และรายจ่ายรายการใดไม่สามารถแยกกันได้อย่างชัดแจ้ง บริษัทให้เฉลี่ยรายได้และรายจ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง คำอธิบาย : พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 65 ฉัพพีสติ ในกรณีที่บริษัทเป็นผู้ได้รับสัมปทานหรือผู้ได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต แล้วแต่กรณี สำหรับแปลงสำรวจหลายแปลง โดยแปลงสำรวจบางแปลงอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2541 หรือบางแปลงอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2541 ให้บริษัทดังกล่าวคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ สำหรับแปลงสำรวจที่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้น ๆ และแปลงสำรวจที่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2560 เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน การคำนวณรายได้และรายจ่ายสำหรับแปลงสำรวจตามวรรคหนึ่ง ถ้ารายได้และรายจ่ายรายการใดไม่สามารถแยกกันได้อย่างชัดแจ้ง ให้เฉลี่ยรายได้และรายจ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '65 ฉ'}]",หากรายได้และรายจ่ายรายการใดไม่สามารถแยกกันได้อย่างชัดแจ้ง บริษัทให้เฉลี่ยรายได้และรายจ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง +การน��เสนอพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี มีความผิดตาม ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,ไม่มีความผิดเนื่องจาก จะมีความผิดก็ต่อเมื่อ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 66 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ให้ถ้อยคำเท็จ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง หรือกระทำการใด ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่สามพันบาทถึงสองแสนบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '66'}]",ไม่มีความผิดเนื่องจาก จะมีความผิดก็ต่อเมื่อ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี +บุคคลที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียหรือการนำส่งภาษี มีควาผิดตาทพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,มีความผิดตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 67 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 67 ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียหรือการนำส่งภาษี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '67'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 67 +ในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง ที่อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานตรวจค้นหรือยึดบัญชี ในช่วงระยะเวลาใดก็ได้ แต่ถูกขัดขวางจากผู้ได้รับหนังสือ ถือว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ได้รับหนังสือแจ้งมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 68 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 6 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นใดซึ่งเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียมหรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายดังกล่าว การตรวจค้นหรือยึดตามวรรคหนึ่งให้กระทำในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของผู้ถูกตรวจค้นหรือถูกยึด เว้นแต่การตรวจค้นหรือยึดในเวลาดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ จะกระทำต่อไปก็ได้ หรือในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง อธิบดีจะออกคำสั่งให้ตรวจค้นหรือยึดในเวลาใด ๆ ก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '68'}]",มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 68 +บริษัทที่ได้รับหนังสือจากอธิบดีให้นำญชี หลักฐาน รายงาน หรือแจ้งข้อความใด ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัท มาแสดง แต่นำมาภายหลังกรอบระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 69 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 69 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีตามมาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 7 ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้บริษัทแสดงบัญชี หลักฐาน รายงาน หรือแจ้งข้อความใด ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมของบริษัท คำสั่งตามวรรคหนึ่งจะให้ปฏิบัติก่อนรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '69'}]",มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 69 +ในกรณีที่อธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จัดการแปลบรรดาบัญชี หลักฐาน รายงานเป็นภาษาไทย และนำส่ง แต่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีนำส่งเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศที่ยังไม่มีการแปลภายในระยะเวลาทื่กำหนด ถือว่ามีควาผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 70 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 70 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 9 บรรดาบัญชี หลักฐาน รายงาน และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ หรือซึ่งอธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าเกี่ยวกับรายได้และรายจ่ายของกิจการปิโตรเลียม ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศ อธิบดีหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เสร็จภายในเวลาอันสมควรได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '70'}]",มีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 70 +ในกรณีใดที่เจ้าพนักงานโดยหน้าที่ราชการได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูลดังกล่าวไปบอกกล่าวกับบุคคลภายนอก ไม่ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,กรณีที่เจ้าพนักงานโดยหน้าที่ราชการได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 11 เจ้าพนักงานผู้ใดโดยหน้าที่ราชการได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใดหรือทำให้เป็นที่ล่วงรู้แก่ผู้อื่นโดยวิธีใด ๆ เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '71'}]",กรณีที่เจ้าพนักงานโดยหน้าที่ราชการได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษี หรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย +เอกสารใดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ที่บังคับให้ผู้เสียภาษีหรือผู้ทำการแทนทำตามระเบียบหรือข้อบังคับ มิเช่นนั้นถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่,บัญชี หลักฐาน รายงาน หรือทำการใด ๆ ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและการเสียภาษี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 72 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับตามมาตรา 16 (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 16 ให้อธิบดีมีอำนาจ (1) กำหนดแบบแสดงรายการและแบบพิมพ์อื่น ( 2) แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานอื่น (3) กำหนดระเบียบหรือข้อบังคับให้ผู้เสียภาษีหรือผู้ทำการแทนทำบัญชี หลักฐาน รายงาน หรือทำการใด ๆ ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและการเสียภาษี การแต่งตั้งเจ้าพนักงานตาม (2) และการกำหนดระเบียบหรือข้อบังคับตาม (3) ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '72'}]",บัญชี หลักฐาน รายงาน หรือทำการใด ๆ ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและการเสียภาษี +บุคคลใดมีหน้าที่ส่งสำเนาแผนการผลิตปิโตรเลียม ผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และงบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปีดังกล่าวต่ออธิบดี ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,บริษัทซึ่งมีหน้าที่ยื่นแผนการผลิตปิโตรเลียม รายงานผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และเสนองบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปี คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 72/1 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 18/1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 18/1 ให้บริษัทซึ่งมีหน้าที่ยื่นแผนการผลิตปิโตรเลียม รายงานผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และเสนองบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปี ตามมาตรา 42 ทวิ มาตรา 76 และมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ต้องส่งสำเนาแผนการผลิตปิโตรเลียม ผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และงบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปีดังกล่าวต่ออธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีก���ร และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '72/1'}]",บริษัทซึ่งมีหน้าที่ยื่นแผนการผลิตปิโตรเลียม รายงานผลการประกอบกิจการปิโตรเลียม แผนงานและงบประมาณประจำปี และเสนองบบัญชีค่าใช้จ่ายและงบการเงินประจำปี +เงินใดที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ​ที่จ่ายไม่ดำเนินการถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514,เงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนกิจการปิโตรเลียม คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 73 ผู้ใดไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งตนมีหน้าที่หักตามมาตรา 45 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 45 ให้บริษัทซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 21 มีหน้าที่ (1) หักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายทุกคราวที่จ่ายเงินได้นั้นในอัตราตามมาตรา 21 (2) ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย (3) นำส่งภาษีที่ต้องหักตาม (1) การหักภาษีตาม (1) ให้คำนวณหักตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 21 ในกรณีที่มีการโอนกิจการปิโตรเลียม ถ้าบริษัทผู้รับโอนจ่ายเงินได้ที่เป็นเงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนนั้น โดยเงินดังกล่าวไม่อาจกำหนดจำนวนทั้งสิ้นได้แน่นอน ให้บุคคลซึ่งได้รับเงินได้นั้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินได้หลังจากหักต้นทุนตามมาตรา 33 แล้ว,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '73'}]",เงินค่าสิทธิ เงินปี หรือเงินได้ประจำเนื่องจากการโอนกิจการปิโตรเลียม +บุคคลใดมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514เมื่อไม่นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย,ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 74 ผู้ใดมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หักภาษีไว้แล้วละเลยไม่นำส่งตามหมวด 5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '74'}]",ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่���ย +หากไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินเพื่อมาให้ถ้อยคำ ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 75 หรือไม่,มีความผิดตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 75 คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 75 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควรไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินที่ออกตามมาตรา 58 หรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจไต่สวน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 58 ในการดำเนินการตามมาตรา 56 หรือมาตรา 57 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ (1) ออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกหมายเรียกพยานมาให้ถ้อยคำ (2) ออกคำสั่งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้หรือแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายและออกคำสั่งให้พยานตอบคำถามเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีหลักฐาน รายงานหรือเอกสารอื่นอันควรแก่กรณีมาตรวจสอบไต่สวน ทั้งนี้ ต้องให้เวลาแก่ผู้รับหมายเรียกหรือคำสั่งไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียกหรือคำสั่งนั้น,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '75'}]",มีความผิดตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 75 +หากผู้ถือหุ้นของนั้นๆได้สั่งการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำบุคคล ถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากรหรือไม่,ไม่มีความผิด ยกเว้นในกรณีที่หุ้นส่วนบริษัทนั้นๆเป็นกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทนั้น หรือมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้บริษัทนั้นกระทำความผิด คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 76 ในกรณีที่บริษัทใดกระทำความผิด ถ้าการกระทำความผิดของบริษัทนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและ��ะเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้บริษัทนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '76'}]",ไม่มีความผิด ยกเว้นในกรณีที่หุ้นส่วนบริษัทนั้นๆเป็นกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทนั้น หรือมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้บริษัทนั้นกระทำความผิด +ในกรณีที่อธิบดีเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรต้องรับโทษถึงจำคุก ผู้ต้องหาต้องชำระค่าประบภายในกี่วัน หากไม่ชำระค่าปรับตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ยินยอมจะเกิดผลอย่างไร,ภายใน 30 วัน ถ้าชำระจะส่งผลให้คดีนั้นเป็นอันสิ้นสุด แต่ถ้าในกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป คำอธิบาย พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 มาตรา 77 ความผิดตามมาตรา 67 ถึงมาตรา 70 และมาตรา 72 ถึงมาตรา 76 ถ้าอธิบดีเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรต้องรับโทษถึงจำคุก ให้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนดค่าปรับได้ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวัน คดีนั้นเป็นอันเสร็จเด็ดขาด ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514', 'sections': '77'}]",ภายใน 30 วัน ถ้าชำระจะส่งผลให้คดีนั้นเป็นอันสิ้นสุด แต่ถ้าในกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป +ผู้ใดเป็นผู้มีอำนาจรับผิดชอบในการดำเนินกิจการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '23'}]",เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ +หนังสือที่บริษัทมหาชนต้องส่งให้พวกกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ส่งทางเมลไ��้ไหม,ได้ แต่ หากบุคคลที่เป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้นหรือคนอื่นที่ต้องได้หนังสือสำคัญต้องแจ้งความประสงค์หรือยินยอมให้ส่งหนังสือหรือเอกสารโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่นอีเมล ไลน์ ไว้ก่อนว่าให้บริษัทหรือคณะกรรมการอาจส่งหนังสือหรือเอกสารนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนกำหนด ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 7/1,"[{'law': 'พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535', 'sections': '7/1'}]",ได้ แต่ หากบุคคลที่เป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้นหรือคนอื่นที่ต้องได้หนังสือสำคัญต้องแจ้งความประสงค์หรือยินยอมให้ส่งหนังสือหรือเอกสารโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่นอีเมล ไลน์ ไว้ก่อนว่าให้บริษัทหรือคณะกรรมการอาจส่งหนังสือหรือเอกสารนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนกำหนด ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 7/1 +ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ เสียค่าปรับได้ไหม,ได้ ไม่โดนคดีอาญา เป็นการเปรียบเทียบปรับ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการเปรียบเทียบซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ให้มีจำนวนสามคนและคนหนึ่งต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ไม่เกิน 30 วันแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558', 'sections': '91'}]",ได้ ไม่โดนคดีอาญา เป็นการเปรียบเทียบปรับ +หากทรัพย์สินของลูกค้ามีไม่เพียงพอกับหนี้ที่ลูกค้ามีอยู่ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องทำอย่างไร,ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการหรือในคดีล้มละลายของลูกค้าสำหรับหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 40 ในการดำเนินการตามมาตรา 37 หากทรัพย์สินของลูกค้ามีไม่เพียงพอกับหนี้ที่ลูกค้ามีอยู่กับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการหรือในคดีล้มละลายของลูกค้าสำหรับหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้ ทั้งนี้ ต้องยื่นขอรับชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 90/26 หรือมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้วแต่กรณี,"[{'law': 'พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546', 'sections': '40'}]",ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการหรือในคดีล้มละลายของลูกค้าสำหรับหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้. +พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้ใช้บังคับเมื่อใด,เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป,"[{'law': 'พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542', 'sections': '2'}]",เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป +ใครกำหนดว่าธุรกิจใดเป็นธุรกิจหลักทรัพย์,คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจประกาศกำหนดให้การประกอบกิจการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งไม่เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา4/1 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจประกาศกำหนดให้การประกอบกิจการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งไม่เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '4/1'}]",คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีอำนาจประกาศกำหนดให้การประกอบกิจการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งไม่เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 +ผู้ขนส่งสามารถหักเงินค่าระวางพาหนะและค่าอุปกรณ์จากการเอาของออกขายทอดตลาด ได้หรือไม่,ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 632 เมื่อเอาของออกขายทอดตลาดแล้วได้เงินจำนวนสุทธิเท่าใด ให้ผู้ขนส่งหักเอาไว้เป็นเงินค่าระวางพาหนะและค่าอุปกรณ์ ถ้าและยังมีเงินเหลืออยู่อีกเท่าใดต้องส่งมอบให้แก่บุคคลผู้ควรที่จะได้เงินนั้นโดยพลัน,"[{'law': 'ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์', 'sections': '632'}]",ได้ +ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ประกอบธุรกิจที่ต้องขออนุญาตอยู่ก่อนที่จะมีการประกาศใช้กฎหมาย ต้องดำเนินการอย่างไร,หากจะดำเนินกิจการต่อไป ให้ยื่นคำขออนุญาตภายใน 90 วันนับแต่วันที่กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 100 ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับและเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพระราชกำหนดนี้ หากจะดำเนินกิจการต่อไปให้ยื่นคำขออนุญาตตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้มีผลใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขออนุญาตแล้ว ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต,"[{'law': 'พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561', 'sections': '100'}]",ให้ยื่นคำขออนุญาตภายใน 90 วันนับแต่วันที่กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ +พนักงานที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต้องเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบในช่วงเวลาใด,ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น แต่ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นก็ได้ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 264 ระบุช่วงเวลาในการดำเนินการดังกล่าวของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าต้องเป็นในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นก็ได้,"[{'law': 'พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535', 'sections': '264'}]",ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น แต่ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทำการของสถานที่นั้นก็ได้ +บริษัทจำกัดใดออกใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือโดยฝ่าฝืนกฎหมายมีโทษอย่างไร,มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499', 'sections': '9'}]",มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท +ผู้ใดมีอำนาจกำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา หรือเงื่อนไขเพื่อให้นายจ้างหรือลูกจ้างหยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 10/1 ในกรณีที่มีวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจกำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา หรือเงื่อนไขต่าง ๆเพื่อให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้คราวละไม่เกิน 1 ปี และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดด้วย,"[{'law': 'พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530', 'sections': '10/1'}]",รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง